Page 156 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

บทบาทของพ่อแม่

3 บทบาทของพ่อแม่ สิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกยุคนี้โดย พ่อเอก

การเป็นพ่อแม่สมัยนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเลี้ยงลูกมากมาย แต่โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ก็มีส่วนสร้างสังคมที่มีสารพัดความรุนแรง บทบาทของพ่อแม่ จึงต้องสอนลูกให้รู้จักหลีกห่างจากอันตราย สอนการป้องกันตัว ไปจนถึงการเตรียมพร้อมให้ลูกเติบโตพร้อมที่จะเผชิญกับความเป็นจริงของโลกเมื่อลูกเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข

3 บทบาทของพ่อแม่ สิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกยุคใหม่

1. ไม่ทำให้ลูกมีทัศนคติที่แย่ต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

ผมได้อ่านเจอบทความที่น่าสนใจว่า การที่จะสอนให้ลูกเห็นว่า โลกที่ลูกจะต้องเผชิญเป็นอย่างไรนั้น ก็จะต้องมีความระมัดระวัง และสอนในวัยและเวลาที่เหมาะสม เพราะการที่เราทำให้ลูกรู้สึกว่า โลกที่ต้องเติบโตมาช่างไม่น่าอภิรมย์นั้น ก็จะทำให้ลูกไม่อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะมองเห็นภาพว่า การเป็นผู้ใหญ่ไม่เห็นจะดีตรงไหน ดังนั้น ภาษาในการที่จะดุลูกหรือสอนลูกก็ต้องระมัดระวัง อย่าให้ลูกต้องแบกรับความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ไว้บนบ่าก่อนวัยอันควร เช่น

  • ปลุกลูกไปโรงเรียนแล้วลูกไม่อยากตื่น เราอาจจะหลุดคำพูดว่า “โตขึ้นมานึกหรือว่าเจ้านายที่ทำงานเค้าจะยอมให้ไปทำงานสาย โตขึ้นมาแล้วจะรู้สึก”
  • หรือ การพยายามสอนให้ลูกประหยัดด้วยคำพูดว่า “ไว้หาเงินเองเถอะแล้วจะรู้ว่ามันไม่สนุกนักหรอกนะ”
  • หรือ จะสอนให้ตั้งใจเรียนด้วยคำพูดว่า “เรียนแย่แบบนี้ คิดหรอว่าจะมีมหาวิทยาลัยที่ไหนรับเข้าไปเรียน”

คำพูดแนวนี้จะทำให้เด็กคิดว่าการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ดีเลย และโลกนี้น่าหดหู่เหลือเกิน ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่า การสอนลูกในเรื่องเหล่านั้นไม่ถูกต้อง เพียงแต่ควรใช้คำพูดเชิงบวกแทนที่จะเป็นคำพูดเชิงลบตามที่ยกตัวอย่างมา

พาลูกเที่ยวทะเล

2. เป็นผู้ใหญ่ที่ลูกอยากจะทำตาม และอยากเป็นแบบเรา

นอกจากจะมีบทบาทที่ต้องไม่ทำให้ลูกมีทัศนคติที่แย่ต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าแล้ว เราก็ต้องมีบทบาทที่ต้องทำให้ลูกเห็นว่าการเป็นผู้ใหญ่นั้นมีความเท่เพราะนั่นจะทำให้ลูกอยากทำตาม การที่จะให้ลูกเห็นความเท่ของการเป็นผู้ใหญ่ ก็เช่น หากเรามีความสนใจเรื่องใดหรือวิชาใดเป็นพิเศษแล้วแสดงให้ลูกเห็นได้ก็เป็นวิธีหนึ่ง เช่น

  • การมีวิธีคิดเลขเร็วที่ทำให้ลูกแปลกใจ
  • หรือเราสนใจดาราศาสตร์แล้วสามารถชี้ให้ลูกเห็นกลุ่มดาวต่างๆ
  • หรืออาจจะเป็นพวกงานอดิเรกอย่างการปลูกกระบองเพชร การทำงานไม้ วาดรูป แต่งกลอน

อะไรก็ได้ที่เราทำได้ดีและสามารถแสดงให้ลูกดู หรือชวนลูกมาทำด้วยกัน เพื่อที่ลูกจะได้มองขึ้นมาด้วยสายตาแบบอยากทำได้แบบนี้

ชวนลูกวิ่ง

3. เป็นพ่อแม่ที่ลูกภูมิใจ ในแบบที่ลูกสามารถเอาไปคุยกับเพื่อนได้

และอีกส่วนที่เราอาจจะลืมไปว่า นอกจากเราจะดีใจเวลาที่ลูกทำอะไรให้เราภูมิใจ ลูกเองก็ต้องการความภาคภูมิใจในตัวพ่อแม่เช่นกัน ดังนั้นเราเองก็ต้องทำอะไรที่ทำให้ลูกภูมิใจ หรือ เล่าให้เขาฟังในประสบการณ์ดีๆ ที่เราเคยทำเพื่อให้ลูกเกิดความภูมิใจ ความภูมิใจในแบบที่ลูกสามารถเอาไปโม้กับเพื่อนๆได้ว่า พ่อเราแม่เรานะคูลมากเลยล่ะเธอ เช่น

  • คุณเคยลงวิ่งมาราธอนโดยมีลูกมาเชียร์มั้ยหรือลูกมารอรับที่เส้นชัยหรือเอาเหรียญที่ได้มาคล้องให้ลูกมั้ย
  • คุณเคยมีประสบการณ์การเดินทางมากมาย มีสถานที่ที่พบหรือประสบการณ์แปลกๆ มาเล่าให้ลูกฟังมั้ย
  • คุณเคยทำงานอะไรเพื่อสังคม หรือเคยดำรงตำแหน่งอะไรในสังคมที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมมั้ย เป็นต้น

สรุปคือ บทบาทของพ่อแม่ ต้องสอนให้ลูกเห็นโลกที่เป็นจริง แต่อย่าให้ลูกวิ่งหนีโลก ดึงดูดให้ลูกเห็นความเท่ของการเติบโต และทำให้เขาเห็นว่าพ่อแม่หนูก็คูลๆ เก๋ๆ เช่นนั้นแหละ


>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีเลิกผ้าอ้อม ฝึกลูกใน 5 ขั้นตอน ได้ผลจริง! โดย พ่อเอก

ให้ลูกช่วยงานบ้าน ฝึกทักษะ EF ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต โดยพ่อเอก

60 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ เหมาะกับลูกเล็ก โดยพ่อเอก

    ยิ่งทำลูกยิ่งไม่ยอม

    หมอแนะพฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำลูกยิ่งไม่ยอม แบ่งปัน

    แบ่งปัน พฤติกรรมที่พึงประสงค์ของสังคม การให้ลูกยอมแบ่งของให้แก่คนอื่น แม้เขาจะทำตามแต่นั่นเป็นการปลูกฝังลงไปในจิตใจลูกจริงหรือ และแท้จริงแล้วควรทำอย่างไร?

    หมอแนะพฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำลูกยิ่งไม่ยอม แบ่งปัน

    ก่อนอื่นอยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ฟังแนวคิดดี ๆ ในการสอนลูกเกี่ยวกับการแบ่งปันกัน จากรายการ Happy Parenting EP.6 | สอนลูกเรื่องแบ่งปัน เป็นคลิปที่นำเสนอเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวก สอนให้ลูกมีน้ำใจ จากคุณหมอ รศ.นพ.ศิริไชย  หงษ์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี  ฟังแล้วจะได้ข้อคิดและเทคนิคดี ๆ ที่เราจะนำมากล่าวถึงกันอีกครั้งอย่างละเอียดให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นแนวทาง และข้อควรระวังที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะเรื่องการเลี้ยงลูกนั้นสำคัญทุกขั้นตอนเสมอ

    เชื่อว่าทุกบ้านที่มีลูก ต้องเคยประสบปัญหาหนักใจในเรื่องที่ลูกไม่ยอมแบ่งปันของเล่น หรือสิ่งของของลูกให้แก่เด็กอื่น พี่น้อง เพื่อน หรือแม้แต่ตัวคุณพ่อคุณแม่เอง อย่าพึ่งเครียดและตีความกันไปเสียก่อนแล้วว่า ทำไมลูกเราเป็นอย่างนี้นะ ไม่เห็นเหมือนลูกบ้านนั้น บ้านนี้เลย ไม่น่ารักเลย เพราะก่อนที่เราจะดุด่า แสดงท่าทีผิดหวังให้ลูกเห็น เราต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า แท้จริงแล้วลูกแสดงพฤติกรรมหวงของนั้น เป็นเพราะเขาไม่รู้จักแบ่งปันจริงหรือ หรือเป็นเพียงแค่ธรรมชาติของเด็ก หรืออาจเป็นแค่เหตุผลส่วนตัวของลูกที่เราไม่เข้าใจเองกันแน่

    ของชิ้นนี้หนูหวง

    คุณพ่อคุณแม่เคยมีของรักของหวงกันบ้างไหม แม้ในยามที่เราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็เชื่อว่ายังคงมีของหลาย ๆ อย่างที่เราหวงแหนไม่อยากให้ใครมาเอาไป หรือจับต้องจนเสียหาย เด็กก็เช่นกัน แม้ว่าของชิ้นที่ลูกหวง อาจดูไร้ค่า ไม่สำคัญในสายตาคุณพ่อคุณแม่ แต่มันมีความหมาย มีค่าสำหรับลูกของคุณอย่างแน่นอน สังเกตง่าย ๆ ได้จากการที่ลูกชอบถือไปไหนมาไหนแทบตลอดเวลา แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนี่คือธรรมชาติของเด็กวัย ในช่วง 2-3 ขวบ เด็กจะเติบโตขึ้น จากที่เคยติดแม่ก็อยากแยกออกมาเป็นตัวของตัวเอง เริ่มมีธรรมชาติของการอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพยายามทำนั้นทำนี้เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเขามีตัวตนเพื่อที่จะแยกจากแม่ “หนูทำเองได้!” และ “อันนี้ของหนู” คือประโยคประจำตัวของเด็กๆ วัยนี้

    สัญญาณของการมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงนั้น ก็คือ เด็กจะเริ่มติดคนนั้นคนนี้ หรือติดของชิ้นนั้นชิ้นนี้  เด็ก 1 ขวบ มักจะหวงแม่ ไม่ให้แม่ไปอุ้มหรือเล่นกับเด็กคนอื่น ส่วนเด็ก 2 ขวบก็จะหวงของเล่น  เด็กบางคนติดตุ๊กตามากจนมันเก่าเป็นผ้าขี้ริ้ว เป็นส่วนสำคัญในชีวิตไปเลย เด็กบางคนเวลาบอกให้วาดรูปตัวเอง ก็จะวาดรูปตุ๊กตาหมีที่ตัวเองรักไว้ในแขนเสมอ ราวกับว่ามันเป็นอวัยวะส่วนที่ 33

    อย่าบีบคั้น…จงรอจนถึงวัยที่ลูกพร้อม

    การแบ่งปันที่แท้จริง หมายถึงการรู้จักเห็นอกเห็นใจ มีน้ำใจ และมองสถานการณ์อย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบมักจะทำได้ยากมาก เพราะสมองเขายังไม่สามารถพัฒนาไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเรามาลองทำความรู้จักกับพัฒนาการของลูกในเรื่องของการแบ่งปันกันว่าในแต่ละช่วงวัยเขาสามารถรับรู้เรื่องทางสังคมได้มากน้อยแค่ไหน

    แบ่งปัน ด้วยใจห้ามบังคับ
    แบ่งปัน ด้วยใจห้ามบังคับ

    ลักษณะพัฒนาการทางสังคมของเด็กปฐมวัย(อายุ 1-6 ปี)

    1.พัฒนาการทางสังคมของเด็กวัยแรกเกิดถึง 1 ปี

    ด้านสังคม เด็กจะเริ่มหันหน้าเมื่อมีคนเรียกชื่อ ยิ้มให้คนอื่น เลียนแบบกิริยา ท่าทางของคน แสดงออกถึงการรับรู้ อารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น ติดแม่ เข้าใจท่าทางและสีหน้าของคนอื่น กลัวคนแปลกหน้า บอกความต้องการได้ แยกตัวเองและเงาในกระจกได้ เข้าใจท่าทางและสีหน้า สนใจการกระทำของผู้อื่น ชอบเล่นคนเดียว หวงของ ชอบมีส่วนร่วม บอกสิ่งที่ต้องการด้วยคำพูดง่ายๆ รู้จักขอ

    2.พัฒนาการทางสังคมของเด็กวัย 2 ปี

    ด้านสังคมเล่นร่วมกับผู้อื่น แต่ยังคงต่างคนต่างเล่นอยู่ เริ่มที่จะเล่นเป็นกลุ่มกับเด็กอื่นให้ความสนใจตนเองหรือยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ยอมแบ่งปันสิ่งของหรือของเล่นให้กับเด็กวัยเดียวกัน ช่วยเหลือตัวเองในเรื่องการเข้าห้องน้ำและแต่งตัวเองได้

    3.พัฒนาการทางสังคมของเด็กวัย 3 ปี

    ด้านสังคม การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นยังไม่แน่นอนแล้วแต่อารมณ์ของเด็ก เด็กวัยนี้เป็นวัยที่ชอบเล่นคนเดียว หรือเล่นสมมุติมากกว่าจะเล่นกับคนอื่น ชอบเล่นแบบคู่ขนาน คือ เล่นของเล่นชนิดเดียวกันแต่ต่างคนต่างเล่น ขณะที่เล่นชอบออกคำสั่ง ทำหรือพูดเหมือนกับสิ่งนั้นมีชีวิต รู้จักการรอคอย เริ่มปฏิบัติตามกฎ กติกาง่ายๆ รู้จักทำงานที่ได้รับมอบหมาย เริ่มรู้ว่าสิ่งใดเป็นของคนอื่น

    4.พัฒนาการทางสังคมของเด็กวัย 4 ปี

    ด้านสังคม เริ่มเล่นร่วมกับผู้อื่นได้ แต่มักจะเป็นเพศเดียวกันกับตนมากกว่า การแบ่งปันจึงมักเป็นการแบ่งให้เฉพาะคนที่ถูกใจ มักโกรธกันแต่ไม่นานเด็กก็จะกลับมาเล่นกันอีก รู้จักการให้อภัย การขอโทษ มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย รู้จักเก็บของเล่น มีมารยาทในการอยู่ร่วมกัน

    5.พัฒนาการทางสังคมของเด็กวัยระหว่าง 5-6 ปี

    ด้านสังคม เล่นกับเพื่อนโดยไม่เลือกเพศและสามารถฝึกกติกาง่าย ๆ ในการเล่นได้ จึงทำให้เริ่มเห็นว่าลูกรู้จักการแบ่งปันของเล่นกับเพื่อนได้ สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ เล่นหรือทำงานโดยมีจุดหมายเดียวกัน รู้จักไหว้ทำความเคารพเมื่อพบผู้ใหญ่

    พัฒนาการทางสังคม กับการ แบ่งปัน
    พัฒนาการทางสังคม กับการ แบ่งปัน

    จากลักษณะพัฒนาการทางสังคมของเด็ก ทำให้เรารู้ได้ว่าการที่พ่อแม่จะบังคับ หรือบีบคั้นให้ลูกรู้จักการแบ่งปันก่อนวัยที่เขาจะเข้าใจเรื่องการแบ่งปันได้นั้น เป็นเรื่องที่เด็กไม่สามารถเข้าใจถึงหลักการแท้จริงของการแบ่งปันได้เลย ส่วนใหญ่ที่เห็นลูกยอมทำตามแบ่งของให้ผู้อื่นนั้นเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการทำตามคำสั่งของพ่อแม่เท่านั้น ลูกแบ่งปันเพราะพ่อแม่สั่ง เพราะได้รับการให้เงื่อนไขกับเขาเพื่อให้เขาแบ่งปัน เช่น แบ่งแล้วแม่จะให้ของชิ้นใหญ่กว่าเดิมอีกนะ เป็นต้น

    ซึ่งการที่คุณพ่อคุณแม่มีพฤติกรรมการบังคับ หรือวางเงื่อนไขเพื่อให้ลูกแบ่งปันนอกจากจะไม่ช่วยปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้ลูกเมื่อโตแล้ว ยังกลับเป็นการทำให้ลูกยิ่งหวงของมากขึ้น หรือถ้าเป็นการบังคับให้พี่แบ่งของให้น้องเพราะโตกว่า ก็อาจทำให้พี่รู้สึกไม่ชอบน้อง อิจฉากันอีกต่างหาก

    ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า วัยที่ลูกพร้อมจะเรียนรู้ในเรื่องการแบ่งปันนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่คาดหวังให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ยอมแชร์ของง่าย ๆเพราะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ยังเล่นด้วยกันไม่เป็น มักจะเล่นข้าง ๆ กันเฉย ๆ มองกัน แต่ไม่เล่นด้วยกัน เขายังสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของเด็กอื่นว่าจะชอบ หรืออยากมาเล่นกับเขาหรือไม่ จึงไม่รู้สึกอยากแบ่งปัน ไม่แคร์

    ไม่บังคับ แต่ทำเป็นตัวอย่างให้ลูกได้

    เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีถึงแม้ว่าลูกจะยังไม่เข้าใจการเข้าสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะสอนเรื่องการแบ่งปันแก่ลูกไม่ได้ แต่เป็นการสอนแบบแสดงตัวอย่างให้เขาเห็น ลูกจะได้คุ้นชิน คุ้นเคยกับพฤติกรรมการแบ่งปัน เมื่อลูกถึงวัยที่ต้องการเข้าสังคม อยากมีเพื่อนเล่น รู้จักเล่นกับเด็กคนอื่นแล้ว เขาก็จะเลือกวิธีการเข้าหาเพื่อนด้วยการแบ่งปันเหมือนที่เขาเห็นจากพ่อแม่ เด็กที่หวงของตอน 2 ขวบ ก็จะกลายเป็นเด็กใจดี รู้จักแบ่งปันเมื่อเขาอายุ 3  หรือ 4 ขวบได้

    เมื่อเราจะทำพฤติกรรมเป็นตัวอย่างการแบ่งปันให้ลูกเห็น อาจจะต้องเพิ่มคำพูดเน้นย้ำถึงพฤติกรรมนั้น และชี้ข้อดีของการแบ่งปันให้ลูกเห็น เพื่อที่จะให้เขาเข้าใจ ซึมซับ และเห็นประโยชน์ในการแบ่งปัน เขาก็จะปฎิบัติตาม เช่น วันนี้แม่ทำอาหารเผื่อไว้ให้คุณป้าข้างบ้าน เดี๋ยวเราออกไปให้คุณป้ากันนะ เพราะวันก่อนคุณป้าพึ่งแบ่งขนมที่ลูกชอบมาให้

    ความสัมพันธ์ที่ดีของพ่อแม่กับลูก คือคะแนนสะสม

    เด็กจะรู้จักให้ก็ต่อเมื่อเขาเคยเป็นผู้ถูกให้มาก่อน มักจะสังเกตได้ว่า เด็กที่ได้รับความรักและใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ในช่วง 2 ปีแรก จะกลายเป็นเด็กที่รู้จักแบ่งปันในภายหลัง ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ เพราะเด็กที่เคยเห็นตัวอย่างการแบ่งปันจากพ่อแม่ จึงมักจะซึมซับและทำตามอย่างที่เขาเคยเห็น และเหตุผลที่สอง คือ เด็กที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ อยู่กับพ่อแม่ตลอดมักจะเป็นเด็กที่มีความรู้สึกมั่นคง ไม่รู้สึกขาดความรัก เห็นคุณค่าในตนเอง จึงมักจะต้องการสิ่งของน้อยกว่า ไม่ยึดเอาสิ่งของมาเป็นที่พึ่งทางใจมากเกินไป เพราะเขารู้ว่ามีพ่อแม่เป็นเพื่อนที่เข้าใจอยู่แล้ว จึงไม่ติดตุ๊กตาหรือผ้าห่มจนขาดไม่ได้

    เมื่อลูกรู้สึกได้ว่าเขาได้รับความรักที่เพียงพอแล้วจากพ่อแม่ เขาก็จะเกิดพฤติกรรมการแบ่งปันได้ง่ายขึ้น เพราะรู้สึกว่ามีความรักมากพอที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง และความไม่ยึดติดกับของ ไม่มีของหวง ก็เหมือนลูกได้รับคะแนนสะสมจากพ่อแม่มาก่อนแล้ว พอถึงวัยที่เขาพร้อมเข้าใจหลักการแบ่งปัน เขาก็จะทำได้ดี และเร็วกว่า

    แบ่งปันเพื่อน
    แบ่งปันเพื่อน

    เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

    การให้ลูกเรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน ครั้งแรกนั้นสำคัญ เพราะในครั้งแรกถ้าเขามีความรู้สึกที่ดีต่อการที่ลูกได้แบ่งปันสิ่งของออกไปแล้วนั้น โอกาสที่เขาจะเกิดพฤติกรรมนั้นอีกก็ย่อมมากกว่าเป็นธรรมดา

    • ลองให้ลูกเริ่มแบ่งปันในครั้งแรกจากเหตุการณ์ที่ตัดสินใจได้ง่าย เวลาจะสอนให้แบ่งปัน ควรจะเริ่มให้ลูกแบ่งกับคนที่อายุน้อยกว่า หรือเพื่อนที่เงียบ ๆ ก็จะทำได้ให้เขามีความรู้สึกอยากทำตามที่เราแนะนำได้ง่ายกว่า เมื่อลูกทำตามเราก็ต้องรีบชมเชยให้เขารู้สึกดีต่อการกระทำนั้น แต่ถ้าลูกยังคงยืนกรานไม่แบ่งก็ไม่ต้องบังคับเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อการแบ่งปันในครั้งต่อ ๆ ไป
    • จับเวลาใช้นาฬิกาทราย หรือนาฬิกาจับเวลามาใช้ เวลาจะแบ่งอะไรให้เล่นกัน คนละ 2 นาที คือ เวลาที่กำลังพอดีสำหรับเด็กเล็กที่จะให้รอ หรือสำหรับเด็กโตอาจจะให้รอได้นานกว่านี้ เวลานาฬิกาทรายบอกหมดเวลา ก็ให้เปลี่ยนกันเล่น เป็นต้น แต่เมื่อถึงครบกำหนดเวลา เราจะให้เด็กเป็นคนยื่นของคืนมาให้ตามกติกาที่วางไว้ ไม่ดึงจากมือมาเลยแม้จะทำถูกตามกติกาที่ตกลงไว้ก็ตาม การดึงเช่นนั้นจะทำให้กลายเป็นเด็กก้าวร้าวรุนแรง เพราะโดนขัดใจ ให้เราชี้จุดให้เด็กเห็นถึงอนาคตว่า ถ้านาฬิกาดังอีก ก็จะได้เล่นอีกครั้ง ไม่ไปย้ำด้านลบ เช่น หมดเวลาของหนูแล้ว ห้ามขี้โกง เพราะเป็นคำพูดที่ทำให้ไม่อยากทำตามเนื่องจากโดนตีตราว่าไม่ดีไปแล้ว
    • เล่นเกมแบ่งปัน  เป็นการฝึกที่แยบยลแบบหนึ่ง เพราะเขาจะไม่รู้ตัวว่าถูกสอน แต่ลูกจะได้เห็นผลลัพธ์แห่งการแบ่งปันนั้นเลยโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเขารู้สึกดี การทำพฤติกรรมซ้ำก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เช่น การพาลูกเล่นกีฬา เพราะกีฬาต้องอาศัยการร่วมมือถึงจะได้รับชัยชนะ

    สรุปวิธีการส่งเสริมให้ลูกรู้จักแบ่งปัน

    เคล็ดลับหลัก ๆ ในการสอนลูกเรื่องการแบ่งปัน ไม่ว่าจะวิธีไหนก็จะต้องมีใจความสำคัญหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

    1. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ในการแสดงพฤติกรรมการแบ่งปัน
    2. ชี้ให้เห็นข้อดีของการแบ่งปัน เพื่อให้เกิดการซึมซับและปฎิบัติตาม
    3. แสดงความชื่นชมเมื่อลูกมีการแบ่งปัน

    หลักส่งเสริมพฤติกรรมการแบ่งบันให้แก่ลูกง่าย ๆ เพียงแค่ 3 ข้อนี้ ก็จะทำให้ลูกมีจิตใจที่ดีงาม เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีแก่เขาในวันข้างหน้าว่า ลูกจะได้พบแต่สิ่งดี ๆ และมีความสุขในชีวิต

    ขอขอบคุณคลิป และข้อมูลอ้างอิงจาก RAMA CHANNEL / Friendforkids

    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

    สร้างลูกให้มี SQ (Social Quotient) ไม่ก้าวร้าว ไม่เอาเปรียบ ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตอย่างมีความสุข

    ค่านิยมทาง “ศีลธรรม” 10 ประการที่พ่อแม่ควรสอนลูก

    เลี้ยงลูกให้ “พี่น้องรักกัน” คุณเองก็ทำได้!

    วิจัยเผย 5 ผลร้าย! ตวาดใส่ลูก บ่อย ๆ ส่งผลต่อพัฒนาการสมอง-ร่างกาย-จิตใจ

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      มะเร็งกล่องเสียง

      มะเร็งกล่องเสียง เกิดจากอะไร ถ้าเสียงแหบ ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไปหาหมอเลย

      สัญญาณมะเร็งกล่องเสียง สังเกตอย่างไร มะเร็งกล่องเสียง เกิดจากอะไร

      คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมอยากอยู่กับลูกให้นานที่สุด แต่ด้วยโลกปัจจุบัน มีโรคภัยมากมายที่พร้อมจะพรากชีวิตคนสำคัญในครอบครัวไป หากป้องกันได้ไวด้วยการลดพฤติกรรมเสี่ยง ทำความรู้จักโรคต่าง ๆ อย่าง มะเร็งกล่องเสียง เกิดจากอะไร พร้อมกับสังเกตอาการป่วยให้รวดเร็ว และรีบไปพบแพทย์ก็จะสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที

      หน้าที่สำคัญของกล่องเสียง

      ก่อนจะไปรู้ลึกถึงอาการของมะเร็งกล่องเสียง เรามาทำความรู้จัก กล่องเสียง อวัยวะสำคัญในร่างกายกันก่อน โดยอ.นพ.วรุฒน์ ศุภนคร หน่วยมะเร็งศีรษะและลำคอ ฝ่ายโสต คอ นาสิกวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อธิบายถึงหน้าที่หลักของกล่องเสียงไว้ว่ามี 3 อย่าง

      1. การหายใจ
      2. การเปล่งเสียงออกมา
      3. การป้องกันการสำลักในขณะที่รับประทานอาหาร

      รู้หรือไม่ มะเร็งชนิดนี้เป็นโรคร้ายที่ติดอันดับ 1 ใน 5

      หากสงสัยว่า มะเร็งกล่องเสียงพบได้บ่อยแค่ไหน ขอตอบเลยว่าติดอันดับ 1 ใน 5 ถ้านับเฉพาะโรคมะเร็งศีรษะและคอ ความรุนแรงของมะเร็งชนิดนี้ เริ่มต้นจากก้อนเล็ก ๆ ในลำคอ ที่อาจลุกลามเป็นก้อนใหญ่จนอุดกล่องเสียงทำให้หายใจไม่สะดวก ถ้าไม่รีบรักษา หรือปล่อยทิ้งไว้นาน ก็อาจลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง หรือไปถึงอวัยวะอื่นที่อยู่ห่างไกลจากกล่องเสียงออกไป จนอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่น ๆ ถ้ารู้ไว รักษาทัน ร่างกายก็จะฟื้นฟูได้เร็ว

      มะเร็งกล่องเสียง เกิดจากอะไร สัญญาณของโรคร้าย

      หนึ่งในอาการสำคัญของผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง จะมีอาการเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน เป็นระยะเวลานาน ไม่หายเสียที หากมีคนในครอบครัวเสียงแหบ ร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยงมะเร็ง ก็ยิ่งต้องรีบพาไปพบคุณหมอ สำหรับพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกล่องเสียง ได้แก่ การดื่มเหล้าชอบสังสรรค์เป็นประจำ ร่วมกับพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด ทำให้ความเสี่ยงการเป็นมะเร็งกล่องเสียงเพิ่มขึ้นได้

      สำหรับอาการหลัก ๆ ของมะเร็งกล่องเสียง สังเกตได้อย่างไร

      • เสียงแหบ
      • เสียงเปลี่ยน
      • ไอเรื้อรัง
      • กลืนติด กลืนเจ็บ กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนในคอ และอาจมีก้อนออกมาที่คอจริง ๆ ก็ได้

      การตรวจและวินิจฉัยมะเร็งกล่องเสียง

      การตรวจวินิจฉัยมะเร็งกล่องเสียง ทำได้โดยการใช้การส่องกล่องเข้าไปดู รวมกับการใช้ภาพรังสีวินิจฉัยอย่าง CT Scan หรือ MRI เมื่อส่องกล้องเข้าไปในกล่องเสียง ก็จะนำชิ้นเนื้อที่เราสงสัยว่าเป็นมะเร็งไปส่งตรวจ

      มะเร็งกล่องเสียง อันตรายไหม

      ถ้าผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงเข้ารับการรักษาช้า จะเสี่ยงที่ก้อนมะเร็งกล่องเสียงกั้นทางเดินหายใจ มีผลทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ สำหรับการรักษามะเร็งกล่องเสียงมีการรักษาหลักอยู่ 2 แนวทาง

      • การรักษามะเร็งกล่องเสียงในระยะต้น ใช้การรักษาเพียงแค่การผ่าตัด หรือการฉายแสงอย่างใดอย่างหนึ่ง
      • ในผู้ป่วยระยะที่เป็นมากขึ้น เราต้องใช้การผ่าตัดร่วมกับการฉายแสง หรือใช้การฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด สำหรับผู้ป่วยระยะที่ลุกลามมากขึ้น

      วิธีรักษาผู้ป่วยในระยะที่เป็นมะเร็งกล่องเสียงมากขึ้น หรือที่เราเรียกว่า Advance Stage หลัก ๆ เราจะใช้การรักษาอยู่ 2 วิธี

      1. ผ่าตัดตามด้วยฉายแสง
      2. ฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด

      อย่างไรก็ตาม การทำการรักษาผู้ป่วยแต่ละราย จะต้องปรึกษาผู้ป่วยรวมกับแพทย์แผนกฉายแสง เพื่อเลือกการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้ ส่วนข้อแตกต่างของการรักษามะเร็งกล่องเสียง เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงเสียงมักจะไม่ค่อยเปลี่ยน ไม่ค่อยมีผลต่ออาการเสียงแหบ แต่หากผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดจะส่งผลต่อเสียงแหบมากกว่า

      หากจำเป็นต้องตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด

      ผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงบางรายที่อยู่ในระดับ Advance Stage อาจจำเป็นที่แพทย์จะต้องตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด แต่ทางโรงพยาบาลมีการรักษาที่ทำให้เสียงกลับมาเหมือนเดิม เช่น การทำให้ผู้ป่วยใช้วิธีพูดผ่านหลอดอาหาร หรือการผ่าตัดฝังกล่องเสียงเทียม สุดท้าย ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า Electrolarynx เพื่อให้คนไข้กลับมาใช้เสียงพูดได้ดังเดิม

      ส่วนผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาไปเรียบร้อยแล้ว ทางแพทย์ยังคงต้องติดตามเพื่อสังเกตอาการ ด้วยการส่องกล้องดูภายในกล่องเสียง ฉายภาพรังสี CT Scan เพื่อติดตามผลการรักษามะเร็งกล่องเสียง และเป็นการเฝ้าระวังไม่ให้มะเร็งกลับมาใหม่

      สิ่งสำคัญคือ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็งกล่องเสียง ควรหลีกเลี่ยงสาเหตุของมะเร็งกล่องเสียง ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดบุหรี่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกันนั้นต้องหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ เพราะสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการตรวจวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รักษาโรคได้ไว หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน ไอเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์ หู คอ จมูก ให้เร็วที่สุด

      เครดิต : เกร็ดความรู้คู่สุขภาพ มะเร็งกล่องเสียง ติดจอ ฬ.จุฬา

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      กระทรวงแจง “สูบบุหรี่ในบ้าน” ผิดกฎหมาย! บังคับใช้ 20 ส.ค. นี้

      8 วิธีทาน “อาหารต้านมะเร็ง” กินอย่างไรให้ห่างไกลโรค?

      เบคอน อาหารปลิดชีวิตคนจากมะเร็งได้พอ ๆ กับบุหรี่

        ออมเงินให้ลูก

        ออมเงินให้ลูก สลากออมทรัพย์ธนาคารไหน ผลตอบแทนดี ลุ้นโชคเยอะ

        ชวนพ่อแม่ ออมเงินให้ลูก ด้วยสลากออมทรัพย์ เช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อ สลากธนาคารไหนดอกเบี้ยดี

        ออมเงินให้ลูก ด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์ ธนาคารไหนดี

        สลากออมทรัพย์คืออะไร

        ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าซื้อสลากออมทรัพย์ จำเป็นที่จะต้องรู้จักสลากออมทรัพย์ให้ดีเสียก่อน เพื่อเปรียบเทียบว่าการออมเงินให้ลูกแบบนี้เหมาะกับครอบครัวเราไหม

        สลากออมทรัพย์ถือว่าเป็นการฝากเงินรูปแบบหนึ่ง ข้อดีของสลากออมทรัพย์คือผู้ฝากจะได้ทั้งดอกเบี้ยที่ดี ทั้งยังมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัล จึงถูกใจใครหลายคน เพราะจ่ายเงินครั้งเดียวได้ทั้งดอกเบี้ย ได้ทั้งโอกาสถูกรางวัล

        ธนาคารไหนบ้างที่ขายสลากออมทรัพย์

        ปัจจุบันสลากออมทรัพย์มีจำหน่ายอยู่ 3 ธนาคารด้วยกัน

        1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
        2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
        3. ธนาคารออมสิน

        เทียบความคุ้มค่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยโดนใจ ออมเงินให้ลูก ซื้อเจ้าไหนดี

        สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ

        ออมเงินให้ลูก
        ออมเงินให้ลูก

        ทางเลือกใหม่แห่งการออมเงินด้วยสินทรัพย์ปลอดภัยจาก ธอส. ไม่ต้องทิ้งเงินต้น โดยสลากออมทรัพย์พิมานมาศ เป็นสลากใหม่รุ่นที่ 3 ปี 2563 โดยลูกค้า ธอส. (บุคคลธรรมดา) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยและภาษีเงินได้จากเงินรางวัล ออกรางวัลทุกเดือน รวม 36 ครั้ง

        ธอส. ชุดพิมานมาศ ราคาหน่วยลงทุน : 50,000 บาท จำนวน 1 ล้านหน่วย (10 หมวด หมวดละ 1 แสนหน่วย)

        ผลตอบแทน : ผู้ซื้อสลากออมทรัพย์พิมานมาศ ต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจะมีผลตอบแทนหน้าสลากเมื่อฝากครบกำหนดสูงถึง 0.90% ต่อปี

        เงินรางวัลและสิทธิพิเศษ :

        • จับรางวัลปกติทุกเดือน เงินรางวัลสูงถึง 50,000 บาท จำนวนเงินรางวัลมีหมวดละ 10 รางวัลด้วยกัน (รวมทั้งหมด 10 หมวด 100 รางวัล)
        • รางวัลพิเศษ หมวดละ 2 รางวัล (รวมทั้งหมด 10 หมวด 20 รางวัล) รางวัลละ 500,000 บาท ทุกไตรมาส (3 เดือน)
        • สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ธอส. ที่ซื้อสลากออมทรัพย์พิมานมาศเท่านั้น ทุก ๆ 30 คะแนนสะสม รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัลรับรางวัลใหญ่ สร้อยคอทางคำหนัก 2 บาท จำนวน 10 รางวัล หรือรางวัลรอง สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 47 รางวัล

        ซื้อสลากออมทรัพย์พิมานมาศอย่างไร

        ซื้อได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 24 กันยายน 2563 หรือจนกว่าจำนวนหน่วยลงทุนจะเต็มเท่านั้น

        สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 5

        ออมเงินให้ลูก
        ออมเงินให้ลูก

        ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก “สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 5” จำนวน 1,000 ล้านหน่วย หน่วยละ 100 บาท รวมวงเงิน 100,000 ล้านบาท โดยดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั่วไปและยังสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน (Bank Guarantee) ได้อีกด้วย ออกรางวัลทุกเดือน รวม 36 ครั้ง

        ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 5 ราคาหน่วยลงทุน : หน่วยละ 100 บาท

        ผลตอบแทน : สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 5 มีอายุรับฝาก 3 ปี หากไถ่ถอนก่อนกำหนดจะไม่ได้รับดอกเบี้ย

        • ฝากผ่านเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. เมื่อฝากครบกำหนดไถ่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.30 บาท หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.10 ต่อปี
        • ฝากสลากออมทรัพย์ทวีสินผ่านช่องทาง ธ.ก.ส. ลูกค้าที่ฝากผ่าน ธ.ก.ส. A-Mobile จะได้รับดอกเบี้ยเพิ่มเป็นหน่วยละ 0.60 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.20 ต่อปี

        เงินรางวัลและสิทธิพิเศษ :

        ลุ้นรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน และวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี รวม 36 ครั้ง รวมรางวัลทั้งสิ้น 2,113,400 รางวัล เป็นเงิน 91,580,000 บาทต่อเดือน ออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2563

        • 1 รางวัล รางวัลที่ 1 มีมูลค่า 10,000,000 บาท
        • รางวัลที่ 1 ต่างหมวด มี 99 รางวัล ๆ ละ 20,000 บาท
        • 300 รางวัล สำหรับรางวัลที่ 2 รางวัลละ 7,000 บาท
        • 1,000 รางวัล สำหรับรางวัลที่ 3 รางวัลละ 3,000 บาท
        • 2,000 รางวัล สำหรับรางวัลที่ 4 รางวัลละ 1,000 บาท
        • 10,000 รางวัล สำหรับรางวัลที่ 5 รางวัลละ 500 บาท
        • รางวัลเลขท้าย 4 ตัว มี 100,000 รางวัล รางวัลละ 75 บาท
        • รางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 2,000,000 รางวัล รางวัลละ 30 บาท

        ซื้อสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 5 อย่างไร

        เปิดรับฝากที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสามารถฝากผ่านช่องทาง ธ.ก.ส. A-Mobile

        สลากออมสินพิเศษ 3 ปี กับสลากดิจิทัล ของธนาคารออมสิน

        ออมเงินให้ลูก
        ออมเงินให้ลูก

        สลากออมสินออกผลิตภัณฑ์สลากออมสิน สำหรับคนที่ชอบการออมเงินและได้ลุ้นโชคไปพร้อม ๆ กัน เงินต้นอยู่ครบ แถมได้ดอกเบี้ยเพิ่มเมื่อฝากครบตามกำหนดเวลา สำหรับธนาคารออมสินจะแบ่งเป็น สลากออมสินพิเศษ และ Digital Salak On MyMo ซึ่งมีรายละเอียดต่างกัน

        สลากของธนาคารออมสิน ราคาหน่วยลงทุน : สลากออมสินฝากขั้นต่ำ 50 บาท และ Digital Salak On MyMo ฝากได้ตามจำนวนเงินดังนี้ 1,000 / 5,000 10,000 / 50,000 / 100,000 / 500,000 / 1,000,000 / 2,000,000 / 5,000,000 / 10,000,000 บาท

        ผลตอบแทน : ดอกเบี้ย (บาทต่อหน่วย) แบ่งเป็น

        • 3 เดือน หากฝากครบ 3 เดือน ไม่ครบ 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ยทั้งคู่
        • ครบ 1 ปี ไม่ครบ 2 ปี สลากออมสินดอกเบี้ย 0.125 บาทต่อหน่วย Digital Salak On MyMo 0.25 บาทต่อหน่วย
        • ฝากครบ 2 ปี ไม่ครบ 3 ปี สลากออมสินดอกเบี้ย 0.25 บาทต่อหน่วย Digital Salak On MyMo 0.50 บาทต่อหน่วย
        • ฝากครบ 3 ปีตามกำหนด สลากออมสินดอกเบี้ย 0.60 บาทต่อหน่วย Digital Salak On MyMo 1.00 บาทต่อหน่วย

        เงินรางวัลและรายละเอียดเพิ่มเติม :

        1.สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 1 ปี หน่วยละ 20 บาท สิทธิการถูกรางวัล 12 ครั้ง การออกรางวัล ทุกวันที่ 16 ของเดือน

        • การซื้อสลาก 10,000 หน่วย จำนวนเงิน 200,000 บาท จะการันตีถูกรางวัลเลขท้าย 4 ตัว เงินรางวัล 25 บาท ทุกงวด (ไม่มีรางวัลเลขท้าย 3 ตัว)
        • ฝากครบ 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย จำนวนเงินฝาก 200,000 บาทขึ้นไป ผลตอบแทน 0.30% ต่อปี

        2.สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี หน่วยละ 100 บาท สิทธิการถูกรางวัล 24 ครั้ง การออกรางวัล ทุกวันที่ 1 ของเดือน

        • การซื้อสลาก 1,000 หน่วย จำนวนเงิน 100,000 บาท จะการันตีถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว เงินรางวัล 25 บาท ทุกงวด
        • ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ย 0.20 บาทต่อหน่วย (ร้อยละ 0.10 ต่อปี) จำนวนเงินฝาก 100,000 บาทขึ้นไป ผลตอบแทน 0.40% ต่อปี จำนวนเงินฝาก 1,000,000 บาทขึ้นไป ผลตอบแทน 0.472% ต่อปี

        3.สลากออมสินพิเศษ 2 ปี หน่วยละ 100 บาท (สิทธิการถูกรางวัล 24 ครั้ง) การออกรางวัล ทุกวันที่ 1 ของเดือน (หยุดรับฝากชั่วคราว เปิดรับฝากในวันที่ 2 กันยายน 2563 เป็นต้นไป หรือตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง)

        • การซื้อสลาก 1,000 หน่วย จำนวนเงิน 100,000 บาท จะการันตีถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว เงินรางวัล 25 บาท ทุกงวดค่ะ
        • ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ย 0.20 บาทต่อหน่วย (ร้อยละ 0.10 ต่อปี), จำนวนเงินฝาก 100,000 บาทขึ้นไป ผลตอบแทน 0.40% ต่อปี, จำนวนเงินฝาก 1,000,000 บาทขึ้นไป ผลตอบแทน 0.472% ต่อปี

        ซื้อสลากออมสินพิเศษ 3 ปี กับสลากดิจิทัล ของธนาคารออมสิน อย่างไร

        1. สลากออมสินซื้อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตู้ ATM และ Internet Banking หากมีความสนใจสลากออมสินพิเศษ นำบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านติดต่อเปิดบัญชีสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
        2. Digital Salak On MyMo ซื้อผ่าน App MyMo เท่านั้น หากสนใจสลากออมสินพิเศษดิจิทัล สามารถเปิดบัญชีสลากดิจิดัลได้ที่แอพพลิเคชั่น MyMo

        ปัจจุบันธนาคารเปิดรับฝาก สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 1 ปี และสลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี เท่านั้น ส่วนสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ต้องรอประกาศอีกครั้งว่ายังรับฝากในวันที่ 2 กันยายน 2563 หรือไม่

        ทั้ง 3 ธนาคาร ก็มีจุดเด่นเหมาะกับการออมเงินให้ลูก การซื้อสลากออมทรัพย์เหมาะกับคนที่มีเงินเย็น อยากได้ดอกเบี้ยซึ่งจำเป็นที่จะต้องฝากในระยะยาว แต่ก็ถือว่าเป็นการฝากเงินที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เพราะได้ทั้งดอกเบี้ย และลุ้นโชครางวัลใหญ่ไปพร้อม ๆ กัน

        เครดิต : gsb.or.thcm.ghbank.co.th และ baac.or.th

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

        ระวัง ไข้หัดแมว ระบาด! อีกหนึ่งภัยร้าย..บ้านไหนเลี้ยงแมวควรรู้

        ลงทะเบียนผู้สูงอายุ ปี 64 ใกล้เปิดรับลงทะเบียนแล้ว อายุ 60 ปีขึ้นไปเตรียมตัวเลย

        วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง การเตรียมพี่ให้พร้อม ก่อนมีน้องอีกคน

          เพลงเป็ด5ตัว

          เพลงเป็ด5ตัว เวอร์ชันไทย-อังกฤษ ชวนลูกร้อง เก่งสองภาษา ด้วยเสียงเพลง

          ให้ลูกน้อยได้ฟังเพลงสองภาษา เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการเสริมทักษะทางด้านภาษาให้ลูกตั้งแต่เด็ก เพลงเป็ด5ตัว หรือ Five little ducks หนึ่งในเพลงเด็กที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมากที่สุด คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดผ่านคลิปวิดีโอให้ลูกได้ฝึกร้อง ฝึกอ่านเนื้อเพลงตาม ฟังเพลงนี้ซ้ำหลาย ๆ รอบ พร้อมร้องออกมาดัง ๆ ก็จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะการฟังการออกเสียง และสามารถเรียนรู้ภาษาได้ดีขึ้น รวมทั้งการสังเกตว่าทำไมเจ้าลูกเป็ดทั้ง 5 ถึงหายไปทีละตัว ๆ พร้อมสนุกกับการนับเลขอีกด้วย มาเปิดดูการเดินทางของลูกเป็ดทั้ง 5 ตัวที่มีทั้งเสียงร้องในเวอร์ชันภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มาชวนลูกได้ฝึกร้อง ฝึกภาษาไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

          เพลงเป็ด5ตัว ภาษาไทย-อังกฤษ ชวนลูกร้องเต้น เก่งสองภาษา ด้วยเสียงเพลง

          เพลงเป็ด 5 ตัว เวอร์ชั่นภาษาไทย

          1.เพลงลูกเป็ด 5 ตัว

          หนึ่ง-สอง-สาม-สี่-ห้า

          ลูกเป็ดห้าตัวลอยน้ำในบึงใหญ่
          ลอย ลอย ลอย ไปไกลแสนไกล
          แม่เป็ดส่งเสียงร้อง “แก้วก แก้วก แก้วก”
          แต่มีลูกเป็ดกลับมาสี่ตัว

          “สี่”

          ลูกเป็ดสี่ตัวลอยน้ำในบึงใหญ่
          ลอย ลอย ลอย ไปไกลแสนไกล
          แม่เป็ดส่งเสียงร้อง “แก้วก แก้วก แก้วก”
          แต่มีลูกเป็ดกลับมาสามตัว

           “สาม”

          ลูกเป็ดสามตัวลอยน้ำในบึงใหญ่
          ลอย ลอย ลอย ไปไกลแสนไกล
          แม่เป็ดส่งเสียงร้อง “แก้วก แก้วก แก้วก”
          แต่มีลูกเป็ดกลับมาสองตัว

          “สอง”

          ลูกเป็ดสองตัวลอยน้ำในบึงใหญ่
          ลอย ลอย ลอย ไปไกลแสนไกล
          แม่เป็ดส่งเสียงร้อง “แก้วก แก้วก แก้วก”
          แต่มีลูกเป็ดกลับมาหนึ่งตัว

          “หนึ่ง”

          ลูกเป็ดหนึ่งตัวลอยน้ำในบึงใหญ่
          ลอย ลอย ลอย ไปไกลแสนไกล
          แม่เป็ดส่งเสียงร้อง “แก้วก แก้วก แก้วก”
          แต่มีลูกเป็ดกลับมาห้าตัว

          1-2-3-4-5

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก :KidsMeSong

          2.เพลงลูกเป็ดห้าตัว

          ลูกเป็ดห้าตัวออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่เจ้าลูกเป็ดกลับมาแค่สี่ตัว

          ลูกเป็ดสี่ตัวออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่เจ้าลูกเป็ดกลับมาแค่สามตัว

          ลูกเป็ดสามตัวออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่เจ้าลูกเป็ดกลับมาแค่สองตัว

          ลูกเป็ดสองตัวออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่เจ้าลูกเป็ดกลับมาแค่หนึ่งตัว

          ลูกเป็ดตัวหนึ่งออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่ไม่มีเจ้าลูกเป็ดกลับมา

          แม่เป็ดแสนเศร้าออกไปเดินเล่น
          เดินข้ามขุนเขาและไกลออกไป
          แม่เป็ดจึงร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          และเจ้าลูกเป็ดกลับมาทั้งห้าตัว

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก : KidsOnCloud

          3.เพลง ลูกเป็ด 5 ตัว กับเล็นและมินิ

          ลูกเป็ดห้าตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ข้ามยอดขุนเขาแสนไกลไปถึง
          แม่เป็ดก็เรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่มีมาแค่สี่ตัวกลับคืนมา

          ลูกเป็ดสี่ตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ท่ามกลางแมกไม้แสนไกลไปถึง
          แม่เป็ดก็เรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่มีมาแค่สามตัวกลับคืนมา

          ลูกเป็ดสามตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ที่ในหุบเขาแสนไกลไปถึง
          แม่เป็ดก็เรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่มีมาแค่สองตัวกลับคืนมา

          ลูกเป็ดสองตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ที่ในตัวเมืองแสนไกลไปถึง
          แม่เป็ดก็เรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่มีมาแค่หนึ่งตัวกลับคืนมา

          ลูกเป็ดหนึ่งตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ที่ในบึงแสนไกลไปถึง
          แม่เป็ดก็เรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          แต่ไม่มีซักตัวตัวกลับคืนมา

          ลูกเป็ดห้าตัวไปเที่ยววันหนึ่ง
          ข้ามยอดขุนเขา ท่ามกลางแมกไม้ ที่ในหุบเขา ที่ในตัวเมือง ที่ในบึงแสนไกลไปถึง
          พ่อเป็ดเรียก “ก้าบ ก้าบ ก้าบ”
          เป็ดน้อยทั้งหมดก็กลับคืนมา

          ลูกเป็ดทั้งหมดไปเที่ยววันหนึ่ง
          ที่ที่ให้เท้าแสนไกลไปถึง
          ชอบร้อง “ก้าบ ก้าบ ก้าบ” ชอบเล่นนักหนา
          ที่ที่ให้เท้าอยู่กันเรื่อยมา

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก : เมือง Teehee

          4.เพลงเป็ด ลูกเป็ด 5 ตัว

          ก้าบ ๆ ๆ พี่น้องเป็ดน้อยมีอยู่ 5 ตัว

          พวกมันมัวเพลินเที่ยวเดินเล่นพัลวัน

          พี่น้องเป็ดน้อยเล่นน้ำด้วยกัน

          พี่น้องเป็ดน้อยเล่นน้ำด้วยกัน

          แสนสุขสันต์  สบาย ๆ  แสนสุขสันต์  สบาย ๆ

          โยกซ้าย โยกขวา หน้าหลัง

          สะบัดตัวไปมาน่ารักเสียจริง

          แสนสุขสันต์  สบาย ๆ  แสนสุขสันต์  สบาย ๆ

          https://www.youtube.com/watch?v=kcMjofSazWg

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก : Indysong Kids

          หัดร้องเพลงลูกเป็ดห้าตัวฉบับภาษาไทยมาแล้ว มาลองหัดร้องเพลง Five Little Ducks เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษดูกันบ้าง ร้องตามง่าย ๆ ด้วยทำนองที่คุ้นหูกันเหมือนเดิม

          เพลงเป็ด 5 ตัว เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ

          5.เพลง Five Little Ducks Song

          Five little ducks went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Mommy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          But only four little ducks came back.

          Four little ducks went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Mommy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          But only three little ducks came back.

           

          Three little ducks went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Mommy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          But only two little ducks came back.

          Two little ducks went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Mommy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          But only one little duck came back.

           

          One little duck went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Mommy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          But no little ducks came back.

          No little ducks went swimming one day,

          Over the hills and far away.

          Daddy duck said: “Quack, quack, quack, quack.”

          And all the five little ducks came back.

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก : Indysong Kids

          6.เพลง Five Little Ducks 

          Five little ducks Went out one day

          Over the hill and far away

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only four little ducks came back.

          one two three four…

          Four little ducks Went out one day

          Over the hill and far away

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only three little ducks came back.

          one two three…

          Three little ducks Went out one day

          Over the hill and far away

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only two little ducks came back.

           one two…

           

          Two little ducks Went out one day

          Over the hill and far away

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only one little duck came back.

          One…

          One little duck Went out one day

          Over the hill and far away

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But none of the five little ducks came back.

           

          Sad mother duck Went out one day

          Over the hill and far away

          The sad mother duck said “Quack, quack, quack.”

          And all of the five little ducks came back.

          ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก : kids song

          7.เพลง Five Little Ducks

          “One Two Three Four Five”

          Five little ducks went swim one day.

          Over the hill and far away.

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only four little ducks came back.

          “Four”

          Four little ducks went swim one day.

           Over the hill and far away.

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only three little ducks came back.

          “Three”

           

          Three little ducks went swim one day.

          Over the hill and far away.

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only two little ducks came back.

           “Two”

          Two little ducks went swim one day.

          Over the hill and far away.

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But only one little duck came back.

          “One”

          One little duck went swim one day.

          Over the hill and far away.

          Mother duck said “Quack, quack, quack, quack.”

          But none of the five little ducks came back.

          “No”

          No little duck went swim one day.

          Over the hill and far away.

          The sad mother duck said “Quack, quack, quack.”

          And all of the five little ducks came back.

          “One Two Three Four Five”

          มีหลายวิธีในการส่งเสริมให้ลูกได้เก่งภาษา การฟังเพลงก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาภาษาอังกฤษได้ดี ที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กจดจำคำศัพท์ การออกเสียง ไปพร้อมกับความสนุกเพลิดเพลิน ให้ลูกได้เก่งสองภาษาทั้งฟังและพูดเข้าใจทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้จากการฟังเพลงกันนะคะ.

          อ่านต่อ บทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

          รวมเพลงเด็กภาษาอังกฤษ ร้องง่าย ฟังติดหู ลูกได้ฝึกคำศัพท์

          รวม 9 เพลงเด็ก แบบภาษาอังกฤษ สำหรับเต้นสนุก ฝึกทักษะ เสริมพัฒนาการ

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            ชวนลูกเล่นนอกบ้าน

            ชวนลูกทำ กิจกรรมนอกบ้าน เสริมทักษะการแก้ปัญหา!!

            กิจกรรมนอกบ้าน คือ การเล่นนอกบ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมทางวิชาการ ก็สามารถเพิ่มทักษะให้ลูกได้อย่างมหาศาล รวมถึงทักษะการแก้ปัญหาด้วย

            ชวนลูกทำ กิจกรรมนอกบ้าน เสริมทักษะการแก้ปัญหา!!

            การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีประสบการณ์ และการเรียนรู้ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในห้องเรียนเท่านั้น การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าการเรียนรู้ที่จะกิน เดิน พูด เล่น เที่ยว ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับลูกน้อยได้ ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ และธรรมชาติที่อยู่รอบตัวลูก ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่สำคัญหรือไม่สำคัญ ก็สามารถสร้างประสบการณ์ให้ลูกได้หมด โดยเฉพาะทักษะในการแก้ปัญหา ซึ่งทักษะนี้จะเป็นทักษะที่สำคัญต่อลูกน้อยในอนาคต

            Adversity Quotient (AQ) – คือ ความสามารถในการอดทน ทั้งในด้าน ความยากลำบากทางกาย ความอดกลั้นทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ ที่สามารถเผชิญและเอาชนะเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ที่รวดเร็วและไม่มีความแน่นอน ซึ่งจะเป็นรูปแบบพฤติกรรมการตอบสนองต่อปัญหา อุปสรรคในชีวิต

            เล่นนอกบ้าน
            เล่นนอกบ้าน

            ในยุคนี้ ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน รวมถึงฝุ่นและโรคภัยต่าง ๆ ทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้นอกบ้านได้น้อยลง จริงอยู่ว่าเด็กสามารถเรียนรู้หรือศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่านจอได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งทำให้เด็กขาดความต้องการที่จะออกไปหาความรู้หรือประสบการณ์นอกบ้าน เพราะการออกไปหาประสบการณ์นอกบ้าน ต้องอดทน รอคอย กว่าที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ ดูเหมือนเทคโนโลยีเหล่านี้จะดีใช่ไหมคะ ใช่ค่ะ ในยุคสมัยที่ข้อมูลมหาศาลหาได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วนั้นสะดวกค่ะ แต่สิ่งที่เทคโนโลยีเหล่านี้ ให้กับเด็กไม่ได้คือ Adversity Quotient หรือ ทักษะในการแก้ปัญหา การเอาตัวรอด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความอดทนต่อความยากลำบากต่าง ๆ ค่ะ

            จากการเฝ้าสังเกตุการณ์ของนักวิจัยเกี่ยวกับการเรียนและกิจกรรมในโรงเรียนอนุบาล พบว่าเด็กอนุบาลที่ขาดทักษะการแก้ปัญหา และทักษะในการอดทนต่อปัญหา มักจะไม่ยอมห่างจากพ่อแม่ ร้องไห้หรือไม่พอใจเมื่อต้องเข้าแถว ขอความช่วยเหลือจากคุณครูเมื่อมีปัญหาเสมอไม่ว่าปัญหานั้น ๆ จะเล็กหรือใหญ่ และเมื่อตนเองแพ้หรือผิดหวัง ก็มักจะร้องไห้หรือแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมา ดังนั้น วิธีแก้สำหรับเด็กที่ขาด Adversity Quotient คือการเล่นนอกบ้านนั่นเอง การเล่นนอกบ้านก็เป็นเหมือนเกมที่มีทั้งความตื่นเต้น อุปสรรค และความสนุกสนาน ให้เด็ก ๆ ได้ฟันฝ่า ซึ่งนอกจากความสนุกสนานแล้ว เด็ก ๆ จะมีพัฒนาการในทักษะด้านการแก้ปัญหา และการอดทนต่อปัญหาอีกด้วย โดยมีผลการวิจัยจาก Advances in Social Science, Education and Humanities Research (ASSEHR) ซึ่งได้วิจัยอาสาสมัครเด็กที่มีอายุ 5-6 ขวบ จำนวน  16 คน เป็นเด็กผู้ชาย 10 คน และเด็กผู้หญิง 6 คน โดยได้วัดทักษะ Adversity Quotient (AQ) ก่อนการทำ กิจกรรมนอกบ้าน และได้วัดทักษะ Adversity Quotient (AQ) อีกครั้งหลังจากที่ทดลองให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมนอกบ้านแล้ว พบว่าเด็กทั้ง 16 คน มีทักษะในการอดทนต่อปัญหา และมีทักษะในการแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ซึ่งกราฟด้านล่างนี้ แสดงให้เห็นว่าเด็กทั้ง 16 คน มีทักษะ Adversity Quotient (AQ) ที่เพิ่มขึ้นหลังจากได้ออกไปทำ กิจกรรมนอกบ้าน และเล่นนอกบ้าน

            Adversity Quotient
            Adversity Quotient
            • AA-AP แทนชื่อเด็กทั้ง 16 คน
            • Pre-cycle – ค่า Adversity Quotient ของเด็กแต่ละคนก่อนเริ่มทำ กิจกรรมนอกบ้าน
            • Cycle 1 – ค่า Adversity Quotient ของเด็กแต่ละคนหลังเล่นนอกบ้าน

            จากงานวิจัยชิ้นนี้ แสดงให้เห็นว่าการเล่นนอกบ้าน ช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหา และการอดทนต่อปัญหาได้จริง และนอกจากทักษะการแก้ปัญหา และอดทนต่อปัญหา จะเพิ่มขึ้นหลังการพาลูกเล่นนอกบ้านและทำกิจกรรมนอกบ้านแล้ว การเล่นนอกบ้านยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ดังต่อไปนี้

            6 ประโยชน์จากการพาลูกไปเล่นนอกบ้าน

              1. การเล่นนอกบ้าน ช่วยเรื่องสมาธิ เกม การ์ตูน และแอพต่าง ๆ ในมือถือและแท็ปเลต ทำให้เด็กมีความอดทนน้อยลง เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการของเด็กได้ง่ายและรวดเร็ว หากลูกต้องการเปลี่ยนคลิปการ์ตูนที่ต้องการดู ลูกเพียงแค่ใช้นิ้วกดเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถดูการ์ตูนที่ตนเองต้องการได้แล้ว การดูหรือทำอะไรที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ แบบนี้ จะทำให้เด็กไม่มีสมาธิ ถูกรบกวนได้ง่าย สมาธิหลุดบ่อย ๆ ไม่สามารถทำงานบางอย่างจนเสร็จได้ ในทางกลับกัน หากคุณพ่อคุณแม่พาลูกไปเล่นนอกบ้าน หากลูกต้องการที่จะร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ลูกจะต้องรู้จักรอคอยเพื่อให้ถึงคราวของตนเองถึงจะเล่นได้ และหากลูกไม่ได้เห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินกว่าสมองจะรับได้ จะทำให้ลูกมีสมาธิและสามารถทำสิ่งที่ตนเองต้องการจะทำให้สำเร็จได้
              2. เพิ่มทักษะการเข้าสังคม การออกนอกบ้าน แน่นอนว่าจะต้องได้พบเจอกับผู้คนหลากหลาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้หญิงและผู้ชาย ลูกจะได้เรียนรู้ถึงความต่างทั้งทางความคิด การแสดงออก จิตใจ และลักษณะทางกายภาพ เมื่อลูกได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละคนแล้ว ลูกก็จะได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว เพื่อให้อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้ การปรับตัว การระมัดระวังในกิริยาและวาจา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นนั้ จะช่่วยเพิ่มทักษะในการเข้าสังคมให้ลูกได้เป็นอย่างดี เมื่อลูกโตขึ้น ลูกจะรู้จักที่จะแสดงออกได้อย่างเหมาะสม
              3. เพิ่มวิตามินดีให้ร่างกาย การออกนอกบ้าน ทำให้เราได้เจอกับแสงแดด รังสียูวีบีจากแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับคอเลสเตอรอลในเซลล์ผิว ซึ่งทำให้เกิดวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง โดยเวลาที่เหมาะสมในการให้เด็กๆ ไปเล่นนอกบ้านเพื่อให้รับวิตามินดีจากแสงแดด ก็คือ ช่วงเช้าถึง 9.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาอื่น โดยเฉพาะช่วงเที่ยงและบ่าย เพราะแสงแดดอาจทำร้ายผิวของเด็ก ๆ ได้
              4. ลดโอกาสการเกิดสายตาสั้น เพราะการใช้สายตาในการเพ่งมองจอ หรือมองสิ่งต่าง ๆ ในระยะใกล้ไม่เกินระยะแขนเอื้อมถึง จะทำให้สายตาทำงานหนัก และทำให้เกิดสายตาสั้นได้ แต่การออกไปเล่นนอกบ้าน จะทำให้ลูกสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว จนไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาหนัก จึงทำให้ลดโอกาสการเกิดสายตาสั้นได้นั่นเอง
              5. รู้จักการแก้ปัญหาด้วยตนเอง การออกไปปั่นจักรยาน ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น หรือวิ่งเล่นนอกบ้านจะทำให้ลูกเจอปัญหาบางอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เช่น จักรยานโซ่หลุด อุปสรรคเวลาเล่นเครื่องเล่น สุนัขข้างบ้านเห่าใส่ ปัญหาอุปสรรคเหล่านี้จะฝึกทักษะการตัดสินใจของลูก ทำให้เขารู้จักแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับลูกในอนาคต เพราะว่าเราไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดเวลา และไม่สามารถแก้ปัญหาทุก ๆ เรื่องให้ลูกได้ ดังนั้นการให้เขาออกไปเล่นนอกบ้านก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะตัดสินใจและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
              6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เวลาลูกออกไปเล่นนอกบ้าน แน่นอนว่าเขาต้องเลอะ ตัวเปรอะ เปื้อนดินเปื้อนทราย และได้แบคทีเรียเป็นของแถมมาด้วย ซึ่งข้อดีของการเจอแบคทีเรียก็คือ จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของลูก ให้ลูกแข็งแรงขึ้นเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียเหล่านี้ ทำให้ลูกไม่ป่วยง่าย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่บอกว่าการเลี้ยงลูกในสภาพแวดล้อมที่สะอาดมากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด เป็นต้น

            คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นประโยชน์อย่างมหาศาลจากการพาลูกออกไปเล่นนอกบ้านกันแล้ว สุดสัปดาห์นี้ ลองชวนลูกให้ออกไปทำ กิจกรรมนอกบ้าน กันเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่อยู่เพียงหน้าบ้าน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามสถานที่เที่ยวต่าง ๆ ก็สามารถสร้างประสบการณ์ชีวิตดี ๆ ให้กับลูกได้

            ขอบคุณข้อมูลจาก : Advances in Social Science, Education and Humanities Research (ASSEHR), volume 58, 3rd International Conference on Early Childhood Education (ICECE-16), hellokhunmor.com

              สอนลูกใฝ่เรียนรู้

              6 ข้อสอนลูกเป็น คนดี มีภูมิคุ้มกัน ชีวิตพบแต่ความสุข

              ทุกคนอยากเห็นลูกเป็นคนเก่ง คนดี วิธีสร้างเด็กเก่งนั้นไม่ยาก แต่ทักษะความดีที่เด็กมีศักยภาพมาตั้งแต่เกิดนั้น เราจะดึงมันออกมาให้เขามีพร้อมทั้งสองด้านอย่างไร

              6 ข้อสอนลูกเป็น คนดี มีภูมิคุ้มกัน ชีวิตพบแต่ความสุข

              ในชีวิตคนเราเป้าหมายสูงสุดในการดำรงชีวิต คือ การทำชีวิตของตนให้มีความสุข แต่หนทางที่จะนำพาเราไปสู่ความสูขในชีวิตนั้นได้ ต้องมีทักษะในการดำรงชีพที่พร้อมเสียก่อน การจะได้มาซึ่งปัจจัยนำพาความสุขมาให้ในสังคมปัจจุบันนั้น เราคงต้องเริ่มต้นจากการทำตัวให้พร้อมเป็น “คนเก่ง” เพื่อที่จะได้ใช้ความรู้ ความสามารถนั้นมาทำประโยชน์ให้เกิดแก่ตน

              นิยามคำว่า “คนเก่ง”

              คนที่มีความสามารถสูงในการดำเนินชีวิต โดยมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งหรือรอบด้าน อาจมีความสามารถพิเศษเฉพาะทาง เช่น ความสามารถทางคณิตศาสตร์ ความสามารถด้านภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา การทำอาหาร การดีไซน์ เป็นต้น

              การเป็นคนเก่งมักจะมาพร้อมกับการมีภาวะผู้นำ รู้จักตนเอง ควบคุมตนเองได้ มีทักษะในการแก้ปัญหาดี มีวิสัยทัศน์ สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ

              เก่งอย่างเดียวเดินถึงเป้าหมาย แต่อาจขาดความสุข

              คุณพ่อคุณแม่คงเคยเห็นตัวอย่าง บุคคลในชีวิตจริงมากมายที่เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีอาชีพที่ดี ตำแหน่งใหญ่โต ฐานะร่ำรวย แต่บางคนอาจล้มเหลวในชีวิตครอบครัว ลูกไม่สามารถเจริญรอยตามความสามารถทางหน้าที่การงานของพ่อแม่ได้ เพราะว่าลูกไม่เคยได้รับเวลา คำสั่งสอน ความใกล้ชิด และมีความสัมพันธ์ที่ดีจากพ่อแม่ที่เอาแต่ทำงาน จึงไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่า เขาเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นเพียงคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเท่านั้น

              ดังนั้นคนมีความสุข จึงหมายถึง คนที่มีสุขภาพดีทั้งกายและจิตใจ เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง มีมนุษยสัมพันธ์ มีความรอบรู้ต่อทุกสรรพสิ่ง มีอิสระภาพรอดพ้นจากการตกเป็นทาสของอบายมุข และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียงแก่อัตภาพ

              จากคำนิยามความสุข คุณพ่อคุณแม่ก็จะเห็นได้แล้วว่า นอกจากการที่เราต้องช่วยลูกพัฒนาทักษะด้านความรู้ ความสามารถ เพื่อนำไปใช้หาเลี้ยงชีพในอนาคตแล้ว ยังมีอีกทักษะหนึ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันในการที่ต้องเสริมเพิ่มให้แก่ลูก เพื่อให้เขามีชีวิตที่มีความสุขอีกด้วย นั่นคือ การพัฒนาให้ลูกเป็นคนจิตใจดี มองโลกในแง่ดี มีหลักธรรมะในการดำเนินชีวิต หลักธรรมที่มุ่งสอนให้คนเรามีความรักต่อกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน และดำเนินชีวิตด้วยทางสายกลาง

              ครอบครัวมีสุข
              ครอบครัวมีสุข

              ศักยภาพของคนดี มีอยู่ในตัวเด็กทุกคน

              นิยามคำว่า “คนดี” 

              ก่อนอื่นเราต้องมาให้คำจำกัดความของคำว่าคนดีกันเสียก่อน เพื่อความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็หมายถึง คนที่ดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีจิตใจที่ดีงาม มีคุณธรรมจริยธรรม มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้งด้านจิตใจและพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น มีวินัย มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล มีเหตุผล รู้หน้าที่ ซื่อสัตย์ พากเพียร ขยัน ประหยัด มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นและสิทธิของผู้อื่น มีความเสียสละ รักษาสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นอย่างสันติสุข

              สิ่งต่าง ๆ ที่มาประกอบกันจนทำให้คนที่มีทักษะต่าง ๆ เหล่านั้นถูกเรียกว่า คนดี คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าลูกของเราทุกคนต่างเกิดมาพร้อมกับทักษะแห่งความดีเหล่านั้นอยู่แล้ว จะเห็นได้จากคำพูดที่ว่า “เด็กเป็นผ้าขาว” จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่อย่างเราต่างหากที่จะสามารถดึงศักยภาพความดีของลูกออกมาได้มากน้อยแค่ไหน การที่เราดึงศักยภาพออกมาได้เต็ม 100% ลูกก็จะกลายเป็นเด็กที่มีแต่ความสุขได้อย่างแน่นอน

              6 ข้อง่าย ๆ ดึงศักยภาพความเป็นคนดีให้ลูกพร้อมมีความสุข

              นักจิตวิทยา และงานวิจัยมากมายที่ได้กล่าวไว้ว่า การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับคน ๆ หนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อลูกได้รับการเรียนรู้ถึงการฝึกจิตของตนให้ตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรมที่ดีงาม เป็นที่ยอมรับของคนในสังคมแล้ว การเป็นคนดีของลูกก็ย่อมเป็นภูมิคุ้มกันชั้นเยี่ยมให้แก่เขาในอนาคต

              เป็น คนดี มีความสุข
              เป็น คนดี มีความสุข

              ข้อที่ 1 ยิ่งให้ยิ่งได้รับ (ความสุข)

              การรู้จักให้ หรือทาน เป็นหลักธรรมเบื้องต้น เป็นหลักธรรมแรกเริ่มของความดีทั้งหมด ช่วยให้เราไม่คิดจะเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว ชีวิตที่คิดแต่จะเป็นฝ่ายได้รับเป็นชีวิตที่ไม่สมดุล เป็นจิตที่คับแคบ เห็นแก่ตัว ทำให้เป็นคนไม่น่ารัก และมีความสุขยาก

              เด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาได้เพราะเป็นฝ่ายรับจากผู้อื่นมาตั้งแต่เกิด ทั้งน้ำนม อาหาร ความอบอุ่น ตลอดจนความรู้ อาจทำให้เขาเกิดความเข้าใจที่ผิด เคยชินว่าเขาต้องเป็นฝ่ายได้สิ่งที่ต้องการ เป็นผู้รับฝ่ายเดียวเท่านั้น ซึ่งความคิดเช่นนี้ถ้าติดมาจนโต อาจเป็นปัญหาได้ ดังจะเห็นได้จาก เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเข้าโรงเรียน เด็กบางคนที่ไม่ได้รับการสั่งสอนในเรื่องนี้มักมีปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อน เพื่อนไม่รักเพราะไม่เคยมีน้ำใจต่อผู้อื่น

              การสอนเด็กให้รู้จักให้ คือการสอนบทเรียนชีวิตข้อแรกว่า เมื่อรับแล้วต้องรู้จักให้ ต้นไม้ทุกต้นเติบโตเพราะได้รับน้ำ และอาหารจากพื้นดิน แต่เวลาเดียวกัน เขาก็รู้จักคายน้ำและทิ้งกิ่งใบให้เป็นปุ๋ยคืนแก่ดินด้วย เป็นการตอบแทนผืนดินที่หล่อเลี้ยงเขามา อีกทั้งยังให้อาหารและที่พักพิงแก่เพื่อนร่วมโลก เช่น นก กระรอก รวมทั้งมนุษย์

              แต่การให้มิได้หมายถึงการตอบแทน หรือเป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น พ่อแม่ควรสอนลูกถึงการให้ให้ลึกลงไปถึง การให้ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนอีกด้วย เราให้ผู้อื่น เพียงเพราะว่าเรารู้สึกมีความสุขที่เห็นเขาได้รับ จึงกล่าวได้ว่า “ผู้ให้ความสุขย่อมได้ความสุข” นั่นเอง

              ตัวอย่างแนวทางการสอน

              • พาลูกไปใส่บาตรในตอนเช้า เริ่มจากการให้เขาได้เห็นแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่
              • ให้เขาเลือกของเล่นของตนเองนำไปบริจาคแก่เด็กผู้ยากไร้
              • พาลูกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ได้เจอเพื่อน เด็กคนอื่นการเล่นร่วมกันเป็นการสอนให้เขารู้จักให้ และแบ่งปันได้ดี

              ข้อที่ 2 น้ำใจทำให้โลกน่าอยู่

              คำว่า “น้ำใจ” อาจกล่าวได้ว่าเป็นความรู้สึกที่เกิดพร้อม ๆ กับการให้ เมื่อเรามีน้ำใจเราจึงให้ทาน เมื่อเราให้ทาน คนรับจึงเกิดความรู้สึกว่าเรามีน้ำใจต่อเขา เพียงแต่ว่าคำว่าน้ำใจจะมีความหมายกว้างกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของ จะให้อะไร ราคาเท่าไหร่ ไม่สำคัญ บางทีแค่เพียงความช่วยเหลือ การลงแรงเก็บขยะ งานอาสาก็เท่ากับมีน้ำใจที่คิดจะให้

              ดังนั้นการแสดงน้ำใจต่อผู้อื่นจึงเป็นการง่ายสำหรับเด็กในการปฎิบัติได้จริง หากเขามีน้ำใจคุณค่าของคนเรามิได้อยู่ที่วัยหรือชื่อเสียงเงินทอง แต่อยู่ที่คุณภาพของใจต่างหาก ถึงจะไม่มีเงินให้ แต่ถ้ามีน้ำใจเสียแล้ว ก็สามารถให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเงิน

              ตัวอย่างแนวทางการสอน

              • ปลูกฝังได้ด้วยการสอนให้ลูกรู้จักช่วยงานบ้าน แม้จะมีคนใช้ก็ตาม สอนการช่วยแบ่งเบาภาระงานของเขาในส่วนที่เป็นของตนเอง เช่น หลังกินข้าว ช่วยรวบจาน เทเศษอาหารในจานตนก่อนไปวางไว้ที่ล้างจาน เป็นต้น
              • หางานจิตอาสามาร่วมทำกับลูก เช่น อาสาเก็บขยะในชุมชน
              ธรรมะสอนให้เป็น คนดี
              ธรรมะสอนให้เป็น คนดี

              ข้อที่ 3 รักษาศีล อยู่อย่างไม่เบียดเบียน

              การช่วยเหลือผู้อื่นจะเป็นไปได้ ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการรู้จักรักษาตนไม่ให้ก่อความเดือนร้อนแก่ใคร หรือเอาเปรียบส่วนรวม เช่น การฆ่าสัตว์ ลักขโมย ฉ้อโกง ล่วงละเมิดของรักของสงวนของผู้อื่น โกหก หรือเข้าหาสิ่งเสพติด หรือเรียกให้เข้าใจง่ายคือการปฎิบัติตามหลัก “ศีล”นั่นเอง

              พ่อแม่ที่สอนลูกไม่ให้เบียดเบียนใคร ไม่ว่าบุคคลหรือส่วนรวม เท่ากับสร้างรั้วป้องกันไม่ให้ความเดือดเนื้อร้อนใจเข้ามาใกล้ตัว ดังนั้นพ่อแม่จึงไม่ควรนิ่งดูดายหากลูกขโมยปากกาของเพื่อน ลอกการบ้าน ทุจริตในห้องสอบ หรือรังแก ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพราะเมื่อเราเมินเฉยจนลูกเคยชินจนเป็นนิสัย เมื่อโตขึ้นเขาก็จะเห็นพฤติกรรมไม่ดีเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เมื่อเราทำผิดกฎของการอยู่ร่วมกัน ความเดือดเนื้อร้อนใจ การถูกลงโทษก็จะตามมา ทำให้ชีวิตของลูกย่อมไม่ได้รับความสุข ความเจริญเป็นแน่แท้

              ตัวอย่างแนวทางการสอน

              • การสอนลูกยับยั้งชั่งใจ เมื่อลูกอยากได้ของเล่นพ่อแม่ควรวางกฎกติกาในการได้มาซึ่งของเล่นนั้น ไม่ใช่ตามใจซื้อให้ทุกครั้งที่ลูกร้องขอ เมื่อวันใดที่เขาอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเขา ก็อาจเกิดปัญหาการขโมยได้ ในเด็กเล็กอาจไม่เข้าใจความหมายของคำว่าขโมย เราจึงไม่ทำโทษลูกเมื่อลูกมีพฤติกรรมดังกล่าว แต่เราจสอนให้เขาเห็นถึงใจเขาใจเรา ถ้าของเราหายไปเราก็ไม่ชอบเช่นกัน
              • การให้ลูกได้มีโอกาสดูแลสัตว์เลี้ยง มอบหน้าที่ให้เขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูแล เพื่อให้ลูกเข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละคน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ พึ่งพากันและกัน เมื่อเขาเห็นถึงข้อนี้ ลูกก็จะไม่อยากไปรังแกใคร หรือสัตว์ตัวใด

              ข้อที่ 4 สอนให้ลูกชื่นชม ยินดีผู้อื่นด้วยใจคือการสร้างนิสัยใฝ่ดี

              การทำดี การทำบุญ ทำทาน หรือการมีน้ำใจ นอกจากจะสอนลูกให้มีพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว พ่อแม่ควรสอนให้ลูกเห็นถึงเจตนาที่ดีในการทำมากกว่าการตัดสินจากวัตถุที่ให้ หรือจะเรียกให้ง่ายก็คือ การทำบุญด้วยใจ เราทำสิ่งที่ดี ๆ ต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เพราะหวังผลตอบแทน แต่เป็นการทำด้วยใจ และเมื่อลูกเข้าใจหลักการข้อนี้ เวลาเขาเห็นคนอื่นทำดี หรือแบ่งปันเขาจะรู้สึกชื่นชม ยินดีในเจตนาที่ดีของเขา มิใช่ตัดสินที่มูลค่าสิ่งของ และจะเลยไปถึงการยินดี ชื่นชมเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีด้วย

              การทำบุญด้วยใจ ทำให้เป็นกุศล และมีความสุข ตรงกันข้าม การอิจฉาคนอื่นที่ทำดีกว่าตน หรือถือตัวถือตน ทำให้จิตใจเร่าร้อนและเครียดง่าย แต่ถ้าอยากให้ลูกมีสุขภาพใจที่สมบูรณ์ พ่อแม่ควรสอนลูกให้รู้จักฝึกจิตใจให้มีภูมิคุ้มกันความทุกข์ ฉลาดในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบใจด้วย

              ตัวอย่างแนวทางการสอน

              • สอนลูกให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือตัวถือตนหรือดูถูกผู้อื่น เพราะเห็นว่าเขามีอายุน้อยกว่าเรียนมาน้อยกว่า หรือมีฐานะต่ำกว่า แม้กับคนงานหรือคนรับใช้ในบ้านก็ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับเขา ข้อนี้รวมถึงการไม่ดูถูกคนที่นับถือศาสนาอื่นด้วย
              • เป็นตัวอย่างที่ดีในการพูดถึงคนอื่นในแง่ดี ไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่น
              เล่นดนตรี ฝึกสมาธิ
              เล่นดนตรี ฝึกสมาธิ

              ข้อที่ 5 สมาธิ..ฝึกใจให้สงบเบาสบาย

              การฝึกสมาธิช่วยให้ใจสงบง่าย ดับความโกรธความเร่าร้อนได้ดี เวลาลูกโมโห ควรแนะให้ลูกหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สัก 4-5 ครั้งเป็นอย่างน้อย แต่สมาธิจะได้ผลดี ต้องฝึกเป็นประจำแม้ในยามปกติ วิธีฝึกสมาธิสำหรับเด็ก ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่ง ๆ เหมือนผู้ใหญ่เสมอไป การให้เขารับรู้ความรู้สึกของตนเอง ณ ขณะนั้น การนั่งนับตัวเลข 1-10 จนครบเพื่อให้จิตใจสงบก็เป็นเสมือนการฝึกสมาธิสำหรับเด็กแล้ว

              ตัวอย่างแนวทางในการสอน

              • พ่อแม่อาจใช้เกมช่วยให้เด็กมีสมาธิได้ เช่น ให้เด็กเคลื่อนไหวช้าๆ โดยเคลื่อนอวัยวะทีละส่วน เหมือนกับเป็นตุ๊กตาหุ่นยนต์ โดยมีกติกาให้เด็กสังเกตความรู้สึกทุกส่วนที่เคลื่อนไหววิธีนี้จะทำให้เด็กสนุกกับการจดจ่อทำให้เกิดสมาธิ
              • ไม่อนุญาตให้ลูกทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เพราะเป็นการสร้างนิสัยจับจด ไม่มีสมาธิ เป็นนิสัยที่ไม่ทำให้ลูกสร้างจิตที่สงบได้ เวลาเกิดปัญหาเขาจะทำอะไรไม่ถูก แก้ปัญหาไม่ได้ ความสุขในชีวิตก็ไม่บังเกิด

              ข้อที่ 6 ไม่ยึดถือตัวตน ใช้ปัญญาแก้ปัญหา

              ปัญญาไม่ใช่เพียงแค่การเรียนเก่งเท่านั้น แต่เป็นการสร้างปัญญาให้ตนเอง ด้วยการคิดถูกคิดชอบ ไม่ยึดเอาความถูกใจของตนเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งก่อนที่เราจะเกิดปัญญาได้ ต้องเริ่มจากการไม่ยึดถือตัวตน ความคิดของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง หากเรายอมรับในเรื่องนี้ได้แล้ว เมื่อประสบกับปัญหาใดก็ตาม ลูกก็จะเอาความถูกต้องเป็นหลัก ยอมรับฟังคำตักเตือน เพื่อมาใคร่ครวญว่าที่เขาพูดนั้นถูกต้องไหม ท่าทีแบบนี้นอกจากจะทำให้ไม่ทุกข์เวลาถูกตักเตือนแล้ว ยังจะได้ประโยชน์ ช่วยพัฒนาตนเองอีกด้วย

              ตัวอย่างแนวทางในการสอน

              • ฝึกให้ลูกทานอาหารในจานให้หมด ไม่เลือกรับประทานแต่ที่ชอบ เพราะทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

              เทคนิคง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปใช้เตรียมพร้อม สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกได้พบแต่สิ่งที่ดีงาม เพราะว่าไม่มีสิ่งใดจะทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราดีใจไปกว่าการที่ได้เห็นลูกมีความสุข ความเจริญในชีวิต

              ข้อมูลอ้างอิงจาก kroobannok.com / wsc.ac.th

              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

              “สอนลูกทำบุญ” อย่างฉลาด! ด้วย 6 วิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก

              10 วิธีฝึกลูกให้ “กล้าแสดงออก” อย่างเหมาะสม ไม่ก้าวร้าว

              10 ทักษะสอนลูกให้เป็นคนดี มีศีลธรรม!

              เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้ลูกมี พัฒนาการด้านอารมณ์ ที่ดี

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                จิตอาสา

                ทำไมต้องช่วยเหลือผู้อื่น? จิตอาสา พาชีวิตดีขึ้นอย่างไร?

                ฝึกลูกให้มีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่น มี จิตอาสา ตั้งแต่เด็ก จะสร้างผลประโยชน์มหาศาลทั้งกับตัวลูกเอง และผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี มาดูกันว่าการช่วยเหลือผู้อื่น จะช่วยให้ชีวิตลูกดีขึ้นได้อย่างไร

                ทำไมต้องช่วยเหลือผู้อื่น? จิตอาสา พาชีวิตดีขึ้นอย่างไร?

                ถ้าเราต้องการความสุขเพียงชั่วยาม…ให้งีบหลับ

                ถ้าเราต้องการความสุขทั้งวัน…ให้ไปตกปลา

                หากเราต้องการความสุขทั้งชีวิต…ให้ช่วยเหลือผู้อื่น

                จะเห็นได้ว่าการช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เราเกิดสุข เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สัตว์สังคม คือ สัตว์ที่โดยธรรมชาติแล้วต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีความสัมพันธ์ อาศัยพึ่งพากัน นอกจากความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว การมี จิตอาสา สามารถช่วยพัฒนาตัวเราให้มีความคิดในด้านบวก และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้ หากสังคมเต็มไปด้วยการช่วยเหลือกันและกัน ทุกคนก็จะมีความสุขมากขึ้น เพราะทุกคนจะได้พบความสุขจากการช่วยเหลือกันและกัน สุขใจที่ได้ให้และสุขใจที่ได้รับ มาดูเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรช่วยเหลือผู้อื่นกันค่ะ แล้วเราจะเห็นได้ว่าการช่วยเหลือซึ่งการมีประโยชน์มากแค่ไหน

                5 ประโยชน์ของการช่วยเหลือผู้อื่น

                1. ทำให้เกิดความสุข

                อย่างที่เคยกล่าวไปข้างต้นว่า หากเราต้องการความสุขทั้งชีวิต…ให้ช่วยเหลือผู้อื่น ใช่ค่ะ การช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เกิดความสุขได้จริง นี่ไม่ใช่การกล่าวลอย ๆ เคยมีงานวิจัยซึ่งได้ผลว่าการทำกิจกรรม จิตอาสา ช่วยเพิ่มความสุขให้แก่ อาสาสมัครคนนั้น และในอีก 1 วิจัยได้กล่าวไว้ว่าการช่วยเหลือผู้อื่นโดยการให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงิน หรือให้สิ่งของ ก็ทำให้ผู้ให้ได้พบกับความสุขที่เพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “helper’s high” เพราะการช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟีน สารที่ทำให้เกิดความสุขได้นั่นเอง

                2. เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น

                เมื่อคุณช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ให้กันและกัน และจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ทำให้เกิดความสนิทสนมกันได้ง่ายขึ้น และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ได้ช่วยเหลือเรากลับ เราก็จะเกิดความรู้สึกดีกับคน ๆ นั้นเช่นกัน จนเกิดการแบ่งปันกันในสังคม

                3. สามารถปรับตัวและรับมือกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

                การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ทำให้เราเกิดความเครียดมากขึ้น แถมยังสอนให้เราปรับตัวและรับมือกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะการได้รับรู้ปัญหาของผู้อื่น และเราได้ช่วยลงมือแก้ไขปัญหานั้น ๆ จะเป็นบทเรียนให้ตัวเรารู้จักรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้ในอนาคตนั่นเอง

                5. ทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น

                หากอยากมีชีวิตยืนยาว ให้เป็นผู้ให้ การช่วยเหลือผู้อื่นช่วยให้:

                • ลดความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น
                • การไม่มีความเครียดจะลดอัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตลง 22%
                • การช่วยเหลือผู้อื่นดีต่อสุขภาพจิต

                ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการกอด การประสานสายตา การยิ้ม จะช่วยให้เราหลังฮอร์โมนที่ชื่อว่า Oxytocin (ออกซิโทซิน) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฮอร์โมนแห่งความรัก ฮอร์โมนนี้จะช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดี เมื่อเราไม่มีความเครียด ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น

                5. ช่วยให้รู้จักความหมายของชีวิต

                ความหมายในชีวิต คือ การรับรู้ของคนเราถึงเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของตนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจดำรงชีวิตอยู่อย่างมั่นคงเมื่อเผชิญกับอุปสรรคหรือวิกฤตของชีวิต ความหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวในลักษณะของการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตอย่างมุ่งมั่น และมีทัศนะต่อชีวิตที่เข้มแข็งเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ต่อได้ การช่วยเหลือผู้อื่นจึงทำให้เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้นนั่นเอง

                ช่วยเหลือผู้อื่น
                ช่วยเหลือผู้อื่น

                วิธีปลูกฝังให้ลูกรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น

                สังคมในยุคสมัยนี้ ที่มีสังคมออนไลน์มาเป็นฉากกั้นให้เราได้พูดคุยกันนอกจอน้อยลง ติดต่อกันน้อยลง สัมผัสถึงอารมณ์และความรู้สึกกันได้น้อยลง การช่วยเหลือกันและกันจึงทำได้น้อยลง จึงทำให้การปลูกฝัง จิตอาสา ให้ลูกทำได้ยากขึ้น ทีมแม่ ABK ขอนำบทความจาก Rama Chanel ที่ได้กล่าวถึงวิธีปลูกฝังลูกให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ดังนี้

                1. การช่วยเหลือทางกาย

                การช่วยเหลือทางกาย คือการช่วยเหลือเมื่อบุคคลอื่นกำลังประสบกับปัญหาทางกาย เช่น

                  • ให้ความช่วยเหลือ หากพบว่า มีคนเอื้อมมือหยิบของบนที่สูงไม่ถึง (ถ้าคุณตัวสูงพอ)
                  • หากกำลังจะเปิดประตูเข้าอาคารห้างร้าน แล้วพบว่า มีคนเดินตามาข้างหลัง แค่เปิดประตูค้างไว้นานอีกนิด เผื่อให้คนที่ตามมาข้างหลังได้เข้ามาด้วยก็จะเป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อต่อเขาด้วยเช่นกัน
                  • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนอ่อนแอ หรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกกระทำรุนแรง
                  • หากทราบว่า เพื่อนบ้าน คนรู้จักป่วย ลองให้ความช่วยเหลือแก่เขาเหล่านั้น เช่น ส่งอาหารอร่อย ๆ ไปให้ ไปเยี่ยมเป็นเพื่อนพูดคุยคลายเหงา จะช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น
                  • ทำขนมอร่อย ๆ และแบ่งให้เพื่อนบ้านลองชิม
                  • หากคุณพบว่ามีคนประสบปัญหาทางการเงิน หรือประสบภัยพิบัติ ลองให้ความช่วยเหลือโดยการซื้อของใช้จำเป็นไปมอบให้
                  • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนชรา ที่กำลังรอข้ามถนน หรือต้องขึ้นลงรถโดยสารประจำทาง

                2. การช่วยเหลือทางวาจาและจิตใจ

                การพูด การให้กำลังใจ หรือการใช้อวัจนภาษา เพื่อให้บุคคลอื่นรู้สึกดีขึ้น มองเห็นทางสว่างหรือทางออกของปัญหาได้ ก็ถือเป็นการช่วยเหลือได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น

                  • ยิ้มและทักทายคนรู้จักด้วยไมตรีจิต
                  • กรณีที่คุณได้รับบริการพิเศษ หรือเกิดเรื่องประทับใจใด ๆ ขึ้นกับหน่วยงานที่คุณเข้าไปติดต่อ เช่น ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ไม่ตะคอกใส่ ไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเรียนของคุณ ลองเขียนจดหมายบอกเล่าถึงความดีของเจ้าหน้าที่คนนั้นส่งไปให้องค์กรของเขาได้รับทราบ
                  • เมื่อมีคนพยายามจะเปิดวงนินทา แล้วคุณบังเอิญอยู่ในวงนั้นพอดี ขอให้ลองชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือไม่ก็หางานอย่างอื่นทำ
                  • ให้กำลังใจเพื่อน หรือคนรู้จัก หากทราบว่า เขาเจอเรื่องแย่ ๆ มา
                  • หากคุณมีหนังสือดี ๆ และต้องการมอบมันให้กับใครสักคนที่ต้องการกำลังใจ ลองวางในที่ที่คาดว่า จะมีคนมาพบ และหยิบมันขึ้นดูแน่ ๆ เช่น บนเก้าอี้รถเมล ในสวนสาธารณะ จะดียิ่งขึ้น หากคุณเขียนโน้ตบอกผู้ที่มาหยิบหนังสือนี้ว่า ขอให้ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านรู้สึกดี ๆ กับหนังสือเล่มนี้เหมือนที่คุณรู้สึก และแบ่งปันให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป
                  • ลองชวนลูกเขียนจดหมาย -ส่งข้อความดี ๆ หาเพื่อน หาคุณตาคุณยาย คนรู้จัก

                สิ่งต่าง ๆ ที่เขียนมานี้ ในบางข้อลูกจะยังไม่สามารถทำได้เองหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเป็นตัวอย่างที่ดี โดยการทำให้ลูกเห็นเป็นประจำ เพื่อปลูกฝังนิสัยดี ๆ เหล่านี้ให้ลูกได้นำไปใช้เมื่อโตขึ้น เพราะหากพ่อแม่ไม่ทำให้ลูก ๆ ดูก่อน เด็กก็คงไม่ยอมทำตาม ดังนั้น หากต้องการให้ลูกรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เราต้องช่วยเหลือผู้อื่นให้ลูกเห็นก่อนค่ะ

                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                โครงการจิตอาสา สอนลูกช่วยสังคมได้ง่าย ๆ แม้อยู่บ้าน

                ท่องศีล5 ลูกได้แค่จำ ลองวิธีใหม่ช่วยเข้าถึงแก่นธรรมง่ายๆ

                ลูกเก่งรอบด้าน แค่เพียงแม่ชวนลูก “นั่งสมาธิ”

                5 ลักษณะนิสัยของเด็ก “อารมณ์ดี” มีความมั่นคงทางจิตใจ

                 

                ขอบคุณข้อมูลจาก : dosomethingcool.net, www.rama.mahidol.ac.th

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  เกมฝึกทักษะ

                  เกมฝึกทักษะ การแก้ปัญหา ฝึกลูกก่อนเผชิญของจริง

                  ทักษะ การแก้ปัญหา ของเด็กหายไปไหน ข้อกังวลของแม่ๆที่ได้มาปรับทุกข์กันเมื่อลูกชอบทิ้งปัญหาไม่ยอมแก้ ก่อนที่จะสายไปเรามาฝึกทักษะนี้ให้ลูกด้วยเกมสนุกๆกันดีกว่า

                  เกมฝึกทักษะ การแก้ปัญหา ฝึกลูกก่อนเผชิญของจริง

                  เด็กที่ขาดความอดทน ไม่ยอมลำบาก กลัวแพ้ และไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องให้พ่อแม่เป็นผู้ช่วยเหลือ คงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกน้อยของเรากันอย่างแน่นอน แต่เพราะเหตุใดที่จะนำพาให้พวกเขาต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ตัวลูกเองคงไม่อยากมีลักษณะนิสัยเช่นนี้เป็นแน่ เด็กทุกคนก็คงอยากเป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ของตนเอง เราเชื่อว่าลูกก็คงทุกข์ใจไม่แพ้คุณพ่อคุณแม่เช่นกัน

                  เรื่องทักษะการแก้ปัญหาเป็นเรื่องจำเป็นของสังคมมนุษย์ เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญปัญหาและอุปสรรคในชีวิตทั้งนั้น แตกต่างกันตรงที่จะมีวิธีรับมือ หรือจัดการกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างไรต่างหาก

                  ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการปลูกฝัง หรือการเลี้ยงดูที่เหมาะสมจากพ่อแม่ด้วยว่าได้เลี้ยงดูลูกอย่างไร เราเข้าไปจัดการปัญหาแทนลูกจนเกินไปไหม หรือปล่อยให้ลูกได้เผชิญปัญหา หรือช่วยเหลือตัวเองบ้างหรือไม่

                   

                  ลูกหนีปัญหา
                  ลูกหนีปัญหา

                   

                  กันไว้ดีกว่าแก้!!

                  ความสามารถในการแก้ไขปัญหา เป็นความฉลาดด้านหนึ่งของมนุษย์ หรือที่เรียกว่า AQ (Adversity Quotient ) หมายถึง การมีความสามารถในการเอาชนะฝ่าฟันอุปสรรค ความอดทนต่อความยากลำบากโดยไม่ย่อท้อ มีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ หรือปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ความสามารถในการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่งในสังคมยุคปัจจุบัน

                  เมื่อการเลี้ยงดูเป็นส่วนสำคัญในการสอนให้ลูกรู้จัก การแก้ปัญหา ด้วยตัวเอง  มีคำแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้เผชิญกับปัญหา และแก้ไขปัญหานั้นด้วยตนเอง แต่ความเป็นห่วงของพ่อแม่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ทาง ทีมแม่ ABK ตระหนักรู้ถึงสัจจะธรรมข้อนี้เป็นอย่างดี เราจึงได้นำ เกมฝึกทักษะการแก้ปัญหา มาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังต้องการตัวช่วยในเรื่องนี้กัน เพราะเกมเป็นเสมือนการจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญปัญหาที่ต้องแก้ไขให้ผ่านพ้น จึงจะสามารถผ่านด่านต่าง ๆ ไปได้จนพบกับผลลัพธ์ ผลสำเร็จ เป็นรางวัลตามมา

                  ดังนั้นเกมจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ลูกได้ฝึกการแก้ปัญหา ก่อนที่จะไปเผชิญกับปัญหาในชีวิตจริง เป็นการให้เขาได้ซ้อม ได้เตรียมตัว ไม่ตื่นตระหนก เมื่อเขาทำได้ก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจ การรับรู้ความสามารถในตัวเอง และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ไม่ต้องห่วง หรือกังวลกลัวลูกแก้ปัญหาไม่ได้มากเกินไป เพราะเป็นเพียงเหตุการณ์สมมติเท่านั้น

                  เกมฝึกทักษะการแก้ปัญหา เกมนี้แสนสนุก ท้าทายจัง

                  เกมฝึกทักษะการแก้ปัญหา เป็นอีกวิธีการหนึ่งเพื่อให้เด็กรู้จักปัญหา ไม่ตื่นตระหนก หรือหวั่นวิตก พร้อมกันนั้นยังช่วยฝึกให้เด็กเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตัวของเขาเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาแก่ลูกน้อยได้บ้าง แต่มิใช่เป็นการลงมือทำให้ลูกเอง โดยที่เขาไม่ได้ลองทำด้วยตัวเอง จงท่องไว้ว่า เราไม่ได้ต้องการผลลัพธ์ หรือรางวัลจากเกมนั้น ๆ วิธีการที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จต่างหากที่เราต้องการไว้ฝึกลูกให้เขาสามารถค้นหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านไหวพริบ ความมีเหตุมีผล และความคิดที่ยืดหยุ่นของเด็กได้เป็นอย่างดี

                   


                  เกมฝึกทักษะ การแก้ปัญหา

                   

                  เกมจับคู่ หนูทำได้

                  เป็นเกมที่เหมาะสำหรับทุกวัย เพราะเป็นเกมที่ไม่ซับซ้อน เกมจับคู่ที่ดูเหมือนว่าจะทำให้เราใช้ทักษะเพียงแค่ความจำในการเล่นเกม แต่แท้จริงแล้ว ผู้เล่นจะต้องทำการจัดกลุ่มความคิด ความจำของแต่ละการ์ดเป็นชุด ๆ จะได้ทำให้จำได้ง่ายขึ้นเวลาที่จะจับคู่ และใช้ความเชื่อมโยงของภาพนั้น ๆ กับตำแหน่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็เป็นทักษะในการจัดการปัญหาอย่างหนึ่ง เมื่อเราพบปัญหา สิ่งแรกที่ต้องทำในการแก้ปัญหา นั่นคือ การแยกประเด็นของปัญหานั้น ๆ สิ่งใดควรได้รับการแก้ไขก่อน สิ่งใดต้องรอ ซึ่งก็เหมือนกับการจัดกลุ่มของความจำ และใช้การเชื่อมโยงปัญหาในการเล่นเกมจับคู่นั่นเอง

                  วิธีการเล่น

                  ใช้การ์ดภาพที่เหมือนกันภาพละ 2 ใบ ในหนึ่งสำรับมีหลายคู่ วางคว่ำหน้า และปะปนคละกระจายกันไป สลับกันเปิดการ์ดทีละคน หากสามารถเปิดการ์ดที่มีภาพเหมือนกันได้ ก็สามารถเปิดต่อไปจนกว่าจะได้ภาพที่ไม่เหมือนกัน ผู้เล่นลำดับถัดไปจึงเล่นต่อได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเพิ่มความยากด้วยการหาภาพที่สัมพันธ์กันมาใช้สำหรับจับคู่ อาทิ แมวกับปลา หมากับกระดูก แทนการใช้ภาพที่เหมือนกัน เพื่อให้เขาเข้าใจความสัมพันธ์ของภาพนั้น ๆ เป็นการสอนความรู้ให้เด็ก ๆ ไปด้วยได้อีกทางหนึ่ง

                  เกมเรียงลำดับเหตุการณ์ การ์ดไหนเกิดก่อนกัน

                  เพื่อให้เด็กเข้าใจและเชื่อมโยงสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้การเรียงลำดับภาพมาเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกลูกได้ โดยเราอาจจำลองสถานการณ์ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการสอนลูกเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ลูกควรแก้ปัญหาด้วยวิธีใด อย่างไร เป็นการสอนการปฎิบัติตัวเวลาเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ดีกว่าการพร่ำสอนด้วยปากเปล่า เพราะเด็กจะเห็นภาพเหตุการณ์นั้นได้ชัดเจนกว่า เช่น อยากสอนลูกในสถานการณ์หากเขาถูกลืมทิ้งไว้ในรถ ก็อาจจะวาดภาพออกมาเป็นลำดับ ภาพแรกตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวในรถที่ล็อคอยู่ ภาพที่สอง ทุบกระจกร้องเรียกให้ช่วย ภาพที่สาม บีบแตรรถตรงที่นั่งคนขับ เป็นต้น

                  วิธีการเล่น

                  โดยการให้ลูกลองเรียงลำดับสถานการณ์ตามความเข้าใจของตัวเอง โดยมีพ่อแม่คอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ หรือถ้าลูกยังเล็กอาจเรียงลำดับสถานการณ์ไว้ให้ตามลำดับ แล้วเว้นช่วงใดช่วงหนึ่งเพื่อให้เด็กวิเคราะห์และเติมสถานการณ์ที่เว้นว่างไว้ให้ถูกต้อง

                   

                  การแก้ปัญหา เพิ่มความมั่นใจ
                  การแก้ปัญหา เพิ่มความมั่นใจ

                   

                  เกมหาตัวเลข (คำศัพท์) ฉันอยู่ไหนเอ่ย??

                  เกมนี้เป็นเกมที่ฝึกพัฒนาการของเด็กหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความจำ การสังเกต การแก้ปัญหา และไหวพริบ เพราะการหาคำศัพท์หรือตัวเลขที่อยู่กระจัดกระจายเต็มหน้ากระดาษต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก หากต้องการเพิ่มความยากก็แค่กำหนดเวลาในการหาคำศํพท์หรือตัวเลขของลูก เท่านี้เขาก็จะเห็นว่าเกมนี้เป็นเกมที่ท้าทายขึ้น หรือหากคุณพ่อคุณแม่ร่วมเล่นกับลูกด้วย เมื่อมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก็จะเป็นการช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของลูกได้เป็นอย่างดี ข้อสำคัญไม่ควรอ่อนข้อให้กับลูกมากจะเกินไป เพราะเขาจะไม่ได้รับการจำลองเหตุการณ์ความกดดันเวลาต้องแข่งขัน การแข่งขันจะนำมาซึ่งการเรียนรู้ในการจัดการอารมณ์ และวางแผนในการเล่นเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งถือว่าเป็นทักษะที่ดีในการแก้ปัญหา

                  วิธีการเล่น

                  ใช้เพียงกระดาษว่าง ๆ แล้วเขียนตัวเลข 1-100 หรือ จะเป็นเป็นคำศัพท์ใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับวัยของลูก โดยเขียนกระจัดกระจายไปให้ทั่วแผ่นกระดาษ เริ่มเล่นด้วยการหาตัวเลขเรียงลำดับไปเรื่อย ๆ เมื่อหาเจอแล้ววงกลมล้อมรอบไว้ หากมีผู้เล่นหลายคนให้แยกสีปากกาที่ใช้วง (ถ้าหากเป็นคำศัพท์ต้องมีผู้ที่คอยบอกคำที่เป็นโจทย์ให้หา)

                  เกมเติมคำ ช่วยคนถูกแขวนคอ

                  เกมที่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงเคยเล่นกันในสมัยเด็ก ถ้ายังจำกันได้ คือเกมหาคำเติมคำศัพท์ ช่วยคนถูกแขวนคอ เกมคำศัพท์แต่เพิ่มภารกิจอันแสนลุ้นว่าจะช่วยคนได้หรือไม่ เป็นการเพิ่มความท้าทายให้กับเกม และนอกเหนือจากนั้นยังเป็นการปลูกฝังความเป็นผู้นำ ความอยากช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนได้อีกด้วย เป็นการท้าทายความสามารถในการจัดการปัญหาของลูกว่า เขาจะเดาตัวอักษรมาเติมคำศัพท์นั้นอย่างไร หากลูกใช้วิธีการเดาสุ่ม เดามั่ว จำนวนในการคาดเดาก็มีผลต่อการแขวนคอของคนด้วย ดังนั้นจึงต้องจัดการการเดาตัวอักษรให้ดี มีหลักการความน่าจะเป็นไม่พูดมั่ว ๆ ไป เกมนี้จึงเป็นการช่วยฝึกให้ลูกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทั้งยังช่วยลูกทบทวนคำศัพท์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

                  วิธีการเล่น

                  กำหนดคำศัพท์ขึ้นมาหนึ่งคำ แต่เว้นช่องตัวอักษรในคำไว้บางตัว เพื่อให้ผู้เล่นหาตัวอักษรมาเติมคำ ให้คำ ๆ นั้นสมบูรณ์ หากตัวอักษรที่เลือกมาไม่ถูกต้อง ก็จะทำการวาดเติม เสา เชือก หัวคน ส่วนตัว แขน ขา ทีละอย่างจนกระทั่งครบ เท่ากับว่าไม่สามารถช่วยคนถูกแขวนคอได้

                   

                  ร่วมเล่นเกม การแก้ปัญหา
                  ร่วมเล่นเกม การแก้ปัญหา

                   

                  เกมใบ้คำขำกระจาย

                  ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกมาเล่นเกมใบ้คำด้วยท่าทาง ผลัดกันเป็นคนใบ้ เป็นคนทาย จากคำที่กำหนด เราอาจได้เห็นกระบวนการคิดของลูกว่าเขาจะจัดการปัญหาในการใบ้คำอย่างไร จะใบ้คำด้วยท่าทางตามความหมายของคำนั้นตรง ๆ หรือจะแยกคำใบ้เพื่อให้ง่ายขึ้น และอีกหลายต่อหลายทักษะที่ลูกต้องงัดขึ้นมาใช้ในการใบ้คำ ทายคำเพื่อที่จะสามารถเก็บชัยชนะมาเป็นของตนให้ได้ นอกจากได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาแล้ว การเล่นเกมภายในครอบครัวยังสร้างเสียงหัวเราะ ความสนุก และเพิ่มความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่กับลูก ๆ ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

                  วิธีการเล่น

                  ทำบัตรคำศัพท์ที่จะให้ทายมาเป็นชุด หลาย ๆ ชุด แบ่งเป็นคู่ที่จะเป็นคนใบ้ และคนทายคำ การใบ้คำอาจจะให้ใช้คำพูด หรือห้ามพูดเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ประเมินว่าลูกอยู่ในวัยที่สามารถเล่นแบบไหนได้

                  คงพอเห็นตัวอย่างการใช้เกม ที่เป็นเรื่องสนุก ท้าทายมาช่วยในการฝึกเพิ่มทักษะการแก้ปัญหาให้ลูกกันบ้างแล้ว ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเกมที่ยกตัวอย่างมาให้คุณพ่อคุณแม่เท่านั้น เราสามารถปรับเปลี่ยนเกมใด ๆ ก็ได้ที่ลูกชอบมาร่วมเล่นกันภายในครอบครัว เพราะจุดสำคัญของการเล่นเกมเพื่อฝึกทักษะใด ๆ นั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่จะช่วยแนะนำ ชี้แนะให้ลูกได้เห็นแนวทางการแก้ปัญหา หรืออาจเป็นตัวอย่างที่ดีในการเลือกวิธีจัดการปัญหาให้ลูกเห็น และเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองผิดลองถูกเสียบ้าง นั่นคือใจความสำคัญในการฝึกทักษะให้แก่ลูกน้อยเพื่อเขาจะได้เดินหน้าสู้กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเขาได้อย่างมีแนวทาง และไม่เป็นกังวล

                  ข้อมูลอ้างอิงจาก trueplookpanya.com/ MGR online
                    พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูก

                    พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูก อย่าหลอกเด็ก โตขึ้นลูกจะกลายเป็น เด็กเลี้ยงแกะ

                    การโกหกโดยไม่ตั้งใจ อาจส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กพูดปด มาดูสาเหตุที่ พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูก พร้อมกับเทคนิคการเลี้ยงลูกสไตล์ดีเจเพชรจ้า

                    พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูก เทคนิคเลี้ยงลูกไม่ให้เป็นเด็กขี้โกหก

                    คุณพ่อลูกหนึ่งที่หลายคนติดตาม ดีเจเพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย คุณพ่อสุดเท่ที่ชอบโพสต์ภาพความน่ารักของน้องไทก้าอยู่เสมอ พร้อมกับแชร์ความคิด ไอเดียการเลี้ยงลูกที่น่าสนใจ และหนึ่งในเทคนิกการเลี้ยงลูกของคุณพ่อเพชรจ้าก็คือ การไม่โกหกลูก โดยคุณพ่อเพชรจ้า ได้โพสต์ภาพตัวเองกับลูกชาย ทั้งยังแชร์เทคนิคของการเลี้ยงลูกไว้ว่า

                    “เทคนิค 1 อย่างของการเลี้ยงลูก คือ ไม่โกหก ไม่โกหกว่า ทำนี่ก่อน ทำนี่ก่อน แล้วเดี๋ยวให้ของเล่น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของเล่น
                    กินข้าวก่อน แล้วจะพาไปเที่ยว แต่กินเสร็จไม่พาไป

                    เช้าวันหนึ่ง เฮียหาแว่นไม่เจอ เลยถามไทก้าว่า เห็นแว่นปะป๊ามั้ย ไทก้าบอกแบบไม่คิดเลย อยู่ในรถป๊า แล้วมันก็อยู่จริง ๆ เด็กมันรู้ เด็กมันจำได้ ความจำมันดีกว่าเราเยอะ

                    อย่าไปโกหกเด็กเลย สงสารเค้า เค้าก็คาดหวัง เรื่องโกหก จริง ๆ ใช้ได้กับทุกคนด้วย รักกัน ไม่โกหกกัน น่ารักที่สุดนะคับ ปะป๊ายังไม่เคยโกหกไทก้าเลยเนอะ เคยแค่จับลูกเข้ามุมร้องไห้โฮ 555555 i love my family”

                    เทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยการไม่พูดโกหกสไตล์ดีเจเพชรจ้านั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการเลี้ยงลูก หากพ่อแม่ซึ่งเป็นต้นแบบยังโกหก พูดเรื่องไม่จริง ลูกจะซึมซับและกลายเป็นเด็กพูดโกหกได้

                    พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูก อย่าโป้ปดเพื่อหลอกลูกให้ทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ

                    การไม่โกหกลูก เป็นพื้นฐานสำคัญในการเลี้ยงลูก เช่นเดียวกับเรื่องหลอกเด็ก หรือการพูดปดเพื่อให้เด็กทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ จะยิ่งบ่มเพาะนิสัยการโกหกให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้ยืนยันได้จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงวารสาร “จิตวิทยาเด็กเชิงทดลอง” (Journal of Experimental Child Psychology) โดยทีมนักวิจัยด้านสังคมศาสตร์และจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (NTU) ที่ระบุว่า การโกหกของพ่อแม่ยิ่งบ่อยมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกมีนิสัยขี้โกหก เมื่อเติบโตขึ้นก็จะกลายเป็นคนโป้ปด

                    จากกลุ่มตัวอย่างที่ถูกหลอกด้วยเรื่องโกหกในวัยเด็ก เพิ่มแนวโน้มที่จะพูดโกหกมากขึ้น หรือพูดจาเกินจริงตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แม้แต่การโกหกเพื่อรักษาน้ำใจหรือโกหกเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้อื่น ล้วนส่งผลเช่นกัน

                    กลุ่มตัวอย่างที่โกหกบ่อย ๆ ยังมีปัญหาด้านการปรับตัวทางจิต-สังคม (Psychosocial adjustment) ส่วนพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว มีความเห็นแก่ตัว รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า และชอบข่มขู่ผู้อื่น

                    เมื่อพ่อแม่โกหกลูก สร้างเรื่องหลอกเด็ก แต่กลับสอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกันของคำสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์และพฤติกรรมการโกหกของพ่อแม่ จนกลายเป็นว่าลูกหมดความเชื่อใจในตัวพ่อแม่ได้

                    ลูกพูดปดเลียนแบบพ่อแม่

                    หนึ่งในสาเหตุที่ลูกโกหกนั้น เกิดจากการเลียนแบบผู้ใหญ่ เลียนแบบพ่อแม่ การพูดเรื่องไม่จริงหรือหลอกลูก ทำให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องโกหก และเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ

                    สำหรับสาเหตุที่ลูกโกหกนั้น มีหลายเหตุผลด้วยกัน โดยหมอมินบานเย็น พญ.เบญจพร ตันตสูติ เจ้าของเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา ได้บอกถึงสาเหตุว่า พ่อแม่ที่พูดโกหกเป็นประจำจะทำให้มันไม่เห็นเสียหายที่จะพูดปดเพื่อผลประโยชน์ เด็กบางคนใช้การโกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือต้องการคำชื่นชม และแม้แต่ความรู้สึกกลัวการลงโทษ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กโกหกเพราะต้องการปกป้องตัวเอง กลัวว่าพูดความจริงไปแล้วจะถูกลงโทษ

                    ถ้าลูกโกหกต้องแก้อย่างไร

                    ก่อนจะตีตราว่าลูกโกหก พ่อแม่ต้องรู้ก่อนว่า การโกหกนั้นมีเรื่องพัฒนาการของแต่ละช่วงวัยด้วย โดยเด็กเล็กที่เพิ่งพูดได้ ช่วงอายุ 2-3 ขวบยังไม่สามารถแยกแยะความจริงกับเรื่องในจินตนาการได้ หากลูกวัยนี้พูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริง พ่อแม่ควรบอกว่า เรื่องนี้ไม่จริง พร้อมกับอธิบายความจริงให้ลูกได้รู้

                    หากเป็นเด็กโตอายุเกิน 7 ปีขึ้นไปพูดโกหก พ่อแม่ก็พูดความจริงกับลูกด้วยเหตุผล เช่น ที่แม่รู้มาไม่ใช่อย่างนั้นนะ พร้อมกับพยายามทำความเข้าใจว่า เหตุใดลูกถึงโกหก เพราะลูกอาจโกหกเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ หรือกลัวพ่อแม่เสียใจก็เป็นได้

                    แต่ถ้าลูกโกหกซ้ำ ๆ จนติดเป็นนิสัย หรือมีพฤติกรรมด้านลบอื่นร่วมด้วย พ่อแม่ควรลงโทษตามสมควร ใช้เหตุผลในการลงโทษไม่ใช่อารมณ์ ควรหลีกเลี่ยงการตี ไม่ควรใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เด็กได้รู้ถึงผลของการกระทำ ส่วนกรณีที่ลูกทำผิดแล้วมาสารภาพภายหลัง ให้กล่าวชื่นชมลูกก่อนที่ทำผิดแล้วมาสารภาพ แต่ก็ต้องลงโทษตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตัวพ่อแม่ผู้ปกครองต้องสำรวจตัวเอง ไม่ควรแสดงท่าทีผิดหวัง โกรธเกรี้ยว ด่าทอ หรือลงโทษลูกรุนแรง เพราะเด็กจะยิ่งปกปิดความจริงในอนาคต ควรแสดงให้ลูกเห็นว่า พ่อแม่ยอมรับสิ่งนี้ได้ แต่ลูกต้องรับผิดชอบจากสิ่งที่ทำลงไป

                    เลี้ยงลูกอย่างไรโตไปไม่โกหก

                    • ป้อนความรัก ดูแลด้วยความใส่ใจ พ่อแม่ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก จนลูกรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ มั่นใจได้ว่าไม่ว่าอย่างไรพ่อแม่ก็จะรัก จนกล้าที่จะปรึกษาหรือบอกความจริง
                    • ลูกพลาด ลูกผิด ไม่ควรตำหนิรุนแรง ควรจัดการตามพฤติกรรมที่ผิดนั้น ให้เหตุผลลูกว่า ทำไมถึงถูกลงโทษ หรือเวลาที่ลูกทำผิดแล้วมาสารภาพ ควรชื่นชมก่อนที่ลูกกล้าบอกความจริง พร้อมกับแนะนำลูกว่าต้องทำอย่างไร
                    • เชื่อใจในตัวลูก บางครั้งลูกเลือกที่จะโกหกเพื่อตัดความรำคาญ หรือขี้เกียจตอบคำถาม พ่อแม่จึงควรชวนลูกคุยตามธรรมชาติ ไม่ควรคาดคั้นหรือซักไซ้ เพราะระแวงว่าลูกจะไม่พูดความจริง

                    สิ่งสำคัญอย่างสุดท้าย พ่อแม่ต้องไม่โกหกลูก เพราะถ้าลูกรู้สึกว่า การโกหกนั้นพ่อแม่ยังทำได้ จะกลายเป็นว่า ลูกมองเรื่องการโกหกหรือปกปิดความจริงเป็นเรื่องปกติ จากคำหลอกลวงเล็ก ๆ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลาม ที่มีจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ จากแค่การโกหก

                    อ้างอิงข้อมูล : bbc, facebook.com/kendekthai, rajanukul และ cumentalhealth

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                    ลูกเก่งรอบด้าน แค่เพียงแม่ชวนลูก “นั่งสมาธิ”

                    วิธีบอกรักลูก ฉบับง่าย! แม้ไม่มีคำว่า “รัก” แต่ลูกรับรู้ได้!!

                    10 วิธีฝึกลูกให้ “กล้าแสดงออก” อย่างเหมาะสม ไม่ก้าวร้าว

                      บทสนทนาภาษาอังกฤษ

                      5 บทสนทนาภาษาอังกฤษ ปั้นลูกอนุบาลเก่งภาษา ให้พูดคล่อง สำเนียงเป๊ะ

                      บทสนทนาภาษาอังกฤษ ที่คุณแม่พูดคุยกับลูกน้อยในชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งทางลัดช่วยลูกน้อยให้เก่งภาษาได้โดยไม่ต้อง “ท่องจำ” เพราะระหว่างพูดคุยลูกจะได้เรียนรู้ทั้งคำศัพท์ ความหมาย การออกเสียง และสำเนียงการพูดไปด้วยกัน  แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยเรื่องอะไร ทีมแม่abk ได้รวบรวมบทสนทนาง่ายๆ ในสถานการณ์แตกต่างกันที่ใช้พูดคุยกับลูกได้ทุกวัน จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

                      ปั้นลูกเก่งภาษา กล้าพูดกล้าคุยง่ายๆผ่าน บทสนทนาภาษาอังกฤษ ภายในบ้าน

                      งานวิจัยของ Stephen Krashen จากมหาวิทยาลัย University of Southern California ซึ่งระบุว่าผู้ใหญ่อาจเรียนรู้ภาษาด้วยสติสัมปชัญญะผ่านบทเรียน คำศัพท์ ไวยาการณ์ และโครงสร้างอื่นๆ ในขณะที่เด็กเล็กตั้งแต่วัยเริ่มพูดสามารถเรียนรู้ภาษาต่างๆได้พร้อมกัน ทั้งภาษาแม่ ภาษาที่สองและสามขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาอยู่ว่ามีการใช้ภาษาหลากหลายแค่ไหน สังเกตได้ว่า เด็กๆจะใช้วิธีซึมซับและทำความรู้จักกับภาษานั้นๆผ่านการพูดคุยเป็นหลัก ซึ่งเป็นสื่อสารตามธรรมชาติของมนุษย์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องท่องคำศัพท์ หรือเรียนไวยากรณ์ แต่กลับเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่และโต้ตอบโดยไม่ต้องสอน

                       

                      บทสนทนาภาษาอังกฤษ

                      ไม่ว่าบ้านไหนก็อยากให้ลูกน้อยเก่งภาษาอังกฤษ สามารถฟัง พูดคุย อ่าน เขียนได้เข้าใจเพื่อเป็นอาวุธสำคัญในการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เปิดกว้างมากขึ้น ภาษาอังกฤษก็เป็นภาษากลางที่สามารถใช้สื่อสารกับคนทั้งโลกได้ แต่การจะให้เด็กวัยอนุบาลท่องจำตัวอักษร คำศัพท์ หรือดูคลิปสอนภาษาจากสื่อออนไลน์อาจเพียงพอที่จะช่วยให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษได้ เพราะสื่อการเรียนแบบนั้นเป็นการสื่อสารทางเดียว เด็กเป็นผู้รับฟังแต่ไม่ได้หัดโต้ตอบ พูดคุย หรือตั้งคำถามกลับไป ฉะนั้นการปล่อยให้ลูกดูคลิป หรือเคี่ยวเข็ญให้ลูกอ่านจากหนังสืออาจไม่ใช้วิธีเรียนภาษาของเด็กๆ

                      อยากเก่งภาษา บทสนทนาภาษาอังกฤษ ช่วยได้อย่างไร

                      จริงๆแล้วการเรียนภาษาอังกฤษเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากสิ่งรอบตัว เพียงคุณพ่อคุณแม่ลองหาเปิดโอกาส ชวนลูกมาพูดคุยเป็น บทสนทนาภาษาอังกฤษ ผ่านกิจวัตรประจำวันหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่พบเจออยู่แล้ว โดยไม่ต้องกังวลว่าภาษาอังกฤษของคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป๊ะเว่อร์ เพียงแค่รู้สึกมั่นใจในการพูด หากไม่แน่ใจอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมว่า ควรใช้คำศัพท์ว่าอะไร ออกเสียงอย่างไรจากคลิปเจ้าของภาษาก่อน เพียงเท่านั้นการเริ่มพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกก็ไม่ใช่เรื่องยาก

                      คุณแม่อาจเล่นบทบาทสมมุติไปตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เล่นเป็นคุณครูกับลูกศิษย์, เล่นเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณตาคุณยาย หรือแม่ค้า และเพื่อให้ลูกเข้าใจว่าสามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและเรียนรู้วิธีพูดกับคนที่แตกต่างกันด้วย

                      ในระยะแรกๆ ลูกจะยังฟังไม่เข้าใจ หรือพูดโต้ตอบไมได้ คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งหงุดหงิดหรือท้อใจเสียก่อน ขอให้พยายามพูดต่อไปอาจเปลี่ยนการเล่าเรื่องง่ายๆ อ่านนิทานภาษาอังกฤษ ระหว่างนี้ลูกจะค่อยๆจดจำวิธีพูดและน้ำเสียงไว้ พอเห็นว่าการพูดภาษาอังกฤษเป็นเรื่องธรรมดา ลูกจะรู้สึกว่าการพูดอีกภาษาก็เป็นเรื่องที่สนุกและยังได้รับคำชม ลูกก็พร้อมจะคุยด้วย

                       MUST READ : กระโปรงรถ เรียก skirt ได้ไหมกับ คำศัพท์ล้างรถ ไว้สอนลูกน้อย

                      MUST READ : ชวนลูกเรียนผ่านการเล่นเป็นภาษาอังกฤษ

                       5 บทสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ชวนลูกคุยได้ทุกวัน

                      ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับลูกด้วยเรื่องอะไร ทีมแม่ abk ขอยกตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กอนุบาลที่พบเห็นและได้ใช้บ่อยๆ คุณพ่อคุณแม่อาจปัดฝุ่นทักษะภาษาอังกฤษหรือเริ่มฝึกฝนไปพร้อมลูกและชวนพูดคุยกันด้วยบรรยากาศสนุกสนานก็จะช่วยให้ลูกมีทักษะภาษาอังกฤษได้ไม่ยากค่ะ

                       

                      บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับคุณครู

                      Teacher:    “Good morning. How are you?” (กูด-มอร์นิง, ฮาว-อาร์-ยู)   

                                          [สวัสดีจ้ะ สบายดีไหม]

                      Child:    “Good morning teacher. I am fine, thank you. And you?” (กูด-มอร์นิง-ทิชเชอร์. ไอ-แอม-ฟาย, แทง-คิว. แอนด์-ยู)         

                                         [สวัสดีค่ะคุณครู หนูสบายดี ขอบคุณค่ะ แล้วคุณครูล่ะคะ]

                      Teacher:   “I am good. Thanks. What did you do over the weekend?” (ไอ-แอม-กูด. แต๊งส์. ว้อท-ดิด-ยู-ดู-โอเวอร์-เดอะ-วีคเอนด์)

                                            [ครูสบายดีค่ะ วันหยุดนี้หนูทำอะไรมาคะ]

                      Child:         “I went to the zoo.” (ไอ-เวนท์-ทู-เดอะ-ซู)

                                          [หนูไปสวนสัตว์มาค่ะ]

                      Teacher:     “Oh, that was great. Did you enjoy it?” (โอ-แดด-วอส-เกรท. ดิด-ยู-เอ็นจอย-อิท)

                                            [โอ้โห ดีจัง สนุกมั้ยคะ]

                      Child:     “Yes, it was so much fun.” (เยส, อิท-วอส-โซ-มัช-ฟัน)

                                        [สนุกค่ะ สนุกมากๆเลย]

                      Teacher:   “Nice. Now, let’s take a look at your homework.” (ไนซ์. นาว, เล็ตส์-เทค-อะ-ลุค-แอด-ยัวร์-โฮมเวิร์ค)

                                         [เยี่ยมเลย เอาละ ไหนครูขอดูการบ้านหน่อยสิคะ]

                       

                      บทสนทนาภาษาอังกฤษ

                      บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับเพื่อน

                      Child:                         “Hi, Lily” (ไฮ, ลิลี่)

                                                             [สวัสดี ลิลี่]

                      Lily:                           “Hi, Tim. What are you doing?” (ไฮ, ทิม. ว้อท-อาร์-ยู-ดูอิง)

                                                            [สวัสดี ทิม เธอทำอะไรอยู่น่ะ]

                      Child:                        “I am playing with building blocks.” (ไอ-แอม-เพลอิง-วิท-บิลดิง-บล็อกส์)

                                                             [เล่นต่อบล็อก]

                      Lily:                          “That sounds nice. Can I join?” (แดด-ซาวส์-ไนซ์. แคน-ไอ-จอยน์)

                                                           [น่าสนุกแฮะ เล่นด้วยได้ไหม]

                      Child:                    “Yes, sure. And what is in your hand?” (เยส-ชัวร์. แอนด์-ว้อท-อิส-อิน-ยัวร์-แฮนด์)

                                                     [ได้สิ เอาเลย ว่าแต่ในมือเธอนั่นอะไรน่ะ]

                      Lily:                       “My new princess storybook. Do you want to read?” (มาย-นิว-พรินเซส-สตอร์รีบุ๊ค. ดู-ยู-ว้อนท์-ทู-รีด)

                                                     [หนังสือนิทานเจ้าหญิงเล่มใหม่ของฉันน่ะ เธออยากอ่านมั้ย]

                      Child:                    “No, thanks.” (โน-แทงคิว.)

                                                     [ไม่ละ ขอบใจ]

                       

                      บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับญาติผู้ใหญ่

                      Grandpa:    “Long time no see, Tim. I miss you so much.” (ลอง-ไทม์-โน-ซี, ทิม. ไอ-มิส-ยู-โซ-มัช)

                                            [ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทิม ตาคิดถึงหลานจังเลย]

                      Child:   “I miss you too, Grandpa.” (ไอ-มิส-ยู-ทู, แกรนด์ปา)

                                          [ผมก็คิดถึงตาครับ]

                      Grandma:  “You are very tall.” (ยู-อาร์-เวรี-ทอล) 

                                              [หลานตัวสูงจัง]

                      Child:  “I drink milk every day.” (ไอ-ดริงค์-มิลค์-เอฟรี่-เดย์)

                                     [ผมดื่มนมทุกวันเลย]

                      Grandma:    “Very good. I have a gift for you.” (เวรี-กูด. ไอ-แฮฟ-อะ-กิฟท์-ฟอร์-ยู)

                                                [เยี่ยมมาก ยายมีของขวัญมาให้หลานด้วยนะ]

                      Child:  “Thank you, granny. What is it?” (แทงคิว, แกรนนี. วอท-อิส-อิท)

                                     [ขอบคุณครับยาย อะไรเหรอครับ]

                      Grandpa:  “It’s your favorite toy. Robot.” (อิท’ส-ยัวร์-เฟเวอริท-ทอย. โรบอท)

                                             [ของเล่นโปรดของหลาน หุ่นยนต์ไง]

                      Child:   “Wow, I like that!” (ว้าว, ไอ-ไลค์-แดด)

                                         [โอ้โห ถูกใจเลยครับ]

                      บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับพ่อค้า/แม่ค้า

                      Seller:     “Hello, what do you want for today?” (ฮัลโหล, วอท-ดู-ยู-วอนท์)

                                                         [สวัสดีค่ะ วันนี้รับอะไรดีคะ]

                      Child:  “Can I have a stick of ice-cream please?” (แคน-ไอ-แฮฟ- อะ-สติก-ออฟ-ไอศกรีม-พลีส)

                                                       [ขอไอศกรีมแท่งหนึ่งครับ]

                      Seller:    “What flavor do you want?” (วอท-เฟลเวอร์-ดู-ยู-วอนท์)

                                                         [รับรสอะไรดีคะ]

                      Child:     “Chocolate please.” (ช็อกโกแลต-พลีส)

                                                        [รสช็อคโกแลตครับ]

                      Seller:   “Alright, here you are. It’s 10 baht.” (ออลไรท์, เฮียร์-ยู-อาร์. อิทส์-เทน-บาท)

                                                        [ได้เลย นี่ค่ะ 10 บาทค่ะ]

                      Child:   “Here you are.” (เฮียร์-ยู-อาร์)

                                                       [นี่เงินครับ]

                      Seller: “Thank you. Please come again.” (แทงคิว-พลีส-คัม-อะเกน)

                                      [ขอบคุณค่ะ ไว้มาอุดหนุนอีกนะคะ]

                      บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดก่อนเข้านอน

                      Mom:      “How was today? Did you have fun?”  (ฮาว-วอส-ทูเดย์. ดิด-ยู-แฮฟ-ฟัน)

                                          [วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก สนุกไหม]

                      Child:        “Yes, I was playing all day.” (เยส, ไอ-วอส-เพลอิง-ออลล์-เดย์)

                                           [สนุกครับ เล่นทั้งวันเลย]

                      Dad:           “What did you play?” (วอท-ดิด-ยู-เพล)

                                           [เล่นอะไรเหรอ]

                      Child:      “Many things. I played swing, games and toy cars.” (แมนี-ติงส์. ไอ-เพลด์-สวิง, เกมส์-แอนด์-ทอย-คาส์)

                                           [หลายอย่างครับ เล่นชิงช้า เกม แล้วก็รถของเล่น]

                      Mom:       “You must be so tired.” (ยู-มัส-บี-โซ-ไทร์เอ็ด)

                                           [ลูกต้องเพลียมากแน่เลย]

                      Dad:          “So you need to get some rest. Let’s sleep.” (โซ-ยู-นีด-ทู-เก็ท-ซัม-เรสต์. เล็ต’ส์-สลีพ)

                                                   [งั้นลูกพักผ่อนเถอะนะ นอนกันดีกว่า]

                      Child:          “I feel not tired.” (ไอ-ฟีล-น็อท-ไทร์เอ็ด)

                                            [ผมไม่เหนื่อยเลย]

                      Mom:         “So, mommy will sing lullabies for you.” (โซ-มัมมี-วิว-ซิง-ลัลลาบายส์-ฟอร์-ยู)

                                           [เดี๋ยวแม่ร้องเพลงกล่อมนอนนะจ๊ะ]

                      Child:          “That is nice. I love your songs.” (แดด-อิส-ไนซ์. ไอ-เลิฟ-ยัวร์-ซองส์)

                                               [เอาสิครับ ผมชอบให้แม่ร้องเพลง]

                      Mom/Dad:       “Have a good night.” (แฮฟ-อะ-กูด-ไนท์)

                                                    [ราตรีสวัสดิ์นะลูก]

                       

                      ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนบทสนทนาภาษาอังกฤษเหล่านี้ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ในระยะแรกลูกอาจไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูดด้วย หรือว่าเข้าใจแต่ยังไม่พูดตอบ แต่หากพยายามพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกบ่อยๆ ลูกจะเข้าใจโดยธรรมชาติและสื่อสารออกมาได้แน่นอนค่ะ


                      แหล่งข้อมูล  www.learnenglishkids.britishcouncil.org      www.sk.com.br

                       

                      บทความน่าอ่าน

                       

                      แม่ไม่เก่งภาษา ฝึกภาษาลูกให้สำเร็จ ได้อย่างไร?

                       

                      เทคนิคดี! หนิง ศรัยฉัตร สอนลูกสองภาษา ไม่ใช่แค่เรียนอินเตอร์

                        วาดรูปง่ายๆ

                        สอนลูก วาดรูปง่ายๆ รูปสัตว์น่ารักกว่า 20 แบบ ฝึกวาดเส้นเสริมจินตนาการ

                        การวาดรูป ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมศิลปะที่มีประโยชน์และดีต่อพัฒนาการสำหรับเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก แค่ยื่นกระดาษและดินสอให้ลูกได้วาด เด็ก ๆ ก็สามารถสร้างจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูก วาดรูปง่ายๆ อย่างวาดรูปสัตว์น่ารัก อาทิเช่น ไก่ หมา เสือ เพนกวิน ฯลฯ ด้วยขั้นตอนที่ง่าย ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนุกสนานแล้ว ยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการในด้านต่าง ๆ เช่น เสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรง ช่วยฝึกการประสานสัมพันธ์ของมือกับตาให้ทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว และช่วยทำให้ลูกได้มีสมาธิอีกด้วย

                        สอนลูก วาดรูปง่ายๆ วาดรูปสัตว์น่ารัก ฝึกวาดเส้นเสริมจินตนาการ

                        คุณพ่อคุณแม่ที่คิดว่าตัวเองวาดรูปไม่เป็นหรือวาดไม่เก่ง ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ แม้ไม่มีพื้นฐานก็สามารถที่จะสอนให้เจ้าตัวเล็กวาดรูปได้ เพราะการวาดรูปสำหรับเด็ก ๆ เริ่มจากการปูพื้นฐานให้ลูกได้ลองวาดเส้นพื้นฐานและรูปทรงต่าง ๆ เมื่อเห็นว่าลูกวาดเส้นแนวนอน แนวตั้ง หรือวาดรูปวงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ฯลฯ ได้แล้ว ก็ฝึกวาดเติมโครง เติมตา หู จมูก ปาก ของสัตว์ต่างๆ ได้ มาดูรูปแล้ววาดตามขั้นตอนกันเลย

                        ชุดสัตว์เลี้ยง

                        1.รูปปลาน้อย

                        drawing fish

                        2.รูปกระต่าย

                        bunny
                        bunny

                        3.รูปหมาน้อย

                        dog

                        4.รูปแมว

                        cat

                        5.รูปนกน้อย

                        bird

                        ชุดแมลง

                        6.รูปแมลงเต่าทอง

                        lady-bug

                         

                        7.รูปตะขาบ

                        centipede

                        8.รูปแมงมุม

                        spider

                        9.รูปผึ้งน้อย

                        bee

                        10.รูปผีเสื้อ

                        butterfly

                        11.รูปมด

                        ant

                        12.รูปหนอนน้อย

                        worm

                        ชุดสัตว์ต่าง ๆ

                        13.รูปลิง

                        monkey

                        14.รูปสิงโต

                        lion

                        15.รูปหอยทาก

                        snail

                        16.รูปยีราฟ

                        giraff

                        17.รูปฮิปโป

                        hippo

                        18.รูปเสือ

                        tiger

                        19.รูปหมี

                        bear

                        20.รูปวาฬ

                        whale

                        21.รูปค้างคาว

                        bat

                        22.รูปม้าลาย

                        zebra

                        23.รูปนกฮูก

                        owl

                        เว็บไซต์เพื่อการศึกษาตั้งแต่ช่วงอายุ 2 – 6 ปี www.youngciety.com ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกวาดเส้นพื้นฐานสำหรับเด็กปฐมวัยที่น่าสนใจว่า กระบวนการทางความคิดในการวาดรูปของเด็ก เกิดจาก

                        • เรียนรู้จากการจดจำรูปร่างและรูปภาพซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ถูกใช้ในการวาดรูปต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นรูปร่างได้
                        • เรียนรู้การสร้างรูปร่างและรูปภาพจากรูปทรง ซึ่งรูปทรงพื้นฐานอย่างสี่เหลี่ยม วงกลม และเส้นต่าง ๆ จะนำมาใช้เป็นองค์ประกอบในการวาดรูปง่าย ๆ ได้ เมื่อเด็กมีพัฒนาการมากขึ้นและอยู่ในวัยที่พร้อม เด็กก็จะสามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติมจากโครงร่างที่วาดได้ดียิ่งขึ้น
                        • เรียนรู้การสร้างรูปร่างและรูปภาพที่สมบูรณ์แบบเมื่อเด็กมีพัฒนาการมากขึ้น เด็กจะรู้จักวิเคราะห์และวาดรูปได้อย่างสร้างสรรค์ มีขั้นตอนและการใส่รายละเอียดที่ทำให้เริ่มวาดรูปได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

                        สอนลูกวาดรูปพ่อแม่ไม่เก่งศิลป์ก็ช่วยส่งเสริมศิลปะให้ลูกได้

                        สำหรับเด็ก ๆ แล้วไม่ว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเล็กไปถึงโต “ศิลปะ” ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเด็ก ๆ เมื่อได้ลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ระบายสี หาทำศิลปะประดิษฐ์จากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งช่วยทำให้เกิดพัฒนาการทั้งภายในและภายนอกของเด็กไปพร้อม ๆ กัน คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นให้ลูกได้ใช้เวลาว่างในการวาดรูปส่งเสริมพัฒนาการได้ อาทิเช่น

                        • ให้ลูกได้ลองวาดสิ่งที่ตัวเองสนใจ ปล่อยให้จินตนาการของเด็กเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เช่น การวาดรูปวิว ดอกไม้ รูปสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น
                        • เพื่อการส่งเสริมพัฒนาการที่ดีของลูก เด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้อุปกรณ์ศิลปะ เช่น ดินสอ กระดาษ สีเทียน สีไม้ สีเมจิก ฯลฯ และเลือกอุปกรณ์ให้ใช้อย่างเหมาะสมตามช่วงอายุ เช่น ในวัยเด็กเล็กสามารถใช้ดินสอสีไม้หรือสีเทียนขนาดที่จับพอเหมาะกับมือ ในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปสามารถให้ลูกได้ลองใช้สีเมจิกที่มีความโดดเด่นเรื่องสีสัน เพิ่มจินตนาการให้ลูกได้มากขึ้น และเมื่อพัฒนากล้ามเนื้อมือแข็งแรงแล้ว ก็สามารถหาสีประเภทอื่น ๆ เช่น สีน้ำ สีชอลก์ เพื่อฝึกให้ลูกเรียนรู้เทคนิคการใช้สีวาดรูปชนิดอื่น ๆ
                        • การวาดรูปศิลปะของลูกอาจจะเริ่มต้นจากเส้น รูปทรงพื้นฐาน จากนั้นก็พัฒนาการเป็นรูปทรงอื่น ๆ วาดออกมาเป็นภาพด้วยการสังเกตจากสิ่งรอบตัว เกิดความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เช่น รูปคน รูปสัตว์ ที่ใบหน้ามีหู ตา จมูก ปาก เริ่มมีแขน ขา และเริ่มใส่รายละเอียดตามพัฒนาการขึ้นในแต่ละวัย
                        • สำหรับเด็กเล็กในช่วงแรก ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจจะชวนให้วาดเส้น วาดรูปทรงซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยและมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น จากนั้นก็ลองให้ลูกได้ขีด ๆ เขียน ๆ ภาพวาดในจิตนาการ และหลังจากวาดเสร็จแล้วลองชวนกันมาเล่าเรื่องจากภาพวาด ที่จะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้ลูกได้อีกทางหนึ่งด้วยนะคะ.

                        ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.youngciety.com

                        ภาพจาก : Shutter.com

                        อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจ คลิก

                        ชวนลูกเล่น วาดรูปสอนเขียนเลข แบบสนุกได้ประโยชน์

                        สอนลูกวาดรูป สัตว์ ไม่ใช่เรื่องยาก!

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          ไข้หัดแมว

                          ระวัง ไข้หัดแมว ระบาด! อีกหนึ่งภัยร้าย..บ้านไหนเลี้ยงแมวควรรู้

                          ไข้หัดแมว ระบาด บ้านไหนเลี้ยงแมวต้องระวัง ในช่วงรอยต่อฤดู โรคไข้หัดแมว ทำแมวเสียชีวิตกว่า 40+ แล้ว คนเลี้ยงต้องสังเกตอาการให้ดี และอย่าลืมพาไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน

                          เตือน ไข้หัดแมว ระบาด!
                          บ้านไหนเลี้ยงแมวต้องสังเกตอาการให้ดี

                          ในช่วงรอยต่อของฤดูแบบนี้ มีข่าวจากโซเชียลแชร์ว่า ไข้หัดแมว กำลังระบาดหนัก ทำแมวเสียชีวิต 45 ตัว ใน จ.เพชรบูรณ์ จึงสร้างความหวั่นวิตกว่าอาจจะเกิดการระบาดครั้งใหญ่หรือไม่? สำหรับเรื่องนี้ รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา ภู่สุนทรธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาเปิดเผยถึงการระบาดของ ไข้หัดแมว ว่า … โรคนี้เป็นการติดเชื้อไวรัสไข้หัดแมว FPV หรือกลุ่มพาร์โวไวรัส ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นของไทย และเป็นเชื้อดั้งเดิมที่มีอยู่มานาน 40-50 ปี

                          โดยเชื้อไวรัสไข้หัดแมว เป็นเชื้อที่รุนแรง มีอัตราตายสูงถึง 90% เกิดขึ้นได้กับแมวและสุนัข แต่ในสุนัขจะเรียกว่าโรคลำไส้อักเสบ พบประปรายใทุกพื้นที่โดยเฉพาะช่วงรอยต่อฤดู เช่นจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนการระบาดใหญ่อาจเกิดขึ้นได้ 2-3 ปี/ครั้ง

                          โรคไข้หัดแมว จะมีระยะการฟักตัวของโรค 2-7 วัน น้องแมวที่อายุน้อยส่วนใหญ่ตายอย่างรวดเร็ว อัตราการตายอยู่ระหว่าง 25-90% แมวป่วยจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ร่างกายขาดน้ำ เป็นโรคที่มีอัตราการตายสูง โดยเฉพาะในกลุ่มแมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน

                          ไข้หัดแมว

                          ซึ่ง รศ.สพ.ญ.ดร.รสมา ยังแนะนำว่าให้เจ้าของฉีดวัคซีนให้กับแมว เพราะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด สำหรับลูกแมวอาจต้องฉีด 2-3 เข็ม โดยเข็มแรกฉีดเมื่อลูกแมวมีอายุ 8 สัปดาห์ และฉีดซ้ำเข็มที่ 2 ห่างออกมา 2-4 สัปดาห์ และเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อแมวอายุครบ 4 เดือน เพื่อไม่ให้ภูมิคุ้มกันจากแม่แมวรบกวนการทำวัคซีน ส่วนแมวใหญ่หรือแมวที่โตแล้ว ต้องฉีดวัคซีนปีละ 1 เข็ม”

                          อย่างไรก็ตามหากแมวสุขภาพดี เจ้าของก็มีความสุข ที่สำคัญเจ้าของต้องควบคุมประชากรแมวให้ได้ เลี้ยงแมวให้น้อยตัวแต่แมวมีคุณภาพชีวิตดี มีความสุขกว่าเยอะ และถ้าฉีดวัคซีนให้แมวเป็นประจำ โรคระบาดก็จะไม่เกิดขึ้น

                          ทั้งนี้ ไข้หัดแมว เป็นโรคเฉพาะสัตว์ในตระกูลแมวเท่านั้น ไม่มีรายงานติดถึงคนและสัตว์เลี้ยงอื่น บ้านไหนที่เลี้ยงแมวจึงไม่ต้องกังวลว่าโรคนี้จะติดมายังตัวเองหรือลูกน้อย แต่ ไข้หัดแมว ก็อาจเป็นสาเหตุของการคร่าชีวิตน้องแมวแสนรักของเด็กๆ ไปได้

                          บอกลูกอย่างไรเมื่อสัตว์เลี้ยงตาย​​​

                          สำหรับเด็กแล้วความใกล้ชิดทำให้สัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและพัฒนาการด้านอารมณ์ ความรู้สึก เมื่อถึงเวลาที่สัตว์เลี้ยงต้องจากไป ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่พ่อแม่ควรสื่อสารกับลูกน้อยเหล่าทาสแมวให้ดี โดยเปลี่ยนการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นโอกาสให้ลูก ได้เรียนรู้วิถีของธรรมชาติที่ไม่จีรังแทน

                          นักจิตวิทยาเด็กแนะนำว่าควรบอกตอนที่ลูกอยู่ในอารมณ์สงบ ชวนไปนั่งคุยสองต่อสองในที่เงียบ และต้องให้ลูกรู้สึกว่าปลอดภัย ส่วนตัวพ่อแม่เองไม่ควรฟูมฟายจนเกินเหตุ หรือตำหนิใครในข้อบกพร่องหรือเป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงตาย ที่สำคัญที่สุด คือ “ต้องไม่โกหก” การบอกว่า “มันหนีไปไหนไม่รู้ แม่ตามหาไม่เจอ” หรือ “มันไปเที่ยว เดี๋ยวก็กลับ”

                          ไข้หัดแมว

                          เพราะนั่นไม่ใช่การแนะนำถึงความตายที่ถูกต้องสำหรับเด็ก ซึ่งนอกจากจะเป็นการโกหกแล้วยังทำให้เด็กสับสนและรอคอย ควรบอกเด็กว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตามความจริง แต่ต้องคำนึงถึงวุฒิภาวะตามอายุของลูกด้วย ควรคิดให้ดีก่อนว่าควรใช้คำพูดอย่างไรให้ตรงความจริง แต่ไม่โหดร้ายรุนแรงเกินไป

                          ทั้งนี้หากถูกถามว่า “ทำไมสัตว์ป่วยแล้วต้องตาย” ควรอธิบายบอกลูกว่า ความตาย คือเรื่องธรรมชาติ เช่น “ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตอะไร หากป่วยและไม่แข็งแรงก็อาจจะถึงตายได้” อาจสอดแทรกว่า ดังนั้นลูกต้องกินอาหารที่ดี ออกกำลังกาย รักษาความสะอาด ถ้าลูกป่วยเราจะเป็นห่วงและเสียใจมากเช่นกัน หรือจะตอบไปว่า “แม่ก็ไม่รู้ ไม่ว่าคนหรือสัตว์บางทีก็ตายไปเฉยๆ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร” ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก็อาจเป็นทางออกที่ดี

                          เพราะนักจิตวิทยาแนะนำว่า การปล่อยให้ความตายเป็นเรื่อง “ลึกลับ ไม่สามารถคาดเดา หรือเรื่องที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า” ก็อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเด็ก

                          สุดท้าย … พ่อแม่ไม่ควร “ซ่อนความเสียใจ” แต่ก็ไม่ควรแสดงออกจนเด็กตกใจ ควรชวนเด็กพูดคุยเพื่อให้เรียนรู้ว่าอารมณ์ของเค้าในตอนนี้คือ “ความเศร้า” และมันทำให้คนเราไม่สบายใจต้องทำให้เบาบางไปตามเวลา ด้วยการแชร์ว่าพ่อแม่เองก็เสียใจเช่นกัน แล้วชวนลูกอธิบายว่าหนูเองเสียใจมากแค่ไหน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า “ความเศร้าเป็นเรื่องเปิดเผยได้” และลูกจะไม่ต้องเศร้า หรือเก็บเรื่องที่ตนเองเสียใจอยู่คนเดียว พ่อแม่จะมีส่วนรับรู้และเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ กับอารมณ์เศร้าของเค้าด้วย ในทุกๆ เรื่อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต


                          ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dailynews.co.thnews.ch7.commgronline.com

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                          อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจคลิกที่ภาพได้เลย ⇓

                          10 ข้อดีของการ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ส่งผลทั้งร่างกายและจิตใจ

                          คลิปน่ารัก เบบี๋ดีใจสุดๆ ไปเลยเมื่อเจอเจ้าแมวตัวโปรด

                          Kid safety รักน้องแมวรักน้องหมา…ต้องพาไปฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้า

                          Kid safety รักน้องแมวรักน้องหมา…ต้องพาไปฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้า

                          ไวรัสเห็บ ระบาด! ทำความรู้จัก โรค SFTS โรคร้ายใกล้ตัวจาก “เห็บ”

                            นั่งสมาธิ

                            ลูกเก่งรอบด้าน แค่เพียงแม่ชวนลูก “นั่งสมาธิ”

                            นั่งสมาธิ กิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ใช้ฝึกจิตให้สงบ คลายเครียด แต่รู้ไหมว่าเด็กก็ทำสมาธิได้ เมื่อจิตจดจ่อการเรียนรู้ก็มีประสิทธิภาพ วิธีเปลี่ยนลูกดื้อให้เชื่อฟัง

                            ลูกเก่งรอบด้าน แค่เพียงแม่ชวนลูก “นั่งสมาธิ”

                            ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะชวนลูกมาร่วมกันนั่งสมาธินั้น ก่อนอื่นเราคงต้องทำความเข้าใจกับคำ ๆ นี้เสียก่อนว่าเป็นอย่างไร มีประโยชน์แค่ไหน และต้องใช้วิธีอะไรให้เหมาะกับวัยเด็กอย่างลูกน้อยของเรา เพราะคำว่า “สมาธิ” นั้น คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของผู้ทรงศีลเท่านั้น แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ทาง ทีมแม่ ABK ได้นำข้อมูลดี ๆ จากคุณหมอ ผศ.พญ. วิลาวัณย์ เชิดเกียรติกำจาย ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มาฝากกัน

                            ขอขอบคุณคลิปจากรายการ Happy Parenting  EP.19/ วิธีฝึกให้ลูกมีสมาธิ RAMA CHANNEL

                            หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเก่งรอบด้าน คงต้องเริ่มจากที่ตัวลูกเสียก่อน ด้วยการพัฒนาศักยภาพของลูกให้มีพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้ วิธีหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หากเราสามารถมีสมาธิจดจ่อต่อสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีแล้วนั้น ก็จะสามารถเรียนรู้สิ่งนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าการเรียน การงานก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่การ นั่งสมาธิ ในเด็กจะสามารถทำได้ด้วยหรือ เราจะมีวิธีการอย่างไรให้เด็กที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้นาน ๆ มาฝึกนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับรุ้ให้เขาเก่งฉลาดรอบด้านกัน

                            สมาธิคืออะไร ฝึกจิตไปเพื่อสิ่งใด

                            นั่งสมาธิ หรือการทำสมาธิ คือการฝึกปฏิบัติที่ใช้ความตั้งมั่น จดจ่อ และแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติเกิดความสงบ เกิดความรู้สึกตัวหรือมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น

                            นั่งสมาธิ ฝึกจิต
                            นั่งสมาธิ ฝึกจิต

                            ประโยชน์ของการมีสมาธิที่ดี

                            • ช่วยให้มีทัศนคติใหม่ ๆ ที่ดีขึ้น เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด
                            • เพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเครียด
                            • ช่วยให้เกิดการรู้จักตนเอง เมื่อมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมเพียงพอ จนสามารถเรียนรู้กิจกรรมนั้น ๆ จนกระจ่างแจ้งแล้วว่าเขาชอบ หรือไม่ชอบมัน แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่มีสมาธิก็จะทำกิจกรรมนั้น ๆ ได้เพียงผิวเผินจึงทำให้ไม่สามารถตอบได้ว่าชอบหรือไม่
                            • ช่วยฝึกให้ลูกมุ่งความสนใจให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่วอกแวก
                            • ลดอารมณ์หรือความคิดในแง่ลบ เมื่อจิตใจสงบ
                            • ช่วยเพิ่มจินตนาการและความคิดที่สร้างสรรค์ เมื่อเขาพร้อมเรียนรู้ด้วยใจที่สงบพร้อมเรียน ทักษะที่ดีรอบด้านก็จะได้รับเต็มประสิทธิภาพ
                            • เพิ่มความอดทนอดกลั้น จากการรอคอยในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราเคยฝึกให้ เพราะลูกได้เรียนรู้แล้วว่าการรอคอยนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
                            • เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงาน

                            ดูอย่างไรว่าลูกเรามีสมาธิดีตามวัย

                            คุณหมอได้กล่าวว่า สมาธิในเด็กเล็กโดยฉพาะเด็กเล็ก 2-3 ปีนั้น เป็นกลุ่มที่ยากต่อการประเมินมาตราฐานว่าควรมีระยะเวลาในการมีสมาธิต่อสิ่งหนึ่งนานเท่าไหร่ เพราะความซน ไม่อยู่นิ่งของเขา แต่ก็มีการศึกษาในเรื่องนี้อยู่บ้างที่พอจะกล่าวได้ว่า เด็กจะมีสมาธิในระยะเวลาได้ประมาณเป็นอัตราส่วน 1 ขวบ : 3 นาที  เช่น ถ้าลูกอายุ 3 ขวบ จะสามารถทำกิจกรรมได้นานเกิน 10 นาที แบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ถ้าต้องการฝึกให้ลูกมีสมาธิต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้นานกว่านี้ ก็อาจจะทำการแบ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นช่วง ๆ ใช้เวลาสั้น ๆ ย่อย  ๆ ลงมาในแต่ละกิจกรรม เปลี่ยนกิจกรรมให้เด็กไม่เบื่อหน่าย หรือมีการพักเบรกให้เขาได้พัก ก็สามารถทำให้เด็กเล็กมีสมาธิได้เป็นชั่วโมง ๆ เหมือนกัน แต่ถ้าหากต้องการให้ลูกมีสมาธิที่ดี สามารถฝึกจิตให้นิ่งต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเป็นนิสัยก็มีวิธีที่สามารถส่งเสริมให้เขาได้พัฒนาได้เช่นกัน

                            วิธีการส่งเสริมให้ลูกมีสมาธิเพิ่มขึ้น

                            • ฝึกทำอะไรทีละอย่าง ไม่ทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เด็กมีสมาธิในสิ่งที่ตนเองทำอยู่ เช่น การให้ลูกดูทีวีไปพร้อมกับทานข้าว หรือ การระบายสีพร้อมกับดูทีวีไปด้วย เป็นต้น แบบนี้จะทำให้ลูกไม่มีสมาธิจดจ่อต่อสิ่ง ๆ เดียว ทำสิ่งนี้ทีสิ่งนั้นที สมาธิต่อกิจกรรมสิ่งหนึ่งกำลังจะเกิด ก็ต้องถูกทำลายลงด้วยความสนใจต่อกิจกรรมอีกสิ่งหนึ่ง ถ้าติดเป็นนิสัยไปก็จะกลายเป็นว่าลูกจะมีพฤติกรรมจับจด ไม่สามารถทำสิ่งใดสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                            ให้ลูกทำอะไรทีละอย่าง
                            ให้ลูกทำอะไรทีละอย่าง

                            ข้อแนะนำของคุณหมอที่พ่อแม่ควรกังวล โทรทัศน์เป็นสิ่งเร้าที่เปลี่ยนเร็ว ทั้งภาพและเสียงที่ถูกฉายจะเปลี่ยนไวมาก เด็กก็จะจดจ่อไปกับโทรทัศน์ทำให้ไม่มีสมาธิไปกับกิจกรรมอื่น การที่ให้เด็กเล็กนั่งดูทีวีนาน ๆ ดูเหมือนจะเป็นการมีสมาธิต่อโทรทัศน์ที่ดี แต่นั่นเป็นเพราะว่ามันเปลี่ยนเร็ว เมื่อเด็กไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่การดูโทรทัศน์ ก็จะพบว่ากลายเป็นเด็กที่ขาดสมาธิไป

                            • ฝึกระเบียบวินัย ฝึกเก็บของ จัดบ้านให้เป็นระเบียบ เช่น ตั้งกฎกติกากับลูกว่าให้เล่นของเล่นได้ทีละชิ้น ทีละอย่าง เมื่ออยากเล่นของเล่นชิ้นต่อไป ต้องทำการเก็บของเล่นอีกชิ้นให้เรียบร้อยก่อน นอกจากจะได้ฝึกลูกในเรื่องระเบียบวินัยแล้ว ยังสามารถฝึกให้เขามีสมาธิอีกด้วย เพราะการที่เทของเล่นกระจัดกระจายเต็มบ้าน เขาจะใช้เวลาเล่นของเล่นแต่ละชิ้นไม่มากพอสำหรับการฝึกสมาธิ เพราะมีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้ผละไปหาสิ่งใหม่
                            • ฝึกให้รู้จักการวางแผนง่าย ๆ และทำตามตารางเวลาที่ได้วางไว้ ถึงแม้ว่าในเด็กเล็กการเข้าใจในเรื่องเวลาอาจมีไม่มาก แต่เขาก็สามารถเข้าใจช่วงเวลาคร่าว ๆ ได้ เช่น เช้า กลางวัน กลางคืน พ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกรู้จักการจัดตารางเวลาชีวิตประจำวันของเขา เช่น ตื่นนอนกี่โมง เล่นได้ถึงเวลาใด เข้านอนกี่โมง แล้วให้เขาทำตามนั้น ถ้าเราทำให้เขาเป็นกิจวัตร ลูกก็จะสามารถเรียนรู้การปฎิบัติตามตารางเวลาได้

                            ถ้าลูกขาดสมาธิจะกลายเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่

                            สมองลูกเมื่อเติบโตขึ้นก็จะมีการพัฒนาไปตามวัย รวมทั้งความสามารถในการเรียนรุ้ และสมองในส่วนของสมาธิก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน ในวัยเด็ก ลูกที่ซน สมาธิไม่ดีพอ ก็ไม่ได้หมายความว่าโตขึ้นจะกลายเป็นโรคสมาธิสั้นเสมอไป เพราะโรคสมาธิสั้นเป็นโรคชนิดหนึ่ง แต่การที่ลูกมีสมาธิไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู ที่ไม่ได้ฝึกมาให้กับเขาดีพอ

                            นั่งสมาธิ แนวใหม่ดึงความสนใจเจ้าตัวเล็ก

                            สมาธิสำหรับเด็ก ไม่ได้หมายความว่าให้คุณพ่อคุณแม่จับเจ้าตัวเล็กมานั่งนิ่ง ๆ ไม่ให้กระดุกกระดิกไปไหน แต่สมาธิสำหรับเด็ก คือ การฝึกเด็กให้มีความสนใจ หรือจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่และตั้งใจในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นการสนใจในระยะเวลาสั้นหรือเป็นระยะเวลานานก็ได้ โดยจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนาการ และความเพลิดเพลินควบคู่กันไป

                            เพลงนี้ที่หนูชอบ

                            การใช้เพลง เป็นวิธีการที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้เด็กหยุดความสนใจในสิ่งอื่นได้ง่าย ยิ่งหากเป็นเพลงที่เขาชอบ การจะชวนให้ลูกมานั่งฟัง หรือร้องตามจนจบเพลง ก็เป็นการช่วยให้ลูกได้ฝึกการนั่งนิ่ง สงบใจ สยบพฤติกรรมที่ซุกซนลงไปได้บ้าง เด็กบางคนอาจสงบด้วยเพลงการ์ตูนเรื่องโปรด บางคนชอบเพลงคลาสสิค บางคนอาจเป็นเพลงทำนองฟังสบาย หรือบางคนอาจจะเหมาะกับเสียงธรรมชาติมากกว่าเสียงเพลง คุณพ่อคุณแม่ก็ลองเลือกหากันดูได้ค่ะ

                            โยคะพาเพลิน

                            การเล่นโยคะ เป็นวิธีที่ผู้ใหญ่อย่างเรานิยมใช้ในการออกกำลังกายและฝึกสมาธิ แต่รู้ไหมว่า การเล่นโยคะ ก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ในการฝึกสมาธิและสงบจิตใจให้กับเด็ก ๆ ได้ด้วย โดยการใส่เรื่องราวหรือเสียงประกอบเข้าไป ก็จะยิ่งทำให้เกิดความน่าสนใจ ที่สำคัญการได้ทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่เป็นสิ่งที่เด็กทุกคนชื่นชอบ การได้เลียนแบบทำตามพ่อแม่เป็นวิธีจูงใจให้ลูกหันมาฝึกโยคะ สงบจิตใจได้ไม่ยากเลย

                            นั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งๆ
                            นั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งๆ

                            ของเล่นที่ต้องใช้ความพยายาม
                            ของเล่นสำหรับเด็กช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และเป็นตัวช่วยที่ดีในการฝึกให้ลูกมีสมาธิ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรเพิ่มความใส่ใจในการเลือกซื้อของเล่นเสียหน่อย เช่น ของเล่นแนวตัวต่อ ของเล่นชุดสวนสัตว์แนวบทบาทสมมติ เพราะของเล่นเหล่านี้เป็นของเล่นที่ต้องใช้เวลาในการประกอบ หรือจัดวางให้เป็นเรื่องเป็นราว การเล่นแบบนี้ก็จะเป็นการเสริมสมาธิให้ลูกได้อีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากทักษะอื่น ๆ เช่น การฝึกจินตนาการ การฝึกใช้กล้ามเนื้อ และการประสานสายตามือเท้า ซึ่งเป็นทักษะที่ลูกจะได้รับพร้อมกันไป

                            นิทานก่อนนนอน
                            ก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีในการฝึกให้ลูกมีสมาธิ นอกเหนือจากการนั่งสมาธินิ่ง ๆ เพียงอย่างเดียว นิทานที่ถูกเล่าโดยเสียงของคุณพ่อคุณแม่นั้น เป็นนิทานที่ดึงความสนใจของลูกเราได้เป็นอย่างดี ไม่เชื่อต้องลองพิสูจน์ดู เวลาที่คุณพ่อคุณแม่เรียกมาล้อมวงนั่งฟังนิทาน ลูกจะสามารถหยุดทุกกิจกรรมแล้วรีบวิ่งมานั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจได้อยู่นานจนจบเรื่องเลยทีเดียว

                            เสริมกิจกรรม
                            คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมตามวัย เช่น ว่ายน้ำ เรียนดนตรี หรือกิจกรรมทางศิลปะต่าง ๆ ให้หลากหลาย เพราะการที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกน้อยได้รู้จักทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น จะเป็นการปลูกฝังความสนใจและสมาธิได้เป็นอย่างดี

                            อยู่กับธรรมชาติ
                            ลักษณะพิเศษของธรรมชาติ คือ ความสงบนิ่ง การให้เด็กได้คุ้นเคยกับธรรมชาติ จะช่วยให้เขาสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะเริ่มจากการที่คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแล้วให้ชี้ชวนให้เขาสังเกตในสิ่งต่าง ๆ ได้สัมผัส ได้เรียนรู้ และฝึกจิตให้สงบนิ่ง อีกกิจกรรมที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมากกับเรื่องธรรมชาติ นั่นคือ การให้ลูกได้ทดลองปลูกพืช ปลูกผักด้วยตัวเขาเอง แล้วให้ดูแล สังเกตุ และรอคอยการเจริญเติบโตของมัน นอกจากลูกจะได้เรียนรู้วงจรธรรมชาติของต้นไม้แล้ว เขายังเข้าใจได้ถึงผลลัพธ์ที่น่าภาคภูมิใจหากเขารู้จักรอคอย ใส่ใจต่อสิ่งนั้น

                            การฝึกลูก นั่งสมาธิหรือทำสมาธิจากกิจกรรมอื่น ๆ นั้น นอกจากจะช่วยเขาในเรื่องพื้นฐานความพร้อมต่อการเรียนรู้ทักษะรอบด้านให้มีประสิทธิภาพแล้ว การที่พ่อแม่ชวนลูกมานั่งสมาธินั้น ก็เป็นการเปิดประตูสู่การสอนสั่งลูกในเรื่องหลักธรรมะ ที่มีคุณค่าต่อการดำรงชีวิตของเขาต่อไปในอนาคตอีกด้วย คนทุกคนเกิดมาล้วนแต่มีความตั้งใจที่จะเป็นคนดี แต่ความว่า “คนดี” ของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน หากเราสร้างบรรทัดฐานการประพฤติปฎิบัติดี แก่ลูกตั้งแต่วัยเด็กแล้ว ความคิดอ่านของเขาเมื่อโตขึ้นก็ย่อมเป็นไปในทางที่ถูกที่ควรอย่างแน่นอน

                            การสอนลูกให้นั่งสมาธิตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ เท่ากับเป็นการฝึกให้ลูกคุ้นกับความสงบใจตั้งแต่เด็ก แล้วลูกจะเป็นคนดีตลอดชีวิต เพราะเขาสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นสมาธิ ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่เย้ายวนใจ และมั่นคงอยู่ในความดีที่คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังไว้ให้แก่เขานั่นเอง

                            ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง จาก RAMA CHANNEL / pobpad

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            ท่องศีล5 ลูกได้แค่จำ ลองวิธีใหม่ช่วยเข้าถึงแก่นธรรมง่ายๆ

                            3 เทคนิค สอนลูก เข้าใจธรรมะ

                            ค่านิยมทาง “ศีลธรรม” 10 ประการที่พ่อแม่ควรสอนลูก

                            แพ้ ภูมิคุ้มกันความผิดหวังที่แม่สร้างให้ลูกได้

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด 200 ชื่อดี เน้นเสริมเดช ศรี บารมี ครบทั้ง 7 วัน!

                              รวมชื่อดี! ไอเดียสำหรับ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ครบทั้ง 7 วัน เน้นเสริมดวงเดช ศรี บารมี ถูกโฉลก เพิ่มโชค เป็นสิริมงคลให้ลูกน้อย หากคุณกำลังมองหาชื่อลูกพร้อมความหมายดีๆ คลิกเลย!

                              รวม 200 ชื่อมงคล
                              สำหรับ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ครบทั้ง 7
                              วัน

                              ตำราการตั้งชื่อ ตามหลักทักษาศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับ วันเกิด ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญของการตั้งชื่อจริง ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด โดยต้องเลือกตัวอักษรมงคล ใช้อักษรที่มีพลังตามเพศ และมีความหมายมงคล

                              ซึ่งหากจะ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด สำหรับลูกชาย นิยมเลือกทักษาอักษรที่มี “เดช” นำหน้า เสริมดวงด้านการคิด การทำ มีผู้คนยำเกรงเชื่อฟัง เป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งจะช่วยส่งผลในภาพรวมถึงเรื่องอำนาจ วาสนาบารมี ความยิ่งใหญ่ ความเป็นผู้นำ และช่วยเสริมความเป็นมงคลด้านความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตของลูกน้อยได้ … ส่วนลูกสาว มักจะนิยมเลือกทักษาอักษรที่มี “ศรี” นำหน้า เพื่อช่วยเสริมดวงเรื่องการอุปถัมภ์ มีผู้ใหญ่เอ็นดูให้การสนับสนุนเก็บเงินเก็บทองได้เก่ง

                              และสำหรับทักษาอักษร หมวด “บริวาร” จะช่วยเสริมดวงด้านอำนาจ วาสนาดี บารมีแผ่ไพศาล มีบริวารล้อมรอบ เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ค้องการให้ลูกน้อย โตขึ้นไปเป็นคนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน รวมทั้งมีคนคอยอุปการะและสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ตลอด ทั้งนี้หากจะ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ทักษาอักษร หมวด เดช ศรี และบริวาร จึงเป็นตัวแรกๆ ที่ควรเลือกมาใส่ในการตั้งชื่อลูก แต่ก็สามารถใช้ทักษาอักษรวรรคอื่นๆ มาใส่ได้หากต้องการเสริมเรื่องมงคลนั้นๆให้กับลูกน้อย

                              ดังนั้นเพื่อเป็นไอเดียให้คุณพ่อคุณแม่สำหรับ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ทีมแม่ ABK จึงมีชื่อเพราะๆ ความหมายดีๆ ครบทั้ง 7 วัน มาฝาก โดยเน้นเฉพาะทักษาอักษรเสริมดวงด้านเดช ศรี บารมี ถูกโฉลก เพิ่มโชค เพื่อเป็นสิริมงคลให้ลูกน้อย จะมีชื่อใดบ้างตามมาดูกันเลย

                              ชื่อคนเกิดวันอาทิตย์
                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ชื่อคนเกิดวันอาทิตย์ ตั้งชื่อลูกสาวเกิดวันอาทิตย์ ตั้งชื่อลูกชายเกิดวันอาทิตย์

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันอาทิตย์

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันอาทิตย์ ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ จ ฉ ช ฌ ญ ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ อ และหมวดสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              จิตรินจิด-ตรินศิลปิน
                              จิรเมธจิ-ระ-เมดมีความฉลาดนาน, มีความรู้ตลอดกาล
                              ชยุดาชะ-ยุ-ดารุ่งเรือง
                              ญารัจฉรายา-นัด-ฉะ-รามีความรู้ดุจนางฟ้า
                              ญาตาวียา-ตา-วีผู้มีความรู้

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ฐิติกรถิ-ติ-กอนผู้สร้างความมั่นคง
                              ฐานิดาถา-นิ-ดาผู้มีความตั้งมั่น
                              ฑิมพิกาทิม-พิ-กาไพลน้ำ, ฟองน้ำ
                              ณัฐนัดนักปราชญ์, ผู้ตั้งอยู่ในความรู้
                              ณัฐกิตติ์นัด-ถะ-กิดผู้รุ่งเรืองด้วยความรู้

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              อธิชนม์อะ-ทิ-ชนชีวิตที่ยิ่งใหญ่ มีค่ามาก
                              อนิวรรตน์อะ-นิ-วัดไม่ท้อถอย
                              อมราวดีอะ-มะ-รา-วะ-ดีสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
                              อรรณพอัน-นบทะเล , มหาสมุทร
                              อริยาอะ-ริ-ยาผู้ประเสริฐ , ผู้เจริญ
                              อัคคพลอัก-คะ-พนผู้มีกำลังเป็นเลิศ
                              อาภัสราอา-พัด-สะ-ราสว่าง สุกใส เปล่งปลั่ง
                              อารยาอา-ระ-ยาเจริญ , ศิวิไลซ์
                              อิงค์ช/ญอิงอัศจรรย์ , น้ำหมึก
                              อิทธยาอิด-ทะ-ยาอำนาจ , ความเจริญ , ความสำเร็จ
                              อินทิมาอิน-ทิ-มานางผู้เป็นยอด
                              อินทิราอิน-ทิ-รานางผู้ยิ่งใหญ่
                              ไอริณไอ-รินเกลือสินเธาว์
                              ไอศูรย์ไอ-สูนความเป็นเจ้า เป็นใหญ่
                              ไอศิราไอ-สิ-รานางผู้เป็นใหญ่

                               

                              ชื่อคนเกิดวันจันทร์
                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ชื่อคนเกิดวันจันทร์ ตั้งชื่อลูกสาวเกิดวันจันทร์ ตั้งชื่อลูกชายเกิดวันจันทร์

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันจันทร์

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันจันทร์ ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ ด ต ถ ท ธ น และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ ก ข ค ฆ ง

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ฐากูรถา-กูนเทพเจ้าที่นับถือ
                              ณกัญญานะ-กัน-ยาหญิงงามด้วยความรู้
                              ณัฏฐนิชนัด-ถะ-นิดฉลาดและเป็นตัวของตัวเอง
                              ณิชมนนิด-ชะ-มนหญิงผู้มีใจที่บริสุทธิ์

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ดรณ์ดอนพ้นทุกข์
                              ดารินทร์ดา-รินดวงดาวอันยิ่งใหญ่
                              เตชิตเต-ชิดฉลาดเฉียบแหลม
                              ธนกฤตทะ-นะ-กริดผู้สร้างทรัพย์สิน
                              ธนัททะ-นัดผู้ร่ำรวย
                              ธัญจิราทัน-จิ-รามีสิริมงคลยั่งยืน
                              ธามทามยศศักดิ์
                              นนท์ปวิธนน-ปะ-วิดผู้สร้างความสุข ความบันเทิง
                              นัทธ์ชนันนัด-ชะ-นันผูกพันกับผู้ให้กำเนิด

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              กนกพรกะ-หนก-พอนทองคำที่ดี
                              กรภัทร์กอ-ระ-พัดการกระทำอันเป็นมงคล
                              กฤตยากริด-ตะ-ยามีเกียรติ
                              กฤษดากริด-สะ-ดาความดีที่ทำไว้แล้ว
                              กฤษฎาภากริด-สะ-ดา-พารัศมีแห่งความดีที่ทำไว้แล้ว
                              กอบบุญกอบ-บุนถือเอาบุญ
                              กัญญาพัชรกัน-ยา-พัดหญิงผู้มีค่าดุจเพชร
                              เขมจิราเขม-จิ-รามีความปลอดภัยตลอดกาล
                              เขมทัตเข-มะ-ทัดผู้ให้ความเกษม
                              เขมิกาเข-มิ-กาผู้ยินดีในความสุข
                              คณินคะ-นินผู้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย
                              ฆริกาคะ-ริ-กาเจ้าของบ้าน

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันอังคาร

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันอังคาร ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ ด ต ถ ท ธ น ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ จ ฉ ช ฌ ญ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ดลลชาดน-ละ-ชาความสุข , ความยอดเยี่ยม
                              เตชัสเต-ชัดเดชและอำนาจ
                              ทานต์ทานผู้ใจดี , ใจเย็น
                              ธนวินท์ทะ-นะ-วินได้ทรัพย์ , มีทรัพย์
                              ธนัสถาทะ-นัด-ถามีทรัพย์มั่งคั่ง
                              ธยานีย์ทะ-ยา-นีผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ
                              นพรุจนบ-พะ-รุดมีความรุ่งเรืองเสมอ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              บุณณดาบุน-นะ-ดาความบริสุทธ์ , ความสำเร็จ
                              บุรัสกรบุ-รัด-สะ-กอนผู้ริเริ่มสร้างสรรค์
                              เบญญาเบน-ยาฉลาดรอบรู้
                              ปกิตตาปะ-กิด-ตาผู้ได้รับยกย่องชมเชย
                              ปภาวิชญ์ปะ-พา-วิดนักปราชญ์ผู้รุ่งเรือง
                              ปรเมศวร์ปะ-ระ-เมดผู้เป็นใหญ่ยิ่ง คือ พระอิศวร
                              ปวีร์ปะ-วีผู้กล้าหาญ
                              ปารมีปา-ระ-มีมีบารมี
                              ผลบุญผล-บุนผู้ได้รับผลจากบุญกุศล
                              พรสุภัคพอน-สุ-พักผู้มีโชคอันประเสริฐ
                              พัณณิตาพัน-นิ-ตาผู้ได้รับการสรรเสริญ
                              พิชยะพิด-ชะ-ยะชัยชนะ
                              มรรษกรช/ญมัด-สะ-กรผู้มีความเพียร
                              เมธาวีเม-ทา-วีผู้มีปัญญา

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              จงจินตน์ช/ญจง-จินตั้งใจทำ
                              จรณ์จอนความประพฤติดี
                              จารุพิชญาจา-รุ-พิด-ชะ-ยานักปราชญ์ผู้งดงาม
                              จิณณ์จินผู้ที่ประพฤติดีแล้ว
                              ชยานิศชะ-ยา-นิดเจ้าแห่งความรู้ , ยอดผู้รู้
                              ชนัญชิดาชะ-นัน-ชิ-ดาผู้ชนะคนอื่น
                              ชนาธิปชะ-นา-ทิบผู้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย
                              ญาณิศายา-นิ-สาเป็นใหญ่ด้วยความรู้
                              ญาดายา-ดาผู้รู้ , นักปราชญ์

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันพุธ กลางวัน

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันพุธ กลางวัน ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ ย ร ล ว และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              บัญญพนต์บัน-ยะ-พนผู้มีปัญญา
                              ปณาลีปะ-นา-ลีสายน้ำ
                              ปุญญิศาปุน-ยิ-สาผู้มีบุญยิ่งใหญ่
                              ไผทผะ-ไทแผ่นดิน
                              ภัทรดาราพัด-ทระ-ดา-ราผู้เจริญยิ่งกว่า
                              มนนัทธ์มน-นัดผูกพันด้วยใจ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ยศวรยด-สะ-วอนมียศอันประเสริฐ
                              รสรินรด-สะ-รินมีเสน่ห์น่ารื่นรมย์
                              ลลิตาละ-ลิ-ตาน่ารัก , น่าเอ็นดู
                              ลาภิณลา-พินผู้มีลาภ
                              วิกรานต์วิ-กรานกล้าหาญ
                              วีริสาวี-ริ-สาเป็นใหญ่เหนือวีรบุรุษ
                              วิมลินวิ-มะ-ลินผู้ปราศจากมลทินใดๆ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ฐิดายุช/ญถิ-ดา-ยุผู้มีอายุยืนยาว
                              ฐิติชญาถิ-ติ-ชะ-ยาผู้มีความมั่นคง
                              ณภัทรนะ-พัดผู้ดีงามด้วยความรู้ ความฉลาด
                              ณัชชานัด-ชาเกิดจากความรู้ ความฉลาด
                              ณัฏฐานัด-ถาฉลาด
                              ณัฐธัญนัด-ทันปราชญ์ผู้โชคดี
                              ณัทนัดให้ซึ่งความรู้
                              ณิชารีย์นิ-ชา-รีผู้บริสุทธุ์และประเสริฐ
                              ณิชกานต์นิด-ชะ-กานบริสุทธุ์และเป็นที่รัก

                               

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันพุธกลางคืน

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันพุธ กลางคืน ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ อ และหมวดสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ ก ข ค ฆ ง และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ ย ร ล ว

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              อภิณห์พรอะ-พิน-พอนมีพรอยู่เสมอๆ
                              อรรจยาอัด-จะ-ยาเป็นที่รักใคร่นับถือ
                              อัจฉริยาอัด-ฉะ-ริ-ยามีความรู้ความสามารถเยี่ยม
                              อัฑฒ์อัดผู้ร่ำรวย

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              กนกพิชญ์ก-หนก-พิดนักปราชญ์ผู้เทียบค่าได้ดั่งทอง
                              กวิสรากะ-วิ-สะ-ราจอมกวี , ยอดผู้ฉลาด
                              กันติศากัน-ติ-สาเจ้าแห่งความรัก
                              กิตติกวินกิด-ติ-กะ-วินงามด้วยเกียรติ
                              คณิตคะ-นิดการนับ
                              คิรินทรคิ-ริน-ทอนเจ้าแห่งภูเขา

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ยศวดียด-สะ-วะ-ดี(หญิง) ผู้มียศ
                              ยศวิชญ์ยด-สะ-วิดมีชื่อเสียงเพราะฉลาด
                              รมิตาระ-มิ-ตาผู้มีความสุข
                              ฤชุดารึ-ชุ-ดาความซื่อตรง
                              ลลนาละ-ละ-นาผู้หญิงที่น่าเอ็นดู
                              วรินทรวะ-ริน-ทอนประเสริฐและเป็นใหญ่
                              วทัญญูวะ-ทัน-ยูใจดี ใจบุญ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่
                              วิญญ์วินผู้รู้แจ้ง , นักปราชญ์
                              วิทิตวิ-ทิดผู้รู้ , ผู้คงแก่เรียน

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด

                              ตั้งชื่อตามวันเกิด วันพฤหัสบดี

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันพฤหัสบดี ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ ศ ส ษ ห ฬ ฮ ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ อ และหมวดสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ศมนันท์ช/ญสะ-มะ-นันความสุขสงบ
                              ศุทธาสุด-ทาความบริสุทธิ์
                              สุชัญญาสุ-ชัน-ยาประเสริฐยิ่ง

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              อกนิษฐ์อะ-กะ-นิดใหญ่สุด , สุงสุด
                              อดิรุจอะ-ดิ-รุดสง่ามงามยิ่ง
                              อนุภัทร์อะ-นุ-พัดดีวามเสมอ
                              อรอินทุ์ออน-อินงามดั่งดวงจันทร์
                              อาชวินอาด-ชะ-วินมีความซื่อสัตย์
                              อิษฏ์อิดการบูชา

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              บัณฑิตาบัน-ดิ-ตาผู้ทรงความรู้ , ผู้มีปัญญา
                              บุญนิธย์บุน-ยะ-นิดขุมทรัพย์คือบุญ
                              บุณฤทธิ์บุน-ยะ-ริดผู้มีอำนาจด้วยบุญ
                              บุณยวีร์บุน-ยะ-วีดีและกล้าหาญ
                              ปกรณ์ปะ-กอนคัมภีร์ , ตำรา
                              ปภาวีปะ-พา-วีผู้มีอำนาจ
                              ใฝ่ธรรมไฝ่-ทำสนใจในทางธรรม
                              พิชชาภาพิด-ชา-พารุ่งเรืองด้วยความรู้
                              พีรดาพี-ระ-ดาความกล้าหาญ
                              พุฒิธาดาพุด-ทิ-ทา-ดาผู้รวยสมบัติ
                              ภัคทีมาพัก-ที-มาผู้ฉลาดในสิ่งที่เป็นมงคล
                              มนัสวีมะ-นัด-สะ-วีมีความตั้งใจมุ่งมั่น

                              ชื่อคนเกิดวันศุกร์
                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ชื่อคนเกิดวันศุกร์ ตั้งชื่อลูกสาวเกิดวันศุกร์ ตั้งชื่อลูกชายเกิดวันศุกร์

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันศุกร์

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันศุกร์ ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ ก ข ค ฆ ง ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ จ ฉ ช ฌ ญ และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ ศ ส ษ ห ฬ ฮ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              กรวีร์กอ-ระ-วีผู้กล้าหาญในที่ทำงาน
                              กฤตภาสกริด-ตะ-พาดผู้ทำให้เกิดแสงสว่าง ความรุ่งเรือง
                              เขมิสราเข-มิด-สะ-รายอดแห่งความปลอดภัย
                              คณิศรคะ-นิ-สอนผู้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหมลาย
                              คริษฐาคะ-ริด-ถาผู้ที่น่าบูชา
                              คุณัชญ์คุ-นัดผู้รู้คุณธรรม , ผู้รู้ความดี
                              ครองสุขช/ญครอง-สุกผู้รักษาไว้ซึ่งความสุข

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              จรณินท์จะ-ระ-นินเป็นใหญ่เพราะความประพฤติดี
                              จารุตน์จา-รุดผู้เป็นที่รักที่สุด
                              จิตตินีจิด-ติ-นีหญิงผู้ฉลาดเฉลียว
                              ฉันท์ทัตฉัน-ทัดให้ความพอใจ
                              ฉันทนัทธ์ฉัน-ทะ-นัดความรักและผูกพัน
                              ชฎาพรชะ-ดา-พอนเครื่องสวมศีรษะอันประเสริบ
                              ชนกันต์ชะ-นะ-กันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย
                              ชนิตพลชะ-นิด-ตะ-พนให้เกิดพลัง
                              ชนิปรียาชะ-นิ-ปรี-ยาลูกสาวอันเป็นที่รักของมารดา
                              ชวินนุชชะ-วิน-นุดหญิงผู้มีเชาว์ปัญญาดี
                              ชุติมดีชุ-ติ-มะ-ดีมีแสงสว่าง รุงโรจน์
                              ญาณวุฒิยา-นะ-วุดเจริญด้วยความรู้

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ศตพรช/ญสะ-ตะ-พอนมีพรประเสริฐมากมาย
                              ศรัณย์สะ-รันเป็นที่พึ่ง
                              ศรัณยาสะ-รัน-ยาผู้เป็นที่พึ่ง
                              ศีลวัตสี-ละ-วัดมีความประพฤติดี
                              ศุจินทราสุ-จิน-ทรายอดแห่งความบริสุทธิ์
                              สมิทธิ์สะ-มิดสำเร็จ , พร้อม , สมบูรณ์
                              สิรวิชญ์สิ-ระ-วิดนักปราชญ์ผู้เป็นยอด
                              สุชาดาสุ-ชา-ดาผู้เกิดมาดี
                              สุตภาวีสุด-ตะ-พา-วีผู้เจริญเพราะการเรียน-การอ่าน
                              สุรางคนาสุ-ราง-คะ-นานางฟ้า

                               

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด วันเสาร์

                              สำหรับชื่อคนที่เกิดวันพุธ กลางวัน ตัวอักษรมงคลวรรค “เดช” คือ ย ร ล ว ส่วนตัวอักษรมงคลวรรค “ศรี” คือ ศ ส ษ ห ฬ ฮ และตัวอักษรมงคลวรรค “บริวาร” คือ ด ต ถ ท ธ น

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “เดช”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ยลรดียน-ระ-ดีมองแล้วเกิดความยินดี
                              ยศัสวินยะ-สัด-สะ-วินมีชื่อเสียงในทางเก่งกล้า
                              รุจิรารุ-จิ-รางาม , สว่าง , รุ่งเรือง
                              ลีนมนลี-นะ-มนผู้มีใจผูกพันและภักดี
                              วัชริศวัด-ชะ-ริดเจ้าสายฟ้า
                              วิรัญชนาวิ-รัน-ชะ-นาเป็นที่ยินดียิ่ง
                              วีธราช/ญวี-ทะ-ราบริสุทธิ์ , หมดจด

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “ศรี”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ศัจกรสัด-จะ-กอนผู้สร้างความเข้มแข็ง
                              ศรีธราสี-ทะ-ราทรงไว้ซึ่งโชคและศรี
                              สลิลลาสะข-ลิน-ลาน้ำฝน
                              สิรวิชญ์สิ-ระ-วิดนักปราชญ์ผู้เป็นยอด
                              สุทัตดาสุ-ทัด-ดาเกิดมาดีแล้ว
                              โสภนัฐโส-พะ-นัดนักปราชญ์ผู้ดีงาม
                              หาญชนะหาน-ชะ-นะกล้าหาญในการได้ชัยชนะ

                              ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด เสริมดวง วรรค “บริวาร”

                              ชื่อเพศคำอ่านคำแปล / ความหมาย
                              ดาณิมาดา-นิ-มาผู้มีที่พึ่ง , ผู้เข้าถึงธรรมชาติสูงสุด
                              ดิลกฤทธิ์ดิ-หลก-ริดมีฤทธิ์เป็นเลิศ
                              ดุลยุตม์ดุน-ละ-ยุดผู้รักความยุติธรรม
                              ตมิศาตะ-มิ-สาพระจันทร์
                              ถิรายุส์ถิ-รา-ยุมีอายุยืน
                              ทรรศนีย์ , ทัศนีย์ทัด-สะ-นีหญิงผู้มีความงามน่ามอง
                              ทักษวดีทัก-สะ-วะ-ดีหญิงผู้มีความสามารถ มีความชำนาญ
                              ทัตพิชาทัด-พิ-ชาผู้ได้รับประสาทวิชาความรู้
                              ธนวิชญ์ทะ-นะ-วิดมีความรู้เป็นทรัพย์
                              ธรรศทัดความกล้าหาญ
                              ธัญจิราทัน-จิ-รามีสิริมงคลยั่งยืน
                              ธาดาทา-ดาผู้สร้าง
                              ธิตยาทิด-ตะ-ยาหญิงผู้ลาด มีความเพียร
                              นิรัชพรนิ-รัด-ชะ-พอนบริสุทธิ์และประเสริฐยิ่ง
                              นุชวรานุด-ชะ-วะ-ราหญิงสาวผู้ประเสริฐ

                              จากรายชื่อมงคลทั้ง 200 ชื่อข้างต้น หากมีชื่อไหนถูกใจ
                              คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเลือกไป ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ได้เลยนะคะ


                              ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ “คู่มือ ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด และวันที่เกิด เปลี่ยนนามทักษามงคล”

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจคลิกที่ภาพได้เลย ⇓

                              858 ชื่อเล่น ลูกสาว-ลูกชาย สุดฮิตติดเทรนด์ ปี 2020

                              100 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูก ชื่อเกาหลี ตามไอดอล นักแสดง และตัวละครซีรีย์ดัง!

                              222 ชื่อภาษาอังกฤษ ชื่อเล่นลูกสาว ยอดฮิตและเทรนด์ใหม่ ใช้ตั้งได้ทุกปี!

                              500+ ชื่อเท่ๆ ผู้ชาย ผู้หญิง สำหรับตั้งให้ลูกแบบฮิปๆ คูลๆ

                                แบบฝึกหัดภาษาไทย

                                แบบฝึกหัดภาษาไทย สำหรับอนุบาล-ป.1 ฝึกอ่าน-เขียน เตรียมความพร้อมด้านภาษา

                                ในช่วงวัยอนุบาล เป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเด็กจะมีพัฒนาการด้านภาษา การจดจำ และการเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น นี่คือ แบบฝึกหัดภาษาไทย สำหรับช่วยเตรียมความพร้อมทางด้านภาษา ให้ลูกวัยอนุบาลได้ฝึกอ่าน เขียน รู้จักความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ สร้างการเรียนรู้และจดจำคำศัพท์ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง นอกจากบทเรียนที่โรงเรียนแล้ว การให้ลูกได้ฝึกทำใบงานหรือแบบฝึกหัดเป็นประจำและต่อเนื่องจะมีส่วนช่วยให้ลูกเก่งภาษาได้ดีขึ้น

                                แบบฝึกหัดภาษาไทย สำหรับอนุบาล ฝึกอ่าน-เขียน เตรียมความพร้อม

                                ฝึกการอ่านภาษาไทยคำศัพท์ที่เด็กควรได้อ่าน

                                • ฝึกอ่านคำ สระอะ คลิก
                                • ฝึกอ่านคำ สระอา คลิก
                                • ฝึกอ่านคำ สระอิ, สระเอ คลิก
                                • ฝึกอ่านคำ สระอี, สระใอ คลิก
                                • ฝึกอ่านคำ สระอุ, สระอำ คลิก
                                • ฝึกอ่านคำ สระอู คลิก

                                ฝึกการเขียนภาษาไทย

                                ฝึกการเขียนภาษาไทย

                                • แบบฝึกหัดลีลามืออนุบาล คลิก
                                • ฝึกคัดลายมือ คำพื้นฐานอนุบาล คลิก
                                • ฝึกคัดลายมือ คำพื้นฐาน ป.1 คลิก
                                • แบบฝึกหัดคัดลายมือพยัญชนะไทย คลิก
                                • ฝึกคัดลายมือตามรอยประ (ระดับประถมต้น)
                                  ชุดที่ 1
                                  ชุดที่ 2
                                • แบบฝึกหัดภาษาไทย ป.1 สระเอีย เอือ ไอ ใอ คลิก
                                • แบบฝึกหัดวรรณยุกต์ 4 รูป เขียนวรรณยุกต์ลงในคำศัพท์ให้ถูกต้อง คลิก
                                • แบบฝึกหัดอักษรสามหมู่ สูง กลาง ต่ำ คลิก

                                อยากให้ลูกเก่งภาษา

                                อยากให้ลูกเก่งภาษา ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาให้ลูก พ่อแม่ช่วยได้

                                หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ช่วยให้ลูกได้เก่งภาษามากขึ้น การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาให้ลูกตั้งแต่เล็กทำได้ด้วย

                                1.ส่งเสริมลูกด้วยการอ่าน

                                การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังตั้งแต่เล็ก ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการรักการอ่านของเด็ก และเป็นวิธีที่ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีมากวิธีหนึ่ง การเล่านิทานของคุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนลูกได้เรียนภาษาไปในตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ที่จะช่วยให้เด็กรู้จักชุดคำศัพท์ใหม่ ๆ มากขึ้น เรียนรู้ความหมายของคำ โครงสร้างประโยค ได้จากหนังสือที่คุณแม่อ่านให้ฟังได้อย่างรวดเร็วขึ้น ด้วยภาษาที่สั้น ๆ เข้าใจง่าย และอ่านซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้งที่จะทำให้ลูกสามารถจดจำคำศัพท์ต่าง ๆ ได้ฝึกเชื่อมโยงคำศัพท์กับรูปภาพ รวมทั้งการกระตุ้นในการถาม-ตอบ เกี่ยวกับหนังสือที่อ่านอยู่เป็นระยะจะช่วยให้ลูกได้ฝึกคิดวิเคราะห์อีกด้วย

                                2.พ่อแม่คือตัวอย่างของการพูด

                                คำพูดจากพ่อแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เด็ก ๆ จะจดจำและนำไปใช้ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย ความหมายดี พูดกระชับ และออกเสียงชัดเจน

                                3.เสียงเพลง

                                ดนตรีจากเสียงเพลงหลากหลายประเภท และมีเนื้อร้องที่สั้นกระชับ ใช้ถ้อยคำง่าย ๆ มีคำคล้องจอง เมื่อเปิดให้เด็ก ๆ ได้ฟังซ้ำ ๆ ก็จะเกิดการจดจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น เช่น เพลงเด็ก เพลงกล่อมเด็ก ฯลฯ ซึ่งเพลงเหล่านี้ลูกสามารถร้องตามได้ง่าย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาได้ดี แถมยังส่งผลให้อารมณ์ดี สนุกสนานอีกด้วย

                                4.ฝึกทำแบบฝึกหัดหรือใบงาน

                                นอกจากบทเรียนที่โรงเรียนสอนมาแล้ว การให้ลูกได้ฝึกทำแบบฝึกหัดวันละหน้า 2 หน้าโดยทำทุกวันเพื่อเป็นการทบทวนสิ่งที่ลูกได้เรียนมา และเป็นการฝึกฝนให้เด็กเกิดทักษะเพื่อเติมเต็มศักยภาพ ทั้งนี้การจัดหาแบบฝึกหัดควรเป็นเนื้อหาที่เหมาะสมตามวัย และต้องคำนึงถึงความพร้อม ความต้องการและความสนใจของลูกด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ที่ส่งผลต่อพัฒนาการและทำให้เด็กไม่สนใจที่จะเรียนรู้ต่อไปได้

                                ขอบคุณแบบฝึกหัดจาก : www.รักครู.com , www.karn.tvwww.kruupdate.comwww.trainkru.comwww.krupatom.com

                                อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก : 

                                แจกฟรี! แบบฝึกหัดอนุบาล 3 กว่า 100+ แผ่น เน้นพัฒนาทักษะการคิด

                                รวม แบบฝึกหัด ป.1 ดาวน์โหลดฟรี! กว่า 90 ชุด (ไทย วิทย์ คณิต อังกฤษ)

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  ‘ฟรีสแลนด์คัมพิน่า’ สานต่อพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม เข้ารับประกาศนียบัตร โครงการนำร่องซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฯ

                                  กรุงเทพ – บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม “โฟร์โมสต์” พร้อมขับเคลื่อนพันธกิจระดับโลกในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเข้าร่วมในโครงการนำร่องทดสอบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โครงการฯ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินโครงการนำร่องทดสอบระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมหากภาครัฐมีการขับเคลื่อนให้นำระบบดังกล่าวมาใช้ในอนาคต โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายสันติชัย ศิลป์งามเลิศ และ นายสงกรานต์ ปิยะวงศ์รุ่งเรือง ฝ่ายความปลอดภัยชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ได้เข้ารับประกาศนียบัตรจากประธานในพิธีฯ ดร.พงษ์วิภา หล่อสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ณ ห้องอินฟินิตี้ โรงแรม พลูแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ 

                                  นายสันติชัย ศิลป์งามเลิศ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีนโนบายและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และส่งผลดีต่ประเทศไทยโดยองค์รวม เราดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas : GHG) จากกิจกรรมต่างๆของบริษัทฯ ทั้งโดยทางตรงได้แก่ การเผาไหม้เชื้อเพลิง และการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย และทางอ้อมได้แก่ การจัดการน้ำนมโคสดที่รับจากสหกรณ์โคนม ทั้งนี้เพื่อควบคุม และลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา 2562 ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก GHG ได้ถึง 6.59% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ดีทั้งในเรื่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” 

                                    Tags

                                    วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง

                                    วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง การเตรียมพี่ให้พร้อม ก่อนมีน้องอีกคน

                                    แม่แอน อลิชา ยอมรับว่า เคยกังวลกับลูกคนโตว่าจะอิจฉาน้องตัวเอง พร้อมเผย วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง แม่แอนกับพ่อภูริต้องช่วยกันอธิบาย พร้อมกับให้พี่สาวคนโตมีส่วนร่วมในการช่วยเลี้ยงน้องสาว

                                    วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง การเตรียมพี่ให้พร้อม ก่อนมีน้องอีกคน

                                    เรื่องน่าหนักใจ ก่อนตัดสินใจมีลูกอีกคน มาดูเคล็ดลับ วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง และการเตรียมพี่ให้พร้อมก่อนมีน้อง เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้และเข้าใจถึงการมีสมาชิกครอบครัวคนใหม่เพิ่มขึ้นมา

                                    วิธีเลี้ยงลูกคนโต เมื่อมีน้อง

                                    ปัญหาพี่น้องอิจฉากัน โดยเฉพาะคนพี่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในหลายครอบครัว แม้ว่าจะพยายามให้ลูกเข้าใจมากแค่ไหนว่า พ่อแม่รักลูกเท่ากัน แต่ด้วยความเป็นเด็ก ต้องอาศัยเวลากว่าจะเรียนรู้ในเรื่องนี้ ไม่เว้นแม้แต่ แม่แอน อลิชา ที่แอบกังวลเหมือนกันว่าพี่ริชาอิจฉาน้องตัวเอง

                                    คุณแม่คนสวย แอน-อลิชา หิรัญพฤกษ์ เล่าถึงน้องริชา ลูกสาวคนโต ที่แอบอิจฉาน้องลิษา สมาชิกใหม่ของบ้าน โดยยอมรับว่า แม่แอนเองก็กังวลหลังมีลูกคนที่สอง กลัวว่าพี่สาวคนโตอย่างน้องริชาจะไม่เข้าใจ

                                    แม่แอนยอมรับว่า ก่อนหน้านี้กลัวว่าลูกสาวคนโตจะเข้ากับน้องไม่ได้ มีความรู้สึกกังวลมาก ซึ่งน้องริชาก็มีอิจฉาน้องลิษาอยู่นิดหน่อย เพราะเคยเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้ลูกสาวคนโตจะเกาะพ่อมาก รู้สึกหวงพ่อ โดยเฉพาะเวลาที่พ่อจะเล่นกับน้องก็จะมานัวเนีย ไม่เป็นกับแม่เพราะลูกเข้าใจว่า แม่ต้องดูแลน้องและต้องให้นมน้อง

                                    ส่วนวิธีเลี้ยงลูกสาวคนโต หลังจากที่มีน้องเพิ่มอีกคน คุณแม่แอน เล่าว่า ต้องอธิบายให้ลูกฟัง เช่น บอกลูกคนโตว่า ที่น้องทำแบบนี้ ที่แม่ทำแบบนี้ เพราะอะไร

                                    “น้องเป็นแบบนี้นะ ถ้าหนูอยากให้น้องเก่ง หนูต้องช่วยแม่” วิธีนี้ทำให้พี่สาวรู้สึกภูมิใจที่มีหน้าที่ช่วยเหลือแม่และไม่ถูกแม่กันออกไป ส่วนการวางแผนสำหรับลูกคนที่สามนั้น ขอพักก่อน เพราะตอนนี้สองคนกำลังพอดี

                                    การเลี้ยงลูกแบบแม่แอน จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสม ด้วยการให้คนพี่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูน้อง ช่วยให้พี่รู้สึกภูมิใจ ทั้งยังเสริมสร้างความผูกพันในครอบครัวอีกด้วย

                                    การเตรียมพี่ให้พร้อม ก่อนมีน้องอีกคน

                                    หากคุณพ่อคุณแม่วางแผนอยากมีลูกอีกสักคน ควรทำให้ลูกคนโตคุ้นเคยกับคำว่า พี่น้องเสียก่อน ด้วยการเล่านิทานที่เกี่ยวกับพี่น้องให้ฟัง บอกลูกว่าการมีพี่น้องนั้นดีอย่างไร ถ้าลูกอยู่ในวัยที่โตพอจะรู้เรื่องแล้ว ลองชวนลูกคุยเรื่องการมีน้องเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว ลูกอาจจะแสดงความรู้สึก หรือพูดความคิด ความต้องการออกมา ซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจได้ว่า ลูกคิดอย่างไรกับการมีน้อง ถ้าลูกกังวลว่า น้องจะมาแย่งความรักไป ก็ให้ค่อย ๆ อธิบายเพื่อเรียกความมั่นใจของลูกให้มากขึ้นว่า ถึงแม้แม่จะมีน้องก็ยังรักลูกเท่าเดิมอยู่ดี

                                    รู้ตัวว่าท้องจะเริ่มบอกลูกอย่างไร

                                    1. เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว ให้ค่อย ๆ บอกลูกว่า ลูกกำลังจะมีน้องแล้วนะ อาจหาภาพทารกให้ดู หรือเล่าเรื่องครอบครัวอื่น ๆ ว่าการมีพี่น้องดีอย่างไร ทำให้พี่มีเพื่อนเล่น น้องมาช่วยสร้างความสุขให้กับครอบครัว
                                    2. เปิดโอกาสให้ลูกได้ใกล้ชิดกับน้องในท้อง ให้ลูกสัมผัส ลูบท้องของแม่ ฟังเสียงของน้อง และคุยกับน้องในท้องแม่
                                    3. ระหว่างที่แม่ตั้งครรภ์อยู่ จำเป็นต้องซื้อของเข้าบ้าน ก็ควรให้พี่มีส่วนร่วมในการเลือกซื้อของด้วย ตอนพาคนพี่ไปซื้อของให้น้อง ลองถามพี่ว่า อยากให้น้องใช้สีอะไร ถ้าเป็นของเล่นก็ซื้อให้พี่ด้วยเหมือนกัน ให้ลูกคนโตช่วยเลือกว่าจะซื้อสีอะไรให้น้อง และเลือกว่าคนพี่อยากได้สีอะไร
                                    4. ในช่วงคุณแม่ตั้งครรภ์จนคลอดน้องออกมา อาจมีหลายอย่างที่คนเป็นพี่ต้องปรับตัว หรือมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน ให้พูดคุยกับลูกเสมอ บอกให้รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เช่น ตอนที่แม่คลอดน้อง จะให้คุณย่ามาอยู่กับพี่ ช่วยเลี้ยงพี่ระหว่างนั้น หรือหากจำเป็นต้องย้ายห้องนอนหรือมีการเปลี่ยนแปลงใดที่เกี่ยวข้องกับลูกคนโต ไม่ควรเปลี่ยนปุบปับ ควรบอกให้ลูกรู้ล่วงหน้า เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่า น้องเข้ามาทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง
                                    5. ปัจจุบันนี้ การติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงให้ครอบครัวอยู่ใกล้กันมากขึ้น ถ้าลูกคนโตจำเป็นต้องห่างจากพ่อแม่ ควรติดต่อลูกบ่อย ๆ โทรศัพท์หาลูก หรือวิดีโอคอลคุยกัน ย้ำกับลูกเสมอว่าพ่อแม่รักและอยากอยู่ใกล้

                                    ยิ่งมีน้อง ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับลูกคนโต

                                    • หลังจากที่แม่คลอดน้องออกมา ควรให้ลูกคนโตได้ไปรับน้องกลับบ้านด้วย หรือตอนที่กลับบ้าน ควรให้คนอื่นช่วยอุ้มน้อง แล้วแม่ก็เข้าไปหาลูกคนโต พูดคุย สัมผัส สอบถามความรู้สึกต่าง ๆ เพื่อย้ำเสมอว่าเขามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าน้องเลย
                                    • พี่ควรมีส่วนร่วมเสมอในการเลี้ยงน้อง ควรสอนพี่ด้วยว่าต้องเล่นกับน้องอย่างไร เพราะน้องตัวเล็กยังไม่แข็งแรง เช่น พี่ต้องล้างมือก่อนเล่นกับน้องนะ หรือลูบน้องเบา ๆ โดยที่พ่อแม่คอยจับมือพี่ ค่อย ๆ ลูบน้องอย่างเบามือ
                                    • พ่อแม่ คนในครอบครัว ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่อพี่เล่นกับน้อง เพราะเด็กอาจหมั่นเขี้ยวกัน หรือเผลอเล่นรุนแรง ถ้าเกิดพี่เล่นแรงจนน้องร้องไห้ อย่าเพิ่งโมโหหรือดุว่าพี่นะคะ จะยิ่งทำให้คนพี่รู้สึกอิจฉาน้องมากขึ้นได้
                                    • หมั่นเตือนคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ให้ระวังคำพูดกับพี่คนโต ไม่ควรพูดเรื่องน้องมาแย่งความรักหรือพี่จะกลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะเรื่องขำ ๆ ของผู้ใหญ่ เด็กไม่ขำด้วย ซ้ำยังฝังใจ จนทำให้รู้สึกอิจฉาน้องขึ้นมาได้
                                    • หากมีของขวัญหรือของฝากสำหรับเจ้าตัวเล็ก ควรเตรียมของขวัญสำหรับพี่คนโตด้วยเช่นกัน

                                    ทำไงดี! คนพี่อิจฉาน้อง

                                    แม้ว่าพ่อแม่จะพยายามมากแค่ไหนในการเลี้ยงดูลูกคนโต เมื่อมีน้อง แต่ก็ห้ามความรู้สึกของเด็กได้ยาก จากลูกคนโตที่เคยได้รับความรักเต็ม ๆ ก็ถูกสมาชิกใหม่ในครอบครัวดึงความสนใจไปจากพ่อแม่และญาติพี่น้อง ความรัก ความสนใจ ที่เคยมีให้แค่พี่คนเดียว ก็ถูกแบ่งปัน แต่ทุกปัญหามีวิธีแก้ไขเสมอ

                                    • เมื่อรับรู้ได้ว่า พี่อิจฉาน้อง พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ สอบถามลูก พร้อมกับแสดงความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น
                                    • เด็กอาจแสดงพฤติกรรมเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี พ่อแม่จึงต้องตั้งสติ ชวนลูกมาพูดคุย เปิดเผยความรู้สึก ให้ลูกคนโตได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องไปตัดสิน เพียงแค่รับฟัง โอบกอด และทำให้ลูกมั่นใจว่า ทุกคนยังรักลูกเหมือนเดิม
                                    • ถ้าลูกคนโตรู้สึกว่าน้องได้รับความสนใจมากกว่า พ่อแม่ควรสลับมาให้เวลากับลูกคนโตมากขึ้น หากแม่อยู่กับน้องตลอดเวลา ก็สลับให้คุณพ่อช่วยดูแลน้องบ้าง หรือตัวคุณพ่อเองอาจดึงความสนใจจากลูกคนโตด้วยการพาไปเจอเพื่อน
                                    • ลูกคนโตอาจรู้สึกว่า ทุกคนใส่ใจน้องมากกว่า พ่อแม่จึงมีหน้าที่ต้องอธิบายว่า สิ่งที่ทำไปนั้น ก็เคยทำกับลูกคนโตเช่นกัน พร้อมกับชวนให้ลูกคนโตมีหน้าที่ช่วยพ่อแม่ในการเลี้ยงน้องจนกว่าจะเติบโตแข็งแรงและช่วยเหลือตัวเองได้ เมื่อลูกคนโตช่วยเลี้ยงน้อง ก็ต้องขอบคุณ พร้อมกับชื่นชมในน้ำใจของลูกด้วย
                                    • หากิจกรรมที่ลูกทั้งสองคนทำร่วมกันได้ โดยมีพ่อแม่ร่วมทำกิจกรรมไปด้วย เช่น วาดรูปร่วมกัน หรือเล่นเกมด้วยกัน
                                    • อย่าลืมแสดงความรักต่อพี่น้องพร้อม ๆ กัน ด้วยการหอมลูกคนโต แล้วมาหอมลูกคนเล็ก แม่อุ้มลูกคนเล็ก ให้พ่ออุ้มลูกคนโต

                                    คุณแม่อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่อยที่ต้องดูแลลูกสองคนพร้อมกัน จึงอยากแนะนำให้คุณพ่อหรือคนในครอบครัวคนอื่น อยู่ด้วยบ่อย ๆ ช่วยกันดูแลทั้งพี่ทั้งน้องสลับกัน เพื่อให้พี่น้องสนิทสนมกัน และไว้วางใจว่าทุกคนรักพวกเขาเท่า ๆ กัน

                                    อ้างอิงข้อมูล : dmh.go.th, Smallworld Doctor และ sanook

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                    รวมไอเดีย ตั้งชื่อลูกชาย ชื่อเล่น 262 ชื่อ แบบพยางค์เดียว ก็เท่ได้

                                    ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่แม่ต้องรู้เท่าทัน!

                                    5 วิธีฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด ให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพดี