ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง

ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง
ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง

หนึ่งในสัญญาณของโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก ๆ ก็คือ การนอนกรน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่พ่อแม่ไม่ควรชะล่าใจ ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง

สังเกตลูกให้ดี ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง ควรรีบพาไปพบหมอ

อาการนอนกรนในเด็กเป็นสัญญาณสำคัญของร่างกาย ที่พ่อแม่ไม่ควรชะล่าใจ โดยเฉพาะถ้าเกิดร่วมกับภาวะการหายใจที่ลดลง หรือหยุดหายใจในขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea Syndrome) จากคลิปคุณแม่ต้นหอม ศกุนตลา ได้โพสต์น้องปกป้องในวัยเกือบ 2 ขวบ กำลังนอนหลับอย่างน่าเอ็นดู แต่กลับมีเสียงกรน จนทำให้หลายคนเป็นห่วงและคอมเมนท์ให้คุณแม่รีบพาน้องปกป้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด

ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง
ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง

เครดิตภาพ : instagram.com/djtonhorm

สำหรับการนอนกรนในเด็กเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ และควรพาลูกไปพบแพทย์ เพราะมีอันตรายมากกว่าที่คิด

ลูกนอนกรนอันตรายแค่ไหน

การนอนกรนในเด็กจะอันตรายเมื่อเกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea Syndrome :OSAS) โดยมีอาการหลัก ๆ ได้แก่

อาการอื่น ๆ ที่มักมีร่วมด้วย

ส่วนอาการอื่น ๆ ที่สะท้อนว่าที่ลูกกรนนั้นเสี่ยงจะมีอาการรุนแรง ได้แก่ การนอนหลับในท่าทางที่ผิดปกติ กรนทุกวัน กรนเสียงดัง ตอนนั้นลูกอาจหยุดหายใจขณะหลับเป็นช่วง ๆ ปลุกตื่นยากหลังตื่นนอน เพลียและอยากนอนเสมอ อาจมีผลด้านอารมณ์หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย หากลูกอยู่ในวัยที่เข้าเรียนแล้วก็จะนอนหลับด้วยความอ่อนเพลียในคาบเรียน หรือมีอาการปวดศีรษะระหว่างวัน หลังตื่นนอน หากลูกบ่นว่าปวดหัวบ่อย ๆ ร่วมกับอาการอื่นเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์

ผลกระทบการนอนกรนต่อร่างกายของเด็ก

หากลูกมีอาการนอนกรนร่วมกับภาวะนี้ อาจทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียง นอนกระสับกระส่าย ตื่นบ่อย ๆ คุณภาพการนอนลดลง ส่งผลต่อการใช้ชีวิต ทำให้ลูกอ่อนเพลีย พัฒนาการเด็กไม่เหมาะสมกับวัย

ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้จะทำให้เด็กมีอันตรายถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจทำงานล้มเหลวได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง ทำให้มีสติปัญญาต่ำ ระดับการเรียนรู้ต่ำลง ร่วมกับสมาธิสั้น

ด้วยอาการที่คล้ายกับโรคสมาธิสั้น (ADHD) เช่น เด็กจะซนกว่าปกติ หงุดหงิดโมโหง่าย ถ้าไม่ได้สังเกตเรื่องการนอนกรน อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคสมาธิสั้นได้ พ่อแม่จึงต้องสังเกตการนอนของลูก ดูพฤติกรรมของลูก ควบคู่กันไปเพื่อนำอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปปรึกษาคุณหมอ จะได้รักษาอย่างถูกโรคและทันท่วงที

ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง
ลูกนอนกรน หายใจเสียงดัง

หายใจเสียงดัง สัญญาณอันตราย

Obstructive Sleep Apnea Syndrome (OSAS) เกิดจากทางเดินหายใจที่มีการอุดกั้นบางส่วน หรืออุดกั้นอย่างสมบูรณ์ อาการเกิดได้เป็นพัก ๆ จึงรบกวนต่อระบบการระบายลมหายใจ และระบบการนอนหลับ

ความเสี่ยงของลูกนอนกรนที่พบภาวะ OSAS

  1. เด็กมีต่อมทอนซิลโต หรือมีต่อมอดีนอยด์โต และอาจจะโตได้ทั้ง 2 ต่อม
  2. โรคอ้วน หรือเด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
  3. โรคปอดเรื้อรัง
  4. โครงสร้างของระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น กรามเล็ก และขนาดทางเดินหายใจแคบกว่าปกติ
  5. มีความผิดปกติของสมอง ทำให้การคุมการทำงานของกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น Cerebral Palsy
  6. กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากสาเหตุต่าง ๆ
  7. พบความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม

วิธีรักษาลูกนอนกรน

  • แพทย์อาจตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิล ในกรณีที่เด็กมีต่อมอะดีนอยด์โตและต่อมทอนซิลโต เพื่อรักษาการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับ ช่วยให้เด็กมีอาการดีขึ้นได้ถึง 75-100%
  • หากไม่สามารถผ่าตัดได้ อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อป้องกันการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับ
  • บางรายอาจทำการรักษาด้วยการผ่าตัดแก้ความผิดปกติของโครงสร้างของทางเดินหายใจส่วนบนที่แคบกว่าปกติ
  • ในเด็กที่มีอาการภูมิแพ้หรือมีน้ำหนักตัวมาก แพทย์จะรักษาอาการของโรคเหล่านี้ร่วมด้วย

การนอนกรนในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก หากเข้ารับการรักษาช้า ลูกอาจมีพัฒนาการที่ล่าช้า หรือมีสมาธิสั้นได้ หากลูกนอนกรน หรือหายใจเสียงดัง พ่อแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์

อ้างอิงข้อมูล : gj.mahidol.ac.th , vitalsleepclinic.com และ sleepcenterchula.org

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

สุดยอด!แม่สังเกตจนรู้ ลูกไม่ได้เป็น ตากุ้งยิง แท้จริงคือชีสต์

ลูกปลอด โรคตับ และมะเร็งร้ายได้เพียงแค่..หยุด!!

เริมในช่องปาก โรคฮิตของเด็กเล็ก อาการเป็นอย่างไร

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up