โรคปอดบวมในเด็ก หรือ โรคปอดอักเสบ เป็นหนึ่งใน 6 โรคที่ สธ.ประกาศเตือนให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงอากาศเย็น ซึ่งโรคปอดบวมนั้นพบประมาณร้อยละ 8 -10 ของผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ และยังเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พยากรณ์ของโรคจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคปอดบวม การรักษาที่เหมาะสม ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น และโรคประจำตัว
แม้ “โรคปอดบวม” จะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้เพราะมีวัคซีนป้องกันและยารักษา แต่ก็มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงเช่นเดียวกัน ล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยตัวเลขว่ามีเด็กจำนวนกว่า 800,000 คนต่อปีเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม
สาเหตุของ โรคปอดบวมในเด็ก
เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และ Atypical Pathogen เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยที่ทำให้เกิดโรคปอดบวม ได้แก่ นิวโมคอคคัส หรือฮีโมฟิลุส ส่วนเชื้อไวรัส ได้แก่ อาร์เอสวี ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อ Atypical Pathogen ที่ทำให้เกิดโรคปอดบวมได้บ่อย ได้แก่ ไมโครพลาสม่า
![ทารกป่วย](https://i0.wp.com/www.amarinbabyandkids.com/app/uploads/2015/10/baby-sick.jpg)
วิธีสังเกต อาการปอดบวม
เด็กจะมีไข้ บางรายอาจมีอาการหนาวสั่น ไอมีเสมหะ อัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ หรือหอบ ในบางรายอาจมีอาการอื่นๆ เช่น เจ็บชายโครงขณะหายใจลึกๆ หรือไอ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว ถ้าอาการปอดบวมเป็นรุนแรง อาจมีการหายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ริมฝีปากเขียว อัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ ขึ้นกับอายุของเด็ก ดังนี้
- เด็กอายุน้อยกว่า 2 เดือนมีอัตราการหายใจมากกว่า 60 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป
- เด็กอายุ 2-12 เดือนมีอัตราการหายใจมากกว่า 50 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป
- เด็กอายุ 1-5 ปีมีอัตราการหายใจมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป
![อาการลูกปอดบวม](https://i0.wp.com/www.amarinbabyandkids.com/app/uploads/2015/10/shutterstock_176798666.jpg)
การวินิจฉัย
ดูจากประวัติผู้ป่วยคือ มีไข้ ไอ หอบ ร่วมกับการตรวจร่างกายจะพบว่ามีเสียงเสมหะผิดปกติในปอด กรณีที่มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดเสียงหายใจบริเวณนั้นจะเบาลง เคาะปอดแล้วได้เสียงทึบกว่าส่วนอื่น ในรายที่เป็นรุนแรงจะตรวจพบค่าออกซิเจนต่ำ โดยอาจเอกซเรย์ปอดและเจาะเลือดเพื่อช่วยในการวินิจฉัย นอกจากนี้การตรวจเพาะเชื้อเสมหะในผู้ป่วยบางรายอาจช่วยในการวินิจฉัยและรักษาได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
การรักษาโรคปอดบวมในเด็ก
- การรักษาจำเพาะ
ในรายที่เป็นโรคปอดบวมจากเชื้อไวรัสจะไม่มียารักษาที่จำเพาะ การรักษาเป็นเพียงการประคับประคอง ในกรณีสงสัยเชื้อแบคทีเรีย จะให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 7-21 วัน ขึ้นกับเชื้อและความรุนแรง
- การรักษาทั่วไป
ผู้ป่วยโรคปอดบวมที่มีอาการหอบ ไข้สูง เสมหะเหนียว เบื่ออาหาร จำเป็นต้องให้สารน้ำให้เพียงพอ และในรายที่มีการหายใจเร็ว หอบ ชายโครงบุ๋ม กระวนกระวาย หรือซึม และตรวจพบว่ามีออกซิเจนต่ำควรพิจารณาให้ออกซิเจนด้วย หากได้ยินเสียงวี้ดให้ใช้ยาขยายหลอดลม และพิจารณาให้ยาขับเสมหะหรือยาละลายเสมหะในรายที่อาการไอและมีเสมหะมาก ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดทรวงอก ได้แก่ การจัดท่าระบายเสมหะ การเคาะปอด และช่วยดูดเสมหะเพื่อช่วยระบายเสมหะที่คั่งค้างในหลอดลมออกมาได้
![การรักษาโรคปอดบวม](https://i0.wp.com/www.amarinbabyandkids.com/app/uploads/2015/02/shutterstock_232913134.jpg)
การรักษาอื่นๆ ตามอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้และเช็ดตัว ในผู้ป่วยที่มีภาวะการหายใจล้มเหลวหรือหยุดหายใจแพทย์จะพิจารณาใส่ท่อหลอดลมคอและเครื่องช่วยหายใจ
นอกจากนี้ พญ.มณินทร ยังได้ฝากถึงข้อพึงปฏิบัติเพื่อการป้องกันลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคปอดบวมไว้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค โดยไม่ควรให้เด็กใกล้ชิดผู้ป่วยทุกประเภท
- หลีกเลี่ยงการนำเด็กไปอยู่ในที่แออัด
- เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีควรดูแลที่บ้าน ไม่ควรส่งไปเลี้ยงตามสถานเลี้ยงเด็ก
- ถ้าเด็กมีอาการไอ จาม มีน้ำมูกควรพิจารณาใช้ผ้าปิดปากและจมูก
- ควรทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ
- มีอนามัยส่วนบุคคล โดยฝึกหัดให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ไม่ขยี้ตาหรือจมูก
- ควรดูแลความสะอาดของบ้านเรือนให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
![ป้องกันโรคปอดบวม](https://i0.wp.com/www.amarinbabyandkids.com/app/uploads/2015/10/shutterstock_178313102.jpg)
- เพิ่มความต้านทานโรค ควรให้เด็กได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน และให้อาหารครบ 5 หมู่
- หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที
- หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยง เช่น ควันไฟ ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ อากาศหนาวเย็น เป็นต้น
- ที่สำคัญควรนำเด็กไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนเสริมบางชนิดที่ช่วยลดการเกิดโรคปอดบวมในเด็ก ได้แก่
- วัคซีนไอพีดี ซึ่งจะป้องกันโรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันโรคปอดบวมจากไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาลในปีนั้นๆ
ผู้เลี้ยงดูเด็กทุกท่านควรรู้จักอาการแรกเริ่มของโรคปอดบวม และควรพาเด็กมาพบแพทย์เพื่อรักษาแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและเพื่อให้เด็กหายป่วยไว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ พัฒนาการ และการเรียนต่อไปค่ะ
บทความโดย : พญ.มณินทร วรรณรัตน์ กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
ภาพ : shutterstock
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
รวม 20 อาการต้องสงสัย ลูกไม่สบาย แบบนี้..! กำลังป่วยเป็นโรคอะไร?
โรคหัดระบาด ช่วงไหน ไข้ออกผื่นแบบนี้ ลูกเป็นโรคหัดหรือเปล่า?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่