Page 140 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี

เลือก คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี คุณภาพสมราคา คุณแม่โหวต HOYO เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ

คุณแม่ทราบไหมคะว่า อุบัติเหตุภายในบ้านเป็นอันตรายต่อลูกน้อยไม่แพ้อุบัติเหตุจากการเดินทางหรือกิจกรรมบอกบ้านเลย ข้อมูลจากการสำรวจโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาพบว่ากว่า 30 % ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับทารกและเด็กเล็กเกิดขึ้นในบ้าน เช่น ตกบันได ตกเตียง ไฟช็อต หรือของมีคมบาด น่าตกใจใช่ไหมล่ะคะ

เนื่องจากเด็กเล็กๆที่เริ่มคลาน หรือกำลังเดินเตาะแตะมักสนุกกับการเคลื่อนไหว สัมผัสสิ่งของรอบตัว จึงอาจเกิดอุบัติเหตุได้เพียงเสี้ยววินาที จริงๆแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการใช้คอกกั้นเด็กมาสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกน้อย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม แต่คุณแม่ยุคใหม่จะเลือกใช้ คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี  มาฟังคำตอบกันค่ะ

คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศยกให้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ได้จัดการมอบรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020ต่อเนื่องในปีที่ 2 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับแม่ลูกในดวงใจ จากการเสนอชื่อและคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้คอกกั้นเด็กจากแบรนด์ HOYO ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา  Best Baby Playpen ในปีนี้

คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี

ทำไมแม่ยุคใหม่เลือกคอกกั้นเด็กพรีเมี่ยม HOYO เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยต้องการอิสระที่จะเคลื่อนไหว เล่นสนุกมากขึ้นตามวัย แต่บางครั้งคุณแม่ก็ไม่อาจเฝ้าระวังได้ทุกฝีก้าวเพราะมีงานบ้าน งานครัวให้ต้องทำ หรือพื้นที่บ้านมีข้าวของ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับลูกน้อย การเลือกใช้คอกกั้นเด็กพรีเมี่ยม ที่ไม่ใช่แค่กั้นเขตพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นเบาะนุ่มๆและฟังก์ชั่นเหมาะกับวัยของลูกน้อย ซึ่งคอกกั้นเด็ก HOYO สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด (แทนเตียงเด็กได้เลย) คุณแม่ยุคใหม่ จึงเลือกให้  HOYO เป็นคอกกั้นเด็กอันดับหนึ่งในดวงใจ มาฟังเหตุผลบางส่วนจากคุณแม่ตัวจริงกันค่ะ

 

คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี

“ตามหาคอกกั้นเด็กอยู่นานเลยค่ะ เพราะยังไม่เจอขนาดที่เหมาะกับห้อง และวัยของลูก จนลองหาศึกษาคอกกั้นเด็กของ HOYO แล้วพบว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ ตอนลูกเล็กๆ ก็ทำเป็นคอกไซส์เล็กไว้ข้างเตียงนอน พอลูกเริ่มโต ก็ย้ายมาวางอีกห้อง ขยายคอกได้ใหญ่ขึ้น ใช้งานยาว มีรับประกันสินค้าและบริการดูแลซ่อมแซมตลอดอายุการใช้งานด้วย ซื้อครั้งเดียวคุ้มเลยค่ะ”

คอกกั้นเด็ก ยี่ห้อไหนดี

 

“แม่มองเรื่องคุณภาพเป็นหลักค่ะ อยากได้คอกกั้นเด็กที่ทำจากวัสดุปลอดภัย ไม่มีสารเคมีอันตราย เพราะลูกชอบเอาของเข้าปาก เบาะต้องนุ่ม ล้มไม่เจ็บ  HOYO ตอบโจทย์ตรงนี้หมดเลยค่ะ ตัวผนังกั้น ไม่มีน็อตแหลมคม แต่เป็นซิปขนาดใหญ่แข็งแรงดีมาก แถมเช็ดทำความสะอาดง่าย ลูกจะทำเละแค่ไหน แม่ก็เคลียร์ได้สะอาดเกลี้ยงแบบไม่เหนื่อยแรง เห็นลูกเล่นสนุก มีความสุขมากเลยค่ะ”

“ตอนแรกที่คิดว่าจะใช้คอกเด็ก แต่เห็นรีวิวเยอะว่าใช้แล้วปลอดภัย จนได้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองในงานแฟร์ ก็ชอบทันทีเลยค่ะ รูปทรงดูดีมาก ใช้สีอ่อนละมุน วางเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้กลมกลืน ที่สำคัญแทบทุกจุดของคอกถูกคิดค้นมาอย่างละเอียดให้เหมาะกับสรีระและพัฒนาการของเด็ก ทั้งผนั้งที่สูงและหนาพอเหมาะ ทำให้ลูกสามารถเกาะจับถนัดมือ เบาะแน่น ลูกจึงเดินได้เต็มเท้า ไม่ต้องเขย่ง พี่โตน้องเล็กเล่นด้วยกันสนุกดี ปลอดภัย กลายเป็นพื้นที่ของทุกคนในครอบครับ คุณภาพเกินราคาจริงๆค่ะ”

HOYO แบรนด์คอกกั้นเด็กพรีเมี่ยม ที่สามารถป้องกันอันตรายให้ลูกน้อยดีเยี่ยม ผลิตจากวัสดุคุณภาพดีมาตรฐานระดับโลก เอกสิทธิ์เฉพาะแบรนด์ HOYO ทำให้นุ่มเฟิร์มพิเศษขนาดที่ “ไข่ตกไม่แตก” ช่วยให้คุณแม่หมดกังวลเรื่อง “ล้มหัวกระแทก” หรือได้รับบาดเจ็บรุนแรง แถมนอนสบายทุกเพศทุกวัย รูปลักษณ์เรียบหรูเข้ากับบ้านทุกสไตล์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายเพื่อตอบโจทย์พื้นที่สำหรับทุกคนในครอบครัว

 

คุณแม่ที่สนใจผลิตภัณฑ์ HOYO สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่

WEBSITE: www.hoyosoftandsafe.com
Facebook  : http://www.facebook.com/hoyosoftandsafe/
Instragram : https://www.instagram.com/hoyosoftandsafe/
line@ : @hoyosoftandsafe (with@)

 

    ถุงเก็บน้ำนม

    รีวิวของดีต้องลอง ถุงเก็บน้ำนม NANNY แข็งแรง ใช้ง่าย มั่นใจว่าปลอดเชื้อสูงสุด

    การเลือก ถุงเก็บน้ำนม ให้ได้คุณภาพดีไม่ใช่แค่จุน้ำนมได้เยอะ เก็บได้สนิท ไม่ซึมเลอะเทอะเท่านั้น แต่ถุงน้ำนมควรมีความสะอาดและปลอดภัยจากเชื้อโรค ไม่ต่างจากภาชนะอื่นๆ อย่างขวดนมจุกนม เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับน้ำนมโดยตรง หากไม่สะอาดจริง น้ำนมปนเปื้อนลูกจะได้รับเชื้อเหล่านั้นทันที ยิ่งช่วงนี้มีโรคระบาดที่ติดต่อผ่านการสัมผัสเกิดขึ้นมากมาย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น

    สำหรับคุณแม่นักปั๊มที่กำลังมองหา ถุงเก็บน้ำนม ในดวงใจแต่ยังไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ทีมบรรณาธิการเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids ลองศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบดูแล้วจึงพบว่า ถุงเก็บน้ำนมของแบรนด์ Nanny เป็นผลิตภัณฑ์ที่สะอาด และมั่นใจได้ว่าปลอดเชื้อแน่นอน เป็นเพราะอะไรมาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ

    ถุงเก็บน้ำนม

    เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้ NANNY เป็น ถุงเก็บน้ำนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Breast Milk Storage Bags จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

    หากมองเพียงผิวเผิน ถุงเก็บน้ำนม Nanny ดูเหมือนถุงเก็บน้ำนมทั่วไป ขนาดเหมือนๆ กัน ใช้วัสดุคล้ายคลึงกัน แต่เมื่อลองสังเกตให้ดีจึงพบว่า “ถุงมีสีอมเหลือง” และ “มีกลิ่นเฉพาะ” ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของถุงน้ำนมที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อแบบพิเศษที่ปลอดภัยที่สุด

    ระบบฆ่าเชื้อแบบแกมม่า ทุกขั้นตอนไร้มือสัมผัส

    การฆ่าเชื้อเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการผลิตถุงเก็บน้ำนมให้ปลอดภัย ปราศจากเชื้อ  สำหรับถุงเก็บน้ำนม NANNY ใช้ระบบฆ่าเชื้อแบบแกมม่า (Gamma Irradiation Process)ซึ่งเป็นวิธีฆ่าเชื้อตามมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยสูง โดยใช้รังสีแกมม่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีอนุภาพ และสามารถทะลุผ่านถุงเก็บน้ำนมเข้าไปฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยไม่มีสารตกค้าง ทำให้น้ำนมที่ใส่ในถุงแล้วไม่เสียง่าย และปลอดภัยจากสารปนเปื้อนต่างๆ

    ด้วยกระบวนการผลิตถุงเก็บน้ำนม NANNY ที่ใส่ใจเรื่องความสะอาดอย่างแท้จริง โดยหลังจากบรรจุถุงในกล่องบรรจุภัณฑ์แล้วจะนำไปผ่านการฆ่าเชื้อด้วยระบบแกมม่า พร้อมส่งตรงถึงมือคุณแม่โดยไม่การผ่านสัมผัสใดๆจากคนอีกเลย นี่คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่า น้ำนมที่เก็บไว้ในถุงเก็บน้ำนมจะสะอาด ปลอดภัยแน่นอน

    ถุงเก็บน้ำนม

    “สีอมเหลือง และกลิ่น” เป็นเครื่องหมายของถุงเก็บน้ำนมคุณภาพดี

    คุณแม่ลองใช้ถุงเก็บน้ำนม NANNY ครั้งแรกอาจไม่คุ้นเคยกับ “สีอมเหลืองและกลิ่น” ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งนั่นเป็นจุดสังเกตที่จะมีเฉพาะในถุงเก็บน้ำนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อแบบแกมม่าเท่านั้น สำหรับกลิ่นเฉพาะนี้จะค่อยๆจางหายไปเอง คล้ายกับการตากผ้าในแดดจัดก็จะมีกลิ่นแดดติดอยู่และหายไปในไม่กี่วัน ที่สำคัญถุงเก็บน้ำนม NANNY เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ถึง 3 ฉบับ จากสถาบัน TUV ประเทศเยอรมัน จึงหมดกังวลได้เลยค่ะ

    เรามาดูที่รายละเอียดบนผลิตภัณฑ์กันบ้าง ถุงเก็บน้ำนม NANNY ทุกใบ ออกแบบอย่างเข้าใจ ทั้งซิปล็อก 2 ชั้นให้ปิดสนิทไม่รั่วซึม ตัวถุงทำจากวัสดุคุณภาพดี มีก้นให้ตั้งได้ ไม่ล้ม สะดวกทั้งตอนเทน้ำนมใส่ขวดและจัดเก็บในช่องแช่แข็ง รายละเอียดบนหน้าถุงพิมพ์ด้วยสีน้ำ ไร้สารตกค้าง ส่วนพื้นที่สำหรับเขียนบันทึก วัน/เดือน/ปีที่เก็บ และปริมาณน้ำนมอยู่ส่วนบนสุดของถุง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของหมึกปากกาในน้ำนม  ปากถุงปิดสนิทปลอดภัยจนกว่าจะใช้งาน

    NANNY เป็นแบรนด์ถุงน้ำนมที่คุณแม่ส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะมีตัวเลือกตรงกับการใช้งานของคุณแม่ ทั้งถุงขนาด 5 ออนซ์ และ 8 ออนซ์ ซึ่งมีทั้งแบบกล่องเล็กจำนวน 30 ชิ้น กล่องกลาง 40 ชิ้น และกล่องใหญ่ 60 ชิ้น ในราคาสบายกระเป๋า ด้วยความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้ใช้ของคุณภาพดีในราคาไม่แพง หาซื้อสะดวก

    ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ถุงเก็บน้ำนม Nanny ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Breast Milk Storage Bags จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

    สำหรับคุณแม่ที่สนใจถุงเก็บน้ำนมแนนนี่ สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โลตัส บิ๊กซี และร้านค้าเบบี้ช็อปตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ www.picnicmall.net

      โรคผิวหนังอักเสบ

      เด็กกว่า 165 ล้านคนทั่วโลกประสบปัญหา “โรคผิวหนังอักเสบ” ส่งผลต่อการใช้ชีวิต

      “เด็ก 165 ล้านคนทั่วโลกประสบปัญหา โรคผิวหนังอักเสบ และคาดการณ์ว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกน่าจะมีปัญหาผิวหนัง”

      “ทุกๆ 1 ใน 10 คนจะเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หากเด็กแรกเกิด ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแห้ง แดง คัน ก็จะรบกวนการนอนของเด็ก และรบกวนการนอนของพ่อแม่เช่นกัน”

      “เด็กที่เป็นสิว มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไปถึง 46%”

      ตัวเลขทางสถิตินี้ บอกเราได้ว่า ปัญหาผิวที่เกิดกับลูกน้อยไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกายภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก การใช้ชีวิต และคุณภาพชีวิตของเราด้วย

      เด็กทั่วโลกมีปัญหาผิวหนังอักเสบ

      วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 LA ROCHE-POSAY (ลาโรช-โพเซย์) จัดงาน DERMLIVE  BY LA ROCHE-POSAY เพื่อชี้ให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของปัญหาผิวที่สามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตเราได้จริงๆ โดยมี Influencer, Blogger, คุณหมอ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน จากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก

      LA ROCHE-POSAY ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์สกินแคร์ แต่เป็นแบรนด์ที่ต้องการทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น และไม่เฉพาะผิวของคนที่เป็นโรคเท่านั้น แต่รวมถึงผิวคนปกติที่อยากจะสุขภาพดีขึ้นด้วย

      ภายในงานจัดเป็น LIVE TALK จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาผิวหนัง ทั้งในเรื่อง สิว และ โรคผิวหนังอักเสบ ส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส โดยมีกิมมิคให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถล็อคอินผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเข้าไปยังห้องต่างๆ ภายในเว็บไซต์ DERMLIVE และสามารถ live chat ส่งคำถามที่สงสัย และทำ Quiz สนุกๆ เกี่ยวกับปัญหาผิวร่วมไปตลอดทั้งงาน

      la roche posay derm live

      โดยข้อมูลสถิติข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ทำให้ LA ROCHE-POSAY มุ่งมั่นที่จะพัฒนา ค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อที่จะตอบสนองและดูแลผู้ที่มีปัญหา ผิวหนังอักเสบ เนื่องจากผิวหนังมีตัวรับสัมผัสที่ลิงก์กับสมองโดยตรง อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับผิวสามารถส่งผลต่อระบบอื่นๆ เช่น เวลาเป็นผื่น ทำให้เกิดความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งออกมา ก็ยิ่งที่ให้คุณภาพผิวแย่ลงด้วย หรือในคนที่เป็นสิว หรือผื่นผิวหนัง ผู้คนอาจรังเกียจไม่กล้าเข้าใกล้ คิดว่าเป็นโรคติดต่อหรือเปล่า ทำให้เกิดความเครียดในการเข้าสังคมตามมา

      ในปี 2011 เป็นปีแรกที่ลาโรช-โพเซย์ มุ่งมั่นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า MICROBIOME SCIENE ซึ่งก็คือสมดุลของแบคทีเรียบนผิวหนัง ผิวของเรามีแบคทีเรียเป็น Skin Barrier ปราการด่านแรกที่คอยปกป้องผิวของเราอีกชั้นหนึ่ง ไม่ให้แบคทีเรีย สิ่งสกปรก หรือสารก่อภูมิแพ้ผ่านลงสู่ผิว ถ้าแบคทีเรียในผิวเราไม่สมดุลกัน เราก็ต้องทำการปรับแบคทีเรียในผิวให้สมดุลด้วยหลักการ Skin Microbiome

      la roche posay

      LA ROCHE-POSAY เชื่อว่า ถ้าเราดูแล Skin Microbiome ให้ดี เท่ากับเราดูแลสุขภาพผิวของเราได้ดี ดังนั้น ทุกผลิตภัณฑ์ของ LA ROCHE-POSAY จึงมีส่วนผสมของน้ำแร่ LA ROCHE-POSAY ถือเป็นพรีไบโอติกที่เป็นอาหารของแบคทีเรียตัวดีให้แข็งแรง ปรับแบคทีเรียให้สมดุล ทำให้แบคทีเรียตัวดีแข็งแรง และคอยปกป้องสุขภาพผิวเราให้ดีขึ้น

      และจากการศึกษาเรื่องความไม่สมดุลของ Skin Microbiome ซึ่งมีผลกระทบต่อผิว มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน LA ROCHE-POSAY ได้ชู 3 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของงานนี้ ที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวและทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น

      ลาโรซ-โพเซย์

      1. EFFACLAR DUO(+) เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ช่วยลดปัญหาสิว และรอยสิว ที่มีสารสำคัญตัวหนึ่ง คือ APF หรือ Aqua Posay Filiformis เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่เป็นสิวตัวแรก และตัวเดียวในตอนนี้ที่เคลมว่าปรับ Skin microbiome ได้ หากรู้สึกว่าผิวไม่สมดุล ทาตัวนี้แล้วจะช่วยปรับให้ผิวสมดุลขึ้นได้
      2. LIPIKAR BAUME AP+M เป็นบาล์มบำรุงผิวหน้าและผิวกาย ที่ได้ผสาน 3 ส่วนผสมสำคัญที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น ที่ผสาน Aqua Posay Filiformis เข้ากับ Microresyl เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากลาโรช-โพเซย์ พร้อมน้ำแร่ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดความรู้สึกระคายเคืองจากผิวที่ห้องในทันที เหมาะสำหรับผิวแห้งมาก ช่วยให้คันน้อยลง และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ที่สำคัญสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันแรกของเด็กแรกเกิด ถือว่าอ่อนโยนมากๆ

      la roche posay lipikar

      1. EFFACLAR SERUM ช่วยในการสลายผิวอุดตันตั้งแต่ต้นตอ ด้วยโมเลกุลสำคัญ 3 ชนิดได้แก่ LHA ซาลิไซลิก แอซิด และไกลโคลิก แอซิด ทำงานประสานกันเพื่อให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพราะสิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หากต้องการขจัดปัญหาสิวเรื้อรัง ต้องยุติมันก่อนจะพัฒนาเป็นสิวเสี้ยน สิวอักเสบที่ทิ้งรอยดำรอยแดง

      la roche posay serum

      สำหรับเด็กมักจะเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่าผู้ใหญ่ โดย 50% สามารถหายในช่วงวัยเด็ก เพราะโรคนี้เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน หากเป็นภูมิแพ้จะเป็นหลายระบบเชื่อมโยงกัน ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สามารถหยุดภูมิแพ้ในเด็กได้ในระบบหนึ่งก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภูมิแพ้กับระบบอื่นๆ ได้ ทั้งยังช่วยลดความรู้สึกกังวลใจ เพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีตามมา เพราะเรื่องผิวไม่ใช่แค่เพียงปัญหาร่างกายภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราได้จริงๆ

      la roche posay kol

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ “มหกรรมวิทย์ 63” สร้างปรากฏการณ์ Hybrid Event ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

        ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ “มหกรรมวิทย์ 63” สร้างปรากฏการณ์ Hybrid Event ที่สมบูรณ์แบบที่สุด อพวช. มั่นใจปี 2564 พร้อมจัดงานทั้งออนกราวน์และออนไลน์ สู้โควิด-19

        ตลอด 11 วันของการจัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2563” ตั้งแต่วันที่ 13-23 พฤศจิกายน 2563 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่ผ่านมา โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และประชาชนทั่วไปในการเข้าเยี่ยมชมผลงานและศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากทั้งหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศกว่า 93 หน่วยงาน 11 ประเทศ

        ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ อพวช. ได้จัดงานมหกรรมวิทย์ฯ ในรูปแบบใหม่อย่าง Hybrid Event ตามแบบฉบับวิถีใหม่ (New Normal) โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานสามารถเข้าชมได้ 2 ช่องทาง 1.เข้าชมสถานที่จริง (On Ground) และ 2.เข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์ (Online) ในรูปแบบ Virtual Exhibition นิทรรศการเสมือน 360 องศา ซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศงานจริงสู่โลกออนไลน์ เพื่อเพิ่มทางเลือกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในยุคโควิด-19 ผ่านทาง www.thailandnstfair.com

        ผู้ช่วยศาสตราจารย์รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีแรกที่ อพวช. จัดงานในรูปแบบ Hybrid Event  เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้ โดยอพวช. เปิดให้ผู้เข้าชมงานแบบออนกราวน์ได้ทะเบียนก่อนเข้าชมงานซึ่งยอดการจองเต็มทุกรอบทุกวัน ส่วนผู้ที่มาลงทะเบียนหน้างาน (Walk-in) มียอดการลงทะเบียนเต็มจำนวนทุกรอบทุกวันเช่นกัน”

        สำหรับการชมแบบออนไลน์ซึ่งเป็นมิติใหม่สำหรับคนไทยก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะสามารถรับชมพร้อมกันได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งโรงเรียนต่าง ๆ ก็สามารถเข้าให้นักเรียนไปรับชมได้ โดยไม่ต้องเดินทางมารับชมที่งานด้วยตัวเอง และยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ในต่างจังหวัดที่ห่างไกลได้มีโอกาสได้ชมงานแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสอีกด้วย นอกจากนี้เวลาที่อยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเปิดชมพร้อมกันได้ทั้งครอบครัวอย่างสนุกสนาน

        “ปีนี้เราอาจจะรองรับกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ได้ลดน้อยลง แต่เราได้กลุ่มครอบครัวเพิ่มมากขึ้น  ในตลอด 11 วันของการจัดงาน เราได้เห็นบรรยากาศครอบครัวพากันมาชมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการมาชมงานแบบ 3 เจนเนอเรชั่น คือ ปู่ยาตายาย พ่อแม่ และลูก เป็นภาพที่น่ารักไปอีกแบบ ยิ่งในช่วงวันหยุดยาวและเสาร์อาทิตย์งานมหกรรมวิทย์ฯ เต็มไปด้วยครอบครัวที่พาลูกพาหลานตั้งแต่ระดับเด็กเล็กจนถึงเด็กโตมาชมงานอย่างคึกคัก”

        จากความสำเร็จในปีนี้เกิดจากการผนึกกำลังสำคัญจากทุกภาคส่วน และ อพวช. มั่นใจว่าในปี 2564 ประเทศไทยยังต้องอยู่กับมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไป ซึ่งจากประสบการณ์ครั้งนี้ อพวช. ก็มีความพร้อมในการเตรียมจัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2564” ซึ่งใผู้เข้าชมงานจะได้พบกับนวัตกรรมการเข้าชมงานรูปแบบใหม่ที่ล้ำกว่าปีนี้อย่างแน่นอน

        ตลอด 11 วัน 93 นิทรรศการมีผู้สนใจแวะเวียนเข้าชมจำนวนมาก ทั้ง 1 วัน (บนดาว) อังคาร (SOL#1 : A DAY ON MARS) นิทรรศการที่สอนให้เรียนรู้การใช้ชีวิตบนดาวอังคารแบบฉบับ 1 วัน, ขบวนการพิทักษ์พืช พิทักษ์โลก (PLANT RANGER) การสร้างผู้กล้ามาร่วมขบวนการพิทักษ์พืช เพื่อกอบกู้โลกให้พ้นวิกฤต เจาะนวัตกรรมเกม (TECH BEHIND GAMES) นิทรรศการที่ทำให้เห็นพัฒนาการของเกมจากอดีตเมื่อ 5,000 ปีก่อนจนถึงปัจจุบันกลายเป็นกีฬาออนไลน์ที่สร้างอาชีพนักแคชเกมให้เกิดขึ้นและเป็นหนึ่งในห้าของอาชีพที่เด็กรุ่นใหม่อยากทำมากที่สุด, เมกเกอร์ : คุณสร้างอนาคต (MAKER: MAKE YOUR FUTURE) นิทรรศการเพื่อสร้างแรงบันดาลใจการเป็นเมกเกอร์ (Maker) ในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิต ประจำวันและต่อยอดสู่การทำธุรกิจของตนเอง

        นิทรรศการสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่ได้นำแมวน้ำหุ่นยนต์หรือ “อุ๋งหุ่นยนต์” สัตว์เลี้ยงเพื่อช่วยบำบัดผู้ป่วยอัลไซเมอร์หรือเป็นสัตว์เลี้ยงแก้เหงาให้กับผู้สูงอายุมาแสดงความน่ารักรักชังและแสนรู้ นิทรรศสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ การถ่ายภาพบนดวงดาวซึ่งได้รับความนิยมต่อแถวจนล้นหลาม นิทรรศการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยกับการเป็นผู้ประกาศตัวน้อยที่ไม่ธรรมดาเพราะอ่านข่าวบนดาวอังคาร

        ทั้งนี้ ความสนุกและความรู้จากงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2563” ไม่ได้จบไปพร้อมกับอีเว้นท์ออนกราวน์เหมือนทุกปี  แต่ยังคงสามารถติดตามรับชมกิจกรรมต่างๆ และนิทรรศการเสมือน 360 องศา ได้ที่เว็บไซต์ www.thailandnstfair.com และเรายังมุ่งมั่นพัฒนากิจกรรมดี ๆ พร้อมส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชนไทยมีใจรักในวิทยาศาสตร์ และสนใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงอาจต่อยอดให้เขาเหล่านั้นกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือผู้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตต่อไป 

          Tags

          ของดีแม่ต้องมี!! เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าผสมปรับผ้านุ่ม 2 in 1 ซักพร้อมปรับในสูตรเดียว

          ตามมาดูรีวิว เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรออร์แกนิคคาโมมายล์ ที่รวมเอาน้ำยาซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้าไว้ด้วยกัน สูตรนี้มีดียังไง? ทำไมทีมบรรณาธิการถึงคัดเลือกให้เป็น BEST BABY LAUNDRY DETERGENT ปี 2020

          พราะผิวลูกน้อยแรกเกิดนั้นบอบบางแพ้ง่าย และพร้อมที่จะเกิดผดผื่นระคายเคืองได้ตลอดเวลา การเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก จึงต้องให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในการเลือกเป็นพิเศษ คุณแม่มือใหม่จะเลือกใช้ “น้ำยาซักผ้าเด็ก” สูตรไหน? ต้องดูอะไรบ้าง? เพื่อให้มั่นใจว่าอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผิวบอบบางของลูกน้อยอย่างแท้จริง

          น้ำยาซักผ้าเบบี้มายด์ ออร์แกนิค

          เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้ “Babi Mild” เป็นน้ำยาซักผ้าเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

          ความอ่อนโยนต้องมาเป็นที่หนึ่ง

          น้ำยาซักผ้าเบบี้มายด์ เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กโดยเฉพาะ จึงให้ความสำคัญกับความอ่อนโยนจากธรรมชาติเป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรนี้ ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด 0+ อ่อนโยนด้วยเอสเซ้นส์คาโมมายล์ออร์แกนิค มาตรฐานการรับรอง จาก ECOCERT

          ซักสะอาดด้วยสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ

          หากคุณแม่ใช้เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรออร์แกนิคคาโมมายล์ หมดกังวลเรื่องสารเคมีที่จะเป็นสาเหตุให้ลูกน้อยเกิดอาการระคายเคืองไปได้เลย ซักสะอาดอ่อนโยนด้วยสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ พร้อมไม่ใส่สี ไม่ใส่สารฟอกขาว ไม่ใส่สารเรืองแสง ไม่ใส่สารพาราเบน ผ่านการทดสอบการระคายเคือง (Dermatologically tested) มาเป็นที่เรียบร้อย

          เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม
          เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1

          ผ้านุ่มอย่างอ่อนโยน

          การซักทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าเพียงอย่างเดียว เนื้อผ้าจะแข็ง กระด้าง ไม่นุ่ม ทำให้ลูกน้อยเกิดการระคายเคืองผิวเวลาสวมใส่ได้ แต่คุณแม่ก็ไม่อยากใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มให้ลูก เพราะกลัวลูกระคายเคือง  คุณแม่ๆ หมดกังวลได้เลย เพราะ เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรออร์แกนิคคาโมมายล์ สูตรนี้พิเศษคือมี Natural Polymer ที่สกัดจากธรรมชาติช่วยเพิ่มความนุ่มแทนสารเคมีทั่วไปที่มักทำให้เกิดการระคายเคือง (ไม่มีควอท Quats) อุ่นใจได้มากยิ่งขึ้น

          ประหยัดเวลาคุณแม่ลูกอ่อน

           เพราะคุณแม่ลูกอ่อนต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ไม่ว่าจะกินข้าว ทำกับข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ รวมไปถึงการซักผ้าก็เช่นกัน ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 เป็นตัวช่วยที่สุดยอดมาก ทั้งซักทั้งปรับในขั้นตอนเดียว  ในถุงเดียวได้ผ้าสะอาด หอม นุ่ม อ่อนโยน ตอบโจทย์คุณแม่ได้ดีจริงๆ

          เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรออร์แกนิคคาโมมายล์ จึงเป็นอีกหนึ่งไอเท็มของใช้เด็กแรกเกิดที่คุณแม่ๆ ควรเตรียมไว้ให้พร้อม เพราะสามารถใช้ได้กับเด็กแรกเกิดวัย 0+ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว ชุดสวยๆ ที่คุณแม่เตรียมไว้ต้อนรับลูกน้อย ก็จะสะอาดหอมนุ่มในขั้นตอนเดียว และมั่นใจได้ว่าเหมาะกับผิวที่บอบบางของลูกน้อยจริงๆ

          น้ำยาซักผ้าเด็กเบบี้มายด์

          เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม 2in1 สูตรออร์แกนิคคาโมมายล์ ตอบโจทย์ได้ครบ เหมาะสำหรับลูกน้อยผิวบอบบาง และคุณแม่ลูกอ่อนที่มีเวลาน้อย ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ น้ำยาซักผ้าเบบี้มายด์ ออร์แกนิค 2in1 ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST BABY LAUNDRY DETERGENT จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

          คุณแม่สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ น้ำยาซักผ้าเบบี้มายด์ เพิ่มเติมได้ที่ http://babimild.com/th/ และช้อปสินค้าได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ ได้ง่ายๆ
          Lazada   https://bit.ly/2WPScoV

          Shopee https://rb.gy/obckbe

          JD Central https://bit.ly/37ibTtu

          Tesco Online https://bit.ly/3aehdzw

          Big C Online https://bit.ly/2XCLB1p

          Tops online https://bit.ly/3kpgqR8

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            คุณแม่ที่มีลูกวัยแรกเกิดถึง 5 เดือน Mommy Bear Club และร่วมกิจกรรมวันนี้ รับฟรี! ชุดของขวัญสุดพิเศษ ผ้าคลุมให้นมและคู่มือคุณแม่ มูลค่ารวม 208 บาท จำนวน 500 รางวัล

            คุณแม่ที่มีลูกวัยแรกเกิดถึง 5 เดือน Mommy Bear Club และร่วมกิจกรรมวันนี้  🐻 💛 รับฟรี! ชุดของขวัญสุดพิเศษ 🎁  ผ้าคลุมให้นมและคู่มือคุณแม่ มูลค่ารวม 208 บาท จำนวน 500 รางวัล

            กติกาง่ายๆ
            📌 คลิกลงทะเบียน https://bit.ly/34uN5ys  
            📌 แคปภาพหน้าจอ Welcome email ที่คุณแม่ได้รับเมื่อสมัครคลับเรียบร้อยแล้ว (โดยมีชื่อ-นามสกุล และรายละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.  2563 – 30 พ.ย.  2563)
            📌 โพสต์ภาพหน้าจอ Welcome email พร้อมบอกเล่า “เคล็ดลับเลี้ยงลูกน้อยวัย 0-5 เดือน” ใต้โพสต์นี้  (ดูตัวอย่างที่การแคปหน้าจอที่ top comments ค่ะ)

            เราจะคัดเลือกข้อความที่ประทับใจที่สุด 500 ข้อความ เพื่อรับชุดของขวัญ

            ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3feTr9a  กรณีมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับกิจกรรมนี้ กรุณาติดต่อ Careline ที่เบอร์ 02-268-8866)​

              Tags

              Flik Flak Personalised นาฬิกาคอลเลคชั่นสุดคูล ที่เด็กๆ สามารถปักชื่อตัวเองบนนาฬิกาได้

              Flik Flak (ฟลิกแฟล็ก) มองว่าเวลาคือสิ่งสำคัญและต้องการส่งเสริม ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เวลาจากนาฬิกาที่มีดีไซน์สดใสสมวัย ไม่ว่าจะเป็นเข็ม Flik และ Flak หน้าปัดสีสดใสสะดุดตา ส่งเสริมให้เด็กๆ เรียนรู้การบอกเวลาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ใครจะไปรู้ว่าเราสามารถปักชื่อแสดงความเป็นเจ้าของบนสายนาฬิกาเรือนโปรดได้ Flik Flak Personalised คอลเลคชั่นทึ่เด็กๆ ทุกคนต้องมี! นาฬิกาที่เป็นมากกว่านาฬิกา เพราะไม่ใช่ให้เด็กๆ ใส่เพื่อดูเวลาเท่านั้น แต่ยังสามารถใส่ชื่อให้ดูกิ๊บเก๋ เอ็กซ์คลูซีฟ ป้องกันการหาย แถมยังเหมาะจะเป็นไอเดียของขวัญสิ้นปีนี้ให้เด็กๆ อีกด้วย

              Flik Flak Personalised เป็นการรวมเอานาฬิกาคอลเลคชั่นที่สุดฮิตของ Flik Flak ให้เด็กๆ ได้เลือกนาฬิกาตามสไตล์ที่ตัวเองชอบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นลายคิ้วท์ๆ สไตล์เจ้าหญิงตัวน้อย หรือจะเป็นลายเท่ๆ แบบนักกีฬาตัวจิ๋ว หรือจะมาสายเรียบๆ ก็มี ให้เด็กๆ ดูโดดเด่นสะดุดตาทุกเวลาที่สวมใส่ และการ Personalize นาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ ยังถือว่าเด็กๆ จะได้เรียนรู้การสะกดชื่อตัวเองผ่านการปักชื่ออีกด้วย

              โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของนาฬิกา เพราะมีฟีเจอร์ที่ทนทานต่อการกระแทก กันน้ำสูงสุดถึง 30 เมตร ให้เด็กๆ สามารถทำกิจกรรมสนุกๆ กับเหล่าก๊วนเพื่อนๆ ได้อย่างไม่กังวล แถมยังไม่ปิดกั้นประสบการณ์ ปลอดภัยด้วยวัสดุที่เป็น BPA-free (บีพีเอฟรี) ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายสำหรับเด็กๆ และสายนาฬิกายังสามารถซักได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่ลงในถุงเท้าก่อนซักเครื่อง 

              นอกจากนาฬิกาแล้ว Flik Flak ยังเอาใจคุณหนูๆ ด้วยแอปพลิเคชัน ‘Flik & Flak’ เรียนรู้การบอกเวลาแบบง่ายๆ ด้วยบทเรียนผ่านตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี บนแท็บเล็ตคู่ใจ หรือสมาร์ทโฟน ซึ่ง Flik Flak ได้ร่วมมือกับคุณครูและนักการศึกษาในการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับเด็ก เด็กๆ ยังสามารถเรียนรู้วิธีการอ่านตัวเลข ชั่วโมงและนาที ด้วยเสียงประกอบ และตัวการ์ตูน Flik และ Flak ที่เด็กๆ ทุกคนต้องชื่นชอบ เหมือนดูการ์ตูนที่ให้ความรู้แต่ยังสอนให้คุณหนูๆ อ่านเวลาได้อย่างสนุกสนาน ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป แถมยังให้เด็กยังรู้สึกภูมิใจ เพราะมีใบรับรองหลังจบบทเรียนที่สามารถปริ้นท์ออกมาได้อีกด้วย

              คอลเลคชั่น Flik Flak Personalised สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ช้อปออนไลน์ shop.swatch.com/th_th/flikflak ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,350 บาท และสามารถเลือกชมนาฬิกา Flik Flak คอลเลคชั่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Flik Flak Official Store บน Shopee และ Lazada

              ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
              www.flikflak.com
              LINE OA @flikflak_th
              Facebook : flikflak
              Instagram : @flikflak

              Swatch Flagship store @ CentralWorld ชั้น 1, ศูนย์การค้า ICONSIAM ชั้น M, Central Plaza Ladprao ชั้น 2, Mega Bangna ชั้น 1, Terminal 21 Pattaya ชั้น G, Central Plaza Nakhonratchasima ชั้น 1, เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Watch Galleria @ SiamParagon, The Mall Bangkhae แผนกนาฬิกา Central Pinklao, Central Festival Samui, Central Patong Robinson @ Central Rama 9, Jungceylon

                โลชั่นสำหรับเด็ก

                รีวิว โลชั่นสำหรับเด็ก ขายดีตลอดกาล!! จอห์นสัน เบบี้ โลชั่น อ่อนโยน ปกป้องนาน 24 ชม.

                คุณแม่มือใหม่หลายคนสงสัย ผิวลูกน้อยนุ่มนิ่ม น่ากอดขนาดนี้ต้องบำรุงด้วยไหมนะ? แม้ผิวแสนบอบบางไม่ควรสัมผัสอะไรมากนัก แต่ความจริงแล้วผิวเด็กต้องการการบำรุงกว่าที่คิด ตั้งแต่แรกเกิด!! จะเลือก โลชั่นสำหรับเด็ก แบบไหนให้ปกป้องผิวลูกได้ดีตลอด 24 ชั่วโมง

                โลชั่นสำหรับเด็ก

                เพราะผิวของทารกยังสร้างไขมันมาเคลือบผิวได้ไม่เต็มที่ หลายครั้งคุณแม่จะพบว่า ผิวลูกแห้ง เป็นขุยขาวๆ ยิ่งนอนในห้องแอร์ หรืออาบน้ำอุ่นบ่อยๆ ยิ่งทำให้ผิวแห้งง่ายขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรใช้ โลชั่นสำหรับเด็ก มาเป็นตัวช่วยบำรุงผิว ทาบางๆหลังอาบน้ำให้ทั่วตัวเพียงเท่านี้ก็กำจัดปัญหาผิวของลูกน้อยได้อยู่หมัด แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าโลชั่นที่เลือกอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีที่ทำให้ผิวบอบบางของลูกน้อยเกิดการแพ้ระคายเคือง เรามีของดีมาแนะนำค่ะ

                โลชั่นสำหรับเด็ก

                เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้  เป็น โลชั่นสำหรับเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Skincare For Kids จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

                ต้องบอกว่าของเขาดีจริง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็กๆทั่วโลกมายาวนานกว่า 125 ปี และเชื่อว่าหลายคนคงเคยใช้ผลิตภัณฑ์มาตั้งแต่เด็ก เรามาหาคำตอบกันดีกว่าทำไมจอห์นสัน เบบี้ โลชั่นจึงครองใจคุณแม่ได้ยาวนานและมียอดขายอันดับหนึ่งตลอดมา

                จอห์นสัน เบบี้ โลชั่น ขวดสีชมพู เป็นสูตรอ่อนละมุนที่สุดของแบรนด์จอห์นสัน ใช้ได้กับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด ด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นที่อ่อนโยนต่อผิว และสารสกัดจากน้ำมันมะพร้าวธรรมชาติ คอยทำหน้าที่กักเก็บชุ่มชื่นไว้ได้นานตลอด 24 ชั่วโมง ผิวของลูกน้อยจึงเนียนนุ่ม อิ่มน้ำ ไม่แห้งเป็นขุย แม้อยู่ในห้องแอร์นานๆหรือต้องเจอกับอากาศแห้งในช่วงหน้าหนาว

                ทีมบก.ขอเลือกรีวิว จอห์นสัน เบบี้ โลชั่นขวดใหญ่ขนาด 500 มล.แบบหัวปั๊ม น่าจะเหมาะกับบ้านมีลูกเล็กที่ต้องใช้บ่อยๆ ประทับใจตั้งแต่การออกแบบขวดเป็นทรงหยดน้ำ ดูเก๋ไม่ซ้ำใคร ถึงจะเป็นขวดใหญ่แต่ดูไม่เทอะทะ ส่วนหัวปั๊มใช้งานง่ายแค่บิด 1 จังหวะเพื่อปิดหรือเปิด ไม่ต้องหมุนเกลียวหลายรอบแถมหมดกังวลเรื่องโลชั่นไหลเลอะเทอะอีกด้วย จุดนี้ถูกใจมากค่ะ

                โลชั่นสำหรับเด็ก

                โลชั่นสำหรับเด็ก สูตรนี้เนื้อโลชั่นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ค่อนข้างเข้มข้น สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้น ทาบนผิวลูกได้ง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะหรือเป็นตะกอนติดผิว จึงบำรุงลึกถึงผิวชั้นใน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจอห์นสัน หลังทาแล้วสังเกตว่าบนผิวลูกเหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ ทำให้ผิวดูนุ่มเด้งและดูชุ่มชื่นขึ้นทันที จึงเหมาะสำหรับใช้ได้ทุกวัน

                ส่วนคุณแม่ที่กังวลเรื่องอาการระคายเคืองของลูกน้อย หมดห่วงได้เลยค่ะ เพราะเขาปรับเนื้อโลชั่นให้มีค่า pH Balance เหมาะกับผิวของทารกโดยเฉพาะ ไร้สารพาราเบน พาทาเลต และสีย้อม ที่ก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานระดับโลกทั้ง Hypoallergenic tested  Dermatologist tested และ  Pediatricians tested จึงปลอดภัยสำหรับลูกที่ผิวแพ้ง่ายอีกด้วย

                ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ จอห์นสัน เบบี้ โลชั่น ได้รับ รางวัล Editor’s Choice สาขา  Best Skincare For Kids จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ให้ จอห์นสัน เบบี้ โลชั่น สามารถหาซื้อได้ที่ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าชั้นนำ เช่น เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์ 7-eleven และร้านค้าอื่นๆทั่วไป ทั่วประเทศ  หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ www.facebook.com/JohnsonsBabyClub/

                 

                 

                  IQ

                  เผยผล ทดสอบ IQ เด็กยุคใหม่ต่ำกว่าพ่อแม่!!

                  นักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศสเผยบทความกล่าวถึง อันตรายของหน้าจอในโลกยุคดิจิตอลที่ส่งผลต่อความฉลาดของเด็กยุคนี้ จากผล ทดสอบ IQ เผยระดับไอคิวต่ำกว่ารุ่นพ่อแม่

                  เผยผล ทดสอบ IQ เด็กยุคใหม่ต่ำกว่าพ่อแม่!!

                  Michel Desmurget นักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติฝรั่งเศส และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาที่เคยทำงานกับสถาบันชั้นนำอย่างสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (MIT) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา เขาได้ประพันธ์หนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับผลกระทบของหน้าจอที่มีต่อสุขภาพ และพัฒนาการทางสติปัญญา โดยเฉพาะในเด็ก เขาได้ชี้ให้เห็น และต่อต้านโลกการศึกษาในปัจจุบันที่ส่งเสริมการใช้หน้าจอ เพื่อการศึกษาของเด็กที่อายุน้อย ทำให้พวกเขาได้รับอันตรายต่อการพัฒนาทักษะที่ส่งเสริมทางด้านพัฒนาการของเด็ก ๆ เหล่านั้น ผ่านบทความที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือหลากหลายเล่ม เช่น

                  • TV Lobotomy – The Scientific Truth About The Effects of Television (ตีพิมพ์ในปี 2011) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลเสียของโทรทัศน์ที่มีต่อสุขภาพและพัฒนาการทางสติปัญญาโดยเฉพาะในเด็ก
                  • La fabrique du crétin digital. The factory of the digital jerk. The dangers of screens for our children .(ตีพิมพ์ในปี 2019) อันตรายของหน้าจอสำหรับเด็กของเรา

                  โดยประเด็นที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในหนังสือเล่มใหม่ของเขาคือ คนในยุคดิจิทัล หรือเด็กที่เกิดหลังการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมแล้ว มีระดับไอคิวต่ำกว่าพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งโดยปกติจากที่ระดับไอคิวของคนในประเทศต่าง ๆ เคยเพิ่มขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น แต่ตอนนี้แนวโน้มนี้กำลังเปลี่ยนไปตรงกันข้าม นับเป็นเรื่องน่าห่วงสำหรับผู้ปกครองอย่างเรา

                  ข้อมูลอ้างอิงจาก fr.wikipedia.org
                  ผล ทดสอบ iq ต่ำ สัมพันธ์กับการติดจอในเด็ก
                  ผล ทดสอบ IQ ต่ำ สัมพันธ์กับการติดจอในเด็ก

                  Michel Desmurget เปรียบสมองคนเราเหมือนดินน้ำมัน สมองของเด็กและวัยรุ่นจะยังมีความอ่อนนุ่ม ปั้นง่าย แต่พอแก่ตัวขึ้น มันจะเริ่มแห้งและเปลี่ยนรูปร่างได้ยากขึ้น

                  นักประสาทวิทยารายนี้ บอกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กอายุ 2 ขวบใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงไปกับหน้าจอ และราว 5 ชั่วโมงสำหรับเด็กอายุ 8 ขวบ ส่วนวัยรุ่นใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน

                  “นั่นหมายความว่าก่อนจะอายุ 18 ปี เด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่หน้าจอเพื่อความบันเทิงเทียบเท่ากับ 30 ปีในโรงเรียน หรือเทียบเท่ากับการทำงานเต็มเวลานานถึง 16 ปี …นี่ถือว่าบ้าไปแล้วและเป็นการไร้ความรับผิดชอบ [ของผู้ใหญ่] มาก ๆ”

                  ข้อมูลอ้างอิงจาก BBC

                  ระดับไอคิว ของเด็กไทย

                  สำหรับสถานการณ์ของเด็กไทยเราก็มีสถิติที่ไปในทิศทางเดียวกัน โดยในปี 2559 สำรวจพบเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีระดับสติปัญญา หรือไอคิวเฉลี่ย 98.23 โดยระดับไอคิวเฉลี่ยมาตราฐานควรอยู่ที่ 90-110 และในบางจังหวัดของประเทศไทยก็พบว่าเด็กมีระดับไอคิวเฉลี่ยต่ำกว่านี้อีกด้วย โดยได้ตั้งข้อสันนิษฐานกันว่า ระดับไอคิวที่ลดลงอาจมีสาเหตุ และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความฉลาดอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ ปัญหาการติดหน้าจอของเด็กในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งดิจิตอล และเทคโนโลยี ปัจจุบันทุกๆ บ้านมักจะเอาเทคโนโลยีเข้ามาเลี้ยงลูก หรือตามใจลูกปล่อยให้อยู่กับสื่อเทคโนโยยี มือถือ แทบเล็ด ดูทีวีทั้งวัน แต่ทราบหรือไม่ว่า สิ่งเหล่านี้มีผลต่อพัฒนาการของลูกอย่างมาก หากไม่กำหนดเวลาดูให้เหมาะสม โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ต่ำกว่า 2 ขวบ ยิ่งส่งผลร้ายแรงต่อพัฒนาการของเด็กได้ โดยปัญหาที่พบ ได้แก่ เด็กออทิสติกเทียม เด็กสมาธิสั้น เป็นต้น

                  ระดับไอคิวของเด็กไทยจึงเป็นตัวชี้วัดอย่างดีในเรื่อง หน้าจอกับพัฒนาการในทุก ๆ ด้านของเด็ก ไม่เพียงแค่พัฒนาการทางด้านสติปัญญาเท่านั้น โดยทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำชี้แนะแก่พ่อแม่ในเรื่องนี้ไว้ ดังนี้

                  พัฒนาการสะดุด ถ้าไม่หยุดสมาร์ทโฟน 

                  พัฒนาการสะดุด ถ้าไม่หยุดสมาร์ทโฟน
                  พัฒนาการสะดุด ถ้าไม่หยุดสมาร์ทโฟน

                  เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ เพราะสมองของเด็กจะพัฒนาสูงสุด สิ่งแวดล้อมจะเป็นตัวกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมองในช่วงต้น หากปล่อยให้เด็กใกล้ชิดกับจอ สื่อเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน  แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ ขัดขวางจินตนาการ ทำให้เด็กไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง  อีกทั้งยังได้รับรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมีผลทำให้ระบบการทำงานของสมองบางส่วนเสียหายได้

                  แนวทางการใช้หน้าจอกับเด็ก

                  • เด็กอายุแรกเกิด – 2 ปี ควรหลีกเลี่ยงการอยู่หน้าจอทุกชนิดอย่างจริงจัง การเสพสื่อผ่านจอของเด็กวัยนี้ นอกจากจะไม่มีผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของลูกแล้ว ยังเป็นการทำร้ายการพัฒนาของเซลล์สมองของลูกอีกต่างหาก แม้แต่การเปิดทิ้งไว้เฉย ๆ โดยที่เด็กไม่ได้ดู แต่หากเป็นพ่อดูบอล แม่ดูละคร ก็ทำให้พ่อแม่ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับลูก ไปอย่างน่าเสียดาย ยังมีคำสนับสนุนในเรื่องการห้ามเด็กดูจอก่อนอายุ 2 ปีจากแพทย์อีกหลาก ๆ ท่าน เช่น นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ที่ได้กล่าวไว้ในเฟสบุ๊คของคุณหมอว่า
                  ก่อนจะถึง 2 ขวบ
                  คำแนะนำมิให้ดูหน้าจอใดๆ ก่อน 2 ขวบ เป็นคำแนะนำที่ชัดเจน ไม่มีข้อโต้แย้ง ตรงกันทั่วโลก
                  หน้าจอที่เราเลี่ยงได้คือคลิป ยูทู้บ ทีวี สมาร์ทโฟน ไอแพด
                  ที่เราเลี่ยงไม่ได้คือบิลบอร์ดบนถนน และวิดีโอคอลกับคนสำคัญ เช่น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ซึ่งก็ควรกำหนดเวลา
                  ผลรวมของทั้งหมดควรน้อยที่สุด
                  เพราะเซลล์สมองของทารกเปลี่ยนแปลงทุกวัน ยืดยาวทุกคืน แตะกันทุกวัน เป็นร่างแหประสาทขนาดใหญ่และซับซ้อนที่เกิดจากการมอง ฟัง แตะ สัมผัส เดิน วิ่ง ปีน ฯลฯ เพื่อรองรับการเรียนรู้ที่ลื่นไหลในวันหน้า
                  คือการเตรียมสมองที่ดีที่สุด
                  #development
                  หากจะมีเรื่องหนึ่งที่กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กควรพูดตรงกันเสมอ และควรประสานเสียงให้ดังสู่สาธารณชน คือเรื่องนี้ ไม่ดูหน้าจอก่อน 2 ขวบ
                  • เด็กอายุ 2-5 ปี ใช้หน้าจอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน โดยพ่อแม่ควรใช้สื่อให้เป็น เลือกโปรแกรมที่ดี และควรดูร่วมกับลูก พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาที่ดู ตั้งคำถาม และมีกติกาที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้ลูกรับสื่อผ่านจอตามลำพัง

                  เมื่อวันที่ 15 ก.ย.60 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ รศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ กุมารแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการแถลงข่าวความร่วมมือเพื่อเด็กไทยคุณภาพดี 4.0 อย่าปล่อยให้จอเลี้ยงลูก ว่า ผลกระทบจากการใช้สื่อต่อพัฒนาการเด็กพบว่า การใช้จอไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ในการเลี้ยงลูกจะส่งผลกระทบต่อเด็กใน 4 ด้าน

                  ผลกระทบของจอ ต่อพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็ก

                  1. พัฒนาการทางด้านภาษา กล้ามเนื้อมัดเล็ก และสติปัญญาจะล่าช้า การให้เด็กเล็กดูหน้าจอ ซึ่งเป็นการปฎิสัมพันธ์เพียงด้านเดียว กล่าวคือ ลูกจะได้รับแต่ทักษะทางการฟัง แต่ไม่สามารถโต้ตอบได้ และในเชิงความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง เด็กก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ แนวโน้มพัฒนาการในเรื่องนี้จึงจะลดลง จากการศึกษามีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างเด็กที่ใช้สื่อผ่านจอจะมีคะแนนพัฒนาการลดลงถึง 15 คะแนน

                    อ่านหนังสือ ช่วยพัฒนาสมอง และภาษา
                    อ่านหนังสือ ช่วยพัฒนาสมอง และภาษา
                  2. ด้านพฤติกรรม จะพบพฤติกรรมก้าวร้าว สมาธิสั้น มีพฤติกรรมออทิสติก สื่อสารกับคนอื่นน้อย แม้ดูเหมือนขณะใช้สื่อ เด็กจะนิ่ง แต่เมื่อขออุปกรณ์คืน เด็กจะไม่ยอม เกิดการดื้อร้น ทั้งนี้พบว่าถ้าลดการใช้สื่อผ่านหน้าจอของเด็กลง พฤติกรรมเด็กก็จะกลับมาปกติได้
                  3. ทักษะการทำงานของสมองระดับสูงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การรู้คิด การควบคุมตนเองจะแย่ลง การแก้ปัญหาต่าง ๆ ก็จะไม่ดี โดยหากใช้สื่อที่เปลี่ยนภาพหน้าจอเร็ว ๆ และการขาดปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูก็จะทำให้มีปัญหาในส่วนนี้มาก
                  4. ปัญหาสุขภาพทำให้การนอนหลับยากขึ้น ระยะเวลาการนอนหลับลดลง ส่งผลต่อการจำ และอารมณ์
                  • ปิดหน้าจอแล้วใช้เวลาคุณภาพ ทำกิจกรรมร่วมกัน พูดคุยกับลูก เล่นกับลูก อ่านหนังสือร่วมกัน กิจกรรมเหล่านี้เป็นวิธีกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยได้ดีที่สุด

                  5 กิจกรรมเด็ด ชวนลูกห่างจอ

                  นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กวัยเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเล่นเกมหรืออยู่กับหน้าจอมือถือนานเกินไป อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างระมัดระวังและใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพยายามชักชวนลูกให้ไปทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ แทนการให้ลูกอยู่แต่กับหน้าจอมือถือ เพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ที่จะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยผ่านกิจกรรมตามความชื่นชอบและสนใจของเด็กแต่ละคน ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีด้านต่างๆ รวมทั้งก่อให้เกิดความสุข สนุกสนาน มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ

                  1. ท่องเที่ยว เปิดโลกกว้าง การพาลูกออกไปพบเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้เขาได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นการกระตุ้นการใช้ความคิด และพัฒนาสมอง นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นการเรียนรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะมาพร้อมกับความสนุกสนาน และเพิ่มความสัมพันธ์อันดีให้แก่ครอบครัวอีกด้วย
                  2. กีฬายาวิเศษ ชักชวนลูกไปเล่นกีฬา นอกจากจะได้ในเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว ลูกยังได้รับการเรียนรู้ทางด้าน EQ เช่น การรู้แพ้รู้ชนะ การยอมรับในกฎกติกา การจัดการอารมณ์ของตนเอง ความสามัคคี

                    ผล ทดสอบ iq ต่ำ กีฬาช่วยได้
                    ผล ทดสอบ IQ ต่ำ กีฬาช่วยได้
                  3. เล่นดนตรี เป็นอีกกิจกรรมที่ชักจูงให้เด็กออกห่างจอด้วยกิจกรรมนี้ได้ไม่ยาก เนื่องจากความสนุกสนานของดนตรี ที่ช่วยผ่อนคลาย และยังได้ฝึกสมาธิอีกด้วย
                  4. อ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกอ่านเอง หรือพ่อแม่อ่านให้ฟัง ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน การอ่านหนังสือช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านตัวละครที่ชื่นชอบ เห็นภาพได้ง่ายแล้ว ยังช่วยฝึกจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และยังได้ทักษะทางด้านภาษาอีกด้วย
                  5. ทำกิจกรรมจิตอาสา ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่แท้จริงแล้วการให้เด็กทำกิจกรรมจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ชักจูงให้ลูกมาทำได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะในเด็ก เพราะโดยธรรมชาติแล้วเด็กชอบที่จะมีส่วนร่วม และต้องการการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม การที่ลูกได้ร่วมทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากจะได้รับความสนุกสนาน ปลูกฝังค่านิยมอันดีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของลูก (Self Esteem)ได้อย่างดีอีกด้วยในกิจกรรมนี้
                  สรุปได้ว่า การที่เด็กยุคใหม่มี ระดับไอคิวที่ลดลงจากรุ่นพ่อแม่ โดยเชื่อว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ปัญหาการติดจอของเด็กในยุคนี้นั้น สามารถแก้ไข ไปพร้อมกับการมีวิถีชีวิตให้ก้าวได้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ด้วยการ “จัดแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม” ให้แก่ลูก โดยการสร้างตารางการเล่นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดกับเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรกระทำ อย่าละเลย ปล่อยให้เด็กอยู่กับจอทั้งวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นระยะเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับแต่ละวัยของลูก แม้เราไม่อาจห้ามกระแสการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยใหม่ได้ แต่พ่อแม่สามารถช่วยแนะนำให้ลูกรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งใหม่ ๆ นั้นให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง ไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นมามีอิทธิพลต่อลูกมากเกินไปจนกลายเป็นโทษได้
                  ข้อมูลอ้างอิงจาก ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา กรมอนามัย / คมชัดลึก/ MGR online

                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                  7 เทคนิคสร้าง IQ (Intelligence Quotient) ความฉลาดของลูกที่เพิ่มพูนได้

                  นิทานก่อนนอน เล่าให้ลูกฟังทุกคืน ปูพื้นฐานภาษา ฉลาดทั้งไอคิว อีคิว

                  เพลงเป็ด5ตัว เวอร์ชันไทย-อังกฤษ ชวนลูกร้อง เก่งสองภาษา ด้วยเสียงเพลง

                  ลูกติดมือถือ ติดจอ แก้ไขอย่างไร ?

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ฉลองครบรอบ 15 ปี พร้อมเปิดตัว Castle of Magical Dreams

                    20 พฤศจิกายน 2563, ประเทศไทย – ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ได้ประกาศเปิดตัว “คาสเซิล ออฟ เมจิคอล ดรีมส์” (Castle of Magical Dreams) อย่างเป็นทางการ พร้อมกับเทศกาล “A Disney Christmas” เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของสวนสนุก 

                    การฉลองครบรอบ 15 ปีที่รอคอย และ Castle of Magical Dreams 

                    เมื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งเวทมนตร์ของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ผู้คนต่างตกอยู่ในมนตร์สะกดของการตกแต่งที่ประดับประดาได้อย่างสวยงาม รับกับเทศกาลการฉลอง 15 ปี พร้อมท่วงทำนองของเพลงที่บรรเลงภายในสวนสนุก ภายใต้ชื่อ “Love the Memory” ที่มอบความรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนานรื่นเริงไปทั่วทั้งบริเวณหน้าปราสาท ซึ่งบริเวณแห่งนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็นเวทีสำหรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองสุดพิเศษ จัดโดย Stephanie Young กรรมการผู้จัดการฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ผู้ประกาศเปิดฤดูกาลแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี และเปิดตัว Castle of Magical Dreams อย่างเป็นทางการ “ปราสาทแห่งใหม่ที่งดงามนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการฉลองความสำเร็จของเรา ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเราได้ช่วยกันสร้างความทรงจำ เนรมิตทุกความฝัน และแบ่งปันรอยยิ้มร่วมกับแขกและแคสเมมเบอร์ทุกคนมาโดยตลอด” Stephanie Young กล่าว

                    ความฝันที่เติมเต็มด้วย Castle of Magical Dreams 

                    ด้วยแรงบันดาลใจจากผู้กล้าที่จะฝันและศรัทธา Castle of Magical Dreams แห่งใหม่นี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ที่ได้รับการรังสรรค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์อันเปล่งประกายและแสดงถึงความกล้าหาญ  ความหวัง และทุกความเป็นไปได้ การออกแบบปราสาทได้รับแรงบันดาลใจจาก 13 เรื่องราวของเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ โดยการดึงเอาเรื่องราว ลักษณะนิสัยและวัฒนธรรมของเจ้าหญิงแต่ละคนมาตีความ ผ่านเฉดสีและรูปแบบสัญลักษณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นปราสาทแห่งใหม่นี้

                    ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่รอคอยแขกทุกท่านอยู่ภายในปราสาท ตั้งแต่การพบปะพูดคุยกับเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์คนโปรด ณ “โถงรับรองหลวง” ที่ภายในตกแต่งไว้อย่างประณีตงดงาม ผ่านงานแกะสลักอันวิจิตรตระการตา รวมไปถึงการตกแต่งด้วยรูปปั้นของเจ้าหญิงอันที่เป็นรักของทุกคน มากไปกว่านั้นแขกทุกท่านยังสามารถเยี่ยมชม “ขุมทรัพย์มหัศจรรย์” ร้านเครื่องประดับสุดหรูภายใต้แบรนด์ Chow Tai Fook ซึ่งรายล้อมไปด้วยเครื่องประดับและผลงานอันเลอค่ามากมาย รังสรรค์โดยช่างฝีมือของแบรนด์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นช่างฝีมือของอาณาจักรดิสนีย์อีกด้วย  

                    ในประวัติศาสตร์ของดิสนีย์ ไม่เคยมีปราสาทแห่งใดที่ได้รับการปรับโฉมใหม่อย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน และถึงเวลาแล้วที่แขกทุกท่านจะได้สัมผัสมนตร์เสน่ห์และความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ เพื่อค้นหาเบื้องหลังของเวทมนตร์ได้อย่างเพลิดเพลินใจ

                    ทั้งนี้ แขกทุกท่านสามารถพบกับเรื่องราวเบื้องหลังของปราสาทแห่งใหม่ ผ่านนิทรรศการ “รังสรรค์โลกแห่งความฝัน: เวทมนตร์เบื้องหลังปราสาทดิสนีย์” ที่จัดขึ้นเพื่อนำเสนอขั้นตอนการแปลงโฉมปราสาทแห่งใหม่นี้โดยทีมงานของ Walt Disney Imagineering และ Walt Disney Animation Studios รวมไปถึงการนำเสนอพื้นที่จัดแสดงโชว์สุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโชว์ช่วงกลางวันหรือกลางคืน ที่เป็นไฮไลท์ที่แขกทุกท่านล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย 

                    นอกจากนี้ แขกทุกท่านยังสามารถเพลิดเพลินในภวังค์แห่งเวทมนตร์ จากทัวร์ชม Castle of Magical Dreams ครั้งแรกที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ซึ่งนำเสนอมุมมองใหม่ในการเยี่ยมชมปราสาทสุดอลังการนี้ ระหว่างเข้าชมทัวร์ แขกทุกท่านจะได้เยี่ยมชมจุดต่างๆ ถึง 8 จุด เพื่อเรียนรู้และฟังข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบปราสาทในทุกๆ รายละเอียด รวมไปถึงเบื้องหลังความเป็นมาของเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ถูกหยิบเอาเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นมา งานอดิเรก หรือแม้กระทั่งถิ่นกำเนิด โดยแขกทุกท่านจะสามารถรับฟังคำบรรยายผ่านโทรศัพท์มือถือ และหูฟังของตนเอง ให้เสียงบรรยายโดยนักแสดงหญิง คาเรน่า หล่ำ

                    ปาร์ตี้เวทมนตร์สุดมันส์ครั้งที่ 15

                    มิกกี้เมาส์ได้รวบรวมเหล่ามิตรสหายเพื่อมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแขกที่มาเยือนนั่นคือ “งานฉลองครบรอบ 15 ปีมิกกี้และผองเพื่อน!” ที่จะมาปรากฏตัวในชุดฉลองครบรอบ 15 ปีสีสันสดใสพร้อมกับเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ บนถนน Main Street เพื่อพบปะแขกทุกท่าน โดยเหล่าผองเพื่อนดิสนีย์จะปรากฏตัวรอบๆ สวนสนุกเพื่อถ่ายเซลฟี่กับแขกที่มาเยือน มากไปกว่านั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงช่วงเวลาพิเศษนี้ แขกที่มาสวนสนุกจะได้รับบัตรเข้าสวนสนุกและเข็มกลัดในลวดลายสุดพิเศษเฉพาะในช่วงของการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปีนี้ (ของที่ระลึกมีจำนวนจำกัด) และยังสามารถเรียนรู้วิธีวาด Castle of Magical Dreams ได้ที่ Animation Academy อีกด้วย

                    สนุกยิ่งกว่ากับการฉลองสองต่อ

                    การกลับมาอีกครั้งของ“ Mickey and Friends Christmastime Ball” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะจัดแสดงบริเวณหน้า Castle of Magical Dreams!

                    แฟน ๆ ของ Duffy & Friends ต่างตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับ ‘Olu Mel ผู้น่ารักที่จะมาร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขนี้กับทุกคน เต่าที่แสนอบอุ่นที่ดัฟฟี่ได้รู้จักขณะล่องเรือผ่านหมู่เกาะฮาวาย จะโชว์ฝีมือการเล่นอูคูเลเล่ เพื่อบรรเลงพลงแห่งความสุขและสร้างความเพลิดเพลินให้กับทุกคน โดยดัฟฟี่และผองเพื่อนจะมาปรากฏตัวในชุดประจำฤดูกาลอีกด้วย

                    ในฤดูกาลแสนวิเศษนี้ ซานต้ากูฟฟี่ และ ซานต้าสติทซ์ ต่างตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับแขกทุกท่านที่ Mickey’s Philharmagic และ Comet Cafe นอกจากนี้แขกทุกท่านยังสามารถซื้อโปสการ์ดการกุศล Holiday Wishes สองชุดก่อนส่งทางไปรษณีย์ได้ที่ตู้ไปรษณีย์ Holiday Wishes ที่ตั้งอยู่บริเวณ City Hall โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบให้ Operation Santa Claus เพื่อส่งต่อความสุขต่อไป

                    ของที่ระลึกสุดพิเศษในเทศกาลครบรอบ 15 ปี

                    ของที่ระลึกมากมายในเทศกาลสุดพิเศษของการฉลองครบรอบ 15 ปีนี้ พร้อมให้ทุกคนได้เลือกสรร ด้วยสินค้ามากกว่า 200 รายการ ได้แก่ Grand Celebrations, Crystal Dreams และ Black & Gold Series นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากแบรนด์ที่เข้าร่วมการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ด้วย อาทิ แก้วน้ำและกระเป๋าผ้าจากสตาร์บัคส์ เครื่องประดับจากแพนดอร่า และนาฬิการุ่นลิมิเต็ดจากซิติเซ็น

                    ลิ้มรสความปรารถนาที่กลายเป็นจริง!

                    ร้านอาหารที่ได้รับการคัดสรรมากมาย พร้อมนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารภายใต้คอนเซปต์การเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี โดยการตกแต่งตามธีมและของที่ระลึกต่างๆ อาทิ กระติกน้ำชิพแอนด์เดล ดัฟฟี่และเชลลีเมย์ ถังป๊อปคอร์นมิกกี้และมินนี่ ลูกโป่ง ไอศกรีมรูปทรง Castle of Magical Dreams และวาฟเฟิลมิกกี้ นอกจากนี้ แขกทุกท่านยังสามารถเพลิดเพลินกับบริการซอฟต์เสิร์ฟพร้อมรสชาติตามฤดูกาลที่ Midtown Delights รวมถึงอาหารที่ได้รับรางวัลประจำเทศกาลที่ห้องอาหารของโรงแรม

                    เข้าพักที่โรงแรมของเรา พร้อมฉลองครบรอบ 15 ปี

                    หากต้องการดำดิ่งสู่การเดินทางที่แสนมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ขอเชิญแขกทุกท่านเข้าพักในโรงแรมของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ท ที่เต็มไปด้วยมนตร์สะกดแห่งการเฉลิมฉลอง! ผู้ที่จองห้องพักประเภทดีลักซ์ขึ้นไปสามารถรอรับกล่องสุดพิเศษที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และรองเท้าแตะในโอกาสครบรอบ 15 ปี เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างมีระดับ มากไปกว่านั้นยังมีกิจกรรมแจกของรางวัลตามธีมต่างๆ ทุกวัน เช่น แม็กเน็ตและโปสการ์ดสำหรับแขกที่เข้าร่วมคลาสงานฝีมือทำกระเป๋าใส่บัตรและถุงผ้า DIY รวมถึงกิจกรรมศิลปะและงานฝีมืออื่นๆ ในโอกาสครบรอบ 15 ปีและเทศกาลคริสต์มาส

                    นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยสามารถเพลิดเพลินกับข้อเสนอสุดพิเศษของโรงแรมในช่วง Black Friday ภายในระยะเวลาจำกัด โดยมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษตั้งแต่วันนี้ถึง 4 ธันวาคม 2563 ผู้เข้าพักสามารถรับส่วนลดได้ถึง 45% ในห้องมาตรฐานและห้องวิวทะเลสำหรับการเข้าพัก 2 คืนขึ้นไปที่ HongKong Disneyland Hotel หรือ Disney Explorers Lodge โดยมีช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึง 29 กันยายน 2564 แขกทุกท่านสามารถจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ของ HKDL, Booking.com, Expedia และ Hotels.com และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การจองที่ง่ายดายและสามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้อย่างน้อย 7 วันก่อนวันเช็คอิน

                    เป็นเวลา 15 ปีแล้วที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ได้ร่วมเป็นสถานที่ที่เนรมิตทุกความฝันให้กลายเป็นจริง และยังคงมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกความฝันไปอีกเรื่อยๆ ในอนาคต “ตลอดการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ทุกคนจะได้สัมผัสเวทมนตร์แห่งความมหัศจรรย์ที่พิเศษและไม่เหมือนใครทั่วทั้งรีสอร์ท ซึ่งนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเวทมนตร์เท่านั้น หลังจากนี้เรายังมีการแสดงใหม่อีก 2 รายการที่จะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อรังสรรค์ความมหัศจรรย์ให้ทวีคูณยิ่งขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับแขกคนพิเศษของเราที่นี่ เพื่อร่วมผจญภัยและสัมผัสประสบการณ์สุดแสนวิเศษนี้ไปพร้อมๆ กัน” Stephanie Young กล่าวเสริม

                      Tags

                      บำรุงน้ำนม

                      เครื่องดื่มเพื่อคุณแม่ น้ำหัวปลี บำรุงน้ำนม Mommylicious Juice ดื่มง่าย อร่อยทุกสูตร

                      เพราะแม่ทุกคนต้องการมอบสิ่งดีที่สุดให้ลูกน้อยตั้งแรกที่วันลืมตาดูโลกและ “น้ำนม” คือของขวัญสุดพิเศษจากแม่ที่ช่วยให้ลูกอิ่มท้อง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาการที่ดีเมื่อโตขึ้น แต่คุณแม่หลังคลอดหลายคนต้องเจอกับเรื่องไม่คาดคิดว่า น้ำนมน้อย น้ำนมไม่พอ หรือน้ำนมมาไม่สม่ำเสมอแล้วจะแก้ยังไงดี

                      มีข้อมูลเกี่ยวกับการ บำรุงน้ำนม มากมายแต่วิธีไหนจะเหมาะกับคุณแม่ยุคใหม่ ที่ไม่ยุ่งยาก เสียเวลา และจ่ายเงินราคาแพง ซึ่งทางทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids พบว่า มีเครื่องดื่มบำรุงน้ำนมหรือน้ำหัวปลีแบรนด์หนึ่งที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่ได้จริงรสชาติโดนใจ และช่วยให้น้ำนมพุ่งปี๊ดเหมือนสั่งได้ เรามาทำความรู้จักกับ Mommylicious Juice ไปพร้อมกันเลยค่ะ

                      เครื่องดื่ม บำรุงน้ำนม รางวัล Best Breastfeeding Supplement

                      บำรุงน้ำนม

                       

                      เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้ มัมมี้ลิเชียสจูซ เป็น ผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Breastfeeding Supplement จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

                      เครื่องดื่มบำรุงน้ำนมของ มัมมี้ลิเชียสจูซ (Mommylicious Juice) มีหลายสูตร หลากรสชาติให้คุณแม่เลือกดื่มได้ตามใจชอบ สูตรที่เป็นดาวเด่นแห่งการบำรุงน้ำนม และทีมบก. อยากแนะนำไว้เป็นผู้ช่วยสำหรับคุณแม่ให้นม คือ ซุปเปอร์หัวปลีพลัส (Super Huaplee Plus) สูตรน้ำหัวปลีที่นำเอาความรู้จากตำราดูแลคุณแม่หลังคลอดโบราณ มาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มทันสมัย โดยผสมผสานสรรพคุณของสมุนไพรไทยทั้งน้ำหัวปลี มะเขือเปราะ และใบกระเพราที่มีฤทธิ์กระตุ้นการผลิตน้ำนมบำรุงน้ำนม มาไว้ด้วยกัน

                      บำรุงน้ำนม

                      ซุปเปอร์หัวปลีพลัส เป็นเครื่องดื่มสูตรเข้มข้นเหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการมีน้ำนมให้ลูกน้อยทันที และคุณแม่ที่ต้องการมีน้ำนมเยอะสม่ำเสมอสำหรับปั๊มนมสต๊อกหรือให้นมลูกจนโต รสชาติคล้ายน้ำผักผลไม้รวม มีรสหวานนิดๆจากหญ้าหวาน ช่วยให้ดื่มง่าย และไม่กังวลภาวะเบาหวานตอนท้อง จึงเป็น “ผู้ช่วยชั้นดีสำหรับคุณแม่ยุคใหม่”

                      การันตีคุณภาพด้วยรางวัล International Innovation Awards 2019 จาก Enterprise Asia มอบให้กับบริษัทที่มีสุดยอดนวัตกรรมในการผลิตภัณฑ์และบริการจากประเทศต่างๆในเอเชีย ซึ่งซุเปอร์หัวปลีพลัส ของมัมมี้ลิเชียสจูซ จึงเป็นน้ำหัวปลีไทยเจ้าแรกที่ได้รับรางวัลคุณภาพระดับสากลคุณแม่จึงมั่นใจได้ในทุกครั้งที่ดื่

                      เครื่องดื่มบำรุงน้ำนมหลากหลายสูตรจาก Mommylicious Juice

                      นอกจากนี้ มัมมี้ลิเชียสจูซ ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม บำรุงน้ำนมอีกหลายสูตรที่คิดค้นอย่างเข้าใจความต้องการของคุณแม่โดยเฉพาะ ได้แก่

                      บำรุงน้ำนม

                      3 สุดยอดน้ำหัวปลี

                      • น้ำหัวปลีสูตรธรรมชาติ เน้นรสชาติเข้มข้นของหัวปลีแบบเพียวๆ เหมาะกับคุณแม่ที่ตามหาตัวช่วย บำรุงน้ำนมแบบเร่งด่วน ต้องการให้มีนมมาทันทีหลังคลอด หรือเพิ่มน้ำนมแบบด่วนจี๋ แม้สูตรนี้จะเข้มข้นแต่ก็ดื่มง่าย ไม่มีฝาดเฝื่อน จึงดื่มได้บ่อยตามต้องการ
                      • น้ำหัวปลีผสมโป๊ยกั๊ก เข้มข้นด้วยรสชาติของหัวปลีสด แต่เติมความหวานจากหญ้าหวานธรรมชาติ เพื่อให้คุณแม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับน้ำหัวปลีให้ดื่มง่ายขึ้น แต่สรรพคุณเน้นๆเหมือนน้ำหัวปลีสูตรธรรมชาติ
                      • น้ำหัวปลีผสมงาดำ สูตรบำรุงแบบ 2 in 1ในรูปแบบกระป๋อง ที่เน้นการบำรุงน้ำนมให้มีคุณภาพสำหรับลูกน้อย ไปพร้อมกับเสริมแคลเซียมให้คุณแม่ ช่วยลดอาการผมร่วงหลังคลอด มีรสหวานนิดๆจากน้ำผึ้งแท้และหอมกลิ่นงาดำอ่อนๆ

                      บำรุงน้ำนม

                      3 สุดยอดเครื่องดื่มทางเลือกบำรุงน้ำนมและสุขภาพคุณแม่

                      • น้ำขิงเข้มข้น

                      เครื่องดื่มจากน้ำขิงสดเข้มข้น ตัวช่วยชั้นดีเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำนม ทำให้ร่างกายพร้อมสร้างน้ำนมคุณภาพได้ต่อเนื่อง เหมาะกับคุณแม่หลังคลอด น้ำนมน้อย หรือน้ำนมยังไม่มาแถมยังมีสรรพคุณช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินหลังคลอด บรรเทาอาการหวัดที่อาจเป็นในคุณแม่มือใหม่ที่พักผ่อนน้อย

                      • น้ำขิงผสมน้ำผึ้งมะนาว

                      น้ำขิงสดเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวหวานจากมะนาวและน้ำผึ้งแท้ ดับความเผ็ดร้อนให้น้อยลง ช่วยให้ดื่มง่าย ดื่มได้บ่อยขึ้น นอกจากบำรุงน้ำนมแล้วยังลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ด้วย คุณแม่จึงสามารถเริ่มดื่มได้ตั้งแต่ก่อนคลอด

                      • น้ำมัลเบอร์รี่ผสมขิง

                      สูตรนี้ดึงเอาจุดเด่นเพื่อบำรุงคุณแม่โดยเฉพาะ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นจากรสเปรี้ยวของผลมัลเบอร์รี่คุณภาพ อุดมด้วยสารแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวให้ดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ส่วนน้ำขิงสดๆยังกระตุ้นการผลิตน้ำนมไปพร้อมกัน ดีครบในกระป๋องเดียว

                      เครื่องดื่มบำรุงน้ำนมแบรนด์มัมมี้ลิเชียสจูซทุกสูตรคัดสรรรวัตถุดิบคุณภาพอย่างดี ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานคุณภาพ จึงคงความสดใหม่ส่งตรงถึงมือคุณแม่ทั่วประเทศ โดยไม่ใส่สารกันบูด หรือสารปรุงแต่งใดๆ จึงเหมาะเป็นผู้ช่วยที่คุณแม่วางใจ

                      ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม บำรุงน้ำนม มัมมี้ลิเชียสจูซ (Mommylicious Juice) ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Breastfeeding Supplement จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                      สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงน้ำนม มัมมี้ลิเชียสจูซ   สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อสินค้าพร้อมติดตามโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ www.mommyliciousjuice.com

                      Facebook :  www.facebook.com/mommyliciousjuice

                      Instragram : mommyliciousjuice

                       

                       

                        ผู้หญิงมีหนวดเสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        ผู้หญิงมีหนวดเสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ เพิ่มโอกาสมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

                        ภัยร้ายที่มาพร้อมหนวดของสาว ๆ ผู้หญิงมีหนวดเสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ หมอแนะรีบไปอัลตราซาวนด์ เสี่ยงมะเร็งได้!

                        ผู้หญิงมีหนวดเสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ อาจเป็นมะเร็งได้

                        นพ.อรัณ ไตรตานนท์ สูติ-นรีเวช โรงพยาบาลราชวิถี ได้ออกมาเตือนผู้หญิงที่มีหนวดขึ้น ให้รีบไปตรวจอย่างละเอียด เพราะอาจป่วยเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบได้ โดยโพสต์ในเพจ อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน ไว้ว่า ผู้หญิงหลายคนมีหนวด ควรรีบไปหาหมอสูติ อัลตราซาวน์ดรังไข่ เพราะอาจจะเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ รักษาง่าย ไม่เจ็บตัว แค่กินยา แต่หากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

                        หมอสูติเตือน ผู้หญิงมีหนวดอย่านิ่งนอนใจ รีบไปตรวจ! ระวังเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ PCOS ภัยร้ายเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
                        ผู้หญิงมีหนวดเสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        สำหรับผู้หญิงที่มีหนวด นี่เป็นสัญญาณของความเสี่ยงภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome-PCOS) มาทำความรู้จักโรคนี้กันค่ะ

                        โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome-PCOS)

                        ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบหรือโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นกลุ่มอาการที่รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ เกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่พบบ่อยที่สุด กลุ่มเสี่ยงของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เริ่มตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ 18 ปี ไปจนถึงราว ๆ 45 ปี สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกตินี้ ยังไม่มีแน่ชัด แต่มักจะพบว่า ผู้หญิงที่มีโรคนี้มีความผิดปกติของฮอร์โมนอยู่หลายตำแหน่ง รวมไปถึงรังไข่ ทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ ทั้งยังอาจพบว่าระดับเอนไซม์อินซูลินในกระแสเลือดมากกว่าปกติ

                        4 อาการอันตราย เสี่ยงถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        1. ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาแค่ 6-8 ครั้งต่อปี หรือประจำเดือนเว้นช่วงนานจนรอบเดือนมาห่างกันเกิน 35 วัน อาจพบรอบเดือนขาด มาไม่ติดต่อกันนานกว่า 3 รอบ หรือมาไม่ติดต่อกันยาวนานถึง 6 เดือน บางรายประจำเดือนขาดเป็นปี ซึ่งเป็นสัญญาณร่างกายที่บอกว่าเกิดภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง
                        2. ปริมาณของประจำเดือนไม่ปกติ ประจำเดือนมากะปริดกะปรอย 10-20 วัน บางครั้งมาพร้อมอาการปวดประจำเดือน แต่บางรายประจำเดือนมามากเกินไปหรือนานเกินไป อาจพบเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติได้
                        3. ภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง หรือภาวะแอนโดรเจน (Androgen) เกิน เกิดภาวะขนดกบริเวณ แขน ขา ร่องอก ท้องส่วนล่าง มีหนวด ใบหน้ามีผิวมัน สิวขึ้น ศีรษะล้านแบบเพศชาย
                        4. น้ำหนักเกินเกณฑ์ อ้วน ดื้อต่อน้ำตาลอินซูลิน

                        ความอ้วนส่งผลต่อภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        เมื่อน้ำหนักเกิน ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อ้วนลงพุง เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตจากไขมัน จนไขมันมาก ทำให้การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ควบคุมการตกไข่ในเพศหญิงผิดปกติได้ จึงไม่มีการตกไข่ ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศยังทำให้มีบุตรยากอีกด้วย

                        อันตรายจากโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        • ภาวะมีบุตรยาก เกิดจากภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง เมื่อตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงดังนี้
                        1. แท้งบุตรในช่วง 3 เดือนแรก
                        2. เบาหวานขณะตั้งครรภ์
                        3. ครรภ์เป็นพิษ
                        4. ทารกเติบโตช้าขณะอยู่ในครรภ์
                        ผู้หญิงมีหนวดอย่านิ่งนอนใจ รีบไปตรวจ! ระวังเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ PCOS
                        ผู้หญิงมีหนวด ระวังเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ PCOS

                        การตรวจและวินิจฉัยโรค PCOS

                        • ซักประวัติ ได้แก่ ประวัติครอบครัว โรคประจำตัว ประวัติการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การใช้ยา โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดและยาฮอร์โมน
                        • ตรวจร่างกาย ได้แก่ วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ดูภาวะอ้วนด้วยการคำนวณค่า Body Mass Index-BMI วัดความดันโลหิต ตรวจภาวะแอนโดรเจนเกิน ด้วยการเจาะเลือดดูระดับฮอร์โมน ตรวจลักษณะการกระจายขน ดูเรื่องผิวมัน สิว
                        • ตรวจภายในด้วยการอัลตราซาวนด์อุ้งเชิงกรานเพื่อดูรังไข่
                        • ประเมินภาวะของโรคเบาหวานและไขมันในเลือด

                        วิธีการรักษา PCOS

                        • ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลดความอ้วนจนน้ำหนักกลับมาในเกณฑ์ปกติได้แล้ว ฮอร์โมนจะกลับมาทำงานใกล้เคียงกับปกติ ทั้งยังช่วยให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
                        • ทานยาโดยแบ่งเป็น
                        1. ผู้ที่ต้องการมีบุตร รักษาด้วยยากระตุ้นการตกไข่ หรือการผ่าตัดในกลุ่มที่มีบุตรยาก โดยส่องกล้องผ่านหน้าท้องแล้วจี้ด้วยไฟฟ้าหรือเลเซอร์ผิวรังไข่ให้เป็นจุด ๆ เพื่อกระตุ้นการตกไข่ ให้สามารถตั้งครรภ์ได้
                        2. ผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร รักษาด้วยยาฮอร์โมนช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แต่อาจพบผลข้างเคียงคล้ายยาเม็ดคุมกำเนิด ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน

                        ในบางรายแพทย์อาจป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น รักษาอาการดื้ออินซูลินเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือมีการรักษาและป้องกันเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว

                        วิธีป้องกันการเกิดโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ

                        1. ควบคุมน้ำหนัก ดูแลร่างกายด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างพอดี เลี่ยงแป้ง ลดน้ำตาล ไม่กินอาหารไขมันสูง เลือกผักและผลไม้ พร้อมทั้งดื่มน้ำให้มาก เมื่อร่างกายมีน้ำหนักตามเกณฑ์จะทำให้ฮอร์โมนทำงานอย่างปกติ ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ
                        2. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะอ้วนต้องลดน้ำหนักให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ
                        3. พยายามผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ

                        หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายให้ดี หากมีขนดก มีหนวด ผิวมัน เกิดสิว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากจะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบได้

                        อ้างอิงข้อมูล : อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน, bangkokhospital และ siphhospital

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                        เหงื่อ ออกมากหลังคลอด..ผิดปกติหรือเปล่า?

                        พุงยุบหุ่นปัง!งานวิจัยเผยแม่ให้นมเผาผลาญ500 แคลอรี่ /วัน

                        เมื่อฉัน “แพ้ น้ำอสุจิ จากสามี”

                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย

                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย พัฒนาการลูกจะเป็นอย่างไร อันตรายไหม

                          ปัญหาน่าหนักใจ เด็กไทยคลอดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นทุกปี ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย อันตรายมากไหม พัฒนาการลูกจะเป็นอย่างไร

                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย ลูกจะมีปัญหาไหม

                          เด็กเกิดก่อนกำหนดเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญอย่างยิ่งในเมืองไทย ทั้งยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า อัตราเด็กเกิดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้น โดยทารกที่คลอดก่อนกำหนด อวัยวะของทารกจะพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ต้องอาศัยทั้งแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้ทารกคลอดก่อนกำหนดมีชีวิตรอดและมีความพิการหลงเหลือน้อยที่สุด

                          เนื่องในวันที่ 17 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันทารกเกิดก่อนกำหนด ทางกรมการแพทย์จึงออกมาเน้นย้ำถึงปัญหาทารกคลอดก่อนกำหนด โดยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำว่า กรมการแพทย์ให้ความสําคัญกับการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กทารกแรกเกิดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกเกิดก่อนกำหนด ซึ่งเป็นทารกกลุ่มเสี่ยงและเป็นสาเหตุของการตายในทารกแรกเกิด แม้ว่าปัจจุบันยังมีข้อจํากัดด้านทรัพยากรในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ เช่น หอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิดมีไม่เพียงพอ และอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ หรือโรงพยาบาลทั่วไปขนาดใหญ่เท่านั้น จำนวนบุคลากรที่ต้องมีความชำนาญการและทักษะเฉพาะในการดูแลทารกเกิดก่อนกำหนด ทั้งในส่วนของกุมารแพทย์และพยาบาลไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยทารกวิกฤตที่ต้องดูแล ส่งผลต่อคุณภาพการดูแลรักษาทารกหรือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการส่งต่อ ทําให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานานขึ้น รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลโดยรวมของครอบครัวและของประเทศสูงขึ้น

                          “เพื่อให้การดูแลทารกแรกเกิดที่มีภาวะวิกฤตนั้น เกิดความปลอดภัยสูงสุด กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จัดให้มีแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาทารกแรกเกิด เพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในการดูแลทารกแรกเกิดที่มีภาวะวิกฤตให้มีคุณภาพ พัฒนาระบบการส่งต่อที่ได้ประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง รวมทั้งวางแผนจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ให้เพียงพอ ได้มาตรฐานบริการ แนวทางการแก้ปัญหาจะสามารถช่วยพัฒนาระบบการบริหารจัดการในการให้บริการ และพบว่าอัตราการตายทารกแรกเกิดค่อย ๆ ลดลงทุกปี” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย
                          แม่คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวทารกน้อย เสี่ยงอันตราย

                          สาเหตุของทารกคลอดก่อนกำหนด

                          นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดก่อนกำหนดเกิดได้ทั้งจากมารดาหรือแม่ของเด็ก รก และตัวทารกในครรภ์ ดังนี้

                          ปัจจัยจากแม่ ได้แก่

                          ปัจจัยของทารกในครรภ์

                          • เด็กในครรภ์มีความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด เช่น โรคทางพันธุกรรม ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย
                          ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย

                          ความเสี่ยงของทารกคลอดก่อนกำหนด

                          ทารกที่คลอดก่อนกำหนดคือทารกที่คลอดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ จึงมีน้ำหนักตัวน้อยตอนแรกคลอด จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิด เนื่องด้วยอวัยวะที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ต้องใช้เวลาในการปรับตัวสู่โลกภายนอกมากกว่าทารกที่คลอดตามกำหนด ยิ่งทารกมีระยะการตั้งครรภ์ที่น้อย หรือมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1.5 กิโลกรัม ก็จะยิ่งมีปัญหาเพิ่มขึ้นได้

                          ปัญหาที่พบได้ในทารกคลอดก่อนกำหนด

                          1. ตัวเย็นง่าย ทารกที่เกิดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็กจึงทำให้ตัวเย็นได้ง่าย ต้องควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย จึงจำเป็นต้องใช้ตู้อบในทารกคลอดก่อนกำหนด
                          2. ปัญหาการหายใจ ทารกที่เกิดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อย อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่
                          3. น้ำตาลในเลือดต่ำ ทารกตัวเย็นง่ายต้องดึงเอาสารสะสมที่เก็บไว้เป็นพลังงานมาสร้างอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับ 37 องศาเซลเซียส จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้
                          4. ทารกเกิดก่อนกำหนดติดเชื้อง่าย ภูมิคุ้มกันของทารกจะได้ในช่วงท้าย ๆ ของการตั้งครรภ์ ทำให้ติดเชื้อง่ายกว่า 4 เท่า หากเทียบกับทารกปกติ
                          5. ทารกตัวเหลือง การทำงานของตับยังไม่สมบูรณ์ ทำให้อาการตัวเหลืองนั้นนานกว่าทารกปกติ
                          6. ดูดกลืนได้ไม่ดี ทารกที่เกิดก่อนกำหนด การดูดกลืนและการหายใจจะไม่ค่อยดี จึงสำลักนมได้บ่อย
                          7. น้ำคั่งในสมอง ทารกอาจเกิดน้ำคั่งในสมอง แต่จะหายเองได้ มีทารกบางกลุ่มที่โตขึ้นเรื่อย ๆ หัวจะดูโตกว่าคนอื่นนิดหน่อย เพราะถุงน้ำในสมองจะใหญ่กว่า แต่ไม่มีปัญหาด้านพัฒนาการ
                          8. ลำไส้เน่าตายอย่างเฉียบพลัน อาจเน่าขึ้นมาโดยไม่มีทางป้องกัน และเกิดได้โดยไม่ทราบสาเหตุ แสดงอาการได้หลายประเภท เช่น ลำไส้ขาดเลือดชั่วคราว ลำไส้ตายแต่ไม่ทะลุ และลำไส้ทะลุ

                          วิธีดูแลทารกเกิดก่อนกำหนด

                          การดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดที่น้ำหนักตัวน้อย ควรให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง โดยทีมแพทย์และพยาบาลจะเริ่มให้นมแม่ทันทีที่ทารกมีอาการคงที่ ข้อดีของนมแม่คือย่อยง่ายและมีภูมิต้านทานโรค ลดการติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะลำไส้อักเสบรุนแรง รวมถึงลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลอีกด้วย นอกจากนี้ ดวงตา จอประสาทตาและสมองของทารกเกิดก่อนกำหนดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ จึงต้องได้รับการตรวจประเมินพัฒนาการและจอประสาทตาเป็นระยะโดยกุมารแพทย์และจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

                           

                          สังเกตอาการ 4 สัญญาณเสี่ยงคลอดก่อนกําหนด

                          สำหรับอาการที่คนท้องเสี่ยงคลอดก่อนกําหนด ต้องคอยสังเกตสัญญาณอันตรายเหล่านี้

                          1. ลูกดิ้นน้อย อาจเกิดได้จากภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งจะกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
                          2. น้ำเดิน มีน้ำใส ๆ ออกมาจากช่องคลอด ส่งสัญญาณว่าใกล้คลอด
                          3. มดลูกบีบตัวถี่ ๆ หากพบการบีบของมดลูกถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น ต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ควรรีบมาพบแพทย์
                          4. มูกเลือดออกมาจากช่องคลอด มูกที่อุดปากช่องคลอดเกิดไหลออกมา มีแนวโน้มว่า ปากมดลูกกำลังจะเปิด

                          วิธีป้องกันคลอดก่อนกําหนด

                          การป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้ดีที่สุด แม่ท้องควรรีบฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด และควรพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมปฏิบัติตัว ดังนี้

                          1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้แม่ท้องและทารกในครรภ์ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน หลีกเลี่ยงการกินอาหารหมักดอง เลือกกินอาหารปรุงสุก สะอาด เน้นผักและผลไม้ ให้มีความหลากหลายในแต่ละมื้อ
                          2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเลือกดื่มน้ำเปล่า 1.5-2 ลิตรต่อวัน แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มนมวัวหรือดื่มนมถั่วเหลืองให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกแพ้นมวัวหรือแพ้นมถั่วเหลือง จากการบำรุงครรภ์ที่มากเกินพอดี
                          3. พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนหลับให้ได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือนอนพักเป็นช่วง ๆ ให้ร่างกายได้พักผ่อนบ่อย ๆ
                          4. แม่ท้องไม่ควรเครียด ลองอ่านหนังสือเล่มโปรด พักผ่อนด้วยดนตรีเพราะ ๆ หรือทำกิจกรรมยามว่าง จะช่วยให้แม่ท้องผ่อนคลายและลดความเครียดลงได้
                          5. ไม่ควรทำงานหนัก หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่หักโหม ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการออกกำลังกายที่เหมาะสม
                          6. การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ต้องปรึกษาแพทย์ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะแม่ที่มีภาวะเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด
                          7. เลิกสูบบุหรี่ งดการดื่มแอลกอฮอล์ ดูแลสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น ถ้าทำได้ควรดูแลร่างกายตั้งแต่ช่วงวางแผนการมีบุตร

                          หากคุณแม่วางแผนตั้งครรภ์ ควรรักษาอาการติดเชื้อ หรืออาการเจ็บป่วยให้ดีขึ้นเสียก่อน โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุมโรคประจำตัว ที่สำคัญ ต้องพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง หมั่นสังเกตร่างกาย หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาล

                          อ้างอิงข้อมูล : vibhavadi.com, samitivejhospitals, phyathai และ dms.go.th

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                          อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                          แม่ท้อง แพ้อาหารทะเล ส่งผลต่อลูกยังไงมาหาคำตอบกัน

                          เชื้อ CMV คืออะไร ไวรัสที่คนท้องติดเชื้อได้ มีผลต่อทารกแรกเกิด

                          ภาวะแท้งจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก อันตรายที่แม่ท้องห้ามประมาท

                           

                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV

                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร ระวังลูกเป็นโรคทางเดินหายใจ

                            ทำให้เกิดโรคร้ายเหมือนกันแต่ Rhinovirus แตกต่างจาก RSV มาดูความเหมือนและความต่างของ 2 ไวรัสร้ายที่ทำให้ลูกน้อยเกิดโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ

                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร

                            อากาศเปลี่ยนมักจะเชื้อเชิญโรคร้ายให้มาเยือน โดยเฉพาะอากาศหนาวในเมืองไทย ที่มีฝนตกบ้างเป็นบางวัน อากาศเย็น ๆ แบบนี้ จะพบผู้ป่วยโรคระบาดเกี่ยวกับทางเดินหายใจมากเป็นพิเศษ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ย้ำเตือนเรื่องโรคภัยมาโดยตลอดในเพจ Yong Poovorawan โดยได้กล่าวถึงการระบาดของโรคทางเดินหายใจว่า มีการระบาดโรคทางเดินหายใจพบจากไวรัส 2 ตัว Human Rhinovirus (HRV) และ Respiratory Syncytial Virus (RSV)

                            • Human Rhinovirus พบมากกว่า เป็นได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็กจน เด็กโตและผู้ใหญ่
                            • RSV พบมากในเด็กเล็ก พบได้ เท่า ๆ กันกับ Rhinovirus

                            ศ.นพ.ยง ได้อธิบายถึง Human Rhinovirus เพิ่มเติมว่า Rhinovirus จะมี 3 กลุ่ม คือ A B และ C โดย Rhinovirus C จะมีอาการมากวาง A และ B กลุ่ม C บางรายลงหลอดลมจะมีหายใจเร็วและหอบ คล้าย RSV ทั้งนี้ Rhinovirus อาการจะมีไข้ต่ำ ๆ เท่านั้น แล้วตามมาด้วย หวัดและไอ

                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร
                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร

                            เชื้อร้ายทั้ง 2 ไวรัส อาจมีความเหมือนกันอยู่ แต่ก็มีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง มารู้จักไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ในบทความนี้ค่ะ

                            ไรโนไวรัส (Human Rhinovirus:HRV)

                            ไรโนไวรัส (Human Rhinovirus:HRV) เป็นสาเหตุหลักของอาการป่วยโรคหวัด (common cold) ซึ่งจะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณโพรงจมูกและอาจลามมาถึงช่องปาก อาการส่วนใหญ่ของผู้ป่วยมักจะไม่รุนแรงมาก โดยไรโนไวรัสจะเป็นเชื้อที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยทุกอายุ มักจะพบในช่วงที่มีอากาศเย็นหรือฤดูหนาว เพราะอุณหภูมิพอเหมาะต่อการเติบโตของไวรัส

                            ระยะฟักตัว Rhinovirus ที่ทำให้เกิดโรคหวัด

                            ปกติแล้ว Rhinovirus จะฟักตัวประมาณ 1-4 วัน และเกิดอาการต่าง ๆ ภายหลังการสัมผัสเชื้อ 1-3 วัน อาการเด่น ๆ ของโรคหวัด ในวันแรก ๆ น้ำมูกใส วันถัดไปน้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเขียว นอกจากนี้ อาจมีอาการเยื่อบุจมูกบวมแดง เยื่อบุตาแดง หรือต่อมน้ำเหลืองที่คอโตได้ สำหรับอาการของโรคหวัดในเด็กเล็กและโรคหวัดในเด็กโต จะแตกต่างกันนิดหน่อย ดังนี้

                            โรคหวัดในเด็กเล็ก

                            • มีไข้
                            • น้ำมูกไหล

                            โรคหวัดในเด็กโต

                            • เจ็บคอหรือระคายคอ
                            • ต่อมามีน้ำมูก คัดจมูก ไอ

                            HRV-A และ HRV-B จะเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดธรรมดา พบบ่อยในเด็ก เพราะชอบอยู่ในที่ที่อุณหภูมิต่ำจึงอยู่ที่จมูก เมื่อเข้าหลอดลมที่อุณหภูมิสูงจะอยู่ไม่ได้ ทำให้เกิดเป็นหวัดธรรมดา โดยทั่วไปอาการของโรคหวัดธรรมดาจะเกิดขึ้น 7-14 วัน และมักจะหายได้เอง หมออาจจะให้ยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้ เพื่อบรรเทาอาการ

                            แม้จะเริ่มด้วยอาการของโรคหวัด แต่ในผู้ป่วยเด็ก โรคหวัดมักจะเป็นการเริ่มต้นของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งหมดที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดย HRV-C เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ลงหลอดลมได้ ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดบวม โรคหลอดลมอักเสบ มักเกิดกับทางเดินหายใจส่วนล่างอักเสบ

                            อาการอันตรายหากติดเชื้อ HRV-C

                            เชื้อ HRV-C อาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบติดเชื้อได้ จึงมักมีอาการอื่นเพิ่มเติม เช่น ไอหอบ เหนื่อย เมื่อเกิดอาการปอดอักเสบติดเชื้อจึงก่อให้เกิดอันตรายได้มากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตในเด็กเล็ก แต่เด็กโตและผู้ใหญ่ก็อันตราย อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงต้องคอยสังเกตอาการ ไข้สูง ไอมาก ไอปนเลือด มีเสมหะข้น หายใจหอบ ควรรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

                            การรักษาการติดเชื้อ HRV แพทย์จะพิจารณาตามอาการและความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะทารก เด็กเล็ก คนท้อง และผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ และในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตัวนี้ได้

                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร
                            Rhinovirus แตกต่างจาก RSV อย่างไร

                            อาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus:RSV)

                            อาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus:RSV) มักจะเกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ประกอบด้วย หลอดลม หลอดลมส่วนปลาย และถุงลม โดยมีอยู่สองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี

                            ระยะฟักตัว RSV

                            หลังรับเชื้อ RSV โดยเฉลี่ยจะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ 4-6 วัน แสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน และช้าที่สุดราว ๆ 8 วัน อาการของการติดเชื้อ RSV มีความใกล้เคียงกับการติดเชื้อไวรัส HRV โดยช่วงแรก ๆ มีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เด็กโตและผู้ใหญ่อาการมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ทารกหรือเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ต้องระวัง เพราะร้อยละ 20-30 เมื่อมีการติดเชื้อเป็นครั้งแรกจะลุกลามไปยังทางเดินหายใจส่วนล่าง เกิดเป็นโรคหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบ ซึ่งสามารถสังเกตสัญญาณอันตรายได้ในอาการ ดังนี้

                            เด็กที่อายุน้อยกว่า 1-2 ปี เด็กที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด หรือผู้ที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดเรื้อรัง จะเพิ่มความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อน เช่น หูอักเสบ ไซนัสหรือปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน จนอาการรุนแรงขึ้นได้

                            อันตรายของไวรัส RSV

                            RSV สามารถก่อให้เกิดอาการรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก ถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงต้องหมั่นสังเกตอาการของลูก หากพบว่ามีอาการผิดปกติอย่านิ่งนอนใจ เพราะ RSV ยังไม่มียารักษาโดยตรง ทำได้เพียงรักษาและให้ยาตามอาการ เช่น

                            • ยาลดไข้
                            • ยาแก้ไอละลายเสมหะ
                            • ในเด็กที่เสมหะเหนียวมาก ต้องพ่นยาขยายหลอดลมหรือน้ำเกลือผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอดและดูดเสมหะออก

                            อาการสำคัญที่ต้องนอนโรงพยาบาล หากติดเชื้อไวรัส RSV ได้แก่ ไข้สูง ไม่กิน ไม่เล่น หายใจเร็วกว่าปกติ หายใจมีเสียงหวีด หงุดหงิดง่าย หรือเซื่องซึม และ RSV ก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเช่นเดียวกับไวรัส HRV

                            ความแตกต่าง Rhinovirus และ RSV

                            • HRV หรือที่คุ้นเคยกันว่า Rhinovirus โดยปกติแล้วจะเกิดเป็นโรคหวัดธรรมดา หากพบว่าเป็นกลุ่ม HRV-A และ HRV-B อาการจะเบาบางกว่า แต่ถ้าติดเชื้อ HRV-C อาจก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงได้ HRV พบได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งทารก เด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ กลุ่มเสี่ยงที่อันตรายจะเป็นทารกและเด็กเล็ก คนท้อง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
                            • RSV พบมากในทารกและเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี จะยิ่งเสี่ยงอันตรายร้ายแรง เพราะมักจะพบการรติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้มาก RSV ยังแพร่ระบาดได้บ่อย พบเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนตลอดจนหน้าหนาว

                            วิธีป้องกันไวรัส HRV และ RSV

                            ทั้งสองไวรัสติดต่อได้ง่าย ผ่านทางน้ำมูก น้ำลายหรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง จึงติดกันได้ง่ายโดยเฉพาะเด็กวัยเรียน ตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็ก เตรียมอนุบาล โรงเรียนอนุบาล หรือโรงเรียนประถม สำหรับวิธีป้องกันไวรัสร้ายทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

                            1. ล้างมือให้ถูกวิธี ทุกคนในครอบครัวต้องล้างมือให้บ่อยจนเป็นนิสัย โดยจะใช้สบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ก็ได้ และต้องคอยดูแลความสะอาดของทารกหรือเด็กเล็กมากเป็นพิเศษ เพราะวัยนี้ชอบหยิบ ชอบจับ ชอบสัมผัส แล้วเอามือเข้าปาก อมมือ ดูดนิ้วเป็นประจำ การล้างมือบ่อย ๆ ยังช่วยป้องกันโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) ได้อีกด้วย
                            2. หลีกเลี่ยงการพาทารกหรือเด็กเล็ก ไปยังสถานที่ที่มีคนแออัด พื้นที่ที่คนพลุกพล่าน เพราะเสี่ยงต่อการรับโรคร้ายได้หลายโรค
                            3. หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ อาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยกับลูกน้อยคอยถูบ้าน ทำความสะอาดของเล่น ของใช้ เป็นประจำ
                            4. เปิดหน้าต่าง เปิดประตูบ้าน ในช่วงกลางวัน เพื่อให้อากาศถ่ายเท และรับแสงแดดเข้ามา
                            5. คนในครอบครัวควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะทารกหรือเด็กเล็กที่สูดดมควันบุหรี่ หรือแม้แต่บุหรี่ติดเสื้อ ก็สามารถทำให้เด็กเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะการจะติดเชื้อไวรัส RSV เด็กที่ใกล้ชิดกับควันบุหรี่จะพบอาการรุนแรงมากกว่า
                            6. ทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนควรได้รับนมแม่ที่เต็มไปด้วยสารอาหาร ภูมิคุ้มกัน และภูมิต้านทานโรค เมื่อลูกพ้น 6 เดือน ก็ยังสามารถเสริมน้ำนมแม่ไปได้เรื่อย ๆ
                            7. ในเด็กเล็กต้องดูแลเรื่องสารอาหารให้ครบถ้วน ดูแลสุขอนามัย ให้ลูกดื่มน้ำและพักผ่อนอย่างเพียงพอ อาจพาลูกไปเดินเล่น สัมผัสอากาศนอกบ้านบ้างในวันที่อากาศดี
                            8. เมื่อลูกในวัยเรียนเจ็บป่วย ไม่สบาย ควรให้เด็กหยุดอยู่บ้านเพื่อสังเกตอาการ ทั้งยังเป็นการลดการติดเชื้อได้ด้วย และหากพบสัญญาณอันตราย มีอาการหายใจเหนื่อย หอบ มีไข้สูง หรือมีไข้นานติดต่อกันหลายวัน ควรรีบไปพบแพทย์

                            ช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ โดยเฉพาะหน้าฝนและหน้าหนาว พ่อแม่ต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด คอยสังเกตความผิดปกติของลูกสม่ำเสมอ เมื่อลูกไม่สบายจะได้รักษาอย่างทันท่วงที

                            อ้างอิงข้อมูล : Yong Poovorawan, pidst, chulalongkornhospital และ car.chula.ac.th

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                            อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                            อ่วม WHO เผยโรคหัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกพุ่ง!!

                            หมอเผยภาพ! ปอดเด็กที่ติด เชื้อไวรัส RSV พร้อมแนะวิธีป้องกันลูกจากโรค RSV

                            ภูมิแพ้ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร แยกให้ออกลูกเป็นโรคอะไรกันแน่!

                              ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป

                              รีวิว ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ที่ดีที่สุดปี 2020 Sunny Baby Luxury Pants นุ่ม บาง ใส่สบาย ซึมซับดี แห้งสบายตลอดวัน

                              การเลือก ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ที่ดีนอกจากจะถูกใจคุณแม่แล้ว ต้องช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายและมีความสุขไปตลอดวันด้วย เพราะลูกในวัยที่ยังไม่สามารถขับถ่ายเองได้ ต้องใส่ผ้าอ้อมแทบตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อยากรู้ไหมคะว่า “ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป” แบบไหน ที่ดีต่อพัฒนาการลูกน้อย และควรเลือกให้ลูกน้อยได้สวมใส่ เรามีคำตอบให้ค่ะ

                              ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป

                              เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้ Sunny Baby Luxury Pants เป็น ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป แบบกางเกง ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Disposable Pants Diaper จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

                              มาดูกันเลยค่ะว่า ผ้าอ้อมเด็ก Sunny Baby Luxury Pants  เป็นผ้าอ้อมแบบกางเกงที่ออกแบบมาให้เหมาะกับพัฒนาการของลูกน้อยที่เริ่มไม่ยอมอยู่นิ่ง ไม่ยอมให้ใส่หรือถอดผ้าอ้อมง่ายๆ ขึ้นรูปแบบอัลตร้าโซนิค ขอบเอวจึงมีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ไม่ทิ้งรอยบนผิวของลูกน้อย คุณแม่สามารถเปลี่ยนผ้าอ้อมได้สะดวกในทุกท่า สวมใส่ง่าย เพียงแค่สอดขาและดึงขึ้นถึงขอบเอวก็แนบกระชับกับลำตัวทันที

                              ส่วนเนื้อผ้าอ่อมนุ่มมาก ลูกใส่แล้วไม่รู้สึกเลยว่ากำลังใส่ผ้าอ้อม เป็นจุดเด่นของ Sunny Baby Luxury Pants ที่ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ  ด้วยการใช้ผ้าฝ้ายที่มีผิวสัมผัส 3 มิติทั้งตัว เพื่อลดการเสียดสีระหว่างแผ่นดูดซับกับผิวบอบบาง หมดกังวลเรื่องปัญหารอยแดงและผื่นแพ้ รอบขอบขายังมีความนุ่มและยืดหยุ่นอีกด้วย จึงกระชับพอดีต้นขาแบบไร้รอยต่อ ลูกจึงเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อารมณ์ดีตลอดวัน

                              ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป

                              และอีกหนึ่งสิ่งที่ผ้าอ้อมคุณภาพระดับพรีเมี่ยมแบรนด์นี้แตกต่างจากผ้าอ้อมทั่วไปคือ แผ่นดูดซับที่เป็นชุดซึมซับโครงสร้างใยตาข่าย สามารถกระจายการซึมซับได้มากกว่า และไม่จับตัวเป็นก้อน แต่ยังคงความบางแบบ Ultra Thin จนไม่น่าเชื่อว่าจะซึมซับได้เยอะขนาดนี้ ชุดซึมซับโครงสร้างใยตาข่าย มีความเหนียว ช่วยคงรูปได้ดี ไม่ยุ่ย ไม่ห่อตัว หมดกังวลเรื่องรั่วซึม นอกจากนี้ ยังมีแผ่นแบคชีทที่มีรูเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากว่าล้านจุด ที่ช่วยระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ก้นลูกน้อยจึงแห้งสบาย ไม่อับชื้น

                              นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเอาใจคุณแม่อีกด้วย นั่นคือแถบอินดิเคเตอร์ที่บอกระดับการซึมซับ เพื่อเตือนให้คุณแม่เปลี่ยนผ้าอ้อมได้ทันเวลา เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขอนามัยที่ดี ผ้าอ้อมเด็ก Sunny Baby Luxury Pants  มีให้เลือกทั้งหมด 6 ขนาดตั้งแต่ NB ถึง  XXL คุณแม่สามารถเลือกให้กับลูกน้อยได้หลายวัย ในราคาสบายกระเป๋า

                              ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป แบบกางเกง  Sunny Baby Luxury Pants  ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Disposable Pants Diaper จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                              สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ให้ ผ้าอ้อมเด็ก Sunny Baby Luxury Pants  สามารถหาซื้อได้ที่ Tops, The Mall, BigC, Shopee, Lazada, JD Central  หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ www.facebook.com/sunnybabythailand

                               

                               

                                น้ำยาล้างขวดนม

                                รีวิว น้ำยาล้างขวดนม ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า ล้างง่าย สะอาดจริง ไม่ทิ้งคราบนม

                                น้ำยาล้างขวดนม ไม่ใช่แค่ล้างขวดนม หรือจุกนมสะอาดเท่านั้น แต่ต้องไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกด้วย เหตุผลนี้จึงทำให้คุณแม่ยุคใหม่ใส่ใจกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษ โดยพิจารณาทั้งส่วนผสม กลิ่น สี ความเข้มข้น รวมถึงสารอันตรายที่อาจแฝงอยู่ในน้ำยาล้างขวดนม

                                การทำความสะอาดขวดนมและจุกนมแตกต่างจากภาชนะใส่อาหารชนิดอื่น เพราะแม้จะไม่มีคราบสกปรกมาก แต่คราบไขมันจากน้ำนมแม่และนมผงเกาะแน่น ล้างออกค่อนข้างยาก โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็กๆของคอขวดนม หรือรอยหยักของจุกนมเข้าถึงยาก อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของโรคภัยต่างๆได้  ดังนั้น น้ำยาล้างขวดนมคุณภาพดีควรขจัดคราบไขมัน และกลิ่นคาวนมได้สะอาดหมดจด ไม่ทิ้งคราบขาวตามขวดนม ขณะเดียวกันต้องมั่นใจได้ว่าปลอดภัย100 %

                                น้ำยาล้างขวดนม

                                เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้  ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า เป็น น้ำยาล้างขวดนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Baby Bottle Cleanser จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

                                ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้ศึกษาข้อมูลของ น้ำยาล้างขวดนม คุณภาพดีและตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่จริงๆ จนได้รู้จักผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็ก ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า  มาดูกันค่ะว่า น้ำยาล้างขวดนมสูตรนี้มีดียังไง?

                                น้ำยาล้างขวดนมสูตรนี้ของดีนี่ คิดค้นพิเศษเพื่อใช้กับขวดนมของเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ ทีมบก. ขอหยิบแบบขวดใหญ่ปริมาณสุทธิ 620 มล.เป็นไซส์ที่เหมาะสำหรับคุณแม่ลูกเบบี๋ซึ่งต้องล้างขวดนมบ่อยๆ หรือล้างครั้งมากๆ มารีวิวกันนะคะ

                                เริ่มจากดีไซน์ของขวดที่มีส่วนเว้าโค้งให้หยิบจับถนัดมือ ไม่หล่นง่ายแม้ใช้ขณะมือเปียก หัวปั๊มขนาดใหญ่ แข็งแรงและกดสะดวก บนฉลากผลิตภัณฑ์ระบุจุดเด่นและคุณสมบัติต่างๆให้เห็นชัดเจน ที่โดนใจทีม บก. คือเค้าใช้กลิ่นส้ม หอม สะอาด (Food Grade Flavor) แทนการใช้น้ำหอมสังเคราะห์ ใช้ส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่อ่อนโยน ปราศจากสารพาราเบน ซึ่งเป็นตัวการของอาการแพ้ในลูกน้อย ที่สำคัญ มีเครื่องหมาย HYPOALLERGENIC TESTED ที่แสดงว่ามีผลการทดสอบว่าไม่ทำให้แพ้และระคายเคืองจากสถาบันมาตรฐานสากล

                                และจุดเด่นอีกอย่างของ ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็ก ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า ไม่เพียงใส่ใจเรื่องสุขภาพลูกเท่านั้น แต่ยังห่วงใยมาถึงผิวของคุณแม่ นั่นคือการผสมสารสกัดออร์แกนิคอโลเวร่า ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปกป้องผิวมือของคุณแม่ ไม่กัดมือ หรือทำให้ผิวแห้งเมื่อต้องล้างขวดนมบ่อยๆ ทีมบก.ปลื้มเลยค่ะ

                                น้ำยาล้างขวดนม

                                เรามาลองดูที่ตัว น้ำยาล้างขวดนม กันบ้าง มีลักษณะเป็นน้ำใสๆคล้ายน้ำเปล่าไม่มีสี มีความข้นเล็กน้อยแต่ไม่เข้มข้นเกินไป ไม่เหลือคราบขาวเกาะที่ขวดนม หอม สะอาด ไร้กลิ่นคาวนม

                                น้ำยาล้างขวดนม

                                เมื่อลองผสมกับน้ำ ตัวน้ำยาล้างขวดนมสามารถผสมเข้ากันได้ดี มีฟองพอเหมาะ เพียงใช้ฟองน้ำถูกเบาๆ ก็สามารถล้างทำความสะอาดคราบไขมันจากนมได้ดี ล้างฟองออกง่าย นอกจากไม่เปลืองแรงคุณแม่แล้ว ยังช่วยถนอมอายุของขวดนมและจุกนมอีกด้วย ถ้าบ้านไหนใช้ขวดนมทำจากแก้ว ขอแนะนำเลยค่ะ เพราะช่วยลดรอยขีดข่วนที่เกิดจากการขัดถูแรงๆดีทีเดียว

                                ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็ก ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า มีให้เลือกใช้ทั้งแบบขวดปั๊ม และแบบถุงรีฟิล ซื้อมาเติมได้สะดวก แถมช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ซื้อตุนกันได้เลย เพราะใช้ทำความสะอาดได้ทั้งขวดนม ภาชนะใส่อาหาร จาน ช้อนของลูก รวมถึงทำความสะอาดของเล่น ยางกัดที่ลูกมักหยิบเข้าปากได้อีกด้วย

                                ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็ก ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า ได้รับ รางวัล Editor’s Choice  Best Baby Bottle Cleanser จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                                ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็ก ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค อโลเวร่า สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปค่ะ คุณแม่ที่สนใจผลิตภัณฑ์ดีนี่ ออร์แกนิค ฟอร์นิวบอร์น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่เฟสบุ๊ค http://www.dnee.co.th/index.php/th/products และ Line Official @Dnee Thailand นะคะ

                                  หัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็ก

                                  อ่วม WHO เผยโรคหัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกพุ่ง!!

                                  องค์การอนามัยโลกเผยยอดเด็กเสียชีวิตด้วยโรคหัด หัดเยอรมัน พุ่งกว่าสองแสนราย หัดเป็นโรคที่ติดต่อง่าย แต่ป้องกันง่าย ๆได้ด้วยวัคซีน ฉีดเมื่อไหร่อย่างไรมาดูกัน

                                  อ่วม..WHO เผยโรคหัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกพุ่ง!!

                                  เมื่อลมหนาวมาเยือน บอกถึงการมาของฤดูหนาว สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลกับการมาของลมหนาว คือ โรคระบาดต่าง ๆ ที่มากับหน้าหนาวโดยเฉพาะโรคหัด หัดเยอรมัน ที่แม้ว่าจะเป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี แต่มักจะพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว ถึงต้นฤดูร้อน (ประมาณเดือน กุมภาพันธ์ ถึงสิงหาคม) โรคหัด เป็นโรคที่ทั่วโลกให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสถิติที่ได้จากข้อมูลการรายงานจากองค์การอนามัยโลก WHO และ ศูนย์ควบคุมโลก CDC ของสหรัฐอเมริกา (2563) พบว่า โรคหัด (Measles) ได้คร่าชีวิตเด็ก ๆ ทั่วโลกประมาณ 207,500 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโรคหัดทั่วโลกจำนวนสูงสุดในรอบ 23 ปีที่ 869,770 รายในปีที่ผ่านมา

                                  หัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็กทั่วโลก
                                  หัด หัดเยอรมัน คร่าชีวิตเด็กทั่วโลก

                                  เฮนเรียลตา ฟอร์ ผู้อำนวยการบริหารของกองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติ UNICEF ระบุในแถลงการณ์ว่า ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 นั้น โลกกำลังเผชิญวิกฤตโรคหัด หัดเยอรมัน และโรคดังกล่าวก็ยังไม่ได้หายไป อันเนื่องมาจากประเทศต่าง ๆ ประสบความล้มเหลวในการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคหัดที่มีประสิทธิภาพ และยิ่งมีการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ส่งผลกระทบต่อความพยายามในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้กับประชาชน

                                  โดยประชาชนมากกว่า 94 ล้านคนมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัดใน 26 ประเทศซึ่งได้ระงับการรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด แม้ว่าการระบาดในประเทศนั้น ๆ ยังคงมีจำนวนมากก็ตาม ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการเสียชีวิตจากโรคหัดในปี 2562 เพิ่มขึ้น 50% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2559 ขณะที่มีผู้ติดเชื้อหัดเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก

                                  วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมันนั้น…สำคัญไฉน??

                                  โรคหัด และหัดเยอรมัน เป็นโรคที่ป้องกันได้ แต่จะให้มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในการป้องกันโรคนั้น เด็ก 95% ต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง และครบโดส มาดูกันว่าการฉีดวัคซีนป้องกันนั้นควรฉีดเมื่ออายุเท่าไหร่ และต้องฉีดเท่าไหร่จึงจะนับว่าครบโดส

                                  วัคซีนป้องกันโรคหัด

                                  โดยปกติวัคซีนป้องกันโรคหัดเป็นวัคซีนตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขที่ ต้องฉีดให้เด็กทุกคนที่อายุระหว่าง 9 ถึง 12 เดือน ฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถป้องกันโรคหัดได้ตลอดไป และให้ฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กอายุ 4 ถึง 6 ปี วัคซีนป้องกันโรคหัดมีทั้งชนิดเดี่ยว และชนิดที่รวมกับวัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมันและโรคคางทูม (MMR) ในเข็มเดียวกัน การขอรับการฉีดวัคซีนดังกล่าวในประเทศไทย สามารถขอได้ที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลทั่วไป

                                  วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน
                                  วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน

                                  วัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน

                                  โรคหัดเยอรมันสามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงในการคลุกคลีกับผู้ป่วย ซึ่งเสี่ยงต่อการรับเชื้อมาได้โดยง่าย และควรมีการฉีดวัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์ (MMR) ตามเกณฑ์ที่กำหนด

                                  ตามแผนกระทรวงสาธารณสุขจะมีการฉีดวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์ทั้งหมด 2 เข็ม โดยเริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อเด็กมีอายุระหว่าง 9-12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กอายุ 2½ ปี แต่ในบางรายที่มีเงื่อนไขพิเศษ เช่น เดินทางไปต่างประเทศ อยู่ในพื้นที่มีการระบาดของโรค หรือสัมผัสกับโรค แพทย์อาจมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้นภายในช่วง 6 เดือนแรก และฉีดเข็มที่ 2 ภายในอายุ 2½ ปี แต่ควรมีระยะเวลาห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 เดือน

                                  ผู้หญิงที่วางแผนจะมีบุตรควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันอย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ แต่หากไม่ได้รับวัคซีนก่อนการตั้งครรภ์ควรมีการฉีดทดแทนหลังคลอด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไป และเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดกับทารกขณะอยู่ในครรภ์ สำหรับหญิงที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจเลือด หรือระบบภูมิคุ้มกันโรคตามนัดฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้

                                  แม้ว่าวัคซีนจะเป็นการป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บุคคลบางกลุ่มควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายขึ้นได้ เช่น ผู้ที่มีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มนีโอมัยซิน (Neomycin) แพ้เจลาติน (Gelatin) ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติของเลือด หรืออยู่ในช่วงการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

                                  นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนบางราย เช่น อาการบวมแดงหรือระบมบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ปวดตามข้อ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง และอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน

                                  เลี่ยงได้เลี่ยง…มาทำความรู้จักกับโรคร้ายกัน

                                  โรคหัด (Measles หรือ Rubeola) เกิด จากเชื้อไวรัสรูบิโอลา (rubeola virus) พบมากในน้ำลายของผู้เป็นโรคหัด ติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วมาก โดยการไอ จาม หายใจรดกัน หรือใช้สิ่งของร่วมกัน โรคหัดเกิดได้กับทุกอายุ และพบบ่อยในเด็กที่อายุระหว่าง 2 ถึง 14 ปี แต่ไม่ค่อยพบในทารกที่อายุน้อยกว่า 6 ถึง 8 เดือนเนื่องจากทารกเหล่านี้มีภูมิต้านทานที่ได้รับจากแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

                                  ผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาด ของโรค นอกจากนี้ผู้ที่อาศัยอยู่รวมกันหนาแน่น หรือในศูนย์อพยพ วัด โรงเรียน ฯลฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรคหัดได้

                                  ผื่นแดง อาการโรคหัด
                                  ผื่นแดง อาการโรคหัด

                                  อาการของโรคหัด

                                  เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรคหัดเข้าไปประมาณ 7 วันจึงจะเริ่มมีอาการ ช่วงแรกอาการคล้ายไข้หวัด และมีไข้สูงตลอดเวลา รับประทานยาลดไข้แล้วไข้ก็ไม่ลด อ่อนเพลีย ซึมลงหรือกระสับกระส่าย ร้องกวน เบื่ออาหาร น้ำมูกใส ไอแห้ง น้ำตาไหล ไม่สู้แสง หนังตาบวม บางรายอาจถ่ายเหลวบ่อยเหมือนท้องเดิน หรืออาจชักจากไข้ ต่อมาผื่นจะขึ้นเริ่ม ลักษณะเฉพาะของโรคหัดคือมีไข้สูง 3 ถึง 4 วันแล้วจึงเริ่มมีผื่นขึ้น ลักษณะผื่นเป็นจุดแดงเล็กๆ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด โดยเริ่มเห็นผื่นขึ้นที่บริเวณตีนผมและซอกคอก่อนเป็นอันดับแรก แล้วลามไปตามใบหน้า ลำตัวและแขนขา ผิวหนังโดยรอบอาจเป็นสีแดงระเรื่อ บางครั้งอาจมีอาการคันเล็กน้อย ผื่นจะไม่จางหายไปทันทีแต่จะใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 วันนับจากวันแรกที่ผื่นเริ่มขึ้น หลังจากผื่นจางลง มักเปลี่ยนเป็นสีคล้ำในช่วงแรก โรคหัดส่วนใหญ่หายได้เองและเกิดโรคแทรกซ้อนน้อย

                                  โรคแทรกซ้อน

                                  มักพบในเด็กขาดสารอาหาร ร่างกายอ่อนแอ โรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยคือ โรคปอดอักเสบ และโรคอุจจาระร่วง ซึ่งมักพบหลังผื่นขึ้น หรือเมื่อไข้เริ่มทุเลาแล้ว โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้คือ โรคสมองอักเสบ นอกจากนี้ขณะที่เป็นโรคหัด ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะลดลงทำให้มีโอกาสเป็นวัณโรคปอดได้ง่ายขึ้น

                                  โรคหัดเยอรมัน (Rubella) เกิดจากเชื้อไวรัสรูเบลล่า (Rubella) มักพบการระบาดในโรงเรียน โรงงาน สถานที่ ทำงาน และระบาดบ่อยช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน เชื้ออยู่ในน้ำมูก น้ำลาย ติดต่อกันได้โดยการไอ จาม หรือสัมผัสน้ำมูกน้ำลายที่มีเชื้อหัดเยอรมันอยู่ เชื้อนี้มีชีวิตอยู่ในร่างกายคนได้ถึง 1 ปี เมื่อติดเชื้อแล้วจะยังไม่เกิดอาการทันที ใช้เวลาประมาณ 14 ถึง 21 วันจึงเริ่มเกิดอาการ อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนมากมักไม่มีอาการใดๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เอง แต่ถ้าสตรีมีครรภ์ติดเชื้อโรคหัดเยอรมันในช่วงอายุครรภ์ 3 ถึง 4 เดือนแรก จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทารกในครรภ์ ทำให้เด็กที่เกิดมาพิการ เช่น สมองฝ่อ หูหนวก ต้อกระจกตา โรคหัวใจ คนที่เคยเป็นโรคหัดเยอรมันแล้วจะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้ไปตลอดชีวิต

                                  หัดเยอรมันมีความคล้ายคลึงกับโรคหัด โดยมักมีอาการออกผื่น ไข้ขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโตเหมือนกัน แต่เป็นการติดเชื้อไวรัสคนละชนิดและมีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า ทั้งนี้ ในประเทศไทยอาจมีชื่อเรียกอื่นว่า โรคเหือด หรือโรคหัด 3 วัน

                                  ไอ จาม มีน้ำมูก การแพร่เชื้อ หัดเยอรมัน
                                  ไอ จาม มีน้ำมูก การแพร่เชื้อ หัดเยอรมัน

                                  อาการของโรคหัดเยอรมัน

                                  อาการที่สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงแรกค่อนข้างมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-2 วัน ผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการดังนี้

                                  • มีไข้ต่ำถึงปานกลาง (ประมาณ 37.2-37.8 องศาเซลเซียส)
                                  • ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ ท้ายทอย และหลังหู
                                  • มีตุ่มนูน ผื่นแดงหรือสีชมพูขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะลามลงมาตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ เช่น แขน ขา และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3 วัน โดยผื่นมักมีลักษณะอยู่กระจายตัว ไม่กระจุกตัวเป็นกลุ่ม และเมื่อผื่นหายมักไม่ค่อยทิ้งรอยแผลจากผื่นทิ้งไว้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคันตามผิวหนังร่วมด้วย

                                  อาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ทั่วไป และมักเกิดขึ้นกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ เช่น

                                  • ปวดศีรษะ
                                  • ไม่อยากอาหาร
                                  • เยื่อบุตาอักเสบจนทำให้ตาแดง
                                  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
                                  • ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายมีอาการบวม
                                  • ปวดข้อ และข้อต่อบวม

                                  อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรืออาจไม่มีอาการของโรคได้เช่นกัน อาการของโรคที่เกิดในเด็กจะร้ายแรงน้อยกว่าเมื่อเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค ทั้งนี้อาการของโรคจะคงอยู่ไม่นานประมาณ 2-3 วัน ยกเว้นในกรณีที่ต่อมน้ำเหลืองมีอาการบวมอาจเป็นอยู่นานหลายสัปดาห์ ดังนั้น หากพบอาการคล้ายกับที่กล่าวมาข้างต้นควรรีบไปพบแพทย์ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่อาจส่งผ่านเชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้

                                  โรคแทรกซ้อน

                                  ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อนขณะติดเชื้อโรคหัดเยอรมัน โรคแทรกซ้อนที่พบได้คือ สมองอักเสบ ข้อนิ้วมื้อนิ้วเท้าอักเสบ ผู้หญิงที่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกที่เกิดมามีความพิการได้

                                  วัคซีนป้องกัน หัดเยอรมัน ลดสถิติเสียงชีวิตเด็ก
                                  วัคซีนป้องกัน หัดเยอรมัน ลดสถิติเสียงชีวิตเด็ก

                                  การประกาศรายงานสถิติยอดเสียชีวิต และติดเชื้อของผู้ป่วยโรคหัด หัดเยอรมันของทางองค์การอนามัยโลก หรือWHO นั้นเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ทั่วโลกเฝ้าระวัง ตื่นตัว และหันมาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะความจริงแล้วการป้องกันโรคหัด หัดเยอรมันเป็นวิธีที่ง่าย และได้ผลลัพธ์ที่ดี เพียงแค่ให้เด็กได้รับวัคซีนป้องกัน ก็จะมีผลคุ้มครองไปตลอดยังชั่วชีวิตของเขา ดังนั้นการที่ให้ทั่วโลกตระหนัก และช่วยกันหยุดยั้งสถิติการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลกจึงเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันให้ความร่วมมือ โดยพ่อแม่สามารถทำได้ด้วยการไม่ละเลยในการพาบุตรหลานไปรับวัคซีนตามเกณฑ์ที่มีแจ้งในสมุดบันทึกสุขภาพของลูกน้อย เพียงเท่านี้เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหยุดยั้งสถิติโลกที่พุ่งนี้ให้ลดลงจนอาจกลายเป็นศูนย์เข้าสักวันก็เป็นได้

                                  ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก pobpad/today.line.me /สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

                                  อ่านบทความดี ๆ ต่อคลิก

                                  โรคหัดเยอรมัน อันตราย ที่คนท้องต้องระวัง ควรฉีดวัคซีนก่อนท้องนานแค่ไหน

                                  “ฝึกลูกนอนคว่ำ” อันตราย! เสี่ยงขาดอากาศหายใจ

                                  9 วัคซีนสำหรับผู้หญิง ที่จำเป็นต้องฉีด!

                                  ไวรัส RSV ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ อันตรายรุนแรงได้คล้ายอาการ RSV ในเด็ก

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ วิธีสอนลูกตั้งแต่ยังเล็กให้เป็นเด็กรักษาของ ให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนตัว ดูแลของเล่น

                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ ดูแลของเล่นชิ้นโปรด รักษาสมบัติส่วนตัว

                                    อยากให้ลูกโตไปมีระเบียบ รักษาของส่วนตัวไม่ให้หาย พ่อแม่เริ่มได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ ดูแลของให้ดี ไม่วางทิ้งขว้าง

                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ โตไปรู้คุณค่าการเก็บรักษาสมบัติส่วนตัว

                                    เรื่องระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่พ่อแม่ค่อย ๆ สอนลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก นอกจากจะช่วยให้เจ้าตัวน้อยสามารถดูแลข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้แล้ว การวางของเป็นที่เป็นทาง รู้จักรักษาสมบัติส่วนตัว ยังช่วยให้ของไม่หาย โดยเฉพาะเวลาที่ลูกต้องเข้าโรงเรียน

                                    ฝึกลูกให้มีระเบียบวินัย สู่การเป็นคนรักษาข้าวของในอนาคต

                                    อย่างแรกที่พ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกเคยชินได้ คือการบ่มเพาะเรื่องระเบียบวินัยตั้งแต่ยังเล็กดังนี้

                                    • พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี การเป็นตัวอย่างที่ดีย่อมทำให้ลูกเห็นต้นแบบที่ดี นำสู่การมีระเบียบวินัย ทั้งยังสามารถสอนลูกในเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ด้วย เช่น เมื่ออ่านหนังสือเสร็จแล้ว คุณพ่อเก็บหนังสือในชั้นวางหนังสือ แบ่งตามหมวดหมู่อย่างชัดเจน พร้อมสอนลูกว่า ควรเก็บหนังสือไว้เป็นที่เป็นทาง หากต้องการอ่านหนังสือเล่มเดิมจะได้หาเจอ หรือคุณแม่เก็บของเล่นลูกในกล่องเดิมทุกวันหลังเล่นเสร็จ แล้วนำไปวางที่ชั้นวางของ พร้อมกับสอนลูกทุกวันตั้งแต่ยังเล็กว่า เวลาเล่นของเล่นเสร็จแล้ว ต้องเก็บให้เป็นที่เป็นทาง จะได้เป็นระเบียบ ของเล่นชิ้นโปรดก็จะไม่หายไปไหน
                                    • ทำซ้ำ ๆ เป็นประจำ สม่ำเสมอ คนเราจะจดจำได้ก็ต่อเมื่อทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ เป็นประจำ เรื่องระเบียบวินัยก็เป็นสิ่งสำคัญในการปลูกฝัง ไม่ใช่แค่สอนเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่พ่อแม่ต้องปฏิบัติให้ลูกเห็นอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกเช้าตื่นนอนให้เก็บที่นอนก่อนทำอย่างอื่น เก็บทุกวันเป็นประจำ ตอนยังเล็กพ่อแม่อาจจะช่วยเก็บ แล้วค่อย ๆ ปล่อยให้ลูกทำเอง โดยคุณแม่อาจเริ่มไปพร้อม ๆ กับลูกในตอนอายุ 5 ขวบ เมื่อลูกคุ้นเคย พอจะหยิบจับได้เองก็ลดความช่วยเหลือลงและให้ลูกฝึกเก็บที่นอนด้วยตัวเอง
                                    • สอนลูกไม่ใช่สั่ง หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญเพื่อฝึกให้ลูกริเริ่มทำสิ่งใหม่คือการชักจูงใจ ชวนลูกทำไปด้วยกัน ไม่ใช่การออกคำสั่ง ถ้าลูกเริ่มต้นด้วยทัศนคติที่ไม่ดีแล้วจะยากที่จะปลูกฝังให้ลูกทำสิ่งนั้น ค่อย ๆ ทำไปด้วยกัน ให้เด็กรู้สึกสนุก คุ้นเคย จนทำเป็นกิจวัตร ทั้งยังต้องบอกเหตุผลด้วยว่า ทำสิ่งนั้นไปทำไม เช่น ชวนลูกเช็ดโต๊ะก็บอกกับลูกว่า เพราะโต๊ะมีฝุ่นมาเกาะ สกปรกต้องเช็ดเป็นประจำ เมื่อสะอาดลูกก็จะได้ไม่จาม ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ
                                    • ชมเชยและลงโทษ เมื่อลูกทำดีหรือพยายามทำให้ดี ควรจะชื่นชมในความตั้งใจของลูก แม้ในช่วงแรก ๆ อาจทำได้ไม่ดี เช่น เช็ดโต๊ะยังไม่สะอาดก็ไม่ต้องดุว่า แค่บอกลูกและทำให้ดูว่า น้ำตรงนี้ยังมีอยู่เลยนะคะ ช่วยคุณแม่เช็ดน้ำให้หมดหน่อยนะคะลูก พอลูกช่วยทำเสร็จก็ชื่นชมและขอบคุณที่ช่วยเหลือแม่ในการทำงานบ้าน เด็กจะรู้สึกมีกำลังใจ แม้จะทำผิดก็จะรู้ว่าทำแบบไหนถึงจะถูกต้อง ส่วนการลงโทษนั้นไม่ควรดุด่าว่ากล่าวหากลูกไม่ทำ หรือไม่มีระเบียบวินัย อาจเลือกใช้วิธีลงโทษลูกที่ไม่รุนแรง เช่น ถ้าลูกยังไม่เก็บที่นอน แม่จะไม่ให้ดูการ์ตูนเรื่องโปรดนะวันนี้ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ว่าควรทำอะไรและสิ่งไหนเป็นเรื่องสำคัญ
                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ วิธีสอนลูกตั้งแต่ยังเล็กให้เป็นเด็กรักษาของ ให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนตัว ดูแลของเล่น
                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ

                                    ฝึกลูกให้เป็นคนรักษาของ

                                    ปัญหาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มักจะปวดหัว เมื่อลูกเริ่มไปโรงเรียนแล้วนั่นก็คือ ของหายทุกวัน ดินสอหาย ยางลบไม่อยู่ ของที่พกไปตอนเช้ากลับมาไม่ครบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากมีการฝึกการรักษาของและเก็บของให้เป็นระเบียบตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยลดปัญหาน่าหนักใจไปได้เยอะ แต่อย่าเพิ่งท้อใจ ถึงแม้ลูกเข้าโรงเรียนแล้ว ก็ยังสามารถปรับแก้พฤติกรรมให้เด็กรักษาสมบัติส่วนตัว ดูแลของตัวเองได้เช่นกัน เพียงแต่ในเด็กที่โตแล้วอาจต้องใช้เวลา ความอดทน ค่อย ๆ ฝึกฝนกันไป

                                    พญ.วรรณพักตร์ วิวัฒนวงศา จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่น โรงพยาบาลเวชธานี แนะนำว่า เด็กในวัยอนุบาลหรือเด็กเล็ก ๆ ความคิดของเด็กยังคงห่วงเล่น สนุกกับเพื่อนจนลืมเวลา ลืมของใช้ส่วนตัวว่าไปเก็บไว้ไหน สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องมีหน้าที่ในการฝึกความรับผิดชอบของเจ้าตัวน้อย โดยเฉพาะวัย 3-5 ปี

                                    3 อย่า เคล็ดลับฝึกให้ลูกรักษาของ ทำได้ดังนี้

                                    1. อย่าพกของไม่จำเป็นไปโรงเรียน คุณแม่ควรนำสิ่งของเครื่องใช้ให้ลูกไปโรงเรียนเท่าที่จำเป็น เด็กจะได้จำได้ง่าย ๆ ว่าพกอะไรไปโรงเรียนบ้าง พร้อมทั้งสอนลูกจัดของให้เป็นระเบียบ แม่อาจจะสอนว่า เวลาลูกเก็บของกลับบ้านต้องตรวจเช็คอะไรบ้าง เก็บไว้ตรงไหนดี เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้
                                    2. อย่าปล่อยของไว้ระเกะระกะ ของเล่นถ้าเล่นเสร็จต้องเก็บทันที ถ้าอยู่บ้านให้หมั่นฝึกเก็บของเล่น หากลูกอยู่ในวัยเข้าเรียนแล้ว ก็ค่อย ๆ สอนเรื่องการเก็บของเล่นให้เป็นที่ เริ่มแรกอาจช่วยลูกเก็บไปก่อน แต่พอลูกเริ่มโตขึ้น หยิบจับของเก่งขึ้นก็ค่อย ๆ ปล่อยให้ลูกเก็บของเล่นด้วยตัวเอง
                                    3. อย่าซื้อของใหม่ให้ทันที หากลูกมีนิสัยหลงลืม ทำของหายที่โรงเรียนเป็นประจำ แม้ว่าจะโตขึ้นแล้ว ก็ควรฝึกความรับผิดชอบในการดูแลสมบัติของลูก ด้วยการหักเงินค่าขนมเพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกเคยชินว่า ทำของหาย ก็ไม่เห็นเป็นอะไร วิธีนี้จะช่วยให้เด็กรู้สึกหวงแหนและดูแลสิ่งที่เป็นของตัวเอง

                                    ก่อนลูกไปโรงเรียนทุกวัน ควรคุยกับลูกว่า นำอุปกรณ์เครื่องเขียนอะไรไปโรงเรียนบ้าง อาจเก็บกระเป๋าในตอนกลางคืนพร้อมกันกับลูกแล้วบอกด้วยว่าเอาอะไรไว้ตรงไหน เช่น ในกล่องดินสอ คุณแม่ใส่ดินสอ ใส่ยางลบ ใส่ไม้บรรทัด เก็บไว้แบบนี้นะคะ เพื่อฝึกให้ลูกสังเกตว่า ของที่นำไปโรงเรียนมีอะไรบ้าง แม่เก็บไว้ที่ไหน เมื่อลูกกลับบ้าน ก็มาตรวจดูว่า ของที่นำไปโรงเรียนนั้นลูกเอากลับมาครบหรือไม่ เพื่อฝึกให้ลูกตรวจสอบความเรียบร้อยทุกครั้ง ในกรณีที่ลูกเอาของกลับมาไม่ครบ ให้พูดคุยกับคุณครูเพื่อถามหาของสิ่งนั้น แต่หากลูกหยิบของเพื่อนกลับบ้านก็บอกให้ลูกนำไปคืนเพื่อนที่โรงเรียนในวันถัดไป สอนลูกไปด้วยได้ว่า สิ่งที่เป็นของคนอื่นก็ควรนำกลับไปคืน เพราะเวลาของเราหายเราก็อยากได้คืนเช่นกัน

                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ
                                    สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ

                                    ลูกทำของหายบ่อย ๆ พ่อแม่ต้องใส่ใจ

                                    การทำของหายในโรงเรียน ของกลับมาไม่ครบ ถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำ ต้องคอยสังเกตและหมั่นสอบถามลูกว่า ทำไมเก็บของมาไม่ครบ พร้อมสังเกตอาการของลูกด้วยว่า มีปัญหาอะไรที่โรงเรียนหรือไม่ เช่น โดนเพื่อนแกล้ง หรือถูกเพื่อนขโมยไป ถ้าหายบ่อยจนผิดสังเกต ร่วมกับลูกมีพฤติกรรมที่ไม่กล้าบอกบางอย่าง คุณพ่อคุณแม่อาจสอบถามคุณครูโดยตรงให้ช่วยกันเฝ้าสังเกตและหาวิธีป้องกัน

                                    หากลูกไม่รักษาของ ของหายเป็นประจำ แม้จะแก้ไขพฤติกรรมหรือสอนลูกแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะเด็กอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ต้องระวัง อาทิ สมาธิสั้นหรือสมองบกพร่อง เมื่อพบพฤติกรรมที่ผิดสังเกต อย่ารีรอที่จะพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียดต่อไป

                                    อ้างอิงข้อมูล : thaihealth และ mgronline.com

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                                    13 ทักษะที่ลูกควรมีก่อนเข้า โรงเรียนอนุบาล

                                    ลูกถนัดซ้าย เปลี่ยนได้ไหม หรือปล่อยให้ลูกใช้เหมือนเดิม

                                    ของเล่น เสริมIQ EQลูกน้อย..ใครว่าอัจฉริยะสร้างไม่ได้!