พาลูกท่องเที่ยว

6 ข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ พาลูกท่องเที่ยว โดย พ่อเอก

Alternative Textaccount_circle
event
พาลูกท่องเที่ยว
พาลูกท่องเที่ยว

ผมเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นชาวจีนโพ้นทะเล ที่หนีภัยสงครามและความยากจนจากจีนแผ่นดินใหญ่มาเป็นกรรมกรแบกข้าวสารแถวบุคคโล ด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างอัตคัด ผมเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหน ทำให้ผมมีความฝันตั้งแต่ยังไม่มีแฟนว่า ถ้ามีลูกผมจะ พาลูกท่องเที่ยว ให้มากที่สุด เท่าที่ผมมีกำลัง เพราะนั่นคือ สินทรัพย์ที่ผมจะมีไว้ติดตัวเขาไปได้

เราพาปูนปั้นและปั้นแป้งไปเที่ยวทะเลครั้งแรกตั้งแต่อายุไม่ถึง 3 เดือน ทั้งๆ ที่มีแต่คนเตือนว่ายังเด็กไปเดี๋ยวเป็นโน่นนี่นั่น ตอนนี้ปูนปั้นกับปั้นแป้งผ่านทริปสั้นยาว ทั้งในและต่างประเทศเกินร้อยทริป เราหิ้วพี่ปูนปั้นเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ 3 คน พ่อแม่ลูกไปรัสเซียกันตั้งแต่เขาขวบครึ่ง เสียงคนรอบข้างบอกอย่าไปเลย พูดภาษาเขาก็ไม่ได้ เขาก็พูดอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ แต่เราก็ไปและกลับมาเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คขายได้ 1 เล่ม เป็นความทรงจำอันงดงาม ปั้นแป้งเองไปเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ต่างประเทศครั้งแรกก็ในวัย 2 ขวบกว่า

ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ได้อ่านเจอมาว่าการเดินทางทำให้ลูกได้เรียนรู้ จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ลูกแต่ตัวเราเองด้วย ทุกการเดินทางเด็กได้เรียนรู้ ได้ปรับตัว ได้รู้จักการวางแผน และอะไรอีกมากมาย แต่ถ้าจะให้ดี เราตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละทริปก็สนุกและได้ประโยชน์ไม่น้อย

6 ข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ พาลูกท่องเที่ยว

1. เรียนรู้กีฬาและการละเล่นของเด็กชายไทย

ตอนปูนปั้นประมาณ 4 ขวบ เราพาปูนปั้นและปั้นแป้งไป เที่ยวงาน Thailand International Kites Festival ที่ชะอำ เพื่อให้ลูกได้เห็นว่าวใหญ่ๆ แปลกตา การแข่งขันของจุฬากับปักเป้า เพื่อให้เขารักการละเล่นกลางแจ้งมากกว่าที่จะมานั่งหน้าจอ ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มลูกที่เอาว่าวตัวเองขึ้นฟ้ามันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามทีเดียว

แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาจากทริปนั้น คือ ในตอนหัวค่ำเราขับออกมาจากโรงแรมเพื่อกลับไปดูว่าวยักษ์สารพัดรูปแบบขึ้นสู่ท้องฟ้า และรอชมคอนเสิร์ตที่หาดชะอำอีกครั้ง ความต่างจากการเที่ยวทะเลก่อนหน้านี้นับสิบครั้งก็คือ ปูนปั้นเดินย่ำลงไปเล่นทราย ให้คลื่นซัด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ตอนนั้นผมเริ่มลุ้นว่า เดี๋ยวพอชุดเปียก จะขอกลับโรงแรม ไม่ยอมรอดูคอนเสิร์ตมั้ย เพราะตั้งแต่เด็กเสื้อผ้าเปียกชื้นนิดหน่อยก็ขอเปลี่ยน ผมมองลูกกอบทรายใส่มือไปโยนเล่นในทะเล ทำหลายรอบ วิ่งไปมาดูสนุกสนาน แล้วจู่ๆ ปูนปั้นก็นั่งลงแช่น้ำ นั่งแช่สักพัก ก็นอนลงไปแช่ในน้ำทะเลซะงั้น

ผมแปลกใจขนาดต้องแอบถ่ายรูปแล้วส่งเข้า line หม่ามี้ (ที่นั่งฟังเพลงกับปั้นแป้งที่หน้าเวที) หม่ามี้บอกว่า ‘มองจากหน้าเวทีมาที่ชายหาดยังนึกในใจ – เด็กที่วิ่งในน้ำนั่นลูกฉันจริงๆ หรือนี่’ ปูนปั้น ไม่ชอบอะไรที่เฉอะแฉะซึ่งเจ้าระบบ sensory (ประสาทสัมผัส) มันมีความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพบางอย่าง ตอนนี้ปูนปั้นข้ามผ่านมันมาได้แล้ว

2. เรียนรู้วิถีชาวนา กินง่ายอยู่ง่าย การช่วยเหลือตัวเอง

เราพาไปที่ เบิกบานบุรี เพื่อไปปลูกข้าว เราเคยพาไปปลูกข้าวมาหลายที่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะไปนอนค้างข้างที่นาที่จะปลูกข้าว ที่นั่นไม่มีจอทีวีให้ดู ห้องนอนไม่มีแอร์แต่เย็นสบาย เราบอกลูกก่อนไปว่า ทริปนี้ต้องล้างจานเอง ทำอาหารเอง หรือบางทริปก็ไปเพื่อเรียนรู้วิถีธรรมะ การอยู่กับตัวเอง โดยมีครอบครัวเด็กวัยเดียวกันหลายๆ ครอบครัวมาอยู่ช่วงปิดเทอม เด็กๆ ก็จะต้องช่วยวางแผนทำอาหาร จ่ายกับข้าว และ กลับมาทำกับข้าวหาอาหารกินกันเอง ซึ่งการกลับมาจากทริป ลูกก็กลับมาทำสิ่งเหล่านั้นที่บ้านด้วย

บทความแนะนำ พาลูกเที่ยว ฟาร์ม 5 ห้องเรียนธรรมชาติของเจ้าตัวเล็ก เข้าชมฟรี!!

3. เรียนรู้ความอดทน เอาชนะใจตัวเอง

เราเคยเล่าเรื่องเดินป่า ชมธรรมชาติ ซึ่งทริปเหล่านี้นอกจากสนุก เราบอกเขาไว้ว่ามันจะเหนื่อยแต่สนุก ลูกต้องรู้จักการมองหาความงามข้างทาง และประโยคที่เราสอนลูกเสมอเวลาไปเที่ยวธรรมชาติคือ อยากเห็นความงามหนูต้องเดินทางออกไปหาเอง

รักสัตว์

4. รักสัตว์ รักธรรมชาติ

หลายๆ ครั้งที่เราพาไปสวนสัตว์เราตั้งเป้าไว้ว่าจะไม่แค่ไปเดินชม เขาจะต้องได้สัมผัส เขาจะได้เรียนรู้ว่าสัตว์ไหน เข้าใกล้ได้ ไม่ได้ ธรรมชาติแตกต่างอย่างไร และเราได้เห็นธรรมชาติของปูนปั้นที่ชอบสัตว์ทุกชนิดในโลกมีโอกาสเขาจะขอสัมผัส ทั้ง เสือ สิงโต ช้าง จระเข้ พี่ปูนปั้นจับมาหมดแล้ว ต่างกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ค่อยๆ ปรับตัว จนตอนนี้ได้เห็นเธอเข้าไปแตะสัตว์บางตัวด้วยความตื่นเต้นและก็กลับมาโม้ด้วยความภูมิใจ

5. ทดลองความกล้า และเรียนรู้ความปลอดภัยในการเล่น

ครั้งที่เราพาไปสวนน้ำที่ ภูเก็ต จะมีเครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้นอยู่มาก ในตอนนั้นปูนปั้นเพิ่งโตในระดับที่พิ่งผ่านเส้นความสูงต่ำสุดที่สามารถเล่นได้ในหลายๆ อย่าง นั่นแปลว่าเขาจะต้องเอาชนะความกลัวในจิตใจ และต้องเรียนรู้ว่าอะไรปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งทริปนั้นลูกทำให้เราแปลกใจ เพราะเล่นในหลายๆ เครื่องเล่นที่ผู้ใหญ่ยังไม่กล้า นั่นก็ทำให้เขามีโอกาสได้ทดลองอะไรสนุกๆ มากขึ้นในทริปต่อๆ มา

6. วัฒนธรรมที่แตกต่างและรู้จักสื่อสารช่วยเหลือตัวเอง

ทริปต่างประเทศนอกจากจะได้เห็นความแตกต่างกับประเทศไทยด้านเทคโนโลยีแล้ว เรามักให้เขารู้จักวัฒนธรรมความเป็นอยู่ต่างๆ ที่แตกต่างกัน เราจะทำการบ้าน เล่าให้ลูกฟังก่อนไป และเมื่อไปถึงเราจะชี้ให้เขาเห็นหรือถามเขาว่าเห็นอะไรมั้ย การเรียนรู้เหล่านี้มีประโยชน์ในการเติบโตในสังคมที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นเรามักจะตั้งโจทย์ให้ว่า ทริปนี้หนูต้องสั่งอาหารเอง ทริปนี้หนูต้องไปซื้อของเอง เป็นต้น เขาจะได้หัดใช้ภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมจริง เป็นการเอาชนะความกลัวในใจตัวเอง

ที่เล่ามาเป็นแค่ตัวอย่างเพราะเราตั้งเป้าหมายกับทุกทริปว่าลูกจะได้เรียนรู้อะไร เรารู้ว่าการเดินทางทำให้ลูกได้เรียนรู้ แต่เราต้องเปิดช่องให้เขาเรียนรู้ด้วย หากไปเที่ยวแต่ให้ทุกอย่างสบายเหมือนอยู่บ้าน หรือ สบายกว่าอยู่บ้าน เช่น นอนโรงแรม ว่ายสระน้ำ กินภัตตาคาร  กลับมาดูโชว์ การท่องเที่ยวแบบนั้นก็ได้ประโยชน์แต่เสียดายโอกาสที่จะเรียนรู้ อย่าให้การท่องเที่ยวเป็นแค่ การเปลี่ยนที่นอน และเปลี่ยววิวเลย … อ่านจบแล้วเก็บกระเป๋ากันเลยฮะ


>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

บทความน่าสนใจอื่นๆ

เลี้ยงลูกให้มีความสุข รอยยิ้มลูก คือกระจกส่องเรา

แชร์เทคนิค”สอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ”ตั้งแต่เด็ก

“ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ”

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up