Page 178 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 2563

1 พ.ค. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 2563 พร้อมคำแนะนำเรื่องรับวัคซีนช่วงโควิดระบาด

7 กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะแม่ท้องและเด็กเล็ก เตรียมตัว!! ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 2563 เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและลดการเสียชีวิต ขอรับบริการได้ที่สถานบริการของรัฐ-เอกชนใกล้บ้าน

1 พ.ค. นี้ รีบไป ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 2563

สำหรับเรื่องการเข้ารับ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2020 ฟรี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า … โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดความสับสนในการวินิจฉัยและการดูแลรักษา

ทางกรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงมีการรณรงค์เร่งให้ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี 2563 เร็วขึ้นจากเดิมที่เคยให้ไป ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี กันในเดือนมิ.ย. เปลี่ยนมาเป็น เดือน พ.ค. แทน .. นั่นก็เพื่อจะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์ และป้องกันอาการรุนแรงและลดการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่

Must read >> โรคไข้หวัดใหญ่ ระบาดหนัก 3 เดือนแรก พบเด็กแรกเกิด-4 ปี ป่วยมากสุด!

ทั้งนี้สถานการณ์ โรคไข้หวัดใหญ่ ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 13 เม.ย.63 มีรายงานผู้ป่วยถึง 95,994 ราย ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดย “กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด” 3 อันดับ คือ 0-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 10-14 ปี และ 7-9 ปี ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดฟรี ปี 2560

 

กรมควบควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการรณรงค์เร่งให้ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี 2563 ในระหว่างวันที่ 1 พ.ค. ถึง 31 ส.ค.63 จำนวน 4.11 ล้านโด๊ส เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยแล้วอาจจะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้…

สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และ สำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่

  • แม่ท้อง อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  • เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
  • ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
  • ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  • ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)

อ่านต่อ “คำแนะนำเรื่องการรับวัคซีน
ของเด็กและผู้ใหญ่ ในช่วง Covid-19
ระบาด” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ลูกโก่งตัว

    ลูกโก่งตัว VS ท้องแข็ง แตกต่างกันยังไง ต้องรีบหาหมอมั้ย?

    ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจะเริ่มมีรู้สึกว่าท้องแข็งหรือรู้สึกตึงหน้าท้อง บางทีก็รู้สึกลูกในท้องดิ้นแรง ลูกโก่งตัว จนบางครั้งก็เห็นรอยนูนบนหน้าท้อง อาการแบบนี้ต้องรีบไปหาหมอมั้ย?

    ลูกโก่งตัว VS ท้องแข็ง แตกต่างกันยังไง ต้องรีบหาหมอมั้ย?

    ในช่วงไตรมาสสุดท้ายใกล้คลอด ลูกก็จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น ในขณะที่มดลูกจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ 36-40 ลูกจะเริ่มเอาหัวลงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของแม่เพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอดแล้ว ทำให้มีพื้นที่ในการดิ้นแคบลง ดังนั้นคุณแม่อาจจะรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นน้อยลงในช่วงนี้ แต่เมื่อเมื่อลูบท้องดูก็จะสัมผัสได้ถึงการมีทารกดิ้นอยู่ หรือรู้สึกว่าลูกกำลังโก่งตัวที่ทำให้คุณแม่รับรู้ได้อย่างชัดเจน

    ลูกโก่งตัวบ่อย
    ลูกโก่งตัวบ่อย

    ทารกในครรภ์ดิ้นแรงหรือโก่งตัว เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ท้องแข็งคือ อาการแบบนี้เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดในช่วงใกล้คลอด ยิ่งใกล้กำหนดคลอดมากเท่าไหร่ คุณแม่ก็จะรู้สึกว่าท้องแข็ง หรือมดลูกบีบตัวบ่อยขึ้นเท่านั้น แต่อาการ ท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัว นั้นแตกต่างจากอาการท้องแข็งสาเหตุอื่น ๆ  เพราะท้องแข็งเมื่อลูกโก่งตัวจะเป็นลักษณะท้องที่แข็งจะแข็งไม่ทั่วท้อง คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะรู้สึกท้องแข็งแบบ “บางที่แข็ง บางที่นิ่ม” ทารกในครรภ์จะดิ้นหรือโก่งตัวชนเข้ากับผนังมดลูก จนทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว โดยจังหวะนี้คุณแม่จะมีโอกาสได้เห็นรอยนูนที่ปรากฏบนหน้าท้องตรงนั้นตรงนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเจออวัยวะส่วนไหนเจ้าตัวน้อย เช่น ศอก ไหล่ เข่า หัว หรือก้น แต่ส่วนที่นูนโก่งแข็งก็มักจะเกิดจากส่วนหลังกับก้นดันออกทำให้รู้สึกว่ามดลูกเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ในส่วนอีกด้านที่นิ่มอาจเห็นรอยนูนเล็ก ๆ หลายจุด ซึ่งเป็นส่วนของมือและเท้านั่นเอง ภาวะลูกโก่งตัวแบบนี้ถือว่าเป็นการดิ้นตามปกติของทารกในครรภ์ อาการท้องแข็งลักษณะนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรกับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์แต่แค่ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บแบบมีความสุขที่ได้สัมผัสตัวลูกผ่านผิวหน้าท้องก่อนที่จะเจอกันจริง ๆ ก็เป็นได้

    เมื่อเกิดอาการท้องแข็ง แม่ท้องหลาย ๆ คน จึงมักจะไม่แน่ใจว่าใช่อาการท้องแข็งหรือไม่ โดย พญ.ธาริณี ลำลึก สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการท้องแข็งเอาไว้ว่า อาการท้องแข็ง คือ เมื่อเอามือไปจับบริเวณท้องจะรู้สึกได้ว่าเป็นก้อน ๆ ตึง ๆ และมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นพัก ๆ ในบางรายอาจมีความแข็งมาก-น้อยแตกต่างกันออกไป หรือมีอาการปวดเกร็งเสียวช่วงท้องน้อยด้วย โดยทั่วไปแล้วจะมีอาการท้องแข็งได้ วันละ 3-4 ครั้ง ในช่วงไตรมาส 3 แต่จะไม่สม่ำเสมอ

    ซึ่งอาการท้องแข็งที่เกิดขึ้นได้จากทารกโก่งตัวแล้ว อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ได้อีก เช่น

    ท้องแข็งตอนอิ่มเพราะกินเยอะไป

    ในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ครรภ์คุณแม่ใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่ในท้องมีจำกัด เมื่อคุณแม่อาจจะเกิดอาการท้องแข็งหลังกินข้าวอิ่ม อาจเป็นเพราะว่ารับประทานอาหารมากเกินไปหรือเคี้ยวไม่ละเอียดจนอาหารไม่ย่อยหรือเกิดแก๊สในกระเพาะ ซึ่งส่งผลให้มดลูกถูกอวัยวะอื่นเบียดจนแข็ง ยิ่งท้องแก่มดลูกก็ยิ่งโต กระเพาะอาหารก็ยิ่งถูกเบียดแบนมากขึ้น ทำให้รู้สึกท้องตึงหรือแน่นท้อง ดังนั้นในช่วงที่คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอด ควรเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย หรือแบ่งกินเป็นมื้อเล็ก ๆ หลายมื้อ ๆ เคี้ยวให้ละเอียด ดื่มน้ำมาก ๆ ที่สำคัญควรมีการขับถ่ายเป็นประจำ กินผักผลไม้เพื่อไม่ปล่อยให้ท้องผูก

    ลูกโก่งตัวบ่อย ใกล้คลอด

    ท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัว

    อาการท้องแข็งแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกในท้องดิ้นมากที่สุด การที่ลูกดิ้นมากก็อาจมีส่วนไปกระตุ้นทำให้มดลูกบีบตัวบ่อยขึ้น มีลักษณะท้องแข็งทั่วท้องทั้งหมด ไม่ได้แข็งเป็นบางจุด นิ่มเป็นบางจุด เหมือนอาการท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัว ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน และเมื่อพ้นช่วง 32-34 สัปดาห์นี้ไป ก็จะมีอาการท้องแข็งน้อยลง ปกติแล้วอาการแบบนี้จะไม่เกิดกับคุณแม่ที่ท้องอ่อน ดังนั้น สำหรับแม่ท้องแก่ใกล้คลอดควรสังเกตอาการในช่วงนี้ดูว่า มีอาการท้องแข็งนานประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง เป็นชุด ๆ หรือเปล่า ลักษณะแบนนี้หากเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ท้องแข็งจนรู้สึกแน่น หายใจไม่สะดวกและอาการไม่หายไป อาการท้องแข็งแบบนี้ถือว่ามีปัญหา ควรจะรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้มดลูกจะบีบตัวจนปากมดลูกเปิดซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนดได้

    อ่านต่อ อาการท้องแข็งที่ต้องรีบไปหาหมอ คลิกหน้า 2

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      ทําไมคนท้องถ่ายเป็นสีดํา

      ทําไมคนท้องถ่ายเป็นสีดํา แม่ท้องกินอะไรผิดไป!

      โดยปกติแล้วสีของอุจจาระทั่วไปที่เราถ่ายกันประจำมักมีสีน้ำตาล แต่ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่หลายคนอาจตกใจเมื่อถ่ายแล้วสังเกตเห็นอุจจาระตัวเองเป็นสีดำ กังวลว่ากินอะไรเข้าไปผิดหรือเปล่า ห่วงว่าจะเป็นอะไรต่อลูกในท้องหรือเปล่า ทําไมคนท้องถ่ายเป็นสีดํา มาดูคำตอบในบทความนี้กันค่ะ

      ทําไมคนท้องถ่ายเป็นสีดํา แม่ท้องกินอะไรผิดไป!

      คนท้องถ่ายเป็นสีดํา
      คนท้องถ่ายเป็นสีดํา

      เพื่อป้องกันหรือเป็นการให้สารอาหารเสริมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ยังไม่มีภาวะซีด และภาวะโรคโลหิตจาง เมื่อไปฝากครรภ์คุณหมอจะให้ยาบำรุงธาตุเหล็กมาให้คุณแม่รับประทานเสริม เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับคนท้อง และจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดที่เพิ่มจำนวนอย่างมากในช่วงตั้งครรภ์ เพราะทารกในครรภ์จะดูดซึมธาตุเหล็กจากแม่ไปใช้ คุณแม่จึงต้องการธาตุเหล็กในขณะตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ โดยอาจเริ่มรับประทานธาตุเหล็กเสริมระหว่างตั้งครรภ์ ตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์

      ซึ่งการรับประทานยาตามที่หมอสั่งให้จะช่วยให้ร่างกายของแม่และลูกในท้องแข็งแรง เพื่อให้เพียงพอต่อการนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกที่อาศัยอยู่ในครรภ์ เพราะการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง อันเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการคลอดทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ และสารอาหารที่ไม่สามารถไปเลี้ยงทารกได้อย่างเพียงพออาจส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองของทารกได้

      นอกจากนี้หากร่างกายคุณแม่ไม่ได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพออาจเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ทำให้มีอาการหน้ามืด เป็นลม และเกิดอันตรายได้ เพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ลูกในครรภ์น้ำหนักน้อย ลูกในครรภ์มีโลหิตจาง หากแม่มีภาวะโลหิตจางมากก็อาจทำให้เกิดน้ำคร่ำน้อย ซึ่งส่งผลทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังอาจเกิดอันตรายกับมารดาในช่วงคลอด เพราะอาจตกเลือดจนเสียชีวิตได้อีกด้วย

      บทความแนะนำที่เกี่ยวข้อง : 15 อาหารที่มีโฟเลตสูง ที่แม่ท้องและลูกในท้องควรทาน

      อ่านต่อ ทำไมคนท้องเวลาทานยาบำรุงเลือดแล้วถึงถ่ายออกมาเป็นสีดำ? คลิกหน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

        40 กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ขยับแขน ขา ปล่อยพลัง อยู่บ้านก็สนุกได้

        สำหรับบ้านไหนที่มีเจ้าตัวเล็กในวัยซน ที่เต็มไปด้วยพลังงาน ช่วงวันหยุดที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน อาจทำให้เด็ก ๆ เบื่อ ทีมแม่ ABK เลยมองหา กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ สำหรับเล่นกับลูกที่บ้าน ให้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกวัยซนได้ใช้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว แขน ขา รวมไปถึงความสัมพันธ์กันของอวัยวะต่าง ๆ มากระโดด เดิน มากกว่าการอยู่นิ่ง ๆ ช่วยแก้เบื่อ หายเซ็ง แถมกิจกรรมง่าย ๆ เหล่านี้ยังช่วยเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและสร้างทักษะดี ๆ ให้กับลูกด้วย

        40 กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ขยับแขน ขา เสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

        การพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ด้วยกิจกรรมกลางแจ้ง

        1.เล่นตั้งเต

        เกมคลาสสิคที่คุณพ่อคุณแม่เคยเล่นกันตั้งแต่เด็ก ด้วยการใช้ชอล์กวาดตาราง 10 ช่อง เป็นช่องสี่เหลี่ยมที่ควรมีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับเท้าหนึ่งข้าง และเมื่อโยนหินไปแล้ว หินจะไม่กระเด็นออกนอกช่อง จากนั้นก็ให้เด็ก ๆ กระโดดไปและกลับเพื่อเก็บหิน เกมที่จะช่วยเพิ่มทักษะการทรงตัวได้ดีทีเดียวค่ะ

        2.เลียนแบบท่าของสัตว์

        ให้เด็ก ๆ ได้รู้จักชื่อสัตว์ ท่าทาง หรือเสียงของสัตว์ต่าง ๆ เช่น เลื้อยเหมือนงู ตีปีกเหมือนไก่ ทำท่ากระโดดเหมือนควบม้า เดินเหมือนหมี ท่าสี่ขาเหมือนน้องหมา น้องแมว เป็นต้น

        3.ตีลูกโป่ง

        ใช้ลูกโป่งเพียง 1 ใบ ให้เจ้าตัวเล็กพยายามตีพยุงลูกโป่งให้ลอยขึ้น ดูซิว่าเด็ก ๆ สามารถทำให้ลูกโป่งลอยได้นานเท่าไหร่

        4.กระโดดน้ำเฉอะแฉะ

        เตรียมอุปกรณ์กันเลอะให้เจ้าตัวเล็กนิดหน่อย ด้วยการใส่เสื้อกันฝนหรือรองเท้าบูท แล้วฉีดน้ำชุ่ม ๆ ลงบนสนามหญ้าหน้าบ้าน แล้วปล่อยให้ลูกได้กระโดดเข้าออกให้วงกลมหรือขอบเขตที่คุณพ่อคุณแม่ฉีดน้ำลงไป เท่านี้ก็สนุกไม่รู้เบื่อเลยละคะ

        5.หาสมบัติ

        ไม่ว่าจะเป็นภายในบ้านหรือบริเวณด้านนอกบ้าน เด็ก ๆ ก็พร้อมที่จะตามล่าหาขุมทรัพย์ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่นำของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ไปซ่อน เช่น ไดโนเสาร์ รถยนต์ ตุ๊กตา แล้วปล่อยให้เด็ก ๆ ไปค้นหาสมบัติของพวกเขาทั่วบ้านกัน!

        6.วิ่งหนีจากสัตว์ประหลาด

        เด็ก ๆ ชอบเกมการไล่ล่า และจะสนุกมากยิ่งขึ้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่ลองสวมหน้ากากเป็นสัตว์ประหลาดที่จะทำให้พวกเขากลัว และพร้อมจะวิ่งหนีหลบหลีกอย่างสนุกสนาน

        7.คุณพ่อ/คุณแม่ กล่าวว่า…

        เกมที่เรียบง่ายแต่จะทำให้เจ้าตัวเล็กได้ขยับก้าวเคลื่อนไหวจะไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อคุณพ่อหรือคุณแม่พูดว่า “คุณแม่กล่าวว่าให้ลูกกระโดดอยู่กับที่ 2 ครั้ง” / “คุณพ่อกล่าวว่าให้ลูกโบกมือสองข้างเหนือหัว 2 ครั้ง” เป็นต้น

        พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่

        8.ใบไม้เล่นได้

        ชวนเด็ก ๆ มาเดินเก็บใบไม้ที่ร่วงหล่นหน้าบ้าน แล้วนำมาสร้างสรรค์งานศิลปะกัน

        9.ปาบอลเข้าเป้า

        เตรียมตุ๊กตาพลาสติกที่พร้อมจะตกจากที่สูงเรียงกันเป็นเป้าให้พร้อม ก่อนที่จะให้ลูกใช้บอลพลาสติกปาให้โดนเป้า ดูซิว่าเด็ก ๆ จะปาตุ๊กตาโดนกันกี่ตัว

        10.เตะบอล

        การมีลูกบอลประจำบ้านถือเป็นของเล่นหลักสำหรับเกมและกิจกรรมมากมายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบอลประเภทไหนหรือขนาดไหนก็ตาม เด็กๆ ไม่จำเป็นต้องออกไปเตะบอลในที่แจ้ง หรือใช้พื้นที่เยอ ะๆ ในการเล่น อาจอาศัยพื้นที่หน้าบ้านหรือพื้นที่ว่างใต้ตึก เตะบอลรับส่งกับคุณพ่อคุณแม่ หรือสร้างโกลให้ลูกได้ลองเตะเข้าประตู เท่านี้ก็ได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้ว

        การพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่
        Credit photo : www.facebook.com/Kidpid.Corner

        11.เทปทรงตัว

        ใช้เทปมาทำเส้นต่าง ๆ บนพื้นไม่ว่าจะเป็นเส้นตรงเลี้ยวซ้ายขวา ซิกแซก เพิ่มความยากง่ายให้กับเจ้าตัวเล็กได้เดินทรงตัวไปตามเส้น กระตุ้นลูกให้เดินไปข้างหน้าถอยหลังหรือข้าง ถ้าไม่สะดวกทำในบ้านก็อาจจะวาดเส้นด้วยชอล์กบริเวณนอกบ้าน โดยเพิ่มรูปทรงอื่น ๆ เช่น วงกลม เส้นฟรีฟอร์มเพื่อเพิ่มความท้าทายอีกเล็กน้อย ขีดเป็นทางยาวให้ลูกฝึกเดินทรงตัวกันค่ะ

        12.เต้นตามเพลง

        สร้างบรรยากาศในบ้านด้วยไฟกะพริบหรือโคมไฟเปลี่ยนสีพร้อมเปิดเพลงเต้นสนุก ๆ และปล่อยให้เด็ก ๆ กระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะเพลงที่เขาชอบ หรือเต้นประกอบเพลงที่มีท่าทางเคลื่อนไหว เช่น head shoulder knees and toes เป็นต้น ให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างอิสระ เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะ ได้ความสนุกเพลิดเพลินไม่น้อย

        อ่านต่อ 40 กิจกรรมขยับแขนขาของวัยซน คลิกหน้า 2

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          เมนูของว่าง สำหรับเด็ก

          10 เมนูของว่าง สำหรับเด็ก ทำง่าย ได้ประโยชน์เต็มคำทุกเมนู (มีคลิป)

          เมนูของว่าง สำหรับเด็ก อาหารช่วงรอยต่อระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อเย็น จะทำอะไรให้ลูกกินดี ตามมาดู 10 ขนมสำหรับเด็ก เมนูของว่าง สุดอร่อยแถมมีประโยชน์ตามโภชนาการครบ!

          5 ข้อแนะนำ เมนูของว่างสำหรับเด็ก กินอย่างมีคุณภาพ

          เพราะช่วงรอยต่อระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อเย็นนั้นยาวนานเกินไปจนลูกอาจทนไม่ไหว เพราะพวกเขาสูญเสียพลังงานไปกับการเรียน หรือการเล่นตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าเป็นลูกที่อยู่ในวัยกำลังโตมักจะหิวบ่อยในช่วงระหว่างมื้อ แต่จะให้กินขนมถุงก็ดุจะเป็นการทำลายสุขภาพลูกทางอ้อม

          Must read >> อาหาร ขยะ ภัยร้ายทำลายสมองลูกไอคิวต่ำ !!

          Must read >> ห้ามลูกกิน! 18 อาหารอันตราย เสี่ยงทำลายสมอง พัฒนาการช้า

          เพราะขนมบางชนิดนั้นไม่ดีต่อสุขภาพของเด็กเป็นอย่างมาก เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ช็อกโกแลตแท่ง และคุกกี้ แทนที่จะให้ลูกกินขนมที่ผ่านการแปรรูปมา คุณแม่ลองหันมาเตรียม เมนูของว่าง ที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหารและพลังงาน ไว้ให้ลูกรักเองดีกว่า เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีของลูกน้อย

          1. เสิร์ฟของว่างตามเวลาเดียวกันทุกวัน

          ให้ลูกกินของว่างตรงเวลาเหมือนเป็นมื้ออาหารมื้อหนึ่ง ถ้าลูกรู้ว่าจะมีอะไรรองท้องเมื่อกลับถึงบ้าน เขาอาจลดความอยากที่จะซื้อขนมหน้าโรงเรียน หรือร้องขอแวะกินไอศกรีมก่อนกลับบ้านลงได้บ้าง

          2. ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลา

          เตรียมของที่เด็กกินง่ายและได้คุณค่า เช่น ผลไม้ที่ปอกได้เองอย่างกล้วยหรือส้มหรือน้ำผลไม้สด เอาไว้ในตู้เย็นหรือบนโต๊ะอาหารที่หนูๆ จะหยิบทานเองได้

          3. ไม่ตุนของที่ไม่อยากให้ลูกกิน

          เช่น ขนมกรอบหรือไอศกรีม เอาไว้ในบ้าน หากอยากกินหรือถึงโอกาสพิเศษค่อยซื้อมาในปริมาณที่กินหมดได้ในครั้งเดียวไม่เหลือเก็บ

          4. เก็บขนมแห้งๆ ประเภทคุกกี้ข้าวโอ๊ตหรือแครกเกอร์ผักไว้ในห่อเล็กๆ

          ลูกจะได้ไม่กินขนมรวดเดียวหมดถุงใหญ่แถมยังพกติดรถไว้ให้ลูกรองท้องระหว่างช่วงรถติดได้ด้วย  ถ้าใช้เครื่องปิดปากถุงแบบสุญญากาศก็ยิ่งเก็บได้นานขึ้น

           

          Must read >> ชวนลูกทำอาหาร สร้างความมั่นใจ ติดตัวไปจนโต โดย พ่อเอก

          5. พาลูกไปซื้อของว่างด้วย

          ถ้าเป็นของกินที่เลือกเอง หนูๆ จะได้ไม่อิดออดว่า  “หนูไม่อยากกิน” หรือ  “หนูไม่ชอบไอ้นี่” แถมระหว่างเดินเลือก คุณพ่อคุณแม่อาจให้ความรู้ เช่น “มะเขือเทศกินแล้วจะผิวสวยนะ” ช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้อีก

          และสำหรับคุณแม่ๆ ที่ต้องการหาไอเดียเมนูสำหรับทำของว่างให้ลูกกินแบบใหม่ๆ เมนูขนมสำหรับเด็ก อาหารปาร์ตี้ลูกน้อย อาหารแบบน่ารักๆ เอาใจเด็กๆ ที่บ้าน ต้องไม่พลาด 10 เมนูของว่างสำหรับเด็ก พร้อมคลิปวิธีทำ แถมแต่ละเมนูก็ทำไม่ยาก รับรองด้วยว่าลูกจะได้รับสารอาหารตามโภชนาการ อร่อยเต็มคำทุกเมนูแน่นอน ว่าแต่จะมีเมนูของว่าง อะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

          ดู >> 10 เมนูของว่างสำหรับเด็ก พร้อมคลิปวิธีทำ คลิกหน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

           

            ลูกชอบปาของ

            ลูกชอบปาของ รับมือด้วย 4 เทคนิคสุดสร้างสรรค์ สบายใจได้ทั้งแม่และลูก

            ลูกชอบปาของ พ่อแม่ควรทำความเข้าใจกับพฤติกรรมขว้างปาและทำลายข้าวของ ของลูกวัยเบบี๋ก่อน พร้อมรับมือเพื่อช่วยลูกให้รู้จักกำลังตัวเอง และจัดการพฤติกรรมลูกน้อยเจ้าอารมณ์ชอบขว้างปาสิ่งของ

            ทำไม ลูกชอบปาของ 

            พฤติกรรมที่ลูกวัยเบบี๋ อายุ 0-2 ปี ชอบขว้างสิ่งของลงพื้น เกิดจากการเรียนรู้และพลังกล้ามเนื้อที่มีมากขึ้นตามวัย ซึ่งลูกน้อยจะรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อได้เห็นของที่ตัวเองโยนลอยขึ้นในอากาศ แล้วก็ตกลงพื้น เช่น การปาลูกบอลหล่นพื้นแล้วก็จะกระเด้งขึ้น เป็นต้น รวมไปถึงการได้ขยำหรือขว้างสิ่งของที่ทำให้เกิดเสียงกระทบ ยังช่วยสร้างความบันเทิงให้กับเด็กได้อีกด้วย

            Must read >> ชวนพ่อแม่ ถอดรหัสสีหน้า-ท่าทางเบบี๋

            ทั้งนี้สมองของลูกในช่วงนี้ จะกำลังสั่งงานให้ลูกใช้นิ้วมือควบคุมการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ยิ่งเขาขยันขว้าง ขยำ ทึ้งของเล่นมากเท่าไหร่ กล้ามเนื้อมือของลูกจะยิ่งได้พัฒนาและแข็งแรงมากขึ้น

            อีกอย่างหนึ่งก็คือเพราะลูกกำลังเรียนรู้และทดลองเรื่องเหตุและผล “ถ้าลองทิ้งของที่อยู่ในมือให้ตกลงพื้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น” ซึ่งผลคือ ความสนุก เมื่อของในมือลอยละลิ่วและหล่นตุ้บอยู่บนพื้น แม่ก็เก็บให้ หล่นตุ้บแม่ก็เก็บ … แต่การที่ ลูกชอบปาของ แบบนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเพลิดเพลินสำหรับคุณแม่ ถ้าสิ่งที่ลูกโยนคืออาหาร

            คำแนะนำเมื่อลูกปาอาหาร คือ ให้คุณแม่มองเขานิ่งๆ และบอกว่า (โดยไม่ลืมหลัก เสียงปกติ หนักแน่นเข้าไว้) ไม่ขว้างนะคะŽ และอุ้มเขาให้พ้นจานอาหาร ทำอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วเขาจะรู้ว่าคุณไม่สนุกเวลาเห็นอาหารเกลื่อนพื้น

            ลูกชอบปาของ

            วิธีรับมือ ลูกชอบปาของ

            ทั้งนี้วิธีรับมือกับการเรียนรู้นี้ของลูก หรือวิธีจัดการเมื่อลูกชอบขว้างปาข้าวของ ทีมแม่ ABK มีคำแนะนำดีๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ ดังนี้

            • มาเล่นเก็บของกันเถอะ

            ถ้า ลูกชอบขว้างข้าวของนัก ก็ให้คุณแม่ดัดแปลงเป็นเกมซะเลย วิธีการเล่นนั้นแสนง่าย แค่รอให้เตาะแตะขว้างของลงบนพื้นไปเรื่อยๆ จนเขาหยุด จากนั้นให้คุณแม่เปิดเพลงโปรดของเขา แล้วชักชวนกันลงมาเก็บของที่เกลื่อนกลาดบนพื้น “ไหนๆ…ก่อนเพลงจบใครจะเก็บได้มากกว่ากันนะ” หรือ “ถ้าเก็บของได้มากที่สุดแม่มีสติ๊กเกอร์เพิ่มให้อีก 1 รูปเลย”

            Must read >> 14 วิธีเล่นกับลูก กระตุ้นพัฒนาการตามวัย ให้ฉลาด อารมณ์ดี ตั้งแต่เบบี๋

            • จับนั่งกับพื้น

            ส่วนใหญ่การทดลองนี้มักเกิดขึ้น เมื่อลูกนั่งบนเก้าอี้หรืออยู่ที่สูง ซึ่งถ้าคุณแม่เหนื่อยกับความสนุกของลูกแล้ว วิธีแก้ เพียงเปลี่ยนให้ลูกลงมานั่งกับพื้นบ้าง พอขว้างแล้วของไม่ได้ลอยละลิ่วแนวดิ่งก็หมดสนุกหยุดไปเอง ซึ่งอาจช่วยให้คุณแม่ได้หายเหนื่อยไปพักใหญ่ แต่อีกไม่นานลูกก็จะเปลี่ยนมาขว้างแนวนอนบ้าง ก็เตรียมเล่นเกมใหม่กันได้เลย

            อ่านต่อ >> วิธีรับมือลูกชอบขว้างปาสิ่งของ คลิกหน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

              การ์ตูนเสริมพัฒนาการ

              มาแล้วจ้า! 25 การ์ตูนเสริมพัฒนาการ เสริมทักษะ สร้างความรู้ คู่ไปกับความสนุก

              การเปิดการ์ตูนให้ลูกได้ดู โดยเลือกการ์ตูนให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกและคัดสรรเนื้อเรื่องที่เป็นประโยชน์จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการหลากหลายด้านให้ลูกน้อย อาทิ ด้านความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ เสริมสติปัญญา ฯลฯ รวมถึงเสริมทักษะในด้านต่าง ๆ ทั้งการฟัง ทักษะการใช้ชีวิต ฝึกวินัย เรียนรู้คุณธรรม จริยธรรม ได้เป็นอย่างดี ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมคลิป การ์ตูนเสริมพัฒนาการ มาให้คุณพ่อคุณแม่เปิดให้เด็ก ๆ ได้ดูและเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ผ่านตัวการ์ตูนแต่ละเรื่องกันค่า

              25 การ์ตูนเสริมพัฒนาการ เสริมทักษะ สร้างความรู้ คู่ไปกับความสนุก

              1.นิทานดวงดาว

              มาสำรวจและทำความรู้จักกลุ่มดาวทั้ง 12 ราศีที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำเดือนเกิดทั้ง 12 เดือน ผ่านนิทานฟังสนุกที่คุณแม่เล่ากันค่ะ

              2.กระต่ายกับเต่า

              นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า นิทานคลาสสิคที่ให้คุณแม่มาเปิดกล่อมให้เจ้าตัวน้อยได้ฟังเพลินก่อนนอน เสริมพัฒนาการด้านความคิดและจินตนาการ และยังได้ข้อคิดจากนิทานเพื่อให้คุณแม่สอนลูกอีกด้วย

               

              3.เที่ยวบ้านไร่

              ไปเที่ยวบ้านไร่กับแมคและแอนนี่กันค่ะ ให้น้อง ๆ ได้ทำความรู้จักกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ  ในฟาร์มของของลุงแซมและป้าแมรี่ ผ่านนิทานที่จะช่วยเสริมสร้างความรู้และจินตนาการสำหรับเด็ก ๆ ตั้งแต่ 2-7 ขวบ

               

              4.แพะเจ็ดตัว

              ชวนลูกน้อยวัยอนุบาลมาดูนิทานเรื่องแพะ 7 ตัว สอนให้เด็ก ๆ รู้จักเอาตัวรอด ให้รู้จักสังเกตสิ่งรอบตัวเพื่อป้องกันอันตราย ไม่เปิดประตูให้คนแปลกหน้า ฝึกษะการใช้ชีวิตให้เจ้าตัวน้อย

               

              5.นิทานน้องเป็ดอินดี้ ตอนไม่อยากอาบน้ำ ขี้เกียจอาบน้ำ

              เด็กคนไหนไม่ชอบอาบน้ำหรือขี้เกียจอาบน้ำกันบ้าง มีข้อต่อรอง งอแง ไม่ยอมอาบน้ำ คุณแม่ต้องเปิดคลิปนี้ให้ดูเลยค่ะว่าผลลัพธ์ของเด็กไม่อาบน้ำจะเกิดอะไรขึ้นนะ

               

              6.นิทานน้องเป็ดอินดี้ ตอนไม่เก็บของให้เป็นระเบียบ

              นั่นแน่! เด็กคนไหนเคยไม่เก็บของเล่นหรือของต่าง ๆ จนทำให้ห้องรกและไม่เป็นระเบียบบ้างเอ่ย? แถมยังโดนคุณแม่บ่นเป็นประจำ ลองมาดูการ์ตูนเรื่องนี้เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมให้เด็ก ๆ เล่นเสร็จแล้วเก็บของกันนะคะ

               

              7.ลูกหมีไม่ขี้อายแล้วจ้า

              ลูกบ้านไหนเป็นเด็กขี้อาย ชอบพูดเสียงเบา ไม่กล้าสบตาคนอื่นเวลาพูดด้วย ทำให้กลายเป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเอง ต้องลองเปิดคลิปนี้ให้เด็ก ๆ ดูกันค่ะว่าถ้าเด็ก ๆ ไม่ขี้อายแล้ว กล้าพูด เพื่อน ๆ ก็จะได้ยินเสียง และถ้าเงยหน้าไม่เอาแต่ก้มหน้าก็จะได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ

               

              8.เมืองนิทานมหัศจรรย์สระออ

              เรียนรู้สระ ออ จากนิทานการ์ตูนที่มีคำอธิบายเนื้อหา เป็นภาพมีสีสันให้เด็ก ๆ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อย่างสนุกสนาน เข้าใจง่าย และมีแบบฝึกหัดท้ายคลิปให้เด็ก ๆ ได้ลองตอบเล่นด้วยนะคะ

               

              9.กุ๋งกิ๋งไปโรงเรียน

              บ้านไหนกำลังมีเจ้าตัวเล็กจะเข้าโรงเรียน มาเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ รู้จักกับการไปโรงเรียน หรือถ้าเด็ก ๆ บ้านไหนไม่ชอบไปโรงเรียน เมื่อเปิดเทอมแล้วไม่อยากไปโรงเรียน มาดูกุ๋งกิ๋งไปโรงเรียนกันค่ะ ว่าการไปโรงเรียนจะทำให้เด็ก ๆ สนุกแค่ไหน

               

              อ่านต่อ คลิปการ์ตูนเสริมพัฒนาการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน คลิกหน้า 2

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                วิธีถนอมอาหาร

                สุดยอดเคล็ด(ไม่)ลับ! 17 วิธีถนอมอาหาร เก็บของสดให้อยู่ในตู้เย็นได้นานๆ

                ในช่วงที่ทุกบ้านพยายามถนอมตัวเองด้วยการไม่ออกจากบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าการตุนอาหารที่เตรียมไว้หากเป็นอาหารแห้งหรืออาหารกระป๋องก็ยังไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นของสดการเก็บไว้นานก็มีโอกาสเน่าบูดเหี่ยวแห้งได้ และอาจทำให้เสียรสชาติรวมถึงคุณภาพที่ควรมีไป ทีมแม่ ABK มี วิธีถนอมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ เพื่อจะได้เก็บรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบต่าง ๆ ให้เก็บได้นาน ๆ ในช่วงที่ทุกคนต้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” กันค่ะ

                สุดยอดเคล็ด(ไม่)ลับ! 17 วิธีถนอมอาหาร เก็บของสดยังไงให้อยู่ในตู้เย็นได้นานๆ

                วิธีเก็บเนื้อในตู้เย็น

                1.หมู/ เนื้อ/ ไก่

                ก่อนที่จะนำเนื้อสัตว์เข้าตู้เย็น ควรนำไปล้างทำความสะอาดและซับให้แห้งเสียก่อน สำหรับเนื้อสดแต่ละชนิด ควรแบ่งออกเป็นชุด ๆ หรือจัดให้จำนวนพอดีต่อการประกอบอาหารแต่ละครั้ง แล้วเก็บเอาไว้ในกล่องอาหารแยกต่างหาก หรือห่อด้วยถุงซิปล็อคโดยไล่อากาศออกและปิดให้มิดชิดก่อนนำไปแช่ไว้ในช่องฟรีซตู้เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นและเชื้อแบคทีเรียกระจายไปทั่วทั้งตู้เย็น และเมื่อจะนำมาใช้ประกอบอาหารค่อยเอาลงมาแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาเพื่อทำละลาย วิธีนี้จะช่วยรักษาความสดใหม่ของเนื้อสัตว์ได้อีกหลายวันเลยค่ะ โดยเนื้อวัวและหมูถ้าอยู่ในช่องแช่แข็งจะเก็บได้ประมาณ 3-4 เดือน ส่วนเนื้อไก่จะมีอายุการเก็บรักษานานถึง 9 เดือน

                2.กุ้ง

                ก่อนที่จะนำกุ้งเก็บใส่กล่องหรือถุงซิปล็อค ควรล้างและตัดหนวดทิ้งก่อนหรือจะปอกเปลือกทั้งตัวเพื่อนำไปแช่แข็งแล้วแต่ความชอบ

                3.ปลาหมึก

                ควรล้างให้สะอาดและหั่นหรือเก็บไว้ทั้งตัวก็ได้ โดยแบ่งเป็นห่อขนาดที่จะใช้ทำในแต่ละครั้ง ใส่ในกล่องหรือถุงซิปล็อกก่อนนำไปแช่ในช่องแข็ง

                วิธีเก็บปลาสดในตู้เย็น
                วิธีเก็บปลาสดในตู้เย็น

                4.ปลาสด

                ปลาสดก็ทำความสะอาดแล้วแบ่งเก็บเหมือนเนื้อสัตว์อื่น ๆ ส่วนอายุการเก็บนั้นถ้าอยู่ในช่องแช่แข็ง -12 c ถึง -18 c จะอยู่ได้นานถึง 6 เดือนค่ะ

                5.ไข่สด

                ไข่สดที่ซื้อมาแล้วไม่ควรล้างไข่ก่อนนำไปเก็บ เพราะจะทำให้สารเคลือบผิวที่รักษาความสดของไข่ถูกทำลายได้ ควรนำไข่ไปเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นบริเวณช่องวางไข่ เพื่อป้องกันการแตก โดยให้ด้านป้านอยู่ด้านบน เพราะด้านป้านจะมีฟองอากาศอยู่ภายใน พอพลิกขึ้นด้านบนจะทำให้ไข่แดงไม่แตกเร็ว สามารถช่วยให้ไข่เก็บไว้ได้นานขึ้น และหากพบว่าไข่มีรอยร้าวหรือแตกไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้อโรคที่เปลือกไข่อาจเข้าไปในไข่ได้ หากยังไม่นำมาทำกินก็ให้ตอกใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทแล้วแช่ตู้เย็นจะทำให้เก็บได้นานขึ้นค่ะ

                6.พริกหยวก

                นำพริกหยวกมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นสะเด็ดน้ำออกให้หมด แล้วนำมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง ใส่ถุงหรือกล่องพลาสติกก่อนนำไปแช่ตู้เย็น จะเก็บความสดของพริกไว้ได้นานขึ้นค่ะ

                วิธีเก็บพริกให้สดนาน

                7.พริกสด

                วิธีเก็บพริกให้สดนาน เริ่มจากการเด็ดขั้วพริกทิ้งก่อนไปล้างให้สะอาดแล้วนำมาสะเด็ดน้ำผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำมาห่อด้วยกระดาษหนา ๆ เช่น กระดาษถุงสีน้ำตาล, กระดาษนิตยสาร ใส่กล่องหรือถุงปิดให้สนิทนำไปแช่ตู้เย็นสามารถเก็บพริกสดได้นานถึง 1 เดือน

                อ่านต่อ วิธีถนอมอาหาร กักเก็บความสดให้อยู่ในตู้เย็นได้นานๆ คลิกหน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  ค่าไฟฟ้า

                  มาตรการลด ค่าไฟฟ้า-ใช้ฟรีทันที 3 เดือน เช็กเลยใครมีสิทธิ์บ้าง

                  ค่าไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายประจำบ้านที่ทุกครอบครัวต้องแบกรับ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น และเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ ทำให้อัตราการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ค่าไฟแพงกันถ้วนหน้า ผนวกกับวิกฤต “โควิด-19” ที่กระทบต่อรายได้ของคนหลายอาชีพ รัฐบาลจึงออกมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้วยการ “ลดค่าไฟและใช้ฟรี”ทั่วประเทศ นาน 3 เดือน ใครจะได้รับสิทธิ์บ้าง มาเช็กกันเลยค่ะ

                   รัฐออกมาตรการบรรเทา ค่าไฟฟ้า แพง ช่วยคนไทยจากพิษโควิด

                   

                  ค่าไฟฟ้า

                  การประชุมคณะรัฐมนตรี (เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563) ทางกระทรวงพลังงานได้นำเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติม เนื่องจากกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจในหลายส่วน ประชาชนจำนวนมากกลับอยู่บ้านเกิด และหลายหน่วยงานต้องให้พนักงานการทำงานที่บ้าน (Work From Home) การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือจึงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบถึงแนวงทางดังกล่าว โดยให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายต่างๆให้ถูกต้อง พร้อมทั้งพิจารณาแหล่งเงินสมทบให้รอบคอบ

                  มาตรการที่ผ่านการเห็นชอบเพิ่มเติมมี 2 ลักษณะ ได้แก่ “ใช้ไฟฟรี“ สำหรับบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน และ “ลดค่าไฟฟ้า” สำหรับบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ในอัตรา 30 % และ 50 % เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2563

                  รายละเอียดมาตรการลด ค่าไฟฟ้า เดือนมีค – พ.ค.

                  แนวทางการช่วยบรรเทาค่าใช้ไฟฟ้านี้เป็นการเพิ่มเติมมาจากมาตรการครั้งแรกที่พิจารณาเพียงขนาดมิเตอร์ไฟ โดยให้มารวมกับจำนวนหน่วยการใช้ไฟฟ้า ด้วยเพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ โดยมีรายละเอียดที่แม่ๆต้องทราบ ดังต่อไปนี้

                  1.มาตรการใช้ไฟฟ้าฟรี แยกเป็น 2 ส่วน คือ

                  บ้านใช้มิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์  และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ได้รับสิทธิ์ ใช้ไฟฟ้าฟรี ตลอด 3 เดือน

                  2.มาตรการลด ค่าไฟฟ้า

                  กรณีที่ 1 บ้านที่ใช้จำนวนหน่วยใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม –พฤษภาคม น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์  ให้จ่ายค่าไฟฟ้าตามจริง

                  กรณีที่ 2 บ้านที่ใช้จำนวนหน่วยใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม –พฤษภาคม มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์แต่ไม่ถึง 800 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟเท่ากับเดือนกุมภาพันธ์

                   

                  ค่าไฟฟ้า

                  กรณีที่ 3 บ้านที่ใช้จำนวนหน่วยใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม –พฤษภาคมมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ แต่ไม่ถึง 3,000 หน่วย ให้นำยอดเดือนกุมภาพันธ์มาบวกกับ 50 % ของยอดเดือนนั้นๆ

                    เช่น เดือนกุมภาพันธ์ใช้ไฟ 1500 หน่วย เดือนมีนาคมใช้ไฟ 2500 หน่วย ( 50% ของ 2500) + 1500 = 2750 หน่วย ซึ่งจะนำมาคำนวนเป็นค่าไฟตามจริง         

                  กรณีที่ 4 บ้านที่ใช้จำนวนหน่วยใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม –พฤษภาคมมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ และมากกว่า 3,000 หน่วย ให้นำยอดเดือนกุมภาพันธ์มาบวกกับ 70 % ของยอดเดือนนั้นๆ

                     เช่น เดือนกุมภาพันธ์ใช้ไฟ 3500 หน่วย เดือนมีนาคมใช้ไฟ 5000 หน่วย ( 70% ของ 5000) + 3500 = 7000 หน่วย ซึ่งจะนำมาคำนวนเป็นค่าไฟตามจริง

                  ยการลดหย่อนดังกล่าวจะมีการคืนค่าใช้จ่ายให้ในรอบบิลถัดไป จากมาตรการดังกล่าวกระทรวงพลังงานประเมินว่าจะสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนได้จำนวน 22 ล้านราย โดยคิดเป็นวงเงินประมาณ 23,668 ล้านบาท

                   

                  อ่าน วิธีลดค่าไฟฟ้าหน้าร้อนที่ใครก็ทำได้ หน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    เครื่องดูดฝุ่น Dyson

                    ในช่วงที่ไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาด หลายคนคงตระหนักถึงเรื่องความสะอาดกันขึ้นมา เราอาจจะเริ่มดูแลบ้านของเราเป็นอันดับแรกเพราะนี่คือที่ ๆ เราอาศัยอยู่และทำกิจกรรมทุกวัน ซึ่งความสะอาดในบ้านนั้นมีส่วนส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของเรา

                    หลายคนอาจกำลังมองหาเครื่องมือในการทำความสะอาดและดูดฝุ่นในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Dyson เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ

                    ประสิทธิภาพของเครื่องดูดฝุ่น Dyson

                    James Dyson เริ่มคิดค้นเทคโนโลยี Cyclone เพื่อใช้ในเครื่องดูดฝุ่นตั้งแต่ปี 1978 ต่อมา Dyson ได้พัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยี Cyclone และการกรองอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับสิทธิบัตรหลายพันรายการในส่วนของเทคโนโลยี Cyclone และการกรอง นอกจากนี้ วิศวกรของ Dyson ยังสามารถออกแบบเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศอีกด้วย ซึ่งผู้ผลิตเจ้าอื่น ๆ อาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

                    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11 มีคุณสมบัติพิเศษทางด้านเทคโนโลยีที่สามารถทำความสาดได้อย่างมีประสิทธิภาพปราศจากสารก่อภูมิแพ้

                    • หัวทำความสะอาดแบบแรงบิดสูง (High Torque)  มาพร้อมหัวแปรงไนลอนขนแข็ง ช่วยให้กำจัดฝุ่นได้อย่างล้ำลึก แม้ในพื้นที่ที่ทำความสะอาดได้ยากอย่าง เช่น พื้นพรม และมีเส้นใยคาร์บอนที่สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วได้อย่างดีเยี่ยม
                    • ระบบการกรอง 6 ชั้น  สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอนได้ 99.97% กรองอากาศให้สะอาดมากขึ้น
                    • มีระบบการกรองทั่วทั้งเครื่อง สามารถดักจับอนุภาคฝุ่นให้อยู่แค่ภายในเครื่อง ไม่ฟุ้งกระจายไปในอากาศที่เราหายใจ

                    เราไม่สามารถมองเห็นสารก่อภูมิแพ้ในบ้านของเรา อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ ดังนั้น ทางวิศวกรของ Dyson จึงมุ่งเน้นความพยายามในการออกแบบเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถดูดฝุ่นได้อย่างดี และใช้พลังเทคโนโลยี Cyclone ในการดูดฝุ่นเข้ามาในเครื่องและตัวกรองที่ปิดสนิท ทำให้เราแน่ใจว่าฝุ่นที่ดูดเข้าไปนั้นจะไม่กระกายฟุ้งกลับออกมา 

                    ระบบการกรอง

                    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11 มีระบบการกรองถึง 6 ชั้น สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ 

                    ขั้นแรก เศษฝุ่นขนาดใหญ่จะถูกดูดเข้ามาในถังฝุ่นหลักและระบบจะทำการแบ่งแยกฝุ่น โดยรูที่มีขนาดเล็กเพียง 400 ไมครอนจะทำการกรองเศษฝุ่นผ่านตัวกรองโลหะที่กัดด้วยเคมี จากนั้นเศษฝุ่นแบบละเอียดจะถูกปั่นด้วยเทคโนโลยี Cyclone 14 ตัว ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 79,000G  ฝุ่นละอองที่เหลืออยู่จะถูกดักจับโดยกรองผ่านตัวมอเตอร์สองตัว สุดท้าย ตัวกรองหลังมอเตอร์จะดักจับฝุ่นละอองได้ถึง 99.97%  ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอน เช่น ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา และอากาศที่ถูกขับออกจากเครื่องนั้นก็จะเป็นอากาศที่สะอาด

                    พลังการดูด

                    เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11 มีพลังการดูดมากกว่ารุ่น Dyson Cyclone V10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

                    หลังจากที่วิศวกรของ Dyson ได้วิเคราะห์ทุกรายละเอียดของตัวดิจิตอลมอเตอร์ V10 แล้ว จึงได้พัฒนาดิจิตอลมอเตอร์ V11 ซึ่งมีประสิทธิภาพการหมุนถึง 125,000 รอบต่อนาที และมี diffuser ทั้งหมด 3 แบบ โดย 2 แบบแรกจะช่วยทำให้ระบบไหลผ่านของอากาศสะดวกมากขึ้น  และยังช่วยเพิ่มพลังการดูดเพิ่มขึ้น ส่วนตัว diffuser อีกตัวจะช่วยในการลดเสียงรบกวน

                    ใบพัด – เป็นส่วนหนึ่งของมอเตอร์ที่ทำงานโดยการขับเคลื่อนอากาศ – มีการออกแบบใบพัดส่วนนี้ขึ้นใหม่ ซึ่งมีความยาวและบางกว่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ที่สัมผัสกับอากาศได้โดยที่ไม่ต้องเพิ่มมวลของใบพัด สามารถช่วยลดการโหลดของใบพัดต่อหน่วยพื้นที่ ลดการรั่วไหลของอากาศ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเคลื่อนที่ของอากาศได้

                    อุปกรณ์

                    เครื่องมือหลากหลายชิ้นที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง สามารถช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ตามผ้าม่าน ซอกมุมต่าง ๆ และรถยนต์

                    • หัวทำความสะอาดแรงบิดสูง – หัวมอเตอร์ทรงพลัง มาพร้อมระบบเซนเซอร์โหลดแบบไดนามิก (DLS) สามารถปรับระบบการดูดฝุ่นได้อย่างชาญฉลาด เช่น การทำงานบนพื้นพรมที่สามารถดูดฝุ่นได้สะอาดล้ำลึก ซึ่งหัวนี้จะมีแค่ในรุ่น V11 Absolute เท่านั้น
                    • หัวแปรงดูดแบบลูกกลิ้งนุ่ม – ออกแบบด้วยไนลอนทอแบบอ่อน และเส้นใยคาร์บอนป้องกันไฟฟ้าสถิตสำหรับทำความสะอาดบนพื้นแข็ง หัวนี้จะมีแค่ในรุ่น V11 Absolute เท่านั้น
                    • หัวดูดแบบมีมอเตอร์ขนาดเล็กในตัว – เหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นที่เล็ก ๆ เช่น ภายในรถยนต์ โซฟาและบันได
                    • หัวแปรง Two in one  – มีสองแบบในหนึ่งเดียว รวมแปรงและหัวฉีดกว้าง สำหรับสลับการทำงาน
                    • หัวแปรงปลายแหลม – ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดบริเวณขอบมุมและช่องแคบ ๆ ได้อย่างดี
                    • แปรงปัดฝุ่นขนาดเล็ก – ใช้งานง่าย ช่วยดูดฝุ่นด้วยขนแปรงไนลอนนุ่มเพื่อทำความสะอาดพื้น และเฟอร์นิเจอร์

                      Tags

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน

                      5 ไอเดีย…กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน สนุก ไม่น่าเบื่อ

                      ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้ทุกครอบครัวต้องปรับตัวที่จะอยู่บ้านกันมากขึ้น เด็กๆ ก็ต้องเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไป คุณพ่อคุณแม่ก็ต้อง work from home แต่ถึงจะต้องอยู่บ้านนานๆ ในช่วงเวลานี้ก็ยังทำให้ทุกคนในครอบครัวได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นค่ะ สำหรับบ้านไหนที่มีลูกเล็ก เด็กวัยเรียน ถ้าจะให้อยู่บ้านเฉยๆ คงเบื่อแย่เลยค่ะ จึงแนะนำว่าคุณพ่อคุณแม่ควรหา “กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน” เพื่อจะได้ลดความตึงเครียด และได้ผ่อนคลายกันด้วยค่ะ

                      ครอบครัวไหนที่ต้อง work from home กันทั้งคุณพ่อคุณแม่ ในระหว่างวันอาจต้องแบ่งเวลาให้กับลูกๆ ด้วยนะคะ จะสลับกันดู หรือเล่นกับลูกก็ได้  ส่วนเสาร์ อาทิตย์ก็ให้เวลาอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก หากิจกรรมเล่นกับลูก นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ก็ยังเป็นการเสริมสร้างสายใยรักกันในครอบครัวให้เพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ

                       

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน กักตัวอยู่บ้านกับลูกเล่นอะไรดีนะ ?

                      ช่วงเวลานี้พาลูกออกไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ การหา กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน น่าจะเป็นอะไรที่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มากที่สุดแล้วล่ะค่ะ ถึงจะอยู่บ้านกันมากขึ้น เราก็สามารถใช้เวลากับลูกที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพได้ไม่ยาก เพียงแค่มีกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมทักษะพัฒนาการของลูกค่ะ

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน

                      1. เล่นนอกบ้าน เพิ่มกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ให้แข็งแรง

                      ไม่ให้ออกนอกบ้าน หมายถึงไม่ให้พาลูกออกนอกบ้านไปยังสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามเด็กเล่น ฯลฯ แต่ถ้าจะพาลูกออกมานั่งเล่น วิ่งเล่นกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน หรือพื้นที่บริเวณรอบขอบรั้วบ้าน อันนี้ได้ค่ะ เพราะเป็นสถานที่ที่บ้านปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องไวรัสโควิด-19 การพาลูกออกมาวิ่งเล่น ยืดเส้นยืดสาย ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ปั่นจักรยาน ฯลฯ นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน นั่งดูแต่ทีวี หรือเล่นเกม เป็นต้น เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย ได้กระโดด ได้วิ่ง ช่วยให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก(มือ ข้อมือ แขน) กล้ามเนื้อมัดใหญ่(กล้ามเนื้อตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ขา ข้อเท้า ข้อ) มีความแข็งแรงมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงด้วยค่ะ

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน

                      2. เข้าครัว Live โชว์ทำอาหาร

                      ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมเบสิคที่ใครๆ ก็ทำกันใช่ไหมคะ แต่เชื่อว่ากับครอบครัวที่มีลูก หน้าที่การเข้าครัวเตรียมอาหาร จะ  เป็นคุณแม่ซะส่วนใหญ่ ช่วงเวลานี้แหละค่ะคุณแม่ชวนลูก ชวนสามีเข้าครัว ช่วยกันทำเมนูอาหารจากวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น ช่วยกันคิดออกไอเดียว่าจะทำเมนูอะไรรับประทานกันดี เทคนิคเพิ่มความสนุก ให้ตั้งกล้อง VDO ถ่ายไว้ให้ลูกดู หรือจะทำ  เป็นบรรยากาศ FB Live ก็ได้นะคะ อยู่บ้านนานๆ เด็กๆ เบื่อง่ายค่ะ ถ้าคุณแม่ลองเปลี่ยนจากการพาลูกเข้าครัวทำอาหารแบบเดิมๆ มามีคนดูไปด้วย ลูกจะสนุกและไม่เบื่อด้วยค่ะ

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน

                      3. งานประดิษฐ์ DIY สร้างสมาธิ เกิดประโยชน์

                      การสอนให้ลูกได้ลองทำงานประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าจะให้เข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้  ก็ต้องเป็น DIY วิธีทำหน้ากาก Face Shield ทำเสร็จแล้วไว้ใช้ในครอบครัวส่วนหนึ่ง แล้วก็แบ่งส่งต่อไปให้คุณหมอ คุณ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านตามโรงพยาบาลได้ใช้ป้องกันสุขภาพจากการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสCOVID-19   เห็นไหมคะว่าอยู่บ้านเล่นกับลูก นอกจากสนุกแล้วยังได้ประโยชน์ด้วยค่ะ

                      อุปกรณ์การทำ Face Shield ไม่มีอะไรมาก แค่ที่ แผ่นใส ขนาด A4 , ยางยืด ขนาดความหนา 1 นิ้ว , ฟองน้ำอเนกประสงค์ ตัดให้ได้ขนาด 1x10x1 นิ้ว , เทปกาวสองหน้า ขนาด 1 นิ้ว , แม็ก , กรรไกร ส่วนวิธีทำสามารถดูได้ตามอินเทอร์เน็ต หรือยูทูปนะคะ

                      กิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน

                      4. ทำงานบ้าน ส่งเสริมวินัยเชิงบวก

                      เด็กๆ อายุ 2-3 ขวบขึ้นไปนี้ หรือที่กำลังอยู่ในวัยเข้าโรงเรียน การสอนให้พวกเขามีหน้าที่ในการช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นการสอนการมีวินัยเชิงบวกที่ดีมากๆ ค่ะ ในหนึ่สัปดาห์อาจแบ่งหน้าที่เบาๆ ที่ไม่เกินกำลังของลูก ให้ได้ลองทำกัน เช่น

                      – เล่นของเล่นเสร็จแล้วให้เก็บใส่ของ วางบนชั้นให้เรียบร้อย

                      – หลังรับประทานข้าวอิ่มแล้วให้นำจาน ชามไปในที่อ่างล้างจาน

                      – ใส่เสื้อผ้า ติดกระดุมเอง

                      – คุณแม่กวาดบ้าน ลูกปัดฝุ่นบนโต๊ะ คุณพ่อถูพื้นบ้าน

                      งานทุกอย่างในบ้านให้ลูกมีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ได้นะคะ เป็นการฝึกให้ลูกมีวินัยเชิงบวก ยิ่งช่วงที่ต้องอยู่บ้านนานๆ แบบนี้ ฝึกลูกวันละเล็กวันละน้อย กว่าจะเปิดเทอม ลูกจะมีระเบียบวินัย และรู้หน้าที่ของตัวเองได้ดีมากขึ้นค่ะ

                      5. เล่านิทาน เล่นบทบาทสมมติ

                      การอ่านคือรากฐานสำคัญของชีวิตค่ะ ช่วงที่ต้องหยุดอยู่บ้านกันนานๆ แบบนี้ การสร้างเวลาคุณภาพให้กับสมาชิกในครอบครัวได้มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองหาหนังสือนิทาน หนังสือภาพดีๆ มาอ่าน มาเล่าไปพร้อมกับลูก หรือจะชวนกันเล่นบทบาทสมมติเป็นเจ้าหญิง เจ้าชาย กระรอก นก กระต่าย ต้นไม้ หมาป่า ฯลฯ ตามเนื้อหาในหนังสือนิทาน ก็สนุกตื่นเต้นเรียกเสียงหัวเราะได้ดีนะคะ

                      สำหรับกิจกรรมเล่นกับลูกที่บ้าน ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรม คุณพ่อคุณแม่สามารถสรรหามาเล่นกับลูกๆ ได้นะคะ จะเล่น บ้าน หรืออกมาเล่นหน้าบ้าน สิ่งสำคัญต้องดูแลระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของลูกด้วยนะคะ ถ้าออกมาเล่นนอกบ้านก็ต้องดูในเรื่องของแมลงสัตว์กัดต่อย อย่าให้มด หรือยุงมากัดลูกได้นะคะ ส่วนถ้าวิ่งเล่นไม่ว่าจะในบ้าน หรือนอกบ้าน ดูอย่า   ให้มีอะไรวางขวางอยู่บนพื้น เดี๋ยวลูกลิ่งหกล้ม ผิวหนังเป็นรอยฟกช้ำขึ้นได้ค่ะ

                      แต่ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะดูแลลูกให้เล่นอยู่ในสายตาตลอด ก็อาจมีบ้างที่จะเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ หรือโดนยุง แมลง   เล็กๆ กัด ต่อยได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญหากลูกถูกแมลงสัตว์กัดต่อย หรือหกล้มฟกช้ำ ต้องรีบดูแลบรรเทาอาการให้เร็วที่สุด

                      แซม-บัค ยาหม่องชนิดขี้ผึ้ง ตลับสีเขียว ใช้สำหรับทาเพื่อบรรเทาอาการยุงกัด แมลงสัตว์กัดต่อย ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอกตามร่างกาย หาซื้อได้ง่าย ตามร้านขายยาแผงปัจจุบันทั่วไป

                      โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยทาบางๆ และถูวน นวดบริเวณที่มีอาการ ตัวยาหม่องขี้ผึ้งสีเขียวเข้มนี้ มีส่วนประกอบสำคัญ คือการบูร ซึ่งดูดซึมง่ายบริเวณที่ทา และน้ำมันยูคาลิปตัส ช่วยบรรเทาอาการปวดได้

                      รู้หรือไม่ แซม-บัค มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย ยูคาลิปตัส เป็นส่วนประกอบหลัก 

                      น้ำมันยูคาลิปตัส

                      Fresh scent

                       

                      แซม-บัค ยาหม่องชนิดขี้ผึ้ง มี 2 แบบให้เลือกใช้ คือ แบบตลับ ขนาด 8 กรัม 18 กรัม และ 25 กรัม และแซม-บัค แบบกระปุกฝาเกลียว ขนาดบรรจุ 36 กรัม คุณแม่สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาในเซเว่นอีเลฟเว่น บู๊ทซ์ ร้านขายยาในบิ๊กซี และ ร้านขายยาชั้นนำใกล้บ้าน

                       

                      แซม-บัค ยาหม่องชนิดขี้ผึ้ง

                        อีสุกอีใสในเด็ก

                        อีสุกอีใสในเด็ก ลูกเล็กเสี่ยงแพ้ขั้นรุนแรง พ่อแม่ต้องรู้เท่าทัน!

                        อีสุกอีใสในเด็ก พ่อแม่ต้องดูแลลูกให้ดี หากเกิดกับลูกที่ยังเล็กมาก อาจทำให้แพ้ขั้นรุนแรง อาการของโรคอีสุกอีใส เป็นยังไง หากลูกเป็นแล้วจะมีวิธีดูแลหรือรักษาอย่างไร ตามไปดูกัน

                        เมื่อ โรคอีสุกอีใส เกิดกับลูกน้อย

                        อีสุกอีใสในเด็ก โรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใส ๆ ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15  ปี แต่อย่างไรก็ตามโรคอีสุกอีใสสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว การดูแลลูกที่ป่วยเป็น อีสุกอีใสในเด็ก จึงเป็นเรื่องสำคัญ

                        ทั้งนี้ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและหายเองได้ แต่อาจรุนแรงได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์ และทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกน้อยมีไข้ต่ำๆ และมีผื่นขึ้นตามตัว ควรรีบพาไปหาหมอเพื่อวินิจฉัยโรคทันที เพราะหากพบว่าลูกแพ้มีผื่นรุนแรง ก็อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการและภาวะแทรกซ้อน การตรวจวินิจฉัยโรคอย่างทันท่วงที และได้รับยาโดยเร็ว จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น … เช่นเดียวกับกรณีของหนูน้อยวัย 2 เดือนกว่าคนนี้ ที่ป่วยเป็น อีสุกอีใสในเด็ก

                        ซึ่งคุณพ่อคุณแม่และหนูน้อยครอบครัวนี้ เป็นคนไทยที่ไปอาศัยทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลี โดยหลังคลอดคุณพ่อคุณแม่ก็ได้พาน้องไปทำใบเกิด แต่หลังกลับมาวันแรก น้องก็เริ่มมีตุ่มขึ้น และไม่คิดว่าลูกจะมีอาการแพ้จนร้ายแรง .. ทั้งนี้คุณพ่อได้โพสต์ภาพและเล่าอาการของน้อง ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ ซับ ซีโร่ ด้วยความที่ชะล่าใจเพราะคิดว่าน้องเป็นแค่ อีสุกอีใส เลยไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้!!

                        โดยอาการโรค อีสุกอีใสในเด็ก ของหนูน้อยคนนี้ คือ แรกเริ่มมีตุ่มเล็กๆ ขึ้น ที่หน้าและขา 3 จุด แต่หลังจากนั้นในวันถัดมา ตุ่มเริ่มเยอะขึ้น และน้องก็มีไข้ต่ำๆ ร่วมกับท้องเสีย เมื่อได้พาน้องไปโรงพยาบาล แต่คุณหมอกลับบอกว่าติดไวรัส จึงให้ทานยา กลับมาได้ 3 วัน ทานยาตามหมอสั่ง อาการน้องไม่ดีขึ้น ตุ่มเยอะมากขึ้นจากไม่กี่จุด เต็มฝ่ามือ ฝ่าเท้า ตามตัว ปาก เลยได้พาน้องไปหาหมออีกโรงพยาบาลที่เป็นสำหรับเด็ก  แต่คุณหมอได้ให้ไปที่โรงพยาบาลใหญ่ เนื่องด้วยเครื่องมือไม่พอ จึงสุดท้ายย้ายไปที่โรงพยาบาลใหญ่

                        ซึ่งคุณหมอก็ได้ทำการตรวจโรค ตามขั้นตอน มีการเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ อุจาระ และเจาะไขสันหลัง พร้อมทั้งตรวจโคโรน่า และคุณหมอประเมินว่าต้องอยู่โรงบาล 10 ถึง 15 วัน

                        อีสุกอีใสในเด็ก
                        ภาพเท้าน้องที่เริ่มเปื่อย

                        วันที่ 17 เมษายน คุณพ่อได้เล่าอัปเดตอาการของน้อง ซึ่งหลังจากหลังจากนอนโรงพยาบาลมา 2 คืน ตอนนี้เท้าน้องเปื่อย และปากแตกเป็นแผลมีเลือดซึม กินนมไม่ได้

                        วันต่อมา 18 เมษายน อาการน้องยังทรงตัว เหมือนเดิมมีตุ่มเพิ่มขึ้นมาที่หน้า คุณหมอก็ยังบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นอะไร เช้านี้คุณหมอก็ได้มาเจาะเพื่อเอาเลือดไปตรวจอีก ซึ่งน้องก็ยังมีอาการไข้ขึ้นตลอดเวลา

                        อ่านต่อ >> “อาการโรคอีสุกอีใสในเด็กที่แพ้รุนแรง
                        พร้อมวิธีดูแลรักษาเมื่อลูกเป็นอีสุกอีใส” คลิกหน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          ห่วงลูกมากเกินไป

                          หมอเตือน!! อย่าเป็นพ่อแม่ที่ห่วงลูกมากเกินไปจนน่ารำคาญ

                          เมื่อลูกน้อยเริ่มโตขึ้น คุณพ่อ คุณแม่ก็เริ่ม ห่วงลูกมากเกินไป … เวลาที่ลูกจะไปไหนมาไหน บางครั้งก็เกิดปากเสียง ทะเลาะกันรุนแรง เพราะลูกรำคาญที่คุณพ่อคุณแม่คอยโทรตามอยู่บ่อยๆ หรือคอยเช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน กับใคร ทำอะไร และเป็นกังวลมาก จนไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไงดี?

                          3 วิธีแก้จากหมอ เมื่อพ่อแม่ ห่วงลูกมากเกินไป จนน่ารำคาญ!

                          สำหรับเรื่อง ห่วงลูกมากเกินไป จนทำให้ลูกรำคาญ นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์แผนกจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้ให้คำตอบของเรื่องนี้เอาไว้ ดังนี้…

                          สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกในช่วง 3 ขวบแรก

                          1. คุณพ่อคุณแม่ลองประเมินตัวเอง แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเลี้ยงเขาได้ อย่างมากที่สุดคือช่วง 3 ขวบแรก เขาจะมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นการประกันได้ในระดับหนึ่งว่า ลูกน้อยจะไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพราะมีคุณพ่อคุณแม่นั้นอยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด

                          เลี้ยงลูกให้ดีที่สุดในช่วง 10 ขวบแรก

                          2. การเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดในช่วง 10 ขวบแรก จะทำให้ลูกมีฐานความคิดที่ดี และมีความสามารถในการเข้าใจผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเอง ก็จะสามารถถอยห่างจากความเสี่ยงต่างๆ เหล่านั้นได้ เมื่อถึงเวลา

                          Must read >> รู้หรือไม่? แท้จริงแล้ว เรามีเวลาอยู่กับลูก ได้แค่ 10 ปีแรกเท่านั้น!

                          ห่วงลูกมากเกินไป

                          ลูกจะเริ่มไม่เชื่อฟังเมื่อเข้าสู่วัยเด็กโต

                          3. ถ้าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกได้ไม่เต็มที่ทั้ง 2 ช่วงวัย ก็อาจจะมีความเสี่ยงในการดูแลตัวเองของลูกน้อยสูงกว่า เพราะโดยทั่วไปแล้ว ลูกน้อยจะเริ่มไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเข้าสู่วัยเด็กโต และกลายเป็นวัยรุ่น

                          การพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ จึงไม่ควรทำกับเด็กในช่วงวัยนี้ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลงด้วย แล้วคุณพ่อคุณแม่เองจะถูกลูกกล่าวหาว่า “ขี้บ่น” และลูกจะไม่ฟังเราอีกต่อไป

                          อ่านต่อ “วิธีแสดงให้ลูกรู้ว่าห่วง ด้วยความคาดหวัง” คลิกหน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            ติดโควิดจากแม่

                            ลูก 2 ขวบ ติดโควิดจากแม่ ที่กลับจากโรงพยาบาล

                            นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร ได้แถลงสถานการณ์โควิด-19 รายวันทางเพจ “ชุมพรจัดทัพรับมือโควิด” ของสำนักงานสาธารณสุข จ.ชุมพร รายงานว่าพบ ลูก 2 ขวบ ติดโควิดจากแม่ ที่เป็นไข้เลือดออกและรักษาตัวที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์

                            เห็นข่าวแล้วพาให้ระแวงกันเข้าไปอีกสำหรับคนเป็นแม่ เมื่อเราก้าวออกจากบ้านไปในแต่ละวันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เช่น ไปทำงาน ไปทำธุระ เรามีความเสี่ยงที่จะรับเชื้อโควิด-19 ได้ทุกเมื่อ ล่าสุด คุณแม่ป่วยเป็นไข้เลือดออก ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และติดเชื้อโควิดกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว

                            หนูน้อยวัย 2 ขวบ 8 เดือนที่ติดเชื้อ COVID-19 รายนี้ เป็นลูกสาวของผู้ป่วยรายที่ 12 เพศหญิง อายุ 24 ปี ที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นไข้เลือดออก ในตึกอายุรกรรมหญิง ในโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เมื่อวันที่ 3-5 เม.ย.ที่ผ่านมา และแม่ได้ติดเชื้อจากผู้ป่วยข้างเคียง จากนั้นรักษาไข้เลือดออกหายและกลับไปที่บ้าน

                            ลูก 2 ขวบ ติดโควิดจากแม่ ได้อย่างไร?

                            ผู้ป่วยเด็กน้อยรายนี้ไม่ได้ไปไหนอยู่บ้านตลอดเวลา รับเชื้อจากแม่หลังกลับไปอยู่ที่บ้าน เริ่มป่วยวันที่ 19 เม.ย. และส่งตัวอย่างตรวจยืนยันผล 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการยืนยันพบเชื้อโควิด-19

                            ขณะนี้ทีมแพทย์ ได้นำเด็กวัย 2 ขวบ 8 เดือน (ผู้ป่วยรายที่ 16) ไปอยู่ร่วมกับแม่ เพื่อให้ดูแลกัน โดยทั้งคู่มีกำลังใจที่ดี

                            ทั้งนี้ยังมีรายงานพบความเชื่อมโยงของผู้ป่วยรายที่ 2-16 ของจังหวัดชุมพร ติดเชื้อต่อกันในตึกอายุรกรรมภายในโรงพยาบาลทั้งสิ้น และผู้ป่วยทุกคนอยู่ในกระบวนการสอบสวนโรคแล้ว

                            ทีมแม่ ABK ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่และลูกน้อยหายป่วยไวๆ และขอให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านปลอดภัยนะคะ

                            เตือน! เด็กมีความเสี่ยงสูงจากคนในบ้าน ญาติใกล้ชิด

                            ในกรณีที่มีผู้ป่วยยืนยันเป็นเด็ก (โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี) นิยามของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะต่างจากผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะเด็กไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ไปสถานที่ต่างๆ ดังนั้นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็จะเป็นคนในบ้าน ญาติที่ใกล้ชิด

                            เปรียบเทียบอาการ โควิด-19 ในเด็ก vs ผู้ใหญ่ต่างกันอย่างไร?

                            นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คหมอแก้ว ผลิพัฒน์ ระบุว่า…

                            ผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 89 จะมีอาการไข้
                            ร้อยละ 68 จะมีอาการไอ
                            ร้อยละ 14 จะมีอาการอ่อนเพลีย
                            มีน้ำมูกพบได้ค่อนข้างน้อยแค่ประมาณร้อยละ 5
                            ร้อยละ 15 มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
                            ร้อยละ 38 มีอาการอ่อนเพลีย
                            และร้อยละ 19 มีอาการหายใจลำบากหรือหายใจเร็ว

                            ในขณะที่เด็กจะมีอาการน้อยกว่า นั่นคือ
                            มีเด็กที่ป่วยด้วยโรคโควิดร้อยละ 42 ที่มีอาการไข้
                            ร้อยละ 49 มีอาการไอ (จะเห็นว่าอาการไอพบได้บ่อยกว่าไข้ ในเด็ก)
                            ร้อยละ 8 มีน้ำมูก

                            โควิด อาการ
                            อาการโควิด-19 ผู้ใหญ่ vs เด็ก

                            หากติดเชื้อแล้วจะเสียชีวิตมากน้อยแค่ไหน?

                            ในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยจะพบผู้ที่มีอาการรุนแรงค่อนข้างน้อย อายุมากขึ้นก็จะพบผู้ที่มีอาการรุนแรงมากขึ้นด้วย นั่นคือ

                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุน้อยกว่า 39 ปี 100 คน จะมีผู้เสียชีวิตเพียง 0.2 คน
                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุ 40-49 ปีหนึ่ง 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 0.4 คน
                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุ 50-59 ปีหนึ่ง 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 1.3 คน
                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุ 60-69 ปีหนึ่ง 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 3.6 คน
                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุ 70-79 ปีหนึ่ง 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 8 คน
                            • หากมีผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 14.8 คน

                            จะเห็นได้ว่าหากผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคโควิดจะมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า

                            เด็กแม้อาการจะไม่มาก แต่ถ้าในบ้านมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยกัน เด็กที่อาการไม่มากอาจทำให้ผู้สูงอายุติดเชื้อได้ ซึ่งหากผู้สูงอายุติดเชื้อขึ้นมาโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตก็จะสูงด้วย

                            ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ชุมพรจัดทัพรับมือโควิด ,  สยามรัฐ

                            บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                            วิจัยเผย “ยาฟ้าทะลายโจร” ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริง! 

                            8 วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า COVID-19 ฉบับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กโดยเฉพาะ!

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ข้อความจากคุณหมอ ฝากถึงคนไทยทุกคน

                              “หมอชนะ” คือใคร แล้วเราจะชนะโควิดไปได้อย่างไร? จากความร่วมมือของกลุ่มคนไทยที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน และปกป้องบุคลากรทางการแพทย์คัดกรองประวัติกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วและปลอดภัย แอปหมอชนะ จะพาเราชนะ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมฟังก์ชั่นที่จะช่วย ให้คุณและคนรอบข้างใช้ชีวิตได้สบายใจมากขึ้น #โหลดแอปหมอชนะ #หมอชนะ

                              ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม

                              https://www.facebook.com/MorchanaApp/videos/230280724748468/

                                Tags

                                สัตว์เลี้ยงแสนรัก

                                ติดอยู่บ้านทั้งที เป็นช่วงเวลาดีๆ มากรูมมิ่งเจ้าตัวน้อยกันเถอะ

                                หลายคนคงมีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่กับบ้าน ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าตูบ หรือเจ้าเหมียวแสนรักมากขึ้น โคโรน่าไวรัสนี่ก็มีเรื่องดี ให้คุณได้สานสัมพันธ์กับลูกรักของคุณได้มากขึ้น เพราะในยามปกติคุณต้องรีบตื่นเช้าออกไปทำงาน หรือไปเรียนหนังสือ กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำด้วยความเหนื่อยล้า ไม่ได้มีโอกาสได้เล่นกันอย่างเต็มที่ ทั้งที่อยากกอด อยากหอมใจจะขาด

                                สัตว์เลี้ยงแสนรัก กับชุดกรูมมิ่งน่ารัก น่าใช้ 

                                JUST BUY เสื้อผ้าสุนัข สีฟ้า

                                JUST BUY เสื้อผ้าสุนัข สีฟ้า เพิ่มความน่ารักสดใสให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณด้วยเสื้อผ้าสุนัขผลิตจากเนื้อผ้าคุณภาพดี เนื้อผ้านิ่ม สวมใส่สบาย ระบายอากาศดี ไม่อับชื้น

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies/dogs

                                 

                                DOGGYDOLLY ชุดกระโปรงสุนัข

                                DOGGYDOLLY ชุดกระโปรงสุนัข ลายเชอร์รี่ รุ่น D458 สีขาวเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณให้อยู่ในชุดแฟชั่นสุดน่ารัก ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัย ตัดเย็บจากเนื้อผ้าคุณภาพดี แปลงโฉมสัตว์เลี้ยงของคุณให้ดูดีในทุกชุด

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies/dogs/clothing-and-accessories

                                 

                                DOGGYDOLLY ชุดเสื้อสุนัข

                                DOGGYDOLLY ชุดเสื้อสุนัข ต่อกางเกงยีนส์ รุ่น C207 สีขาว-ฟ้า เปลี่ยนสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณให้อยู่ในชุดแฟชั่นสุดน่ารัก ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัย ตัดเย็บจากเนื้อผ้าคุณภาพดี แปลงโฉมสัตว์เลี้ยงของคุณให้ดูดีในทุกชุด

                                 

                                เบาะนอนสัตว์เลี้ยง

                                JUST BUY เบาะนอนสัตว์เลี้ยง สีน้ำเงิน ขนาด 21 x 27 x 10 ซมเพิ่มความสุขและความสบายให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย เบาะนอนสัตว์เลี้ยงที่นอนแล้วเย็นผ้าไม่อมความร้อน ขนาดพอดีกับสุนัขและแมวขนาดเล็ก ผลิตจากเนื้อผ้าคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนาน

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies

                                 

                                ผ้าเปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง

                                ABSORB PLUS ผ้าเปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง กลิ่นแป้งเด็กอ่อนโยน ผ้าเปียก หรือทิชชู่เปียกกลิ่นแป้งเด็ก หอมแบบอ่อนโยน ช่วยเช็ดทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงของคุณแทนการอาบน้ำ ซึ่งจะช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณรู้สึกผ่อนคลาย และสบายตัว โดยไม่ทำให้เกิดความระคายเคือง

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies/dogs/dog-clean-up-and-toilet

                                 

                                แผ่นรองฉี่สุนัข

                                FRESH PADS แผ่นรองฉี่สุนัข กลิ่นหญ้าฤดูใบไม้ผลิ ดูแลสุขภาพสุนัขตัวโปรดของคุณให้ถูกสุขลักษณะ ด้วยแผ่นรองซับ แผ่นรองฉี่สุนัข สะดวกสบายได้ทุกที่ หมดกังวลเรื่องเลอะเทอะ

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies/dogs/dog-clean-up-and-toilet

                                DOG PEE PADS แผ่นรองฉี่สุนัข

                                DOG PEE PADS แผ่นรองฉี่สุนัข แบบซักได้ ไซส์ S ขนาด 35 x 45 ซม. สีเทา ดูแลสุขภาพการขับถ่ายของสุนัขตัวโปรดของคุณให้ถูกสุขลักษณะ ด้วยแผ่นรองซับ แผ่นรองฉี่สุนัข แบบซักได้ ประหยัด ซักง่าย สะดวกสบาย ไร้แบคทีเรีย ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ ป้องกันการซึมเปื้อนได้ 100% ใช้งานได้มากกว่า 1 ปี ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เพียงฉีดน้ำใส่สิ่งสกปรกแบบแผ่นรองซับแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง

                                https://www.robinson.co.th/th/home-living/pet-supplies

                                ช่วงเวลานี้ พอมีเวลาว่างอยู่ติดบ้าน ดูแลเอาใจใส่ หาของใช้น่ารักๆ ให้ลูกน้อย มากรูมมิ่ง แต่งเนื้อแต่งตัวสุดที่รักของให้คุณดูดี ให้ตูบน้อย เหมียวน้อยแฮปปี้ วิบวับ ซาบซ่าอย่างสุดๆ กันดีกว่าค่ะ

                                  เรียนออนไลน์

                                  4 ผลกระทบของการให้เด็ก เรียนออนไลน์ (ใช้สื่อ online)

                                  หมอเด็กเตือน! ผลกระทบของการให้เด็ก เรียนออนไลน์ ไม่ควรใช้สื่อออนไลน์สอนลูกอนุบาล อาจทําให้เกิดผลเสียทั้งสุขภาพกาย จิตใจและส่งผลต่อการเรียนรู้ระยะยาว

                                  หมอเด็กเตือน! ผลกระทบของการ เรียนออนไลน์
                                  (ใช้สื่อ online) ในเด็กและวัยรุ่น

                                  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้มีคำสั่งปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ใน 28 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ตาก นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง ชุมพร และระนอง  ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 หรือจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง

                                  ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี 2563 ช่วงโควิด 19 ระบาดระลอกแรก ก็ได้มีเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ของทุกสถานศึกษาทั่วประเทศไทย จากวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดการเรียนการสอนออนไลน์ทั้งครู และนักเรียน รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จะใช้รองรับการเรียนการสอนผ่านระบบดังกล่าว ซึ่งในเดือนพฤษภาคมจะเริ่มออนแอร์การเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบทีวีดิจิทัล เพื่อให้เด็กปรับตัวกับการ เรียนออนไลน์ และทดลองสัญญาณในการออกอากาศ อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการเตรียมดำเนินการที่จะจัดซื้อแท็บเล็ตแจกนักเรียนอีกด้วย

                                  เรียนออนไลน์

                                  Must read >> หมอเผย 4 เหตุผลสำคัญ ทำไมต้อง เลื่อนเปิดเทอม เป็น 1 ก.ค.63

                                  Must read >> แนะ!12 กิจกรรมให้ลูกทํา สุดเจ๋ง เมื่อต้องอยู่บ้านหนีโควิด19+ปิดเทอมยาว

                                  ซึ่งสำหรับเรื่อง การเรียนการสอนในช่วงที่โควิด 19 ยังระบาด โดยทำให้เด็กๆ นักเรียนและนักศึกษา ต้อง เรียนออนไลน์ และใช้สื่อ online อินเตอร์เน็ต เทคโนดลยีต่างๆ เข้ามาร่วมด้วย … ทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (รวทก.) และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (สกท.) จึงได้ออกมาประกาศ แนะนำถึงเรื่องการใช้สื่อ online ในเด็กและวัยรุ่น ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ว่า..

                                  ได้เล็งเห็นว่าการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละวัน ผสมผสานกับการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัว จะช่วยส่งเสริมความรัก เพิ่มคุณธรรม จริยธรรม และพัฒนาความสามารถด้านต่างๆ รวมถึงการเรียนรู้ด้านวิชาการให้มากขึ้น

                                  เรียนออนไลน์

                                  แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เด็กและวัยรุ่นต้องใช้ชีวิตในบ้านและมีโอกาสใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น จนอาจทำให้เกิดผลเสียทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ที่สำคัญคืออาจจะส่งผลต่อการเรียนรู้ในระยะยาว ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะการใช้สื่อออนไลน์ในเด็กและวัยรุ่น ดังนี้

                                  1. ไม่สนับสนุนการแจก tablet ให้แก่เด็กทุกคนเพื่อใช้ในการเรียนการสอน โดยที่ระบบสนับสนุนยังไม่พร้อม

                                  2. การเรียนการสอน online สําหรับเด็กนักเรียนทั้งหมด ไม่สามารถทดแทนการสอนตามปกติ แต่สามารถนํามาใช้ในสถานการณ์พิเศษชั่วคราวได้ ทั้งนี้ต้องคํานึงถึงความพร้อมของเด็กแต่ละวัย พ่อแม่ ความสามารถของครู และบริบทที่แตกต่างกัน

                                  3. ไม่แนะนําการเรียนการสอนโดยใช้สื่อ online ในเด็กอนุบาล โดยขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน(พ่อแม่ครู)

                                  4. การปล่อยให้เด็กและวัยรุ่นอยู่กับสื่อออนไลน์ นานกว่าที่ รวกท กําหนดไว้ (1 ชม. ในเด็กเล็ก 2 ชม. ในเด็กโต)อาจทําให้เกิดผลเสียทั้งสุขภาพกาย จิตใจและส่งผลต่อการเรียนรู้ระยะยาว

                                  Must read >> ลูกติดจอ ติดมือถือ แก้ได้ด้วยกฎ 3 ต้อง 3 ไม่

                                  Must read >> แก้ปัญหาลูกติดมือถือ ง่ายๆ ด้วย คู่มือตารางเวลา จากกรมสุขภาพจิต

                                  เรียนออนไลน์
                                  ประกาศการ ใช้สื่อ online ในเด็กและวัยรุ่น ภายใต้สถานการณ์โควิด-19  จาก ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

                                  อย่างไรก็ตามทีมแม่ ABK มองเรื่องนี้ว่า หากเด็กๆ จำเป็นต้อง เรียนออนไลน์ ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ คุณภาพของสื่อที่ใช้หน้าจอต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ คือ ถ้าพ่อแม่ให้เด็กดูสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ใช้ติดต่อเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ใช้แอพส่งเสริมพัฒนาการ ใช้เรียนภาษา และอื่นๆซึ่งการใช้สื่อออนไลน์ในการเรียนการสอนก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีซะทีเดียว เพราะสุดท้ายสิ่งสำคัญคือขึ้นอยู่กับการรับมือ สร้างตารางกิจกรรมดีๆ ให้ลูกทำตลอดช่วงปิดเทอมยาวโดยมีเวลา “ไร้หน้าจอ” ที่สร้างสมดุลย์ ปรับตามบริบทของครอบครัวไปด้วยก็น่าจะเพียงพอแล้ว

                                  อ่านต่อบทความอื่นๆ น่าสนใจ


                                  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (รวกท)

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    ยาฟ้าทะลายโจร

                                    วิจัยเผย “ยาฟ้าทะลายโจร” ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริง!

                                    กระทรวงสาธารณสุข พบ ยายับยั้งเชื้อ covid 19 แล้ว จากผลวิจัยเผย! ยาฟ้าทะลายโจร สมุนไพรไทย ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้ ย้ำหากไม่มีอาการไม่ควรกินยาเพื่อป้องกัน

                                    วิจัยเผย! ยาฟ้าทะลายโจร ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริง! 

                                    ก่อนหน้านี้ช่วงเดือน มี.ค. 63 ที่ผ่านมา ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับสารสกัด “ยาฟ้าทะลายโจร” ว่าสามารถยับยั้งการเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้!! … ทำให้หลายคนสงสัยว่า ฟ้าทะลายโจร รักษาโควิด 19 ได้จริงหรือ? และในส่วนของคนที่เชื่อ ก็แห่ไปหาซื้อ ยาฟ้าทะลายโจร มากินป้องกันหวังเป็นยาเพื่อรักษาโรค COVID-19

                                    Must read >> ฟ้าทะลายโจร ป้องกันโควิดได้หรือไม่?

                                    ขณะที่ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ประธานวิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่า ยาฟ้าทะลายโจร สามารถใช้ป้องกันหรือรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อโควิด-19 แต่ฟ้าทะลายโจรมีข้อมูลที่สนับสนุนการใช้ป้องกันและรักษาอาการที่เกิดจากหวัดธรรมดา (common cold) เช่น อาการไอ เจ็บคอ มีไข้

                                    ยาฟ้าทะลายโจร
                                    ต้นฟ้าทะลายโจร

                                    และประเด็นนี้เองจึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ในห้องปฏิบัติการเพื่อหายาต้าน COVID-19 อย่างจริงจัง มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม จนถึงตอนนี้ก็ร่วม 2 เดือน >> ซึ่งล่าสุด นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าการศึกษาวิจัยของ ยาฟ้าทะลายโจร ที่มีต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า…

                                    เป็นที่ทราบกันดีว่า “ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์สำคัญ 4 อย่าง คือ

                                    • กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
                                    • ต้านไวรัส
                                    • ต้านการอักเสบ
                                    • ลดไข้

                                    ซึ่งมีงานวิจัยมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อ 10 ปีก่อนที่มีโรคซาร์สระบาด จีนได้ศึกษาวิจัยว่าสามารถต้านไวรัสโคโรนาซาร์สได้ และทางจีนก็ได้พัฒนาฟ้าทะลายโจรเป็นยาฉีดร่วมการรักษาโรคโควิด-19

                                    สำหรับประเทศไทยกรมแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ศึกษาฤทธิ์ของ ฟ้าทะลายโจร ในหลอดทดลองเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในหลอดทดลองได้ผลดีในการยับยั้งไวรัสโควิด แต่ต้องมาคำนวณว่าระดับของยาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร

                                    อ่านต่อ >> “ผลการทดลองของฟ้าทะลายโจร
                                    ที่มีต่อเชื้อไวรัส โรคโควิด-19” คลิกหน้า
                                    2

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่