Page 177 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

กิจกรรมสร้างสรรค์

Apple แนะนำ 30 กิจกรรมสร้างสรรค์ ให้ลูกทำบน iPhone, iPad (ดาวน์โหลดฟรี)

ในช่วงที่มีวันหยุดยาวนาน คุณพ่อคุณแม่ต่างก็สรรหากิจกรรมมาให้เด็ก ๆ เล่นแก้เบื่อ ค่ายมือถือ Apple ก็จัด กิจกรรมสร้างสรรค์ มาให้เด็ก ๆ ได้ใช้เครื่องมืออย่าง iPhone และ iPad ให้เกิดประโยชน์ นอกจากด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมแล้ว ยังมีฟังก์ชั่น บน iPad หรือ iPhone ที่ได้ออกแบบมาให้เด็ก ๆ ได้ใช้เวลาว่าง และเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์มากขึ้นผ่านการใช้งาน ทำให้รู้จักคิดนอกกรอบ รู้จักสังเกต โดยกิจกรรมเหล่านี้ เด็กๆ สามารถเรียนรู้และทดลองทำได้ด้วยตัวเอง หรือจะสนุกพร้อมกันทั้งครอบครัวก็ได้ เช่น การบันทึกวิดีโอไทม์แลปส์ขณะทำของว่างจานโปรด หรือสังเกตน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลาย การทายปริศนาผ่านอิโมจิ การถ่ายภาพไปจนถึงการสร้างการ์ตูนมากมาย ฯลฯ มีกิจกรรมอะไรสนุก ๆ และน่าสนใจบ้างมาดูและไปดาวน์โหลดตัวกิจกรรมฟรี ๆ กันเลย

Apple แนะนำ 30 กิจกรรมสร้างสรรค์ ให้ลูกทำบน iPhone, iPad

creative for kid
creative for kid

1.Personify something “แปลงโฉมเป็นอะไรดี”

ชวนเด็ก ๆ ไปถ่ายรูปของใกล้ตัวในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ จากนั้นคลิกรูปที่ถ่ายไว้ แล้วแตะไปที่ “แก้ไข” เลือกแตะจุดสามจุดตรงด้านขวาล่างในไอโฟนหรือด้านขวาบนในไอแพด เพื่อใช้ฟังก์ชั่น Markup วาดและแปลงโฉมออกมาเป็นตัวการ์ตูนตามสีสันลวดลายที่ได้ครีเอทกันเลย

2.Capture a time-lapse video “บันทึกวิดีโอไทม์แลปส์”

เลือกโหมดไทม์แลปส์ในแอพกล้อง เพื่อตั้งให้บันทึกวิดีโอไทม์แลปส์ขณะที่กำลังสร้างป้อมหรือปราสาทจากบล็อก หรือในตอนที่กำลังทำของว่างจานโปรด แม้กระทั่งตอนเช็ดทำความสะอาดของเล่น หรือตอนที่นั่งดูน้ำแข็งที่ค่อยๆ ละลาย แตะปุ่มบันทึกเพื่อเริ่มบันทึกวิดีโอ แตะอีกครั้งเมื่อบันทึกเสร็จแล้ว จากนั้นก็มานั่งดูผลการบันทึกในโหมดไทม์แลป์ว่าแต่ละวินาทีของกิจกรรมมันน่าสนใจแค่ไหน

3.Make coloring sheets “ทำสมุดระบายสี”

ถ่ายภาพสนุก ๆ ซักสองสามภาพ จากนั้นให้เปิดที่รูปถ่ายแล้วแตะ แก้ไข ใช้ฟิลเตอร์ขาวดำให้ภาพเปลี่ยนเป็นสีขาวดำเพื่อทำให้เป็นสมุดระบายสีของตัวเอง แล้วใช้ฟังก์ชั่น Markup เพื่อเติมสีที่ต้องการลงไป จากนั้นนำภาพที่ระบายสีไปสร้างเป็นสมุดระบายสีด้วยแอพ Pages กันดูค่ะ

4.Picture your name “ใช้ภาพแทนชื่อ”

ถ่ายภาพตัวอักษรที่มีพยัญชนะเป็นชื่อของตัวเอง โดยตัวอักษรนั้นอาจอยู่ในหนังสือหรือป้ายอะไรก็ได้ จากนั้นครอปภาพตัวอักษรแต่ละตัวตามชื่อของตัวเองในแอพรูปภาพ แล้วนำภาพตัวอักษรมาเรียงให้ได้เป็นชื่อของตัวเองในแอพ Key Note ดูค่ะ

5.Go on a photo walk “ออกเดินถ่ายรูปกัน”

ลองตั้งโจทย์การถ่ายภาพวันนี้ให้เป็นสีหรือขึ้นตัวอักษรใดอักษรหนึ่ง แล้วไล่ถ่ายรูปตามสีหรือตัวอักษรนั้น ๆ จากนั้นนำรูปมาทำเป็นภาพตัดปะหรือวิดีโอสไลด์ในแอพ Key Note ค่อย ๆ เพิ่มแต่ละรูปภาพที่ถ่ายลงไป ก่อนใส่เสียงพูดหรือข้อความ

6.See color in slo-mo “ดูสีต่างๆ แบบสโลว์โมชั่น”

เลือกโหมดสโลว์โมชั่นในแอพ Camera เพื่อบันทีกวิดิโอตอนที่กำลังทำกิจกรรมอะไรดูซิ เช่น ตอนที่กำลังหยดสีผสอาหารลงในน้ำ หรือตอนกำลังเป่าบับเบิ้ล ก็จะได้คลิปวิดีโอภาพแบบสนุก ๆ เอาไว้ดูกันแล้ว

7.Emojify your mood “ใช้อิโมจิบอกอารมณ์”

ใช้แอพ Key Note เพื่อสร้างสไลด์ จากนั้นแตะเครื่องหมายบวกเพื่อใช้เครื่องมือวาดภาพ ลองใช้รูปวงกลม เติมรูปตาแปลก ๆ หน้าตามีความสุข คิ้วที่บ่งบอกอารมณ์ หรือจะใช้รูปทรงและภาพต่าง ๆ ลงไป สร้างเป็นรูปอิโมจิของตัวเอง

8.Storyboard your daily routine “เล่ากิจวัตรประจำวันด้วยสตอรี่บอร์ด”

ชวนเด็ก ๆ ให้ถ่ายรูปกิจกรรมหรือกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ จากนั้นใช้แอพ Keynote เพื่อนำรูปเหล่านั้นมาใส่ข้อความ ระบุเวลา และเพิ่มช่องทำเครื่องหมายให้แต่ละกิจกรรม สร้างเป็นตาราง to do list ของเด็ก ๆ ในแต่ละสัปดาห์กันค่ะ และเมื่อทำข้อไหนแล้วอย่าลืมมากาเครื่องหมายในแต่ละวันด้วยนะ!

9.Calendar together “รวมปฏิทินเข้าด้วยกัน”

ดาวน์โหลดตารางปฏิทิน แสนสนุกนี้เอาไว้บอกวัน เดือน ฤดู สภาพอากาศ อุณหภูมิ หรือแม้แต่อารมณ์ของตัวคุณเอง!

10.Find shapes in nature “ค้นหารูปทรงที่ซ่อนอยู่”

ชวนกันไปถ่ายรูปอะไรก็ได้นอกบ้าน คลิกที่รูปภาพที่ถ่ายไว้ แตะแก้ไข และแตะเครื่องหมายจุดสามจุดใช้ฟังก์ชั่น Markup เพื่อลอกลายรูปทรงทั้งหมดที่หาเจอในรูปภาพ ลองดูซิว่ามีวงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงรี ฯลฯ อยู่กี่รูปกันนะ

11.Make a simple book “ลองทำหนังสือง่ายๆ สักเล่ม”

ให้เด็ก ๆ ลองแต่งเรื่องไว้ในใจสักเรื่อง ก่อนลงมือถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอขณะกำลังทำท่าทางต่าง ๆ แล้วทำหนังสือขึ้นมาสักเล่มที่ประกอบด้วยรูปที่ถ่ายแต่ละรูปหรือแต่ละท่าทางที่อัดไว้ เพิ่มรูปถ่ายและวิดีโอลง ด้วยแอพ Pages พร้อมกับคำบรรยายเรื่องราว ตบท้ายด้วยการตกแต่งด้วยภาพวาด รูปทรงหรือภาพอิโมจิ

12.Tell a story with shapes “เล่าเรื่องด้วยรูปทรง”

ใช้แอพ Pages โดยแตะเครื่องหมายบวกตรงด้านขวาบนเพื่อเปิดเมนูรูปทรง เพิ่มรูปทรงต่าง ๆ จากเมนูลงบนหน้าเปล่า ก่อนเรียงใหม่ให้เป็นเรื่องราว พยายามเรียงรูปทรงที่เหมือนกันออกมาเป็นแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างเรื่องราวที่ต่างกันสามเรื่อง

13.Record news interviews “อัดเสียงเป็นผู้ประกาศข่าว”

สนุกไปกับการอัดเสียงตัวเอง หรือเล่นบทบาทสมมติด้วยการถามและตอบคำถามเป็นนักข่าว ผู้ประกาศข่าว พิธีกร ฯลฯ โดยใช้เครื่องอัดเสียงในแอพ GarageBand ลองใช้ระบบเสียงและเสียงแบบต่างๆ หรืออัดเสียงเป็นมนุษย์ต่างดาวตอนรายงานสภาพอากาศนอกโลก หรือแปลงร่างเป็นกระรอกกำลังเก็บถั่วในสนามดูซิค่ะ

14.Create a comic strip “ทำการ์ตูนช่อง”

ถ่ายรูปตัวเองและของเล่นสุดโปรดแต่ละชิ้นที่จะใช้เป็นตัวการ์ตูนรวมกันไว้ ใช้แอพ Clips แตะปุ่มอัดค้างเอาไว้เพื่อนำเข้ารูปถ่ายในแอพรูปภาพ และใช้เอฟเฟกฟิลเตอร์ตัวการ์ตูนเพื่อแปลงโฉม แล้วอัดเสียงพากย์ลงไปก็ได้นะ

15.Get your questions answered “ตั้งคำถามหาคำตอบ”

เด็ก ๆ มักจะมีคำถามหรือความสงสัยเสมอ เช่น ทำไมท้องฟ้าเป็นสีฟ้า หรือช้างจะหนักสักเท่าไหร่กันนะ ลองให้เด็ก ๆ ถาม Siri เพื่อช่วยค้นหาคำตอบดูสิ

อ่านต่อ กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ 16-30  คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    อาการไข้เลือดออกในเด็ก

    แม่เล่าอาการ “ลูกเป็นไข้เลือดออก ครั้งที่ 2” อันตรายมาก เตือนอย่าให้ป่วยซ้ำ!

    อาการไข้เลือดออกในเด็ก หากลูกเป็นไข้เลือดออกครั้งที่ 2 เป็นแล้ว เป็นซ้ำอีก จะยิ่งอันตราย เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง พ่อแม่ควรระวังและสังเกตอาการให้ดี!

    อาการไข้เลือดออกในเด็ก
    หากป่วยครั้งที่ 2
    เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง!

    สำหรับข่าวเรื่องโรคภัยไข้เจ็บในประเทศไทยบ้านเราช่วงนี้ นอกจากโรคโควิด19 แล้ว ก็ยังมีโรคเจ้าถิ่นที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ และมีความน่ากลัวไม่แพ้กัน นั่นคือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังมีข่าวผู้ติดเชื้อไวรัส covid-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางเฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ซึ่งเป็นเพจที่มีชื่อเสียงด้านการให้ข้อมูลทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือ เชื้อรา ก็ได้ออกมาโพสต์เตือนประชาชนชาวไทย ให้เตรียมระวัง โรคไข้เลือดออก ไว้ด้วย … หลังกรมควบคุมโรค ออกมาเปิดเผยว่า ปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสูงถึง 10,000+ ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 9 รายด้วยกัน (ตัวเลขในวันที่ 28 เม.ย. 63)

    Must read >> พ่อแม่ต้องรู้! 10 ความแตกต่าง อาการไข้เลือดออก vs อาการโควิด 19

    ขอบคุณภาพจากเพจ : Infectious ง่ายนิดเดียว

    ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออก ซึ่งมี “ยุง” เป็นพาหะนำโรค มักจะระบาดหนักในช่วงฤดูฝน คือตั้งแต่เดือน มิถุนายน, กรกฏาคม และสิงหาคม 2563 (แต่ปีนี้มาเร็ว) โดยรวมทั้งปีจะพบผู้ป่วยไข้เลือดออก คาดว่าอาจสูงถึง 7 หมื่นคน

    ซึ่งกลุ่มเสี่ยงมี อาการไข้เลือดออกในเด็ก เป็นเด็กวัยเรียน 5-14 ปี และกลุ่มเสี่ยงที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นวัยผู้ใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป จึงจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ควรใช้โอกาสช่วงอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 และป้องกันโรคไข้เลือดออกควบคู่ไปด้วย โดยทำความสะอาด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายภายในบ้านและรอบบริเวณบ้าน ก่อนเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของไข้เลือดออก

    ทั้งนี้สำหรับการติดเชื้อไข้เลือดออกและภาวะความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก ผศ.นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายไว้ว่า… ไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อ ไวรัสแดงกี่ ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ทั้งนี้ในประเทศไทยมีเชื้อไวรัสแดงกี่อยู่ 4 สายพันธุ์ ตั้งแต่ไม่รุนแรงจนกระทั่งรุนแรง หรือขั้นภาวะช็อก บางชนิดทำให้เกิดความรุนแรงมากกว่าบางชนิด แต่โดยรวมแล้วทั้ง 4 สายพันธุ์มีโอกาสทำให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยจะเป็นชนิดที่ 2 จำนวนมาก จะระบาดปีเว้นปี เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่าปีนี้มีผู้ป่วยสูง แต่เมื่อเทียบกับปี 2556 ถือว่ายังน้อย และสามารถควบคุมได้ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากพบว่า ลูกมี อาการไข้เลือดออกในเด็ก เป็นไข้สูงกว่า 3 วัน ควรรีบพาไปพบแพทย์ด่วน และถ้าหากลูกเคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน จะมีอาการรุนแรงขึ้น หากเกิดภาวะช็อก เสี่ยงต่อการแทรกซ้อนของโรคต่างๆ สูงได้!!!

    เช่นเดียวกับกรณีของหนูน้อยเด็กชายคนนี้ที่ป่วย เป็นไข้เลือดออกครั้งที่ 2 และมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ มากจนน่าสงสารเลยทีเดียว โดยผู้เป็นแม่ได้เล่า อาการไข้เลือดออกในเด็ก ของลูกน้อย ให้กับทีมแม่ ABK ฟังว่า…

    น้องป่วยครั้งแรกตอนอายุได้ 2 ขวบกว่า … อาการ คือ มีไข้ กินยาลดไข้ก้อไม่ลด เป็นมาหลายวัน แล้วเริ่มซึม คุณแม่ก็ชักไม่แน่ใจว่า เป็นไข้ธรรมดาหรืออะไรนะคะ กลางคืนน้องตัวร้อน เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ลด เลยตัดสินใจพาไป รพ.เอกชน ตรวจเลือด ได้ผลคือ ลูกเป็นไข้เลือดออก ที่แขนน้องก็เริ่มเห็นเป็นจุดๆ จากนั้นก็กลับไป แอดมิท รพ.ใกล้บ้าน แอดมิทไป 4-5 วัน หมอก็ให้น้ำเกลืออย่างเดียว เหงื่อน้องออกเยอะมาก อาการดีขึ้น แต่ทานไม่ค่อยได้

    ซึ่งคุณแม่ยังบอกต่ออีกว่า … ในตอนนั้นยอมรับคุณแม่ไม่รู้เรื่องเลยเกี่ยวโรคนี้เลย เพราะไม่คิดว่าจะเป็นกับลูกตัวเอง พยาบาลที่มาตรวจก็ไม่ได้แจ้งอะไร จนน้องอาการดีขึ้นเลยได้กลับบ้าน หลังจากนั้นคุณแม่เริ่มศึกษาอาการของไข้เลือดออกอย่างจริงจัง

    อ่านต่อ >> “อาการไข้เลือดออกในเด็ก ครั้งที่ 2
    เป็นซ้ำอีก ยิ่งอันตราย”
    คลิกหน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      ลูกชอบร้องงอแง

      แม่แชร์ 11 วิธีรับมือ “ลูกชอบร้องงอแง” เทคนิคดีจากหมอญี่ปุ่น!

      บ้านไหนมีลูกอยู่ในวัยกำลังโต ลูกชอบร้องงอแง ร้องกรี๊ด เกรี้ยวกราด เอาแต่ใจ พ่อแม่ไม่รู้จำทำยังไง? ตามมาดูวิธีรับมือเมื่อ ลูกงอแง ประสบการณ์ตรงจากคุณแม่ที่ได้คำแนะนำจากคุณหมอญี่ปุ่น

      แม่แชร์เทคนิคจากหมอญี่ปุ่น วิธีรับมือ ลูกชอบร้องงอแง

      เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนต้องเคยเจอปัญหา ลูกชอบร้องงอแง เอาแต่ใจ เกรี้ยวกราด โมโหร้าย ซึ่งลักษระพฤติกรรมของลูกแบบนี้ มักเกิดในช่วงวัยที่กำลังโต ซึ่งเมื่อลูกถูกขัดใจ ก็จะแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น ชอบร้องกรี๊ด ลูกงอแง เอาแต่ใจ ตีตัวเอง และตีคนอื่น รวมไปถึงชอบทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้น หรือ ลูกชอบปาทำลายของ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้หากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกทำไปเรื่อยๆ โดยไม่แก้ไข อาจส่งผลเสียต่อตัวลูกน้อยในอนาคตได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรีบแก้ไขเพื่อให้ลูกน้อยมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม

      ลูกชอบร้องงอแง

      ดังนั้นทีมแม่ ABK จึงมีแนวทางในการ รับมือ ลูกชอบร้องงอแง ร้องกรี๊ด เกรี้ยวกราด มาฝาก … ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจจาก “คุณแม่ริ” คุณแม่คนไทยที่ไปอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น โดยมีลูกน้อยสุดน่ารัก ชื่อ “น้องซาริ” ในวัย 1 ขวบ โดยตัวคุณแม่ริเองก็เจอกับปัญหา น้องซาริ ที่อยู่ในวัยกำลังโต ชอบร้องงอแง คุณแม่จึงไปปรึกษาคุณหมอเด็กของญี่ปุ่น และนำคำแนะนำที่ได้จากคุณหมอ มาใช้กับน้องซาริ ซึ่งก็ได้ผลดี คุณแม่ริจึงนำมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน

      🌸 โดยคุณแม่ริกล่าวว่า… สำหรับเด็กที่เริ่มโต จะเริ่มมีความงอแง และเกรี้ยวกราดเยอะขึ้น

      • ร้องกรี๊ด
      • ร้องไห้ดังๆ
      • ขว้างปาข้าวของ
      • รายที่หนักๆ ก็หัวโขกพื้น
      • ลงไปนอนดิ้น
      • ทุบตี ฯลฯ

      🌸 สาเหตุหลักๆ ส่วนใหญ่มาจาก

      • เพราะลูกยังไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ เนื่องจากศักยภาพไม่เพียงพอ จนทำให้รู้สึกหงุดหงิด เช่น จะใส่รองเท้าเอง แต่ทำไม่ได้สักที
      • สำหรับเด็กเล็ก เนื่องจากลูกยังพูดหรือสื่อสารไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถบอกความรู้สึก ความต้องการ หรือสื่อความหมายไม่ได้จนรู้สึกหงุดหงิด
      • ลูกยังไม่รู้ทันอารมณ์ของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะจัดการกับตัวเองยังไง

      🌸 ความรู้สึกที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เป็นรากของอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ที่ทำให้ลูกกลายเป็นคนหงุดหงิด งอแง โวยวาย และเอาแต่ใจ

      ดังนั้นเราจึงต้องพยายามเข้าใจในความต้องการของเด็ก และไม่เล่นกับความรู้สึกเด็ก เพราะเด็กยังไม่รู้จักการล้อเล่นแบบผู้ใหญ่ ( kidding ) ( ถ้าจะ kidding เด็ก ควรเลือกเป็นช่วงเด็กอารมณ์ดีนะ ไม่ใช่ช่วงที่เค้าหงุดหงิด )

      อ่านต่อ >> “วิธีรับมือเมื่อลูกร้องไห้งอแง
      เอาแต่ใจ และอาละวาด” คลิกหน้า 2

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        คำคมความรัก

        คำคมความรัก 2021 รวมแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ

        การแสดงความรู้สึก แง่คิด หรือมุมมองความรักในด้านต่าง ๆ ผ่าน “คำคมความรัก” เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตคู่ ใครที่อยากมีแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ ต้องห้ามพลาด!!

        คำคมความรัก 2021 รวมแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ

        คำคมความรักดี ๆ

        • ตั้งแต่วันแรกที่ชอบจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกที่มียังไม่เคยลดน้อยลงไปเลย
        • ถ้าผมมีพลังวิเศษ ผมจะเสกให้คุณรักผม
        • บางทีความรัก ก็ไม่เคยมีเหตุผล
        • อาจจะไม่ใช่รูปที่ดีที่สุด แต่เป็นรูปที่คนที่ดีที่สุดถ่ายให้ก็พอ
        • ความสัมพันธ์แบบแฟน ต่อให้มีสองแขน ก็กอดได้แค่ทีละคน
        • รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด รักเราอย่าหยอด เดินเข้ามากอดเลยก็ได้
        • เคล็ดลับของชีวิตคู่ คือทำทุกๆวันให้เหมือนวันแรก
        • อย่ามองหาความรักด้วยสายตา แต่จงมองหาความรักด้วยหัวใจ
        • ความรักคือ”การเดินทางไกล” กว่าจะถึง”หัวใจ” มันต้องใช้ “เวลา”
        • ฤดูฝนเปียกปอน ฤดูร้อนหวั่นไหว ฤดูหนาวคิดถึงใคร ฤดูใหนก็คิดถึงเธอ

        คำคมความรักซึ้ง ๆ

        • ต้องใส่หน้ากากอะไร ถึงจะห้ามใจไม่ให้ติดคุณ
        • หลงตัวเองเป็นเรื่องปกติ หลงเธอนี่สิเป็นเรื่องพิเศษ
        • จะมีสักกี่คนที่พร้อมจะฟังเสียงบ่นของเรา โดยที่เขาไม่เคยบอกว่าเบื่อ
        • รักมักเริ่มต้นด้วย “ความรู้สึก” และมักจบลงด้วย “เหตุผล”
        • บางพลัด บางพลี หรือจะสู้บางเวลาดี ๆ ที่เรามีให้กัน
        • รักไม่มากเเต่ก็ขาดไม่ได้.. รักคุณที่ใจไม่ไช่ที่หน้าตา..
        • ที่ยืนงงเพราะหลงทาง แต่ที่ยืนข้างๆ เพราะหลงเธอ
        • พยากรณ์อากาศวันนี้ มีความรักคะนองในบางพื้นที่ มีความคิดถึงกระจายเป็นหย่อม
        • ดอกไม้มีให้วันวาเลนไทน์ หัวใจมีให้เธอทุกวัน
        • ไม่กล้าให้อะไรเพราะให้ใจไปหมดแล้ว
        • ไม่ต้องรักมาก ขอแค่ไม่พรากจากกันพอ
        • หนทางเรายังอีกยาวไกล เธอจะไหวมั้ยที่จะเดินไปด้วยกัน
        คำคมความรักดี ๆ
        คำคมความรัก ดี ๆ

        คำคมความรักเจ็บ ๆ

        • ปากบอกมูฟออนจากเธอ เเต่ยังละเมอเพ้อทั้งวัน
        • “ความรัก” ไม่ใช่ “กีฬา” ที่จะต้องพยายามเป็นคนเก่งคนดี เพื่อให้ได้เป็นตัวจริง
        • ความรักไม่เคยทำร้ายใครหรอก ความคาดหวังต่างหาก
        • การมีแฟนแค่บอกสถานะให้รู้ว่าคุณมีคู่ แต่ไม่ได้บอกว่าคุณจะ…มีค่า
        • เธอชอบฉัน เพราะฉันเป็นตัวฉันเอง หรือเธอชอบฉัน เพราะฉันเป็นใครสักคนในแบบที่เธอชอบ?
        • ทุกครั้งที่ผมรัก ผมมักจะซื่อสัตย์จนโง่เสมอ
        • อะไรที่ไม่แน่นอนอย่าไปหวัง อะไรที่ไม่จริงจังอย่าไปรอ
        • ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แม้ในบางครั้ง อาจผิดที่ผิดเวลา แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยผิด คือการที่เราได้รักใครสักคน

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        อ่านต่อ คำคมความรัก 2020 รวมแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ

          วิธีทำความสะอาดของเล่น

          วิธีทำความสะอาดของเล่น ให้สะอาด ปลอดภัย ห่างไกลโรค

          เด็กกับของเล่นเป็นของคู่กันค่ะ แต่คุณแม่รู้ไหมว่า ของเล่นชิ้นโปรด หรือของใช้ต่างๆ ของลูก ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกรักไม่สบายได้ นั่นก็เพราะว่าของเล่นที่ลูกเล่นหยิบ จับ สัมผัสอยู่ทุกวันหากไม่มีการทำความสะอาด ก็จะสะสมเต็มไปด้วยเชื้อไวรัส แบคทีเรียต่างๆ ซึ่งถ้าหากเชื้อโรคเล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายลูก ก็เสี่ยงที่จะทำให้สุขภาพแย่ค่ะ

          ดังนั้นจึงแนะนำว่าทั้งของเล่น ของใช้ต่างๆ ของลูก คุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาด เพื่อลดการสะสมของเชื้อไวรัส เชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย เป็นต้น ทั้งนี้นะคะสิ่งสำคัญของการทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกาย ไม่มีสารเคมีตกค้างค่ะ วันนี้เราจึงมี วิธีทำความสะอาดของเล่น ให้สะอาด ปลอดภัย เพื่อให้ลูกน้อยของเราห่างไกลจากโรคภัย ไข้เจ็บกันค่ะ

           

          วิธีทำความสะอาดของเล่น ลดการสะสมเชื้อโรค

          ของเล่นที่ซื้อให้ลูกเล่น คุณแม่ต้องเช็กดูก่อนค่ะว่า เป็นของที่ทำมาจากไม้ , พลาสติก หรือของเล่นที่ทำมาจากผ้า เช่น ตุ๊กตาหมี และของเล่นชิ้นไหนที่มีแบตเตอร์รี่ ก็ให้แกะเอาแบตออกมาก่อนทำความสะอาดนะคะ เรามาดูวิธีทำความสะอาดของเล่น กันค่ะ

          วิธีทำความสะอาดของเล่น

          1. ใช้น้ำ และสบู่

          ของเล่นไม้ : ของเล่นที่ทำจากไม้ บางชิ้นแค่เช็ดทำความสะอาดก็พอค่ะ แต่ถ้าชิ้นไหนสามารถใช้น้ำได้ ก็ให้นำน้ำผสมกับสบู่เด็ก หรือสบู่แอดตี้แบคทีเรียก็ได้ ล้างถูคราบสกปรกออกให้หมด แล้วล้างน้ำจนสะอาด เช็ดของเล่นให้แห้ง และพึงลม หรือแดดอ่อนๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค และช่วยให้ของเล่นแห้งค่ะ

          ของเล่นพลาสติก : หลังจากแกะเอาแบตเตอร์รี่ออกแล้ว ก็ให้ผสมน้ำกับสบู่เด็ก หรือสบู่แอนตี้แบคทีเรีย ถูคราบสกปรก ล้างน้ำให้สะอาด เช็ด และพึงลม พึงแดดอ่อนๆ ให้แห้งก่อนนำมาเล่น

          ของเล่นผ้า : แนะนำให้ซักแห้งค่ะ หรือหากคุณแม่ไม่สามารถซักแห้งเองได้ สามารถส่งซักตามร้านซักผ้าที่มีบริการซักของเล่นก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ

          So Clean Gentle Cleansing Water

          2. ใช้สเปรย์ทำความสะอาด

          การทำความสะอาดของเล่น เพื่อฆ่าเชื้อโรค ลดการสะสมของไวรัส แบคทีเรียต่างๆ วิธีแรกที่แนะนำไปคือการทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่ แล้วตามด้วยพึงแดดให้แห้ง วิธีนี้คุณแม่อาจไม่สะดวกที่จะทำทุกวัน หรืออย่างมากทำได้เดือนละ 1-2 ครั้ง

          ซึ่งวิธีที่สะดวกอีกวิธีหนึ่งและทำได้ทุกวัน ก่อนที่จะให้ของเล่นกับลูก  คุณแม่สามารถใช้เป็นสเปรย์ทำความสะอาด ฉีดเพื่อ ลดการสะสมเชื้อโรคต่างๆ ลงค่ะ แต่ข้อควรระวังคือ ต้องเลือกใช้เป็นสเปรย์ทำความสะอาดที่ปลอดภัย ไม่สารเคมีตกค้าง เพราะอย่าลืมว่าเด็กเล็กๆ ชอบหยิบ จับเอาของเล่นเข้าปาก ถ้าใช้สเปรย์ที่มีสารเคมีอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของลูกทั้งใน ระยะสั้น และระยะยาวได้นะคะ

          วิธีทำควาสะอาดของเล่น ลดการสะสมเชื้อโรค

          ซึ่งถ้าจะให้แนะนำสเปรย์ทำความสะอาดของเล่นสำหรับเด็กๆ นาทีนี้ต้อง So Clean Gentle Cleansing Water เลยค่ะ เพราะเป็น Must Item ของคุณแม่หลายๆ บ้าน จนเราก็อยากรู้ว่าดีจริงไหม จนได้ลองใช้ ขอบอกค่ะว่า So Clean Gentle Cleansing Water ดีจริงๆ

          สเปรย์ทำความสะอาด So Clean Gentle Cleansing Water

          So Clean Gentle Cleansing Water เป็นสเปรย์ทำความสะอาด ที่ช่วยลดการสะสม และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ไร ฝุ่น ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องล้างออก ที่สำคัญคือเป็นสูตร Natural & Organic compound และก็ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและสารต้องห้ามต่างๆ เช่น…

          • Paraben Free : ปราศจากสารกันเสียชนิดฟอร์มาลีนที่ทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆของร่างกาย
          • Petrolatum or Petroleum and Mineral Oil Free : ปราศจากน้ำมันที่สกัดจากน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งมีโมเลกุลใหญ่ และอาจทำให้อุดตันผิวได้
          • Synthetic Color Free : ปราศจากการแต่งสีสังเคราะห์
          • Lanolin Free : ปราศจากไขมันจากสัตว์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
          • Cruelty-Free : ปราศจากการทดลองจากสัตว์ ทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์
          • Benzene Free : ปราศจากสารฟอกผิวที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
          • Formaldehyde Free : ปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง และสะสมจนเป็ นอันตราย
          • Phthalate Free : ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
          • Synthetic Silicone Free : ปราศจากสารซิลิโคนที่สังเคราห์ทางเคมี
          • SLS,SLEs Free : ปราศจากสารชำระล้างที่รุนแรงแก่ผิว

           

          So Clean Gentle Cleansing Water มีให้เลือกใช้งาน 3 ขนาดค่ะ ขนาดพกพา 20 มล. 199 บาท , ขนาดกลาง 120 มล. 499 บาท และ ขนาดใหญ่ 250 มล. 899 บาท คุณแม่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสั่งซื้อสินค้าได้ที่

          LINE@ : @littlebearorganics คลิก http://nav.cx/ftX5xDD

          INBOX Facebook คลิก  https://m.me/littlebearorganics

          Instagram : littlebearorganics

          หรือ โทร : 0972462626

          สเปรย์ทำความสะอาด So Clean Gentle Cleansing Water ได้รับการรับรองผลการทดลองฆ่าเชื้อโรคจาก Green Pharma  France นอกจากนี้ยังมีน้ำมันจากกานพลูและอบเชย ช่วยฆ่าเชื้อไรฝุ่น แนะนำว่าควรมีติดบ้าน ติดกระเป๋าไว้เวลาต้องนอกบ้านกับลูก เพราะถือเป็นสเปรย์อเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การฉีดผิว ผม เสื้อผ้า ที่นอน หมอน  ผ้าม่าน ของเล่น ของใช้ต่างๆ ได้ครอบคลุมชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเลยค่ะ

          สเปรย์ทำความสะอาด

            ลงโทษลูกอย่างไร

            9 วิธีสอนลูก เมื่อลูกทำผิด ลงโทษลูกอย่างไร ถ้าไม่ตี!

            ถ้าไม่ตี ลงโทษลูกอย่างไร เมื่อลูกทำผิด! เพราะการตีลูกหรือทำให้ลูกเจ็บโดยวิธีใดๆ นั้นไม่เป็นผลดีต่อลูกเลย ตามมาดูคำแนะนำจากคุณหมอกับวิธีสอนลูกเมื่อลูกทำผิดกันค่ะ

            ลูกทำผิดจะสอน หรือ ลงโทษลูกอย่างไร ถ้าไม่ตี!

            เชื่อว่าสมัยก่อนตอนคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กๆ ต้องเคยถูกคุณครูหรือพ่อแม่ของตัวเองตี ทำให้เราอาจมองว่าการตีนั้นเป็นเรื่องธรรมดาในการอบรมดูแลลูก แต่จริงๆ ผลเสียของการลงโทษลูกด้วยการตี อาจทำลูกโตมาก้าวร้าว สมองพัฒนาช้า

            Must read >> พฤติกรรมลูกสะท้อนการเลี้ยงดูของพ่อแม่

            ซึ่งเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า.. การลงโทษลูกอายุ 1 ขวบด้วยการตีนั้น จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและเรียนรู้ได้ช้าภายใน 2 ปีข้างหน้า ขณะที่การลงโทษด้วยการอบรมด้วยการดุนั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลดังกล่าว

            โดยการศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการสืบหาว่า การเลี้ยงดูของแม่มีผลต่อพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็กอย่างไรบ้าง หรือเด็กจะมีความคิดท้าทายหรือไม่หลังจากที่โดนลงโทษด้วยวิธีรุนแรง โดยมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดูค, มิสซูรี่-โคลัมเบีย, เซาท์แคโรไลน่า, โคลัมเบีย, ฮาวาร์ด และนอร์ธแคโรไลน่า ร่วมค้นหาคำตอบ

            ในการศึกษานักวิจัยได้หาข้อมูลจากแม่ 2,500 คน ทั้งคนขาว คนดำ คนละตินที่มีลูกเด็ก โดยได้เข้าไปสัมภาษณ์และสังเกตพฤติกรรมถึงบ้านเลยในช่วงที่เด็กอายุได้ 1 ปี 2 ปี และ 3 ปีนี้ โดยอาสาสมัครทุกคนมีฐานะอยู่ในระดับยากจน เพราะนักวิจัยเชื่อว่าพ่อแม่ที่ยากจนมักจะลงโทษด้วยวิธีการตีมากกว่าพ่อแม่ที่มีฐานะปานกลางหรือร่ำรวย

            นักวิจัยได้สัมภาษณ์แม่ทุกคนว่าบ่อยแค่ไหนที่ทุกคนในบ้านจะลงโทษด้วยวิธีการตีเด็กในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยนักวิจัยยังได้สังเกตด้วยว่าแม่จะลงโทษด้วยการดุลูกบ่อยหรือไม่ในช่วงที่ไปเยี่ยมบ้านนี้

            แม่ ลงโทษลูกอย่างไร บ้าง?

            จากการศึกษาพบว่า.. เด็กผิวดำมักจะถูกตีและดุมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น อาจจะเนื่องด้วยปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น เชื่อว่าการที่เด็กต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ และเชื่อในเรื่องของการลงโทษแบบลงไม้ลงมือจะทำให้เด็กเคารพผู้ใหญ่ได้ นอกจากนั้นแล้ว แม่ผิวดำบางคนยังบอกด้วยว่าเคยลงโทษด้ววิธีการรุนแรง อันตราย หรือขังอยู่ในห้องเล็กๆ กรณีที่ลูกไม่เชื่อฟังหรือดื้อมากๆ

            ทั้งนี้นักวิจัยจึงได้สรุปผลกระทบของการลงโทษต่อพฤติกรรมของเด็กไว้ดังนี้…

            • การค้นพบของเราแสดงให้เห็นว่าการตีนั้นมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก … ลิซ่า เจ. เบอร์ลิน นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์สำหรับนโยบายเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยดูค หัวหน้าทีมวิจัยเปิดเผย
            • โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่ถูกตีบ่อยๆ เมื่อครั้งที่อายุได้แค่ 1 ปีนั้นจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เมื่อโตมาได้จนอายุ 2 ปี และก็จะทำคะแนนบททดสอบทางความคิดได้น้อยกว่าคนอื่นเมื่ออายุได้ 3 ปี
            • หรือแม้แต่นำปัจจัยเรื่องอื่นมาวิเคราะห์เช่น อายุ เชื้อชาย การศึกษาของแม่ รายได้และโครงสร้างครอบครัว และเพศของเด็กนั้นพบว่าผลที่ออกมาก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิมนัก

            นอกจากนั้นยังสรุปได้ว่า .. เด็กที่ก้าวร้าวมากขึ้นเมื่ออายุได้ 2 ปีและมีการเรียนรู้ที่ช้าในช่วงอายุ 1-2 ปีมักจะไม่ถูกลงโทษเท่าไหร่เมื่อช่วงอายุ 2-3 ปี ฉะนั้นพฤติกรรมของแม่จึงน่าจะมีผลมากกว่าพฤติกรรมของลูก

            ขณะเดียวกัน จากการศึกษาพบยังพบว่า ..  การลงโทษด้วยการดุนั้นไม่ได้มีผลต่อพฤติกรรมก้าวร้าวหรือการเรียนรู้ที่ช้าของเด็กแต่อย่างใด แต่ที่น่าสนใจ คือ หากดุแล้วได้รับกำลังใจจากแม่ในภายหลัง เด็กก็จะทำคะแนนบททดสอบทางความคิดได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

            ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงผลการศึกษาจาก : www.sciencedaily.com

            “ตีลูก” ดี-ไม่ดี อย่างไร ?

            ทั้งนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการฝึกวินัยเด็กด้วยวิธีนี้ เพราะ “การตีลูก” อาจยับยั้งเด็กไม่ให้ทำผิดซ้ำเรื่องเดิม แต่ก็ทำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และการตีอาจหยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้แต่ใช้เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ รวมทั้งใช้สอนถูกผิดไม่ได้ นอกเสียจากเด็กจะเข้าใจว่าเขาถูกตีหรือไม่ถูกตีเพราะอะไร!

            อ่านต่อ >> “ผลเสียของการลงโทษลูกด้วยการตี
            และถ้าไม่ตีจะ
            ลงโทษลูกอย่างไรดี” คลิกหน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

              เมนูอาหารลูกน้อย

              10 เมนูอาหารลูกน้อย วัย 6 – 10 เดือน สูตรอร่อยจากแม่ญี่ปุ่น!

              รวม 10 เมนูอาหารลูกน้อย ตั้งแต่วัย 6 เดือนขึ้นไป สูตรอร่อยพร้อมวิธีทำแสนง่ายจากคุณแม่บ้านญี่ปุ่น หากคุณแม่ไม่รู้จะทำเมนูอะไรให้ลูกกินดี ต้องห้ามพลาดบทความนี้นะคะ

              รวม 10 เมนูอาหารลูกน้อย วัย 6 10 เดือน สูตรอร่อยจากแม่ญี่ปุ่น

              เมื่อลูกน้อยถึงวัย 6 เดือน ก็สามารถเริ่มกินอาหารเสริมได้แล้ว นอกจากนมแม่ ทั้งนี้คุณแม่หลายคนมักตื่นเต้นและเป็นกังวลว่า จะเลือกทำเมนูอาหารอะไรให้ลูกกินดี … ดังนั้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้คุณแม่ที่ทำอาหารให้ลูกกินเอง ทีมแม่ ABK จึงมี เมนูอาหารลูกน้อย มาฝาก

              โดยในครั้งนี้ เป็นสูตรอร่อยจากคุณแม่บ้านญี่ปุ่น โดยคุณแม่มีชื่อ “ก้อย” ซึ่งคุณแม่เป็นคนไทยที่ไปอาศัยอยู่กับสามีและลูกน้อย “น้องเอกะ” สุดน่ารัก ที่ญี่ปุ่น จึงทำให้คุณแม่ก้อยต้องกลายเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นไปโดยปริยาย ทั้งนี้คุณแม่ก้อยก็ได้เลี้ยงลูกน้อยและทำอาหารให้ลูกกินเอง โดยฝึกให้น้องเอกะหยิบกินอาหารเองตอน 6 เดือน หลักๆจะเป็นผลไม้กับผักนึ่ง แต่จะป้อนข้าว

              Must read >> มื้อแรกของลูก อาหารเสริมตามวัย เริ่มอย่างไรจึงจะดี?

              Must read >> คัมภีร์ ตารางอาหารตามวัย ลูกน้อยในวัยขวบปีแรก

              >> จึงมีบางคนสงสัยว่าทำไมทำแบบผสม ไม่เลือกสักวิธี ซึ่งคุณแม่ก้อยได้บอกว่า… ถ้ากินแบบ blw ก็กลัวลูกกินได้น้อย จึงใช้วิธีผสม คือทั้งป้อนและให้เขาหยิบกินเองด้วย ทั้งนี้คุณแม่ก้อยยังบอกอีกว่า ในการเตรียมอาหารให้ลูกจะศึกษาก่อนว่า ผักแบบไหนมีประโยชน์ เด็กอายุกี่เดือน ควรกินอาหารแบบไหน วิธีเลือกวัตถุต่างๆ เช่น เนย ชีสเลือกยังไง ประมาณเท่าไร ซึ่งคุณแม่ก้อยก็ลองทำให้น้องเอกะกินอาหารที่หลากหลาย ไม่กินอย่างเดิมซ้ำๆ มากเกินไป

              เมนูอาหารลูกน้อย
              ภาพ น้องเอกะ วัย 10 เดือน ลูกสาวแม่ก้อย

              Must read >> รู้จัก BLW ฝึกลูกกินอาหารเอง หยิบเอง แม่ไม่ต้องป้อนตั้งแต่มื้อแรก

              Must read >> แจก! 20 เมนูอาหารBLW สำหรับลูกวัย 6 เดือนขึ้นไป

              และก่อนป้อนอาหารให้ลูก แม่จะชิมก่อนทุกอย่าง และอาหารที่ลูกกินไม่หมด แม่ไม่ทิ้ง แม่กินต่อ ลูกได้รับสารอาหาร แม่ก็เช่นกัน >>> ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณแม่ก้อยได้กล่าวว่า… ตัวเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเด็ก ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย ไม่ได้ทำอาหารเก่ง แต่แค่รู้ว่าอันนี้มีประโยชน์ น่าสนใจ ลูกต้องได้กิน และลูกกินมากหรือน้อยไม่สำคัญ ขอแค่ลูกกินทุกวันก็พอ

              ดังนั้นเพื่อเป็นไอเดียให้กับคุณแม่ที่ไทย ตามมาดูกันค่ะว่า คุณแม่ก้อยมีสูตรวิธีทำ เมนูอาหารลูกน้อย ที่ใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่น เป็นอะไรบ้าง โดยจะเป็นเมนูสำหรับลูกน้อยตั้งแต่อายุ 6 – 10 เดือน เพราะเป็นช่วงอายุปัจจุบันที่ทีมแม่ ABK ได้ไปขอสูตรมา หากคุณแม่ที่สนใจก็สามารถติดตามดูสูตรเมนูอาหารจากแม่ก้อยได้ที่ เฟซบุ๊ก Eika Setoya ได้เลย

              เมนูอาหารลูกน้อย วัย 6 เดือน

              สำหรับเมนู 6 เดือน ที่คุณแม่ก้อยทำให้น้องเอกะกิน ส่วนใหญ่จะเป็นการนำ นำผักทุกอย่างไปนึ่ง แล้วปั่นรวมกันละเอียด (สับด้วยมือแบบละเอียด) แล้วใส่น้ำซุปที่ทำฟรีสไว้

              เมนูอาหารลูกน้อย

              เมนูอาหารลูกน้อย

              ดูต่อ >> “เมนูอาหารลูกน้อย 7 เดือน – 10 เดือน” คลิกหน้า 2

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                Covid toe

                Covid toe ผื่นแดงขึ้นเท้า สัญญาณเตือน ลูกติดโควิดแม่อย่าชะล่าใจ

                Covid toe ผื่นแดงที่เท้าลูก ไม่ใช่ผื่นธรรมดาแต่อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า ลูกติดโควิด-19 หลังแพทย์หลายประเทศในยุโรป พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มีผื่นขึ้นตามตัว แต่กลับไม่แสดงอาการ เป็นไปได้อย่างไร ผื่นชนิดนี้อันตรายหรือไม่ ตามมาดูกันเลยค่ะ

                พบ Covid toe อีกหนึ่งสัญญาณเตือนอันตราย   เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

                หลังเพจดัง Drama-addict แชร์ข้อมูลสื่อต่างประเทศระบุว่า ในประเทศอังกฤษตรวจพบเด็กและวัยรุ่นหลายรายที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการของโรค แต่กลับมีผื่นแดงและตุ่มน้ำขึ้นบริเวณนิ้วเท้าปรากฎอยู่ และได้ตั้งชื่อเรียกแบบไม่เป็นทางการว่า “Covid toe” ซึ่งมักปรากฎในวันแรกๆที่ติดเชื้อและหายไปในไม่กี่วัน จึงกลายเป็นข้อสงสัยว่า ผื่นดังกล่าวเป็นอาการหนึ่งของโควิด-19 หรือไม่

                Covid toe

                ดร. Ebbing Lautenbach หัวหน้าทีมวิจัยด้านโรคติดเชื้อ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิวาเนีย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการผื่นแดงบนเท้าว่า มีลักษณะเป็นผื่นแดง บางคนมีตุ่มน้ำ บางรายเป็นรอยไหม้คล้ายแผลหิมะกัด และอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นรอยช้ำ เป็นจ้ำสีม่วง คล้ายถูกกระแทกมา แต่สิ่งที่เหมือนกันเลยก็คือ มักพบเฉพาะบริเวณหัวแม่เท้าและมือ ของเด็กๆและวัยรุ่นติดเชื้อโควิด-19 แต่สุขภาพแข็งแรงดี ไม่พบว่ามีไข้ ไอจามเหมือนผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ หรือถ้าเป็นก็น้อยมาก

                จากการศึกษาเล็กๆในประเทศอิตาลีพบว่า 20 % ผู้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรน่ากลุ่มอายุน้อยมีความผิดปกติบนผิวหนัง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า เชื้อโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนี้เป็นต้นเหตุของผื่นแดงบนเท้าของเด็กๆหรือไม่ ขณะที่กุมารแพทย์ของสหรัฐฯก็ตรวจพบรอยช้ำผิดปกติในกลุ่มผู้ติดเชื้ออายุน้อยมากถึง 30 ราย

                ผื่นแดงขึ้นบนเท้า เป็นหนึ่งในอาการของโควิด-19 จริงหรือไม่

                มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญเสียเหลือเกินที่ผื่นแดงบนเท้าเด็กๆจะมาพร้อมกับเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 กลุ่มแพทย์เชื่อว่า Covid toe เกิดจากภาวะอักเสบในร่างกายที่ตอบสนองต่อเชื้อไวรัส เพราะเคยมีประวัติพบรอยแผลคล้ายคลึงกันในผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ และไข้หวัดใหญ่

                เป็นเรื่องน่าสังเกตว่า ผื่นแดงเหล่านี้มักปรากฎขึ้นเฉพาะในช่วงแรกของการติดเชื้อ หลังจากนั้นจะหายได้เองในช่วง 7 – 10 วัน หรือบางคนอาจกลายเป็นแผลตกสะเก็ด และค่อยๆสีจางลงภายใน 1 เดือน โดยไม่แสดงอาการอื่นๆออกมาก นั่นอาจแปลว่า เด็กๆมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่าผู้ติดเชื้อวัยอื่น

                Covid toe

                ในอีกมุมหนึ่งCovid toeเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค  ดร.เอสเธอร์ ฟรีแมน แพทย์ด้านผิวหนัง โรงพยาบาลเจเนอรัล เมซซาชูเซส ระบุว่า “นี่อาจเป็นเพียงข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งเท่านั้น เพราะมีภาวะอักเสบมากมายที่เกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นอย่าเพิ่งเชื่อสนิทใจว่า ผื่นที่เท้าจะเป็นอาการของโรคโควิด-19 และควรผ่านการตรวจเชื้อเสียก่อน เพราะพวกเขาอาจติดเชื้อหรือไม่ก็ได้”

                สำหรับบ้านเรา แม้จะยังไม่พบเด็กมีผื่นขึ้นบนเท้าในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นว่า โรคนี้มีผลทำให้เลือดข้นผิดปกติ ส่งผลให้หลอดเลือดดำหรือเลือดแดงอุดตันได้ โดยเฉพาะหลอดเลือดดำบริเวณขาท่อนบนยาวไปจนถึงเข่า รวมถึงขาหนีบ ก็สามารถทำให้เกิดเป็นตุ่มเหมือนผื่นคันได้

                อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นก่อนมีอาการบ่งชี้อื่นๆของโควิด หรือเกิดขึ้นพร้อมกันได้ หากมีผื่นขึ้นเพียงอย่างเดียวอาจตรวจไม่เจอเชื้อ แต่ควรหมั่นสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ถ้าลูกกินข้าวไม่รู้รสอาหาร กินอะไรก็จืดไปหมด พร้อมกับมีตุ่มผื่นขึ้นบริเวณเท้าและนิ้วมือ โดยไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เข้าข่ายว่าน่าสงสัยต้องรีบพาลูกไปตรวจโควิด-19 ทันที

                อ่านต่อ ลักษณะผื่นแบบไหนเป็นอาการของโรคโควิด-19 หน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  คนท้องทําสีผมได้ไหม

                  คนท้องทำสีผมได้ไหม ดัด ย้อม ทำสีผม อันตรายต่อเบบี๋ในท้องหรือเปล่า?

                  ทนเห็นตัวเองโทรมจนทนไม่ไหว อยากจะเปลี่ยนสี ดัด ย้อม ยืดผม ทำตัวเองให้สวย แต่ก็กลัว คนท้องทําสีผมได้ไหม จะเป็นอันตรายต่อเบบี๋ในท้องหรือเปล่า?

                  เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ จึงทำให้อะไร ๆ ในร่างกายคุณแม่ก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเส้นผมสวย ๆ บนศีรษะที่อาจทำให้จากผมที่เคยดำขลับสวยงาม กลายเป็นแห้ง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ต้องทนเห็นตัวเองโทรมจนทนไม่ไหว เป็นเรื่องที่เข้าใจตรงกันว่า ถึงแม้ตอนท้องคนเป็นแม่ก็ไม่อยากหยุดสวย อยากดัดผม ย้อมผม ทำสีเหมือนที่เคย แต่ก็กลัว ๆ เพราะมีคนทักบอกว่าอย่าเพิ่งทำสีผมตอนท้อง คนท้องทําสีผมได้ไหม สารเคมีในสีจะส่งผลเป็นอันตรายต่อเบบี๋ในท้องมั้ย? รวมทั้งการทำเคมีกับเส้นผมอื่น ๆ ด้วย มาไขข้อข้องใจนี้ค่ะ

                  คนท้องทําสีผมยืดผมได้ไหม
                  คนท้องทําสีผมได้ไหม

                  คนท้องทําสีผมได้ไหม ดัด ย้อม ยืด จะเป็นอันตรายต่อเบบี๋ในท้องมั้ย?

                  ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในทางแพทย์ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่า การทำสีผมจะทำให้สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาเคมีที่ใช้กับผมแทรกซึมผ่านหนังศีรษะเข้าสู่ร่างกายไปทำอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้หรือไม่ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำสีผมและดัดผมส่วนใหญ่จะมีสารเคมีที่ใช้กัดสีหรือดัดผมเป็นส่วนผสม ส่วนสีที่ใช้ย้อมก็เป็นสารเคมีหลายชนิดปนกัน ในน้ำยาเคมีที่ใช้กับผมประกอบด้วย

                  • รีซอร์ซินอล เป็นสารเคมีที่อาจทำให้เนื้อเยื่อตา คอ และผิวหนังระคายเคือง นอกจากนี้ยังทำให้มีอาการไอและภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง
                  • ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ที่นิยมใช้เพื่อกัดสีผม เป็นสารที่ทำให้ผิวหนังไหม้และมีอาการแพ้
                  • แอมโมเนีย ที่พบมากในยาย้อมผมก็ทำให้วิงเวียนและปวดศีรษะ
                  • พีพีดี ทำให้ผิวเกิดการอักเสบและระคายเคือง

                  ถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยในคนพบว่ามีการดูดซึมสารเคมีเหล่านี้ผ่านหนังศีรษะเข้าในกระแสเลือดในปริมาณที่น้อยมาก การที่จะส่งผ่านข้ามรก จนไปเกิดอันตรายกับเด็กจึงเป็นไปได้ยาก โดยปกติแล้วเมื่อสารเคมีซึมซับเข้าสู่ร่างกายจะถูกขับออกจากร่างกายในรูปแบบของปัสสาวะ แต่สารเคมีที่ใช้ในการย้อมผม ทำสี นั้นไม่ได้มีปริมาณที่สูงมาก จึงไม่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ (อ้างอิงข้อมูลจากโรงพยาบาลพญาไท) แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ควรระมัดระวัง เพราะกลิ่นของน้ำยาที่แม่สูดดมเข้าไปอาจจะส่งผลให้คุณแม่รู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะบ้าง

                  ดังนั้นหากคุณแม่ต้องการที่จะเสริมสวยให้เส้นผมระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะดัด ยืด  ย้อมผม ทำสี  แนะนำว่าเพื่อความสบายใจและไม่ต้องคอยกังวลว่ากลัวลูกในท้องจะไม่ปลอดภัย ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงดีกว่าค่ะ เพราะการเสริมความงามเหล่านี้ต้องใช้สารเคมี ซึ่งสารเคมีบางอย่างอาจทำให้คุณแม่เกิดอาการแพ้ได้ เป็นแผลที่หนังศีรษะ ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามรวดเร็ว

                  คนท้องทําสีผมได้ไหม

                  ข้อแนะนำเมื่อแม่ท้องอยากทำสีผม

                  • ควรหลีกเลี่ยงการทำสีผมในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ จากข้อมูลของโรงพยาบาลพญาไทได้แนะนำว่า ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ถือเป็นช่วงที่สำคัญของทารก เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ทารกจะเริ่มสร้างอวัยวะที่สำคัญขึ้นมา จึงควรทำร่างกายให้สมบูรณ์พร้อมให้ลูกน้อยได้สร้างอวัยวะอย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อความสบายใจและเป็นการป้องกันไว้ก่อน หากคุณแม่อยากจะเปลี่ยนสี ทำผมให้กับตัวเอง ควรรอให้มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนเป็นต้นไป หรือเข้าสู่ไตรมาสที่สอง ปัญหาจากปัจจัยภายนอกทั่วไปก็จะไม่ส่งผลต่อการสร้างอวัยวะของเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงในอันตรายที่จะเกิดขึ้น
                  • เมื่อคุณแม่ท้องเข้าร้านทำผมควรแจ้งกับช่างว่ากำลังตั้งครรภ์ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ช่างคอยดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษในขั้นตอนการทำ หรือสอบถามเพื่อเลือกใช้บริการร้านทำผมที่มีช่างผู้ชำนาญในด้านการทำเคมีเป็นพิเศษ เพราะช่างจะสามารถทำสีผมหรือดัดผมได้โดยหลีกเลี่ยงการให้น้ำยาสัมผัสกับหนังศีรษะให้น้อยที่สุดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในการทำเคมีต่าง ๆ กับเส้นผม ควรให้น้ำยาเคมีโดนหนังศีรษะให้น้อยที่สุด เพราะในช่วงตั้งครรภ์ผิวคุณแม่จะบอบบางและแพ้ง่าย
                  • สวมหน้ากากปิดปากและจมูกให้เรียบร้อยในขณะที่ทำผม และเลือกเข้าร้านทำผมที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการสูดดมกลิ่นน้ำยาเคมีต่าง ๆ เข้าไปโดยตรง
                  • ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำสีหรือย้อมผมที่สกัดจากพืช มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีกลิ่นแรง เพราะน้ำยาเคมีที่มีกลิ่นแรงเกินไปอาจมีส่วนผสมของแอมโมเนีย อาจส่งผลให้คุณแม่วิงเวียนศีรษะ อาเจียน หรือเพิ่มอาการแพ้ท้องได้
                  • ควรเลือกใช้น้ำยาในการทำผมที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก FDA ซึ่งหากมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ต้องมีฉลากแจ้งเตือนที่เห็นได้ชัดเสมอ
                  • สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นช่างทำผม ในกรณีที่หลีกเลี่ยงการทำสีผมให้ลูกค้าไม่ได้ ควรใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือขณะทำสีผม และล้างมือทันทีเมื่อสิ้นสุดการทํางาน ระยะเวลาที่แนะนําในการทํางานไม่ควรเกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ที่สำคัญควรได้ทำงานอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดการสูดดมสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย

                  ถึงแม้ว่าทางแพทย์ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่าการทำสีผมหรือการทำเคมีกับเส้นผมในคนท้องนั้นจะส่งผลเสียโดยตรงต่อทารกในครรภ์ได้อย่างแน่นอน แต่เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยในครรภ์รวมถึงตัวคุณแม่ด้วย แนะนำว่าในช่วงท้องนี้คุณแม่ควรอดใจไว้อีกซักนิด รอทำหลังจากที่มีอายุครรภ์เกิน 4 เดือนไปแล้ว ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไปก่อน และที่สำคัญผลลัพธ์ของการทำสี ดัด หรือยืดผม อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เช่น หลังดัดผม แทนที่จะเป็นลอนสลวยสวยงามแต่อาจกลับกลายเป็นผมหยิกหยักฟู แห้ง หรือการทำสีผม ที่อาจไม่ได้สีที่สวยออกมาตรงกับที่ต้องการ เนื่องจากสภาพของผมที่เปลี่ยนไปในขณะตั้งครรภ์

                  ในระยะนี้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองให้สวยแบบไม่ต้องพึ่งสารเคมีได้ เช่น การเข้าร้านทำผมเพื่อตัดผมเปลี่ยนลุค เลือกทรงผมเก๋ ๆ ที่รับกับใบหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในช่วงตั้งครรภ์ การบำรุงและหมักผมด้วยสูตรที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติต่าง ๆ อย่างน้ำมันมะกอกธรรมชาติ ไข่แดง โยเกิร์ต ที่จะช่วยให้ผมคุณแม่สวยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี รวมถึงการออกกำลังกายสำหรับคนท้อง รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เป็นต้น เรียกว่าช่วงนี้ขอสวยแบบธรรมชาติไปก่อน เพื่อไม่ทำให้คุณแม่ต้องเกิดความวิตกกังวลตอนอุ้มท้อง รอให้หลังคลอดแล้วค่อยมาเปลี่ยนสีผมเพิ่มความสดใส ก็จะเป็นผลดีและปลอดภัยต่อคุณแม่และเบบี๋ที่สุดนะคะ

                  แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องทำหรืออดใจไม่ไหวอยากทำผมจริง ๆ คุณแม่สามารถนำผลิตภัณฑ์ทำสีผมที่เลือกไว้ไปปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ เพื่อให้ช่วยพิจารณาว่าสารเคมีที่เป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือน้ำยาทำสีผมเหล่านั้นจะมีอันตรายหรือไม่ หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากคุณหมอเพื่อลดความกังวลใจในเรื่องนี้ลงได้ค่ะ

                  ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.phyathai.comwww.motherhood.co.th

                  อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ผ้าอ้อม

                    เลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปยังไง ? ให้พัฒนาการลูกน้อยไม่สะดุด!

                    ผ้าอ้อม ไม่ใช่ให้ลูกใส่อะไรก็ได้  โดยเฉพาะกับลูกน้อยที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ ชอบเดิน ชอบวิ่ง ได้เคลื่อนไหวร่างกายไปกับ     กิจกรรมสนุกในทุกวัน ซึ่งผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กที่ดีต้องไม่ขัดขวางพัฒนาการของลูก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อยากรู้ ไหมคะว่า “ผ้าอ้อมสำเร็จรูป” แบบไหน ที่ดีต่อพัฒนาการลูกน้อย และควรเลือกให้ลูกน้อยได้สวมใส่ มีคำตอบให้ค่ะ

                     

                    “ผ้าอ้อม” ต้องช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย

                    คุณพ่อคุณแม่มือใหม่รู้กันหรือไม่คะว่า ลูกน้อยในช่วงวัยตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปการใส่ “ผ้าอ้อม” มีส่วนสำคัญในการส่งเสริม  พัฒนาการด้านร่างกายของลูกได้นะคะ เพราะลูกน้อยในช่วงวัยนี้เวลาส่วนใหญ่ของเขาจะไม่ได้ใช้ไปกับการนอนหลับมาก เหมือนตอนที่เป็นทารกน้อย แต่ลูกจะเริ่มค่อยๆ มีพัฒนาการตามวัยที่ชัดเจนขึ้น นั่นคือ…

                    • แสดงอารมณ์ และท่าทาง เช่น ดีใจ ตื่นเต้น ขัดใจ ฯลฯ
                    • จำหน้าคุณพ่อ คุณแม่ได้
                    • เริ่มออกเสียงจนพูดได้ตั้งแต่ 1 พยางค์ 2 พยางค์ ฯลฯ
                    • คว้าของมือเดียว สลับมือถือของได้ และจนใช้มือ(กล้ามเนื้อมัดมัดเล็กได้แข็งแรงขึ้น)
                    • เริ่มพลิกคว่ำ พลิกหงาย > คืบ > คลาน > นั่ง > เกาะยืน > เดิน > และวิ่ง
                    • ชอบอะไรที่แปลกตา ชอบความสนุก ชอบค้นหา มีความอยากรู้ อยากเห็นมากขึ้น
                    • สมองเริ่มคิด จดจำ เรียนรู้ได้มากขึ้นตามพัฒนาการช่วงวัย เป็นต้น

                    เห็นไหมคะว่าลูกน้อยเริ่มค่อยๆ ใช้ทุกส่วนของร่างกายให้เป็นไปตามพัฒนาการช่วงวัยมากขึ้น มีการฝึกกำลังกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น จนสามารถทำทุกอย่างได้อย่างถนัด มีความแข็งแรง แข็งแกร่งของร่างกายเต็มประสิทธิภาพ 100%

                    ผ้าอ้อม

                    การที่ลูกน้อยเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ โดยไม่มีอะไรมากีดขวาง ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกน้อยมีพัฒนาการตามช่วงวัยได้อย่างก้าวกระโดด  ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยลูกน้อยให้มีพัฒนาการที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มกันตั้งแต่ลูกเล็กๆ ด้วยการเลือกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ไม่ขัดขวางการเคลื่อนไหวของลูกน้อยค่ะ

                     

                    วิธีเลือกผ้าอ้อมเด็ก ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย ต้องดูที่เรื่องใดบ้าง ?

                    ลูกน้อยมีพัฒนาการดี ย่อมเป็นที่พอใจของพ่อแม่ใช่ไหมคะ แต่พัฒนาการลูกจะดีได้ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยมาประกอบ รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นโภชนาการสารอาหารตามวัยที่ได้รับอย่างครบถ้วน มีคุณภาพการนอนที่ดี การได้เล่นอย่างอิสระ ฯลฯ  ที่สำคัญการได้สวมใส่ผ้าอ้อมที่ไม่ขัดขวางพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกน้อยค่ะ

                    ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

                    สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ วิธีเลือกผ้าอ้อมเด็กอาจจะดูเป็นเรื่องยาก เลือกไม่ถูกว่าจะต้องเริ่มจะเรื่องไหนก่อน เรามีคำแนะนำที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ  

                    1. แห้งสบาย ไม่อับชื้น
                    2. ต้องบางเบา ไม่หนาเทอะทะ
                    3. ต้องให้ผิวสัมผัสทั้งผืนที่นุ่มเป็นพิเศษ ไม่ระคายเคืองผิว
                    4. ต้องซึมซับได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งกลางวันและกลางคืน
                    5. ผ้าอ้อมเด็กแบบเทปกาว จะต้องติดได้แน่นกำลังดี สามารถปรับขนาดให้กระชับพอดีกับสรีระลูกน้อย ที่สำคัญเทป กาวต้องไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
                    6. ผ้าอ้อมแบบกางเกง จะต้องกระชับ สวมใส่แล้วลูกน้อยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
                    7. วัสดุที่ใช้ทำผ้าอ้อมต้องไม่ก่อให้เกิดการระคายต่อผิวบองบางของลูก ไม่มีปัญหาการเกิดผื่นผ้าอ้อม
                    8. ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กที่ดี จะต้องสวมใส่แล้วพอดีตัว ไม่คับแน่นมากไป หรือหลวมไม่กระชับ(ทำให้ลูกขยับ เคลื่อนไหวไม่สบายตัว)
                    9. ต้องหาซื้อง่าย คุณภาพดี และราคาเหมาะสม

                    กว่าจะได้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่เหมาะกับลูกน้อย ดูเหมือนจะต้องเลือกเยอะใช่ไหมคะ แต่เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย จะใช้เวลาเลือกกันมากสักหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะ

                    ผ้าอ้อม ฮักกี้

                    ผ้าอ้อมแบบไหนดี ที่ควรเลือกให้ลูก ?  

                    โจทย์ของเราคืออยากได้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก ที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยมีพัฒนาการรอบด้านที่ดี ฉะนั้นถ้าจะให้ แนะนำในนาทีนี้ก็ต้อง “ผ้าอ้อม ฮักกี้” Huggies Gold Soft & Slim เป็นผ้าอ้อมเด็กรุ่นใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณแม่มือใหม่ มือเก่า ที่มีลูกเล็ก เด็กน้อยมากๆ ค่ะ

                    เรามาดูคุณสมบัติเด่นของ ผ้าอ้อม ฮักกี้  Huggies Gold Soft & Slim ใหม่ ที่มีให้ใช้กัน 2 รุ่น

                    ผ้าอ้อมแบบเทป(TAPE)  

                    1. ผ้าอ้อมให้สัมผัสนุ่ม ดุจปุยฝ้าย เวลาที่ลูกสวมใส่จะไม่ก่อให้เกิดการเสียดสีกับผิว ทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวได้อย่างสบายตัว อ่อนโยนแม้กับผิวของเด็กแรกเกิด
                    2. ผ้าอ้อมถูกออกแบบมาให้มีความบางเพียง 5 เซ็นติเมตร บาง เบาสบาย ลูกน้อยสวมใส่แล้วชอบ มากๆ ค่ะ เพราะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ
                    3. ผ้าอ้อมให้ความแห้งสบาย ไม่อับชื้น ซึมซับรวดเร็ว และยาวนานถึง 12 ชั่วโมง(เท่ากับปริมาณน้ำ 8 แก้ว) ที่ พิเศษคือช่วยป้องกันการรั่วซึมจาดก้านหลัง เวลาที่ลูกนอนหงาย ถูกใจแม่มากๆ ค่ะ
                    4. ผ้าอ้อมฮักกี้ Gold & Soft & Slim แบบ TAPE ยังมี อีกหนึ่งคุณสมบัติเอาใจคุณแม่ทุกคน ด้วยการช่วยเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกแล้วนะ โดยแถบที่อยู่ด้านหน้าจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีฟ้าเวลาที่ผ้าอ้อมเปียกชื้นมากแล้ว ก็ได้เวลาที่คุณแม่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ลูกแล้วค่ะ

                    ผ้าอ้อมแบบกางเกง

                    ผ้าอ้อมแบบกางเกง(PANTS)

                    1. ผ้าอ้อมให้สัมผัสนุ่ม ดุจปุยฝ้าย เวลาที่ลูกสวมใส่จะไม่ก่อให้เกิดการเสียดสีกับผิว ทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวได้อย่างสบายตัว
                    2. ผ้าอ้อมถูกออกแบบมาให้มีความบางเพียง 0.5 เซ็นติเมตร บาง เบาสบาย ลูกน้อยสวมใส่แล้วชอบ มากๆ ค่ะ เพราะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ
                    3. ผ้าอ้อมให้ความแห้งสบาย ไม่อับชื้น ซึมซับรวดเร็ว และยาวนานถึง 12 ชั่วโมง(เท่ากับปริมาณน้ำ 8 แก้ว)
                    4. ผ้าอ้อมฮักกี้ Gold & Soft & Slim แบบ PANTS มีขอบเอวยืดหนุ่นนุ่มกระชับกับหน้าท้อง ไม่ทำให้เกิดรอยแดง และเพราะมีสัมผัสที่นุ่มทำให้ลูกน้อยสวมใส่แล้วสบายผิว สบายตัว เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เล่นสนุกได้เต็มที่ อารมณ์ดีตลอดวันด้วยค่ะ

                    ผ้าอ้อม Huggies Gold Soft & Slim

                    จากการที่ได้ลองสัมผัสกับผ้าอ้อมฮักกี้ ใหม่ รุ่น Gold & Soft & Slim ขอบอกว่านุ่มละมุนผิวมือมากๆ ค่ะ คุณแม่สบายใจได้เลยว่าผิวก้นลูก และบริเวณรอบเอวของลูกจะไม่เกิดการเสียดสีกับผ้าอ้อมขณะสวมใส่อย่างแน่นอน ผ้าอ้อม Huggies Gold Soft & Slim นอกจากความนุ่มดุจปุยฝ้ายแล้ว ยังเด่นในเรื่องของความบางเฉียบถึง 5 มิลลิเมตร ที่บางได้ขนาดนี้เพราะเทคโนโลยีใหม่เฉพาะผ้าอ้อมฮักกี้ ที่เรียกว่า Complex Core Technology ที่ให้ความบางแต่ยังคงความซึมซับที่ดีเยี่ยม ผ้าอ้อมไม่หนาเทอะทะ ก็ไม่ขัดขวางทุกพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกน้อยแล้วค่ะ

                    ครอบครัวไหนที่กำลังมีสมาชิกใหม่ตัวน้อย หรือลูกน้อยที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยเรียนรู้ การเลือกผ้าอ้อมสำคัญมากๆ นะคะ ถ้าให้ดีต้องเริ่มปูพื้นฐานพัฒนาการที่ดีให้ลูกตั้งแต่แรกคลอดเลยค่ะ ซึ่งผ้าอ้อมฮักกี้  ผ้าอ้อม Huggies Gold Soft & Slim ใหม่ มีให้คุณแม่ได้เลือกให้ลูกน้อยใช้กันตั้งแต่รุ่น New born (TAPE) และพอเข้าสู่ช่วงอายุ 3 เดือนขึ้นไปก็ต่อด้วยผ้าอ้อมฮักกี้ Huggies Gold Soft & Slim รุ่นกางกาง (PANTS) ซึ่งมีตั้งแต่ไซส์ S ช่วยส่งเสริมทุกช่วงพัฒนาการของลูกน้อยให้ไม่สะดุดค่ะ

                    หวังว่าคำแนะนำในการเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ และทุกครอบครัวที่กำลังมองหาผ้าอ้อมที่เหมาะกับช่วงวัยพัฒนาการของลูกน้อยกันนะคะ

                    ผ้าอ้อมฮักกี้ Huggies Gold Soft & Slim

                      อาการไข้เลือดออก

                      พ่อแม่ต้องรู้! 10 ความแตกต่าง อาการไข้เลือดออก vs อาการโควิด 19

                      อาการไข้เลือดออก vs อาการโควิด – 19 ต่างกันอย่างไร..พ่อแม่ควรรู้!? พร้อมสังเกตลูกน้อยและตัวเองให้ดี หากมีอาการเหล่านี้..!? ควรรีบไปหาหมอทันที

                      ไข้เลือดออกระบาด!!
                      กับ อาการไข้เลือดออก ที่พ่อแม่ต้องรู้เท่าทัน?

                      ด้วยความที่ทุกคนพุ่งความสนใจกับ โรคโควิด–19 จึงอาจหลงลืมหรือละเลย ที่จะนึกถึงโรคซึ่งมักจะมีการระบาดในช่วงปลายร้อนต้นฝน นั่นคือ ไข้หวัดใหญ่ และ ไข้เลือดออก

                      ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น 3 โรคที่พร้อมจะเป็นเพชฌฆาตร้ายคร่าชีวิตมวลมนุษยชาติได้ตลอดเวลา และหากเจาะข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค นอกจากโรคโควิด 19 ที่เราทราบผู้ป่วยรายวันอยู่แล้ว (ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.-28 เม.ย.63 ผู้ป่วยรวมสะสม 2,938 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 54 ราย) ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เม.ย. พบผู้ป่วย 97,398 ราย เสียชีวิต 3 ราย และ โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เม.ย. พบผู้ป่วย 8,746 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย!

                      อ่านข่าว >> “โรคไข้หวัดใหญ่ ระบาดหนัก 3 เดือนแรก พบเด็กแรกเกิด-4 ปี ป่วยมากสุด!”

                      อ่านข่าว >> “1 พ.ค. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 2563 พร้อมคำแนะนำเรื่องรับวัคซีนช่วงโควิดระบาด”

                      ทั้งนี้แม้โรคโควิด–19 จะมีจำนวนผู้ป่วยจะลดลง แต่ก็ไม่ควรประมาทและต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังต่อเนื่อง ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม ใส่หน้ากากทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน และหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อร่วมกันกดตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตลง ชะลอเวลาให้สามารถผลิตยาที่ใช้รักษาโรค รวมทั้งผลิตวัคซีนเพิ่มภูมิป้องกันความรุนแรงของโรคลงได้

                      อาการไข้เลือดออก

                      ไข้เลือดออก โรคเจ้าถิ่นฤดูฝน

                      ขณะที่โรคเจ้าถิ่น อย่าง โรคไข้เลือดออก ก็ยังไม่ควรมองข้าม ยิ่งขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน บางพื้นที่ฝนตกมีน้ำขังในภาชนะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก รวมทั้งในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด–19 หากมี อาการไข้เลือดออก ร่วมด้วย จะทำให้การรักษายุ่งยากและรุนแรงมากขึ้น

                      ซึ่งมีรายงานพยากรณ์ สถานการณ์โรคไข้เลือดออก 2563 จากกองโรคติดต่อนำโดยแมลง คาดการณ์ว่าในปี 2563 ไทยจะมีการระบาดต่อเนื่องจากปี 2562 ซึ่งใกล้เคียงกับการระบาดใหญ่ในปี 2558 โดยแนวโน้มจะสูงขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน และจํานวนผู้ป่วย ไข้เลือดออก จะสูงลอยไปจนถึงสิ้นปี ทั้งนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่การระบาดของไข้เลือดออก และประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ระบุในรายงาน ดังนี้…

                      สําหรับพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการระบาดโรคไข้เลือดออกระดับอําเภอ มีจํานวน 224 อําเภอ ใน 60 จังหวัด โดยพบว่าอําเภอเสี่ยงสูงส่วนใหญ่เป็นอําเภอเมือง และอําเภอที่มีขนาดใหญ่และมีความเจริญเทียบเท่าอำเภอเมือง โดยเป็นที่ตั้งของสถานที่สําคัญต่างๆ เช่น สถานศึกษา ศูนย์ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ

                      อ่านต่อ >> วิธีสังเกตอาการไข้เลือดออกและอาการโควิด-19” คลิกหน้า 2

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        ฝึกลูกนอนคว่ำ

                        “ฝึกลูกนอนคว่ำ” อันตราย! เสี่ยงขาดอากาศหายใจ

                        อุทาหรณ์เตือนใจคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยทารก ไม่ควรให้ลูกนอนคว่ำ เพราะเสี่ยงต่อการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากทารกยังไม่สามารถชันคอ หรือพลิกกลับไปนอนหงายเองไม่ได้ ดังกรณีนี้ที่ ทารกวัย 3 เดือนที่ประเทศจีน เสียชีวิตขณะที่แม่ของเด็กพยายาม ฝึกลูกนอนคว่ำ ตามคำแนะนำของบริษัทที่ปรึกษาด้านการดูแลเด็ก

                        เหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่คุณแม่กำลังเข้าร่วมคอร์สออนไลน์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกผ่านกรุ๊ป WeChat โดยทางบริษัทที่ปรึกษาได้แนะนำให้คุณแม่ ฝึกลูกนอนคว่ำ โดยคุณแม่คอยสังเกตการณ์ผ่านกล้องวิดีโอจากอีกห้องหนึ่ง

                        จากคลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐาน สังเกตได้ว่า ทารกกำลังนอนคว่ำอยู่บนที่นอน พยายามที่จะพลิกตัว และร้องไห้อย่างต่อเนื่อง แต่คุณแม่ก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด แม้จะกังวลใจว่าลูกน้อยอาจจะขาดอากาศหายใจ เพราะเชื่อตามคำแนะนำของบริษัทที่ปรึกษาว่า นี่เป็นวิธีฝึกให้ทารกเรียนรู้ที่จะนอนคว่ำ

                        ทารกนอนคว่ำ
                        Credit : Kankanews

                        แต่แล้วอีก 2 ชั่วโมงต่อมา คุณแม่ก็พบว่าลูกของเธอนั้นไม่หายใจแล้ว

                        ต่อมาทางบริษัทได้โพสต์ลงในสื่อโซเชียลมีเดียว่า ทารกไม่ได้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเพราะนอนคว่ำ และยังกล่าวอีกว่า แม่ของเด็กไม่ได้กล่าวหาว่าทีมงานของบริษัทเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตแต่อย่างใด

                        จากกรณีดังกล่าว ผู้คนในโซเชียลมีเดียต่างก็แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย ทั้งวิจารณ์ว่าเป็นความผิดของบริษัท ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่มีความรับผิดชอบ ทางด้านแม่ของเด็กก็ถูกตำหนิว่าไม่ใส่ใจลูกเท่าที่ควร เชื่อบริษัทมากเกินไป ในขณะที่ส่วนหนึ่งก็แสดงความเห็นออกเห็นใจคุณแม่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                        ทางด้านคุณแม่คนอื่นๆ ที่ได้ลงคอร์สออนไลน์กับบริษัทดังกล่าวก่อนหน้านี้ก็ตั้งคำถามว่า ทำไมบริษัทถึงพยายามล้างสมองพวกเธอให้เข้าใจว่า การปล่อยให้ลูกนอนคว่ำนั้นดีมีประโยชน์มากมาย

                        ฝึกลูกนอนคว่ำ อันตราย หมอไม่แนะนำ

                        จากกรณีดังกล่าว กุมารแพทย์ของจีนได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งในจีน และสหรัฐอเมริกา ไม่แนะนำให้ทารกอายุน้อยกว่า 1 ปีนอนคว่ำ และหากทารกอาเจียนในท่านอนคว่ำก็จะทำให้เกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจของทารกได้เช่นกัน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคไหลตายในทารก (SIDS) ด้วย

                        ขอบคุณข้อมูลจาก www.globaltimes.cn

                        อ่านต่อ ทารกไหลตาย vs ขาดอากาศหายใจ ต่างกันอย่างไร? คลิกหน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          8 วิธี สร้างวินัยเชิงบวก ง่ายๆ ป้องกันลูกดื้อ เริ่มได้ตั้งแต่ 1 ขวบ

                          สร้างวินัยเชิงบวก คือ การสร้างวินัยหรือการสอนและฝึกฝนเด็กให้ใช้ทักษะสมอง EF ในการดำเนินชีวิตประจำวันจนติดเป็นนิสัย โดยที่พ่อแม่ไม่ใช้คำสั่งห้ามและไม่มีการดุด่า

                          สร้างวินัยเชิงบวก ให้ลูก ป้องกันลูกดื้อ
                          ด้วยเทคนิคง่ายๆ จากผู้เชี่ยวชาญ

                          ซึ่งมาตรฐานของโรงเรียนอนุบาลในอเมริกาเกือบทุกรัฐต้องสอนทักษะ Executive Functions หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า EF เพื่อพัฒนาสมองและระบบความคิดของเด็กๆให้สามารถคิดวางแผนและแก้ปัญหาได้

                          ส่วนในประเทศไทย แม้กระแส EF จะมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา ตอนนี้รัฐบาลไทยจึงเริ่มสนับสนุนด้วยการพยายามเผยแพร่ความรู้เรื่อง EF ให้คุณครูบ้างแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่เองก็ไม่ควรพลาดเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยกระตุ้นสมองและเสริมความคิดเชิงบริหารให้ลูกน้อยเช่นกัน แล้วทักษะ EF เป็นอย่างไร จะทำให้ลูกของเราฉลาด วางแผนและแก้ไขปัญหาได้จริงหรือ ลองมาฟังคำอธิบายและคำแนะนำดีๆ จาก รศ. ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้าน ประสาทวิทยา และ ผศ. ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านวินัยเชิงบวก กันเลยค่ะ

                          เทคนิคสร้าง EF ให้ลูก ด้วยการสร้างวินัยเชิงบวก
                          ทักษะที่เด็กยุคใหม่ต้องมี!

                          ฟังเสวนา อ.ปนัดดา

                          ความหมายของทักษะการคิดเชิงบริหาร

                          ทักษะ “การคิดเชิงบริหาร” (Executive Functions) หรือเรียกสั้น ๆ กันว่า EF คือหน้าที่การทำงานของสมองระดับสูง ในเชิงบริหาร ซึ่งเราอาจจะคิดว่าผู้บริหารเท่านั้นที่ต้องมี แต่จริง ๆ แล้วมนุษย์เราทุกเพศทุกวัยจำเป็นต้องใช้ทักษะ EF กับการทำงานทุกเรื่องให้สำเร็จ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Goal-Directed Behavior” เป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่เป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่มีความยากและใช้ระยะเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะสำเร็จ เช่น การเรียน การจะทำให้จิตใจของเราจดจ่อกับเป้าหมาย ไม่ยอมแพ้ไม่ลืมหน้าที่รับผิดชอบ ไม่เบี่ยงเบนหาสิ่งที่ง่ายและสบายกว่าไปเสียก่อน รู้จักตัดสิ่งที่ไม่สำคัญออก เลือกทำสิ่งที่สำคัญ และยึดมั่นจนกว่าจะถึงเป้าหมาย

                          ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยทักษะ EF อย่างมากจึงจะทำได้สำเร็จเพราะทักษะวินัยเชิงบวก จะช่วยให้ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ ความคิด และการกระทำ จนกว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้

                          • ควบคุมอารมณ์ คือ เวลาลูกมีอารมณ์โกรธ เสียใจ หรือดีใจ เราสามารถควบคุม ไม่แสดงออกอย่างรุนแรง และกลับคืนสู่อารมณ์ปกติได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถทำงานต่อได้
                          • ควบคุมความคิด คือ ความสามารถในการควบคุมความคิดให้จดจ่อกับงานที่ทำไม่วอกแวกง่าย หรือหากเผลอวอกแวกไปบ้าง ลูกก็ยังสามารถดึงตัวเองกลับมาโฟกัสกับเรื่องที่ทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะในชีวิตประจำวันของลูกมีสิ่งต่าง ๆ มากมายทำให้ลูกวอกแวกได้ตลอดเวลา เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เพื่อนหรือความบันเทิงต่าง ๆ
                          • ควบคุมการกระทำ คือ การควบคุมตัวเองให้กระทำแต่สิ่งที่มุ่งไปสู่เป้าหมายโดยไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน

                          สร้างวินัยเชิงบวก

                          √ ชีวิตลูกดี๊ดีเมื่อมี EF

                          • สร้างความพร้อมตลอดชีวิต : การหมั่นฝึกฝน EF ตั้งแต่เด็กคือการสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาท เพราะเส้นใยประสาทยิ่งใช้ก็ยิ่งแข็งแรง เมื่อไปเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ เขาจะรู้ได้ว่าต้องตอบสนองอย่างไร เมื่อลูกน้อยเติบโตขึ้นทักษะนี้จะติดตัวไปด้วย ทำให้เขามีความคิดหลากหลาย ทั้งการคิดสร้างสรรค์ คิดยืดหยุ่น คิดแก้ไขปัญหา และไม่จนต่ออุปสรรคทั้งหลาย ทำให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ยากขึ้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหา พร้อมสำหรับการทำงาน และพร้อมใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข เพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายในชีวิต ทักษะวินัยเชิงบวก จึงเป็นสิ่งที่พัฒนาคนได้ทั้งชีวิต
                          • ชะลอความอยากและควบคุมความต้องการ : หรือ Delayed Gratificationซึ่งตรงตามสำนวนว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” เป็นอีกทักษะที่เกิดจากกระบวนการ EF ขึ้น ซึ่งเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกวัยรุ่นทุกคนมี เพราะลูกวัยรุ่นมักจะตัดสินใจตามอารมณ์หรือความต้องการส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย แต่เด็กที่ได้รับการพัฒนาทักษะวินัยเชิงบวก อย่างต่อเนื่องจะเริ่มอดทนรอคอยและชะลอความอยากได้ตั้งแต่ 4 ขวบ แม้จะเป็นการอดทนในช่วงเวลาสั้น ๆ ในเรื่องที่ไม่ยากนัก แต่เขาจะยิ่งทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีในช่วงวัยรุ่น นอกจากนี้ทักษะ Delayed Gratification ยังช่วยให้เด็กเกิดความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมาย เพราะสังคมปัจจุบันจะมีสิ่งที่มาล่อใจเขาตลอดเวลา การจะโฟกัสกับงานจนเสร็จทั้งที่อยากเล่น อยากอ่านการ์ตูนอยากเล่นเกม อยากดูทีวี ฯลฯ เป็นเรื่องยากมาก แต่ Delayed Gratification จะช่วยให้เขาระงับใจไว้ได้จนกว่าจะทำงานเสร็จจึงจะไปเล่นหรือทำสิ่งต่างๆ ได้ตามความต้องการ
                          • สร้างสำนึกที่ดีในจิตใจ : เนื่องจากทักษะ EF ทำให้เราเข้าใจตนเองรู้ว่าเราต้องการอะไร ต้องทำหน้าที่อย่างไรและเมื่อถึงจุดหนึ่งของการที่เรารู้จักตนเองจะเกิดการพัฒนาไปสู่ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เมื่อเด็กควบคุมตนเองได้ อดทนรอคอยได้ และเกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเขาจะมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นดี และพัฒนาไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่นหรือการมีจิตอาสานั่นเอง
                          • ตอบโจทย์สังคมในอนาคต : สังคมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังเด็กการสอบแข่งขันไม่ได้เข้มข้นเหมือนปัจจุบันวิชาหรือเส้นทางให้เลือกเรียนก็มีไม่มากเท่าทุกวันนี้ จากที่เราเคยต้องการให้เด็กว่านอนสอนง่าย ยุคสมัยนี้กลับต้องการให้เด็กเรียนรู้และคิดแก้ปัญหาได้เอง การใช้คำสั่งหรือวิธีสอนแบบเดิม ๆ จึงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ทฤษฎีทักษะ EF จึงพัฒนาขึ้นเพื่อสอนเด็กให้มีคุณสมบัติพร้อมสำหรับสังคมในอนาคต ซึ่งเด็กทุกคนต้องสามารถพึ่งพาตนเอง คิดวางแผน และแก้ไขปัญหาเองได้จึงจะประสบความสำเร็จในชีวิต

                          ⊗ ชีวิตลูกติดลบเมื่อไม่มี EF !

                          • ความจำไม่ดี เรียนรู้ไม่ได้ ทำผิดซ้ำซาก
                          • หุนหันพลันแล่น อยู่นิ่งไม่ได้
                          • ปรับตัวไม่ได้ อารมณ์เสียเมื่อต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
                          • อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง เศร้าเสียใจยาวนาน
                          • จัดการหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองไม่ได้ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน และข้าวของส่วนตัว
                          • มีปัญหาในการเข้าสังคม
                          • มีแนวโน้มเจ็บป่วยโรคจิตเภท เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ฯลฯ
                          • มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดในชีวิต เช่น เรียนไม่จบ ติดยาเสพติด หรือตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
                          • เสี่ยงต่อภาวะบกพร่องทางสมอง เช่น สมาธิสั้น หรืออัลไซเมอร์

                          ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ และมีลูกวัย 0-6 ปี ร่วมฟังเสวนาฟรี! “เลี้ยงลูกเชิงบวก กระตุ้นทักษะสมอง พิชิตความสำเร็จ” โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 สมัครด่วนจำนวนจำกัด!! อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งล่วงหน้า ได้ที่ https://bit.ly/2Sek03w

                           

                          อ่านต่อ >> “8 วิธีสร้างวินัยเชิงบวกง่ายๆ
                          ป้องกันลูกดื้อ เริ่มได้ตั้งแต่ 1 ขวบ
                          ” คลิกหน้า  2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            โรงเรียนเปิดเทอม 2563

                            7 ประเทศดูแลเด็กๆ อย่างไรเมื่อ โรงเรียนเปิดเทอม 2563

                            โรงเรียนเปิดเทอม 2563 หลังวิกฤติไวรัสโคโรนาเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศก็เริ่มเปิดเมืองและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างได้บ้างแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าโรคระบาดครั้งนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกทุกเพศทุกวัย ส่วนที่โดนเต็มๆ เลยก็คือลูกๆ ของเราที่ต้องกลับไปรวมกลุ่มกันที่โรงเรียน

                            ประเทศต่างๆ ดูแลนักเรียนอย่างไร ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม 2563 

                            แม้บ้านเราจะยังปิดเทอมยาวอีกหลายเดือน แต่ตอนนี้บางประเทศเริ่มกลับมาเปิดเทอมกันแล้ว ไหนลองไปส่องนโยบายประเทศต่างๆ กันหน่อยซิว่า เขามีวิธีดูแลนักเรียนหลังการแพร่ระบาดอย่างไร เพื่อให้เด็กๆ ปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดี  Amarin Baby & Kids ชวนคุณพ่อคุณแม่ไปส่องวิธีการของประเทศต่างๆในการดูแลเด็กๆ อย่างน้อยก็เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูล และอาจนำมาปรับใช้ยามที่ลูกของเราต้องเดินกลับเข้ารั้วประตูโรงเรียนเช่นกัน

                            โรงเรียนเปิดเทอม 2563

                            แนวทางดูแลเด็กของ 7 ประเทศทั่วโลก รับ โรงเรียนเปิดทอม 2563 

                            จีน

                            จุดเริ่มต้นของเชื้อไวรัสโคโรน่า และมีจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ตายชีวิตจำนวน แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะประกาศให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตต่างปกติได้แล้ว แต่ก็ยังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เน้นเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing), โดยกำชับให้เด็กๆ สวมหน้ากากอนามัย, กำหนดเส้นทางเดินเข้า-ออกห้องเรียนไม่ให้เกิดความแออัด ติดตั้งกล้องวัดอุณหภูมิเพื่อคัดกรองนักเรียนที่มีไข้สูงก่อนเข้าโรงเรียน โรงเรียนบางแห่งทำคอกกั้นโต๊ะเรียน และกั้นโต๊ะในโรงอาหารเหมือนเวลาสอบ เพื่อไม่ให้นักเรียนอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป

                            โรงเรียนเปิดเทอม 2563
                            เครดิตภาพ : thetop10news.com

                            เยอรมนี

                            โรงเรียนทั่วไปในเยอรมนีจะทยอยกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยเริ่มจากเด็กประถมปลายและนักเรียนที่ต้องสอบไล่หรือกำลังจะจบการศึกษา โดยให้อำนาจกับผู้ว่าการรัฐเลือกว่า จะให้โรงเรียนเปิดเป็นบางส่วน หรือเลื่อนกำหนดเปิดเรียนทุกชั้นออกไปทั้งหมด

                            แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกโรงเรียนต้องประกาศมาตรการเพื่อสุขอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคมให้เด็กๆทราบเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า ถึงกระนั้นก็ยังมีเสียงบ่นเจือความกังวลอยู่ว่า ทางโรงเรียนจะสามารถจัดเตรียมสบู่, แผ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค และชุดป้องกันโรคได้เพียงพอตอดช่วง โรงเรียนเปิดเทอม 2563 นี้ หรือไม่

                            เดนมาร์ก

                            สำหรับโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา ของเดนมาร์กปิดไปเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง เมื่อยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลง โดยในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักเรียนหลายหมื่นคนเริ่มกลับไปเรียนหนังสือ โดยตัดสินใจเองได้ว่า ตัวเองจะรักษาระยะห่างทางสังคม 2 เมตรอย่างไร

                            โรงเรียนอนุบาลส่วนใหญ่ จะแบ่งนักเรียนในหนึ่งห้องออกเป็น 2 กลุ่ม โดยมีครู 1 คนดูแลนักเรียนราว 10 – 11 คน และถ้าเป็นไปได้เด็กๆ จะออกไปเรียนนอกห้องที่อากาศเปิดโล่ง หรือเล่นเป็นกลุ่มย่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ ส่วนอีกหลายคนอาจเลิกเรียนเร็วกว่า เพื่อแบ่งกันใช้อุปกรณ์การเรียนต่างๆ โดยไม่ทำเกิดการแออัดในห้องเรียน

                            ส่วนโรงเรียนประถมศึกษา จะจัดโต๊ะนักเรียนให้ห่างกัน 6 ฟุต บางวิชาเรียนในโรงยิมกว้างๆ ขณะที่คุณครูจะคอยเตือนให้เด็กๆ ล้างมืออย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง ทั้งนี้คนเดนมาร์กไม่นิยมสวมหน้ากากอนามัยกันนัก

                            อ่านต่อ มาตรการดูแลเด็กช่วงเปิดเทอม หน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ชื่อเล่นสุดฮิต

                              500 ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกแบบอินเตอร์ ใช้ตั้งได้ทุกปี ไม่มีเอ้าท์!

                              เปิด Top 20 ชื่อลูกที่ดีที่สุด ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกภาษาอังกฤษ ชื่อลูกแบบฝรั่ง ชื่อลูกสุดอินเตอร์ ปี 2020 กว่า 500 ชื่อเล่น สุดฮิต จะมีชื่อใดบ้าง ใช้ตั้งได้ทุกปี ไม่มีเอ้าท์ ตามมาดูกัน!

                              Top ชื่อเล่นสุดฮิต 20 ชื่อลูกที่ดีที่สุด

                              สำหรับชื่อลูก ซึ่งเป็นชื่อเล่นสุดฮิต ที่ติด Top 20 ชื่อ ทางเว็บไซต์ Names.org ได้ออกมาให้ช้อมูลรายชื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2020 โดยได้มาจากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเกิดจากการประกันสังคมและค้นหาชื่อมากที่สุดบนเว็บไซต์

                              ซึ่งชื่อที่ 10 อันดับแรกของเด็กผู้ชายในปีนี้ ได้แก่ Henry และ Alexander และ Mila ได้เข้าไปติดอันดับท็อป 10 สำหรับเด็กผู้หญิง ทั้งนี้ยังมีรายชื่อที่ซ้ำมากมายจากรายชื่อเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อปี 2019 รวมถึง Liam และ Noah สำหรับเด็กชาย ส่วนเด็กผู้หญิงก็คือ Emma และ Ava อีกเช่นเคย

                               

                              Top 10 ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกชาย 2020

                              Top 10 ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกสาว 2020

                              LiamEmma
                              NoahOlivia
                              WilliamAva
                              OliverIsabella
                              LucasCharlotte
                              BenjaminSophia
                              ElijahAmelia
                              JamesMia
                              HenryMila
                              AlexanderHarper

                              ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :: www.names.org

                               

                              ทั้งนี้จาก ชื่อเล่นสุดฮิต 20 ชื่อ ข้างต้น ⇑ .. หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ได้ชื่อที่ถูกใจสำหรับ ตั้งชื่อลูกสาว หรือ ตั้งชื่อลูกชาย และต้องการมองหาไอเดียสำหรับ ตั้งชื่อลูกแบบอินเตอร์ ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูก 2020 ใช้ตั้งได้ทุกปี ไม่มีเอ้าท์ เป็นชื่อเล่น สุดฮิต ชื่อลูกภาษาอังกฤษ ชื่อลูกแบบฝรั่ง ต้องห้ามพลาด..บทความนี้เลยค่ะ!!! ทีมแม่ ABK ได้รวบรวม ชื่อเล่นสุดฮิต มาให้แล้วกว่า 500 ชื่อ จะมีชื่อใดบ้าง ตามมาดูกันเลย

                              โดย ชื่อเล่นสุดฮิต ต่อไปนี้ เป็นชื่อลูกสุดฮิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 50 ชื่อจากคนดัง ไม่ว่าจะเป็นชื่อของลูกดารา หรือตัวดาราเอง หรือชื่อตัวละครจากภาพยนต์ดัง มีทั้งเด็กชายและเด็กหญิง (อาจซ้ำกัน) ซึ่งถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2563 จากข้อมูลของ BabyCenter

                              โดยชื่อเล่นต่อไปนี้เป็น ชื่อลูกภาษาอังกฤษ ชื่อลูกแบบฝรั่ง หากคุณพ่อคุณแม่ อยากได้คำอ่านที่ถูกต้อง ก็สามารถนำชื่อไปใส่ในช่อง “ป้อนข้อความ” บนเว็บ translate.google.co.th หรือ ช่อง “ป้อนคำศัพท์” บนเว็บ dict.longdo.com แล้วกดตรงสัญลักษณ์ที่เป็นรูปลำโพง 🔈 📣 📢 แล้วก็จะมีเสียงอ่านของคำนั้นๆ ออกมาให้ฟังว่าออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างไรนั่นเอง

                               

                              25 ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกชาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในปี 202025 ชื่อเล่นสุดฮิต ชื่อลูกสาว ที่ได้แรงบันดาลใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2020
                              GeneIvy
                              StarkRhett
                              BruinRose
                              JacobWinter
                              CrewPhoenix
                              MilesAriana
                              HudsonBillie
                              DallasSkyler
                              FreddyFreddie
                              TyrionPaisley
                              SnowCamila
                              LucaEleven
                              EastonMillie
                              LeoLuna
                              JonasStory
                              ArchiePhoebe
                              BeauArya
                              AngeloSnow
                              Axel or AxlSansa
                              MaloneHarper
                              RemiNavy
                              MateoLizzo
                              MaverickBernadette
                              ElevenViolet
                              RhettRemi

                              ⇒ ดูความหมายที่มาของแต่ละชื่อได้ที่นี่ >> อ้างอิงจาก :: parade.com

                              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

                              ดูต่ออีก >> “400+ ชื่อลูกสุดฮิต
                              ชื่อลูกภาษาอังกฤษ ชื่อลูกแบบฝรั่ง” คลิกหน้า 2

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                ลูกไม่เรอ

                                ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก ต้องดู! คลิปสอน วิธีจับลูกเรอ 2 วิธีทําให้ลูกเรอง่ายๆ

                                ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก เสี่ยงลมในท้องยอะ ทำลูกปวดท้อง แน่นท้อง ไม่สบายตัวได้ .. จะทํายังไงให้ลูกเรอ ตามมาดูคลิป วิธีจับลูกเรอ 2 ท่าง่ายๆ อุ้มไล่ลมลูก หยุดอาการไม่สบายท้อง

                                ทำไม? ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก

                                การเรอของทารก ก็เพื่อช่วยให้ลูกน้อยขับลมออกจากกระเพาะ หลังกินนมเสร็จ (หรือกินอาหาร) ทำให้ลูกไม่ท้องอืด ลดปัญหาการแหวะนม ทั้งนี้สำหรับลูกที่ไม่เรอหรือแหวะนมออกมาเอง โดยส่วนใหญ่มักเป็นเพราะ

                                • ลูกกินนมช้าเกินไปซึ่งลักษณะของจุกขวดนมหรือหัวนมของแม่ เช่น หัวนมบอด อาจทำให้น้ำนมไหลออกมาน้อยหรือไหลช้า ส่งผลให้ลูกน้อยกลืนอากาศเข้าไปมากขึ้นในระหว่างดูดนม
                                • กินนมเร็วเกินไปหากน้ำนมจากเต้าของมารดาหรือจุกขวดนมไหลออกมามากเกินไป ลูกน้อยจะต้องกลืนน้ำนมอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดแก๊สสะสมในกระเพาะอาหารได้มากเช่นกัน
                                • ดื่มนมที่มีฟองอากาศสำหรับทารกที่ดื่มนมผง ในระหว่างขั้นตอนผสมนมผงกับน้ำอาจมีฟองอากาศเกิดขึ้น ทารกอาจท้องอืดได้หากกลืนฟองอากาศมากเกินไป ดังนั้น หลังผสมนมเสร็จแล้วควรทิ้งไว้สัก 2-3 นาที เพื่อให้ฟองอากาศแตกตัวก่อนให้ลูกน้อยดื่ม
                                • กระบวนการย่อยอาหารระบบย่อยอาหารของทารกในช่วง 3 เดือนแรกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ การเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารเมื่อดื่มนมแม่จึงเป็นเรื่องปกติ อาการของทารกจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองเมื่อมีอายุมากขึ้น ส่วนทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่เริ่มรับประทานอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่ได้แล้ว ในช่วงแรกระบบย่อยอาหารอาจยังไม่คุ้นชินกับอาหารชนิดใหม่ ๆ ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้เช่นกัน

                                สัญญาณบ่งบอกว่าลูกน้อยท้องอืด

                                ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก อาจทำให้ท้องอืดได้ ทั้งนี้อาการท้องอืดเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ทารกมีอายุ 2-3 สัปดาห์ แม้ทารกไม่สามารถสื่อสารให้รู้ได้ด้วยคำพูด แต่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตความผิดปกติได้เมื่อลูกน้อยแสดงอาการ ดังนี้

                                • ร้องไห้
                                • ยกขาขึ้นสูงไปทางหน้าท้อง
                                • ดิ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะหลังจากดื่มนม
                                • กำมือแน่น
                                • ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง

                                อย่างไรก็ตาม ทารกมักรู้สึกสบายตัวขึ้นและหยุดร้องไห้หลังผายลมหรือเรอออกมา แต่หากยังร้องไห้ไม่หยุดทั้งที่ผายลมออกมาแล้ว อาจแสดงว่าสัญญาณผิดปกติดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กรดไหลย้อน ท้องผูก โคลิค เป็นต้น หรือหากลุกยังไม่เรอออกมา มีลมในท้องเยอะ ก็อาจทำให้ลำไส้ดันขึ้นสูง เช่นเดียวกับหนูน้อยคนนี้

                                ซึ่งคุณแม่ได้แชร์ประสบการณ์ ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Suwara Chutburanontachai ในกลุ่ม คลับแม่ผ่าคลอด (c section club) ว่า ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก โดยหนูน้อยมีอายุเพียง 21​ วัน ซึ่งคุณแม่เล่าว่า … มักป้อนนมน้องด้วยท่านอน ซึ่งเมื่อน้องนอนกินนม จึงทำให้ไม่ค่อยเรอ แม้กินนมเสร็จ คุณแม่จะคอยอุ้มเรอแล้วก็ตาม เมื่อคุณแม่พาน้องไปแอดมิท​ คุณหมอหมอแจ้งว่าลำไส้ดันขึ้นไปสูงมาก​ เนื่องจากนอนกินเยอะไป​และลมเยอะมาก​ ตอนนี้หมอจ่ายยา airx biogaia มาให้แต่ก็ช่วยได้นิดหน่อย​ เรอที2ที​ บางทีไม่เรอก็มีค่ะ​ ท้องน้องป่องตลอด​ … และล่าสุดลำไส้คือกลับมาตำแหน่งเดิมแล้ว ส่วนเรื่องเรอคือดีขึ้นแต่ก็ยัง เรอยากอยู่ และคุณหมอให้กินนมตามเวลา​ แล้วจับเรอบ่อยกว่าปกติ

                                ลูกไม่เรอ

                                อย่างไรก็ตามจากอาการที่ ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก ดังที่คุณแม่เล่ามาข้างต้น ก้ยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักถึงเรื่องการเรอของลูกเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ วิธีจับลูกเรอ ป้าหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้…

                                อ่านต่อ >> “วิธีจับลูกเรอ พร้อมคลิปสอนอุ้มลูกเรอไล่ลม” คลิกหน้า 2

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์

                                  ด่วน! เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ เดือนพฤษภาคม 2563 ทั้งหมด

                                  ด่วนที่ประชุม ศบค. มีมติให้ เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ เดือนพฤษภาคมนี้ออกไปก่อน เตรียมเสนอ ครม. วันที่ 28 เม.ย.นี้ เล็งชดเชยให้ภายหลัง

                                  วันนี้ (27 เม.ย.63) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด – 19) ว่า ที่ประชุมศบค.มีมติเห็นชอบให้ เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในเดือนพ.ค. ทั้งหมด

                                  โดยรายงานข่าวจากที่ประชุม เปิดเผยว่า นอกจากที่ประชุมศบค.มีมติให้ต่ออายุพรก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนแล้ว ศบค.ยังเสนอให้เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ของเดือนพฤษภาคมทั้งหมดออกไปก่อนด้แก่

                                  • วันที่ 1 พ.ค. วันแรงงานแห่งชาติ
                                  • วันที่ 4 พ.ค.วันฉัตรมงคล
                                  • วันที่ 6 พ.ค. วันวิสาขบูชา
                                  • วันที่ 11 พ.ค. วันพืชมงคล

                                  โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ โดยรัฐบาลจะพิจารณาชดเชยวันหยุดในภายหลัง เช่นเดียวกับวันสงกรานต์ที่มีมติเลื่อนไปก่อน

                                  ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าหากยังให้มีวันหยุดยาว ทางสาธารณสุขมีความเป็นห่วงในเรื่องการเดินทาง จึงเสนอให้ไม่ให้เป็นวันหยุด ส่วนให้มีวันหยุดชดเชยเมื่อไหร่นั้น คาดว่าอาจจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาต่อไป

                                  อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีการตัดสิทธิวันหยุดดังกล่าวแต่อย่างใด แต่เป็นการเลื่อนไปก่อนเท่านั้น ส่วนเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆ ยังคงเน้นตามข้อกำหนดและมาตรการของสาธารณสุข โดยเฉพาะเรื่องการดเว้นระยะห่าง แต่อาจจะมีการผ่อนปรนตามข้อกำหนด

                                  นายอิทธิพล กล่าวว่า ทั้งนี้ย้ำว่าเรื่องการผ่อนปรนจะเป็นไปทีละขั้นและมีการประเมินทุก 14 วัน และกิจการที่ยังคงมีความเสี่ยงสูงก็ยังไม่มีการผ่อนปรน โดยจะพิจารณาผ่อนปรนตามความเสี่ยง เพราะยังคงมีความเป็นห่วงเรื่องของการแพร่ระบาด โดย นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ยึดการสาธารณสุขนำเศรษฐกิจ

                                  ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์, ข่าวสด

                                  ทั้งยืดเวลาพรก.ฉุกเฉิน ทั้งยกเลิกวันหยุดแบบนี้  ทีมแม่ ABK ก็มีตัวช่วยมาในการ Work From Home มาฝากคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยและทำงานไปด้วย ตามลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    อุ้มลูกบ่อย

                                    ลูกติดมือ ไม่มีจริง! ยิ่งอุ้มลูกบ่อย ลูกยิ่งเลี้ยงง่าย อารมณ์ดี

                                    คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่า น่าจะเคยได้ยินคำแนะนำจากผู้ใหญ่หรือคุณย่าคุณยายมาบ้างว่า “ อย่า อุ้มลูกบ่อย เดี๋ยวจะทำให้ติดมือ! ”     เพราะเมื่อลูกน้อยร้องไห้ทีไร   เมื่อเข้าไปอุ้มลูกก็จะหยุดร้องไห้ทันที!   ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนชะงัก  ลังเลที่จะอุ้มลูกเวลาร้องไห้    กลัวว่าอุ้มแล้วจะทำให้ลูกเคยตัว  ทำให้ต้องอุ้มตลอดเวลา เหมือนที่ผู้ใหญ่เตือนมาหรือเปล่า?

                                    อุ้มลูกบ่อย จะติดมือไหม ปัญหาคาใจพ่อแม่มือใหม่

                                    ก่อนอื่นอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจกันใหม่   โดยต้องถอดคำว่า “ติดมือ” ออกจากพจนานุกรมของการเลี้ยงลูกไปเลย โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มีเบบี๋วัยแรกเกิด  0-6 เดือน งานวิจัยและคุณหมอเด็กหลายท่านให้ข้อมูลไปในทางเดียวกันว่า เด็กแรกเกิดเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในท้องคุณแม่ที่แสนอบอุ่น มืดๆ ห่อๆ  มีน้ำคร่ำที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวยุกยิกอยู่ตลอดเวลา

                                    อุ้มลูกบ่อย

                                    แต่พอออกมาลืมตาดูโลกแล้ว โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่ หนูนอนอยู่คนเดียวมันเคว้งคว้าง น่ากลัวเสียเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ หนูเลยต้อง “สื่อสาร” บอกพ่อแม่ให้รู้ว่า “หนูไม่โอเคกับความรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้นะ”   ใครก็ได้ช่วยมาให้ความอบอุ่นหนูหน่อยเถอะ

                                    MUST READ : ปล่อยให้ลูกร้องไห้นานๆ ทำลายสมองจริงหรือ?

                                    MUST READ: แม่อุ้มลูก ข้างซ้ายเพราะอะไร

                                    ” อุ้มลูกบ่อยไม่ดี”   แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนควรอุ้ม

                                    สำหรับเด็กแรกเกิด – 6 เดือน ไม่มีคำว่า “อุ้มลูกบ่อย เกินไป” หรือ “ติดมือ” เมื่อลูกเรียกร้อง คุณแม่ควรอุ้มลูกเสมอ เพราะเด็กวัยนี้กำลังสร้างความไว้ใจ (trust) กับโลกใบใหม่  และผู้มีบทบาทสำคัญที่สุด ก็คือแม่หรือคนเลี้ยงดู ทารกที่ได้รับการตอบสนอง มีคนมาอุ้ม กอด พูดคุยปลอบโยน จะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เลี้ยง เด็กจะมั่นใจว่ามีคนคอยดูแล

                                    อุ้มลูกบ่อย

                                    เมื่อโตขึ้น เด็กๆเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะเลี้ยงง่าย มีความมั่นคงทางจิตใจ และอารมณ์ดี ต่างกับเด็กทารกที่ไม่มีคนดูแล           ทำความสะอาดร่างกาย ปล่อยให้ไม่สบายตัวหรือหวาดกลัวนานๆ ซึ่งนั่นอาจทำให้เด็กขาดความอบอุ่น โตขึ้นมักมีนิสัยเรียกร้องความสนใจตามมา

                                    แต่เมื่อลูกโตขึ้น และเข้าสู่วัย 6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่และลูกน้อยทำความรู้จักจนเริ่มรู้ใจ   ไว้ใจกันมากขึ้นแล้ว อาจไม่ต้องเด้งตัว พุ่งไปหาลูกทันทีอเวลาได้ยินเสียงร้องไห้ เหมือนตอนช่วงแรกๆ  แค่ส่งเสียงตอบรับรู้ พูดคุย บอกให้รอ แล้วค่อยๆ วางมือจากภารกิจตรงหน้าอย่างไม่เร่งร้อน  ก่อนไปหาลูก วิธีการนี้จะช่วยให้ลูกเริ่มรู้จักการรอคอยและเชื่อใจว่า  เดี๋ยวก็จะมีคนมาดูแลแน่นอน

                                    อ่าน เทคนิคแสดงความรักแบบลูกไม่ติดมือ หน้า 2

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่