Page 89 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรงเรียนอนุบาล

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

สำหรับแม่ ๆ ที่กำลังหา โรงเรียนอนุบาล ให้ลูกน้อย ทีมแม่ ABK ขอพาแม่ ๆ มาส่อง 10 ค่าเทอมอนุบาล ปี 2022/2565 ว่ามีหลักสูตรอะไรบ้าง และค่าเทอมเท่าไหร่?

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

เมื่อลูกถึงวัยที่จะต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คิดไม่ตกก็คือ จะเลือก โรงเรียนอนุบาล ไหนให้ลูกดี ค่าเทอมอนุบาล มีหลักสูตรอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่? และโรงเรียนอนุบาลสมัยนี้ ก็มีหลากหลายแนวทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแนววิชาการ แนวบูรณาการ ก่อนอื่น มาดูวิธีการเลือกโรงเรียนอนุบาลกันก่อนดีกว่าค่ะ

การเลือกสถานศึกษา

  1. เลือกประเภทสถาบันการศึกษา

คุณพ่อคุณแม่จะต้องคิดว่าจะให้ลูกเรียนไปทางสายไหน ซึ่งโดยปัจจุบันก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งสถาบันของรัฐบาล และเอกชน ซึ่งก็มีแบ่งเป็นเอกชนธรรมดา เอกชนสายทางเลือก เอกชนแบบ 2 ภาษา หรือ EP : English Program หรือเอกชนแบบนานาชาติ ที่มีแต่ครูต่างชาติ 100% เลย ซึ่งค่าเทอมก็แพงขึ้นตาม แน่นอนว่าการเลือกประเภทของสถาบันการศึกษา ย่อมส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมแน่นอน ดังนั้น พ่อแม่ต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบในระยะยาว อย่าลืมสอบถามและหาข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละสถาบันเปรียบเทียบกันให้ชัด ๆ เพื่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดน้อยที่สุดด้วย

2. เลือกทำเลที่ตั้งสถานศึกษา

หลังจากเลือกประเภทของสถาบันการศึกษาของลูกแล้ว พ่อแม่ก็ต้องมาดูต่อว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนแถวไหน จะใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงานคุณพ่อคุณแม่ ถ้าพ่อแม่บางคนจะเลือกใกล้บ้านก็อาจจะไม่ต้องตื่นเช้ามากเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งก็ทำให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หรือถ้าเลือกสถาบันดังๆ ที่ต้องการ แต่ต้องใช้เวลาเดินทางไกล ก็ต้องเตรียมใจว่า ลูกอาจต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่น ต้องกินข้าวในรถระหว่างไปโรงเรียน ขากลับก็อาจเจอรถติดยาว หรือต้องจ้างรถโรงเรียนเพื่อให้กลับบ้านเร็วขึ้น ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ค่าเทอมอนุบาล
ค่าเทอมอนุบาล

เด็กในวัยอนุบาล เรื่องสำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการเลือก โรงเรียนอนุบาล ที่เหมาะกับลูกที่สุด ดังนั้น มาดูกันว่า โรงเรียนอนุบาล แต่ละโรงเรียน มีหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างไรบ้างกันค่ะ

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

อนุบาลกุ๊กไก่

การเรียนการสอนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ มีการจัดการเรียนการสอนทั้งกิจกรรมภายในและภายนอกห้องเรียน มีการเรียนรู้หลากหลายอย่างเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน มีการจัดการเรียนรู้แบบ Project Approach

การเรียนรู้ Project Approach เป็นวิธีการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้แก่เด็กเพื่อเตรียมพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 และ ศตวรรษต่อๆไป Project Approach ช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัวเด็กอย่างลุ่มลึกด้วยตนเอง สอนให้เด็กรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to Learn) ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองต่อไปได้ตลอดชีวิต และยังสอนวิธีการคิดรูปแบบต่างๆ (Learning to Think) ให้แก่เด็กอีกด้วย ทำให้เด็กสามารถพิจารณาข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล นำข้อมูลมาเปรียบเทียบวิเคราะห์ สังเคราะห์ พิจารณาถึงความถูกต้องและประโยชน์ได้ตามวัย การเรียนรู้แบบ Project Approach บูรณาการวิชาต่างๆให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีความหมายและเป็นที่สนใจของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษา หรือประวัติศาสตร์ การเรียนรู้แบบ Project Approach เป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายในวงการการศึกษาในหลายประเทศทั่วโลกว่าเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง (Brain Based Learning) อย่างมาก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ โทรศัพท์: (0) 2 249-0081-3, https://kukai.ac.th/

โรงเรียนเลิศหล้า

โรงเรียนเลิศหล้าจัดหลักสูตรผสมผสานระหว่างหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการประเทศไทยกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการประเทศแคนาดาโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนเพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ในระดับสากลภายใต้วัฒนธรรมไทย และมี 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ( English Program) และ หลักสูตรนานาชาติ ( International Program )

  1. หลักสูตรภาษาอังกฤษ ( English Program)

ระดับเตรียมอนุบาล – อนุบาลศึกษาปีที่ 3
รับสมัครนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 1.6 ขวบ – 3 ขวบ จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในอัตราส่วน 50 : 50 ของเวลาเรียน

2. หลักสูตรนานาชาติ ( International Program )

ระดับชั้นอนุบาล (K.1 – K.3) รับสมัครนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในอัตราส่วน 80 : 20
ของเวลาเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ www.lertlah.com

โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า

โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เปิดการเรียนการสอน 2 หลักสูตร เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูก หลักสูตรที่มุ่งเน้นการเตรียมตัวและพัฒนาทักษะของลูกน้อยให้พร้อมก่อนเข้าเรียนในทุกๆด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และสติปัญญา เด็กๆจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ ภายใต้การดูแลโดยคุณครูและผู้เชี่ยวชาญด้านปฐมวัยอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้ท่านได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกน้อย ได้เห็นถึงพัฒนาการความก้าวหน้า เสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดี ในการเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อม หรือผู้คนใหม่ๆ สร้างความมั่นใจ ในวันที่ต้องลงสู่สนามแห่งการเรียนรู้จริง ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียน ในบรรยากาศและสถานที่ของโรงเรียน

หลักสูตรนานาชาติ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรอังกฤษ ผ่านการเล่น (Play-base approach) เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของเด็ก โดยเด็กจะได้ทำกิจกรรมสนุกสนานและหลากหลาย แต่ยังคงแทรกเนื้อหาวิชาการที่สำคัญ รวมถึงวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยด้วยเช่นกัน เพื่อให้เด็กเข้าใจเนื้อหาและลงมือปฏิบัติจริง เกิดเป็นความรู้อย่างถาวร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ www.denlaschool.ac.th

โรงเรียนรุ่งอรุณ

การศึกษาเริ่มต้นเมื่อคนกินอยู่เป็น…ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เขียนไว้ในหนังสือ การศึกษาเริ่มต้นเมื่อคนกินอยู่เป็น ถึงแนวทางการจัดการศึกษาแนวพุทธที่พัฒนาเด็กตามหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อนำหลักไตรสิกขาสู่ระดับชั้นอนุบาลของรุ่งอรุณ วิถีชีวิตและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ จึงมีเป้าหมายให้เด็ก กิน อยู่ ดู ฟังเป็น สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ ปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ และกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ อันเป็นคุณธรรมสำคัญที่เกื้อหนุนการเรียนรู้ของวัยเด็ก โดยบูรณาการ ๔ สาระที่สำคัญสำหรับปฐมวัย ได้แก่ ตัวเรา ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังคม (พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน ครู ลุงคนสวน ป้าแม่ครัว ฯลฯ) และภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ลงในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็ก อาทิ กิจวัตรประจำวัน การเล่น การออกกำลังกาย นิทาน ศิลปะ ดนตรี การทำอาหาร การเดินชมธรรมชาติ กิจกรรมจิตอาสา และโครงงานตามความสนใจ ซึ่งสอดคล้องไปกับฤดูกาลของแต่ละภาคเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0 2870 7512 – 3, 0 2840 2501-4, www.roong-aroon.ac.th

อนุบาลมณีรัตน์

ที่โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ เด็กๆ ทุกคนคือผู้นำเราต้องการสร้างความใฝ่รู้ให้เด็ก รักการค้นคว้า การคิดหาเหตุผล อย่างถูกต้องโดยนำความสนใจของเด็กๆ แต่ละคนมาสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบโดยวิธีธรรมชาติและสนุกสนาน เพื่อปลูกฝังแนวทาง ที่ถูกต้องสู่ความเป็นเอกบุคคลในแนวทางต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในตัวเด็กแต่ละคน เด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ มิใช่เพียง แค่มาเรียน แต่เป็นการมารู้จักความสนใจของตนเอง และแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อเป็นการเริ่มต้นค้นหาตัวตนของตนเอง เพื่อนำไปสู่ความเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมในอนาคต

โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ มุ่งเน้นที่จะยึดเด็กเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการเรียนการสอน (Child Center) โดยมีปรัชญาของ เรกจิโอ เอมีเลีย (Reggio Emilia) เป็นหลักสำคัญในการมองเด็กอย่างเข้าใจ และเป็นหลักในการออกแบบกระบวนการของการเรียนการสอน ในห้องเรียน และภายใต้ปรัชญาของ เรกจิโอ เอมีเลียนั้น ทางโรงเรียนก็ได้นำนวัตกรรม หลักการ หลักสูตร และแนวคิดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น Project Approach, Brain Based Learning, Multiple Intelligence (พหุปัญญา), Integration, Whole Language ฯลฯ

ดังนั้นหลักสูตรของโรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ซึ่งได้สั่งสมมาจากประสบการณ์การ สอน และการเป็น โรงเรียนนำร่องของ สมศ. กระทรวงศึกษาธิการ ตลอด 20 ปีเต็ม จึงมีเอกลักษณ์ที่ทำให้เด็กทุกคนเป็นคนที่รู้จักขวนขวายหาความรู้ มีทักษะความสามารถเฉพาะตัว ช่างคิด กล้าแสดงออก ในบริบทของวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และที่สำคัญ มีทัศนคติที่ดีและมีความสุขกับการเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0–2678–4612, www.maneerut.com

โรงเรียนอนุบาลแสงโสม

เน้นให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข โดยผ่านการสอนที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ใช้ระบบศูนย์การเรียน และใช้การบูรณาการมีการเรียนรู้โดยผ่านการกระทำ โดยใช้ Project Approach เน้นให้นักเรียนได้ฝึกการคิด การวางแผน

  • ได้รับรางวัลสื่อการสอนดีเด่นจากกระทรวงศึกษาธิการ
  • ทุกห้องเรียนมีครูประจำชั้น 1 ท่าน และครูผู้ช่วย 3 ท่าน
  • กิจกรรมในหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนครบในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 02-585-6433, kindergarten.sangsomschool.com

โรงเรียนอนุบาลยอดนิยม
โรงเรียนอนุบาลยอดนิยม

โรงเรียนเธียรประสิทธิ์ศาสตร์

แนวการจัดการเรียนการสอน จากการศึกษาวิจัยจำนวนมากและจากประสบการณ์อันยาวนาน ทางโรงเรียนได้เลือกบูรณาการวิชาการศึกษาปฐมวัยหลายระบบเข้าด้วยกันรวมถึงภาษาอังกฤษที่สอนโดยครูต่างชาติเจ้าของภาษา ซึ่งเหมาะสมและได้ผลดีที่สุดสำหรับนักเรียนที่มุ่งมาเรียนที่โรงเรียน ครูผู้สอนทุกท่านมีวุฒิและประสบการณ์โดยตรงสำหรับเด็กปฐมวัย และทางโรงเรียนมีการพัฒนาครูอยู่เป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนักเรียนจะได้ค้นคว้าทดลองในสิ่งที่ต้องการแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษหลากหลาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0 -2286 -2588 , 0 -2286 -0492 , 0 -2286-9978 , 085 -119-9090, www.thienprasitsart.com

โรงเรียนแสงอรุณ

โรงเรียนแสงอรุณมุ่งการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการพัฒนาการนักเรียนให้เป็นบุคคลแห่งการใฝ่รู้ ทั้งทักษะ ความรู้ และคุณธรรม มีกระบวนการทางความคิด และมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหาด้วยเหตุและผล เพื่อพัฒนาตนเองให้อยู่ร่วมในสังคมอย่างสร้างสรรค์และมีสุขด้วยจิตสำนึกในความเป็นไทย ใส่ใจพลังงานและสิ่งแวดล้อม สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

อัตราค่าเล่าเรียน

ภาคเรียนที่ 1ภาคเรียนที่ 2
อาหารกลางวันไม่มีอาหารกลางวันอาหารกลางวันไม่มีอาหารกลางวัน
อ.1-อ.210,506.758,906.7510,206.758,606.75
อ.311,556.759,956.7511,256.759,656.75
ป.1-ป.211,271.757,771.7510,971.757,471.75
ป.3-ป.68,371.758,071.75
ม.1-ม.38,131.757,831.75
ม.4
ภาษาจีน9,316.259,016.25
คณิต8,816.258,516.25
วิทย์9,316.259,016.25
ม.5-ม.6
ภาษาจีน9,416.259,116.25
คณิต8,916.258,616.25
วิทย์9,416.259,116.25

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและการรับสมัครได้ที่ sar.ac.th

โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์

โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์เป็นโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา ระดับก่อนประถมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษาเขตพื้นที่1 กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่1ถึงอนุบาลปีที่ 3 จัดการเรียนการสอนตามแนวหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (3-5 ปี) พุทธศักราช 2546 กระทรวงศึกษาธิการ

การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของแต่ละคนอย่างเต็มที่ โดยกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และทักษะต่าง ๆ (ไม่เน้นการท่องจำ) ฝึกให้เด็กรู้จักคิดและสามารถแก้ปัญหาได้เหมาะสมตามวัย พร้อมกับกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายอารมณ์ สังคม สติปัญญา ตามแนวคิดเด็กมีความสุขเป็นพื้นฐานนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดี มีการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กๆเพื่อสามารถศึกษาได้ในระดับชั้นประถมศึกษาต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 02-267-4264, www.ppskgschool.ac.th

โรงเรียนสาธิตพัฒนา

โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายอนุบาล จัดการศึกษาให้กับเด็กวัย 2-6 ปี โดยแบ่งเป็น 4 ระดับชั้น คือ
ระดับเตรียมอนุบาล อายุ 2- 3 ปี
ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 อายุ 3 – 4 ปี
ชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 – 5 ปี
ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุ 5 – 6 ปี

โดยมีกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ดังนี้

  • การเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น/เชิงรุก (Active Learning)
  • การเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ (Learning by doing)
  • การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (Learning through activity)
  • การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Learning through playing)
  • การเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning)
  • การเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Learning)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 06-5518-8461 , 06-5518-8462, www.satitpattana.ac.th

โรงเรียนสาธิตบางนา

โรงเรียนเปิดสอนในหลักสูตร English Language Focus (ELF) ตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เน้นการเรียนภาษาอังกฤษโดย Native Speaker สอน 7 Habits สร้างภาวะผู้นำ  ฝึกทักษะกระบวนการคิดคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่น คุณครูความเอาใจใส่นักเรียนทุกคนในชั้นเรียน และมีความรู้ในวิชาที่สอนเป็นอย่างดี โดยในระดับชั้นอนุบาล มีเอกลักษณ์ คือ

  1. มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการอย่างน้อยหนึ่งด้าน
  2. มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
  3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
  4. เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
  5. มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

อัตราค่าธรรมเนียมปีการศึกษา 2564

  • ประเภทสามัญศึกษา : เตรียมอนุบาล ภาคเรียนละ 7,582.00 บาท อนุบาล 1-3 ภาคเรียนละ 2,756.75 บาท (ยังไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ)
  • หลักสูตร English Program : ภาคเรียนละ 43,000 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0-2750-4965 , 0-2752-4670, https://www.satitbangna.ac.th/

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

หมอชี้! หลักการ เลือกโรงเรียนให้ลูก โรงเรียนที่ดีต้องมี 3 ข้อนี้

Update 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2565

รู้จัก 4 โรงเรียน “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ในประเทศไทย

สิ่งที่ต้องสอนลูกก่อนวัย 3 ขวบ เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.moneyguru.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    สไลม์

    สไลม์ (Slime) ของเล่นสุดโปรดของลูกๆ คืออะไร?

    สไลม์ (Slime) หรือน้ำลายเอเลี่ยน ของเล่นสุดฮิตของเด็กๆในยุคนี้ ที่ทุกบ้านต้องมี เป็นของเล่นยุคใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยเล่นในวัยเด็กแน่นอน

    สไลม์ (Slime) ของเล่นสุดโปรดของลูกๆ คืออะไร?

    ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะสงสัยว่า สไลม์ (อ่านว่า สะ-ลาม) คืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เล่นยังไง มีประโยชน์ และโทษอย่างไรบ้าง ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ เพื่อคลายข้อสงสัยต่างๆ พร้อมกันนี้ยังมีวิธีทำที่สามารถทำเล่นเองได้ง่ายๆมาฝากด้วยค่ะ

    สไลม์ (Slime) คืออะไร?

    สไลม์ (Slime) หรือ น้ำลายเอเลี่ยน คือของเล่นที่มีลักษณะเป็นก้อนข้นเหนียว ยืดๆ หยุ่นๆ มีสีมากมายทั้งใสและทึบ

    ประวัติของ สไลม์

    สไลม์เป็นของที่เด็กฝรั่งเล่นกันมานานหลายสิบปีก่อนจะมาถึงเมืองไทย ทำมาจากโพลิเมอร์ (polymer) ซึ่งใช้ในการผลิต nylon, polyester และ polystyrene ในร่างกายของเราก็มีสารนี้ นั่นคือโปรตีนบางประเภท เช่น tubulin และ actin ซึ่งมีหน้าที่สร้าง microtubules และ microfilaments อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์

    การค้นพบโพลิเมอร์ เกิดในช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยนักเคมีชื่อ Hermann Staudinger เขาพบวิธีทำให้มันมีโมเลกุลเป็นเส้นยาวแทนที่จะเป็นวงกลม และกลายเป็นของที่เหลวแต่ข้นหรือเหนอะๆ ต่อมามีการทดลองอีกหลายอย่าง แต่สไลม์ ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า goo กลายเป็นร่างกายสำหรับเด็กในช่วงทศวรรษที่ 1980 และผู้ผลิตคนสำคัญคือ Mattel ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ประโยชน์ของ สไลม์

    ความจริงแล้วสไลม์ ก่อนจะมาเป็นของเล่นเด็ก ถูกนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดฝุ่นละอองที่คีย์บอร์ด

    ทั้งนี้สไลม์ ยังสามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ – มัดเล็กของเด็ก ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป

    ของเล่น สไลม์
    ของเล่น สไลม์

    โทษของ สไลม์

    จากข่าวดัง มีคุณแม่ท่านนึง ลูกเล่นสไลม์ แล้วสูดไอระเหยเข้าไปจนไม่สบาย โดยแพทย์โรงพยาบาลรามาฯ ได้ออกมาเตือนให้เล่นอย่างระมัดระวัง เพราะมีบางยี่ห้อที่วางขาย มีสารพิษที่ทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

    ดร.นายแพทย์ศักดา อาจองค์ วัลลิภากร อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่าควรระมัดระวังไม่ให้สไลม์เข้าปาก เนื่องจากสไลม์ที่ซื้อตามหน้าโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆยังไม่ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้เป็นของเล่นได้ เนื่องจากตรวจพบว่าภายในสไลม์มีสารบอแรกซ์ สารหนู และสารโลหะหนักอย่างตะกั่วผสมอยู่ด้วย ซึ่งสารพวกนี้ ถึงแม้จะมีปริมาณน้อย แต่หากมีการสัมผัสเป็นเวลานาน อาจเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้ และหากได้รับสารเคมีปริมาณมาก อาจส่งผลต่อ ตับ ไต สมอง ซึ่งจะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ ที่ควรระวังที่สุดคือ สารบอแรกซ์ เพราะเป็นสารอันตรายที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

    นอกจากนี้ นายแพทย์ศักดา ยังแนะนำว่า หากต้องการให้เด็กเล่น ทางที่ดีควรให้ผู้ปกครองเลือกวัสดุที่มาจากธรรมชาติมาผลิตเอง และที่สำคัญควรให้เด็กทำความสะอาดมือทุกครั้งหลังจากเล่นเสร็จ

    รู้แบบนี้แล้ว มาทำสไลม์ ไว้เล่นเองกันดีกว่า มาลองทำ 1 ใน 4 สูตรที่ปราศจาก สารบอแรกซ์ สารหนู ตะกั่ว และโลหะหนัก ที่เป็นอันตรายกันดูค่ะ จะได้เล่นสนุก อย่างมีความสุข สบายใจคุณพ่อคุณแม่

    วิธีทำสไลม์แป้งข้าวโพด 

    ส่วนประกอบ

    • น้ำ 1½ ถ้วย (350 มล.)
    • สีผสมอาหาร 3-4 หยด
    • แป้งข้าวโพด 2 ถ้วย

    วิธีทำ

    • ใส่น้ำ 1 ถ้วย (250 มิลลิลิตร) ลงในกระทะก้นลึกใบเล็ก ต้มให้น้ำอุ่นแต่ไม่ต้องถึงกับร้อนหรือเดือด เพราะต้องใช้มือในการผสมสไลม์ หรือจะอุ่นน้ำในเตาไมโครเวฟประมาณ 45-60 วินาที แทนก็ได้
    • เทน้ำอุ่นลงในถ้วย หยดสีผสมอาหาร (สีที่ต้องการ) ลงไป 3-4 หยด จนน้ำสีเข้มกว่าสีสไลม์ที่ต้องการเล็กน้อย เพราะสีจะจางลงนิดหน่อย ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
    • ตวงแป้งข้าวโพด 2 ถ้วย (140 กรัม และ 500 มิลลิลิตร) ใส่ในชามใหญ่แยกกันไว้
    • เทน้ำที่ใส่สีทั้งถ้วยลงในชามแป้งข้าวโพด ค่อยๆ เทลงไป ใช้มือผสมให้เข้ากัน จนได้ส่วนผสมเหนียวข้นเป็นเนื้อเดียว
    • ปรับความเข้มข้นของสไลม์ตามชอบ ถ้าสไลม์เหลวเกินไป ให้ใส่แป้งข้าวโพดเพิ่ม ถ้าสไลม์เหนียวเกินไปก็ใส่น้ำอุ่นที่เหลือลงไป ปรับได้ตามชอบ
    • ใส่สไลม์ไว้ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้ดีเพื่อให้เก็บได้นาน
    วิธีทำสไลม์
    วิธีทำสไลม์

    สไลม์กินได้

    ส่วนประกอบ

    • นมข้นหวาน 1 กระป๋อง (14 ออนซ์)
    • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
    • สีผสมอาหาร 10-15 หยด

    วิธีทำ

    1. เทนมข้นหวาน 1 กระป๋องใส่กระทะก้นลึก หรือใช้หม้อก็ได้
    2. ใส่แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (14 กรัม) ลงในนมข้นหวาน ใช้ไฟต่ำและค่อยๆ เคี่ยวส่วนผสม คนไปเรื่อยๆ
    3. เมื่อส่วนผสมข้นดีแล้วให้ยกลงจากเตา ใส่สีผสมอาหารลงไปตามใจจนได้สีที่ต้องการ
    4. ทิ้งไว้ให้สไลม์เย็นตัว พอมันเย็นตัวลงแล้ว ก็เอาไปเล่น (หรือกิน) ได้เลย แต่ควรระวัง มันอาจไปเปื้อนเสื้อผ้าหรือพรมที่สีอ่อนกว่าได้

    สไลม์แป้งเด็ก

    ส่วนประกอบ

    • กาว PVA (อเนกประสงค์) 1/2 ถ้วย
    • สีผสมอาหาร
    • แป้งเด็ก 1/2 ถ้วย

    วิธีทำ

    1. เทกาว PVA ครึ่งถ้วยลงในชาม
    2. ใส่สีผสมอาหารลงไป 1-2 หยด
    3. คนให้เข้ากันให้ได้สีที่สม่ำเสมอ
    4. ใส่แป้งเด็ก (ผงทัลคัม) ครึ่งถ้วย ใส่เพิ่มได้ จนกว่าจะได้สไลม์ที่เหนียวข้นตามความชอบ
    5. เก็บในภาชนะสุญญากาศ

    สไลม์ผงไฟเบอร์

    ส่วนประกอบ

    • น้ำ
    • สีผสมอาหาร
    • ผงไฟเบอร์ 1 ช้อนชา (5 มล.)
    • น้ำ 1 ถ้วย (240 มล.)

    วิธีทำ

    1. ผสมผงไฟเบอร์ 1 ช้อนชากับน้ำ 1 ถ้วย ใช้ชามที่เอาเข้าไมโครเวฟได้ เพราะจะต้องเอาส่วนผสมใส่ไมโครเวฟ
    2. เติมสีผสมอาหารจนส่วนผสม น้ำผสมผงไฟเบอร์ได้สีที่ต้องการ สไลม์จะออกมาเป็นสีเดียวกันนี้ มันจะไม่จางลง คนให้เข้ากันดี
    3. นำชามส่วนผสมเข้าไมโครเวฟ ใช้ความร้อนสูง 4-5 นาที คอยดูเรื่อยๆ ไม่ให้ส่วนผสมเดือดจนล้นชาม
    4. ทิ้งส่วนผสมไว้ 2-4 นาทีแล้วค่อยคน ส่วนผสมควรจะเย็นลงแล้วหลังจากปล่อยไว้
    5. เอาเข้าไมโครเวฟและเอาออกมาวางให้เย็นตัวลง ทำซ้ำๆ 2-6 ครั้ง คนส่วนผสมทุกครั้งเมื่อมันเย็นลง ยิ่งทำซ้ำมากเท่าไร สไลม์ของคุณก็จะยิ่งเหนียวข้นมากเท่านั้น
    6. ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที อย่าเพิ่งไปจับจนกว่าจะเย็นลงดีแล้วจริงๆ เพราะมันจะร้อนมาก

    ข้อมูลเกี่ยวกับ สไลม์ที่ ทีมแม่ ABK นำฝากนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกชื่นชอบในการเล่น สไลม์ นะคะ อย่างไรก็ดี ก่อนซื้อควรสังเกตุเครื่องหมาย มอก. ก่อนทุกครั้งนะคะ หรือไม่ก็ทำเองตามสูตรด้านบนเลยค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลใกล้ชิดนะคะ โดยเฉพาะเด็กเล็ก

    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

    4 ไอเดีย กิจกรรมยามว่างกับลูก ช่วงโควิด โดยพ่อเอก

    แซนวิชหรรษา เมนูอาหารว่างง่ายๆ จาก DIY Happy Meal Box Set

    เปิดรายชื่อ!! การ์ตูน Disney + Hotstar ที่เด็ก ๆ ควรดู!!

    โหลดฟรี! ภาพระบายสี กว่า100รูปชวนลูกห่างไกลแสงสีฟ้า

    ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.matichonweekly.com, https://th.wikihow.com

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    Amarin Baby & Kids

      ติดโควิด ทำยังไง

      เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

      เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

      โควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ติดง่าย ติดเร็ว แม้อาการไม่รุนแรง แต่พบผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อแตะหลักหมื่นกว่ารายทุกวัน จนเมื่อไม่นานมานี้ก็แตะหลักสองหมื่นรายต่อวันไปแล้วค่ะ หากว่าคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง จะต้องจัดการตัวเองอย่างไร ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูล วิธีปฏิบัติตัวว่าหากติดเชื้อโควิด19 ว่าควรทำอะไรบ้าง?  ติดต่อหน่วยงาน หรือโรงพยาบาลไหน อย่างไร? และหากอาการไม่รุนแรงต้องเข้า Home Isolation ต้องทำอย่างไร?

      เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง

      ถ้ามีผลตรวจยืนยันแล้วว่าลูกหรือเด็กในบ้านติดเชื้อโควิด19 แบ่งได้เป็นหลายกรณี

      กรณีที่ 1 ลูกติดเชื้อและคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาโดยเน้นจัดอยู่เป็นครอบครัว ไม่ควรแยกลูกออกจากคุณแม่

      กรณีที่ 2 ลูกติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือ Hospitel โดยลูกจะต้องถูกส่งตัวไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลหรือ Hospitel อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งการกักตัวสำหรับเด็กมีความซับซ้อนกว่าเคสของผู้ใหญ่ในเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องแยกห่างจากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง คุณหมอแนะนำว่า เมื่อลูกต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลควรมีคนเฝ้า เพื่อให้ไม่รู้สึกเคว้งคว้าง โดยผู้เฝ้าต้องมีร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว

      กรณีที่ 3 ลูกไม่ติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ ควรให้ญาติที่ไม่ติดเชื้อเป็นผู้ดูแลลูก หากไม่มีผู้ดูแลควรส่งลูกไปยังสถานสงเคราะห์ หรือบ้านพักในสังกัดกระทรวงเป็นการชั่วคราว

      กรณีที่ 4 เกิดการระบาดเป็นกลุ่มในโรงเรียน หรือในเนิร์สเซอรี่ พิจารณาใช้พื้นที่เนิร์สเซอรี่เป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ โดยดูจากความพร้อมของสถานที่และบุคลากรตามความเหมาะสม

      ขั้นตอนการเตรียมตัวเมื่อติดเชื้อโควิด-19

      ผู้ที่ได้รับการยืนยันผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 และมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลย ส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ โดยผู้ป่วยจะต้องไม่อยู่กับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ

      สำหรับขั้นตอนในการเตรียมตัวเข้ารับการรักษา HI หรือโรงพยาบาลนั้น เตรียมตัวดังนี้ค่ะ

      • เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน เอกสารยืนยันผลตรวจโควิด
      • ติดต่อ สายด่วน สปสช.โทร 1330 ได้ 24 ชม. , สายด่วน 1668 โทรได้ตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. หรือ สายด่วน 1669 ได้ 24 ชม. เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง
      • หรือ กรอกข้อมูลใน แอดไลน์ @sabaideebot (สบายดีบอต)
      • งดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34)
      • หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้
      • สวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว
      • บัตรประกัน (ถ้ามี)
      • โทรศัพท์มือถือส่วนตัว พร้อมที่ชาร์จ รวมถึงเบอร์ติดต่อบุคคลสำคัญ
      • ยารักษาโรคประจำตัว (ถ้ามี) รวมถึงบัตรนัดที่มีชื่อแพทย์โรงพยาบาลที่รักษาเป็นประจำ
      • ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าอนามัย (สำหรับผู้หญิง), ขวดนม และผ้าอ้อม (สำหรับเด็ก), กระดาษชำระ, ไฟฉายหรือแบตเตอรี่สำรอง
      • เสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยนในวันกลับ 1 ชุด
      • เงินสดเล็กน้อย, บัตรเอทีเอ็ม, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต
      • หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ
      • ถุงผ้าอเนกประสงค์ หรือถุงพลาสติก เพื่อใส่ของที่จำเป็น

      ควรทำอย่างไรขณะรอรถมารับไปโรงพยาบาล

      วิธีดูแลตัวเอง ขณะที่รอการรับการรักษาที่ รพ. ทำได้ดังนี้ค่ะ

      • กักตัวในห้องแยกจากผู้อื่น ไม่อยู่กับใคร ในห้องแอร์ หากจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่นให้เปิดหน้าต่างไว้ให้อากาศถ่ายเท
      • สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ออกมานอกห้อง หรือต้องเข้าใกล้ผู้อื่น
      • แยกของใช้ อุปกรณ์รับประทานอาหาร และแก้วน้ำ ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
      • แยกขยะ แยกการใช้ห้องน้ำ ถ้าไม่แยกให้ใช้เป็นคนสุดท้าย
      • ล้างมือด้วยสบู่ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังขับถ่าย
      • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารสะอาด ตามหลักโภชนาการ ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
      • ทำจิตใจให้สบาย ลดวิตกกังวล
      • เมื่อใช้ลิฟต์ พกปากกา ไม้ลูกชิ้น เป็นที่กดลิฟต์ ไม่ยืนพิงลิฟต์หรือสัมผัสลิฟต์
      • หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการเดิมมากขึ้น ให้ติดต่อสายด่วน 1669 , 1668 , หรือโหลดแอปฯ EMS 1669 เพื่อกดเรียกรถพยาบาลกรณีฉุกเฉิน
      • กรณีอยู่บ้านหรือคอนโด กรุณาแจ้งนิติบุคคล

      เมื่อลูกติดเชื้อต้องกักตัวที่บ้าน

      สำหรับลูกที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) อุปกรณ์ที่ใช้ติดตามอาการและบรรเทาอาการที่บ้าน ได้แก่

      • ปรอทวัดไข้
      • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
      • อุปกรณ์ที่สามารถใช้ถ่ายภาพ หรือบันทึกอาการของเด็กได้
      • ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่

      คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการโดยรวมของลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับอาการ ออกเป็น 2 ระดับ

      ระดับที่ 1 คือ อาการที่ยังสามารถสังเกตที่บ้านต่อไปได้ ได้แก่ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ตามปกติ ไม่ซึม

      ระดับที่ 2 คือ ระดับที่คุณพ่อคุณแม่ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำลูกไปส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร

      ติดโควิด ทำยังไง
      เบอร์แจ้งผู้ป่วยโควิด19เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลในกรุงเทพ

      ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิดหากตรวจกับเอกชน

      หากคุณพ่อคุณแม่อยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน แล้วพบว่าติดเชื้อจากการเลือกเข้าตรวจกับห้องปฏิบัติการเอกชนเอง มี 2 ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิด-19

      ทางเลือกที่ 1 เข้ารับการรักษาโควิดฟรี

      • เดินทางไปยังโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนที่รองรับสิทธิ์
      • โทร 1669 หรือโทรเรียกรถพยาบาลโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านให้มารับ
      • แจ้งประวัติให้ชัดเจน แจ้งสิทธิประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันวินาศภัย (ถ้ามี)
      • ได้รับการรักษาตามสิทธิ์ค่าใช้จ่ายตามประกาศกระทรวง
      • ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง อาจได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม หรือ ฮอลพิเทล ในกรณีที่เตียงในสถานพยาบาลมีจำกัด

      ทางเลือกที่ 2 เข้ารับการรักษาโควิดกับโรงพยาบาลเอกชน

      • โทรศัพท์แจ้งไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน ให้ส่งรถพยาบาลมารับ หรือเดินทางไปยังโรงพยาบาล โดยแจ้งประวัติอย่างชัดเจน แจ้งให้ชัดว่ามารักษาโควิดก่อนเดินทางไป
      • แจ้งสิทธิ์ประกันวินาศภัย, ประกันสุขภาพ ที่มี
      • ได้รับการรักษาตามวงเงินในประกันวินาศภัยหรือประกันสุขภาพที่มี หรือใช้สิทธิ์จ่ายเอง
      • ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือฮอลพิเทลในเครือข่าย กรณีที่สถานพยาบาลมีเตียงจำกัด
      • นอกจากผู้ติดเชื้อที่ต้องปฏิบัติตัวในการเข้ารับการรักษาแล้ว บุคคลใกล้ชิดก็ต้องมีข้อปฏิบัติเช่นเดียวกัน

      ทั้งนี้จากมติล่าสุดของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 ยังให้ถือว่าผู้ป่วยโควิดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินอยู่ สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ สำหรับการเบิกจ่ายประกันสุขภาพ สบส. ได้ทำหนังสือยืนยันไปที่ คปภ.แล้วว่า HI/CI และฮอสพิเทล เป็นสถานพยาบาล ที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจ่ายสิทธิประกันสุขภาพ

      ผู้ป่วยโควิดต้องมีอาการแค่ไหนถึงต้องเข้าโรงพยาบาล

      อาการโควิดแบ่งเป็นระยะ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง โดยอาการที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้แก่ สีเหลืองและสีแดง ซึ่งจะมีอาการดังนี้

      อาการโควิดสีเหลือง

      ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีเหลือง คือผู้ที่มีอาการเสี่ยงรุนแรง หรือมีโรคร่วม เช่น

      • เวียนหัว อ่อนเพลีย ไอแล้วมีอาการเหนื่อย
      • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
      • ขับถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป
      • อ่อนเพลีย ปอดอักเสบ

      เป็นกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากมีอาการที่รุนแรงกว่าผู้ป่วยโควิดสีเขียว จึงไม่เหมาะที่จะทำการกักตัวรักษาที่บ้านแบบ HI หรือ CI ได้ และควรเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการดูแลจากแพทย์

      อาการโควิดสีแดง

      ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีแดง คือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว

      • ระบบหายใจมีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์จะพบปอดอักเสบรุนแรง
      • เกิดภาวะปอดบวมจากการเปลี่ยนแปลงความอิ่มตัวของเลือด
      • แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก
      • ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว

      อาการของผู้ป่วยโควิดสีแดงจัดว่ามีอาการรุนแรง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิดที่ห้อง ICU เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเครื่องช่วยหายใจ

      คนใกล้ชิดที่พบปะกับผู้ป่วยยืนยันต้องปฏิบัติอย่างไร

      เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือเพื่อนที่เพิ่งพบปะกันเป็นผู้ป่วยยืนยันแล้ว ถือว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัว ต้องปฏิบัติดังนี้

      1. แจ้งหยุดงาน ไม่เดินทางไปพื้นที่สาธารณะ 14 วัน
      2. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่นในห้องแอร์ สวมหน้ากากอนามัย อยู่ห่างจากผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร ไม่คลุกคลีกับผู้สูงอายุและเด็ก
      3. สังเกตอาการตัวเอง วัดไข้ตัวเองทุกวัน หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ต้องรีบพบแพทย์
      4. ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ในถุงขยะก่อนมัดปากถุงทิ้ง ปิดปากถุงให้สนิท
      5. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารปรุงสุก
      6. ทำกิจกรรมผ่อนคลาย ลดความเครียด

      หากติดเชื้อแล้วพักร่วมกับผู้อื่นในบ้าน หอพัก หรืออื่นๆ ต้องทำอย่างไร

      หากคุณพ่อคุณแม่ต้องกักตัวอยู่ในที่พัก ร่วมกับบุคคลอื่นในครอบครัว หรือหอพัก แจ้งให้กับบุคคลอื่นทราบ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อต้องจัดส่งอาหาร และของใช้ รวมถึงเตรียมน้ำยาฟอกขาว หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อใส่ในถุงขยะก่อนส่งกำจัด เพื่อลดการแพร่เชื้อ

      • เตรียมอุปกรณ์ ของใช้ในชีวิตประจำวันให้เพียงพอต่อการกักตัว 14 วัน
      • แยกใช้ห้องนอน ห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมถึงเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบาย
      • แยกของใช้ให้ชัดเจน ทั้งจานชาม แก้วน้ำ ฯลฯ และอุปกรณ์ทำความสะอาด
      • เตรียมอุปกรณ์ชำระร่างกาย แยกเพื่อใช้เฉพาะผู้กักตัว
      • แยกการซักผ้า ไม่ซักร่วมกับผู้อื่น
      • หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ทำความสะอาดห้องน้ำเมื่อใช้เสร็จ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
      • หอพัก คอนโด และสถานที่พักอาศัย ต้องทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มลิฟต์ ด้วยวิธีการเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยผู้ทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองทุกครั้ง

      สถานการณ์ตอนนี้เริ่มกลับมาวิกฤตอีกครั้ง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ระวังตัวเองและลูกน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น เรียนรู้วิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้เตรียมไว้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้ไม่ตกใจและเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

       

      ขอบคุณข้อมูลจาก

      โรงพยาบาลวิชัยเวช, กรุงเทพธุรกิจ,ไทยรัฐออนไลน์

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      ติดโควิด 5 วิธีกักตัวที่บ้าน ดูแลตัวเองและลูกๆ ระหว่างรอเตียง

      คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

      รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

        คอกกั้น

        10 อันดับ คอกกั้น ยี่ห้อไหนดี ให้ลูกน้อยมีพื้นที่ปลอดภัย

        คอกกั้น เป็นหนึ่งของใช้ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องมีติดบ้าน เนื่องจากบางบ้านไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงและต้องดูแลลูกน้อยด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่

        ยิ่งปัจจุบันนี้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง work from home อยู่บ้าน ย่อมต้องการเวลาส่วนตัวในการทำนู้นทำนี่บ้าง ถึงแม้จะคลาดสายตาจากลูกน้อยก็อยากมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคอกกั้นเด็กสักชิ้น เหล่าคุณพ่อคุณแม่ต้องคิดเยอะไม่น้อย ทั้งเรื่องของขนาดของคอกกั้นและพื้นที่ในบ้าน ความแข็งแรงปลอดภัย วัสดุมีมาตรฐานสากลรองรับ ที่สำคัญต้องคุ้มค่า คุ้มราคา ที่ซื้อแล้วจะสามารถใช้ได้จนลูกโต วันนี้ทีมแม่ ABK หยิบ 10 อันดับ คอกกั้น ดีมีคุณภาพมาฝากกันค่ะ

        10 อันดับ คอกกั้น ยี่ห้อไหนดี ซื้อแล้วคุ้มค่าคุ้มราคา

        1.คอกกั้นเด็ก HOYO รุ่น S22

        คอกกั้นเด็ก HOYO รุ่น S22

         

        HOYO สุดยอดคอกกั้นเด็กคุณภาพ การันตีด้วยรางวัล BEST BABY SOFT PLAYPEN วัสดุภายในที่ผลิตจากโฟมที่ดีที่สุด ได้รับการรับรองด้วย Japan Technology  Best Level of Protection Guarantee จึงสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ สามารถกันกระแทกได้ดีที่สุด “เป็นคอกกั้นเด็กที่สุดของความปลอดภัย ไข่ไก่ตกไม่แตก” หุ้มหนังด้วยหนังหุ้มเบาะ PU เกรดพิเศษสั่งผลิตพิเศษจากประเทศเกาหลี  เนียนนุ่ม ไร้กลิ่น ปราศจากสารเคมี จากประเทศเกาหลี  เนียนนุ่ม ไร้กลิ่น เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ผ้าหนังปลอดสาร VOCs (สารระเหยอันตราย) ซึ่งได้รับมาตรฐาน EN 71/3 และ ASTM ของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตัวผ้าหนังสามารถระบายอากาศได้ดี นอนแล้วเย็นสบายแม้ไม่เปิดแอร์ และทนทานกว่าผ้าหนัง PU ทั่วไปด้วยการเคลือบ Hydrolysis resistance ตัวคอกสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งเป็นเตียงเด็กอ่อน เป็นคอกสำหรับเล่นหรือนอนกลางวัน หรือสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนก็ปรับเป็นโซฟานุ่ม ๆ สำหรับพักผ่อนร่วมกันทั้งครอบครัวได้อีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ซื้อครั้งเดียว ลูกใช้ได้คุ้มค่าตั้งแต่เล็กจนโต ใช้งานได้นานนับ 10 ปี

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • วัสดุทำจากหนัง PU นำเข้าจากเกาหลี
        • ขนาด 2.14 x 2.14 x 0.5 ม.
        • เบาะหนาพิเศษ 7 ซม.ทั้งพื้นและผนัง
        • สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 900 นิวตัน
        • รับประกันฟรี 1 ปี และสามารถดูแลซ่อมแซมตลอดอายุการใช้งาน

        สั่งซื้อคลิกเลย >> hoyosoftandsafe

         

        2. Ammykids คอกกั้นปลาวาฬซี่นวมPlus➕1

        คอกกั้น ปลาวาฬซี่นวมPlus➕1
        ขอบคุณรูปภาพจาก ammykids09

        คอกบุนวมกันกระแทกรอบที่กั้น รองรับแรงกระแทกได้ดี เบาะรองนุ่ม ไม่ยุบ ไม่ยวบ เหมาะสำหรับน้องวัยพลิกตัว หัดคลานและเกาะเดิน ผู้ใหญ่นอนได้ไม่ปวดหลัง มีสีให้เลือก 30 กว่าสี สามารถออกเลือกสีออกแบบเองได้ไม่จำกัด ลายสกรีนสามารถใส่ชื่อของเด็กๆได้ โครงไม้แท้แข็งแรง เคลือบน้ำยากันปลวก กันกระแทกได้ดี บุบนวมรอบที่กั้น แข็งแรงปลอดภัย นุ่ม ไม่ยุบไม่ยวบ ใช้งานนานและคุ้มค่า ด้านซี่นวม แข็งแรง ปลอดภัย บุโฟมกันกระแทก ความห่างซี่นวมเด็กไม่สามารถมุดหัวเข้าไปติดได้ ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ สามารถเพิ่มซี่นวมได้ ตัวหนังและวัสดุที่ใช้ทุกตัวปลอดภัยต่อเด็กๆ

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • มี 3 ขนาดให้เลือก
        1. 5ฟุต 170 x 225 ซม.
        2. 5ฟุต 200 x 225 ซม.
        3. 5ฟุต 230 x 225 ซม.
        • วัสดุหนัง PVC ได้รับมาตรฐานการเทส SGS ปลอดภัยสำหรับเด็ก
        • คอกสูง 60cm หนา 12 cm เบาะรองคลานหนา5 นิ้ว
        • รับประกันตัวโครงสร้างและเบาะยุบยวบ1ปี

        สั่งซื้อคลิกเลย >> ammykids09

         

        3.คอกกั้นเด็ก Geko

        คอกกั้น เด็ก Geko
        ขอบคุณรูปภาพจาก Lazada

        หนังที่คลุมด้านนอกเป็นหนัง PU non-toxic non-toxic ไร้กลิ่น ผ่านมาตรฐานของเล่นเด็ก EN71-3 และปลอดสารอันตราย เช่น โลหะหนัก , Phthalates , DMF , Formadehyde , BPA เป็นต้น น้องๆสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงก่อนวัยเรียนได้เลย สามารถสัมผัสหรือนำเข้าปากได้โดยไม่มีอันตราย สามารถพับปรับได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา แผ่นรองคลาน หรือปรับเป็นที่นอนไซส์ 5 ฟุตก็ได้

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • หนังที่คลุมด้านนอกเป็นหนัง PU non-toxic non-toxic
        • ขนาด 1.65 x 215 x 0.60 ม.

        สั่งซื้อคลิกเลย >> Lazada

         

        4.คอกกั้น Restar’ s Kids รุ่น Super save Classic

        คอกกั้น Restar’ s Kids รุ่น Super save Classic
        ขอบคุณรูปภาพจาก central

        คอกกั้นรุ่น super save ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการคอกกั้นน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก มีความนุ่ม รองรับการกระแทกได้ดี ราคาประหยัด และสามารถปรับตัวขอบกั้นของคอกออกมาเป็นเบาะรองคลาน ได้ในอนาคตอีกด้วย ภายในสามารถใส่ที่นอน 3.5 ฟุตมาตรฐานทั่วไปได้ ขอบในสีขาว ขอบนอกครีม เบาะ ครีม,ขาว,เทาอ่อน พร้อมประตู คอกกั้นตัวนี้จะยึดกันด้วย Triple lock หรือล๊อก 3 ชั้น คือ เทปเวลโกและซิปล็อค 2 ชั้น (ชั้นนอกและชั้นใน) เพื่อเพิ่มความแน่นหนาให้คอกมีความแข็งแรงมากขึ้น ส่วนตัวเบาะด้านในเป็นเบาะพับ 3 ตอน ที่สามารถถอดพับเก็บได้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่กินพื้นที่เวลาเก็บ

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาด 5 ฟุต 121 x 214 x 55 ซม.
        • น้ำหนักขนาดตัวนี้ประมาณ 30-40 กิโลกรัม
        • รับประกันตัววัสดุภายในยุบตัว 1 ปี (ไม่รวมผ้าหนัง)

        สั่งซื้อคลิกเลย >> central

         

        5.BABYSELFY คอกกั้นเด็กกันกระแทก รุ่น Super bump

        BABYSELFY คอกกั้นเด็กกันกระแทก รุ่น Super bump 
        ขอบคุณรูปภาพจาก Babyselfyshop

        คอกกั้นบุนวมกันกระแทกรอบด้าน มาพร้อมราวจับพยุงตัวยืน เหมาะสำหรับเด็กวัยหัดยืนและเดิน ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเสียการทรงตัวเวลาหัดเดิน หรือคลานของเด็กๆ ช่วยป้องกันอันตรายกรณีผู้ปกครองตัองคลาดสายตาจากเด็กเล็ก ตัวคอกดีไซน์มาเป็นสัดส่วนที่ดี ช่วยแบ่งสัดส่วนบ้านและแยกสัตว์เลี้ยงกับเด็กเล็กได้ ของเล่นไม่กระจัดกระจาย วัสดุแข็งแรง ทนทาน นั่งพิงได้ นั่งบนผนังคอกได้ รับน้ำหนักได้มาก ระยะห่างของท่อ ไม่ถี่หรือกว้างเกินไป แขนขาไม่ติดช่องท่อ บานประตูสามารถเปิด-ปิด ล็อคจากด้านนอกได้

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • มี 3 ขนาดให้เลือก
        1. ขนาด 5 x 6.5 ฟุต ขนาด 174 x 224 ซม
        2. ขนาด 6×6.5 ฟุต ขนาด 204×224 ซม
        3. ขนาด 7×6.5 ฟุต ขนาด 234×224 ซม
        • ความสูงของคอก 60 ซม เบาะรองคลานหนา 2 นิ้ว
        • วัสดุหนังที่ใช้ปลอดภัยต่อเด็กเล็กได้ มาตรฐาน EN7-1
        • รับประกัน 1 ปี

        สั่งซื้อคลิกเลย >> Babyselfyshop

         

        6.คอกกั้นตาข่ายสีพาสเทล

        6.คอกกั้น ตาข่ายสีพาสเทล
        ขอบคุณรูปภาพจาก wattanachai8705

        คอกกั้นเด็กสามารถกางทำเป็นบ้านบอลได้ ถอดประกอบและพับเก็บง่าย ผ้าถอดซักทำความสะอาดได้ ผ้าเบา ตึง โปร่ง แห้งไว เช็ดออกและซักได้ ผ้าตาข่ายโปร่งระบายอากาศได้ดีไม่ทึบ โครงสร้างแข็งแรง แรงเด็กเขย่าไม่ล้ม เด็กๆจะหัดเดิน หัดยืน หัด คลาน เกาะยืน ไม่หลุดง่าย ช่วยป้องกันแมลง และสัตว์เลื้อยคลานไม่ให้เข้าได้  มีห่วงสำหรับช่วยเกาะยืน 4 จุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาคอกกั้นที่ปลอดภัย เพราะแข็งแรงทนทาน

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ผ้า oxford และตาข่ายอย่างดี เนื้อหนา เหนียวทน ไม่ขาดง่าย
        • มี 4 ขนาดให้เลือก
        1. ขนาด 110 X  170 X  65 ซม
        2. ขนาด 150  X  160 X  65 ซม
        3. ขนาด 170  X 190 X  65 ซม
        4. ขนาด 200  X 200 X 65 ซม

        สั่งซื้อคลิกเลย >> wattanachai8705

         

        7.คอกกั้นเด็กพับได้รูปวัวสุดน่ารัก

        คอกกั้นเด็กพับได้รูปวัวสุดน่ารัก
        ขอบคุณรูปภาพจาก ozonebaby_official

        รุ่นนี้นอกจากมีดีไซน์และสีสันน่ารักแล้ว ยังมีกิมมิคของแป้นบาสให้เด็กๆได้ฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้ออีกด้วย วัสดุที่ใช้ปลอดภัย BPA Free วัสดุ HDPE Food Grade ได้รับการรับรองมาตรฐานยุโรป สามารถพับปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจชอบ พับเก็บง่าย

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • วัสดุ HDPE Food Grade
        • ในเซ็ตครบชุด รั้ว+ประตู+แผ่นกิจกรรม(มีแป้นบาส)
        • มี 8 ขนาดให้เลือก
        1. 100 x 128 cm. 3.5 x 4.5 ฟุต (10+2)
        2. 128 x 134 cm. 4.5 x 4.6ฟุต (12+2)
        3. 128 x 167 cm. 4.5 x 5.4ฟุต (14+2)
        4. 161 x 167 cm. 5.3 x 5.4ฟุต (16+2)
        5. 161 x 200 cm. 5.3 x 6.7ฟุต (ใส่ที่นอน 5 ฟุตได้) (18+2)
        6. 194 x 200 cm. 6.5 x 6.7ฟุต (ใส่ที่นอน 6 ฟุตได้) (20+2)
        7. 200 x 228 cm. 6.7 x 7.5ฟุต (22+2)
        8.  228 x 234 cm. 7.5 x 7.6ฟุต (24+2)

        สั่งซื้อคลิกเลย >> ozonebaby_official

         

        8.Bestway คอกกั้นเด็กแบบเป่าลม

        Bestway คอกกั้นเด็กแบบเป่าลม
        ขอบคุณรูปภาพจาก bestway_officialshop

        คอกกั้นเด็กแบบเป่าลมแบรนด์ Bestway การันตีด้วยการผลิตจากไวนิลคุณภาพดี ปลอดภัย นุ่มกันกระแทกรอบด้าน ไม่ล้มไม่คว่ำเพราะฐานกว้างเป็นทรงกลม ปลอดสารพิษ มาพร้อมของเล่นเด็กหลากสีสันสดใส  พื้นสัมผัสนิ่มทำให้ไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็ก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1-3 ปีขึ้นไป

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • วัสดุไวนิลคุณภาพดี หนา 26/0.24
        • ขนาด 43″ x 41″

        สั่งซื้อคลิกเลย >> bestway_officialshop

         

        9.คอกกั้นผ้าตาข่ายหกเหลี่ยม

        คอกกั้น ผ้าตาข่ายหกเหลี่ยม 
        ขอบคุณรูปภาพจาก Dtxmarket

        คอกกั้นเด็กหกเหลี่ยม 6 เหลี่ยม เหมาะสำหรับเด็ก 0-3 ปี ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเพลินเพลินในที่ส่วนตัวของพวกเขา สามารถให้เด็กเข้าไปเล่นได้มากกว่า 1 คน ประกอบง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก โครงสร้างเหล็กแข็งแรง ผ้า oxford คุณภาพดีเหนียวทนทาน โปร่ง สามารถกันน้ำได้ เนื้อหนา เย็บเก็บขอบเรียบร้อย และมีมุ้งช่วยระบายความร้อนรอบด้าน ด้านข้างมีช่องมองลอดเป็นลักษณะมุ้งตาข่าย มีตารางเพื่อมองลอดได้ แถมฟรีลูกบอล 30 ลูกพร้อมคอกกั้น นอกจากจะทำเป็นบ้านบอลได้แล้ว ยังทำให้เด็กๆได้จินตนาการว่าเหมือนอยู่บ้านในพื้นที่ส่วนตัวและยังสามารถนำของเล่นอื่นเข้าไปเล่นได้ด้วย  ผ้าถอดซักทำความสะอาดได้ มีมุ้งช่วยระบายความร้อนรอบด้าน โปร่ง ระบายอากาศได้ดี

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • โครงสร้างเหล็กแข็งแรงปลอดภัย ทนทาน ผ้า oxford
        • ขนาด 130 x 113 x 65 ซม.

        สั่งซื้อคลิกเลย >> dtxmarket

         

        10.คอกกั้นเด็ก รุ่น Lite food grade

        คอกกั้นเด็ก รุ่น Lite food grade
        ขอบคุณรูปภาพจาก playtimes_official

        รุ่นนี้ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจชอบ ผลิตจากวัสดุ Food Grade จึงปลอดภัยไร้สารโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อเด็ก มีสีและดีไซส์เรียบสบายตา ไร้มุมแหลมคมสไตล์มินิมอล  มีจุกยึดพื้น 2 จุกทุกแผ่น จึงมั่นใจได้ว่าคอกจะไม่เลื่อนไม่ล้มหากเด็กๆ หัดยืนจับขอบ ช่องว่างระหว่างซี่จับพอดีมือ ช่วยฝึกกล้ามเนื้อ หัดยืน หัดเดินได้เร็วยิ่งขึ้น

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • วัสดุ HDPE Food Grade
        • มี 5 ขนาดให้เลือก
        1. ขนาดสินค้า มินิ ขนาด 135*135*65 ซม
        2. ขนาดสินค้า มินิพลัส ขนาด 135*170*65 ซม
        3. ขนาดสินค้า บิ๊ก ขนาด 170*170*65 ซม
        4. ขนาดสินค้า บิ๊กพลัส ขนาด 170*200*65 ซม
        5. ขนาดสินค้า เอ็กซ์ต้าร์ ขนาด 200*200*65 ซม
        • คอกสูงพิเศษ 65 ซม.
        • รับประกันจุกยึดพื้น 3 เดือน

        สั่งซื้อคลิกเลย >> playtimes_official

         

        ✨เรียกได้ว่าเทั้ง 10 คอกกั้นเด็ก เป็นคอกกั้นที่มีคุณภาพแน่นๆ ทุกยี่ห้อจริงๆ ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังมองหาซื้อ คอกกั้น เสริมพัฒนาการลูกน้อย และอยากไปเลือก ไปหยิบจับสัมผัสคอกกั้นของจริงด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้คอกกั้นที่ดี ถูกใจทั้งแม่และลูก !! ก้สามารถตามไปช้อปกันได้ที่งาน  Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22  ชวนคุณพ่อคุณแม่ มาช้อปแหลกเพื่อลูก ภายในงานจัดหนักจัดเต็มลดไม่ยั้งกับ คอกกั้นเด็ก ที่คุณอยากได้

        ✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65
        ⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 Hall 98-99  ไบเทค บางนา
        ❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้.. มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
        ✨ ลงทะเบียนเข้างาน! รับฟรี 2 ต่อ 👉🏻 https://cooll.ink/abk22
        💕 ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
        💕 ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลเพื่อแม่ลูก จากกล่องสุ่มของใช้แม่ลูกและผลิตภัณฑ์จากอิเกีย มูลค่ารวมกว่า 300,000 บ.
        .
        สำหรับแม่ๆ ที่ช้อปผ่าน Lazada รับเพิ่มฟรี!
        👉 จ่ายผ่านลาซาด้ารับคูปองลดเพิ่มสูงสุด 2,000.- (เฉพาะในงานนี้เท่านั้น)
        👉 ของขวัญมากมายจากลาซาด้าและแบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปภายในงาน (พบกันที่บูธ S16)
        👉 คูปองสมาชิก LazMom Club ไว้ช้อปทุกเดือน
        *เฉพาะแบรนด์และร้านค้าที่ร่วมงาน กว่า 100 ร้านค้า
        .
        💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
        💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🧸
        💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!! 🛍
        📌 ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
        🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
        ⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
        🌱 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว 💕 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
        #ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          จักรยานสามล้อ

          10 อันดับ จักรยานสามล้อ แบบไหนดี ฟังก์ชั่นเด่น ดีไซน์เกร๋ ถูกใจคุณหนูๆ

          การเลี้ยงลูกน้อยให้เจริญเติบโตไปได้อย่างดี นอกจากโภชนาการสำหรับเด็กที่ควรได้รับอย่างครบถ้วนแต่ละวัน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ที่จะช่วยให้ลูกน้อยของเราพัฒนาทักษะทางด้านความคิด มีการฝึกระบบกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสให้สมบูรณ์ไปตามวัย ซึ่งมีหลากหลายกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียนว่ายน้ำ การเล่นของเล่นพัฒนาทักษะ และอีกกิจกรรมหนึ่งที่คุณแม่ๆ เลือกให้ลูกก็คือ การขี่จักรยานสามล้อ เพราะนอกจากลูกจะได้ฝึกการควบคุมและการบังคับการทรงตัวแล้ว ยังได้ฝึกทักษะการตัดสินใจอีกด้วย วันนี้ทีมแม่ ABK คัดสรร 10 อันดับ จักรยานสามล้อ ที่มีฟังก์ชั่นเสริม ดีไซน์ดี น่ารักถูกใจคุณหนูๆ มาให้แล้ว จะมีแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

          วิธีเลือกจักรยานสามล้อให้เหมาะกับพัฒนาการของลูกน้อย

          1. เลือกจักรยานสามล้อเด็กให้เหมาะกับช่วงอายุ – สำหรับเด็กในช่วงอายุก่อน 2 ขวบ แนะนำให้เลือกจักรยานที่มีด้ามจับบริเวณหลังรถ เพื่อให้ผู้ปกครองอย่างเราๆ สามารถช่วยบังคับทิศทางไปด้วยได้ หากเป็นช่วงวัย 2 ขวบขึ้นไป เด็กๆจะสามารถใช้จักรยานสามล้อแบบไม่มีด้ามจับได้ เนื่องจากมีพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงสามารถควบคุมรถจักรยาสามล้อได้ด้วยต้นเอง
          2. เลือกจักรยานที่สามารถรองรับน้ำหนักตัวเด็กได้ – ถึงแม้เด็กๆ จะมีพัฒนาการเติบโตไปตามช่วงอายุก็ตาม แต่เด็กแต่ละคนมีการเจริญเติบโตไม่เท่ากันในเรื่องของความสูงและขนาดตัว  ดังนั้นการเลือกจักรยานสามล้อจึงควรอิงจากน้ำหนักตัวเด็กมากที่สุด
          3. คำนึงเรื่องของวัสดุที่ใช้เป็นหลัก – เลือกวัสดุที่แข็งแรงเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โครงจักรยานสามล้อควรทำจากโลหะน้ำหนักเบาที่แข็งแรงและรองรับน้ำหนักได้ดี เช่น แสตนเลส อลูมิเนียม เป็นต้น
          4. เลือกจักรยานสามล้อที่สามารถพับได้ – เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บและพกพา และไม่เปลืองพื้นภายในบ้าน
          5. ให้ความสำคัญกับเรื่องล้อเป็นพิเศษ – แนะนำให้เลือกล้อที่วัสดุทำมาจากยางหรือ EVA ที่สามารถรองรับน้ำหนักและยึดเกาะพื้นได้อย่างมั่นคงมากกว่าพลาสติก หากรุ่นที่ซื้อมีฟังก์ชั่นล็อกล้อด้านหลังไม่ให้หมุนหรือขยับได้ จะช่วยให้เด็กๆปลอดภัยขึ้นขณะจอดรถไว้บนทางลาด และควรเลือกล้อที่มีช่องว่างน้อยที่สุดหรือไม่มีซี่ที่ล้อเลย เพื่อป้องกันอันตรายขาเด็กเข้าไปติดได้

           

          10 อันดับ จักรยานสามล้อ ฟังก์ชั่นดี ดีไซน์เกร๋ ถูกใจคุณหนูๆ

          1.Bentley Tricycle 6 in 1

          จักรยาน 3 ล้อ Bentley Tricycle 6 in 1
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Mommories

          จักรยานสามล้อ 6 in 1 จากแบรนด์ดัง ส่งตรงจากประเทศอังกฤษ ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงไปได้ถึง 6 แบบให้สอดคล้องกับช่วงอายุของเด็ก แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้ได้ยาวนาน ดีไซน์สวยงามเรียบหรู เป็นสไตล์อันโดดเด่นของ Bentley  มีเข็มขัดนิรภัยถึง 5 จุด ปลอดภัยกับลูกน้อย ล้อสามารถเติมลมยางได้ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 10 เดือน – 3 ขวบขึ้นไป รับน้ำหนักได้มากถึง 30 กก.

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาด: 34 x 102.5 x 93.7 เซนติเมตร
          • วัสดุ: Iron, PVC, PP, ABC, TPR แข็งแรงทนทาน
          • น้ำหนัก: 12.8 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 28,000 – 40,000 (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Mommories

           

          2.DOONA LIKI 5 in 1

          จักรยาน 3 ล้อ DOONA LIKI 5 in 1
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Baby & Kids

          รถจักรยานสามล้อ สามารถพับเก็บได้ในขนาดกะทัดรัด ใส่ในช่องเก็บของบนเครื่องบินได้ ตัวจักรยานมีด้ามเข็นและม่านกันแดดสามารถถอดออกได้ภายหลัง มีที่วางขวดนม กระเป๋าใส่ของขนาดใหญ่ ที่เหยียบเท้าดีไซน์สายรัดเท้าเพื่อความกระชับในการปั่น เหมาะกับเด็กอายุ 10 เดือน – 5 ขวบ รับน้ำหนักได้ถึง 20 กก.

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาด: 34 x 102.5 x 93.7 เซนติเมตร
          • วัสดุ: โพลีเมอร์เสริมใยและอลูมิเนียมปลอดสนิม
          • น้ำหนัก: 6.7 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 9,000 – 13,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Babyandkids

           

           3.จักรยานสามล้อเข็นได้ Radio Flyer รุ่น 4 in 1 Stroll N Trike

          จักรยาน 3 ล้อ เข็นได้ Radio Flyer รุ่น 4 in 1 Stroll N Trike
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน PPkidShop

          เป็นรุ่นสัญชาติอเมริกาที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนทาน แต่น้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสแท้ทั้งคัน สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงไปได้ถึง 4 แบบด้วยกัน เหมาะสำหรับเด็กอายุ 9 เดือน – 5 ปี ตัวจักรยานมีด้ามเข็นและม่านกันแดด สามารถใส่ของด้านท้ายได้อีกด้วย เหมาะกับการเป็นจักรยานสามล้อคันแรกของคุณหนูๆ ที่เริ่มหัดขี่จักรยานฝึกการทรงตัวและบังคับทิศทางได้

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาด: 19.9 x 35 x 40.8 นิ้ว
          • วัสดุ: โครงแสตนเลส
          • น้ำหนัก: 4 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 5,000 – 8,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> PPKidShop

           

          4.Iimo Tricycle #2

          จักรยานเด็กสามล้อ Iimo Tricycle #2
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Kiddo Pacific

          ดีไซน์น่ารักจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อพับเก็บจะมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก มีด้ามเข็นถอดออกได้ มีแตรหน้ารถ มีจุดพักเท้าและบาร์กั้นเพื่อความปลอดภัยที่สามารถถอดออกได้ภายหลัง มีช่องใส่ของด้านหลัง เหมาะกับเด็กอายุ 1.5 – 4 ขวบ

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 42 x 78 x 83 เซนติเมตร
          • วัสดุ: PU คุณภาพดี แข็งแรง
          • น้ำหนัก 5 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 5,000 – 9,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >>  KiddoPacific 

           

          5.NADLE SL-A2 3 IN 1

          NADLE SL-A2 3 IN 1
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Pinkfox_shop

          รุ่นนี้สามารถพับเก็บได้ มีด้ามจับสำหรับเข็น ดีไซน์เบาะรองนั่งโค้งเล็กน้อยป้องกันการลื่นตก มีคอกนิรภัยที่สามารถถอดเก็บได้ภายหลัง รองรับน้ำหนักได้ 25 กก. ตัวจักรยานสามารปรับได้ถึง 3 รูปแบบในคันเดียว

          • แบบที่ 1 เป็นรถเข็นเด็ก สามารถเลี้ยวบังคับไปทางไหนก็ได้อย่างอิสระ (อายุที่เหมาะสม: 1 – 3 ขวบ)
          • แบบที่ 2 เป็นรถนั่งไถ สำหรับเด็ก ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา (อายุที่เหมาะสม: 2 – 6 ขวบ)
          • แบบที่ 3 เป็นจักรยานสามล้อ สำหรับใช้ขาปั่น ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านการทรงตัว (อายุที่เหมาะสม: 2 -6 ขวบ)

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 59 x 55 x 88 เซนติเมตร
          • วัสดุ: โครงอลูมิเนียมและ PU เกรด A
          • น้ำหนัก 7 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 2,500 – 3,000 (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Pinkfox_shop

           

          6.FIN Baby Plus รุ่น CAR-612

          จักรยานเด็กสามล้อ FIN Baby Plus รุ่น CAR-612
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Papa Baby

          รุ่นนี้ดีไซน์น่ารักรูปรถถูกใจคุณหนู มาพร้อมด้ามจับสำหรับเข็นสามารถถอดออกได้ มีฟังก์ชั่นเสียงเพลงประกอบที่หน้ารถ เสริมสร้างทักษะการฟัง มีที่วางเท้าขนาดใหญ่ให้พักเท้า และช่องเก็บของด้านหลังขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุ 2 – 6 ขวบ

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 50 x 85 x 55 เซนติเมตร
          • วัสดุ: PU เกรด A ทนทาน
          • น้ำหนัก ไม่ระบุ
          • ราคาโดยประมาณ: 2,000 – 3,700 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Papa Baby

           

          7.Fin Baby Plus รุ่น Car – 105

          จักรยานสามล้อ Fin Baby Plus รุ่น Car – 105
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Babies Plus Shop

          รุ่นนี้ใช้งานได้แบบ 2 in 1 สามารถถอดด้ามเข็มและม่านกันแดดออกได้ มีตะกร้าด้านหน้าและช่องเก็บของขนาดใหญ่ด้านหลัง มีตัวล็อคล้อหายห่วงในพื้นที่ลาดชั้น  เบาะสามารถปรับหมุนหันหน้าได้ 360 องศา เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1.5 – 3 ปี รับน้ำหนักได้ 25 – 30 กก.

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 80 × 60 × 104 เซนติเมตร
          • วัสดุ: ไม่ระบุ
          • น้ำหนัก 8 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 2,500 – 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Babiesplusshop

          8.Chicco รุ่น Toy U-Go Trike

          จักรยานสามล้อ Chicco รุ่น Toy U-Go Trike
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Kiddo Pacific

          จักรยานสามล้อ 2 in 1 จากแบรนด์ดังของอิตาลี มาพร้อมด้ามจับสำหรับเข็นที่สามารถถอดออกได้ เป็นได้ทั้งรถเข็นหรือจักรยาน ตัวเบาะรองนั่งมีเข็มขัดนิรภัย น้ำหนักเบา ประกอบได้ง่าย ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ถูกใจคุณหนูๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 18 เดือน – 5 ขวบ รับน้ำหนักสูงสุดได้ 20 กก.

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 49 × 25 × 34 เซนติเมตร
          • วัสดุ: ไม่ระบุ
          • น้ำหนัก 6 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 1,900 – 2,500 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Kiddo Pacific

           

          9.Coolpow จักรยานสามล้อมีด้ามเข็น มีตะกร้าหน้า-หลังพร้อมพนักพิง

          จักรยานสามล้อ Coolpow
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Hotseller24thailand

          ดีไซน์รูปทรงน่ารัก สีสันสดใส มีด้ามจับสำหรับเข็น มีที่กั้นและที่รองคอเพื่อช่วยประคองกันเด็กตกจากจักรยาน มีที่พักขาเมื่อน้องเหนื่อยและกระบะเก็บของทั้งด้านหน้าและหลัง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 – 4 ปี น้ำหนักไม่เกิน 35 กก.

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาดสินค้า 48 x 80 x 90 เซนติเมตร
          • วัสดุ: โครงอลูมิเนียม
          • น้ำหนัก 8 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 800 – 1,000 (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> Hotseller24thailand

           

          10.จักรยานสามล้อ 4 in 1 จักรยานขาไถ DENO รุ่น DFBOC-TB1

          จักรยานสามล้อ ล้อ 4 in 1 จักรยานขาไถ DENO รุ่น DFBOC-TB1
          ขอบคุณรูปภาพจากร้าน THE FUN PLAY

          รุ่นนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างไปได้อีก 4 แบบ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1.5 – 4 ปี เบาะสามารถปรับได้อีก 13 ซม. ลักษณะที่ปรับเปลี่ยนได้ ก็จะสามารถให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะการทรงตัวมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องซื้อจักรยานคันใหม่ได้เลย ถือเป็นจักรยานที่น่าสนใจเลยทีเดียว

          รายละเอียดเพิ่มเติม

          • ขนาด: 44 x 65 x 50 เซนติเมตร
          • วัสดุ: โครงเหล็ก
          • น้ำหนัก: 50 กิโลกรัม
          • ราคาโดยประมาณ: 400 – 600 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน)

          สั่งซื้อคลิกเลย >> THE FUN PLAY

           

          ถึงแม้ว่าจักรยานสามล้อจะสร้างความสนุกให้กับเด็กๆ ได้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงเมื่อต้องการฝึกให้ลูกน้อยขี่จักรยานก็คือ ความปลอดภัยของเด็กๆ ควรหาหมวกกันน็อคเพื่อใช้ในการฝึกด้วยจะดีที่สุดค่ะ หากเลือกซื้อจักรยานสามล้อที่ชอบได้แล้ว ก็พาน้องออกไปขี่จักรยานเสริมสร้างพัฒนาการกันได้เลยค่ะ

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้

          ทำไมต้อง จักรยานขาไถ 10 เรื่องที่ควรรู้ ก่อนซื้อให้ลูกเล่น

          พกจักรยานพับ เปิดโลกกว้างมุมใหม่ให้กับเด็กๆ

            ประโยคให้กําลังใจ-ภาษาอังกฤษ

            50 ประโยคให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ได้ใจลูกไปเลย!

            ฝึกภาษาให้ลูกด้วย ประโยคให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ แต่มีความหมายสำหรับลูกมากๆ ทำให้ลูกมีพลังและแรงใจ ที่จะก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆไปได้

            50 ประโยคให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ได้ใจลูกไปเลย!

            สำหรับลูกตัวน้อยๆแล้ว พ่อแม่ก็คือโลกทั้งใบของพวกเค้า ไม่ว่าเค้าจะรู้สึกดีใจ เสียใจ เหงา เศร้า ลูกก็มักจะมองหาแต่พ่อแม่เสมอ มาลองพูด ประโยคให้กำลัง ภาษาอังกฤษ ที่ ทีมแม่ ABK คัดสรรมาให้แล้วกับลูกกันค่ะ นอกจากลูกจะได้รับกำลังใจจากพ่อแม่แล้ว ยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย ลูกจะได้ซึมซับกับภาษาที่สองอย่างเป็นธรรมชาติ ได้รับทั้งความรัก ความอบอุ่น กำลังใจ และความรู้ภาษาอังกฤษ

            ประโยคที่ใช้เพื่อเป็นกำลังใจให้ลงมือทำ

            • Give it a try = ลองดูสักตั้งสิ
            • Go for it = ลองให้สุดไปเลย
            • Why not? = ทำไมถึงไม่ลองทำดูล่ะ?
            • It’s worth a shot = มันคุ้มค่าที่จะลองนะ
            • What are you waiting for? = ลูกกำลังรออะไรอยู่?
            • What do you have to lose? = ลูกไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่?
            • You might as well = ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
            • Just do it = แค่ลองทำดู
            • You can do it = ลูกทำได้แน่
            ให้กำลังใจ
            ให้กำลังใจ

            ประโยคที่ใช้เมื่อทำสิ่งๆ นั้นได้ดีอยู่แล้ว

            • There you go! = นี่ไง! ลูกทำได้
            • Keep up the good work = ทำดีแล้วนะ ทำต่อไป
            • Keep it up = สู้ๆ สู้ต่อไป
            • Good job = ดีมาก
            • I’m so proud of you! = พ่อหรือแม่ ภูมิใจกับลูกจริงๆ!

            ประโยคใช้เพื่อให้กำลังใจเมื่อเจอปัญหา

            • Be strong! = เข้มแข็งไว้นะ
            • Cheer up! = ร่าเริงหน่อยสิ
            • Don’t discourage = อย่าเพิ่งท้อแท้ไปเลย
            • Don’t feel so bad = อย่ารู้สึกแย่ไปเลย
            • 1-Don’t give up = อย่ายอมแพ้
            • Don’t think too much = อย่าคิดมากเลยน่า
            • Don’t worry about it = อย่ากังวลใจไปเลย
            • 1-Don’t worry, be happy! = อย่ากังวลไปเลย จงมีความสุขเข้าไว้
            • Get over it! = อย่าไปคิดถึงมันเลย (ไปทำอย่างอื่นดีกว่า)
            • Fight on = สู้ต่อไป
            • Hang in there = อดทนหน่อย
            • It can’t be that bad = มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ง
            • It will get better soon = มันจะดีขึ้นเร็วๆนี้
            • I’ll encourage you = พ่อหรือแม่ จะเป็นกำลังใจให้นะ
            • I’m always here for you = พ่อหรือแม่ อยู่ข้างลูกเสมอนะ
            • It’s gonna be ok = เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
            • Keep pushing = พยายามเข้านะ
            • Keep fighting! = สู้ต่อไป!
            • Keep going = ทำต่อไป
            • Look on the bright side = มองโลกในแง่ดีบ้างเถอะ
            • Never give up = อย่ายอมแพ้เด็ดขาด
            • Never say ‘die’ = อย่าพึ่งหมดกำลังใจ
            • Nothing lasts forever = ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรอก (อย่าเสียใจไปเลยนะ)
            • Pull yourself together = ทำตัวให้สดชื่นหน่อย
            • Smile on chin up = ยิ้ม เริ่ด เชิด จบ
            • Stay strong = เข้มแข็งไว้
            • You’ll get through this = เดี๋ยวลูกก็ผ่านมันไปได้

             

            กำลังใจ
            กำลังใจ

            ประโยคที่ใช้เมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก

            • I’ll support you either way = พ่อหรือแม่ จะสนับสนุนลูกไม่ว่าทางใดก็ตาม
            • I’m behind you 100% = พ่อหรือแม่ จะคอยเป็นกำลังใจให้ลูก 100%
            • It’s totally up to you = มันขึ้นอยู่กับลูกแล้วนะ
            • It’s your call = แล้วแต่ลูกเลย

            ประโยคที่ใช้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทำตามความฝัน

            • Follow your dreams = ทำตามความฝันของลูกให้ได้นะ
            • Reach for the stars = จงทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ
            • Do the impossible = ลงมือทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
            • Believe in yourself = เชื่อในตัวเองเข้าไว้
            • The sky is the limit = ทำทุกอย่างให้สำเร็จได้อย่างไร้ขีดจำกัด

            คุณพ่อคุณแม่ลองนำ ประโยคให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ ที่ทาง ทีมแม่ ABK รวบรวมมาให้นี้ ไปพูดกับลูกกันนะคะ มันดีต่อใจลูกมากๆเลยค่ะ

            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

            50 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ใช้สอนลูก ให้พูดได้แต่เด็ก!

            ภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ สั้นๆ เริ่มสอนตั้งแต่ 1-8 ขวบ

            น่าเรียน! 8 วิชา สอนเด็ก ประยุกต์ใช้ชีวิต เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์

            หัดเขียน ให้ลูกด้วยดินสอไม้ หรือปากกาลูกลื่นดีกว่ากัน??

            ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.scholarship.in.th

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            Amarin Baby & Kids

              ประกาศเตือนโควิดระดับ 4 เด็กติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น

              ประกาศเตือนโควิดระดับ 4 เด็กติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น

              สถานการณ์การแพร่ระบาดจากโรคโควิด 19 ในประเทศไทย พบว่า ขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ยอดผู้ติดเชื้อเฉียด 2 หมื่นรายต่อวัน ส่วนเด็กติดเชื้อโควิด-19 ก็เพิ่มขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 30 จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้การดูแลผู้ติดเชื้อโควิด19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สธ. จึงปรับเพิ่มระดับคุมเข้ม โควิด-19 ไปอยู่ที่ ประกาศเตือนโควิดระดับ 4 แล้วค่ะ

              สถานการณ์เด็กติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น

              นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ในภาพรวมเด็กติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 30 จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่ความรุนแรงของโรคในเด็กไม่มาก มีเพียงไม่ถึงร้อยละ 3 ที่อาการเปลี่ยนแปลงไปสู่สีเหลือง สีแดง ส่วนใหญ่ที่อาการจะรุนแรงจะเป็นผู้ป่วยในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวร่วม เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมอง อัตรานอนโรงพยาบาล อยู่ที่ร้อยละ 15-17 ส่วนเด็กอีกร้อยละ 50 เด็กไม่มีอาการ

              นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เด็กอายุ 5-11 ปี ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ติดมาจากคนในครอบครัว ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด และบางส่วนมีการเปิดเรียน ขณะที่เด็กแรกเกิดติดเชื้อพบว่าปัจจัยหลักมาจากมารดาที่ติดเชื้อโควิดขณะท้อง

              การรักษาเด็กติดเชื้อ

              เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาตัวที่บ้าน โดยโรงพยาบาลเด็กดูแลนั้น ส่วนใหญ่มีอาการสีเขียว ตั้งแต่เดือนมกราคม มีผู้ป่วยเด็กรวมอยู่ที่ 900 กว่าคนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามอาการผ่านช่องทางออนไลน์ และโทรสอบถามจากผู้ปกครอง วันละ 1-2 ครั้ง แต่หากเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี แล้วติดเชื้อ ขอให้มาตรวจและทำการรักษาที่โรงพยาบาล โดยจะรักษาอาการที่คล้ายกับไข้หวัด และไข้จะลดลงในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากพบเชื้อ

              เด็กครองเตียงกว่าร้อยละ 80

              ภาพรวมเตียงเด็กในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีประมาณ 20 แห่ง ทั้งของสังกัดสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และสังกัดกรมการแพทย์ รวม 500 เตียง ครองเตียงไปแล้ว ร้อยละ 80 ส่วนศูนย์พักคอยสำหรับเด็กเพื่อส่งต่อบริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต ขณะนี้มีผู้ป่วยเด็ก 12 คน จากจำนวนเตียง 52 เตียง ซึ่งรับเด็ก 5-11ปี

              คลัสเตอร์ร้านเกมสายไหม

              เพจ สายไหมต้องรอด ได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านในชุมชนหมู่บ้านหนึ่งใน เขตสายไหม กทม. หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนถึง 50 กว่าคน โดยชุมชนดังกล่าวเริ่มติดเชื้อจากนักเรียนที่ไปโรงเรียน ก่อนที่เด็กที่ติดเชื้อจะไปเล่นเกมรวมกันในร้านเกม ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในเบื้องต้นตอนนี้มีผู้ติดเชื้อโควิดแล้วกว่า 56 คน หลายครอบครัวติดเชื้อกันทั้งบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาจมีเพิ่มมากถึง 200 ราย เนื่องจากชุมชนเป็นชุมชนแออัด มีผู้อยู่อาศัยกว่า 1,000 คน ซึ่งการติดเชื้อดังกล่าวพบมากในเด็กและคนแก่

              บุรีรัมย์ สั่งปิดโรงเรียนทั้งจังหวัดกว่า 1,500 แห่ง

              ส่วนสถานการณ์ของต่างจังหวัด เช่น ในจังหวัดบุรีรัมย์ พบจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 จนถึงปัจจุบัน มีนักเรียนติดเชื้อสะสมแล้ว 689 ราย ดังนั้นศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์จึงมีหนังสือด่วนถึงสถานศึกษาทั้งจังหวัดกว่า 1,500 แห่ง จำนวนนักเรียน นักศึกษา กว่า 260,000 คน ว่า ขอความร่วมมือให้งดการจัดการเรียนการสอนแบบ On Site เป็นระยะเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-2 มี.ค. 2565

              มาตรการคุมโควิดระดับ 4

              จากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยกลับมาแตะหลักหมื่นอีกครั้ง และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉียด 2 หมื่นรายต่อวัน ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้ประกาศเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทั่วประเทศแล้วค่ะ โดยทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการ VUCA โดยเฉพาะมาตรการ UP (Universal Prevention) เน้นการสวมหน้ากากอนามัย 100% และต้องทำตามมาตรการดังนี้

              • งดเข้าสถานที่เสี่ยง
              • งดทานอาหารร่วมกัน ดื่มสุราในร้าน
              • เลี่ยงไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก เช่น ตลาด ห้าง
              • เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน
              • งดร่วมกิจกรรม กลุ่มตามเกณฑ์ต่าง ๆ
              • มาตรการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50-80
              • ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด หากจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัว
              • เลี่ยงไปต่างประเทศ
              • หากเข้าประเทศต้องปรับตัวในสถานที่กักกัน

              ระดับเตือนภัยป้องกันโควิด19 มี 5 ระดับ

              ระดับเตือนภัยป้องกันโควิด19 ของประเทศไทย จะมีทั้งหมด 5 ระดับ คือ

              ระดับ 1 ใช้ชีวิตได้ปกติ แบบ COVID-19 Free Setting ประชาชนสามารถ โดยสารขนส่งสาธารณะได้ การเดินทางเข้าประเทศโดยปกติ

              ระดับ 2 เร่งเฝ้าระวัง คัดกรอง เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่ม 1,000 คนขึ้นไป  งดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด/แออัด เลี่ยงร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท

              ระดับ 3 จำกัดการรวมกลุ่ม ทำงานจากที่บ้าน 20 – 50% เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่ม 200 คนขึ้นไป เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท งดไปต่างประเทศ

              ระดับ 4 ปิดสถานที่เสี่ยง ทำงานจากที่บ้าน 50 – 80% งดไปรับประทานร่วมกัน  งดดื่มสุราในร้าน งดเข้าสถานที่เสี่ยงทุกประเภท เลี่ยงเข้าใกล้ผู้อื่นนอกบ้าน คัดกรองก่อนเดินทาง  ชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ ใช้ระบบกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ

              ระดับ 5 จำกัดการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ ทุกคนงดออกนอกบ้าน หากจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิต เช่น ตรวจ รักษา ซื้ออาหาร ของใช้ งดรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน งดใกล้ชิดกันในบ้าน  รวมถึงเคอร์ฟิว ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการตามระดับเตือนภัยทั้ง 5 ระดับด้วย

              ประกาศเตือนโควิดระดับ 4
              มาตรการประกาศเตือนโควิด 5 ระดับ ของประเทศไทย

              ขอบคุณภาพจาก ประชาชาติธุรกิจ

               

              ทีมแม่ ABK ขอให้คุณพ่อคุณแม่และลูก ๆ ปลอดภัยจากโควิด 19 อย่าประมาท ป้องกันตนเองทุกครั้งหากจำเป็นต้องออกนอกบ้านนะคะ

              ขอบคุณข้อมูลจาก

              ประชาชาติธุรกิจ, TNN online, MGR Online, คมชัดลึก ออนไลน์

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

              พ่อแม่ต้องรู้!! อาการโอไมครอนในเด็ก เจอสัญญาณต่อไปนี้ พบแพทย์ทันที

              เปิด 5 สูตร ฉีดวัคซีนโควิด19 ในเด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี

              หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

                โรคเชื้อราแมว โรคติดต่อจากสัตว์

                โรคเชื้อราแมว แพทย์เตือนเลี้ยงลูกใกล้สัตว์เลี้ยงต้องระวัง!!

                โรคเชื้อราแมว โรคติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยง เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องระวังการเลี้ยงลูกใกล้ชิดสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงเห็บหมัดเข้าตาเข้าหูลูกได้ อันตรายแค่ไหนต้องดู!!

                โรคเชื้อราแมว แพทย์เตือนเลี้ยงลูกใกล้สัตว์เลี้ยงต้องระวัง!!

                ทาสแมวมีผวา เมื่อ โรคเชื้อราแมว สามารถติดจากสัตว์สู่คนได้ การเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดสัตว์เลี้ยงมากจนเกินไปอาจมีโทษได้ แล้วรู้หรือไม่ โรคเชื้อราแมว ใช่ว่าจะติดต่อได้แค่จากแมวเท่านั้น

                เชื้อราแมว ใช่ว่ามีแต่ในแมว!!

                เชื้อราแมว (Microsporum canis) คือ เชื้อราที่ทำให้แมวเป็นโรคผิวหนัง แมวที่ติดเชื้อจะมีขนหลุดออกมาเป็นหย่อม ๆ ผิวหนังแดง แห้ง ลอกเป็นขุย ๆ และมีการตกสะเก็ดร่วมด้วย ซึ่งผู้ที่ชอบสัมผัสกับแมวโดยไม่ทำความสะอาดหลังจากสัมผัสมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ นอกจากแมวแล้วสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เช่น สุนัข แฮมสเตอร์ ก็สามารถพบการติดเชื้อรานี้ได้เช่นกัน

                เลี้ยงลูกใกล้ชิดสัตว์เสี่ยง โรคเชื้อราแมว
                เลี้ยงลูกใกล้ชิดสัตว์เสี่ยง โรคเชื้อราแมว

                เชื้อราจากแมว คืออะไร?

                เชื้อราจากแมวที่พบได้บ่อยคือเชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ โดยไม่ก่อให้เกิดโรค แต่สามารถติดต่อมายังคนได้ผ่านทางการสัมผัสโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล ก็ทำให้คนเลี้ยงติดเชื้อราจากแมวได้อย่างง่ายดาย พฤติกรรมที่นำไปสู่การติดเชื้อ เช่น อุ้ม กอด นอนร่วมที่นอนเดียวกัน เป็นต้น

                โรคเชื้อราแมว ติดแล้วมีอาการอย่างไร??

                • ผื่นแดงขึ้นตามร่างกายทั้งวงเล็ก และวงใหญ่
                • มีขุยขึ้นตามบริเวณรอบ ๆ ผื่นแดง
                • มีอาการคันตามผื่นแดง
                • อาจเกิดผื่นแดงเพิ่มขึ้นเมื่อเกาที่บริเวณผื่นแดง และไปสัมผัสจุดอื่น ๆ บนร่างกาย
                • หากมีการติดเชื้อที่หนังศีรษะอาจพบเส้นผมในบริเวณที่ติดเชื้อร่วงเป็นหย่อม

                การรักษาเมื่อติดเชื้อ

                • สำหรับที่ผิวหนัง
                  – ให้ทายาฆ่าเชื้อราที่ได้รับจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยอาการต่าง ๆ จะดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์
                  – หากพบผื่นจำนวนมาก แพทย์อาจให้รับประทานยาต้านเชื้อราควบคู่กับการทายาฆ่าเชื้อราไปด้วย
                • สำหรับการติดเชื้อบนหนังศีรษะ

                แนะนำให้รับประทานยาต้านเชื้อราตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง การใช้ยาทา หรือแชมพูฆ่าเชื้อราเพียงอย่างเดียวอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาไม่เพียงพอ

                กลุ่มเสี่ยงของการติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยง

                • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
                • เด็ก
                • ผู้สูงอายุ
                ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : อ. ดร. พญ.กรวลี มีศิลปวิกกัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย /www.rama.mahidol.ac.th
                โรคจากสัตว์เลี้ยง
                โรคจากสัตว์เลี้ยง

                โรคติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่ต้องระวัง!!

                สัตว์เลี้ยงแสนรัก สัตว์แต่ละชนิด หลากหลายประเภทที่แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละบุคคล สัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อคลายเหงา เป็นเพื่อนยามยากที่นิยมเลี้ยงกัน ได้แก่ สุนัข แมว กระต่าย นก เป็นต้น แต่รู้หรือไม่สัตว์เลี้ยงก็อาจเป็นแหล่งเชื้อโรคของโรคหลายชนิด โดยเฉพาะโรคติดเชื้อต่าง ๆ จากสัตว์สู่คน

                สิ่งที่อยู่ในสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เกิดโรค

                1. เชื้อรา
                2. ไวรัส
                3. แบคทีเรีย
                4. ปรสิต (เห็บ หมัด ไร)

                โดยที่เชื้อโรคเหล่านี้บางตัวไม่ได้ทำให้เกิดโรคในสัตว์ แต่เมื่อเชื้อโรคเหล่านี้ติดมายังคนสามารถทำให้เราเป็นโรคติดเชื้อที่ร้ายแรงได้ โดยจะมีโรคอะไรบ้างที่เราต้องระวัง อันนอกเหนือจากโรคเชื้อราแมวที่กล่าวถึงข้างต้น ในที่นี้จะขอกล่าวถึงโรคติดเชื้อที่พบบ่อยที่มาจากสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นิยมเลี้ยง ได้แก่

                โรคท้องเสียจากเชื้อแบคทีเรีย

                มีเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถติดต่อจากสุนัข หรือแมวมายังคนได้ที่พบบ่อยเช่น เชื้อ campylobacter เชื้อ salmonella การติดเชื้อเกิดจากการที่คนไปสัมผัสกับมูลของสัตว์แล้วไม่ได้ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก อาการที่พบคืออาจมีไข้ปวดท้อง ถ่ายเหลว รวมถึง อาจถ่ายเป็นมูกเลือดได้ ในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันปกติมักจะหายเองได้การรักษาเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองให้น้ำ และเกลือแร่ให้เพียงพอ ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือในเด็กเล็ก อาจมีอาการรุนแรงได้ เช่นมีการติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วไปมีการติดเชื้อตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น เชื้อ salmonella อาจทำให้เกิด ิ หรือการติดเชื้อในข้อ หรือในกระดูก

                โรคพิษสุนัขบ้า

                โรคนี้มีการระบาดในปีที่ผ่านมา โรคนี้นับเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก เพราะถ้าคนเป็นมีโอกาสเสียชีวิตเกือบ 100% โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส rabies คนสามารถติดเชื้อโดยถูกสัตว์กัด หรือถูกสัตว์เลียที่บริเวณเยื่อเมือกหรือบริเวณแผลเปิด โดยเชื้อไวรัสนี้พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ซึ่งหมายความว่า พบได้ในสุนัขแมว หนูค้างคาว เป็นต้น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะมีอาการกลืนไม่ได้ มีน้ำลายไหลมาก กลัวแสง กระสับกระส่าย มีพฤติกรรมก้าวร้าว แล้วซึมลงในที่สุด การป้องกันโรคนี้ทำได้โดย

                1. พาสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำ
                2. หากถูกสัตว์กัด ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่อย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงรับอิมมูนโกลบูลิน
                3. ถ้าสังเกตอาการของสุนัข หรือแมวที่กัดได้ ควรสังเกตอย่างน้อย 10 วัน ถ้าภายใน 10 วัน สัตว์เสียชีวิต ควรติดต่อทางสถานเสาวภา เพื่อนำสัตว์ไปตรวจว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่

                  โรคเชื้อราแมว
                  โรคเชื้อราแมว

                การติดเชื้อพยาธิของสัตว์

                เชื้อพยาธิของสุนัขหรือแมวอาจมาติดคนได้โดยไข่ของพยาธิปนเปื้อนมากับมูลของสัตว์เหล่านี้ แล้วคนติดโดยการกินไข่ของพยาธิเข้าไป อาการที่พบคือตัว พยาธิจะไชไปตามที่ต่าง ๆ เช่นที่ผิวหนังก็จะทำให้เกิด อาการคัน อาจไปที่ทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการ ไอ หอบเป็นต้น ถ้าไปที่ตา ก็จะทำให้การมองเห็นผิดปกติได้

                โรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis)

                โรคนี้เกิดจากเชื้อปรสิตชื่อว่า Toxoplasma โดยปกติจะพบเชื้อนี้ในอุจจาระของแมว คนติดเชื้อนี้จากแมวโดยไปสัมผัสมูลของแมวแล้วไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก หรือเชื้อจากมูลของแมวไปปนเปื้อนในดินและในผักที่รับประทาน ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการไข้ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตแล้วหายเอง ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้มีอาการปอดอักเสบ ที่สำคัญคือมีการติดเชื้อในสมองทำให้มีอาการอ่อนแรงของแขนขาได้ ในหญิงตั้งครรภ์ถ้าติดเชื้อนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ซึ่งอาจแท้งได้ ทารกที่เกิดมาอาจมีความพิการแต่กำเนิด เช่น มีการอักเสบของจอประสาทตา มีศีรษะเล็ก มีอาการชัก มีตับ ม้ามโต เป็นต้น ทารกบางคนที่ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการตอนแรกเกิด แต่มามีอาการในวัยเด็ก เช่น มีอาการชัก พัฒนาการช้า ตาบอด เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์ ไม่ควรไปสัมผัสมูลของแมว

                โรคซิตาโคซิส (Psittacosis)

                เป็นโรคที่ติดจากนกที่เลี้ยง เช่น นกแก้ว นกพาราคีท โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มที่เรียกว่า คลามัยเดีย (Chlamydia psittaci) เชื้ออาจพบในมูลของนก ตามขนของนก แล้วคนหายใจเอาเชื้อนี้เข้าไป อาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ไอแห้ง ๆ เจ็บหน้าอก มีอาการของปอดอักเสบ เป็นต้น

                โรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ใช่แค่แมว
                โรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ใช่แค่แมว

                โรคฉี่หนู (Leptospirosis)

                โรคนี้ตามชื่อเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะของหนู เช่น ไปย่ำน้ำที่มีการปนเปื้อนของปัสสาวะหนู แต่พบว่าสามารถพบในปัสสาวะสุนัขได้เช่นกัน เชื้อนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเลปโตสไปรา (leptospira) อาการที่เกิด คือ มีไข้สูง ปวดน่อง ตาแดง ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีภาวะไตวาย ตับอักเสบ และไอเป็นเลือดได้

                การป้องกันโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน

                1. พาสัตว์เลี้ยงไปตรวจกับสัตวแพทย์ และให้วัคซีนในสัตว์ตามกำหนด
                2. ล้างมือ ฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง
                3. หากถูกสัตว์กัด และมีแผลลึก มีเลือดออกควรไปพบแพทย์
                ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก ผู้เขียน : อ. นพ.นพพร อภิวัฒนากุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
                คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                เด็ก!! เสี่ยงติด “โรคพิษสุนัขบ้า” โรคที่ไม่ได้เกิดจากแค่สุนัข

                พ่อแม่ต้องรู้!! อาการโอไมครอนในเด็ก เจอสัญญาณต่อไปนี้ พบแพทย์ทันที

                รู้ไว้ก่อนฉีด!อาการข้างเคียงวัคซีน ไฟเซอร์เด็ก ฝาส้ม

                ตั้งชื่อลูกพร้อมความหมาย 100 ชื่อมงคล ลูกสาว-ลูกชาย

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

                  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ Center for Disease Control and Prevention ซีดีซี เผยผลการศึกษาระบุว่า แม่ตั้งครรภ์ที่ฉีดวัคซีน mRNA สองโดส ทารกที่คลอดออกมามีโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่ำกว่าทารกที่แม่ไม่ได้ ฉีดวัคซีนราว 60 เปอร์เซ็นต์  และจะมีโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่ำลงไปอีก หากแม่ของเด็ก ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ หลังมีอายุครรภ์ 20 สัปดาห์

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์
                  ทำไมคนท้องจึงควรฉีดวัคซีนโควิด

                  ทำไมคนท้องจึงควรฉีดวัคซีนโควิด

                  จากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในไทยพบว่า ถ้าแม่ท้องติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงต่ออาการรุนแรง และเชื้อลงปอดได้ มากกว่าคนปกติ เพราะแม่ท้องมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง เช่น ตั้งครรภ์ร่วมกับมีอายุมาก อ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไทรอยด์ หัวใจ โรคปอด หรือโรคไตเรื้อรัง ยิ่ง เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น

                  นอกจากนี้ มีรายงานของกรมอนามัยพบว่า ในแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ 77 ราย มีอาการปอดอักเสบ 21 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย จะเห็นว่าอัตราการติดเชื้อลงปอด และอัตราเสียชีวิตสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป กรมอนามัยจึงออกมาแนะนำว่า คนท้องควรได้รับวัคซีนโควิด-19 เพราะผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเกิดได้น้อยกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากการติดเชื้อ

                  คนท้องอายุครรภ์เท่าไหร่จึงฉีดวัคซีนได้

                  องค์การอนามัยโลก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี และราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ตอบคำถามนี้ไว้ชัดเจนว่า หญิงที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์อย่างน้อย 12 สัปดาห์ขึ้นไป หรือ 3 เดือนขึ้นไป สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้ดูแลก่อน รวมทั้งต้องเป็นผู้ไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีน เช่น

                  • มีอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะการแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน
                  • มีอาการแพ้วัคซีนโควิดอย่างรุนแรงจากการฉีดครั้งแรก
                  • หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ต้องแจ้งแพทย์ที่ดูแลก่อน
                  • สุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย มีไข้ ในวันฉีดวัคซีน

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนท้องลดเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

                  ซีดีซียังเตือนให้คุณแม่ตั้งครรภ์ แม่ที่ให้นมบุตร หรือว่าที่คุณแม่ที่มีแผนจะตั้งครรภ์ ให้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เนื่องจากโรคดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือภาวะตายก่อนคลอดได้ค่ะ และล่าสุดมีผลวิจัยจาก ดร. ดานา มีนีย์ เดลแมน จากซีดีซีว่า มีการตรวจพบภูมิคุ้มกันโควิดในเลือด ถ่ายทอดจากสายสะดือ ซึ่งเป็นตัวบอกว่าภูมิคุ้มกันที่แม่ตั้งครรภ์ได้รับ ถ่ายทอดไปยังลูกที่กำลังเติบโตในครรภ์ได้ค่ะ

                  ผลวิจัยจากเด็กที่แม่ได้รับวัคซีนตอนท้อง

                  นักวิจัยจากโรงพยาบาลเด็กหลายแห่ง และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ได้ทำการตรวจสอบเด็ก ๆ ที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน ในช่วงระหว่างเดือน ก.ค. 2564-ม.ค. 2565 วิเคราะห์ข้อมูลจากทารก 379 รายในโรงพยาบาล โดย 176 รายติดเชื้อโควิด-19 และ 203 รายเข้ารับการรักษาตัวโดยโรคอื่น ๆ ผลวิจัยพบว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพโดยรวม 61% ในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลสำหรับบุตรที่แม่ฉีดวัคซีนระหว่างตั้งครรภ์

                  ทั้งนี้ ประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลของเด็กเพิ่มขึ้นเป็น 80% เมื่อแม่ได้รับวัคซีนในช่วง 21 สัปดาห์จนถึง 14 วันก่อนคลอด แต่ประสิทธิภาพวัคซีนลดลงเหลือ 32% ในการป้องกันทารกของแม่ที่ฉีดวัคซีนในช่วงเริ่มต้นตั้งครรภ์

                  แม่ท้องต้องเลี่ยงฉีดวัคซีนโควิดพร้อมวัคซีนอื่น

                  อย่างไรก็ตาม แม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนโควิดพร้อมกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ ยกเว้นมีความจำเป็น การฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรห่างจากการฉีดวัคซีนอื่น 4 สัปดาห์ ส่วนการฉีดวัคซีนชนิดอื่น ๆ หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์

                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์
                  ฉีดวัคซีนโควิดตอนท้องลดเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

                  คนท้องดูแลตัวเองอย่างไร? ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด

                  แม้จะได้รับวัคซีนโควิดครบโดสที่กำหนดแล้ว แต่แม่ท้องทุกคนก็ยังมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดได้ จึงต้องเพิ่มการดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ ดังนี้

                  • หากสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ให้รีบไปตรวจครรภ์ยืนยันผลให้เร็วที่สุด ฝากครรภ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปตรวจครรภ์ทุกครั้งที่แพทย์นัด สำหรับแม่ท้องที่ไม่มีโรคประจำตัว อาจโทรปรึกษาแพทย์เพื่อขอเว้นระยะเวลาการไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล โดยให้แพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม
                  • ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามที่แพทย์ผู้ดูแลแนะนำ
                  • รักษาระยะห่างทางสังคม แม้กระทั่งกับคนในครอบครัว
                  • สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากที่พัก และสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลาเท่าที่ทำได้ แม้กระทั่งขณะอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว
                  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ชุมชน หรือมีคนจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ
                  • หมั่นล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธีด้วยสบู่ น้ำยาสำหรับล้างมือ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งก่อนใส่-ถอดหน้ากากอนามัย และหลังถอดหน้ากากอนามัย
                  • ระมัดระวังการสัมผัสใบหน้า ดวงตา จมูก และปาก หากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด
                  • หากไอ หรือจามควรใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูก หรือควรไอ หรือจามหันออกไปทางด้านข้างของลำตัว
                  • หมั่นทำความสะอาดที่พัก พื้นผิวสัมผัสต่างๆ ที่ใช้งานเป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
                  • หากมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก พยายามรักษาอาการเบื้องต้นด้วยตนเองเท่าที่ทำได้ แต่หากอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์

                  เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยที่อยู่ในท้อง การรับวัคซีนป้องกันโควิดของคุณแม่ท้อง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ นอกจากการป้องกันและดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ นะคะ

                   

                  ขอบคุณข้อมูลจาก

                  Voa Thailand, โรงพยาบาลเพชรเวท, The Bangkok Insight, HDmall

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                  7 ข้อต้องรู้ก่อนฉีด “วัคซีนโมเดอร์นา” ในแม่ท้อง-ให้นมบุตร

                  หมอสูติตอบชัด! คนท้องฉีดวัคซีนโควิดได้ไหม ฉีดอย่างไรให้..ปลอดภัยทั้งแม่ลูก

                   

                  คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

                    5 ข้อดีให้ลูกน้อยใช้ “ยางกัด” พร้อมวิธีทำความสะอาด

                    แม่จ๋าลูกคันเหงือก !! ลูกยังบอกเราไม่ได้ค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่สังเกตดูลูกได้ง่าย ๆ เลย คือถ้าเห็นว่าน้ำลายไหลยืด ชอบที่จะเอาปากมากัดมือ แขนของเรา ตอนกินนมก็งับนมน๊มของแม่ เห็นอะไรก็จะกัด นี่แสดงว่าลูกคันเหงือกมาก ต้องมีอุปกรณ์ช่วยลดอาการคันเหงือกให้ลูกด้วยสิ่งนี้ นั่นก็คือ “ยางกัด” เดี๋ยวนี้มีทำดีไซน์น่ารัก น่ากัดมากค่ะ

                    รู้ไหมคะว่า ? ช่วงอายุ 4-5 เดือนเป็นต้นไป ฟันซี่แรก ที่เป็นชุดฟันน้ำนม จะค่อย ๆ ทยอยโผล่พ้นเหงือกของลูกน้อยขึ้นมา หรือที่ย่า ยาย บอกว่าดอกไม้ขึ้นแล้ว และก็นี่แหละค่ะ สาเหตุที่ทำให้ลูกคันเหงือก อาการที่จะพบได้บ่อย ๆ เลยคือ

                    • น้ำลายไหลเยอะ ไหลเกือบตลอดเวลา
                    • ชอบเอามือเข้าปาก
                    • อยากกัดทุกอย่าง เห็นอะไรก็จะกัดไปหมด จากประสบการณ์ส่วนตัว นมน๊มแม่ระบมหมดแล้วลูกกกก
                    • งอแง หงุดหงิด เด็กเล็ก ๆ จะเป็นหนักหน่อย เพราะจะทั้งคัน ทั้งปวดเหงือก ลูกยังรับมือกับอาการเจ็บ ๆ ปวด ๆ เล็กน้อยนี้ด้วยตัวเองไม่ได้ ซึ่งถ้าฟันพ้นเหงือกขึ้นมาก็จะดีขึ้นค่ะ

                    คันเหงือกไม่ได้อันตรายกับลูกน้อยนะคะ เป็นอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นปกติตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย ทีนี้จะปล่อยให้ลูกคันเหงือกตลอดซีซันฟันขึ้น ก็น่าสงสารมาก ขนาดเราผู้ใหญ่เวลาปวด เวลาคัน ยังต้องหาสารพัดวิธีมาบรรเทา ฉะนั้นอย่าได้รอช้าที่จะหาอุปกรณ์ของเล่นมาช่วยลูกลดอาการคันเหงือก ปวดเหงือกกันนะคะ

                    ทีมแม่ABK มีเป็นอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ยางกัด” ขอบอกว่าซื้อมาใช้คุ้มอยู่นะแม่ ๆ เพราะนอกจากจะใช้ยางกัดในช่วงที่ลูกคันเหงือกแล้ว ก็ยังจะเอายางกัดมาเป็นของเล่นช่วยเสริมพัฒนาการได้อีกด้วย มาดูประโยชน์ของ “ยางกัด” กันค่ะ ลิสต์มาให้ 5 ข้อเน้น ๆ ค่ะ

                    1. ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายในช่วงฟันขึ้น ทำให้หลุดโฟกัสจากการคันและปวดเหงือก
                    2. ช่วยลดอาการคันเหงือก ปวดเหงือก
                    3. ช่วยนวดเหงือกให้นิ่มลง ส่งเสริมการขึ้นของฟัน
                    4. ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและอารมณ์ รูปทรง สีสันของยางกัด จะกระตุ้นสร้างความสนใจ ค่อย ๆ เกิดการเรียนรู้เรื่องสี ขนาด รูปทรง ผิวสัมผัส
                    5. ช่วยเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมือ(กล้ามเนื้อมัดเล็ก)ให้แข็งแรง ในการหยิบ จับยางกัด

                    ยางกัด ต้องทำความสะอาด เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพลูกน้อย

                     ยางกัด เป็นอุปกรณ์ของเล่นที่ต้องทำความสะอาดทุกวันนะคะ เวลาที่ลูกเอาเข้าปากจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเชื้อโรค แบคทีเรียปะปนติดเข้าไปในร่างกาย วิธีทำความสะอาดยางกัด ไม่มีอะไรยุ่งยากค่ะ

                    • แช่ยางกัดในนมอุ่นที่ผสมน้ำยาล้างขวดนม 10 นาที
                    • ล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง
                    • เสร็จแล้วเช็ดตากให้แห้ง เก็บใส่กล่อง หรือถุงซิปล็อก เวลาจะให้ลูกใช้ยางกัดค่อยนำออกมาค่ะ  สำหรับยางกัดหลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว สามารถเก็บใส่ตู้เย็นได้นะคะ  หมายเหตุ : สามารถดูคำแนะนำในการทำความสะอาด และการจัดเก็บตามด้านข้างกล่องผลิตภัณฑ์

                    ข้อแนะนำก่อนซื้อ …ยางกัด ให้ลูกกัดบรรเทาลดปวดเหงือก

                    1. ควรเลือกซื้อยางกัดคุณภาพดี มีฉลาก ตรายี่ห้อ
                    2. ยางกัดต้องได้มาตรฐานคุณภาพดี วัตดุที่ใช้ต้องปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายทุกชนิด

                    10 ไอเทม ยางกัด ยี่ห้อไหนดี ช่วยเหงือกลูกน้อย ไม่คัน ไม่ปวด

                    Mombella ยางกัดรูปช้าง
                    เครดิตภาพ : chubbykids

                    1. Mombella ยางกัดรูปช้าง

                    สำหรับเด็กอายุ : 3 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนฟู้ดส์เกรดคุณภาพสูง

                    ปราศจากสารเคมี : BPA free, 6P free, toxic free และปราศจากสารตะกั่ว ได้รับการรับรองจาก FDA (อเมริกา) และ มอก.

                    ราคา : 259 บาท SHOP NOW คลิก >> chubbykids

                     

                    Pepper's Home ยางกัดแปรงกระบองเพชร

                    2. Pepper’s Home ยางกัดแปรงกระบองเพชร

                    สำหรับเด็กอายุ : 3 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนเกรดอาหารคุณภาพสูง วัสดุนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา

                    ปราศจากสารเคมี : BPA , Phthalate Free การันตีคุณภาพจากหลายสถาบัน เช่น  ASTM, CPSC และ U.S. FDA

                    ราคา : 490 บาท SHOP NOW คลิก >> Amvata

                     

                    Chicco ยางกัดอ่อนนุ่ม

                    3. Chicco ยางกัดอ่อนนุ่ม Fresh Relax Teether 4M+ 1PC

                    สำหรับเด็กอายุ : 4 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ :

                    ปราศจากสารเคมี : BPA Free

                    ราคา : 245 บาท SHOP NOW คลิก >>  kiddopacific

                    Gracekids ยางกัดใสน้ำ

                    4. Gracekids ยางกัดใสน้ำ

                    สำหรับเด็กอายุ : 4 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ :

                    ปราศจากสารเคมี : ไม่มีสารก่อให้เกิดมะเร็ง BPA Free และน้ำในยางกัดเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ ไม่มีสีผสม

                    ราคา : 85 บาท SHOP NOW คลิก >>  Amvata

                    Fun Zone ยางกัดซิลิโคน

                    5. Fun Zone ยางกัดซิลิโคน

                    สำหรับเด็กอายุ : 4 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนฟู้ดเกรด

                    ปราศจากสารเคมี : ปลอดกลิ่น และสารพิษ

                    ราคา : 290 บาท SHOP NOW คลิก >>  Amvata

                    BAYBEE ยางกัดน้ำ

                    6. BAYBEE ยางกัดน้ำ

                    สำหรับเด็กอายุ : 4 – 6เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ฟู้ดเกรด

                    ปราศจากสารเคมี : BPA Free

                    ราคา : 85 บาท SHOP NOW คลิก >>  Amvata

                    Papa Baby Gum Soother
                    เครดิตภาพ : Kidsza

                    7. Papa Baby Gum Soother

                    สำหรับเด็กอายุ : 6 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ยางสังเคราะห์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อทารก และน้ำในยางเป็นบริสุทธิ์ไม่ผสมสี

                    ปราศจากสารเคมี :  ปลอดสารพิษ BPA Free

                    ราคา : 39 บาท SHOP NOW คลิก >>  kidsza

                    Sophie La Girafe Teether
                    เครดิตภาพ : My-Best

                    8. Sophie La Girafe Teether

                    สำหรับเด็กอายุ : แรกเกิด – 2 ปี

                    วัสดุ : ยางธรรมชาติ สีผสมอาหาร

                    ปราศจากสารเคมี :  BPA, Phthalate Free

                    ราคา : 1,150 บาท SHOP NOW คลิก >>  central

                    Playgro ยางกัด
                    เครดิตภาพ : bestreview

                    9. Playgro ยางกัด

                    สำหรับเด็กอายุ : 3 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ :

                    ปราศจากสารเคมี :  BPA  Free / Non – Toxic

                    ราคา : 116 บาท SHOP NOW คลิก >>  SHOPEE

                    Richell ยางกัด
                    เครดิตภาพ : bestreview

                    10. Richell ยางกัด

                    สำหรับเด็กอายุ : 3 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนเกรดอาหารที่ปลอดภัยสำหรับทารก

                    ปราศจากสารเคมี :  BPA Free

                    ราคา : 312 บาท SHOP NOW คลิก >>  SHOPEE

                    KidsMe Icy Teether ยางกัดพร้อมฝาครอบ
                    เครดิตภาพ : bestreview

                    11. KidsMe Icy Teether ยางกัดพร้อมฝาครอบ

                    สำหรับเด็กอายุ : 9 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนนิ่มเกรดคุณภาพปลอดภัยกับเด็ก

                    ปราศจากสารเคมี :  BPA Free

                    ราคา : 320 บาท SHOP NOW คลิก >>  Lazada

                    Ange ยางกัดองุ่น 3D
                    เครดิตภาพ : bestreview

                    12. Ange ยางกัดองุ่น 3D

                    สำหรับเด็กอายุ : 3 เดือนขึ้นไป

                    วัสดุ : ซิลิโคนเกรดอาหาร

                    ปราศจากสารเคมี :  ปราศจากสารตะกั่ว BPA , PVC , phthalates Free

                    ราคา : 650 บาท SHOP NOW คลิก >>  Lazada

                    ในช่วงวัยที่ฟันลูกน้อยเริ่มขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการของลูกน้อยกันด้วยนะคะ  ดูแลอย่าให้ลูกทรมานกับอาการคันเหงือก ปวดเหงือก แนะนำให้หาซื้อเตรียมอุปกรณ์ของเล่น “ยางกัด” ดีไซน์น่ารัก คุณภาพดี ติดบ้านไว้เลยค่ะ 

                     

                    อ่านบทความเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คลิก >>

                    รวม 14 ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดี กลิ่นหอมน่าใช้ แปรงฟันสะอาด พร้อมวิธีเลือกซื้อยาสีฟัน

                    รวม 15 จักรยานขาไถ ช่วยฝึกทักษะการทรงตัวเด็กเล็ก ยี่ห้อไหนดี

                     

                      Tags

                      ช่วยเด็กจมน้ำ

                      เตือน! ช่วยเด็กจมน้ำ อย่าอุ้มพาดบ่า พร้อมแนะวิธีที่ถูกต้อง

                      เด็กจมน้ำ ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามเด็ก ๆ สามารถเกิดได้ทั้งที่บ้านและนอกบ้าน หากมีเด็กจมน้ำ กรมควบคุมโรค เตือนว่า ห้าม ช่วยเด็กจมน้ำ ด้วยวิธีด้วยวิธีอุ้มพาดบ่า

                      สถิติเด็กจมน้ำ

                      จากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555-2564) มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิต 7,374 ราย เฉลี่ยปีละ 737 ราย หรือวันละ 2 ราย โดยเฉพาะปี 2564 มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จมน้ำเสียชีวิต ถึง 219 ราย คิดเป็นร้อยละ 33.3 ของการจมน้ำเสียชีวิตในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และเป็นกลุ่มเด็กที่มีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำต่อประชากรเด็กแสนคนสูงที่สุด เท่ากับร้อยละ 6.9

                      นอกจากนี้ จากข้อมูลระบบรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำ ของกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ที่ได้เฝ้าระวังเหตุการณ์ตกน้ำ จมน้ำของเด็ก ในปี 2564 จำนวน 232 เหตุการณ์ พบว่าขณะเด็กจมน้ำ เด็กอยู่กับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กถึง ร้อยละ 35.9 ซึ่งส่วนใหญ่ในขณะนั้นผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กกำลังประกอบอาชีพ (ร้อยละ 50) และหลังจากช่วยเด็กขึ้นมาจากน้ำแล้วมีการปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่ผิดวิธีด้วยการอุ้มพาดบ่ามากถึงร้อยละ 27.6

                      เตือน! ช่วยเด็กจมน้ำ อย่าอุ้มพาดบ่า พร้อมแนะวิธีที่ถูกต้อง

                      นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการ ช่วยเด็กจมน้ำ ด้วยวิธีด้วยการอุ้มพาดบ่า ว่า  เป็นวิธีที่ผิด เมื่อช่วยเด็กจมน้ำขึ้นมาแล้ว อย่าพยายามเอาน้ำออกจากท้อง โดยการอุ้มพาดบ่าแล้วกระแทก หรือกดท้อง เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียเนื่องจากเด็กจะอาเจียนและอาจสำลักน้ำ มีผลทำให้ขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้น

                      วิธี ช่วยเด็กจมน้ำ ให้ขึ้นจากน้ำ

                      สำหรับการดำเนินการช่วยเหลือเด็กจมน้ำให้ปฏิบัติ ดังนี้

                      1. ยื่น ยื่นอุปกรณ์ให้ลูกจับ เช่น เสื้อผ้า เข็มขัด ท่อนไม้ ห่วง หรือไม้ตะขอ ใช้ในกรณีที่ระยะห่างระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับลูกอยู่ไม่ไกลกันนัก
                      2. โยน โยนอุปกรณ์ให้ลูกยึดเกาะได้ เช่น อุปกรณ์อย่างห่วงยาง ถังพลาสติก ห่วงชูชีพ ยางในรถยนต์ วิธีนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถยืนอยู่บนฝั่งหรือน้ำตื้นได้ ลดความเสี่ยงตกน้ำไปด้วย จะมีความปลอดภัยต่อคุณพ่อคุณแม่ด้วย
                      3. พาย การใช้เรือหรือพาหนะออกไปช่วยเหลือเด็กตกน้ำ พาหนะที่ใช้นั้นควรมีขนาดใหญ่พอสมควร ลอยน้ำได้ ไม่ชำรุด ซึ่งและควรจะนำอุปกรณ์ประเภทยื่นหรือใช้โยนติดตัวไปด้วย เมื่อเข้าใกล้เด็กแล้ว จะได้ส่งอุปกรณ์เหล่านี้ไปช่วยเหลือได้ทัน ลดความเสี่ยงจะตกน้ำไปด้วย
                      4. ลากพา หากจำเป็นต้องลุยน้ำออกไปช่วย จึงจะใช้วิธีลากพาเอาลูกกลับมาขึ้นฝั่ง โดยควรคำนึงถึงระดับน้ำ ความรุนแรงของน้ำ สถานที่ ปัจจัยแวดล้อม เช่น ต้องไม่ใช่แม่น้ำที่ลึกมาก กระแสน้ำแรง หรือคลื่นทะเลที่รุนแรงเกินไป และคุณพ่อคุณแม่ก็ควรต้องนำอุปกรณ์ช่วยเหลือติดตัวไปด้วย เช่น เชือก ห่วงยาง โฟม หรือใส่เสื้อชูชีพ เพื่อจะโยนให้ลูกยึดเกาะ จากนั้นเราจึงลากลูกเข้าฝั่ง

                      ควรจะทิ้งระยะห่างระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับเด็กตกน้ำประมาณ 2-3 เมตร เพราะเด็กที่ตกน้ำอาจตื่นตระหนก เกาะตัวคุณพ่อคุณแม่ไว้แน่น ซึ่งอาจพากันจมน้ำ ยกเว้นเด็กมีสติ ไม่ตื่นตระหนก สามารถว่ายน้ำได้บ้าง ก็สามารถเข้าถึงตัวเด็กได้ และลากพาเขาขึ้นมาที่ฝั่งได้ด้วยการดึงคอเสื้อ เกี่ยวคอ หรือดึงรักแร้ข้างเดียว เป็นต้น

                      วิธีปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำ

                      1. โทรศัพท์แจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ ที่หมายเลข 1669 หรือหน่วยพยาบาลใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด
                      2. จับลูกบนพื้นราบ แห้ง และแข็ง พร้อมตรวจดูว่าลูกรู้สึกตัวหรือไม่ หากรู้สึกตัวให้เช็ดตัวให้แห้ง ห่มผ้าเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และนำส่งโรงพยาบาล
                      3. หากไม่รู้สึกตัว ให้ช่วยหายใจ โดยการทำ cpr ปั๊มหัวใจโดยเริ่มกดตรงจุดตัดหัวนมกลางหน้าอก 30 ครั้ง ด้วยความเร็ว 100 – 120 ครั้ง/นาที และลึกประมาณ 5 เซนติเมตร หรือกดให้ยุบประมาณ 1 ใน 3 ของความหนาของหน้าอก สลับกับการเป่าปาก 2 ครั้ง โดยการเชยคางขึ้น บีบจมูก กดหน้าผาก และเอาปากประกบปากให้สนิท ตาดูที่หน้าอกว่าขยายหรือไม่ ถ้าเห็นอกไม่ขยาย ให้ปล่อยมือที่บีบจมูกไว้ จากนั้นเป่าลมเข้าไปใหม่ ทำซ้ำประมาณ 20 ครั้งต่อ 1 นาที ทำสลับกันไปจนกว่าลูกจะรู้สึกตัวและหายใจได้เอง หรือจนกว่ารถทีมแพทย์กู้ชีพจะมาถึง และนำส่งโรงพยาบาลทันที

                      วิดีโอวิธีการปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำ 

                      ทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้จัดทำวิดีโอเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กจมน้ำเบื้องต้นไว้ สามารถดูและปฏิบัติตามได้หากเจอเหตุไม่คาดฝันค่ะ

                      เด็กจมน้ำนับว่าเป็นภัยเงียบที่มีความรุนแรงและมีแนวโน้มเกิดได้ง่ายนะคะ หากุณพ่อคุณแม่พลาดสายตาจากลูกเพียงเสี้ยววินาที ลูกอาจจมน้ำได้ และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมพร้อมเรียนรู้วิธีช่วยลูกเมื่อจมน้ำ รวมทั้งศึกษาวิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกจมน้ำไว้ด้วยนะคะ

                       

                      ขอบคุณข้อมูลจาก

                      ช่อง 7 HD , pooltech

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                      อุทาหรณ์ เด็กจมน้ำ อุบัติเหตุอันดับต้น ๆ ที่เกิดกับลูกหลาน

                      โชคดีพ่อทำเป็น! ปั๊มหัวใจ ลูกชาย 3 ขวบจมน้ำ รอดหวุดหวิด!

                      พาลูกเรียนว่ายน้ำที่ไหนดี 10 โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก ฝึกทักษะเอาตัวรอด ป้องกันลูกจมน้ำ

                        อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก

                        เช็กเลย! อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ต่างกันอย่างไร

                        แม้จะผ่านมามากกว่า 2 ปีแล้ว แต่การระบาดของโรคโควิด 19 ก็ยังไม่น้อยลงไปเลย โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ที่ระบาดง่าย ติดง่าย จนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแม้จะมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นแล้วก็ตาม นอกจากต้องระวังโควิดแล้ว ล่าสุด ไข้หวัดใหญ่กับไข้เลือดออก ก็กำลังระบาดและมีแนวโน้มว่าจำนวนเด็กป่วยจะมากขึ้นทุกวัน แล้วถ้าลูกเราป่วยขึ้นมาเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าลุกเราป่วยเป็นอะไรกันแน่ เราจะมีวิธีการสังเกต อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ว่าเป็นอย่างไร และต่างกัน อย่างไร ทีมแม่ ABK ชวนเช็คอาการของโรคทั้ง 3 ค่ะ

                        อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ต่างกันอย่างไร

                        อาการโควิด 19 โอมิครอน

                        ตอนนี้โควิดสายพันธุ์โอมิครอน กำลังระบาดหนัก จนทำให้มียอดผู้ติดเชื้อต่อวัน ถึงหลักหมื่นราย พบว่า ผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ โดยอาการที่พบบ่อย เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่

                        • มีไข้
                        • ไอ เจ็บคอ
                        • ปวดกล้ามเนื้อ
                        • มีน้ำมูก
                        • ปวดศีรษะ
                        • หายใจลำบาก
                        • ได้กลิ่นลดลง

                        โดยส่วนมากแล้ว การติดเชื้อโควิดโอมิครอน จะเป็นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ได้ลงปอด จึงทำให้อาจพบเจอผู้ป่วยเหล่านี้ ปะปนกับคนทั่วไป ในที่สาธารณะได้ง่าย แม้จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว ก็ยังสามารถติดเชื้อได้ แต่ก็ช่วยลดความรุนแรงของอาการลงไปได้มาก ดังนั้น จึงควรป้องกันตนเอง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น โดยไม่ควรเป็นหน้ากากผ้าเพียงอย่างเดียว เพราะป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าหาเราไม่ได้ ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เพื่อเสริมการป้องกัน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

                        อาการโรคไข้หวัดใหญ่

                        โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อ ไวรัสอินฟลูเอนซา เป็นเชื้อที่พบมานานแล้ว ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ในส่วนของจมูก ลำคอ และปอด อาการเบื้องต้นคล้าย ไข้หวัดธรรมดา มีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอหรือจาม แต่มีความรุนแรง และมีโอกาสพัฒนาสู่ภาวะแทรกซ้อน ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบ ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วไป อาการทั่วไปคล้ายกับโควิดค่อนข้างมาก ในระยะเริ่มต้น ของอาการป่วยลักษณะนี้ เวลาที่ไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการส่งตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่ก่อนอันดับแรก เพื่อตัดประเด็นความคล้ายคลึงกันของอาการออกไป

                        • มีไข้สูงเกิน 38 องศาฯ
                        • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
                        • ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หนาวสั่น
                        • เบื่ออาหาร
                        • คัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ ไอแห้ง ๆ
                        • บางราย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

                        โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถป้องกันได้ด้วยการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ในเด็กสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถฉีดได้ เพื่อป้องกันลูกน้อยที่เพิ่งคลอด และยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีนได้

                        อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก
                        อาการโรคไข้เลือดออก

                        อาการโรคไข้เลือดออก

                        สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทำให้คนอยู่ดูแลบ้าน จึงกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายไปได้มากขึ้น การระบาดของโรค จึงเงียบหายไป 2 ปี แต่ปีนี้ โรคไข้เลือดออก กลับมาระบาดอีกครั้ง เพราะคนเริ่มออกจากบ้าน จนการป้องกันลดลง โรคไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยยุงลายที่ดูดเลือดของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเดงกี่ จะแพร่เชื้อเข้าสู่ร่างกายผู้ที่ถูกยุงกัดคนต่อไป ไข้เลือดออก เป็นหนึ่งในโรคที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นโรคที่ควรเฝ้าระวัง อาการของไข้เลือดออก สามารถสังเกตได้ ดังนี้

                        • มีไข้สูงแบบเฉียบพลัน และต่อเนื่องเป็นเวลา 2-7 วัน
                        • ปวดศีรษะ
                        • ปวดเมื่อยตามตัว
                        • ส่วนใหญ่มีอาการหน้าแดง
                        • อาจมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา
                        • ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก
                        • มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
                        • ปวดท้องและเบื่ออาหาร

                        โดยทั่วไป ผู้ป่วยไข้เลือดออก จะมีไข้สูงมาก และปวดหัวรุนแรง เบื้องต้นจึงใช้ยาระงับอาการ เช่น พาราเซตามอล แก้ปวด และลดไข้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ยาแอสไพริน ซึ่งจะมีผลต่อเซลล์เม็ดเลือด อาจกระทบต่อภาวะที่มีเลือดออก ซึ่งทำให้อาการแย่ลง หากพบว่ามีอาการไข้ลดลง อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะอาจเกิดภาวะช็อก จนกระทั่งเสียชีวิตได้ หรือถ้ามีไข้สูงต่อเนื่องกว่า 2 วัน แม้จะเช็ดตัว หรือทานยาลดไข้แล้วก็ไม่ดีขึ้น ให้สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกไว้ก่อน แล้วควรนำส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจอาการและรักษาได้ทันเวลาค่ะ

                        ตารางเปรียบเทียบอาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ต่างกันอย่างไร

                        อาการ โอมิรอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก

                        ขอบคุณภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์

                        แม้อาการของทั้ง 3 โรค จะแตกต่างกัน แต่หากเรารู้ข้อมูลเหล่านี้ ก็จะมีจุดสังเกตุ ที่ช่วยให้เราแยกแยะได้ดีขึ้น แต่หากไม่มั่นใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องนะคะคุณแม่

                         

                        ขอบคุณข้อมูลจาก
                        pobpad, ไทยรัฐออนไลน์, kbkclinic

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                        ระวัง ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก หวั่นระบาดซ้อนโควิด

                        หมอธีระ แนะ เด็กติดโอไมครอน ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

                        เป็นไข้เลือดออก ได้กี่ครั้ง ซ้ำรอบสองทำไมรุนแรงกว่ารอบแรก

                         

                          นมแพะ

                          นมแพะ ดื่มดีมีประโยชน์ต่อเด็ก จริงหรือ?

                          นมแพะ กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในขณะนี้ ผู้ปกครองส่วนหนึ่งก็หันมาให้ลูกดื่มนมแพะแทนนมวัวกันมากขึ้น เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

                          นมแพะ ดื่มดีมีประโยชน์ต่อเด็ก จริงหรือ?

                          มาดูกันว่า นมแพะ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบระหว่างนมแพะ และนมวัว มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณาว่าควรให้ลูกได้หันมาดื่มนมแพะกันดีหรือไม่ ได้คุณค่าโภชนาการคุ้มค่ากับราคาที่สูงกว่านมวัวไหม

                          เปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการระหว่าง นมแพะและนมวัว

                          ปริมาณน้ำนม 1 แก้ว (8 ออนซ์)นมแพะนมวัว
                          แคลอรี่17090 – 150
                          โปรตีน9 กรัม8 กรัม
                          ไขมัน10 กรัม0 – 8 กรัม
                          คาร์โบไฮเดรต11 กรัม12 กรัม
                          แลคโตส11 กรัม12 กรัม
                          แคลเซียม330 มิลลิกรัม275 มิลลิกรัม

                          คุณค่าสารอาหาร

                          นมแพะ มีคุณค่าสารอาหารมากมาย มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ใกล้เคียงกับนมวัว โดยมีแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 3 ทองแดง โพแทสเซียม และซิลิเนียมมากกว่าเล็กน้อย

                          แต่ทั้งนี้สิ่งที่นมแพะมีอยู่น้อยกว่านมวัวมากคือ วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก

                          โปรตีนในนมต่อการย่อย

                          ในกระเพาะอาหารของคนเราจะมีกรดอยู่ ซึ่งเมื่อรวมตัวกับโปรตีนในน้ำนมจะเกิดเป็นลิ่มน้ำนม แต่ลิ่มน้ำนมที่เกิดจากนมแพะนั้นจะมีความอ่อนนุ่มกว่าลิ่มน้ำนมที่เกิดจากนมวัว จึงทำให้ย่อยได้ง่ายกว่า ด้วยเหตุนี้แพทย์บางคนจึงแนะนำคนไข้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะอาหารดื่มนมแพะแทนนมวัว

                          ทั้งนี้เด็กที่มีอาการแพ้นมวัว ซึ่งเกิดจากการแพ้โปรตีนที่อยู่ในนมวัวอย่าง แอลฟา-แล็กทาลบูมิน (Alpha lactalbumin) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้โปรตีนในน้ำนม ในขณะที่น้ำนมแพะไม่มีโปรตีนชนิดนี้  หรือเด็กที่แพ้นมวัวซึ่งเกิดมาจากการแพ้น้ำเหลืองนมวัว (Bivine Serum) ซึ่งจะเกิดอาการแพ้เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมวัว ในทั้งสองกรณีนี้เด็กอาจสามารถบริโภคนมแพะทดแทนได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

                          นมแพะมีไขมันที่ย่อยง่ายกว่านมวัว

                          อนุภาคเม็ดไขมันของนมแพะมีกรดไขมันสายปานกลาง และสายสั้นในสัดส่วนที่สูงกว่านมวัว ซึ่งจะช่วยให้เอนไซม์ในระบบย่อยอาหารย่อยไขมันเหล่านี้ได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและกระบวนการย่อยทำได้ดีกว่าการดื่มนมวัว

                          นมแพะมีแลคโตสน้อยกว่านมวัว

                          การแพ้แลคโตสเกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ การแพ้แลคโตส (Lactose Intolerance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ เนื่องจากร่างกายขาดเอนไซม์แลคเตส (Lactase) ที่จะย่อยแลคโตสในลำไส้เล็ก ทั้งนี้แลคโตส คือ น้ำตาลที่พบในนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม คนที่แพ้แลคโตสจะมีอาการหลังจากดื่มนม ดังนี้ ท้องอืด ท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะ ปวดท้อง วิงเวียนศีรษะ ร่วมกับอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร

                          เนื่องจากนมแพะมีปริมาณแลคโตสน้อยกว่านมวัว จึงเป็นผลดีกว่าเล็กน้อยในเด็กที่มีภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมผิดปกติ

                          ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบคุณประโยชน์ และความเสี่ยงต่ออาการแพ้นมวัวและนมแพะแล้วนั้น  ปรากฏว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก สำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือเด็กที่สามารถดื่มได้ทั้งนมแพะและนมวัวโดยไม่มีอาการแพ้ การดื่มนมวัวอาจเป็นทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวเพราะมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่า

                          แต่ทั้งนี้ สำหรับสำหรับผู้บริโภคหรือเด็กที่มีอาการแพ้แลคโตสอย่างรุนแรง หรือหากพบอาการปวดท้อง ท้องอีด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร หลังจากดื่มนมแพะ ควรหลีกเลี่ยงและปรึกษาคุณหมอ

                          นมแพะ
                          นมแพะ

                          คุณประโยชน์ของนมแพะ

                          • มีผลดีต่อระบบย่อยอาหาร

                          นมแพะ มีชนิดของไขมันและโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่านมวัว ช่วยให้ย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่า มีผลดีต่อผู้ป่วยทางเดินอาหารบางชนิด จากการศึกษาทดลองชิ้นหนึ่งถึงคุณประโยชน์ของนมแพะต่อระบบย่อยอาหาร โดยให้ลูกหมูเพิ่งหย่านมดื่มนมแพะพาสเจอร์ไรส์ที่มีไลโซไซม์ ซึ่งเป็นเอนไซม์ในร่างกายมนุษย์ ทำหน้าที่ต้านเชื้อแบคทีเรีย ผลการทดลองพบว่า ลูกหมูมีระบบการย่อยอาหารที่ดีขึ้น และยังมีสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. Coli) ในลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน และถ่ายเป็นเลือดอีกด้วย จึงมีการคาดการณ์ว่า หากให้เด็กดื่มนมแพะอาจได้ผลลัพธ์เดียวกันกับการทดลองในครั้งนี้

                          นอกจากการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไลแล้ว ยังมีงานวิจัยในหลอดทดลองอีกชิ้นหนึ่ง ได้ค้นพบว่านมแพะมีคุณประโยชน์ในการช่วยซ่อมแซมความเสียหาย และส่งเสริมการทำงานของเซลล์ของผนังทางเดินอาหารหลังจากเกิดการติดเชื้ออีโคไล โดยมีเอนไซม์ไลโซไซม์เป็นปัจจัยสำคัญ โดยหากนมแพะมีเอนไซม์ไลโซไซม์ยิ่งมากก็จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้น หากต่อไปมีการทดลองในคน และได้ผลลัพธ์เหมือนการวิจัยในหลอดทดลองนี้ อาจมีการพัฒนานมแพะให้สามารถป้องกันและรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไลในลำไส้ได้ต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทารกหรือเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงกับเชื้อแบคทีเรียนี้เป็นพิเศษ

                          ควรป้องกันการติดเชื้ออีโคไลในระบบย่อยอาหารด้วยการล้างมือเป็นประจำก่อนการปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ และหลังจากสัมผัสสัตว์ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาดถูกสุขอนามัย ไม่นำอุปกรณ์ทำครัวและภาชนะที่สัมผัสกับเนื้อดิบมาใช้กับผักผลไม้หรืออาหารที่ปรุงสุกแล้ว ควรดื่มนมและน้ำผลไม้ที่ผ่านการพาสเจอไรซ์

                          • ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก

                          มีการกล่าวกันว่า การให้ลูกดื่มนมแพะจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านสมอง แต่การศึกษาวิจัยเพื่อพิสูจน์คำกล่าวนี้ยังมีอยู่น้อย มีเพียงงานวิจัยในหนูทดลองที่เพิ่งหย่านมแม่ โดยแบ่งกลุ่มให้กลุ่มนึงดื่มนมสำหรับทารกสูตรนมวัว อีกกลุ่มนึงดื่มสูตรนมแพะ โดยมีความเข้มข้นระดับต่างๆ ผลการวิจัยพบว่า หนูกลุ่มที่ดื่มสูตรนมแพะ มีการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูกรวดเร็วกว่า โดยไม่ส่งผลให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและการเรียนรู้มากกว่า รวมทั้งมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การดื่มนมแพะ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กจริงหรือไม่นั้น ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้

                          • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

                          มีการแนะนำว่า นมแพะอาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อันเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ กันไป โดยอาการของโรคนี้มีได้ตั้งแต่ระดับไม่รุนแรงไปจนถึงขั้นรุนแรงจนส่งผลถึงชีวิต และแม้แต่อาการในระดับไม่รุนแรง เช่น จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา น้ำตาไหล มีผื่นขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้ไม่น้อย

                          คำกล่าวนี้จะจริงหรือไม่ ยังต้องมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมอีกมาก เนื่องจากงานวิจัยเรื่องนี้มีน้อยและไม่ได้ทำการวิจัยกับคน ทั้งนี้ มีงานวิจัยในหลอดทดลองชิ้นหนึ่งที่น่าจะเป็นแนวทางให้เกิดการศึกษาอย่างน่าเชื่อถือ และรัดกุมในขั้นต่อไปในอนาคต ชี้ว่านมแพะ อาจมีส่วนช่วยระบบภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อภายนอก และลดการเกิดสารก่อภูมิแพ้ ทั้งในด่านแรกที่ร่างกายเผชิญสารก่อภูมิแพ้ และเมื่อเริ่มเกิดการผลิตสารภูมิต้านทาน หรือแอนติบอดีออกมาหลังจดจำสารก่อภูมิแพ้ดังกล่าวได้ ซึ่งประสิทธิภาพข้อนี้จะช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับอาการแพ้ได้ดียิ่งขึ้น

                          • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล

                          นมแพะมีกรดไขมันสายกลาง (Medium chain fatty acid) อยู่สูง ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้มักให้พลังงานที่ส่งเสริมการลดระดับของคอเลสเตอรอลได้ เพราะถ้าหากมีระดับของคอเลสเตอรอลลดลง หรืออยู่ในระดับคงที่พอดี ก็อาจเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย

                          • ช่วยเสริมสร้างกระดูก

                          นมแพะ มีตัวเลขโภชนาการของ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ที่สูงกว่านมวัว ซึ่งสารอาหารนี้อาจเข้าไปช่วยเสริมสร้าง และบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน หรือกระดูกเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ ยังอาจช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และภาวะขาดสารอาหารได้ด้วย

                          • ช่วยบำรุงผิวพรรณ

                          นมแพะ อุดมไปด้วยวิตามินเอ และมีระดับค่า pH ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับร่างกายของมนุษย์ จึงทำให้ระบบต่างๆ ภายในดูดซึมได้ดี ทำให้ผิวพรรณดูเรียบเนียน และยังช่วยให้ห่างไกลจากการเป็นสิวได้อีกด้วย ในปัจจุบันนี้ นอกจากการบริโภคแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่นำ นมแพะ ไปแปรรูปอีกหลายหลาย เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ โลชั่น ครีมทาหน้า เป็นต้น

                          ชีสนมแพะ
                          ชีสนมแพะ

                          ชีสนมแพะ (Goat Cheese)

                          ชีส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม อาจทำมาจากนมวัวหรือนมแพะก็ได้ น้ำนมที่นำมาทำนั้น จะถูกนำมาผ่านกระบวนการแยกโปรตีนออกจากน้ำนม เพื่อให้น้ำนมมีความเข้มข้นมากขึ้น จากนั้นนำไปหมักกับยีสต์ เชื้อรา หรือแบคทีเรียชนิดดี จนกระทั่งเกิดการแข็งตัว

                          ชีสนมแพะ นั้นก็ทำมาจากนมแพะ โดยผ่านกระบวนการชีสตามปกติ จะมีหลายรสชาติ มีแบบนุ่ม แบบเนื้อร่วน หรือแบบรสเค็ม นอกจากนี้ยังเป็นชีสที่ให้คุณค่าสารอาหารสูง ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้แลคโตส หรือแพ้น้ำเหลืองนมวัว ยังอาจสามารถบริโภคชีสนมแพะทดแทนชีสที่ทำจากนมวัวได้ด้วย

                          คุณประโยชน์ของ ชีสนมแพะ

                          • เป็นแหล่งสารอาหาร

                          ชีสนมแพะ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารสำคัญคือ กรดไขมันดี อย่าง กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดอะมิโน และยังมีโปรตีนสูง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับชีสนมที่ทำจากนมวัวแล้ว ชีสนมแพะมีปริมาณโปรตีนมากกว่าชีสที่ทำจากนมวัว

                          กรดไขมันดีในชีสนมแพะ มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ให้พลังงานแก่ร่างกายและสมอง ดีต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ รวมถึงโรคเรื้อรังชนิดต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ชีสนมแพะยังให้แร่ธาตุและสารอาหารสำคัญต่อร่างกายอื่นๆ อีก ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สังกะสี ซีลีเนียม ธาตุทองแดง และธาตุเหล็ก

                          • มีผลดีต่อระบบย่อยอาหาร

                          ชีสนมแพะ อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโพรไบโอติก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ชั้นดีในลำไส้ ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ช่วยลดปัญหาท้องผูกได้ดี

                          • ให้พลังงานแก่ร่างกาย

                          ชีสนมแพะให้ความรู้สึกอิ่มและให้พลังงานแก่ร่างกายได้มากกว่าชีสที่ทำมาจากนมวัว เนื่องจากชีสนมแพะอุดมไปด้วยกรดไขมันที่มีประโยชน์ ทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดอะมิโน กรดไขมันสายสั้น กรดไขมันสายกลาง กรดคาพริก (Capric acid) และกรดคาไพรลิก (caprylic acid) กรดไขมันเหล่านี้จะถูกร่างกายย่อยอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกอิ่มได้มากขึ้น และไม่ทำให้รู้สึกหิวบ่อย

                          • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

                          ชีสนมแพะอุดมไปด้วยสารอาหารจำพวกกรดไขมันที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง

                          นมแพะนั้นอุดมด้วยสารอาหารมากมาย และยังมีประโยชน์หลายด้าน แต่มีราคาค่อนข้างสูงหากเปรียบเทียบกับนมวัว อย่างไรก็ตาม หวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับนมแพะที่ ทีมแม่ ABK รวบรวมมาในบทความนี้คงมีประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสนใจอยากให้ลูกดื่มนมแพะกันอยู่นะคะ

                          อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                          นมพาสเจอร์ไรส์ นมUHT นมสเตอริไลส์ ลูกกินแบบไหนดี?

                          7 เมนูไข่ง่าย ๆ ทำกินได้บ่อย ทั้งอร่อยและมีประโยชน์!!

                          14 อาหาร เสริมภูมิคุ้มกันลูก ช่วยให้ลูกไม่ป่วยง่าย!

                          หมอชี้!!ลูกขาด วิตามินซี อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงเดินไม่ได้

                          ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.pobpad.com, https://hellokhunmor.com

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          Amarin Baby & Kids

                            LGBTQ สมรสเท่าเทียม

                            LGBTQ มีเฮ!ใบรับการแจ้งชีวิตคู่แจ้งจดความรักไม่แยกเพศ

                            LGBTQ มีลุ้น มีเฮ หากอยากแจ้งจดสัญญารัก วันนี้สามารถจดใบรับการแจ้งชีวิตคู่สำหรับคู่รักหลากหลายเพศได้แล้ว มีเงื่อนไข เตรียมตัวอย่างไรควงแขนคู่คุณแล้วไปกันเลย

                            LGBTQ มีเฮ! ใบรับการแจ้งชีวิตคู่ แจ้งจดความรักไม่แยกเพศ

                            ทะเบียนสมรส สัญญารักที่คู่รักมาร่วมกันแจ้งจดเพื่อให้ชีวิตคู่สมบูรณ์ขึ้น สำหรับกฎหมายของประเทศไทยยังคงจำกัดอยู่แค่เพศชาย เพศหญิงเท่านั้น แต่ในโลกปัจจุบันต้องยอมรับว่า สังคมได้เปิดกว้างมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเริ่มยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ความรักก็เช่นกัน

                            LGBTQคืออะไร

                            กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือLGBTQ

                            • L – Lesbian กลุ่มผู้หญิงรักผู้หญิง
                            • G – Gay กลุ่มชายรักชาย
                            • B – Bisexual หรือกลุ่มที่รักได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
                            • T – Transgender คือกลุ่มคนข้ามเพศ จากเพศชายเป็นเพศหญิง หรือเพศหญิงเป็นเพศชาย
                            • Q – Queer คือ กลุ่มคนที่พึงพอใจต่อเพศใดเพศหนึ่ง โดยไม่ได้จำกัดในเรื่องเพศ และความรัก

                              LGBTQ ความรักไม่แบ่งเพศ
                              LGBTQ ความรักไม่แบ่งเพศ

                            องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ หรือ ICD ฉบับล่าสุด โดยย้ายหัวข้อ ‘การมีเพศสภาพไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิด’ ออกจากหมวดความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรม และย้ายไปอยู่ในหมวด ‘กรณีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทางเพศ’ เพราะการมีเพศสภาพไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิดนั้นไม่ถือว่าเป็นอาการป่วยทางจิต

                            เมื่อความรักไม่จำกัดเพศ สมรสเท่าเทียมจึงควรมี!!

                            วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา พรบ.สมรสเท่าเทียม หรือ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่ปี 2563 มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับร่างสมรสเท่าเทียม ที่ภาคประชาชนออกมารณรงค์เมื่อปลายปี 2564 โดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายนำเสนอว่า

                            “เนื่องจากบทบัญญัติในประมวลแพ่งและพาณิชย์หลายมาตราขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 27 วรรคสาม ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุความแตกต่างเรื่องเพศ จึงเสนอให้มีการแก้ไขดังนี้

                            1.แก้ไขให้ชายหญิงหรือบุคคลสองคน ซึ่งเป็นเพศเดียวกันสามารถหมั้น สมรสกันได้ตามกฎหมาย

                            2.แก้ไขเพิ่มเติมหมวดความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและคู่สมรส และกำหนดให้ตัดคำว่าสามีและภริยา และให้เพิ่มคำว่าคู่สมรส

                            3.ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส ซึ่งบุคคลสองคนสมรสกัน มีสิทธิ หน้าที่และความคุ้มครองตามกฎหมาย

                            4.แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 4 จากเดิมทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา เป็นทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส

                            5.เรื่องสิทธิและหน้าที่ของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถจัดการทรัพย์สินและหนี้สินร่วมกัน

                            6.เรื่องการสิ้นสุดการสมรส การเพิกถอนการสมรส การหย่าขาดจากการสมรส การจัดการทรัพย์สินหลังสิ้นสุดการสมรส การเรียกค่าทดแทน ค่าอุปการะเลี้ยงดูหลังสิ้นสุดการสมรส

                            ธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ LGBTQ
                            ธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ LGBTQ

                            7.ให้คู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน ซึ่งจดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายสามารถรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันได้

                            8.กรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นผู้ฆ่าคู่สมรส กำหนดให้เป็นผู้ถูกจำกัดมิให้รับมรดก

                            9.คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายหรือคู่สมรสที่ร้างกันหรือแยกทางกันโดยมิได้หย่าร้างตามกฎหมาย มีสิทธิในการรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิต

                            การที่ชายหญิงตัดสินใจสร้างครอบครัว และจดทะเบียนสมรสใช้ชีวิตร่วมกัน โดยมีสิทธิ ศักดิ์ศรี และสวัสดิการ แต่กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศกลับไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้

                            กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่ได้เป็นการเรียกร้องมากกว่าผู้อื่น แต่กลุ่มLGBTQกำลังบอกผู้มีอำนาจว่า พวกท่านพรากสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวจากพวกเราไป”

                            ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com

                            ใบรับการแจ้งชีวิตคู่

                            ในวันวาเลนไทน์วันแห่งความรักปีนี้ (2565) ทางสำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมด้วยการจัดงาน “บางขุนเทียน แสงเทียนแห่งรัก” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้ร่วมการบันทึกจดแจ้งคู่สมรสเพศเดียวกัน

                            นายพงษ์จักรินทร์ ถาวรพงษ์ ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กล่าวว่า สำหรับการบันทึกจดแจ้งของ LGBTQมีวัตถุประสงค์ให้เป็นพื้นที่กับ LGBTQในระหว่างที่รอกฏหมายมีผลบังคับใช้ในอนาคต ได้แสดงหรือต้องการให้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเหมือนคนทั่วไป ทั้งนี้ การจดแจ้งดังกล่าว จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และการทำบันทึกจดแจ้งไม่ได้ใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีภาคเอกชนให้การสนับสนุน ทั้งวัสดุอุปกรณ์และใบเอกสารที่ออกให้ อย่างไรก็ตามใบบันทึกจดแจ้งจะไม่มีผลบังคับทางกฏหมายที่ผูกพันใดๆ แต่เป็นการแสดงออกให้เห็นว่ามี LGBTQจำนวนมากในประเทศไทย ที่ยังรอความเท่าเทียม

                            อีกหนึ่งคู่รัก LGBTQสัญชาติไทย และอเมริกัน คู่แรกที่ได้จดแจ้งชีวิตคู่ กล่าวว่า เห็นว่าการแต่งงานเพศทุกเพศสำคัญไม่ว่าจะเพศอะไร สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการแบ่งแยก การจัดงานในวันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นนำร่องทางกฏหมาย ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตคู่สมบูรณ์ขึ้น เช่นในกรณีเจ็บป่วย เราไม่สามารถเซ็นต์ยินยอมให้รักษาได้เพราะโรงพยาบาลไม่ยินยอม เพราะต้องไปตามครอบครัวมาเซ็นต์ยินยอม ซึ่งถ้าข้อกฏหมายนี้ผ่าน เราก็สามารถให้เขาที่คอยอยู่กับเรามีสิทธิเซ็นต์ยินยอมได้ แต่ถ้ายังไม่มีการเริ่มก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างไรก็ตามอยากขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอนุมัติ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ให้มีผลบังคับใช้ ขอให้เห็นใจ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมในทุกๆ ด้าน

                            ที่มา : https://www.matichon.co.th
                            ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆจาก สำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
                            ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆจาก สำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

                            ไขข้อข้องใจ ใบรับการแจ้งชีวิตคู่

                            Question: การบันทึกจดแจ้งทำขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด?

                            Answer : เพื่อให้เป็นพื้นที่กับคนที่เป็น LGBTQในระหว่างที่รอกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้ในอนาคต ได้มีการแสดง หรือต้องการให้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เหมือนบุคคลทั่วไป

                            Question : มีค่าใช้จ่ายในการจดแจ้งไหม?

                            Answer : ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด และผู้ที่มาจดทะเบียนสมรส และผู้ที่มาบันทึกจดแจ้ง จะได้รับของที่ระลึกจากผู้สนับสนุน

                            Question : มีผลบังคับทางกฎหมายหรือไม่ ?

                            Answer :  การบันทึกจดแจ้งไม่มีผลบังคับทางกฎหมายที่ผูกพันใดใด แต่เป็นการแสดงออกเพื่อส่งเสียงไปยังกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็น LGBTQให้ได้เห็นว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากพอสมควรในประเทศไทย และกำลังรอความเท่าเทียมในทางกฎหมาย

                            Question : ใช้งบประมาณมาจากไหน ?

                            Answer : การจดทะเบียนสมรสปกติ เป็นการจดทะเบียนนอกสถานที่ใช้งบประมาณทางราชการปกติ สำหรับคู่ที่เป็นคู่รัก LGBTQมาจดบันทึกจดแจ้ง มีภาคเอกชนสนับสนุนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ และแม้แต่ใบเอกสารที่ออกให้

                            จดทะเบียนสมรสที่ไม่ใช่ชายกับหญิงทำไม่ได้ในประเทศไทย
                            จดทะเบียนสมรสที่ไม่ใช่ชายกับหญิงทำไม่ได้ในประเทศไทย

                            Question : มีเจตนาหลอกลวง หรือเอากลุ่ม LGBTQมาล้อเล่นหรือไม่ ?

                            Answer : เจตนาจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อต้องการให้พื้นที่กับกลุ่มLGBTQที่สมัครใจอยากเข้ามาร่วมกิจกรรม และต้องการบันทึกจดแจ้ง ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ส่วนกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้เร่งทำความเข้าใจว่าไม่ได้ต้องการให้กระทบความรู้สึก หรือเอามาเป็นเรื่องล้อเล่น แต่อยากให้มีความเท่าเทียมได้เกิดขึ้นจริงในสังคม

                            Question : มีผลกระทบอะไรกับร่างพ.ร.บ.ชีวิตคู่ และร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมหรือไม่ ?

                            Answer : ผลกระทบถ้าจะมี หวังว่าจะเป็นผลกระทบในเชิงบวกที่จะปักหมุดหมาย หรือส่งเสียงให้ดังเพื่อไปให้ถึงผู้ที่กำลังพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ หรือเป็นแรงกระเพื่อมให้สังคมยกประเด็นของกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาถกกันว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยควรมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม เหมือนกับหลายประเทศในโลก

                            ข้อมูลอ้างอิงจาก www.petcharavejhospital.com/ www.facebook.com/pr.bangkhunthian

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            จดทะเบียนสมรสใช้อะไรบ้าง? จดออนไลน์ได้ไหม?

                            6 ข้อดี ของการ มีลูกต่างเพศ สิ่งที่ลูกชายลูกสาวได้เรียนรู้จากกันและกัน

                            ควรมี เซ็ก สัปดาห์ละกี่ครั้ง มากน้อยแค่ไหนถึงจะฟินและดีต่อชีวิตคู่

                            คุยเรื่องเพศกับลูก ต้องสอนยังไง จะเริ่มได้เมื่อไหร่ดี?

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              รูปวอลเปเปอร์

                              รูปวอลเปเปอร์ เด็กๆ น่ารักๆ ดีต่อใจคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

                              วันนี้มาชวนคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์โหลดรูปเด็กน่ารักๆไปตั้งเป็น รูปวอลเปเปอร์ บนมือถือกันค่ะ เอาไว้ดูได้บ่อยๆ เวลาที่หยิบมือถือขึ้นมาก็ได้เห็นรูปให้อารมณ์ดี

                              รูปวอลเปเปอร์ เด็กๆ น่ารักๆ ดีต่อใจคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

                              คุณแม่ทั้งหลายคงจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ดูรูปเด็กน่ารักๆ บ่อยๆ ตอนท้อง ลูกออกมาจะน่ารักเหมือนเด็กในรูป เรื่องนี้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ถ้าหากพูดกันในหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว ยีนหรือหน่วยพันธุกรรม  ทำหน้าที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรม ควบคุมลักษณะปรากฏที่พบเห็นหรือสังเกตได้ด้วยตาของสิ่งมีชีวิต  เช่น ลักษณะของเส้นผม ลักษณะดวงตา เพศ และสีผิว และควบคุมกระบวนการทางชีวเคมีภายในเซลล์ ในเรื่องนิสัยใจคอ

                              ถึงกระนั้นก็ตาม ความเชื่อเรื่องการดูรูปเด็กน่ารักๆตอนท้อง ก็ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน เรื่องนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ จะได้ผลหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อารมณ์ดี คลายเครียด ลดความวิตกกังวล เนื่องจากคนท้องนั้นอารมณ์มักจะขึ้นๆลงๆ สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้อารมณ์ไม่คงที่ควบคุมยากและเกิดจากความวิตกกังวล ซึ่งอารมณ์ของคุณแม่จะส่งผลโดยตรงกับทารกในครรภ์ คุณแม่ที่อารมณ์ดีลูกที่คลอดออกมาก็จะเป็นเด็กอารมณ์ดีเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณแม่เครียด ลูกที่คลอดออกมาจะเลี้ยงยาก งอแง ขี้โมโห

                              สาเหตุความเครียดของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์

                              • เกิดจากฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่เกิดความเครียด และมีอารมณ์ที่อ่อนไหวมากขึ้น
                              • คุณแม่มีความกังวลในระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด

                              ความเครียดส่งผลโดยตรงถึงลูกในครรภ์

                              คุณแม่ – เมื่อมีอาการเครียดขณะตั้งครรภ์จะทานอาหารไม่ได้ หรือทานได้มากกว่าปกติ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เป็นเหตุให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้หลอดเลือดตีบ ความดันสูง และหัวใจเต้นเร็วขึ้น

                              ลูกในครรภ์ – หากคุณแม่เกิดอาการเครียดขณะตั้งครรภ์ระยะแรกๆอาจทำให้เกิดการแท้งได้ หรือทำให้อาหารที่จะไปเลี้ยงลูกในครรภ์ไม่พอ มีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกที่ช้าจนอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ ทั้งยังมีผลทำให้หลังคลอดเด็กเลี้ยงยาก ขี้งอแง อ่อนไหวง่าย ขี้โมโห ไวต่อการกระตุ้น ทั้งนี้ในระยะยาวจะมีผลทำให้เด็กเกิดปัญหาการปรับตัวเข้ากับสังคม อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดโรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน เป็นต้น

                              ทำความเข้าใจ เรียนรู้ และยอมรับ

                              คุณแม่ควรทำความเข้าใจเรื่องความเครียดในระหว่างที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากความเครียดที่เกิดขึ้นมาจากฮอร์โมนธรรมชาติและความวิตกกังวลของคุณแม่ ไม่ว่าจะเกิดจากการกลัวการตั้งครรภ์ ความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ต่างๆ สุขภาพของลูกในครรภ์และของตัวเอง ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ การคลอดลูกหรือหลังคลอดลูก เมื่อทำความเข้าใจและยอมรับแล้ว ก็เรียนรู้ที่จะควบคุมและจัดการกับความเครียดที่จะเกิดขึ้นได้

                              วิธีลดความเครียดของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์

                              • นอนหลับให้เพียงพอ – คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรนอนหลับ 8-9 ชั่วโมง ในเวลากลางคืน หากนอนในเวลากลางคืนไม่เพียงพอ ให้นอนเพิ่มในเวลากลางวัน แนะนำให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนเข้านอน และไม่ควรเดินมากเกินไปในเวลากลางวัน นอนตะแคง ใช้หมอนใบเล็กหนุนใต้ท้องด้านซ้ายหรือขวา วางหมอนใต้เข่าหรือขา ก็จะช่วยให้คุณแม่หลับสบายมากขึ้น
                              • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย – ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ สบายๆ เนื้อผ้านิ่ม ทำให้หายใจสะดวกไม่อึดอัด อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี การอาบน้ำก็ทำให้คุณแม่สบายตัว รู้สึกผ่อนคลายได้ดี
                              • ตระเตรียมของใช้สำหรับลูกที่จะคลอด หาข้อมูลต่างๆ พูดคุยกับคุณแม่ท่านอื่นที่กำลังตั้งครรภ์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ ช่วยทำให้ลดความวิตกกังวลลง
                              • ดูหนังหรือซีรี่ย์ที่ชื่นชอบ ควรดูหนังหรือซีรี่ย์ที่ทำให้อารมณ์ดี มีความสุข สนุก หัวเราะ ผ่อนคลาย ไม่ควรดูหนังหรือซีรี่ย์ประเภทฆาตกรรม เนื้อหารุนแรง เครียด หนังเศร้า ที่ทำให้จิตใจหดหู่ เศร้าหมอง
                              • หากสำรวจร่างกายแล้วพบว่าร่างกายทรุดโทรมมากขึ้น ผิวแห้ง กระด้าง ผมร่วง อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ แก้ปัญหาเพื่อลดความเครียด วิตกกังวลโดยการตัดผมสั้น หาครีมบำรุงผิวที่ปลอดสารเคมีเพราะอาจส่งผลไปถึงลูกในครรภ์
                              • ไปเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติ เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม สูดอากาศบริสุทธิ์ ทำให้คุณแม่อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งนี้แนะนำในช่วงไตรมาสที่ 2 จะปลอดภัยขึ้นเมื่อคุณแม่เดินทางท่องเที่ยว
                              • วางแผนการคลอด การเลี้ยงดูลูก และแผนทางการเงิน – การวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อม จะช่วยลดความวิตกกังวล และความเครียดลงไปได้มาก
                              • คิดบวก มองโลกในแง่ดี
                              • การหากิจกรรมต่างๆเพื่อคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล เช่น นวดผ่อนคลาย ฟังเพลง(ควรฟังเพลงช้าๆ เบาๆ ช่วยให้ผ่อนคลายทั้งคุณแม่และคุณลูก) เดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน ถักนิตติ้ง จัดดอกไม้ วาดรูป ว่ายน้ำ โยคะ นั่งสมาธิ

                              การดูรูปเด็กน่ารักๆระหว่างตั้งครรภ์ ก็เป็นกิจกรรมลดความเครียดเช่นกัน ส่วนการที่จะทำให้ลูกออกมาน่ารักเหมือนอย่างรูปที่ดูหรือไม่ คงต้องให้คุณแม่ทั้งหลายพิสูจน์กันเองนะคะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณแม่อาณ์ดี มีความสุข จิตใจแจ่มใส ทั้งนี้คุณแม่หลายๆบ้านอาจจะติดโปสเตอร์รูปเด็กๆ น่ารักๆไว้ที่ผนังบ้านจะได้ดูบ่อยๆ แต่บางบ้านอาจกลัวผนังเป็นรอย หรือคุณแม่หลายท่านทำงานนอกบ้านขณะตั้งครรภ์ไม่มีเวลาดูรูปที่บ้าน ฉะนั้นแล้วมาโหลดรูปเด็กน่ารักๆ ที่ทาง ทีมแม่ ABK รวบรวมมาฝาก ไปไว้ดูบนมือถือกันเลยค่ะ จะได้ดูได้บ่อยๆระหว่างวัน

                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปลูกชาย
                              รูปลูกชาย
                              รูปเด็กน่ารัก
                              รูปเด็กน่ารัก
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์เด็ก
                              รูปวอลเปเปอร์เด็ก
                              รูปเด็กจ้ำม่ำ
                              รูปเด็กจ้ำม่ำ
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปเด็กวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปลูกสาว
                              รูปลูกสาว
                              รูปเด็ก
                              รูปเด็ก
                              รูปเด็กตาโต
                              รูปเด็กตาโต
                              รูปเด็กน่ารักๆ
                              รูปเด็กน่ารักๆ
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์เด็ก
                              รูปเด็ก
                              รูปเด็ก
                              รูปวอลเปเปอร์
                              รูปวอลเปเปอร์

                              หวังว่ารูปวอลเปเปอร์ เด็กๆ น่ารักๆ ที่ทาง ทีมแม่ ABK นำมาฝากนี้จะถูกใจแม่ๆกันนะคะ คงทำให้คุณแม่อารมณ์ดี จินตนาการถึงลูกในครรภ์อย่างมีความสุขนะคะ

                              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                              ไขข้อข้องใจ คนท้องท้องผูก เกิดจากอะไร รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

                              รวม แพคเกจคลอด 2565 โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน ปี 2022

                              ผื่นคันระหว่างตั้งครรภ์ รอยแตกลายที่ท้อง ป้องกันได้

                              ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูก คุณแม่มือใหม่ต้องพร้อมรับมือ

                              ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.phyathai.com

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              Amarin Baby & Kids

                               

                                แผ่นรองคลาน

                                10 อันดับ แผ่นรองคลาน ยอดนิยม หนานุ่ม ทนทาน ปลอดภัย

                                แผ่นรองคลาน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกคลานไปจนถึงฝึกเดินในวัยที่กำลังซน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่างเราจึงต้องใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะวัยหัดคลานถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับพัฒนาการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย ลูกน้อยจะได้ฝึกแขนและขาเพื่อรับน้ำหนักตัวและการทรงตัว นอกจากนี้เด็กๆ จะได้เสริมพัฒนาการในด้านอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อแผ่นรองคลานในแบบต่างๆ ให้กับลูกน้อย วันนี้ทีมแม่ ABK นำแผ่นรองคลานแบบต่างๆ และวิธีการเลือกมาฝากกันค่ะ

                                วิธีเลือกแผ่นรองคลานให้คุ้มค่าและปลอดภัยต่อสุขภาพของเด็กๆ

                                1. แนะนำให้เลือกแผ่นรองคลานที่มีหลากสี มีตัวอักษร หรือรูปสัญลักษณ์ เพื่อเสริมพัฒนาในด้านการมองเห็นและการจดจำของลูกน้อย เช่น วงกลม หรือสัตว์ต่างๆ บนแผ่น เพื่อดึงดูดความสนใจและเสริมคำศัพท์ให้กับเด็กๆไปในตัว
                                2. เลือกแผ่นรองคลานที่ไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไป เนื่องจากตัวแผ่นต้องนุ่มเพื่อรองรับการกระแทกแต่ต้องคืนตัวได้ ไม่นุ่มจนยุบยวบยาบ หรือแข็งจนทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัวขณะคลานเล่น
                                3. คำนึงถึงวัสดุที่ดีมีคุณภาพเป็นหลัก ทางที่ดีควรเลือกแผ่นที่ระบุว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัย หรือมีคุณสมบัติปลอดสารพิษ สามารถทนความร้อนได้ ป้องกันความเย็นจากพื้นได้ และสามารถกันน้ำได้ เนื่องจากลูกน้อยอาจเผลอทำอะไรหกใส่ขณะเล่นสนุกอยู่บนนั้น
                                4. เลือกแผ่นรองคลานที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ของตัวห้อง เพื่อสะดวกต่อการกางและจัดเก็บ
                                5. เลือกแผ่นที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย การเลือกแผ่นที่มีขนาดใหญ่จะทำให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะมีจำนวนแผ่นน้อย หากเลือกแผ่นที่มีขนาดเล็กแบบจิ๊กซอว์ แนะนำให้หมั่นเช็ดทำความสะอาดบริรอยต่อที่หยักของขอบแผ่น เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบริเวณนั้น

                                10 อันดับ แผ่นรองคลาน ยอดนิยม หนานุ่ม ทนทาน ปลอดภัยต่อเด็ก

                                1.แผ่นรองคลานเกรดพรีเมี่ยมแบบพับได้ 2 ด้าน 2 ลาย จาก Saker

                                แผ่นรองคลานเกรดพรีเมี่ยมแบบพับได้ 2 ด้าน 2 ลาย จากSaker
                                ขอบคุณรูปภาพจาก pumpnom

                                แผ่นรองคลานพับได้รุ่นใหม่ 1 แผ่นมี 2 ลาย มาพร้อมถุงผ้าสปันบอนด์ ไว้ใช้เก็บและพกพาสะดวก ตัวแผ่นเคลือบด้วย laminated PE 100% เคลือบกันเชื้อรา มาพร้อมคุณสมบัติปลอดสารพิษ ปลอดสารก่อมะเร็ง ไม่มีสารตะกั่ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกรดพรีเมี่ยม ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ตัวแผ่นนุ่มและมีความยืดหยุ่น ไม่มีกลิ่นและรส และเคลือบกันน้ำจึงทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดง่าย พื้นผิวด้านล่างมีฉนวนป้องกันความร้อนและเย็นจากพื้นและมีคุณสมบัติกันความชื้น ป้องกันการลื่นและลดแรงกระแทก

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ไซส์ XXL ขนาด 180 x 200 cm. (เตียง 6 ฟุต) หนา 15 mm. มีลาย Wildlife , Prince & Princess , Forest city
                                • ไซส์ XL ขนาด 150 x 200 cm. (เตียง 5 ฟุต) หนา 8 mm. มีลาย Zoo Festival , Forest city
                                • วัสดุ XPE ผลิตจาก food Grade PE 100% ตัวแผ่นเคลือบด้วย laminated PE 100%

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> pumpnom

                                 

                                2.แผ่นรองคลานจาก Parklon รุ่นพับได้

                                แผ่นรองคลาน จาก Parklon รุ่นพับได้
                                ขอบคุณรูปภาพจาก sunearthshop

                                แผ่นรองคลาน parklon รุ่นพับได้ พกพาสะดวก มาพร้อมกระเป๋าพกพาสะพายได้ นำเข้าจากเกาหลี 100%  ผิวด้านไม่ลื่น เคลือบ laminated 2 ชั้น ทนทานพิเศษ กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก มีลายให้เลือกหลาย มาพร้อมความน่ารักสดใส สำหรับลายการ์ตูนตัวอักษรช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 140 x 200 cm. หนา 1 cm.
                                • ขนาดเมื่อพับ 40 x 70 x 12 cm.
                                • วัสดุ PE เกรดพรีเมี่ยม ตัวแผ่นเคลือบด้วย laminated 2 ชั้น

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> sunearthshop

                                 

                                3.แผ่นหรือเบาะรองคลาน BBMM Play Mat

                                แผ่นหรือเบาะรองคลาน BBMM Play Mat
                                ขอบคุณรูปภาพจาก babymama.toyshop

                                ผลิตจากแผ่นโฟม PE คุณภาพสูง หนานุ่มเป็นพิเศษ และมีความเด้งและยืดหยุ่นคืนตัวได้ดี ด้านนอกเคลือบด้วยหนัง PU เนื้อดี ผิวสวย ทนทานปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตด้วยกระบวนการคุณภาพ จึงทำให้การตัดเย็บเรียบร้อย เนื้องานสวย เป็นทั้งแผ่นรองคลานและเบาะรองคลานที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกน้อย ช่วยกันกระแทกได้อย่างดี รองคลานได้สบาย และเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย จัดเก็บสะดวกและหยิบออกมาใช้งานง่าย ตัวแผ่นแบ่งออกเป็น 3 ตอน สามารถพับเก็บได้

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 154 x 180 x 4 cm. หนา 4 cm.
                                • ผลิตจากแผ่นโฟม PE ด้านนอกเคลือบด้วยหนัง PU

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> babymama.toyshop

                                 

                                4.Designskin Transformable House บ้านเเผ่นรองคลาน 3 in 1

                                Designskin Transformable House บ้านเเผ่นรองคลาน 3 in 1
                                ขอบคุณรูปภาพจาก bambigarden

                                แผ่นรองคลานสไตล์โมเดิร์นที่เด็กๆ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่างๆ ได้เองตามจินตนาการ เป็นทั้ง บ้าน เต้นท์ และแผ่นรองคลาน ผลิตด้วย Technology เฉพาะของประเทศเกาหลีแบบ Design skin คือการใช้ Soft Energy Pad ทำให้รับแรงกระแทกได้ดีกว่า (shock absorption) ปลอดภัยสำหรับเด็ก ดีไซน์มุมมนปลอดภัย เหมาะสำหรับสำหรับเด็ก 2 เดือนขึ้นไป ไม่ยุบตัวน้ำหนักเบา พับเก็บและทำความสะอาดง่ายไม่เปลืองพื้นที่

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 130 × 200 x 4 cm.
                                • น้ำหนักประมาณ 4.9 kg.
                                • วัสดุที่ใช้ปลอดสารพิษไม่เป็นอันตรายและอ่อนนุ่ม

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> bambigarden

                                5.แผ่นหรือเสื่อรองคลานเส้นใยโพลีเอสเตอร์

                                เสื่อรองคลานเส้นใยโพลีเอสเตอร์
                                ขอบคุณรูปภาพจาก zm099

                                แผ่นลองคลานที่มาพร้อมกับลวดลายสุดน่ารักมากมายให้เลือก วัสดุด้านบนทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ด้านล่างของแผ่นเป็นผ้าหยดกันลื่นความหนาแน่นสูง นุ่มและไม่ลื่น สามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งเข้าเครื่องและซักมือ หรือใช้แปรงอ่อนๆขัดเบาๆ บริเวณที่จะทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 145 x 195 หนา 1.5 cm.
                                • วัสดุด้านบนทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> zm099

                                6.Pure Soft Mat แผ่นรองคลานเกาหลีเกรดพรีเมี่ยม

                                แผ่นรองคลาน Pure Soft Mat
                                ขอบคุณรูปภาพจาก sunearthshop

                                แผ่นรองคลาน parklon รุ่น  Pure Soft มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูง ลดแรงกระแทกได้ดี คืนตัวได้ดีเยี่ยม มีการออกแบบลายพื้นผิวแบบพิเศษ ทำให้ไม่ลื่น และระบายอากาศได้ดีเยี่ยม วัสดุที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารพิษ มีลวดลายสีสันมากมายให้เลือก ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกน้อยด้วยลายการ์ตูนและคำศัพท์ภาษาอังกฤษ รุ่นนี้มีการเข้ามุมแบบพิเศษ ทำให้ไม่มีขอบเหลี่ยมมุมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กๆ แต่ไม่ใช้การเย็บหุ้มขอบ ทำให้ไม่เกิดการสะสมฝุ่น หมดปัญหาเรื่องไรฝุ่น ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ทำความสะอากง่าย เพียงแค่ใช้ผ้าหมาดๆเช็ด กันน้ำได้ 100% หมดปัญหาเรื่องความชื้นและเชื้อรา ทนทาน อายุการใช้งานได้ยาวนาน 10 ปี

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 140 x 210 หนา 1.5 cm.
                                • วัสดุเป็น Pure PVC คุณภาพสูงเหมือนยางพารา แต่ไร้กลิ่น ปลอดสารพิษ 100%

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> sunearthshop

                                 

                                7.โฟมรองคลานแบบจิ๊กซอว์

                                โฟมรองคลานแบบจิ๊กซอว์
                                ขอบคุณรูปภาพจาก nagobag

                                แผ่นรองคลานที่ออกแบบมามีสีสันสวยงาม สามารถใช้เป็นของตกแต่งเข้ากับโทนสีของห้องได้ คุณภาพและการดีไซน์แบบปลอดภัย แผ่นสามารถตัดให้พอดีพื้นที่ตามมุมต่างๆ เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด ทำความสะอาดง่าย แห้งไว ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำหนักเบาจัดเก็บง่าย ใช้งานได้ถึง 2 ด้าน

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • 1 แผ่นขนาด 30 x 30 cm. หนา 2 cm.
                                • ทุกๆ 10 แผ่นมี 9 ขอบ ปิดขอบทั้ง 2 ข้าง
                                • แผ่นทำจากโฟม EVA แท้เกรด A แท้ 100% ซึ่งไม่อันตรายต่อเด็ก และมีอายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> nagobag

                                 

                                8.EVAonly แผ่นโฟมรองคลานสีสันสดใสแบบถอดและประกอบได้

                                EVAonly
                                ขอบคุณรูปภาพจาก babiesplus.shop

                                แผ่นโฟมรองคลานดีไซน์พิเศษไม่เหมือนใคร สามารถถอดและประกอบได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างเสริมทักษะ ให้กับเด็ก และเพิ่มความสนุกให้กับลูกน้อย ช่วยป้องกันลูกน้อยเวลาล้มหรือหงายหลัง ช่วยป้องกันความเย็นของพื้น เสริมทักษะเด็ก และฝึกพัฒนาการในการนับเลข มีหลากหลายลายให้เลือก

                                1.  ลายAnimal Train (สามารถถอดประกอบเป็นรถไฟได้) สีน้ำเงินแดง
                                2.  ลายAnimal Circle (สามารถถอดประกอบเป็นวงกลมได้) สีฟ้า
                                3.  ลายBuild a house (สามารถถอดประกอบเป็นบ้านได้) สีชมพูเหลือง
                                4.  ลายLovely Garden number สีชมพู

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาดประกอบ 88 x 88 cm. หนา 1 cm.
                                • 1 ชุดมี 18 ชิ้น (9 แผ่น)
                                • แผ่นทำจาก EVA non toxic ปลอดสารพิษ เนื้อหนา ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่เปื่อย ไม่ขึ้นรา

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> babiesplus.shop

                                 

                                9.แผ่นรองคลานแบบพับได้ รุ่นพรีเมียมขนาด 6 ฟุต

                                แผ่นรองคลาน แบบพับได้ รุ่นพรีเมียมขนาด 6 ฟุต
                                ขอบคุณรูปภาพจาก hassan_shop2019

                                เสื่อรองคลานหรือแผ่นรองคลานแบบพับได้ พกพาง่าย มาพร้อมกระเป๋าเก็บกันฝุ่นอย่างดี สำหรับพกพาและจัดเก็บ ตัวแผ่นเป็นเนื้อโฟมแน่นแต่ให้สัมผัสนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ยืดหยุ่นได้ดีและทนทาน นอนสบายรองรับแรงกระแทกและช่วยลดอาการบาดเจ็บ พื้นผิวมีการพิมพ์ลายแบบตัวนูนกันลื่นทั่วแผ่นทั้ง 2 ด้าน ตัวแผ่นไม่มีกลิ่นและปลอดสารพิษ ขอบรองคลานเป็นแบบรีดปิดรอบด้าน ช่วยป้องกันฝุ่นและการสะสมเชื้อโรค กันน้ำได้ทั้งแผ่น ป้องกันเชื้อราและทำความสะอาดง่ายแค่เช็ดเบาๆ

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 180 x 200 cm. หนา 1 cm.
                                • แผ่นทำจาก XPE อัดแน่นใช้ได้นานไม่ยุบ ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> hassan_shop2019

                                10.แผ่นรองคลาน ลายสูตรคูณมีขอบปิด 4 ด้าน

                                แผ่นรองคลาน ลายสูตรคูณมีขอบปิด 4 ด้าน
                                ขอบคุณรูปภาพจาก jojotoyshop

                                ตัวแผ่นดีไซน์และออกแบบมาได้มาตราฐาน มีความทนทานและอายุการใช้งานนาน  นอกจากปูพื้นรองคลานได้แล้ว เด็กๆยังสามารถใช้แผ่นนี้สำหรับฝึกสมองจดจำตัวเลขได้อีกด้วย ตัวแผ่นทำความสะอาดง่าย แห้งไว ไม่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อรา น้ำหนักเบา จัดเก็บสะดวก กันน้ำ กันเหงื่อ น้ำไม่ซึมลงแผ่น สามารถติดตั้งเองได้ง่ายๆ

                                คุณสมบัติเพิ่มเติม

                                • ขนาด 30 x 30 cm. หนา 1.3 cm.
                                • วัสดุที่ใช้ดีมีมาตราฐานปลอดภัย

                                สั่งซื้อคลิกเลย >> jojotoyshop

                                 

                                เป็นยังไงบ้างคะกับแผ่นรองคลานที่เราหยิบมาฝากกัน ถึงคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อได้แล้ว ก็อย่าลืมเลือกแผ่นรองคลานให้เหมาะสมกับตนเองและลูกน้อยนะคะ ทีมแม่ ABK ขอแนะนำ วิธีเลือกซื้อเสื่อรองคลานให้ลูกน้อย ที่ดีมีมาตรฐาน เพิ่มค่ะ

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

                                เช็คลิสต์ 60 ของใช้เด็กแรกเกิด อย่างไหนควรซื้อเลย อย่างไหนไม่ต้องรีบ!

                                ช่วยฝึกลูกนั่ง คลาน ยืน เดิน อย่างถูกวิธี และไม่เร่งลูก

                                คอกกั้นเด็กปลอดภัย โดนใจคุณแม่ ถูกใจคุณลูก

                                 

                                  8 เรื่องควรรู้ก่อนใช้ยาคุม กับ 7 เรื่องยาคุมฉุกเฉินที่รู้ไว้ไม่พลาด

                                  ยาคุม ยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมแบบฝัง และอีกหลากหลายชนิดของยาคุมที่คุณสาว ๆ ควรรู้ก่อนใช้ จะได้ไม่พลาด ไม่เสี่ยง ใช้แบบไหนไม่อันตราย กับ 10 เรื่องควรรู้ก่อนใช้

                                  8 เรื่องควรรู้ก่อนใช้ ยาคุม กับ 7 เรื่องยาคุมฉุกเฉินที่รู้ไว้ไม่พลาด!!

                                  เพศสัมพันธ์ พฤติกรรมทางเพศ กับวัฒนธรรมสังคมไทย ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เปิดกว้างทั้งการยอมรับ และการพูดถึงเท่าไหร่นัก แต่ก็คงโต้แย้งไม่ได้ว่าพัฒนาการเรื่องเพศเกี่ยวข้องกับชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต การที่เราได้เรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงทางเพศตามวัยอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เรานำความรู้นั้นมาใช้ปรับตัว และมีพฤติกรรมที่ถูกต้องในเรื่องเพศ ดังนั้นเรื่องเพศจึงสามารถสอนได้ เรียนรู้ได้ การมีแนวทางที่ถูกต้อง จะสามารถป้องกันปัญหาทางเพศที่อาจเกิดตามมาทั้งต่อสุขภาพร่างกาย เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือปัญหาทางสังคม เช่น การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น

                                  ยาคุม ยาคุมฉุกเฉิน ถุงยางอนามัย เป็นการคุมกำเนิด
                                  ยาคุม ยาคุมฉุกเฉิน ถุงยางอนามัย เป็นการคุมกำเนิด

                                  ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด รู้ไว้..ง่ายกว่าการรับมือ เมื่อตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม

                                  การคุมกำเนิดเป็นความรู้หนึ่ง ที่เราควรทราบ และสอนลูกหลานต่อไป เป็นองค์ความรู้เบื้องต้นที่ทุกคนควรทราบ เพราะการคุมกำเนิดเป็นเรื่องง่ายกว่าการรับมือเมื่อตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม

                                  การคุมกำเนิด (Contraception, Birth Control) หมายถึง วิธีการป้องกันไม่ให้อสุจิ และไข่ผสมกันจนเกิดการปฏิสนธิ หรือป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อนที่ถูกผสมแล้ว รวมถึงการทำลายไข่ที่ผสมแล้วและมีการฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใส่ถุงยางอนามัย การทานยาคุมกำเนิด การทำหมัน

                                  ในที่นี้ขอกล่าวถึง การใช้ยาคุมกำเนิด ในการคุมกำเนิดว่า มียาคุมแบบใด ชนิดใด วิธีการใช้ยา ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ และอาการข้างเคียงของยาคุมแต่ละชนิด เพื่อเป็นความรู้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้เลือกใช้การคุมกำเนิดแบบการทานยาคุม จะได้เลือกใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเอง และข้อควรระวังต่าง ๆ

                                  ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน

                                  ยาคุมกำเนิด (Contraceptive Pill หรือ Birth Control Pill) เป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดด้วยการรับประทานยาเม็ดซึ่งบรรจุฮอร์โมนเพศหญิงไว้ ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง ทั้งปากมดลูก ผนังมดลูก และรังไข่ ผู้หญิงที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้

                                  ทั้งนี้ทั้งนั้นการทานยาคุมก็จำเป็นต้องทานอย่างถูกต้องถูกเวลาและสม่ำเสมอ หากลืมทานอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้

                                  มีบุตรเมื่อพร้อม ยาคุม ช่วยได้
                                  มีบุตรเมื่อพร้อม ยาคุม ช่วยได้

                                  8 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด

                                  1. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด (Birth Control Pill) ประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่มีความสำคัญต่อการป้องกันการตั้งครรภ์
                                  2. ยาคุมกำเนิดมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ นอกจากนี้ยังทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้อสุจิไม่สามารถเข้ามาผสมกับไข่เพื่อปฏิสนธิได้นั่นเอง
                                  3. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด มีทั้งแบบ 21 เม็ด และแบบ 28 เม็ด โดยแบบ 21 เม็ด เมื่อกินจนหมดแผงแล้ว จะต้องเว้นไป 7 วันจึงจะสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และมีเม็ดแป้งอีก 7 เม็ด (ซึ่งเสมือนเป็นยาหลอก) เหมาะสำหรับคนที่กลัวจะนับวันผิด จึงต้องกินต่อกันจนหมดแผง แต่ไม่ว่าจะกินแบบใด21 หรือ 28 เม็ด ก็ได้ผลในการคุมกำเนิดเท่ากัน
                                  4. สำหรับการใช้ยาคุมกำเนิดครั้งแรก หรือการเริ่มใช้อีกครั้งหลังหยุดคุมกำเนิดไประยะหนึ่ง ควรเริ่มกินภายในวันที่ 1-5 ของช่วงที่มีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ เพราะอาจเสี่ยงทำให้ตัวอ่อนทารกพิการได้หากกำลังตั้งครรภ์อยู่พอดี
                                  5. การกินยาคุมกำเนิดจะต้องกินเวลาเดิมทุกวัน หากลืมกินยาจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และหากลืมกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 ชั่วโมง ให้กินทันทีที่นึกขึ้นได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิม
                                  6. การกินยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คัดเต้านม อารมณ์แปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ อาการเหล่านี้บางคนอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
                                  7. วิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ควรดูวันที่ตามจริงและวันที่บนแผงอย่างละเอียด ซึ่งบนแผงยาจะระบุวันไว้ตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์ หากวันที่จะเริ่มกินยาเม็ดแรกเป็นวันพุธก็ให้แกะยาเม็ดแรกของวันพุธมากิน แล้วกินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแผง ที่ต้องให้กินแบบนี้เพื่อจะได้ไม่หลงลืมว่าในวันนั้นๆ กินยาไปแล้วหรือยัง
                                  8. ก่อนกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ทุกครั้ง ควรตรวจเช็คดูวันหมดอายุก่อนใช้ยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

                                    ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันความผิดพลาด
                                    ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันความผิดพลาด

                                  ประเภทของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน

                                  • ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยว
                                    เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงชนิดเดียว เป็นชนิดที่ผลิตออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน เหมาะกับคนที่มีปัญหาสุขภาพหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรหลังคลอด เพราะหากทานชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วยจะส่งผลต่อการผลิตน้ำนมของคุณแม่ ผลข้างเคียงคืออาจจะทำให้รอบเดือนไม่มา มาไม่สม่ำเสมอ หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยเป็นๆ หายๆ ขณะที่ใช้ยา
                                  • ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนรวม
                                    เป็นชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินรวมกันในเม็ดเดียว โดยยาคุมชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงหากรับประทานอย่างถูกต้อง

                                  ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมกำเนิด

                                  ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการใช้ยา ดังนี้

                                  • มีเลือดไหลก่อนรอบประจำเดือน
                                  • เกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้วิงเวียน ปวดหน้าอก อารมณ์แปรปรวน
                                  • ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้
                                  • เพิ่มความเสี่ยงปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม

                                  ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการใช้ยา ดังนี้

                                  • มีเลือดไหลก่อนรอบประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ
                                  • อารมณ์แปรปรวน
                                  • เกิดปัญหาสิวอุดตัน
                                  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
                                  • ปวดหัว ปวดหัวไมเกรน
                                  • ปวดหน้าอก หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น
                                  • ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
                                  • มีแรงขับทางเพศที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
                                  • เกิดถุงน้ำ (ซีสต์) ที่รังไข่
                                  ยาคุม ชนิดรับประทาน
                                  ยาคุม ชนิดรับประทาน

                                  ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน (Emergency pill)

                                  การคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ การป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือ เกิดการผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยหลุด การไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด ลืมกินยาคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด หรือยาฝังคุมกำเนิดหลุด รวมไปถึงการถูกข่มขืน การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะต้องเริ่มทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเป็นยาที่มีผลข้างเคียงสูงทั้งผลในระยะสั้น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และผลในระยะยาว หากเกิดการตั้งครรภ์ในขณะที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินไป จะทำให้มีโอกาสเกิดการท้องนอกมดลูกได้สูง ซึ่งเป็นอันตรายมาก ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำ

                                  วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน

                                  ในประเทศไทยจะมีขายยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดในหนึ่งกล่อง ซึ่งตัวยามีขนาดเม็ดละ 0.75 mg โดยสามารถกินยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้

                                  • กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมงแรก
                                  • กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่สองหลังจากเม็ดแรกภายใน 12 ชั่วโมง

                                  ทั้งนี้การกินยาคุมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดไม่ควรเกิน 3-5 วัน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่

                                  ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ตอนฉุกเฉินเท่านั้น
                                  ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ตอนฉุกเฉินเท่านั้น

                                  7 ข้อควรรู้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

                                  1. ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถใช้ในการทำแท้งได้ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีกลไกในการยับยั้งการตกไข่ และป้องกันการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก เพราะฉะนั้นหากมีไข่ที่ผสมกับอสุจิ และฝังตัวอยู่ที่ผนังมดลูกเรียบร้อยแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะไม่สามารถเข้าไปทำลาย หรือยุติการตั้งครรภ์ดังกล่าวได้
                                  2. ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉิน ไปจนถึงผลข้างเคียงระยะยาว ซึ่งระยะแรกอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่ในระยะยาวหากมีการกินยาคุมฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง อาจส่งผลต่อการท้องนอกมดลูกได้ในอนาคต
                                  3. ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 75% หากกินยาคุมฉุกเฉินควรกินให้เร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน และต้องกินยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง และตามด้วยยาเม็ดที่สอง แต่อย่างไรก็ตามหากทานภายใน 24 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยเพิ่มการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากถึง 85%
                                  4. ยาคุมฉุกเฉิน ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
                                  5. ยาคุมฉุกเฉินไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ และไม่ส่งผลให้การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปช้าลง หรือมีโอกาสในการตั้งครรภ์น้อยลง
                                  6. หากต้องการคุมกำเนิดระยะยาวควรรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติ
                                  7. ยาคุมฉุกเฉินสามารถกินพร้อมกันสองเม็ด แต่ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ต่างกับการกินทีละเม็ด แต่การกินสองเม็ดพร้อมกันอาจจะก่อให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียนมากกว่าการกินทีละเม็ด
                                  ข้อมูลอ้างอิงจาก www.paolohospital.com/www.doctorraksa.com/www.pobpad.com

                                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                  ยาคุมฉุกเฉิน ผู้หญิงรู้ไว้ใช้บ่อยไปผลร้ายตกอยู่กับคุณ!

                                  วิธีคุมกำเนิด แบบไหนมีสิทธิภาพและปลอดภัย ถ้าแม่ยังไม่พร้อมมีลูกคนที่ 2

                                  ทำแท้ง อันตรายไหม? สธ.เปิดสายด่วนรับปรึกษาทำแท้งถูกกฎหมาย

                                  อยากมีลูกเพิ่มแต่ทำหมันไปแล้วมี “วิธีแก้หมัน” อย่างไร?

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    ที่ตรวจครรภ์

                                    ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ? พร้อมวิธีใช้และวิธีอ่านผล

                                    เมื่อสงสัยว่าอาจตั้งครรภ์วิธีที่จะตรวจได้ง่ายที่สุดว่าเราท้องหรือไม่คือการใช้ ที่ตรวจครรภ์ ซึ่งมีวางขายทั่วไปตามร้านขายยา แถมยังรู้ผลไวภายในไม่กี่นาทีอีกด้วย

                                    ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ? พร้อมวิธีใช้และวิธีอ่านผล

                                    สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเองอาจจะท้องหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นเพราะประจำเดือนขาดไป หรือมีอาการที่คล้ายกับคนตั้งครรภ์ วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด คือการตรวจครรภ์ด้วยตนเองโดยใช้ ที่ตรวจครรภ์ด้วยตนเองแบบตรวจปัสสาวะ ซึ่งมีขายตามร้านขายยาทั่วไป แถมราคาก็ไม่แพง และยังรู้ผลได้เร็วอีกด้วย ก่อนจะไปหาซื้อ ที่ตรวจครรภ์ มาทำความรู้จักกันก่อนว่า ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ? ใช้อย่างไร? ควรใช้เมื่อไหร่? อ่านผลอย่างไร? กันก่อนค่ะ

                                    อาการคนท้อง เป็นแบบไหน?

                                    ก่อนจะซื้อ ที่ตรวจครรภ์ มาตรวจกัน มาดูอาการคนท้องกันก่อน ว่าเรามีอาการแบบนี้หรือไม่? ไม่ได้เป็นเพียงอาการก่อนมีประจำเดือนทั่วไป ดังนั้น หากมีอาการต่อไปนี้ แม้เพียง 1 ข้อ ก็ควรซื้อ ที่ตรวจครรภ์ มาตรวจได้เลย

                                    อาการคนท้อง
                                    อาการคนท้อง
                                    • ประจำเดือนขาด คือ การที่ประจำเดือนไม่มาติดต่อกัน 3 รอบเดือน
                                    • คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นต่างๆ โดยเฉพาะกลิ่นของอาหาร
                                    • ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะการตั้งครรภ์ในช่วงแรกๆ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย คล้ายกับช่วงก่อนมีประจำเดือน
                                    • เจ็บหน้าอก ฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ส่งผลให้ขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้นคล้ายกับช่วงมีประจำเดือน
                                    • ปัสสาวะบ่อย เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้เลือดไหลผ่านไปยังไตมากขึ้น กระเพาะปัสสาวะจึงรับน้ำมากขึ้นด้วย
                                    • อารมณ์แปรปรวนง่าย เป็นลักษณะอาการที่พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดีใจ เสียใจ หดหู่ หรือกังวล ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
                                    • เหนื่อยง่าย เพลีย อยากนอนมากขึ้น อาการเหล่านี้มักเกิดจากระดับฮอรโมนโพรเจสเทอโรนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนนี้มีส่วนช่วยให้หลับสบายนั่นเอง

                                    ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ?

                                    ชุดตรวจครรภ์ คือ การทดสอบหาฮอร์โมน HCG (Human chorionic gonadotropin) ในปัสสาวะของคุณแม่ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาจากรกและจะเริ่มผลิตหลังจากเกิดการปฏิสนธิไปแล้วประมาณ 6 วัน และจะขึ้นสูงสุดในช่วง 8 – 12 สัปดาห์ ซึ่งจะมีความแม่นยำมากถึงร้อยละ 90 และสามารถตรวจได้อย่างแม่นยำในรายที่มีการขาดประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 10 – 14 ขึ้นไป โดยปกติแล้วในชุดทดสอบจะมีอุปกรณ์ตรวจมาให้พร้อมอย่างเสร็จสรรพ แต่จะมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ

                                    ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม
                                    ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม

                                    1.แบบแถบจุ่ม ( Test Strip) จะประกอบไปด้วย แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ (แผ่นตรวจครรภ์) และถ้วยตวงปัสสาวะ (อาจจะมีถ้วยตวงปัสสาวะมาให้หรือไม่มีก็ได้) ในส่วนของวิธีการใช้นั้น ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะเพียง 3 วินาที โดยระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน (ควรวางบนพื้นผิวที่แห้งสนิทเท่านั้น) แล้วรออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 1 – 5 นาที ทางที่ดีให้รอจนกว่าจะครบ 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าชุดทดสอบแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ข้อดีของแถบตรวจแบบนี้คือมีราคาถูก แต่การใช้ต้องระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะสูงเกินกว่าขีดที่กำหนด เพราะจะทำให้แผ่นทดสอบเสื่อมสภาพ

                                    ที่ตรวจครรภ์แบบหยด
                                    ที่ตรวจครรภ์แบบหยด

                                    2. แบบตลับหรือแบบหยด (Pregnancy Test Cassette) จะประกอบไปด้วย ตลับทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้วยตวงปัสสาวะ และหลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ ในขั้นตอนการใช้ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะเข้าไปในปริมาณพอเหมาะ แล้วจึงหยดน้ำปัสสาวะลงบนตลับทดสอบที่วางบนพื้นราบประมาณ 3 – 4 หยด (อย่าหยดมากกว่านี้) แล้ววางชุดทดสอบทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงอ่านผลการทดสอบ ข้อดีของแถบตรวจแบบนี้คือ สามารถช่วยลดโอกาสแผ่นทดสอบเสื่อมสภาพจากวิธีการดูดซับน้ำปัสสาวะของชุดทดสอบได้

                                    ที่ตรวจครรภ์
                                    ที่ตรวจครรภ์

                                    3. ที่ตรวจครรภ์แบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) ที่ตรวจครรภ์จะมีแค่แท่งทดสอบการตั้งครรภ์ วิธีก็ใช้ก็คือ ให้ถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง แล้วปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะซึ่งจะอยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที แล้วให้ถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ และรออ่านผลได้ตั้งแต่ประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป (เพื่อความชัวร์ควรรออ่านผลภายใน 3 – 5 นาที) มีข้อดีคือสามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องเก็บน้ำปัสสาวะในถ้วย จึงช่วยลดขั้นตอนในการทดสอบได้ แต่จะมีข้อเสียกว่าสองแบบแรกคือจะมีราคาสูงกว่า

                                    ควรตรวจครรภ์ตอนไหน และช่วงเวลาใด?

                                    โดยปกติแล้วควรรอให้เลยวันที่รอบเดือนควรจะมาเสียก่อนอย่างน้อยประมาณ 7 วัน เพราะบางครั้งความเครียด ความวิตกกังวลด้วยกลัวว่าจะมีลูกก็อาจทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติได้ ถ้ารอจนครบ 7 วัน เมื่อตรวจแล้วพบว่าให้ผลบวก ก็แปลว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แต่ถ้าให้ผลลบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไม่ตั้งครรภ์หรือไม่ หากประจำเดือนยังไม่มาอีกภายใน 7 วันหลังจากตรวจครั้งแรก ควรตรวจซ้ำอีกครั้ง ถ้ายังให้ผลลบอยู่คุณก็น่าจะไม่ตั้งครรภ์ แต่หากประจำเดือนยังไม่มาและมีความกังวล ก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยแพทย์อีกครั้งค่ะ

                                    สำหรับช่วงเวลาที่ควรตรวจ แนะนำให้ใช้ที่ตรวจครรภ์กับปัสสาวะแรกของวัน โดยปัสสาวะช่วงต้นทิ้งไปก่อน แล้วเก็บปัสสาวะส่วนต่อมา เพราะในช่วงเช้า จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมน HCG ขึ้นสูงที่สุดสำหรับคนท้องค่ะ

                                    วิธีการอ่านผลที่ตรวจครรภ์

                                    ส่วนมากแล้วในกล่องของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ซื้อมาจะบอกวิธีการใช้และวิธีการอ่านค่าไว้แล้วพร้อมรูปตัวอย่างด้วย แต่โดยส่วนมากการอ่านผลที่ถูกต้องจะต้องอ่านภายใน 5 นาที ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้อาจทำให้มีอีกขีดโผล่ขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่การตั้งครรภ์หรือเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้แล้ว โดยขีด C คือ Control Line ส่วนขีด T คือ Test Line

                                    • ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีด (ขึ้นที่ขีด C อย่างเดียว) คือ ได้ผลลบ แปลว่า “น่าจะไม่ตั้งครรภ์” (หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรือ อาจจะตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ)
                                    • ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือ ขึ้น 2 ขีด จาง ๆ (ขึ้นที่ขีด C และ T) คือ ได้ผลบวก แปลว่า “น่าจะมีการตั้งครรภ์” (ถ้าขีด T ขึ้นจาง ๆ แนะนำว่าให้รออีก 2 – 3 วันแล้วค่อยตรวจใหม่ ถ้าใช้ชุดตรวจยี่ห้อใหม่ได้ก็จะดี)
                                    • ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสีหรือไม่ขึ้นสักขีด หรือ ขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า “ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสีย” (อาจเกิดจากการผลิต การเก็บไม่ถูกวิธี การใช้ปัสสาวะเก่า หรือชุดทดสอบหมดอายุ ถ้าตรวจแล้วไม่ขึ้นสักขีดจะเท่ากับว่าการตรวจครั้งนั้นใช้ไม่ได้ คุณจะต้องทำการตรวจใหม่อีกครั้ง)
                                    ชุดตรวจครรภ์
                                    ชุดตรวจครรภ์

                                    คำแนะนำในการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง

                                    • อ่านคำแนะนำและทำความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์อย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด
                                    • การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น คุณควรตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์โดยแพทย์ ด้วยการวินิจฉัยทางคลินิกและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
                                    • การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียวยังไม่เพียงพอต่อการยืนยันผลเบื้องต้นได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมน HCG ในหญิงตั้งครรภ์จะมีระดับที่แตกต่างกันในช่วงกว้าง ซึ่งการตรวจครั้งที่ 2 ในอีก 2 – 3 วันถัดมาจะให้ผลที่น่าเชื่อถือและแน่นอนกว่า เพราะบางครั้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับความไวของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (ต่ำกว่า 20 mIU/ml.) จึงทำให้การตรวจในครั้งแรกยังไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ เป็นต้น
                                    • การตรวจปัสสาวะ ควรใช้ปัสสาวะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจะให้ผลดีที่สุด แต่เวลาอื่นก็ได้ผลเหมือนกัน แต่สำคัญว่าต้องใช้ปัสสาวะสด ๆ หรือเป็นปัสสาวะใหม่ ๆ เท่านั้น
                                    • ชุดทดสอบเมื่อซื้อมาแล้วสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติได้ (ไม่เกิน 30 องศา) หลีกเลี่ยงแสงแดด และความชื้น
                                    • เมื่อฉีกซองออกแล้ว ต้องตรวจทันทีจึงจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ แต่ถ้าฉีกแล้วยังไม่ตรวจก็สามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากโดนความชื้น จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้ผลตรวจเกิดความผิดพลาดได้
                                      ในการทดสอบซ้ำ ให้เว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน

                                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                    อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่? อาการไหนแปลว่า ท้องชัวร์!!

                                    10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ต้องระวังอะไรบ้าง?

                                    อาการคนท้องระยะแรก คุณแม่มือใหม่รับมืออย่างไร?

                                    อยากมีลูก ทำไงดี? 10 เคล็ด(ไม่)ลับทำให้ท้อง เพิ่มโอกาสมีลูกสมใจ

                                     

                                    ขอบคุณข้อมูลจาก : medthai.com, www.paolohospital.com

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่