รีวิวคาร์ซีท

รีวิวคาร์ซีท 10 แบรนด์ยอดนิยม แข็งแรง ปลอดภัยทุกการเดินทาง

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวคาร์ซีท
รีวิวคาร์ซีท

วันนี้ทีมแม่ ABK อยากแนะนำอีกไอเท็มชิ้นสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกเราของเราระหว่างการเดินทาง นั่นก็คือ “คาร์ซีท” นั่นเอง แล้วต้องเลือกอย่างไร แบรนด์ใช้ดี วันนี้ทีมแม่มี รีวิวคาร์ซีท มาฝากทุกคนกันค่ะ

รีวิวคาร์ซีท 10 แบรนด์ยอดนิยม
แข็งแรง ปลอดภัยทุกการเดินทาง

คาร์ซีท (Car seat) คือ เบาะนั่งที่ทำหน้าที่เป็นเข็มขัดนิรภัยโดยใช้ระบบผูกรัดให้ติดกับเบาะนั่งของเด็ก โดยป้องกันไม่ให้เด็กกระเด็นจากเบาะ ไม่ว่าจะเกิดจากการเบรกอย่างแรง หรือรถชน นอกจากนี้ยังสามารถดูดซับแรงกระแทกบางส่วนได้ด้วย หมายความว่า คาร์ซีททำให้โอกาสบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของลูกน้อยของคุณลดลง
ในสหภาพยุโรปนั้น มีกฎหมายการจราจรทางบกที่กำหนดให้ติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กที่ส่วนสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตร หรือหนักไม่ถึง 36 กิโลกรัม กำเนิดเป็นมาตรฐานคาร์ซีทสำหรับเด็ก มาตรฐานยุโรป R44/04 ซึ่งกำหนดคุณลักษณะของคาร์ซีทให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งคาร์ซีทโดยทั่วไปสามารถแบ่งประเภทตามลักษณะการติดตั้ง หรือรูปร่างลักษณะของคาร์ซีทได้ 5 ประเภท ดังนี้

  1. Rearward-facing คือรูปแบบที่คาร์ซีทจะหันหน้าเข้าหาเบาะรถ เพื่อป้องกันเด็กกระเด็นไปด้านหน้า
  2. Extended Rearward-facing คือรูปแบบที่คาร์ซีทจะหันหน้าเข้าหาเบาะรถ แต่พิเศษกว่าประเภทแรกตรงที่มีฐานติดตั้งปรับเข้า-ออกได้
  3. Forward-facing แบบ Convertible คือคาร์ซีทที่ติดตั้งโดยให้เด็กหันหน้าไปทางหน้ารถ โดยสามารถปรับหมุนทิศทางของเบาะได้ 360 องศารอบตัว ซึ่งสามารถถอดสายรัดออกได้ และสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้
  4. High-back booster คือคาร์ซีทที่ติดตั้งโดยให้เด็กหันหน้าไปทางหน้ารถ มีรูปร่างเหมือนเบาะปกติ แต่มีส่วนป้องกันศีรษะ คอและลำตัว แต่ไม่มีสายรัด ใช้เข็มขัดนิรภัยของรถในการคาด
  5. Booster cusion คือคาร์ซีทที่มีลักษณะเหมือนเบาะรองนั่งเสริม เพื่อให้คาดเข็มขัดนิรภัยที่มากับรถได้ปลอดภัยขึ้น

 

ทำไมเราจึงควรเลือก คาร์ซีท คุณภาพดีให้ลูก

เมื่อเราทราบถึงประโยชน์ของคาร์ซีทและประเภทแล้ว เราก็จะพบว่าคาร์ซีทเป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ทุกการเดินทางของเรามั่นใจมากขึ้น แต่คาร์ซีทก็เป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับเด็กที่มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สำหรับลูกน้อย เราจึงต้องตัดสินใจให้ดี เลือกอย่างรอบคอบก่อนที่จะซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก ปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณา ได้แก่

  1. ความปลอดภัย แน่นอนว่าคาร์ซีทถูกสร้างมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยของคุณเมื่อต้องโดยสารรถยนต์ เนื่องจากอุปกรณ์ทั่วไปบนรถยนต์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเด็กเล็ก การที่มีอุปกรณ์เฉพาะทางเพื่อให้ความปลอดภัยกับเด็กเล็กโดยเฉพาะนั้นย่อมมีประสิทธิภาพกว่าอย่างแน่นอน
  2. การปรับพฤติกรรมเด็กเล็ก หลายครั้งที่เมื่อพาลูกน้อยไปเดินทางด้วยรถยนต์ เด็กเล็กมักตื่นเต้นกับการเดินทางจนไม่สามารถนั่งอยู่กับที่ได้ นอกจากจะอันตรายแล้วยังเป็นความยากลำบากของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วย การให้เด็กนั่งคาร์ซีทตั้งแต่อายุน้อย ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการปรับพฤติกรรมของเด็กด้วย ทำให้เมื่อเด็กโตขึ้น เด็กมักจะมีพฤติกรรมนั่งอยู่กับที่เนื่องจากเด็กเคยชินจากการนั่งคาร์ซีทอีกด้วย นอกจากนั้นประโยชน์ทางอ้อมคือทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลกับลูกน้อย หรือมีสมาธิกับการขับรถได้ตามปกติ

จากประโยชน์ที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบกับสวัสดิภาพและชีวิตของลูกน้อยแล้ว ราคาของคาร์ซีทนั้นไม่ได้แพงเกินไปเลย นอกจากนั้นคาร์ซีทแต่ละตัวยังมีอายุการใช้งานนานหลายปี บางรุ่นสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ลูกน้อยอายุไม่กี่เดือน จนถึงอายุ 5-7 ขวบ ดังนั้นการลงทุนซื้อคาร์ซีทครั้งนึงก็คุ้มค่าคุ้มราคาหากคุณเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณเอง

ขอบคุณภาพจาก https://www.ideas9.com/parenting/newborns-infants/baby-car-seat-installation.html

เทคนิคเลือกคาร์ซีทให้ลูกรัก

การเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะสม คุ้มค่านั้น นอกจากควรซื้อให้เหมาะสมกับอายุและขนาดของตัวเด็กแล้ว ยังต้องดูคุณสมบัติต่าง ๆ ของสินค้าดังนี้

  1. วัสดุแข็งแรงคงทน มีมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับ เพราะคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตราย จึงต้องผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ไม่หลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อาจเกิดอันตรายต่อลูก ไม่มีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น มาตรฐานยุโรป ECE regulation 44/04, UN standard 129 หรือ Federal Motor Vehicles Safety Standard 213 ของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากในไทยเองยังไม่มีมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์คาร์ซีทจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นทางการ
  2. แบรนด์น่าเชื่อถือ เลือกซื้อคาร์ซีทที่ผลิตโดยบริษัทที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐาน
  3. ความสมบูรณ์ของสินค้า ในกรณีที่คุณเลือกซื้อสินค้ามือสอง ไม่ใช่ของใหม่ ควรตรวจสอบสินค้าว่าไม่มีชิ้นส่วนขาดหายไป มีรอยร้าว หรือชำรุดเสียหาย เนื่องจากอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการใช้งานได้ เช่น ระบบนิรภัยอาจขัดข้องหรือเสียหาย ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ทางที่ดีที่สุดคือควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานย่อมดีกว่าอุปกรณ์มือสองที่ผ่านการใช้งานมาก่อน ยกเว้นจะจำเป็นต้องใช้ของมือสองจริง ๆ
  4. การติดตั้งคาร์ซีท เพราะคาร์ซีทบางชิ้นถูกออกแบบมาให้ติดตั้งได้บนรถบางประเภทเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะเลือกตัดสินใจซื้อ ควรดูสินค้าให้ดีว่าสามารถติดตั้งบนรถของคุณได้หรือไม่ หรือหากเป็นไปได้ ควรทดลองติดตั้งใช้งานกบรถของคุณก่อนจะซื้อมาใช้งานจะดีที่สุด

 

10 แบรนด์คาร์ซีทคุณภาพดีในดวงใจ

ทางทีมงานได้คัดเลือกคาร์ซีทแบรนด์ต่าง ๆ ในท้องตลาดมาเป็นตัวเลือกให้ทางคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกซื้อ หรือเป็นไอเดียให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่สำหรับเลือกสินค้าที่เหมาะสม และดีที่สุดสำหรับลูกน้อย ดังนี้

  1. Britax

เป็นประเภท Booster seat จากแบรนด์ Britax รุ่น KIDFIX i-size ออกแบบมาให้ติดตั้งบนรถที่มีระบบ ISOFIX ติดตั้งแบบหันหน้าออกจากเบาะ (Forward-facing) เหมาะสมสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 3.5 ปี จนถึงอายุ 12 ปี รองรับส่วนสูงของเด็กตั้งแต่ 100 – 150 เซนติเมตร ตัวเบาะมีส่วนป้องกันแรงกระแทกจากด้านข้าง และป้องกันด้านหลังตลอดความสูงของเด็กตั้งแต่หัวจรดสะโพก มี ปรับแต่งความสูงให้เหมาะสมกับลูกของคุณได้ง่าย เบาะนุ่มนั่งสบาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.britaxthailand.com/

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.britaxthailand.com/

 

  1. Fico

คาร์ซีทแบบ Forward-facing แบบ Convertible จากแบรนด์ Fico รุ่น AY919-A ติดตั้งได้ทั้งบนรถที่มีระบบ ISOFIX เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดจนถึง 12 ปี รองรับน้ำหนักได้มากสุด 36 กิโลกรัม เข็ดขัดนิรภัยในตัวแบบ 5 จุด เพื่อความปลอดภัย ตัวเบาะนุ่ม ปรับเอนได้ 4 ระดับ รวมถึงปรับหมุนได้ 360 องศา สินค้าติดตั้งได้ง่าย น้ำหนักเพียง 9 กิโลกรัม และที่สำคัญที่สุดคือได้รับมาตรฐานยุโรป ECE 44/04

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ficocarseats.com

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.ficocarseats.com/

 

  1. Chicco

เป็น Forward-facing แบบ Convertible จากแบรนด์ Chicco รุ่น Fit4 ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงเด็กน้ำหนักตัว 45.35 กิโลกรัม โดดเด่นที่สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนให้เหมาะสมกับขนาดเด็กวัยต่าง ๆ ได้ โดยแบ่งเป็น Stage 1-4 ปรับเอนได้ 9 ระดับ ทั้งรูปหันหน้าเข้าเบาะและหันออกจากเบาะ ป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ทั้งศีรษะและลำตัว โครงสร้างเสริมเหล็ก แข็งแรงทนทาน ผ่านมาตรฐาน Federal Motor Vehicles Safety Standard 213 ของสหรัฐอเมริกา เป็นแบรนด์ชื่อดังจากอิตาลีที่มีชื่อเสียงยาวนานมากกว่า 60 ปี

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Chiccothailand/

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.kiddopacific.com/

 

 

  1. Camera

Convertible car seat จากแบรนด์ Camera รุ่น AdelMAX ออกแบบมาให้สามารถติดตั้งได้ทั้ง Forward-facing และ Rearward-facing โดยติดตั้งบนเบาะรถทั่วไป และใช้เข็มขัดนิรภัยของรถในการยึดเอาไว้กับที่ ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนกระทั่งน้ำหนัก 36 กิโลกรัม โครงสร้างรูปแบบรังผึ้ง แข็งแรง และรองรับแรงกระแทกได้ดี ใช้สายรัดระบบ 5 จุดปลอดภัย และได้รับมาตรฐานยุโรป ECE 44/04

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.camera.co.th

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.camera.co.th/

 

 

  1. Joie

อีกแบรนด์ในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ Convertible car seat จากแบรนด์ Joie รุ่น C1209 (Every stage) ออกแบบมาให้สามารถติดตั้งได้ทั้ง Forward-facing และ Rearward-facing ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนกระทั่งน้ำหนัก 36 กิโลกรัม มีเบาะกันกระแทกด้านข้าง เบาะบุด้วยผ้ากำมะหยี่ นุ่มสบาย และมีโครงสร้างเสริมเหล็กเพิ่มความแข็งแรง มีระบบปรับปีกด้านข้างอัตโนมัติรองรับขนาดตัวเด็กได้หลายช่วงวัย มีสายรัดนิรภัย 5 จุด ผ่านมาตรฐานยุโรป ECE 44/04

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://th.joiebaby.com

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://th.joiebaby.com/

 

  1. Nuna

Convertible car seat จากแบรนด์ Nuna รุ่น RAVA ติดตั้งง่ายด้วยการใช้เข็มขัดนิรภัยและใช้กับระบบ ISOFIX ได้เช่นกัน ใช้งานได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนอายุ 9 ปี หรือน้ำหนัก 30 กิโลกรัม เบาะนั่งกว้าง โครงสร้างแข็งแรง ปรับใช้งานได้ 3 รูปแบบตามช่วงวัย ได้รับมาตรฐาน Federal Motor Vehicles Safety Standard 213

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://nunababy.com/en/car-seats

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://nunababy.com/

 

  1. RECARO

Booster cusion จากแบรนด์ RECARO รุ่น Young sport hero prime ติดตั้งง่ายด้วเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กอายุ 9 เดือน ถึง 12 ปี โครงสร้างด้านข้างป้องกันแรงกระแทกอย่างดี ผ่านมาตรฐานยุโรป ECE 44/04

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.recaro-kids.com

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.recaro-kids.com/
  1. GRACO

คาร์ซีทแบบ Booster cusion จากแบรนด์ GRACO รุ่น Airpop booster ติดตั้งง่ายด้วเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปี ถึง 12 ปี เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน อับชื้น นั่งสบายแม้จะเดินทางเป็นเวลานาน ปรับถอดพนักหลังออกได้เมื่อใช้กับเด็กโต น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ผ่านมาตรฐานยุโรป ECE 44/04

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gracobaby.com/

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.gracobaby.com/

 

  1. EMBIX

เป็น Forward-facing จากแบรนด์ EMBIX รุ่น C83 ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กอายุ 9 เดือน ถึง 12 ปี รองรับน้ำหนักสูงสุด 36 กิโลกรัม เบาะนั่งสบาย ลดแรงกระแทกตามด้านข้างได้เป็นอย่างดี โครงสร้างแข็งแรง มีรับประกัน 3 ปีตามเงื่อนไขบริษัท

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/embixthailand

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/embixthailand

 

  1. EVENFLO

เบาะ Convertible car seat จากแบรนด์ EVENFLO รุ่น gold ใช้งานได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดถึง 12 ปี รองรับน้ำหนักสูงสุด 54 กิโลกรัม สายรัดนิรภัยแน่นหนาถึง 3 ชั้น แต่ล้อคได้ง่ายในเวลา 60 วินาที ตัวโครงสร้างแข็งแรง จะปรับเป็น Forward-facing หรือ Rearward-facing หรือจะปรับเป็น Booster cusion สำหรับเด็กโตก็ได้ ผ่านการทดสอบการกระแทกและพลิกคว่ำ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.evenflo.com

รีวิวคาร์ซีท
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.evenflo.com

 

จะเห็นได้ว่า มีคาร์ซีทหลากหลายแบรนด์และรุ่นในท้องตลาด ส่วนใหญ่ก็มีฟังก์ชัน ความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันออกไป คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณที่มี เพราะไม่ใช่ว่าของราคาแพงจะต้องดีกว่าเสมอไป เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพบนท้องถนนของลูกน้อยของคุณ อ่าน รีวิวคาร์ซีท กันจบแล้ว ลองเลือกแบรนด์ที่ใช่ แล้วหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจกันดูนะคะ

ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่เตรียมวางแผนที่จะซื้อ คาร์ซีท แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเลือกหยิบจับดูของจริงได้ที่ไหน สามารถตามไปดูกันได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22  ซึ่งได้รวบรวม คาร์ซีท หลากหลายแบบ หลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 Hall 98-99  ไบเทค บางนา
❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้.. มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
✨ ลงทะเบียนเข้างาน! รับฟรี 2 ต่อ 👉🏻 https://cooll.ink/abk22
💕 ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
💕 ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลเพื่อแม่ลูก จากกล่องสุ่มของใช้แม่ลูกและผลิตภัณฑ์จากอิเกีย มูลค่ารวมกว่า 300,000 บ.
.
สำหรับแม่ๆ ที่ช้อปผ่าน Lazada รับเพิ่มฟรี!
👉 จ่ายผ่านลาซาด้ารับคูปองลดเพิ่มสูงสุด 2,000.- (เฉพาะในงานนี้เท่านั้น)
👉 ของขวัญมากมายจากลาซาด้าและแบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปภายในงาน (พบกันที่บูธ S16)
👉 คูปองสมาชิก LazMom Club ไว้ช้อปทุกเดือน
*เฉพาะแบรนด์และร้านค้าที่ร่วมงาน กว่า 100 ร้านค้า
.
💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🧸
💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!! 🛍
📌 ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
🌱 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว 💕 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
#ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

 


ขอบคุณข้อมูลจาก

safetyhubs, eromman, sharingourexperiences, ideas9, pobpad

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

พาลูกนอกบ้าน เลือก รถเข็นเด็ก คาร์ซีทแบบไหน มั่นใจปลอดภัยชัวร์

เลือกซื้อ ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรให้เหมาะกับวัย ปลอดภัยกับลูกน้อย?

ไขข้อข้องใจให้คุณแม่ ทารกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่แรกเกิด ปลอดภัยหรือไม่?

เครื่องปั๊มนม

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่

Alternative Textaccount_circle
event
เครื่องปั๊มนม
เครื่องปั๊มนม

รีวิวเครื่องปั๊มนม อุปกรณ์ช่วยปั๊มนมจากเต้านมคุณแม่ เพื่อเก็บสำรองไว้ใช้ในเวลาจำเป็น ลดปัญหาการเสียเวลาในการให้นมในกิจกรรมระหว่างวัน เช่น ทำงาน หรือเดินทาง

รีวิวเครื่องปั๊มนม แบรนด์ยอดนิยม
ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่

เครื่องปั๊มนม เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นการปั๊มนมออกมาเก็บสำรองเอาไว้ให้ลูกดื่มในภายหลังได้อย่างสะดวกสบาย ลดความรู้สึกคัดตึงเต้านม ไม่สบายตัว เพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานหรือเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น ประหยัดเวลา เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องการความคล่องตัว กระฉับกระเฉง ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำนมให้ได้ปริมาณมากขึ้นได้อีกด้วย แถมยังช่วยให้คุณแม่สามารถเก็บสำรองน้ำนมที่สะอาด ปลอดภัย และอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารเอาไว้สำหรับลูกน้อยของเราได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น วันนี้ทีมแม่ ABK จึงอยาก รีวิวเครื่องปั๊มนม ราคาดี คุณภาพเลิศให้คุณแม่อ่านกัน

 

ประเภทของเครื่องปั๊มนม

เครื่องปั๊มนม ที่มีวางขายในท้องตลาดนั้น มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ แต่สามารถจำแนกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • เครื่องปั๊มนมแบบใช้แรงปั๊มมือ จะมีราคาย่อมเยากว่าประเภทเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า
  • เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า ใช้แรงมอเตอร์ไฟฟ้าในการปั๊มแทนแรงมือ ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็จะมีราคาสูงกว่าเครื่องปั๊มนมแบบใช้แรงปั๊มมือ

 

วิธีเลือกเครื่องปั๊มนม

เลือกเครื่องปั๊มนมทั้งที ก็ควรเลือกให้มีคุณภาพดี คุ้มค่า คุ้มราคา เหมาะสมกับการใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่ ทีมแม่ ABK จึงมีคุณสมบัติของเครื่องปั๊มนมที่ควรใส่ใจพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อมาแนะนำคุณแม่กัน ได้แก่

  • วัสดุ เครื่องปั๊มนมที่ดีควรผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย ปราศจากวัสดุที่อาจก่อให้เกิดอันตราย มีสารพิษหรือสารเคมีตกค้าง ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ปลอดภัย ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่ผ่านมาตรฐาน ไม่ได้รับการรับรอง มีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนประกอบ หรืออาจมีชิ้นส่วนแหลมคม หลุดร่อนเป็นอันตรายต่อคุณแม่หรืออาจปนเปื้อนในน้ำนมที่ปั๊มออกมาเป็นต้น
  • แผ่นป้องกันเต้านม ควรมีขนาด ผิวสัมผัส และความยืดหยุ่นที่กระชับเข้ากับรูปทรงของเต้านมคุณแม่ สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย หรือสามารถถอดเปลี่ยนได้เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมม มีสิ่งสกปรกตกค้าง เนื่องจากเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับเต้านมคุณแม่โดยตรง จึงควรใช้งานได้สะดวกสบาย เหมาะสมกับสรีระ และสามารถถอดเปลี่ยนหรือล้างทำความสะอาดได้ง่าย
  • ความสะดวกในการใช้งาน สำหรับคุณแม่ที่ต้องการความคล่องตัว กระฉับกระเฉง ควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่มีขนาดกะทัดรัด มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก เคลื่อนย้ายได้ง่าย หากคุณแม่ต้องการนำไปใช้นอกสถานที่ เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าควรมีแบตเตอรี่อึด ใช้งานได้ยาวนาน หรือสามารถเปลี่ยนถ่านได้ เพื่อการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า ไม่ขาดตอน
  • ใช้งานง่าย เครื่องปั๊มนมที่ดีควรใช้งานง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณแม่สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาวิธีการใช้งานให้ยุ่งยาก จึงควรมีคู่มือสอนวิธีการใช้งานที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะเครื่องปั๊มนมแบบไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ยิ่งต้องสามารถอธิบายวิธีการใช้งานแต่ละฟังก์ชันได้อย่างชัดเจน ทำตามได้ง่าย
  • ฟังก์ชันครบ จบในเครื่องเดียว รูปแบบฟังก์ชันการใช้งานต้องตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ ยกตัวอย่างเช่น โหมดกระตุ้นการหลั่งน้ำนม ระบบป้องกันน้ำนมอุดตันในเครื่อง ระบบปรับความแรงในการปั๊มได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะแก่การใช้งาน การเลือกเครื่องปั๊มนมที่มีฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณแม่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวก ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา เต็มประสิทธิภาพ

จากคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ ทางทีมงานจึงรวบรวม รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ในดวงใจที่มีมาตรฐาน ใช้งานได้ดี คุ้มค่า มาแนะนำ แถมมาพร้อมข้อมูลรายละเอียดครบถ้วน ให้คุณแม่นำไปประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อกันได้เลย มีแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์
เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่

  1. Attitude mom

เครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้า ขนาดเล็ก พกพาง่าย มีหน้าจอดิจิทัลสีขาวดูกลมกลืนกับตัวเครื่อง ออกแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh สามารถชาร์จจนเต็มได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันการทำงาน 5 แบบให้เลือกใช้อย่างจุใจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://attitudemombreastpump.com

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://attitudemombreastpump.com
  1. Imani

สำหรับคุณแม่ที่ชอบเครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก ขอแนะนำแบรนด์ Imani ซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียง 160 กรัมเท่านั้น เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ชอบพกเครื่องปั๊มนมออกนอกบ้าน สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องถือหรือจับไว้ระหว่างใช้งาน สามารถซ่อนไว้ใต้เสื้อผ้าได้ แถมยังปรับระดับความแรงในการปั๊มได้ถึง 5 ระดับ เลือกใช้วัสดุในการผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเช่นเดียวกับผลิตเครื่องมือแพทย์ จึงใช้งานได้อย่างมั่นใจ และง่ายต่อการทำความสะอาด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.imanithailand.com

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.imanithailand.com

 

  1. SPECTRA

ถ้าคุณแม่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมประสิทธิภาพสูง SPECTRA เป็นเครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าที่ใช้ระบบมอเตอร์ถึง 2 ตัว จึงทำให้สามารถปรับระดับความแรงในการดูดได้ถึง 12 ระดับ มาพร้อมปรับฟังก์ชันใช้งาน 5 รูปแบบ แบตเตอรีในตัวเครื่องที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 2 ชั่วโมง หน้าจอระบบ LCD ใช้งานง่าย ขนาดเล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 670 กรัมเท่านั้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://spectrathailand.com/

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://spectrathailand.com

 

  1. PLENTITUDE

คุณแม่สายมินิมอลที่ต้องการการใช้งานที่เรียบง่าย รวดเร็วทันใจ PLENTITUDE เป็นเครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าที่สามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้ 4 รูปแบบ มาพร้อมหน้าจอ LCD ซึ่งออกแบบให้มีปุ่มกดน้อย จึงใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากไม่ต้องวุ่นวายกับปุ่มกดจำนวนมาก แถมมีน้ำหนักเพียง 237 กรัม ทำงานเงียบ ไร้เสียงรบกวนระหว่างใช้งาน จึงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ในดวงใจที่คุณแม่เทใจให้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://plentitudethailand.com

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://plentitudethailand.com

 

  1. MALISH

MALISH คือแบรนด์เครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าที่สามารถปรับฟังก์ชันใช้งานได้ 3 รูปแบบ ปรับความแรงในการปั๊มได้ถึง 9 ระดับ จะเสียบต่อไฟบ้านหรือแบตเตอรีก็ได้ แถมยังสามารถเสียบต่อกับเพาเวอร์แบงค์ได้อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับการพกพาออกไปใช้นอกสถานที่ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรีจะหมด

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ นอกเหนือจากการปั๊มนมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนให้คุณแม่ปั๊มนมให้เป็นเวลา หรือเตือนธุระสำคัญสำคัญต่าง ๆ เช่น เวลาที่ต้องให้นมลูก เวลาที่ต้องตื่น เวลาที่มีนัดหมายสำคัญ เป็นต้น

เพื่อการใช้งานที่รวดเร็วทันใจ ยังสามารถบันทึกฟังก์ชันการใช้งานที่คุณแม่ชื่นชอบเอาไว้ใช้ซ้ำในภายหลังได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเซตระบบใหม่ทุกครั้งที่จะใช้งาน สิ่งที่ทำให้เครื่องปั๊มนม MALISH โดดเด่นคือการออกแบบกรวยดูดจากซิลิโคนให้เหมาะสมกับการใช้งาน และให้ความรู้สึกสบาย เป็นธรรมชาติทุกครั้งที่ใช้งาน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://malishthailand.com

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://malishthailand.com

 

  1. Youha

เครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าที่สามารถปรับความแรงได้ 6 ระดับ เดินเครื่องเบา มีหน้าจอแสดงผล LCD มองเห็นได้ชัดเจน โดดเด่นด้วยวัสดุผลิตที่ใช้ PPSU (Polyphenylsulfone) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ทนความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส ปลอดภัย สามารถนำไปทำความสะอาดด้วยการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนได้สบาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/youhathai/

เครื่องปั๊มนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/youhathai/
  1. Pureen

เป็นเครื่องปั๊มนมรูปแบบไฟฟ้าผลิตด้วยวัสดุปราศจาก BPA สามารถใช้ไฟฟ้าได้จาก AC adapter และ USB Adapter ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งไฟบ้าน คอมพิวเตอร์ หรือ เพาเวอร์แบงค์ได้ แบตเตอรี่ในเครื่องใช้งานได้ต่ำเนื่องได้นานถึง 150 นาที แต่มีน้ำหนักมากกว่าหลายยี่ห้อเล็กน้อยคือมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.pureen.co.th

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.pureen.co.th

 

  1. Philips

ขอแนะนำเครื่องปั๊มนมรุ่นยอดนิยม 2 รุ่น ได้แก่

  • Avent รุ่น SCF332/01 เป็นเครื่องปั๊มไฟฟ้า วัสดุที่ผลิตปราศจากสาร BPA ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้ปั๊มนมได้ทีละข้างเท่านั้น จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การประกอบและใช้งานสะดวก เนื่องจากมีจำนวนชิ้นส่วนน้อยจึงพกพาสะดวก ถอดล้างทำสะอาดได้ง่าย รวมทั้งออกแบบมาให้คุณแม่สามารถใช้งานได้แม้จะนั่งหลังตรง ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้งานได้สบายขึ้น รวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถใช้งานได้กับผลิตภัณฑ์ของ Philips Avent รุ่นอื่น ๆ เช่น สามารถนำขวดนมไปใช้งานกับจุกนมของ Philips Avent ได้ด้วย
  • Philips Avent รุ่น SCF900/01 เป็นเครื่องปั๊มด้วยมือใช้วัสดุผลิตเกรดเดียวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Philips Avent โดยตัวปั๊มติดอยู่กับอุปกรณ์ออกแบบมาให้จับถือใช้งานได้สะดวก และยังออกแบบให้สามารถปั๊มน้ำนมได้อย่างนุ่มนวล ไม่เจ็บเต้านม

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.philips.co.th/

เครื่องปั๊มนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.philips.co.th/
เครื่องปั๊มนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.philips.co.th/

 

  1. Natur

เป็นเครื่องปั๊มด้วยมือ ใช้วัสดุผลิตปราศจากสาร BPA ปากกรวยเป็นซิลิโคนนิ่ม กระชับ นุ่มสบาย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ตัวปั๊มออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายแม้ใช้เพียงมือเดียวปั๊ม ปรับฟังก์ชันใช้งานได้ทั้งกระตุ้นน้ำนมและปั๊มน้ำนม มาพร้อมกับคู่มือใช้งานที่มีภาพประกอบเพื่ออธิบายส่วนประกอบและวิธีการใช้งานอย่างละเอียด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.naturbf.com/

รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.naturbf.com/

 

 

  1. Baby Tattoo

เครื่องปั๊มด้วยมือที่สามารถฆ่าเชื้อด้วยการผ่านความร้อนได้ ไม่มีสาร BPA ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวก โดยขวดเก็บน้ำนมสามารถเปลี่ยนจุกเป็นขวดนมได้ทันที ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.babytattoo.co.th

เครื่องปั๊มนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babytattoo.co.th
รีวิวเครื่องปั๊มนม 10 แบรนด์ยอดนิยม ปั๊มเกลี้ยง เสียงเบา พกพาสะดวก ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babytattoo.co.th

 

ทีมแม่ ABK รีวิวเครื่องปั๊มนม ยอดฮิต ฟังก์ชันครบ คุณสมบัติเป๊ะ มาให้คุณแม่ได้เลือกกันถึง 10 แบรนด์ คุณแม่สามารถตัดสินใจเลือกซื้อ เลือกใช้แบบที่ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองได้เลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังลังเล ไม่แน่ใจว่าควรเลือกซื้ออย่างไรเพื่อให้ได้เครื่องปั๊มนมที่ดี มีคุณภาพ คุ้มค่าแก่การลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณแม่ และลูกรักของเราค่ะ

ทั้งนี้หากใครกำลังมองหาเครื่องปั๊มนม อยากจะซื้อเพื่อเตรียมไว้ก่อนคลอดลูก สามารถมาหยิบจับทดลองใช้ได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22 ซึ่งได้รวบรวม เครื่องปั๊มนม หลากหลายแบบ หลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 Hall 98-99  ไบเทค บางนา
❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้.. มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
✨ ลงทะเบียนเข้างาน! รับฟรี 2 ต่อ 👉🏻 https://cooll.ink/abk22
💕 ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
💕 ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลเพื่อแม่ลูก จากกล่องสุ่มของใช้แม่ลูกและผลิตภัณฑ์จากอิเกีย มูลค่ารวมกว่า 300,000 บ.
.
สำหรับแม่ๆ ที่ช้อปผ่าน Lazada รับเพิ่มฟรี!
👉 จ่ายผ่านลาซาด้ารับคูปองลดเพิ่มสูงสุด 2,000.- (เฉพาะในงานนี้เท่านั้น)
👉 ของขวัญมากมายจากลาซาด้าและแบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปภายในงาน (พบกันที่บูธ S16)
👉 คูปองสมาชิก LazMom Club ไว้ช้อปทุกเดือน
*เฉพาะแบรนด์และร้านค้าที่ร่วมงาน กว่า 100 ร้านค้า
.
💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🧸
💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!! 🛍
📌 ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
🌱 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว 💕 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
#ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

 


ขอบคุณข้อมูลจาก

Enfababy

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เลือกเครื่องปั๊มนม ให้แม่มือใหม่ ไปเจอกันได้ในงานแฟร์

มอบ คุณค่าน้ำนมแม่ ด้วยเครื่องปั๊มนมมืออาชีพ

เลือก เครื่องปั๊มนม อย่างไรให้ถูกใจแม่มือใหม่

พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ

10 พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ และใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุก ความรู้จัดเต็ม เด็กเข้าชมฟรี!!

Alternative Textaccount_circle
event
พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ
พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ

พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ มีที่ไหนบ้างนะที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราๆ จะพาลูกน้อยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ รวมทั้งได้พัฒนาทักษะทางด้านความคิด ทางร่างกายและจินตนาการสร้างสรรค์ วันนี้ทีมแม่ ABK รวบรวม 10 พิพิธภัณฑ์เด็กเข้าชมฟรี แหล่งความรู้มากมายให้คุณพ่อคุณแม่ เลือกพาน้องๆไปเที่ยวในวันหยุด จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

 

10 พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ และใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุก ความรู้จัดเต็ม เด็กเข้าชมฟรี!!

1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อพวช.

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ มีอาคารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยรูปทรงลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในประกอบไปด้วยนิทรรศการ 6 ชั้น ที่จัดแสดงเนื้อหาประวัติของนักวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อวกาศ โลก ธรณีศาสตร์ เทคโนโลยีภูมิปัญญาไทยและอีกมากมาย เหมาะมากที่จะพาน้องๆ ไปเที่ยวชมที่แห่งนี้ รับรองได้ความสนุกและความรู้มากมาย

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : เทคโนธานี ถนนเลียบคลองห้า ตำบล คลองห้า อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี 12120

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ (เวลา 09.30 -17.00 น.)

โทร : 02 577 9999

Website : nsm.or.th

Facebook : พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อพวช.

หมายเหตุ **ค่าเข้าชม ยกเว้นสำหรับเด็ก นักเรียน นักศึกษาระดับปริญญาตรี(อายุไม่เกิน 24 ปี โดยต้องแสดงบัตร ต่อเจ้าหน้าที่) และผู้สูงอายุชาวไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป**

 

2.พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

 

พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพกองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ
ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ จัดตั้งโดย กองทัพอากาศ เมื่อปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของกรมสารบรรณทหารอากาศ ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดนิทรรศการนำเสนอประวัติศาสตร์ด้านการบินของไทย การจัดแสดงเครื่องบินจำลองและเครื่องบินจริงที่ผ่านสมรภูมิการรบ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ที่จะพาลูกน้อยไปเรียนรู้ในวันหยุดกับความน่าตื่นตาใจของเครื่องบินเป็นอย่างมาก

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : เลขที่ 171 ถนนพหลโยธิน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 08.00 – 15.30 น. (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

โทร : 02-534-1853

Website: rtaf-museum.com

Facebook: พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ 

 

3.พิพิธบางลำพู

พิพิธบางลำพู
ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธบางลำพู

พิพิธบางลำพู เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดสร้างโดยกรมธนารักษ์ มีการจัดการแสดงนิทรรศการชุมชนบางลำพู เป็นแหล่งเรียนรู้และเล่าเรื่องราวเสน่ห์ของย่านนี้อย่างลึกซึ้ง ทางพิพิธภัณฑ์มักจะมีการจัดกิจกรรม Workshop ต่างๆเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกหรือตลาดขายอาหานจานเด็ดในย่านบางลำพูให้ได้ลิ้มลอง โดยสามารถติดตามได้ทางเพจ พิพิธบางลำพู นับเป็นสถานที่ที่นอกจากเด็กๆ จะเพลิดเพลินกับกิจกรรม งานศิลปะที่น่าสนใจ คุณพ่อคุณแม่ก็ได้พักผ่อน เที่ยวเพลินได้อีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง :  ถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เปิดรอบให้เข้าชมเป็นรอบ ทุกๆ 30 นาที

  • วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น. (รอบเข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 15.30 น.)
  • วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น.(รอบเข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 16.30 น.)

โทร : 0-2281-9828 , 02-281 0345 ถึง 51 ต่อ 1223 , 1224

Website : banglamphumuseum.treasury.go.th

Facebook : พิพิธบางลำพู 

หมายเหตุ **ค่าเข้าชม ยกเว้นสำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 10 ปีและผู้สูงอายุชาวไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป นักบวชทุกศาสนา ผู้พิการทุกประเภท รวมทั้งหมู่คณะที่ขอเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ**

 

4.พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่1 (จตุจักร)
ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่1 (จตุจักร)

พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร นับเป็นสถานที่ที่สร้างสรรค์นิทรรศการความรู้สำหรับเด็กและผู้ปกครองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัย เสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยต่างๆ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ต้องพัฒนาสมอง ทักษะและกล้ามเนื้อ มีการจัดโซนกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็น ลานสร้างสรรค์ โซนวิทยาศาสตร์หรือโซนสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ เป็นสถานที่ที่น่าพาน้องๆไปเที่ยวเล่นเพื่อเสริมสร้างจินตนาการและพัฒนาทักษะมากๆค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : 810 ถนน กำพงเพชร2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00 – 16.00 น.

โทร : 02-272-4500

Website : cdm-bangkok.com

Facebook : พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่1 (จตุจักร)

 

5.หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ
ขอบคุณรูปภาพจาก Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือที่วัยรุ่นมักเรียกกันว่า หอศิลป์ฯ นับเป็นเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ที่หลากหลายของวัฒนธรรม จะมีระยะเวลาการจัดแสดงงานศิลปะที่วนเวียนกันไป ทำให้สามารถรับชมงานศิลปะได้ไม่ซ้ำเลย ทุกวันนี้ศิลปะไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับเด็ก การพาน้องๆไปรับชมงานศิลปะ จะช่วยให้เด็กๆสร้างจินตนาการและเกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ทางหอศิลป์เองมักจัดกิจกรรมสำหรับเด็กๆในแต่ละเดือน เช่น workshop งานศิลปะหรือกิจกรรมเล่านิทาน คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามรายละเอียดทางเพจของหอศิลป์กรุงเทพฯได้เลยค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : เลขที่ 989 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00 น. – 19.00 น.

โทร : 02 214 6630-8

Website: bacc.or.th

Facebook: Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 

 

6.มิวเซียมสยาม

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ
ขอบคุณรูปภาพจาก Museum Siam

มิวเซียมสยาม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงรูปแบบสมัยใหม่ มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกและเข้าถึงในงานศิลปะ มีคำถามให้เราได้คิดและจินตนาการไปด้วย รวมไปถึงการจัดแสดงแสง สี เสียง ในแต่ละห้องให้เราได้ดื่มด่ำไปกับงานศิลปะ ทั้งนี้ทางพิพิธภัณฑ์มักจัดกิจกรรมต่างๆพิเศษอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามได้ทางเพจของพิพิธภัณฑ์ได้เลย มิวเซียมสยาม เป็นแหล่งเรียนรู้สมัยใหม่ ที่น่าสนใจ ถูกใจเด็กๆ แน่นอน ค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00 -18.00 น.

โทร : 02 225 2777

Website : museumsiam.org

Facebook : Museum Siam 

หมายเหตุ **ค่าเข้าชม ยกเว้นสำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีและผู้สูงอายุชาวไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป **

 

7.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ขอบคุณรูปภาพจาก National Museum Bangkok: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะและโบราณคดีในชาติไทย นอกจากศิลปะและโบราณวัตถุแล้ว ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังมีการจัดแสดงโบราณสถานคือ พระที่นั่งและพระตำหนัก ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมไทยที่งดงามมากๆ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : 4 ซอยหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ (หยุดจันทร์ – อังคาร) เวลา 9.00 – 16.00 น.

โทร : 02-224-1402

Website : finearts.go.th

Facebook : National Museum Bangkok: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

 

3.พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์

พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ
ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์

พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ เป็นแหล่งเรียนรู้วิวัฒนาการ “เงินตรา” ของไทยผ่านยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคปัจจุบัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงนิทรรศการแบบถาวรและนิทรรศการแบบชั่วคราว มีการจัดการแสดง สื่อกลางการแลกเปลี่ยนตามแต่ละพื้นที่ต่างๆ ห้องเหรียญจากนานาชาติและห้องกว่าจะมาเป็นเหรียญ ที่จะพาเราไปรู้จัก กระบวนการการผลิตเหรียญอีกด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : ถนนจักรพงษ์ แขวง ชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 08.30 -16.30 น.

โทร : 02 282 0818

Website : coinmuseum.treasury.go.th

Facebook : พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์

 

9.พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพ พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขอบคุณรูปภาพจาก Chula museum

พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยาแห่งแรกแห่งประเทศไทย อยู่ภายใต้การดูแลของ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์เพื่อรวบรวมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่มีอยู่ก่อนแล้วและวิจัยขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าทางวิชาการต่อไปได้

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : ตึกชีววิทยา 1 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตประทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์และปิดวันนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00 -16.00 น.

โทร : 02 218 5266

Website : biology.sc.chula.ac.th

Facebook : Chula museum 

 

10.พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ป้อมมหากาฬ (Living Heritage Museum)

พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ป้อมมหากาฬ (Living Heritage Museum)
ขอบคุณรูปภาพจาก เมืองของผู้คน

พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ป้อมมหากาฬ (Living Heritage Museum) เกิดจากการที่ชาวบ้าน นักอนุรักษ์และการช่วยเหลือจากภาคประชาชนช่วยกันร่วมมือพัฒนาชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อให้คนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ โดยเราจะพบกับวิถีชีวิตของชุมชนเก่าแก่ “ชานกำแพงพระนคร” มีเรื่องราววิถีชีวิตเก่าแก่ที่สืบถอดกันมาที่น่าสนใจให้เราได้เรียนรู้ ผ่านรูปแบบของ “Mahakan Model” จัดแสดงให้เห็นว่าคนในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานและร่วมกันพัฒนาให้เจริญได้เช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ตั้ง : บริเวณหลังป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ติดกับถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เสาร์- อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.

Facebook : เมืองของผู้คน

การเลือกไปพิพิธภัณฑ์นอกจากจะช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้และได้เปิดประสบการณ์สัมผัสสิ่งใหม่ๆมากขึ้นแล้ว น้องๆอาจได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษในช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ก็เป็นได้ ทำให้เด็กๆสามารถต่อยอดความตั้งใจพัฒนาทักษะและกระบวนการคิดเป็นระบบในด้านนั้นๆขึ้นไปได้ในอนาคต คุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็พร้อมสนับสนุนการสร้างเสริมประสบการณ์ของลูกๆอยู่แล้ว แถมยังได้ใช้เวลาร่วมกันกับลูกมากขึ้นไปอีก ว่าแล้วสุดสัปดาห์นี้ต้องพาลูกไปเช็คอินสักที่แล้วค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

7 ที่พักเชียงใหม่สวยๆ บนถนนนิมมาน เดินทางง่าย ใกล้ที่เที่ยว คุณแม่เพลินพ่อสนุกลูกแฮปปี้

พาลููกเที่ยว พัทยา 6 ที่เที่ยวมีกิจกรรมให้ทำเพียบ ถูกใจลูกแน่!

พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ 6 ที่เที่ยว กิน เล่น เช็กอินเอาใจลูก

MOMRATHON REVIEW

ประกาศผลสุดยอดคุณแม่นักรีวิวของประเทศไทย จากการประกวด MOMRATHON REVIEW

event
MOMRATHON REVIEW
MOMRATHON REVIEW

ประกาศผลสุดยอดคุณแม่นักรีวิวของประเทศไทย จากการประกวด MOMRATHON REVIEW พร้อมครองตำแหน่งอินฟลูเอนเซอร์ของ Amarin Baby & Kids อย่างเป็นทางการ จะเป็นใคร..มาชมกันค่ะ

MOMRATHON REVIEW

Amarin Baby & Kids เว็บไซต์สำหรับแม่ลูกที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ในเครือฯ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เดินหน้าอีกขั้นสู่การเป็นผู้นำคอนเทนต์ด้านแม่และเด็กยอดนิยมที่รู้ใจคุณแม่ทั่วประเทศมากที่สุด จัดงานประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศจากการประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย MOMRATHON REVIEW: THE BIGGEST MOM INFLUENCER CONTEST OF THAILAND ครั้งแรกกับกิจกรรมแข่งขันโชว์ทักษะความสามารถด้านการรีวิวสินค้าให้โดดเด่นในสไตล์ของตัวเอง เพื่อเฟ้นหาคุณแม่อินฟลูเอนเซอร์มืออาชีพหน้าใหม่ของเมืองไทย พร้อมครองตำแหน่งอินฟลูเอนเซอร์ของ Amarin Baby & Kids อย่างเป็นทางการ

ซึ่งในปีนี้มีการมอบรางวัลให้สุดยอดคุณแม่นักรีวิวผู้ชนะในโครงการฯ ทั้งหมด 6 รางวัล พร้อมรับเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท โดยภายในงานมีศิลปิน – อินฟลูเอนเซอร์ด้านแม่และเด็กชื่อดังร่วมเป็นกรรมการตัดสิน อาทิ เป้ บดินทร์ (เป้ MVL)  – กร ษิภูตา เดชสังวรณ์ และแม่แพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน เจ้าของเพจ Praew ณ โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว

MOMRATHON REVIEW

MOMRATHON REVIEW

ดร. สรัญ ฐิตะวสันต์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ผู้ชนะทั้ง 6 ท่านที่ได้รับรางวัลจากการประกวด MOMRATHON REVIEW: THE BIGGEST MOM INFLUENCER CONTEST OF THAILAND ครั้งแรกของเมืองไทย และขอขอบคุณคุณแม่อีกกว่า 300 ท่านที่ให้ความสนใจตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นก้าวใหม่ของวงการอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ของเมืองไทย ในการเฟ้นหาสุดยอดคุณแม่นักรีวิวหน้าใหม่มาประดับวงการได้สำเร็จ รวมถึงคว้าโอกาสเป็นอินฟูเอนเซอร์ของ Amarin Baby & Kids และมีสิทธิ์ร่วมงานกับบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ และพันธมิตรในระยะยาว ที่สำคัญขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้านทั่วประเทศที่ร่วมโหวตรางวัล Popular Vote ผ่านทาง Facebook: Amarin Baby & Kids เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเราสัญญาว่าจะมุ่งมั่นคัดสรรคอนเทนต์ต่างๆ และการรีวิวที่ทั้งสนุก เข้าใจง่าย มีสาระประโยชน์เพื่อแม่และเด็กที่มีคุณภาพสำหรับคุณแม่ชาวไทยต่อไปอย่างแน่นอน”

MOMRATHON REVIEW

MOMRATHON REVIEW

ทั้งนี้การแข่งขัน MOMRATHON REVIEW: THE BIGGEST MOM INFLUENCER CONTEST OF THAILAND มีการประกาศผลสุดยอดคุณแม่นักรีวิว ที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 6 รางวัล ซึ่งในแต่ละรางวัลจะได้รับเงินรางวัล พร้อมโล่เกียรติคุณ ดังนี้

  1. รางวัลชนะเลิศ คะแนนสูงสุด รับเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศ

ได้แก่ คุณพวงผกา รัตนวิจิตร (กิ่ง)

  1. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินสดมูลค่า 20,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

ได้แก่ คุณเบญจกร ทุ่งสุกใส (เบญ)

  1. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินสดมูลค่า 15,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลรองชนะเลิศอับดับ 2

ได้แก่ คุณกรกมล ศุภสมุทร (นีออน)

  1. รางวัลชมเชย รับเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชมเชย

ได้แก่ คุณฟิลิปดา ศิริจร (มายด์)

  1. รางวัลขวัญใจกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids รับเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลขวัญใจกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids

ได้แก่ คุณนุชจรินทร์ พงษ์พิพัฒน์ (โอ๋)

  1. รางวัล Popular Vote สำหรับผู้ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากผู้ชมหน้างานและทางบ้าน รับเงินสดมูลค่า 5,000 และโล่พร้อมป้ายรางวัล Popular Vote

ได้แก่ คุณวลัยพร เลขวัต (หยก)

MOMRATHON REVIEW MOMRATHON REVIEW MOMRATHON REVIEW MOMRATHON REVIEW MOMRATHON REVIEW

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมเสวนาเชิงวิชาการ Mom Influencer Talk จากอินฟลูเอนเซอร์ด้านแม่และเด็กชื่อดังของเมืองไทยอย่าง แม่แพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน เจ้าของเพจ Praew ในหัวข้อ “ถอดสูตรการเป็น Mom Influencer สุดต๊าช งานปังไม่มีสะดุด” เพื่อนำเสนอแนวคิดและรูปแบบการต่อยอดไอเดียสำหรับว่าที่คุณแม่’ซุปตาร์นักรีวิวที่เข้าร่วมงาน เพื่อการพัฒนาคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ในอนาคต

MOMRATHON REVIEW

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและภาพบรรยากาศของการประกาศรางวัล MOMRATHON REVIEW: THE BIGGEST MOM INFLUENCER CONTEST OF THAILAND ได้ทางเว็บไซต์ https://www.amarinbabyandkids.com หรือที่ Facebook: Amarin Baby & Kids

ขนมเด็ก

10 ขนมเด็ก มีประโยชน์ เคี้ยวอร่อย เหมาะสำหรับลูกน้อย

Alternative Textaccount_circle
event
ขนมเด็ก
ขนมเด็ก

ขนมเด็ก เป็นหนึ่งในตัวช่วยเสริมพัฒนาการให้กับลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการหยิบจับ การใช้กล้ามเนื้อ และการเริ่มฝึกเคี้ยวของเด็กๆ นอกจากนี้ขนมเด็กหลายชนิดยังมีคุณประโยชน์จากสารอาหารที่ช่วยเสริมโภชนาการให้กับลูกน้อยอีกด้วย แต่เด็กเล็กจะสามารถทานขนมชนิดไหนได้บ้าง แล้วควรเลือกขนมแบบไหนถึงจะเหมาะสมและมีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากที่สุด วันนี้ทีม ABK คัดขนมเด็ก สุขภาพดีที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อลูกน้อย และหลักการเลือกขนมสำหรับเด็กมาเป็นตัวเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองตัดสินใจเลือกซื้อกันค่ะ

หลักการเลือกขนมสำหรับเด็ก 

  1. เลือกขนมที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อย ควรดูก่อนว่าขนมชนิดนั้นผลิตมาสำหรับเด็กในช่วงวัยไหน
  2. ดูส่วนผสมของขนมเป็นหลัก เพื่อป้องกันหากลูกน้อยแพ้อาหารชนิดไหน
  3. เลือกขนมที่มีพลังงานไม่สูงมาก ไม่ควรมีน้ำมันและน้ำตาลมากเกินไป โดยมีข้อกำหนดของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้เด็กควรได้รับพลังงานจากอาหารว่างไม่เกินมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรี่ วันละ 2 ครั้ง
  4. ขนมที่เลือกควรมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน เหล็ก แคลเซียม วิตามิน A C B1 B2 หรือใยอาหาร โดยแต่ละชนิดมีปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  5. ควรเลือกซื้อขนมที่มีสีตามธรรมชาติ ไม่ควรเลือกขนมที่ใส่สีฉูดฉาดหรือแต่งสี
  6. คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกขนมโดยการพิจารณาจากข้อมูลบนฉลากโภชนาการด้วยทุกครั้ง

10 ขนมเด็ก มีประโยชน์ เคี้ยวอร่อย เหมาะสำหรับลูกน้อย

1.Begin Baby Food คุกกี้ “ข้าวบราวไรซ์” ผสมผักและเนื้อผลไม้

Begin Baby Food คุ้กกี้ “ข้าวบราวไรซ์” ผสมผักและเนื้อผลไม้
ขอบคุณรูปภาพจาก beginbabyfood

Brown Rice Cookie  คุกกี้ “ข้าวบราวไรซ์” ผสมผักและเนื้อผลไม้ฟรีซดาย Brown Rice Organic 100% Gluten Free100% คุกกี้สุขภาพ ทำจากข้าวกล้องออร์แกนิคผสมเนื้อผักธรรมชาติ เพิ่มความกรุบกรอบด้วยผลไม้ฟรีซดาย อบด้วยความร้อนกำลังดี คงคุณค่าสารอาหารครบถ้วน เนื้อสัมผัสกรอบเบา ละลายในปาก ในแบบแท่งหยิบจับถนัดมือ รสชาติหอมละมุน กลมกล่อม ไม่หวาน อร่อยถูกใจลูกน้อย ไม่มีแป้งสาลี Dairy Free ไม่มีผลิตภัณฑ์จากนม Soy Free ไม่มีถั่ว Low Sugar ไม่มีสารเคมีและวัตถุกันเสีย มีให้เลือก 4 รส บีทรูท – สตรอเบอร์รี่,ฟักทอง – กล้วย,ผักโขม – แอ๊ปเปิ้ล,มันม่วง – มะม่วง 1 ซอง 20g

สั่งซื้อคลิกเลย >> beginbabyfood

 

2.Wel-B​ Yogurt​ Melts​ Mixed berry

ขนมเด็ก Wel-B​ Yogurt​ Melts​ Mixed berry
ขอบคุณรูปภาพจาก Welbshop

โยเกิร์ตกรอบ ผลิตจากโยเกิร์ต 100% ไม่ใส่สารปรุงเเต่งไม่มีน้ำมัน ไม่ใส่วัตถุดิบกันเสีย ไม่ใส่เกลือ ผลิตโดยกระบวนการฟรีซดราย ที่ทำให้แห้งโดยใช้ความเย็น ทำให้ยังเก็บรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน เป็นกระบวนการถนอมอาหารที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่สำคัญกระบวนการนี้รักษาจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในโยเกิร์ตไว้ได้ ทำให้ดีต่อระบบขับถ่ายของน้องๆ ทานเเล้วละลายในปาก ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดคอ ทานง่าย ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและทักษะการหยิบจับของลูกน้อย ขนาด 42 กรัม (ในกล่องจะเป็นซองๆ ละ 7 กรัม ไว้แบ่งทานได้ 6 ซอง) เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ส่วนประกอบ Yogurt Mixed Berry 100% (โยเกิร์ตรสมิกซ์เบอร์รี่ 100%) มีส่วนประกอบของนมวัว เด็กที่มีอาการเเพ้นมวัวไม่ควรรับประทาน

สั่งซื้อคลิกเลย >> shop.welbsnack

 

3.”Bebekim” Finger  ขนมข้าวกล้องออร์แกนิค

"Bebekim" Finger  ขนมข้าวกล้องออร์แกนิค
ขอบคุณรูปภาพจาก bebekimofficial

“Bebekim” Finger ทำจากข้าวออร์แกนิคแท้ Made in Korea ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ปลอดภัย 100% ส่วนประกอบสำคัญ ข้าว 98%, ผักผลไม้ออแกนิค 2% STEP 1 ขนาด 25 กรัม ( 25 g.) ผลิตจากข้าวออร์แกนิคแท้ 100% ไม่ใส่น้ำตาล น้ำมัน สารปรุงแต่ง ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลี เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-8 เดือน ฟันยังไม่ขึ้นหรือน้อยกว่า 2 ซี่ ขนมละลายง่ายเหมาะสำหรับน้องที่ฟันยังไม่ขึ้นหรือฟันเพิ่งขึ้น มีความโค้งมน และละลายง่ายด้วยน้ำลาย ซึ่งคล้ายกับอาหารบด ทำให้ไม่บาดเหงือกเมื่อเคี้ยวขนม เหมาะสำหรับเด็กที่เริ่มฝึกทานอาหารบด เริ่มใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการหยิบจับสิ่งของ เพิ่มความแข็งแรงของเหงือก กระตุ้นการเกิดของฟันน้ำนม พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และเล็ก ฝึกสมาธิและการเชื่อมโยงของตา ปากและมือ ทำให้เด็กได้ฝึกหัดการทานอาหารด้วยตัวเอง

สั่งซื้อคลิกเลย >>  bebekimofficial

4.ขนมผิงแคลเซียมจากญี่ปุ่นมีวิตามิน B6 B12

ขนมผิงแคลเซียมจากญี่ปุ่นมีวิตามิน B6 B12
ขอบคุณรูปภาพจาก organika2kids

ขนมผิงโบโร่ผสมแคลเซียมที่มีแคลเซียมถึง 600 mg บิสกิต 1 กล่องประกอบไปด้วย แคลเซียม 600 mg , วิตามิน B1 B2 เสริมสร้างการเติบโต ช่วยบำรุงประสาท เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และยังบำรุงสมองอีกด้วย วิตามิน B2 เสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยเรื่องผิวพรรณและการมองเห็น ธาตุเหล็ก ทานเล่นๆ แต่ได้ประโยชน์มากมาย ทานง่ายสำหรับลูกน้อยที่เป็นคนทานยากไม่ชอบทานนมสด  1 กล่อง มี 4 ซอง น้ำหนัก 80 กรัม (ของแท้นำเข้าถูกต้องมีอย.ในประเทศไทย)

สั่งซื้อคลิกเลย >> organika2kids

 

5.Gerber Puff ขนมเด็ก รูปดาวนำเข้าจากอเมริกา

Gerber Puff ขนมเด็ก รูปดาวนำเข้าจากอเมริกา
ขอบคุณรูปภาพจาก Gerber

ขนมสำหรับเด็ก Gerber Graduates Finger Food Puffs เหมาะสำหรับน้องวัยคลาน ประมาณ 8 เดือนขึ้นไป  มีส่วนผสมของธัญพืชขัดสีน้อย (Whole grains)  มีคุณค่าทางอาหารสูง มีธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามิน E มีขนาดเล็กพอดีคำ และละลายในปาก ไม่ต้องกังวลว่าจะติดคอเด็ก ส่วนผสมทำจากผลไม้แท้  สะดวกในการพกพาและเหมาะสำหรับเป็นของว่างให้ลูกน้อย

สั่งซื้อคลิกเลย >> Gerber

 

6.Peachy พีชชี่ ขนมเด็ก พัพฟ์ธัญพืช

Peachy พีชชี่ ขนมเด็ก พัพฟ์ธัญพืช
ขอบคุณรูปภาพจาก peachy

พัฟฟ์ธัญพืช Peachy ได้มาตรฐาน อย. (FDA) อาหารเสริมจากธรรมชาติ ทำจากผักและผลไม้ 100% ไม่เติมน้ำตาลและเกลือ ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีส่วนผสมของนมวัวและไข่เด็กสามารถะทานเองได้และสะดวกในการใช้งาน สามารถเปิดทานได้ทันที  ไม่แนะนำให้เด็กแพ้แป้งและถั่วทาน  มีส่วนผสมของพีช ไม่มีวัตถุกันเสีย (No preservatives) ไม่มีส่วนผสมของไข่ (No egg ingredients) ไม่มีส่วนผสมของนม (No dairy ingredients) แต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ (Nature identical flavour added)  ทำจากธัญพืช 6 ชนิด คือ ข้าวโอ๊ต, แป้งโฮลวีท, ถั่วแดง, ลูกบัว, ลูกเดือย, แป้งข้าวกล้อง เหมาะเป็นของว่างสำหรับเด็กวัย 1 ปีขึ้นไป ส่วนประกอบที่สำคัญ แป้งข้าวกล้องบด , แป้งโฮลวีท, แป้งข้าวโพด, ลูกเดือย,ถั่วแดง, ข้าวโอ๊ต, ลูกบัว ,พีช สามารถรับประทานผสมพร้อมกับนมหรือโยเกิร์ตได้

สั่งซื้อคลิกเลย >> peachy

 

7.Apple Monkey Organic Rice Cracker แครกเกอร์ข้าวหอมมะลิ ผักผลไม้ออร์แกนิก

Apple Monkey Organic Rice Cracker แครกเกอร์ข้าวหอมมะลิ ผักผลไม้ออร์แกนิก 
ขอบคุณรูปภาพจาก applemonkey_officialshop

Apple Monkey Organic Rice Cracker  แครกเกอร์ผลิตจากข้าวหอมมะลิ และผักผลไม้ออร์แกนิก ได้รับรองมาตรฐานสากล USDA เพราะเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีมีประโยชน์  ไม่มีส่วนผสมกลูเต็น นมวัว ถั่ว ไข่  หวานน้อย อร่อย กลมกล่อม  สะอาด ปลอดภัย  ช่วยเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก มีส่วนผสมจาก dha จากปลาทะเล ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีผงชูรส มี 6 รสชาติ ฝักทอง,ข้าวโพด,ผักโขม,สตอเบอรี่+บลูเบอร์รี่,สตอเบอรี่กล้วย,มันม่วง กล่องละ 30 กรัม บรรจุ 10 ซองใน 1 เนื้อสัมผัสสามารถละลายได้ในปาก อายุสินค้านับจากวันผลิต 12 เดือน

สั่งซื้อคลิกเลย >> applemonkey_officialshop

 

8.Cubbe Baby Snacks – ขนมเด็กสุขภาพดี

Cubbe Baby Snacks ขนมเด็ก สุขภาพดี
ขอบคุณรูปภาพจาก cubbe.official

Cubbe Baby Snacks ขนมเด็กที่ทำจากผักผลไม้ 100% เหมาะสำหรับเด็กอายุ 8 เดือนขึ้นไป 1 กล่อง บรรจุ 3 ซอง ใน 1 เซ็ต ประกอบไปด้วย 1. มะม่วง 1 กล่อง 21 g (7g x 3 ซอง) 2. สตรอเบอร์รี 1 กล่อง 12 g (4g x 3 ซอง) 3. บร็อคโคลีผสมมันหวานญี่ปุ่น 1 กล่อง 21 g (7g x 3 ซอง) 4. กล้วยผสมอะโวคาโด 1 กล่อง 21 g (7g x 3 ซอง) ทำจากผักผลไม้ล้วน 100%  ไม่เติมแต่งสาร ไม่มีสารกันบูด  ปราศจากกลูเต็น แป้ง นม ไข่ ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ ผลิตด้วยกระบวนการฟรีซดราย  สามารถรักษาสารอาหารจากผักและผลไม้สด ได้รับมาตรฐาน GMP HACCP  สามารถทานโดยผสมน้ำร้อน 150 ซีซี รับประทานเป็นอาหารเหลวได้ สำหรับฝึกน้องรับรสสัมผัส และคุ้นเคยกับกลิ่นผัก แถมได้ใยอาหารจากผักเต็มๆ นำคิวบ์ 1 ซองมาบีบให้เป็นผง ผสมกับข้าวโอ๊ต ข้าวบด เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับซีเรียล์ยามเช้ารู้สึกไม่จำเจ หรือรับประทานคู่กับโยเกิร์ต นำมาทำเครื่องดื่มแสนอร่อยก็ได้

สั่งซื้อคลิกเลย >> cubbe.official

9.คุกกี้ข้าวผสมตับ สูตรไร้แป้งสาลี GlutenFree 100%

ขนมเด็ก คุ้กกี้ข้าวผสมตับ สูตรไร้แป้งสาลี GlutenFree 100%
ขอบคุณรูปภาพจาก beginbabyfood

คุกกี้ตับพี่หมีทำจากข้าวกล้องผสมตับเต็มๆ กรอบบาง อร่อย ทานง่าย ผลิตใหม่เอี่ยมทุกวัน ไม่ขม กรอบบาง ทานง่าย ประโยชน์เยอะ อร่อยมากกก  เพิ่มธาตุเหล็กแบบเนียนๆให้ลูกน้อย ช่วยบำรุงเลือด ความจำดี และเสริมประสทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ เด็กแพ้ Top 8 ( Top 8 Free) ทานได้ กลูเทนฟรี ไม่ขม ทานง่าย ประโยชน์เยอะ สูตรเฉพาะของ Begin ไม่มีแป้งสาลี ไม่มีไข่ ไม่มีนม ไม่มีถั่ว ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ใดๆ ขนาด 50g ส่วนผสมได้แก่ ตับไก่ แป้งข้าวหอมมะลิ แป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวโพด

สั่งซื้อคลิกเลย >> beginbabyfood

 

10.Dried Prune Puree / ลูกพรุนบดอบแห้ง

ขนมเด็ก Dried Prune Puree / ลูกพรุนบดอบแห้ง
ขอบคุณรูปภาพจาก Sweetpeathailand

เป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ด้วยขนาดที่เล็กพอดีคำและเด็กเล็กสามารถหยิบจับได้ง่าย ทุกถุงอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตและสร้างความแข็งแรงให้กระดูก สามารถพกพาไปในที่ต่างๆได้อย่างสะดวกและเป็นการฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับการรับประทานผลไม้ได้เป็นอย่างดี ทำจากลูกพรุนสด 100% อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามินเอ โพแทสเซียม และแคลเซียม ไม่เติมน้ำตาล ไม่ใส่สารกันบูด ไม่แต่งกลิ่นหรือสีสังเคราะห์ ปราศจากกลูเตน100% Vegan GMO free เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป

สั่งซื้อคลิกเลย >> Sweetpeathailand

 

ถึงแม้ว่าขนมเด็กจะช่วยเสริมพัฒนาการและมีคุณประโยชน์กับลูกน้อยมากแค่ไหนก็ตาม แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องอย่าลืมควบคุมปริมาณที่ลูกน้อยสามารถกินได้ต่อวันไว้ด้วย ควรให้ทานครั้งละน้อย ๆ สำหรับมื้อทานเล่น และควรดูแลเวลาลูกน้อยรับประทานขนม เพื่อป้องกันเกิดการสำลักค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

10 เมนูของว่าง สำหรับเด็ก ทำง่าย ได้ประโยชน์เต็มคำทุกเมนู (มีคลิป)

Fiber Mate Kiddy ไอเทมเด็ด! สำหรับเด็กท้องผูก ช่วยอุจจาระนิ่ม ถ่ายง่ายทุกวัน

ขนมปังโฮลวีต เลือกแบบไหน อย่างไรให้ลูกดี

 

 

จุกนม

10 จุกนม ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับลูกน้อย

Alternative Textaccount_circle
event
จุกนม
จุกนม

จุกนม ถือเป็นอีกหนึ่งของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย เพราะเป็นไอเท็มที่เหล่าคุณแม่มือใหม่ต้องใช้ ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ผลิตจุกนมคุณภาพออกมาวางจำหน่ายแข่งขันกันมากมาย ทำให้คุณแม่มือใหม่อาจยังสับสนและไม่รู้ว่าจะต้องเลือกแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมกับลูกน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาด ลักษณะของรู วิธีการดูแลทำ ความสะอาด ควรเลือกยังไง วันนี้ทีมแม่ ABK มีทริคการเลือกซื้อและหยิบ 10 จุกนมแต่ละแบบมาเป็นตัวเลือกให้คุณแม่ๆได้พิจารณากันค่ะ

วิธีการเลือกจุกนมให้เหมาะกับลูกน้อย

เลือกขนาดของจุกนมให้เหมาะกับอายุ  –  รูปร่างและขนาดของจุกนมแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน แนะนำให้พิจารณาและตัดสินใจเพิ่มว่าแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นเหมาะกับเด็กอายุช่วงไหน โดยขนาดหลักๆ ของจุกนมแบ่งออกเป็น 

  • ขนาดเล็กพิเศษ (SS) ซึ่งเหมาะกับทารกแรกเกิด
  • ขนาดเล็ก  (S) สำหรับทารก 1 เดือนขึ้นไป
  • ขนาดกลาง (M) สำหรับทารก 3 เดือนขึ้นไป
  • ขนาดใหญ่ (L) ใช้สำหรับทารก 6 เดือน ขึ้นไป
  • ขนาดใหญ่ (XL)ใช้สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป และสำหรับดื่มน้ำผลไม้

คำนึงถึงวัสดุที่ใช้เป็นหลัก  – ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนหรือยางธรรมชาติก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็กๆด้วย เนื่องจากกล้ามเนื้อและแรงในการดูดของเด็กในแต่ละช่วงต่างกัน หากเป็นลูกน้อยแรกเกิดที่เพิ่งหย่านมควรเลือกใช้จุกนมที่ใช้วัสดุที่นิ่มเพื่อง่ายต่อการดูดไม่ต้องออกแรงเยอะ แต่หากลูกน้อยฟันเริ่มขึ้นหรือมีแรงดูดที่มากขึ้น แนะนำให้เลือกวัสดุที่แข็งขึ้นค่ะ

พิจารณาจากรูของจุกนมก่อนซื้อ – เนื่องจากรูของจุกนมเป็นตัวกำหนดความเร็วในการไหลของน้ำนม ดังนั้นจึงควรเลือก  รูปร่างของรูบนจุกนมให้เหมาะกับปริมาณการดื่มและแรงดูดของเด็ก โดยลักษณะของรูโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 แบบ   คือ รูกลม,  รูแบบกากบาท และรูรูปตัว Y

  • รูแบบกลม เหมาะมากสำหรับเด็กแรกเกิด ทารกที่อายุน้อยกว่า 3 เดือน หรือทารกที่ยังมีแรงดูดไม่มากนัก เพราะจุกนมแบบนี้ถูกออกแบบมาให้น้ำนมไหลออกมาเมื่อมีการเอียง ทำให้ไม่ต้องออกแรงดูดมาก
  • รูแบบกากบาทหรือรูรูปตัว Y เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 – 6 เดือน เพราะรูจุกนมแบบนี้สามารถคุมปริมาณน้ำนมที่ไหลออกมาได้ด้วยแรงดูดของลูกน้อยที่มีแรงในการดูดมากขึ้น ยิ่งดูดมากน้ำนมก็จะไหลออกมามาก

เลือกจุกนมที่สามารถใช้กับขวดนมปัจจุบันได้ ควรเลือกจุกนมที่สามารถใส่กับขวดนมที่เลือกซื้อมาพอดี เนื่องจากจุกนมมีทั้งแบบคอแคบและคอกว้าง หากเลือกมาไม่พอดีกับขวดนมอาจทำให้เสียเงินเปล่า แนะนำให้ซื้อจุกนมยี่ห้อเดียวกันกับขวดนม เพราะมักจะออกแบบมาให้ใส่ได้เหมาะสมพอดีกันอยู่แล้ว

เลือกจุกนมที่มีคุณสมบัติทนความร้อน – ควรอ่านฉลากจุกนมก่อนซื้อว่ามีข้อห้ามในการทำความสะอาดด้วยวิธีไหนบ้าง เช่น วิธีการต้ม  ใช้เครื่องนึ่ง  ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือแช่น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพราะวัสดุที่ใช้ทำจุกนมของแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีทำความสะอาดบางอย่างอาจทำให้เกิดสารอันตรายตกค้างและเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การต้ม ดังนั้นการเลือกจุกนมที่สามารถทนความร้อนได้ดีจึงจะปลอดภัยกับลูกน้อยที่สุด

10 จุกนม ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับลูกน้อย

1.Philips Avent Natural จุกนมคอกว้าง

Philips Avent Natural จุกนมคอกว้าง
ขอบคุณรูปภาพจาก central.co.th

ให้ลูกน้อยได้ใช้การเคลื่อนไหวของปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะวัสดุที่ใช้เป็นซิลิโคน 1OO% นุ่มพิเศษและยืดหยุ่นเพื่อการเคลื่อนไหวของลิ้นที่เป็นธรรมชาติและ นุ่มนวล ระบบระบายอากาศ (AVSTM) ช่วยลดปริมาณก๊าซซึ่งเป็นสาเหตุของอาการจุกเสียด ทำจากวัสดุ PPSU ทนความร้อนสูง ปลอดสาร BPA ฐานจุกนมกว้างให้ความเป็นธรรมชาติเสมือนดูดน้ำนมจากอกแม่

  • สำหรับเด็กช่วงวัย 6 เดือนขึ้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ PPSU
  • มี 4  รู เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

2.Pigeon SofTouch จุกนมเกลียวมาตรฐานคอแคบ

Pigeon จุกนมซิลิโคน แบบปากแคบ
ขอบคุณรูปภาพจาก lnycx.th

คุณแม่ส่วนใหญ่เลือกให้ Pigeon เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ เพราะวัสดุที่ใช้ปราศจากสารไนโตรซามีน ปราศจากยาง ปราศจากสาร Phthalate ปราศจากสาร BPA  จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย การไหลของน้ำนมจะสามารถไหลออกมาตามธรรมชาติ ยิ่งรูมีขนาดใหญ่ยิ่งไหลมากขึ้น น้ำนมจะไม่ไหลออกมาหากไม่ดูด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ PVC
  • ขนาด: S / M / L / X

สั่งซื้อคลิกเลย >> pigeon_officialstore

 

3.จุกนมเกลียวมาตรฐานคอกว้าง

PUR จุกนมGENTLE TOUCHคอกว้างกลาง2P
ขอบคุณรูปภาพจาก central.co.th

จุกนมจาก PUR ที่ถูกออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์ ช่วยให้ลูกน้อยดูดนมได้อย่างเหมือนจากอกของมารดา ทำให้ง่ายต่อการฝึกลูกน้อยให้เปลี่ยนจากดื่มจากเต้า เป็นดื่มจากขวดนม จุกนม Gentle Touch Wide Neck มาพร้อมแอร์วาว์ล ช่วยให้อากาศไหลผ่านจุกนม ทำให้ไม่เกิดสุญญากาศที่ขวดนม จึงช่วยลดอาการสำลักซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการโคลิก มีฐานกว้าง ใกล้เคียงกับหัวนมมารดา จึงเหมาะสำหรับการสลับการให้นมแม่และนมขวด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ ซิลิโคนบริสุทธิ์
  • จุกนมขนาด M ไหลปานกลาง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 – 6 เดือน

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

4.Nanobebe จุกนม Silicone Nipples Twin-Pack – Medium Flow

Nanobebe จุกนม Silicone Nipples Twin-Pack - Medium Flow
ขอบคุณรูปภาพจาก central.co.th

จุกนมของ nanobébé มีระบบระบายอากาศทั่วทิศทาง 360 องศา ซึ่งจะช่วยลดอาการโคลิก โดยมีการระบายอากาศที่เข้าไปในขวดในขณะที่ทารกดื่ม จุกนมได้ถูกผลิตโดยซิลิโคนที่นุ่มเป็นพิเศษ และมีรูปทรงคล้ายคลึงกับเต้านมแม่ ทำให้ทารกดูดได้ง่าย ซึ่งช่วยลดการสับสนระหว่างเต้านมและขวดนมของทารก ปลอดสาร BPA

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ ซิลิโคนคุณภาพดีนุ่มพิเศษเกรดโรงพยาบาล ช่วยป้องกันการแพ้ยางพารา
  • มีขนาด 4 ขนาดตามความต้องการของทารก

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

5.จุกนม comotomo จุกนมจุกนมคอกว้างพิเศษ

จุกนม comotomo จุกนมจุกนมคอกว้างพิเศษ
ขอบคุณรูปภาพจาก babyhouse88

ให้ลูกน้อยได้ใช้การเคลื่อนไหวเสมือนได้ดูดนมตามธรรมชาติ วัสดุซิลิโคน 1OO% นุ่มพิเศษและยืดหยุ่นเพื่อการเคลื่อนไหวของลิ้นที่เป็นธรรมชาติและนุ่มนวล ระบบระบายอากาศ (AVSTM) ช่วยลดปริมาณก๊าซซึ่งเป็นสาเหตุของอาการจุกเสียด ทำจากวัสดุโพลีฟีนิลซัลโฟน (PPSU) ทนความร้อนสูง ปลอดสาร BPA

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ PPSU
  • มีให้เลือกขนาด S / M / L และแบบทรง X / Y
  1. size S (1-3 month) สำหรับเด็ก 1-3 เดือน
  2. size M (3-6 month) สำหรับเด็ก 3-6 เดือน
  3. size L (6 month+) สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป
  4. แบบทรง Y (9 month +) สำหรับเด็ก 9 เดือนขึ้นไป
  5. แบบทรง X(12 month +) สำหรับเด็ก 12 เดือนขึ้นไป

สั่งซื้อคลิกเลย >> amazon.com

 

6.PIGEON จุกนมคอแคบ พลัสซอฟท์ทัส LLP4

PIGEON จุกนมคอแคบ พลัสซอฟท์ทัส
ขอบคุณรูปภาพจาก central.co.th

สินค้าผลิตจากซิลิโคน ทนความร้อน 120 C ปลอดสารอันตราย  BPA free สามารถนึ่งทำความสะอาดได้ด้วย เครื่องนึ่งขวดนมด้วยความร้อนได้ปกติ รับประกันความนิ่ม 100% AVS TM (Air Ventilation  System) คือ ระบบควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ปรับความดันในขวดขณะดูด ลดไม่ให้อากาศเข้าตอนลูกดูดนม  ลดปัญหาลูกสำลักนม ลักษณะจุกนมออกแบบให้เสมือนการดูดนมจากอกมารดา พื้นผิวสัมผัสไม่เหนียว ทำให้ริมฝีปากทารกดูดได้อย่างลื่นไหลนุ่มนวล รูปทรงฐานป่องปลายเล็ก ช่วยกระตุ้นการดดูดอย่างธรรมชาติ รอยเส้นตรงข้างจุกนมป้องกันการฟีบแบนขณะดูด รูจุกออกแบบให้น้ำนมไหลตามปริมาณที่ทารกต้องการ หมดปัญหาเรื่องการสำลัก

  1. จุกนมคอแคบไม่ดูดไม่ไหล มีขนาด SS(-) / S(-) / M(Y) / L(+)
  2. จุกนมคอแคบ รูเจาะธรรมดา (ดูดครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไหลเอง) มีขนาด S(o) / M(o) / L(o)

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • ขนาด กว้าง 4 CM. สูง 4 CM. มีให้เลือกขนาด SS / S / M / L
  1. ขนาด SS เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด -1 เดือน จะมีรูผ่าเป็นรอย – ขนาดรอยผ่าจะใหญ่ตามเบอร์จุกนม
  2. ขนาด S เหมาะสำหรับเด็ก 1+ เดือนขึ้นไป จะมีรูผ่าเป็นรอย – ขนาดรอยผ่าจะใหญ่ตามเบอร์จุกนม
  3. ขนาด M เหมาะสำหรับเด็ก 3+ เดือนขึ้นไป จะมีรูผ่าขนาดใหญ่เป็นรูป Y
  4. ขนาด L เหมาะสำหรับเด็ก 6+ เดือนขึ้นไป จะมีรูผ่าขนาดใหญ่เป็นรูป +

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

7.JuJu JE004 จุกนมกันสำลักทรงนุ๊กสีเหลืองชา

JuJu JE004 จุกนมกันสำลักทรงนุ๊กสีเหลืองชา
ขอบคุณรูปภาพจาก jujubabyproducts.com

ใช้กับขวดนมคอแคบ เป็นจุกนมทางเลือกสำหรับเด็กทารกไม่ยอมดูดจากจุกนมใสซิลิโคน ล้างทำความสะอาดจุกนมด้วยน้ำยาล้างขวดนมตามปกติ จุกนมเจาะรูด้านข้างเพื่อชะลอการไหลของนม ช่วยลดการสำลัก จุกนมจะเปลี่ยนสีซีดลงเมื่อโดนอุณหภูมิความร้อนสูงเป็นเรื่องปกติของเนื้อยางธรรมชาติ สามารถทนความร้อนสูงถึง 100 องศา จึงสามารถเข้าเครื่องนึ่ง อบ พาสเจอร์ไรซ์ฆ่าเชื้อได้ตามปกติ

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • ทำจากยางธรรมชาติ จุกนมจะมีกลิ่นยางจากธรรมชาติ ใช้ไปเรื่อยๆกลิ่นยางจะค่อยๆลดลงเอง
  • มีให้เลือกขนาด S / M / L
  1. ขนาด S สำหรับ 0-3 เดือน
  2. ขนาด M สำหรับ 3-6 เดือน
  3. ขนาด L สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป

สั่งซื้อคลิกเลย >> jujubabyproducts.com

 

8.ATTOON CENTER จุกนมเสมือนนมแม่

ATTOON CENTER จุกนมเสมือนนมแม่
ขอบคุณรูปภาพจาก attoon_official

ผลิตจากยางซิลิโคน 100% เกรด Virgin ไม่ผสมเม็ด Recycle ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน มอก.  รุ่น Flat protection ปราศจากสารอันตรายต่างๆ BPA Free  ผิวด้านในเรียบไม่มีปุ่มไม่สะสมคราบ เนื้อยางใสพิเศษฐานกลมนุ่มยืดหยุ่น ระบบวาล์วช่วยทำให้จุกไม่แฟบ

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • ผลิตจากยางซิลิโคน 100%
  • มีให้เลือกขนาด S / M / L / XL
  1. ขนาด S สำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 3 เดือน
  2. ขนาด M สำหรับเด็ก 3 เดือน ถึง 6 เดือน
  3. ขนาด L สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป
  4. ขนาด XL สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป และสำหรับดื่มน้ำผลไม้

สั่งซื้อคลิกเลย >> attoon_official

 

9.จุกนม Attoon รุ่นใหม่ล่าสุด New Super soft

จุกนม Attoon รุ่นใหม่ล่าสุด New Supper soft 
ขอบคุณรูปภาพจาก attoonbaby.com

จุกนม Attoon รุ่นใหม่ล่าสุด New Super soft คอกว้างปลายนิ่มเหมือนนมแม่ มีวาล์วแบบ Vshape Attoon ฐานธรรมชาติ ยาวพอเหมาะกับปากลูกน้อย มีวาล์วเติมอากาศแบบตัว V shape ดูดสบายคล้ายธรรมชาติ ลักษณะจุกนม ฐานกลม เป็นธรรมชาติ มีความนุ่ม ยืดหยุ่น มีวาล์วคู่ช่วยให้จุกไม่แฟบ ลดอาการท้องอืด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ ซิลิโคน food grade
  • คอกว้าง Anti colic คอกว้างกันสำลักและคอแคบกันสำลัก
  • มีให้เลือกขนาด S / M / L
  1. ขนาด S (0-3เดือน)
  2. ขนาด M (3-6เดือน)
  3. ขนาด L (6เดือนขึ้นไป)

สั่งซื้อคลิกเลย >> attoonbaby.com

 

10.NATUR จุกนมสมาร์ทไบโอมิมิค คอกว้าง

NATUR จุกนมสมาร์ทไบโอมิมิค คอกว้าง
ขอบคุณรูปภาพจาก naturbf.com

จุกนมหลายรูเสมือนดูดจากนมแม่ ลูกน้อยสามารถควบคุมการไหลของน้ำนมได้ด้วยตัวเอง ซิลิโคนเกรดนุ่มพิเศษสัมผัสนุ่มและยืดหยุ่นดีกว่าเดิมปลอดสาร BPA วาล์วคู่แอดวานซ์ควบคุมการไหลเวียนของอากาศช่วยให้ลูกน้อยดูดเพลินลดอาการโคลิค ง่ายต่อการสลับกับการให้นมจากอกแม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติดูดมากได้น้ำนมมากดูดน้อยได้น้ำนมน้อยลดโอกาสสำลักน้ำนม ผลิตภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001, GMP lla: HACCP (Complies with EN 14350)

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ ซิลิโคนเกรดนุ่มพิเศษ
  • มีให้เลือกขนาด S / M / L
  1. ขนาด S (Slow flow 4 s) เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด-3 เดือน
  2. ขนาด M (Medium flow 6 g) เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3-6 เดือน
  3. ขนาด L (Fast flow 8 g) เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป

สั่งซื้อคลิกเลย >> naturbf.com

 

การเลือกจุกนมควรเลือกให้ลูกน้อยรู้สึกเสมือนได้ดูดนมแม่จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นที่สุด ดังนั้นคุณแม่ๆ ควรเลือกด้วยความใส่ใจที่สุด และควรเปลี่ยนจุกนมตามช่วงวัยของลูกน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วควรจะเปลี่ยนทุกๆ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภท สภาพการใช้งาน และการเก็บรักษาทำความสะอาด ควรมีสำรองไว้อย่างน้อย 2 อัน ถ้าหากจุกนมเริ่มบวม เนื้อยางเริ่มนิ่ม หรือจุกนมมีการเปลี่ยนสี เช่น สีซีดจางลง ก็แสดงว่าจุกนมเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว สามารถเปลี่ยนใหม่ให้ลูกน้อยได้ทันทีค่ะ

 

 

ช้อปปิ้ง ยุคโควิด19

สายช้อปต้องรู้วิธีปฏิบัติตัวให้ปลอดภัยเมื่อ ช้อปปิ้ง ช่วงโควิด19

Alternative Textaccount_circle
event
ช้อปปิ้ง ยุคโควิด19
ช้อปปิ้ง ยุคโควิด19

ช้อปปิ้ง เรื่องจำเป็นของสาว ๆ วิธีเยียวยาจิตใจของใครหลายคน อย่าให้เชื้อโควิด19 มาขัดขวางได้ มาดูวิธีปฎิบัติตัวให้ปลอดภัยเมื่อจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน

สายช้อปต้องรู้!! วิธีปฏิบัติตัวให้ปลอดภัยเมื่อ ช้อปปิ้ง ช่วงโควิด19

โลกเริ่มเข้าสู่การยอมรับแล้วว่า เชื้อโควิด 19 จะเป็นเชื้อไวรัสที่คงอยู่คู่กับมนุษย์เราต่อไป ไม่หายไป จึงทำให้เริ่มมีแนวคิดในเรื่องที่ว่า จะปฎิบัติตัวอย่างไร ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรเมื่อเราต้องอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด 19

ศาสตราจารย์มาร์ก วูลเฮาส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาโรคติดเชื้อประจำมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ ในสกอตแลนด์ ระบุว่า ไวรัสก่อโรคโควิด-19 จะคงอยู่กับเราต่อไป และที่ผ่านมารัฐบาลหลายประเทศต้องเสียเวลาไปมากมายกว่าที่จะตระหนักได้ว่าจะไม่สามารถขจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้หมดสิ้นไปได้

แม้องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) จะกำหนดให้การระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นการระบาดใหญ่ในเดือน มี.ค. 2020 แต่ปัจจุบัน WHO ก็ไม่ได้ “ประกาศ” ให้มันเป็นโรคระบาดใหญ่อีกต่อไปแล้ว และไม่น่าจะประกาศให้โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นในตอนนี้

แต่ WHO ได้ประกาศให้โรคนี้เป็น “ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ” (public health emergency of international concern หรือ PHEIC) แทน

เมื่อเจ้าหน้าที่ WHO ประเมินแล้วว่าบริการสาธารณสุขทั่วโลกไม่อยู่ในความเสี่ยงจากยอดผู้ติดโควิดในระดับสูงอีกต่อไปแล้ว ก็จะมีการยกเลิกประกาศ PHEIC แต่ศาสตราจารย์ฮันเตอร์คิดว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้

เขาชี้ว่า WHO จะต้องแน่ใจเสียก่อนว่า บริการด้านสาธารณสุขทั่วโลกจะรอดพ้นจากความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว ก่อนที่จะยกเลิกการประกาศ PHEIC

ข้อมูลอ้างอิงจาก  www.bbc.com
ไวรัสโควิด19 ต้องอยู่กับโลกเราไปอีก
ไวรัสโควิด19 ต้องอยู่กับโลกเราไปอีก

การที่เชื้อไวรัสโควิด19 ยังคงระบาดต่อไปในระยะเวลายาวนานเช่นในปัจจุบัน เป็นการยากที่เราจะอยู่ร่วมกับเชื้อด้วยการหยุดอยู่แต่ในบ้าน ในขณะที่เรายังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป การออกนอกบ้าน การออกไปทำงาน หรือแม้แต่การออกไปซื้อของ ช้อปปิ้ง จึงยังคงเป็นกิจวัตรประจำวันที่มนุษย์ยังคงต้องการ ดังนั้นการเรียนรู้ ปรับตัวเพื่อที่จะใช้ชีวิตประจำวันให้อยู่รอดปลอดภัยในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนควรรู้ และปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และสังคมอีกด้วย

รู้จักเชื้อ (โรค) รู้จักระวัง!!

สิ่งสำคัญในการระมัดระวัง ปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด19 นั้น เราต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของเชื้อโรค โดยเชื้อโควิด 19 นั้น เป็นเชื้อที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้ 2 วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1 การแพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ได้แก่ น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ เมื่อผู้ติดเชื้อพูดหรือไอ จาม จะเกิดละอองฝอยของน้ำมูกน้ำลายกระจายออกมา หากผู้ที่อยู่ใกล้สูดหายใจเข้าไป ก็จะนำเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งละอองฝอยที่เกิดจากทางเดินหายใจ มีระยะการกระจายประมาณ 1 เมตร

วิธีที่ เกิดจากการที่ผู้ติดเชื้อนำมือไปสัมผัสกับสารคัดหลั่ง ได้แก่ น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของตนเอง จึงมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ที่มือ เมื่อผู้ติดเชื้อใช้มือจับสิ่งของต่าง ๆ หรือในพื้นที่สาธารณะ เชื้อไวรัสจึงปนเปื้อนอยู่ตามผิวสัมผัสของสิ่งของเหล่านั้น เมื่อผู้อื่นนำมือไปสัมผัสสิ่งของเหล่านั้น และนำมือมาสัมผัสใบหน้า ปาก ตา จมูก ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้

เชื้อไวรัสโควิด19 อยู่ได้นานแค่ไหน
เชื้อไวรัสโควิด19 อยู่ได้นานแค่ไหน

เชื้อโควิด 19 มีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน??

อายุขัย COVID-19 แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นผิวโดยเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้หลายชั่วโมงบนพื้นผิวเรียบแต่หากอยู่ในความชื้นที่เหมาะสม ก็สามารถอยู่รอดได้หลายวัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิความชื้น และชนิดของพื้นผิว โดยอายุขัยของ COVID-19 จะแตกต่างกันไปในแต่ละสภาพแวดล้อม ดังนี้

  • อากาศ (5 นาที)
  • ลูกบิดประตู (8 ชั่วโมง)
  • กระดาษทิชชู่ (12 ชั่วโมง)
  • โต๊ะผิวเรียบ (1-2 วัน)
  • โทรศัพท์ (4 วัน)
  • น้ำ (4 วัน)
  • ธนบัตร (5 วัน)
  • ที่อุณภูมิต่ำกว่า 4 องศา (1 เดือน)
ข้อมูลอ้างอิงจาก รพ.ศิครินทร์

จะเห็นได้ว่า เชื้อไวรัสโควิด19 นั้น แม้จะมีการแพร่เชื้อที่ง่าย แต่ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ด้วยตัวเอง จะต้องมีการนำพาเชื้อเข้าสู่ร่างกายเราผ่านการสัมผัส เช่น มือไปจับลูกบิดประตูที่มีเชื้อ แล้วนำมือนั้นมาขยี้ตา เป็นต้น ดังนั้นวิธีป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากเชื้อจึงเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ศึกษาในการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อไวรัสโควิด19

ร่างกายต้องรักษา จิตใจก็ต้องได้รับการเยียวยาเช่นกัน

Scott Bea นักจิตวิทยาแห่งคลินิกคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา ยืนยันยันว่า “การช้อปปิ้งมีคุณค่าทางจิตใจ และมีบทบาทในการเยียวยาอาการเจ็บป่วยทางใจด้วย” สำหรับคุณค่าทางจิตใจของการช้อปปิ้งนั้น กลายเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่มีการศึกษากันอย่างจริงจัง โดยเรียกว่า Retail Therapy การยกให้การช้อปปิ้งเป็น therapy เช่นนี้ หมายความว่าการช้อปปิ้งสามารถช่วยบำบัดให้คนเรารู้สึกผ่อนคลายความเครียด และมีความสุขได้จริง ๆ ถึงขนาดที่มีหลาย ๆ คนบอกว่าการนั่งสมาธิยังช่วยให้จิตใจสงบได้ไม่เท่ากับการรอของมาส่งหน้าบ้าน ลุ้นเวลาเปิดกล่อง การได้สัมผัสกับกระเป๋าถือคอลเลกชั่นใหม่ หรือการได้เป็นเจ้าของข้าวของทุกสิ่งอย่างที่วางกองอยู่ตรงหน้าเลย

ข้อมูลอ้างอิงจาก  www.sanook.com
ประโยชน์ของการ ช้อปปิ้ง
ประโยชน์ของการ ช้อปปิ้ง

ยิ่งโดยเฉพาะในภาวะที่เราต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ มีผลสำรวจมากมายที่แสดงให้เห็นว่า การระบาดของเชื้อดังกล่าวนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์แล้ว การต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต รักษาระยะห่าง งดการรวมกลุ่ม และงดกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ นั้น ส่งผลให้เกิดการกระทบทางด้านจิตใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ต้องแยกกักตัวในการรักษาเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่เราจะต้องอยู่ร่วมกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคโควิด19 ต่อไปอีก อีกทั้งยังคาดคะเนกันว่าจะเป็นเชื้อโรคประจำถิ่นอีกด้วยนั้น การดูแลเยียวยาจิตใจจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน

7 คุณประโยชน์ของการช้อปปิ้ง

1. ทำให้อายุยืนขึ้น ผลการวิจัยของไต้หวัน ได้มีการระบุว่าคนที่เดินช้อปปิ้งทุกวัน มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตช้ากว่าคนที่ไม่เคยเดินช้อปปิ้ง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม การที่เราได้ออกไปปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น พนักงานขาย เพื่อน ทำให้เรารู้สึกดี กระปรี้ประเปร่าขึ้น

2. มีความสุขกว่าเดิม มีการศึกษาทำการสแกนสมองของผู้ที่ช้อปปิ้งเสร็จพบว่า สมองส่วนกลางมีการหลั่งสารโดพามีน (สารแห่งความสุข) มากขึ้น

3. สร้างความมั่นใจ การได้ซื้อสิ่งของที่เราได้เลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วน ได้จับต้องก่อนเลือกซื้อ เวลาเราใส่ หรือใช้ของนั้น ก็จะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างแน่นอน

4. ทำให้มีสมาธิดี เพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจ ช้อปปิ้งเป็นเหมือนการพักผ่อนสมองอีกอย่างหนึ่ง การได้ดูของสวย ๆ งาม ๆ การจัดเรียงที่ดูดี มีราคา การไม่ต้องใช้สมองคิด และคำนึงถึงตรรกะและเหตุผล ทำให้มีสมาธิดีขึ้น เคยสังเกตไหมว่าเวลาเราช้อปปิ้งเรามักลืมเวลา ลืมทุกสิ่งจดจ่ออยู่กับการเลือกซื้อเท่านั้น

5. เหมือนการออกกำลังอย่างหนึ่ง การช้อปปิ้งก็จะต้องเดิน ยิ่งเป็นการเดินดูสิ่งที่เราชอบ เราก็มักจะไม่รู้ตัวว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว และถ้าเราทำแบบนี้บ่อย ๆ ก็จะห่างไกลจากโรคร้าย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ยิ่งได้เห็นเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ สวย ๆ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เราลดน้ำหนักได้อีกเหมือนกัน

6. ฝึกการวางแผนชีวิต  เวลาที่เราเลือกซื้อของแต่ละอย่าง เราก็ต้องคิดก่อนแล้วว่าเราจะใช้ของสิ่งนั้นยาวนานแค่ไหน และมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง เหมือนกับการฝึกให้เราวางแผนในการเลือกซื้อ วางแผนใช้เงินให้อยู่ในงบประมาณอีกด้วย

7. เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ถึงแม้จะออกตัวว่าเราเป็นคนไม่มีหัวทางด้านศิลปะ แต่ขอให้มั่นใจได้เลย ว่าคนที่ชอบช้อปปิ้งเดินซื้อเสื้อผ้าทุกคน ก็ต้องคิดยู่แล้ว ว่าจะใส่เสื้อผ้า หรือเครื่องประดับชิ้นนั้นเมื่อไหร่ ใส่กับชุดอะไร และมันจะเข้าชุดกับสิ่งที่เรามีอยู่ในตอนนี้มั้ย การฝึกคิดแบบนี้ กลายเป็นฝึกให้เราใช้สมองในทางสร้างสรรค์ และเป็นการฝึกสมองอย่างหนึ่งด้วย

ข้อปฎิบัติตัวห่างไกลโควิด19 เวลา ช้อปปิ้ง
ข้อปฎิบัติตัวห่างไกลโควิด19 เวลา ช้อปปิ้ง

การปฏิบัติตัวให้ปลอดภัยเมื่อต้องออกไปช้อปปิ้ง หรือซื้อของช่วงโควิด19

ถึงแม้ว่าการช้อปปิ้งจะมีประโยชน์ช่วยเยียวยาจิตใจเรามากแค่ไหนก็ตาม แต่หากเราอยู่ในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แล้ว เราคงต้องยอมรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการช้อปปิ้งกันเสียหน่อย โดยคำนึงถึงการป้องกันการติดเชื้อในการจะออกไปช้อปปิ้ง หากไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วก็ควรงดเว้น หรือลดจำนวนครั้งในการออกไปซื้อของลง เก็บรวบรวมไปซื้อในคราวเดียว แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ แล้ว เราก็มีวิธีปฎิบัติตัวเพื่อให้การช้อปปิ้งของคุณนั้นเป็นไปด้วยความสนุก และปลอดภัย โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

  1. ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา
  2. เลือกเข้าร้านที่มีระบบระบายอากาศที่ดี คนไม่หนาแน่น
  3. วัดไข้ และลงทะเบียนเช็คอิน เมื่อเข้าหรือออกจากร้าน
  4. เข้าคิวตามที่ร้านกำหนด และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร
  5. สวมถุงมือพลาสติก หากทางร้านจัดไว้ให้สำหรับหยิบจับสิ่งของ และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
  6. ล้างมือเมื่อจับจุดสัมผัสร่วมกับผู้อื่น เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มลิฟต์
  7. เลือกชำระเงินด้วยระบบ E-Payment
  8. ควรใช้เวลาในการช้อปปิ้งหรือซื้อของให้น้อยที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก  โรงพยาบาลวิชัยเวช /www.girlsfriendclub.com

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

สั่งซื้อของสดออนไลน์ พ่อแม่ซื้อง่ายรับได้ที่บ้าน

แพทย์เตือน ฟลูโรนา (flurona) ติดโควิดพร้อมไข้หวัดใหญ่

4 ท่า 5 วิธีลดต้นขา บอกลาขาเบียดหลังคลอดอย่างได้ผล!!

ประกันโควิด 2565 มีแบบไหนบ้าง? ซื้อออนไลน์ได้ทันที!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แพทย์เตือน ฟลูโรนา (flurona) ติดโควิดพร้อมไข้หวัดใหญ่

Alternative Textaccount_circle
event

แพทย์เตือน ฟลูโรนา (flurona) กำลังมา

ระวัง! ติดโควิดพร้อมไข้หวัดใหญ่

นอกจากโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักจนมีผู้ติดเชื้อและเสี่ยงชีวิตจำนวนมาก ก็ยังมีโรคตามฤดูกาลอื่นๆ ด้วยโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด ดังนั้นนอกจากการระมัดระวังไม่ให้ติดโควิดแล้ว ก็ต้องระมัดระวังไข้หวัดใหญ่ด้วย การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงจำเป็นไม่แพ้การฉีดวัคซีนวิด19 เลยค่ะ โดยตอนนี้ในต่างประเทศเริ่มมีการระบาดของ ฟลูโรนา (flurona) ติดไข้หวัดใหญ่พร้อมโควิด แล้ว

ไข้หวัดใหญ่ระบาดน้อยในช่วงที่ผ่านมา

เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาทั่วโลกประกาศใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 ทำให้โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจทั้งหมดลดลง ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่, โรค RSV เชื้อไวรัสในเด็กเล็ก เนื่องจากมีการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกลดลง ประมาณ 70-80 เท่า แต่เมื่อไรก็ตามที่เริ่มมีการถอดหน้ากากอนามัยมากขึ้น โรคไข้หวัดใหญ่ก็จะกลับมาอีก

หลายประเทศมีสัญญาณไข้หวัดใหญ่ระบาด

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ และนายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา หลายประเทศเริ่มมีสัญญาณการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ให้เห็น อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป แอฟริกาใต้ จีน และอินเดีย เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 มีการเปิดประเทศกันมากขึ้น เกิดการรวมกลุ่มกันมากขึ้น ประชาชนเริ่มมีวินัยลดลง ขณะที่ในทวีปยุโรป อย่างประเทศเดนมาร์ก ได้ออกประกาศยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดเกือบทั้งหมด ไม่มีการกักตัว ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งส่งผลให้เริ่มมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ยังคงมีอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตก อย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป และแอฟริกาใต้ จึงเริ่มมีรายงานจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้น บวกกับอยู่ในช่วงฤดูหนาว มีอากาศเย็น เชื้อโรคจึงแพร่กระจายได้มากขึ้นและมีชีวิตอยู่นานขึ้น

ผู้ป่วย Flurona ติดไข้หวัดใหญ่พร้อมโควิด กำลังมากขึ้น

ในช่วงต้นมกราคม 2565 ที่ผ่านมา ประเทศอิสราเอลได้ตรวจพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อร่วมกันระหว่างไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ในเวลาเดียวกันเรียกว่า ‘ฟลูโรนา’ (Flurona)  และยังพบผู้ที่ติดเชื้อร่วมกันระหว่าง 2 โรคนี้ แพร่กระจายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ตามหลักทางการแพทย์นั้นการติดเชื้อร่วมกันมีความเป็นไปได้ และย่อมก่อให้เกิดอาการรุนแรงกว่า เสี่ยงต่อการนอนโรงพยาบาล และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว

ฟลูโรนา (flurona)
อาการ flurona ติดไข้หวัดใหญ่พร้อมโควิด กำลังมา

ฟลูโรน่า หรือ Flurona  คืออะไร

ฟลูโรน่า  คือ อาการของผู้ที่ติดเชื้อ ไข้หวัด และ เชื้อไวรัสโคโรน่า (โรคโควิด19) ในเวลาเดียวกัน มีสาเหตุเหมือนกันคือการแพร่ผ่านน้ำลาย และ ละอองฝอย เมื่อ พูด ไอ และ จาม เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เชื้อทั้งสอง เป็นไวรัสทั้งคู่ แต่เป็นไวรัสคนละตระกูลกัน

Flurona มีอาการอย่างไร

ไวรัสของไข้หวัดใหญ่ และไวรัสโคโรน่า ทำให้เกิดอาการคล้าย ๆ กัน คือ มีอาการทางเดินหายใจ เช่น เป็นหวัด คัดจมูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว

Flurona รุนแรงแค่ไหน

กรณีคนที่มีอาการรุนแรงจะทำให้เกิดปอดอักเสบ และอาจเสียชีวิตจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หรืออวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ในปัจจุบัน อาการของฟลูโรนาเท่าที่มีการรายงาน ยังไม่มีอะไรแตกต่างจากโควิดทั่วไป ขณะนี้มีข้อมูลรายงานการตรวจพบในอิสราเอล บราซิล ฮังการี ฟิลิปปินส์

ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่และโควิด19 ร่วมกันได้อย่างไร

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ กล่าวถึงแนวทางเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร่วมกัน (Flurona) โดยแนะให้คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ พร้อมกับที่คุณพ่อคุณแม่ก็ควรฉีดวัคซีนทั้งไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโควิด-19 ให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเสมือนเป็นเสื้อเกราะต่อทั้ง 2 โรค โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยงของทั้ง 2 โรค คือ กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ช่วยลดการเสียชีวิตจากโควิด19

การศึกษาวิจัยต่างประเทศหลายแห่ง ทั้งในสหรัฐอเมริกา และบราซิล ยังระบุว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึงร้อยละ 10 ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากร่างกายถูกกระตุ้นด้วยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้มีภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานไปด้วย

ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ห่างจากโควิด 1 เดือน

คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อย สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเว้นระยะห่างจากการรับวัคซีนโควิดเป็นเวลาห่างกัน 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งการฉีดวัคซีนจะทำให้ลดอาการเจ็บป่วยของโรค และป้องกันผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง และเด็ก ซึ่งทั้งหมดถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงค่ะ

หากเป็นไปได้ ทีมแม่ ABK อยากให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยและตัวเองไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก
Post Today, ฐานเศรษฐกิจ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เช็กเลย! อาการ โอมิครอน ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ต่างกันอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่ ช่วงโควิด-19 อันตราย! WHO เตือนคนท้อง-เด็กเล็ก ยิ่งต้องระวัง

หมอเตือน! อาการไข้หวัดใหญ่ คล้ายกับโควิด-19 ติดร่วมกันได้ทำให้ป่วยหนัก

longcovid ลองโควิด

ลองโควิด คร่าชีวิตลูก!แม่ร้องขอตรวจสอบเพื่อเด็กอื่นได้ระวัง

Alternative Textaccount_circle
event
longcovid ลองโควิด
longcovid ลองโควิด

ลองโควิด Long COVID คืออาการแบบไหน อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ เกิดคำถามอีกมากมายเมื่อแม่ผู้สูญเสียลูกน้อยวัยเพียง 2ขวบ ทั้งที่เพิ่งหายจากเชื้อโควิด-19แล้วติดซ้ำ

ลองโควิด คร่าชีวิตลูก! แม่ร้องขอตรวจสอบเพื่อเด็กอื่นได้ระวัง

จากในเฟสบุ๊คเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part2 ได้โพสต์ถึงกรณีของคุณแม่ผู้สูญเสียลูกน้อยวัยเพียง 2 ขวบท่านหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวของตัวเองเพื่อเป็นการเตือน ให้เด็กอื่นได้ระวัง เกี่ยวกับ โรคลองโควิด คุณแม่เล่าว่าอาจารย์หมอวินิจฉัย โรคลองโควิด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของลูก!!

โรคลองโควิด คืออะไร คุณแม่ท่านนึงมาโพสแชร์ประสบการณ์ เรื่องราวมีประโชยชน์มากๆ และคำถามที่ยังคาใจที่รอคำตอบจากหน่วยงาน ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวน้องด้วยค่ะ
ขอแชร์ประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรานะคะ ….
( #คนที่มีลูกเล็กต้องระวังเป็นอย่างมาก สายพันธุ์นี้เกิดกับเด็กๆ)
สาเหตุการเสียชีวิตของน้อง… ที่แม่ๆหลายๆคนถามมา ? อาจารย์หมอวินิจฉัยว่า… #น้องเป็นโรคลองโควิท ?
โรคลองโควิท คือ การที่เด็กเคยติดโควิทมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่แสดงอาการ ทุกอย่างจะปกติ แต่พอหลังจากหาย 2-6 อาทิตย์ แล้วกลับมาติดซ้ำ ทุกอย่างข้างในคือจะล้มเหลวหมดแล้ว และจะทรุดตัวลงทันที
ลองโควิด พรากลูกไปก่อนวัยอันควร
ลองโควิด พรากลูกไปก่อนวัยอันควร

ทำความรู้จัก โรคลองโควิด Long COVID คืออะไร?

การติดเชื้อโควิด-19 นับว่าเป็นโรคที่ส่งผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะว่าหลังจากรักษาหายแล้ว แต่หลายคนยังรู้สึกเหมือนยังไม่หายดี เพราะว่าระหว่างการติดเชื้อ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อไปจับกับเซลล์โปรตีนของบางอวัยวะ ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย เป็นผลให้อวัยวะนั้นๆ ได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบไปทั่วร่างกาย เช่น อาการปอดบวม หรือ เนื้อปอดถูกทำลาย โดยระดับความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในรักษา และการกำจัดเชื้อโควิดในร่างกาย เราเรียกภาวะนี้ว่า “โควิดระยะยาว (Long COVID)” ดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า สามารถพบได้ถึง 30-50% สาเหตุหลักมาจาก เครียดสะสม หรือเป็นผลข้างเคียงของยาที่ใช้ เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ โรคแฝง หรือบางรายอาจติดเชื้อโควิดซ้ำแต่คนละสายพันธุ์

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก รพ.ศิครินทร์

นอกจากนี้แม่ยังได้เล่าถึงช่วงเวลาก่อนที่ลูกจะมีอาการจนถึงมีอาการหนักจนต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาล และเสียชีวิต ซึ่งดูจากช่วงระยะเวลาแล้วเป็นที่น่าตกใจว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น!!

ก่อนหน้าที่น้องจะเสียชีวิต น้องอาการปกติดีทุกอย่าง ร่าเริง ขี้เล่น ไม่มีอาการ ซึมเศร้า หรืออ่อนแรง เลย
  • คืนวันที่ 16 กุมภา น้องมีอาการไข้ขึ้นตัวร้อน ก็คิดว่าเป็นไข้ปกติ ให้น้องทานยาซาร่า แล้วเช็ดตัว
  • วันที่ 17 กุมภา ตอนเย็น ไข้ขึ้นสูงมาก พาน้องไป รพ.  ( เพราะสิทธิรักษาอยู่ที่นั้น พอไปถึงรพ. พยาบาลบอกย้ายสิทธิไปอีก รพ.แล้ว ให้ไปรักษาที่นั้นเลย ถามพยบ.ว่าทำไมย้ายสิทธิไม่แจ้งค่ะ #พยาบาลบอกว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้ง ) แล้วยังให้นั่งแท๊กซี่ไป ระหว่างทางน้องมีอาการ เหมือนจะอ้วก และก็ อึกออกมา พอมาถึง รพ. หมอก็ทำการช่วยชีวิตน้อง
  • วันที่ 18 กุมภา หมอโทรมาแจ้งว่า น้องเป็นโรคลองโควิท สายพันธุ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ต้องรีบส่งตัวไป ให้อาจารย์หมอที่ รพ. ศิริราชรักษาตัว
  • วันที่ 19 ทางรพ. ศิริราชโทรมาแจ้งให้ เราทุกคนทำใจไว้เลย เพราะหัวใจน้องพร้อมจะหยุดเต้นนาทีต่อนาที จะลองให้ยาที่แรง ถ้ารับไหวก็รอด ถ้ารับไม่ไหวก็ไม่รอด และน้องก็รับไม่ไหว คุณหมอปั้มหัวใจอีกหลายรอบ น้องก็ไม่กลับมา และน้องก็จากพวกเราไปในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 แบบที่ทุกคนในครอบครัวตั้งเราไม่ทัน

    สอนลูกหมั่นล้างมือ ป้องกันโควิด และภาวะ ลองโควิด
    สอนลูกหมั่นล้างมือ ป้องกันโควิด และภาวะ ลองโควิด

โดยอาการของการเกิด โรคลองโควิด หรือที่เรียกว่า ภาวะ Long COVID นั้น อ. พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ความรู้ไว้ในบทความ “ภาวะ Long COVID (ลองโควิด) เมื่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ได้อยู่กับคุณแค่สั้น ๆ” ว่า หากคุณเคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจนหายแล้ว ให้คุณลองสังเกตตัวเองดูอีกทีว่าอาการที่เคยมีขณะที่ติดเชื้อ อย่างอาการเหนื่อยเพลียนั้นยังมีหลงเหลืออยู่หรือไม่? ถ้าคำตอบคือ “ยังมีอยู่” มันมีความเป็นไปได้ว่าคุณกำลังตกอยู่ในภาวะ Long COVID (ลองโควิด)

ภาวะ Long COVID นี้มีกี่ประเภท สังเกตอาการได้อย่างไร ?

ภาวะ Long COVID ถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งแบ่งแยกตามลักษณะอาการดังนี้

1. ภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการใหม่ หรืออาการเดิมไม่หายไป (New or ongoing symptoms)

คือ การที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้นมีอาการยาวนานต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลานานหลายเดือนหลังจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นครั้งแรก มักพบในคนไข้อาการรุนแรงตั้งแต่ต้น และทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อออกกำลังกายหรือใช้สมาธิจดจ่อมาก ๆ โดยมีอาการ เช่น

  • เป็นไข้ ปวดหัว วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
  • หายใจเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม ไอ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • ปวดท้อง ท้องเสีย รับประทานอาหารไม่ลง
  • ปวดหู หรือมีเสียงในหู
  • ใจสั่น ขาดสมาธิ หรือคิดอะไรไม่ออก หัวตื้อ นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน
  • มีอาการชา ปวดกล้ามเนื้อและข้อ
  • ไม่ได้กลิ่นหรือรับรสได้ไม่ดี
  • ผื่นตามตัว
  • รอบประจำเดือนมาผิดปกติ

2. ภาวะที่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีความผิดปกติในหลายอวัยวะ (multiorgan effects)

คือ การที่ผู้ป่วยนั้นมีอาการผิดปกติเกี่ยวเนื่องกับอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย โดยมีสาเหตุจากปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาที่รุนแรงอย่าง cytokine storm ที่ร่างกายของผู้ป่วยโควิด-19 ไม่สามารถควบคุมการหลั่งสารในระบบภูมิคุ้มกันกลุ่ม cytokine ได้ส่งผลให้เนื้อเยื่อของอวัยวะหลายส่วนถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของตัวผู้ป่วยเอง มักพบมากที่บริเวณเนื้อเยื่อหัวใจ ปอด ไต สมอง และผิวหนัง

ไข้สูง ซึม ไอ หอบ อาการที่ต้องเฝ้าระวังหลังเด็กหายจากโควิด
ไข้สูง ซึม ไอ หอบ อาการที่ต้องเฝ้าระวังหลังเด็กหายจากโควิด

และในเด็กอาจะพบการเกิดโรค Multisystem Inflammatory Syndrome in Children Associated with COVID-19 (MIS-C) ที่มีอาการโรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease) คือเกิดการอักเสบในหลายอวัยวะ มีไข้สูง ผื่นขึ้น ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองโต อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่ติดเชื้อโควิด-19 อยู่หรือหลังหายทันที โดยโรคนี้อาจมีผลกระทบต่อหลายอวัยวะ (multiorgan effects) ในระยะยาวได้

3.ผลกระทบระยะยาวจากการนอนโรงพยาบาลและจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการนอนโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้อง ICU ที่ส่งผลกระทบด้านจิตใจ อาจทำให้แขนขาไม่ค่อยมีแรงและยังคงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่แม้จะไม่มีเชื้อโควิดอยู่แล้ว ในบางกรณีอาจมีผลต่อเรื่องการคิด และคำพูด นำไปสู่ภาวะที่มีอาการผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบเหตุการณ์รุนแรง (post-traumatic stress disorder; PTSD) เช่น การได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ หรือถูกปั๊มหัวใจในการช่วยชีวิต ส่งผลให้เกิดความเครียดฉับพลัน และอาจสะสมมาอย่างต่อเนื่อง

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก www.rama.mahidol.ac.th

แนะนำป้องกันด้วยวัคซีนป้องกันโควิด-19

จากกรณีดังกล่าว เราขออนุญาตยกความคิดเห็นของคุณหมอแคท หรือ หมอของขวัญ แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ที่ได้ให้ความเห็นไว้ในเพจส่วนตัวของคุณหมอเกี่ยวกับกรณีของเด็กที่เสียชีวิต และแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่เด็ก เพื่อเป็นการลดความรุนแรงของการป่วยเมื่อติดเชื้อไว้ ดังนี้

แนะผู้ปกครองพาลูกไปฉีดวัคซีน ลดอาการรุนแรงจากโควิด
แนะผู้ปกครองพาลูกไปฉีดวัคซีน ลดอาการรุนแรงจากโควิด

น้องเสียชีวิตจาก Long COVID ในเด็กหรือเรียกว่า MISC (Multi Inflammatory Syndrome in Children)

เมื่อเด็กหายจากโควิด 2-6 สัปดาห์ จะมีเด็ก 352 คนใน 1 ล้านคน อายุ 0 ถึง 18 ปีตามสถิติ ในอเมริกา จะเกิดภาวะ #LongCovid ที่รุนแรงเรียกว่า MISC และเด็กเกือบครึ่งจะต้องอยู่ใน ICU เกิดอวัยวะล้มเหลวเฉียบพลัน และการอักเสบทั่วร่างกาย ไตวาย หัวใจอักเสบ ตับวาย และมีเด็กประมาณ 10% เสียชีวิตจากอาการนี้ ทั้ง ๆ ที่การติดเชื้ออาจจะไม่มีอาการเลย และอาการนี้ไม่มีการรักษาจำเพาะรักษาตามอาการเท่านั้นค่ะ อาการนี้ไม่ใช่การติด COVID สายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นอาการที่ร่างกายเกิดการอักเสบขึ้นแบบเฉียบพลันหลังจากการหาย covid ซึ่งน่ากลัวกว่ามาก ถ้าเทียบกับอัตราผลข้างเคียงของวัคซีนในเด็กนะคะ นี่คือสาเหตุ ที่หมอให้ลูกชาย 7 ขวบ รับวัคซีน Pfizer ฝาส้มค่ะ

  • อัตราการเกิด LongCOVID #MISC ในเด็กต่ำกว่า18 ปี 352คน/ล้าน 40% อยู่ ICU 10% เสียชีวิต

  • อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังจากรับวัคซีน Pfizer – 5-12 ปี 1คน/ล้าน ไม่เสียชีวิต – 12-18ปี ชาย 162คน/ล้าน หญิง 40คน/ล้าน ไม่เสียชีวิต

    ข้อมูลอ้างอิงจาก www.facebook.com/doctorkatekate

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ติดโควิด 5 วิธีกักตัวที่บ้าน ดูแลตัวเองและลูกๆ ระหว่างรอเตียง

แม่รู้ไว้! ทำไมลูกร้องไห้ 7 เหตุผลของการงอแงที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น

ความจริง 10 ข้อ พ่อแม่ต้องรู้ก่อน เลือกโรงเรียนให้ลูก

ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

โรงเรียนประถม

6 ประเภท “โรงเรียนประถม” ที่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนสมัครเรียน!

Alternative Textaccount_circle
event
โรงเรียนประถม
โรงเรียนประถม

ก่อนสมัครเรียนเข้า โรงเรียนประถม พ่อแม่ต้องดูให้ดีก่อนว่า โรงเรียนที่ลูกจะต้องเรียนนั้นเป็นแบบไหน ใช้หลักสูตรใดบ้างในการเรียนการสอน มาทำความรู้จักกันค่ะ

6 ประเภท “โรงเรียนประถม” ที่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนสมัครเรียน!

การสมัครเรียนเข้า โรงเรียนประถม นั้นค่อนข้างแตกต่างจากการสมัครเรียนเข้า โรงเรียนอนุบาล เป็นอย่างมาก เพราะจะต้องศึกษาแนวทางหรือหลักสูตรของโรงเรียนที่ต้องการสมัคร แถม โรงเรียนประถม ที่มีชื่อเสียง ก็มักจะใช้วิธีการสอบเข้า โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ การแข่งขันเพื่อที่จะได้เข้าเรียนโรงเรียนนั้น ๆ ยิ่งสูง ต้องเตรียมตัวกันเป็นปี ๆ ดังนั้น พ่อแม่ต้องศึกษา แนวทางหรือหลักสูตร ของแต่ละโรงเรียน ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกเข้าเรียนก่อน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้ลูกพร้อมสำหรับการสอบเข้าหรือสมัครเรียน ทีมแม่ ABK จึงมีข้อมูลดี ๆ มาให้แม่ ๆ ประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครเรียน โรงเรียนประถม ให้ลูกกันค่ะ

6 ประเภท “โรงเรียนประถม” ที่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนสมัครเรียน!

1. โรงเรียนรัฐบาล

โรงเรียนรัฐบาล เป็นโรงเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการตั้ง และดำรงอยู่ได้ด้วยเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่ต้องเสียค่าบำรุงการศึกษา แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บ้าง เช่น ค่าเรียนเสริม ค่าเรียนภาษาต่างประเทศ เป็นต้น และสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่านม ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ทางกระทรวงศึกษาธิการจะมีงบในการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้คุณพ่อคุณแม่ได้สบายกระเป๋ากันไป นอกจากนี้ การให้ลูกเรียนโรงเรียนรัฐบาลจะทำให้ลูกได้อยู่ในสังคมที่หลากหลาย เพราะทุกคนมีสิทธิ์เข้าโรงเรียนได้หากสอบเข้าได้ หรือบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน นอกจากนี้ จุดเด่นของโรงเรียนรัฐบาลจะมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวดตั้งแต่เรื่องทรงผมและเครื่องแบบ ซึ่งจะช่วยฝึกวินัยและความเป็นระเบียบให้ลูก เรียนรู้สังคมที่หลากหลาย ตลอดจนการเรียนการสอนที่เข้มข้นไม่แพ้โรงเรียนประเภทอื่น

สำหรับข้อเสียของโรงเรียนรัฐบาลคือ สภาพแวดล้อมสังคมในโรงเรียน จะปะปนไปทั้งเด็กที่ตั้งใจเรียน เด็กที่ไม่สนใจเรียน ซึ่งสำหรับเด็กที่เข้าสู่ประถมปลายแล้ว เพื่อนจะมีความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ดังนั้น ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่ลูกอาจจะเจอเพื่อนชักจูงไปในทางที่ไม่ดี นอกจากนี้ เนื่องจากโรงเรียนรัฐบาลมีเด็กที่ต้องการจะเข้าเรียนเยอะ ทำให้ใน 1 ห้องจะมีจำนวนนักเรียนที่ค่อนข้างเยอะ ในขณะที่อาจารย์ก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึงได้ค่ะ

2. โรงเรียนคาทอลิก

โรงเรียนคาทอลิกเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาคริสต์ มีองค์ประกอบหลายๆ อย่างมีความเป็นศาสนาคริสต์ ตั้งแต่ชื่อโรงเรียน ไปจนถึงวิธีการเรียกครูบาอาจารย์ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนต้องเป็นคริสต์นะคะ ด้วยลักษณะเฉพาะที่นำเอาพื้นฐานความเชื่อศาสนามาประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมในการพัฒนาบุคลิกภาพ เน้นให้นักเรียนมีระเบียบวินัย รู้จักบังคับตนเอง และเตรียมความพร้อมทั้งการวางตัว การเข้าสังคมหรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม สำหรับเรื่องวิชาการก็เข้มข้น บวกกับเป็นโรงเรียนที่มีพื้นฐานเป็นศาสนาคริสต์ ทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าทักษะพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษของลูกดีแน่นอน การเรียนการสอนก็ยังอิงกับหลักสูตรไทยของกระทรวงศึกษาธิการตามปกติ

สำหรับจุดเด่นของโรงเรียนคาทอลิก คือเรื่องภาษาอังกฤษ การไปเรียนโรงเรียนคาทอลิกเรื่องภาษารับประกันได้เลยว่าออกมาเป๊ะมาก อย่างน้อยก็ต้องได้ในระดับสื่อสารกับคนอื่นได้ ส่วนคนที่ชื่นชอบเรื่องนี้อยู่แล้วบอกได้เลยว่าไปได้ไกลเลย ซึ่งพอจบจากโรงเรียนคาทอลิกมา แล้วเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น บอกเลยว่าสบายเลย ต่อยอดในระดับสูงได้เลย แถมการสอนภาษาในโรงเรียนคาทอลิกเป็นไปในลักษณะปลูกฝังมากกว่าบังคับด้วย ทำให้การเรียนภาษาเป็นเรื่องที่สนุกมากกว่าระดับของสังคม นอกจากเรื่องเรียน ที่เค้าทำได้ค่อนข้างโดดเด่นแล้ว เรื่องการปลูกฝังค่านิยม ศีลธรรม จรรยา การวางตัวในสังคม โรงเรียนคาทอลิกถือว่าทำได้ดีเลย ไม่ว่าจะเป็นมารยาทที่เป็นมาตรฐานสังคมโลก เค้าปลูกฝังหมดทั้งเรื่องการกิน การเดิน การนอน บุคลิกภาพ ท่าทาง คำพูด และการเข้าสังคม เค้าสอนหมด ยิ่งถ้าเป็นเด็กโตเค้าสอนเรื่องการเข้าสังคมกับเพศตรงข้ามด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานอันดีมากของตัวเด็กเองเวลาเข้าสังคมไป จะทำให้พวกเค้าปรับตัวได้เร็วกว่า วางตัวดีกว่า

แม้ว่าเรื่องเงินจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสุดของการเรียน แต่ต้องยอมรับว่าค่าเทอมโรงเรียนคาทอลิกเหล่านี้ก็หนักเอาการเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มโรงเรียนคาทอลิกชั้นนำของประเทศบอกเลยว่าไม่แพ้กันกับโรงเรียนนานาชาติเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ได้พ่อแม่วางใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่า สังคมของเค้าจะถูกกรองมาเป็นอย่างดี อย่างน้อยก็เรื่องฐานะทางบ้านของผู้ปกครองอาจจะไม่แตกต่างกันมาก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะมันจะทำให้ลูกของเราอยู่ในสังคมที่ดี ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง

3. โรงเรียนสาธิต

โรงเรียนสาธิต คือ โรงเรียนประถมและมัธยมในกำกับของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้เป็นสถานฝึกปฏิบัติการทางการศึกษาและเป็นสถานที่ฝึกการปฏิบัติงานของนักศึกษาหรือเด็กฝึกงานเพื่อที่จะเป็นคุณครูในอนาคตหรือเพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยงานต่างๆ ดังนั้น นอกจากจะมีแค่ครูบาอาจารย์วัยผู้ใหญ่แล้ว นักเรียนก็จะได้เรียนกับนิสิตนักศึกษาฝึกสอนด้วย ซึ่งก็อาจนำมาซึ่งวิธีการเรียนการสอนใหม่ๆ และวิธีคิดที่นอกกรอบ ผู้สอนมีช่วงอายุที่ใกล้เคียงกับนักเรียนมากขึ้น จึงมีแนวโน้มเชื่อมสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น โรงเรียนสาธิต เป็นได้ทั้งรัฐบาลและเอกชน ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่อยู่ในสังกัด

นอกจากนี้ เด็กๆ ที่เรียนโรงเรียนสาธิตก็จะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างครบครันหากหวังจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ทำหน้าที่กำกับดูแล นอกจากนี้โรงเรียนสาธิตยังมีตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปลายเลยละ สามารถเรียนได้อย่างยาวๆ เลยหากตั้งใจไว้แบบนั้น ก็จะไม่ต้องเผชิญการสอบเข้ามหาโหด ส่วนการเข้าเรียนสำหรับเด็กใหม่ก็จะค่อนข้างเข้มข้นหน่อย ต้องสอบแข่งขันกันในด้านวิชาการ จึงเชื่อกันว่าเด็กสาธิตจะวิชาการแน่นสุดๆ

โรงเรียนทางเลือก
โรงเรียนทางเลือก

4. โรงเรียนทางเลือก

สำหรับโรงเรียนทางเลือกนั้น หากจะอธิบายให้พ่อแม่อย่างเราเข้าใจได้แบบง่ายๆมันก็คือ โรงเรียนที่มีการเรียนการสอนแตกต่างจากระบบเดิมที่เราคุ้นชินกันมา โรงเรียนจะมีการสอนที่มีความยืดหยุ่นทั้งทางด้านแนวคิด ความเชื่อ วิธีการและเนื้อหาที่สอนลงไปในแต่ละวัน  ซึ่งจุดเด่นของการเรียนโรงเรียนทางเลือกนั้นไม่ได้หมายถึงการเรียนเพื่อเก่งที่สุด แต่เป็นการเรียนด้วยแนวคิดปรัชญาใหม่จากทั้งฝั่งตะวันตก และ ตะวันออก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรัก ความชอบ ความรู้ ความสามารถในการเข้าสังคม และเตรียมความพร้อมในระดับที่สูงขึ้นไปได้(สำหรับชั้นอนุบาล) ซึ่งโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้จะได้รับการประเมินจากหน่วยงานการศึกษาของรัฐแล้วว่าสามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้

แม้จะบอกว่าเป็นโรงเรียนทางเลือกเหมือนกัน แต่โรงเรียนทางเลือกแต่ละแห่งต่างก็มีแนวคิด ปรัชญา แตกต่างกันไปแบบไม่เหมือนกันเลย ซึ่งเราต้องศึกษาให้ดีก่อนว่า โรงเรียนทางเลือกที่เราจะเลือกให้กับลูกนั้นเป็นแบบใด เหมาะสมกับความต้องการและเป้าประสงค์ของเราหรือไม่ก่อนจะส่งเค้าไปเรียน ตัวอย่างของโรงเรียนทางเลือกมีดังต่อไปนี้ โรงเรียนที่เน้นการสอนแบบมอนเตเซอรี่ โรงเรียนที่สอนแบบโครงการ โรงเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ โรงเรียนการสอนแบบพหุปัญญา โรงเรียนการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ โรงเรียนการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลีย โรงเรียนการสอนแบบไฮสโคป โรงเรียนการสอนแบบภาษาธรรมชาติ และอีกมากมาย ต้องขอย้ำอีกทีว่าพ่อแม่ควรจะศึกษาให้ดีก่อน เพื่อให้เข้าใจและปฏิบัติถูกต้องไปในทางเดียวกันกับโรงเรียน

การเข้าโรงเรียนทางเลือกไม่ว่าจะเป็นระดับอนุบาล หรือ ระดับที่สูงกว่านั้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนเลยก็คือการเตรียมตัวของพ่อแม่จะต้องดีระดับหนึ่งเลย ต้องเข้าใจวิธี และ วิถีการสอนของโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้ บางโรงพ่อแม่ต้องเข้าไปศึกษากับครูก่อน ถึงจะส่งลูกเข้ามาเรียนได้ หากแนวคิดของพ่อแม่ไม่สอดคล้องกับทางโรงเรียน ก็เข้าไม่ได้แบบนี้ก็มี สองเรื่องของค่าใช้จ่าย โรงเรียนทางเลือกส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป พ่อแม่อาจจะต้องเตรียมเสบียงไว้เยอะหน่อยเพื่อจัดการได้ตลอดการศึกษาของลูก ที่สำคัญพ่อแม่จะต้องเจอแนวคิดที่แตกต่างกันไปของคนรอบข้าง ญาติพี่น้อง ก็ต้องเจอคำถามว่าทำไมถึงเรียนโรงเรียนนี้ เรียนแล้วดีอย่างไร เรื่องเหล่านี้ พ่อแม่ต้องรู้จริงก่อน ถึงจะไปตอบคำถามได้

โรงเรียนทางเลือก แตกต่างจากโรงเรียนปกติอย่างไร?

สำหรับข้อแตกต่างระหว่างโรงเรียนทางเลือก กับโรงเรียนทั่วไป นั้น อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยเป็นเรื่องแนวคิดในการศึกษา ที่เค้าจะมีแนวคิดแตกต่างกันทำให้วิธีการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกันด้วย อย่างถ้าเป็นโรงเรียนทางเลือกแบบมอนเตเซอรี่ จะเน้นการฝึก การทำ การทดลอง เพื่อให้เด็กได้เกิดประสบการณ์ในตัวเอง พัฒนาตัวอย่างอย่างมีอิสระ กลุ่มนี้เราจะเห็นเด็กทำนั้นทำนี้มากมาย แต่โรงเรียนปกติอาจจะไม่ได้ทำทุกอย่างแบบนั้น ซึ่งความแตกต่างของแนวคิด และการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ผลที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน จากกรณีนี้เด็กที่เรียนจากมอนเตเซอรี่ (ระดับอนุบาล) อาจจะมีทักษะการช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่าโรงเรียนปกติ เป็นต้น

5. โรงเรียนสองภาษา

โรงเรียนหลักสูตรสองภาษา (English Program) หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อคือ อีพี (EP) เป็นโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนและสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ แต่มีข้อแตกต่างต่างคือ จะมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ยกเว้นบางวิชา เช่น วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ที่มีเนื้อหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยและประเพณี วัฒนธรรมไทย โดยแต่ละโรงเรียนก็มีสัดส่วนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแตกต่างกันไปตามจำนวนขั้นต่ำที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดไว้ เช่น

  • ระดับอนุบาลสอนภาษาอังกฤษได้ไม่เกิน 50% ของการเรียนการสอนทั้งหมด
  • ระดับประถมจะมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และพลศึกษา
  • ระดับชั้นมัธยมเรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชายกเว้นวิชาภาษาไทยและวิชาสังคม

สำหรับโรงเรียนเอกชนที่เปิดหลักสูตร English Program โดยเฉพาะ ก็อาจนับรวมเป็นโรงเรียนสองภาษาได้ หรือบางโรงเรียนจะสอนภาษาไทยกับภาษาต่างประเทศอีก 1 ภาษา ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน และบางแห่งมีการสอนถึง 3 ภาษา ทั้งไทย-อังกฤษ-จีน ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้จะต้องผ่านการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการเช่นกัน

โรงเรียนแต่ละแห่งยังมีความแตกต่างทางด้านครูที่สอน โดยบางโรงเรียนอาจจะมีคุณครูชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษามาสอนโดยเฉพาะ บางโรงเรียนอาจมีคุณครูที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษาแต่สอนเป็นภาษาอังกฤษแทน นอกจากนี้ ก็อย่าลืมว่าโรงเรียนสองภาษาก็ยังมีสัดส่วนนักเรียนไทยค่อนข้างเยอะอยู่ เด็กๆ จึงอาจไม่ได้พบเจอกับเพื่อนต่างชาติเท่าไรนัก

6. โรงเรียนนานาชาติ

โรงเรียนนานาชาติหรือ International School คือโรงเรียนที่มีระบบการเรียนการสอนที่ใช้หลักสูตรต่างประเทศที่ได้รับมาตรฐานและอยู่ภายใต้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ภาษาต่างประเทศในการเรียนการสอน นักเรียนที่เข้าร่วมโรงเรียนนานาชาติมักจะมาจากหลากหลายประเทศและศาสนา เชื้อชาติ

ข้อดีของโรงเรียนนานาชาติ คือ เรื่องภาษา แน่นอนว่าทักษะด้านภาษาของเด็กอินเตอร์เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่เห็นได้เด่นชัด เนื่องจากเด็กๆ ควรเรียนรู้ภาษาอื่นนอกจากภาษาแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งยังมีภาษาที่ 3 ให้ได้เลือกเรียน ช่วยให้เด็กมีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน ได้หลากหลายภาษา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิต และด้วยการที่ต้องเรียนกับเพื่อน ๆ หลากหลายประเทศ ทำให้รู้จักที่จะเคารพความแตกต่างของผู้อื่น และด้วยความที่วัฒนธรรมของชาวต่างชาติมีความแตกต่างจากวัฒนธรรมของไทย ทั้งวิธีการสื่อสาร การแสดงออก และอื่นๆ ทำให้เด็กที่เรียนโรงเรียนนานาชาติจะได้เรียนรู้และซึมซับทักษะต่างๆ ที่แตกต่างออกไป ทำให้เด็กอินเตอร์มีความกล้าแสดงออก และมีกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดกว้าง พัฒนาให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งสอนให้เด็กมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ ไม่ได้เพียงแต่ท่องจำบทเรียนตามตำราเท่านั้น

สำหรับข้อเสีย หลัก ๆ ก็คงจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพราะหลักสูตรที่ใช้เรียนจะอ้างอิงจากหลักสูตรต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกัน อังกฤษ หรือออสเตรเลีย นักเรียนจะได้เรียนเหมือนประเทศเจ้าของหลักสูตร เพียงแต่มีวิชาภาษาไทยมาเป็นวิชาบังคับด้วย (ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ไหนๆ เราก็ยังอยู่ประเทศไทยนี่นะ) ครูบาอาจารย์ก็จะเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับคุณวุฒิอาจารย์ และมีประสบการณ์สอนมาก่อน เนื่องจากว่าคุณสมบัติแบบนี้ค่อนข้างหายาก ทางโรงเรียนเลยต้องจ้างครูตรงมาจากต่างประเทศเลย ค่าจ้างก็จะค่อนข้างสูง ค่าเทอมเลยสูงตาม

ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ
ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ

จะเห็นได้ว่าแต่ละโรงเรียนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่ที่ ทีมแม่ ABK มั่นใจว่าทุกโรงเรียนมี 1 สิ่งที่เหมือนกันคือ ความตั้งใจที่จะสอนเด็กนักเรียนให้มีความรู้ เป็นคนมีคุณธรรมอย่างแน่นอน ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่จะเลือกสิ่งใด สังคมแบบใดให้ลูกน้อยกันค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

อัพเดทล่าสุด! ค่าเทอมโรงเรียนอนุบาล-ประถม 2021 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

Update 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2565

10 โรงเรียนหลักสูตร EP (English Program) ยอดนิยม ในกรุงเทพฯ

โรงเรียน วิถีพุทธ แตกต่างจากโรงเรียนทางเลือกอื่นยังไง?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.finnomena.com, th.wikipedia.org, www.ptacentral.org, www.lingoace.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ชื่ออังกฤษ

120 ชื่ออังกฤษ สำหรับลูกสาว ลูกชาย เพราะๆ เก๋ๆ

Alternative Textaccount_circle
event
ชื่ออังกฤษ
ชื่ออังกฤษ

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา ชื่ออังกฤษ ให้ลูกที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกใหม่ ไม่ว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย วันนี้มีมาให้เลือกครบ ชวนทั้งครอบครัวมาช่วยเลือกกันค่ะ

120 ชื่ออังกฤษ สำหรับลูกสาว ลูกชาย เพราะๆ เก๋ๆ

คุณพ่อคุณแม่คงอยากตั้ง ชื่ออังกฤษ ให้ลูก ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าลูกมีเพื่อนอินเตอร์จะได้เรียกง่ายๆ ไม่ใช่แต่เพื่อนฝรั่งเท่านั้น เพื่อนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือประเทศไหนๆ ก็เรียกชื่อได้ไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน จะชื่อสั้นๆพยางค์เดียวก็เรียกง่าย หรือชื่อยาวๆเพราะๆก็ดี มาเลือกชื่อที่ ทีมแม่ ABK รวบรวมมาให้ไปตั้งให้ลูกกันเลยค่ะ

ชื่อลูกสาว
ชื่อลูกสาว

120 ชื่ออังกฤษ สำหรับลูกสาว ลูกชาย เพราะๆ เก๋ๆ

ชื่อลูกสาว

ชื่อ อ่านว่า
Abigail อบิเกล
Allison อลิสัน
Amelia อมีเลีย
Aria อาเรีย
Ariana อาเรียนน่า
Aubrey ออเบร์
Autumn ออทั่ม
Ava เอวา
Avery เอเวอรี่
Brielle บรีลเลอ
Brooklyn บรู๊คลิน
Camila คามิล่า
Claire แคลร์
Clara คลาร่า
Cora โคร่า
Delilah ดีไลล่าห์
Elena เอเลียนน่า
Eleanor เอเลนอร์
Ella เอลล่า
Ellie เอลลี
Emilia เอมิเลีย
Eva เอวา
Evelyn เอเวลิน
Everly เอเวอรี่
Genesis เจเนซิส
Hadley แฮดลีย์
Hannah ฮันน่าห์
Hazel ฮาเซล
Josephine โจเซฟิน
Kaylee เคลี่
Layla เลย์ล่า
Leah ลีอาห์
Lilian ลิเลียน
Liliana ลิเลียน่า
Luna ลูน่า
Lucy ลูซี่
Peyton เพย์ตัน
kinsley คินซ์ลี่ย์
Mackenzie แมคเคนซี
Madelyn เมดิลีน
Maya เมญ่า
Melanie เมลานี
Naomi นาโอมิ
Natalie นาตาเลีย
Nevaeh เนเวอา
Nora นอร่า
Paisley เพสลีย์
Piper ไพเพอร์
Riley ไรลีย์
Ruby รูบี้
Rylee ไรลีย์
Sadie เซดี้
Samantha ซาแมนต้า, ซาแมนธา
Savannah เซวันนา
Serenity เซเรนิตี้
Skylar สกายล่าร์
Sophie โซเฟีย
Stella สเตลล่า
Vivian วิเวียน
Zoey โซอี้
ชื่อลูกชาย
ชื่อลูกชาย

120 ชื่ออังกฤษ สำหรับลูกสาว ลูกชาย เพราะๆ เก๋ๆ

ชื่อลูกชาย

ชื่อ อ่านว่า
Abel เอเบิล
Abraham เอบราแฮม, อับราฮัม
Antonio แอนโทนีโอ
Armir อาเมียร์
August ออกัส
Avery เอเวอรี่
Blake เบลค
Brantley แบรนท์ลีย์
Brody โบรดี้
Brooks บรูคส์
Bryce ไบรซ์
Camden แคมเดน
Carlos คาร์ลอส
Dawson ดอว์สัน
Dean ดีน
Diego ดิเอโก้
Edward เอ็ดเวิร์ต
Elliot เอลเลียต
Emiliano เอมิเลียโน
Emmanuel เอ็มมานูเอล
Eric อีริค
Finn ฟินน์
Giovanni จิโอวานนี่
Graham แกรม, กราแฮม
Grant แกรนท์
Hayden เฮย์เดน
Ivan ไอแวน
Jasper แจสเปอร์
Jayce เจส
Joel โจล, โจเอล
Jonah โจน่าห์
Juan ฮวน
Justin จัสติน
Kai ไค
Kaiden เคเดน
Karter คาร์เตอร์
Lorenzo โลเรนโซ
Malachi มาลาไค
Maddox แมดด็อกซ์
Matteo แมทเทโอ
Max แมกซ์
Maxwell แมกซ์เวลล์
Miguel มิกูเอล
Milo ไมโล
Myles ไมเอิลส์
Nicolas นิโคลัส
Patrick แพทริค
Rhett เร็ทท์
Richard ริชาร์ด
River แม่น้ำ
Steven สตีเวน
Thiago ติอาโก้
Timothy ทิโมธี
Tucker ทัคเกอร์
Victor วิคเตอร์
Waylon เวย์ลัน
Xander แซนเดอร์
Zane เซน
Zayden เซย์เดน
Zion ไซอัน

หวังว่า ชื่ออังกฤษ ที่ทาง ทีมแม่ ABK นำมาฝากนี้ จะถูกใจคุณพ่อคุณแม่ ช่วยกันเลือกชื่อที่ชอบได้สัก 2-3 ชื่อ เพื่อนำไปตัดสินใจเลือกชื่อที่ถูกใจที่สุดในภายหลังนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ สำหรับลูกสาวและลูกชาย

150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

120 ชื่อภาษาอังกฤษ ผู้ชาย เพราะๆ เท่ๆ

108 ชื่อผู้หญิงน่ารักๆ เก๋ๆ คลิ๊กเลย!!!

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://meowdemy.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก

คัดมาแล้วเพื่อแม่ ซักผ้าหอมติดทนนาน อ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย ยกให้ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โคโดโม

Alternative Textaccount_circle
event
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก

คุณแม่บ้านไหนเคยเจออาการผื่นแพ้ในเด็กเล็กบ้าง ซึ่งอาการนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น เหงื่อ อากาศ อาหาร หรือแม้แต่สารระคายเคืองต่าง ๆ จากผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็น แชมพู สบู่เหลว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ซักผ้าด้วย ซึ่งคุณแม่จะมาใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าของผู้ใหญ่ ซักเสื้อผ้าลูกน้อยไม่ได้เด็ดขาด เพราะอาจมีสารเคมีอันตรายที่ระคายเคืองผิวเด็ก ซึ่งเป็นผิวที่บอบบางได้ ดังนั้น คุณแม่จึงต้องเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โดยเฉพาะ

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก

การเลือก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยกว่าการเลือกผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เลย ต้องเลือกสรรที่ดีที่สุดสำหรับลูก ยิ่งถ้าเป็นคุณแม่ยุคใหม่ อะไรก็ต้องเน้นเป็นออร์แกนิคไว้ก่อน เพราะเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติล้วน ทำให้แม่มั่นใจว่าปลอดภัยและมีความอ่อนโยนต่อผิวลูก ถ้าคุณแม่ยังลังเลว่าจะเลือก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กยี่ห้อไหนดี ทีม บ.ก. Amarin Baby & Kids เสาะหามาให้แล้ว และพบของดีที่อยากแนะนำมาก ๆ ก็คือ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กโคโดโม โอกานิคุ สูตรนิวบอร์น กลิ่นเนเชอรัล บลูมมิ่ง เหมาะกับทารกน้อยสุด ๆ

Amarin baby & Kids ยกให้ KODOMO เป็นแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก

ต้องบอกว่าที่กล้าแนะนำให้แม่ใช้ เพราะทีม บ.ก. ได้ทดลองใช้จริงผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กโคโดโม โอกานิคุ สูตรนิวบอร์น กลิ่นเนเชอรัล บลูมมิ่ง แล้วบอกเลยว่าชอบมาก อยากจะเอาไปซักเสื้อผ้าผู้ใหญ่ด้วยเลย อย่างแรกแค่เปิดถุงออกมา ก็ได้กลิ่นหอมละมุนอ่อน ๆ กลิ่นสะอาดแบบธรรมชาติลอยมาเตะจมูกทันที และกลิ่นหอมนี้ยังติดทนนานมาก คุณแม่ใช้ซักเสื้อลูกน้อยจะยิ่งช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่อาจจะติดเสื้อเด็กระหว่างวันได้ดีเลย และรู้มาว่ากลิ่นหอมนี้ได้มาจากสารสกัดน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาตินั่นเอง

ผลิตภัณฑ์ซักผ้ามีลักษณะเนื้อใส ไม่มีสีเจือปน และข้นหนืดก็จริง แต่ลองซักแล้วผ้าสะอาด ขจัดคราบสกปรกได้ดีเลย ยิ่งซักมือกลิ่นยังหอมติดมืออยู่นานเลยค่ะ นอกจากความหอมที่ทำให้คุณแม่และลูกน้อยฟินแล้ว  ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โคโดโมสูตรนี้ยังมีส่วนผสมของสารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื่น ช่วยปกป้องผิวอันบอบบางไม่ให้ระคายเคือง และยังถนอมเส้นใยผ้า ไม่ทำลายเนื้อผ้าอีกด้วย

 

สิ่งที่สำคัญสุด ๆ ที่ทีม บ.ก.เล็งเห็นความสำคัญเพื่อคุณแม่และลูกน้อยคือ เรื่องของความปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์ซักผ้าโคโดโม สามารถใช้ได้กับทารกตั้งแต่แรกเกิด เพราะเป็นสูตรออร์แกนิคธรรมชาติ เหมาะกับทารกน้อยที่มีผิวไวต่อการแพ้อย่างมาก ซึ่งผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าไม่ระคายเคืองกับผิวบอบบาง ปราศจากสารเติมแต่งอันตรายที่อาจทำให้ผิวเด็กระคายเคืองได้ เช่น SLS, Paraben, Formaldehyde, Triclosan, Fluorescent, Bleaching, Colourant และทุกส่วนผสมที่เป็นสารทำความสะอาด ก็มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่ย่อยสลายได้เองไม่กระทบสิ่งแวดล้อมด้วย ดีต่อโลก ดีต่อลูกขนาดนี้ แม่ปลื้มสุด ๆ แน่นอน

ด้วยคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์จาก KODOMO ทั้งหมดนี้ ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กโคโดโม โอกานิคุ สูตรนิวบอร์น กลิ่นเนเชอรัล บลูมมิ่ง ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Website : http://www.kodomoclub.com/product.html

Facebook : https://www.facebook.com/KodomoClub

 

ประกันโควิด 2565

ประกันโควิด 2565 มีแบบไหนบ้าง? ซื้อออนไลน์ได้ทันที!

Alternative Textaccount_circle
event
ประกันโควิด 2565
ประกันโควิด 2565

ประกันโควิด 2565 มีแบบไหนบ้าง? ซื้อออนไลน์ได้ทันที!

การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ยังไม่จบลง สายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายได้เร็วกว่าเดิม จนทำให้คนติดกันง่ายขึ้น ซึ่งช่วงเวลานี้ประกันโควิดที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2564 ก็ใกล้สิ้นสุดความคุ้มครอง 1 ปีแล้ว  หลายคนจึงมองหาประกันโควิดฉบับใหม่ เพื่อคุ้มครองต่อในปี 2565 จะมีบริษัทประกันภัยแห่งไหนที่ยังประกันคุ้มครองโรคโควิด 19 อยู่บ้าง ทีมแม่ ABK สำรวจมาให้แล้ว

ประกันโควิด 2565 เจอ จ่าย จบ ยังมีอยู่ไหม

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ประกันโควิดยอดฮิต คือแบบเจอจ่ายจบ แต่ปัจจุบันไม่มีประกันประเภทนี้จำหน่ายแล้ว เนื่องจากในช่วงปี 2564 มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างรุนแรง ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมหาศาล ผู้ติดเชื้อได้เบิกค่าชดเชยเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทประกันขาดทุนอย่างหนัก จนบางแห่งถึงกับต้องปิดกิจการ เพราะไม่สามารถจ่ายเงินทดแทนได้ค่ะ

ประกันโควิด 2565 มีขายแบบไหนบ้าง

สำหรับประกันโควิดที่ยังเปิดรับอยู่ในปี 2565 ส่วนใหญ่จะคุ้มครองอยู่ไม่กี่กรณีค่ะ เช่น

  • คุ้มครองภาวะโคม่าจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเป็นผู้ป่วยใน กรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา
  • คุ้มครองภาวะโคม่าจากการฉีดวัคซีนโควิด 19
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเป็นผู้ป่วยใน กรณีฉีดวัคซีนโควิด 19
  • ชดเชยรายได้รายวัน กรณีเป็นผู้ป่วยในจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
  • ชดเชยรายได้รายวัน กรณีเป็นผู้ป่วยในจากการฉีดวัคซีนโควิด 19

นอกจากนี้ บางแผนอาจคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิดสำหรับคนในครอบครัว หรือประกันอุบัติเหตุ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

ประกันโควิดที่ยังเปิดจำหน่ายอยู่ เน้นค่ารักษาโคม่า แอดมิท

ปัจจุบันมีประกันโควิดที่ยังเปิดจำหน่ายอยู่ ดังต่อไปนี้

  1. แผนประกันโควิดให้ความคุ้มครองโดย FWD

FWD มีแผนโควิด 5 แผน คือ

1.1 แผน A

ราคาต่อปี : 450 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 5,000 บาท

โคม่า : 100,000

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 10,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 400 / 800 เฉพาะแพ้วัคซีน

อื่นๆ : (อบ.1) 30,000 บาท

 

1.2 แผน B

ราคาต่อปี : 750 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 5,000 บาท

โคม่า : 100,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 15,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 500 / 1,000 เฉพาะแพ้วัคซีน

อื่นๆ : (อบ.1) 30,000 บาท

 

1.3 แผน C

ราคาต่อปี : 1,500 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 10,000 บาท

โคม่า : 200,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 200,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 30,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 1,000 / 2,000  บาท เฉพาะแพ้วัคซีน

อื่นๆ : (อบ.1) 100,000 บาท

สำหรับแผน 1.1 – 1.3 สามารถซื้อประกันออนไลน์ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ TQM และ FWD

1.4 Covacc+ แผน A

ราคาต่อปี : 750 บาท

โคม่า : 100,000 บาท

แอดมิท : 5,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 15,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 500 / 1,000 บาท

 

1.5 Covacc+ แผน B

ราคาต่อปี : 1,500 บาท

โคม่า : 200,000 บาท

แอดมิท : 10,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 200,000 บาท

แอดมิทจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 30,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 1,000 / 2,000 บาท

ประกันโควิด 2565
แผนประกันโควิดของ FWD คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

ซื้อประกันออนไลน์ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ bolttech

 

  1. แผนประกันโควิดคุ้มครองโดยทูนประกันภัย

ทูนประกันภัย มีแผนทั้งของคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 8 แผน ดังนี้

2.1 VSAFE แผน 1

ราคาต่อปี : 799 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 300,000 บาท

โคม่า : 100,000 บาท

แอดมิท : 30,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 1,000 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 30,000

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

 

2.2 VSAFE แผน 2

ราคาต่อปี : 1,199 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 500,000 บาท

โคม่า : 500,000 บาท

แอดมิท : 50,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 1,000 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 50,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

 

2.3 VSAFE แผน 3

ราคาต่อปี : 1,819 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : 1,000,000 บาท

โคม่า : 1,000,000 บาท

แอดมิท : 60,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 1,000 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

ประกันโควิด 2565
แผนประกันโควิดของ TUNE คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

 

2.4 iSafe Extra Economy

ราคาต่อปี : 599 บาท

โคม่า : 300,000 บาท

แอดมิท : 30,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 250,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : ไม่มี

 

2.5 iSafe Extra Silver

ราคาต่อปี : 899 บาท

โคม่า : 500,000 บาท

แอดมิท : 50,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 500,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : บริการ Health2GO

 

2.6 iSafe Extra Gold

ราคาต่อปี : 1,399 บาท

โคม่า : 1,000,000 บาท

แอดมิท : 60,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 1,000,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : บริการ Health2GO

ประกันโควิด 2565
แผนประกันโควิดของ TUNE ชุดที่ 2 คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

 

2.7 iPass Plan 1

ราคาต่อปี : 7,500 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง

โคม่า : 1,800,000 บาท

อื่นๆ : รับเฉพาะชาวต่างชาติ อายุ 1 – 75 ปี

 

2.8 iPass Plan 2

ราคาต่อปี : 15,000 บาท

การเจ็บป่วยด้วย *ภาวะใดภาวะหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง

โคม่า : 3,500,000 บาท

อื่นๆ : รับเฉพาะชาวต่างชาติ อายุ 1-75 ปี

ประกันโควิด 2565
แผนประกันโควิด ของ TUNE สำหรับชาวต่างชาติ คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

ซื้อประกันออนไลน์ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่  Tune Protect

 

  1. แผนประกันโควิด KrungThai

แผนของกรุงไทย มี 4 แผน ได้แก่

3.1 โคม่า 1

ราคาต่อปี : 300 บาท

โคม่า : 300,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

 

3.2 โคม่า 2

ราคาต่อปี : 480 บาท

โคม่า : 500,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

 

3.3 วัคซีน 1

ราคาต่อปี : 70 บาท

โคม่า : 0 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 500,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 50,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

 

3.4 วัคซีน 2

ราคาต่อปี : 120 บาท

โคม่า : 0 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 1,000,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

ประกันโควิด 2565
แผนประกันของกรุงไทย คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

ซื้อประกันออนไลน์ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่  กรุงไทย

  1. แผนประกันโควิด ทิพยประกันภัย

ทิพยประกันภัย มี 4 แผน ได้แก่

4.1 1AX

ราคาต่อปี : 150 บาท

โคม่า : 100,000 บาท

แอดมิท : 10,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 10,000 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : ค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 สำหรับบุคคลในครอบครัว และบุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับผู้เอาประกันภัย (สูงสุด 3 คน (ต่อปี) จ่ายตามจริงไม่เกิน)

 

4.2 1NX

ราคาต่อปี : 150 บาท

โคม่า : 100,000 บาท

แอดมิท : 10,000 บาท

ชดเชยรายวัน : 500 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 100,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : ค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 สำหรับบุคคลในครอบครัว และบุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับผู้เอาประกันภัย (สูงสุด 3 คน (ต่อปี) จ่ายตามจริงไม่เกิน)

 

4.3 1BX

ราคาต่อปี :300 บาท

โคม่า : 300,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 300,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : ค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 สำหรับบุคคลในครอบครัว และบุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับผู้เอาประกันภัย (สูงสุด 3 คน (ต่อปี) จ่ายตามจริงไม่เกิน)

 

4.4 2BX

ราคาต่อปี : 480 บาท

โคม่า : 500,000 บาท

แอดมิท : 0 บาท

ชดเชยรายวัน : 0 บาท

โคม่าจากวัคซีนโควิด-19 : 500,000 บาท

แอดมิตจากภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 : 0 บาท

ค่าห้องธรรมดา / ICU (14 วัน) : 0 บาท

อื่นๆ : ค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 สำหรับบุคคลในครอบครัว และบุคคลที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับผู้เอาประกันภัย (สูงสุด 3 คน (ต่อปี) จ่ายตามจริงไม่เกิน)

ประกันโควิด 2565
แผนประกันโควิดของ ทิพยประกันภัย คลิกที่รูป เพื่อขยายดูรูปขนาดใหญ่

ซื้อประกันออนไลน์ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ ทิพยประกันภัย

 

บริษัทที่ยุติจำหน่าย ประกันโควิด 2565

  • ประกันโควิด เทเวศประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว
  • ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ วิริยะประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว
  • ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ สินมั่นคงประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว
  • ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ อาคเนย์ประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว
  • ประกันโควิด SCB โดยเทเวศประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว
  • ประกันโควิด AIS Insurance โดยทิพยประกันภัย ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว

อาการแบบไหนถึงเคลมเงินประกันโควิดได้

ในช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2565 สมาคมประกันชีวิตไทย ได้เผยแพร่แนวปฏิบัติการให้ความคุ้มครองการประกันภัยสุขภาพ สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด-19 มีเงื่อนไขว่า ผู้ป่วยที่รักษาเป็น “ผู้ป่วยใน” ในโรงพยาบาล จากโควิด จะต้องมีความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ จึงสามารถเบิกได้

  1. เมื่อมีอาการไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
  2. หายใจเร็วกว่า 25 ครั้ง ต่อนาทีในผู้ใหญ่
  3. Oxygen Saturation < 94%
  4. โรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของแพทย์
  5. สำหรับในเด็ก หากมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง

หลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

ถ้าไม่ได้เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล กักตัวในฮอสพิเทล หรือ โรงพยาบาลสนาม Home Isolation เคลมประกันโควิดไม่ได้

 

ก่อนจะซื้อประกันโควิด ควรศึกษาข้อมูลความคุ้มครองและอาการที่คุ้มครองให้ละเอียดก่อนซื้อนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

ไทยรัฐออนไลน์, kapook,ทิพยประกันภัย, ทูนประกันภัย, bolttech, กรุงไทย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เช็ค 5 เกณฑ์ใหม่! เคลมประกันโควิด มีผล 15 กุมภาพันธ์ นี้

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

วิธีเคลมประกันโควิด-19 เรื่องใกล้ตัวที่พ่อแม่ควรรู้

นมโรงเรียน นมบูด หรือไม่

แม่สงสัย!เทนมโรงเรียนเจอแบบนี้ นมบูด หรือปกติกันนะ

Alternative Textaccount_circle
event
นมโรงเรียน นมบูด หรือไม่
นมโรงเรียน นมบูด หรือไม่

นมบูด ต้องเป็นแบบไหน เทตรวจสอบนมกล่องก่อนให้ลูกดื่ม เมื่อมีแม่โพสสงสัย เทนมโรงเรียนแล้วเจอสภาพแบบนี้ ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ กับคำตอบทางวิทยาศาสตร์ให้คลายกังวล

แม่สงสัย!เทนมโรงเรียนเจอแบบนี้ นมบูด หรือปกติกันนะ

จากเฟซบุ๊กเพจ หมอแล็บแพนด้า ที่ได้โพสต์ให้ทุกคนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์ ในวันที่ 23 /2/ 2565 จากเรื่องของคุณแม่รายหนึ่งที่ได้เทนมโรงเรียนใส่ชามซีเรียลให้ลูกรับประทานตอนเช้า แต่กลับพบว่า นมจากนมกล่องโรงเรียนมีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ เหมือนนมเจือจาง ไม่มีกลิ่น รสชาติไม่เปรี้ยว และบนฉลากที่ระบุวันหมดอายุ ก็ยังไม่หมดอายุ จึงเกิดข้อสงสัยว่า ลักษณะดังกล่าว เป็นเพราะ นมบูด หรือคุณภาพของนมกล่องโรงเรียนที่ไม่ได้คุณภาพกันแน่

กรณีดังกล่าวก็ได้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบางท่านก็ได้แชร์เรื่องราวที่ตนเองได้เคยประสบพบในแบบเดียวกันนี้ ทั้งแบบนมใส และนมจับตัวเป็นก้อนคล้ายโยเกิร์ต ซึ่งต่างก็ลงความเห็นหาสาเหตุต่าง ๆ นานา โดยเหตุผลส่วนใหญ่คาดกันว่าน่าจะเกิดจากกระบวนการจัดเก็บที่ไม่ดีพอ หรือแม้แต่กระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน การเติมสารกันการตกกะกอนในนมที่ไม่ดีพอ หรืออุณหภูมิที่สูงเกินไปในการจัดเก็บ สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ก็สามารถทำให้คุณภาพนมมีปัญหาได้

ขอขอบคุณ เพจหมอแล็บแพนด้า
ขอขอบคุณ เพจหมอแล็บแพนด้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ระบุว่า โปรตีนนม น่าจะจับตัว แยกตัวจากน้ำนม ตกลงไปนอนก้นกล่องครับ (ไม่น่าจะเป็นน้ำใสทั้งกล่อง) การเกิด curd มักเป็นปัญหาของการจัดเก็บกล่องนม เช่น อยู่ในที่ร้อนเกินไป แม้จะยังไม่หมดอายุหรือไม่ได้บูดเสียก็ตามแต่ถ้ายังไม่หมดอายุ กลับชิมแล้วรสชาติแปลกไป เช่น เปรี้ยว ขม เหม็น ฯลฯ ก็แสดงว่าน่าจะมีรอยรั่วซึมด้วย จนเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปเจริญเติบโตได้

เกร็ดความรู้ : การเกิด Curd คืออะไร??

ลิ่มน้ำนม Curd คือโปรตีน (protein) ในน้ำนมที่มีลักษณะเป็นลิ่ม กึ่งแข็งกึ่งเหลว ได้จากการตกตะกอน (coagulation) โปรตีนนม ด้วยกรดเอนไซม์ หรือสารละลายเกลือ เช่น ก้อนโปรตีนของน้ำนมในการผลิตเนยแข็ง หรือก้อนโปรตีนของน้ำนมถั่วเหลือง (bean curd) ในการผลิตเป็นเต้าหู้ เป็นต้น

มาทำความรู้จัก “นมโรงเรียน” กันเถอะ!!

นมโรงเรียน มี 2 รูปแบบ ได้แก่ นมพาสเจอร์ไรส์ และนม UHT ขนาดบรรจุ 200 มิลลิลิตร

  • นมพาสเจอร์ไรส์ (นิยมบรรจุถุง) คือ นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยใช้ความร้อน และเวลาที่เพียงพอต่อการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคเท่านั้น โดยฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 63-65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที หรืออุณหภูมิ 72-75 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 15-20 วินาที การพาสเจอร์ไรส์ทำลายจุลินทรีย์ได้ 95-99% แต่จุลินทรีย์ที่ทนต่อความร้อนได้ดี หรือประเภทสร้างสปอร์อาจรอดชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นนมพาสเจอร์ไรส์จึงต้องเก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 8 องศาเซลเซียส มีระยะเวลาการบริโภคนับจากวันที่ผลิตไม่เกิน 10 วัน ข้อดีคือสารอาหารต่าง ๆ ถูกทำลายน้อยมาก เนื่องจากการผ่านความร้อนต่ำนั่นเอง การขนส่งและเก็บรักษานมพาสเจอร์ไรส์ ควรมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งครัด
  • นม UHT (นิยมบรรจุกล่อง) เป็นนมที่ผ่านการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ด้วยความร้อน 133-150 องศาเซลเซียส นาน 2-4 วินาทีจนทำลายเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรครวมทั้งสปอร์ของเชื้อจุลินทรีย์ได้ทำให้สามารถเก็บนม UHT ไว้ได้นาน แม้จะเก็บไว้ภายนอกตู้เย็น แต่สถานที่เก็บต้องไม่ร้อน เมื่อเก็บไว้นานเกินไปจนนมหมดอายุ นมจะหนืดเป็นวุ้น กลิ่นรสจะเปลี่ยน รวมทั้งไขมันในนมจะแยกชั้นจากน้ำนม

    นมมีประโยชน์ วิธีสังเกต นมบูด
    นมมีประโยชน์ วิธีสังเกต นมบูด

การเสื่อมของน้ำนม

น้ำนม (milk) มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก และมีสารอาหารที่เหมาะสมกับการเจริญของจุลินทรีย์ทุกชนิด ทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา จึงเป็นอาหารที่เสียได้ง่ายมาก และยังมีโอกาสพบจุลินทรีย์ก่อโรคที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ การเสื่อมเสียของน้ำนมจะมี 2 สาเหตุหลัก คือ

1.การเสื่อมเสียเนื่องจากจุลินทรีย์ โดยจุลินทรีย์ที่พบในน้ำนมส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรีย ได้แก่

  • กลุ่มเมโซไฟล์ ที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
  • กลุ่มโคลิฟอร์ม มักพบแบคทีเรียกลุ่มนี้ในน้ำนมพาสเจอไรซ์ ซึ่งอาจเกิดจากการให้ความร้อนสำหรับการฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ มีการปนเปื้อนขณะบรรจุ
  • กลุ่มเทอร์โมดิวริคแบคทีเรีย เป็นจุลินทรีย์ที่ทนต่ออุณหภูมิสูง และไม่ถูกฆ่าเชื้อด้วยการพาสเจอไรส์
  • กลุ่มเทอร์โมไฟล์ เป็นแบคทีเรียที่สามารถเจริญได้ที่ระดับอุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส และที่อุณหภูมิพาสเจอไรซ์ด้วย
  • กลุ่มไซโครโทรป เป็นแบคทีเรียที่เจริญได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้คุณภาพของน้ำนมลดลงโดยสร้างเอนไซม์มาย่อยโปรตีน และไขมันในน้ำนม ทำให้นมเกิดกลิ่น และเน่าเสียได้

2. การเสื่อมเสียเนื่องจากปฏิกิริยาเคมี เช่น การเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชันของลิพิดทำให้เกิดกลิ่นหืน การเปลี่ยนสีของนม ที่เกิดจากปฎิกิริยาระหว่างกรดแอมิโน และน้ำตาลแล็กโทส ในกระบวนการแปรรูปด้วยความร้อน และระหว่างการเก็บรักษา

ส่องวิธีการเก็บรักษาคุณภาพของนมโรงเรียน

การเก็บรักษาคุณภาพนมโรงเรียนแบบ UHT หลังตรวจนับ

  1. ตรวจลักษณะภายนอกของกล่องนม ดูสภาพกล่องนมว่ามีรอยหัก ย่น บวม ซึม หรือไม่ ถ้ามีให้ส่งคืนสายส่ง
  2. ตรวจสอบฉลากบนกล่องนม ดูข้อมูล เลขทะเบียน อ.ย. และวันหมดอายุ  ถ้าหมดอายุก่อนเวลาบริโภคไม่ควรรับนม
  3. ตรวจลักษณะทางกายภาพของนม โดยทำการเทนมใส่แก้ว เพื่อสังเกตลักษณะทางกายภาพ เช่น สี ลักษณะที่ผิดปกติ  มียางเหนียวที่ผิวหน้า มีตะกอน มีการแยกชั้น ทำการคัดออก และบันทึกลงแบบฟอร์ม
  4. การขนย้ายนมจากสายส่ง มีการกำชับห้ามโยนกล่อง หรือลังนม ห้ามยืน หรือนั่งบนกล่อง หรือลังนม
  5. การจัดเก็บลังนม UHT มีมาตราการดังนี้
  • เก็บนมในที่ร่ม ไม่โดนแสงแดด ไม่อยู่ใกล้แหล่งให้ความร้อน เช่น ครัว
  • ไม่วางลังนมติดพื้น ควรสูงจากพื้นอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันความชื้น แมลง หรือหนูกัดแทะ
  • ควรวางกล่องให้ชิดกัน อย่าให้มีช่องว่างเพื่อให้รับน้ำหนักเท่ากัน
  • ไม่วางลังนมในสถานที่อับชื้นหรือในถังน้ำแข็ง เพราะจะทำให้กล่องเปื่อย
  • ถ้านมบรรจุในลังกระดาษ ห้ามวางซ้อนกันเกิน 7 ชั้น
  • ถ้าหุ้มกล่องนมด้วยพลาสติกห้ามวางกล่องนมซ้อนกันเกิน 5 ชั้น
  • เมื่อจัดเรียงกล่องนมเรียบร้อยห้ามวางสิ่งของวางทับบนกล่องนม
ฉลากนมกล่อง UHT ข้อมูลโภชนาการ
ฉลากนมกล่อง UHT ข้อมูลโภชนาการ

การเก็บรักษาคุณภาพนมโรงเรียนแบบพาสเจอร์ไรส์ หลังตรวจนับ

1. ตรวจสภาพนมพาสเจอร์ไรส์  หากถุงนมปกติไม่พอง ไม่รั่ว ให้บันทึกวันรับนมในแบบฟอร์ม และตรวจดูสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้

  • ดูวันหมดอายุที่รอยตอกบนตะเข็บถุงนม หากไม่มีระบุส่งคืน
  • วัดอุณหภูมินม หากอุณหภูมิสูงกว่า 8 องศาเซลเซียส ไม่รับนมทั้งหมด หากอุณหภูมิไม่เกิน 8 องศาเซลเซียส นำนมไปตรวจลักษณะทางกายภายต่อไป
  • สุ่มเลือกนมถุงมาตรวจสภาพสี กลิ่น ลักษณะอื่น ๆ เช่น มียางเหนียว มีตะกอน มีการแยกชั้น หรือไม่ ถ้ามีส่งคืน

2.ตรวจสภาพถังเก็บนม ต้องล้างถังทำความสะอาดก่อนบรรจุถุงนมลงถัง และสถานที่วางถังต้องไม่สะอาดแสงแดดส่องไม่ถึง

3.ตรวจสอบความถูกต้องในการบรรจุนมลงถัง ตรวจสอบน้ำแข็งที่ใช้ทำความเย็นว่ามีปริมาณเหมาะสมกับจำนวนนมหรือไม่ ไม่นำอาหารสดมาแช่รวม ไม่นำน้ำแข็งที่ใช้แช่มารับประทาน

4.ห้ามเปิดฝาถังจนกว่าจะถึงเวลาการบริโภค ควรมีการล็อคลัง

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับกระบวนการวิธีการเก็บรักษานมโรงเรียนที่มีมาตราการเข้มงวด และแนวทางปฎิบัติที่ชัดเจนแจกจ่ายให้แก่ทุกโรงเรียนนำไปปฎิบัติ เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงจะเริ่มวางใจกันได้บ้าง ในการที่ลูก ๆ จะดื่มนมโรงเรียน เพราะเราคงแย้งไม่ได้ว่า คุณประโยชน์ของนมนั้นมีคุณค่าต่อการเจริญเติบโตของเด็ก

อาหารครบ 5 หมู่ ดื่มนม ระวัง นมบูด ดูแลโภชนการที่ดีของลูก
อาหารครบ 5 หมู่ ดื่มนม ระวัง นมบูด ดูแลโภชนการที่ดีของลูก

นมเป็นอาหารที่มากด้วยคุณค่าที่ร่างกายของลูกต้องการ ดังนั้นการให้เขาได้รับสารอาหารจากนมจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่าให้ความระแวงสงสัยมาทำให้ลูกเราไม่ได้รับคุณค่าทางสารอาหารจากนมกันเลย วิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาความระแวงสงสัยในคุณภาพของนมโรงเรียนนี้ คือ การที่คุณพ่อคุณแม่ตรวจสอบ สอบถาม หรือสอนลูกในการสังเกตนมก่อนดื่ม เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการที่ลูกต้องดื่มน้ำนมที่เสื่อมสภาพ ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงไปได้เช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.fda.moph.go.th/ FB:หมอแล็บแพนด้า

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รวมข้อมูลสำคัญ!!ที่คุณแม่ควรรู้ก่อนซื้อ ขวดนม

อุทาหรณ์..แม่เตือน ล้างขวดนม ผิดวิธี เสี่ยงทำลูกติดเชื้อในกระเพาะอาหารได้

10 สาเหตุที่ทำให้ ลูกโตช้า ลูกตัวไม่โต พ่อแม่ ควรทำอย่างไร?

7 เมนูไข่ง่าย ๆ ทำกินได้บ่อย ทั้งอร่อยและมีประโยชน์!!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

โรงเรียนอนุบาล

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

Alternative Textaccount_circle
event
โรงเรียนอนุบาล
โรงเรียนอนุบาล

สำหรับแม่ ๆ ที่กำลังหา โรงเรียนอนุบาล ให้ลูกน้อย ทีมแม่ ABK ขอพาแม่ ๆ มาส่อง 10 ค่าเทอมอนุบาล ปี 2022/2565 ว่ามีหลักสูตรอะไรบ้าง และค่าเทอมเท่าไหร่?

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

เมื่อลูกถึงวัยที่จะต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คิดไม่ตกก็คือ จะเลือก โรงเรียนอนุบาล ไหนให้ลูกดี ค่าเทอมอนุบาล มีหลักสูตรอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่? และโรงเรียนอนุบาลสมัยนี้ ก็มีหลากหลายแนวทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแนววิชาการ แนวบูรณาการ ก่อนอื่น มาดูวิธีการเลือกโรงเรียนอนุบาลกันก่อนดีกว่าค่ะ

การเลือกสถานศึกษา

  1. เลือกประเภทสถาบันการศึกษา

คุณพ่อคุณแม่จะต้องคิดว่าจะให้ลูกเรียนไปทางสายไหน ซึ่งโดยปัจจุบันก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งสถาบันของรัฐบาล และเอกชน ซึ่งก็มีแบ่งเป็นเอกชนธรรมดา เอกชนสายทางเลือก เอกชนแบบ 2 ภาษา หรือ EP : English Program หรือเอกชนแบบนานาชาติ ที่มีแต่ครูต่างชาติ 100% เลย ซึ่งค่าเทอมก็แพงขึ้นตาม แน่นอนว่าการเลือกประเภทของสถาบันการศึกษา ย่อมส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมแน่นอน ดังนั้น พ่อแม่ต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบในระยะยาว อย่าลืมสอบถามและหาข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละสถาบันเปรียบเทียบกันให้ชัด ๆ เพื่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดน้อยที่สุดด้วย

2. เลือกทำเลที่ตั้งสถานศึกษา

หลังจากเลือกประเภทของสถาบันการศึกษาของลูกแล้ว พ่อแม่ก็ต้องมาดูต่อว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนแถวไหน จะใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงานคุณพ่อคุณแม่ ถ้าพ่อแม่บางคนจะเลือกใกล้บ้านก็อาจจะไม่ต้องตื่นเช้ามากเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งก็ทำให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หรือถ้าเลือกสถาบันดังๆ ที่ต้องการ แต่ต้องใช้เวลาเดินทางไกล ก็ต้องเตรียมใจว่า ลูกอาจต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่น ต้องกินข้าวในรถระหว่างไปโรงเรียน ขากลับก็อาจเจอรถติดยาว หรือต้องจ้างรถโรงเรียนเพื่อให้กลับบ้านเร็วขึ้น ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ค่าเทอมอนุบาล
ค่าเทอมอนุบาล

เด็กในวัยอนุบาล เรื่องสำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการเลือก โรงเรียนอนุบาล ที่เหมาะกับลูกที่สุด ดังนั้น มาดูกันว่า โรงเรียนอนุบาล แต่ละโรงเรียน มีหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างไรบ้างกันค่ะ

10 “โรงเรียนอนุบาล” ยอดนิยมพร้อมหลักสูตร ปี 2565

อนุบาลกุ๊กไก่

การเรียนการสอนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ มีการจัดการเรียนการสอนทั้งกิจกรรมภายในและภายนอกห้องเรียน มีการเรียนรู้หลากหลายอย่างเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน มีการจัดการเรียนรู้แบบ Project Approach

การเรียนรู้ Project Approach เป็นวิธีการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้แก่เด็กเพื่อเตรียมพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 และ ศตวรรษต่อๆไป Project Approach ช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัวเด็กอย่างลุ่มลึกด้วยตนเอง สอนให้เด็กรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to Learn) ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองต่อไปได้ตลอดชีวิต และยังสอนวิธีการคิดรูปแบบต่างๆ (Learning to Think) ให้แก่เด็กอีกด้วย ทำให้เด็กสามารถพิจารณาข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล นำข้อมูลมาเปรียบเทียบวิเคราะห์ สังเคราะห์ พิจารณาถึงความถูกต้องและประโยชน์ได้ตามวัย การเรียนรู้แบบ Project Approach บูรณาการวิชาต่างๆให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีความหมายและเป็นที่สนใจของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษา หรือประวัติศาสตร์ การเรียนรู้แบบ Project Approach เป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายในวงการการศึกษาในหลายประเทศทั่วโลกว่าเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง (Brain Based Learning) อย่างมาก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ โทรศัพท์: (0) 2 249-0081-3, https://kukai.ac.th/

โรงเรียนเลิศหล้า

โรงเรียนเลิศหล้าจัดหลักสูตรผสมผสานระหว่างหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการประเทศไทยกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการประเทศแคนาดาโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนเพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ในระดับสากลภายใต้วัฒนธรรมไทย และมี 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ( English Program) และ หลักสูตรนานาชาติ ( International Program )

  1. หลักสูตรภาษาอังกฤษ ( English Program)

ระดับเตรียมอนุบาล – อนุบาลศึกษาปีที่ 3
รับสมัครนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 1.6 ขวบ – 3 ขวบ จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในอัตราส่วน 50 : 50 ของเวลาเรียน

2. หลักสูตรนานาชาติ ( International Program )

ระดับชั้นอนุบาล (K.1 – K.3) รับสมัครนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในอัตราส่วน 80 : 20
ของเวลาเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ www.lertlah.com

โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า

โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เปิดการเรียนการสอน 2 หลักสูตร เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูก หลักสูตรที่มุ่งเน้นการเตรียมตัวและพัฒนาทักษะของลูกน้อยให้พร้อมก่อนเข้าเรียนในทุกๆด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และสติปัญญา เด็กๆจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ ภายใต้การดูแลโดยคุณครูและผู้เชี่ยวชาญด้านปฐมวัยอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้ท่านได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกน้อย ได้เห็นถึงพัฒนาการความก้าวหน้า เสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดี ในการเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อม หรือผู้คนใหม่ๆ สร้างความมั่นใจ ในวันที่ต้องลงสู่สนามแห่งการเรียนรู้จริง ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียน ในบรรยากาศและสถานที่ของโรงเรียน

หลักสูตรนานาชาติ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรอังกฤษ ผ่านการเล่น (Play-base approach) เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของเด็ก โดยเด็กจะได้ทำกิจกรรมสนุกสนานและหลากหลาย แต่ยังคงแทรกเนื้อหาวิชาการที่สำคัญ รวมถึงวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยด้วยเช่นกัน เพื่อให้เด็กเข้าใจเนื้อหาและลงมือปฏิบัติจริง เกิดเป็นความรู้อย่างถาวร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ www.denlaschool.ac.th

โรงเรียนรุ่งอรุณ

การศึกษาเริ่มต้นเมื่อคนกินอยู่เป็น…ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เขียนไว้ในหนังสือ การศึกษาเริ่มต้นเมื่อคนกินอยู่เป็น ถึงแนวทางการจัดการศึกษาแนวพุทธที่พัฒนาเด็กตามหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อนำหลักไตรสิกขาสู่ระดับชั้นอนุบาลของรุ่งอรุณ วิถีชีวิตและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ จึงมีเป้าหมายให้เด็ก กิน อยู่ ดู ฟังเป็น สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ ปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ และกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ อันเป็นคุณธรรมสำคัญที่เกื้อหนุนการเรียนรู้ของวัยเด็ก โดยบูรณาการ ๔ สาระที่สำคัญสำหรับปฐมวัย ได้แก่ ตัวเรา ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังคม (พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน ครู ลุงคนสวน ป้าแม่ครัว ฯลฯ) และภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ลงในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็ก อาทิ กิจวัตรประจำวัน การเล่น การออกกำลังกาย นิทาน ศิลปะ ดนตรี การทำอาหาร การเดินชมธรรมชาติ กิจกรรมจิตอาสา และโครงงานตามความสนใจ ซึ่งสอดคล้องไปกับฤดูกาลของแต่ละภาคเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0 2870 7512 – 3, 0 2840 2501-4, www.roong-aroon.ac.th

อนุบาลมณีรัตน์

ที่โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ เด็กๆ ทุกคนคือผู้นำเราต้องการสร้างความใฝ่รู้ให้เด็ก รักการค้นคว้า การคิดหาเหตุผล อย่างถูกต้องโดยนำความสนใจของเด็กๆ แต่ละคนมาสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบโดยวิธีธรรมชาติและสนุกสนาน เพื่อปลูกฝังแนวทาง ที่ถูกต้องสู่ความเป็นเอกบุคคลในแนวทางต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในตัวเด็กแต่ละคน เด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ มิใช่เพียง แค่มาเรียน แต่เป็นการมารู้จักความสนใจของตนเอง และแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อเป็นการเริ่มต้นค้นหาตัวตนของตนเอง เพื่อนำไปสู่ความเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมในอนาคต

โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ มุ่งเน้นที่จะยึดเด็กเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการเรียนการสอน (Child Center) โดยมีปรัชญาของ เรกจิโอ เอมีเลีย (Reggio Emilia) เป็นหลักสำคัญในการมองเด็กอย่างเข้าใจ และเป็นหลักในการออกแบบกระบวนการของการเรียนการสอน ในห้องเรียน และภายใต้ปรัชญาของ เรกจิโอ เอมีเลียนั้น ทางโรงเรียนก็ได้นำนวัตกรรม หลักการ หลักสูตร และแนวคิดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น Project Approach, Brain Based Learning, Multiple Intelligence (พหุปัญญา), Integration, Whole Language ฯลฯ

ดังนั้นหลักสูตรของโรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ซึ่งได้สั่งสมมาจากประสบการณ์การ สอน และการเป็น โรงเรียนนำร่องของ สมศ. กระทรวงศึกษาธิการ ตลอด 20 ปีเต็ม จึงมีเอกลักษณ์ที่ทำให้เด็กทุกคนเป็นคนที่รู้จักขวนขวายหาความรู้ มีทักษะความสามารถเฉพาะตัว ช่างคิด กล้าแสดงออก ในบริบทของวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และที่สำคัญ มีทัศนคติที่ดีและมีความสุขกับการเรียน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0–2678–4612, www.maneerut.com

โรงเรียนอนุบาลแสงโสม

เน้นให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข โดยผ่านการสอนที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ใช้ระบบศูนย์การเรียน และใช้การบูรณาการมีการเรียนรู้โดยผ่านการกระทำ โดยใช้ Project Approach เน้นให้นักเรียนได้ฝึกการคิด การวางแผน

  • ได้รับรางวัลสื่อการสอนดีเด่นจากกระทรวงศึกษาธิการ
  • ทุกห้องเรียนมีครูประจำชั้น 1 ท่าน และครูผู้ช่วย 3 ท่าน
  • กิจกรรมในหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนครบในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 02-585-6433, kindergarten.sangsomschool.com

โรงเรียนอนุบาลยอดนิยม
โรงเรียนอนุบาลยอดนิยม

โรงเรียนเธียรประสิทธิ์ศาสตร์

แนวการจัดการเรียนการสอน จากการศึกษาวิจัยจำนวนมากและจากประสบการณ์อันยาวนาน ทางโรงเรียนได้เลือกบูรณาการวิชาการศึกษาปฐมวัยหลายระบบเข้าด้วยกันรวมถึงภาษาอังกฤษที่สอนโดยครูต่างชาติเจ้าของภาษา ซึ่งเหมาะสมและได้ผลดีที่สุดสำหรับนักเรียนที่มุ่งมาเรียนที่โรงเรียน ครูผู้สอนทุกท่านมีวุฒิและประสบการณ์โดยตรงสำหรับเด็กปฐมวัย และทางโรงเรียนมีการพัฒนาครูอยู่เป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนักเรียนจะได้ค้นคว้าทดลองในสิ่งที่ต้องการแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษหลากหลาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 0 -2286 -2588 , 0 -2286 -0492 , 0 -2286-9978 , 085 -119-9090, www.thienprasitsart.com

โรงเรียนแสงอรุณ

โรงเรียนแสงอรุณมุ่งการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการพัฒนาการนักเรียนให้เป็นบุคคลแห่งการใฝ่รู้ ทั้งทักษะ ความรู้ และคุณธรรม มีกระบวนการทางความคิด และมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหาด้วยเหตุและผล เพื่อพัฒนาตนเองให้อยู่ร่วมในสังคมอย่างสร้างสรรค์และมีสุขด้วยจิตสำนึกในความเป็นไทย ใส่ใจพลังงานและสิ่งแวดล้อม สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

อัตราค่าเล่าเรียน

ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนที่ 2
อาหารกลางวัน ไม่มีอาหารกลางวัน อาหารกลางวัน ไม่มีอาหารกลางวัน
อ.1-อ.2 10,506.75 8,906.75 10,206.75 8,606.75
อ.3 11,556.75 9,956.75 11,256.75 9,656.75
ป.1-ป.2 11,271.75 7,771.75 10,971.75 7,471.75
ป.3-ป.6 8,371.75 8,071.75
ม.1-ม.3 8,131.75 7,831.75
ม.4
ภาษาจีน 9,316.25 9,016.25
คณิต 8,816.25 8,516.25
วิทย์ 9,316.25 9,016.25
ม.5-ม.6
ภาษาจีน 9,416.25 9,116.25
คณิต 8,916.25 8,616.25
วิทย์ 9,416.25 9,116.25

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและการรับสมัครได้ที่ sar.ac.th

โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์

โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์เป็นโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา ระดับก่อนประถมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษาเขตพื้นที่1 กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่1ถึงอนุบาลปีที่ 3 จัดการเรียนการสอนตามแนวหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (3-5 ปี) พุทธศักราช 2546 กระทรวงศึกษาธิการ

การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของแต่ละคนอย่างเต็มที่ โดยกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และทักษะต่าง ๆ (ไม่เน้นการท่องจำ) ฝึกให้เด็กรู้จักคิดและสามารถแก้ปัญหาได้เหมาะสมตามวัย พร้อมกับกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายอารมณ์ สังคม สติปัญญา ตามแนวคิดเด็กมีความสุขเป็นพื้นฐานนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดี มีการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กๆเพื่อสามารถศึกษาได้ในระดับชั้นประถมศึกษาต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 02-267-4264, www.ppskgschool.ac.th

โรงเรียนสาธิตพัฒนา

โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายอนุบาล จัดการศึกษาให้กับเด็กวัย 2-6 ปี โดยแบ่งเป็น 4 ระดับชั้น คือ
ระดับเตรียมอนุบาล อายุ 2- 3 ปี
ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 อายุ 3 – 4 ปี
ชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 – 5 ปี
ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุ 5 – 6 ปี

โดยมีกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ดังนี้

  • การเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น/เชิงรุก (Active Learning)
  • การเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ (Learning by doing)
  • การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (Learning through activity)
  • การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Learning through playing)
  • การเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning)
  • การเรียนรู้อย่างมีความสุข (Happy Learning)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค่าเทอมได้ที่ 06-5518-8461 , 06-5518-8462, www.satitpattana.ac.th

โรงเรียนสาธิตบางนา

โรงเรียนเปิดสอนในหลักสูตร English Language Focus (ELF) ตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เน้นการเรียนภาษาอังกฤษโดย Native Speaker สอน 7 Habits สร้างภาวะผู้นำ  ฝึกทักษะกระบวนการคิดคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่น คุณครูความเอาใจใส่นักเรียนทุกคนในชั้นเรียน และมีความรู้ในวิชาที่สอนเป็นอย่างดี โดยในระดับชั้นอนุบาล มีเอกลักษณ์ คือ

  1. มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการอย่างน้อยหนึ่งด้าน
  2. มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
  3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
  4. เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
  5. มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

อัตราค่าธรรมเนียมปีการศึกษา 2564

  • ประเภทสามัญศึกษา : เตรียมอนุบาล ภาคเรียนละ 7,582.00 บาท อนุบาล 1-3 ภาคเรียนละ 2,756.75 บาท (ยังไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ)
  • หลักสูตร English Program : ภาคเรียนละ 43,000 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0-2750-4965 , 0-2752-4670, https://www.satitbangna.ac.th/

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

หมอชี้! หลักการ เลือกโรงเรียนให้ลูก โรงเรียนที่ดีต้องมี 3 ข้อนี้

Update 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2565

รู้จัก 4 โรงเรียน “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ในประเทศไทย

สิ่งที่ต้องสอนลูกก่อนวัย 3 ขวบ เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.moneyguru.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สไลม์

สไลม์ (Slime) ของเล่นสุดโปรดของลูกๆ คืออะไร?

Alternative Textaccount_circle
event
สไลม์
สไลม์

สไลม์ (Slime) หรือน้ำลายเอเลี่ยน ของเล่นสุดฮิตของเด็กๆในยุคนี้ ที่ทุกบ้านต้องมี เป็นของเล่นยุคใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยเล่นในวัยเด็กแน่นอน

สไลม์ (Slime) ของเล่นสุดโปรดของลูกๆ คืออะไร?

ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะสงสัยว่า สไลม์ (อ่านว่า สะ-ลาม) คืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เล่นยังไง มีประโยชน์ และโทษอย่างไรบ้าง ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ เพื่อคลายข้อสงสัยต่างๆ พร้อมกันนี้ยังมีวิธีทำที่สามารถทำเล่นเองได้ง่ายๆมาฝากด้วยค่ะ

สไลม์ (Slime) คืออะไร?

สไลม์ (Slime) หรือ น้ำลายเอเลี่ยน คือของเล่นที่มีลักษณะเป็นก้อนข้นเหนียว ยืดๆ หยุ่นๆ มีสีมากมายทั้งใสและทึบ

ประวัติของ สไลม์

สไลม์เป็นของที่เด็กฝรั่งเล่นกันมานานหลายสิบปีก่อนจะมาถึงเมืองไทย ทำมาจากโพลิเมอร์ (polymer) ซึ่งใช้ในการผลิต nylon, polyester และ polystyrene ในร่างกายของเราก็มีสารนี้ นั่นคือโปรตีนบางประเภท เช่น tubulin และ actin ซึ่งมีหน้าที่สร้าง microtubules และ microfilaments อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์

การค้นพบโพลิเมอร์ เกิดในช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยนักเคมีชื่อ Hermann Staudinger เขาพบวิธีทำให้มันมีโมเลกุลเป็นเส้นยาวแทนที่จะเป็นวงกลม และกลายเป็นของที่เหลวแต่ข้นหรือเหนอะๆ ต่อมามีการทดลองอีกหลายอย่าง แต่สไลม์ ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า goo กลายเป็นร่างกายสำหรับเด็กในช่วงทศวรรษที่ 1980 และผู้ผลิตคนสำคัญคือ Mattel ประเทศสหรัฐอเมริกา

ประโยชน์ของ สไลม์

ความจริงแล้วสไลม์ ก่อนจะมาเป็นของเล่นเด็ก ถูกนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดฝุ่นละอองที่คีย์บอร์ด

ทั้งนี้สไลม์ ยังสามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ – มัดเล็กของเด็ก ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป

ของเล่น สไลม์
ของเล่น สไลม์

โทษของ สไลม์

จากข่าวดัง มีคุณแม่ท่านนึง ลูกเล่นสไลม์ แล้วสูดไอระเหยเข้าไปจนไม่สบาย โดยแพทย์โรงพยาบาลรามาฯ ได้ออกมาเตือนให้เล่นอย่างระมัดระวัง เพราะมีบางยี่ห้อที่วางขาย มีสารพิษที่ทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

ดร.นายแพทย์ศักดา อาจองค์ วัลลิภากร อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่าควรระมัดระวังไม่ให้สไลม์เข้าปาก เนื่องจากสไลม์ที่ซื้อตามหน้าโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆยังไม่ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้เป็นของเล่นได้ เนื่องจากตรวจพบว่าภายในสไลม์มีสารบอแรกซ์ สารหนู และสารโลหะหนักอย่างตะกั่วผสมอยู่ด้วย ซึ่งสารพวกนี้ ถึงแม้จะมีปริมาณน้อย แต่หากมีการสัมผัสเป็นเวลานาน อาจเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้ และหากได้รับสารเคมีปริมาณมาก อาจส่งผลต่อ ตับ ไต สมอง ซึ่งจะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ ที่ควรระวังที่สุดคือ สารบอแรกซ์ เพราะเป็นสารอันตรายที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ นายแพทย์ศักดา ยังแนะนำว่า หากต้องการให้เด็กเล่น ทางที่ดีควรให้ผู้ปกครองเลือกวัสดุที่มาจากธรรมชาติมาผลิตเอง และที่สำคัญควรให้เด็กทำความสะอาดมือทุกครั้งหลังจากเล่นเสร็จ

รู้แบบนี้แล้ว มาทำสไลม์ ไว้เล่นเองกันดีกว่า มาลองทำ 1 ใน 4 สูตรที่ปราศจาก สารบอแรกซ์ สารหนู ตะกั่ว และโลหะหนัก ที่เป็นอันตรายกันดูค่ะ จะได้เล่นสนุก อย่างมีความสุข สบายใจคุณพ่อคุณแม่

วิธีทำสไลม์แป้งข้าวโพด 

ส่วนประกอบ

  • น้ำ 1½ ถ้วย (350 มล.)
  • สีผสมอาหาร 3-4 หยด
  • แป้งข้าวโพด 2 ถ้วย

วิธีทำ

  • ใส่น้ำ 1 ถ้วย (250 มิลลิลิตร) ลงในกระทะก้นลึกใบเล็ก ต้มให้น้ำอุ่นแต่ไม่ต้องถึงกับร้อนหรือเดือด เพราะต้องใช้มือในการผสมสไลม์ หรือจะอุ่นน้ำในเตาไมโครเวฟประมาณ 45-60 วินาที แทนก็ได้
  • เทน้ำอุ่นลงในถ้วย หยดสีผสมอาหาร (สีที่ต้องการ) ลงไป 3-4 หยด จนน้ำสีเข้มกว่าสีสไลม์ที่ต้องการเล็กน้อย เพราะสีจะจางลงนิดหน่อย ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
  • ตวงแป้งข้าวโพด 2 ถ้วย (140 กรัม และ 500 มิลลิลิตร) ใส่ในชามใหญ่แยกกันไว้
  • เทน้ำที่ใส่สีทั้งถ้วยลงในชามแป้งข้าวโพด ค่อยๆ เทลงไป ใช้มือผสมให้เข้ากัน จนได้ส่วนผสมเหนียวข้นเป็นเนื้อเดียว
  • ปรับความเข้มข้นของสไลม์ตามชอบ ถ้าสไลม์เหลวเกินไป ให้ใส่แป้งข้าวโพดเพิ่ม ถ้าสไลม์เหนียวเกินไปก็ใส่น้ำอุ่นที่เหลือลงไป ปรับได้ตามชอบ
  • ใส่สไลม์ไว้ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้ดีเพื่อให้เก็บได้นาน
วิธีทำสไลม์
วิธีทำสไลม์

สไลม์กินได้

ส่วนประกอบ

  • นมข้นหวาน 1 กระป๋อง (14 ออนซ์)
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
  • สีผสมอาหาร 10-15 หยด

วิธีทำ

  1. เทนมข้นหวาน 1 กระป๋องใส่กระทะก้นลึก หรือใช้หม้อก็ได้
  2. ใส่แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (14 กรัม) ลงในนมข้นหวาน ใช้ไฟต่ำและค่อยๆ เคี่ยวส่วนผสม คนไปเรื่อยๆ
  3. เมื่อส่วนผสมข้นดีแล้วให้ยกลงจากเตา ใส่สีผสมอาหารลงไปตามใจจนได้สีที่ต้องการ
  4. ทิ้งไว้ให้สไลม์เย็นตัว พอมันเย็นตัวลงแล้ว ก็เอาไปเล่น (หรือกิน) ได้เลย แต่ควรระวัง มันอาจไปเปื้อนเสื้อผ้าหรือพรมที่สีอ่อนกว่าได้

สไลม์แป้งเด็ก

ส่วนประกอบ

  • กาว PVA (อเนกประสงค์) 1/2 ถ้วย
  • สีผสมอาหาร
  • แป้งเด็ก 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

  1. เทกาว PVA ครึ่งถ้วยลงในชาม
  2. ใส่สีผสมอาหารลงไป 1-2 หยด
  3. คนให้เข้ากันให้ได้สีที่สม่ำเสมอ
  4. ใส่แป้งเด็ก (ผงทัลคัม) ครึ่งถ้วย ใส่เพิ่มได้ จนกว่าจะได้สไลม์ที่เหนียวข้นตามความชอบ
  5. เก็บในภาชนะสุญญากาศ

สไลม์ผงไฟเบอร์

ส่วนประกอบ

  • น้ำ
  • สีผสมอาหาร
  • ผงไฟเบอร์ 1 ช้อนชา (5 มล.)
  • น้ำ 1 ถ้วย (240 มล.)

วิธีทำ

  1. ผสมผงไฟเบอร์ 1 ช้อนชากับน้ำ 1 ถ้วย ใช้ชามที่เอาเข้าไมโครเวฟได้ เพราะจะต้องเอาส่วนผสมใส่ไมโครเวฟ
  2. เติมสีผสมอาหารจนส่วนผสม น้ำผสมผงไฟเบอร์ได้สีที่ต้องการ สไลม์จะออกมาเป็นสีเดียวกันนี้ มันจะไม่จางลง คนให้เข้ากันดี
  3. นำชามส่วนผสมเข้าไมโครเวฟ ใช้ความร้อนสูง 4-5 นาที คอยดูเรื่อยๆ ไม่ให้ส่วนผสมเดือดจนล้นชาม
  4. ทิ้งส่วนผสมไว้ 2-4 นาทีแล้วค่อยคน ส่วนผสมควรจะเย็นลงแล้วหลังจากปล่อยไว้
  5. เอาเข้าไมโครเวฟและเอาออกมาวางให้เย็นตัวลง ทำซ้ำๆ 2-6 ครั้ง คนส่วนผสมทุกครั้งเมื่อมันเย็นลง ยิ่งทำซ้ำมากเท่าไร สไลม์ของคุณก็จะยิ่งเหนียวข้นมากเท่านั้น
  6. ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที อย่าเพิ่งไปจับจนกว่าจะเย็นลงดีแล้วจริงๆ เพราะมันจะร้อนมาก

ข้อมูลเกี่ยวกับ สไลม์ที่ ทีมแม่ ABK นำฝากนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกชื่นชอบในการเล่น สไลม์ นะคะ อย่างไรก็ดี ก่อนซื้อควรสังเกตุเครื่องหมาย มอก. ก่อนทุกครั้งนะคะ หรือไม่ก็ทำเองตามสูตรด้านบนเลยค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลใกล้ชิดนะคะ โดยเฉพาะเด็กเล็ก

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

4 ไอเดีย กิจกรรมยามว่างกับลูก ช่วงโควิด โดยพ่อเอก

แซนวิชหรรษา เมนูอาหารว่างง่ายๆ จาก DIY Happy Meal Box Set

เปิดรายชื่อ!! การ์ตูน Disney + Hotstar ที่เด็ก ๆ ควรดู!!

โหลดฟรี! ภาพระบายสี กว่า100รูปชวนลูกห่างไกลแสงสีฟ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.matichonweekly.com, https://th.wikihow.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ติดโควิด ทำยังไง

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

Alternative Textaccount_circle
event
ติดโควิด ทำยังไง
ติดโควิด ทำยังไง

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

โควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ติดง่าย ติดเร็ว แม้อาการไม่รุนแรง แต่พบผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อแตะหลักหมื่นกว่ารายทุกวัน จนเมื่อไม่นานมานี้ก็แตะหลักสองหมื่นรายต่อวันไปแล้วค่ะ หากว่าคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง จะต้องจัดการตัวเองอย่างไร ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูล วิธีปฏิบัติตัวว่าหากติดเชื้อโควิด19 ว่าควรทำอะไรบ้าง?  ติดต่อหน่วยงาน หรือโรงพยาบาลไหน อย่างไร? และหากอาการไม่รุนแรงต้องเข้า Home Isolation ต้องทำอย่างไร?

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง

ถ้ามีผลตรวจยืนยันแล้วว่าลูกหรือเด็กในบ้านติดเชื้อโควิด19 แบ่งได้เป็นหลายกรณี

กรณีที่ 1 ลูกติดเชื้อและคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาโดยเน้นจัดอยู่เป็นครอบครัว ไม่ควรแยกลูกออกจากคุณแม่

กรณีที่ 2 ลูกติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือ Hospitel โดยลูกจะต้องถูกส่งตัวไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลหรือ Hospitel อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งการกักตัวสำหรับเด็กมีความซับซ้อนกว่าเคสของผู้ใหญ่ในเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องแยกห่างจากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง คุณหมอแนะนำว่า เมื่อลูกต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลควรมีคนเฝ้า เพื่อให้ไม่รู้สึกเคว้งคว้าง โดยผู้เฝ้าต้องมีร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว

กรณีที่ 3 ลูกไม่ติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ ควรให้ญาติที่ไม่ติดเชื้อเป็นผู้ดูแลลูก หากไม่มีผู้ดูแลควรส่งลูกไปยังสถานสงเคราะห์ หรือบ้านพักในสังกัดกระทรวงเป็นการชั่วคราว

กรณีที่ 4 เกิดการระบาดเป็นกลุ่มในโรงเรียน หรือในเนิร์สเซอรี่ พิจารณาใช้พื้นที่เนิร์สเซอรี่เป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ โดยดูจากความพร้อมของสถานที่และบุคลากรตามความเหมาะสม

ขั้นตอนการเตรียมตัวเมื่อติดเชื้อโควิด-19

ผู้ที่ได้รับการยืนยันผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 และมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลย ส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ โดยผู้ป่วยจะต้องไม่อยู่กับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ

สำหรับขั้นตอนในการเตรียมตัวเข้ารับการรักษา HI หรือโรงพยาบาลนั้น เตรียมตัวดังนี้ค่ะ

  • เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน เอกสารยืนยันผลตรวจโควิด
  • ติดต่อ สายด่วน สปสช.โทร 1330 ได้ 24 ชม. , สายด่วน 1668 โทรได้ตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. หรือ สายด่วน 1669 ได้ 24 ชม. เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง
  • หรือ กรอกข้อมูลใน แอดไลน์ @sabaideebot (สบายดีบอต)
  • งดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34)
  • หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้
  • สวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว
  • บัตรประกัน (ถ้ามี)
  • โทรศัพท์มือถือส่วนตัว พร้อมที่ชาร์จ รวมถึงเบอร์ติดต่อบุคคลสำคัญ
  • ยารักษาโรคประจำตัว (ถ้ามี) รวมถึงบัตรนัดที่มีชื่อแพทย์โรงพยาบาลที่รักษาเป็นประจำ
  • ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าอนามัย (สำหรับผู้หญิง), ขวดนม และผ้าอ้อม (สำหรับเด็ก), กระดาษชำระ, ไฟฉายหรือแบตเตอรี่สำรอง
  • เสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยนในวันกลับ 1 ชุด
  • เงินสดเล็กน้อย, บัตรเอทีเอ็ม, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต
  • หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ
  • ถุงผ้าอเนกประสงค์ หรือถุงพลาสติก เพื่อใส่ของที่จำเป็น

ควรทำอย่างไรขณะรอรถมารับไปโรงพยาบาล

วิธีดูแลตัวเอง ขณะที่รอการรับการรักษาที่ รพ. ทำได้ดังนี้ค่ะ

  • กักตัวในห้องแยกจากผู้อื่น ไม่อยู่กับใคร ในห้องแอร์ หากจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่นให้เปิดหน้าต่างไว้ให้อากาศถ่ายเท
  • สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ออกมานอกห้อง หรือต้องเข้าใกล้ผู้อื่น
  • แยกของใช้ อุปกรณ์รับประทานอาหาร และแก้วน้ำ ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
  • แยกขยะ แยกการใช้ห้องน้ำ ถ้าไม่แยกให้ใช้เป็นคนสุดท้าย
  • ล้างมือด้วยสบู่ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังขับถ่าย
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารสะอาด ตามหลักโภชนาการ ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
  • ทำจิตใจให้สบาย ลดวิตกกังวล
  • เมื่อใช้ลิฟต์ พกปากกา ไม้ลูกชิ้น เป็นที่กดลิฟต์ ไม่ยืนพิงลิฟต์หรือสัมผัสลิฟต์
  • หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการเดิมมากขึ้น ให้ติดต่อสายด่วน 1669 , 1668 , หรือโหลดแอปฯ EMS 1669 เพื่อกดเรียกรถพยาบาลกรณีฉุกเฉิน
  • กรณีอยู่บ้านหรือคอนโด กรุณาแจ้งนิติบุคคล

เมื่อลูกติดเชื้อต้องกักตัวที่บ้าน

สำหรับลูกที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) อุปกรณ์ที่ใช้ติดตามอาการและบรรเทาอาการที่บ้าน ได้แก่

  • ปรอทวัดไข้
  • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
  • อุปกรณ์ที่สามารถใช้ถ่ายภาพ หรือบันทึกอาการของเด็กได้
  • ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่

คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการโดยรวมของลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับอาการ ออกเป็น 2 ระดับ

ระดับที่ 1 คือ อาการที่ยังสามารถสังเกตที่บ้านต่อไปได้ ได้แก่ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ตามปกติ ไม่ซึม

ระดับที่ 2 คือ ระดับที่คุณพ่อคุณแม่ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำลูกไปส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร

ติดโควิด ทำยังไง
เบอร์แจ้งผู้ป่วยโควิด19เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลในกรุงเทพ

ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิดหากตรวจกับเอกชน

หากคุณพ่อคุณแม่อยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน แล้วพบว่าติดเชื้อจากการเลือกเข้าตรวจกับห้องปฏิบัติการเอกชนเอง มี 2 ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิด-19

ทางเลือกที่ 1 เข้ารับการรักษาโควิดฟรี

  • เดินทางไปยังโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนที่รองรับสิทธิ์
  • โทร 1669 หรือโทรเรียกรถพยาบาลโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านให้มารับ
  • แจ้งประวัติให้ชัดเจน แจ้งสิทธิประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันวินาศภัย (ถ้ามี)
  • ได้รับการรักษาตามสิทธิ์ค่าใช้จ่ายตามประกาศกระทรวง
  • ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง อาจได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม หรือ ฮอลพิเทล ในกรณีที่เตียงในสถานพยาบาลมีจำกัด

ทางเลือกที่ 2 เข้ารับการรักษาโควิดกับโรงพยาบาลเอกชน

  • โทรศัพท์แจ้งไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน ให้ส่งรถพยาบาลมารับ หรือเดินทางไปยังโรงพยาบาล โดยแจ้งประวัติอย่างชัดเจน แจ้งให้ชัดว่ามารักษาโควิดก่อนเดินทางไป
  • แจ้งสิทธิ์ประกันวินาศภัย, ประกันสุขภาพ ที่มี
  • ได้รับการรักษาตามวงเงินในประกันวินาศภัยหรือประกันสุขภาพที่มี หรือใช้สิทธิ์จ่ายเอง
  • ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือฮอลพิเทลในเครือข่าย กรณีที่สถานพยาบาลมีเตียงจำกัด
  • นอกจากผู้ติดเชื้อที่ต้องปฏิบัติตัวในการเข้ารับการรักษาแล้ว บุคคลใกล้ชิดก็ต้องมีข้อปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้จากมติล่าสุดของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 ยังให้ถือว่าผู้ป่วยโควิดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินอยู่ สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ สำหรับการเบิกจ่ายประกันสุขภาพ สบส. ได้ทำหนังสือยืนยันไปที่ คปภ.แล้วว่า HI/CI และฮอสพิเทล เป็นสถานพยาบาล ที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจ่ายสิทธิประกันสุขภาพ

ผู้ป่วยโควิดต้องมีอาการแค่ไหนถึงต้องเข้าโรงพยาบาล

อาการโควิดแบ่งเป็นระยะ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง โดยอาการที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้แก่ สีเหลืองและสีแดง ซึ่งจะมีอาการดังนี้

อาการโควิดสีเหลือง

ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีเหลือง คือผู้ที่มีอาการเสี่ยงรุนแรง หรือมีโรคร่วม เช่น

  • เวียนหัว อ่อนเพลีย ไอแล้วมีอาการเหนื่อย
  • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
  • ขับถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป
  • อ่อนเพลีย ปอดอักเสบ

เป็นกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากมีอาการที่รุนแรงกว่าผู้ป่วยโควิดสีเขียว จึงไม่เหมาะที่จะทำการกักตัวรักษาที่บ้านแบบ HI หรือ CI ได้ และควรเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการดูแลจากแพทย์

อาการโควิดสีแดง

ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีแดง คือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว

  • ระบบหายใจมีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์จะพบปอดอักเสบรุนแรง
  • เกิดภาวะปอดบวมจากการเปลี่ยนแปลงความอิ่มตัวของเลือด
  • แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก
  • ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว

อาการของผู้ป่วยโควิดสีแดงจัดว่ามีอาการรุนแรง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิดที่ห้อง ICU เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเครื่องช่วยหายใจ

คนใกล้ชิดที่พบปะกับผู้ป่วยยืนยันต้องปฏิบัติอย่างไร

เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือเพื่อนที่เพิ่งพบปะกันเป็นผู้ป่วยยืนยันแล้ว ถือว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัว ต้องปฏิบัติดังนี้

  1. แจ้งหยุดงาน ไม่เดินทางไปพื้นที่สาธารณะ 14 วัน
  2. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่นในห้องแอร์ สวมหน้ากากอนามัย อยู่ห่างจากผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร ไม่คลุกคลีกับผู้สูงอายุและเด็ก
  3. สังเกตอาการตัวเอง วัดไข้ตัวเองทุกวัน หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ต้องรีบพบแพทย์
  4. ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ในถุงขยะก่อนมัดปากถุงทิ้ง ปิดปากถุงให้สนิท
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารปรุงสุก
  6. ทำกิจกรรมผ่อนคลาย ลดความเครียด

หากติดเชื้อแล้วพักร่วมกับผู้อื่นในบ้าน หอพัก หรืออื่นๆ ต้องทำอย่างไร

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องกักตัวอยู่ในที่พัก ร่วมกับบุคคลอื่นในครอบครัว หรือหอพัก แจ้งให้กับบุคคลอื่นทราบ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อต้องจัดส่งอาหาร และของใช้ รวมถึงเตรียมน้ำยาฟอกขาว หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อใส่ในถุงขยะก่อนส่งกำจัด เพื่อลดการแพร่เชื้อ

  • เตรียมอุปกรณ์ ของใช้ในชีวิตประจำวันให้เพียงพอต่อการกักตัว 14 วัน
  • แยกใช้ห้องนอน ห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมถึงเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบาย
  • แยกของใช้ให้ชัดเจน ทั้งจานชาม แก้วน้ำ ฯลฯ และอุปกรณ์ทำความสะอาด
  • เตรียมอุปกรณ์ชำระร่างกาย แยกเพื่อใช้เฉพาะผู้กักตัว
  • แยกการซักผ้า ไม่ซักร่วมกับผู้อื่น
  • หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ทำความสะอาดห้องน้ำเมื่อใช้เสร็จ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
  • หอพัก คอนโด และสถานที่พักอาศัย ต้องทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มลิฟต์ ด้วยวิธีการเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยผู้ทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองทุกครั้ง

สถานการณ์ตอนนี้เริ่มกลับมาวิกฤตอีกครั้ง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ระวังตัวเองและลูกน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น เรียนรู้วิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้เตรียมไว้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้ไม่ตกใจและเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

โรงพยาบาลวิชัยเวช, กรุงเทพธุรกิจ,ไทยรัฐออนไลน์

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ติดโควิด 5 วิธีกักตัวที่บ้าน ดูแลตัวเองและลูกๆ ระหว่างรอเตียง

คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

คอกกั้น

10 อันดับ คอกกั้น ยี่ห้อไหนดี ให้ลูกน้อยมีพื้นที่ปลอดภัย

Alternative Textaccount_circle
event
คอกกั้น
คอกกั้น

คอกกั้น เป็นหนึ่งของใช้ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องมีติดบ้าน เนื่องจากบางบ้านไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงและต้องดูแลลูกน้อยด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่

ยิ่งปัจจุบันนี้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง work from home อยู่บ้าน ย่อมต้องการเวลาส่วนตัวในการทำนู้นทำนี่บ้าง ถึงแม้จะคลาดสายตาจากลูกน้อยก็อยากมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคอกกั้นเด็กสักชิ้น เหล่าคุณพ่อคุณแม่ต้องคิดเยอะไม่น้อย ทั้งเรื่องของขนาดของคอกกั้นและพื้นที่ในบ้าน ความแข็งแรงปลอดภัย วัสดุมีมาตรฐานสากลรองรับ ที่สำคัญต้องคุ้มค่า คุ้มราคา ที่ซื้อแล้วจะสามารถใช้ได้จนลูกโต วันนี้ทีมแม่ ABK หยิบ 10 อันดับ คอกกั้น ดีมีคุณภาพมาฝากกันค่ะ

10 อันดับ คอกกั้น ยี่ห้อไหนดี ซื้อแล้วคุ้มค่าคุ้มราคา

1.คอกกั้นเด็ก HOYO รุ่น S22

คอกกั้นเด็ก HOYO รุ่น S22

 

HOYO สุดยอดคอกกั้นเด็กคุณภาพ การันตีด้วยรางวัล BEST BABY SOFT PLAYPEN วัสดุภายในที่ผลิตจากโฟมที่ดีที่สุด ได้รับการรับรองด้วย Japan Technology  Best Level of Protection Guarantee จึงสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ สามารถกันกระแทกได้ดีที่สุด “เป็นคอกกั้นเด็กที่สุดของความปลอดภัย ไข่ไก่ตกไม่แตก” หุ้มหนังด้วยหนังหุ้มเบาะ PU เกรดพิเศษสั่งผลิตพิเศษจากประเทศเกาหลี  เนียนนุ่ม ไร้กลิ่น ปราศจากสารเคมี จากประเทศเกาหลี  เนียนนุ่ม ไร้กลิ่น เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ผ้าหนังปลอดสาร VOCs (สารระเหยอันตราย) ซึ่งได้รับมาตรฐาน EN 71/3 และ ASTM ของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตัวผ้าหนังสามารถระบายอากาศได้ดี นอนแล้วเย็นสบายแม้ไม่เปิดแอร์ และทนทานกว่าผ้าหนัง PU ทั่วไปด้วยการเคลือบ Hydrolysis resistance ตัวคอกสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งเป็นเตียงเด็กอ่อน เป็นคอกสำหรับเล่นหรือนอนกลางวัน หรือสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนก็ปรับเป็นโซฟานุ่ม ๆ สำหรับพักผ่อนร่วมกันทั้งครอบครัวได้อีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ซื้อครั้งเดียว ลูกใช้ได้คุ้มค่าตั้งแต่เล็กจนโต ใช้งานได้นานนับ 10 ปี

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุทำจากหนัง PU นำเข้าจากเกาหลี
  • ขนาด 2.14 x 2.14 x 0.5 ม.
  • เบาะหนาพิเศษ 7 ซม.ทั้งพื้นและผนัง
  • สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 900 นิวตัน
  • รับประกันฟรี 1 ปี และสามารถดูแลซ่อมแซมตลอดอายุการใช้งาน

สั่งซื้อคลิกเลย >> hoyosoftandsafe

 

2. Ammykids คอกกั้นปลาวาฬซี่นวมPlus➕1

คอกกั้น ปลาวาฬซี่นวมPlus➕1
ขอบคุณรูปภาพจาก ammykids09

คอกบุนวมกันกระแทกรอบที่กั้น รองรับแรงกระแทกได้ดี เบาะรองนุ่ม ไม่ยุบ ไม่ยวบ เหมาะสำหรับน้องวัยพลิกตัว หัดคลานและเกาะเดิน ผู้ใหญ่นอนได้ไม่ปวดหลัง มีสีให้เลือก 30 กว่าสี สามารถออกเลือกสีออกแบบเองได้ไม่จำกัด ลายสกรีนสามารถใส่ชื่อของเด็กๆได้ โครงไม้แท้แข็งแรง เคลือบน้ำยากันปลวก กันกระแทกได้ดี บุบนวมรอบที่กั้น แข็งแรงปลอดภัย นุ่ม ไม่ยุบไม่ยวบ ใช้งานนานและคุ้มค่า ด้านซี่นวม แข็งแรง ปลอดภัย บุโฟมกันกระแทก ความห่างซี่นวมเด็กไม่สามารถมุดหัวเข้าไปติดได้ ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ สามารถเพิ่มซี่นวมได้ ตัวหนังและวัสดุที่ใช้ทุกตัวปลอดภัยต่อเด็กๆ

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • มี 3 ขนาดให้เลือก
  1. 5ฟุต 170 x 225 ซม.
  2. 5ฟุต 200 x 225 ซม.
  3. 5ฟุต 230 x 225 ซม.
  • วัสดุหนัง PVC ได้รับมาตรฐานการเทส SGS ปลอดภัยสำหรับเด็ก
  • คอกสูง 60cm หนา 12 cm เบาะรองคลานหนา5 นิ้ว
  • รับประกันตัวโครงสร้างและเบาะยุบยวบ1ปี

สั่งซื้อคลิกเลย >> ammykids09

 

3.คอกกั้นเด็ก Geko

คอกกั้น เด็ก Geko
ขอบคุณรูปภาพจาก Lazada

หนังที่คลุมด้านนอกเป็นหนัง PU non-toxic non-toxic ไร้กลิ่น ผ่านมาตรฐานของเล่นเด็ก EN71-3 และปลอดสารอันตราย เช่น โลหะหนัก , Phthalates , DMF , Formadehyde , BPA เป็นต้น น้องๆสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงก่อนวัยเรียนได้เลย สามารถสัมผัสหรือนำเข้าปากได้โดยไม่มีอันตราย สามารถพับปรับได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา แผ่นรองคลาน หรือปรับเป็นที่นอนไซส์ 5 ฟุตก็ได้

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • หนังที่คลุมด้านนอกเป็นหนัง PU non-toxic non-toxic
  • ขนาด 1.65 x 215 x 0.60 ม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> Lazada

 

4.คอกกั้น Restar’ s Kids รุ่น Super save Classic

คอกกั้น Restar’ s Kids รุ่น Super save Classic
ขอบคุณรูปภาพจาก central

คอกกั้นรุ่น super save ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการคอกกั้นน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก มีความนุ่ม รองรับการกระแทกได้ดี ราคาประหยัด และสามารถปรับตัวขอบกั้นของคอกออกมาเป็นเบาะรองคลาน ได้ในอนาคตอีกด้วย ภายในสามารถใส่ที่นอน 3.5 ฟุตมาตรฐานทั่วไปได้ ขอบในสีขาว ขอบนอกครีม เบาะ ครีม,ขาว,เทาอ่อน พร้อมประตู คอกกั้นตัวนี้จะยึดกันด้วย Triple lock หรือล๊อก 3 ชั้น คือ เทปเวลโกและซิปล็อค 2 ชั้น (ชั้นนอกและชั้นใน) เพื่อเพิ่มความแน่นหนาให้คอกมีความแข็งแรงมากขึ้น ส่วนตัวเบาะด้านในเป็นเบาะพับ 3 ตอน ที่สามารถถอดพับเก็บได้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่กินพื้นที่เวลาเก็บ

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • ขนาด 5 ฟุต 121 x 214 x 55 ซม.
  • น้ำหนักขนาดตัวนี้ประมาณ 30-40 กิโลกรัม
  • รับประกันตัววัสดุภายในยุบตัว 1 ปี (ไม่รวมผ้าหนัง)

สั่งซื้อคลิกเลย >> central

 

5.BABYSELFY คอกกั้นเด็กกันกระแทก รุ่น Super bump

BABYSELFY คอกกั้นเด็กกันกระแทก รุ่น Super bump 
ขอบคุณรูปภาพจาก Babyselfyshop

คอกกั้นบุนวมกันกระแทกรอบด้าน มาพร้อมราวจับพยุงตัวยืน เหมาะสำหรับเด็กวัยหัดยืนและเดิน ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเสียการทรงตัวเวลาหัดเดิน หรือคลานของเด็กๆ ช่วยป้องกันอันตรายกรณีผู้ปกครองตัองคลาดสายตาจากเด็กเล็ก ตัวคอกดีไซน์มาเป็นสัดส่วนที่ดี ช่วยแบ่งสัดส่วนบ้านและแยกสัตว์เลี้ยงกับเด็กเล็กได้ ของเล่นไม่กระจัดกระจาย วัสดุแข็งแรง ทนทาน นั่งพิงได้ นั่งบนผนังคอกได้ รับน้ำหนักได้มาก ระยะห่างของท่อ ไม่ถี่หรือกว้างเกินไป แขนขาไม่ติดช่องท่อ บานประตูสามารถเปิด-ปิด ล็อคจากด้านนอกได้

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • มี 3 ขนาดให้เลือก
  1. ขนาด 5 x 6.5 ฟุต ขนาด 174 x 224 ซม
  2. ขนาด 6×6.5 ฟุต ขนาด 204×224 ซม
  3. ขนาด 7×6.5 ฟุต ขนาด 234×224 ซม
  • ความสูงของคอก 60 ซม เบาะรองคลานหนา 2 นิ้ว
  • วัสดุหนังที่ใช้ปลอดภัยต่อเด็กเล็กได้ มาตรฐาน EN7-1
  • รับประกัน 1 ปี

สั่งซื้อคลิกเลย >> Babyselfyshop

 

6.คอกกั้นตาข่ายสีพาสเทล

6.คอกกั้น ตาข่ายสีพาสเทล
ขอบคุณรูปภาพจาก wattanachai8705

คอกกั้นเด็กสามารถกางทำเป็นบ้านบอลได้ ถอดประกอบและพับเก็บง่าย ผ้าถอดซักทำความสะอาดได้ ผ้าเบา ตึง โปร่ง แห้งไว เช็ดออกและซักได้ ผ้าตาข่ายโปร่งระบายอากาศได้ดีไม่ทึบ โครงสร้างแข็งแรง แรงเด็กเขย่าไม่ล้ม เด็กๆจะหัดเดิน หัดยืน หัด คลาน เกาะยืน ไม่หลุดง่าย ช่วยป้องกันแมลง และสัตว์เลื้อยคลานไม่ให้เข้าได้  มีห่วงสำหรับช่วยเกาะยืน 4 จุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาคอกกั้นที่ปลอดภัย เพราะแข็งแรงทนทาน

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • ผ้า oxford และตาข่ายอย่างดี เนื้อหนา เหนียวทน ไม่ขาดง่าย
  • มี 4 ขนาดให้เลือก
  1. ขนาด 110 X  170 X  65 ซม
  2. ขนาด 150  X  160 X  65 ซม
  3. ขนาด 170  X 190 X  65 ซม
  4. ขนาด 200  X 200 X 65 ซม

สั่งซื้อคลิกเลย >> wattanachai8705

 

7.คอกกั้นเด็กพับได้รูปวัวสุดน่ารัก

คอกกั้นเด็กพับได้รูปวัวสุดน่ารัก
ขอบคุณรูปภาพจาก ozonebaby_official

รุ่นนี้นอกจากมีดีไซน์และสีสันน่ารักแล้ว ยังมีกิมมิคของแป้นบาสให้เด็กๆได้ฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้ออีกด้วย วัสดุที่ใช้ปลอดภัย BPA Free วัสดุ HDPE Food Grade ได้รับการรับรองมาตรฐานยุโรป สามารถพับปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจชอบ พับเก็บง่าย

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ HDPE Food Grade
  • ในเซ็ตครบชุด รั้ว+ประตู+แผ่นกิจกรรม(มีแป้นบาส)
  • มี 8 ขนาดให้เลือก
  1. 100 x 128 cm. 3.5 x 4.5 ฟุต (10+2)
  2. 128 x 134 cm. 4.5 x 4.6ฟุต (12+2)
  3. 128 x 167 cm. 4.5 x 5.4ฟุต (14+2)
  4. 161 x 167 cm. 5.3 x 5.4ฟุต (16+2)
  5. 161 x 200 cm. 5.3 x 6.7ฟุต (ใส่ที่นอน 5 ฟุตได้) (18+2)
  6. 194 x 200 cm. 6.5 x 6.7ฟุต (ใส่ที่นอน 6 ฟุตได้) (20+2)
  7. 200 x 228 cm. 6.7 x 7.5ฟุต (22+2)
  8.  228 x 234 cm. 7.5 x 7.6ฟุต (24+2)

สั่งซื้อคลิกเลย >> ozonebaby_official

 

8.Bestway คอกกั้นเด็กแบบเป่าลม

Bestway คอกกั้นเด็กแบบเป่าลม
ขอบคุณรูปภาพจาก bestway_officialshop

คอกกั้นเด็กแบบเป่าลมแบรนด์ Bestway การันตีด้วยการผลิตจากไวนิลคุณภาพดี ปลอดภัย นุ่มกันกระแทกรอบด้าน ไม่ล้มไม่คว่ำเพราะฐานกว้างเป็นทรงกลม ปลอดสารพิษ มาพร้อมของเล่นเด็กหลากสีสันสดใส  พื้นสัมผัสนิ่มทำให้ไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็ก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1-3 ปีขึ้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุไวนิลคุณภาพดี หนา 26/0.24
  • ขนาด 43″ x 41″

สั่งซื้อคลิกเลย >> bestway_officialshop

 

9.คอกกั้นผ้าตาข่ายหกเหลี่ยม

คอกกั้น ผ้าตาข่ายหกเหลี่ยม 
ขอบคุณรูปภาพจาก Dtxmarket

คอกกั้นเด็กหกเหลี่ยม 6 เหลี่ยม เหมาะสำหรับเด็ก 0-3 ปี ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเพลินเพลินในที่ส่วนตัวของพวกเขา สามารถให้เด็กเข้าไปเล่นได้มากกว่า 1 คน ประกอบง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก โครงสร้างเหล็กแข็งแรง ผ้า oxford คุณภาพดีเหนียวทนทาน โปร่ง สามารถกันน้ำได้ เนื้อหนา เย็บเก็บขอบเรียบร้อย และมีมุ้งช่วยระบายความร้อนรอบด้าน ด้านข้างมีช่องมองลอดเป็นลักษณะมุ้งตาข่าย มีตารางเพื่อมองลอดได้ แถมฟรีลูกบอล 30 ลูกพร้อมคอกกั้น นอกจากจะทำเป็นบ้านบอลได้แล้ว ยังทำให้เด็กๆได้จินตนาการว่าเหมือนอยู่บ้านในพื้นที่ส่วนตัวและยังสามารถนำของเล่นอื่นเข้าไปเล่นได้ด้วย  ผ้าถอดซักทำความสะอาดได้ มีมุ้งช่วยระบายความร้อนรอบด้าน โปร่ง ระบายอากาศได้ดี

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • โครงสร้างเหล็กแข็งแรงปลอดภัย ทนทาน ผ้า oxford
  • ขนาด 130 x 113 x 65 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> dtxmarket

 

10.คอกกั้นเด็ก รุ่น Lite food grade

คอกกั้นเด็ก รุ่น Lite food grade
ขอบคุณรูปภาพจาก playtimes_official

รุ่นนี้ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจชอบ ผลิตจากวัสดุ Food Grade จึงปลอดภัยไร้สารโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อเด็ก มีสีและดีไซส์เรียบสบายตา ไร้มุมแหลมคมสไตล์มินิมอล  มีจุกยึดพื้น 2 จุกทุกแผ่น จึงมั่นใจได้ว่าคอกจะไม่เลื่อนไม่ล้มหากเด็กๆ หัดยืนจับขอบ ช่องว่างระหว่างซี่จับพอดีมือ ช่วยฝึกกล้ามเนื้อ หัดยืน หัดเดินได้เร็วยิ่งขึ้น

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ HDPE Food Grade
  • มี 5 ขนาดให้เลือก
  1. ขนาดสินค้า มินิ ขนาด 135*135*65 ซม
  2. ขนาดสินค้า มินิพลัส ขนาด 135*170*65 ซม
  3. ขนาดสินค้า บิ๊ก ขนาด 170*170*65 ซม
  4. ขนาดสินค้า บิ๊กพลัส ขนาด 170*200*65 ซม
  5. ขนาดสินค้า เอ็กซ์ต้าร์ ขนาด 200*200*65 ซม
  • คอกสูงพิเศษ 65 ซม.
  • รับประกันจุกยึดพื้น 3 เดือน

สั่งซื้อคลิกเลย >> playtimes_official

 

✨เรียกได้ว่าเทั้ง 10 คอกกั้นเด็ก เป็นคอกกั้นที่มีคุณภาพแน่นๆ ทุกยี่ห้อจริงๆ ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังมองหาซื้อ คอกกั้น เสริมพัฒนาการลูกน้อย และอยากไปเลือก ไปหยิบจับสัมผัสคอกกั้นของจริงด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้คอกกั้นที่ดี ถูกใจทั้งแม่และลูก !! ก้สามารถตามไปช้อปกันได้ที่งาน  Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22  ชวนคุณพ่อคุณแม่ มาช้อปแหลกเพื่อลูก ภายในงานจัดหนักจัดเต็มลดไม่ยั้งกับ คอกกั้นเด็ก ที่คุณอยากได้

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 Hall 98-99  ไบเทค บางนา
❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้.. มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
✨ ลงทะเบียนเข้างาน! รับฟรี 2 ต่อ 👉🏻 https://cooll.ink/abk22
💕 ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
💕 ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลเพื่อแม่ลูก จากกล่องสุ่มของใช้แม่ลูกและผลิตภัณฑ์จากอิเกีย มูลค่ารวมกว่า 300,000 บ.
.
สำหรับแม่ๆ ที่ช้อปผ่าน Lazada รับเพิ่มฟรี!
👉 จ่ายผ่านลาซาด้ารับคูปองลดเพิ่มสูงสุด 2,000.- (เฉพาะในงานนี้เท่านั้น)
👉 ของขวัญมากมายจากลาซาด้าและแบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปภายในงาน (พบกันที่บูธ S16)
👉 คูปองสมาชิก LazMom Club ไว้ช้อปทุกเดือน
*เฉพาะแบรนด์และร้านค้าที่ร่วมงาน กว่า 100 ร้านค้า
.
💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🧸
💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!! 🛍
📌 ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
🌱 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว 💕 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
#ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

keyboard_arrow_up