Page 135 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

จอห์นสัน คอตตอนทัช

จอห์นสัน คอตตอนทัช เกราะป้องกันผิวแข็งแรง ตัวช่วยดูแลผิวลูกน้อยแรกเกิด

คุณแม่สงสัยไหมคะว่าทำไม “ผิวทารก” แห้งและเกิดผื่นแพ้ได้ง่าย สำหรับผิวของทารกจะมีโครงสร้างผิวที่อ่อนโยนบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่ 30% ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นได้ตลอดเวลา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทารกตั้งแต่แรกเกิด มีความต้องการการทะนุถนอม และดูแลแตกต่างจากผิวผู้ใหญ่

ในชั้นผิวทารกจะมีจุลินทรีย์ชั้นดีที่เรียกว่า ไมโครไบโอม Skin Microbiome เป็นจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวหนัง เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ติดมากับตัวของทารกตั้งแต่แรกเกิด

ประโยชน์ของ สกิน ไมโครไบโอม คือจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และทำหน้าที่เสมือนเป็นเกราะป้องกัน ให้กับผิวบอบบางของลูกน้อย ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อโรค พร้อมป้องกันการเกิดอาการแพ้และการอักเสบ นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาสมดุลและความหลากหลายของแบคทีเรียบนผิว เพื่อช่วยป้องกันมลภาวะ หรือสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่ชั้นผิวได้ง่าย การดูแลสกิน ไมโครไบโอม Skin Microbiome บนผิวให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ก็จะยิ่งช่วยทำให้ผิวลูกน้อยมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ

จอห์นสัน คอตตอนทัช

จะเสริมสร้างและรักษาสกิน ไมโครไบโอม (Skin Microbiome) ให้กับผิวลูกน้อยได้อย่างไร ?

รู้ไหมว่าการให้ลูกน้อยดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกคลอดไปจนอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ขวบแรกของชีวิต จึงส่งผลโดยตรงต่อการสร้างสกิน ไมโครไบโอม ในผิวทารก และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับลูกน้อยด้วยค่ะ จึงอยากแนะนำคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเด็กทารกที่อ่อนโยน 100%  เพื่อเสริมสร้างพร้อมกับป้องกันการสูญเสีย สกิน ไมโครไบโอม Skin Microbiome ในชั้นผิวของลูกน้อยค่ะ

จอห์นสัน คอตตอนทัช เกราะป้องกันดูแลผิวที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด

จอห์นสัน แบรนด์สำหรับเด็กอันดับ 1 ที่ผู้เชี่ยวชาญเด็กแนะนำ ถูกพัฒนาขึ้นมาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญผิวเด็ก และคุณแม่นับพัน สำหรับ “จอห์นสัน คอนตตอนทัช” สูตรที่ดีที่สุด อ่อนโยน 100% เพื่อการดูแลผิวบอบบางของทารกโดยเฉพาะ

  • อุดมไปด้วยสารสกัดจากคอตตอนธรรมชาติ
  • อ่อนโยนต่อผิวที่สุดด้วย pH balance
  • ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อ อย่าง พาราเบน ซัลเฟต พาทาเลต และสีย้อม
  • ช่วยกระตุ้นสร้าง และรักษาสมดุลย์จุลินทรีย์ Microbiome ในผิว
  • เติมเต็มและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวชุ่มชื้น ผิวแข็งแรงสุขภาพดี
  • ช่วยลดการเกิดผิวแห้ง แพ้ ระคายเคืองอักเสบ

จอห์นสัน คอตตอนทัช

มาเริ่มต้นลูกน้อยให้มีผิวแข็งแรง สุขภาพดีตั้งแต่แรกเกิด ด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นดี และอ่อนโยน 100% กันค่ะ
เริ่มต้นสเตปแรกในช่วงเวลาการอาบน้ำของลูกน้อย ด้วย…

จอห์นสัน คอตตอนทัชท็อป ทู โท บาธ Johnson’s Cottntouch Top-to-Toe Bath

จอห์นสัน คอตตอนทัชท็อป ทู โท บาธ Johnson’s Cottntouch Top-to-Toe Bath

การอาบน้ำให้กับลูกน้อย ถือเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษมากๆ ค่ะ เพราะลูกน้อยจะได้รับสัมผัสความรัก ความห่วงใย รับรู้ได้ถึงการดูแลอย่างทะนุถนอมจากแม่ ซึ่งการอาบน้ำให้ลูกน้อยด้วยผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลเส้นผม จอห์นสัน คอตตอนทัชท็อป ทู โท บาธ ที่มีคอตตอนสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ผ่านกระบวนการคัดสรร 100% เพื่อความอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย เนื้อผลิตภัณฑ์ล้างออกง่าย ไม่ทิ้งสารตกค้าง และไม่มีส่วนผสมของสารพาราเบน สารพาทาเลต หรือสีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว  หลังอาบน้ำเสร็จคุณแม่จะสัมผัสถึงผิวที่สะอาด และนุ่มของลูกน้อยได้ทันทีค่ะ

จอห์นสัน คอตตอนทัช

ยังไม่หมดขั้นตอนการถนอมผิวให้แข็งแรง สุขภาพดีนะคะ เพราะหลังอาบน้ำทุกครั้ง คุณแม่ควรต้องเสริมเกราะปกป้องผิวลูกน้อยให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา เพื่อที่ผิวจะได้ไม่แห้ง ด้วย

จอห์นสัน คอตตอนทัช

จอห์นสัน เฟซ แอนด์ บอดี้ โลชั่น คอตตอนทัช Johnson’s Cottontouch Face & Body Lotion

หลังอาบน้ำลูกน้อยเสร็จให้คุณแม่ซับผิวลูกเบาๆ ด้วยผ้าขนหนู ผิวที่หมาดๆ น้ำ ให้คุณแม่ทาโลชั่นสูตรอ่อนโยนที่สุด จอห์นสัน เฟซ แอนด์ บอดี้ โลชั่น คอตตอนทัช ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ผสานเข้ากับคุณค่าฝ้ายจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของสารพาราเบน สารพาทาเลต หรือสีย้อม สามารถทาบำรุงได้ทั้งผิวหน้า ผิวกายของลูกน้อย เนื้อโลชั่นจะซึบซาบเข้าสู่ผิวไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยกักเก็บน้ำในผิว เติมเต็มความชุ่มชื้นผิวได้ตลอดวันค่ะ

คุณแม่อย่าลืมตัวช่วยดีๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างและรักษาสกิน ไมโครไบโอม (Skin Microbiome) ให้ผิวลูกน้อยแข็งแรง สุขภาพดี  ด้วย “จอห์นสัน เบบี้ คอตตอน ทัช” สูตรที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยแรกเกิด อ่อนโยน 100% คุณแม่หาจอห์นสัน คอตตอนทัช สูตรใหม่ ได้แล้วที่ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และช่องทางออนไลน์ที่ Lazada: https://bit.ly/2BjcXlo   , Shopee: https://bit.ly/2Vys8Om

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    11 ประโยชน์ของเบบี้ออยล์ ลูกใช้ดี แม่ใช้แล้วปังปุริเย่มาก!!

    รู้หรือไม่คะว่า ประโยชน์ของเบบี้ออยล์ ไม่ได้มีไว้แค่ทาผิวให้ชุ่มชื้น กันผิวแห้งแตกเท่านั้น แต่เบบี้ออยล์ยังใช้ประโยชน์ได้อีกสารพัด เรียกว่ามีดีครอบจักรวาลเลยค่ะ ทีมแม่ABK ที่เป็นแฟนของเบบี้ออยล์กันทั้งครอบครัว ใช้กับแม่จนถึงลูก จะมาบอกต่อให้ได้รู้กันว่า ประโยชน์จากเบบี้ออยล์นั้นมีอะไรบ้างค่ะ

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์ : ทำไมต้อง จอห์นสันเบบี้ ออยล์ ?

    รู้แล้วต้องบอกต่อดังๆ เลยค่ะ แม่บ้านนี้เราใช้ “ประโยชน์ของเบบี้ออยล์” กันมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย (แม่เราเอง) จนมารุ่นเราที่ใช้เบบี้ออยล์ตั้งแต่เบบี๋ สาวแรกรุ่น จนเป็นแม่ มีลูกก็ใช้เบบี้ออยล์กับลูกอีก ถ้าไม่บอกว่าเป็นแฟนก็ไม่รู้จะเป็นอะไรกันแล้วค่ะ

    สำหรับเรานะเบบี้ออยล์ที่ใช้มารุ่นต่อรุ่น ก็ต้องนี่เลย จอห์นสันเบบี้ ออยล์ Johnson’s baby oil เราใช้มาตั้งกะรุ่นขวดสีชมพู จนตอนนี้มีให้เลือกใช้เพิ่มมาอีก 3 สี  อยากรู้กันไหมว่า ความพิเศษของแต่ละสี ให้คุณสมบัติเด่นอะไรกันบ้าง มาค่ะแม่จะบอกแม่ๆ ให้ได้รู้กัน

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    Johnson’s Lite Baby Oil ขวดสีฟ้า

    – ทำจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ ทำให้ไม่อุดตันผิวเมื่อทาออยล์ลงบนผิว

    – ด้วยความที่เป็นไมโครมินิรัลออยล์ จึงช่วยเพิ่มความบางเบา และซึมซาบเร็ว ลดความรู้สึกมันหลังใช้ ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว

    Johnson’s Baby Oil ขวดสีชมพู รุ่นคลาสสิก

    – ทำจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ สูตรอ่อนโยน ทำให้ไม่อุดตันผิวเมื่อทาออยล์ลงบนผิว

    – ช่วยกักเก็บความชุ้มชื้นไว้ในผิว ได้มากถึง 10 เท่า แนะนำว่าถ้าจะนวดผิวลูกน้อย ให้ใช้พิ้งค์ ออยล์ขวดนี้ค่ะ

    Johnson’s Aloe Vera & Vitamin E Baby Oil ขวดสีเขียว

    – ทำจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ ทำให้ไม่อุดตันผิวเมื่อทาออยล์ลงบนผิว

    – เพิ่มความสดชื่นให้ผิว  ด้วยส่วนผสมจากว่านหางจระเข้ และวิตามินอี ที่ช่วยยกกระชับความชุ่มชื่นให้กับผิวได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้นค่ะ

    Johnson’s Bedtime Baby Oil ขวดสีม่วง

    – ทำจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ ทำให้ไม่อุดตันผิวเมื่อทาออยล์ลงบนผิว

    – เนเชอรัลคาล์ม® อโรม่า กลิ่นหอมแสนรีแล็กซ์ จากดอกลิลลี่และดอกมะลิ

    – ทาเบบี้ออยล์ Bedtime ก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมากค่ะ

    นี่คือเบบี้ออยล์ 4 ขวด 4 สี จากจอห์นสันเบบี้ ออยล์ ที่ทีมแม่ABK ใช้จริง ชอบจริง และอยากบอกต่อให้แม่ๆ ได้ใช้กันค่ะ ขอบอกว่าใช้แล้วไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน …และอย่างที่บอกไปค่ะว่า ประโยชน์ของเบบี้ออยล์ ไม่ได้มีดีไว้แค่บำรุงผิว อยากรู้ไหมคะว่าใช้ทำอะไรได้อีกบ้าง มาค่ะแม่จะบอกให้…

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    จอห์นสันเบบี้ ออยล์ ใช้ดีกับลูกน้อย

    • ขจัดไขมันที่ศีรษะทารก

    เป็นเรื่องปกติที่ทารกแรกคลอดจะมีไขมันติดที่ศีรษะ ซึ่งความจริงแล้วไขมันนี้ไม่อันตรายกับลูกค่ะ และจะค่อยๆ หลุดไปเองตามธรรมชาติ แต่ก็อาจจะใช้เวลาสักนิด แต่ถ้าอยากจะให้ไขมันหลุดออกเร็ว แม่ห้ามแกะ ห้ามแคะนะจ๊ะ แต่ให้ลองใช้เบบี้ออยล์ 1-2 หยดๆ ลงบนสำลีแล้วเช็ดเบาๆ จะช่วยให้ไขมันที่ศีรษะลูก ค่อยๆ หลุดออกแบบไม่ทำร้ายหนังศีรษะลูกค่ะ

    • น้ำมันนวดให้ลูกน้อย

    เป็นที่รู้กันดีว่าการนวดตัวให้ลูกวัยทารก จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี แถมยังทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายด้วย น้ำมันนวดที่ปลอดภัยกับลูกไม่ต้องไปมองหาที่ไหนค่ะ  เพราะเบบี้ออยล์เป็นน้ำมันนวดตัวลูกชั้นดี บอกไปแล้วนะว่า จอห์นสันเบบี้ ออยล์นะแม่ใช้นวดผิว

    • เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณ

    หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ อย่าเพิ่งเช็ดตัวจนแห้งค่ะ ซับผิวพอหมาดๆ เอาแบบที่ยังมีน้ำเกาะผิวอยู่ แล้วทาเบบี้ออยล์บางๆ ลงบนผิวให้ทั่วเรือนร่าง จะช่วยให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน  ยิ่งถ้าเป็นในช่วงฤดูหนาวอากาศเย็นๆ ใครผิวแห้งง่าย  บอกเลยเบบี้ออยล์เอาอยู่จริงๆ ค่ะ เพราะให้ความชุ่มชื้นได้มากกว่าบอดี้โลชั่นทั่วไปถึง 10 เท่า ว้าว!!!  สุดยอดมากค่ะ สามารถทาได้ทั้งผิวลูก ผิวแม่ หรือจะทาผิวสามีก็ได้นะคะ

    • ผสมน้ำอาบให้ลูกน้อย

    การดูผิวลูกเล็กๆ ให้นุ่มชุ่มชื้นมีสุขภาพดี ง่ายมากค่ะ น้ำที่เตรียมอาบสำหรับลูกน้อย ให้หยดเบบี้ออยล์  2-3 หยดลงไปค่ะ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น นุ่ม ไม่แห้งกร้าน

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    จอห์นสันเบบี้ ออยล์ ใช้กับแม่สวยปังปุริเย่มากเวอร์

    ขอบอกว่าสำหรับแม่นั้น จอห์นสันเบบี้ตอบโจทย์สวยจบครบ 5 in 1 เลยนะคะ อยากรู้ว่าแม่ๆ ทางบ้านมีเคล็ดลับการใช้เบบี้ออยล์แบบไหนกันบ้าง แชร์กันมาได้เลยนะจ๊ะ  แต่สำหรับแม่บ้านนี้มีทริคการใช้เบบี้ออยล์ ที่เพื่อนรู้ ลูกรู้ สามีรู้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้เบบี้ออยล์ได้ครอบจักรวาลมากแม่!!

    • หมักผมให้นุ่มสลวย

    ใครที่มีปลายผมแห้งแตกปลาย เคล็ดลับผมสวยง่ายมากแม่ แค่หมักปลายผมด้วยเบบบี้ออยล์ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วสระออกด้วยแชมพูสระผมตามปกติ จะช่วยให้ผมหลังสระนุ่ม และจะค่อยๆ กลับมามีสุขภาพดี

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    • บำรุงเล็บสวยสุขภาพดี

    คุณแม่และสาวๆ ที่ชอบทำเล็บ ตรงจมูกเล็บมักจะแห้งๆ แข็งๆ  แนะนำให้ใช้เบบี้ออยล์ทาบางๆ ลงบนเล็บแล้วนวดให้ทั่วเล็บมือ เล็บเท้า จะช่วยให้เล็บมีสุขภาพดีและมือนุ่มขึ้นด้วยค่ะ

    • เช็ดเครื่องสำอางสะอาดหมดจด

    เคล็ดลับนี้เห็นบิวตี้บล็อกเกอร์ใช้กันบ่อยๆ ค่ะ การแต่งหน้าทุกวันอาจทำให้ผิวหน้าเสียความชุ่มชื่นจากการเช็ดล้างทำความสะอาด แนะนำให้ใช้เบบี้ออยล์หยดลงบนสำลีเล็กน้อย แล้วเช็ดเมคอัพที่รอบดวงตา จะทำให้เครื่องสำอางหลุดออกง่าย โดยเฉพาะใครที่ใช้เมคอัพแบบกันน้ำ ให้เบบี้ออยล์เช็ดค่ะ เพราะไม่ทำร้ายผิวรอบดวงตา

    • ผสมชิมเมอร์/ไพรเมอร์ให้ผิวฉ่ำวาว

    คุณแม่ที่แต่งหน้าเป็นประจำ ห้ามพลาดเคล็ดลับนี้เด็ดขาด เพราะถ้าอยากได้งานผิวธรรมชาติแบบสาวเกาหลี ก็แค่ใช้เบบี้ออยล์หยดเพียงเล็กน้อยผสมกับชิมเมอร์ หรือไพรเมอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวฉ่ำวาวแบบเป็นธรรมชาติ หรือแต่งหน้าไปงานกลางคืนโชว์ผิวออกงาน ที่โดนแสงต้องการโชว์งานผิว เบบี้ออยล์ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ

    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์

    • บำรุงผิวคุณแม่ตั้งครรภ์

    คุณแม่ท้องที่ไม่อยากให้ผิวแตกลาย ต้องเตรียมดูแลผิวก่อนท้องและระหว่างท้อง ด้วยการบำรุงผิวกันด้วยนะคะ  เคล็ดลับผิวแม่ท้องสุขภาพดีไม่แห้งกร้านแตกลายง่าย ลองนวดผิวบางๆ ด้วยเบบี้ออยล์ทุกวันหลังอาบน้ำเสร็จ หรือจะทาระหว่างวันก็ได้ ช่วยลดอาการคัดผิวบริเวณหน้าท้องด้วยค่ะ

    • ถอดแหวนจากนิ้ว

    อุ้ย!!! แหวนติดนิ้ว ถอดไม่ออก ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะแค่ทาเบบี้ออยล์ให้ทั่วนิ้วที่สวมแหวน จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนแหวนให้รอบนิ้ว จะทำให้แหวนค่อยๆ เลื่อนออกมาจากนิ้วได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

    • ทาผิวก่อนโกนขน

    คุณแม่ที่โกนขนขา หรือขนรักแร้เป็นประจำ ผิวจะเกิดการระคายเคืองจากการโกน แนะนำให้ใช้เบบี้ออยล์ทาผิวให้ทั่วก่อนโกนขนออก จะช่วยป้องกันการระคายเคืองผิวที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างผิวกับใบมีดโกนได้ค่ะ

    สวยครบ สารพัดประโยชน์จบในขวดเดียว มีเบบี้ออยล์ติดบ้านไว้ใช้รับรองไม่ผิดหวังค่ะ ใช้ได้ดีกับลูกน้อย หรือจะใช้กับแม่ พูดได้เลยว่า “สวยจ้ะแม่”  อ๊าย!! จอห์นสันเบบี้ ออยล์ หมดพอดี แม่ขอตัวไปซื้อทั้ง 4 สูตร 4 สีมาใช้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ลูกจะสวย สุขภาพผิวดีไม่ต่อเนื่องค่ะ จุ๊ฟฟฟ

      เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร

      แม่เฮ! เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 600 เป็น 800 เริ่ม 1 มค. 64

      นับเป็นของขวัญปีใหม่ของผู้ประกันตน เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 800 บาท อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

      แม่เฮ! เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 600 เป็น 800 เริ่ม 1 มค. 64

      ในวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แจ้งว่าทางกระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้าง นายจ้าง และประชาชนทุกคน โดยได้เสนอแผนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ต่อไปนี้

      1. ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 800 บาท
      2. ปรับเพิ่มเงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย จากครั้งละ 13,000 บาท เป็นครั้งละ 15,000 บาท
      3. ปรับลดอัตราเงินสมทบ ในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน เหลือฝ่ายละ 3% หลังจากที่ได้เคยปรับลดในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563 เป็นเวลา 3 เดือน ให้นำส่งฝ่ายละ 2% เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตนจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
      4. จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
      5. ปล่อยกู้กองทุนรับงานไปทำที่บ้าน แบบปลอดดอกเบี้ย

      และในวันนี้ (22 ธันวาคม 2563)  นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า

      สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ทำให้รายได้ลดลงหรือไม่มีรายได้ เนื่องจากต้องหยุดงานหรือต้องออกจากงาน ในขณะที่รายจ่ายเกี่ยวกับเด็กแรกเกิดเป็นรายจ่ายที่จำเป็น

      ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ครม. จึงมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร  โดยมีสาระสำคัญดังนี้

      1. เพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่าย จากเดิม 600 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน เพิ่มเป็น 800 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
        2.ผู้ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ตามกฎกระทรวงฯ ฉบับเดิม (พ.ศ. 2561) จะยังคงได้รับสิทธิตามอัตราที่กำหนดใหม่ในกฎกระทรวงฉบับนี้ นับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับ
      เงินสงเคราะห์บุตร
      เงินสงเคราะห์บุตร

      คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่ม

      1. พ่อหรือแม่ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
      2. จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร
      3. บุตรมีอายุ 0-6 ปี (หลังจากอายุครบ 6 ปีแล้วจะไม่ได้รับเงินจำนวนนี้)
      4. จำกัดครอบครัวละไม่เกิน 3 คน
      5. ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย

      สำหรับผู้ที่ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นเพื่อขอ เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร แต่อย่างใด ระบบจะปรับให้อัตโนมัติ โดยในเดือนมกราคม 2564 คุณแม่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรจำนวน 800 บาททุกเดือนจนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 6 ปี

      และยังมีอีก 1 ข่าวดีให้กับผู้ประกันตน ซึ่งก็คือการเห็นชอบจากครม. ให้ปรับลดเงินสมทบประกันสังคมให้กับนายจ้างและลูกจ้าง จากเดิมให้นำส่งร้อยละ 5 เหลือเพียงร้อยละ 3 และให้กับผู้ประกันตนมาตรา 39 จากเดิมเดือนละ 432 บาท เหลือเดือนละ 278 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน – ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมีรายละเอียดของข่าว ดังนี้

      นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ว่า ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งจะปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมนาน 3 เดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้

      • ลดอัตราเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากเดิมร้อยละ 5 ลดเหลือร้อยละ 3 ผู้ประกันตนมาตรา 39 ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม จากเดิมเดือนละ 432 บาท เหลือเดือนละ 278 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน – ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564
      • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ให้รัฐบาล นายจ้างและผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีคลอดบุตร ฝ่ายละร้อยละ 1.05
        • การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละร้อยละ 1.85 และรัฐบาลปรับเป็นร้อยละ 1.45
        • การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละร้อยละ 0.1 และรัฐบาลปรับเป็นร้อยละ 0.25
      • ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป ให้รัฐบาล นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีคลอดบุตร ฝ่ายละร้อยละ 1.5
        • การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนฝ่ายละร้อยละ 3 และรัฐบาล ร้อยละ 1
        • การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละร้อยละ 0.5 และรัฐบาลร้อยละ 0.25

      การลดอัตราเงินสมทบ จะส่งผลดีต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง โดยช่วยให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินไปใช้จ่ายเสริมสภาพคล่อง ประมาณคนละ 460-900 บาท เป็นเวลา 3 เดือน

      ประกันสังคม
      ประกันสังคม

      เป็นอย่างไรบ้างคะ ของขวัญปีใหม่ที่จะมาช่วย เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร และการลดอัตราเงินสมทบ จากคณะรัฐมนตรีนั้น น่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และช่วยลดภาระให้ครอบครัวไปได้ไม่มากก็น้อย

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      วิธีเช็คเงินสมทบ-ค่าคลอดบุตร ผ่าน แอพเช็คประกันสังคม

      ลูกป่วยก็อุ่นใจแล้ว! คุม ค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชน ห้ามแพงเกินจริง

      4 ปัจจัยสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนทำ ประกันสุขภาพลูกน้อย

      ชี้เป้า 4 วิธีประหยัดเงิน เพื่อแม่ถูกและดี มีเงินออมให้ลูก!!

       

      ขอบคุณข้อมูลจาก : www.amarintv.com, สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์, สำนักงานประกันสังคม

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ฝังยาคุม ฟรี ในวัยรุ่นไทย

        ท้องไม่พร้อม ไม่สนุก!! รู้ยังวัยรุ่น ฝังยาคุม ฟรี

        ไม่มีเงินไม่ใช่ปัญหา แต่หากท้องไม่พร้อมในวัยรุ่นเกิดปัญหาแน่ จากสถิติไทยมีแม่วัยรุ่นอันดับ1ของอาเซียน เราจึงไม่ควรละเลยพาลูกไป ฝังยาคุม ฟรี ได้แล้วนะรู้ยัง

        ท้องไม่พร้อม ไม่สนุก!! รู้ยังวัยรุ่น ฝังยาคุม ฟรี

        ท้องไม่พร้อม (Unplanned Pregnancy) คือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยผู้ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนหรือเตรียมตัวมีบุตรมาก่อน ภาวะท้องไม่พร้อมถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ช่วยให้เข้าใจประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ จำนวนประชากรเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น การไม่คุมกำเนิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และการวางแผนครอบครัว สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะท้องไม่พร้อมคือการไม่คุมกำเนิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยฝ่ายชายและฝ่ายหญิงไม่ได้วางแผนจะมีบุตร รวมทั้งไม่หาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีหลากหลายชนิด

        สถิติแม่วัยใสเด็กไทยสูง พาลุกไป ฝังยาคุม ฟรี ได้ที่รพ.รัฐ
        สถิติแม่วัยใสเด็กไทยสูง พาลุกไป ฝังยาคุม ฟรี ได้ที่รพ.รัฐ

        ภาวะท้องไม่พร้อมก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับแม่และเด็กหลายอย่าง เนื่องจากผู้ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนเพื่อเตรียมตัวมีบุตรมาก่อน จึงอาจส่งผลต่อสุขภาพครรภ์ของตนเองและทารกในครรภ์ เช่น หากผู้ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนมีบุตรแต่เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ผู้ตั้งครรภ์อาจไม่สามารถรับมือหรือเตรียมตัวฝากครรภ์กับแพทย์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการฝากครรภ์ช้าอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพครรภ์และทารกได้ ยิ่งโดยเฉพาะการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรด้วยแล้ว จะนำพามาซึ่งปัญหาอีกมากมายทั้งต่อตัวเด็กที่ตั้งครรภ์ รวมไปถึงพ่อแม่ของเขา และลูกในท้องที่จะเกิดมาอีกด้วย

        นายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในอดีตไทยมีปัญหาแม่วัยรุ่นสูงเป็นลำดับที่ 1 ของอาเซียน เป็นที่ 2 ของโลกรองจากประเทศโซนแอฟริกา แม้จะมีมาตรการต่างๆ มาแก้ปัญหาจนทำให้อัตราแม่วัยรุ่นไทยลดลง แต่ตัวเลขก็ยังคงสูงเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว จึงเป็นที่มาของการสำรวจการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการช่วยเหลือแม่วัยรุ่น เพื่อจะดำเนินการแก้ปัญหาให้ตรงจุดต่อไป ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ บ้านพักเด็กและครอบครัว 58 จังหวัด ได้จัดเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างแม่วัยรุ่นอายุระหว่าง 10-20 ปี จำนวน 11,012 คน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 59.26 อยู่ในช่วงอายุ 18-20 ปี รองลงมาร้อยละ 37.75 อยู่ในช่วงอายุ 15-17 ปี ในกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 60.68 จบการศึกษามัธยมต้น ร้อยละ 17.21 จบประถม

        ขณะที่ร้อยละ 41.87 ประกอบอาชีพ ร้อยละ 39.88 ไม่ได้ประกอบอาชีพ ด้านพฤติกรรมพบว่าร้อยละ 53.38 มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุ 16-18 ปี ร้อยละ 32.08 มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุ 13-15 ปี สถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ร้อยละ 55.99 ระบุบ้านตนเอง ส่วนปัจจัยที่ทำให้มีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 76.96 ระบุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 63.56 ระบุอยู่กับเพื่อนต่างเพศสองต่อสองในที่ลับตาคน

        อธิบดี ดย.กล่าวด้วยว่า ร้อยละ 50.44 ระบุถึงการตั้งครรภ์ที่ตั้งใจ ขณะที่ร้อยละ 49.56 บอกไม่ตั้งใจ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้คุมกำเนิด ร้อยละ 69.41 ยอมรับว่าไม่มีความพร้อมในการดูแลบุตร

        ข้อมูลอ้างอิงจาก www.thairath.co.th

        จากสถิติเราคงเถียงไม่ได้ว่าปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การท้องไม่พร้อมในสังคมไทยนั้นนับว่ามีสถิติที่สูงเลยทีเดียว โดยพบว่าคุณแม่วัยรุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุเพียงแค่มัธยมต้นเท่านั้น ก่อนจะทำการแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้นั้น การยอมรับ และรับฟัง ย่อมทำให้เราสามารถลงมือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีกว่า

        การไม่พูดคุยกันเรื่องเพศกับลูก เป็นทัศนคติที่ผิดของพ่อแม่
        การไม่พูดคุยกันเรื่องเพศกับลูก เป็นทัศนคติที่ผิดของพ่อแม่

        ทัศนคติผิด ๆ ที่ควรร่วมกันแก้ไข

        จากทัศนคติของผู้ใหญ่ และของพ่อแม่บางคนที่มักคิดว่าการพูดคุยกับเด็กในเรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม จึงทำให้เป็นบ่อเกิดของปัญหาต่าง ๆ ปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาท้องก่อนวัยอันควรมีอยู่หลากหลายด้วยกัน ได้แก่

        • ทัศนคติหรือค่านิยมในวัยรุ่นเรื่องเพศเด็กวัยรุ่นบางคนมองเป็นเรื่องธรรมดา หรือวัยรุ่นบางคนยังมองเป็นกิจกรรมเก็บแต้มด้วยซ้ำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของปัญหา
        • ปัญหาการติดสารเสพติด เครื่องดื่มมึนเมา ที่ทำให้ขาดสติและนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ในที่สุด
        • สื่อยั่วยุก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นภาพโป๊ เปลือย และอื่น ๆ
        • การขาดความรู้ในการป้องกันตัวเองไม่ให้ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
        • ครอบครัวที่ไม่มีเวลาให้ลูก ทำให้ลูกต้องไปหาความรักจากภายนอก

        จะเห็นได้ว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดปัญหาท้องก่อนวัยอันควรนั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจของเด็ก ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการปลูกฝังทัศคติต่าง ๆ ให้กับเด็ก ควรเปิดใจคุยกับลูกถึงเรื่องเพศ ให้เด็กรู้จักหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง รวมถึงสอนให้ลูกโดยเฉพาะเพศหญิง ให้รู้จักปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์เมื่อถูกโน้มน้าว รวมถึงการสอนให้เด็กมีความรู้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ในยามฉุกเฉิน และการป้องกันการติดเชื้อ

        อ่านต่อ อึ้ง!เด็กซื้อยาคุมกำเนิด กับผลข้างเคียงที่ตามมาในอนาคต

        การป้องกันการตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์ และการป้องกันการติดเชื้อ

        สองเรื่องสำคัญนี้เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกเมื่อเขาเข้าสู่วัยรุ่น เพราะนอกจากการสอนให้ลูกรู้จักหลีกเลี่ยง และรับมือกับอารมณ์ทางเพศ การรักนวลสงวนตัวแล้ว การให้เขารู้วิธีการป้องกันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่จะสามารถป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นการท้องไม่พร้อม การท้องก่อนวัยอันควร และการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ย่อมมีผลกระทบต่อทั้งร่างกาย จิตใจ และอนาคตของเด็กได้ทั้งสิ้น

        • ถุงยางอนามัย (Condom) ป้องกันการตั้งครรภ์ √ ป้องกันการติดเชื้อ

        วิธีคุมกำเนิดปลอดภัย  หาซื้อได้สะดวก ทั้งถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย  และผู้หญิง ถ้าใช้ถูกวิธี ป้องกันการตั้งครรภ์ การติดเชื้อเอชไอวี และกามโรคได้ร้อยละ 85

        นอกจาก ฝังยาคุม ฟรี สอนลูกใช้ถุงยางอนามัยป้องกันได้อีกทาง
        นอกจาก ฝังยาคุม ฟรี สอนลูกใช้ถุงยางอนามัยป้องกันได้อีกทาง
        • ยาเม็ดคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์ √ ป้องกันการติดเชื้อ Χ

        วิธีที่มีประสิทธิภาพดีเหมาะสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ประจำแต่ไม่พร้อมตั้งครรภ์ซึ่ง รูปแบบของยาเม็ดคุมกำเนิดนิยมทำเป็นแผง มีทั้ง 21 เม็ด 28 เม็ด แต่ถ้าจะให้ง่ายเพื่อกันลืม ให้กินเรียงตามลูกศรจะดีกว่า

        อ่านต่อ ยาคุมกำเนิด กับยาชนิดอื่นกินร่วมกันแล้วไม่ได้ผล

        • ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ป้องกันการตั้งครรภ์ √ ป้องกันการติดเชื้อ Χ

        วิธีนี้เหมาะกับกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ หรือถุงยางอนามัยรั่ว  หลุด  และฉีกขาดขณะ มีเพศสัมพันธ์  เป็นการคุมกำเนิดระยะสั้น ยาที่ใช้คุมกำเนิดฉุกเฉินจะมี  2  เม็ด  หากจะได้ผลดีต้องกินครั้งแรก  1  เม็ดทันที  หลังมีเพศสัมพันธ์  และไม่เกิน  72  ชั่วโมง  อีก 12 ชั่วโมงต่อมากินครั้งที่ 2 อีก 1 เม็ด วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็น ประจำและไม่ควรกินยาเกิน 2 แผง ใน 1 เดือน ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดไม่ดีเท่าแบบปกติ และจะไม่มีผลหากกินยาแล้วมีเพศสัมพันธ์อีก หลังกินยาอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ  หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด กะปริบกะปรอย หากสตรีอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง หลังกินยา  ควรกินซ้ำอีก  1  ชุด  จึงจะป้องกัน ตั้งครรภ์ได้

        • การฝังยาคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์ √ ป้องกันการติดเชื้อ Χ

        แพทย์จะฝังหลอดยาเล็ก ๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำนวน 1หลอด 2 หลอด หรือ 6 หลอด (แล้วแต่ชนิดของยา) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านใน  ยาฝังคุมกำเนิดจะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา ข้อดีคือสามารถคุมกำเนิดได้นาน ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ถูกฉีดยาบ่อย ๆ และ ไม่ต้องเช็คสายห่วง ไม่มีโอกาสหลุดเหมือนห่วงคุมกำเนิดแต่ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ประจำเดือนกระปริกระปรอย น้ำหนักขึ้น

        อ่านต่อ Birth control ความเข้าใจผิด และถูก เรื่องการคุมกำเนิด

        ท้องไม่พร้อม ท้องก่อนวัยอันควร
        ท้องไม่พร้อม ท้องก่อนวัยอันควร

        รู้ยัง…วัยรุ่นขอรับยาคุมกำเนิดได้ฟรี!!

        เด็กผู้หญิงอายุ 10-20 ปี สามารถเข้ารับบริการยาฝังคุมกำเนิดได้ที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศได้ฟรี ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันใดๆ อยู่ ส่วนผู้ใหญ่ปกติสามารถเข้ารับบริการยาฝังคุมกำเนิดได้ที่โรงพยาบาลโดยมีค่าใช้จ่ายราวๆ 2,000-2,500 บาท และแม้ว่ายาฝังคุมกำเนิดจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ขอให้จำไว้ว่าไม่มียาคุมกำเนิดใดในโลกที่ให้ผล 100% และยาฝังคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์ ระบุว่า ใครที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม อยู่ในภาวะเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือมีภาวะเลือดออกง่ายแต่หยุดยาก อาจไม่เหมาะกับการรับยาฝังคุมกำเนิด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงให้อาการเหล่านั้นเป็นหนักมากขึ้น

        ฝังยาคุมกำเนิดฟรี
        ฝังยาคุม ฟรี

        นายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิด แบบกึ่งถาวรที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี ไม่มีผลรบกวนต่อการมีเพศสัมพันธ์ สามารถใช้ในสตรีระยะให้นมบุตรโดยไม่มีผลไปรบกวนปริมาณและคุณภาพของน้ำนม และเมื่อหยุดใช้ยานี้แล้ว สามารถมีบุตรได้ตามปกติทันทีหลังหยุดใช้ยา การฝังยาคุมกำเนิดอาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้แต่ไม่บ่อย เช่น เป็นสิว ปวดศีรษะ หรือประจำเดือนมากระปริดกระปรอย ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปได้เองภายใน 6เดือน บางรายอาจมีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่หลากหลาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่สามารถยืนยันอย่างชัดเจนว่าการเพิ่มของน้ำหนักตัวเป็นผลโดยตรงจากยาฝังคุมกำเนิด

        การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นปัญหาใหญ่ที่เราทุกคนสามารถร่วมกันแก้ไขได้ โดยทางภาครัฐได้ให้การสนับสนุนด้วยการให้ความรู้ทั้งในสถานศึกษา และความรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงยังสนับสนุนการป้องกันการท้องไม่พร้อมก่อนวัยอันควร ด้วยการให้บริการการฝังยาคุมกำเนิดให้แก่เด็กวัยไม่เกิน 20 ปีฟรีอีกด้วย ดังนั้นแล้วนอกจากการสนับสนุนจากทางภาครัฐ เราเองในฐานะพ่อแม่ก็ควรร่วมมือกันช่วยเหลือให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป หรือบรรเทาเบาบางลง เพียงแค่ใส่ใจในบุตรหลานของเรา ลบทัศนคติความเชื่อที่ว่า เรื่องเพศไม่ควรพูดคุยกันลง เพราะการพูดคุยเรื่องเพศกับลูกอย่างถูกวิธีย่อมทำให้เด็กรับรู้ และเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมมากกว่าการให้เขาไปเรียนรู้กันเอง โดยอาจเกิดความผิดพลาดได้มากกว่าการมีผู้ใหญ่คอยดูแลช่วยเหลือ และจะดีกว่าไหม..หากคนให้คำปรึกษานั้นเป็นพ่อแม่ที่รัก และเข้าใจในตัวเขาได้ดีกว่าใคร ๆ

        อ่านต่อ เปิดประสบการณ์การทำแท้งมามากกว่า 1,200 คนของอดีตคุณหมอ

        ข้อมูลอ้างอิงจาก pobpad.com/rama.mahidol.ac.th/อนามัยมีเดีย/si.mahidol.ac.th 

        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

        ฝังเข็มคุมกำเนิด คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย ที่ต้องรู้ก่อนทำ!

        เมื่อฉัน “แพ้ น้ำอสุจิ จากสามี”

        วิธีคุยกับลูกเมื่อคิดว่าถูกทำร้าย พูดอย่างไรให้เด็กกล้าพูดความจริง

        ยาคุมฉุกเฉิน ผู้หญิงรู้ไว้ใช้บ่อยไปผลร้ายตกอยู่กับคุณ!

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม

          คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม อันตรายแค่ไหนถ้าแม่ท้องทำงานดึก ทำงานหนัก

          คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม หญิงตั้งครรภ์ ทำงานดึก ทำงานหนัก ส่งผลอะไรได้บ้าง

          ไขข้อข้องใจ คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม

          แม่ ๆ หลายคน แม้จะรู้ตัวแล้วว่าตั้งครรภ์ แต่ด้วยภาระหน้าที่และการทำงาน ทำให้หลีกเลี่ยงการทำงานเป็นกะได้ยาก แต่ใจลึก ๆ ก็เป็นห่วงเจ้าตัวน้อยในท้องอยู่ดีว่า ลูกจะปลอดภัยหรือไม่ และการทำงานเป็นกะจะส่งผลกระทบต่อแม่ตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง

          ในด้านกฎหมาย กระทรวงแรงงานได้ระบุถึงการใช้แรงงานหญิงมีครรภ์ว่า

          1.ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิง ที่มีครรภ์ทำงานในระหว่างเวลา 22.00น.-06.00น. ทำงานล่วงเวลาทำงานในวันหยุดหรือทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

          • งานเหมืองแร่หรืองานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขาเว้นแต่ลักษณะของงาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือ ร่างกายของลูกจ้างหญิงนั้น
          • งานเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่มีความสั่นสะเทือน
          • งานขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ
          • งานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม
          • งานที่ทำในเรือ
          • งานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

          พนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างเปลี่ยนเวลาทำงานหรือชั่วโมงทำงาน ของลูกจ้างหญิงที่ทำงานในระหว่างเวลา 24.00 น.- 06.00 น. ได้ตามที่เห็นสมควร ถ้าพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่างานนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้างหญิงนั้น

          2.ลูกจ้างหญิงมีครรภ์มีสิทธิขอ ให้นายจ้างเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการ ชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้ กรณีที่มีใบรับรองแพทย์ แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง มาแสดงว่าไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมต่อไปได้

          3.ห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์

          หากพบปัญหาสามารถร้องเรียน โดยกรอกเอกสารคร. 7 ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อให้พนักงานตรวจแรงงานได้ดำเนินการให้นายจ้างปฏิบัติตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน

          สำหรับแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องทำงานเป็นกะ จำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทำงานเป็นสำคัญ

          หญิงตั้งครรภ์ทำงานเป็นกะ อันตรายแค่ไหน

          เพจพบหมอเต้ ได้มาไขข้อข้องใจ เรื่องการทำงานเป็นกะ ส่งผลอย่างไรกับการตั้งครรภ์ ว่า จากการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานเป็นกะอยู่หลายต่อหลายท่าน และด้วย Common Sense คนทำงานเป็นกะไม่ได้นอนกลางคืน ต้องมีการทำงานในช่วงที่ควรพัก ก็มักจะมีมดลูกบีบตัวก่อนกำหนด

          ผลวิจัยชี้ทำงานเป็นกะ ทำงานหนัก เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

          มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Obstetrics and Gynecology; AJOG เดือนธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา เรื่อง The impact of occupational shift work and working hours during pregnancy on health outcomes: a systematic review and meta-analysis หรือการทำงานเป็นกะเมื่อเทียบกับการทำงานช่วงกลางวันเท่านั้น มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์อย่างไร

          คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม

          จากการรวบรวม 62 งานวิจัย หญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมศึกษา 196,989 คน โดยเปรียบเทียบ 2 กลุ่มคือ

          1. คนทำงานกะเช้าบ้างกลางคืนบ้าง หรือเฉพาะกลางคืน ช่วงเวลา 5 ทุ่ม ถึง 11 โมงเช้า หรือ ทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
          2. ทำงานเฉพาะช่วงกลางวัน เวลา 8 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น หรือ ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

          จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าทำงานกลางคืนอย่างเดียว หรือทำงานสลับไปมา หรือทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ระหว่างตั้งครรภ์ ล้วนแล้วแต่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดทั้งสิ้น

          ในคนที่ทำงานมากกว่า 55.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด 10%

          แม่ท้องไม่ได้นอน ฮอร์โมนความเครียดหลั่ง

          เหตุผลก็คือ เมื่อไม่ได้นอน Circadian Rhythm เปลี่ยนหรือวงจรของเราเปลี่ยน มีผลต่อร่างกาย ดังนี้

          • คอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดหลั่งมากขึ้น
          • ลดการสร้างเมลาโทนิน
          • การทำงานของการสร้างฮอร์โมนจากรกเปลี่ยนไป ทำให้มีการสร้างสารอักเสบเพิ่มขึ้น ก็ไปกระตุ้นให้รกเสื่อมเร็ว กระตุ้นให้เกิดการบีบตัวของมดลูก

          หากแม่ท้องจำเป็นต้องทำงานเป็นกะจะดูแลตัวเองอย่างไร

          คุณหมอยังฝากแม่ท้องที่จำเป็นต้องทำงานเป็นกะด้วยว่า ในเมื่อยังต้องทำงานเป็นกะ สิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ

          1. ลดภาวะเครียด
          2. พยายามพักระหว่างงานบ้าง หรือถ้าพักก็ให้พักจริง ๆ
          3. ทานอาหารและน้ำให้เพียงพอ
          4. ฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะลดความเสี่ยงลงได้

          คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม

          วิธีดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์สำหรับคุณแม่ทำงาน

          กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แนะวิธีดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ที่ยังต้องทำงาน ดังนี้

          • งานที่แม่ท้องควรทำ ไม่ควรเป็นงานหนักหรือต้องใช้แรงมากนัก สำคัญคือห้ามยกของหนัก หากมีความจำเป็นต้องยกของให้ใช้วิธีงอเข่าหลังเหยียดตรง ปล่อยน้ำหนักไว้ที่ต้นขา ท่านี้จะช่วยลดอาการปวดหลังของคนท้องได้
          • ไม่ควรเดินบ่อย นั่งยาว หรือยืนนาน ๆ ควรหาเวลาพักระหว่างการทำงาน ให้ได้ยืดเหยียดหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
          • ถ้าต้องนั่งทำงานควรมีพนักพิงที่เอียงประมาณ 110-120 องศา อาจเสริมเบาะสำหรับพิง นั่งให้ก้นชิดพนักพิง
          • การแต่งตัวควรใส่ชุดคลุมท้องที่เบาสบาย เนื้อผ้าถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่รัดรูปเกินไป
          • สวมใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพ ลดการใส่ส้นสูง ระหว่างเดินไปมาควรระวังการลื่นล้ม
          • ออกกำลังกายพอประมาณ หรือปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย เพราะคุณแม่บางคนอาจมีความเสี่ยง ไม่ควรออกแรงมาก ๆ
          • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน งดสูบบุหรี่
          • กินวิตามินหรือยาบำรุงตามแพทย์สั่ง
          • เสริมสร้างโภชนาการที่ดีตั้งแต่ในครรภ์ เลือกอาหารที่มีสารอาหารสำคัญต่อการเติบโตและพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง แร่ธาตุเหล็กพบมากในตับ ไอโอดีนจากอาหารทะเล วิตามินโฟเลทจากผักใบเขียว เช่น กุ่ยช่าย หน่อไม้ฝรั่ง อาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย

          นอกจากการดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว การเลือกรับประทานอาหารตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลย ที่สำคัญ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องทำงานเป็นกะ ทำงานไม่เป็นเวลา หรือทำงานหนัก จนนอนดึก นอนน้อย ควรหาเวลาพักระหว่างวันและดูแลตัวเองให้มาก ๆ ก่อนจะทำอะไร คิดถึงลูกในท้องทุกครั้ง จะได้ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด

          อ้างอิงข้อมูล : mol.go.thfacebook.com/meetdoctae และ komchadluek

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

          ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ต้องยุติตั้งครรภ์ ซ้ำยังเสี่ยงมะเร็ง

          ครรภ์เป็นพิษเกิดจากอะไร ประสบการณ์ครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์

          ความฉลาดสร้างได้ ตั้งแต่ในครรภ์ วิธีปั้นลูก 3 ฉลาด พื้นฐานสู่ความสำเร็จ

          5โรคติดเชื้อที่ คนท้อง ห้ามละเลย..อาจทำให้ลูกพิการได้!!

           

            สีเสื้อมงคลปี 2564

            แก้ปีชงด้วย “สีเสื้อมงคลปี 2564” ใส่แล้วงานปัง รับทรัพย์รัวๆ

            ใครเกิดปีชงต้องดู! แก้ปีชงด้วย “สีเสื้อมงคลปี 2564” ใครไม่ชง ยิ่งใส่ยิ่งเสริมดวง เสริมโชคลาภ ทั้งด้านการงาน การเงิน และความรัก พร้อมเสริมความปังด้วย สีเสื้อประจำวัน 2564

            แก้ปีชงด้วย “สีเสื้อมงคลปี 2564” ใส่แล้วงานปัง รับทรัพย์รัวๆ

            ในช่วงเปลี่ยนถ่ายระหว่างปีเก่า 2563 สู่ปีใหม่ 2564 ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ทิ้งของเก่า สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปีเก่า และเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อก้าวสู่สิ่งที่ดีขึ้น จึงควรนำอะไรใหม่ ๆ มาใช้ การเลือกเสื้อผ้าให้ดี  เหมาะกับบุคลิกภาพ และยังถูกกับดวงในปี 2564 นี้ ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเสริมดวง เสริมบารมีและโชคลาภ ให้กับผู้ใส่ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความมั่นใจ ทำให้เราทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านการเงิน การงาน และความรัก

            โดยก่อนจะเลือกซื้อเลือกใส่เสื้อใหม่ ๆ ให้ตรงกับ สีเสื้อมงคลปี 2564 เราต้องมาดูกันก่อนว่าเราเกิดปีนักษัตรอะไร เพื่อเลือกสีที่ถูกโฉลกกับปีนักษัตรที่เราเกิด โดยเฉพาะคนที่เกิดปีชง ซึ่งในปี 2564 นี้ ถ้าดูจากตามตำรา “ลี่ไท่ฟู่” ของจีนระบุว่า มีปีนักษัตรที่ชงด้วยกันทั้งหมด 4 นักษัตร ได้แก่

            • ปีมะแม ชง 100%
            • ปีฉลู ชง 75%
            • ปีจอ ชง 50%
            • ปีมะโรง ชง 25%

            คนที่เกิดปีชงดังกล่าว ควรเลือกใส่สีเสื้อเพื่อแก้เคล็ดด้วยและเสริมดวง และเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ใช้ชีวิตอย่างประมาท และสำหรับคนที่ไม่ได้เกิดปีนักษัตรที่ชง การใส่ สีเสื้อมงคลปี 2564 ให้ถูกโฉลกกับปีเกิดของตนเอง ก็จะช่วยเสริมดวงที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

            สีมงคลตามปีเกิด ปี 2564

            คนเกิดปีชวด (ปีหนู)

            เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง ซื่อสัตย์ สุภาพ! ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง เหมาะในการทำธุรกิจส่วนตัว รักความสนุกสนาน ชอบพูดคุย ชอบแสดงออก แต่เวลามีปัญหาชอบเก็บไว้คนเดียว สีเสื้อมงคลปี 2564 คือ สีน้ำเงิน, สีเทา, สีฟ้า, สีขาว สีทอง และสีเงิน ใส่แล้วจะช่วยเสริมให้มีโชคลาภ มีความมั่นใจ หน้าที่การงานเป๊ะปัง!

            คนเกิดปีฉลู (ปีวัว)

            เป็นคนใจเย็น ระมัดระวัง ตั้งใจสูง! ไม่ชอบล้มเลิกอะไรง่าย ๆ เห็นประโยชน์ส่วนรวมและมีน้ำจิตน้ำใจดี แต่ค่อนข้างยึดมั่นในความคิดของตนเอง สีที่ถูกโฉลกปี 2564 ก็คือ สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีครีม, สีแสด และสีเหลือง ใส่แล้วจะช่วยให้มีความกระตือรือร้น น่าหลงไหล และทำให้มีโชคลาภ!

            คนเกิดปีขาล (ปีเสือ)

            เป็นคนกล้าหาญ ไม่กลัวใคร มองโลกในแง่ดี! มีความเป็นผู้นำสูง ถ้าถูกรังแกจะสู้ไม่ถอย แต่โกรธง่ายหายเร็ว เสียตรงที่เป็นคนใจร้อน และไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีเขียว, สีฟ้า, สีเทา, สีดำ และสีน้ำเงิน ซึ่งจะช่วยให้สดชื่นเบิกบาน ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ทั้งลาภและยศ!

            คนเกิดปีเถาะ (ปีกระต่าย)

            เป็นคนโอบอ้อมอารี มีจินตนาการ อ่อนไหว! ไม่ชอบความรุนแรง และการกระทบกระทั่ง มีความน่ารักนุ่มนวลอยู่ในตัว แต่ติดตรงที่เป็นคนหัวโบราณและรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ง่าย สีเสื้อมงคลปี 2564 คือ สีเขียว, สีฟ้า, สีดำ, สีเทา และสีน้ำเงิน จะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ ดูสง่างาม และเรียกเงินทองเข้ามา!

            คนเกิดปีมะโรง (ปีมังกร)

            สีเสื้อมงคลปี 2564

            เป็นคนสง่าผ่าเผย เป็นผู้นำ มีความมั่นใจและใฝ่รู้! เป็นคนเก่ง กระตือรือร้น ทรงอิทธิพล และคล่องแคล่ว ทำงานได้หลายอย่าง แต่ไม่ดีที่เป็นคนหงุดหงิดง่าย ดื้อรั้น และเจ้าเผด็จการ สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีขาว และสีเหลือง ใส่แล้วจะดูโดดเด่น เป็นที่น่าจับตามอง และช่วยให้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง!

            คนเกิดปีมะเส็ง (ปีงู)

            เป็นคนคุยเก่ง มีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน! มีเสน่ห์ดึงดูด เป็นคนโรแมนติก ฉลาดและอ่อนโยน แต่เสียตรงที่เป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีแสด และสีเขียว ใส่แล้วจะทำให้ดูมีเสน่ห์ เพิ่มความมั่นใจ ทำอะไรก็สำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องเงิน!

            คนเกิดปีมะเมีย (ปีม้า)

            เป็นคนช่างคิดช่างฝัน เก่งรอบด้าน ทำอะไรก็สำเร็จ! มีพลังเหลือล้นในการทำงาน คล่องแคล่วว่องไว แต่ติดที่เป็นคนอารมณ์ร้อน มีความทะเยอทะยาน และตกหลุมรักง่าย สีเสื้อมงคลปี 2564 คือ สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีบานเย็น และสีเขียว ใส่แล้วจะช่วยเสริมบุคลิก ให้มีความมั่นใจ ทำอะไรก็สำเร็จ และเงินไหลเข้ามา!

            คนเกิดปีมะแม (ปีแพะ)

            เป็นคนสุภาพอ่อนโยน มีพรสวรรค์ ความคิดสร้างสรรค์! มารยาทงดงาม รักสงบมาก แต่บางครั้งก็มองโลกในแง่ร้าย ขี้ลังเล วิตกจริตมากไป สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีครีม, สีทอง, สีเหลือง, สีน้ำตาล และสีโกโก้ ใส่แล้วจะช่วยยกระดับฐานะ พัฒนาจิตวิญญาณ และความมั่นใจ!

            คนเกิดปีวอก (ปีลิง)

            สีเสื้อมงคลปี 2564
            สีเสื้อมงคลปี 2564

            เป็นคนมีความยุติธรรม ละเอียดอ่อน หัวไว เห็นใจคนอื่น! ชอบเรื่องตื่นเต้นท้าทาย ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ พูดจาเสนาะหู มีวาทศิลป์ แต่บางครั้งก็ขาดเหตุผล และชอบสร้างภาพหรือหลอกลวงให้ผู้อื่นเชื่อ สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีขาว, สีเหลือง, สีทอง, สีน้ำตาล และสีเงิน จะช่วยเสริมลาภ ทรัพย์สิน เพิ่มพลังบวก และสร้างความมั่นใจ!

            คนเกิดปีระกา (ปีไก่)

            เป็นคนกล้าหาญ เปิดเผย ตรงไปตรงมา! ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความเป็นตัวเองสูง เฉลียวฉลาด มีความโรแมนติก แต่ติดที่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองมาก และไม่ยอมรับคำตำหนิติเตียน สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีทอง, สีโลหะ, สีเหลือง, สีขาว และสีเงิน จะช่วยเสริมสง่าราศี บุคลิกภาพ และหน้าที่การงาน การเงินให้รุ่งเรืองยิ่งขึ้น!

            คนเกิดปีจอ (ปีสุนัข)

            สีเสื้อมงคลปี 2564

            เป็นคนซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ รักในความยุติธรรม! เป็นคนจริงจัง ขี้บ่น ขี้วิตก รักความถูกต้อง รักคนรัก กินง่ายอยู่ง่าย ติดตรงที่ขี้หงุดหงิด หวาดกลัวหวาดระแวง บางคนก็ตื่นตกใจง่าย สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีแดง, สีชมพู, สีส้ม, สีขาว และสีเงิน จะช่วยทำให้มีชีวิตชีวา สนุกสนานกับการทำงาน และมีโชคลาภเข้ามายิ่งขึ้น!

            คนเกิดปีกุน (ปีหมู)

            เป็นคนมองโลกในแง่ดี ใฝ่รู้ รักสนุก! ชอบตามใจตัวเอง โชคดี มีเงินมีใช้ไม่อดอยาก ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่มีข้อเสียคือมักง่าย บางครั้งทำอะไรไม่คิดให้ถี่ถ้วน ไม่ชอบพิธีรีตรอง สีที่ถูกโฉลกปี 2564 คือ สีดำ, สีฟ้า, สีน้ำเงิน และสีเทา จะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ และความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งยังดึงโชคลาภ ทรัพย์สมบัติเข้ามาด้วย!

            นอกจากสีที่ถูกโฉลกในแต่ละปีเกิดแล้ว ในแต่ละวันที่เรากำลังจะก้าวออกจากบ้าน หากเราเลือกสีเสื้อที่ถูกโฉลกในแต่ละวันด้วย ก็จะยิ่งช่วยเสริมความปัง ความปุริเย่ ให้กับผู้ใส่ได้อีกด้วย

            สีเสื้อมงคลปี 2564
            สีเสื้อมงคล

            สีเสื้อมงคลปี 2564

            สีเสื้อมงคลวันจันทร์

            • การเงิน : ส้ม เหลือง
            • ความรัก : น้ำเงิน ทอง
            • การงาน : ฟ้า เขียว ชมพู
            • กาลกิณี : แดง

            สีเสื้อมงคลวันอังคาร

            • การเงิน : น้ำตาล
            • ความรัก : เขียว ชมพู
            • การงาน : ดำ เทา แดง
            • กาลกิณี : เหลือง ขาว

            สีเสื้อมงคลวันพุธ

            • การเงิน : ม่วง
            • ความรัก : ดำ เขียว
            • การงาน : ขาว น้ำตาล เหลือง
            • กาลกิณี : ส้ม ชมพู

            สีเสื้อมงคลวันพฤหัส

            • การเงิน : ฟ้า ทอง
            • ความรัก : เทา ส้ม
            • การงาน : เขียว ขาว
            • กาลกิณี : ม่วง ดำ

            สีเสื้อมงคลวันศุกร์

            • การเงิน : ฟ้า น้ำเงิน น้ำตาล
            • ความรัก : ดำ เขียว
            • การงาน : เหลือง ทอง
            • กาลกิณี : เทา ม่วง

            สีเสื้อมงคลวันเสาร์

            • การเงิน :ฟ้า น้ำเงิน น้ำตาล
            • ความรัก : ดำ เขียว
            • การงาน :เหลือง ทอง
            • กาลกิณี : เทา ม่วง

            สีเสื้อมงคลวันอาทิตย์

            • การเงิน :เทา
            • ความรัก : น้ำเงิน ฟ้า
            • การงาน :ชมพู ทอง เหลือง
            • กาลกิณี : ส้ม เขียว

            นอกจากการใส่ สีเสื้อมงคลปี 2564 แล้ว การคิดดี ทำในสิ่งที่ดี การทำบุญ ทำทานเป็นประจำ จะช่วยให้เรามีพลังบวกในการทำสิ่งต่าง ๆ และเมื่อเรามีพลังบวกในการทำงาน ทำเรื่องดี ๆ สิ่งดี ๆ สิ่งที่เป็นมงคลก็จะกลับเข้ามาหาตัวเราได้อย่างแน่นอน

            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

            เช็กดวง ปีชง 2564 มีปีอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ร้ายกลายเป็นดี!

            สีกระเป๋าสตางค์ เรียกทรัพย์!! เลือกสีให้เข้ากับธาตุ มีโชคลาภตลอดปี 2564

            เปิดชะตา! ดวงแม่ 12 ราศี พร้อมวิธีเลี้ยงลูกให้เหมาะกับราศีแม่

            วิธีเก็บเงิน ให้ล้นกระเป๋าสตางค์แบบฉบับคนญี่ปุ่น!!

             

            ขอบคุณข้อมูลจาก : www.ruay365.com, www.horosociety.com

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              เพจคุณหมอในดวงใจ

              แม่ชอบอ่าน ความรู้เชิงจิตวิทยาจากผู้เชี่ยวชาญ คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ เลี้ยงลูกนอกบ้านเป็น เพจคุณหมอในดวงใจ

              “เพจคุณหมอ” เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ในการหาความรู้ หาคำตอบให้กับทุกข้อข้องใขเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ตัวจริง เสียงจริง คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง จิราภรณ์ อรุณากูร เป็น เพจคุณหมอในดวงใจ และรับรางวัลพิเศษ Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Popular Children’s Expert Fanpage

              เพจคุณหมอในดวงใจ แม่ทั่วประเทศโหวตให้เป็นเพจนี้เลย

              Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

              เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว  เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

              สำหรับรางวัลพิเศษในสาขา Mommy’s Choice รางวัลแรกคือ รางวัลเพจคุณหมอในดวงใจ ซึ่งมอบเพจคุณหมอที่ให้สาระความรู้ แนวทางที่นำมาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกโดยมีคุณแม่ติดตามและชื่นชอบ พร้อมได้รับคะแนนโหวตสูงสุด

              จากการร่วมเสนอชื่อลงคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้ “เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง จิราภรณ์ อรุณากูรเป็นหนึ่งในเพจที่ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Popular Children’s Expert Fanpage ในปีนี้

              ทำไมแม่โหวตให้ เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เป็นเพจคุณหมอในดวงใจ

              “ติดตามอ่านโพสต์คุณหมอทุกเรื่องเลยค่ะ ชอบการเขียนที่ชี้ให้พ่อแม่เห็นประเด็นปัญหาต่างๆของเด็ก  คุณหมอมักทำให้เรามองอีกมุม มุมของเด็กๆว่าเขารู้สึกอย่างไร คิดอะไร ทำให้พ่อแม่อย่างเราเข้าใจลูกมากขึ้น ไม่คิดว่ามันคือปัญหา มีเนื้อหาใหม่ๆทันกับสถานการณ์มาให้อ่านตลอด ชอบมากค่ะ”

              “ส่วนตัวความรู้จากเพจคุณหมอช่วยให้เลี้ยงลูกมีความสุขมากขึ้น เมื่อก่อนพอมีปัญหาก็ได้แต่ดุลูก กังวล ไม่รู้จะแก้อย่างไร แต่ได้อ่านความรู้ดีๆจากคุณหมอเยอะมาก ได้อ่านความเห็นจากพ่อแม่คนอื่นๆด้วย ก็นำมาปรับใช้ได้เยอะเลยค่ะ”

              ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋)  กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านจิตวิทยาเด็กและการเลี้ยงลูกสู่พ่อแม่ในวงกว้าง ด้วยความเชื่อที่ว่า “เพราะสมองของเด็กพัฒนาด้วยประสบการณ์นอกบ้านและการเลี้ยงดูเชิงบวก คุณหมอนักเขียนที่จะพาพ่อแม่ไปรู้จักโลกกว้างของการเลี้ยงดูลูก

              อ่านบทความรางวัลอื่น

              ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

              คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ เลี้ยงลูกตามใจหมอเป็น เพจคุณหมอในดวงใจ

                เพจแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ

                เพจแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ เพจโตไปด้วยกัน Family Journey

                อีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ในโลกโซเชียล คือ การติดตาม กดไลท์ กด follower เพจคุณแม่บล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นคุณแม่ๆ ชื่อดังที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ แนวทางการเลี้ยงลูก สร้างเป็นคอมมูนิตี้เล็กๆของแม่ๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน และกลายเป็นแรงบันดาลใจด้านต่างๆ คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ เพจโตไปด้วยกัน Family Journey ของครอบครัวแม่ฟ่อน พ่อสโตน และน้องสตรอง เป็น เพจแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ และรับรางวัลพิเศษ Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Popular Online Mom Influencer

                เพจแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ แม่ทั่วประเทศโหวตให้เป็นเพจนี้เลย

                Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว  เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                สำหรับรางวัลพิเศษเพื่อสะท้อนความสนใจและมุมมองของแม่ ในสาขา Mommy’s Choice รางวัลที่สองคือ เพจคุณแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ ซึ่งมอบให้กับแฟนเพจของคุณแม่ตัวจริง ซึ่งนำเสนอเรื่องราวชีวิตแม่ การดูแลลูกและตัวเอง เป็นตัวแทนแม่ๆ เป็นเพื่อนคุย แลกเปลี่ยนความรู้ และเป็นรางบันดาลใจ จากการร่วมเสนอชื่อลงคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้ “เพจโตไปด้วยกัน  Family Journey ” แม่ฟ่อน ญาดา วัฒนสิน และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Popular Online Mom Influencer ในปีนี้

                ทำไมแม่โหวตให้ “โตไปด้วยกัน  Family Journey” เป็น เพจแม่บล็อกเกอร์ในดวงใจ

                “ข้อมูลดี ชอบการเขียนเพจ ทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เนื้อหา/ภาพน่าสนใจ ชอบไอเดีย ข้อมูลที่แปลกใหม่และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีเรื่องรางต่างๆเหมาะแก่คุณพ่อคุณแม่ วิธีดูแลลูกๆต่างๆ เทคนิคต่างๆ มาปรับใช้ได้จริงค่ะ”

                “ คุณแม่แนะนำดี ชอบการเลี้ยงของแม่ ชอบความใจเย็นของแม่ฟ่อน แชร์ประสบการณ์เยอะดี อ่านแล้วมีแนวทางการเลี้ยงลูก ได้เกร็ดความรู้ และเทคนิคในการเลี้ยงลูกมากขึ้น ได้ติดตามความรู้ด้านต่างๆ และพัฒนาการแต่ละช่วงวัยของลูก นำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของลูกเราได้ เน้นครอบครัว ได้ความรู้ และได้แหล่งพาลูกเที่ยว มีกิจกรรมดีๆมีสาระ “

                “ครอบครัวนี้น่ารัก คุณฟ่อนน่ารัก คุณแม่น่ารักลูกก็น่ารักน่าติดตาม ติดตามตั้งแต่คุณฟ่อนตั้งครรภ์น้องสตรอง จนน้องสตรองจะเข้าโรงเรียนแล้ว น่ารัก และให้แนวคิดการเลี้ยงลูกดีค่ะ”

                เพจ โตไปด้วยกัน Family Journey คุณแม่ฟ่อนสาวสวย และ คุณพ่อสโตนที่ตั้งใจจะถ่ายคลิปบันทึกเรื่องราวของน้องสตรองไว้เป็นไดอารี่ตั้งแต่อยู่ในท้อง ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของแม่แต่ละวัน พร้อมเสนอแนะวิธีดูแลและแก้สารพัดขัดสงสัยในการเลี้ยงลูก ด้วยการเล่าแบบสนุกสนาน เป็นกันเอง จนกลายเป็นเพจใจดวงใจแม่

                อ่านบทความรางวัลอื่น

                ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ เลี้ยงลูกตามใจหมอเป็น เพจคุณหมอในดวงใจ

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  อ่านก่อนซื้อ! เผยรายชื่อ  8 ตัวอย่าง เครื่องดื่มวิตามินซี ตรวจไม่พบปริมาณวิตามินซี?

                  แม่รีบอ่าน..ก่อนซื้อ!! ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ สำรวจ เครื่องดื่มวิตามินซี เครื่องดื่มผสมวิตามิน พบ 8 จาก 47 ตัวอย่าง ไม่พบปริมาณวิตามินซี ตามที่แจ้งบนฉลาก

                  เผยรายชื่อ  8 ตัวอย่าง เครื่องดื่มวิตามินซี
                  ตรวจไม่พบปริมาณวิตามินซี!
                  ?

                  ปัจจุบันเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีการเติบโตทางการตลาดสูงก็คือ เครื่องดื่มวิตามินซี ซึ่งจัดเป็นเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชันนัล (Functional Drinks) หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Health Beverage) โดยเครื่องดื่มเหล่านี้มักจะมีการกล่าวอ้างสรรพคุณว่าช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในแต่ละวัน เช่น เสริมวิตามินซี เสริมกรดอะมิโน เสริมคอลลาเจน หรือมีวิตามินบีรวมต่าง ๆ เป็นต้น

                  ทั้งนี้ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำขั้นต่ำต่อวันก็คือ 60 มิลลิกรัม (อ้างอิงจากค่า Thai RDI ซึ่งเป็นค่าปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป) ส่วนความต้องการวิตามินซีขั้นต่ำต่อวันถ้าแยกตามเพศและวัยแล้วจะมีความต้องการแตกต่างกันไป ดังนี้

                  • เด็กวัยรุ่นอายุ 9-13 ปี : 45 มิลลิกรัม
                  • เด็กวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี : 65-75 มิลลิกรัม
                  • ผู้ใหญ่ (หญิง) : 75 มิลลิกรัม
                  • ผู้ใหญ่ (ชาย) : 90 มิลลิกรัม
                  • หญิงตั้งครรภ์ : 85 มิลลิกรัม
                  • หญิงให้นมบุตร : 120 มิลลิกรัม
                  • ผู้สูบบุหรี่ : ควรได้รับเพิ่มขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบประมาณ 35 มิลลิกรัม/วัน เช่น ผู้ใหญ่ชายที่สูบบุหรี่ควรได้รับวิตามินซีขั้นต่ำวันละ 125 มิลลิกรัม

                  จะเห็นได้ว่าในผู้ใหญ่ ผู้สูบบุหรี่ หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ร่างกายจะต้องได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นอีกจากปริมาณที่แนะนำต่อวัน และในอนาคตทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะมีการปรับปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับขั้นต่ำจากวันละ 60 มิลลิกรัม เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 90-100 มิลลิกรัมด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้รับปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอมากขึ้นนั่นเอง

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  ซึ่งหากใครที่ชอบหาซื้อ เครื่องดื่มวิตามินซี มาเพื่อเพิ่มปริมาณวิตามินให้กับร่างกาย ควรอ่านบทความนี้ก่อน!! เพราะล่าสุดทางศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ภายใต้โครงการสนับสนุนระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ได้ออกมาเผยผลทดสอบปริมาณวิตามินซีใน เครื่องดื่มผสมวิตามินซี จำนวน 47 ตัวอย่าง ที่วางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด พบว่ามีปริมาณวิตามินซีไม่ตรงตามที่แจ้งบนฉลากสินค้า และมี เครื่องดื่มวิตามินซี ถึง 8 ตัวอย่างที่ไม่พบปริมาณวิตามินซี ได้แก่

                  1. ยันฮี วิตามิน ซี วอเตอร์ Yanhee VITAMIN C WATER กราสเจลลี่ (เครื่องดื่มผสมน้ำเฉาก๊วยสกัดและวิตามินซี) ขนาด 460 มล. (วันผลิต 07-10-2020/07-10-2021)
                  2. นูริชเมท Nurish Mate ขนมเยลลี่บุก และคาราจีแนน ผสมคอลลาเจน วิตามินซี และน้ำองุ่นขาว 15% กลิ่นสตรอเบอร์รี และพีช ขนาด 150 มล. (วันผลิต 11-08-2020/10-08-2021)
                  3. มีมิกซ์ เครื่องดื่มเข้มข้นกลิ่นส้มผสมวิตามิน ขนาด 48 มล. (วันผลิต12-06-2019/12-06-2021)
                  4. มีมิกซ์ เครื่องดื่มเข้มข้นกลิ่นเบอร์รีเลมอนผสมวิตามิน ขนาด 48 มล. (วันผลิต 07-03-2019/07-03-2021)
                  5. เครื่องดื่มรสมะนาวเลมอน ตรามินิ Lemonade Vitamin C200 ขนาด 345 มล. (วันผลิต 00-00-0000/03-10-2021)
                  6. เฟสต้า-ซี เดลี่ ไฟเบอร์ ลิ้นจี่ เฟลเวอร์ เครื่องดื่มน้ำรสลิ้นจี่ 12% ผสมวิตามินซี และใยอาหาร 100 ขนาด มล. (วันผลิต 02-09-2019/01-03-2021)
                  7. มินิ พิงค์เลม่อนเนด เครื่องดื่มรสเลมอนผสมเบอร์รี่ ขนาด 345 มล. (วันผลิต 00-00-00/26-08-21)
                  8. ดี.อาร์.ดริ้งค์ D.R.DRINK เจนไม วิตามิน วอเตอร์ (เครื่องดื่มผสมวิตามินซี วิตามินบี 3 บี 6 บี 12 ไบโอติน กรดโฟลิค แซฟฟลาเวอร์และแคลเซียมจากสาหร่ายลิโทรามเนียน) ขนาด 500 มล. (วันผลิต 09-11-2020/09-11-2021)

                  เมื่อเปรียบเทียบปริมาณวิตามินซีกับคำกล่าวอ้างบนฉลาก มากกว่าหรือน้อยกว่า ร้อยละ 30 บนฉลากทพบว่า มีผลิตภัณฑ์จำนวน 37 ตัวอย่าง มีปริมาณวิตามินซีไม่ตรงตามที่แจ้งบนฉลาก มีทั้งปริมาณมากและน้อยกว่าที่อ้างบนฉลาก

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  ภาพจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

                   

                  อย่างไรก็ตามจากผลตรวจสอบนี้ ทางด้านบริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด
                  ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว ดังนี้

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                   

                  อ.อ๊อด” แจงวิตามินซีใน “น้ำผสมวิตามินซี” สลายตัวง่ายมาก

                  ทั้งนี้รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า >> วิตามินซี สลายตัวได้ง่ายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อออกซิเจนมาก (มีความ ไวต่อปฎิกิริยา Oxidation) อย่าลืมว่าในน้ำดื่มมีออกซิเจนเพียบ นอกจากนี้ยังสามารถสลายตัวได้ง่ายในบรรยากาศที่มีความร้อน แสง ความชื้น โลหะหนัก (เช่น เมื่อตั้งทิ้งไว้ในบรรยากาศที่มีทองแดง) และในสิ่งแวดล้อมที่มีสภาพเป็นด่าง เป็นต้น

                  เรื่องความร้อน ขวดน้ำวิตามินแค่อัดแพคลงลัง ใส่สิบล้อ ขนส่งไม่ถึง 5 ชั่วโมง วิตามินซีก็ลดลงอย่างมาก แต่วิตามินซีจะกลายไปเป็นสารอื่นแทนคือ L-tartrate ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์และช่วยให้มีสุขภาพที่ดี (สสารไม่สูญหายไปไหน แค่เปลี่ยนรูปเปลี่ยนฟอร์ม) ดังนั้น การตรวจไม่เจอคือตรวจอะไร เอื้อธุรกิจบางยี่ห้อไหม? และที่ตรวจเจอเยอะ เจอเท่าเดิม เจอเยอะกว่าเดิม คือมั่วมาหรือไม่ มีเบื้องหลังคืออะไร สารวิตามินซีเหล่านี้ในน้ำแต่ละยี่ห้อไม่มีวันลดลงจนเหลือศูนย์และไม่มีวันมีมากเท่าฉลากหรือมีเกิน

                  เครื่องดื่มวิตามินซี

                   

                  อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รับประทานผักหรือผลไม้จำพวกที่มีรสเปรี้ยวเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น ส้ม,หม่อน, ฝรั่ง, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, มะเขือเทศ, ผักหวาน, ผักคะน้า, ผักโขม, กะหล่ำ, ดอกกะหล่ำ, ถั่วฝักเขียว, มันเทศ, มันฝรั่ง ฯลฯ ก็อาจไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มผสมวิตามินซี ทั้งนี้การรับประทานวิตามินซีปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไตได้


                  ขอบคุณข้อมูลจาก : www.amarintv.commgronline.commedthai.comwww.sentangsedtee.com

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิกที่ภาพด้านล่าง ⇓

                  แม่ท้อง กินวิตามินเสริมความงามได้ไหม?

                  ระวัง! วิตามิน & อาหารเสริม… เพิ่มอันตราย

                  รีวิวนมพาสเจอร์ไรส์ ยี่ห้อไหนดี?…มีวิตามินและแคลเซียมสูง เพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ!

                  วิตามินดี…ดี๊ดีกว่าที่คิด!! รวม 5 อาหารที่มีวิตามินดีสูง

                  น้ำส้ม ยี่ห้อไหน น้ำตาลน้อย วิตามินซีสูง เหมาะกับลูกน้อย

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์ ไม่ได้มีดีแค่ใช้บำรุงผิวลูกให้ชุ่มชื้น

                    ทีมแม่ABK จะมาแนะนำออยล์เนื้อดี ที่ใช้ในการดูแลกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวลูกอยู่เป็นประจำ นั่นก็คือ ดีนี่ เบบี้ออยล์ขอบอกว่าบ้านนี้ใช้เบบี้ออยล์กันเก่งมาก เพราะแม่ก็ใช้กับเรื่องความงามของตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ ฉะนั้นวันนี้แม่จะมาแชร์ไอเดียดีๆ ในการใช้เบบบี้ออยล์ให้ได้ประโยชน์มากกว่าการทาบำรุงผิวลูกค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์ ออยล์ใส เนื้อดี มี 2 สูตรที่แม่เลิฟ

                    ก่อนที่จะไปรู้เคล็ดลับการใช้เบบี้ออยล์ แม่ขอแนะนำให้รู้จักกับ ดีนี่ เบบี้ออยล์ 2 สูตรนี้ก่อนค่ะ เพราะความดีงาม คือใช้แล้วช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และยังมีกลิ่นหอมละมุน ให้ลูกน้อยน่ากอดสุดๆ เลยล่ะค่ะ

                    ดีนี่ ออร์แกนิค ฟอร์ นิวบอร์น เบบี้ออยล์

                    เป็นออยล์ใส สูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับทารก เพื่อถนอมผิวที่บอบบางของลูกน้อย ได้อย่างอ่อนโยน ซึ่งขวดสีเขียวนี้นะคะ เป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นเป็นมาพิเศษเพื่อผิวทารก

                    “ดีนี่ ออร์แกนิค ฟอร์ นิวบอร์น เบบี้ออยล์” น่ารัก น่าใช้ขวดนี้เป็นสูตรออร์แกนิค ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างดอกคาโมมายล์ น้ำมันดอกทานตะวัน อโลเวล่า ซึ่งสารสกัดเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องการเติมเต็ม และเก็บกักความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีมากๆ ค่ะ ด้วยความที่เป็นเนื้อออยล์ใสบริสุทธิ์ พอทาที่ผิวแล้วเนื้อออยล์จะซึมซาบลงผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิวมากๆค่ะ

                    ดีนี่ ซากุระ ฟอร์ นิวบอร์น เบบี้ออยล์

                    ออยล์ใส ขวดสีชมพูน่ารัก น่าใช้มากๆ ค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทาบำรุงผิวแล้วขอบอกว่าผิวหอม อยากกอด น่าฟัดทั้งวันเลยค่ะ ที่สำคัญคือเนื้อออยล์ยังคงความใสไม่ต่างจากสูตรออร์แกนิค (ขวดสีเขียว) สำหรับ “ดีนี่ ซากุระ ฟอร์ นิวบอร์น เบบี้ออยล์” เป็นสูตรที่ช่วยบำรุงให้ผิวลูกทารกมีความชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ซึ่งมีสารสกัดที่เป็นประโยชน์ต่อผิว นั่นก็คือ ดอกซากุระ วิตามินอี น้ำมันดอกทานตะวัน

                    เวลาที่ทาดีนี่ เบบี้ออยล์ ซากุระ ลงบนผิวคือแม่ชอบมาก เพราะเกลี่ยง่ายซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะที่ผิว

                    สำหรับดีนี่ เบบี้ออยล์ทั้ง 2 สูตรนี้ คุณแม่มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย เพราะปราศจากสารอันตรายที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ผิวแพ้ เกิดผื่นคัน อย่าง พาราเบน กลูเตน สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์ ผ่านการทดสอบว่าไม่ทำให้แพ้ ไฮโปอัลเลอร์เจนิกเทสด้วยค่ะ

                    เคล็ดลับการใช้ ดีนี่ เบบี้ออยล์ลูกน้อยใช้แล้วผิวสุขภาพดี คุณแม่ใช้แล้วสวย

                    โครงสร้างผิวของเด็กทารก เด็กเล็ก จะบอบบางมาก เพราะโครงสร้างผิวยังไม่แข็งแรง ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นได้ตลอดเวลาเลยค่ะ ผิวลูกจึงแห้งง่าย ดังนั้นเพื่อเป็นการบำรุงถนอมผิวลูกน้อยให้มีสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม น่าสัมผัส ทีมแม่ABK มีเคล็ดลับในการดูแลผิวลูกน้อยด้วย ดีนี่ เบบี้ออยล์ เนื้อออยล์ใส ซึมซาบสู่ผิวเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้ได้ทุกวันเลยค่ะ

                    ประโยชน์ของเบบี้ออยล์ เพื่อลูกน้อย

                    1. ผสมน้ำอาบ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

                    แม่บ้านนี้แนะนำเลยว่า วิธีที่จะช่วยไม่ให้ผิวลูกแห้งกร้าน เวลาอาบน้ำลูก ให้หยดเบบี้ออยล์ใส่ในน้ำอาบน้ำสัก 3-4 หยด หลังอาบน้ำเสร็จผิวลูกจะชุ่มชื้นไม่แห้งตึงเลยค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    2. นวดผิว เพิ่มความแข็งแรง

                    ใช้เบบี้ออยล์นวดผิวให้ลูกหลังอาบน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมน้ำเหลือง ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดี ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญการนวดผิวด้วยเบบี้ออยล์จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย หลับสบาย ตื่นมาอารมณ์ดีด้วยค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    3. ขจัดคราบไขบนหนังศีรษะ

                    เด็กทารกช่วง 1 เดือนแรก จะมีไขขาวๆ บนศีรษะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังคลอดค่ะ ไม่เป็นอันตราย แต่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ ป้องกันอาการแห้ง และคัน เคล็ดลับคือให้ใช้เบบี้ออยล์หยดลงบนสำลีแผ่น แล้วเช็ดเบาๆ ทำทุกวันๆ ละครั้ง จะช่วยให้หนังศีรษะไม่แห้ง และยังทำให้ไขขาวค่อยๆ หลุดออกอย่างอ่อนโยนค่ะ

                    4. เช็ดทำความสะอาดคราบไคล

                    ผิวลูกน้อยตามข้อพับต่างๆ เช่น ข้อพับขา แขน หลังใบหู ซอกคอ ฯลฯ เป็นบริเวณที่มักจะมีคราบไคลติดแน่นอนค่ะ ฉะนั้นเพื่อการทำความสะอาดผิวลูกน้อยได้อย่างหมดจรดไม่หลงเหลือคราบไคล ให้คุณแม่หยดเบบี้ออยล์ลงบนสำลีแผ่น แล้วค่อยๆ เช็ดตรงบริเวณผิวที่มีคราบไคล เบบี้ออยล์จะช่วยทำให้คราบสกปรกต่างๆ หลุดออกมาอย่างง่ายค่ะ และก็ยังเป็นการบำรุงผิวบริเวณข้อพับต่างๆ ของร่างกายให้นุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ

                    5. ป้องกันการเสียดสีระหว่างผิวก้น ขอบขา ขอบเอว กับผ้าอ้อม

                    เพื่อช่วยลดการเสียดสีของผิวก้น ผิวช่วงขอบขา ขอบเอว ของลูกน้อยขณะสวมใส่ผ้าอ้อม ไม่ให้เกิดการระคายเคือง เกิดผดผื่นคัน แนะนำให้เคลือบผิวบริเวณนั้นด้วยการทาเบบี้ออยล์ก่อนใส่ผ้าอ้อมให้ลูกน้อย ซึ่งนอกจากจะลดการเสียดสีของผิวได้แล้ว ยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่ให้แห้งด้วยค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    6. เช็ดผิวรอบสะดือ

                    ลูกน้อยหลังคลอดสะดือจะยังไม่หลุดและแห้งสนิท (ประมาณ 2 สัปดาห์สะดือถึงแห้งและหลุดออก) ระหว่างนี้เพื่อดูแลผิวบริเวณรอบนอกสะดือให้สะอาด และชุ่มชื้น ไม่แห้ง ไม่คัน ให้เช็ดผิวรอบสะดือเบาๆ ด้วยเบบี้ออยล์ ด้วยการหยดลงสำลีแผ่น หรือคอตตอนบัดก็ได้

                    ทีนี้มาดูทริปในการใช้เบบี้ออยล์กับเรื่องความสวย ความงามของแม่บ้างค่ะ

                    1. ถนอมผิวจุดที่แห้งกร้าน

                    ช่วงระหว่างคลอด และหลังคลอด พบว่าตัวเองมีปัญหาผิวตรงส้นเท้าแตก และผิวตรงข้อศอกแห้ง ก็จะใช้เบบี้ออยล์นวดผิวบริเวณที่แตกแห้งกร้าน ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมากๆ ค่ะ หรือใครที่กำลังท้อง กลัวผิวแตกลาย ให้กักเก็บความชุ่มชื้นผิวด้วยเบบี้ออยล์นะคะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    2. ชโลมผมหลังสระ และปกป้องความร้อนจากไดร์เป่าผม

                    ทุกครั้งหลังสระผมเสร็จ ไม่ต้องรอเช็ดผมจนแห้งนะคะ ให้หยดออยล์ลงบนมือ 2-3 หยด แล้ววอร์มออยล์บนมือให้อุ่น จากนั้นนวดลงที่โคนผม และปลายผม จะช่วยให้ผมมีน้ำหนัก สุขภาพดี ลดอาการแห้งแตกปลายได้ค่ะ  และที่อยากแนะนำสำหรับคนที่เป่าผมด้วยไดร์ทุกวัน หรือหนีบผม ถ้าไม่อยากให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้นจากความร้อน จนผมแห้งเสีย ก่อนใช้ไดร์เป่าผม และหลังเป่าผมแห้งแล้ว ให้เคลือบบำรุงผมด้วยเบบี้ออยล์ ค่ะ ผมจะไม่แห้ง ได้เส้นผมที่มีน้ำหนักทิ้งตัวสลวยมากค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    3. เช็ดเครื่องสำอาง

                    อายแชโดว์ หรือลิปสติกเนื้อแมท ที่ติดทนทาน ไม่ลอก ไม่หลุดง่ายๆ เวลาทำความสะอาด ขอบอกว่าผิวบริเวณรอบดวงตา และริมฝีปาก เป็นผิวที่มีความบอบบางมาก เช็ดหนักๆ แรงๆ อาจทำให้ระคายเคืองขึ้นมาได้ค่ะ วิธีที่ช่วยให้เครื่องสำอางหลุดออก และเป็นถนอมผิวไปในตัวด้วย ให้หยดเบบี้ออยล์ลงบนสำลี แล้วค่อยๆ เช็ดออก จะช่วยให้เครื่องสำอางหลุดออกง่าย แล้วยังเป็นการถนอมผิวให้ไม่แห้งด้วยค่ะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                    4. ใช้สครับริมฝีปาก

                    ขอบอกว่าริมฝีปากสุขภาพดี ไม่แตกแห้งเป็นขุย เคล็ดลับง่ายๆ คือ ให้คุณแม่ใช้เบบี้ออยล์ประมาณ 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา แล้วนำมาสครับเบาๆ ให้รอบทั้งริมฝีปาก จะช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออก และยังเป็นการบำรุงริมฝีปากให้นุ่ม ชุ่มชื้น ได้ริมฝีปากที่น่าจุ๊ฟมากค่ะ แนะนำให้สครับ 1-2 ต่อสัปดาหห์ค่ะ

                    เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเคล็ดลับการใช้เบบี้ออยล์ให้เกิดประโยชน์ ใช้ดีทั้งคุณลูก คุณแม่ ถ้าชอบก็อย่างลืมนำไปลองใช้กันดูนะคะ

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์ใช้ดีจนต้องแนะนำให้คุณแม่ที่มีลูกได้ใช้กัน สามารถหาซื้อได้ง่าย สะดวก สบาย ที่ Tesco Lotus, Big C, Tops และห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าชั้นนำทั่วไป หรือช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ง่ายๆ กันที่ Lazada / JD Central/ Shopee กระซิบบอกดังๆ เลยว่า ช่วงนี้มีโปรโมชั่นสุดคุ้ม รับหน้าหนาว ซื้อ 1 แถม 1 ทั้ง 2 สูตรนะค

                     

                    ดีนี่ เบบี้ออยล์

                      โควิด อาการ

                      โควิด อาการ ที่ต้องสังเกต! สัญญาณอันตรายที่ต้องไปโรงพยาบาล

                      โควิด อาการ เป็นอย่างไร วิธีสังเกตสัญญาณอันตราย หากมีอาการแบบนี้ต้องรีบไปหาหมอเป็นการด่วน

                      โควิด อาการ เป็นแบบไหน? โรคร้ายที่ต้องระวัง

                      โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคที่ทุกคนในครอบครัวต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก, หญิงตั้งครรภ์, ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป, คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง, คนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่ และคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก (คนอ้วนมาก)

                      ไม่ใช่แค่กลุ่มเสี่ยงเท่านั้นที่ต้องระวัง คนทั่วไปที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีก็ต้องดูแลตัวเองเช่นกัน เพราะบางทีผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้นไม่แสดงอาการ แต่กลายเป็นพาหะ นำพาเชื้อโรคร้ายสู่คนในครอบครัว

                      ทำความรู้จักไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

                      ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นตระกูลของไวรัสที่ก่อให้อาการป่วยตั้งแต่โรคไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงโรคที่มีความรุนแรงมาก เช่น โรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) และโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS-CoV) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ก่อให้เกิดอาการป่วยระบบทางเดินหายใจในคน และสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ โดยเชื้อไวรัสนี้พบครั้งแรกในการระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายปี 2019 ตระกูลโคโรนาไวรัสเป็นสาเหตุการป่วยในคนและในสัตว์ เช่น อูฐ แมว ค้างคาว

                      การแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 นั้น ส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ผ่านทางละอองเสมหะจากการไอ จาม น้ำมูก และน้ำลาย และต้องระวังการแพร่กระจายเชื้อผ่านทางการพื้นผิวสัมผัสที่มีไวรัส เช่น การจับสิ่งของหรือสัมผัสพื้นผิวต่าง ๆ แล้วมาจับใบหน้า ขยี้ตา หรือแคะจมูก หากรู้สึกไม่สบายควรปิดปากและจมูกด้วยทิชชูทุกครั้งที่ไอหรือจามและทิ้งลงถังขยะ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่เฉพาะโควิด-19

                      โควิด อาการ

                      อาการของโควิด-19

                      อาการสำคัญของโรคติดเชื้อโควิด-19 แบ่งออกเป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย, อาการที่พบได้ไม่บ่อย และอาการรุนแรง ดังนี้

                      อาการทั่วไป

                      • มีไข้สูงกว่า 37.5 องศา
                      • ไอแห้ง
                      • อ่อนเพลีย

                      อาการที่พบได้ไม่บ่อย

                      • ปวดเมื่อยเนื้อตัว
                      • เจ็บคอ
                      • ท้องเสีย
                      • ตาแดง
                      • ปวดศีรษะ
                      • สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส
                      • มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี

                      อาการรุนแรง

                      • หายใจลำบากหรือหายใจถี่
                      • เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
                      • สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว

                      ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อาการที่พบมากที่สุดของโรคโควิด-19 ได้แก่

                      88% ไข้
                      68% ไอ
                      38% อ่อนเพลีย
                      19% หายใจขัด
                      15% ปวดข้อ/กล้ามเนื้อ
                      14% เจ็บคอ
                      14% ปวดศีรษะ
                      11% หนาวสั่น
                      5% คลื่นไส้ อาเจียน
                      4% คัดจมูก
                      4% ท้องเสีย
                      1% ไอเป็นเลือด
                      1% ตาแดงอักเสบ

                      โควิด อาการ

                      สังเกตอาการวันต่อวันของโคโรนาไวรัส

                      อาการของโรคติดเชื้อโควิดนั้น การแสดงออกของอาการแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แต่จะคล้าย ๆ กันตรงที่ ในช่วงแรกมีไข้สูง ช่วงกลางคัดจมูก และช่วงท้าย ๆ จะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของอาการแบบวันต่อวันมีสถิติที่โรงพยาบาล Zhongnan จาก Wuhan University ได้ศึกษา 138 ตัวอย่าง พบว่า

                      วันแรก

                      ไข้สูง 99%
                      มีอาการเหนื่อยล้า 70%
                      ไอแห้ง 59%
                      ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 35%
                      หายใจลำบาก 31%

                      วันที่ 5

                      5 วันแรกจะหายใจลำบาก

                      วันที่ 7

                      หายใจลำบากกินเวลา 12 – 13 วัน

                      วันที่ 8

                      พบอาการโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ARDS) ทำให้ปอดรับออกซิเจนได้ไม่เพียงพอ

                      วันที่ 10

                      มีอาการของรโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ARDS) จากการศึกษาพบว่า หากผู้ป่วยแสดงอาการนี้ในวันที่ 10 จะมีโอกาสรอดชีวิต มากกว่าแสดงอาการในวันที่ 12

                      วันที่ 12

                      บางคนไข้สูงถึงวันที่ 12 และไอถึงวันที่ 19

                      วันที่ 22

                      อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นในช่วงเวลา 19-22 วัน หลังจากมีอาการในวันแรก ๆ แต่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละคนด้วย

                      ความอันตรายของโควิด-19 กรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดออักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิตได้

                      ความแตกต่างของอาการโควิด-19 Vs ภูมิแพ้ Vs หวัด Vs ไข้หวัดใหญ่

                      • ภูมิแพ้ มักมีอาการจาม มีอาการน้ำตาไหล คันตา คัน/คัดจมูก อาจมีน้ำมูกไหล ไปจนถึงไอ หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่คล่อง เกิดผื่นแพ้หรือผื่นคัน
                      • ไข้หวัด มักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลลักษณะใส ไอมีเสมหะ จาม เจ็บคอ เสียงแหบ อาจมีอาการไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย
                      • ไข้หวัดใหญ่ มักมีอาการไข้สูงติดกันหลายวัน มีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอแห้ง ๆ จาม เจ็บคอบางครั้ง และมีน้ำมูก

                      อาการของทั้ง 3 โรคจะแตกต่างจากโควิด-19 อยู่เล็กน้อย เพราะอาการทั่วไปของโควิด ที่เริ่มจากอาการไข้ รู้สึกเมื่อยล้า มีอาการไอแห้ง ๆ หายใจได้ลำบาก บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอ หากมีอาการเจ็บป่วยและรีบไปพบแพทย์ จะมีการตรวจเช็คอย่างละเอียดและใช้การทดสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันเชื้อ

                      วิธีป้องกันโควิด-19

                      1. ล้างมือให้สะอาดด้วยแอลกอฮอลเจลหรือด้วยน้ำและสบู่
                      2. รักษาระยะอย่างน้อย 1 เมตรจากผู้อื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อผ่านฝอยละอองขนาดเล็กจากจมูกและลำคอซึ่งอาจมีเชื้อโรคได้
                      3. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน
                      4. เลี่ยงการเอามือมาจับตา จมูกและปาก เพราะมืออาจสัมผัสเชื้อโรคและส่งต่อเชื้อโรคไปยังตา จมูกและปาก
                      5. ปิดปากทุกครั้งที่ไอหรือจามด้วยข้อพับของข้อศอก หรือปิดด้วยกระดาษทิชชู จากนั้นทิ้งกระดาษทิชชูทันทีและล้างมือ
                      6. หากรู้สึกไม่สบายควรอยู่บ้านและแยกตัวเองออกจากคนในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก คนท้อง และผู้สูงอายุ

                      หมั่นสังเกตอาการของตนเอง หากรู้สึกไม่สบาย มีไข้สูงกว่า 37.5 องศา ไอแห้ง และอ่อนเพลีย ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด

                       

                      อ้างอิงข้อมูล : ddc.moph.go.th , gj.mahidol.ac.th, thairath และ who.int

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                      พบทารกชาวสิงคโปร์ มี ภูมิต้านทาน โควิด-19 ตั้งแต่เกิด!!

                      เชื้อโควิดบนสิ่งของ เกาะลูกบิดประตู อยู่ได้นานแค่ไหน

                      ไวรัส RSV ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ อันตรายรุนแรงได้คล้ายอาการ RSV ในเด็ก

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF ทักษะทางสมองที่จำเป็นสำหรับลูก

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF ทักษะสำคัญจำเป็นกับชีวิตลูก ฝึกลูกทำกิจกรรมง่าย ๆ พัฒนาได้จากสิ่งใกล้ตัว

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF

                        ทักษะ EF คืออะไร

                        Executive Functions หรือทักษะ EF เป็นกระบวนการทางความคิดของสมองส่วนหน้า เกี่ยวกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ จึงเป็นความสามารถของสมองที่ใช้บริหารจัดการชีวิต

                        รองศาสตราจารย์ ดร. นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า สมองส่วนหน้าสุดจะทำงานร่วมกับสมองส่วน อื่น ๆ ทำให้มีสมาธิจดจ่อกับงานที่ทำ ไม่วอกแวก ยั้งคิดก่อนทำ ไม่หุนหันพลันแล่น ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ กำกับตนเองได้ทั้งอารมณ์ ความคิด และการกระทำ

                        EF มักจะใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งจะช่วยให้กำกับตนเองเพื่อบริหารจัดการงานจนสำเร็จได้ เด็กที่มีความบกพร่องของ EF หรือมีปัญหาในการกำกับตนเองมีโอกาสที่จะเรียนสำเร็จน้อยกว่าเด็กที่มี EF กับการกำกับตนเอง (Self-regulation) เพราะเด็กที่มี EF/SR จะมีทักษะทางสังคมที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ๆ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักแบ่งปันอยาก ช่วยเหลือผู้อื่น มักจะไม่มีปัญหาด้านอารมณ์ EF เป็นสิ่งที่ยาก ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดจากการลงมือทำ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง การฝึกฝนทักษะด้าน EF ในวัยเด็กเล็ก จึงเป็นการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF
                        พัฒนาทักษะ EF

                        องค์ประกอบของทักษะ EF

                        1. Working Memory (ความจำขณะทำงาน) คือการจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในใจและขบคิดเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านั้น เพื่อทำความเข้าใจ เปรียบเทียบ เชื่อมโยงข้อมูลเก่ากับข้อมูลใหม่ จำสิ่งที่เคยพลาดและไม่ทำผิดซ้ำ โดยเริ่มพัฒนาปลายขวบปีแรก ซึ่งต้องอาศัยการจดจ่อใส่ใจ (attention)
                        2. Inhibit Control (การหยุดคิดก่อนทำ) ความสามารถในการยับยั้งอารมณ์ หยุดการกระทำ หยุดความคิด เพื่อให้จดจ่อใส่ใจกับสิ่งที่ทำ การเอาชนะความต้องการความอยากจากภายในหรือเอาชนะสิ่งล่อใจจากภายนอก เพื่อเลือกทำสิ่งที่จำเป็นและสำคัญต่อความสำเร็จ โดยพัฒนาช่วงขวบปีที่ 3-3.5 ปี
                        3. Shift/Cognitive flexibility (การยืดหยุ่นของความคิด) คือ ความสามารถในการเปลี่ยนมุมมองความคิด คิดนอกกรอบ ไม่ยึดติดกับความคิดและการทำเดิม ๆ แก้ปัญหาด้วยวิธีที่หลากหลาย เปลี่ยนความสนใจจดจ่อจากกิจกรรมหนึ่งไปยังอีก กิจกรรมหนึ่งได้อย่างอิสระ (Shift พัฒนาช้ากว่า 4-4.5 ปี ต้องอาศัย WM และ Inhibit ที่ดี)
                        4. Focus หรือ Attention (จดจ่อ ใส่ใจ) ใส่ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่วอกแวก รู้จักการทำงานให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป
                        5. Emotional control (การควบคุมอารมณ์) แสดงออกอย่างเหมาะสมเมื่อโกรธ ผิดหวัง เสียใจ ใช้เวลาไม่นานในการคืนอารมณ์สู่ภาวะปกติ ไม่หุนหันพลันแล่นโต้ตอบกลับทันที โดยไม่คิด (4.5-6 ปี)
                        6. Self monitoring (การประเมินตนเอง) การเฝ้าตามดูและสะท้อนผลจากการกระทำ การตรวจสอบและประเมินตนเอง เพื่อหาจุดบกพร่องแล้วนำมาแก้ไขและพัฒนา
                        7. Initiate (การเริ่ม) เริ่มต้นลงมือทำด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีคนบอก คิดริเริ่ม คิดนอกกรอบ กล้าคิดกล้าทำ ลงมือทำทันที
                        8. Planning and Organizing (วางแผน จัดระบบ ดำเนินการ) การวางแผนจัดการตนเองอย่างเป็นขั้นตอน ดำเนินการตั้งแต่วางเป้าหมาย มองเห็นภาพรวม รู้จักจัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ ดำเนินการ และประเมินผล
                        9. Goal – Directed Persistence (มุ่งเป้าหมาย) วางเป้าหมายที่ชัดเจน มีความพากเพียรและความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย รู้จักฝ่าฟันอุปสรรค หากล้มต้องรู้จักลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

                        สำหรับข้อ 1-3 เป็นทักษะพื้นฐาน (Basic) 3 ด้าน ส่วนข้อ 4-9 เป็นทักษะสูง (Advance) 6 ด้าน โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะ EF คืออายุ 4 – 6 ขวบ เพราะสมองส่วนหน้าพัฒนาได้มากที่สุด

                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF
                        ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF

                        เก็บของเล่นช่วยลูกพัฒนาทักษะสมอง EF

                        เพจหมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก แนะนำการสอนลูกเก็บของเล่นช่วยพัฒนา EF โดยโพสต์ว่า การเก็บของให้เป็นระเบียบ โดยแยกหมวดหมู่ชัดเจน จะช่วยกระตุ้นสมองเด็กคิดเป็นระบบและยังช่วยพัฒนาทักษะสมอง EF เริ่มที่การหากล่องใบใหญ่หลาย ๆ ใบมาติดป้ายแยกหมวดหมู่ของเล่น วาดภาพแทนการเขียนตัวหนังสือ เพื่อให้ลูกเล็กเข้าใจง่าย และชวนลูกเก็บของเล่นแยกตามป้าย จากนั้นปล่อยให้ลูกทำเอง ควรเว้นช่วงให้ลูกคิดเป็นระยะ ทำอย่างสม่ำเสมอและชื่นชมเมื่อลูกพยายามทำหรือทำสำเร็จ

                        เมื่อฝึกให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะสมอง EF ได้ นอกจากการเก็บของเล่นแล้ว ลองฝึกลูกทำงานบ้านง่าย ๆ ที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงวัย ก็จะยิ่งช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะ EF ให้ดีขึ้นอีกด้วย

                        การให้เด็กได้เก็บของเล่นนอกจากจะช่วยพัฒนาทักษะสมอง EF แล้ว ยังเป็นการช่วยให้ลูกคิดอย่างเป็นระบบติดอาวุธให้ลูกฉลาดรอบด้านตาม Power BQ (Power Baby & Kids Quotients) ส่งเสริมให้ลูกฉลาดคิดเป็นหรือ Thinking Quotient-TQ ทำให้เด็กมีความฉลาดในการคิดดีและมีคุณค่า มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และคิดประยุกต์ ได้อย่างเหมาะสม

                        แค่ชวนลูกเก็บของเล่นก็มีประโยชน์มากมายต่อลูกน้อย พ่อแม่ควรหมั่นหากิจกรรมทำร่วมกันกับลูกอยู่เสมอ จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะสมอง ส่งเสริมความฉลาดได้ตั้งแต่เด็กจนโต

                         

                        อ้างอิงข้อมูล : หมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก, bangkokhospital และ thaichildhealth

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                        รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เมื่อการตีเป็นผู้ร้ายพ่อแม่จะทำอย่างไร

                        สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว ปูหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิต

                        เผยผล ทดสอบ iq เด็กยุคใหม่ต่ำกว่าพ่อแม่!!

                        นักจิตวิทยาแนะกฎ 3นาทีเพิ่มความ ผูกพัน แม่ลูก

                          เช็กสัญญาณ อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5

                          ร่างกายเตือน! 7 สัญญาณ อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 เช็กเลย

                          คุณพ่อ คุณแม่ หลาย ๆ ท่านคงรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน เพราะฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลโดยรวม อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นอันตรายต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฝุ่น PM 2.5 เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถือได้ว่าเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพของเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นภัยที่มองไม่เห็น ไม่มีกลิ่น แถมยังเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายจากการการสูดดมทางโพรงจมูก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกมี อาการแพ้ฝุ่น มาดูคำแนะนำจากคุณหมอกันค่ะ

                          เช็ก 7 สัญญาณ อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5

                          เมื่อฝุ่นกลับมา และมีแนวโน้มที่มีปริมาณมากขึ้น ทางเฟซบุ๊กเพจ “หมอเวร” ก็ได้ออกมาเพจโพสต์เตือนภัยจากวิกฤตฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 โดยใจความว่า

                          “ไอ้เจ้าฝุ่น PM2.5 เวรตะไลนี่มันอันตรายมาก ๆ เลยนะ ในระยะยาวก่อให้เกิดโรคอีกมากมายนับไม่ถ้วน ฉะนั้นถ้าใครออกไปยืน ออกไปเดินใช้ชีวิตกลางแจ้งนาน ๆ ช่วงนี้ ก็ควรหาหน้ากาก N95 มาป้องกันด้วยนะ อีกอย่างหมอเชื่อว่าหลายคนยังเข้าใจอยู่ ว่าฝุ่นมันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นรู้หรอก หมอโอเว่อร์ไปแหละ ก็ยังหายใจได้ปกติหนิ ไม่ได้ลงไปดิ้นตายกับพื้นเดี๋ยวนั้นสักหน่อย คืออย่างนี้อยากจะบอกว่า แค่เราเดินออกไปนอกบ้าน แล้วรู้สึกอาการตามนี้”

                                  สัญญาณอันตรายจากฝุ่นพิษ PM 2.5

                          • ไอ
                          • จาม
                          • น้ำมูกไหล
                          • แสบจมูก
                          • หายใจไม่สะดวก
                          • แน่นหน้าอก
                          • หัวใจเต้นผิดจังหวะ

                          “อาการเหล่านี้คือสัญญานที่ร่างกายมันบอกเราแล้วนะ ว่าเฮ้ย เริ่มไม่โอเคแล้วนะ ไปหาที่อากาศดี ๆ ให้พักหน่อย หรือไม่ก็หาหน้ากากมาป้องกันก็ได้”

                          “คือฝุ่นพวกนี้มันมีอยู่จริง ๆ นะ อย่านิ่งนอนใจกับสิ่งที่มองไม่เห็นซิ จะเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ แล้วกัน เหมือนเวลาเราตื่นเช้าไปเที่ยวพวกตามยอดเขาอะ ตอนเรานั่งรถมองไปที่ยอดเขาเราก็เห็นแหละว่าบนนั้นมันมีหมอกอยู่ แต่พอเราขึ้นไปบนนั้นเรากลับมองไม่เห็นหมอกในสายตาเรา ก็เพราะว่าเราอยู่ในหมอกไง ฉะนั้นฝุ่นเวรตะไลพวกนี้ก็เหมือนกัน เรามองไม่เห็นมัน เพราะเราอยู่ในดงฝุ่นไง ลองมองไปไกล ๆ ซิ วิวทิวทัศน์ที่เราเคยเห็นชัด ๆ เมื่อก่อนตอนนี้ยังเห็นกันชัดอยู่เหมือนเดิมไหม ? นั่นแหละคือความหนาแน่นของฝุ่นที่เรากับเผชิญกันอยู่นี่ไง”

                          “หมอขอเถอะ บอกพ่อ บอกแม่ บอกหลาน ๆ ให้เค้าระวังเรื่องนี้อย่างจริงจังและตื่นตัวกันได้แล้ว จังหวะนี้รัฐบาลช่วยอะไรเราไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งพาตัวเองกันก่อน หน้ากากตอนนี้ก็เริ่มพอหาซื้อได้แล้ว เขาไม่ยอมซื้อเราก็หาซื้อให้พวกเขาซะ แม่ใครจะออกไปจ่ายตลาดหรือพ่อใครจะเดินทางไปไหนก็บอกให้แกใส่ด้วย เด็ก ๆ ถ้าจะออกไปเดินหรือออกไปเล่นนอกบ้านก็ต้องใส่ อย่าคิดว่าไปแป๊บเดียวมันไม่เป็นอะไร เพราะถ้าเกิดเราอยู่กับสภาวะฝุ่นอีกหลายแป๊บ เผลออีกแป๊บอาจต้องไปนอนโรงพยาบาลแทน ตื่นตัวกันได้แล้ว อย่าให้ตื่นตัวกันเฉพาะคนในโซเชียลอย่างเดียว ขอร้องเถอะทุกคน”

                          บทความแนะนำ 5 เทคนิคสอนลูกใส่ หน้ากากอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันฝุ่น ให้ได้ผล

                          นอกจากเพจเฟซบุ๊กหมอเวรจะออกมาโพสต์เตือนให้ระวังตัวกันแล้วนั้น ทางด้านนางเอกสาวชื่อดังอย่าง “คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ” ก็ได้ออกมาโพสต์เผยภาพตัวเองตาบวมในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความที่ระบุว่าตนเองนั้นไม่ได้ตาอักเสบ แต่เกิดจากการแพ้ฝุ่นและมลพิษ ฝากให้ทุกคนช่วยดูแลสุขภาพตัวเอง และอย่าลืมใส่มาสก์ตลอด

                           

                          คิมเบอร์ลี่ตาบวม
                          คิมเบอร์ลี่ตาบวม เพราะแพ้ฝุ่น

                          “คิดอยู่นานว่าจะเผยรูปให้ดูดีไหม แต่คิดว่าฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ไว้ดีกว่าค่ะ ว่านอกจากโควิด-19 แล้ว ที่เราต้องระวังตัวให้มาก ๆ ยังต้อระวังเรื่องฝุ่นและ Pollution ของบ้านเราด้วยนะคะ นี่คิมไม่ได้ตาอักเสบนะคะ แต่เกิดขึ้นจากการแพ้ล้วน ๆ เลยค่ะ ตอนนี้ทานยากลุ่ม steroid และแก้แพ้แก้บวมเลยดีขึ้นมาบ้างแล้ว ยังไงก็ฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองกันดี ๆ นะคะ ใส่ mask ตลอด ใส่แว่นได้ก็ใส่นะคะ งดกิจกรรม outdoors ก็ดีนะคะ”

                          ค่าฝุ่น pm 2.5
                          ค่าฝุ่น pm 2.5

                          เมื่อปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครกลับมาสูงอีกครั้ง ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีการเปิดคลินิกมลพิษออนไลน์ไว้ให้เราสามารถเช็กอาการที่เกิดขึ้นได้ หากคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยเริ่มมีอาการอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 หรืออยากจะรู้วิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกต้อง ก็สามารถเข้าไปปรึกษาหรือเช็กอาการได้ที่ “คลินิกมลพิษออนไลน์” กันได้เลยค่ะ

                                  เช็กเลย อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 รุนแรงแค่ไหน

                          คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.pollutionclinic.com เพื่อตอบแบบสอบถามประเมิน อาการแพ้ฝุ่น ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 1 นาที จะทราบผลเบื้องต้นได้ทันที พร้อมกับรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

                          สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์มเพื่อซักประวัติอาการ ก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เพียงกรอกชื่อนามสกุล อายุ หมายเลขโทรศัพท์ LINE ID สำหรับให้แพทย์ติดต่อกลับ พร้อมคลิกในช่องระบุอาการ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอ มีเสมหะตลอดเวลา หอบหายใจเสียงดังหวีด มีผื่นที่ผิวหนัง ระคายเคืองตา ตาแดง เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักทำงานไม่ได้ เลือดกำเดาไหล และท่านได้สวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านอย่างไร

                          จากนั้นก็กดประเมินอาการก็จะทราบอาการเบื้องต้นว่าได้รับมี อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 ในระดับใด พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้นตามอาการ

                          ผลประเมิน อาการแพ้ฝุ่น pm 2.5
                          ผลประเมิน อาการแพ้ฝุ่น pm 2.5

                          คำแนะนำเบื้องต้น หากมีอาการไอ

                          อาการไอเกิดจากการระคายเคืองคอ หรือทางเดินหายใจ เป็นอาการที่ไม่จำเพาะ แต่ถ้าท่านอยู่ในเขตมลพิษ อาจจะเกิดจากมลพิษได้ โดยเฉพาะถ้าท่านไม่เคยไอ มาก่อนเลย หรือไม่เคยไอถี่ขนาดนี้มาก่อน

                          ถ้าท่านเป็นโรคปอด เช่น หอบหืด หรือ โรคถุงลมโป่งพองอยู่แล้ว มีอาการไอมาก ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบรุนแรง ให้รีบหลบเข้าในอาคาร หรือถ้ามีอาการมากต้องไปพบแพทย์

                          การดูแลตนเองเบื้องต้น

                          • ถ้าไม่ไอมาก ก็อาจไม่ต้องทำอะไร
                          • ถ้าไอมากให้ลองหลบเข้าในอาคารหรือในบ้าน อาการไอจะดีขึ้น ถ้าเกิดจากการระคายเคือง
                          ถ้ายังไม่หายเมื่อรอสักระยะเวลาหนึ่งให้ไปพบแพทย์
                          • ไม่แนะนำให้ซื้อยาแก้ไอมารับประทาน เพราะยาแก้ไอบางชนิดมีการกดอาการไอ อาจทำให้มีอาการแทรกซ้อน

                          เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์

                          • ถ้าไอมาก ร่วมกับมีแน่นหน้าอกมาก เมื่อนั่งพักแล้วไม่หาย ควรมาพบแพทย์
                          • ถ้าไอมาก แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสกับมลพิษแล้ว และพักแล้ว 1-2 วันอาการยังไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์

                          คำแนะนำเบื้องต้น หากมีผื่นที่ผิวหนัง

                          ผื่นที่ผิวหนัง อาจจะคันหรือไม่คัน เกิดจากการระคายเคือง พยายามอย่าเกา อาจทำให้เกิดแผล

                          การดูแลเบื้องต้น

                          • ให้อาบน้ำล้างตัวเมื่อทำได้ อาการจะดีขึ้นเมื่อไม่มีการสัมผัส และล้างมลพิษออกจากผิวหนัง
                          • ถ้าเกิดจากการแพ้ จะหายไปเอง

                          เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์

                          • ถ้ามีผื่นร่วมกับมีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ควรมาพบแพทย์
                          • ถ้ามีผื่นเพียงอย่างเดียว ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน ควรมาพบแพทย์

                          คำแนะนำเบื้องต้น หากระคายเคืองตา

                          ระคายเคืองตา อาจจะมีอาการคันตา หรือตาแดงร่วมด้วย ไม่ควรขยี้ตา เพราะอาจจะทำให้อาการเป็นมากขึ้นได้

                          การดูแลเบื้องต้น

                          • หลบเข้าอาคารหรือออกจากบริเวณที่ไม่มีมลพิษ
                          • แนะนำล้างตา เพื่อล้างมลพิษออกจากตา
                          • ถ้าล้างตาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์

                          เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์

                          • ถ้าล้างตาแล้วไม่ดีขึ้น ยังมีการระคายเคืองตามาก ควรมาพบแพทย์

                          สำหรับฝุ่น PM2.5 สามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยในระยะสั้นทำให้มีอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองจมูก ในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง อาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว จะมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มสูงขึ้น

                          เห็นหรือไม่คะ ว่าฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรามาก ฉะนั้นเราไม่ควรละเลยการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากาก N95 อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นเสมอเมื่อต้องออกไปอยู่ในบริเวณกลางแจ้งหรือออกนอกบ้านนะคะ

                          แหล่งข้อมูล :https://web.facebook.com/Mhorwenhttps://news.ch7.com

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                          บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                          9 ต้นไม้กันฝุ่น-ดูดสารพิษ ฟอกอากาศในบ้านให้บริสุทธิ์

                          เตือนแม่ท้อง สูดฝุ่น PM2.5 เสี่ยงทำลายสมองลูก

                          รีวิว หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เลือกใส่แบบไหน ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อย

                            เพจคุณหมอในดวงใจ

                            แม่อ่านประจำ ความรู้การเลี้ยงลูกจากผู้เชี่ยวชาญ คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ เลี้ยงลูกตามใจหมอเป็น เพจคุณหมอในดวงใจ

                            “เพจคุณหมอ” เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ในการหาความรู้ หาคำตอบให้กับทุกข้อข้องใขเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ตัวจริง เสียงจริง คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วรวุฒิ เชยประเสริฐ เป็น เพจคุณหมอในดวงใจ และรับรางวัลพิเศษ Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Popular Children’s Expert Fanpage

                            เพจคุณหมอในดวงใจ แม่ทั่วประเทศโหวตให้เป็นเพจนี้เลย

                            Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                            เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว

                            เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                            สำหรับรางวัลพิเศษในสาขา Mommy’s Choice รางวัลแรกคือ รางวัลเพจคุณหมอในดวงใจ ซึ่งมอบเพจคุณหมอที่ให้สาระความรู้ แนวทางที่นำมาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกโดยมีคุณแม่ติดตามและชื่นชอบ พร้อมได้รับคะแนนโหวตสูงสุด

                            จากการร่วมเสนอชื่อลงคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้ “เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ” ผู้ช่วยศาสตรจารย์ นายแพทย์วรวุฒิ เชยประเสริฐ เป็นหนึ่งในเพจที่ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Popular Children’s Expert Fanpage ในปีนี้

                            ทำไมแม่โหวตให้ เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เป็นเพจคุณหมอในดวงใจ

                            “บทความให้อ่านมากมาย เขียนเพจอ่านง่าย ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ทันเหตุการณ์ ทันสมัย เข้าใจคุณแม่ในมุมของคุณพ่อ(หมอ) ตรงไปตรงมา นำไปใช้ได้จริง”

                            “ข้อมูลดี เข้าใจง่าย เขียนได้ตรงใจแม่ ให้ความรู้หลากหลายเรื่องเพราะเป็นแม่มือใหม่ คอนเท้นหลากหลาย จากประสบการณ์จริง เข้าใจง่าย และอิงทฤษฎีน่าเชื่อถือ พร้อมอัพเดทข่าวสารต่างๆที่มีประโยชน์ด้วยค่ะ”

                            “คุณหมอน่ารัก ชอบที่ความอารมณ์ดีของหมอ พูดตรง ข้อมูลแน่น คุยสนุก เน้นความบันเทิงสอดแทรกความรู้ ไม่ยึดติดอะไรมาก แต่มีหลักการ คุณหมอชอบเขียนให้เป็นเรื่องขำๆไม่ซีเรียส ชอบเวลาหมอไลฟ์ สนุกได้สาระพร้อมความบันเทิง ไม่เครียดเข้มงวดจนเกินไป ชอบความง่ายๆ ทำให้พ่อแม่ไม่รู้สึกเครียดกับการเลี้ยงลูก”

                            ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรวุฒิ เชยประเสริฐ  (หมอวิน) กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยา และมะเร็งในเด็ก เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ ซึ่งมีจุดประสงค์ในการจัดทำเพจเพื่อ ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก และการเลี้ยงลูกแบบสายกลาง ที่ “ถูกต้อง” และ “จริง” ที่สุดตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบัน”

                             

                            อ่านบทความรางวัลอื่น

                            ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ถุงเก็บน้ำนมแม่ยี่ห้อไหนดี

                              ถุงเก็บน้ำนมแม่ยี่ห้อไหนดี เก็บน้ำนมดี ไม่รั่วซึม ไร้สารอันตราย คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ Sunmum เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                              ถุงเก็บน้ำนมแม่ยี่ห้อไหนดี เหมาะใช้เก็บสต๊อกน้ำนมแม่ให้ลูกน้อย  คุณภาพดี ปากถุงปิดสนิทไม่รั่วซึมแม้ต้องแช่อยู่ในอุณหภูมิต่ำ เก็บรักษาน้ำนมให้มีคุณภาพดี ไม่เสียง่าย คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ Sunmum เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Best Breast Milk Storage Bag

                              ถุงเก็บน้ำนมแม่ยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้วให้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                              Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                              เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว

                              เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                              สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัด”รอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ”อีกครั้งหนึ่ง

                              และจากการเสนอชื่อและคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้ถุงเก็บน้ำนม Spectra ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Best Breast Milk Storage Bag ในปีนี้

                              ทำไมแม่โหวตให้ Sunmum เป็นแบรนด์ถุงเก็บน้ำนมแม่ในดวงใจ

                              “คุณภาพดี ทนทาน เก็บได้นาน ใช้งานสะดวก ง่ายต่อการจัดเก็บ มีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามปริมาณนมที่ปั๊มได้ ช่วยให้ประหยัด เนื้อพลาสติกหนา ซิบล็อคแน่นสองชั้น ปิดได้สนิท จัดเก็บแบบไหนก็ไม่ไม่รั่วซึม หรือขาดง่าย ปากถุงกว้างใส่น้ำนมได้สะดวก เก็บน้ำนมได้ดี

                              “ผลิตภัณฑ์ดี ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีกลิ่นพลาสติก หาซื้อง่าย มีขายตามท้องตลาด ราคาถูก ของแถมเยอะ ชอบแบรนด์นี้ ชอบลายที่ถุงน่ารักดีค่ะ”

                              ถุงเก็บน้ำนม Sunmum ผลิตโดยผู้ผลิตถุงน้ำนมแม่เจ้าแรกของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ “ถุงเก็บน้ำนมแม่ทานตะวัน” ถุงพลาสติกที่ปราศจากสารฟินอล (BPA-Free) และได้ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว จึงมีความปลอดภัยต่อลูกน้อย

                              อ่านบทความรางวัลอื่น

                              ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                              รีวิวของดีต้องลอง ถุงเก็บน้ำนม NANNY แข็งแรง ใช้ง่าย มั่นใจว่าปลอดเชื้อสูงสุด

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                เครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี

                                เครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี ปั๊มดีเหมือนลูกดูด คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ Spectra เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                เครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี อุปกรณ์สำคัญของคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทำน้ำนมสต๊อกก่อนกลับไปทำงาน หรือช่วงเลิกเต้า เพื่อให้ลูกกินนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ Spectra เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Best Breast Pump

                                เครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้วให้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                                เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว  เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                                สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัด”รอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ”อีกครั้งหนึ่ง และจากการเสนอชื่อและคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้เครื่องปั๊มนม Spectra ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Best Breast Pump ในปีนี้

                                ทำไมแม่โหวตให้ Spectra เป็นแบรนด์เครื่องปั๊มนมในดวงใจ

                                “ใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นไม่ซับซ้อน สะดวกเหมาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ แรงบีบดี มีระบบกระตุ้นน้ำนมก่อนปั๊มช่วยให้น้ำนมออกเยอะมาก ทำนมสต็อกได้เต็มตู้ ปั๊มเกลี้ยงเต้า ประหยัดเวลา ชาร์ตได้ไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ปั๊มบ่อยแค่ไหนก็ไม่เคยเจ็บเต้าเลยค่ะ”

                                “มีแม่ๆแนะนำกันเยอะค่ะ เป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียง มั่นใจเรื่องคุณภาพ เครื่องมีความทนทาน แรงดี ดีไซน์สวย เหมาะเป็นเครื่องปั๊มใช้เป็นประจำ ปรับแรงดูดได้หลายระดับ เสียงเงียบไม่รบกวนการนอนของลูก คิดว่าจะเก็บไว้ใช้ยาวถึงตอนมีลูกอีกคนเลยค่ะ”

                                Spectra หนึ่งในแบรนด์เครื่องปั๊มนมมาตรฐานระดับโลก มีเครื่องปั๊มนมหลายรุ่นให้คุณแม่เลือกใช้ตามสะดวก คุณสมบัติเด่นคือมีความทนทานสูง แรงปั๊มเหมาะกับการใช้งานเป็นประจำและใช้ในระยะยาว

                                 

                                อ่านบทความรางวัลอื่น

                                ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                                เครื่องปั๊มนม Attitude Mom สุดยอดเครื่องปั๊มนมปี 2020 มีดียังไง?

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ครีมทาท้องลายยี่ห้อไหนดี

                                  ครีมทาท้องลายยี่ห้อไหนดี ที่ควรใช้ตั้งแต่เริ่มท้อง คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ Palmer’s เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                  ครีมทาท้องลายยี่ห้อไหนดี ที่คุณแม่ควรใช้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อบำรุงผิวหน้าท้อง สะโพก และต้นขาให้ชุ่มชื่น เรียบเนียบน และไม่เกิดรอยแตกลายงา จากการที่ผิวหนังของคุณแม่ขยายอย่างรวดเร็วในทุกๆสัปดาห์ที่ลูกโตขึ้น คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ Palmer’s เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Best Pregnancy Stretch Mark Cream

                                  ครีมทาท้องลายยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้วให้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                  Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                                  เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว

                                  เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                                  สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัด”รอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ”อีกครั้งหนึ่ง

                                  และจากการเสนอชื่อและคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้เซรั่มออยล์บำรุงผิว  Palmer’s ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Best Pregnancy Stretch Mark Cream ในปีนี้

                                  ทำไมแม่โหวตให้ Palmer’s เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าท้องในดวงใจ

                                  “คุณภาพดีเยี่ยม มีทั้งแบบออยและบาล์ม ส่วนตัวชอบแบบออยล์มีความเข้มข้น ใช้แล้วซึมสู้ผิว ซึมซับเร็ว กักเก็บความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังได้ดี เช้าจรดเย็น ไม่เหนียวเหนอะ มีสารสกัดสารสกัดจากโกโก้บัตเตอร์ธรรมชาติ กลิ่นหอม ทาง่ายใช้ได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จนถึงหลังคลอด แทบไม่มีรอยแตกเลยค่ะ”

                                  “ใช้ตัวนี้แล้ว ท้องสองแล้วก็ไม่แตกลายเลย ลดอาการตึงผิวได้ดี บางครั้งแม่ใช้ทาข้อศอก หัวเข่าที่มักหยาบกร้าน ผิวนุ่มเรียบเนียน ไม่ระคายเคือง ไม่แพ้ ที่สำคัญส่วนผสมปลอดภัยไม่ต้องกลัวจะกระทบกับลูกน้อย”

                                  “ราคาไม่สูงมาก หาซื้อง่าย พกพาสะดวกค่ะ ดูจากรีวิวคุณแม่หลายคนใช้เยอะ มั่นใจในคุณภาพ”

                                  Palmer’s เป็นผลิตภัณฑ์เน้นการบำรุงและแก้ปัญหาผิว ถูกพัฒนาสูตรมาเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ด้วยสารสกัดจากโกโก้บัตเตอร์ธรรมชาติ ด้วยเนื้อออยล์สูตรพิเศษ ซึบซามเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดริ้วรอย รอยแตกลาย ปรับสภาพสีผิว และบำรุงผิวให้เนียวนุ่มชุ่มชื่น

                                  อ่านบทความรางวัลอื่น

                                  ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                                  รีวิว ครีมทาท้อง ป้องกันผิวแตกลาย ยี่ห้อไหนใช้ดีบ้าง ?

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    ครีมทาหน้าคุณแม่ยี่ห้อไหนดี

                                    ครีมทาหน้าคุณแม่ยี่ห้อไหนดี ตอนท้องใช้ได้ หลังคลอดใช้ดี คุณแม่ทั่วประเทศเทใจให้ Smooth E Gold เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                    ครีมทาหน้าคุณแม่ยี่ห้อไหนดี ที่ดูแลผิวหน้าให้ยังสวยเปล่งปลั่งไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ท้องง ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น หรือคุณแม่หลังคลอดที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงฉับพลัน พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยต่างๆ คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้ครีมบำรุงผิวหน้า Smooth E Gold เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Best Facial Skincare For Mom

                                    ครีมทาหน้าคุณแม่ยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้วให้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

                                    Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.amarinbabyandkds.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และ รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair

                                    เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีที่แล้ว

                                    เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัดรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020” ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

                                    สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัด”รอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ”อีกครั้งหนึ่ง

                                    และจากการเสนอชื่อและคะแนนของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน โหวตให้ครีมบำรุงผิวหน้า Smooth E Gold ได้รับคะแนนสูงสุด และคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา Best Facial Skincare For Mom ในปีนี้

                                    ทำไมแม่โหวตให้ Smooth E Gold เป็นแบรนด์ครีมบำรุงผิวหน้าในดวงใจ

                                    “หลังคลอดใหม่ๆ นอนน้อยมากเลยค่ะ ทำให้มีปัญหาสารพัด ทั้งสิ้น ริ้วรอย และถุงใต้ตา พอลองใช้ครีมสมูทอีแล้วรู้สึกว่าซึมเข้าผิวดี หน้านุ่ม ชุ่มชื่น พอใช้ต่อเนื่องแล้ว หน้าเนียนขึ้นมาค่ะ รอยคล้ำค่อยๆหายไป คิดไม่ผิดเลยค่ะ”

                                    “ใข้เป็นประจำตั้งแต่ก่อนท้อง อยู่แล้ว ใช้แล้วผิวดีไม่แพ้ ปลอดภัยจากสารเคมีที่ห้ามใช้ ช่วงหลังคลอดรู้สึกว่าผิวเซนซิทีฟกว่าเดิม แพ้ง่ายเลยต้องเปลี่ยนสกินแคร์แทบทุกอย่าง แต่ยังใช้ครีมของสมูทอีได้ หาซื้อง่าย ราคาสบายกระเป๋า ชอบมากค่ะ”

                                    Smooth E Gold ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย ดูแลผิว เติมความชุ่มชื้น เหมาะสมกับทุกสภาพผิวช่วยลดเลื้อนริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกผลิตภัณฑ์ไม่มีสารตกค้างที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

                                     

                                    อ่านบทความรางวัลอื่น

                                    ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020

                                    เซรั่มบำรุงผิวหน้า ยี่ห้อไหนดี? ตอบชัดทุกปัญหาผิวคุณแม่ลูกอ่อน

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่