Page 134 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 กฟผ.แจกคูปองสูงสุด 1,000 บาท 

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 พร้อมส่วนลดพิเศษค่าที่พักครึ่งราคาภายในเขื่อนของ ของขวัญปีใหม่ 2564 จากกฟผ.

กฟผ.มอบของขวัญปีใหม่ ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

สิ้นปีแบบนี้ ใครอยากช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาพิเศษ ต้องรีบลงทะเบียนด่วน ๆ เพราะกระทรวงพลังงานและ กฟผ. ได้ขนขบวนของขวัญปีใหม่ สร้างความสุขให้กับคนไทยด้วย “กฟผ.÷2” จัดเต็มส่วนลดครึ่งราคา ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 หลอดไฟ LED เบอร์ 5 และสินค้าชุมชน กฟผ. “ช้อป÷2” จับคู่ส่วนลดสุดพิเศษค่าที่พักครึ่งราคาภายในเขื่อน กฟผ. “เที่ยว÷2” รวมจำนวนกว่า 52,000 สิทธิ์

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5
ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ของขวัญปีใหม่ ผ่านโครงการ “กฟผ.÷2” รวมมูลค่าเกือบ 39 ล้านบาท โดยมอบให้แก่คนไทยทั่วประเทศกับ 2 สิทธิพิเศษ

  • ช้อป÷2 จัดเต็มคูปองส่วนลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท จำนวน 5,000 สิทธิ์ และหลอดไฟ LED เบอร์ 5 มูลค่าสูงสุด 200 บาท จำนวน 20,000 สิทธิ์ ตลอดจนคูปองส่วนลดครึ่งราคาสินค้าชุมชน กฟผ. มูลค่าสูงสุด 400 บาท จำนวน 17,000 สิทธิ์
  • เที่ยว÷2 ส่วนลดพิเศษค่าที่พักครึ่งราคาภายในเขื่อนของ กฟผ. ทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี และเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี สูงสุด 2 ห้องต่อสิทธิ์ จำนวนทั้งสิ้น 10,000 สิทธิ์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังรับเพิ่มคูปองส่วนลด 100 บาท ภายในร้านอาหารหรือร้านกาแฟ และสิทธิ์ส่วนลดครึ่งราคามูลค่าสูงสุด 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าชุมชน ภายในเขื่อนที่เข้าพัก

นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้เตรียมของขวัญสติกเกอร์ Line ชุดพิเศษ Energized by ENGY แบบเคลื่อนไหว จำนวน 8 คาแรคเตอร์ ให้ได้ใช้งานฟรี สูงสุดถึง 180 วัน โดยเปิดให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ทาง Line official Account : @EGAT เพื่อให้คนไทยไว้ใช้ส่งความสุขรับปี 2564 ให้แก่กันอีกด้วย

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร และลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ของ กฟผ. ได้ทาง egat.co.th โดยจะเริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าสิทธิ์จะหมด ทั้งนี้ ช้อป÷2 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2564 และ เที่ยว÷2 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5

โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นการประสานแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน โดยร่วมเป็นคณะทำงานด้านมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานดูแลงานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งมีมาตรฐานตรากระทรวงพลังงานกำกับอยู่ในรูปลักษณ์โฉมใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โดยมีวัตถุประสงค์โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพ ด้วยวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการ ดังนี้

  1. เพื่อรณรงค์ให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า ผลิตและนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมีราคาที่เหมาะสม
  2. จูงใจและเสริมสร้างทัศนคติการประหยัดไฟฟ้าแก่ประชาชน โดยให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ
  3. เสนอทางเลือกของผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง
  4. สนับสนุนและแสวงหาเทคโนโลยีการประหยัดไฟฟ้า รวมทั้งการบริหารการใช้ไฟฟ้าเพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม

ลดครึ่งราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5

อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าจากโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 นั้น ทาง กฟผ. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิต/ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงประหยัดไฟ ซึ่งนอกจากจะเป็นการผลักดันให้มีการพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ให้เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงตามไปด้วยแล้ว ยังทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น หลอดอ้วน หมดไปจากตลาดเมืองไทยอีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้ามีอยู่หลายประเภท ได้แก่

  • ตู้เย็น
  • เครื่องปรับอากาศ
  • บัลลาสต์เบอร์ 5 นิรภัย
  • ข้าวกล้องเบอร์ 5
  • พัดลมไฟฟ้า
  • หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์
  • หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
  • โคมไฟฟ้าแสงสว่างประสิทธิภาพสูง
  • พัดลมไฟฟ้า ชนิดส่ายรอบตัว
  • หลอดฟลูอเรสเซนต์ T5
  • บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ T5
  • Standby Power 1 Watt (เครื่องรับโทรทัศน์/จอคอมพิวเตอร์)
  • โคมไฟฟ้าสำหรับหลอดผอมเบอร์ 5
  • กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า
  • พัดลมไฟฟ้าชนิดระบายอากาศ
  • เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า
  • เตารีดไฟฟ้า
  • เครื่องซักผ้าชนิดฝาบนถังเดี่ยว
  • หลอด LED
  • ชุดเปลี่ยนหลอดเบอร์ 5
  • เตาไมโครเวฟ
  • เตาไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ
  • กาต้มน้ำไฟฟ้า
  • เครื่องรับโทรทัศน์
  • ตู้แช่เย็นแสดงสินค้า
  • กระทะไฟฟ้า
  • เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ
  • ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค
  • ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเบอร์ 5
  • ผลิตภัณฑ์จักรยานยนต์ไฟฟ้า

คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจ รีบไปลงทะเบียนเพื่อรับของขวัญปีใหม่จาก กฟผ. กันได้เลยนะคะ

อ้างอิงข้อมูล :  egat.co.th

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

แม่เฮ! เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 600 เป็น 800 เริ่ม 1 มค. 64

วิธีเช็คเงินสมทบ-ค่าคลอดบุตร ผ่าน แอพเช็คประกันสังคม

4 ปัจจัยสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนทำ ประกันสุขภาพลูกน้อย

 

    เด็กติดโควิด

    เด็กติดโควิด ระวังเชื้อจากพ่อแม่ แพร่ Covid-19 สู่ลูก

    พ่อจ๋าแม่จ๋า ระวังแพร่เชื้อ COVID-19 สู่ลูก! เด็กติดโควิด ที่นครนายก เป็นลูกพ่อค้าขายอาหารทะเล และอยู่บ้านตลอด คาดว่าติดเชื้อจากผู้เป็นพ่อ

    เด็กติดโควิด เพิ่มอีกรายที่นครนายก เตือนพ่อแม่ระวัง อย่าพาเชื้อเข้าบ้าน

    โควิดไม่ได้ติดเฉพาะผู้ใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดงยิ่งติดได้ง่าย ล่าสุดโควิดลามเด็กเล็กวัยเพียง 1 ขวบ 10 เดือน ซึ่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นลูกของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้า

    เปิดไทม์ไลน์เด็กนครนายกติดโควิด

    เฟซบุ๊กแฟนเพจ ประชาสัมพันธ์นครนายก เปิดเผยว่า จ.นครนายก พบติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มอีก 1 คน รวมมีผู้ติดเชื้อสะสมจำนวน 2 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งรายล่าสุดนั้นเป็นเด็กหญิงอายุ 1 ปี 10 เดือน ลูกของพ่อค้าขายอาหารทะเลในพื้นที่ อ.เมืองนครนายก ซึ่งไทม์ไลน์ของเด็กมีดังนี้

    • 16-24 ธ.ค.63 เด็กอยู่บ้านโดยมีแม่และยายเป็นผู้ดูแล
    • 25 ธ.ค.63 เดินทางไปโรงพยาบาลนครนายกโดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีแม่เป็นคนขับ นั่งเบาะเด็ก ยายนั่งท้าย ขณะเดินทางไปและกลับไม่ได้แวะสถานที่ใด สวมหน้ากากอนามัยทุกคน ไม่ได้มีเพื่อนบ้านมาเล่นด้วย
    • 26 ธ.ค.63 ช่วงเช้าเด็กอยู่บ้านตลอด / 15.00 -17.00 น. โรงพยาบาลนำรถไปส่งที่สถานกักกันที่ทางราชการกำหนด
    • 27 ธ.ค.63 08.00 น. ผลตรวจพบติดเชื้อ COVID-19 โรงพยาบาลรับตัวเพื่อรับการรักษา

    อย่างไรก็ตาม ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 10 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ ขณะนี้กักตัวไว้ที่สถานที่กักกันที่ราชการกำหนด

    ทำอย่างไรให้ลูกห่างไกลโควิด

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.คณิสส์ เสงี่ยมสุนทร ภาควิชาชีวเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การดูแลเด็กในสภาวะที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อยู่ทั่วโลกนี้ ต้องมีความละเอียดอ่อน อดทน ใส่ใจ โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีลูกน้อย ปกติแล้วเด็กที่มีความเสี่ยงสูงในการได้รับเชื้อโรคจากโรงเรียน สถานที่เรียนพิเศษ หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เมื่อลูกเป็นเด็กก่อนวัยเรียนหรือต้องกักตัวอยู่กับบ้าน สาเหตุหลักของการติดเชื้อคือ จากผู้คนที่เดินทาง เข้า-ออก จากบ้าน สำหรับวิธีดูแลลูกในช่วงโควิด-19 ระบาด มีดังนี้

    • เด็กต้องอาศัยอยู่บ้าน ไม่เดินทางไปมาระหว่างบ้านญาติหรือบ้านเพื่อนสนิท
    • ลูกน้อยวัย 1.5 – 2 ปี พ่อแม่สามารถสอนให้ลูกไม่นำสิ่งของเข้าปากหรือล้างมืออย่างง่ายได้ แต่ก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กอาจปฏิบัติตามได้ไม่ดี
    • เด็กวัย 3 ปีขึ้นไป ควรสอนให้รักษาความสะอาด เช่น ฝึกให้ล้างมือประกอบการร้องเพลง เช่นเพลงช้าง หรือ เพลง happy birthday จนครบสองรอบประมาณ 20 วินาที จะได้ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฆ่าเชื้อที่มือ
    • ไม่ควรให้บุคคลภายนอกหรือญาติพี่น้องมาเล่นกับเด็กในช่วงนี้
    เด็กติดโควิด
    วิธีป้องกันเด็กติดโควิด

    พ่อแม่ต้องอย่าพาเชื้อเข้าบ้าน

    1. ควรเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาลหรือสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท
    2. หากคนในบ้านมีความจำเป็นต้องไปทำธุระนอกบ้าน ไปทำงาน หรือทำธุระ กลับบ้านให้ปฏิบัติเหมือนว่าได้สัมผัสเชื้อโควิด-19 แล้ว ได้แก่
    • กลับบ้านให้ล้างมือทันที
    • ถอดเสื้อผ้า แล้วแยกซักจากเสื้อผ้าเด็ก
    • อาบน้ำก่อนเข้าไปเจอลูก
    • ไม่ควรใช้ของใช้ร่วมกัน แยกชาม ช้อน แก้วน้ำ ของใช้อื่น ๆ
    • ถ้าลูกเล็กมากอยู่ในวัยทารก หรือมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง ควรสวมหน้ากากอนามัยก่อนไปเจอลูก
    เด็กติดโควิด
    7 ขั้นตอนล้างมือป้องกันโควิด

    ล้างมืออย่างไรให้ปลอดภัยจากโควิด-19

    ย้ำกันอีกครั้งถึงวิธีการล้างมือ ซึ่งผู้ใหญ่ทุกคนควรล้างให้สะอาด ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้สูงอายุ พร้อมทั้งสอนลูกหลานให้ล้างมืออย่างถูกวิธี โดยมี 7 ขั้นตอน ล้างมือให้สะอาดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้

    1. ฝ่ามือถูกัน
    2. ถูหลังมือและซอกนิ้ว
    3. ถูฝ่ามือและซอกนิ้ว
    4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ
    5. ถูนิ้วและโคนนิ้วหัวแม่มือ
    6. ถูปลายนิ้วมือบนฝ่ามือ
    7. ถูรอบข้อมือ

    ควรล้างมือตามวิธีไม่ต่ำกว่า 20 วินาที ช่วยป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น

    การปกป้องลูกน้อยเพื่อไม่ให้เด็กติดโควิดได้ดีที่สุด พ่อแม่และคนในบ้านต้องดูแลตัวเองนอกบ้านอย่างแข็งขัน การ์ดไม่ตก สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ คอยดูแลตัวเองอยู่เสมอ พร้อมทั้งทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เพื่อให้ลูกรักได้ห่างไกลจากเชื้อโรคร้าย

    อ้างอิงข้อมูล : amarintvhealthydee.moph.go.th และ facebook.com/fanmoph

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

    ร่างกายเตือน! 7 สัญญาณ อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 เช็กเลย

    ลูกติดเชื้อไวรัส ผื่นเต็มตัว แม่เตือน! ระวังคนมาเล่นกับลูก

    เชื้อโควิดบนสิ่งของ เกาะลูกบิดประตู อยู่ได้นานแค่ไหน

    “ลูกผม(ฆ่า)ตัวตายเพราะโควิด”เมื่อ โรคติดเกม พรากลูกไป

      โควิด-19

      เอพี ไทยแลนด์ เดินหน้าเอ็มพาวเวอร์ให้สังคมไทยปลอดโควิด-19 มอบเจลแอลกอฮอล์ ให้บุคลากรทางการแพทย์

      เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’ ที่มุ่งเติมเต็มทุกเป้าหมายของชีวิต ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย นำโดย นางสาวทิพวรรณ ศิริคูณ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอพี ไทยแลนด์  มอบเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด ปริมาณ 500 ลิตร ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ประจำจังหวัดสมุทรสงคราม หนึ่งในจังหวัดที่มีผู้ใช้แรงงานและกลุ่มแรงงานต่างด้าวสูง เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย ญาติ และผู้มาใช้บริการได้ใช้ทำความสะอาดเพื่อป้องกันโรค โดยมีนายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เป็นผู้รับมอบ หนึ่งในกิจกรรมที่เอ็มพาวเวอร์ให้คนไทยมีชีวิตวิถีใหม่ที่ไม่ประมาท รักษาการ์ดไม่ให้ตก เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยปราศจากโรคโควิด-19 และโรคติดต่อทางการสัมผัสโควิด-19

      ภาพที่ 1: (ซ้าย) นางสาวทิพวรรณ ศิริคูณ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ มอบเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด ปริมาณ 500 ลิตร ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า โดยมี (ขวา) นายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าเป็นผู้รับมอบ

      โควิด-19ภาพที่ 2: เอพี ไทยแลนด์ นำโดย (ที่ 3 จากซ้าย) นางสาวทิพวรรณ ศิริคูณ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ และ (ซ้ายสุด) นางสุนทรี เชวงชวลิต ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบุคคล (ที่ 2 จากซ้าย) นายดนัย คุมตะวิชัย ผู้อำนวยการ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ มอบเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด ปริมาณ 500 ลิตร ให้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า โดยมี (ที่ 4 จากซ้าย) นายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า (ที่ 5 จากซ้าย) นายแพทย์สิทธิ ประภาสสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาระบบบริการสุขภาพเป็นผู้รับมอบ (ที่ 6 จากซ้าย) นางสาวเสาวนีย์ เมตตารมณ์ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านอำนวยการ (ที่ 7 จากซ้าย) นางจิรวดี ศรีจันทร์ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม

      โควิด-19

      ภาพที่ 3: เอพี ไทยแลนด์ มอบเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด ปริมาณ 500 ลิตร ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า หนึ่งในกิจกรรมที่เอ็มพาวเวอร์ให้คนไทย มีชีวิตวิถีใหม่ที่ไม่ประมาท รักษาการ์ดไม่ให้ตก เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยปราศจากโรค โควิด-19 และโรคติดต่อทางการสัมผัสสังคมไทย

        วิธีทำความสะอาดสะดือ

        วิธีทำความสะอาดสะดือ และก้นของลูกน้อย ให้ปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อ

        แจกคู่มือ! ขั้นตอน และ วิธีทำความสะอาดสะดือ ตา จมูก ก้น และหู ของร่างกายทารกแรกเกิด!! ทำความสะอาดร่างกายลูกน้อยอย่างไรให้ปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อ?

        หลังจากผ่านขั้นตอนการอาบน้ำและสระผมลูกน้อยแล้ว ขั้นตอนในการทำความสะอาดบริเวณที่บอบบางของร่างกาย  อย่าง สะดือ ก้น ตา จมูก และหูของลูกน้อยนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากบริเวณเหล่านี้เป็นจุดที่บอบบาง หากได้รับการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ หรือปล่อยให้อับชื้น ก็อาจทำให้ลูกเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย

        การใช้ผ้าขนหนูเช็ดให้แห้งเพียงอย่างเดียวนั้น ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้บริเวณบอบบางเหล่านี้สะอาดได้ แล้วจะทำอย่างไรให้บริเวณเหล่านี้สะอาด ปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ?  เราขอแจกคู่มือและขั้นตอน วิธีทำความสะอาดสะดือ ก้น ตา จมูก และหูของทารก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เตรียมพร้อมสำหรับการทำความสะอาดลูกน้อยกันค่ะ

        คอตตอนบัด ดีนี่

        วิธีทำความสะอาดสะดือ ของทารกแรกเกิด1 ขวบ

        ทารกแรกเกิด จะยังมีสายสะดือติดอยู่ ซึ่งสายสะดือนี้จะค่อย ๆ หลุดออกไปเองเมื่อลูกมีอายุ 14 วัน (โดยประมาณ) คุณพ่อคุณแม่จึงต้องระวังบริเวณนี้เป็นพิเศษ ห้ามปล่อยให้บริเวณนี้อับชื้นและหมักหมมโดยเด็ดขาด ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องทำความสะอาดสะดือ (ที่ยังไม่หลุดหรือยังมีแผลอยู่) ด้วยแอลกอฮอล์ 70% ทุกครั้งหลังอาบน้ำ สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดสะดือ ได้แก่

        • แอลกอฮอล์ 70%
        • ดีนี่ สำลีก้านจิ๋ว
        • ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่

        ทำความสะอาดสะดือทารก

        ขั้นตอนการทำความสะอาดสะดือ

        ใช้ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่ชุบน้ำสะอาด เช็ดบริเวณผิวรอบๆ สะดือ จากนั้นใช้ดีนี่ สำลีก้านจิ๋ว ชุบแอลกอฮอล์ให้ชุ่ม เช็ดจากโคนสะดือขึ้นไปหาส่วนปลายสะดือ โดยจับปลายสะดือดึงขึ้นเล็กน้อยเบา ๆ เพื่อให้เห็นส่วนโคนสะดือได้ชัดเจน ขอแนะนำให้ใช้ ดีนี่ สำลีก้านจิ๋ว ที่มีก้านแข็งและตัวสำลีติดแน่น ช่วยเช็ดตามซอกโคนสะดือและบริเวณที่มีพื้นที่เล็กได้ง่ายยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเจ็บหรือปวดท้องนะคะ เพราะว่าบริเวณนี้ไม่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง แต่ลูกอาจจะร้องไห้งอแงขณะเช็ดและดิ้นไปมาได้ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้รู้สึกเย็นผิวและสะดุ้งตกใจได้ เมื่อเช็ดเสร็จแล้วปล่อยให้แห้งเอง

        ทุกครั้งที่เช็ดสะดือ ควรสังเกตรอบๆ สะดือว่ามีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดง มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมามาก หากมีอาการผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์

        ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่

        วิธีทำความสะอาดก้นทารก

        เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค และเกิดผดผื่นต่างๆ ควรล้างก้นลูกด้วยน้ำสะอาด ซับก้นให้แห้ง และเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ หลังลูกอุจจาระหรือปัสสาวะทันที หรือทุกๆ 2-3 ชั่วโมง สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด ได้แก่

        • ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ หรือ ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่
        • น้ำต้มสุก

        ขั้นตอนการทำความสะอาดก้น

        แนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาด ควรใช้สำลีแผ่นแผ่นใหญ่พิเศษเพื่อให้สะดวกในการเช็ดอุจจาระออกได้เยอะ ไม่เลอะมือแม่ และควรเลือกใช้สำลีที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน และปราศจากกาว สารเรืองแสง และใยสังเคราะห์ เพื่อให้อ่อนโยนต่อผิวบอบบางของเด็กวัยแรกเกิด  ด้วยเทคโนโลยี Aqua Knitting ซึ่งใช้น้ำแรงดันสูงถักทอใยฝ้ายบริสุทธิ์ 100% จนเป็นสำลี  อย่างดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ มีเนื้อสัมผัสที่หนานุ่ม อ่อนโยน ไม่เป็นขุยติดผิว และที่สำคัญไม่เสี่ยงต่อการระคายเคืองที่ผิวก้น

        และสำหรับบริเวณซอกต่างๆ เช่น ซอกขาหนีบ ซึ่งอาจจะมีอุจจาระหรือปัสสาวะเข้าไปตกค้าง บริเวณนี้ยากต่อการทำความสะอาด จึงควรใช้ ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่ ชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาด ควรเช็ดบริเวณนี้อย่างเบามือและซับให้แห้งทันที เพราะเป็นบริเวณที่ง่ายต่อการเสียดสีและอับชื้น

        วิธีเช็ดก้นทารก

        ข้อควรระวัง ควรเช็ดก้นลูกจากด้านหน้าไปทางด้านหลัง ไม่ควรเช็ดย้อนไปที่จุดซ่อนเร้น เพราะเชื้อโรคที่อยู่ในอุจจาระอาจทำให้บริเวณจุดซ่อนเร้นอักเสบ และติดเชื้อได้

        ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่

        วิธีทำความสะอาด “ตา” ทารกแรกเกิด-1 ขวบ

        ใช้ ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ หรือ ดีนี่ สำลี ก้อนใหญ่ ชุบน้ำต้มสุก บีบหมาดๆ เช็ดตาข้างที่สะอาดมากกว่าก่อน และเช็ดจากจุดที่สะอาดกว่าไปหาจุดที่สะอาดน้อยกว่า สำลีที่เช็ดตาแต่ละข้างเมื่อใช้แล้วให้ทิ้งไปเลย เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคจากตาที่มีเชื้อมาสู่ตาข้างที่ดี

        วิธีเช็ดทำความสะอาดดวงตาทารก

        ที่สำคัญคือไม่ควรใช้สำลีแผ่นที่มีแถบกาวอยู่ด้านข้างหรือสำลีรีดขอบ เพราะบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบางมาก ๆหากใช้สำลีแผ่นที่รีดขอบอาจบาดตาของลูกน้อยได้จึงควรใช้สำลีแผ่นที่ปลอดภัย ปราศจากกาวและสารเคมีด้วย

        วิธีทำความสะอาดจมูกทารก

        ขั้นตอนการทำความสะอาดจมูกทารก

        การทำความสะอาดจมูกนั้น ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน จึงแนะนำให้ทำในกรณีที่ลูกเป็นหวัด มีน้ำมูกอุดตัน หรือในกรณีที่ลูกมีน้ำมูกแข็งอุดตัน  เพราะลูกจะงอแงหายใจได้ลำบาก ควรใช้สำลีก้านชุบน้ำเกลือ เช็ดทำความสะอาดรูจมูกของลูกให้โล่ง เลือกใช้ ดีนี่ สำลีก้านจิ๋ว ก้านแข็ง หนานุ่ม ทำจากฝ้ายบริสุทธิ์ 100% ที่อ่อนโยน และไม่ระคายเคืองผิว เช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ

        เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะเผลอแหย่สำลีก้านเข้าไปลึกจนเกินไป จนอาจทำให้ลูกเจ็บได้ แนะนำให้จับบริเวณต้นหรือกลางของก้าน ไม่ควรจับบริเวณปลายของก้าน

        ดีนี่สำลีก้านจิ๋ว

        วิธีทำความสะอาด “หู” ทารก

        ในขณะที่อาบน้ำให้ทารก เรามักจะหลีกเลี่ยงการล้างบริเวณหูของทารกเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าไปในหูของลูกได้ บริเวณใบหูจึงไม่ได้รับการทำความสะอาดได้ดีเท่าที่ควร คุณพ่อคุณแม่จึงควรเช็ดบริเวณใบหูด้านนอก ด้วยดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษชุบน้ำสะอาดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง โดยเช็ดอย่างเบามือ ทั้งหูด้านซ้ายและหูด้านขวา และอย่าลืมว่าต้องเปลี่ยนสำลีแผ่นใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนข้างเช็ด หรือน้องๆ คนไหนที่มีใบหูที่เล็กจนยากจะทำความสะอาด ขอแนะนำให้ใช้ดีนี่ สำลีก้านจิ๋วค่อยเช็ดความเบามือ

        ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ

        สำหรับบริเวณในรูหู ไม่ควรใช้สำลีก้านแหย่เข้าไปในรูหู เพราะอาจจะไปถูกแก้วหูทะลุทำให้หูหนวกได้ การเช็ดหูทารกนั้นให้เช็ดเฉพาะที่ใบหูด้านนอกก็พอแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเช็ดเข้าไปด้านในหรือแคะขี้หูให้ลูก

        สำลีนับเป็นไอเท็มที่คุณแม่มือใหม่ควรมีติดบ้านไว้ เพราะสามารถนำมาใช้เช็ดทำความสะอาดลูกน้อยได้แทบจะทุกจุดของร่างกาย การเลือกใช้สำลีที่ปลอดภัยปราศจากกาวและสารเคมี เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดและผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายอย่าง ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่ และ ดีนี่ สำลีก้านเล็กจิ๋ว จะทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าสามารถทำความสะอาดบริเวณที่บอบบางได้สะอาดหมดจด ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกต่อไป

        คุณแม่สามารถหาซื้อ ดีนี่ สำลีแผ่นใหญ่พิเศษ ดีนี่ สำลีก้อนใหญ่ และ ดีนี่ สำลีก้านจิ๋ว ที่ได้ Tesco Lotus,  Robinson, Central และ Gourmet Market และร้านค้าชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : DneeThailand และ Line : @DneeThailand

        ดีนี่ สัมผัสแห่งความอ่อนโยน

          ลูกชอบโกหก พูดไม่จริง เด็กอายุเท่าไหร่ถึงตั้งใจโกหก

          ลูกพูดไม่จริง อย่าเพิ่งตีความว่า ลูกชอบโกหก เด็กอาจไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงก็ได้ แล้วเด็กอายุเท่าไหร่ถึงมีแนวโน้มว่า ตั้งใจโกหก

          ลูกชอบโกหก หรือลูกแค่พูดไม่จริง

          พ่อแม่หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมลูกถึงชอบโกหก ไม่พูดความจริง หรือเล่าเรื่องราวในจินตนาการ แต่การโกหกของเด็กนั้นอาจจะเป็นแค่การพูดไม่จริง ด้วยพัฒนาการของลูกที่ยังสับสนระหว่างเรื่องจริงกับสิ่งที่คิด

          สำหรับช่วงอายุของเด็กที่มีแนวโน้มว่าตั้งใจโกหกนั้น จะมีอายุที่เกิน 13 ปีขึ้นไป เพราะเด็กที่อายุระหว่าง 2 – 12 ปี จะพูดเรื่องราวที่ไม่ตรงกับความจริงได้ เพราะเด็กเริ่มมีความทรงจำที่ถูกต้องหลังจากอายุ 12 ปี หรือในช่วงที่พัฒนาการเรื่องอวกาศและเวลาดีแล้ว ลูกในวัยก่อน 12 ปีจึงไม่ได้โกหกแค่พูดไม่จริงเท่านั้นเอง โดยเฉพาะช่วงอายุ 2 – 6 ขวบ เด็กจะยังไม่สามารถแยกแยะความจริงออกจากจินตนาการได้

          เพราะอะไรลูกถึงโกหก

          แพทย์หญิงปรานี ปวีณชนา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ ระบุว่า เด็กส่วนใหญ่โกหกเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้โกหกเพราะเจตนาร้าย จึงควรให้ความสนใจกับเหตุผลที่แท้จริง พร้อมสอนเด็กเรื่องวิธีการแก้ปัญหา มากกว่าเพ่งเล็งว่าเด็กโกหกเพราะนิสัยไม่ดี รวมถึงเรื่องของพัฒนาการตามวัยที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ เพราะเด็กแต่ละวัยมีพัฒนาการด้านความคิด ความสามารถในการแยะแยะเรื่องจริงกับไม่จริง และการจัดการปัญหาแตกต่างกัน เช่น เด็ก 4 ปี บอกว่าขี่มังกร ยังถือว่าเป็นไปตามพัฒนาการปกติ แต่ถ้าเด็ก 12 ปี ยังพูดแบบนี้ถือว่าแปลก

          ลูกชอบโกหก

          สาเหตุของการโกหก

          เด็กบางกลุ่มมีความเสี่ยงต่อพฤติกรรมโกหกมากกว่าเด็กทั่วไป เช่น เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า ปัญหาการเรียน ปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์

          การรับมือเมื่อลูกโกหก

          1. รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยคุยกัน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก หากพูดคุยด้วยอารมณ์จะกลายเป็นระบายอารมณ์ ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง ถ้าผู้ใหญ่ดุมากจะทำให้เด็กกลัวจนโกหกมากขึ้น
          2. คุยข้อเท็จจริงด้วยน้ำเสียงปกติว่าปัญหาที่พบคืออะไร และถ้าแก้ปัญหาด้วยการโกหก ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
          3. ให้โอกาสเด็กชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจว่าเด็กโกหกเพราะอะไร พร้อมสอนวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกว่าให้
          4. ทำให้เด็กกล้าเล่าเรื่องจริง ด้วยการทำให้เด็กรู้ว่าผู้ใหญ่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น หากบอกความจริงจะไม่ถูกว่า เพื่อให้เด็กรู้สึกสบายใจ
          5. มีบทลงโทษหากโกหกอีก พูดคุยถึงข้อตกลง หากเด็กโกหกซ้ำจะถูกลงโทษอย่างไร เช่น การตัดค่าขนม
          6. สอนด้วยการยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม บอกเหตุและผลที่จะตามมาให้เข้าใจได้ตามวัย เช่น คุยกับเด็กอายุ 7 ปี ที่ทำแก้วแตกแล้วบอกไม่ได้ทำว่า “ถ้าหนูทำแก้วแตก แล้วปกปิดไว้ คนอื่นอาจถูกแก้วบาดเลือดไหล หนูต้องบอกแม่ตามความจริง แม่จะเก็บกวาดให้”
          7. คุยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง แค่พ่อกับแม่ที่คุยกับเด็ก ไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกประจาน
          8. ไม่พูดว่าลูกเป็น เด็กขี้โกหกหรือเด็กเลี้ยงแกะ ผู้ใหญ่ต้องเชื่อมั่นว่าเด็กเป็น “เด็กดี” มีศักยภาพที่จะกล้าหาญ พูดความจริงได้ และให้โอกาสเด็ก
          9. ลูกมีอารมณ์เสียใจ สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ สอนลูกเรื่องอารมณ์ ทั้งความรู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิดว่า อารมณ์พวกนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เด็กต้องเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหา
          10. ผู้ใหญ่ต้องไม่โกหก เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก

          ลูกชอบโกหก

          3 วิธีสอนลูกไม่ให้เป็นเด็กขี้โกหก

          โรงพยาบาลสมิติเวช ระบุว่า การพูดความจริงไม่ง่ายเอาเสียเลย ผู้ใหญ่เองบางครั้งก็กลัวสิ่งที่จะตามมาเมื่อผู้ฟังหรือผู้รับสารได้รับรู้เรื่องที่เราพูด เรากลัวผู้ที่ฟังหงุดหงิด กังวลว่าฟังแล้วจะไม่พอใจ ไม่สบายใจ กลัวผู้ฟังบางคนจะรับไม่ได้ กลัวการขัดแย้ง หรือแม้กลัวว่าจะถูกดุด่าว่าร้าย รวมถึงการกลัวถูกลงโทษ จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไม เด็กๆ ชอบพูดโกหก ไม่พูดความจริงในบางเรื่องบางเหตุการณ์ จึงต้องหาวิธีที่จะทำให้เด็กกล้าที่จะพูดความจริง

          1. พ่อแม่ควรรับฟังเรื่องราวของลูก เพื่อให้ลูกเล่าว่าทำอะไรมา รับฟังพร้อมชื่นชมที่ลูกกล้าและยอมพูดความจริง ลูกจะได้เรียนรู้ว่าเขาสามารถพูดความจริงได้ ไม่ต้องปิดบัง จนพฤติกรรมดี ๆ นี้ก็จะกลายเป็นธรรมชาติและนิสัยที่ดีติดตัวไป จะดียิ่งขึ้นเมื่อถามวิธีแก้ปัญหาครั้งนั้น โดยอาจช่วยลูกวางแผนร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
          2. บ่มเพาะสอนให้เด็กรู้จักคุณธรรมศีลธรรม การสอนหรือยกตัวอย่างสิ่งที่ดีและไม่ดี มีบาปบุญคุณโทษ ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ดี โดยพ่อแม่ผู้ปกครองมีผลกับเด็กและมีส่วนให้เกิดนิสัยที่ซื่อสัตย์ต่อความจริงด้วย
          3. สื่อสารให้เด็กรับรู้ว่าการโกหกเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ แต่ไม่ต้องตำหนิหรือลงโทษรุนแรงจนลูกรู้สึกกลัวที่จะพูดความจริง และเพื่อให้เด็กจดจำไว้ประพฤติปฏิบัติ ควรให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้จากสิ่งที่ทำ และเมื่อโตขึ้น พฤติกรรมและนิสัยที่ดีจะติดตัว รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร

          สิ่งสำคัญคือความใกล้ชิดของคนในครอบครัว ถ้าพ่อแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ลูกจะรู้สึกมั่นคงและมั่นใจว่าได้รับความรัก ความหวังดี ทำให้กล้าบอกกล้าเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง นอกจากนี้ หากรู้ว่าลูกเคยโกหกก็ไม่ควรระแวงหรือจ้องจับผิด ควรสร้างความไว้วางใจ เด็กจะได้กล้าบอกเรื่องจริง ไม่โกหกซ้ำอีก

          อ้างอิงข้อมูล : ร้านนายอินทร์, manarom และ samitivejhospitals

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

          สอนลูกให้กล้า ไม่กลัวความล้มเหลว ปูหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิต

          รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เมื่อการตีเป็นผู้ร้ายพ่อแม่จะทำอย่างไร

          7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ

          ชวนเล่น เกมพัฒนาสมอง ลูกน้อยให้อัจฉริยะด้วย”ตะเกียบ”

            ประกันสังคม

            ประกันสังคม เพิ่มเงินคลอดบุตร-ฝากครรภ์ ให้แม่รับปีใหม่!!

            ข่าวดีรับปีใหม่สำหรับแม่ ๆ ทุกคน ประกันสังคม มอบของขวัญปีใหม่ 5 กล่อง เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร เพิ่มเงินค่าคลอดบุตร เพิ่มค่าฝากครรภ์ และลดเงินสมทบ!! อ่านรายละเอียดด่วน!!

            ประกันสังคม เพิ่มเงินคลอดบุตร-ฝากครรภ์ ให้แม่รับปีใหม่!!

            ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ ประกันสังคม ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรให้กับผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุ 0-6 ปี จากเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 800 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แม่เฮ! เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 600 เป็น 800 เริ่ม 1 มค. 64) ในวันที่ 24 ธันวาที่ผ่านมา ทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ก็ได้ออกมาประกาศข่าวดีเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 แก่ผู้ประกันตนในระบบกองทุนประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังต่อไปนี้

            เงินสงเคราะห์บุตร
            เงินสงเคราะห์บุตร
            1. เงินสงเคราะห์บุตร

            เดิม สำนักงานประกันสังคม จะจ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี เดือนละ 600 บาท ต่อคน โดยจ่ายคราวละไม่เกิน 3 คน

            ใหม่ ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร ให้กับผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี เป็น 800 บาทต่อคน โดยจ่ายคราวละไม่เกิน 3 คน

            ในการนี้มีผู้ประกันตนได้รับประโยชน์จำนวน 1.362 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,739 ล้านบาท/ปี ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,432 ล้านบาท ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีบุตรโดยจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

            สำหรับระยะการจ่ายเงินกรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรที่ปรับเพิ่มของงวดเดือนมกราคม 2564 ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป (จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 800 บาท ในเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป)

            2. ค่าคลอดบุตร

            คลอดบุตรประกันสังคม

            คลอดบุตรประกันสังคมเดิม เหมาจ่ายค่าคลอดบุตรครั้งละไม่เกิน 13,000 บาทต่อครั้ง

            ใหม่ ปรับเพิ่มค่าคลอดบุตรเป็น 15,000 บาท ต่อครั้ง นอกจากนี้ ผู้ประกันตนหญิงที่เป็นคุณแม่ ยังมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย (ค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท) เป็นระยะเวลา 90 วัน ซึ่งจะใช้สิทธิกับบุตรได้เพียง 2 คนเท่านั้น ถ้ามีบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์หยุดงานแล้ว ตัวอย่างเช่น มีเงินเดือน 15,000 บาท ก็จะได้เงินสงเคราะห์หยุดงานรวมทั้งหมด 22,500 บาท (7,500×3 เดือน)

            การดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน พ.ศ.2563 ซึ่งในปี 2564 คาดว่า มีผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทนจากกรณีคลอดบุตร 293,073 คน/ปี คิดเป็นเงิน 4,396 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคม จ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 586.146 ล้านบาท

            ** มีผลบังคับใช้ 1 มค. 64 ** 

            3. ค่าฝากครรภ์

            เดิม ประกันสังคม จะจ่ายค่าฝากครรภ์ โดยจะแบ่งจ่ายตามอายุครรภ์เป็นครั้ง ๆ ดังนี้

            • ครั้งที่ 1 อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท
            • ครั้งที่2 อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
            • ครั้งที่ 3 อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท

            จ่าย 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,000 บาท

            ใหม่ ปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์ เป็น 5 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท

            คาดว่าจะมีผู้ประกันตนได้รับสิทธิประมาณ 122,114 ครั้ง/ปี เป็นเงิน 36.6 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 17.89 ล้านบาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

            บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 รายชื่อหมอสูติ หมอฝากครรภ์ฝีมือดี ที่แม่ท้องบอกต่อ

            4. เงินสมทบ

            เดิม การจ่ายเงินสมทบของแต่ละฝ่าย มีดังนี้

            • นายจ้าง – 5%
            • ผู้ประกันตนมาตรา 33 – 5%
            • ผู้ประกันตนมาตรา 39 – 9%

            ใหม่ ปรับลดเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เหลือร้อยละ 3 และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ลดลงเหลือ 278 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2564)

            เพื่อช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในการจ่ายเงินสมทบรวมเป็นเงินจำนวน 15,660 ล้านบาท

            5. สิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน

            คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามที่ ประกันสังคม กระทรวงแรงงานเสนอ โดยสาระของร่างดังกล่าว กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย และหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาด ของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เป็นผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงาน และไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น

            โดยให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างดังกล่าว มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ สั่งปิดพื้นที่ ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 1 ปีปฏิทินมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ทุกครั้งรวมกันไม่เกิน 90 วัน

            ดังนั้น หากร่างกฎกระทรวงฯ มีผลใช้บังคับจะทำให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จากการที่หน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตราย คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ จำนวน 700,727 ครั้ง ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย คิดรวมเป็นเงินกว่า 5,225 ล้านบาท

            บทความที่เกี่ยวข้อง : ขึ้นทะเบียนว่างงาน ผู้ประกันตน ประกันสังคม ทำได้อย่างไร?

            ประกันสังคม
            ประกันสังคม

            เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับของขวัญปีใหม่เอาใจแม่ ๆ จาก ประกันสังคม แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร การฝากครรภ์นั้น มีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ได้รับมาจาก ประกันสังคม อยู่มาก แต่อย่างน้อยเงินจำนวนนี้ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับแม่ ๆ ได้ไม่มากก็น้อย และหากต้องการสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อไปที่สายด่วน 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

            วิธีเช็คเงินสมทบ-ค่าคลอดบุตร ผ่าน แอพเช็คประกันสังคม

            วิธี เช็คสิทธิ์ประกันสังคม ง่ายๆ แต่ละมาตรา 33 39 40 ต่างกันอย่างไร?

            เงินอุดหนุนบุตร 2564 ลงทะเบียนยังไง ใช้เอกสารอะไร ไปที่ไหน เงินเข้าเมื่อไหร่ เช็กเลย!

            ฝากครรภ์ฟรี! คลอดบุตรฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

             

            ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม, Facebook สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน, www.sanook.com

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              สีผมตามวันเกิด

              ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

              การทำทรงผมและเลือกสีผมให้เหมาะนั้นช่วยเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดี แต่จะดีกว่าไหม? หากเลือก สีผมตามวันเกิด และทรงผมที่ช่วยเสริมดวง เสริมบารมี หนุนนำทรัพย์ได้ด้วย

              ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

              ทรงผมและสีผมที่เหมาะกับรูปหน้าและบ่งบอกความเป็นตัวเราได้ดีนั้น จะช่วยเสริมเสน่ห์ บุคลิกภาพ และความมั่นใจของผู้ทำได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า การเลือกสีผมและทรงผมให้ถูกโฉลกกับตนเอง นั้นสามารถช่วยเสริมดวง เสริมบารมี เสริมโชคลาภ เพิ่มเสน่ห์ และยังหนุนนำทรัพย์ให้กับผู้ทำได้ด้วยเช่นกัน ทีมแม่ ABK ขอถือคติเชื่อไว้ไม่เสียหายค่ะ จึงขอแนะนำ ทรงผม สีผมตามวันเกิด เพื่อให้แม่ ๆ ได้เป็นแนวทางในการทำผม เพื่อเสริมความมั่นใจ และเสริมดวงให้กับตนเองและครอบครัว

              เสริมชะตาประจำวันเกิดด้วย สีผมตามวันเกิด สีผมเสริมดวง ทรงผมเสริมดวง

              ทรงผมตามวันเกิด
              ทรงผมตามวันเกิด

              “คนเกิดวันอาทิตย์”

              สาววันอาทิตย์มักเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน เพื่อนฝูงเยอะ รักความท้าทาย ชอบความโลดโผน และเบื่อความจำเจสุดๆ แต่เห็นแบบนี้ก็เป็นคนที่จริงใจและซื่อสัตย์แบบสุดๆ เลยนะ

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันอาทิตย์ : ทรงผมที่เหมาะควรมีความหยักโศกเล็กน้อย หรือจะเป็นทรงซอยสั้นก็ได้ จะส่งผลให้ทำการสิ่งใดก็จะราบรื่น

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ผมยาวมาก ผมเป็นลอนเหมือนคลื่นน้ำ และสีผมดำสนิท

              สีผมเสริมดวง : น้ำตาล, สีโทนแดง

              สีผมที่ห้ามทำ : สีดำเข้ม สีทึบ

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุไฟ

              “คนเกิดวันจันทร์”

              สาววันจันทร์มีเสน่ห์เหลือร้าย เพราะเป็นคนช่างพูดช่างคุย แถมเป็นคนหลายบุคลิก บางครั้งก็เข้มแข็งเเกร่งกล้าเกินใคร แต่ในบางครั้งก็อ่อนหวานน่าทะนุถนอม

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันจันทร์ : ผมตรงยาวระดับกลาง ๆ หรือจะให้เห็นภาพคือผมบ๊อบนั่นเองค่ะ สามารถไว้ยาวถึงระดับที่ต้องการได้ จะตัดเป็นหน้าม้าเพิ่มความหน้าเด็กด้วยยิ่งดี ทรงนี้จะเสริมเรื่องวาสนา กระทำการสิ่งใดก็จะราบรื่นค่ะ

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ดัดหยิก หรือเป็นคลื่นลอน

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : สีดำ, โทนสีเข้ม ๆ

              สีผมที่ห้ามทำ : โทนสีสว่าง

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุดิน

              สีผมเสริมดวง
              สีผมเสริมดวง

              “คนเกิดวันอังคาร”

              สาววันอังคารเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง พูดจาเข้าขั้นขวานผ่าซากแต่ลึก ๆ แล้วเป็นคนจริงใจ รักใครรักจริงจัง รักความท้าทายจะให้ทำอะไรตามที่สั่งจะขัดใจมาก และด้วยบุคลิกที่ดูเข้มแข็งและเชื่อมั่นในตัวเองมาก ๆ เลยทำให้คนที่เกิดวันนี้ดูเป็นคนหัวร้อน คู่รักที่เหมาะกับคนวันนี้จะต้องเป็นคนใจเย็น ไม่ทำตัวเว่อร์วังจนเกินไป

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันอังคาร : เหมาะกับทรงผมที่มีความพริ้วไหวได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเคลื่อนไหว เช่น ผมซอยสไลด์ปลาย ให้มีความเบา จะส่งผลเรื่องการเพิ่มพลังด้านวาสนา ช่วยเพิ่มโชคลาภ

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ผมเรียบ, เกล้ามวย

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : สีแดง, สีน้ำตาล, สีทอง

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุลม

              “คนเกิดวันพุธ”

              สาววันพุธเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังของความสร้างสรรค์ ช่างสังเกตเรียนรู้เร็ว และเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดีเพราะปรับตัวได้เร็ว มีเสน่ห์ในการพูด มีไหวพริบดี เป็นคนที่มีทักษะการเข้าสังคมได้ดีเลิศ ปรับตัวเก่ง ช่างสังเกตละเอียดละออถึงขั้นสามารถรับรู้อะไรได้เร็วกว่าคนทั่วไป ในด้านความรักคนเกิดวันนี้เข้าขั้นช่างเลือกถึงจะถูกใจง่ายแต่ใช่ว่าจะรักใครง่าย ๆ แต่หากได้รักไปแล้วก็จะทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก คู่รักที่เหมาะกับคนวันนี้ต้องมีความเป็นเพื่อน เฮฮา สนุกสนาน ไปไหนไปกันถึงจะคบกับคนวันพุธได้นาน

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันพุธ : ควรทำผมให้เป็นคลื่นลอนเล็กน้อย เซ็ตปัดไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่ไม่ควรไว้ยาวจนเกินไป ทรงผมนี้จะช่วยดึงดูดด้านโชคลาภ และนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ทรงผมที่ชี้ขึ้น และทรงผมปิดหน้าผาก

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : ได้ทุกสี

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุน้ำ

              สีผมตามวันเกิด
              สีผมตามวันเกิด

              “คนเกิดวันพฤหัสบดี”

              คนเกิดวันพฤหัสบดี เป็นคนที่มีความเอื้ออารี มีน้ำใจ สติปัญญาดีหากสนใจหรืออยากรู้อะไรแล้วจะมีความมุ่งมั่นจริงจังในการศึกษาให้ถึงแก่นเลยทีเดียว และภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูมีโลกส่วนตัวสูงเลยทำให้คนอื่นคิดว่าหยิ่ง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น ด้านความรักหากฝ่ายตรงข้ามเก่งไม่เท่ากัน หรือไม่เก่งกว่าก็อย่าได้หวังเลยว่าจะคบกันได้

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันพฤหัสบดี : ทรงผมที่เหมาะกับสาววันนี้คือทรงเกล้ามวยแบบเรียบร้อย เปิดหน้าผากแบบปาดไปด้านหลัง จะช่วยดึงดูดความดีและสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ผมดัดหยิก และผมยาวถึงกลางหลัง

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : ได้ทุกสีแต่โทนสีเข้มจะดีที่สุด

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุดินแข็ง

              “คนเกิดวันศุกร์”

              สาววันศุกร์เป็นคนรักสวยรักงาม รสนิยมดี บุคลิกดีใครเห็นก็อยากเข้าหา แต่เห็นแบบนี้คุณก็เป็นคนทันคนไม่ใช่เล่นแต่คุณก็มีวิธีจัดการกับคนที่คิดไม่ดีกับคุณได้แบบเนียน ๆ คนเกิดวันศุกร์ ดวงความรักมักอาภัพ ได้เจอกับความรัก ที่หลากหลาย แต่ไม่ค่อยเจอคนที่ถูกใจ ผู้ใหญ่มักให้ความเอ็นดูด้วยความที่เป็นคนอ่อนหวาน พูดจาน่าฟัง แต่ไหวพริบเรื่องทันคนก็ไม่เป็นรองใคร ด้านความรักบุคลิกภายนอกต้องมาก่อนคนทีจะมาจีบต้องมีรสนิยมดี และยิ่งถ้าเข้าสังคมเก่งด้วยละก็เอาใจไปเลย

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันศุกร์ :ทรงผมที่ดีสุด ๆ สำหรับสาววันศุกร์นั่นคือทรงดัดลอนคลื่นใหญ่ จะปัดไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ หากเป็นทรงสั้นควรเซ็ตให้เป็นคลื่นปิดหน้าผากบางส่วน ทรงนี้จะช่วยเหนี่ยวนำเรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ผมตรง และผมชี้ตั้ง

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : ได้ทุกสียกเว้นสีแดง

              สีผมที่ห้ามทำ : สีโทนแดง

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุน้ำ

              ทรงผมเสริมดวง
              ทรงผมเสริมดวง

              “คนเกิดวันเสาร์”

              สาววันเสาร์มีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว ความอดกลั้นอดทนมีอย่างที่สุด และไม่ยอมถูกเอาเปรียบง่าย ๆ แต่ถึงแม้ภาพลักษณ์จะดูเข้มแข็งขนาดนี้แต่ลึกแล้วเป็นคนเปราะบางอยู่ไม่น้อย คนเกิดวันเสาร์ เป็นคนประหยัด ไม่ใช้เงินเกินตัว มีความรักหวานซึ้ง แต่ไม่ใช้รักที่ตื่นเต้นเร้าใจ เป็นคนมั่นคงจริงจัง หากมีงานไหนที่ต้องการคนที่มีความรับผิดชอบสูงต้องยกให้คนที่เกิดวันนี้ ส่วนความรักคนเกิดวันนี้ด้วยความที่เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ฉะนั้นคนที่จะมาจีบต้องเป็นคนโรแมนติก เอาใจเก่งถึงจะคบกันยืด

              ทรงผมที่เหมาะกับสาววันเสาร์ : ทรงผมที่เหมาะกับสาววันเสาร์ต้องเป็นทรงที่ไม่เรียบง่ายจนเกินไปควรมีการซอยไล่ระดับหรือดัดลอนผสมด้วยก็ได้เช่นกัน ซึ่งทรงนี้จะช่วยเพิ่มพลังด้านดีออกมาให้กับตัวเอง

              ทรงผมที่ควรเลี่ยง : ดัดลอนคลื่นใหญ่ และทำสีทอง

              สีผมที่ช่วยเสริมดวง : สีโทนแดง

              ธาตุประจำวันเกิด : ธาตุไฟ

              นอกจากสีผมตามวันเกิด ทรงผมเสริมดวง กันแล้ว ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ ทรงผมเสริมราศี ที่เชื่อกันว่าสาว ๆ แต่ละราศี มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ถ้าได้ทำ ทรงผมตามราศี ที่จะช่วยเสริมดวง เพิ่มความเหมาะและถูกโฉลกกับบุคลิกภาพของตัวเอง ก็จะทำให้สาว ๆ มีความมั่นใจ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จมากขึ้น

               

              สีผมตามวันเกิด
              สีผมตามวันเกิด

              ทรงผมตามราศี ทรงผมเสริมราศี ทรงผมไหนทำแล้วถูกโฉลกกับราศีเกิด?

              ราศีมังกร

              สาวราศีมังกร ตามพื้นดวงแล้วสาว ๆ ราศีนี้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและค่อนข้างมีระเบียบ ทรงผมที่เหมาะสมที่สุดของราศีนี้คือ ทรงผมยาวตรงเป็นธรรมชาติ ไม่ควรตัดหน้าม้าหรือนำผมมาปิดหน้า ควรทำทรงผมเปิดหน้า จึงทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นผู้นำและน่าเชื่อถือมากขึ้นนั่นเอง

              ราศีกุมภ์

              ชาวราศีนี้คือราศีที่รักอิสระเสรีภาพที่สุด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดังนั้นทรงผมที่เหมาะกับสาวราศีกุมภ์ คือทรงผมที่ทำให้ตัวเองดูกระฉับกระเฉง พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา เช่น ผมสั้นประบ่า อาจเพิ่มความชิคให้กับตัวเองด้วยการดัดลอนตรงปลายเล็กน้อย หรือจะทำสีผมดิปตรงปลาย ๆ ก็เรียกความปังได้อีกแบบ ชาวราศีนี้ไม่เหมาะกับการไว้ผมยาว

              ทรงผมตามราศี
              ทรงผมตามราศี

              ราศีมีน

              ธาตุน้ำเป็นธาตุประจำราศีนี้ เป็นคนที่มีเสน่ห์ในตัวเอง อ่อนไหวกับสิ่งต่าง ๆ ง่าย ดังนั้นทรงผมของชาวราศีมีนจึงต้องดูพลิ้วไหวเป็นคลื่นแบบน้ำ จึงจะเป็นการเสริมดวงให้ปังตลอดปี อาจทำเป็นทรงผมลอนยาวเป็นคลื่นดูสลวย หรือเพิ่มความน่าค้นหาด้วยการทำสีผมเล็กน้อย และหมั่นบำรุงผมให้ดูเงางามมีน้ำหนักอยู่เสมอ ไม่ควรทำผมบ็อบสั้น หรือทำสีผมแรง ๆ

              ราศีเมษ

              ผมสั้นเหมาะกับชาวราศีเมษเป็นที่สุด เพราะสาว ๆ ที่เกิดในราศีนี้จะเหมาะกับทรงผมที่แสดงออกถึงความมั่นใจ ความกระฉับกระเฉง แถมยังรักความท้าทาย คนเกิดราศีนี้จึงเหมาะกับทรงผมที่ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากมากอย่างการตัดผมสั้นนี่แหละ สบายสุด ไม่ควรไว้ผมยาวและดัดลอนหลวม ๆ

              ราศีพฤษภ

              ทรงผมที่ช่วยเสริมดวงของชาวราศีพฤษภก็คือผมยาวประบ่า เป็นทรงเรียบง่ายแบบไม่ต้องดูแลมาก ว่ากันว่าสาว ๆ ที่เกิดในราศีนี้หากเจออะไรที่ถูกใจแล้ว ก็จะชอบไปตลอดไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับทรงผม หากเจอทรงผมที่ถูกใจแล้วก็จะไว้ทรงเดิมตลอดเลยแหละ ทรงผมที่ไม่เหมาะสำหรับสาวราศีนี้คือ ผมยาวจนเกินไป เช่น ยาวเลยกลางหลังและไม่ควรทำผมสีฉูดฉาด

              ราศีเมถุน

              สาวราศีเมถุนจะเหมาะกับทรงผมรวบขึ้นหรือเปิดหน้า อาจเกล้ามวยผมขึ้นไปเฉย ๆ เพราะสาวราศีเมถุนเป็นสาวร่าเริง ช่างพูดช่างคุยเป็นคนสดใสอยู่เสมอ การรวบผมขึ้นไปอาจเป็นการเปิดหน้ารับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามามากขึ้นนั่นเอง ไม่ควรทำผมหน้าม้าปิดหน้า

              ราศีกรกฎ

              ผู้หญิงอ่อนหวาน น่ารัก เรียบร้อย คือคำจำกัดความถึงสาวราศีกรกฎ ดังนั้นทรงผมที่เหมาะสมที่สุดก็ต้องเป็นผมลอนยาวสลวยน่าสัมผัส อาจทำเป็นลอนเล็กหรือใหญ่ก็ทำได้หมด การไว้ผมยาวและทำลอนนั้นจะยิ่งทำให้สาวราศีนี้ดูเป็นผู้หญิงที่น่าทะนุถนอมมีเสน่ห์น่าดึงดูด ไม่ควรทำผมสั้นและทำสีผมแรงจนเกินไป

              ราศีสิงห์

              สาวราศีสิงห์จะเป็นคนมีเสน่ห์มักเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างเสมอ ความเป๊ะเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมของสาวราศีนี้คือที่หนึ่ง เพราะฉะนั้นการไว้ผมยาวถึงกลางหลังก็จะยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ ดูมีอำนาจมากขึ้น อาจจะมัดผมเป็นหางม้าปล่อยปลายผมสะบัดไปมาก็จะดูเป็นนางพญาดูโดดเด่นกว่าใคร สาวราศีนี้ไม่ควรตัดผมซอยสั้น และทำไฮไลท์ที่ปลายผม

              ทรงผมเสริมราศี
              ทรงผมเสริมราศี

              ราศีกันย์

              ผมหน้าม้าสิเหมาะกับชาวราศีกันย์ สาวราศีนี้เป็นเทพธิดาแห่งความงดงาม และมีความเป็นผู้หญิงค่อนข้างสูง เป็นคนมองโลกตามความเป็นจริง เเนะนำให้ไว้ผมหน้าม้าจะเหมาะมาก อาจทำเป็นทรงผมหน้าม้าและดัดลอนหน่อย ๆ เพิ่มเสน่ห์อีกนิดด้วยการทำสีผมอ่อน ๆ เช่น สีน้ำตาล ก็จะช่วยเสริมดวงให้ทำงานราบรื่นไม่ติดขัดตลอดปี ทรงผมที่ไม่เหมาะสำหรับสาวราศีนี้คือ ผมสั้นไล่ระดับและดัดลอนยุ่ง ๆ

              ราศีตุลย์

              ทักษะการสื่อสารเป็นที่หนึ่ง พูดจามีเสน่ห์น่าฟังต้องยกให้สาวราศีตุลย์ ด้วยความที่ช่างพูดจา ทรงผมที่เหมาะกับสาวราศีนี้คือ ผมสั้นระดับคาง อาจรวบผมแบบมัดแค่ครึ่งหัวให้ดูคล่องแคล่ว ก็ยิ่งช่วยเสริมบุคลิกที่ดูมั่นใจขึ้นไปอีกแบบโดยไม่ต้องจัดแต่งหรือประดับอะไรมากมาย สาวราศีนี้ไม่ควรไว้ผมยาวตรง

              ราศีพิจิก

              ทรงผมที่เหมาะสมสำหรับสาวเซ็กซี่และน่าค้นหาอย่างชาวราศีพิจิกคือผมบ็อบสั้นเท่านั้น เพราะทุนเดิมของสาวราศีนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์อยู่แล้ว ยิ่งได้ตัดผมสั้นเปรี้ยว ๆ หรือทำสีผมเพิ่มเติมก็จะยิ่งทำให้ดูมีเสหน่ห์มากขึ้นไปอีก เตรียมตัวรับความปังตลอดปีได้เลย ไม่ควรไว้ผมยาวและดัดลอนอ่อน ๆ

              ราศีธนู

              สาว ๆ ราศีธนูจะเป็นคนที่รักการผจญภัยเป็นที่สุด ทรงผมทีเหมาะกับสาวราศีนี้คือ การไว้ผมยาวแล้วปล่อยผม อาจเพิ่มความน่าค้นหาด้วยการติดกิ๊บข้างใดข้างหนึ่ง ให้ดูสนุกสนานและแสดงถึงความรู้สึกมีความสุข ร่าเริง ขี้เล่นของสาวราศีนี้ได้ดีอีกด้วย ไม่ควรไว้ผมสั้นดัดลอนหยิก

               

              เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับทรงผมและ สีผมตามวันเกิด ทรงผมเสริมราศีกันแล้ว ใครเกิดวันอะไร ราศีอะไร ก็สามารถเลือกทำทรงผมและสีผมตามกันได้ค่ะ ทั้งนี้ เรื่องแบบนี้เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนค่ะ

              อ่านต่อบทความดี ๆ น่าสนใจ คลิกเลย

              แก้ปีชงด้วย “สีเสื้อมงคลปี 2564” ใส่แล้วงานปัง รับทรัพย์รัวๆ

              ชี้เป้ารวย! สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2564 เลือกสีไหนให้ถูกโฉลก?

              ชื่อจริงลูกชาย 250 ชื่อมงคล ตั้งให้ลูก โตไปมีอำนาจ ได้เป็นเจ้าคนนายคน

              พาลูก ไหว้พระ 11 วัด ในกทม. ขอพรเสริมสิริมงคลให้ชีวิต

               

              ขอบคุณข้อมูลจาก : www.nanitalk.com, www.priceza.com, horoscope.trueid.net

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                ชวนเล่น เกมพัฒนาสมอง ลูกน้อยให้อัจฉริยะด้วย”ตะเกียบ”

                เกมพัฒนาสมอง ลูกน้อยช่วยให้สมองทั้งซีกซ้ายและขวาของลูกได้พัฒนาไปพร้อมๆกันในคราวเดียว แต่เชื่อไหมไม่ต้องไปหาอุปกรณ์แพงๆที่ไหนใช้เพียงแค่”ตะเกียบ”ก็เพียงพอ

                ชวนเล่น เกมพัฒนาสมองลูกน้อยให้อัจฉริยะด้วย”ตะเกียบ”

                สมอง ของมนุษย์เรานั้นจะพัฒนามากที่สุดถึง 80% ในช่วงวัยเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี นับว่าเป็นช่วงวัยแห่งความมหัศจรรย์ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ โดยสมองของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
                • สมองซีกซ้าย จะเป็นส่วนที่รับรู้ทางด้านศาสตร์การคิดต่าง ๆ เช่น เชิงเหตุผล การวิเคราะห์ภาษา การเขียน การคำนวณ หรือการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
                • สมองซีกขวา จะเป็นส่วนที่รับรู้ทางด้านศิลปะ เช่น จินตนาการ คุณธรรม ศิลปะ อารมณ์สุนทรีย์ เป็นต้น

                  เกมพัฒนาสมอง ลูกน้อยให้อัฉริยะ
                  เกมพัฒนาสมอง ลูกน้อยให้อัฉริยะ

                 

                ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการหาวิธีการ เทคนิคต่าง ๆ มาใช้ช่วยในการฝึกสมองของลูกน้อยของตนให้สามารถพัฒนาศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เตรียมพร้อมเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ต่อไป

                สมองลูกน้อยกับ…ตะเกียบ

                นอกจากตะเกียบจะเป็นอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารแล้ว ก็มีงานวิจัยในต่างประเทศทำการศึกษาค้นคว้า และพบว่าการใช้ตะเกียบยังช่วยในการพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการฝึกใช้ตะเกียบในช่วงวัยเด็ก โดยขณะที่เรากำลังใช้ตะเกียบในการคีบอาหารอยู่นั้นสมองก็จะเริ่มทำงานโดยมันจะไปเชื่อมโยงกับเซลล์ประสาทที่อยู่บริเวณนิ้วมือโดยตรง ในขณะที่เราคีบอาหารอยู่นั้นก็เปรียบเสมือนเป็นการกระตุ้นเส้นประสาทบริเวณปลายมือไปในตัว และการใข้นิ้วคีบตะเกียบยังเป็นการฝึกกล้ามเนื้อที่เรียกว่า Fine-Motor ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อเล็กบริเวณมือให้ทำงานได้ดีขึ้น การขยับตะเกียบหนึ่งครั้งต้องใช้ข้อต่อกว่า 30 ข้อ และใช้กล้ามเนื้อถึง 60 มัด  นอกจากนั้นยังทำให้การเชื่อมโยงของสมองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะมันจะช่วยส่งผลที่ดีไปยังกระบวนการทางความคิด และความจำได้เป็นอย่างดี การใช้ตะเกียบจึงเป็นการเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนสูง และมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาสมอง

                 

                กรณีศึกษา – ฝึกใช้ตะเกียบ พัฒนาสมองในเด็กเล็กจีน ทุกวันนี้ พ่อแม่ต่างลงทุนซื้อสื่อการเรียนรู้มามากมาย เพื่อหวังจะพัฒนาสมองของลูกน้อย แต่มีเครื่องมือนึงที่พวกเราไม่ค่อยรู้กันที่ช่วยพัฒนาได้ดีเยี่ยมคือ ตะเกียบ !! ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กกล่าวว่า ตะเกียบเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการพัฒนาสมองของเด็ก เนื่องจากตะเกียบมีประสิทธิภาพในการพัฒนาสมองของเด็กมากกว่าสื่อการสอนบางอย่างที่มีราคาแพง VDO นี้เป็นการใช้ตะเกียบของเด็กเล็กจีนอายุราว 2 ขวบ ที่ใช้ตะเกียบได้อย่างคล่องแคล่ว ที่เห็นแล้วน่าทึ่งว่า ทำได้ขนาดนี้กันได้อย่างไร

                ข้อมูลอ้างอิงจาก Thanong Chotisorayuth

                ในขณะที่ปัจจุบัน ต่างประเทศหันมาให้ความสนใจกับการใช้ตะเกียบเพิ่มมากขึ้น มีการวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ตะเกียบมากมาย จนกระทั่งหนังสือเกี่ยวกับวิธีการใช้ตะเกียบ เพราะเป็นวิธีการฝึกลูกน้อยที่ให้ผลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสมอง การฝึกสมาธิ และประโยชน์อีกมากมาย ดังนั้นประเทศไทยเราที่มีความคุ้นเคยใกล้ชิดกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารด้วยตะเกียบ เหตุใดเล่าถึงจะไม่สนใจในประโยชน์ของการใช้ตะเกียบมาเป็นตัวช่วยในการฝึกสมองให้แก่ลูกน้อยของเรา

                ประโยชน์ของการใช้ตะเกียบในเด็กเล็ก

                1. ทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกน้อยสามารถพัฒนาได้ดีกว่า
                2. ช่วยฝึกสมาธิ
                3. ช่วยฝึกให้พัฒนาการการประสานสายตา มือดีขึ้น และเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น
                4. จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทางด้านสมอง การประสานสายตา มือ เท้าพบว่าการใช้ตะเกียบ จะทำให้มีข้อต่อมากกว่าสามสิบข้อ และกล้ามเนื้อห้าสิบเส้นบนไหล่ ฝ่ามือ และนิ้วทำงานร่วมกัน ซึ่งหมายความว่าการขยับตะเกียบในหนึ่งครั้งย่อมทำให้สมองทำงานอย่างแข็งขัน และกล้ามเนื้อมัดเล็กก็เช่นกัน
                5. ความสามารถในการจับดินสอสี ดินสอ กรรไกร และเครื่องมืออื่น ๆ ของลูกจะพัฒนาดีขึ้นอย่างมาก เพราะได้รับการฝึกฝนการหยิบจับมาก่อนแล้วจากการใช้ตะเกียบ
                6. สร้างความมั่นใจให้แก่ลูก เพราะในระหว่างทานอาหารร่วมกันในครอบครัวบนโต๊ะอาหาร เขาก็สามารถใช้อุปกรณ์ในแบบเดียวกับพ่อแม่ และสมาชิกคนอื่นที่เป็นผู้ใหญ่ได้เช่นกัน นั่นย่อมนำมาซึ่งการนับถือตนเองของเด็กอย่างแน่นอน
                7. ทักษะใหม่ของลูกอย่างการใช้ตะเกียบนี้ ยังสามารถช่วยสร้างเส้นทางใหม่สู่สมองให้แก่ลูกอีกด้วย การเชื่อมต่อนี้มีความสำคัญต่อความสามารถในระดับที่สูงขึ้น เช่น การแก้ปัญหาการควบคุมตนเอง และการสื่อสาร

                ฝึกลูกใช้ตะเกียบได้เมื่อไหร่กันนะ?

                ธรรมชาติของเด็กวัย 3-4 ปี ร่างกายของเด็กวัยนี้มีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถเดินและวิ่งได้ เริ่มเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ ชอบเล่นกับเพื่อน ช่างสงสัย ชอบถาม เลียนแบบ เพราะต้องการจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ดังนั้น การเริ่มสอนให้ลูกหัดใช้ตะเกียบในวัยนี้จึงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า เมื่อไปสอนตอนที่เขาโต และคุ้นชินกับการใช้ช้อนส้อมไปเสียแล้ว โดยพ่อแม่อาจค่อยเป็นค่อยไปในการสอนลูกใช้ตะเกียบ โดยเริ่มจากการเป็นแบบอย่าง ใช้ตะเกียบรับประทานอาหารให้ลูกได้เห็น ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เขาอยากลองทำตาม
                ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กอายุ 3-4 ปี จะใช้ตะเกียบของผู้ใหญ่ได้ จึงควรให้เด็กเริ่มจากใช้ตะเกียบหัดคีบที่สามารถเกี่ยวนิ้วมือเข้ากับห่วงได้ (ตะเกียบฝึกหัดสำหรับเด็ก) ซึ่งตะเกียบหัดคีบ ช่วยทำให้เด็กเข้าใจว่าจะต้องจับตะเกียบอย่างไรได้ง่ายขึ้น
                ตะเกียบ ตัวช่วยพัฒนาสมอง
                ตะเกียบ ตัวช่วยพัฒนาสมอง

                เกมพัฒนาสมอง จาก…ตะเกียบ

                นอกจากการเป็นตัวอย่างที่ดีในการให้ลูกฝึกใช้ตะเกียบในระหว่างมื้ออาหารแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่ดี และแต่ละบ้านควรนำไปใช้ คือ การสร้างเกมฝึกฝนการใช้ตะเกียบให้คล่อง ยิ่งลูกได้รับการฝึกบ่อยเท่าไหร่ เขาก็จะชำนาญ และร่างกายจะได้เรียนรู้ สมองก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วยเช่นกัน การใช้เกมมาช่วยดึงดูด ไม่สร้างความกดดันจนเกินไปแก่ลูกก็เป็นเรื่องที่ดีอีกต่างหาก

                 

                เกมพัฒนาสมอง จากตะเกียบ
                เกมพัฒนาสมอง จากตะเกียบ

                 

                อุปกรณ์

                1. ถาด
                2. ตะเกียบ (หากเริ่มต้นอาจใช้ตะเกียบหัดคีบก่อนก็ได้ แล้วค่อยเปลี่ยนใช้ตะเกียบปกติ)
                3. ชาม หรือถ้วยขนาดเล็ก
                4. ปอม ปอม
                5. ก้อนสำลี
                6. แป้งโดว์ปลอดสารพิษ (นำมาปั้นเป็นรูปทรงชิ้นเล็ก ๆ ต่าง ๆ ตามใจชอบ)
                7. ไหมพรม (ตัดเป็นเส้น ๆ สั้นประมาณ 2-3 นิ้ว )
                8. ไข่ช็อคโกแลต (หรือปรับเปลี่ยนตามความสะดวก แต่ให้มีลักษณะกลม วัสดุไม่ลื่นจนเกินไป)
                9. ยางลบลายซูซิ

                วิธีเล่น

                ให้ลูกนั่งตรงข้ามพ่อแม่ แล้ววางถาดเกมพัฒนาสมองไว้ตรงหน้าลูก บอกให้เขาเข้าใจถึงวิธีการใช้ตะเกียบ โดยอาจแสดงตัวอย่างให้ดูก่อน ด้วยการคีบของที่ได้เตรียมไว้ (โดยฝึกให้คีบทีละชนิด)จากถ้วยหนึ่งไปยังอีกถ้วยหนึ่งที่วางไว้ในถาดไม่ห่างกันนัก แล้วลองให้ลูกทดลองทำดู ครั้งแรก ๆ อาจจะยังไม่คล่องให้ลองฝึกไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มชำนาญ คล่องขึ้น

                ชวนคีบหม้อไฟกันเถอะ (ตัวอย่างของเล่นฝึกใช้ตะเกียบ)

                ถ้าหากต้องการเพิ่มความสนใจให้แก่ลูกน้อยอีกสักนิดในการฝึกฝนการใช้ตะเกียบ การเลือกใช้ของเล่นสีสันสดใส หน้าตาน่ารัก น่าดึงดูดก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่ดีตัวหนึ่งของพ่อแม่ อย่างเช่น Chopstick Manner Oden Nabe Game โอเด้งในหม้อไฟนาเบะ เป็นของเล่นที่คนญี่ปุ่นทำขึ้นมาเพื่อฝึกให้เด็กสามารถใช้ตะเกียบได้เป็นไวขึ้น โดยเกมนี้สามารถเล่นได้พร้อมกัน 4 คน เรียกได้ว่า นอกจากฝึกฝนลูกในเรื่องการใช้ตะเกียบแล้ว ยังได้เพิ่มเสริมสร้างความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกให้เล่นด้วยกันได้อีกด้วย นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเล่นที่มีออกมามากมายในการช่วยลูกฝึกใช้ตะเกียบ ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ หลายค่ายด้วยกัน ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ลองเลือกหาดู เอาแบบที่เหมาะสมกันตามใจชอบได้เลย

                ตะเกียบ อุปกรณ์ไม้เพียงแค่สองแท่งที่ซ่อนประโยชน์ไว้มากมายแก่ลูก ๆ ของเรา เครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาสมองที่ไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง และยังใช้ในการเล่นสนุกด้วยเกมพัฒนาสมองต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบตามแต่เราจะประยุกต์ใช้ เช่น การเล่นแบตมินตันลูกโป่งโดยใช้ตะเกียบ การส่งต่อถั่ว หรือแม้แต่การวาดรูปด้วยตะเกียบ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการสอนเด็กใช้ตะเกียบไปในทางเล่นเกมจะสอนได้ผลดีมากกว่าที่จะสอนเด็กใช้ตะเกียบตามหลักการ และถ้าเด็กได้เล่นฝึกใช้ตะเกียบกับพ่อแม่ ความสามารถในการใช้ตะเกียบจะพัฒนาขึ้น และแน่นอนว่าพัฒนาการทางด้านสมองจะมีส่วนช่วยเรื่องพัฒนาการทางด้านอารมณ์ได้ด้วย

                ข้อมูลอ้างอิงจาก littlemontessorihouse.net/rajanukul.go.th
                  ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน

                  ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน ความเชื่อโบราณให้คนท้องกลั้นหายใจข้ามตัวสามี

                  เกล กลั้นหายใจเดินข้ามตัว แมน การิน ตามความเชื่อ ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน เคล็ดลับบรรเทาอาการแพ้ท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์

                  ความเชื่อโบราณ ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน!

                  หนึ่งในอาการสำคัญของแม่ท้อง ที่ต้องทรมานกันตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกก็คือ อาการแพ้ท้อง ซึ่งอาการแพ้ท้องของคนท้องแต่ละคนจะมีมากน้อยแตกต่างกัน แต่บางคนก็แพ้ท้องรุนแรง จนอยากหาเคล็ดลับให้สามีแพ้ท้องแทน บรรเทาอาการแพ้หนัก ๆ ของแม่ท้องสักหน่อย

                  ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน
                  อาการแพ้ท้อง

                  ล่าสุดว่าที่คุณพ่อป้ายแดงอย่าง แมน การิน ก็ทนเห็นภรรยาโอ้กอ้ากทั้งวันไม่ไหว จึงยอมนอนให้คุณแม่ เกล รดา กลั้นหายใจเดินข้ามตัวเองไปตามความเชื่อที่ว่า หากคนท้องได้ข้ามสามีจะทำให้สามีแพ้ท้องแทนได้ โดยได้โพสต์ภาพน่าเอ็นดู ขณะที่คุณแม่ เกล รดา กำลังบีบจมูกกลั้นหายใจ ก้าวเท้าข้ามลำตัวไป พร้อมข้อความว่า

                  “#สารีวิว ตามความเชื่อ เขาบอกว่าให้คนท้องกลั้นหายใจ และเดินข้ามสามี แล้วสามีจะแพ้ท้องแทน!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ อะไรที่ทำให้ศรีแพ้ท้องน้อยสุด สายอมทุกอย่างคร้าบ #เอ็นดูศรี #ช่วงนี้ต้องดูแลดีๆ #ช่วงนี้ศรีไม่ดุ ปล.ระหว่างข้าม ถ้าเหนื่อยก็แวะนั่งพักบนตัวสาก่อนได้นะศรี สาอยากเยี่ยมลูกพอดี #หยอกๆๆ #สาศรีกะเจ้าแสบ”

                  สามีแพ้ท้องแทน
                  ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน

                  ก่อนหน้านี้ก็มีคุณพ่อคนดังคนอื่น ที่ทำตามเคล็ดลับให้สามีแพ้ท้องแทน อย่างคุณพ่อ ชาย-ชาตโยดม ที่อยากแพ้แทนคุณแม่วิกกี้ในตอนที่ท้องน้องตฤณ และได้ทำตามความเชื่อที่ว่าให้ภรรยาเดินข้ามแล้วจะแพ้ท้องแทน

                  สำหรับความเชื่อเรื่องข้ามสามีให้แพ้ท้องแทนนั้น มีคนเฒ่าคนแก่บอกต่อกันมาหลายอย่าง เช่น คนโบราณแนะนำให้ตื่นนอนตอนเช้าแล้วเดินข้ามสามี จะให้ได้ผลดีต้องเป็นตอนเช้า ส่วนการข้ามสามีนั้นฝ่ายแม่ท้องต้องกลั้นหายใจแล้วเดินข้ามสามีไป แต่ถ้าต้องการแก้คืนให้ก้าวข้ามสามีคนละฝั่งกับตอนที่ข้ามในครั้งแรกแต่ให้กลั้นหายใจเช่นเดิม

                  อาการแพ้ท้องของทั้งตัวแม่ท้องเอง และสามีที่แพ้ท้องแทนภรรยานั้น เกิดขึ้นได้กับบางคน แต่บางครอบครัวก็ไม่แพ้ท้องเลย มาดูกันค่ะว่า สาเหตุของอาการแพ้ท้องนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง

                  แพ้ท้อง เกิดจากอะไร

                  รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายถึงอาการแพ้ท้อง (Morning Sickness) ว่า วงการแพทย์มีการศึกษาและเชื่อกันว่าน่าจะมีสาเหตุได้ 2 ประการ

                  1. การแพ้ท้องเป็นกลไกของร่างกายคุณแม่ที่จะปฎิเสธสิ่งที่คุณแม่จะกินเข้าไปทุกชนิด เพราะกลัวว่าจะไปทำอันตรายต่อตัวลูกน้อยในท้อง ส่วนมากแล้วช่วงเวลาที่คุณแม่แพ้ท้องมักจะเป็นช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังมีการสร้างอวัยวะต่าง ๆ มากมาย ภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว การสร้างอวัยวะต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว การแพ้ท้องก็มักจะหายตามไปด้วย
                  2. ปริมาณของฮอร์โมนที่สร้างมาจากรกที่ชื่อว่า Human Chorionic Gonadotrophin หรือเรียกย่อๆว่า HCG ยิ่งมีเนื้อรกมากก็จะยิ่งสร้างฮอร์โมน HCG ได้มาก อาการแพ้ท้องก็จะยิ่งมากตามไปด้วย โดยคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดซึ่งรกมักมีขนาดใหญ่ หรือเป็นโรคครรภ์ไข่ปลาอุก (การตั้งครรภ์ผิดปกติที่ไม่มีตัวเด็กมีแต่รกที่มีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ) ซึ่งภาวะทั้ง 2 นี้มีการสร้างฮอร์โมน HCG มากทั้งคู่ ทำให้มีอาการแพ้ท้องมาก

                  ลักษณะของอาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อย

                  ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ระบุว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ฮอร์โมนในการตั้งครรภ์แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือ สภาวะด้านจิตใจของคุณแม่ที่มีความวิตกกังวล ความเครียด ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้อง ซึ่งมีอาการเหล่านี้

                  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
                  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา
                  • ไม่อยากอาหาร รู้สึกขมในปาก
                  • รู้สึกไวต่อกลิ่น เหม็นบางสิ่ง หรือรู้สึกหอมกับบางสิ่งได้ไว

                  สำหรับอาการแพ้ท้องมักเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก หรือไตรมาสที่ 1 ของการตั้งครรภ์ แต่คนท้องบางคนก็แพ้ยาวไปจนถึงวันคลอดได้เช่นกัน

                  ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน
                  อาการแพ้ท้องของหญิงตั้งครรภ์

                  วิธีแก้อาการแพ้ท้อง

                  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน โดยรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ลดของทอด เลี่ยงของมัน
                  • เน้นอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการครบ 5 หมู่ แบ่งรับประทานเป็นมื้อย่อย ในปริมาณครั้งละน้อย ๆ จำนวนมื้อที่บ่อยขึ้น
                  • จิบน้ำขิงอุ่น ๆ หรือน้ำผลไม้คั้นสดร่วมด้วย

                  หากแพ้ท้องมากจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้ อาเจียนตลอดเวลา ควรรีบพบสูติแพทย์เพื่อรับยาแก้แพ้ช่วยบรรเทาอาการอาเจียน ยาช่วยย่อย ยาขับลม และคุณหมออาจให้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนเพลีย ซึ่งเกิดจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เพราะอาเจียนบ่อยจนร่างกายขาดอาหาร

                  ทําไมแพ้ท้องแทนเมีย

                  งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จส์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อปี 2550 เผยว่า อาการแพ้ท้องแทนภรรยานั้น เกิดขึ้นได้กับว่าที่คุณพ่อหลายคน ทั้งอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นตะคริว ปวดหลัง อารมณ์แปรปรวน หิวตลอดเวลา และหน้ามืดวิงเวียน แต่ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่สามีแพ้ท้องแทนภรรยา เป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับความกังวลและเป็นห่วงเป็นใยภรรยาที่ตั้งครรภ์

                  การแพ้ท้องแทนภรรยานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่เมืองไทยอาจเกิดจากความผูกพันทางด้านจิตใจ ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกัน หรือด้วยความเครียด เป็นห่วง รักใคร่ ก่อเกิดเป็นความวิตกกังวล ทั้งยังพักผ่อนน้อยเพราะต้องคอยดูแลคุณแม่ท้อง จึงทำให้สามีแพ้ท้องแทนภรรยาได้เช่นกัน หากทั้งสามีและภรรยามีอาการแพ้ท้อง ควรดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ดื่มน้ำบ่อย ๆ และพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้อาการแพ้ท้องดีขึ้นได้

                  อ้างอิงข้อมูล : tmwa.or.th, paolohospital, thaihealth.or.th และ si.mahidol.ac.th

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                  อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                  คนท้องทํางานเข้ากะได้ไหม อันตรายแค่ไหนถ้าแม่ท้องทำงานดึก ทำงานหนัก

                  ครรภ์เป็นพิษเกิดจากอะไร ประสบการณ์ครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์

                  ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย พัฒนาการลูกจะเป็นอย่างไร อันตรายไหม

                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย

                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย เริ่มเป็นเด็กก้าวร้าว เพราะติดไอแพด

                    แม่แชร์อุทาหรณ์! ลูกดูไอแพด ดูทีวีมากไป สารในสมองเปลี่ยน ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย เริ่มเป็นเด็กก้าวร้าว

                    อย่าเลี้ยงลูกด้วยไอแพด! ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย ลุกลามกลายเป็นก้าวร้าว

                    แม่แชร์เรื่องจริงที่เจอกับตัว เมื่อลูกชายวัย 1 ขวบครึ่ง มีอาการสมาธิสั้น เริ่มก้าวร้าว เพราะติดจอ! ไม่ว่าจะเป็นมือถือ ไอแพด หรือแม้กระทั่วทีวี ก็มีผลต่อเด็กทั้งนั้น โดยคุณแม่เล่าประสบการณ์ว่า ลูกชายวัยขวบครึ่ง มีพัฒนาการที่ดีตามวัยมาโดยตลอด เดินและพูดพร้อมกันได้ตอน 11 เดือนกว่า ๆ พูดได้ในบางคำ เช่น แม่ ป่ะ ไป หม่ำหม่ำ น้ำหนักและส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์ได้ดีมาก พอมาช่วงขวบต้น ๆ แม่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเกี่ยวกับการเปิดทีวี และให้น้องดู YouTube เพลงคำศัพท์ต่าง ๆ เปิดในทีวีปกติ พอมาตอนหลังเริ่มมีการใช้ไอแพดเปิดให้ดูสลับบ้าง

                    ปรากฎว่าช่วง 2 เดือนหลัง ลูกเริ่มชะงักพัฒนาการพูด เริ่มมีสมาธิสั้น เหมือนเวลากินก็ไม่อยากกิน อารมณ์เสีย หงุดหงิดง่ายมาก เริ่มกลัวและไม่ชอบให้คนอื่นที่ไม่คุ้นเคยเข้าใกล้และสัมผัสตัว พอไม่ได้ดั่งใจจะตะโกนร้องโหวกเหวกเสียงดัง และเริ่มทำร้ายตัวเองและคนอื่น นี่คือสิ่งที่หนักสุดที่แม่เจอ จนกระทั่งแม่เริ่มรู้สึกว่า ลูกผิดปกติจากวัยของเค้าไป และได้ตัดสินใจพาลูกไปฉีดวัคซีนตามนัดปกติ พร้อมกับปรึกษาคุณหมอ

                    หมอบอกว่า ลูกกำลังไม่เป็นตัวเอง สมาธิสั้น และเหมือนเริ่มจะเป็นเด็กก้าวร้าว ซึ่งก่อนหน้านี้ตรงกันข้ามมากกับสิ่งที่เป็น และถามว่าแม่ให้ดูทีวีกับไอแพดไหม เราจึงตอบว่าใช่ค่ะ ลูกเพิ่งเป็นแบบนี้ในระยะสั้น ๆ นี้เอง หมอบอกว่า โอเค งั้นพอแก้ไขได้ สิ่งทั้งหมดที่เป็นสาเหตุจากการดูทีวี ดู YouTube มาก ทำให้ได้รับสารบางอย่างที่ผิด เหมือนการดูทีวีมันตัดและเปลี่ยนช่องไว ลูกก็เสพภาพและเสียงสิ่งเหล่านี้ไป มันไปกระตุ้นประสาททางอารมณ์และสมอง

                    วิธีแก้ หมอสั่งไม่ให้ดูทีวี ไม่ให้ดูไอแพดโดยเด็ดขาดในตอนนี้ ให้เปลี่ยนมาวาดภาพระบายสี ลูกจะขีดเขียน ฉีกกระดาษยังไงให้ปล่อย เพราะมันคือจิตนาการของเด็ก ให้เล่นตัวต่อ เล่นของเล่นฝึกสมาธิ เพราะตอนนี้เริ่มสมาธิสั้น อ่านหนังสือนิทาน และให้ยาช่วยทานข้าวได้ เพราะน้ำหนักน้อย ลูกกินนมวันหนึ่งน้อยมาก ข้าวแทบจะไม่กินเลย คำแนะนำเพิ่ม ถ้าโวยวายอาละวาด ให้เดินหนีและไม่สนใจ ลูกจะค่อย ๆ หายเอง อย่าดุ อย่าตี อย่าว่า ให้ใจเย็นและกอด แนะนำในทางที่ถูกให้ความรักความอบอุ่น แล้วทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น

                    ตอนนี้เราเริ่มทำมาได้ 1 วัน ลูกโวยวายน้อยลง ทุกคนในบ้านหักดิบ ไม่เปิดทีวี ไม่เปิดไอแพด งดเล่นมือถือเวลาอยู่กับลูก ลูกเริ่มหันมาทานข้าวเพิ่มขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทานนมเยอะขึ้นมากและบ่อย ก็พาลูกไปเล่นทำกิจกรรมตามหมอแนะนำ และแม่หวังว่า ลูกจะกลับสู่ภาวะปกติ ไม่สับสนกับการไม่เป็นตัวเองและก้าวร้าว

                    คุณแม่ยังได้อัปเดตเรื่องราวของลูกกับทีมแม่ ABK ด้วยว่า ในช่วง 1-2 วันแรก แม่เครียดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกมีอารมณ์ขี้หงุดหงิดโมโหร้าย ขัดใจหรือไม่ตามใจจะอาละวาด ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ ตามด้วยทำร้ายคนอื่นต่อ พอผ่าน 3 วันแรกที่งดการเปิดทีวี มือถือ ไอแพด มาตลอด 24 ชั่วโมงเต็ม 3 วันติด ลูกมีอาการดีขึ้น อารมณ์เย็นลง เวลาถูกขัดใจหรือไม่ตามใจ แม่ก็เลือกปฎิบัติตามคำแนะนำหมอทุกอย่าง ลูกเย็นลงเองและหยุดพฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง แต่ยังมีแอบกัดแม่อยู่บ้างเล็กน้อย ในส่วนของยาที่หมอจ่ายมาด้านการทานอาหาร ก่อนหน้านี้ทานนมแค่รอบละ 4 ออนซ์ต่อ 2ชั่วโมง แต่เปลี่ยนมาทานนม 5-6 ออนซ์ต่อชั่วโมง เรื่มทานเก่งขึ้น และสนใจกับการทานมากขึ้น ส่วนการนอนหลับ เมื่อก่อนนอนยากมาก ต้องเขย่าอุ้มเดินกล่อมตลอด ตอนนี้นอนหลับเองง่าย ๆ ใน10 นาที และเข้านอนเร็ว ตื่นเช้าตามปกติ เหมือนเด็กทั่วไป เมื่อก่อนเข้านอนเที่ยงคืน ตื่น 10 โมง และเวลาเรียกจะตื่นยากมาก

                    ฝากแม่ ๆ อย่านิ่งนอนใจกับลูก ให้สังเกตพฤติกรรมลูกและอย่าเอาใจในทางที่ผิด เพราะจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน บางเรื่องเล็ก ๆ ที่มองข้าม จะทำให้ลูกกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยใจคอแบบไหน ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังเลี้ยงดูของพ่อแม่และคนในครอบครัว

                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย
                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย เพราะไอแพด

                    ลูกใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เสี่ยงโรคสมาธิสั้น

                    ข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่า การใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมีผลทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น มีเพียง 15-20% เท่านั้นที่สามารถหายขาดเองได้ แต่ 80-85% ไม่สามารถรักษาได้ และจะเป็นโรคสมาธิสั้นจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แน่นอนว่า การเลี้ยงลูกด้วยมือถือหรือแท็บเล็ต จะส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างมากมาก โดยเฉพาะด้านความคิด การวางแผน และการจัดการบริหารชีวิต จากความผิดปกติของสมองส่วนหน้า

                    นายภูชิชย์ ฝูงชมเชย นักกิจกรรมบำบัด จากศูนย์พัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลพญาไท 2 แนะนำวิธีสังเกตอาการสมาธิสั้นในเด็กว่า ต้องพิจารณาอายุของเด็กกับระยะเวลาของกิจกรรมที่เด็กทำก่อนว่ามีระยะเวลานานเกินไปหรือไม่ โดยนำอายุเด็กมาคูณด้วยสาม ซึ่งจะเท่ากับจำนวนนาทีที่เด็กสามารถอยู่ในสมาธิได้ เช่น เด็ก 5 ขวบ ควรมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับการทำกิจกรรมได้ 15 นาที ส่วนวิธีสังเกตว่าลูกมีอาการสมาธิสั้น ให้ดู 2 วิธีนี้ ซึ่งเป็นการสังเกตเบื้องต้น โดยเด็กจะต้องมีอาการเหล่านี้ก่อน 12 ขวบ และแสดงอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน

                    1. สังเกตว่าเด็กมีอาการขาดสมาธิหรือไม่ โดยเด็กจะมีอาการ 6 ใน 9 ข้อ ได้แก่ ละเลยในรายละเอียดหรือทำผิดด้วยความเลินเล่อ, มีความยากลำบากในการตั้งสมาธิ, ดูเหมือนไม่ฟังเวลาคนอื่นพูดด้วย, ทำตามคำสั่งไม่จบหรือทำกิจกรรมไม่เสร็จ, มีความยากลำบากในการจัดระเบียบงานหรือกิจกรรม, หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายาม, มักทำของหายบ่อยๆ, วอกแวกสนใจสิ่งเร้าภายนอกง่าย และหลงลืมทำกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำ
                    2. เด็กมีอาการซน อยู่ไม่นิ่ง และหุนหันพลันแล่นหรือไม่ โดยจะต้องมีอาการ 6 ใน 9 ข้อ ประกอบด้วย ยุกยิก ขยับตัวไปมา, นั่งไม่ติดที่ ชอบลุกเดิน, ไม่สนใจเมื่อมีผู้พูดด้วย, ไม่สามารถเล่นเงียบๆ ได้, เคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลา, พูดเยอะเกิน, พูดโพล่งขึ้นมาก่อนถามจบประโยค, มีความยากลำบากในการรอคอย และขัดจังหวะหรือพูดแทรกผู้อื่นในกลุ่มสนทนาหรือกลุ่มเล่น

                    หากพบว่าลูกเข้าข่ายอาการของสมาธิสั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาต่อไป ยิ่งรู้ได้เร็วยิ่งรักษาได้ทัน

                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย

                    7 วิธีรับมือลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อห้ามเล่นมือถือ

                    ส่วนเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยเฉพาะเด็กที่ติดมือถือ เมื่อพ่อแม่ห้ามเล่นมือถือ ยิ่งแสดงออกถึงพฤติกรรมรุนแรงนั้น ทางแพทย์หญิงถิรพร ตั้งจิตติพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง เมื่อลูกหลานมีพฤติกรรมดังกล่าว สามารถช่วยลูกได้คือ

                    1. ยอมรับอารมณ์ความรู้สึกของลูก นั่นคือให้พ่อแม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เวลาลูกถูกขัดใจ ลูก ๆ จะมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิด โมโห แต่สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาคือ วิธีที่ลูกแสดงออกถึงอารมณ์ ดังนั้น การสะท้อนความรู้สึกของลูกในขณะนั้น เช่น “แม่รู้ว่าหนูโกรธที่ถูกห้ามเล่น” จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกรู้จักอารมณ์ของตนเองและรู้ว่าพ่อแม่เข้าใจตน ซึ่งการรับรู้อารมณ์ของตนเป็นพื้นฐานของการฝึกการจัดการอารมณ์ที่ดี
                    2. สอนวิธีจัดการอารมณ์ที่พ่อแม่ยอมรับ เนื่องจากบางครั้งเด็กไม่รู้ว่า การแสดงออกทางอารมณ์แบบไหนที่พ่อแม่ยอมรับ พ่อแม่จึงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของการแสดงออกทางอารมณ์ โดยต้องไม่หงุดหงิด ดุ ว่าลูก สามารถมีอารมณ์ที่สงบ หนักแน่น ในการสอนลูก และเมื่อลูกโกรธ พ่อแม่สามารถบอกลูกว่า “ให้หนูหามุมสงบ เมื่ออารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยกัน”
                    3. คำสั่งของพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ ถ้าถึงเวลาให้หยุดเล่น คือหยุดเล่น ไม่ว่าลูกจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา ลูกก็ไม่ได้เล่นต่อ เพื่อไม่ให้เด็กเรียนรู้ในการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเพื่อให้ได้ตามต้องการ
                    4. ชมเชยลูก เมื่อลูกสามารถหยุดการเล่น และควบคุมอารมณ์ตนเองได้ โดยตัวอย่างการพูดชมเช่น “เก่งมากนะลูก ที่หนูเล่นตามเวลาที่กำหนดได้ หนูเป็นเด็กที่รู้จักเวลา แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ”
                    5. เมื่อเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว สิ่งที่พ่อแม่ต้องคอยมอง คือความปลอดภัยของเด็ก โดยห้ามเด็กทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่นและทำลายข้าวของ
                    6. วิธีที่ช่วยให้อารมณ์ของเด็กไม่รุนแรง คือ ก่อนอนุญาตให้เด็กใช้มือถือหรือแท็บเล็ต พ่อแม่ต้องกำหนดกฎในการใช้ให้ชัดเจน เช่น เวลาที่ใช้ ลักษณะของการใช้ การเตือนตนเองหรือพ่อแม่เตือนเมื่อใกล้หมดเวลา เพื่อให้ลูกเตรียมตัวเตรียมใจก่อนจะหยุด วิธีลงโทษเมื่อใช้เกินเวลาที่กำหนดที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้ผลของการเล่นเกินเวลา เช่น งดดูทีวี หักค่าขนม หรือทำงานบ้านเพิ่ม เป็นต้น
                    7. หมั่นฝึกวินัยลูกในด้านอื่น ๆ

                    ลูกสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย

                    หากเด็กมีอาการผิดปกติ พัฒนาการช้า มีแนวโน้มสมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย หรืออาจเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกมาปรึกษาคุณหมอให้เร็วที่สุด

                    อ้างอิงข้อมูล dmh.go.th และ thaihealth.or.th

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                    อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

                    เล่นอะไรให้ลูกฉลาด หมอแนะ! วิธีเล่นกับลูกตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี

                    5 เทคนิค พาลูกน้อยขับรถเที่ยวต่างจังหวัด ไม่เบื่อ ไม่งอแง

                    เผยผล ทดสอบ IQ เด็กยุคใหม่ต่ำกว่าพ่อแม่!!

                      เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll

                      5 เคล็ดลับเด็ดสู่การ “ปั๊มนมเกลี้ยงเต้า” มีน้ำนมแม่ให้ลูกกินได้นาน

                      รู้ไหมคะว่า “น้ำนมแม่” คือวัคซีนธรรมชาติ ที่ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดควรได้รับ ในน้ำนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนดีต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตแล้ว นมแม่ยังมีวัคซีนแรกอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งวัคซีนธรรมชาตินี้จะช่วยปกป้องและลดความเสี่ยงไม่ให้ลูกน้อยเจ็บป่วยไม่สบายได้ค่ะ

                      น้ำนมแม่มีวัคซีนซ่อนอยู่ส่วนไหนนะ ?

                      ลูกน้อยวัยทารกร่างกายยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันเองได้ จำเป็นมากๆ ที่ต้องได้รับวัคซีนค่ะ ซึ่งวัคซีนจะมาจาก “น้ำนมแม่” และจากการ “ฉีดวัคซีน” ตามช่วงวัย ซึ่งคุณแม่สามารถดูได้จากสมุดประจำตัวลูกที่จะได้รับจากโรงพยาบาล จะมีบอกไว้อย่างละเอียดว่าต้องฉีดวัคซีนอะไร ในช่วงอายุใดบ้างค่ะ

                      ส่วนวัคซีนธรรมชาติที่ได้รับจากน้ำนมแม่นั้นเป็นน้ำนมส่วนที่เรียกว่า “น้ำนมเหลือง(โคลอสตรัม Colostrum) หรือ หัวน้ำนม” ซึ่งจะมีอยู่ในช่วง 2-3 แรกวันหลังคลอด น้ำนมส่วนหัวจะมีสารภูมิคุ้มสูงมาก ดังนั้นเมื่อลูกกินนมแม่ก็จะได้ภูมิคุ้มกันจากแม่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิต้านทานโรค ลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย ไม่สบาย ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายที่เป็นปกติ ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ต่างๆ เป็นต้น

                      ให้ลูกกินนมแม่ ไม่ได้ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแร็งเท่านั้นนะคะ เพราะนมแม่ยังช่วยให้พัฒนาการการด้านร่างกาย และพัฒนาการสมอง สติปัญญาของลูกน้อยเติบโตตามช่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่ะ ทีมแม่ABKขอเป็นกำลังให้คุณแม่ทุกคนที่กำลังตั้งใจอยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ขอให้ประสบผลสำเร็จ ที่อย่างน้อยให้ลูกได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด ถึงอายุ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย แต่ถ้ามีน้ำนมแม่ให้ลูกกินไปจนถึงขวบปีแรก หรือ 2 ขวบ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ค่ะ

                      ฉะนั้นเพื่อให้คุณแม่ทุกคนได้มีน้ำนมแม่ให้ลูกกินตั้งแต่แรกคลอด สิ่งสำคัญสุดก็คือ การกระตุ้นเต้านม ซึ่งใน 1-2 ชั่วโมงหลังคลอด ขอให้เอาลูกเข้าเต้าค่ะ ปากลูกน้อยที่ดูดสัมผัสกับเต้านมแม่ ลูกจะดูดนมจากเต้าอัตโนมัติ ซึ่งในวันแรกน้ำนมแม่อาจจะยังมีไม่มาก แต่ไม่เป็นไร ขอให้กระตุ้นเต้านมทุกวันค่ะ และจากการเป็นคุณแม่มือใหม่ การให้ลูกเข้าเต้า บางครั้งลูกอาจดูดนมออกไม่หมด ทำให้น้ำนมค้างในเต้านม ซึ่งปัญหาที่ตามมา คุณแม่มักจะมีอาการคัด ปวด เต้านมแข็งเป็นไต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เพราะเมื่อเต้านมเจ็บ อักเสบ ลูกก็จะดูดน้ำนมแม่ออกมาไม่ได้  ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน น้ำนมอาจไม่มีผลิตออกมาค่ะ

                      ทีมแม่ABK แนะนำว่า ถ้าลูกดูดนมแม่ออกมาไม่หมด ก็ให้ใช้เครื่องปั๊มนมดูดน้ำนมออกมาให้เกลี้ยงเต้าค่ะ ซึ่งจะรู้ได้อย่างไรว่า “น้ำนมไม่เกลี้ยงเต้า หลังจากลูกกินนมแม่อิ่ม” คุณแม่สังเกตอาการตามนี้ นั่นคือ นมคัด , เจ็บนมบ่อยๆ , น้ำนมน้อยลง

                      , หน้าอกบวม , เจ็บลานนม , หัวนมอักเสบ และเต้านมแข็ง ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดที่ทำให้น้ำนมไม่เกลี้ยงเต้า เพื่อเป็นการป้องกันร่างกายไม่ผลิตน้ำนมแม่ เคล็ดลับที่อยากบอกให้คุณแม่รู้กันก็คือ การปั๊มนมแม่ออกมาค่ะ น้ำนมแม่ที่ได้ให้เก็บเป็นสต็อกนมแม่ให้ลูกกินไปได้นานเลยค่ะ

                      ซึ่งผู้ช่วยสำคัญในการปั๊มนมที่ดีที่สุด ก็คือการมีเครื่องปั๊มนมคุณภาพดี ที่สามารถปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้า อ่อ!! ปั๊มเกลี้ยงเต้าไม่พอค่ะ แต่ต้องช่วยถนอมเต้านมแม่ด้วยนะคะ ทีมแม่ABK ขอแนะนำเครื่องปั๊มนมที่เลิฟมากๆ เพราะใช้มาตลอดอย่าง “เครื่องปั๊มนม Attitude Mom” ใช้ดี คุณภาพดี จนได้รับรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Award 2020 สาขา BEST BREAST PUMP ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยิ่งการันตีให้กับคุณแม่ๆ ได้มั่นใจมากขึ้นค่ะ

                      เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll

                      เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll รุ่นใหม่ล่าสุด ดีที่สุดใน 2021

                      อย่างล่าสุดแบรนด์ Attitude Mom ผู้นำนวัตกรรมเครื่องปั๊มนม ได้พัฒนาในทุกๆ ฟีเจอร์จากเครื่องปั๊มนม รุ่น Galaxy ออกมาเป็น “เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll” ที่ขอบอกว่าเป็นรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในปี 2021 เลยล่ะค่ะ  แม่บ้านนี้ได้ลองใช้มาแล้ว ขอบอกว่าสมคำล่ำลือที่ว่าเป็นเครื่องปั๊มนมถนอมเต้านมแม่ และเป็นเครื่องปั๊มนมเกลี้ยงเต้า จริงๆ ค่ะ สำหรับเรื่องปั๊มนม รุ่น Galaxy ll มาพร้อมคุณสมบัติเด่นถึง 15 คุณสมบัติ  แม่นี่ร้อง ว้าว!! บอกเลยว่าเป็นเครื่องปั๊มนมที่ ปังปุริเย่มาก!!!!! ว่าที่คุณแม่มือใหม่ อยากให้ได้ซื้อมาใช้กันค่ะ

                      1. เครื่องปั๊มนมระบบ 2 มอเตอร์ แยกการทำงานได้อย่างอิสระ สามารถปรับโหมดการใช้งานที่แตกต่างได้ทั้ง 2 ข้าง
                      2. มีปุ่มเมนูสำหรับปรับโหมดการทำงานแยกในแต่ละข้าง สามารถปรับการใช้งานโหมด และระดับการทำงานที่แตกต่างได้ทั้งซ้ายและขวา
                      3. อัพเกรดเป็น 5 โหมดการทำงาน เพื่อให้คุณแม่ได้เลือกใช้ตามความต้องการ
                      • Expression Mode ระดับ 1-7 ช่วยระบายน้ำนม
                      • Massage Mode ระดับ 1-5 ช่วยนวดกระตุ้น เพิ่มปริมาณน้ำนม
                      • 2 in 1 Mode ระดับ 1-7 ช่วยเพิ่มการไหลของน้ำนมและบรรเทาอาการนมคัดตึง
                      • Double Frequency Mode ระดับ 1-7 ช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้ามากยิ่งขึ้น ป้องกันเต้านมอักเสบ
                      • New! Spin Mode ระดับ 1-3 ช่วยกระตุ้นให้การไหลเวียนของน้ำนมดียิ่งขึ้น
                      1. พิเศษ! กับ Spin Mode อัพเกรดให้สามารถปรับระดับการทำงานได้ถึง 3 ระดับ ทำงานโดยการนวดกระตุ้นด้วยแรงดูดต่ำ และดูดถี่ๆอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำนมให้เกิดการผลิตน้ำนม และช่วยให้การไหลเวียนของน้ำนมดียิ่งขึ้น
                      2. พัฒนาโหมด 2in1 จากเดิมกระตุ้น 5 ครั้ง ดูด 1 ครั้ง เป็น กระตุ้น 8 ครั้ง ดูด 1 ครั้ง ช่วยระบายน้ำนมได้ดียิ่งขึ้น !!
                      3. รอบความถี่ในการดูดสูงสุด 137 รอบต่อนาที ในโหมด 2in1 เพื่อเพิ่มการกระตุ้นการผลิตน้ำนม
                      4. แรงดูดสูงสุด 450 mmHg ต่อข้าง เสริมประสิทธิภาพให้การปั๊มนมที่ดียิ่งขึ้น
                      5. แบตเตอรี่ 5200 mAh เพิ่มประสิทธิภาพอีก 1 เท่าตัว!! พัฒนาจากเดิม 2500 mAh โดยยังใช้เวลาชาร์จเท่าเดิมเพียง 4 ชั่วโมง เท่านั้น!
                      6. สามารถปั๊มได้สูงสุด 16 รอบปั๊ม! รอบละ 30 นาที (เมื่อใช้งาน 2 มอเตอร์ สามารถใช้งานได้สูงสุด 8 รอบปั๊ม และเมื่อใช้งาน 1 มอเตอร์ สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 16 รอบปั๊ม รอบละ 30 นาที)
                      7. ใหม่! ฟีเจอร์ Switch สามารถสลับข้างปั๊มได้ เพียงกดปุ่มเดียว
                      8. ล้ำสุดถึงระบบภายใน! ใช้นวัตกรรม New! Micro Air Pump เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมอเตอร์ให้แรงดูดนุ่มที่สุด และยังช่วยลดขนาดมอเตอร์ให้เล็กลง ทำให้เครื่องปั๊มนมของเรามีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่มีประสิทธิภาพของแรงดูดที่ดีกว่าเดิม
                      9. น้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 385 กรัม ขนาดเล็ก พกพาสะดวก เสียงการทำงานเบา
                      10. ระบบ Power Protection ปิดกั้นการรับกระแสไฟจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก ช่วยป้องกันความเสียหายเบื้องต้น จากการชาร์จแบตเตอรี่โดยอุปกรณ์อื่น
                      11. หน้าจอแสดงผลชัดเจนยิ่งขึ้น มีแสงไฟช่วยให้การปั๊มนมในที่มืดสะดวกมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับรูปทรงที่ทันสมัย พร้อมปั๊มได้ในทุกสถานที่
                      12. ไว้วางใจ เครื่องปั๊มนมทุกรุ่นผ่านการรับรองมาตรฐาน

                      ทีมแม่ABK แนะนำผู้ช่วยในการปั๊มนมแม่กันไปแล้ว เรามาต่อกันด้วยการปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้ากันค่ะ เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่อยากบอกให้ว่าที่คุณแม่มือใหม่ หรือคุณแม่ที่กำลังเริ่มต้นเลี้ยงลูกด้วยแม่ แล้วเกิดปัญหานมลูกดูดนมไม่เกลี้ยงเต้าค่ะ

                      เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll

                      5 เคล็ดลับเด็ดสู่การ “ปั๊มนมเกลี้ยงเต้า

                      1. ให้ลูกดูด

                      อย่างที่ย้ำอยู่ตลอดว่า การกระตุ้นเต้านมหลังคลอดสำคัญมากๆ เพื่อให้ร่างกายผลิตน้ำนม การให้ลูกเข้าเต้าในท่าที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกสามารถดูดนมแม่ได้เกลี้ยงเต้าค่ะ ความพิเศษของการให้ลูกเข้าเต้าดูดนม ไม่ใช่แค่ให้ลูกได้กิ่นอิ่ม แต่ยังช่วยสร้างและกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยด้วยค่ะ

                      2. ใช้เครื่องปั๊มพร้อมกับให้ลูกดูด

                      การใช้เครื่องปั๊มนมไปพร้อมกับให้ลูกดูด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้าค่ะ วิธีก็คือใช้เครื่องปั๊มนมปั๊มข้างนึง อีกข้างนึงให้ลูกดูดไปด้วย ทำแบบนี้ไปพร้อม ๆ กันจะช่วยให้น้ำนมออกได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากขึ้นด้วยค่ะ

                      3. อย่ารีบจนเกินไป

                      การปั๊มนมแต่ละครั้ง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 10-15 นาทีต่อข้าง ต่อการปั๊มในแต่ละครั้ง อย่าเร่งรีบจนเกินไป เพราะการเร่งรีบอาจจะทำให้คุณแม่ได้แต่น้ำนมส่วนหน้า และนั่นอาจทำให้ลูกพลาดสารอาหารสำคัญที่มีอยู่ในน้ำนมแม่

                      4. ใช้เวลา

                      ร่างกายของแต่ละคนจะผลิตน้ำนมได้ปริมาณไม่เท่ากัน ฉะนั้นคุณแม่ก็ควรใช้ระยะเวลาในการปั๊มนมให้มากขึ้นอย่างน้อย 20-30 นาทีต่อครั้ง

                      5. เลือกเครื่องปั๊มนมให้เหมาะสม

                      การปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้า แนะนำให้ใช้เครื่องปั๊มนมที่ไม่ใหญ่หรือหนักมากไป พยายามเลือกเครื่องปั๊มนมที่ช่วยนวดกระตุ้นด้วยแรงดูดต่ำ และดูดถี่ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำนมให้เกิดการผลิตน้ำนม และช่วยให้การไหลเวียนของน้ำนมดียิ่งขึ้นค่ะ

                      สำหรับเครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll คุณแม่สามารถหาซื้อ รับบริการปรึกษาทั้งก่อนซื้อ และหลังการขาย มีแนะนำการใช้งานของตัวเครื่อง และเทคนิคการปั๊มนมต่างๆ ซึ่งคุณแม่สามารถเข้าไปสอบถาม หรือปรึกษาได้สะดวกยิ่งขึ้นที่หน้าร้าน ทั้ง 3 สาขา  ได้แก่

                      สาขา เดอะ คริสตัล รามอินทรา ติดต่อ : 092-988-9098 การเดินทาง

                      GPS : https://goo.gl/maps/4nAwjsrSkGb8TiUn7

                      สาขาธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ติดต่อ : 098-899-9158 การเดินทาง

                      GPS : https://goo.gl/maps/R2UNr7RNXRfud252A

                      สาขาอุดรธานี ติดต่อ 090-944-4971 ณ ศูนย์การค้า Mill Place Posri by LPN ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

                      *ตั้งอยู่ด้านหน้าคอนโดลุมพินี ตรงข้าม ยูดี ทาวน์ การเดินทาง

                      GPS : https://goo.gl/maps/n8U6AyXdXLe7Wwfg7

                      ความพิเศษที่ทีมแม่ABK ประทับใจมากๆ กับแบรนด์ Attitude Mom ก็คือเขามีบริการหลังการขายสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้วสามารถขอรับคำปรึกษาได้ทุกวัน สะดวกง่ายๆ ที่แอดไลน์ @Attitudemom จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาตั้งแต่เวลา 7.30 น. – เที่ยงคืนของทุกวันค่ะ

                      เอาเป็นว่าถ้าอยากได้ #เครื่องปั๊มนมเกลี้ยงเต้า #เครื่องปั๊มนมถนอมเต้า ก็ต้อง Attitude Mom รุ่น Galaxy ll นะคะ

                      เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                        รีวิว Eucerin Aquaphor สุดยอดไอเท็มมาแรงปี 2021 ที่คุณแม่ไม่มีไม่ได้แล้ว!!

                        วันนี้ทีมแม่ABK ขอเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์สักวันค่ะ เพราะได้ลองบาล์มตัวดัง ของ Eucerin  ชื่อเต็มๆ ของบาล์มกระปุกนี้ คือ Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm(ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม)

                        กระซิบบอกดังๆ เลยว่า แม่ที่มีลูกเล็กๆ ต้องห้ามพลาด!!  ให้รีบไปหาซื้อมาใช้กันด่วนเลยค่ะ เพราะถ้าอยากได้งานผิวของลูกน้อยให้มีสุขภาพดี ผิวไม่แห้งแตก ไม่ระคายเคือง ไม่เกิดผื่นผ้าอ้อม รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

                        นี่แม่บ้านนี้ใช้หมดไป 2 กระปุกแล้วค่ะ เพราะไม่ใช่แค่ใช้กับผิวลูก แต่ผิวแม่ก็ใช้ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์มด้วยเหมือนกันค่ะ อยากรู้กันไหมว่า  Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm ใช้แล้วได้ผิวสุขภาพดีกลับคืนมายังไง ทีมแม่ABK จะมาเปิดกระปุก รีวิวให้เห็นชัดๆ กันค่ะ

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balmแม่ซื้อมา 2 กระปุก แบบขนาด 7 ml. ราคา 250 บาท และขนาด 110 ml. ราคา 520 บาท หาซื้อได้ง่ายมากที่ร้านวัตสัน และ Eucerin.co.th นะคะ

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                        อาจจะส่งสัยว่าทำไมซื้อมา 2 ไซส์ คืออย่างนี้ค่ะตัวแม่เองเนี่ยผิวปากแห้งมาก แล้ว อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม เอาอยู่ไง แม่ก็เลยพกบาล์มกระปุกเล็กไว้ในกระเป๋ามาออฟฟิศด้วยทุกวัน หยิบใช้สะดวก ปากชุ่มชื้นสวยตลอดวัน ส่วนกระปุกใหญ่ก็ไว้ใช้ที่บ้านกับลูก

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                        พอบอกว่าใช้ทาแก้ปากแห้ง หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นบาล์มบำรุงริมฝีปากอย่างเดียวเหรอ !? จริงๆ ไม่ใช่ค่ะ  ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม เขาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดบาล์ม สำหรับผิวแห้งแตกโดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งรูปแบบการใช้งานจะไม่เหมือนกับการทาโลชั่นบำรุงทาผิวนะคะ เราจะใช้ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์มเฉพาะกับผิวบริเวณที่แห้งแตกลอกค่ะ เช่น กับผิวลูกที่มีภาวะผื่นผ้าอ้อม หรือผื่นในเด็กต่างๆ รวมถึงใช้ทาจมูกเล็บที่แห้ง ข้อศอกแห้ง ทาส้นเท้าให้ชุ่มชื้นป้องกันกันส้นเท้าแตก ทาหลังส้นเท้า เพื่อป้องกันรองเท้ากัด เป็นต้น เข้าใจง่ายๆ คือ ถ้าผิวบริเวณไหนแห้งแตก หรือลอกเป็นขุย ก็ใช้  Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm ทาได้เลยค่ะ

                        โดยเฉพาะกับผิวลูกทารก ผิวเด็กเล็กๆ ที่ผิวจะบอบบางมากเป็นพิเศษ เนื่องจากโครงสร้างผิวยังไม่แข็งแรง ทำให้ง่ายต่อการระคายเคือง เกิดผื่นคันต่างๆ อย่างแม่บ้านนี้ก่อนใส่ผ้าอ้อมให้ลูก ก็จะทายูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม ที่ผิวก้น และผิวตรงบริเวณขาหนีบ บาล์มจะทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิวช่วยให้ผิวไม่เกิดการเสียดสีกับผ้าอ้อม ซึ่งก็จะทำให้ลดการเกิดผื่นแพ้ผ้าอ้อมลงได้ค่ะ

                        มีเพื่อนๆ ที่มีลูกเล็ก ทีมแม่ABK ก็แนะนำให้ใช้ Aquaphor Soothing Skin Balm เชื่อไหมคะว่า แรกๆ เพื่อนไม่ยอมใช้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กลัวเหนอะหนะที่ผิว!!  แต่สุดท้ายพอได้ลองก็ชอบกันทุกคนค่ะ

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                        ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม เนื้อจะมีสีขาวใส ไม่มีกลิ่น เนื้อสัมผัสนุ่มมาก เกลี่ยง่าย ซึมซาบลงผิวได้ดี ไม่รู้สึกว่าเหนียวเหนอะหนะผิวหลังใช้เลยค่ะ เพราะเขามีคุณสมบัติ Semi-occlusive ที่ยอมให้ออกซิเจนผ่านเข้าไปเพื่อฟื้นบำรุงผิวได้  

                        และที่รู้มานะคะ ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม ตัวนี้เนี่ย ไม่ใช่แค่บาล์มทั่วๆ ไปที่ช่วยเคลือบปกป้องผิว แต่ยังมีส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเสริมให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี นั่นก็คือ

                        • Panthenol เสริมกระบวนการของผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแข็งแรง
                        • Bisabolol ปลอบประโลมผิวระคาย
                        • Glycerin เพิ่มความชุ่มชื้น ลดผิวแห้งแตก

                        อีกทั้ง Aquaphor Soothing Skin Balm ยังอ่อนโยน และปลอดภัยกับผิวลูก รวมถึงผิวของผู้ใหญ่ที่แพ้ง่าย เพราะปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็น พาราเบน น้ำหอม สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์  ที่สำคัญยังเป็นบาล์มอันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังในอเมริกาแนะนำอีกด้วยนะคะ ถูกใจแม่มาก ให้เต็ม 10 เต็มไม่หักเลยค่ะ

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                        ทีมแม่ABK ขอสรุปจุดเด่นของ “ อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม Aquaphor Soothing Skin Balm” ให้ชัดๆ ดังนี้ค่ะ

                        1. ปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง อ่อนโยน ปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย

                        2. ช่วยเคลือบปกป้องผิว และมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นบำรุง และให้ความชุ่มชื้นผิว

                        3. ใช้ได้กับผิวเด็ก ช่วยปกป้องผิวจากภาวะผื่นผ้าอ้อม ผื่นในเด็ก ผื่นคันต่างๆ แก้ปัญหาผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย เป็นต้น

                        4. มีคุณสมบัติของ Semi-occlusive ที่ทำให้ออกซิเจนผ่านเข้าสู่ผิว ช่วยฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                        บ้านไหนที่เคยเห็น อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม ผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อมาใช้ดีไหมนะ เอาเป็นว่าทีมแม่ABK มายืนยันให้อีกเสียง เพราะจากวันนั้นที่เริ่มก็ยังคงใช้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้   “ยูเซอรีน อควาฟอร์ ซูทติ้ง สกิน บาล์ม”  ใช้ดีจริง ไม่จกตา ใช้แล้วจะแฮปปี้ทั้งแม่ ทั้งลูก เพราะเราได้ผิวแข็งแรง สุขภาพดีกลับมา เอาเป็นว่าให้เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่นะจ๊ะ  https://bit.ly/2JaldYG

                        และย้ำกันอีกทีว่าหาซื้อใช้ได้สะดวกที่ ร้านวัตสัน ทุกสาขา หรือจะซื้อออนไลน์ได้ที่ Eucerin.co.th เท่านั้นนะคะ  …ใช้เลย ไม่ต้องคิดเยอะ เชื่อแม่ XOXO

                        Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm

                         

                         

                          หนังคริสต์มาส

                          รวม 10 หนังคริสต์มาส สำหรับครอบครัว ฟีลกู้ด ทั้งสนุกและอบอุ่นหัวใจ

                          น่าดูมาก..คัดมาให้แล้ว!  รวม 10 หนังคริสต์มาส สำหรับครอบครัว ฟีลกู้ด ทั้งสนุกและสุดแสนอบอุ่นหัวใจ ไว้ดูเพิ่มบรรยากาศให้คริสต์มาสนี้ไม่มีเบื่อ จะมี หนังคริสต์มาส เรื่องใดบ้างไปดูกัน

                          ชี้เป้า 10 การ์ตูน หนังคริสต์มาส สำหรับครอบครัว

                          ต้องบอกว่า เทศกาลคริสต์มาส ในปี 2020 นี้ อาจไม่ค่อยปกติ เหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งโดยปกติแล้วช่วงเทศกาลในปีก่อน ๆ จะมีบรรยากาศงานที่อบอุ่น ทุกคนต่างออกไปเที่ยวกับครอบครัวหรือแฟนของตน เที่ยวเทศกาลคริสต์มาสอย่างมีความสุข พร้อมกับหัวใจที่ได้เติมเต็มจากเหตุการณ์ที่ทำให้เราเหนื่อยใจในตลอดปีที่ผ่านมา …. แต่น่าเสียดายที่ปีนี้ มีสถานการณ์โควิด-19 และในประเทศไทยตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงเกิดการระบาดครั้งที่ 2 ช่วงวันหยุดเทศกาลแบบนี้หลาย ๆ ครอบครัวคงต้องอยู่บ้านกักตัวกัน

                          • การอ่านหนังสือให้ลูกฟังสำคัญไฉน ??
                          • 8 หนังสือเด็กดีเด่น ที่ควรมีติดบ้าน การันตีรางวัล สพฐ.2562
                          • 8 บทเรียนพ่อแม่จากหนัง The Lion King

                          เราจึงได้รวบรวม 10 หนังคริสต์มาส หนังการ์ตูน คริสต์มาส น่าดู มาแนะนำ ซึ่ง เป็น หนังวันคริสต์มาส หนังสำหรับครอบครัว ฟีลกู้ด ดูได้ทั้งพ่อแม่ลูก สนุกและสุดแสนอบอุ่นหัวใจ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้คริสต์มาสนี้ไม่น่าเบื่อ จะมี หนังคริสต์มาส เรื่องใดบ้าง ตามมาดูกันเลย

                           

                          หนังคริสต์มาส

                          A Christmas Carol 

                          หรือชื่อไทยว่า “อาถรรพ์วันคริสต์มาส” ในบรรยากาศอันอบอุ่นของช่วงเวลาคริสต์มาสนั้น ทุกต่างก็มอบความรัก ความอบอุ่นให้กันและกัน แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า เอเบเนเซอร์ สครูจ (Ebenezer Scrooge) เป็นชายแก่ที่เลือดเย็น ละโมบโลภมาก และเกลียดเทศกาลคริสต์มาสเป็นที่สุด! จนกระทั่งเขาได้พบกับวิญญาณของเพื่อนเก่าและภูติแห่งคริสต์มาส ที่จะเปลี่ยนเทศกาลคริสต์มาสของเขาไปตลอดกาล เป็นหนึ่งหนังวันคริสต์มาสที่ให้ข้อคิดดี ๆ กับชีวิต และถ้าหากดูแบบซับไตเติลก็สามารถที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคตได้อีกด้วย ได้ทั้งความรู้และความสนุกไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                          ขอบคุณคลิปจาก : Walt Disney Studios

                          หนังคริสต์มาส

                           Elf

                          เมื่อนึกถึง คริสต์มาส ก็ต้องคิดถึงเหล่าเอลฟ์ตัวน้อย ๆ กันใช่ไหมล่ะคะ เรื่องราวของ บัดดี้ เด็กกำพร้าที่คลานเข้าไปในถุงของขวัญของซานต้าในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เขาโดนเลี้ยงมากับเหล่าเอลฟ์ตัวน้อย ๆ และเมื่อโตขึ้น เขาก็พบว่าเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับเอลฟ์อีกต่อไป จึงเกิดเป็นการผจญภัยโลกกว้างเพื่อที่จะตามหาครอบครัวและตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง บัดดี้จะสามารถตามหาครอบครัวได้หรือไม่ การผจญภัยของเขาจะสนุกแค่ไหน เรื่องนี้เป็นหนังคริสต์มาสยอดฮิตอีกเรื่องที่ดูแล้วได้ข้อคิดดี ๆ ค่ะ

                          หนังคริสต์มาส

                          Home Alone

                          อีกหนึ่ง หนังคริสต์มาส สุดคลาสสิกที่เด็กยุค 90 ทุกคนต้องเคยดู หรือไม่ก็ผ่านตากันมาแล้ว ดูกี่ทีก็รู้สึกเอ็นดูหนูน้อยเควินที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวในช่วงคริสต์มาสมาก ๆ แถมยังต้องรับมือกับโจรกระจอกที่มาขึ้นบ้านอีกด้วย ถือเป็นหนังคริสต์มาสยอดนิยมตลอดกาล และถึงจะเป็นหนังคริสต์มาสที่นักแสดงเด่น ๆ ไม่กี่คน ใช้สถานที่ถ่ายทำไม่กี่ที่ แต่ความสนุกเรียกได้ว่าเต็มล้านไปเลยค่ะ

                           

                          หนังคริสต์มาส

                          The Christmas Chronicles

                          หนังคริสต์มาส นี้เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง ที่พยายามจะตั้งกล้องถ่ายวิดีโอคุณลุงซานต้า แต่เรื่องราววุ่น ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อสองพี่น้องได้เจอกับคุณลุงซานต้าจริง ๆ และเพราะสองพี่น้องนี้เอง ที่ทำให้คุณลุงซานต้านั้นกลับกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษ ทั้งสองคนเลยต้องช่วยเหลือคุณลุงซานต้าเพื่อให้เทศกาลคริสต์มาสผ่านไปอย่างราบรื่น เป็นหนังซานต้าอีกเรื่องที่สนุก และทำให้เราเห็นความสำคัญของครอบครัว หนังจากทีมผู้สร้างเดียวกับเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคศิลาอาถรรพ์ และ Home  Alone แน่นอนว่างานระดับคุณภาพ นอกจากเวอร์ชั่นนี้ ก็ยังมีภาคต่อปี 2020 อีกด้วยค่ะ เป็นหนังซานตาคลอสอีกเรื่องที่ต้องบอกเลยว่าห้ามพลาด!

                           

                          ขอบคุณคลิปจาก : Netflix

                           

                           

                          หนังคริสต์มาส

                           Klaus

                          เรื่องราวของตำนานการเกิดซานตาครอส เป็นการ์ตูนซานตาครอสที่เล่าถึงบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งที่ถูกส่งมาที่เมืองซึ่งผู้คนก็ต่างไม่เป็นมิตร และไม่ส่งจดหมายถึงกัน แล้วเขาจะทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้ผู้คนส่งจดหมายถึงกันได้ เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ เพราะเนื้อเรื่องสนุก และภาพสวยมากค่ะ เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับวันคริสต์มาส เป็นซานตาครอสที่ทุกคนจะต้องหลงรัก และอาจจะต้องเก็บเข้าลิสต์หนังคริสต์มาสที่ดีที่สุดเลยก็ได้

                           

                          หนังคริสต์มาส

                          Rise of the guardians

                          อีกหนึ่ง หนังคริสต์มาส ในดวงใจของหลาย ๆ คน เรื่องราวของการ์เดียนทั้ง 5 คน คือ นอร์ธ ซานตาครอส, กระต่ายอีสเตอร์, ธูทแฟรี่, แซนด์แมน และแจ็ค ฟรอสต์ ที่จะมากอบกู้โลกของเด็ก ๆ จากเทพแห่งฝันร้าย เป็นเรื่องที่ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และเมื่อพูดถึงคริสต์มาสหรือหิมะ ทุกคนจะต้องนึกถึงแจ็ค ฟรอสต์ แน่นอน เพราะแจ็ค ฟรอสต์เป็นตัวการ์ตูนคริสต์มาสที่เป็นที่รักของทุกคน เรื่องราวเกี่ยวกับความศรัทธาและความเชื่อ และความเจ็บปวดจากการที่มองเห็นความจริงเมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นการ์ตูนคริสต์มาสที่ดูแล้วทั้งสนุก ภาพสวย อบอุ่นหัวใจ และช่วยปลอบประโลมจิตใจได้ดีมากจริง ๆ ค่ะ

                           

                          หนังคริสต์มาส

                          The Polar Express

                          ปู๊น ๆ รถไฟขบวนพิเศษมาแล้วจ้า เด็กชายคนหนึ่งที่เคยเชื่อมาตลอดว่าของขวัญในวันคริสต์มาสนั้นมาจากพ่อแม่ของเขา และไม่เชื่อว่าซานต้ามีจริง ๆ เมื่อได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้แล้ว ทำให้เด็กชายได้พบกับเรื่องราวสุดพิเศษ และอบอุ่นหัวใจ อีกหนึ่งหนังวันคริสต์มาสที่อยู่ในใจหลาย ๆ คนแน่นอนค่ะ เพราะดูแล้วฟีลกู้ดมาก ๆ

                           

                          Arthur Christmas

                          เคยสงสัยกันไหมว่าซานต้าสามารถส่งของขวัญให้เด็ก ๆ ทั่วโลกได้ยังไง แอนิเมชั่นเรื่องนี้จะเปิดเผยความลับให้ทุกคนได้รู้ พร้อมกับภารกิจสุดมัน ที่ “อาเธอร์” ลูกชายคนสุดท้องของซานตาคลอส ที่จะต้องส่งของขวัญให้เด็กหญิงตกสำรวจคนหนึ่งในวันคริสต์มาส เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่ภาพสวย เนื้อเรื่องสนุก หยิบมาดูแล้วดูอีกก็ไม่เบื่อ เรื่องนี้ขอยกให้เป็นการ์ตูนซานตาคลอส หนังคริสต์มาส ที่ดีที่สุดค่ะ

                           

                          หนังคริสต์มาส

                           The Grinch

                          ผลงานแอนิเมชั่นจากค่าย Illumination และ Universal Pictures เรื่องราวของ กริ๊นซ์ เจ้าตัวเขียวแสนโดดเดี่ยว ที่พยายามจะขโมยเทศกาลคริสต์มาสของทุกคน เพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่อย่างสงบสุข เรื่องนี้เป็นแอนิเมชั่นที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ How the Grinch Stole Christmas และเป็นตัวการ์ตูนวันคริสต์มาสอีกตัวหนึ่งที่ทุกคนจะต้องนึกถึงเมื่อพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส เรื่องนี้ให้ข้อคิดกับชีวิตหลาย ๆ อย่าง ทำให้เปิดการมองโลกในมุมใหม่ ๆ แผนการขโมยคริสต์มาสของกริ๊นซ์จะเป็นอย่างไร ต้องไปดูกันเลยค่ะ

                           

                          ขอบคุณคลิปจาก : Universal Pictures Canada

                           

                          หนังคริสต์มาส

                           Angela’s Christmas Wish

                          แอนิเมชั่นเรื่องสั้น เทศกาลวันคริสต์มาส อีกหนึ่งเรื่องที่แนะนำให้ดู เรื่องนี้เคยฉายไปแล้วในปี 2018 ที่ทำให้คนดูอมยิ้มมีความสุขกัน ปีนี้ก็กลับมากับ Angela’s Christmas Wish กับเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้น แต่ก็ยังคงอบอุ่นหัวใจ คุณพ่อคุณแม่สามารถนั่งดูกับลูก ๆ ได้ เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดเตือนใจแก่เด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีภายใน 47 นาที เหมาะแก่การดูกันแบบครอบครัวในช่วงคริสต์มาสปีนี้ได้ แต่ดูคนเดียวแล้วอาจจะทำให้คิดถึงครอบครัวได้บ้าง แต่ก็แนะนำให้ดูจริง ๆ ค่ะ นอกจากเนื้อเรื่องจะแสนอบอุ่นแล้ว ภาพแอนิเมชั่นก็สวย ดูแล้วเพลิน ๆ ไม่ควรพลาด

                          เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ กับ 10 หนังคริสต์มาส ที่แนะนำมานี้ หวังว่าหากคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ ได้ดูครบทุกเรื่องแล้ว จะได้ฟีลกู๊ดดดดด มีความสุข และหายเหนื่อยล้าจากช่วงเวลาเครียดๆ นะคะ Marry Christmas & Happy New Year ค่า!!

                           

                           

                            สูตรเด็ดแก้ ลูกถ่ายยาก

                            “ลูกอึไม่ออก”บอกสูตรเด็ด…ลูกถ่ายยาก แค่ไหนก็แก้ได้!!

                            ลูกอึไม่ออก ลูกถ่ายยาก ปัญหาใหญ่กวนใจพ่อแม่ ที่เราทำได้เพียงแค่นั่งเอาใจช่วยลูกเท่านั้นหรือ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ดลับมาช่วยคลายปัญหาให้คุณ และลูกน้อยได้

                            “ลูกอึไม่ออก”บอกสูตรเด็ด…ลูกถ่ายยาก แค่ไหนก็แก้ได้!!

                            ท้องผูกในเด็ก ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง เป็นเพียงอาการหนึ่งซึ่งเกิดจากพฤติกรรมเป็นส่วนใหญ่ พบว่า 95% ของอาการท้องผูกในเด็ก เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและนิสัยในการขับถ่าย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีอาหารฟาสต์ฟู้ดมากมาย ทำให้เด็กรับประทานผักและผลไม้น้อยลง ร่วมกับดื่มน้ำน้อย ทำให้อุจจาระแข็ง ถ่ายแล้วเจ็บ เมื่อเจ็บก็ทำให้เด็กกลัวการขับถ่าย จึงกลั้นอุจจาระ ซึ่งถ้ากลั้นอุจจาระจนเป็นนิสัย อุจจาระอยู่ในร่างกายนาน ๆ ก็จะแข็งขึ้น ก้อนใหญ่ขึ้น ทำให้ลูกถ่ายยาก ซึ่งเป็นการเกิดอาการท้องผูกตามมาในที่สุด

                            เวลาลูกท้องผูก เขาอาจจะไม่รู้อาการของตัวเอง พ่อแม่ต้องคอยหมั่นสังเกตลูก ถ้าลูกถ่ายอุจจาระได้ไม่ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วแต่ละครั้งก็ต้องเบ่งจนหน้าดำหน้าแดง อุจจาระที่ออกมาเป็นก้อนแข็ง ๆ แสดงว่าลูกอาจจะมีอาการท้องผูกแล้ว

                            ลูกถ่ายยาก นั่งนาน
                            ลูกถ่ายยาก นั่งนาน

                            ปวดท้อง…อึ เป็นแบบไหนกันนะ

                            เด็กที่มีอาการท้องผูกมักมีอาการปวดท้องเป็นอาการนำ ซึ่งถ้าเป็นมาก ๆ ก็อาจทำให้มีอาการปวดท้องเหมือนเป็นโรคอื่นได้ เช่น เด็กบางรายที่มีอาการท้องผูกมาก ๆ อาจมีอาการปวดท้องมากจนเดินตัวงอเหมือนเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ดังนั้นเมื่อลูกบอกว่าปวดท้อง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่าลูกมีอาการอื่น เช่น มีไข้ ซึ่งแสดงถึงภาวะติดเชื้อร่วมด้วยหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปแล้วอาการปวดท้องจากท้องผูกมักไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เมื่อได้ถ่ายก็จะหายปวดได้เอง
                            สำหรับเด็กที่มีอาการท้องผูกมาก ๆ มาเป็นเวลานาน และปล่อยไว้โดยไม่ทำการรักษา อาจทำให้เกิดผลต่อสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ได้ คือ
                            • ผลต่อพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเด็กท้องผูกมากจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ อาจส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก และขาดสารอาหารได้
                            • ผลทางด้านจิตใจและอารมณ์ ในเด็กบางรายที่ท้องผูกมานาน อาจมีอุจจาระเล็ดออกมาภายนอก ทำให้เปื้อนติดกางเกงและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งอาจทำให้เด็กรู้สึกอายเพื่อน และรู้สึกมีปมด้อย หรือในกรณีของเด็กบางรายที่มีอาการปวดท้องแต่ไม่สามารถอธิบายอาการที่เป็นได้ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เข้าใจ ก็อาจทำให้เด็กเกิดปัญหาทางอารมณ์ กลายเป็นเด็กหงุดหงิด ก้าวร้าวได้

                              ปวดท้อง ถ่ายยาก มีผลต่อจิตใจ
                              ปวดท้อง ถ่ายยาก มีผลต่อจิตใจ

                            ดังนั้น หากเด็กมีอาการท้องผูกมานานหรือปวดท้องไม่หาย คุณพ่อคุณแม่ควรพามาพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติการรับประทานอาหาร ในกรณีที่จำเป็นอาจต้องทำการเอกซเรย์หรืออัลตราซาวนด์ร่วมด้วย เมื่อวินิจฉัยได้แน่ชัดแล้วว่าเป็นท้องผูก ก็อาจทำการสวนอุจจาระและแนะนำการปรับเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน สำหรับรายที่มีอาการรุนแรงจนถึงจุดที่การปรับเปลี่ยนอาหารไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ แพทย์อาจต้องให้ยาเพื่อทำให้อุจจาระนิ่มลง ซึ่งจะช่วยให้เด็กไม่มีความเจ็บปวดเวลาถ่าย หายกลัว และสามารถถ่ายแบบธรรมชาติได้ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยลดยาลง ทั้งนี้การรับประทานยาจำเป็นต้องทำร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการรับประทานอาหาร และการฝึกขับถ่ายให้ตรงเวลาด้วย

                            ข้อมูลอ้างอิงจาก www.bumrungrad.com

                            8 วิธีแก้ท้องผูก เมื่อ ลูกถ่ายยาก

                            1. อาหารเช้าสำคัญ ตอนเช้าลำไส้ใหญ่ทำงานมากที่สุด ดังนั้นการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นกระเพาะอาหาร และลำไส้ให้บีบตัวจนรู้สึกอยากถ่าย
                            2. หลังอาหารเช้าประมาณ 30 นาที โดยส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกปวดอยากถ่าย ซึ่งในระหว่างรออาจชวนลูกเดินย่อยหลังทาน เพื่อช่วยให้ลำไส้ได้ขยับตัว และเมื่อลูกบ่นปวดอยากถ่ายให้รีบพาลูกไปทันที เพราะความรู้สึกดังกล่าวจะอยู่เพียงแค่สองนาที
                            3. ให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำจะช่วยให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่ายขึ้น

                              เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร
                              เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร
                            4. เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารทุกมื้อ และควรกินพร้อมกากไม่ใช่แบบคั้นน้ำ เพื่อให้ได้รับกากใยอาหารเพียงพอต่อการขับถ่าย ใยอาหารหรือไฟเบอร์ ช่วยให้ลำไส้กลับมาทำงานเป็นปกติได้ไว โดยทั่วไปปริมาณเส้นใย (Fiber) ที่เพียงพอสำหรับเด็ก 1-3 ปี คือ 19 กรัมต่อวัน สำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี คือ 25 กรัมต่อวัน ซึ่งจะพบได้มากในอาหารประเภทผัก ผลไม้สดหรือแห้ง ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ลูกพรุน แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ลูกเกด
                            5. พยายามเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เพราะไขมันทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ลดลง ซึ่งอาหารในปัจจุบัน โดยเฉพาะอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้น มักมีไขมันสูง เมื่อการทำงานของกระเพาะอาหาร และลำไส้ทำได้ไม่เต็มที่ ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด และท้องผูกได้
                            6. ให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายได้ขยับตัว เป็นการช่วยเพิ่มการบีบตัวของลำไส้มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติมากขึ้น
                            7. ให้ลูกทานอาหารที่มีโปรไบโอติก โปรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของคนเราและไม่ก่อโรคให้ร่างกาย เช่น Lactobacillus Bifidobacterium หรือ Sacchromyces Boulardi และยังพบอยู่ในอาหารบางประเภท โดยเฉพาะโยเกิร์ต นมเปรี้ยว ซึ่งมีการศึกษาพบว่าแบคทีเรียเหล่านี้ช่วยสร้างความสมดุลของสภาวะในระบบการย่อยอาหาร โดยไปลดแบคทีเรียชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายไม่ให้มีมากเกินไป และช่วยปรับการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ

                              ฝึกขับถ่ายลูกให้ตรงเวลา
                              ฝึกขับถ่ายลูกให้ตรงเวลา
                            8. ฝึกการขับถ่ายของลูกให้เป็นเวลา โดยสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ในช่วง 2 ขวบปีแรก แต่การฝึกควรทำเมื่อลูกพร้อม ให้ลองสังเกตว่าลูกมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือไม่ เช่น อุจจาระแข็ง ชอบกลั้นอุจจาระ ชอบหนีไปซ่อนหรือร้องไห้ หากมีปัญหาเหล่านี้ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองปรับเปลี่ยนอาหารที่ให้ลูกรับประทานก่อน โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น ข้าวกล้อง  ช็อกโกแลต ชีส เมื่อลูกถ่ายได้ดีแล้วและไม่ต่อต้าน จึงค่อยเริ่มฝึกการขับถ่ายให้กับลูกต่อไป

                            สูตรเด็ด…เมื่อ”ลูกอึไม่ออก”

                            • สูตรที่ 1 น้ำอุ่น + กล้วยหอม

                            กล้วยหอมสุก 1 ลูก ให้ลูกทานหลังมื้ออาหาร ตามด้วยน้ำอุ่น 1 แก้ว

                            ประโยชน์ของกล้วย โดยกล้วยจะมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน มีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งการรับประทานกล้วยจะได้ไฟเบอร์มาช่วยระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายแล้ว เรายังได้รับสารวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ร่างกายอีกด้วย

                            กล้วยกับน้ำอุ่น สูตรเด็กแก้ ลูกถ่ายยาก
                            กล้วยกับน้ำอุ่น สูตรเด็กแก้ ลูกถ่ายยาก
                            • สูตรที่ 2 น้ำมะเขือเทศ + โยเกิร์ต

                            น้ำมะเขือเทศ 1 แก้ว ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (หรืออาจจะเป็นรสอื่นตามแต่ที่ลูกชอบก็ได้ แต่ให้ระวังเรื่องปริมาณน้ำตาล) 1 ถ้วย

                            • สูตรที่ 3 น้ำอุ่น + มะขาม

                            นำมะขามเปียกมาสัก 1 ปั้น คั้นในน้ำอุ่น ๆ กรองกากใหญ่ออก เสร็จแล้วตั้งไฟให้เดือด ใส่น้ำตาล เกลือ เพิ่มรสชาติ ให้ลูกรับประทาน นอกจากน้ำมะขามจะมีรสชาติอร่อย ยังเป็นตัวช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี จากวิตามินซีที่มีอยู่สูง

                            โยเกิร์ตกับน้ำมะเขือเทศ
                            โยเกิร์ตกับน้ำมะเขือเทศ
                            • สูตรที่ 4 นมจืด

                            รับประทานนมจืดตอนท้องว่าง อาจเป็นช่วงเช้าก่อนอาหารก็ได้ จะช่วยให้ถ่ายท้องได้ดีขึ้น แถมยังได้ประโยชน์จากแคลเซียมในนมอีกด้วย

                            สูตรเด็ดเคล็ดลับที่เรานำมาบอกต่อกันวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหาลูกถ่ายยาก ปัญหาเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เล็กเมื่อเห็นลูกทรมานจากการเบ่งถ่ายกัน ยังไงลองไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนกันดู รับรองว่าช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ หรือถ้าบ้านไหนยังคงมีอาการอยู่ อันนี้คงต้องแนะนำว่าควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอจะดีที่สุด เพราะแม้อาการท้องผูกจะไม่ใช่โรคร้าย แต่อาจเป็นบ่อเกิด หรือสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในร่างกายลูกได้ ไม่ควรชะล่าใจเชียว

                            อ่านต่อ 10 สุดยอดอาหาร ผลไม้ สำหรับเด็กท้องผูก

                            ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com/ minme_official

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            สีอุจจาระบอกโรค อุจจาระลูกเปลี่ยนสีเพราะอะไร

                            ลักษณะ และ สีอุจจาระทารกแรกเกิด บอกสุขภาพได้มากกว่าที่คิด

                            ตารางวัคซีน 2564 ปีนี้มีปรับรายละเอียด? ลูกต้องฉีดอะไร ตอนไหนบ้าง เช็กเลย!

                            6จุดนวดมือลูก…กระตุ้นพลังสมองช่วย ระบบย่อยอาหาร

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              Trylagina เชื่อว่าการให้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลราชวิถี

                              Trylagina ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วย โดยมีพรีเซ็นเตอร์ของทางแบรนด์ คุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี และ คุณปาน ธนพร แวกประยูร เป็นตัวแทนเดินทางไปส่งมอบให้

                              วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ทาง Trylagina ได้ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยของทางโรงพยาบาลที่ปัจจุบันมีจำนวนมากขึ้น โดยมีพรีเซ็นเตอร์ของทางแบรนด์ คุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี และ คุณปาน ธนพร แวกประยูร เป็นตัวแทนเดินทางไปส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

                              โดย Trylagina ได้มองเห็นถึงความสำคัญของการให้ เพราะเราเชื่อว่าการให้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ เพราะการได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมคืออีกหนึ่งปณิธานที่เรามุ่งหมาย

                                Tags

                                ไม่สบายท้อง

                                ไม่สบายท้อง อาการที่พบบ่อยในเด็กเล็ก รับมืออย่างไรให้ถูกวิธี

                                ในเด็กเล็กพบได้ว่ามักจะมีปัญหาไม่สบายท้อง ร้องกวน แหวะนม และท้องอืดเกิดขึ้นบ่อย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นอาการที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการได้ค่ะ ฉะนั้นหากคุณแม่รู้สาเหตุ แล้วแก้ไขบรรเทาอาการเหล่านี้ได้เร็ว ย่อมเกิดผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยในระยะยาวมากกว่าผลเสียค่ะ

                                ไม่สบายท้อง มีสาเหตุมาจากอะไร ?   

                                เด็กเล็กๆ เวลาที่เกิดอาการ “ไม่สบายท้อง” ลูกไม่สามารถที่จะบอกได้ ดังนั้นแนะนำว่าคุณแม่ควรต้องสังเกต ปฏิกิริยา อาการที่ลูกแสดงออกมา เช่น แหวะนมออกมาทุกครั้งที่กินนมอิ่ม , ร้องไห้โยเยกวนตลอดเวลา หรือมีอาการท้องอืด แน่น ท้อง เวลาที่ลูกน้อยมีอาการไม่สบายท้อง มีสาเหตุมาได้จากหลายปัจจัย ดังนี้…

                                1. ลมที่เข้าไปในกระเพาะขณะกินนม

                                เด็กเล็กที่กินนมจากขวด หากดูดนมในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ท่านอนหงาย จะทำให้ลูกได้รับน้ำนมที่ไหลเข้าปากเร็วและมาก จนเกินไป ขณะเดียวกันก็ทำให้ดูดกลืนลมเข้าไปในกระเพาะด้วย จึงทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้องได้ง่าย

                                2. ไม่ได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด

                                เด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ หรือกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนจากนมแม่มาเป็นนมผง รวมถึงกินนมผงสลับนมแม่ การกินนมผงในเด็กเล็กๆ พบว่ามักจะมีปัญหาเรื่องการย่อย เนื่องจากระบบทางเดินอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ อาจทำให้ไม่สามารถย่อย ดูดซึมสารอาหารในนมไปใช้ได้หมด ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกมีอาการไม่สบายท้องขึ้นได้

                                ไม่สบายท้อง

                                ลูกไม่สบายท้องส่งผลกระทบต่อพัฒนาการอย่างไร?

                                แหวะนม ร้องกวน ท้องอืด ไม่สบายท้อง หากเกิดขึ้นกับลูกเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบแก้ไขในทันทีตั้งแต่ช่วงขวบปีแรกของลูก เพราะอาการเหล่านี้ในระยะยาวเสี่ยงกระทบต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้ค่ะ โดยเฉพาะพัฒนาการการเจริญเติบโต และพัฒนาการการเรียนรู้

                                กลุ่มอาการไม่สบายท้อง พบว่าส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากระบบทางเดินอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อลูกได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรกเกิด ก็ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอครบถ้วน จะกระทบต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ส่วนสูง น้ำหนักไม่เป็นตามเกณฑ์มาตรฐาน พัฒนาการสมอง สติปัญญามีการเรียนรู้ และจดจำได้ไม่เป็นไปตามพัฒนาการช่วงวัยของลูกน้อย

                                ไม่สบายท้อง

                                รู้ต้นเหตุ แก้ไขได้ตรงจุด พัฒนาการลูกก็ไม่สะดุด

                                เด็กเล็ก ระบบลำไส้ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้การดูดซึม การย่อยอาหารยังไม่เต็ม 100% อาหารที่เหมาะกับระบบลำไส้ลูกน้อยมากที่สุดตั้งแต่แรกเกิดก็คือ “นมแม่” มีสารอาหารครบถ้วน และมีโปรตีนที่ย่อยง่าย

                                การให้ลูกกินนมที่เหมาะกับสภาพลำไส้ จะช่วยให้กระบวนการย่อยนมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ในกรณีที่ไม่สามารถให้นม ที่เหมาะสมกับระบบการย่อยอาหารของลูกน้อยอย่างนมแม่ หรือการให้ลูกกินนมแม่สลับกับนมชนิดอื่น เบื้องต้นแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับนมสูตรย่อยง่าย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการไม่สบายท้องขึ้นกับลูกค่ะ

                                – เป็นนมที่มี PHP โปรตีนนมที่ผ่านการย่อยบางส่วน (Partially Hydrolyzed Protein) ทำให้โปรตีนมี ขนาดเล็กลง ข้อดีคือ ช่วยลดภาระให้กับระบบย่อยอาหารที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ โปรตีนในนมที่ถูกย่อยบางส่วนมาแล้ว ถูกดูดซึมไปใช้งานได้หมด ไม่เหลือตกค้าง

                                – มีปริมาณน้ำตาลแลคโตสต่ำจึงอาจช่วยลดอาการท้องเสียจากภาวะย่อยแลคโตสไม่สมบูรณ์

                                – มีสารอาหาร MFGM และ DHA ที่เป็นสารอาหารสำคัญต่อสมอง ส่งผลให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัย

                                ศาสตราจารย์ไมเคิล เกอร์ซอน(Michael Gershon) แห่งมหาวิทยาลัยไคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยระบบประสาทลำไส้ ได้ยกให้ “ลำไส้”เป็น “สมองที่ 2”  

                                ฉะนั้นหากคุณแม่ดูแลสมองที่สองของลูกให้มีสุขภาพดี ย่อมส่งผลให้พัฒนาการทุกด้านของลูกพัฒนาการขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและสมวัย เมื่อพัฒนาการลูกไม่สะดุด ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ทุกวันค่ะ คุณแม่สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “นมสูตรย่อยง่าย” ได้ที่ www.enfababy.com

                                 

                                 

                                  บีแพนเธน ออยเมนต์

                                  หลอดเดียวอยู่! บีแพนเธน ออยเมนต์ 3 คุณสมบัติ ให้ความชุ่มชื่น ปกป้องและดูแล

                                  คุณแม่มือใหม่อาจคิดว่า ถ้าใช้ผ้าอ้อมคุณภาพดี เปลี่ยนผ้าอ้อมตรงเวลา ล้างสะอาดสุดๆแล้ว คงไม่ต้องห่วงเรื่องผื่นผ้าอ้อม แต่จริงๆแล้วอาการผื่นผ้าอ้อม หรือผื่นแดงใต้ผ้าอ้อมเกิดขึ้นได้กับเด็กแทบทุกคน โดยเฉพาะลูกเบบี๋วัยก่อน 1 ขวบ กว่า 50 % เคยเป็นผื่นผ้าอ้อม และเป็นซ้ำบ่อยๆในช่วงอายุ 9 -12 เดือน

                                   

                                  เพราะผิวชั้นนอกของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ผิวบางและอ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ เมื่อใส่ผ้าอ้อม ผิวบริเวณนั้นจะเปียกชื้น และเมื่อสัมผัสกับอึฉี่เป็นเวลานาน ทำให้ผิวใต้ผ้าอ้อมบางลงและเปื่อยยุ่ย เมื่อลูกเคลื่อนไหวทำให้เกิดการเสียดสีที่ผิว เกิดผื่นแดง จ้ำแดง แสบร้อนได้ง่าย ซึ่งเด็กไม่สามารถบอกความรู้สึกได้ ลูกน้อยจึงร้องโยเย ไม่สบายตัว ปวดใจแม่มากๆเลยล่ะค่ะ

                                  การดูแลผิวลูกน้อยให้หมดเรื่องห่วงหนึ่งเรื่องคือ การทาครีมเพื่อปกป้องผิวลูกน้อย ทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม   และทีมบก. Amarin Baby & Kids ได้รีวิวมาแล้ว ขอแนะนำให้คุณแม่มีติดบ้านเลยคือ บีแพนเธน ออยเมนต์ ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ซึ่งดูแลผิวใต้อ้อมของเด็กทั่วๆโลกมานานกว่า 70 ปี มีดียังไงตามมาดูกันเลยค่ะ

                                  เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com ยกให้ บีแพนเธน ออยเมนต์ ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Diaper Rash Cream จาก Amarin Baby & Kids Awards 2020

                                  บีแพนเธน ออยเมนต์เกลี่ยง่าย ซึมเข้าผิวได้เร็วเพื่อเข้าไปฟื้นฟูผิวได้ทันทีไม่ต้องรอนาน ในเนื้อครีมมีส่วนผสมของ dexpanthenol ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่มาทดแทนอาการจากผื่นผ้าอ้อม ทำให้รอยแดงค่อยๆจางลง

                                  หากคุณแม่ลองสังเกตดูเวลาเนื้อครีมซึมลงผิวแล้ว จะเห็นว่ายังมีฟิล์มไขมันบางๆเคลือบผิวอยู่ เคลือบผิวแบบ Semi-Occlusive ในนั้นมีลาโนลิน ที่สร้างชั้นไขมันและความชุ่มชื่นให้ผิว ทาแล้วไม่ปิดกั้นผิวทั้งหมด แต่ยังระบายอากาศได้ดี รักษาสมดุลเพื่อคงความชุ่มชื้น ผิวลูกจึงไม่อับชื้นเพียงแค่คุณแม่ทา บีแพนเธน ออยเมนต์ บางๆก่อนใส่ผ้าอ้อมเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันผิวของลูกน้อย ให้คุณแม่คลายความกังวล

                                  ส่วนผสมของบีแพนเธน ออยเมนต์ผ่านการทดสอบแล้วว่าเหมาะสำหรับผิวเด็ก แม้ทารกปราศจากสารกระตุ้นการแพ้ สารกันบูดหรือยาฆ่าเชื้อ จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อยแน่นอน นอกจากนี้หลอดนี้ยังสามารถใช้ทาหัวนม ป้องกันหัวนมแตก หัวนมเป็นแผล ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆช่วงในนมลูก ใช้ได้ทั้งแม่ลูกแบบนี้ คุณแม่เลิฟเลยละค่ะ

                                  ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้บีแพนเธน ออยเมนต์ได้รับ รางวัล Editor’s Choice สาขา  Best Diaper Rash Cream จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2020” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                                  สำหรับคุณแม่ที่สนใจบีแพนเธน ออยเมนต์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำและช่องทางออนไลน์ตามด้านล่าง และขอแนะนำขนาด  50 กรัม ประหยัด และใช้ได้นานกว่า

                                  Lazada : www.lazada.co.th/shop/bayer-consumer-health-official-store

                                  Shopee : www.shopee.co.th/bayer_health_official_shop

                                  หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ www.facebook.com/BepanthenThailand/

                                   

                                    วิธีชงนม

                                    วิธีชงนม ไม่มีฟอง ช่วยป้องกันทารกท้องอืดได้

                                    วิธีชงนม ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ต้องทำความเข้าใจ เพราะหากชงนมผิดวิธี ลูกกินนมแล้วอาจมีปัญหาท้องอืด ไม่สบายท้อง ร้องงอแงตามมาได้ค่ะ ฉะนั้นทีมแม่ABK จะมาช่วยให้ทุกครอบครัวพ่อแม่มือใหม่ที่มีลูกเล็ก ได้เข้าใจวิธีชงนมที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดี มีพัฒนาการสมวัยของลูกน้อยกันค่ะ

                                    ชงนมถูกวิธี ดีต่อสุขภาพลูกน้อย

                                    โดยปกติแล้วในเด็กตั้งแต่แรกเกิด ควรต้องได้กินนมแม่ 6 เดือนเป็นอย่างน้อยค่ะ แต่ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ หรือน้ำนมแม่ผลิตได้ปริมาณไม่เพียงพอ ก็อาจต้องให้นมแม่สลับกับนมชง  ซึ่งน้ำนมแม่จะพิเศษตรงที่มีโปรตีนขนาดเล็กย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้หมด ต้องบอกก่อนว่าในเด็กทารก ระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ฉะนั้นการให้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด จึงเป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดค่ะ  ทั้งนี้ในส่วนนมผง แนะนำให้คุณแม่เลือกชนิดของนมให้เหมาะกับอายุของลูกน้อย ก่อนเลือกนมผง หรือเปลี่ยนนม อาจปรึกษากับคุณหมอเด็กประจำตัวลูกก่อน เพื่อความถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาได้ค่ะ

                                    อย่างที่บอกไปค่ะว่าระบบย่อยและการดูดซึมอาหารของลูกวัยทารกยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นหากต้องกินนมชง เพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง คุณแม่ต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนการชงนม การนมที่ถูกต้อง นมผงต้องละลายกับน้ำเป็นส่วนผสมเดียวกัน และต้องไม่เกิดฟอง เพราะฟองอากาศที่เกิดจากการชงนม เมื่อลูกกินนมเข้าไป จะไปกระตุ้นให้เกิดแก๊สสะสมในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องอืด ไม่สบายท้องได้ค่ะ

                                    วิธีชงนม

                                     วิธีชงนม ที่ถูกต้องป้องกันอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง ทำอย่างไร ?

                                    การชงนมให้ลูกไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายซะทีเดียวค่ะ เพราะมีรายละเอียดเล็กที่ต้องทำความเข้าใจกันค่ะ เรามาทำตามขั้นตอน วิธีชงนม ที่ถูกต้องไปพร้อมกันค่ะ

                                    1. ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ เช็ดให้มือให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาด
                                    2. นำน้ำต้มสุก มาเทใส่ขวดนม สำหรับปริมาณออนซ์ที่จะชงให้ลูกกิน ให้ดูตามวัยของลูกน้อย (มีบอกไว้ข้างกล่องนมค่ะ)
                                    3. ใส่นมผงลงไปในน้ำที่อยู่ในขวดนม (ไม่แนะนำให้ใส่นมผงก่อนใส่น้ำ เพราะจะทำให้นมผงละลายได้ไม่ดี และนมชงจะเข้มข้นมากไป)
                                    4. ปิดฝาขวดนม แล้วหมุนข้อมือวนเป็นวงกลมเบาๆ เพื่อให้นมและน้ำผสมละลายเข้าด้วยกัน ขั้นตอนนี้ไม่แนะนำให้เขย่าขวดนมเพื่อผสมน้ำกับนมผง เพราะการเขย่าจะทำให้เกิดฟองอากาศขึ้นในขวดนมค่ะ

                                    สำหรับน้ำที่จะใช้ชงนมให้ลูก แนะนำเป็นน้ำต้มสุกค่ะ ถ้าเป็นน้ำประปาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หากจะนำมาชงนมให้ลูก ก็ควรนำมาต้มให้สุกก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค จากนั้นก็ให้ใส่ขวดทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้น้ำใช้ชงนมให้ลูกกินแล้วค่ะ ส่วนน้ำดื่มที่มีขายทั่วไป สามารถใช้ชงนมได้เหมือนกันค่ะ โดยปกติทีมแม่ABK จะนำน้ำในขวดพาสเจอร์ไรซ์มาต้มอีกครั้งก่อนนำมาชงนมให้ลูกค่ะ

                                    วิธีชงนม

                                    แต่เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และประหยัดเวลาของคุณแม่ ในสมัยใหม่นี้ แนะนำให้ใช้เป็น “น้ำสเตอไรล์”  เพราะเป็นน้ำพร้อมใช้ ที่ไม่ต้องนำมาต้มก่อนชงนมให้ลูกค่ะ  เคล็ดลับของทีมแม่ABK ก็คือเจ้าน้ำขวดนี้ค่ะ “อะควาแคร์ น้ำสเตอไรล์” (Aqua kare Sterile Water 100% V/V) เป็นน้ำสะอาด ที่ปราศจากเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียต่างๆ คุณแม่สบายใจได้เลยว่า ชงนมให้ลูกกินแล้ว จะไม่มีอาการท้องเสียค่ะ

                                    อะควาแคร์ น้ำเตอไรล์ คุณแม่เปิดใช้แล้ว หากใช้ยังไม่หมดก็สามารถปิดฝาแล้ววางไว้ข้างนอก โดยไม่ต้องใส่ในตู้เย็นค่ะ และเพราะอะไรรู้ไหมคะว่า ทำไมทีมแม่ABK ถึงเลือกใช้ อะควาแคร์ Aqua kare Sterile Water ที่ไม่ใช่แค่ใช้ชงนมลูก แต่ยังใช้ชงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต่างๆ ได้หลากหลายชนิด มาค่ะ แม่จะบอกให้…

                                    1. น้ำสเตอไรล์ เป็นน้ำที่ผ่านการกรอง และนึ่งฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง ตามมาตรฐานวิธีการผลิตที่องค์การอาหารและยาแนะนำ เป็นน้ำพร้อมใช้ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องนำมาต้ม
                                    2. ผ่านการกรองเชื้อด้วยแผ่นกรองขนาด 0.2 ไมครอน และนึ่งฆ่าเชื้อด้วยความร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส
                                    3. ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียจากน้ำสำหรับทารก
                                    4. สะดวก ลดเวลาเตรียมนม และอาหารเสริม ช่วยให้คุณแม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

                                    Aqua kare Sterile Water 100% V/V เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในชีวิตประจำวันของคุณแม่ และทุกคนในครอบครัว สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยา SAVE DRUG คุณแม่ search หาสาขาใกล้บ้านได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://www.savedrug.co.th/location

                                    หวังว่าวิธีชงนมแบบไม่เกิดฟอง จะช่วยให้ลูกน้อยกินนมชงได้อย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง พัฒนาการสมวัย และต้องห้ามพลาดสำหรับคุณแม่ กับสุดยอดไอเท็ม ผู้ช่วยสำคัญในการชงนมให้ลูกได้อย่างปลอดภัย สะดวก ประหยัดเวลา น้ำพร้อมใช้ “อะควาแคร์ สเตอไรล์” ขวดนี้ที่แนะนำไปนะคะ

                                    วิธีชงนม