Page 182 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สั่งซื้อของสดออนไลน์

สั่งซื้อของสดออนไลน์ พ่อแม่ซื้อง่ายรับได้ที่บ้าน

ช่วงกักตัวแบบนี้ จะออกไปซื้อของใช้ก็ลำบาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ทำให้คุณพ่อ คุณแม่หลายคนกังวลว่าจะไม่ได้ของใช้ที่ต้องการ รวมถึงของสดที่จะเอามาทำอาหารก็จะซื้อยาก แม่น้องเล็กก็เลยรวบรวมร้าน สั่งซื้อของสดออนไลน์ มาให้คุณพ่อ คุณแม่ได้ช้อปเพลินเหมือนได้ไปห้างเลยค่ะ

Continue reading “สั่งซื้อของสดออนไลน์ พ่อแม่ซื้อง่ายรับได้ที่บ้าน”

    กิจกรรมให้ลูกทํา

    แนะ!12 กิจกรรมให้ลูกทํา สุดเจ๋ง เมื่อต้องอยู่บ้านหนีโควิด19+ปิดเทอมยาว

    แนะ 12 กิจกรรมให้ลูกทํา สุดเจ๋งไม่ซ้ำใคร เมื่อถูกให้ปิดเทอมยาว และต้องอยู่แต่บ้านหนีโควิด19 อยู่บ้านทั้งวันแบบนี้..ทำอะไรกันดี!

    แนะ!! 12 กิจกรรมให้ลูกทํา สุดเจ๋ง!
    เมื่อต้องอยู่บ้าน โควิด 19 + ปิดเทอมยาว

    เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (Covid-19) ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันทั่วโลก และในประเทศไทยก็ยังไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้ รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยแคมเปญ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จากนั้นก็ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 – 30 เมษายน 2563

    และล่าสุดวันที่ 7 เมษายน ทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้สถานศึกษาเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พ.ค. 63 เป็นวันที่ 1 ก.ค. 63

    ทำให้ลูกๆ ต้องอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่นานขึ้นไปอีก ซึ่งหากมองในแง่บวก การอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ ก็สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ทำให้พ่อแม่ลูกได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น แต่การอยู่ด้วยกันทั้งวันทุกวันคงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหากพ่อแม่ไม่มี กิจกรรมให้ลูกทํา แก้เซ็งให้ลูกๆ ผลร้ายที่อาจตามมาคือ ลูกอาจกลายเป็นเด็กติดจอได้เพราะไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพื่อป้องกันผลเสียของเรื่องนี้ ทางทีมแม่ ABK จึงมี ตารางกิจกรรมสำหรับเด็กๆ กิจกรรมให้ลูกทํา ยุคโควิด 19 มาแนะนำกัน จาก โรงพยาบาล วิชัยยุทธ

    กิจกรรมให้ลูกทํา
    ขอบคุณภาพจากเพจ Vichaiyut Hospital โรงพยาบาล วิชัยยุทธ

     

    โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถดูตารางนี้เป็นแนวทางได้ว่า ในแต่ละวันที่ตื่นมาจนกระทั่งเข้านอน จะมี กิจกรรมให้ลูกทํา แบบไหน อย่างไรบ้าง ทั้งนี้จะเห็นว่าในตารางมีทั้ง ชั่วโมงเรียนรู้กับโลกออฟไลฟ์ / ชั่วโมงเรียนรู้กับโลกออนไลน์ , ชั่วโมงนักสร้างสรรค์ , ชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตนเอง , ชั่วโมงบ้านสะอาด , กิจกรรมต้านไวรัสโควิด19 , กิจกรรมนอกบ้านยามเย็น และชั่วโมงอิสระ

     

    ซึ่งจากกิจกรรมตามชั่วโมงต่างๆ ที่ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แนะนำ บางอย่างอาจเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่รู้และทำกันอยู่แล้ว แต่พอนานไปเข้าลูกก็อาจเบื่อ ดังนั้นแม่ฮันน่าห์จึงมีอีก 12 กิจกรรมสุดเจ๋ง กิจกรรมให้ลูกทํา มาแนะนำ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าสุดสนุก แถมสร้างสรรค์ ไม่มีซ้ำ ไม่น่าเบื่อ จะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

     

    ดูต่อ >> 12 กิจกรรมให้ลูกทําที่บ้าน สุดเจ๋ง! คลิกหน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      ผลกระทบจากโควิด

      ผลกระทบจากโควิด ของคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกแรกเกิด

      ข่าวน่าสะเทือนใจจากเว็บไซต์ Daily Mail ซึ่งพบว่ามี คุณแม่ตั้งครรภ์เสียชีวิต ผลกระทบจากโควิด ระหว่างการคลอดในโรงพยาบาล Whittington ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างรุนแรง โดยแพทย์สามารถช่วยชีวิตลูกของเธอเอาไว้ได้

      Continue reading “ผลกระทบจากโควิด ของคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกแรกเกิด”

        ฤกษ์คลอด

        [เรื่องจริงจากหมอสูติฯ] เชื่อฤกษ์คลอด..จนลูกเสียชีวิตในครรภ์

        เรื่องเล่าเคสจริงจากหมอสูติฯ เมื่อครอบครัวยึดมั่นกับ ฤกษ์คลอด มาก! ทั้งที่เลยกำหนดคลอดที่คุณหมอแนะนำแล้ว คือ 41 สัปดาห์ ทำให้ลูกเสียชีวิตในครรภ์ สาเหตุเพราะอะไร?

        อุทาหรณ์พ่อแม่เชื่อ ฤกษ์คลอด จนลูกเสียชีวิตในครรภ์!

        เรื่องราวที่ทีมแม่ ABK นำมาฝากต่อไปนี้ เป็นอรื่องเล่าของคุณหมอสูติฯ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การเชื่อฤกษ์คลอด จนทำให้คุณแม่ท้องที่ต้องคลอดภายในกำหนอที่หมอบอก ไม่ยอมทำคลอด เพราะรอวันคลอดตามที่แม่สามีต้องการ จนทำให้ลูกน้อยเสียชีวิตตั้งแต่ในท้อง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันค่ะ

         

        ฉันชื่อภัทชา (ชื่อสมมุติ) อายุ 31 ปี ตั้งท้องที่หนึ่งได้ 9 เดือนหรือ 39 สัปดาห์ ในวันนี้ วันที่ 14 ธันวาคม ฉันไปหาหมอที่ฝากครรภ์ตามนัด โดยมีแม่สามีตามไปด้วย

        “ภัท ลูกอย่าลืมบอกหมอนะ” แม่สามีสำทับก่อนที่ฉันจะเข้าพบหมอ

        “ค่ะ” ฉันตอบรับ

        เรื่องที่แม่สามีจะให้พูดกับหมอคือ ห้ามคลอดปีนี้เด็ดขาด!! เนื่องจากเป็นปีชงกับครอบครัว หากลูกคลอดปีนี้จะเป็นกาลกิณี ทำให้ครอบครัวประสบโชคร้ายอย่างรุนแรง ฉันเองไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างอื่นนอกจากทำตาม แม้ฉันจะทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ เชื่อฤกษ์บ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่เรื่องนี้ในครอบครัวที่ฉันย้ายไปอยู่อาศัยด้วย เชื่อมาก

        เชื่อฤกษ์คลอด ตั้งครรภ์เกินกำหนด สำลักขี้เทา

        ฉันรักกับสามีมา 9 ปี กว่าจะได้แต่งงาน สามีและครอบครัวสามีดีต่อฉันมาก แต่มีความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม เชื่อเรื่องดวง ทางครอบครัวมีอาชีพค้าขาย คงมีประสบการณ์เรื่องนี้ อีกทั้งสามีเป็นลูกชายคนโตที่พ่อแม่หวังพึ่งพิงมาก

        แม้ตกลงแต่งงานแล้ว  ครอบครัวสามีเอาวันเดือนปีเกิดฉันไปดูหลายครั้ง ว่าเข้ากันได้กับสามีและครอบครัวสามีไหม เมื่อหมอดูว่าไม่ดี การแต่งงานก็เลยไม่เกิด เลื่อนไปนานถึงสองปี จนสุดท้าย แม่ของฉันบอกว่า วันเดือนปีเกิด ของฉันนั้นผิด เพราะแจ้งเกิดช้า เลยเปลี่ยนวันและเดือนเกิด นั่นแหละจึงลงตัว แต่ก็ต้องเปลี่ยนชื่อจากสุมาลี เป็นภัทชา ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพราะหมอดูโทรศัพท์ดูว่า หากใช้หมายเลขที่ใช้อยู่ จะมากชู้หลายชาย ใช้เงินเปลือง เก็บเงินไม่ได้ ธุรกิจไม่รุ่งเรือง เรื่องคบชู้ ฉันอยากหัวเราะ เพราะฉันมีแฟนคนเดียวและคบกันตั้งแต่เรียน แต่ก็ต้องทำตามในธรรมเนียม ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

        แต่งงานได้นาน 2 ปีจึงท้อง ก่อนท้องแม่สามีก็หายาแผนจีนมาบำรุง ดูแลฉันอย่างดี แต่มามีปัญหาเรื่องวันเดือนปีเกิด เพราะเขาไปดูฤกษ์ไว้ตอนท้องอ่อนๆว่าต้องคลอดวันพุธ ของปีหน้า คือวันที่ 6 มกราคม เวลา 08.59 น. ซึ่งเป็นฤกษ์มังกร เด็กจะพิเศษสมกับที่เกิดมาจากสรวงสวรรค์ จะนำความสำเร็จ ร่ำรวย ความสุขสมหวัง มาให้ครอบครัว หัวเด็ดตีนขาดจะคลอดปีนี้ไม่ได้เด็ดขาดวันนี้เป็นวันที่แพทย์นัดตรวจ แม่สามีบอกว่าต้องมากำกับ คุยกับหมอ เพื่อไม่ให้คลอดปีนี้

        Must read >> ดวงวันเกิดลูก กับพ่อแม่ วันไหนเป็นมิตร วันไหนเป็นศัตรู

        “สวัสดีค่ะคุณภัทชา วันนี้ถือว่าครบกำหนดคลอดแล้วนะคะ สบายดีไหมคะ ลูกดิ้นดีไหมคะ ปวดท้องไหมคะ” หมอทักทาย

        “สบายดีค่ะ ไม่ปวดท้อง ลูกดิ้นดี เออ…คุณหมอคะ ภัทจะคลอดเมื่อไหร่คะ” ฉันถามหมอ

        หมอยิ้มกับคำถาม “ปกติหากรอคลอดเองตามธรรมชาติ ก็คงต้องรอปวดท้อง หมอเองคงบอกไม่ได้ว่าจะคลอดเมื่อไหร่ แต่ทางการแพทย์มักไม่ให้ตั้งครรภ์เกิน 41 สัปดาห์ เพราะอาจจะเกิดอันตราย เช่น รกแก่ เลือดไปเลี้ยงเด็กไม่พอ น้ำคร่ำแห้ง เด็กถ่ายขี้เทาตอนอยู่ในท้อง เด็กสำลักขี้เทาตนเอง

        ฉันนับเวลา หาก 41 สัปดาห์ ก็เป็นวันที่ 28 ธันวาคม ยังไม่ได้ฤกษ์ตามครอบครัวสามีสั่ง

        เชื่อฤกษ์คลอด ตั้งครรภ์เกินกำหนด สำลักขี้เทา

        “ตอนนี้ลูกในท้องภัทแข็งแรงดีไหมคะ” ฉันถามหมอ

        หมอตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์แล้วอธิบายว่า…

        “ตอนนี้ลูกคุณภัทแข็งแรงดีค่ะ เด็กโตดี ประมาณน้ำหนักเด็กจากเครื่องอัลตร้าซาวนด์ 3,200 กรัม แต่รกเริ่มแก่ อาทิตย์หน้าก็ครบ 40 สัปดาห์ เดี๋ยวหมอนัดมาตรวจอีก1 อาทิตย์นะคะ คุณภัทคอยดูน้องดิ้นนะคะ ดิ้นดีแสดงว่าน่าจะแข็งแรงดี”

        ตรวจครรภ์เสร็จแม่สามีถามฉันว่า “หมอว่าไง รอถึงวันพุธปีหน้าได้ไหม”

        “หมอบอกว่าเด็กยังแข็งแรงดีแม่ อาทิตย์หน้ามาตรวจใหม่ค่ะแม่”

        “อย่าลืมบอกหมอนะ ต้องคลอดวันพุธปีหน้า”

         

        อ่านต่อ “[เรื่องจริงจากหมอสูติฯ]
        เพราะเชื่อฤกษ์คลอด..จนลูกเสียชีวิตในครรภ์” คลิกหน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          วิธีดูแลใจเด็กๆ

          วิธีดูแลใจเด็กๆ ในช่วงวิกฤติโควิด-19

          ตอนนี้ผลกระทบจากโควิด-19 อาจจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่เกิดความเครียด รวมไปถึงลูกน้อย เพราะต้องถูกกักบริเวณ ไม่ให้ออกไปไหน เนื่องจากต้องป้องกันการติดต่อของเชื้อโรค ทำให้เด็กๆ วิตกกังวลต่อสถานการณ์นี้ตามไปด้วย แม่น้องเล็ก จึงมี วิธีดูแลใจเด็กๆ มาฝากกันค่ะ

          Continue reading “วิธีดูแลใจเด็กๆ ในช่วงวิกฤติโควิด-19”

            รับเงินค่าไฟคืน

            รับเงินค่าไฟคืน พ่อแม่ต้องลงทะเบียนอย่างไร?

            จากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้หลายครอบครัวต้องจำกัดการออกนอกบ้าน อาศัยอยู่แต่ในบ้าน ทำให้การใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลจึงมีมาตรการช่วยเหลือด้วยการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า มีเงื่อนไข และวิธีการอย่างไรบ้างที่จะได้ รับเงินค่าไฟคืน ไปอ่านกันเลยค่ะ

            Continue reading “รับเงินค่าไฟคืน พ่อแม่ต้องลงทะเบียนอย่างไร?”

              แหล่งเรียนรู้ออนไลน์

              อยู่บ้านแต่ไม่หยุดเรียนรู้! รวมลิงค์องค์กรใจดีแจกฟรี แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ สำหรับเด็ก

              เมื่อเด็ก ๆ ต้องติดแหงกอยู่กับบ้านในช่วงสถานการณ์ covid-19 ที่ทำให้ลูก ๆ ไม่ได้ออกไปเปิดประสบการณ์นอกบ้าน แต่หยุดอยู่บ้านเพื่อชาติครั้งนี้ลูกจะไม่หยุดเรียนรู้ มีองค์กรใจดีมากมายที่พร้อมจะปลดล็อกการเสียค่าสมาชิก แจกฟรี แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ สำหรับเด็ก ต่อให้วิถีชีวิตต้องปรับโหมดอยู่บ้านทุกวัน คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถหากิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อยู่กับบ้านเพื่อพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งได้เหมือนกัน จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลยค่ะ

              10 แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ สำหรับเด็ก อยู่บ้านแต่ไม่หยุดเรียนรู้!

              1.NASA Stem@Home

              NASA Stem@Home
              ขอบคุณภาพจาก NASA Stem@Home

              Nasa ได้เปิดเว็บไซต์ NASA Stem@Home ให้สำหรับเด็ก ๆ ตั้งแต่วัยอนุบาลถึงมัธยมต้นได้เรียนรู้และ workshop กิจกรรมสนุกมากมายได้ง่าย ๆ ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ที่สามารถทำเองได้อยู่บ้านเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ทำกันให้หายเบื่อไปเลย อาทิเช่น

              สามารถเข้าไปดูกิจกรรมมากมายกว่านี้ได้ที่ NASA Stem@home

              2.Amazon

              Amazon.com
              ขอบคุณภาพจาก https://stories.audible.com/start-listen

              เว็บไซต์ Amazon.com นับว่าเป็นอีกแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ที่ดีมาก ๆ อีกหนึ่งแหล่งสำหรับเด็ก ๆ ค่ะ ช่วงนี้ Amazon ประกาศยกเลิกการเสียค่าสมาชิก และเปิดให้เด็ก ๆ ทั่วโลกได้ฟังหนังสือเสียงจากทุกมุมโลกฟรี! โดยได้รวมรวบหนังสือสำหรับเด็ก ๆ ตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงวัยรุ่นมาไว้ให้อ่านเพียบ มีหลายภาษาให้เลือกฟัง

              สามารถเข้าไปเลือกฟังหนังสือเสียงได้ที่ https://stories.audible.com/discovery

              3.British Council

              british counsil
              ขอบคุณภาพจาก www.learnenglishkids.britishcouncil.org

              บริติช เคานซิล ได้ออกแบบเว็บไซต์ LearnEnglish Kids เพื่อรวบรวมกิจกรรมที่สามารถต่อยอดและส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น

              • แฟลชการ์ด สนุกกับการทำแฟลชการ์ดและภาพระบายสี ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถปริ๊นท์ออกมาเล่นกับลูก ๆ ได้ เพื่อเสริมพัฒนาการ เพิ่มทักษะความจำ และได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เช่น kitchen objects flash card
              • ระบายสี เรียนรู้คำศัพท์จากการอ่านประโยคภาษาอังกฤษและระบายสีในรูปภาพให้ถูกต้อง เช่น ภาพ Desert Island
              • Fun and Games มีเกมออนไลน์มากมายในหัวข้อต่างๆ แต่ละเกมมีระบบเสียงเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้ทักษะ ความคิด แก้ปัญหา สามารถฝึกออกเสียงได้ เสริมพัฒนาการได้มากมาย คลิก
              • Listen and watch เรื่องราวพร้อมเพลงประกอบมากมาย ที่มีคำศัพท์ง่าย ๆ เพื่อช่วยในการขยายคำศัพท์ของเด็ก ๆ ให้พวกเขาเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ได้จากการดูและการฟัง โดยให้เด็ก ๆ ได้เลือกหนึ่งเพลงและให้เล่นเกมคำศัพท์ก่อนที่จะเปิดคลิปเพลงดู หลังจากนั้นให้เด็ก ๆ ได้ดูวิดีโอพวกเขาก็จะได้เจอคำศัพท์ที่อยู่ในเพลงจากการเล่นเกมที่ผ่านตามาแล้วนั่นเอง คลิก
              • Read and Write แบบฝึกหัดและใบงาน ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถดาวน์โหลดเพื่อนำไปฝึกฝนทักษะการอ่านและการเขียนให้กับเด็ก ๆ คลิก

              กิจกรรมทั้งหมดนี้จะช่วยฝึกฝนไวยากรณ์และคำศัพท์ต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่บ้านได้ด้วยตนเองหรือร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสนุกสนาน

              สามารถเข้าไปเลือกกิจกรรมมากมายได้ที่  www.learnenglishkids.britishcouncil.org

              4.YouTube Learning at home

              YouTube Learning at home
              ขอบคุณภาพจาก www.learnathome.withyoutube.com

              YouTube ได้เปิดเว็บไซต์ Learn@Home ที่นำช่อง YouTube เพื่อการศึกษาให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ในขณะที่หยุดอยู่บ้านได้ โดยได้แบ่งประเภทช่องเป็น 3 ระดับ ได้แก่

              • ครอบครัวที่มีเด็กปฐมวัย ช่อง YouTube Kids ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เด็ก ๆ เพลิดเพลินและเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด คลิก
              • ครอบครัวที่มีเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป เรียนรู้ผ่านช่อง YouTube Kids เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านวิดีโอออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและง่ายยิ่งขึ้น ตั้งแต่รายการและเพลงโปรด ไปจนถึงเรียนรู้วิธีสร้างแบบจำลองภูเขาไฟ (หรือวิธีทำสไลม์) และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถควบคุมได้ เพื่อให้เป็นการดูยูทูปอย่างสร้างสรรค์และเหมาะสมกับวัยของลูก คลิก
              • ครอบครัวที่มีเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป คลิก

              อ่านต่อ แจกฟรี 10 แหล่งเรียนรู้ออนไลน์สำหรับเด็ก คลิกหน้า 2

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                อาหารไทย

                9 อาหารไทย เพิ่มภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19

                นอกจากใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง (social distancing) จะเป็นวิธีป้องกันโควิด-19 จากภายนอก คุณแม่ยังสามารถปกป้องลูกน้อยและทุกคนในบ้านให้มีสุขภาพดี ภูมิคุ้มกันเยี่ยมกันง่ายๆจากในบ้าน ด้วยเมนู อาหารไทย รสคุ้นเคย ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มภูมิ ต้านโรคได้อย่างไม่เชื่อ

                เปิดเมนู อาหารไทย กินเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัสโควิด-19 

                แม่ทราบไหมคะว่า เมนู อาหารไทย ที่ทำกับข้าวกินที่บ้านอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่แค่รสชาติอร่อยถูกปาก ชนะใจสามีและลูกๆเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยาช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อร่อยแถมมีประโยชน์แบบไม่ต้องเสียเงินซื้อแพงๆด้วย

                นายแพทย์ มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบายดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกได้ให้คำแนะนำในการเตรียมพร้อมร่างกายไว้สู้โควิด-19 ไว้ว่า “การระบาดของเชื้อในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทำให้ประชาชนอาจเกิดความวิตกกังวลหรือเครียด แต่หากเตรียมความพร้อมให้สร้างสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส ก็จะเป็นเกราะป้องกันตนเอง ลดโอกาสติดเชื้อไวรัส หรือหากติดเชื้อก็อาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีอาการรุนแรง

                เพราะในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอันตราย หรือหากรับเชื้อเข้ามาแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันนี้จะกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปให้เร็วที่สุด ฉะนั้นการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันสมบูรณ์แข็งแรงอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยมาจากสิ่งพื้นฐานง่ายๆ 3 อย่างได้แก่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และได้สารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงมีโรคระบาดรุนแรง ยิ่งต้องเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากกว่าปกติ

                อาหารไทย

                 

                อาหารไทย ช่วยป้องกันโควิด-19 ได้อย่างไร

                อาหารไทยส่วนใหญ่ ไม่ว่าปรุงด้วยการต้ม ผัด แกง ทอด มักใช้พืชผักสมุนไพรเป็นส่วนผสม เพื่อช่วยปรับแต่งรสชาติให้กลมกล่อม นอกจากกินอร่อยแล้วยังมีฤทธิ์เป็นยาช่วยป้องกันโรคโควิด—19 ได้อีกด้วย

                จากรายงานศึกษาของนักวิจัยในประเทศจีน โดยได้จำลองโครงสร้าง 3 มิติ ของสารสำคัญจากสมุนไพรพบว่า มีประสิทธิภาพในการจับตัวรับไวรัสทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันไวรัสเข้าเซลล์ และการจับกันของโปรตีนที่จำเป็นต่อการเพิ่มจำนวนของไวรัส ซึ่งช่วยป้องกันการแบ่งตัวของไวรัสได้

                อาหารไทย

                ประเภทสมุนไพรในอาหารไทย เพิ่มภูมิต้านโรค

                ขณะเดียวกันกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกได้แนะนำผักผลไม้สมุนไพร ช่วยเสริมภูมิต้านทานร่างได้3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้

                1. เสริมภูมิคุ้มกัน ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดเออรินจิ พลูคาวหรือผักคาวดอง และน้ำตรีผลา (ทำจากสมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม)
                2. วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง

                ผักสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูงได้แก่ ดอกขี้เหล็ก ยอดมะยม ใบเหลียง ยอดสะเดา มะระขี้นก ฟักข้าว ผักเชียงดา คะน้า มะรุม ผักแพว มะขามป้อม

                ผักที่มีสารแอนโทไซยานิน ที่มีฤทธิต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ลูกหม่อน และผักผลไม้หลากสีต่างๆ เช่น แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง บรอกโคลี พริกระฆัง มะเขือม่วง เป็นต้น

                1. สารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

                สมุนไพรกลุ่มนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ ลดโอกาสการติดเชื้อได้ มีทั้ง 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

                • สารเคอร์ซีตินสูงจาก พลูคาว หอมแดง หอมหัวใหญ่ มะรุม ใบหม่อน แอปเปิ้ล
                • สารเฮสเพอริจดิน และรูตินสูงจาก ผิวและเยื่อหุ้มด้านในเปลือกของผลพืชตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว มะกรูด ส้มซ่า
                • สารโอเรียนทินจาก กะเพรา

                นอกจากนี้ยังพบว่า การนำเปลือกส้มหรือใบหม่อนมาชงดื่มแทนน้ำชาตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ยังช่วยป้องกันปอดบวมอักเสบจากการติดเชื้อโควิด-19ได้อีกด้วย

                อ่านต่อ  9 เมนู อาหารไทย ต้านโควิด พร้อมสูตรทำเองได้ อร่อยไม่แพ้เชฟ หน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  เป็นไมเกรนตอนท้อง

                  เป็นไมเกรนตอนท้อง รับมืออย่างไร ?

                  เป็นไมเกรนตอนท้อง เพราะสาเหตุใด แล้วจะกินยาแก้ปวดไมเกรนได้ไหม จะกระทบถึงลูกในท้องหรือเปล่า?  มีคุณแม่ท้องถามทีมแม่ABK เข้ามาว่าคนท้องกับไมเกรนมีโอกาสเป็นมากน้อยแค่ไหน เอาเป็นว่าเราไปหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ

                  อาการแทรกซ้อนทางสุขภาพสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาขณะตั้งครรภ์ คนท้องบางคนมีอาการทางสุขภาพเล็กน้อยไม่ถึงขั้นต้องกินยา แค่พักผ่อน ปรับเรื่องอาหารการกินนิดหน่อยอาการไม่สบายก็ค่อยๆ ดีขึ้นได้ แต่ในคนท้องบางคนก็อาจมีอาการแทรกซ้อนทางสุขภาพที่ถึงขั้นต้องกินยาระหว่างตั้งครรภ์ ในส่วนนี้จะต้องอยู่ในการดูแลควบคุมจากคุณหมออย่างใกล้ชิดค่ะ เพราะการกินยาบางชนิดอาจไม่ปลอดภัยต่อทารกน้อยในครรภ์ค่ะ และหนึ่งในนั้นก็มี “ไมเกรน” ร่วมอยู่ด้วย

                   

                  เป็นไมเกรนตอนท้อง เพราะสาเหตุใด ?

                  คุณแม่ที่ เป็นไมเกรนตอนท้อง อาจเกิดขึ้นได้จากหลายๆ ปัจจัย มาดูกันว่าเป็นไมเกรนได้จากสาเหตุใดบ้าง เพื่อที่คุณแม่จะได้ดูแลสุขภาพร่างกายได้อย่างเข้าใจ และถูกต้องค่ะ

                  1. *การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์อาจส่งผลให้เกิดภาวะปวดศีรษะได้ โดยอาการมักทุเลาลงในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเริ่มคงที่ และร่างกายสามารถปรับตัวได้แล้ว
                  2. การยืนหรือการนั่งที่ไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่เกิดในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 ซึ่งครรภ์ของคุณแม่เริ่มใหญ่ขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอริยาบทที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้ปวดศีรษะได้เช่นกัน ซึ่งภาวะปวดศีรษะในช่วงนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงหรือครรภ์เป็นพิษ หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที
                  3. ขาดสารอาหารและความหิว เพราะกลัวน้ำหนักขึ้นมากเกินไปในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่อดอาหาร จนขาดสารอาหารหรือรู้สึกหิวระหว่างวัน
                  4. พักผ่อนน้อย เนื่องจากนอนได้ลำบากขึ้น หรือรู้สึกอึดอัดจนนอนไม่ค่อยหลับ
                  5. การงดการดื่มชา กาแฟ เมื่อร่างกายไม่ได้รับคาเฟอีนเหมือนเดิม ส่งผลให้ปวดศีรษะได้
                  6. ความวิตกกังวลและความเครียด ส่งผลโดยตรงกับอาการปวดศีรษะ
                  7. ขาดน้ำ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย อาจแก้ปัญหาด้วยการดื่มน้ำน้อยลง จนเกิดภาวะขาดน้ำ และปวดศีรษะ*

                  *เครดิต : พญ.ธนินจิตรา พูลเพชรพันธุ์ โรงพยาบาลสมิติเวช

                   

                  ทั้งหมดนี้คือสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้คุณแม่เป็นไมเกรนตอนท้องกันได้ค่ะ แต่เชื่อว่าก็ยังมีความสงสัยกันอยู่ว่าแล้วลักษณะอาการปวดไมเกรนเป็นแบบไหน จะเหมือนกับอาการปวดศีรษะทั่วไปเปล่า จากที่ทีมแม่ABK เคยสอบถามกับคุณหมอตอนที่ตัวเองตั้งครรภ์ เพราะระหว่างท้องก็มีอาการปวดศีรษะด้วยเช่นกัน ตอนนั้นไปพบคุณหมอที่ดูแลครรภ์ และเล่าอาการปวดหัวให้ฟัง คุณหมอวินิจฉัยโดยรวมแล้ว อาการปวดหัวครั้งนั้นไม่ได้มาจากไมเกรน แค่ปวดหัวธรรมดาทั่วไปค่ะ

                  อาการปวดไมเกรน จะมีจุดสังเกตอาการปวดที่เด่นๆ ก็คือ

                  • มีอาการปวดตุบๆ(คล้ายเส้นเลือดเต้น) ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ ความปวดจะค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น
                  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
                  • บางคนอาจมีอาการแสดงเตือนก่อนที่จะมีอาการปวดศีรษะตามมา เช่น ตาพร่า หรือมองเห็นแสงกระพริบๆ จากนั่นก็จะค่อยๆ เริ่มปวดหัว (ระดับความปวดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนถึงขั้นปวดรุนแรง)

                  และก็อย่างที่รู้กันว่าการกินยาในระหว่างตั้งครรภ์ ควรเป็นเรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะการกินยาอาจมีผลกระทบต่อลูกในท้องได้ ทีมแม่ABK แนะนำว่า คนท้องควรไปพบคุณหมอที่ดูแลครรภ์ของคุณแม่ทุกครั้งที่มีอาการเจ็บป่วยแทรกซ้อนขึ้นมา ไม่เฉพาะจะต้องอาการปวดศีรษะนะคะ คือไม่ว่าจะเท้าบวม เวียนหัว ปวดหลัง มีไข้ ตัวร้อน ฯลฯ ถ้าสังเกตเห็นว่าตัวเองมีอาการผิดปกติถึงจะเล็กๆ น้อยๆ ก็ไปโรงพยาบาลให้คุณหมอเช็กตรวจดูอาการที่ชัดเจนอีกทีนะคะ ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาดค่ะ

                  หากคุณแม่ปวดหัว และไม่แน่ใจว่าจะใช่ไมเกรนหรือไม่ แนะนำว่าควรให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียดค่ะ เพราะถ้าเป็นอาการไมเกรนจริงๆ คุณหมอจะให้คำแนะนำในการดูแลรักษาเพื่อบรรเทาอาการได้อย่างถูกต้อง และอาจไม่ต้องกินยา หรือถ้าต้องกินยา คุณหมอจะเป็นคนจัดยาที่ปลอดภัยให้กับคุณแม่ค่ะ

                  อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยแวดล้อม และอาการปวดหัวไมเกรนจะรุนแรงมากกว่า อาการปวดหัวธรรมดาทั่วไป ซึ่งหากปกติแล้วสามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวให้ทุเลาได้ลงค่ะ แต่ในคนท้องทีมแม่ABK ไม่แนะนำให้กินยาอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะปวดหัวธรรมดา หรือปวดหัวไมเกรน เบื้องต้นอย่างที่แนะนำไปคือ แม่ท้องควรไปพบคุณหมอที่ดูแลครรภ์ ให้ตรวจดูอาการปวดหัวจะดีที่สุดค่ะ

                  แต่ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่เกิดอาการปวดหัวไมเกรนขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ให้คุณแม่หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะกันค่ะ

                  วิธีป้องกันอาการปวดไมเกรน ที่แม่ท้องทำได้ง่ายๆ

                  1. หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นภาวะไมเกรน เช่น ผงชูรส น้ำตาลเทียม ชีส แอลกอฮอล์ ช็อกโกแล็ต ชา และกาแฟ
                  2. ระหว่างวันให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ หรืออย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน น้ำจะช่วยให้ออกซิเจน และเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดีมากขึ้น เลือดลมเดินสะดวก ก็ช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ค่ะ
                  3. คนท้องควรนอนหลับแต่หัวค่ำ ก่อนนอนให้ดื่มนมอุ่นๆ หรือน้ำขิงๆ จะช่วยให้หลับสบายมากขึ้น ส่วนช่วงกลางวันหากสะดวกควรหลับงีบสัก 1 -2 ชั่วโมง หากคุณแม่ท้องต้องทำงานออฟฟิศ อาจพักงีบในช่วงพักเที่ยงสัก 30 นาที การนอนจะช่วยให้ตื่นมาสมองโล่ง และสดชื่นค่ะ
                  4. ข้อปฎิบัติของคนที่ปวดไมเกรน ที่จะช่วยให้อาการปวดบรรเทาขึ้นได้เร็ว คือเมื่อเริ่มมีอาการปวดหัวให้เข้าห้องนอนพักทันที ปิดไฟ เพื่อไม่ให้แสงในห้องสว่างจ้า นอนสักพักอาการปวดหัวจะค่อยๆ บรรเทาลงจนเป็นปกติ
                  5. หากอยู่บ้าน คุณแม่อาจใช้วิธีประคบเย็น ด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งก้อนเล็กๆ แล้วประคบตรงบริเวณศีรษะที่ปวดค่ะ
                  6. ที่สำคัญห้ามซื้อยาแก้ปวดศีรษะ และยาไมเกรนมารับประทานเองเด็ดขาดนะคะ ควรพบแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม และไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ค่ะ

                  การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงพร้อมอยู่ตลอดเวลา สามารถช่วยลดอาการเจ็บป่วยไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้นะคะ โดยเฉพาะการเป็นไมเกรนตอนท้อง ถ้าคุณแม่รู้เท่าทันสาเหตุ ก็สามารถป้องกัน และบรรเทาอาการได้ไม่ต้องกินยาให้เป็นอันตรายต่อทารกน้อยในครรภ์ค่ะ …ด้วยความห่วงใย

                  อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                  8 อาการที่ทรมานกว่าตอน เจ็บท้องใกล้คลอด 

                  ครรภ์เป็นพิษ ภัยใกล้ตัว! อันตรายต่อคุณแม่และลูกในท้อง 

                  คนท้องยืนนานๆ กระทบลูกหรือไม่ เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่


                  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : samitivejhospitals   ,   siphhospital   ,  paolohospital

                    แอปติดตามโควิด

                    แอปติดตามโควิด หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงปลอดภัยทั้งครอบครัว

                    ในสถานการณ์แพร่กระจายเชื้อโควิด-19 แบบนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็น่าเป็นกังวลไปหมด เพราะกลัวว่าจะได้รับเชื้อเข้าไปทางการหายใจ คุณพ่อ คุณแม่ หลายคนจึงพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปในที่ชุมชน แม่น้องเล็กมี แอปติดตามโควิด มาแนะนำเพื่อคอยติดตามสถานการณ์กันค่ะ

                    Continue reading “แอปติดตามโควิด หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงปลอดภัยทั้งครอบครัว”

                      เมนูอาหารblw

                      แจก! 20 เมนูอาหารBLW สำหรับลูกวัย 6 เดือนขึ้นไป

                      เมนูอาหารblw ฝึกลูกกินเอง กินแบบ blw จะต้องทำอาหารแบบไหน เมนู BLW 6 เดือน ทำอะไรให้ลูกกินดี ทีมแม่ ABK มีไอเดีย 20 เมนูอาหารblw มาฝาก! จัดเต็มเพื่อแม่และลูก

                      รวม เมนูอาหารblw สำหรับลูกวัย 6 เดือนขึ้นไป!

                      เมื่อลูกถึงวัย 6 เดือน ก็จะเริ่มหยิบจับของต่างๆ ได้ และมักเอาของเข้าปากตัวเอง ซึ่งตอนนี้คุณแม่ก็สามารถเริ่มให้ลูกกินอาหารเสริมได้นอกเหนือจากการกินนมแม่เพียงอย่างเดียวแล้ว และเพราะลูกจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่กับการกินอาหารครั้งแรกในชีวิต ดังนั้นการเปิดโอกาสให้ลูกน้อยได้ทำความรู้จักกับสิ่งที่เขาต้องเอาเข้าปากผ่านการหยิบ ดม ชิม ไปจนถึงการ ฝึกลูกกินอาหาร ด้วยตัวเอง ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ เพื่อเสริมพัฒนาการลูก ช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับการกินได้ง่ายขึ้น การกินอาหารด้วยวิธี Baby Led Weaning หรือ การกินแบบ BLW จึงเป็นอีกทางเลือกที่พ่อแม่รุ่นใหม่กำลังให้ความสนใจ

                      Must read >> รู้จัก BLW ฝึกลูกกินอาหารเอง หยิบเอง แม่ไม่ต้องป้อนตั้งแต่มื้อแรก

                      การฝึกให้ลูกกินแบบ BLW คือ การให้ลูกกินอาหารเองได้ 100 % โดยไม่ต้องป้อน และไม่ใช่การกินอาหารที่ผ่านการบด ครูด หรือปั่นอย่างที่คุณแม่เคยรู้จัก แต่ เมนูอาหารblw เด็ก ๆ จะได้กินเหมือนกับพ่อแม่ เพียงแต่ไม่ปรุงรส และหั่นเป็นชิ้น เพื่อให้หยิบเข้าปากเอง พร้อมนั่งกินร่วมบนโต๊ะอาหารเดียวกัน

                      เมนูอาหารblw

                      ซึ่งการกินแบบ BLW คุณแม่สามารถจัดการอาหารให้ลูก โดยการหั่นอาหารให้ถูกวิธี และอาหารแต่ละอย่าง ทั้งผัก เนื้อสัตว์ ผลไม้ ก็จะมีการหั่นที่ไม่เหมือนกัน โดยสามารถดู การหั่นอาหาร blw หั่นแบบไหน ลูกกินแล้วไม่ติดคอ? ได้ที่นี่! นอกจากนี้คุณแม่ควรนำเสนออาหารให้ลูกให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเจเมนูใดเมนูหนึ่งจนเกินไป สำหรับไอเดีย การทำ เมนูอาหารblw คือ สมมุติว่าวันนี้คุณพ่อคุณแม่อยากกิน เมนู ผัดฟักทอง ขั้นตอนการทำ อาหารแบบ blw ให้ลูกด้วยคือ

                      1. หั่นฟักทองให้ถูกสำหรับลูก (หั่นเป็นชิ้นแท่งเท่านิ้วชี้ จะช่วยให้หยิบจับง่ายขึ้นสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มกิน)
                      2. หากคุณพ่อคุณแม่ กินแบบหมูชิ้นก็ควรหั่นให้ถูก แต่ถ้าใช้หมูสับก็ยีๆ ผัดแบบเรากินได้เลย ไม่ต้องปั้นก้อน
                      3. ผัดกระเทียมกับน้ำมันก่อน แล้วเอาฟักทองและหมูลงผัดให้สุก
                      4. เติมน้ำซุปที่เราทำเองลงไป แล้วจึงใส่ไข่
                      5. ตักของน้องขึ้นก่อน แล้วปรุงของผูใหญ่ลงไป
                      6. เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยปกติ จะวางบนจาน หรือวางบนถาดก็ได้

                      เมนูอาหารblw

                      สุดท้ายคือเมื่ออาหารพร้อมแล้ว ก็จัดการนั่งลงกินข้าวพร้อมกันได้เลยค่ะ ดังนั้น หากถามว่าจะให้ลูกเริ่มกินอะไรดีในมื้อแรก หรือใน BLW คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องถามย้อนตัวเราเองว่า “วันนี้เราจะทำอะไรกินดีก่อน!?” เพราะ BLW = การกินอาหารครอบครัว

                      Must read >> คัมภีร์ ตารางอาหารตามวัย สำหรับลูกน้อยในวัยขวบปีแรก

                      แต่อย่างไรก็ดีหากคุณแม่สนใจจะฝึกให้ลูกกินแบบ BLW และยังนึกไม่นอกจริงๆ ว่าจะทำ เมนูอาหาร blw อะไรให้ลูกกินดี? ทีมแม่ ABK จึงมี ไอเดีย 20 เมนูอาหาร blw มาฝาก ซึ่งเมนูเหล่านี้ เป็นไอเดียจาก คุณแม่อีฟ จอมใจ ไตรพร เจ้าของเพจ กินพาเพลิน อาหารเด็ก 6 เดือน+ และคุณแม่ของน้องอิงฟ้า ซึ่งคุณแม่อีฟเป็นหนึ่งในแม่ยุคใหม่ที่สนใจเลี้ยงลูกแบบ BLW โดยทำ เมนูอาหารblw ให้น้องอิงฟ้ากินตั้งต่ที่น้องถึงวัย 6 เดือน คือเริ่มกินอาหารเสริมได้แล้ว จะมีเมนูอะไรบ้าง และแต่ละเมนูจะหน้าตาเป็นแบบไหน ตามไปดูกันเลย

                      Must read >> แชร์ประสบการณ์แม่น้องอิงฟ้า หนูน้อย BLW ฝึกลูกกินเอง ตั้งแต่ 6 เดือน!

                      ไอเีย เมนู BLW 6 เดือน
                      4 เมนู blw มื้อแรก ง่ายๆ ของลูก

                      เมนูอาหารblw

                      เมนูอาหารblw

                      เมนูอาหารblw

                      เมนูอาหารblw

                      ดูต่ออีก >> “16 เมนูอาหาร BLW สำหรับลูกวัย 6 เดือนขึ้นไป” คลิกหน้า 2

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        เมนูอาหารง่ายๆ

                        แจกสูตร 12 เมนูอาหารง่ายๆ สำหรับแม่ทำกับข้าวไม่เก่ง เข้าครัวเพื่อลูก!

                        ในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านมากขึ้น เรื่องอาหารการกิน เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้ สำหรับคุณแม่ที่ทำกับข้าวไม่ค่อยเก่ง ทีมแม่ ABK ได้จัด เมนูอาหารง่ายๆ และใช้วัตถุดิบใกล้ตัวไม่กี่อย่าง ไม่ยุ่งยาก แต่ได้สารอาหารครบถ้วนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายให้กับคนในครอบครัวได้รับประทานกัน บอกเลยว่าง่าย คุณแม่ทำไม่ยาก จะมีเมนูอะไรบ้างมาดูกันเลยค่า

                        แจกสูตร 12 เมนูอาหารง่ายๆ สำหรับแม่ทำกับข้าวไม่เก่ง เข้าครัวเพื่อลูก!

                        1.ปลาหมึกทอดผัดกระเทียมพริกไทยดำ

                        ปลาหมึกทอดผัดกระเทียมพริกไทยดำ

                        ส่วนผสม

                        • ปลาหมึกหั่นตามขวาง ½ ถ้วย
                        • กระเทียมกลีบเล็กบุบพอแหลก ¼ ถ้วย
                        • พริกไทยดำโขลกพอแหลก 1 ช้อนโต๊ะ
                        • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
                        • ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
                        • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
                        • แป้งทอดกรอบ ½ ถ้วย
                        • ข้าวสวย 1 ถ้วย
                        • น้ำมันสำหรับทอด
                        • ผักชีสำหรับตกแต่ง

                        วิธีทำ

                        1. คลุกปลาหมึกกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันร้อนจัดจนสุกเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้น จากนั้นใส่กระเทียมลงทอดจนสุก ตักขึ้นพักไว้
                        2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันที่เหลือจากทอดกระเทียมลงไปเล็กน้อย ใส่พริกไทยดำลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใส่ปลาหมึกทอดลงไปคลุกเคล้าเบา ๆ
                        3. ตักปลาหมึกทอดกระเทียมกรอบ ๆ เสิร์ฟพร้อมข้าวร้อน ๆ โรยหน้าตกแต่งด้วยกระเทียมและผักชีเล็กน้อย

                        Note : สำหรับเด็กเล็กถ้าลูกไม่ชอบกระเทียมกับผักชีก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ หรือถ้าลูกยังกินเผ็ดไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่พริกไทยดำลงไปนะคะ รับรองว่าเมนูจานนี้จะเป็นเมนูโปรดของลูกอีกจานเลยละคะ แต่ถ้าไม่มีปลาหมึก คุณแม่สามารถใช้วัตถุดิบอื่น ๆ แทนได้ เช่น กุ้ง หมู ไก่ และทำตามสูตรเหมือนเดิม เท่านี้ก็ได้เมนูทอดกระเทียมที่ไม่จำเจแล้วละคะ

                        ขอบคุณสูตรและภาพจาก www.goodlifeupdate.com

                        2.ต้มจืดเต้าหู้ผักกาดขาว

                        ต้มจืดเต้าหู้ผักกาดขาว

                        ส่วนผสม

                        • น้ำสต๊อกผัก 2½ ถ้วย (หรือน้ำเปล่าต้มสุกใส่เกลือเล็กน้อย)
                        • รากผักชีบุบ 1 ต้น
                        • แครอต หั่นแว่น 4 ชิ้น
                        • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
                        • พริกไทยขาวป่นเล็กน้อย
                        • ผักกาดขาวหั่นขวาง 5 ใบ
                        • เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
                        • ผักชี ต้นหอม สำหรับแต่งหน้า

                        วิธีทำ

                        1.ต้มน้ำสต๊อกผักในหม้อให้เดือด ใส่รากผักชีลงไป ตามด้วยแครอตต้มจนเริ่มนิ่ม จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและพริกไทย
                        2. ใส่ผักกาดขาวลงไป พอผักเริ่มนิ่มให้ใส่เต้าหู้ไข่ลงไปต้มสักพัก ปิดไฟตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีและต้นหอม ก่อนเสิร์ฟ

                        Note: เมนูจานนี้ได้สารอาหารครบถ้วน และมีแครอทเป็นส่วนประกอบที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิว มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ดีต่อสุขภาพร่างกายของลูและทุกคนในครอบครัวค่ะ

                        ขอบคุณสูตรและภาพจาก www.goodlifeupdate.com

                        3.กุ้งทอดกระเทียม

                        กุ้งทอดกระเทียม

                        ส่วนผสม

                        • กุ้งขาวแกะเปลือก 10 ตัว
                        • กระเทียมจีน 15 กลีบ
                        • รากผักชี 5 – 6 ต้น
                        • พริกไทยขาว 2 ช้อนชา
                        • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
                        • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
                        • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
                        • น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา หรือ 1-2 หยิบมือ

                        วิธีทำ

                        1. โขลกรากผักชี พริกไทย กระเทียม แบบไม่ต้องละเอียดมาก แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน สำหรับหมักและเจียว
                        2. หมักกุ้ง ใส่รากผักชี พริกไทย กระเทียมที่โขลกแล้วลงไปคลุก ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้
                        3. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่รากผักชี พริกไทย กระเทียมที่แบ่งไว้ลงไปเจียว ให้สีเหลืองสวย (ระวังอย่าใช้ไฟแรง) ตักขึ้น
                        4. นำกุ้งที่หมักไว้ลงกระทะไปผัดต่อ ใช้ไฟกลาง ผัดจนกุ้งสุกได้ที่ ตักขึ้น
                        5. จัดเสิร์ฟโรยด้วยรากผักชี พริกไทย กระเทียม ที่เจียวไว้ ได้กลิ่นหอมๆ ยั่วยวน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ นะ ลูกฟิน สามีฟิน มีขอเติมข้าวอีกแน่ค่า

                        ขอบคุณสูตรและภาพจาก www.goodlifeupdate.com

                        4.ข้าวผัดมาม่า 

                        ข้าวผัดมาม่า

                        ส่วนผสม

                        • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสตามใจชอบ 1 ซอง
                        • ข้าวหุงสุกแช่เย็นข้ามคืน 80 กรัม
                        • ไข่ไก่ 1-2 ฟอง
                        • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
                        • ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้ผักชีโรยแทนได้)
                        • น้ำมันพืชสำหรับผัด

                        วิธีทำ 

                        1. บีบซองมาม่าให้เส้นแตกไม่เป็นก้อน จากนั้นต้มเส้นมาม่าลงในน้ำเดือดจัด เมื่อสุกได้ที่ตักขึ้นพักไว้
                        2. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม
                        3. ใส่ไข่ลงไป ใช้ตะหลิวยีไข่ให้ทั่ว
                        4. ใส่ข้าวเย็นลงไป ผัดให้ข้าวกับไข่เข้ากัน
                        5. ใส่เส้นมาม่าที่ต้มสุกตามลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยเครื่องปรุงในซองผัดให้เข้ากัน
                        6. ใส่ต้นหอมซอยหรือผักชีผัดให้เข้ากันสักหน่อย แล้วปิดไฟ ตักเสิร์ฟเด็ก ๆ ได้เลยค่ะ

                        Note: คุณแม่สามารถใส่เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น หมู ไก่ เพิ่มได้ หรือใส่ผักอย่างกะหล่ำปลี แครอท หัวหอม ข้าวโพด ฯลฯ ลงไปเพื่อเพิ่มคุณค่าโภชนาการอาหารให้กับเจ้าตัวเล็กได้ค่ะ

                        ขอบคุณสูตรและภาพจาก www.goodlifeupdate.com

                        อ่านต่อ 12 เมนูทํากินเองง่าย ๆ คลิกหน้า 2

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          ดาราเลี้ยงลูก

                          ส่อง “18 ดาราเลี้ยงลูก” อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ! วันๆ ทำอะไรกันบ้าง?

                          ตามไปส่อง ดาราเลี้ยงลูก ช่วงนี้ที่ทุกคนต้องกักตัวหนีโควิด-19 อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ เหล่าพ่อแม่ดาราอยู่บ้านกับลูกวันๆ ทำอะไรกันบ้าง? บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งมุมที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น!

                          ส่อง! ดาราเลี้ยงลูก อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
                          วันๆ
                          ทำอะไรกันบ้าง?

                          เรียกได้ว่าโดนผลกระทบกันทั่วทุกหัวระแหง สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับเหล่าบรรดาคนบันเทิงที่ต้องพักงานกิจกรรมต่างๆ ที่ได้วางแผนเอาไว้ เพื่อตอบรับนโยบาย #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ตามคำแนะนำของรัฐบาล

                          ทีมแม่ ABK จึงได้ไปแอบส่อง คุณพ่อคุณแม่ดาราแต่ละบ้าน ว่าเค้าใช้ชีวิตอยู่บ้านกับครอบครัว กันยังไงบ้าง บอกได้เลยว่า แต่ละบ้านไม่ได้ปล่อยให้เวลาในวันว่างผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ จะมีบ้านไหนทำกิจกรรมแสนสนุด สุดฮิตอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันเลยค่า

                          ใบเตย อาร์สยาม

                          https://www.instagram.com/p/B-PBLUWnGkx/

                          มากันที่บ้านแรกกับว่าที่คุณแม่ ใบเตย อาร์สยาม ที่กำลังอุ้มท้องลูกสาวอยู่ … ด้วยความเป็นศิลปินนักร้อง กิจกรรมที่คุณแม่ใบเตย ทำอยู่บ้านแก้เซ็งก็คือ แดนส์โชว์พุง ผ่านแอพ tiktok นั่นเองค่ะ เพราะลูกดิ้นมาก คุณแม่ก็เลยต้องลุกขึ้นดิ้นตามไปด้วยเลย ^^

                           

                          บ้านเตชะณรงค์

                          ถัดมาเป็นโมเม้นท์สุดน่ารักในบ้านเตชะณรงค์ ซึ่งเมื่อใดที่สาวน้อยคนนี้ปรากฏตัวทุกครั้งต้องมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าเหล่าญาติๆ อยู่ตลอด สำหรับ “น้องปีใหม่” ลูกสาววัยกำลังอยากรู้อยากเห็นเล่นทั้งวัน ของคุณแม่ “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” นั่นเอง … ซึ่งล่าสุด น้องปีใหม่ ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปพักผ่อนใช้เวลาช่วงวันหยุดร่วมกับครอบครัวคุณพ่อ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ที่เขาใหญ่ โบนันซ่าพร้อมจัดเวทีกลางบ้าน โชว์ความสามารถอวดคุณปู่ คุณย่า ซะหน่อย งานนี้ น้องปีใหม่ เลยขอโชว์สเต็ปเต้นบัลเลต์ แถม รำไทยโชว์ อีกด้วย บอกได้เลยว่างานนี้คุณปู่คุณย่าที่ต้องอยู่บ้านหนีโควิดก็จะไม่เหงาแน่นอน

                           

                           

                          บ้านปุณณกันต์

                          https://www.instagram.com/p/B-HQ7nNFrKk/

                          มาต่อกันที่บ้านปุณณกันต์ กันบ้าง ซึ่ง ดาราเลี้ยงลูก บ้านนี้ก็คือ แม่กบ สุวนันท์ ซึ่งก็มีกิจกรรมให้สองพี่น้องลูกสาวลูกชายอย่าง น้องณดา-ณดล ทำอยู่ตลอด โดยเฉพาะกับกิจกรรมพิเศษ ที่แม่กบ ช่วยรณรงค์แคมเปญ #อยู่บ้านเพื่อคุณหมอ #อยู่บ้านเพื่อชาติ โดยให้เด็กๆ แฟนคลับมีส่วนร่วม โดยให้เด็กๆ ที่บ้านไหนอยู่บ้าน ส่งภาพมาเพื่อโชว์พลังเด็กๆให้ทุกคนได้เห็นกัน แล้วแม่กบก็โพสต์ภาพขึ้น IG ตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ดรมากๆเลยค่ะ

                          https://www.instagram.com/p/B9_aDqRFa9a/

                           

                          บ้านสหวงษ์

                          ดาราเลี้ยงลูก อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ถัดมาเป็นบ้านของแม่โบว์กับน้องมะลิ ขาแดนซ์ สาวน้อยสุดน่ารักของพี่จ๋า นั่นเอง ซึ่งแม่โบว์ ก็มีกิจกรรมให้น้องมะลิทำอยู่ตลอด โดยเฉพาะในเรื่องที่น้องมะลิชอบ นั่นก็คือ อัดคลิปเต้น มาอวดพี่จ๋า พร้อมส่งกำลังใจให้ คุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ บอกเลยว่าพี่จ๋าเห็นแล้วต้องยิ้มกันทุกคนแน่ๆ

                           

                          บ้านประเสริฐวัฒนกุล

                          https://www.instagram.com/p/B-T4h2jJJWC/

                          สำหรับ บ้านประเสริฐวัฒนกุล ที่มีสาวน้อยน่ารักถึงสองคนอยู่ในบ้าน นั่นคือ น้องฌานา และ น้องฌารีณ ลูกสาวฝาแฝด ของพ่อเอ็ม อภินันท์ และแม่มิ้ลค์ บอกเลยว่าบ้านนี้ก็มีกิจกรรมทำอยู่ทุกวัน ทั้ง Home School ประดิษฐ์สิ่งของ รวมไปถึง สวดมนต์ไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล กันทุกเช้า บอกเลยทั้งดีและสร้างสรรค์มากๆ

                          https://www.instagram.com/p/B-V7T_uJZrP/

                           

                          บ้านสุประกอบ

                          ดาราเลี้ยงลูก อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ต่อมาเป็นบ้านสุประกอบ ของพ่อกาย และแม่ฮารุ กับลูกๆ ทั้ง 3  น้องคีริน น้องไนร่า และน้องเอเดน ซึ่งสำหรับบ้านนี้ ทั้งพ่อกาย และแม้ฮารุ ต้องถูกกักตัว 14 วัน ก่อนหลังจากที่ทั้งคู่มีโอกาสเจอ “คุณแมทธิว ดีน” ที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยทั้งคู่ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 รอบสอง เพื่อความสบายใจ ผลออกมาแล้วไม่พบเชื้อ เมื่อครบกำหนดก็ถ่ายภาพครอบครัวเซ็ทแรกในรอบ 14 วัน หลังกักตัว แต่ทั้งคู่ก็สรรหากิจกรรม ถ่ายคลิปสนุกๆ กับ ลูกๆ ทั้ง 3 คน ทำอยู่ที่ทุกวัน เพราะออกไปไหนได้

                          https://www.instagram.com/p/B-ekSEUDmBK/

                           

                          บ้านศิลาชัย

                          มาต่อกันที่บ้าน บ้านศิลาชัย ที่รวมซุป’ตาร์ “4 ออ” น้องออกัส ออก้า ออกู๊ด และ ออเกรซ ลูกสาวลูกชายทั้ง 4 ของ พ่อปิ้ลและแม่จูน ซึ่งด้วยความที่พ่อเปิ้ล ต้อง Work From Home ก็อาจจะทำให้ที่บ้านวุ่นวายนิดหน่อย

                          แต่แม่จูนก็สามารถรับมือกับลูกๆ ได้ด้วยการหากิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งเล่นน้ำและถ่ายคลิปสนุกๆ ของทั้ง 4 ออ ให้แฟนคลับได้ชมอยู่ตลอด

                           

                           

                          บ้านหิรัญยัษฐิติ

                          https://www.instagram.com/p/B-d_TtKnht5/

                          สำหรับบ้านของคุณพ่อมิคและคุณแม่เบนซ์ ที่มีลูกสาวสุดน่ารัก 2 คน คือ น้องปริมและน้องปราง คุณแม่เบนซ์ก็มีกิจกรรมที่เหมาะกับทั้งคนพี่และคนน้อง ให้ได้ทำอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ทั้งร้องเล่นไปด้วยกัน หรือสำหรับน้องปริมที่เข้าเรียนแล้วก็มีการเรียนออนไลน์ ประดิษฐ์สิ่งของส่งคุณครู รวมไปถึงฝึกทำขนมกับคุณยายด้วย

                          https://www.instagram.com/p/B-eI4w-HlXd/

                           

                           

                          บ้านอันติมานนท์

                          https://www.instagram.com/p/B-a-jW4BwxY/

                          ถัดมาเป็นบ้านของคุณพ่อจิม เจจินตัย  และคุณแม่บี พลอยพัชชา ที่มีลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดู อย่าง “น้องพลอยเจ” ที่แม้ว่าน้องพลอยเจจะชอบไปโรงเรียนเอามากๆ แต่ตอนนี้ไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็พยายามหากิจกรรมมากมายให้น้องพลอยเจทำไม่ซ้ำกันสักวัน ไม่ว่าจะเป็น ทำการบ้านส่งครู เปิดคอนเสิร์ตร้องเพลงให้คุณแม่ฟัง หัดทำขนม เล่นน้ำกับคุณพ่อ และถ่ายคลิปน่ารักๆ ให้แฟนคลับได้ชม เรียกได้ว่า ไม่มีหยุดพักเลยสักวัน

                          https://www.instagram.com/p/B-D7pk1hytD/

                           

                          ดูต่อ >> อีก 8 ครอบครัวดาราเลี้ยงลูกอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
                          วันๆ ทำอะไรกันบ้าง คลิกที่นี่
                          !!

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            ครอบครัว Rutter

                            สุดซึ้ง! ลูกๆ บอกลาแม่ที่กำลังจะจากไปด้วย โรคโคโรน่าไวรัส ผ่าน Walkie-Talkie

                            เรื่องราวสุดซึ้งของ Sundee Rutter คุณแม่ลูก 6 ชาวอเมริกันผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้กับมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 แต่กลับมาเสียชีวิตจาก โรคโคโรน่าไวรัส ในวัย 42 ปี ซึ่งทำให้ลูกๆ ทั้ง 6 คนต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง หลังจากที่พ่อของพวกเขาเสียชีวิตไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

                            โรคโคโรน่าไวรัส คร่าชีวิตคุณแม่นักสู้

                            แม้ว่า Rutter จะพยายามระมัดระวังเชื้อโรค เพราะรู้ดีว่าเธอมีภูมิคุ้มกันต่ำจากการรักษามะเร็งอยู่แล้ว แต่ในฐานะแม่ และหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียว เธอก็ยังคงต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงอีก 6 ชีวิต ในครอบครัวของเธอ

                            Rutter มีอาการป่วยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จึงไปโรงพยาบาลและถูกให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน

                            ไม่กี่วันต่อมา เธอมีไข้ ร่วมกับอาการหายใจลำบาก ซึ่งเป็นสัญญาณเสี่ยง 2 ข้อ ของโควิด-19 ลูกชายจึงพาเธอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่หลังจากต่อสู้กับอาการป่วยได้เพียง 1 สัปดาห์ เธอก็เสียชีวิตลง

                            ขณะที่ Rutter รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ลูกๆ ของเธอทำได้เพียงเฝ้าแม่อยู่ด้านนอก เพื่อเป็นไปตามมารตรการป้องกันการติดเชื้อไวรัสมรณะจากแม่ของพวกเขา

                            แต่ก่อนที่ Rutter จะสิ้นใจ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้จัดการให้ลูกทั้ง 6 ของเธอได้มีโอกาสบอกลาแม่เป็นครั้งสุดท้ายด้วย Walkie-Talkie ผ่านอีกฟากฝั่งของห้องกระจก

                            Walkie-Talkie จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งผ่านความรัก และความในใจของลูกไปยังผู้เป็นแม่เป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าจะเข้าไปกอดแม่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยลูกๆ ก็ยังได้กล่าวคำอำลา

                            โดยเจ้าหน้าที่ได้วาง Walkie-Talkie ไว้บนหมอนที่ข้างเตียงของ Rutter ก่อนที่ลูกๆ ของเธอจะกล่าวคำอำลาและบอกรักแม่เป็นครั้งสุดท้าย

                            sundee rutter
                            sundee rutter

                            Elijah ลูกชายวัย 20 ปี บอกกับแม่ว่า “ทุกอย่างจะดีขึ้น ลูกๆ ทุกคนจะผ่านมันไปได้ พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่แม่อยากให้เป็น”

                            Tyree พี่ชายคนโตวัย 24 ปี ตั้งใจจะดูแลน้องๆ ด้วยตัวเอง พวกเขาทุกคนจะอยู่ด้วยกัน และสู้ไปด้วยกัน

                            ต่อจากนี้ลูกๆ ทั้ง 6 ของเธอ ต้องใช้ชีวิตกันตามลำพัง จึงได้มีการจัดระดุมทุนผ่าน GoFundme ในชื่อ the Ross-Rutter family เพื่อช่วยเหลือพวกเขาอีกด้วย

                            ทั้งนี้การที่ร่างกายของ Rutter อ่อนแอจากการรักษามะเร็งอยู่เป็นทุนเดิม ถือว่าเป็น 1 ใน 7 กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

                            มาดูกันค่ะว่า สำหรับบ้านเรา กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังการติด โรคโคโรน่าไวรัส หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ได้แก่ใครบ้าง

                            กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19

                            1. กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา
                            2. วัยกลางคนจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
                            3. คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
                            4. คนที่กินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่
                            5. ผู้ที่เดินทางไปในประเทศเสี่ยงติดเชื้อ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ
                            6. ผู้ที่ต้องทำงาน หรือรักษาผู้ป่วย ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
                            7. ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ลูกเรือสายการบินต่าง ๆ เป็นต้น

                            เพราะฉะนั้น หากในบ้านคุณมีกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ เพราะหากติดเชื้อแล้วจะอันตรายมากกว่าคนทั่วไปค่ะ

                            ที่มา CNN

                            ภาพประกอบ GoFundme

                            อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ทำไมลูกร้องไห้

                              แม่รู้ไว้! ทำไมลูกร้องไห้ 7 เหตุผลของการงอแงที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น

                              เมื่อพ่อแม่ต้องเจอกับการร้องไห้ของเจ้าตัวเล็ก ที่บางครั้งการร้องไห้งอแงของลูกเป็นเรื่องกวนใจและน่ารำคาญ เรื่องแบบนี้ ทำไมลูกร้องไห้ นี่เป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมลูกน้อยถึงร้องไห้

                              การร้องไห้ของลูกนั้นเกิดขึ้นจากเหตุผลมากมาย และแบ่งได้ตามช่วงวัย เช่น ทารกร้องไห้ เพราะไม่สามารถพูดได้ การร้องไห้สำหรับทารกจึงเป็นการสื่อสารที่ลูกใช้กับพ่อแม่ สำหรับวัยเด็กเล็ก การร้องไห้ของลูกจะเริ่มสื่อถึงอารมณ์มากขึ้น ถึงแม้พูดคุยได้ สื่อสารได้บ้าง แต่สำหรับชุดคำศัพท์ที่ยังไม่เยอะ เรื่องบางเรื่องก็อาจจะอธิบายให้พ่อแม่ฟังไม่เข้าใจ การร้องไห้จึงเป็นทางออกที่แสดงความรู้สึก เช่น กังวลใจ เสียใจ ผิดหวัง เศร้าใจ ฯลฯ ซึ่งก่อนที่ลูกในวัยเล็กจะเรียนรู้วิธีการพูดคุยอาจเป็นเรื่องยากที่ทำให้พ่อแม่บางคนไม่เข้าใจ นี่อาจเป็นเหตุผลของการร้องไห้ที่จะทำให้พ่อแม่เข้าใจลูกได้ดีกว่าเดิม

                               แม่รู้ไว้! ทำไมลูกร้องไห้ 7 เหตุผลของการงอแงที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น

                              ทําไมลูกร้องไห้ไม่หยุด

                              1.ลูกเหนื่อยเกินไป

                              สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกเหนื่อยล้า เช่น การขยี้ตา, หาว และเริ่มงอแง อาจเป็นเพราะว่า พ่อแม่จัดกิจกรรมให้ลูกมากเกินไป หรือปล่อยให้ลูกเล่นจนไม่ได้นอนกลางวัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกร้องไห้เพราะ “ความเหนื่อย” ที่นำไปสู่การงอแงที่ไม่มีเหตุผลได้ สำหรับเด็กเล็กนั้นควรจะมีเวลาได้นอนในช่วงกลางวันประมาณ 1.30-2.30 ชั่วโมง ดังนั้นคุณแม่สามารถลดความเหนื่อยล้าของลูกลงได้ ด้วยการจัดตารางกิจกรรมในแต่ละวันให้ลูกได้เล่นอย่างเหมาะสม และมีช่วงเวลาให้ลูกได้นอนกลางวันเป็นประจำ โดยเวลานอนกลางวันที่เหมาะสมสำหรับลูกวัย 12 เดือน ควรได้นอนกลางวันอย่างน้อย 2.15 ชั่วโมง วัย 18 เดือน 2 ชั่วโมง วัย 2 ขวบ 2 ชั่วโมง และวัย 3 ขวบ  ประมาณ 1.30 ชั่วโมง รวมถึงเวลานอนตอนกลางคืนที่คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกน้อยให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และได้นอนในจำนวนเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน เมื่อเด็กได้นอนอย่างเพียงพอก็จะมีอารมณ์ที่สุดใส ไม่ร้องไห้งอแง และมีพัฒนาการที่ดีตามมาค่ะ

                              2.ลูกกำลังหิว

                              สำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ ความหิวอาจเป็นสาเหตุของการร้องไห้ ถ้าเจ้าตัวเล็กเพิ่งตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับ หรือเวลาผ่านไป 3-4 ชั่วโมงนับตั้งแต่คุณแม่ให้ลูกได้กินอาหาร หากลูกน้อยยังไม่ได้กินอะไร ก็เป็นไปได้ว่าจะเจอเจ้าตัวเล็กร้องไห้งอแง ซึ่งเด็กในวัยเล็กนั้นควรเน้นการกินให้บ่อยตลอดทั้งวัน โดยแบ่งเป็นเป็นอาหารอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ และอาหารมื้อว่างที่มีประโยชน์ 2-3 มื้อต่อวัน เพื่อให้ลูกน้อยได้สารอาหารครบถ้วนแบบไม่แน่นท้องจนเกินไป

                              3.ลูกฝันร้าย

                              ลูกตื่นมาร้องไห้ตอนกลางคืนอาจเป็นเพราะเกิดจากการฝันร้ายหรือละเมอ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่ลูกได้รับสิ่งกระตุ้นมากเกินไปในตอนกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์สนุก ตื่นเต้น หรือตกใจกลัว และในวัยเด็กเล็กเป็นวัยที่มีจินตนการสูง จนอาจทำให้ฝันร้ายในตอนกลางคืนได้ วิธีช่วยให้ลูกหยุดร้องไห้จากการฝันร้าย คือโอบกอดและปลอบขวัญให้ลูกลดอาการตื่นกลัว เมื่อลูกสงบลงแล้ว ให้พาลูกเข้านอนตามปกติ ส่วนอาการละเมอนั้น ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ได้ยินเสียงตะโกนหรือเสียงร้องครางในขณะที่ลูกกำลังหลับ ไม่ได้ลืมตาตื่น ก็ปล่อยให้ลูกได้นอนหลับต่อไป แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไปปลุกหรือกระตุ้นลูกให้ตื่น อาจทำให้เด็กตกใจตื่นขึ้นมาและร้องไห้หนักกว่าเดิม ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่เจอลูกที่ตื่นมาร้องไห้ในตอนกลางคืนบ่อย ๆ ควรลดกิจกรรมที่กระตุ้นอารมณ์มากเกินไปในช่วงกลางวันลง เช่น ไม่ควรให้ดูทีวีในรายการที่มีความรุนแรงหรือน่ากลัว ไม่ควรพูดขู่ให้ลูกกลัว และช่วงก่อนเข้านอนอาจหากกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือนิทาน สวดมนต์ หรือเปิดเพลงเบา ๆ ก่อนเข้านอน เพื่อให้ลูกได้นอนหลับสนิททั้งคืนไม่ตื่นมาฝันร้าย

                              ลูกร้องไห้

                              อ่านต่อ>> สาเหตุที่ลูกร้องไห้ <<คลิกหน้า 2

                                จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยการคัดเลือกวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19

                                จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยการคัดเลือกวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 พร้อมประกาศความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และประกาศคำมั่นสัญญาผลิตวัคซีนกว่า 1 พันล้านโดส รับมือการแพร่ระบาดฉุกเฉินทั่วโลก

                                จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ BARDA ร่วมลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มวิจัยวัคซีนตัวเลือกทางคลินิกในเฟสแรกภายในเดือนกันยายน 2563 นี้

                                จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เตรียมสร้างโรงงานผลิตวัคซีนเพิ่มเติมทั้งในและนอกสหรัฐฯ เพื่อเริ่มการผลิตวัคซีนให้รวดเร็วที่สุดเพื่อรับมือกับจำนวนความต้องการทีมีอยู่ทั่วโลก

                                กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 31 มีนาคม 2563 – บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยผลการคัดเลือกวัคซีนที่จะใช้ต้านเชื้อโควิด-19 หลังจากเริ่มดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการต่อยอดความร่วมมือระหว่างบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ในเครือบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ สำนักวิจัยและพัฒนาขั้นสูงด้านชีวการแพทย์ (BARDA) พร้อมประกาศเร่งอัตราการผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อจัดหาวัคซีนจำนวนกว่า 1 พันล้านโดสให้เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มการทดลองวัคซีนในมนุษย์เฟสแรกได้ภายในเดือนกันยายน 2563 เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับรองทางกฎหมายและสามารถผลิตล็อตแรกเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปี 2564 กระบวนการทั้งหมดนี้ถือเป็นการดำเนินงานที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับการพัฒนาวัคซีนทั่วไป

                                BARDA ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (ASPR) ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ได้ลงทุนร่วมกันกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัย พัฒนาและทดลองทางคลินิกของวัคซีน โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจะนำเอาแพลตฟอร์มการผลิตวัคซีนที่ได้รับการรับรอง และจัดสรรทรัพยากรทางด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานทั่วไปจากทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้ นอกจากนี้ BARDA และบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังได้จัดตั้งกองทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายฐานการวิจัยเพื่อค้นคว้าการรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ด้วย

                                บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังคงดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการก่อตั้งโรงงานการผลิตแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกาและเร่งกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศอื่น ๆ เพื่อเร่งอัตราการผลิตวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า 1 พันล้านโดส และจัดส่งไปยังทั่วโลกในราคาที่เหมาะสมโดยไม่แสวงผลกำไร โดยบริษัทมีแผนที่จะเริ่มการผลิตอย่างเร็วที่สุดเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดฉุกเฉินในครั้งนี้

                                มร. อเล็กซ์ กอร์สกี ประธานกรรมการบริหารของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่า “โลกกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุข และเราจะทำหน้าที่ของเราตามคำมั่นสัญญาเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ให้แก่ผู้คนทั่วโลกอย่างรวดเร็วที่สุดในราคาที่เหมาะสม และในฐานะที่เราเป็นบริษัทด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดของโลก การดูแลให้สุขภาพของผู้คนดีขึ้นในทุกๆวันถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของเรา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีความพร้อมที่จะดำเนินการตามคำมั่นสัญญานี้ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ระบบการปฏิบัติที่เข้มแข็งและความแข็งแกร่งด้านการเงิน เรามุ่งมั่นที่จะนำเอาทรัพยากรทั้งหมดที่เรามี เพื่อร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ ในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดครั้งนี้ให้เร็วที่สุด”

                                นายแพทย์พอล สตอฟเฟิลส์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่า “เรานับถือในความเชื่อมั่นและการสนับสนุนที่ได้รับจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อความพยายามในการค้นคว้าวิจัยของเราเป็นอย่างมาก ทีมผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ร่วมกันพัฒนางานวิจัยของเราไปสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทีมของเราจะทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์อย่าง BARDA และหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้เราได้ผลสรุปจากการคัดเลือกวัคซีนตัวนี้ หลังจากความพยายามในการค้นคว้าวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เรากำลังเร่งขยับเวลาเพื่อทดลองวัคซีนในมนุษย์สำหรับเฟสแรกให้เร็วขึ้น ซึ่งอย่างช้าสุดคือภายในเดือนกันยายนปีนี้ และด้วยการสนับสนุนกำลังการผลิตจากทั่วโลกที่เราเร่งพัฒนาอยู่นั้น เราคาดว่าวัคซีนตัวนี้จะพร้อมสำหรับการใช้ฉุกเฉินภายในต้นปีหน้า”

                                วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับการคัดเลือกของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

                                ทันทีที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้เริ่มวิจัยและทดลองหลากหลายวัคซีนที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยจากบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ได้ร่วมมือกันกับ Beth Israel Deaconess Medical Center หน่วยงานในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อคิดค้นและทดลองวัคซีนมากมายโดยใช้เทคโนโลยี AdVac® ของแจนแซ่น

                                ด้วยความร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ในสถาบันวิชาการหลายแห่ง องค์ประกอบในวัคซีนต่าง ๆ ได้ถูกทดสอบเพื่อค้นหาองค์ประกอบที่มีศักยภาพมากที่สุด ในการสร้างการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในการทดลองระดับพรีคลินิก

                                จากการดำเนินงานครั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้รับคัดเลือกให้เป็นวัคซีนตัวแรกที่จะถูกใช้ในการป้องกันโควิด-19  (โดยมีตัวสำรองอีก 2 รายการ) ซึ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นตอนแรกต่อไป ภายใต้กรอบเวลาที่เร่งรัดนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มการศึกษาทางคลินิกเฟสหนึ่งภายในเดือนกันยายนปีนี้ โดยคาดว่าข้อมูลทางคลินิกด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลจะออกมาภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้สามารถผลิตวัคซีนเพื่อการใช้ฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปีหน้า และเมื่อเทียบกับขั้นตอนการพัฒนาวัคซีนทั่วไปแล้ว กระบวนการดังกล่าวต้องผ่านการวิจัยในขั้นต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้เวลารวมกันนานถึง 5-7 ปี ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นวัคซีนเพื่อขอรับการอนุมัติต่อไป

                                กว่า 20 ปีแล้วที่ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ทุ่มงบกว่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในการผลิตยาต้านไวรัสและวัคซีน และโครงการวัคซีนโควิด-19 ได้ใช้เทคโนโลยี AdVac(R) และ PER.C6(R) ของแจนแซ่น ซึ่งมีความสามารถในการพัฒนาตัวเลือกของวัคซีนใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังยกระดับการผลิตวัคซีนที่ได้รับการคัดเลือกไปพร้อมกัน เทคโนโลยีเดียวกันนี้เคยถูกนำไปใช้พัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันอีโบลาของบริษัท และสร้างวัคซีนที่จะถูกนำไปคัดเลือกเพื่อต้านเชื้อซิกา อาร์เอสวี และ เอชไอวี ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทางคลินิกเฟสสองหรือเฟสสาม

                                การวิจัยที่ถูกต่อยอดสู่ยาต้านไวรัส

                                นอกจากความพยายามในการพัฒนาวัคซีนแล้ว BARDA และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังได้ขยายความร่วมมือ เพื่อเร่งการดำเนินงานของแจนเซ่นในการตรวจคัดกรองคลังสารเคมีที่เก็บไว้ (compound libraries) ซึ่งรวมถึงสารเคมีจากบริษัทเวชภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย บริษัทมีเป้าหมายที่จะหาวิธีการรักษาที่มีศักยภาพในการต่อต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ BARDA จะให้เงินทุนสนับสนุนในส่วนของความร่วมมือครั้งนี้ ความพยายามในการคัดกรองยาต้านไวรัสนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือกับสถาบันเพื่อการวิจัยทางการแพทย์ Rega (KU Leuven/University of Leuven) ในประเทศเบลเยียม

                                ตามที่ประกาศไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทและ BARDA ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลก เพื่อตรวจคัดกรองแหล่งข้อมูลของแจนเซ่นซึ่งมีการเก็บโมเลกุลของยาต้านไวรัสไว้ เพื่อเร่งค้นหาวิธีรักษาโควิด-19 ให้เร็วขึ้น

                                โรคโควิด-19 มีต้นเหตุจากกลุ่มไวรัสที่มีชื่อว่าโคโรนาซึ่งทำลายระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน การรักษา หรือยารักษาโควิด-19 ใด ๆ ที่ได้รับการอนุมัติ

                                สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ ในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ที่ www.jnj.com/coronavirus 

                                  Tags

                                  ทารกเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19

                                  ทารกเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ด้วยวัยเพียง 6 สัปดาห์

                                  เริ่มมีข่าวให้ได้ยินอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่าในเด็ก ทั้งเคสในต่างประเทศและเคสในประเทศไทย โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพิ่งมีข่าว ทารกเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 โดยข่าวรายงานว่า เด็กทารกคนหนึ่ง อายุไม่ถึง 1 ปี ในรัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐฯ เสียชีวิตลงหลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 โดยเด็กทารกรายนี้เป็นเคสที่อายุน้อยที่สุด รายแรกของโลกที่เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19

                                  ล่าสุด มีข่าวสะเทือนใจยิ่งกว่า เมื่อสำนักข่าวอินดีเพนเดนต์  รายงานว่า นายเน็ด ลามอนต์ ผู้ว่าการรัฐคอนเนตทิคัต ของสหรัฐฯ ยืนยันในวันพุธที่ 1 เม.ย. 2563 ว่า พบเด็กทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียง 6 สัปดาห์ เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เด็กคนนี้เป็นหนึ่งในผู้มีอายุน้อยที่สุด ที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19

                                  ทารกเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ด้วยวัยเพียง 6 สัปดาห์

                                  เด็กทารกรายนี้เกิดที่เขตฮาร์ตฟอร์ด ในรัฐคอนเนตทิคัต และถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเด็กไม่มีอาการตอบสนอง โดยที่แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตของเด็กเอาไว้ได้ ซึ่งนายลามอนต์ยืนยันว่า ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในตัวเด็กคนนี้ออกมาเป็นบวก

                                  “ไวรัสตัวนี้เล่นงานผู้ที่เปราะบางที่สุดของเราอย่างไรความปรานี” นายลามอนต์ระบุผ่านทวิตเตอร์ “เรื่องนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการอยู่แต่ที่บ้าน และจำกัดการสัมผัสกับบุคคลอื่น ชีวิตของคุณและชีวิตของคนอื่นๆ ขึ้นอย่างกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเด็กคนนี้ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ด้วย”

                                  ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลก ปัจจุบันอยู่ที่ 213,372 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4,757 ศพ โดยในรัฐคอนเนตทิคัตมีผู้ติดเชื้อ 3,557 ราย และเสียชีวิต 85 ศพ

                                  ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

                                  ทีมแม่ ABK ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ สำหรับบ้านที่มีลูกเล็กอย่าเพิ่งเครียดไปค่ะ แม้ว่าลูกน้อยวัยทารกยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ร่วมมือกันทำให้บ้านของเราเป็นบ้านที่ปลอดเชื้อโควิด-19 ก็สามารถที่จะปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยได้ค่ะ  ทีมแม่ ABK มีคำแนะนำในการปกป้องลูกน้อยมาฝาก ดังนี้

                                  ป้องกันโควิด ก่อนออกจากบ้าน
                                  ท่องให้ขึ้นใจ ก่อนออกจากบ้าน ป้องกันให้แน่น ใส่เสื้อคลุม หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า พกเจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ

                                   

                                  ป้องกันโควิด ก่อนเข้าบ้าน
                                  ท่องให้ขึ้นใจ ก่อนเข้าบ้าน ตัวต้องปลอดภัย ปลอดเชื้อ

                                   

                                  วิธีป้องกันโควิด 1
                                  1.แขวนเสื้อ ถอดรองเท้าไว้นอกบ้าน ล้างหน้า ล้างมือด้วยสบู่ก่อนเข้าตัวบ้าน

                                   

                                  วิธีป้องกันโควิด 2
                                  2.อย่าเพิ่งรีบหอม กอด เล่นกับลูก อาบน้ำ สระผมให้สะอาดก่อนปลอดภัยกว่า

                                   

                                  วิธีป้องกันโควิด 3
                                  3.เช็ดมือถือ กุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ ด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งเมื่อถึงบ้าน

                                   

                                  วิธีป้องกันโควิด 4
                                  4. เช็ดรีโมท ลูกบิด ขอบประตู โต๊ะ เตียง เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์จับบ่อย ให้สะอาด ปลอดเชื้อ

                                   

                                  วิธีป้องกันโควิด 5
                                  5.ซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ด้วยผงซักฟอกกับน้ำ หรือน้ำร้อย 60-90 องศาเซลเซียส

                                   

                                  บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                  เผย 7 กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรปฏิบัติตามมาตรการรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

                                  เปิด ลงทะเบียนว่างงาน รับเงินชดเชย โดนเลิกจ้าง หยุดทำงานเพราะพิษโควิด-19

                                  วิจัยพบ! คนสูบบุหรี่ เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ง่ายกว่าคนอื่น!

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    เจลล้างมือ

                                    24 ยี่ห้อ เจลล้างมือ มีแอลกอฮอล์ไม่ถึง 70% !

                                    เจลล้างมือ เป็นหนึ่งใน Item สำคัญที่จำเป็นต้องมีพกติดตัวไว้ใช้ตลอดเวลาที่ต้องออกนอกบ้าน ไม่ว่าจะเดินทางโดยสารด้วยรถประจำทางสาธารณะ หรือรถยนต์ส่วนตัว ไปทำงาน ไปจ่ายตลาด ไปโรงพยาบาล ฯลฯ ก็ต้องใช้เจลล้างมือล้างมือบ่อยๆ ที่อยู่นอกบ้าน หรือมือของเราต้องไปสัมผัส หยิบจับกับอะไรต่างๆ  เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัส แบคทีเรียต่างๆ โดยเฉพาะเพื่อป้องกันไวรัส Covid-19

                                    ทีมแม่ABK ได้ข่าวมาสดๆ ร้อนๆ เลยว่า มีเจลล้างมือแอลกอฮอล์มากถึง 24 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ถึง 70% ซึ่งนั้นก็หมายความว่าไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสได้ค่ะ มาดูกันว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง และครอบครัวไหนที่ซื้อมาใช้ ให้เปลี่ยนไปใช้ย่ออื่นๆ ที่มีแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปนะคะ

                                     

                                    เจลล้างมือ 24 ยี่ห้อ มีแอลกอฮอล์ไม่ถึง 70%

                                    สำหรับ เจลล้างมือ 24 ยี่ห้อนี้นะคะ ได้ถูกเพิกถอนไม่อนุญาตให้วางจำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนประกอบต่ำกว่าที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ คือต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ 70 % ขึ้นไป ถึงจะช่วยฆ่าไวรัส Covid-19 หรือเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับข้าวของ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องหยิบ จับ สัมผัสในชีวิตประจำวัน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ

                                    มาเช็กรายชื่อกันด่วนๆ เลยค่ะ ใครใช้เจลล้างมือยี่ห้อเหล่านี้อยู่ ให้หยุดใช้ !

                                    1. เลขที่จดแจ้ง 10-1-5738056 เจลล้างมือ แฮนด์ ซานิไทเซอร์
                                    2. เลขที่จดแจ้ง 10-1-5835759 เจลล้างมือโพรโพลิส แฮนด์ สเปรย์
                                    3. เลขที่จดแจ้ง 10-1-5853494 แฮนด์ คลีนเนอร์
                                    4. เลขที่จดแจ้ง 10-1-5936359 เดอะ สแตนดาร์ด คลีนนิ่ง วอเตอร์
                                    5. เลขที่จดแจ้ง 10-1-5950870 แฮนด์ เจลเนเจอร์ซอฟท์
                                    6. เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010046068 แฮนด์ แซนนิไทเซอร์
                                    7. เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010058407 แอลกอฮอล์ เจล
                                    8. เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100027004 แอลกอฮอล์ แฮนด์ เจล
                                    9. เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100039262 แอลกอฮอล์ เจล
                                    10. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833623 เพอร์ฟูม แฮนด์คลีนเจล เฟรนซ์ ราชเบอรี่
                                    11. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833624 เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล เกรซพีโอนี
                                    12. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833625 เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ออเรนทอล แมนดาริน
                                    13. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833626 เพอร์ฟูมแฮนด์คลีนเจล เพียวกรีนที
                                    14. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833627 เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ซูการ์พีช
                                    15. เลขที่จดแจ้ง 10-2-5842067 อินซแท็นท์ แฮนด์ แซนนิไทเซอร์
                                    16. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030159 สมาร์ทเตอร์เจลล้างมือ กลิ่นเชียร์ฟูลบลู
                                    17. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030161 เจลล้างมือ กลิ่นเชียร์ฟูลบลู
                                    18. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030162 เจลล้างมือ กลิ่นชาร์มมิ่งพิ้งค์
                                    19. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010031630 ลาเวนเดอร์ แฮนด์ แซนิไทเซอร์
                                    20. แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033612 พิ้งค์บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง
                                    21. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033613 พิ้งค์ บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง แฮนด์ เจล
                                    22. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010036457 ลาเวนเดอร์ โลชั่น
                                    23. 23. เลขที่จดแจ้ง 10-2-6100051706 รีเฟรซซิ่ง แฮนด์ เจล
                                    24. เลขที่จดแจ้ง 12-1-6300003473 แฮนด์ เจล แคร์

                                    การล้างมือให้สะอาดด้วยเจลล้างมือแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติกันอย่างมากนะคะ เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัส ลดความเสี่ยงต่อการติดต่อจากไวรัส Covid-19 แต่ถ้าจะใช้แอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ แนะนำให้เลือกซื้อใช้ที่ได้มาตรฐานมีปริมาณส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ว่าต้อง แอลกอฮอล์ 70 ++ ถึงจะมีประสิทธิภาพเหมาะแก่การใช้งานค่ะ ด้วยความห่วงใย

                                    เจลล้างมือ

                                    เจลล้างมือ

                                     

                                    เจลล้างมือ

                                     

                                    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                    วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ไว้ใช้เองที่บ้าน

                                    5 โรคที่มากับมือ ไม่อยากเป็นล้างมือให้สะอาด 

                                    กรมอนามัยแนะแม่ท้อง 9 วิธีป้องกัน covid 19 ให้ปลอดภัยทั้งแม่ลูก

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่


                                    เครดิต : thebangkokinsight  

                                    prachachat