ช็อกโกแลตซีสต์

7 อาการเสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นแล้วมีลูกได้ไหม ท้องยากจริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
ช็อกโกแลตซีสต์
ช็อกโกแลตซีสต์

‘ซีสต์’ เป็นโรคที่พบได้ในผู้หญิงทุกเพศทุกวัยและพบได้ในหลายจุด และสำหรับผู้หญิงที่วางแผนจะมีบุตรควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์ เพราะหากเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ ถุงน้ำในรังไข่ประเภทหนึ่งที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และสามารถมีการเจริญเติบโตได้จากการที่ได้รับฮอร์โมนในร่างกายมากระตุ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง เซลล์เหล่านี้จะมีขนาดเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลคล้ายจุดห้อเลือด ในแต่ละเดือนเมื่อถึงเวลาเป็นประจำเดือนก็จะมีเลือดสะสมและตกค้างก่อตัวเป็นซีสต์โตขึ้น เมื่อมีการสะสมของเลือดนาน ๆ  สีเลือดจึงเปลี่ยนเป็นสีเข้ม จึงทำให้เกิดลักษณะของเหลวเหนียวข้นสีน้ำตาลเข้มและข้น คล้ายสีและลักษณะของช็อกโกแลต และแทนที่เลือดจะไหลออกมาทางช่องคลอดตามปกติ แต่กลับมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางหลอดมดลูกเข้าไปในช่องท้องแล้วไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ หรือถุงที่มีเลือดคั่งและไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ช่องคลอด มดลูก กระเพาะปัสสาวะ

ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นแล้วมีลูกได้ไหม ท้องยากจริงหรือ?

นพ.ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ผู้มีประสบการณ์ด้านสูตินรีเวชและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลพญาไท ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องซีสต์ที่รังไข่ว่า ซีสต์ที่ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ มักจะเกิดจากซีสต์ที่เป็นโรค เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งมักจะส่งผลต่อกลไกการทำงานของรังไข่และทำให้คนไข้มีลูกได้ยากขึ้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดตามตำแหน่งที่เกิดโรค

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่-เกิดที่รังไข่ ซีสต์ชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นในรังไข่และยังมีขนาดเล็กอยู่จะทำให้ฟองไข่เจริญเติบโตได้ตามปกติ แต่คุณภาพของฟองไข่ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีช็อกโกแลตซีสต์นั้นจะมีสารเคมีบางอย่างที่ทำให้ฟองไข่ที่ตกในรังไข่ข้างด้อยคุณภาพลง และเจริญเติบโตได้น้อยกว่าอีกข้างที่ไม่มีซีสต์ และเมื่อซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้การเจริญเติบโตของฟองไข่เป็นไปได้ยากขึ้น เช่น ถ้าซีสต์มีขนาด 1 ซม. จะเหลือพื้นที่ในรังไข่ให้กับไข่เยอะ ทำให้ไข่มีโอกาสที่จะโตได้ตามปกติ แต่ถ้าขนาดซีสต์ใหญ่มากถึง 5 ซม. พื้นที่ในรังไข่ก็จะเหลือน้อยลง ไข่จะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ เพราะความดันในรังไข่สูงมาก และอาจทำให้ไข่ไม่ไปตกในข้างที่มีซีสต์เลย เมื่อไข่ไม่ตกในข้างที่มีซีสต์ก็ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงตามไปด้วย
  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่-เกิดที่นอกรังไข่ โดยทำให้มีรอยโรคในอวัยวะอื่น ๆ ภายในช่องท้องหรือในมดลูกได้อีกเช่นกัน ฉะนั้นอาจจะทำให้มีพังผืดเกิดขึ้นที่ปีกมดลูกจนทำให้ท่อรังไข่อุดตัน ซึ่งการที่ท่อรังไข่อุดตันนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไข่กับสเปิร์มไม่สามารถผสมกันได้ นอกจากนี้ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และแทรกเข้ามาในชั้นเนื้อกล้ามเนื้อมดลูกแล้ว ทำให้มดลูกมีขนาดที่โตขึ้น มีรูปร่างที่บิดเบี้ยว หรือมีสภาพที่ผิดธรรมชาติไป โอกาสที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัวก็ยากขึ้นตามไปด้วย เมื่อตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้ก็จะทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงไปด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าซีสต์จะเกิดขึ้นในรังไข่หรือนอกรังไข่ก็สามารถส่งผลกระทบกับการตั้งครรภ์ได้ทั้งสิ้น เพราะว่าระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงเป็นกลุ่มโรคที่โยงถึงกันอยู่

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

7 อาการที่เสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์

ช็อกโกแลตซีสต์ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและไม่ค่อยเป็นอันตราย แต่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เพียงแต่จะแสดงอาการหรือส่งผลต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เริ่มตั้งแต่ไม่มีความผิดปกติใด ๆ แสดงอาการเพียงเล็กน้อย หรือรุนแรง ซึ่งอาการที่พบบ่อย เช่น

1.ปวดท้องมากผิดปกติเวลามีประจำเดือน และปวดมากขึ้น ๆ ทุกเดือน ซึ่งมักจะเริ่มปวดก่อนประจำเดือนมา 2-3 วันไปจนหมดรอบเดือน โดยอาจจะปวดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกรานและตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ ต่างกับการปวดประจำเดือนปกติที่มักปวดในช่วงวันแรก ๆ และไม่รุนแรง รวมถึงการปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์

2.ประจำเดือนมานานผิดปกติหรือมามากกว่า 7 วัน และการมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ

3.ประจำเดือนมาถี่ มีระยะห่างระหว่างที่เป็นประจำเดือนแต่ละรอบสั้นกว่าปกติ คือประจำเดือนมามากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง

4.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อาจเป็นเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ และไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ

5.ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นเลือด ในช่วงมีประจำเดือน บางรายอาจมีอาการปวดขณะถ่ายอุจจาระหรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานมากขณะปัสสาวะ

6.มีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หรืออาการอื่น ๆ คล้ายกับช่วงมีประจำเดือน

7.ปวดไมเกรนบ่อย โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน

บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาเลย แต่ถ้าคลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อย ซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางหรือด้านข้าง ก็มีความเสี่ยงที่ในระยะที่เป็นอันตรายได้ เนื่องจากถุงน้ำโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่ หรือถ้าเป็นคนผอมแต่มีพุงให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีถุงน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในท้อง หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีอาการดังที่กล่าวมานี้ ก็เป็นไปได้ว่ามีความเสี่ยงที่กำลังป่วยเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป เพื่อไม่ปล่อยให้อาการลุกลามจนกลายเป็นระยะที่รุนแรง ที่จะสร้างความทรมานให้กับร่างกายได้ไม่น้อย

อ่านต่อ วิธีรักษาเมื่อตรวจพบช็อคโกแลตซีสต์ คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up