รีวิวเป้อุ้มเด็ก

รีวิวเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์แนะนำ นั่งสบาย ปลอดภัย เคลื่อนไหวคล่องตัว

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวเป้อุ้มเด็ก
รีวิวเป้อุ้มเด็ก

หมดยุคอุ้มลูกเข้าสะเอวด้วยมือเปล่า ตอนนี้ เป้อุ้มเด็ก กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มทุ่นแรง ที่คนเลี้ยงลูกต้องมีจริงๆค่ะ คุณพ่อคุณแม่รู้ดีว่า ด้วยสรีระที่บอบบางของเขา เวลาอุ้มลูกน้อยแต่ละครั้งจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไหนจะพาออกไปท่องเที่ยว หรือแม้แต่อุ้มในบ้าน หยิบจับทำนั่นนี่ไปด้วย

การใช้เป้อุ้มเด็ก จะช่วยไม่ให้คนอุ้มเมื่อยล้า หรือลูกน้อยหลังงอ ขาโก่ง ที่เกิดจากการอุ้มผิดวิธีหรืออุ้มเป็นเวลานาน มาค่ะ เดี๋ยวทีมแม่จะอาสาพาไปดู รีวิวเป้อุ้มเด็ก กันว่าแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง

รีวิวเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์แนะนำ นั่งสบาย ปลอดภัย เคลื่อนไหวคล่องตัว

เป้อุ้มเด็ก ออกแบบมาเพื่อทุ่นแรงในการอุ้มของคุณพ่อคุณแม่ ทั้งช่วยลดความเมื่อยล้าและแรงที่ใช้ในการอุ้มหากต้องอุ้มลูกน้อยเป็นเวลานาน และยังช่วยให้ไม่ต้องคอยกังวลว่าเค้าจะเล่นซนหรือคลานห่างจากเราจนเกิดอันตราย ที่สำคัญการอุ้มลูกไว้แนบอกยังช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ไม่งอแง เสริมความสัมพันธ์ระหว่างลูกและคุณพ่อคุณแม่ด้วย

รีวิวเป้อุ้มเด็ก

เลือกเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี

  • เลือกซื้อตามความต้องการใช้งาน หากอุ้มลูกไปทำกิจกรรมอื่นไป หรือต้องพาลูกน้อยออกนอกบ้าน ควรใช้เป้อุ้มเด็กแบบสะพาย ถ้าต้องการให้นมลูกไปด้วย ควรเลือกเป้อุ้มเด็กที่ปรับเป็นเปลได้ด้วย  
  • ควรเลือกตามช่วงอายุที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำหนักและสรีระของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงอายุ วัยที่เหมาะสมกับการเริ่มใช้เป้อุ้มเด็กมากที่สุดคือช่วง 3 เดือน ซึ่งเริ่มชันคอได้แล้ว
  • ควรสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายท่าทาง เช่น อุ้มแนวนอน (แบบนอนราบ) อุ้มแนวตั้งแบบหันหน้าทารกเข้าหาผู้อุ้ม หันหน้าทารกออกทางด้านหน้า อุ้มเข้าสะโพก สะพายหลัง ช่วยให้คนอุ้มไม่รู้สึกเมื่อยล้า
  • ควรเลือกวัสดุที่ช่วยระบายอากาศได้ดี เพราะเด็กทารกจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าผู้ใหญ่ และมีเหงื่อออกง่ายกว่า ลดปัญหาอบอ้าวและกลิ่นอับชื้น
  • ควรออกแบบให้สามารถรองรับสรีระร่างกายที่เหมาะสมของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่ เช่น ขาของลูกกางเป็นรูปตัว M ศีรษะอยู่ในระดับที่ก้มหอมหน้าผากได้ ก้นอยู่เหนือสะดือ และมีซัพพอร์ตช่วยลดการเมื่อยล้าของผู้อุ้ม

 

รีวิวเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์ที่อยากแนะนำ

  1. Baby Groove รุ่น Hip seat 6 in 1 เป็นเป้อุ้มเด็กที่ประสิทธิภาพคุ้มราคา สามารถปรับเปลี่ยนท่าอุ้มได้ถึง 6 ท่าเลยทีเดียว โดยใช้การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้เด็กอยู่ในท่าที่ถูกต้องและสบายตัวที่สุด นั่งง่าย นั่งสบาย สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 30 กิโลกรัม ใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติมาเป็นวัสดุหลักในการผลิตจึงอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ระบายอากาศดี ไม่อับชิ้น ใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึง 2 ขวบ แถมรุ่นนี้มาพร้อมกับผ้าคลุมหัวกันแดด และผ้าเช็ดน้ำลายตรงที่รองคอด้วย    

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/BabyGrooveCompany/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/BabyGrooveCompany/
  1. Pognae รุ่น No.5 Max เป็นแบรนด์ขายดีจากเกาหลีที่ได้รับรางวัล EDITOR’s CHOICE: BEST BABY CARRIER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ดีไซน์ด้วยนวัตกรรมที่ใส่ใจในสรีระของลูกและคุณพ่อคุณแม่เวลาอุ้ม ช่วยให้ไม่ปวดหลัง คอ บ่า และไหล่ แม้จะอุ้มลูกเป็นเวลานาน จนได้รับการรับรองจากสถาบัน International Hip Dysplasia (IHDI)  เป็นรายแรกของเกาหลี รองรับทั้ง M Shape U Shape ของลูก ช่วยให้หลังไม่งอ ขาไม่โก่ง นอกจากนี้วัสดุผ้ายังกันน้ำ แต่ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง โดยเฉพาะจุดที่มีเหงื่อเยอะอย่างช่วงหลังและก้นลูก สามารถปรับท่าอุ้มได้หลากหลาย มีระบบล็อคที่ปลอดภัย ซิปไร้เสียง ถอดซักทำความสะอาดง่าย  

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.pognae.in.th/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.pognae.in.th/
  1. Bebefit รุ่น Signature7 เป็นเป้อุ้มฮิปซีทพับได้ ทำให้ใช้งานและจัดเก็บสะดวก และยังแยกส่วนระหว่างเป้อุ้มกับฮิปซีทได้เพียงรูดซิป ล้ำด้วยเทคโนโลยีกลไกที่ยืดหยุ่น ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Samsung เพียงคลิกเดียวก็สามารถยกเบาะนั่งขึ้นและลงได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย สายคาดเอวสามารถล็อกได้แน่นหนาถึง 2 ชั้น สามารถปรับความกระชับได้จากด้านหน้าทำให้ใช้งานสะดวก นอกจากนี้ก็ยังมีหมอนรองปรับระดับศีรษะ ที่บังลมบังแดด ช่องระบายอากาศ ดีไซน์เพรียวบาง ดูมีสไตล์ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/Bebefit-Thailand

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/Bebefit-Thailand
  1. Infantino รุ่น Zip Travel เป็นเป้อุ้มรุ่นที่เหมาะสำหรับการเดินทาง ตอบโจทย์ทั้งขนาดที่เบาและยังพับเก็บได้ง่าย เมื่อไม่ใช้็สามารถพับเก็บเป็นสายคาดเอวได้เลย สามารถอุ้มลูกน้อยได้ทั้งแบบสะพายด้านหน้าและสะพายด้านหลัง ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ด้วยที่นั่งหนาและยาว สามารถปรับขนาดที่นั่งได้ตามช่วงวัย ลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ที่นั่งซัพพอร์ตตั้งแต่เข่าอีกด้านไปจนถึงอีกด้าน และยังยกให้เข่าทั้งสองข้างสูงขึ้นซึ่งเป็นท่าที่เด็กๆรู้สึกสบายตัว มีส่วนโค้งมนรองรับก้นอย่างเป็นธรรมชาติ สายรัดก็แน่นกระชับไม่หลุดง่าย ผ้านุ่ม ไม่กดทับแผลผ่าคลอด 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/infantinothailand/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/infantinothailand/
  1. Grace Kids รุ่น สนักเกิ้ล เป้อุ้มเด็กรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกน้อยได้สบายขึ้น เพราะออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ให้สามารถรองรับน้ำหนักและกระจายน้ำหนักได้ดี ช่วยให้คนอุ้มไม่เกิดอาการปวดหลัง ส่วนลูกน้อยก็ได้นั่งหลังตรง ฐานที่นั่งก็กว้าง ช่วยให้นั่งสบาย สามารถปรับการใช้งานได้ถึง 8 ท่าตามต้องการ วัสดุทำจากผ้าแคนวาสคุณภาพดี เนื้อนิ่ม ไม่ระคายเคืองผิว มีช่องรูดซิปเพื่อระบายอากาศได้ และยังถอดแยกได้เป็น 2 ชิ้น พร้อมช่องใส่ของขนาดใหญ่ถูกใจคุณพ่อคุณแม่    

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/myGraceKids/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/myGraceKids/
  1. Camera รุ่น HIPPA5 เป็นเป้เด็กที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI (International Hip Dysplasia Institute) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็น Hip Seat Healthy Product ที่สามารถรองรับสรีระช่วงสะโพกและขาของเด็กดีเยี่ยม ป้องกันภาวะข้อต่อสะโพกเคลื่อนได้ โดยสามารถปรับการใช้งานได้ 3 แบบ คือแบบไม่มีสายคาดเอว แบบมีสายคาดเอว และแบบฮิพซีท ฐานนั่งก็กว้าง นั่งสบาย ซิปล็อคและตัวล็อคสายก็แข็งแรง ส่วนเนื้อผ้าเป็นผ้า Polyster และ Cotton 100% ใช้ฟองน้ำชนิดพิเศษป้องกันการกดทับรอบเอว มาพร้อมกระเป๋าข้างขนาดใหญ่ ใส่ของได้เยอะ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/hipseatcamera/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/hipseatcamera/
  1. Ergobaby รุ่น OMNI 360 ดีไซน์โดยคำนึงหลักสรีรศาสตร์ของทั้งผู้อุ้มและเด็ก จนได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI (International Hip Dysplasia Institute) หมดกังวลเรื่องปัญหากับกระดูกข้อต่อสะโพกของเด็ก ใช้แล้วขาไม่โก่ง สามารถปรับใช้ได้หลายท่า ทั้งท่าอุ้มด้านหน้า สะพายไปด้านหลัง หรือจะปรับให้สะดวกขณะกำลังให้นมลูกก็ได้ สายรองบ่ามีความหนานุ่มพิเศษ สามารถการกระจายน้ำหนักได้ดี ป้องกันคนอุ้มปวดหลัง มีสายรัดและตัวล็อคมีเซฟตี้ป้องกันการปลดล็อคโดยไม่ตั้งใจด้วย ใช้ได้ยาวนานเพราะเป้สามารถปรับขนาดได้ตามขนาดตัวเด็ก จึงสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 4 ขวบ พับเก็บก็ง่าย น้ำหนักเบา สามารถซักได้ด้วยเครื่องซักผ้า

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.ergobabythailand.com/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.ergobabythailand.com/collections/omni-360

  1. Todbi รุ่น Holic Hipseat Carrier เป็นเป้อุ้มเด็กที่ใช้งานได้หลากหลาย จะใช้เป็นเป้อุ้มก็ได้ เบาะรองนั่งก็สะดวก ออกแบบให้สบายทั้งคนอุ้มและลูกน้อย ทั้งน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย สายสะพาย Shoulder Pad ช่วยลดอาการปวดเมื่อยไหล่ให้คุณแม่ เนื้อผ้า Anti Allergen Fabric ช่วยป้องกันไรฝุ่น ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย สัมผัสนุ่มและระบายอากาศ มาพร้อมหน้าต่างตาข่ายระบายอากาศได้ดี ให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว Sleeping Hood ช่วยให้หลับสบาย ป้องกันแสงแดดและไรฝุ่นรบกวน มี Head Support รองคอให้ลูกน้อยอยู่ในท่าที่ปลอดภัยไม่เอนเอียง เสริมด้วยซิปไร้เสียงตอนถอด ไม่รบกวนเวลาลูกน้อยขณะนอนหลับ

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.rockingkidsthailand.com/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.rockingkidsthailand.com/
  1. PAPA BABY รุ่น PR-6001 เป้อุ้มเด็กรุ่นนี้เหมาะกับเด็ก 3 เดือนขึ้นไป ดีไซน์กะทัดรัด น่ารัก พกพาสะดวก แต่ยังครบฟังค์ชั่นของเป้อุ้มเด็ก สามารถปรับการใช้งานได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าและออก เนื้อผ้าเป็นผ้ายีนส์อย่างดี ด้านในทำจากผ้ากำมะหยี่ ช่วยให้อุ้มสบาย และยังนุ่ม ไม่ระคายผิวลูก ระบายความร้อนได้ดี มีซับพอร์ตบริเวณสายสะพาย รองรับแรงกดตรงช่วงไหล่ รวมทั้งมีซับพอร์ตตรงสายรัดเอว เพื่อลดอาการปวดหลัง ปวดเอวด้วย ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อยต้องอุ้มนานๆ ส่วนเข็มขัดก็มีความแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกตกลงมาและได้รับบาดเจ็บ   

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/Papafarlinbaby/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/Papafarlinbaby/
  1. SUNVENO รุ่น Ergonomic Mesh Baby Carrier เป้อุ้มเด็กระบายอากาศได้รอบทิศ ดีไซน์มาพร้อมตาข่ายบริเวณด้านหน้า รอบเอว และสายสะพายไหล่ ใช้กรรมวิธีทอเส้นเรียงตัวกันคล้ายรังผึ้ง ทำให้นอกจากจะช่วยระบายความร้อนแล้ว ยังแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ดีอีกด้วย เหมาะมากกับเมืองร้อนแบบบ้านเรา เบาะนั่งเป็นพื้นซิลิโคนนิ่มกันลื่น ออกแบบตามโครงสร้างสรีระร่างกายเด็กให้เอียง 30 องศา ช่วยให้ขาไม่โก่ง สายสะพายไหล่เป็นแบบ X Cross ไขว้หลัง ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ช่วยทำให้กระจายน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น เสริมด้วยล็อคหลายชั้น ทำให้รู้สึกอุ้มลูกได้อย่างปลอดภัย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.sunveno.com/

รีวิวเป้อุ้มเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.sunveno.com/

 

จาก รีวิวเป้อุ้มเด็ก ทั้ง 10 แบรนด์ที่ทีมแม่ ABK รวบรวมมา แต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่น น่าใช้แตกต่างกันออกไป แต่หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการจะซื้อเป้อุ้มเด็ก อยากจะลองสวมใส และหยิบจับ ทดลองใช้ ก็สามารถตามไปดูกันได้ที่งานAmarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21 ซึ่งได้รวบรวม เป้อุ้มเด็ก หลากหลายแบบ หลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. – 3 ก.ค. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 ไบเทค บางนา แม่ๆจ๋า เตรียมช้อปแหลกสินค้าเพื่อแม่ลูก ลดแรง แซงทุกโปร ได้เล้ยยยยย
>> 📱 เปิดลงทะเบียนแล้ววว!! Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21
รับฟรี 2 ต่อ >> https://cooll.ink/abk21register
ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! เป้อุ้มเด็ก Pognae มูลค่า 8,990 บ.
🎁 พิเศษสุดๆ สำหรับคุณแม่ๆใช้ Application Lazada ในการซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลด On Top เพิ่ม (เฉพาะกับร้านค้าที่ร่วมโปรโมชั่นเท่านั้น)
– ช้อปครบ 1,500 บ. รับส่วนลด On Top 150 บ.
– ช้อปครบ 4,999 บ. รับส่วนลด On Top 400 บ.
– ช้อปครบ 9,999 บ. รับส่วนลด On Top 800 บ.
บัตรกรุงศรีทุกหน้าบัตร On Top 400 บาท เมื่อซื้อครบ 4,999-.
* โค๊ดส่วนลดมีจำนวนจำกัด
✨ งานเดียว ครบ จบ ทุกอย่างที่แม่ต้องมี❗️ 💕ช้อปมั่นใจด้วยมาตรการเข้มข้นด้านความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ช้อปอย่างสบายใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก

top10

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เป้อุ้มเด็ก ไอเท็มยอดฮิตครอบครัวยุคใหม่ เลือกแบบไหนใช้งานง่าย ลูกนั่งสบายและปลอดภัย

ระวัง เป้อุ้มทารก เลือกไม่ดีเด็กอาจสันหลังเคลื่อนข้อสะโพกหลุด

ปวดหลังหลังคลอด สัญญาณร้าย “โรคโครงสร้างผิดปกติ”

ที่นอนเด็ก

ที่นอนเด็ก 10 แบรนด์คุณภาพดี นอนนุ่ม หลับสบาย ช่วยเสริมพัฒนาการ

Alternative Textaccount_circle
event
ที่นอนเด็ก
ที่นอนเด็ก

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมจะต้อนรับเจ้าตัวน้อยสู่โลกอันกว้างใหญ่ รวมไปถึงบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย ที่กำลังเล็ง ๆ ว่าจะซื้ออะไรรับขวัญหลานดีนะ ทีมแม่ขอแนะนำ ที่นอนเด็ก ไอเท็มหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม

ที่นอนเด็ก 10 แบรนด์คุณภาพดี นอนนุ่ม
หลับสบาย ช่วยเสริมพัฒนาการ

จริงๆ แล้วการนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ต่อวัยทารกและเด็กเล็ก เพราะการได้พักผ่อนเพียงพอจะส่งผลดีต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต ที่นอนดีๆสำหรับทารกจึงจำเป็นมาก รู้แบบนี้แล้วทีมแม่ขอพาจูงมือไปเลือกที่นอนเจ้าตัวน้อยด้วยกันเลยนะ

ที่นอนเด็ก คือที่นอนสำหรับเด็กวัยตั้งแต่แรกเกิด ถึง 4 ปี มีขนาดเล็กกว่าเตียงผู้ใหญ่ แต่ก็กว้างพอให้เด็กๆได้พลิกตัว หรือขยับคลานบ้าง โดยขนาดและลักษณะเตียงก็ควรเลือกให้เข้ากับสรีระ ท่านอนที่ถูกต้อง ความปลอดภัยขณะหลับ รวมทั้งความสะดวกของคุณพ่อคุณแม่ เพราะฉะนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อที่นอนเด็กนะคะ 

 

เลือกที่นอนเด็กแบบไหนดี 

  • เลือกที่นอนไม่แข็งและไม่นุ่มมากเกินไป ป้องกันเวลาลูกนอนคว่ำหน้า โดยเฉพาะวัยทารก เตียงนุ่มเกินไป หน้าของลูกอาจจมจนเกิดการขาดอากาศหายใจ หรือ SIDS ได้
  • ที่นอนควรรองรับน้ำหนักตัวลูกได้ดี หากมีน้ำหนักเยอะหน่อย ก็ควรเลือกเตียงที่แข็งแรง ไม่นิ่มจนเกินไป
  • ไม่ควรเลือกเตียงที่มีร่องหรือประกอบต่อกัน เพราะลูกอาจขยับจนตกร่องหรือทำกระดูกผิดรูปได้
  • ที่นอนควรทำความสะอาดง่าย ระบายอากาศได้ดี หากเป็นแบบป้องกันไรฝุ่นและเชื้อโรคด้วยจะดีมาก และควรเปลี่ยนใหม่เป็นระยะ 
  • ลักษณะที่นอนเด็กควรเป็นแบบที่คุณแม่หรือคุณพ่อจะเข้าถึงตัวเขาได้ง่ายเวลาให้นมและอุ้มกล่อม รวมทั้งไม่ควรยกสูงจากพื้นเพื่อป้องกันการพลัดตก  

 

  1. Papa Baby ชุดที่นอนทำจาก Cotton 100% กันน้ำป้องกันไรฝุ่น และแบคทีเรีย ในชุดนึงมีทั้งที่นอน หมอนหลุม และตุ๊กตาหมอนข้าง ลายน่ารัก เข้าชุดกัน ตัวที่นอนทำจากวัสดุอย่างดีอย่างดี ไม่ยุบตัวเวลานอน ด้านบนเป็นผ้ากันน้ำเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสูง ปลอดสารพิษ ช่วยกันปัสสาวะ ด้านล่างเป็นโครงตาข่ายจากไมโครไฟเบอร์ ระบายอากาศได้ดี สีย้อมสดใส ไร้สารพิษ จะทำความสะอาดก็ง่ายเพราะมีซิปสามารถดึงถอดซักได้ 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.papa.co.th

ที่นอนเด็ก 10 แบรนด์คุณภาพดี นอนนุ่ม หลับสบาย ช่วยเสริมพัฒนาการ
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.papa.co.th/

 

  1. Oxy เป็นที่นอนหายใจผ่านได้ ป้องกันความเสี่ยงโรค SIDS หรือโรคขาดอากาศหายใจขณะหลับในเด็กทารก จึงออกแบบให้เหมาะกับท่านอนของเด็ก ที่แม้จะนอนคว่ำก็ยังหายใจได้สบาย ตัวเบาะตัดเย็บปราณีต มีความนุ่มแน่น รองรับสรีระได้ดี ไม่สะสมความร้อน ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง จึงป้องกันการเกิดความชื้นและไรฝุ่น และยังปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ผ่านการรับรองความปลอดภัย OEKO-TEX standard 100 สามารถซักทำความสะอาดได้ 100% แถมยังแห้งเร็วด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://oxybabythailand.com

ที่นอนเด็ก 10 แบรนด์คุณภาพดี นอนนุ่ม หลับสบาย ช่วยเสริมพัฒนาการ
ขอขอบคุณภาพจาก https://oxybabythailand.com/
  1. Airy เป็นอีกแบรนด์ที่ดีไซน์ที่นอนหายใจผ่านได้สำหรับทารก เพื่อลดโอกาสทารกขาดอากาศหายใจขณะหลับ ที่นอนเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ถ่ายเทอากาศได้ดี สามารถหายใจผ่านได้แม้นอนคว่ำ และยังช่วยให้อุณหภูมิร่างกายไม่สูงเกินไป เนื้อเบาะก็นุ่มแน่น รองรับสรีระร่างกายอย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและฝึกพัฒนาการทางกล้ามเนื้อที่ดีของลูก เรื่องระบายความร้อนก็ทำได้ดี ช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรียและไรฝุ่น ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย ไร้สารพิษ สามารถถอดซักล้างได้ทุกชิ้นส่วน

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/airybedding/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/airybedding/

 

  1. Elava เป็นเบาะนอนดีไซน์พิเศษ คือทำองศาเอียง 30 องศา ใกล้เคียงกับองศาที่แม่อุ้ม ป้องกันกรดไหลย้อนและอาการแหวะนม ตัวเบาะก็โอบรับตัวลูกได้ดี ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจเวลานอน หลับสนิท หลับนาน และคุณแม่ก็ไม่ต้องอุ้มตลอดเวลา เหมาะกับเวลาคุณแม่ให้นม นอนเล่น หรือนอนกลางวัน วัสดุด้านหน้าทำจากผ้า Cotton 100% ด้านหลังเป็น Air Mesh ผ่านการทดสอบจากสถาบันชั้นนำหลายประเทศแล้วว่าป้องกันไรฝุ่นและเชื้อแบคทีเรียได้ ปลอดภัยต่อลูกน้อย ตัวเบาะก็เคลื่อนย้ายสะดวก ถอดซักทำความสะอาดง่าย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/elava.thailand/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/elava.thailand/
  1. Latex Monster แบรนด์นี้เป็นที่นอนทำจากยางพาราแท้ ปลอดสารเคมีเจือปน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ด้วยการห่อหุ้ม 3 ชั้น ตั้งแต่ผ้า TK หุ้มยางพารา ผ้ากันน้ำ กันน้ำไม่ไหลลงสู่ตัวที่นอน และผ้าคอตตอนลาย ABC น่ารัก ส่วนข้อดีของที่นอนยางพารา ก็คือมีความนุ่ม ยืดหยุ่นสูง การคืนตัวได้ดีทำให้ลดการกระแทกจากการนอน รองรับสรีระ ช่วยกระจายแรงกดทับและการไหลเวียนของโลหิต นอนแล้วไม่ร้อนหลัง ที่สำคัญคือไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้เนื่องจากไรฝุ่นและแบคทีเรียอีกด้วย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/latexmonster/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/latexmonster/
  1. Nuebabe เป็นที่นอนเบาะรูปไข่ มาพร้อมกับลวดลายสดใสแฟนตาซี ซึ่งดีไซน์ทรงเบาะไข่นี้จะมีขอบนุ่มด้านข้าง สามารถโอบตัวเด็กได้อย่างกระชับ ช่วยป้องกันลูกนอนดิ้นตกที่นอนได้เป็นอย่างดี ในเซ็ตมีทั้งที่นอน หมอน และหมอนข้าง ตัดเย็บจากวัสดุผ้าคอตตอน 100% และบุด้วยใยสังเคราะห์คุณภาพดี ทำให้รู้สึกนุ่มสบายและระบายอากาศได้ดีในตอนนอน พร้อมเนื้อผ้ากันไรฝุ่นทำให้ไม่ระคายเคืองผิวอันบอบบาง ทำความสะอาดก็ง่ายดาย เพราะสามารถนำไปซักได้ทั้งชิ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/nuebabeofficial/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/nuebabeofficial/
  1. Absorba แบรนด์สินค้าสำหรับเด็กจากฝรั่งเศสที่หลายคนเชื่อมั่น ที่นอนใช้ผ้าคอตตอน 100% โดยไม่ผ่านสารเคมีใดๆ ในกรรมวิธีการทอ จึงไม่ระคายเคืองผิวบอบบางของลูกน้อย และยังให้สัมผัสนุ่ม ลื่น ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้ลูกหลับสบาย ลดการสะสมเชื้อโรคและไรฝุ่น นอกจากนี้เนื้อผ้ายังยืดหยุ่น มีซิปสามารถถอดออกมาซักทำความสะอาดได้ตามต้องการด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/AbsorbaclubThailand/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/AbsorbaclubThailand/
  1. Gracekids ที่นอนเด็กลายการ์ตูนลิขสิทธิ์น่ารักมีหลายแบบ อย่างที่นอนเด็กรุ่นมีที่กั้น เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาที่นอนเป็นสัดส่วนสำหรับล็กน้อย และยังช่วยคลายกังวลว่าลูกจะตกที่นอนด้วย เนื้อในทำมาจากใยสังเคราะห์คุณภาพดี ไม่ยุบตัวง่าย อายุการใช้งานยาว ส่วนเนื้อผ้าทำมาจากผ้าฝ้าย 100% ระบายอากาศได้ดี ไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย เป็นผ้ากันไรฝุ่น ไม่อมฝุ่น และไม่ร้อน สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถพับเก็บได้ และที่นอนกับที่กั้นก็ยังแยกชิ้นกันได้ด้วย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.mygracekids.com/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.mygracekids.com/
  1. Iflin Baby ที่นอนสำหรับเด็กแรกเกิดที่ดีไซน์ไม่เหมือนใคร สามารถใช้นอนได้สองฝั่ง คือฝั่งนึงมีความนุ่ม นอนสบาย กับอีกฝั่งที่มีความเฟิร์มและแน่นกว่า ลูกจึงเลือกนอนได้ตามใจชอบ ตัวที่นอนทำจากวัสดุพิเศษ ถ่ายเทอากาศ หายใจผ่านได้ ปราศจากสารเคมีในการผลิต จะใช้นอนในบ้านก็ได้ พกไปนอกบ้านก็สะดวกเพราะสามารถพับเก็บได้ น้ำหนักก็เบาเพียง 2 กิโลกรัม แนะนำให้ใช้คู่ผ้าปูที่นอนใยไผ่ เนื้อนุ่มลื่น เย็น ช่วยให้ลูกหลับสบาย  

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/iflinbaby/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/iflinbaby/
  1. Cocoono ที่นอนเด็กรุ่น CoCoonest เป็นที่นอนแบบ Co-sleeping​ สามารถปรับระดับ​องศาได้แบบ​ 12​ องศา​ เเละเเบบแบนราบ ซึ่งความเอียงนี้สามารถทดแทนการใช้หมอนได้ และยังเสริมขอบกันตก ป้องกันการตกขอบเตียง การนอนทับลูก เเละโรค SIDS หรือโรคขาดอากาศหายใจขณะหลับในเด็กทารก รวมทั้งให้ความรู้สึกปลอดภัย Womb-like เหมือนอยู่ในอ้อมกอดคุณแม่ตลอดเวลา สามารถวางบนที่นอนของคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นสัดส่วน นอกจากนี้ยังพับพกพาไปข้างนอกบ้าน จะแยกส่วนซักทำความสะอาดก็ง่ายดาย     

ข้อมูลเพิ่มเติม https://cocoonobaby.com/

ที่นอนเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://cocoonobaby.com/

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ที่นอนเด็ก อาจเป็นไอเท็มที่พ่อแม่หลายคนมองข้าม แต่แท้จริงแล้ว ถือเป็นของใช้ทารกที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง พ่อแม่ควรศุึกษาหาข้อมูลการเลือกใช้ที่นอนเด็กให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะหากเลือกไม่ดีอาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนของลูกน้อยได้

ทั้งนี้แต่หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี ก็สามารถมาเลือกดูที่นอนของจริง หยิบจับสัมผ้สด้วยตัวเอง ได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21 ซึ่งมี ที่นอนเด็กหลากหลายแบบ หลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. – 3 ก.ค. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 ไบเทค บางนา แม่ๆจ๋า เตรียมช้อปแหลกสินค้าเพื่อแม่ลูก ลดแรง แซงทุกโปร ได้เล้ยยยยย
>> 📱 เปิดลงทะเบียนแล้ววว!! Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21
รับฟรี 2 ต่อ >> https://cooll.ink/abk21register
ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! เป้อุ้มเด็ก Pognae มูลค่า 8,990 บ.
🎁 พิเศษสุดๆ สำหรับคุณแม่ๆใช้ Application Lazada ในการซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลด On Top เพิ่ม (เฉพาะกับร้านค้าที่ร่วมโปรโมชั่นเท่านั้น)
– ช้อปครบ 1,500 บ. รับส่วนลด On Top 150 บ.
– ช้อปครบ 4,999 บ. รับส่วนลด On Top 400 บ.
– ช้อปครบ 9,999 บ. รับส่วนลด On Top 800 บ.
บัตรกรุงศรีทุกหน้าบัตร On Top 400 บาท เมื่อซื้อครบ 4,999-.
* โค๊ดส่วนลดมีจำนวนจำกัด
✨ งานเดียว ครบ จบ ทุกอย่างที่แม่ต้องมี❗️ 💕ช้อปมั่นใจด้วยมาตรการเข้มข้นด้านความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ช้อปอย่างสบายใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก

babyhillsthailand, my-best

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เช็คลิสต์ 60 ของใช้เด็กแรกเกิด อย่างไหนควรซื้อเลย อย่างไหนไม่ต้องรีบ!

รวม 25 วิธีเด็ด ช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับง่าย สบาย และนานขึ้น

แก้ปัญหา ลูกหลับยาก ด้วยกลิ่นกายของพ่อแม่

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด

10 พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ ช่วยแม่พื้นตัวเร็ว

Alternative Textaccount_circle
event
พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด

10 พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ ช่วยแม่ฟื้นตัวเร็ว

สำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวคลอด นอกจากการหาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยของเราแล้ว คุณแม่ยังต้องอย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงด้วย ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังจากคลอด โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังคลอด เป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เมื่อนึกถึงการดูแลตัวเองหลังคลอด เราก็มักจะนึกถึง “การ อยู่ไฟหลังคลอด” ที่เรามักจะเห็นบ่อย ๆ ในละครสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันการอยู่ไฟหลังคลอดนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการให้ทันสมัย สะดวกสบาย ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่มากขึ้น จึงทำให้การอยู่ไฟหลังคลอดกลายเป็นการพักผ่อน ผ่อนคลายหลังคลอด ไม่ต้องทนลำบากเช่นในอดีต ทำให้คุณแม่หลายท่านสนใจอยู่ไฟหลังคลอดกัน วันนี้ทีมแม่ ABK จึงมีความรู้เกี่ยวกับการอยู่ไฟ และ พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด มาฝากคุณแม่กันค่ะ

 

อยู่ไฟหลังคลอด คืออะไร?

ซึ่งการอยู่ไฟจะช่วยทำให้คุณแม่รู้สึกสบายตัว บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ช่วยขับน้ำคาวปลา และป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจตามมาในอนาคต ดังนั้นการอยู่ไฟจึงถือเป็นศาสตร์และศิลป์ของแพทย์แผนไทยที่ใช้ในการดูแลแม่หลังคลอด

 

ทำไมคุณแม่จึงควรอยู่ไฟหลังคลอด

การอยู่ไฟเป็นขั้นตอนการดูแลคุณแม่ โดยตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทยเชื่อว่าการคลอดลูกจะให้ธาตุทั้ง 4 ในร่างกายของคุณแม่เสียสมดุล โดยเฉพาะธาตุไฟ ซึ่งส่งผลให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้า ปวดเมื่อย คัดตึงเต้านม หนาวง่าย การอยู่ไฟหลังคลอดจึงเป็นศาสตร์ที่นำความร้อนมาช่วยฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่จากความเหนื่อยล้า เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ช่วยปรับสมดุลร่างกายของคุณแม่ให้เข้าที่ ทำให้มดลูกที่ขยายตัวได้หดรัดตัวหรือเข้าอู่ได้เร็ว ช่วยให้ปากมดลูกปิดได้ดี จึงป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูกหลังคลอด ทำให้น้ำคาวปลาไหลได้ดี ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นบริเวณหลังและขาที่เกิดจากการกดทับในขณะตั้งครรภ์ได้คลายตัวจึงบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดอาการหนาวสะท้านเนื่องจากการเสียเลือดและน้ำหลังคลอด ให้ร่างกายแข็งแรงกลับคืนสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด

 

การอยู่ไฟสมัยโบราณ

ในอดีต คุณแม่ที่อยู่ไฟหลังคลอดจะต้องนอนบนกระดานแผ่นใหญ่ที่ยกให้สูงขึ้น มี เรียกว่า “กระดานไฟ” เพื่อให้สามารถนำกองไฟเข้าไปก่อไว้ใต้กระดานหรือใกล้ ๆ กับกระดานได้ โดยจะเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของกองไฟ ดังนี้

  • “อยู่ไฟญวน” หรือ “ไฟแคร่” เป็นการนอนบนไม้กระดาน ตั้งเตาไฟเอาไว้ใต้แคร่ มีแผ่นสังกะสีรองทับอีกที
  • “อยู่ไฟไทย” หรือ “ไฟข้าง” เป็นการนอนบนกระดานไฟซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับพื้นและมีกองไฟอยู่ข้าง ๆ

นอกจากนี้ยังสามารถเรียกตามประเภทของฟืนที่ใช้ก่อกองได้อีกด้วย ได้แก่

  • อยู่ไฟฟืน เป็นการใช้ไม้ฟืนอย่างไม้มะขาม นำมาก่อไฟ
  • อยู่ไฟถ่าน คือการใช้ถ่านก่อไฟ

โดยคุณแม่จะต้องอยู่ในเรือนไฟนาน 7-15 วัน ห้ามออกจากเรือนไฟโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้อุณหภูมิร่างกายของคุณแม่ปรับตัวไม่ทันจนไม่สบายได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอยู่ไฟให้ทันสมัย เข้ากับวิถีชีวิตของคุณแม่ยุคปัจจุบันมากขึ้น แถมยังมีการเพิ่มคุณประโยชน์ให้ด้านความสวยความงามเข้ามาอีกด้วย

 

ขั้นตอนการอยู่ไฟหลังคลอด

  1. การเข้ากระโจมและอบสมุนไพร เป็นการเข้ากระโจมอบไอน้ำด้วยสมุนไพรโดยให้คุณแม่หลังคลอดเข้าไปนั่งบนม้านั่ง แล้วเอาผ้าห่มทำกระโจมคลุมไว้ นำหม้อน้ำที่ต้มเดือดใส่ไว้ภายในกระโจม ภายในหม้อมีน้ำสมุนไพร เช่น มะกรูด ตะไคร้ ซึ่งช่วยให้ระบบทางเดินหายใจคล่องขึ้น ไพรซึ่งช่วยลดอาการปวดเมื่อย ขมิ้นชันซึ่งช่วยลดอาการเคล็ดขัดยอก การบูร พิมเสนซึ่งช่วยให้หายใจสดชื่น ผักบุ้งแดงช่วยบำรุงสายตา หัวหอมแดง ใบมะขาม ใบส้มป่อย ใบส้มเสี้ยว เปลือกส้มโอ และสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย บำรุงและทำความสะอาดผิว ขับน้ำคาวปลา
  2. การนาบหม้อเกลือ หรือ การทับหม้อเกลือ หรือ การนึ่งหม้อเกลือ เป็นการใช้หม้อเกลือหรือหม้อดินใบเล็กใส่เกลือเม็ดตั้งไฟให้ร้อน แล้ววางบนใบพลับพลึง ใช้ผ้าห่ออีกชั้น แล้วนำมาประคบบริเวณหน้าท้องและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง หลังส่วนล่าง และขา พร้อมทั้งนวดคลายเส้นตามกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใบหน้า ศีรษะ ต้นขา ต้นแขน หรือวางไว้ใต้เก้าอี้เพื่อให้ความร้อนอังบริเวณปากช่องคลอด เพื่อสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ความร้อนจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองและเลือดลม ช่วยให้รูขุมขนเปิด ช่วยขับน้ำคาวปลาและของเสียออกมาตามรูขุมขน ช่วยให้มดลูกหดรัดตัวเข้าอู่เร็วขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องกระชับ หน้าท้องยุบได้เร็ว บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและมดลูก
  3. การดื่มน้ำสมุนไพร เช่น น้ำขิง เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกายและกระตุ้นเลือดลม
  4. การสครับขัดบำรุงผิว พอก ขัดผิวด้วยเกลือสะตุและสมุนไพร เพื่อช่วยกระชับและบำรุงผิวที่แตกลาย
  5. การนวดประคบ โดยใช้ลูกประคบร้อนที่ห่อไปด้วยสมุนไพรต่าง ๆ มากกว่า 10 ชนิด เช่น ขมิ้น ตะไคร้ การบูร ใบส้มป่อย เถาเอ็นอ่อน มานวดคลึงตามบริเวณร่างกายและเต้านม หรือนั่งทับลูกประคบ เพื่อช่วยลดอาการปวดเมื่อยและรักษาแผลหลังคลอด

การอยู่ไฟหลังคลอดเหมาะสำหรับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติ สามารถอยู่ไฟได้เลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลหรือภายใน 3-7 วันหลังคลอด ส่วนคุณแม่ที่ผ่าคลอดควรรอให้แผลแห้งสนิทก่อนประมาณ 30 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลอักเสบในขณะอยู่ไฟ

 

วิธีเลือกบริการอยู่ไฟหลังคลอด

  • ความน่าเชื่อถือ
  • ความปลอดภัยและความชำนาญของผู้ให้บริการ
  • ราคาเหมาะสม
  • ตอบโจทย์ความต้องการ เช่น ต้องการคลายความปวดเมื่อย ต้องการดูแลสุขภาพ ต้องการเสริมความงาม เป็นต้น

 

10 พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด แนะนำสำหรับคุณแม่

ทีมแม่ ABK คัดเลือกศูนย์สุขภาพ สปาสุขภาพ คลินิกแพทย์แผนไทย ไปจนถึงบริการอยู่ไฟถึงบ้านแบบเดลิเวอรีที่น่าสนใจมาฝากคุณแม่กัน

 

1. การแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช

งานบริการการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ มีบริการ “คลินิกอายุรเวท แพทย์แผนไทยประยุกต์” หรือ “อโรคยาสถาน” เพื่อให้บริการตรวจ วินิจฉัย และดูแลรักษาผู้ป่วย ตลอดจนการให้คำแนะนำต่าง ๆ ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย โดยมีบริการดูแลคุณแม่หลังคลอด ติดต่อกัน 5 วัน ใช้เวลาครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง ทั้งการนวดไทยแบบราชสำนัก การประคบสมุนไพร การทับหม้อเกลือ และการอบไอน้ำสมุนไพร ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนไทยประยุกต์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SirirajAppliedThaiTraditionalMedicine/ หรือ https://www.si.mahidol.ac.th/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.si.mahidol.ac.th/

2. โรงพยาบาลยันฮี

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรื่องของการผ่าตัดศัลยกรรมของโรงพยาบาลยันฮี แต่นอกจากการทำศัลยกรรมแล้ว โรงพยาบาลยันฮียังมีบริการอยู่ไฟหลังคลอดด้วยเช่นกันทั้งการนวดแผนไทยโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ การประคบเพื่อกระตุ้นน้ำนมให้กับคุณแม่ การอบสมุนไพรเพื่อผ่อนคลาย การนวดแผนไทย เป็นต้น โดยมีระยะเวลาในการรับบริการประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://th.yanhee.net/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://th.yanhee.net

3. คลินิกแพทย์แผนไทยสุโขทัยธรรมาธิราช

คลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไปในราคาประหยัด โดยมีบริการอยู่ไฟหลังคลอดให้เลือกหลายคอร์สตามความต้องการของคุณแม่ เช่น การนวดและประคบสมุนไพรเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอด 1 ช.ม. ราคา 500 บาท (สิทธิค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ 250 บาท) การทับหม้อเกลือ เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอด 1 ช.ม. ราคา 600 บาท (สิทธิค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ 300 บาท) และการอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอด 1 ช.ม. ราคา 150 บาท (สิทธิค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ 120 บาท)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://web4.stou.ac.th/schools/healthsci/clinic/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://web4.stou.ac.th/schools/healthsci/clinic/

4. มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา

คลินิกการแพทย์แผนไทย สุพรมอาศรม เป็นคลินิกที่จัดตั้งโดยมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา เปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป โดยมีแพทย์แผนไทยเป็นผู้ตรวจอาการทุกครั้งก่อนที่จะรับการบำบัดรักษาโดยการนวด ทั้งให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง โดยมีบริการคอร์สอยู่ไฟ จำนวน 8 ขั้นตอน อัตราค่าบริการ วันละ 1,000 บาท โดยใช้เวลาเพียงวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://thai-tmdf.com/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก http://thai-tmdf.com/

5. คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร

คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร มีบริการดูแลมารดาหลังคลอด และกระตุ้นน้ำนมด้วยยาสมุนไพรและศาสตร์การนวดกดจุด ในราคาสุดประหยัดเพียงครั้งละ 770 บาท ประกอบด้วย การทับหม้อเกลือ การนวดทั่วร่างกาย การประคบร้อน การอบสมุนไพร และการให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองให้กับคุณแม่

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lkb.hosp.go.th

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.lkb.hosp.go.th

6. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์

โรงพยาบาลที่ก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี โดยยึดมั่นในจรรยาบรรณและมาตรฐานทางวิชาชีพอย่างเคร่งครัด และมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานคุณภาพ การให้บริการพร้อมกับการนำเสนอเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มาพร้อมคอร์สการอยู่ไฟหลังคลอดแบบ 1 วัน และ 7 วัน ให้คุณแม่เลือกตามความต้องการได้เลย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.chularat3.com/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.chularat3.com/

7. อยู่ไฟไทย

บริการอยู่ไฟหลังคลอดส่งตรงถึงบ้านพร้อมผู้เชียวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำ ดูแลการอยู่ไฟหลังคลอดเป็นไปอย่างถูกวิธี ลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมอุปกรณ์ โดยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการอยู่ไฟหลังคลอดมากว่า 10 ปี และมีผู้เชียวชาญโดยตรงที่จะคอยดูแลและแนะนำวิธีการขั้นตอนที่ถูกต้องปลอดภัย พร้อมบำรุงร่างกายผิวพรรณของคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://ufirethai.com/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://ufirethai.com/

8. โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น

มีทั้งบริการนวดแผนไทย นวดน้ำมัน หรือนวดปรับความสมดุลของร่างกาย คลายความปวดเมื่อย แถมยังมีบริการนวดปรับความสมดุลของกล้ามเนื้อ-เส้นเอ็น และเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายในราคาพิเศษ และมีบริการโปรแกรมนวดสำหรับคุณแม่หลังคลอดและการอยู่ไฟสำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรอีกด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://web.facebook.com/HospitalKasemradPrachachuen/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/HospitalKasemradPrachachuen/

9. บ้านรักษ์สมุนไพร

ให้บริการดูแลสุขภาพ อยู่ไฟหลังคลอด ทั้งในสถานที่ (ที่ร้านบ้านรักษ์สมุนไพร) และนอกสถานที่ (บริการถึงบ้านคุณแม่ทุกท่าน) ทั่วประเทศ ด้วยบุคลากรนักฟื้นฟูบำบัดที่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลมารดาหลังคลอด (การอยู่ไฟ) ด้วยมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายยาสมุนไพรโดยเภสัชกรแผนไทย พร้อมผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอดสารพิษ ชาสมุนไพร ชุดอุปกรณ์อยู่ไฟ ชุดอยู่ไฟตำรับหลวง (ไฟชุด) อีกด้วย

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.baanruksamoonprai.com/

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

 

10. ปราณะคลินิกแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท

คลินิกแพทย์ทางเลือกของโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปี ให้บริการการตรวจรักษา โดยทีมแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน พร้อมผู้ช่วยแพทย์ ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ โดยตรง น่าเชื่อถือ และปลอดภัย โดยมีให้เลือกทั้งการอยู่ไฟ 2 ชั่วโมง และการอยู่ไฟ 4 ชั่วโมง ซึ่งการอยู่ไฟแบบ 4 ชั่วโมงจะมีบริการนวดน้ำมันหรือขัดผิว และคาดไฟชุดให้ด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://kntpranna.com/

พิกัดอยู่ไฟหลังคลอด
ขอขอบคุณภาพจาก http://kntpranna.com/

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

babyhillsthailand, my-best

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

อยู่ไฟหลังคลอด เข้ากระโจม ทับหม้อเกลือ วิธีโบราณ ช่วยดูแลสุขภาพคุณแม่หลังคลอดให้ดีขึ้น

แม่แชร์ประสบการณ์หลังคลอด ไม่ได้อยู่ไฟ แต่พุงยุบไว น้ำนมไหลมาเทมา หุ่นสวยเป๊ะดั่งเดิมได้!

หลังคลอด ต้อง “อยู่ไฟ” ไหม?

เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง

ผู้เชี่ยวชาญห่วง! เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง เพราะใส่หน้ากาก

Alternative Textaccount_circle
event
เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง
เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง

ผู้เชี่ยวชาญห่วง! เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง เพราะใส่หน้ากาก

การระบาดของโรคโควิด-19 มาตลอด 3 ปี นี้ส่งผลกระทบต่อคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะตอนนี้ที่สายพันธ์โอมิครอนแพร่ระบาด จะส่งผลต่อเด็กมากขึ้น เนื่องจากติดง่ายขึ้น ความกังวลเรื่องการติดโรคที่พ่อแม่มีต่อเด็กก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แต่นอกจากเรื่องการติดโรคแล้วยังพบว่า เด็ก โดยเฉพาะ เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง อันเนื่องมาจากการระบาดนี้ด้วยค่ะ

 

สถิติเด็กเล็กติดโควิด 19 เพิ่มมากขึ้น

กรมอนามัยรายงานสถานการณ์การติดเชื้อในเด็กเล็ก คือ เด็กแรกเกิดถึง 5 ขวบ ในสายพันธุ์ “โอมิครอน” ตั้งแต่เดือนมกราคม จะพบว่า เด็กกลุ่มนี้ติดเชื้อเพียงสัปดาห์ละพันกว่าราย จากนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 2-3 พันราย ล่าสุด ในช่วงที่ผ่านมา มีการติดเชื้อสูงตามกลุ่มวัยอื่น ๆ โดยช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่ามีการติดเชื้อสูงถึง 6,000 กว่าราย และเมื่อดูย้อนหลังตั้งแต่มีการระบาดระลอกที่ 3 เดือนเมษายน ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ไทยมีผู้ป่วยสะสมในเด็กกลุ่มนี้แล้ว 107,059 ราย หรือคิดเป็น 5 % ของการติดเชื้อทั้งหมด และมีการเสียชีวิต 29 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เด็กมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ขณะที่สาเหตุการติดเชื้อของ “เด็กเล็ก” มาจากการติดเชื้อในครอบครัว และไม่มีวัคซีน อีกทั้งกลุ่ม “เด็กเล็ก” ยังเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อง่ายกว่ากลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากเด็กไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

หน้ากากอนามัยทำให้เด็กเล็กหายใจลำบาก

ในประเทศญี่ปุ่นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้ จึงมีเด็กจำนวนมากติดเชื้อ  กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นจึงแนะนำให้เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่กุมารแพทย์ได้ทักท้วงเรื่องนี้ และบรรดาคุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะทำให้เด็กหายใจลำบาก เนื่องจากระบบหายใจของเด็กยังไม่แข็งแรงพอ และเด็กบางคนยังไม่สามารถถอดหน้ากากเองได้เมื่อรู้สึกอึดอัด จึงเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ทำให้สุดท้ายรัฐบาลญี่ปุ่นยอมถอนข้อเสนอนี้ไป

เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง เพราะใส่หน้ากากอนามัย

คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ของญี่ปุ่นระบุว่า มีผลการศึกษาพบว่า เด็กอายุ 2 ปี ที่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่เพียงส่งผลต่อระบบหายใจที่ทำให้ห่ายใจลำบาก แต่ยังมีผลต่อพัฒนาการของเด็กด้วย เพราะเด็กจะเรียนรู้การสื่อสารผ่านการมอง การดู การเคลื่อนไหวของปาก ซึ่งการใส่หน้ากากอนามัยจะปิดบังรูปปาก และการออกเสียงผ่านหน้ากากอนามัยยังทำให้เสียงที่ได้ยินเพี้ยน ส่งผลต่อการออกเสียงเวลาที่เด็กเรียนรู้เรื่องภาษา

นอกจากนี้ การสวมหน้ากากอนามัยยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง และส่งผลต่อพัฒนาการด้านการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ของเด็กด้วย เพราะขัดขวางการเรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้า ตา จมูก และปาก และการสื่อสารทางอารมณ์ที่ชัดเจน

เด็กเล็กพัฒนาการช้าลง
ผู้เชี่ยวชาญห่วง! เด็กเล็กพัฒนาการช้าลงเพราะใส่หน้ากาก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เคยโพสต์เฟซบุ๊กซึ่งมีความเห็นไปในทำนองเดียวกันนี้ว่า ในภาวะปกติใหม่ (new normal) หรือ ภาวะปกติต่อไป (next normal) การใส่หน้ากากอนามัยเป็นผลดีในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคในระบบทางเดินหายใจ ไม่ใช่เฉพาะโควิด-19 เท่านั้น แม้กระทั่งวัณโรคที่เป็นปัญหาในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงเด็กกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเด็กเล็ก จะต้องมีการเรียนรู้ทางด้านภาษา โดยเฉพาะการพูดและการฟัง ถ้ามีหน้ากากอนามัย ก็อาจจะทำให้การพูดลำบากกว่าปกติ การสะกดเสียงต่าง ๆ และในการฟัง การเรียนรู้ จะมีทั้ง ภาษาพูดและภาษาท่าทาง (verbal และ nonverbal) ในภาษาท่าทาง การฟังเสียงพูดเด็ก จะสังเกตริมฝีปาก สีหน้าและจะมีการเข้าใจความหมายที่พูดได้เพิ่มขึ้น การใส่หน้ากากอนามัย ก็อาจจะมีผลในการปิดกั้นพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ทางด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาพูด และภาษาท่าทางของเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็ก

พัฒนาการการเรียนรู้ตามวัยของเด็กเล็ก

ศาสตราจารย์เมียววะ มาซาโกะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการทางสมองและจิตวิทยามนุษย์ มหาวิทยาลัยเกียวโต กล่าวว่า ทารกแรกเกิดจนถึงอายุราว 1 ขวบจะมองหน้าและความเคลื่อนไหวของผู้คนรอบตัว และเรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้าของพ่อแม่และผู้เลี้ยงดู สามารถรับรู้ได้ว่า นี่คือใบหน้าของคนใกล้ชิด เมื่อตา จมูก และปากบนใบหน้าปรากฏชัด หลังจากนั้นทารกก็เรียนรู้ที่จะแยกแยะสีหน้าที่แสดงอารมณ์แตกต่างกัน เช่น อารมณ์ดี หรือโกรธ การเห็นใบหน้าของคนในครอบครัวจึงจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็ก

ขณะที่เด็กอายุระหว่าง 4-10 ปี เป็นช่วงที่กำลังพัฒนาความสามารถของสมองในการรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น และความสามารถในการประเมินว่าคนอื่นคิดอะไร และตัวเองควรทำตัวอย่างไรในการสื่อสารระหว่างกัน

พ่อแม่จะช่วยให้ลูกเกิดพัฒนาการที่ดีในช่วงของการระบาดนี้ได้อย่างไร

สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยเหลือได้ ได้แก่

  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่พาลูกวัยเด็กเล็กออกนอกบ้าน
  • อยู่ภายในบ้านไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย แต่ก็ต้องแน่ใจว่าจะไม่มีใครนำเชื้อมาติดเด็กได้
  • ไม่ให้คนภายนอกหรือกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงตัวเด็ก
  • ใช้การสื่อสารภาษากายบ่อย ๆ กระตุ้นพัฒนาการลูกอย่างสม่ำสมอ

แม้จะต้องคอยระวังเรื่องการระบาดของโรคโควิด 19 ก็ตาม แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องคำนึงถึงพัฒนาการของลูก ๆ ด้วยค่ะ ขอให้ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กำลังลูก ๆ เพื่อให้เค้าได้มีพัฒนาการที่สมวัยกันนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

MGR Online

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทคความดี ๆ คลิก

5 เทคนิคสอนลูกใส่ หน้ากากอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันฝุ่น ให้ได้ผล

ไขข้อสงสัย ‘หน้ากากอนามัย’ ชนิดไหนป้องกัน ‘โควิด-19’ และ ‘PM2.5’ ไปพร้อมกัน!!

ญี่ปุ่นเผย! หน้ากากอนามัยแบบผ้า ให้ลูกใช้สีไหนดีที่สุด

รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก

10 รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก สะอาดเกลี้ยง ถนอมผ้า อ่อนโยนต่อผิวเด็ก

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก
รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก

รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก 10 ยี่ห้อ
ซักสะอาดเกลี้ยง ถนอมผ้า อ่อนโยนต่อผิวเด็ก

สำหรับเสื้อผ้า เครื่องใช้ของลูกน้อย การทำความสะอาดสิ่งของพวกนี้ คุณพ่อคุณแม่บางส่วนมักจะใช้ผงซักฟอกทั่วไปในการซักล้าง ทำความสะอาด เพราะด้วยความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่คุณแม่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมาก เนื่องจากผงซักฟอกทั่วไปเป็นสารเคมีที่รุนแรงเกินไปสำหรับผิวบอบบางของเด็กทารก อาจทำให้เจ้าตัวน้อยไม่สบายตัว หรืออาจจะก่อให้เกิดเป็นผื่นผ้าอ้อมได้ ซึ่ง น้ำยาซักผ้าเด็ก ต่างหากที่เหมาะสมกับการซักล้างเสื้อผ้าและเครื่องใช้ของลูกน้อย เนื่องด้วยเหตุผลใดนั้น ไปติดตามอ่าน รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก ที่ทีมแม่ ABK นำมาฝากกันค่ะ

น้ำยาซักผ้าเด็ก จะถูกผลิตขึ้นด้วยการใช้สารเคมีที่รุนแรงน้อยกว่าผงซักฟอกแบบดั้งเดิม ในขณะที่ผงซักฟอกแบบปกติจะทำให้เสื้อผ้าสะอาดแต่มันทิ้งสารตกค้างบางอย่างไว้กับเสื้อผ้าได้ สารตกค้างนี้ไม่ได้รบกวนผิวของผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กทารกที่บอบบางและยังไม่คุ้นเคยกับการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อมมากมายที่ผู้ใหญ่สัมผัสในทุก ๆ วันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังหรือเกิดอาการแพ้ได้ หากมีสารเคมีตกค้างหรือสารที่ระคายเคืองผิวหนัง ผิวของทารกอาจจะสัมผัสกับสารตกค้าง และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ได้ การเลือกน้ำยาซักผ้าที่มีสารเคมีอันตรายน้อยที่สุดหรือได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะกับผิวเด็กอย่างน้ำยาซักผ้าเด็กสามารถลดโอกาสที่ผิวของเด็กทารกจะสัมผัสกับสารเคมีได้

รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็ก อีกประเภทนั้นมีการใช้สารทำสะอาดสกัดจากธรรมชาติ ทำให้อ่อนโยนต่อผิวของเด็กทารก แต่ก็มีฤทธิ์ทำความสะอาดสูงเทียบเท่าสารสังเคราะห์ จึงดีต่อผิวของเด็กทารก และยังใช้ทำความสะอาดได้อย่างดีด้วยเช่นกัน

วิธีสังเกตว่า ลูกน้อยแพ้น้ำยาซักผ้าหรือไม่ โดยทั่วไปเราจะพบปฏิกิริยาของผิวหนังที่เกิดขึ้นเนื่องจากอาการแพ้ดังนี้

  1. การระคายเคือง

เป็นปฏิกิริยาที่พบได้รวดเร็ว เนื่องจากผิวที่แพ้มักจะแสดงอาการทันทีหลังจากที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่เป็นอันตราย โดยจะเกิดผื่นสีแดง และมีอาการคัน ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปทันที หลังจากหยุดใช้สารระคายเคืองหรือเลิกสวมใส่สิ่งที่มีสารเคมีหรือสารก่ออาการแพ้

  1. ผื่นระคายสัมผัสจากสารก่อภูมิแพ้ (Allergic Contact Dermatitis)

นี่คือปฏิกิริยาการแพ้ซึ่งหมายความว่าผิวหนังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะตอบสนอง ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้และคัน ซึ่งตามปกติแล้ว อาการคันจะเกิดเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ อาจมีอาการเมื่อสัมผัสบ่อยครั้งหรือสัมผัสเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ หากร่างกายเกิดการแพ้ขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว แม้จะสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เพียงเล็กน้อยก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้อีก

 

วิธีเลือกน้ำยาซักผ้าเด็ก

ถ้าอย่างนั้นแล้ว เรามีวิธีเลือกน้ำยาซักผ้าเด็กอย่างไรบ้าง โดยคร่าว ๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและสนใจในสิ่งต่อไปนี้เป็นแนวทางเบื้องต้น

1. ปราศจากน้ำหอมและสีย้อม

ควรเลือกใช้น้ำยาซักผ้าที่ไม่มีสีย้อมหรือน้ำหอมเพิ่มเข้ามา เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นในการทำความสะอาดเสื้อผ้าของลูกน้อยเลย เพียงแต่สารเหล่านี้สามารถเพิ่มกลิ่นหอมและช่วยเพิ่มสีของผงซักฟอกเท่านั้น การไม่มีสารนี้อยู่ในน้ำยาซักผ้าไม่ได้ลดหรือเพิ่มพลังการทำความสะอาดของน้ำยาซักผ้าเลยแม้แต่น้อย แต่หากคุณต้องการให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอม ให้เลือกกลิ่นที่มาสารจากธรรมชาติและปลอดภัย ซึ่งทางแบรนด์จะระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์

2. ปราศจากสารเคมีหรือสารกันเสีย

สำหรับสารกันเสีย เช่น พาราเบน นั้น พบได้มากในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ เนื่องจากสารกันเสียช่วยต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ แต่เนื่องจากผิวเด็กมีความบอบบาง จึงควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าเด็กที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย และรวมไปถึงสารเคมีอื่น ๆ ให้มากที่สุด

3. ผ่านการทดสอบว่า ปลอดภัย และอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง

ควรตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อนั้น ผ่านการรับรองและทดสอบแล้วว่า ปลอดภัยต่อผิวที่บอบบางของเด็กทารกหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจผลิตภัณฑ์นั้นไม่ทำร้ายผิวและก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อลูกของคุณอย่างแน่นอน

4. เลือกชนิดตามการใช้งาน

สำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กนั้น โดยทั่วไปมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบชนิดน้ำและชนิดผง แต่เราขอแนะนำให้ใช้ “ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กชนิดน้ำ” มากกว่า เพราะสามารถชะล้างออกได้ง่าย ทำให้เกิดโอกาสระคายเคืองน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดผง ที่อาจละลายไม่หมดแล้วทิ้งสารเคมีตกค้างบนผ้า เสี่ยงต่อการทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน

 

10 รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก ที่อยากแนะนำให้ลองใช้

ต่อไปนี้คือ 10 แบรนด์น้ำยาซักผ้าเด็กที่ทางทีมงานแนะนำ เป็นน้ำยาซักผ้าเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้อเพราะได้มาตรฐาน และผ่านตามเงื่อนไขการเลือกผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าเด็กตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ จะมีแบรนด์ใดบ้าง ติดตามกันได้ดังนี้

  1. D-nee

D-nee Organic Aloe Vera มีส่วนผสมของ อโล เวร่า และส่วนผสมที่ออกฤทธิ์เป็นกลาง ถนอมเส้นใยผ้า ไม่มีส่วนผสมของน้ำยาฟอกขาว สีแต่งเติม ฟอสฟอรัส แอลกอฮอล์ พาราเบน ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง กลิ่นอโล เวร่า หรือว่านหางจระเข้จากธรรมชาติ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.dnee.co.th/

รีวิวน้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.dnee.co.th
  1. Babi mild

Babi mild Organic สูตร 2IN1 ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม ผ้าสะอาดสัมผัสนุ่มในขวดเดียวด้วย Natural Polymer สารสกัดธรรมชาติที่เพิ่มความนุ่มแทนสารเคมีทั่วไปที่มักทำให้เกิดการระคายเคือง อ่อนโยนจากธรรมชาติ  X2 ด้วยผสมผสานคุณค่าสารสกัดออร์แกนิคคาโมมายล์ ( ได้รับตรารับรอง ECOCERT) และสารสกัดออร์แกนิคจากดอกฮันนี่ซัคเคิล (ได้รับตรารับรอง USDA) มีสารทำความสะอาดสังเคราะห์จากพืชธรรมชาติ และผ่านการทดสอบการระคายเคือง ไม่มีสี ไม่มีสารฟอกขาว ไม่ใส่สารเรืองแสง ไม่ใส่สารพาราเบน ลดกลิ่นอับชื้นและป้องกันคราบสกปรกย้อนกลับติดผ้า

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.babimild.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babimild.com
  1. Kodomo

Kodomo Organic สูตรนิวบอร์น มีส่วนผสมของการสกัด ออร์แกนิก อโล เวร่า ช่วยขจัดคราบสกปรกบนชุดของลูกน้อย และมีสารทำความสะอาดที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ กลิ่นหอม อ่อนละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีสี ไม่มีสารฟอกขาว ไม่ใส่สารเรืองแสง ไม่ใส่สารพาราเบน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวบอบบาง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.lion.co.th/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.lion.co.th/
  1. Pipper standard

Pipper standard เป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบสกปรกบนผ้าได้อย่างหมดจด ด้วยสูตรธรรมชาติที่อ่อนโยน ไม่ทำลายเส้นใยผ้า ฟองน้อย ล้างออกง่าย ขจัดกลิ่นอับแม้ตากเวลากลางคืน หรือในที่ร่ม ใช้ได้ทั้งเสื้อผ้าเด็กและผู้ใหญ่ และผ้าที่บอบบาง ผ่านการทดสอบการแพ้และการระคายเคือง ปราศจากสารภูมิแพ้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.pipperstandard.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.pipperstandard.com
  1. Lamoon baby

Lamoon น้ำยาซักผ้าเด็กออร์แกนิก ผลิตจากสารสกัดจากข้าว สารสกัดจากส้มซ่าและคาร์โมมายล์ ทำความสะอาดคราบเปื้อนได้หมดจด สูตรอ่อนโยน ถนอมเนื้อผ้า ฟองน้อย ล้างออกได้ง่าย ให้ได้ดีทั้งซักด้วยมือและซักด้วยเครื่อง กลิ่นลาเวนเดอร์และวานิลา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.lamoonbaby.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.lamoonbaby.com/
  1. Dmp

น้ำยาซักผ้าเด็ก Dmp สูตรทูอินวัน ออร์แกนิก พีเอช บาลานซ์ เพื่อผ้าสะอาด สัมผัสนุ่ม ค่า pH เป็นกลางกลิ่น Cotton Love หอมละมุน ซักและปรับผ้านุ่มในขั้นตอนเดียว ไม่มีสี ไม่มีสารฟอกขาว ไม่ใส่สารเรืองแสง ไม่ใส่สารพาราเบน ผ่านการทดสอบว่าไม่ระคายเคือง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.dmpbaby.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณถาพจาก https://www.dmpbaby.com/
  1. Nappi

น้ำยาซักผ้าเด็กแน้ปปี้ มีสารทำความสะอาดสกัดจากน้ำมันปาล์ม และน้ำตาลกลูโคสจากข้าวโพด ปราศจาก พาราเบน, ฟอร์มาลดีไฮด์, โลหะหนัก, ฟอสเฟต ไม่ใส่สี และ สารเรืองแสง อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายและใยผ้า ปลอดภัยต่อเด็ก ผ่านการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวจาก Dermscan Asia สูตรฟองน้อย ล้างออกง่าย ไม่มีสารตกค้าง ผ้านุ่มโดยไม่ต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://nappibaby.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://nappibaby.com/
  1. Enfant

Enfant Extra Care Fabric Wash อ่อนโยนสูงสุดด้วยสารทำความสะอาดสกัดจากข้าวโพด ธรรมชาติ 100% ถนอมผ้าถนอมผิว ด้วย  Gold Silk Protein โปรตีนสกัดจากใยไหม ที่ทำให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก ผสานน้ำมันสกัดเมล็ดฝ้าย ช่วยให้เส้นใยผ้าฟูนุ่มเหมือนใหม่ รู้สึกเย็นสบายเมื่อสวมใส่ ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย ทั้งสารเรืองแสง สารฟอกขาว ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ปลอดภัยด้วยน้ำหอมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ กลิ่นหอมละมุน ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากสถาบันผิวหนังจากประเทศสหรัฐอเมริกา และย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.enfantfamily.com/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.enfantfamily.com

 

  1. Pureen

Pureen Baby Fabric Wash ทำความสะอาดพร้อมถนอมเส้นใยผ้าอย่างอ่อนโยนด้วยสารทำความสะอาดที่ pH เป็นกลาง ป้องกันคราบสกปรกย้อนกลับสู่เนื้อผ้า ช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด อีกทั้งยังมีส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ผิวหนังว่าไม่ระคายเคืองผิว (Dermatologically Tested) กลิ่นหอมจากดอกไม้อ่อน ๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.pureen.co.th/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.pureen.co.th/
  1. Baybee organic

น้ำยาซักผ้าเด็ก Baybee organic สูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับผิวแพ้ง่าย มีส่วนผสมของสารสกัดออร์แกนิคจากน้ำมันเมล็ดคาร์มิเลียและดอกคาร์โมมายด์ ทำความสะอาดได้อย่างหมดจดและถนอมเนื้อผ้า กำจัดคราบสกปรกโดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ปราศจากสารเพิ่มฟองซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ใช้ได้ทั้งซักมือและซักเครื่อง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.baybee.in.th/

น้ำยาซักผ้าเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.baybee.in.th/

 

เรียกได้ว่า น้ำยาซักผ้าเด็ก เป็นอีกหนึ่งของใช้สำหรับลูกน้อยที่มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายกลิ่นและมีสูตรมากมายเลยทีเดียว ซึ่งเวลาจะซื้อแต่ละครั้งนอกจากจะดูที่ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อยแล้ว ซึ่งปริมาณ จำนวน ราคาความคุ้มค่า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่บ้านหลายคนให้ความสำคัญ เพื่อช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า หากคุณแม่อยากได้น้ำยาซักผ้าเด็ก คุณภาพดี ซักผ้าสะอาดเกลี้ยง แถมถนอมผ้า และอ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อย ที่สำคัญ มีโปรโมชั่นเด็ด ราคาโดนใจ ก็สามารถตามไปช้อปกันได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21 ซึ่งได้รวบรวม น้ำยาซักผ้าเด็ก แบรนด์ดังหลากหลายเจ้าตามที่รีวิวไปข้างต้น มาออกบูธขายกันมากมาย

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. – 3 ก.ค. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 ไบเทค บางนา แม่ๆจ๋า เตรียมช้อปแหลกสินค้าเพื่อแม่ลูก ลดแรง แซงทุกโปร ได้เล้ยยยยย
>> 📱 เปิดลงทะเบียนแล้ววว!! Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21
รับฟรี 2 ต่อ >> https://cooll.ink/abk21register
ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! เป้อุ้มเด็ก Pognae มูลค่า 8,990 บ.
🎁 พิเศษสุดๆ สำหรับคุณแม่ๆใช้ Application Lazada ในการซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลด On Top เพิ่ม (เฉพาะกับร้านค้าที่ร่วมโปรโมชั่นเท่านั้น)
– ช้อปครบ 1,500 บ. รับส่วนลด On Top 150 บ.
– ช้อปครบ 4,999 บ. รับส่วนลด On Top 400 บ.
– ช้อปครบ 9,999 บ. รับส่วนลด On Top 800 บ.
บัตรกรุงศรีทุกหน้าบัตร On Top 400 บาท เมื่อซื้อครบ 4,999-.
* โค๊ดส่วนลดมีจำนวนจำกัด
✨ งานเดียว ครบ จบ ทุกอย่างที่แม่ต้องมี❗️ 💕ช้อปมั่นใจด้วยมาตรการเข้มข้นด้านความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ช้อปอย่างสบายใจ

 


ขอบคุณข้อมูลจาก

bestreview

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

10 น้ำยาซักผ้าเด็ก สูตรอ่อนโยน ถนอมเนื้อผ้า เหมาะสำหรับผิวบอบบาง

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะกับผิวบอบบางของลูกน้อย

ซักผ้าลูกแรกเกิด ให้สะอาดแบบไม่เปลืองแรง ต้องเลือก น้ำยาซักผ้าเด็ก ยังไงดี

วัน นอนหลับ โลก 2565

14 วิธีช่วยให้การ นอนหลับ ดีขึ้น ต้อนรับวันนอนหลับโลก

Alternative Textaccount_circle
event
วัน นอนหลับ โลก 2565
วัน นอนหลับ โลก 2565

นอนหลับ ทุกคืนแต่ทำไมยังรู้สึกเหมือนนอนไม่อิ่ม มาตรวจสอบการนอนของเรากันว่า เป็นการนอนหลับที่ดี มีคุณภาพหรือไม่ กับ 14 เทคนิคช่วยให้นอนดีขึ้นในวันนอนหลับโลก

14 วิธีช่วยให้การ นอนหลับ ดีขึ้น ต้อนรับวันนอนหลับโลก

การนอนหลับ ใคร ๆ ก็ทราบกันดีว่าเป็นการพักผ่อนร่างกายที่ดีที่สุด ในทางกลับกันหากเรานอนหลับไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การนอนของเรานั้นไม่มีคุณภาพที่ดีพอก็จะเป็นการทำร้ายร่างกาย เช่น ในวัยเด็ก และวัยรุ่นหากนอนหลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะส่งผลให้ฮอร์โมนสำหรับการเจริญเติบโตลดลง สมาธิสั้น ซึมเศร้า เชาวน์ปัญญาลดลง เป็นต้น

วันนอนหลับโลก
วันนอนหลับโลก

โรคนอนไม่หลับส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ?

ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน  ภูมิคุ้มกันต่ำลงป่วยง่าย  ระบบย่อยอาหารผิดปกติ  ความจำลดลง  ความดันโลหิตสูง  ซึมเศร้า  อารมณ์แปรปรวนง่าย  ผิวหนังไม่แข็งแรงหย่อนคล้อยแลดูแก่ก่อนวัย  ผื่นผิวหนังอักเสบ  เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

เนื่องในวันที่ 18 มีนาคม 2565 องค์กรนอนหลับโลกได้ประกาศถือเอาวันดังกล่าว เป็นวันนอนหลับโลก องค์กรต่าง ๆ เกี่ยวกับการนอนหลับทั้งไทย และต่างประเทศต่างก็จัดกิจกรรมสนับสนุน ให้ความรู้เกี่ยวกับการนอนหลับที่ดี มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการนอน และเข้าใจถึงวิธีการช่วยให้การนอนของเรานั้นมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น วันนี้ ทีมแม่ ABK จึงขอหยิบยกเอาวิธีการช่วยนอนให้มีคุณภาพมาฝากกัน

14 วิธีช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

การอุปนิสัยเกี่ยวกับการนอน และปรับวิธีคิดของเรา สามารถข่วยให้การนอนหลับทำได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญจะมีคุณภาพอีกด้วย วิธีการปรับดังกล่าวจะเห็นผลได้นั้น สิ่งจำเป็นคือเราต้องทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ทำด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย ไม่คาดหวังผลการนอนมากเกินไปจนกลายเป็นความเครียด หากเราสามารถปรับวิธีคิดได้ดังนี้แล้ว เราก็มาเริ่มต้นทำตามวิธีการช่วยให้นอนหลับดีขึ้นกันเลย

1. ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น มีผลงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่าการออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยครั้งละ 20-30 นาที หรืออย่างน้อย 3 ครั้ง/ สัปดาห์ สามารถช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น แต่มีข้อควรระวัง หากอยากให้การนอนหลับมีคุณภาพ ไม่ควรออกกำลังกายหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพราะการออกกำลังกายใกล้ช่วงเข้านอนมากเกินไป จะยิ่งทำให้ร่างกายตื่นตัว และส่งผลให้คุณภาพการนอนไม่ดี

ฟังเพลงก่อนนอน ช่วยให้ผ่อนคลายนอนหลับได้
ฟังเพลงก่อนนอน ช่วยให้ผ่อนคลายนอนหลับได้

2.ไม่ควรหลับ หรืองีบหลับตอนกลางวัน หรือตอนเย็น

การงีบนอน จะทำให้ร่างกายรู้สึกว่าได้รับการพักผ่อน ส่งผลให้กลางคืนจะยิ่งหลับยากมากขึ้น ควรอดทนรอให้ถึงเวลาเข้านอน

3.งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม โกโก้ และแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นต้น เพราะนิโคติน และคาเฟอีนมีผลโดยตรงต่อการนอนไม่หลับ ส่วนแอลกอฮอล์มีผลทำให้ระบบการนอนแย่ลง เช่น ทำให้กรน และมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับได้

4.ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน

ควรเว้นระยะเวลารับประทานอาหารเย็น กับเวลาก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะการรับประทานอาหารใกล้เวลานอน จะทำให้ร่างกายต้องทำงานหนัก เพื่อย่อยอาหาร ส่งผลให้เกิดการนอนที่ไม่มีคุณภาพ จนนำไปสู่การนอนไม่หลับได้ หากหิวจริง ๆ เลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ควรรับประทานอาหารเบา ๆ เท่านั้น เช่น นมอุ่น เป็นต้น

การ นอนหลับ ไม่ดีในเด็กส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และพัฒนาการทางสมอง
การ นอนหลับ ไม่ดีในเด็กส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และพัฒนาการทางสมอง

5.ไม่ทำกิจกรรมที่ตื่นเต้น หรือกระตุ้นจิตใจก่อนนอน

การดูหนัง ดูฟุตบอล หรืออ่านหนังสือที่ตื่นเต้น หรือแม้แต่การพูดคุยเรื่องเครียด ๆ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการนอน ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้นหากมีสิ่งที่ต้องทำ หรือคิดต่อในวันรุ่งขี้น ให้หากระดาษมาจด เพื่อให้จิตใจสบายใจ แล้วจึงเข้านอน ไม่หลับไปพร้อมกับปัญหาที่ครุ่นคิดอยู่ในใจ เพราะจะทำให้หลับไม่สนิท เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกาย และจิตใจไม่ผ่อนคลาย

6.ให้เวลาช่วงก่อนเข้านอน เป็นเวลาแห่งการผ่อนคลาย

การนอนหลับ จะง่ายขึ้นเมื่อร่างกาย และจิตใจผ่อนคลาย ดังนั้นก่อนเข้านอนควรจัดเวลาสำหรับผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจ ให้รู้สึกสงบ สบาย ๆ ก่อนเข้านอน อย่างน้อย 20 นาที

7.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ตื่นกลางดึก 

เมื่อเราตื่นนอนขึ้นมากลางดึก ส่วนมากจะทำให้เราไม่สามารถนอนต่อได้ หรือกว่าจะนอนหลับต่อได้ก็ใช้เวลานานจนทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงควรเตรียมตัว และจัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนให้ไม่มีสิ่งรบกวนการนอน เช่น ก่อนเข้านอนไม่ควรดื่มน้ำมาก และควรเข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน ปิดเครื่องมือสื่อสารที่จะเป็นการรบกวนการนอน เป็นต้น

8.ปรับห้องนอนให้เหมาะสมต่อการนอนหลับ

ห้องนอนที่เหมาะสมต่อการนอนหลับ ควรมีอุณหภูมิที่พอดี มีเครื่องนอน เช่น หมอน และผ้าห่มที่สร้างความสบาย นอนในห้องที่ไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไป ไม่นอนเปิดไฟ หรือโทรทัศน์

9.เตียงนอน มีไว้สำหรับนอน และกิจกรรมทางเพศเท่านั้น

หลายคนทำกิจกรรมอื่น ๆ บนเตียงนอน เช่น นอนดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ กินอาหาร โทรศัพท์ นั่งสมาธิ สมองของคนเรา จะจำความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่ กับกิจกรรม ดังนั้นถ้าเราฝึกสมองของเราให้จำว่าเตียงมีไว้สำหรับนอนเท่านั้น เมื่ออยู่บนเตียงความรู้สึกง่วงนอนจะเกิดง่ายขึ้น

10. ตั้งสติ หยุดความคิดทุกอย่างเมื่อเอนตัวลงนอน 

การหยุดอุปนิสัยบางอย่างที่เกิดจากความเคยชินจนเป็นนิสัย เช่น การคิดเรื่อยเปื่อย การคิดถึงปัญหา เป็นต้น ในขณะที่เราจะเข้านอน เอนตัวลงนอน จะทำให้เป็นการกระตุ้นจิตใจไม่ให้สงบ และจะนอนหลับไม่ได้ ดังนั้นจึงควรฝึกจิตใจ ตั้งสติ หยุดความคิดเหล่านั้น เมื่อเริ่มคิดให้บอกกับตัวเองว่า เริ่มคิดอีกแล้ว ให้ลองผ่อนคลายตัวเอง ทำใจให้สบาย ๆ แล้วตั้งสติคิดว่า นี่คือเวลานอน เวลาพักผ่อน ปัญหาให้นำไปคิดในวันรุ่งขึ้น แล้วอนุญาตให้ตนเองได้พักผ่อน นอนหลับอย่างเต็มที่

เตียงมีไว้สำหรับ นอนหลับ และกิจกรรมทางเพศ
เตียงมีไว้สำหรับ นอนหลับ และกิจกรรมทางเพศ

11.ถ้านอนไม่หลับ พยายามนอนเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว อย่าฝืนนอนต่อบนเตียง

หากเราพยายามนอนบนเตียง แต่ทำอย่างไรก็ยังคงนอนไม่หลับ จนกินเวลาไป 30 นาทีแล้ว อย่าฝืนนอนต่อ อย่าโกรธตัวเองที่นอนไม่หลับ ให้ลุกออกจากเตียงไปหากิจกรรมเบา ๆ ทำ เช่น อ่านหนังสืออ่านเล่น เพื่อให้จิตใจผ่อนคลาย รอจนง่วงอีกครั้งแล้วค่อยกลับไปนอน นี่เป็นการฝึกการเรียนรู้ของสมองเช่นกัน

12.ไม่ควรดูนาฬิการบ่อย ๆ ในขณะนอนไม่หลับ

การดูนาฬิกาในขณะนอนไม่หลับจะเป็นการกดดันตัวเอง โกรธตัวเองว่าทำไมถึงไม่หลับสักที และจิตใจจะยิ่งกังวลจนทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้

13.หากคู่นอนมีอาการนอนกรน หรือนอนดิ้น ส่งผลต่อการนอนของเราต้องแยกเตียง

สำหรับคนมีคู่ การได้นอนเตียงเดียวกันเป็นเรื่องปกติ แต่หากคุณมีอาการนอนไม่หลับ ควรแยกเตียงนอน หรือห้องนอน เมื่อคู่นอนของคุณมีอาการนอนกรน หรือนอนดิ้น

14.การใช้ยานอนหลับ

หากมีความจำเป็นต้องใช้ยานอนหลับควรปรึกษาแพทย์ และควรรับประทานยาตามขนาด และเวลาตามที่แพทย์ระบุอย่างเคร่งครัด ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง

นอกจากวิธีการช่วยให้การนอนดีขึ้น 14 ประการข้างต้นแล้ว ยังมีคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องของ หลัก 10 ประการ เพื่อสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี สำหรับเด็ก และวัยรุ่นอายุ 1-17 ปีโดยเฉพาะ เพื่อลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่จะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการนอนหลับที่ดีอีกด้วย

ขอขอบคุณสื่อวิดีโอดี ๆ จาก กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข 

นอนไม่หลับหนักแค่ไหนถึงควรพบแพทย์

บางคนคิดว่าการนอนไม่หลับไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการนอนไม่หลับจะส่งผลต่อสุขภาพ สมองความคิดอ่าน และกิจวัตรประจำวันรวมถึงการทำงานของเราได้ ดังนั้นหากคุณพบว่า มีอาการนอนไม่หลับมากกว่า 3 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน หรือการนอนไม่หลับนั้นส่งผลต่อสุขภาพ และชีวิตประจำวัน ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจ และประเมินหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อที่จะแก้ปัญหานั้นได้อย่างตรงจุด และช่วยให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก www.rama.mahidol.ac.th/www.phyathai.com

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

คัมภีร์นอนหลับ สร้างอัจฉริยะให้ลูกน้อย

พัฒนาการที่ดีของลูก สำคัญที่การนอน

14 ข้อสำคัญ เพื่อรับมือกับลูกน้อยที่เป็น “เด็กออทิสติก”

สี ปัสสาวะ บอก โรค ได้อย่างไร?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ผลิตภัณฑ์ JINNY

คลายกังวลเรื่องปัญหาการกินของลูกน้อย จินนี่ย์ (JINNY) ตัวช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ สารอาหารครบถ้วน ตามหลักโภชนาการ

Alternative Textaccount_circle
event
ผลิตภัณฑ์ JINNY
ผลิตภัณฑ์ JINNY

ปัญหาการกิน ยังเป็นหนึ่งในปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่กังวลโดยเฉพาะเด็กเล็กในช่วงปฐมวัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการเลือกกิน การปฏิเสธการรับประทานอาหารมื้อหลัก ซึ่งอาจส่งผลต่อโภชนาการที่เป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นหลายบ้านจึงมีกลเม็ดเคล็ดไม่ลับแตกต่างกันไปในการช่วยให้ลูกน้อยรับประทานอาหารมากขึ้น ด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารใหม่ ๆ ปรุงแต่งรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น จินนี่ย์ (JINNY) ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็ก จึงเป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่เลือกใช้ ช่วยให้การปรุงอาหารเป็นเรื่องง่าย มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยขั้นตอนการผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ปราศจากผงชูรสและวัตถุกันเสีย สะดวกปลอดภัย ครบถ้วนด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ ให้ทุกมื้ออาหารเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับครอบครัว

ยศสรัล แต้มคงคาและน้องไอย ลูกสาว

ยศสรัล แต้มคงคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอส.กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ในวันที่ลูกสาว ‘น้องไอย’ เริ่มมีพฤติกรรมเลือกรับประทานอาหารและทานยากในแต่ละมื้อ ผมลองหาข้อมูลและพบว่าเป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ของหลายครอบครัว ความคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นตัวช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้นและครบถ้วนด้วยสารอาหารจึงผุดขึ้นมา โดยใช้ประสบการณ์จากธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของครอบครัว คิดค้นและพัฒนาเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กตามช่วงวัย ผลิตภัณฑ์ จินนี่ย์ (JINNY) จึงกำเนิดขึ้นเพื่อเจาะตลาดคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่มักประสบปัญหาการทานอาหารของลูก โดยเฉพาะเด็กในวัย 6 เดือนที่เปลี่ยนจากการดื่มนมสู่อาหารมื้อแรก พ่อแม่ต่างกังวลกับเมนูอาหาร อยากให้ลูกได้รับสารอาหารเหมาะสมตามวัย และเมื่อถึงวัย 1 ขวบเด็กจะเริ่มคุ้นชินกับรสชาติ บางรายมีพฤติกรรมในการต่อต้านอาหารบางประเภท เช่น ไม่ทานผัก ไม่เคี้ยวข้าว เลือกทานและทานยากมากขึ้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเริ่มปรุงแต่งรสชาติอาหารให้ลูกบ้าง แต่เครื่องปรุงที่มีอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปอาจจะมีส่วนผสมที่มีสารปรุงแต่งที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว

ยศสรัล แต้มคงคาและน้องไอย ลูกสาว

จินนี่ย์ (JINNY) นับเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่น ผลิตจากถั่วเหลืองอินทรีย์ และโซเดียมต่ำ สะดวกปลอดภัย ครบถ้วนด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ ช่วยให้ลูกน้อยทานอาหารได้มากยิ่งขึ้น มีสุขภาพที่ดีเหมาะสมตามวัย จินนี่ย์ (JINNY) มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ ซอสผัด ซอสปรุงรส และซอสเทอริยากิ ช่วยเสริมรสให้อาหารกลมกล่อม หอมอร่อย ข้าวผักรวม 3 สี และพาสต้าผสมผักหลากสีสัน ที่อุดมไปด้วยวิตามิน รวมทั้งแซลมอนหยอง 3 รสชาติ ให้มื้ออาหารของลูกน้อยอร่อยมากยิ่งขึ้น”

ผศ. นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์

ผศ. นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์เจ้าของเพจเฟสบุ๊ค “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” กล่าวถึงปัญหาพฤติกรรมการกินตั้งแต่การเริ่มอาหารมื้อแรกไว้ว่า “อาหารตามวัยที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะกินเพื่ออิ่มและเติบโตได้ รวมถึงยังได้เรียนรู้อาหารชนิดต่าง ๆ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ มองเห็น ได้กลิ่น ได้สัมผัส ได้เคี้ยวและลิ้มรส รวมถึงได้ยินเสียงการเคี้ยวของคนในครอบครัวบนโต๊ะอาหารร่วมกัน จะช่วยให้เด็กเปิดรับอาหารได้มากขึ้นและกล้าที่จะกิน รวมถึงสร้างพฤติกรรมเลียนแบบการกินของผู้ใหญ่บนโต๊ะอาหารที่เขาได้เห็นอีกด้วย ซึ่งอาหารตามวัยที่ดี เริ่มได้เมื่ออายุราว 6 เดือนเพราะก่อนหน้านั้นเด็กจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วจากนมแม่ สามารถเริ่มอาหารได้ทุกชนิดโดยแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลักได้แก่ ข้าว เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ และไขมัน โดยเริ่มอาหาร 1 มื้อ เพิ่มเป็น 2 มื้อ เมื่ออายุราว 7-8 เดือน และ 3 มื้อเมื่ออายุ 9-12 เดือน ควรจัดให้กินเป็นเวลาและกินร่วมกับผู้ใหญ่ พออายุ 1 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถปรุงอาหารได้อ่อน ๆ เพื่อให้มีรสชาติมากขึ้นได้ การวางพื้นฐานของพฤติกรรมการกินที่ดี มีวินัย กินเป็นเวลา ไม่กินจุกจิก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเปิดรับความหลากหลายของชนิดอาหาร และทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้สมวัย”

โอบอุ้ม ชุมสาย ณ อยุธยา

ด้าน โอบอุ้ม – รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เซเลบสาวคนดัง ตัวแทนคุณแม่ยุคใหม่ กล่าวว่า “โอบอุ้มทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการดูแลลูกชายน้องไอออนวัย 3 ขวบด้วยตัวเองค่ะ ดังนั้นการเข้าครัวเพื่อปรุงอาหารให้ลูกถือเป็นสิ่งสำคัญ เน้นเสริมสร้างโภชนาการให้ครบ 5 หมู่ สะอาดและถูกหลักอนามัย จินนี่ย์ (JINNY) คือแบรนด์ที่โอบอุ้มไว้วางใจ และเป็นตัวช่วยที่ดีในทุกมื้ออาหารของลูกค่ะ เพราะนอกจากจะปลอดภัย มีมาตรฐานรับรอง และมีรสชาติอร่อยถูกปากน้องไอออนแล้ว ยังช่วยให้น้องทานอาหารได้มากขึ้นอีกด้วย

ข้าวผักรวม-กับไก่ย่างซอสผัดอเนกประสงค์จินนี่ย์

เมนูประจำที่ทำบ่อยและอยากแนะนำ คือ ข้าวไก่ย่างค่ะ แค่นำจินนี่ย์ซอสผัดอเนกประสงค์ผสมปลาทูน่าญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะผสมคลุกเคล้ากับเนื้อไก่เท่านั้น และแช่ตู้เย็นหมักไว้ประมาณ 1 ชม. นำไก่มาย่างให้สุกแล้ววางบนข้าวผักรวม แค่นี้ก็พร้อมเสริฟแล้วค่ะ เรียกว่าเป็นเมนูโปรดของน้องไอออน ทำง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างอุ้มมากค่ะ”

จินนี่ย์ (JINNY)

ตลอดระยะเวลา 3 ปี แบรนด์ จินนี่ย์ (JINNY) ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณพ่อคุณแม่ไว้วางใจเลือกให้  จินนี่ย์ (JINNY) เป็นเครื่องปรุงอาหารประจำครัว สำหรับการเปิดตัวในช่วงที่ผ่านมา เน้นทำการตลาดสื่อสารแบรนด์ในรูปแบบออนไลน์ ทั้งเว็บไซด์และเฟซบุ๊กแฟนเพจ Jinny 4kids ซึ่งมีช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์เป็นหลัก ได้แก่ www.jinny4kids.com , www.facebook.com/jinny4kids ,Jinny4kids Official Store บน Lazada, Shopee, ร้านสินค้าแม่และเด็ก และผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายไปที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศในโซนเอเชียเป็นต้น

พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง

Alternative Textaccount_circle
event

คุณแม่มือใหม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเรียนรู้ พัฒนาการทารกในครรภ์ เพื่อนำไปประกอบการดูแลครรภ์อย่างถูกวิธี และช่วยลดความวิตกกังวลระหว่างตั้งครรภ์

พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง

คุณท้องค่ะ ยินดีด้วยนะคะ เมื่อคุณแม่ได้ยินประโยคนี้คงจะตื่นเต้น ดีใจมาก และคงเกิดคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับลูกในครรภ์ เช่น ลูกจะมีขนาดเท่าไหร่แล้ว จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร จะรู้สึกว่าลูกมีการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ ทีมแม่ ABK จึงได้รวบรวมข้อมูล พัฒนาการทารกในครรภ์ มาให้คุณแม่ได้เรียนรู้ ถึงการพัฒนาของทารกในแต่ละเดือน เพื่อช่วยให้คุณแม่คลายความวิตกกังวลต่างๆ และดูแลครรภ์ให้มีคุณภาพ

9 เดือนในครรภ์
9 เดือนในครรภ์

พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง

เดือนที่ 1

  • ทางการแพทย์จะเริ่มวันแรกของการตั้งครรภ์ คือวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และนับไปจนครบ 40 สัปดาห์ เป็นวันที่คาดการณ์กำหนดคลอด
  • ช่วงแรกสุดของชีวิต คือการที่ไข่ผสมกับสเปิร์ม และสร้างเป็นตัวอ่อนในระยะสัปดาห์ที่ 2-4 นับจากวันแรกของรอบเดือนรอบสุดท้าย ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะค่อยๆ เคลื่อนมาตามท่อนำไข่ และฝังตัวที่มดลูก ขณะที่ไข่เคลื่อนตัวมานั้น เซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อถึงตอนที่ตัวอ่อนมาถึงมดลูก จะมีเซลล์ประมาณ 100 เซลล์ หลังจากหนึ่งสัปดาห์ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะฝังตัวที่ผนังมดลูก ซึ่งถือว่ากระบวนการปฏิสนธิสมบูรณ์แล้ว

เดือนที่ 2 (5 – 8 สัปดาห์)

  • เราจะเริ่มเห็นพัฒนาการได้ชัดเจน หลังจากตัวอ่อนได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว
  • ตัวอ่อนในครรภ์จะมีความยาวประมาณ 4 – 25 มิลลิเมตร รูปร่างโค้งงอ
  • ยังไม่สามารถสังเกตเห็นการตั้งครรภ์ได้ชัด
  • ตัวอ่อนจะเริ่มมีการพัฒนาอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ระบบประสาท ตา แขนและขา ส่วนศีรษะจะใหญ่กว่าอวัยวะอื่น
  • สามารถตรวจพบการเต้นของหัวใจของตัวอ่อนในครรภ์ และสามารถเห็นตัวอ่อนขยับไปมา ด้วยเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง ในช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป จากการทำอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดได้

เดือนที่ 3 (9 – 12 สัปดาห์)

  • ตัวอ่อนมีความยาวจากหัวถึงก้นประมาณ 2.5 – 7 เซนติเมตร
  • อวัยวะบนหน้าเกือบจะสมบูรณ์ ทั้งตา ปาก จมูก และหู เพียงแค่ตายังคงปิดอยู่
  • เริ่มมีการพัฒนาของสมองและกล้ามเนื้อ
  • สมองและกล้ามเนื้อเริ่มทำงานประสานกัน กล้ามเนื้อกำลังพัฒนา เริ่มเห็นการเคลื่อนไหวของแขนขา
  • ข้อต่างๆ เริ่มประสานกัน นิ้วมือและนิ้วเท้าพัฒนาจนสมบูรณ์และงอได้ เล็บเริ่มงอก
  • ทารกจะเริ่มดูดนิ้ว และอาจกลืนน้ำคร่ำ หรือลอยตัวในน้ำคร่ำ ซึ่งทำหน้าที่ห่อหุ้มและปกป้องร่างกายเล็กๆ ไว้อย่างดี
  • อวัยวะต่างๆ พัฒนาเกือบครบทุกส่วนในปลายเดือน ระยะนี้คุณแม่จะต้องระวัง อย่ารับประทานยาหรืออาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อทารก

เดือนที่ 4 (13 – 16 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวจากหัวถึงก้นประมาณ 7 – 12 เซนติเมตร
  • ทารกโตขึ้นวันละ 2 – 3 มิลลิเมตร
  • ทารกมีแขนและข้อต่อที่สมบูรณ์ กล้ามเนื้อแข็งแรง นิ้วมือนิ้วเท้าเห็นชัดเจน และเคลื่อนไหวได้มากขึ้น แต่คุณแม่มือใหม่อาจจะยังไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของทารก
  • ใบหน้าตัวอ่อนเห็นชัดเจนขึ้น
  • ไตเริ่มทำงานเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
  • จำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ในระยะนี้ทารกจะเตะ ยืดนิ้วมือนิ้วเท้า
  • เริ่มฟังเสียงหัวใจทารกได้ และสามารถมองเห็นอวัยวะเพศได้ ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์

เดือนที่ 5 (17 – 20 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวจากหัวถึงเท้าประมาณ 16 – 25 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 100 – 300 กรัม
  • ระยะนี้ทารกจะโตเร็วมาก คุณแม่จะรู้สึกว่า ลูกดิ้นบ่อยๆ
  • สามารถฟังหัวใจทารกเต้นได้ด้วยหูฟัง จากการฟังทางหน้าท้อง
  • เริ่มมีขนตา ขนคิ้ว มีขนอ่อนปกคลุมทั่วตัวและหน้า ผมเริ่มงอก ฟันเริ่มพัฒนาอยู่ใต้กราม กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
  • ทารกจะสร้างไขมันเพื่อปกป้องผิวหนังและผม
  • ทารกจะเพิ่มพัฒนาสัมผัสรับรู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ กลิ่น และเสียง อีกทั้งยังสัมผัสถึงแสงจ้าได้ แม้ว่าตาจะยังปิดอยู่
  • หูทำงานเต็มที่เริ่มได้ยินเสียงแม่ และรู้สึกเมื่อคุณแม่ลูบท้อง
  • ช่วงปลายเดือน ทารกจะเริ่มปัสสาวะปนมาในน้ำคร่ำ

เดือนที่ 6 (21 – 24 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 300 – 600 กรัม
  • คุณแม่จะรู้สึกว่าทารกบิดตัวไปมา
  • ทารกจะโตช้ากว่าเดิม เพื่อให้อวัยวะภายในร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายพัฒนา
  • ผมที่ศีรษะและคิ้ว จะปรากฏชัดขึ้น
  • ทารกจะได้ยินเสียงหัวใจของแม่ เสียงดนตรี และเสียงอื่นๆ
  • คุณพ่อและคุณแม่สามารถพูดคุยกับลูกในครรภ์ได้ในระยะนี้ เนื่องจากทารกมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการกระทำของแม่
  • ทารกมีไขมันใต้ผิวหนังน้อย จึงทำให้ดูผอม
  • สามารถมองเห็นเพศชัดเจน เมื่อตรวจด้วยเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง
ทารกในครรภ์
ทารกในครรภ์

เดือนที่ 7 (25 – 28 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 30 – 35 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 600 – 1,000 กรัม
  • ผิวทารกมีรอยย่น เริ่มมีไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อรักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย รวมทั้งปกป้องผิวหนังจากของเหลวอื่นๆ
  • ปอดเริ่มพัฒนา
  • ศีรษะโต มีขนคิ้วและขนตา
  • สามารถลืมตาและหลับตาได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถเห็นแสงผ่านหน้าท้องของแม่ได้
  • สามารถได้ยินเสียงจากภายนอก และจะขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง
  • จังหวะการเต้นของหัวใจจะเปลี่ยนตามแสงและเสียงที่ทารกสัมผัสได้
  • สะอึกได้
  • ทารกจะเริ่มพัฒนาตุ่มรับรส
  • ถ้าคลอดในตอนนี้ อัตราการรอดชีวิตจะค่อนข้างสูง เนื่องจากอวัยวะสำคัญเริ่มทำงานเป็นปกติแล้ว

เดือนที่ 8 (29 – 32 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 35 – 40 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 1,000 – 1,600 กรัม
  • จะดูเหมือนทารกแรกเกิด ผิวหนังบางแดงและคลุมด้วยไข ยังเหี่ยวย่นอยู่ ร่างกายแข็งแรง
  • ถ้าเป็นผู้ชายลูกอัณฑะจะเริ่มเลื่อนลงในถุง
  • ศีรษะจะเริ่มหันมาทางปากมดลูก
  • สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของทารกได้จากหน้าท้องคุณแม่
  • ในระยะนี้ คุณแม่อาจมีการเจ็บท้องเตือน เนื่องจากมดลูกบีบตัว

เดือนที่ 9 (33 – 36 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 40 – 45 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 1,600 – 2,500 กรัม
  • ผิวหนังแดง รอยย่นเริ่มหายไป
  • เริ่มดิ้นแรงจนสามารถเห็นการเคลื่อนไหวจากหน้าท้องคุณแม่ได้
  • ปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่

เดือนที่ 10 (37 – 40 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 45 – 50 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนัก 2,500 กรัมขึ้นไป
  • มีการสะสมไขมันมากขึ้น รอยย่นของผิวหนังหายไป
  • เป็นระยะครบกำหนดคลอด ทารกจะอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมคลอด
  • ศีรษะจะอยู่ใกล้ปากมดลูก และคุณแม่ก็พร้อมจะคลอดได้ตลอดเวลา
  • ทารกอาจคลอดเมื่อไรก็ได้ระหว่างสัปดาห์ที่ 37 – 42 สัปดาห์

การดูแลครรภ์อย่างถูกวิธี

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การฝากครรภ์ มีประโยชน์ดังนี้

  • ดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ ทั้งทางด้านร่างกาย และทางจิตใจ และได้รับการคัดกรอง เพื่อหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น โรคทางพันธุกรรม โรคธาลัสซีเมีย และดาวน์ซินโดรม เป็นต้น
  • ตรวจหาโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดในขณะตั้งครรภ์
  • ติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นปกติหรือไม่
  • ได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองและทารกในครรภ์อย่างถูกวิธี จากแพทย์และผู้เชียวชาญ
  • ให้กำเนิดทารกที่มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง
  • ลดอัตราการตายของแม่และเด็ก

โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรทานอาหารให้หลากหลาย และครบทุกหมู่เป็นประจำทุกวัน

  • โปรตีน ใช้ในการเสริมสร้างอวัยวะ และกล้ามเนื้อของคุณแม่และทารก จึงควรรับประทานโปรตีนจากสัตว์ ไข่ และพืชให้หลากหลาย ปริมาณที่ต้องการคือ 75 – 110 กรัมต่อวัน หรือควรเพิ่มสัดส่วนโปรตีน 30 – 40% ในแต่ละมื้อ
  • สารโฟลิกหรือโฟเลต เป็นสารสำคัญที่คุณแม่ขาดไม่ได้ เป็นสารอาหารสำหรับการสังเคราะห์ดีเอนเอของเซลล์เพื่อสร้างอวัยวะต่างๆ ของทารกในครรภ์ มีรายงานพบทารกสมองไม่ปกติ และท่อหุ้มไขสันหลังไม่ปิด ในมารดาที่ขาดสารโฟเลต กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้สตรีวัยเจริญพันธุ์รับประทานสารโฟเลต 400 มิลลิกรัมต่อวัน โดยโฟเลตพบมากในอาหารจำพวกพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ พบมากในพืชใบเขียว ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว ตับ ไต และยีสต์ แต่อย่างไรก็ตามอาหารพวกนี้อาจไม่เพียงพอ ควรทานอาหารเสริมที่มีสารโฟเลตร่วมด้วยจะดีที่สุด
  • ธาตุเหล็ก จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดที่เพิ่มจำนวนอย่างมากในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีปริมาณเลือดเพิ่มสูงขึ้นถึง 70% เพื่อให้เพียงพอต่อการนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกที่อยู่ในครรภ์ จากสถิติพบว่า สตรีตั้งครรภ์มากกว่าครึ่งมีภาวะโลหิตจางจากการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
  • แคลเซียม คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียมไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าช่วงที่ไม่ตั้งครรภ์ไม่มาก
  • วิตามินรวม มีประโยชน์สำหรับคุณแม่ที่ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลด้านโภชนาการ อย่างไรก็ตาม หากจะบริโภคควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ฝากครรภ์ เพราะวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินเอ หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป เกิน 10,000 ยูนิตต่อวัน จะทำให้ทารกมีพัฒนาการผิดปกติได้
  • งดอาหารรสจัด สุรา ยาเสพติด

ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้แข็งแรง เรื่องของโภชนาการก็สำคัญ เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์โดยตรง ทังนี้หวังว่าบทความเกี่ยวกับ  พัฒนาการทารกในครรภ์ ที่ ทีมแม่ ABK นำมาฝากนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในขณะนี้นะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

ไขข้อข้องใจ คนท้องท้องผูก เกิดจากอะไร รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

ไขข้อข้องใจ!! คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม ?

ผื่นคันระหว่างตั้งครรภ์ รอยแตกลายที่ท้อง ป้องกันได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.bangkokhospital.com, https://www.samitivejhospitals.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ลองโควิด และ ภาวะมิสซี

อาการ ลองโควิด กับมิสซีเทียบอาการให้ชัดป้องกันได้ไว

Alternative Textaccount_circle
event
ลองโควิด และ ภาวะมิสซี
ลองโควิด และ ภาวะมิสซี

ลองโควิด กับอาการมิสซี หลังเด็กหายป่วยโควิด มีอาการที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้ไว้ เพื่อเฝ้าระวัง หากลูกมีอาการไม่ดีหลังติดโควิด-19

อาการ ลองโควิด กับมิสซีเทียบอาการให้ชัดป้องกันได้ไว!!

ในปัจจุบันที่มีผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 ทั้งที่กำลังรักษา และบางคนที่หายจากอาการแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า แม้ว่าจะรักษาจนอาการโควิดหายดีแล้ว แต่เรายังคงต้องเฝ้าระวัง และติดตามอาการกันต่อเนื่องต่อไป

ภาวะ MIS-C (มิสซี) และ Long COVID (ลองโควิด) ในเด็ก

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่หายจากการป่วยเป็นโรคโควิด-19 มักจะมีการฟื้นฟูระบบร่างกายที่แตกต่างกัน บางคนอาจหายเป็นปกติ แต่บางคนกับรู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรงตามปกติเสียที โดยสามารถพบได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่หายป่วย และตรวจไม่พบเชื้อในร่างกายแล้ว อาจยังมีอาการหลงเหลืออยู่ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกอาการที่เกิดขึ้นว่า “ภาวะลองโควิด” หรืออาการหลงเหลือของเชื้อโควิด-19 ระยะยาว โดยอาการดังกล่าวสามารถพบได้กับผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 ทั่วโลก ส่วนมากตั้งแต่ 3 เดือนนับจากวันตรวจพบเชื้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน โดยอาการเกิดขึ้นได้หลายระบบอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับติดเชื้อโควิดนานกว่า 4-12 สัปดาห์ และอาการที่เกิดขึ้นไม่สามารถ อธิบายได้ด้วยการวินิจฉัยสาเหตุอื่นๆ ในเด็กพบภาวะนี้เพียงร้อยละ 25-45 ซึ่งระบบที่พบ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ภาวะเหล่านี้มักไม่รุนแรงแต่เรื้อรัง อาการจะเป็นๆหายๆได้ การรักษาโรคนี้มักเป็นการแยกโรคที่รุนแรงอื่นและรักษาตามอาการ รวมถึงการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ลองโควิด ภาวะมิสซี MIS-C
ลองโควิด ภาวะมิสซี MIS-C

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุและพยาธิสภาพของการเกิดภาวะ Long COVID ที่ชัดเจน มีเพียงสมมติฐาน ที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนของเชื้อซึ่งไม่ส่งผลต่อการติดเชื้อแล้วแต่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบในระบบต่างๆ ของร่างกาย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ยังไม่แน่ชัดมีข้อสังเกตที่พบในหลาย ๆ การศึกษา อาทิ เพศหญิง อายุมาก ภาวะอ้วน มีโรคประจำตัว มีอาการมากกว่า 5 อาการในช่วง 1 สัปดาห์แรก ของการเจ็บป่วย และความรุนแรงของโรคมากในระยะแรกเป็นต้น

ความชุกของอาการผิดปกติต่างๆ ในภาวะ Long COVID จากผลการศึกษาในต่างประเทศ พบหลากหลายตั้งแต่ร้อยละ 14-64 เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนของนิยาม ขาดองค์ความรู้ด้านพยาธิสภาพ ปัจจัยเสี่ยง และ การวินิจฉัย รวมทั้งวิธีการประเมินอาการผิดปกติที่แตกต่างกัน

จากการสำรวจผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด-19 ของกรมการแพทย์ ผ่านทางเว็บไซต์กรมการแพทย์ ซึ่งเป็นข้อมูลในผู้ใหญ่ พบว่าอาการ long covid ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง อาการที่พบบ่อย 10 อันดับแรก ได้แก่  อ่อนเพลีย หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย ไอ  นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ผมร่วง เวียนศีรษะ วิตกกังวล/ เครียด ความจำสั้น เจ็บหน้าอก

Multisystem Inflammatory Syndrome in Children (MIS-C) คือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบที่เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังเด็กหายจากการติดเชื้อโควิด-19 เริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ระยะหายจากโรคจนถึงหลังติดเชื้อ 2 – 6 สัปดาห์ สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้มากเกินไป

มีไข้ ตัวร้อน หนึ่งในอาการ ลองโควิด
มีไข้ ตัวร้อน หนึ่งในอาการ ลองโควิด

นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า กลุ่มอาการ MIS-C (มิสซี) เริ่มมีการรายงานครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นมีรายงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง  พบได้ในเด็กทุกกลุ่มอายุ อายุโดยเฉลี่ย 8-10 ปี อุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 0.03 ของผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิดทั้งหมด เด็กมักจะมาด้วยอาการไข้สูง ผื่น ปากแดง ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองโต อาเจียน ถ่ายเหลว บางรายมีหอบเหนื่อย ปอดอักเสบ และมีภาวะช็อคจากการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ ผู้ป่วยเด็กมากกว่าร้อยละ 50 จำเป็นต้องรักษาในหอผู้ป่วยเด็กวิกฤตเนื่องจากภาวะช็อค ภาวะนี้ มีอันตรายถึงชีวิตได้ อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 สามารถรักษาด้วยการให้อิมมูโนกลอบูลินและสเตียรอยด์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อการรักษาดี ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีพบผู้ป่วยที่มาด้วยภาวะนี้จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบผู้เสียชีวิต แต่ยังต้องติดตามการรักษาต่อเนื่องโดยพบว่าร้อยละ 7-14 ยังมีการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ นอกจากนี้ทางสถาบันฯ ยังมีโครงการตรวจติดตามผู้ป่วยเด็กติดเชื้อโควิดที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเป็นระยะๆ เพื่อเฝ้าระวังภาวะ Long COVID (ลองโควิด)  จากการติดตามในทุกระบบของร่างกายยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและสถาบันฯ ยังคงติดตามดูแลเด็กอย่างต่อเนื่อง

เปรียบเทียบ…ความแตกต่างของอาการ

อาการภาวะลองโควิด

ผู้ที่มีอาการภาวะลองโควิด จะพบได้ในช่วง 1-3 เดือนแรก โดยจะพบร้อยละ 30-50 ของผู้ป่วยทั้งหมด จึงอาจไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจ และผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกัน ไม่มีลักษณะตายตัว

  • อ่อนเพลียเรื้อรัง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
  • ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม รู้สึกแน่น ๆ หน้าอก
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ สมองไม่สดชื่น ความจำไม่ดีเหมือนเดิม
  • ปวดตามข้อ รู้สึกจี๊ด ๆ ตามเนื้อตัวหรือปลายมือปลายเท้า
  • รู้สึกเหมือนยังมีไข้อยู่ตลอด
  • มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือมีผลกระทบทางจิตใจหลังเผชิญสถานการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder)

อาการภาวะมิสซี

ภาวะมิสซีจะแสดงอาการในหลายระบบร่วมกัน โดยจะมีอาการลักษณะดังต่อไปนี้

  • มีไข้
  • ตาแดง
  • มือเท้าบวมแดง ปากแดง แห้ง แตก
  • ต่อมน้ำเหลืองโต
  • มีอาการในระบบหัวใจและหลอดเลือด หรืออาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ และอาการคล้ายไส้ติ่งอักเสบ
  • อาการทางระบบประสาท คือ ปวดศีรษะ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

    เทียบอาการ ลองโควิด กับมิสซี
    เทียบอาการ ลองโควิด กับมิสซี

เปรียบเทียบ…ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงบ้าง??

ใครเสี่ยงเป็นภาวะลองโควิดมากที่สุด

ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีแดงหรือผู้ป่วยที่มีอาการป่วยรุนแรง จะมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดสูงกว่าผู้ป่วยที่มีอาการน้อย เนื่องจากอาจมีปัจจัยเรื่องความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงป่วยเป็นโรคโควิด-19 จึงส่งผลต่อเนื่องอาจยาวนาน 3-6 เดือนได้กว่าจะกลับมาเป็นปกติ สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะลองโควิดด้วย เช่น อายุโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เรื่องเพศ โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคหอบหืด และผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งผู้ที่หายป่วยแล้วไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด

ใครเสี่ยงเป็นภาวะมิสซีมากที่สุด

สำหรับประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยที่เกิดภาวะนี้เพิ่มขึ้น ตามจำนวนผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง

เกิดขึ้นทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งจากโควิด-19 และโรคอื่นที่เกิดจากไวรัส เช่น โรค SLE โรคที่เกิดจากการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของตนเอง หรือการกินยาบางยาก็กระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายได้

ใครเสี่ยงเป็นภาวะลองโควิดและมิสซีบ้าง
ใครเสี่ยงเป็นภาวะลองโควิดและมิสซีบ้าง

เปรียบเทียบ…เมื่อเป็นแล้วต้องทำอย่างไร??

เป็นภาวะลองโควิด ต้องทำอย่างไร

อาการลองโควิดเป็นผลจากความผิดปกติภายในร่างกาย เนื่องจากร่างกายยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดจึงควรให้ความสำคัญกับการสังเกตอาการตนเอง พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกาย และวางแผนการฟื้นฟูที่ถูกต้อง เนื่องจากอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ระยะยาว และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง รวมถึงปล่อยนานเกินไปอาจเป็นอันตรายได้

เป็นภาวะมิสซีต้องทำอย่างไร

เด็กที่มีอาการของภาวะมิสซีเกิดขึ้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้อย่างรวดเร็วทุกเวลา และอาจส่งผลให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้น หากสงสัยว่า บุตรหลานที่เพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19 เกิดภาวะนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัย และได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ต้องทำอย่างไรเมื่อเป็น
ต้องทำอย่างไรเมื่อเป็น

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.childrenhospital.go.th/www.prachachat.net

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ลองโควิด คร่าชีวิตลูก!แม่ร้องขอตรวจสอบเพื่อเด็กอื่นได้ระวัง

แม่รู้ไว้! ทำไมลูกร้องไห้ 7 เหตุผลของการงอแงที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น

ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

10 เคล็ดลับปรับพฤติกรรมลูก ก้าวร้าว พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเข้าใจและพร้อมรับมือ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ประกันเด็ก

10 กรมธรรม์ ประกันเด็ก คุ้มครอง คุ้มค่า อุ่นใจคุณพ่อคุณแม่ 

Alternative Textaccount_circle
event
ประกันเด็ก
ประกันเด็ก

10 กรมธรรม์ ประกันเด็ก คุ้มครอง คุ้มค่า อุ่นใจคุณพ่อคุณแม่ 

กรมธรรม์ ประกันเด็ก อาจเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมองข้าม เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลา และมีคุณพ่อคุณแม่ดูแลไม่ห่าง แต่จริงๆ แล้วทีมแม่ ABK ว่า การทำประกันชีวิตให้ลูกน้อยเป็นเรื่องจำเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมว่า วัยเด็กเล็กเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงทางร่างกายยังไม่พัฒนาเต็มที่เท่าผู้ใหญ่ หากเจ็บป่วยก็ต้องได้รับการดูแลรักษาเฉพาะทาง ค่าใช้จ่ายบางครั้งก็สูงกว่าของผู้ใหญ่ การซื้อประกันสุขภาพให้ลูกน้อย จึงถือว่าช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้คุณพ่อคุณแม่ในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมทั้งอุ่นใจว่าลูกเราจะมีหลักประกันรองรับหากเจ็บป่วยกระทันหันด้วยค่ะ   

 

ประกันเด็ก เป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ที่มีการต่ออายุปีต่อปีเช่นเดียวกับการทำประกันสุขภาพของผู้ใหญ่ โดยแต่ละกรมธรรม์จะมีเงื่อนไขดูแลสุขภาพเด็กแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเหมาจ่าย ครอบคลุมเฉพาะบางโรค ค่ารักษาพยาบาลบางอย่าง หรือพ่วงกับประกันชีวิต รวมทั้งจำกัดช่วงวัยคุ้มครอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์  

ประกันเด็ก

ประกันสุขภาพสำหรับเด็ก แบบไหนดี

  • เลือกกรมธรรม์ที่สามารถจ่ายเบี้ยประกันไหว แต่ก็ควรมีทุนประกันที่คุ้มค่า สมเหตุสมผลกับการคุ้มครองด้วย
  • เงี่อนไขกรมธรรม์ควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาที่จำเป็นอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายเพิ่มที่ตามมาทีหลัง กรณีเงื่อนไขไม่ครอบคลุม 
  • ควรมีความคุ้มครองโรคที่เด็กๆ เป็นกันบ่อย เช่น โรคมือเท้าปาก โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก เบาหวานในเด็ก เป็นต้น
  • เลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับช่วงวัยของลูก ซึ่งจะมีเบี้ยและรายละเอียดไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในท้อง วัยทารกแรกเกิด วัยเด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น และยังมีแบบออมเงินที่จะได้รับผลตอบแทนเมื่ออายุครบกำหนดด้วย 
  • มีเครือข่ายสถานพยาบาลที่เข้าร่วมหลายแห่ง ทั้งใกล้บ้านและในต่างจังหวัด หากต้องรีบส่งโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน

 

  1. Allianz Ayudhya ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย Mao Mao Kids เป็นแผนคุ้มครองเด็กเล็ก อายุ 1 เดือน 1 วัน จนถึง 10 ปี ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อรอบปี และปรับเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ เมื่ออายุ 11 ปี โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ เรียกว่าเจ็บป่วยอะไรมา เมื่อเข้ารับการรักษา ประกันจะเหมาจ่ายตามจริงในส่วนของค่ารักษาพยาบาล เช่น อุบัติเหตุฉุกเฉินภายใน 24 ชม. ค่าผ่าตัด เอกซเรย์ แล็บ ค่าล้างไต ไปจนถึงเคมีบำบัด รังสีรักษาโรคเนื้องอกหรือมะเร็ง เป็นต้น รวมถึงมีวงเงินสำหรับค่าห้องทั้งธรรมดา ICU ค่าอาหาร ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าบริการพยาบาล เป็นต้น และยังไม่ต้องสำรองจ่ายหากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายของ Allianz Ayudhya 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://life.azay.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://life.azay.co.th/
  1. สินมั่นคงประกันภัย ประกันสุขภาพเด็ก Super Kids แผนประกันทุนประกันสูงสุด 100,000 บาท ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุและโรคเด็กสุดฮิตอีกต่อไป รวมทั้งสามารถเบิกได้ทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) พร้อมทันตกรรมถึง 2,000 บาทต่อปี โดยแผนนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1-14 ปี คุ้มครอง การนอนโรงพยาบาลด้วยโรคเด็กยอดฮิต ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่, ไข้เลือดออก, ตาแดง, มือเท้าปาก มีวงเงินสำหรับค่าห้องทั้งธรรมดา ICU ค่าอาหาร ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าบริการพยาบาล เป็นต้น ให้ค่าทันตกรรม 2,000 บาทต่อปี รวมถึงวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุ เริ่มต้น 25,000 บาทต่อครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.smk.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.smk.co.th/
  1. Aetna แผนประกันสุขภาพ Beyond Personal Care เป็นแผนประกันเพื่อคนที่เรารักและห่วงใยแบบจัดเต็ม ทำได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่อายุ 15 วัน – 65 ปีเลยทีเดียว มอบความคุ้มครองตามจริง สูงสุดถึง 5 ล้านบาท ต่อการเข้าพักรักษาตัว 1 ครั้ง และไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี มีทั้งค่าห้องสูงสุดถึงคืนละ

12,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปสูงสุด 200,000 บาทต่อครั้ง ฯลฯ ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก สามารถคุ้มครองทั้งการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง คุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุสูงถึง 100,000 บาทด้วย และยังอุ่นใจกับเครือข่ายสถานพยาบาลกว่า 450 แห่งทั่วไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.aetna.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.aetna.co.th/
  1. FWD แผนประกันสุขภาพ พรีเชียส แคร์ ฟอร์ คิดส์ เป็นแผนประกันเหมาจ่ายที่ครอบคลุมการรักษาโรคทั่วไป อุบัติเหตุ และ 6 โรคร้ายที่มักจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ เช่น โรคไข้เลือดออกเดงกีที่มีภาวะช็อก โรคหอบหืดระดับรุนแรงมาก โรคมะเร็งระยะลุกลาม โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน เป็นต้น

วงเงินคุ้มครองเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านบาท สูงสุด 12 ล้านบาท ดูแลให้ทั้งค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD และค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล เช่น อุบัติเหตุฉุกเฉินภายใน 24 ชม. ค่าผ่าตัด ค่าล้างไตเคมีบำบัด รังสีรักษาโรคเนื้องอกหรือมะเร็ง เป็นต้น รวมถึงมีวงเงินสำหรับค่าห้องทั้งธรรมดา ICU ค่าอาหาร ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าบริการพยาบาล ไปจนถึงค่ารักษาโดยแพทย์ทางเลือก เป็นต้น 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.fwd.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจากhttps://www.fwd.co.th/
  1. Krungthai-Axa แผนประกันสุขภาพ iHealthy Ultra เป็นแผนคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กวัยซน 6 ขวบ ไปจนถึงวัยชรา 90 ปี ช่วยให้หมดกังวลเรื่องค่ารักษา ด้วยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ที่มาพร้อม 6 แผนความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย สูงสุด 100 ล้านบาทต่อปี คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ทำได้ ด้วยความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสําหรับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร รวมถึงภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร พร้อมทั้งค่าหออภิบาลทารกแรกเกิด

นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองการตรวจสุขภาพประจำปี การดูแลรักษาสายตาและทันตกรรม โรคโควิด 19 โรคร้ายแรงต่างๆ ไปจนถึงแพทย์ทางเลือก ไคโรแพรคติก การรักษาด้านสุขภาพจิต เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.krungthai-axa.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.krungthai-axa.co.th/
  1. ไทยสมุทรประกันชีวิต แผนประกันสุขภาพเด็ก Health Kids ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับเด็กที่ให้ความคุ้มครองครบทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก สบายใจเรื่องค่ารักษาเมื่อลูกรักเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 500,00 ถึง 2,000,000 บาท สามารถทำประกันให้ลูกรักได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 10 ปี แถมยังต่ออายุสัญญาได้ถึงอายุ 19 ปี คุ้มครองไปจนถึงอายุ 20 ปี ครอบคลุมค่ารักษาทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ห้องผู้ป่วยหนัก ICU ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินขณะเป็นผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุ เป็นต้น มีทั้งจ่ายตามจริงหรือวงเงินสูงสุดไม่เกินเงื่อนไข เรียกว่าเป็นประกันเหมาจ่ายอีกฉบับที่น่าสนใจสำหรับเด็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.ocean.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.ocean.co.th/
  1. เมืองไทยประกันชีวิต โครงการ ดี คิดส์ หรือสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ เป็นประกันสุขภาพที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจในยามที่ลูกน้อยเจ็บป่วย ด้วยการช่วยจ่ายส่วนเกินค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน และค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) ค่าหมอ ค่ายา ค่าตรวจ ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลกรณีแอดมิดเหมาจ่ายในวงเงินเดียว สูงสุดถึง 5 ล้านบาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 10 ปี คุ้มครองไปยาว ๆ ถึงอายุ 99 ปีเลยทีเดียว มีทั้งชำระเบี้ยแบบรายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน และรายเดือน ช่วยแบ่งเบาภาะค่าใช้จ่ายคุณพ่อคุณแม่ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.muangthai.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.muangthai.co.th/
  1. AIA ประกันสุขภาพเด็ก AIA H&S EXTRA เป็นประกันแบบมี OPD ที่สามารถทำได้ตั้งแต่วัยทารกแรกเกิด หรือ 1 เดือนขึ้นไป เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเลือกการรักษาที่ดีที่สุดให้ลูก และยังต่ออายุคุ้มครองได้ถึงอายุ 85 ปีเลย คุ้มครองครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร แผนสูงสุด 6,500 บาทต่อวัน ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการสูงสุด 120,000 บาท ค่ารักษาในโรงพยาบาล ได้แก่ ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ค่าพยาบาล สูงสุด 40,000 บาท ต่อการรักษาเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) สูงสุดถึง 9,000 บาท ต่อปี และยังมีผลประโยชน์เงินคืนพิเศษสูงสุด 4,500 บาท ต่อปี กรณีไม่มีประวัติเคลมภายในรอบปีด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.aiaplanner.com/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.aiaplanner.com/
  1. ไทยประกันชีวิต แบบประกันสมาย คิดส์ เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงลูกจากบรรดาโรคภัยที่เกิดขึ้นบ่อยกับเด็ก และต้องการวางแผนการเงิน จุดเด่นของประกันนี้ เช่น ค่าชดเชยรายวัน กรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และรับเพิ่มอีกกรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย 5 โรคที่พบบ่อยในเด็ก คือ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ โรคมือเท้าปาก โรคอาหารเป็นพิษ โรคบาดทะยัก และโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ยังมีค่าชดเชยรายวัน กรณีผู้ป่วยใน ที่ไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ เมื่อสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 8 จ่าย 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และจ่าย 300% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเมื่อครบกำหนดสัญญา 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://product.thailife.com/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://product.thailife.com/
  1. SCB ประกันสุขภาพเด็ก OPD คุ้มครบ เพื่อลูกรัก เป็นประกันเหมาจ่ายที่ทำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 10 ปี ต่ออายุได้ถึงอายุ 84 ปี ครอบคลุมค่าใช้จ่ายไว้ค่อนข้างครบ มีทั้ง OPD เหมาทั้งป่วยหนักป่วยเบา เหมาจ่ายทั้งปี ตามวงเงินสูงสุดของแผน ส่วน IPD ก็รวมหมดทั้ง ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาล ฯลฯ ดูแลโรคร้ายเฉพาะเจาะจงในเด็ก หากตรวจพบ 6 โรคร้าย รับเงินก้อน และเพิ่มค่าห้องเป็น 2 เท่า

โดยเฉพาะโรคร้ายในเด็กเล็กสำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 1 เดือน 1 วัน – 5 ปี คือ โรคไข้เลือดออกเดงกีที่มีภาวะช็อก โรคน้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมองซึ่งเกิดภายหลังและต้องใส่ท่อระบาย และโรคหอบหืดระดับรุนแรงมาก นอกจากนี้ยังดูแลการรักษากรณีพิเศษ กรณีเปลี่ยนอวัยวะ ปลูกถ่ายไขกระดูก และค่าปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมสำหรับเด็กเล็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.scb.co.th/

ประกันเด็ก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.scb.co.th/

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

มิสเตอร์ประกัน

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ประกันโควิด 2565 มีแบบไหนบ้าง? ซื้อออนไลน์ได้ทันที!

เช็ค 5 เกณฑ์ใหม่! เคลมประกันโควิด มีผล 15 กุมภาพันธ์ นี้

รีบเลยแม่!ปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม ปี 2565

สำลี

10 แบรนด์ สำลี สำหรับเด็ก สะอาด อ่อนโยน เหมาะกับลูกรัก

Alternative Textaccount_circle
event
สำลี
สำลี

10 แบรนด์ สำลี สำหรับเด็ก สะอาด อ่อนโยน เหมาะกับลูกรัก

ความสะอาดของลูกน้อยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นไอเท็มทำความสะอาดต่าง ๆ จึงต้องมีไว้ติดบ้าน ติดกระเป๋า นอกจากทิชชู่ ก็ สำลี นี่แหละที่เป็นตัวช่วยอันดับต้น ๆ เวลาคุณพ่อคุณแม่เวลาต้องเช็ดทำความสะอาดลูกน้อย โดยเฉพาะผิวบอบบางของเขา อะไรที่แตะโดนผิวก็ควรมีความสะอาดและนุ่มนวล ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ซึ่งสำลีสำหรับเด็กมีความแตกต่างจากสำลีของผู้ใหญ่ ทีมแม่อยากให้เลือกแบบที่เหมาะกับลูกไว้ดีกว่า วันนี้เราจึงมี 10 แบรนด์สำลีมาแนะนำค่ะ

 

สำลีสำหรับเด็ก ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวบอบบางของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งสกปรก หรือชำระล้างบริเวณผิวบอบบาง ซอกเล็ก ๆ ของร่างกาย ไปจนถึงอุจจาระปัสสาวะที่เลอะเปื้อน เนื้อสำลีสำหรับเด็กจึงต้องหนานุ่ม ซึมซับดี ปราศจากสารระคายเคือง แตกต่างจาก สำลี ที่ใช้งานทั่วไป หรือสำลีสำหรับผู้ใหญ่

สำลี

เลือกสำลีสำหรับเด็กแบบไหนดี

  • ผลิตจากฝ้ายธรรมชาติ 100% ไม่ปนใยสังเคราะห์ ทดสอบง่ายๆด้วยการเผาไฟ หากเป็นฝ้ายธรรมชาติจะไหม้ทั้งหมด
  • ไม่มีสารระคายเคืองต่างๆ เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ กาว สารเรืองแสง ควรผ่านมาตรฐานทางการแพทย์รับรองว่าเหมาะกับผิวที่บอบบางของลูก
  • ต้องสะอาด บริสุทธิ์ ผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน หรือกรรมวิธีที่มีมาตรฐานรับรอง  
  • เนื้อสัมผัสนุ่ม เนียน ไม่ขรุขระ ป้องกันการเสียดสีกับผิวบอบบาง หรือก่อให้เกิดอาการคัน อาการแพ้ต่างๆ
  • ซึมซับได้ดี สามารถเช็ดทำความสะอาดคราบได้เกลี้ยง หมดจด คงรูปแม้เวลาเปียก และไม่ทิ้งขุยไว้แม้บนผิวที่เปียกน้ำ 

 

  1. Ambulance แบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยมายาวนาน ซึ่งก็มีหลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบแผ่น ม้วน ก้อนกลม คอนตอนบัต โดยเฉพาะแบบแผ่นใหญ่สำหรับเด็ก ช่วยให้เช็ดทำความสะอาดส่วนต่างๆของเจ้าตัวเล็กได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และยังใช้จำนวนแผ่นน้อยลงอีกด้วย มาพร้อมคุณสมบัติซึมซับได้ดีเยี่ยม และผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะผลิตจากฝ้ายธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเรืองแสง มีความนุ่ม ไม่ระคายผิว ผ่านการฆ่าเชื้อถึง 2 ครั้ง จึงสะอาดบริสุทธิ์ ปลอดภัยแม้ผิวบอบบาง

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.ambulancebrand.com/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.ambulancebrand.com/
  1. Baby Moby สำลีสำหรับผิวเด็กน้อย และผิวบอบบาง มาตรฐานจากญี่ปุ่น แพ็คเกจสีเหลืองมากับนองโคอาล่าสะดุดตา มีให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแผ่น ก้อนกลม คอนตอนบัต ไปถึงผ้าก๊อชเช็ดฟัน ผลิตจากฝ้ายแท้ 100% ผิวหน้านุ่ม ฟู ซึมซับน้ำดีเยี่ยม ไม่เป็นขุยแม้เวลาเปียกน้ำ โดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยี Water Jet หรือน้ำแรงดันสูง ในการผลิต โดยฉีดผิวหน้าสำลีให้ไม่เป็นขุยแทนการใช้กาว จึงปราศจากกาวและสารเรืองแสง ผ่านการอบฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง จึงปลอดภัยแม้ผิวที่แพ้ง่าย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.babymoby.com/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babymoby.com/
  1. Karisma แบรนด์จากญี่ปุ่นที่คุณพ่อคุณแม่คุ้นเคยเช่นกัน สำหรับการเช็ดทำความสะอาดลูกน้อย แนะนำสำลีแผ่นใหญ่พิเศษ 3×4 นิ้ว เนื้อสำลีหนานุ่ม ไม่เหลือติดผิวหลังการใช้ ลดการเสียดสี ให้สัมผัสอ่อนละมุน และซึมซับดีเยี่ยม ปราศจากสารเคมีและสารเรืองแสง สะอาดและปลอดภัยเพราะผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ใช้ทำความอาดแผลได้ เหมาะสำหรับผิวบอบบางของทารก ผู้สูงอายุ หรือใช้เช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้า สำลีแผ่นใหญ่เหมาะใช้เช็ดก้นทารกหรือทุกส่วนของเจ้าตัวน้อย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://karisma.co.th/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://karisma.co.th/
  1. Dodo Love แบรนด์สำลีสำหรับเด็กที่มีให้เลือกหลากหลาย ใส่ใจรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสำลีก้อน สำลีแผ่น คอนตอนบัต ผ้าก๊อชเช็ดฟัน ที่น่าสนใจก็อยู่ที่คอตตอนบัตหัวใหญ่ มีความนุ่ม ซึมซับน้ำได้ดี หัวที่ใหญ่ จะช่วยไม่ให้เข้าไปในรูหูลูกน้อยลึกจนเกิดอันตราย ก้านทำจากกระดาษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำลีมีแบบแผ่นใหญ่เพื่อให้สะดวกกับการใช้งาน ทำจากฝ้ายแท้ 100% ปราศจากสารเรืองแสง ซึมซับน้ำได้ดี เนื้อนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ 

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.dodolove.com/ และ https://www.facebook.com/DodoLoveThailand/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/DodoLoveThailand
  1. D-nee ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่วางใจ สำลีแผ่นดีนี่ผลิตจากใยฝ้ายบริสุทธิ์ 100% จึงปราศจากสารเรืองแสง และใยสังเคราะห์ ผ่านกระบวนการคัดแยกสิ่งปนเปื้อนที่ทันสมัย พร้อมทั้งผ่านการฆ่าเชื้อด้วยระบบความร้อนตามมาตรฐาน BPC ประเทศอังกฤษ และมาตรฐาน USP สหรัฐอเมริกา จึงเป็นสำลีที่มีความสะอาด อ่อนโยน นุ่มละมุน ซึมซับได้ดี และปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ใช้ได้กับทุกวัย 

ข้อมูลเพิ่มเติม http://dnee.co.th/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก http://dnee.co.th/
  1. Baby Tattoo ลูกน้อยมีซอกมุมในร่างกายให้ทำความสะอาดที่บางทีคุณพ่อแม่คุณพ่ออาจจะมองข้าม จึงควรมีคอตตอนบัตสำหรับเด็กโดยเฉพาะติดบ้านไว้ โดยออกแบบหัวสำลีที่แตกต่างเพื่อการใช้งานแตกต่างกัน มีทั้งหัวเกลียว ช่วยดูซับได้ดียิ่งขึ้น และแบบหัวมนปกติ เหมาะเช็ดทำความสะอาดพื้นที่เล็กๆ เช่น หู จมูก สะดือ หางตา หรือทำความสะอาดแผล สำลีทำจากฝ้ายธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี มีความนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิวบอบบาง

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.babytattoo.co.th/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.babytattoo.co.th/
  1. Chicco เป็นสำลีจากแบรนด์สินค้าเด็กสัญชาติอิตาลี สำลีแผ่นผลิตจากฝ้ายเกรดสำหรับผิวหนัง บริสุทธิ์ 100% สามารถใช้เช็ดทำความสะอาดผิวลูกน้อยได้สะอาด ไม่มีสารตกค้างหรือสารเรืองแสง จึงเหมาะทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ และด้วยเนื้อสำลีคุณภาพสูงจึงไม่ทิ้งใยฝ้ายแม้บนผิวเปียกหลังอาบน้ำ และยังซึมซับดีเยี่ยม จึงสามารถใช้เช็ดตัวทารกหลังอาบน้ำเสร็จได้ด้วย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/Chiccothailand/ หรือ https://www.kiddopacific.com/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.kiddopacific.com/
  1. Evergreen รุ่น White Rabbit ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ หาซื้อง่าย มีให้เลือกทั้งแบบแผ่น แบบก้าน และแบบก้อน ตามความต้องการ ผลิตจากคอตตอนธรรมชาติ เนื้อสัมผัสจึงมีความหนานุ่ม โปร่งฟู และซึมซับน้ำได้ดี ทั้งยังสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารเรืองแสง และผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน จึงเหมาะใช้ทำความสะอาดผิวลูกน้อย หรือผิวบอบบาง      

ข้อมูลเพิ่มเติม https://evergreen-cotton.com/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://evergreen-cotton.com/
  1. V Care รุ่นสำหรับเช็ดทำความสะอาดลูกน้อย มีทั้งแบบก้อน แบบก้าน และแบบแผ่น โดยเฉพาะแบบแผ่นที่มีให้เลือกอีก ทั้งแผ่นหนานุ่มพิเศษ แผ่นจัมโบ้ แผ่นรีดขอบ แผ่นไม่รีดขอบ ฯลฯ ทุกแบบผลิตจากใยฝ้ายธรรมชาติ 100% ผสานนวัตกรรมการถักทอด้วยน้ำ (Hydro Knitting) และผ่านการฆ่าเชื้อถึง 2 ครั้ง จึงมั่นใจได้ว่าสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมีตกค้าง ไม่เป็นขุย ปลอดภัยกับทุกสภาพผิวสำลีวีแคร์ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยความใส่ใจ เพื่อยกระดับให้เป็นมาตรฐานใหม่ของสำลี ผลิตจากใยฝ้ายธรรมชาติ 100% ผสานนวัตกรรมการถักทอด้วยน้ำ (Hydro knitting) และผ่านการฆ่าเชื้อถึง 2 ครั้ง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าสำลีวีแคร์ทุกประเภทสะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมีตกค้าง พร้อมให้สัมผัสนุ่ม ไม่เป็นขุย ปลอดภัยกับทุกสภาพผิว

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.moongpattana.com/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.moongpattana.com/
  1. Wel-B แบรนด์ สำลี สำหรับเด็กที่ดีไซน์ให้มีขนาดแผ่นใหญ่พิเศษ เพื่อความสะดวกในการหยิบจับ และการซึมซับที่มากขึ้น เหมาะใช้เช็ดทำความสะอาดก้นเด็กและส่วนอื่นๆตามต้องการ เนื้อสำลีนุ่ม ทำจากฝ้ายแท้ 100% ซึมซับน้ำดีเยี่ยม คงรูปแม้เวลาเปียกน้ำ ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Water Jet Technology แทนการใช้สารเคมี ทำให้ไม่เป็นขุย สังเกตง่ายๆ คือเส้นใยฝ้ายจะเรียงตัวชิดกันเป็นเส้นตรง ซึ่งเป็นรอยที่เกิดจากการยึดด้วยแรงดันน้ำ ปราศจากสารเรืองแสงและกาว ผ่านกระบวนการอบฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางของเด็กทารก

ข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.facebook.com/welbsnack/

สำลี
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/welbsnack/

ขอบคุณข้อมูลจาก

Babi Mild

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

วิธีทำความสะอาดสะดือ และก้นของลูกน้อย ให้ปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อ

คอตตอนบัด สำลีสำหรับทารกยี่ห้อไหนดี คุณแม่ทั่วประเทศยกให้ ตราพยาบาล เป็นแบรนด์ในดวงใจ

ดูแลทารกแรกเกิด ตัดเล็บ อาบน้ำ ฯลฯ ครบจบในที่เดียว!!

รีวิวขวดนม

รีวิวขวดนม 10 แบรนด์แนะนำ เลือกอย่างไร แบรนด์ไหนเหมาะกับลูกของเรา

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวขวดนม
รีวิวขวดนม

รีวิวขวดนม 10 แบรนด์แนะนำ
เลือกอย่างไร แบรนด์ไหนเหมาะกับลูกของเรา

ไอเท็มที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ๆ จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ขวดนม นั่นเองค่ะ หลังจากลูกน้อยเกิดมานอกจากเต้านมแม่ที่เค้าจะได้รับสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ก็ยังมีขวดนมนี่แหละค่ะที่เป็นตัวช่วยในการป้อนนมลูกน้อยให้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ว่าการเข้าเต้าจะสำคัญ แต่เพื่อความสะดวกสำหรับคุณแม่ยุคนี้ที่ต้องทำงานไปด้วย การปั๊มนมเตรียมไว้ในขวด หรืออาจไม่มีเวลาให้นมจากเต้าได้ตามเวลา ขวดนมก็จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยไปในตัวด้วย ตามทีมแม่มาค่ะ ทีมแม่ ABK ขอ รีวิวขวดนม คุณภาพดี น่าสนใจ เผื่อให้คุณแม่ใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ

ขวดนม อุปกรณ์ช่วยให้นมลูกที่สำคัญ นอกจากการให้ลูกดูดนมจากเต้าแล้ว การดื่มนมจากขวดนอกจากเป็นการช่วยพักเต้า ให้คุณแม่สามารถมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้ด้วยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการอย่างหนึ่งให้ลูก ต่อยอดไปสู่การดื่มนมจากแก้วหรือกล่องเมื่อเขาโตขึ้น ซึ่งการให้นมจากขวดสามารถทำควบคู่ไปกับการให้ลูกดูดนมจากเต้าโดยตรง

เลือกขวดนมแบบไหนดี 

  • ควรเลือกขนาดขวดนมให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก โดยมีวิธีคำนวณ คือ ทุกๆน้ำหนักตัว 0.5 กิโลกรัม ลูกควรดื่มนม 2.5 ออนซ์ หรือ 75 มิลลิลิตร 
  • เลือกวัสดุผลิตขวดนมที่ปลอดภัยต่อลูกน้อย ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่ออุณหภูมิสูง เป็นวัสดุฟู้ดเกรด ไม่ก่อให้เกิดสารอันตรายต่อร่างกาย หรือสะสมเชื้อโรค โดยวัสดุอย่างแก้ว และสแตนเลสจะมีความทนทานสูง หากเป็นพลาสติกควรเป็นประเภทอย่าง PP (POLYPROPYLENE) PES (POLYETHERSULFONE) หรือ PPSU (POLYPHENYLSULFONE) 
  • ควรสังเกตสัญลักษณ์ BPA free หรือมีสัญลักษณ์เลข 2 หรือเลข 5 บนผลิตภัณฑ์ เพื่อความมั่นใจว่าปลอดสาร BPA (Bisphenol A) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง พบในการผลิตพลาสติกบางชนิด  
  • ควรมีรูปทรงและขนาดที่ลูกจับถนัดมือ ง่ายต่อการเทนม ดูปริมาณนม และทำความสะอาดได้หมดจด มีทั้งทรงมาตรฐานที่คุ้นเคย แบบคอโค้ง ให้จับถนัดมือ แบบปากดูดกว้างและตัวกระบอกสั้น เลียนแบบเต้านมแม่ แบบมีช่องระบายอากาศ ป้องกันอาการโคลิคและการเกิดแก๊สในท้อง      

 

รีวิวขวดนม 10 แบรนด์คุณภาพดี

  1. Pigeon รุ่น SofTouch Parristalic Plus เป็นขวดนมสีชานิดๆ ทรงคอกว้างช่วยให้ทำความสะอาดง่ายและจับถนัดมือ ผลิตจากพลาสติก PPSU ที่สามารถทนความร้อนได้สูงสุด 180 องศาเซลเซียส ยังมีระบบ Air Ventilation System (AVS) ช่วยควบคุมและปรับความดันอากาศในขวดเพื่อลดอาการท้องอืด ป้องกันอาการโคลิค ส่วนจุกนมผลิตจากซิลิโคนที่ออกแบบมาให้เหมือนเต้านมคุณแม่ ช่วยให้ลูกน้อยดูดนมอย่างเป็นสุข

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.pigeonlittlemomentsclub.com/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.pigeonlittlemomentsclub.com/
  1. Medela รุ่น Calma with Breastmilk Bottle ผลิตภัณฑ์ขวดนมและจุกนมคุณภาพจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขวดนมผลิตจากพลาสติกโพลิโพรพิลีน คุณภาพสูง ปลอดภัยจากสารเคมี มีความทนทานต่อแรงกระแทก และทนต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี จุกนมออกแบบพิเศษเลียนแบบหัวนมแม่ตามธรรมชาติมากที่สุด ช่วยให้ลูกน้อยเปลี่ยนการดูดนมจากเต้าเป็นดูดขวดได้ง่ายยิ่งขึ้น ป้องกันการสำลักน้ำนมด้วยระบบจุกนมที่ช่วยให้น้ำนมไหลออกเฉพาะตอนที่ออกแรงดูดเท่านั้น สามารถใช้ร่วมกับหัวปั๊มนม เครื่องปั๊มนม และปิดจุกขวดนมเก็บน้ำนมไว้ให้ปลอดภัย และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.medela.com/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.medela.com/
  1. Philips Avent รุ่นต้านอาการโคลิค มาพร้อมอุปกรณ์เสริม Airfree Vent ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้จุกนมเต็มไปด้วยน้ำนม ช่วยให้ลูกกลืนอากาศขณะดูดนมให้น้อยที่สุด ลดการเกิดอาการโคลิค ลดแก็สในกระเพาะอาหาร รวมทั้งน้ำนมไหลย้อน ซึ่งอุปกรณ์นี้สามารถถอดล้างง่าย และแยกจากจุกนมได้เมื่อไม่ต้องการใช้ ขวดนมผลิตจากพลาสติกคุณภาพดี ปราศจากสาร BPA ทนความร้อนได้ดี คอขวดกว้างช่วยให้ทำความสะอาดง่าย ขนาดพอเหมาะ ลูกน้อยจับถนัดมือ   

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.philips.co.th/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.philips.co.th/
  1. MAM รุ่น Anti-Colic เป็นขวดนมที่ออกแบบมา เพื่อป้องกันอากาศและควบคุมความสม่ำเสมอในการไหลของน้ำนม ฐานและวาล์วป้องกันโคลิคอยู่ใต้ขวด ซึ่งต่างจากขวดป้องกันโคลิคยี่ห้ออื่นที่มีรูระบายอากาศอยู่ที่จุกนม ฝาขวดป้องกันการรั่วซึม คอขวดกว้างสะดวกในการเติม และทำความสะอาดง่าย จุกนม MAM-Silk Treat สิทธิบัตรของ MAM ทำให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากนมแม่ ทำจากซิลิโคนเนื้อนุ่ม ปลอดสารก่อมะเร็ง BPA แถมยังดีไซน์น่ารัก เห็นแล้วต้องถูกใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/MamBabyThailand/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/MamBabyThailand/
  1. Tommee Tippee รูปทรงขวดดีไซน์มาให้ลูกน้อยจับสะดวก ถนัดมือ ขวดใส น่าใช้ ผลิตจากพลาสติก PP ปราศจากสารเคมี และยังสามารถทนความร้อนได้มากถึง 110-120 องศาเซลเซียส จึงทำความสะอาดได้ง่าย สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยการต้มหรือใช้ที่นึ่งขวดนมได้ ตัวจุกนมมีวาล์วช่วยปรับสมดุลแรงดันอากาศภายในให้คงที่ เพื่อลดอาหารจุกเสียดแน่นท้องและอาการโคลิค มีฐานกว้างคล้ายเต้านมแม่ ช่วยให้ลูกดูดได้อย่างอุ่นใจ เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดขึ้นไป   

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/TommeeTippeeTH/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/TommeeTippeeTH/
  1. Dr.Betta รุ่น WS2-240ml (Wide Neck) ดีไซน์แตกต่างด้วยขวดนมคอขวดโค้งเพื่อให้เหมาะกับการให้นมลูกโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้ลูกสามารถดื่มนมได้ดีที่สุด จุกนมแบบพิเศษ ช่วยให้น้ำนมจะไหลตามแรงดูดของลูกน้อย ป้องกันการเกิดลมในท้อง และไม่มีน้ำนมรั่วไหลออกมาจากฐาน มีความนิ่มและมีรอยหยักคล้ายหัวนมของแม่ มาพร้อมขวดนมสีชา ผลิตจากพลาสติก PPSU ปราศจากสาร BPA ที่ทนทาน ตกไม่แตก และสามารถทนความร้อนได้สูงสุดถึง 180 องศาเซลเซียส  

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/Dr.bettaThailand/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/Dr.bettaThailand/
  1. Natur รุ่น Biomimic เป็นรุ่นที่เรียกว่า “ไม่ดูด ไม่ไหล” เพราะจุกนมรุ่น Biomimic ที่สามารถควบคุมการไหลของน้ำนมได้ ช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยของคุณจะสำลักน้ำนม หรือเกิดอาการท้องอืดได้ จุกนมทำจากวัสดุซิลิโคน ที่ออกแบบมาให้มีความหนานุ่มใกล้เคียงกับนมมารดามากที่สุด มาพร้อมขวดทรงกลม ผลิตจากพลาสติกคุณภาพดี ปราศจากสาร BPA ทำความสะอาดง่าย จัถนัดมือ และยังสามารถทนความร้อนจากการนึ่งได้มากถึง 100 องศา 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/NaturCorporation/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/NaturCorporation/
  1. NUK รุ่น First Choice+ ขวดนมคุณภาพการผลิตจากเยอรมนี มาพร้อมลายดิสนีย์น่ารัก โดนใจคนซื้อ มาพร้อมจุกนมผลิตจากซิลิโคน ยืดหยุ่นคล้ายนมนม รูปทรงขวดจับถนัดมือ ป้องกันการกลิ้งไหล ผลิตจากพลาสติก Polypropylene คุณภาพสูง ทนความร้อนได้ดี และปราศจากสาร BPA ที่เป็นอันตราย ภายในระบบหมุนเวียนอากาศ ซึ่งช่วยป้องกันอาการโคลิค การสำลัก และอาการจุกเสียดของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี และยังทนทานต่อแรงกระแทก ตกไม่แตกด้วย 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/NUK.TH/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/NUK.TH/
  1. Comotomo ขวดนมนวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกา พิเศษด้วยวัสดุขวดนมทำจากซิลิโคนเกรดการแพทย์ใช้ได้นานกว่าขวดนมพลาสติกถึง 3 เท่า ปลอดสารอันตราย ปลอดสารพิษ BPA ให้สัมผัสนุ่มนิ่ม รูปทรงโค้งมน จับถนัดมือไม่ลื่น และยังให้ลูกน้อยรู้สึกเสมือนเต้านมแม่มากที่สุด ซึ่งช่วยให้เจ้าตัวเล็กดูดนมสลับกับเต้าของคุณแม่ได้อย่างง่ายดาย มีอัตราการปฏิเสธขวดนมน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถทนความร้อนสูงสุดถึง 180 C เก็บความร้อนได้นานกว่าขวดนมพลาสติกถึง 5 เท่า และมีอัตราการเจริญเติบโตของแบคทีเรียน้อยกว่าขวดนมทั่วไปถึง 100% เลยทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.everwealththailand.com/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.everwealththailand.com/
  1. Youji รุ่น Anti Colic Shape Tritan แบรนด์จากญี่ปุ่นที่ดีไซน์รูปทรงเหลี่ยมมุมโค้ง ไม่กลิ้งไหล กระชับ จับง่าย ซึ่งรูปทรงเฉพาะนี้ออกแบบพิเศษเพื่อให้น้ำนมไหลต่อเนื่อง มาพร้อมวาล์วอัจฉริยะ ช่วยปรับสมดุลแรงดันอากาศภายในให้คงที่ ป้องกันอาการโคลิค และจุกเสียดแน่นท้องของลูก ขวดนมผลิตจากวัสดุ Tritan คุณภาพสูง เนื้อขวดใส ทนความร้อนได้สูง 109 C ปลอดสารพิษ BPA และยังบรรจุน้ำนมได้เยอะด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://richiebabygifts.com/

รีวิวขวดนม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://richiebabygifts.com/

 

ได้อ่าน รีวิวขวดนม กันแล้ว มีแบรนด์ไหนน่าสนใจ โดนใจ คุณแม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ เพื่อจะได้ใช้ตัดสินใจก่อนเลือกซื้อขวดนมให้ลูกสุดที่รักของเรา คุณแม่ชอบแบรนด์ หรือเคยใช้แบรนด์ไหนแล้วประทับใจ อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ

✨ซึ่ง ขวดนม ในท้องตลาด เรียกได้ว่ามีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกช้อปมาก แต่หากคุณแม่ยังไม่รู้ว่าจะไปเลือกซื้อ มองหาแหล่งขวดนมของลูกน้อยที่มีมากมายนี้ได้จากที่ไหน ทีมแม่ ABK ขอแนะนำงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22 ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ ขวดนม-จุกนม แบรนด์ชั้นนำหลากหลายยี่ห้อ มารวมอยู่ที่นี่แล้ว

✨รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็กอื่นๆ อีกมากมาย พากันไปช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65
⏰ เวลา 10.00 – 20.00 น. 📌 Hall 98-99  ไบเทค บางนา
❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้.. มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
✨ ลงทะเบียนเข้างาน! รับฟรี 2 ต่อ 👉🏻 https://cooll.ink/abk22
💕 ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม Amarin Baby & Kids Fair พร้อมผลิตภัณฑ์แม่-ลูก
💕 ต่อที่ 2 : ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลเพื่อแม่ลูก จากกล่องสุ่มของใช้แม่ลูกและผลิตภัณฑ์จากอิเกีย มูลค่ารวมกว่า 300,000 บ.
.
สำหรับแม่ๆ ที่ช้อปผ่าน Lazada รับเพิ่มฟรี!
👉 จ่ายผ่านลาซาด้ารับคูปองลดเพิ่มสูงสุด 2,000.- (เฉพาะในงานนี้เท่านั้น)
👉 ของขวัญมากมายจากลาซาด้าและแบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปภายในงาน (พบกันที่บูธ S16)
👉 คูปองสมาชิก LazMom Club ไว้ช้อปทุกเดือน
*เฉพาะแบรนด์และร้านค้าที่ร่วมงาน กว่า 100 ร้านค้า
.
💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🧸
💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!! 🛍
📌 ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
🌱 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว 💕 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
#ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

ขอบคุณข้อมูลจาก

ihealzy

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

น้ำยาล้างขวดนม แบบไหนดีที่สุดกับลูกน้อย คุณแม่รู้ก่อน วิธีนี้ได้ของดีชัวร์

3 หัวใจสำคัญที่แม่มือใหม่ต้องรู้ ก่อนเลือกซื้อ “น้ำยาล้างขวดนม” มาใช้

เผย 5 เคล็ดลับ ล้างขวดนม อย่างไรให้สะอาดใสวิ๊ง ไม่ทิ้งกลิ่นและคราบ

ทิชชู่เปียก

ทิชชู่เปียก 10 แบรนด์ยอดนิยม นุ่มละมุน อ่อนโยน เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้แล้วเลิฟเลย

Alternative Textaccount_circle
event
ทิชชู่เปียก
ทิชชู่เปียก

ทิชชู่เปียก 10 แบรนด์ยอดนิยม นุ่มละมุน อ่อนโยน เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้แล้วเลิฟเลย

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ความสะอาดของลูกถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลย ยิ่งเวลาทำกิจกรรมนอกบ้าน คุณพ่อคุณแม่คงอดไม่ได้ที่จะ “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนจ้ะลูก” โดยเฉพาะเวลาที่เด็กๆ หยิบจับอะไรแล้วจะมาจับหน้าหรือเอาเข้าปาก โมเม้นต์นี้ ไอเท็มจำเป็นสุดๆจะต้องเข้าแล้ว นั่นคือ ทิชชู่เปียก นั่นเอง

แล้วทิชชู่เปียกก็ไม่เพียงจะเหมาะกับเด็กๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ต้องคอยทำความสะอาด ปกป้องเชื้อโรคจากสภาพแวดล้อมเช่นกัน เรามาดูกันว่าทิชชู่เปียก 10 แบรนด์นี้ ตัวไหนใครใช้อยู่ หรือกำลังมองหาทิชชู่เปียกดีๆ ให้ทั้งตัวเองและลูกน้อย ลองเก็บไว้เป็นข้อมูลกันได้เลย

 

ทิชชู่เปียก ก็คือผลิตภัณฑ์ที่มาทดแทนการทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำอย่างที่เราคุ้นเคย กรณีที่อาจจะหาจุดชำระล้างใกล้เคียงไม่ได้ หรือบางทีก็สะดวกและง่ายดายกว่าการใช้น้ำล้างด้วยซ้ำ จึงกลายเป็นไอเท็มประจำกระเป๋าของหลายคน ทิชชู่เปียกนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ผ้าชนิดพิเศษ หรืออาจเป็นเส้นใยธรรมชาติต่างๆ จึงมีความบางเบา นุ่ม และยืดหยุ่น น้ำบริสุทธิ์หรือน้ำแร่ นอกจากนี้ยังเสริมด้วยแอลกอฮอล์ วิตามิน น้ำหอม ฯลฯ ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และการใช้งาน

ทิชชู่เปียก

เลือกทิชชู่เปียกแบบไหนดี 

  • เลือกแบรนด์ที่มี อย. รับรอง มีความน่าเชื่อถือทั้งจากรีวิว หรือเคยใช้เอง
  • อย่าลืมเช็คดูวันหมดอายุ
  • บรรจุภัณฑ์ เปิดปิดง่าย ใช้สะดวก ฝาปิดแน่นสนิทเมื่อแกะใช้แล้ว จะได้ไม่เกิดการปนเปื้อน
  • พิจารณาส่วนผสมต่างๆ ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ เช่น นำไปใช้กับผิวบอบบาง ก็ไม่ควรมีสารระคายเคือง อย่างแอลกอฮอล์ และน้ำหอม หากนำไปใช้ทำความสะอาดก็ควรมีแอลกอฮอล์ หรือสารฆ่าเชื้อโรค
  • หากนำมาใช้กับเด็กๆ หรือผิวส่วนบอบบางของเรา ต้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว 

 

  1. Pigeon Baby Wipes เป็นแบรนด์ที่คุณพ่อคุณแม่คงรู้จักกันดี เหมาะสำหรับใช้เช็ดทำความสะอาดเด็กเล็กๆ ผิวสัมผัสมีความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น บวกกับมีค่า pH ที่ 5.0 ซึ่งใกล้เคียงกับสภาพผิวของคน จึงสามารถใช้ได้แม้แต่กับผิวทารกแรกเกิด รวมทั้งมีส่วนผสมของน้ำบริสุทธิ์ สารสกัดจากคาร์โมมายล์ ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอม เช็ดแล้วสะอาดสดชื่น และไม่ต้องกังวลเรื่องระคายเคืองด้วย เพราะผ่านการทดสอบทั้ง Dermatologically tested และ Microbiologically tested จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว  

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.pigeon.co.th/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.pigeon.co.th/th/baby-wipes.php
  1. Tiny Nose Saline Wipes ความโดดเด่นจากแบรนด์อื่นอยู่ที่ Tiny Nose เลือกใช้ น้ำเกลือธรรมชาติ เป็นส่วนผสมหลัก จึงสามารถใช้เช็ดจมูก ใบหน้า และร่างกาย โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ช่วยทำให้การเช็ดขี้มูกที่แห้งกรังเป็นเรื่องง่าย และไม่ทำให้จมูกลูกน้อยเจ็บหรือแดง
    เนื้อผ้านุ่มพิเศษ 100% Chlorine Free Cloth ไม่ทำร้ายผิวที่บอบบาง มี pH Balanced สมดุลไม่ทำให้แสบผิว พร้อมปกป้องความชุ่มชื่นด้วยสารสกัดจากอโวคาโด ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางแม้แต่ผิวของทารก และด้วยคุณสมบัติของนํ้าเกลือ ทำให้สามารถลดการสะสมของแบคทีเรียได้ถึง 99.9% เหมาะสำหรัเช็ดทำความสะอาดทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ข้อมูลเพิ่มเติม http://tinynosebaby.com/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก http://tinynosebaby.com/products
  1. Natural Organic Baby Wipes เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฯลฯ แผ่นเช็ดมีส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 99.9% โดยเฉพาะน้ำบริสุทธิ์ จึงมั่นใจได้ว่าปราศจากสารเคมี และน้ำหอม ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะมากกับเด็กตั้งแต่วัยทารก และสภาพผิวบอบบาง ใช้เช็ดทำความสะอาดทั้งบนผิวหน้า มือปาก ไปจนถึงเครื่องใช้ต่างๆได้อย่างมั่นใจ แถมแพ็คเกจมาพร้อมฝาเปิดปิดแบบ Smart Cap จึงหยิบใช้ง่าย ช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นได้ดีด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.naturalorganic.com.sg

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.naturalorganic.com.sg/baby-wipes.php
  1. Kindee Organic Bamboo Baby Wipes ทิชชู่เปียกแบรนด์นี้ผลิตจากเยื่อไผ่ธรรมชาติ จึงมีทั้งความอ่อนโยน และยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติด้วย ผิวของผ้ามีความนุ่ม การันตีด้วย Certificate OKEO-TEX Wipe จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าอ่อนโยนต่อผิวเด็ก และยังให้ความชุ่มชื่นกับผิวด้วย Organic Aloe Vera มาพร้อมสูตร Hand & Mouth สามารถใช้ทำความสะอาดมือและปากได้อย่างอ่อนโยนและปลอดภัย นอกจากนี้ยังปราศจากทั้งแอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม สาร Phenoxyethanol ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ Hypo-allergenic Tested ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ เหมาะมากสำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวบอบบางของเด็กตั้งแต่ทารกแรกเกิด  

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kindeekids.com/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.kindeekids.com/
  1. Dettol Antibacterial Wet Wipes มาถึงแบรนด์คู่ใจคนรักความสะอาด ยิ่งในยุคนี้ที่ต้องระวังเรื่องเชื้อโรคเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติลดการสะสมของแบคทีเรีย 99.9% เนื้อผ้ามีความนุ่ม ละเอียด กลิ่นหอมสะอาด ช่วยให้รู้สึกสดชื่นหลังใช้ ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ จึงสามารถนำมาเช็ดทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ระคายเคือง หรือเกิดการแพ้ แต่ก็ไม่ใช่แบบเดียวกับ Baby Wipes จึงไม่เหมาะกับเด็กแรกเกิด หรือเช็ดในจุดที่บอบบาง เช่น ปาก หรือดวงตา รวมทั้งมีกลิ่นหอม จึงไม่เหมาะกับคนที่แพ้น้ำหอม

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.dettolthailand.com/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก ttps://www.dettolthailand.com/
  1. Mamypoko Baby Wipes จัดเป็นทิชชู่เปียกแบรนด์คู่ใจคุณพ่อคุณแม่หลายคน มีหลายสูตรให้เลือก รวมทั้ง Anti Bacteria ที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ตัวแผ่นผ้ามีความนุ่ม ชุ่มชื่น เช็ดทำความสะอาดได้หมดจด อ่อนโยน มีส่วนผสมของน้ำบริสุทธิ์ถึง 99% ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สี โลชั่น และน้ำหอม ที่อาจจะทำให้ระคายเคืองต่อผิวลูกน้อย รวมทั้งยังผ่านการทดสอบความระคายเคืองจากสถาบัน Dermscan Asia และผ่านการทดสอบการลดการสะสมของแบคทีเรีย โดยวิธี ISO 22196 เพิ่มความมั่นใจ จึงสามารถใช้ทำความสะอาดได้บ่อยตามต้องการ 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.mamypoko-club.com/wet-wipes.html

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.mamypoko-club.com/wet-wipes.html
  1. Elleair Hygiene Care Wipes เอลิแอลเป็นแบรนด์ทิชชู่เปียกเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น มีทั้งสูตรที่เหมาะกับผิวบอบบาง อย่าง Elleair Moist Wipes Pure Water ซึ่งมีส่วนผสมน้ำบริสุทธิ์ถึง 99% ไม่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคือง ส่วนคนที่ต้องการทำความสะอาดอย่างมั่นใจ ก็มีสูตรแอลกอฮอล์ แอนตี้แบคทีเรีย ที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมาะกับการใช้เช็ดทำความสะอาดมือ และยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง แต่ก็ไม่ใช่แบบเดียวกับ Baby Wipes จึงไม่เหมาะกับเด็กแรกเกิด ถึง 3 ขวบ หรือเช็ดในจุดที่บอบบาง เช่น ปาก หรือดวงตา

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.elleair.co.th/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.elleair.co.th/
  1. Jabs Baby Wipes แบรนด์ที่คุณแม่คุ้นเคยกับสูตรเช็ดเครื่องสำอาง แต่ถ้าสำหรับลูกน้อย แนะนำเป็นสูตรอ่อนโยน ที่ผลิตมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ เนื้อผ้านุ่ม มีความยืดหยุ่น เช็ดแล้วไม่ระคายเคืองผิวบอบบาง ไม่เหนอะหนะ บำรุงผิวด้วยวิตามินอี ดอกคาโมมาย และอโรเวล่า มีส่วนประกอบของน้ำบริสุทธิ์ถึง 99% ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และยังการตรวจสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้ว จึงเหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายด้วย จะใช้ทำความสะอาดผิวลูก ของใช้ลูก หรือคุณแม่จะยืมมาใช้ก็ได้เช่นกัน ห่อใหญ่มีฝาเปิดปิดแบบ Smart Cap ช่วยให้ใช้ง่าย ป้องกันการปนเปื้อน

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/jabsbeauty/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/jabsbeauty/
  1. Kleenex Antibacterial Moist Wipes แบรนด์ที่คุณพ่อคุณแม่ไว้วางใจในเรื่องทำความสะอาดอยู่แล้วอย่างเช่นกระดาษทิชชู่ ส่วนทิชชู่เปียกก็มาในขนาดกระทัดรัด พกพาสะดวก มีหลายสูตร อย่างสูตรแอนตี้แบคทีเรีย นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านแบคทีเรียได้ดีถึง 99% แล้ว ยังช่วยบำรุงผิวด้วยสารสกัดจากเชียบัตเตอร์ อโลเวรา และวิตามินอี ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื่นของผิวได้ดี ปราศจากแอลกอฮอล์ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองด้วย ผ้ามีผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว จึงใช้เช็ดทำความสะอาดได้ทั้งผิวเด็กและผิวผู้ใหญ่  

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/KleenexTH/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://web.facebook.com/KleenexTH/
  1. Johnson’s Baby Wipes แบรนด์ทิชชู่เปียกที่หลายคนพกติดกระเป๋า มาพร้อมสูตรอ่อนละมุน ไม่มีน้ำหอม และสารระคายเคืองต่างๆ พร้อมลิขสิทธิ์เฉพาะ โนมอเทียร์ ที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์มาตรฐานสากล แล้วว่าบริสุทธิ์และปลอดภัย สามารถเช็ดได้แม้บริเวณรอบดวงตา และใบหน้าของทารกแรกเกิด จึงช่วยทำความสะอาดผิวหน้าและมือของลูกน้อยได้อย่างหมดจดและอ่อนโยน เนื้อผ้าก็นุ่มเป็นพิเศษ ไม่รู้สึกเหนอะหนะหลังเช็ด จึงใช้เช็ดได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของลูกน้อย รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ใช้ได้ด้วย     

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.johnsonsbaby.co.th/

ทิชชู่เปียก
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.johnsonsbaby.co.th/

ขอบคุณข้อมูลจาก

ZA, บ้านและสวน, Khong-dee

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รีวิวจัดหนัก 16 แบรนด์ ทิชชู่เปียก เลือกยี่ห้อไหน คุ้มค่า ปลอดภัยกับลูกน้อย

เคล็ดลับการเลือก “เบบี้ไวพ์ (ทิชชู่เปียก)” ใช้แบบไหนห่างไกลแบคทีเรีย ลูกผิวไม่แพ้

ไอเท็มขจัดสิ่งสกปรกที่แม่ๆ ต้องมี!! แชร์ 5 วิธีเลือกใช้ “ทิชชู่เปียก” ให้อ่อนโยนต่อลูกน้อย

ปรอทวัดไข้

รีวิวปรอทวัดไข้ 10 แบบ เลือกซื้อและใช้แบบไหนถึงจะดีและคุ้มค่า

Alternative Textaccount_circle
event
ปรอทวัดไข้
ปรอทวัดไข้

รีวิวปรอทวัดไข้ อุปกรณ์สำคัญที่ควรมีไว้คู่บ้าน เลือกซื้อและใช้แบบไหนถึงจะดีและคุ้มค่า

ปรอทวัดไข้ หรือ เทอร์โมมิเตอร์ เป็นเครื่องมือทางการแพทย์อย่างหนึ่งที่ควรมีติดบ้านไว้ควบคู่กับอุปกรณ์ทางการแพทย์พื้นฐานอื่น ๆ เช่น ชุดสำลีและพลาสเตอร์สำหรับทำแผล ชุดยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้ ในท้องตลาดก็มีทั้งปรอทวัดไข้แบบแก้ว และปรอทวัดไข้ดิจิทัลที่ไม่ใช้สารปรอทอีกต่อไป ช่วยลดอันตรายจากสารปรอทในการใช้งานได้ด้วย วันนี้ทีมแม่ ABK ขอ รีวิวปรอทวัดไข้ 10 แบรนด์คุณภาพให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ตัดสินใจก่อนเลือกซื้อกัน

 

ปรอทวัดไข้คืออะไร

ก่อนอื่น ที่เราเรียกกันว่าปรอทวัดไข้นั้น แท้จริงสารปรอทเป็นสารที่มีคุณสมบัติไวก่อนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และมีสถานะเป็นของเหลวในอุณหภูมิปกติ มนุษย์เราจึงนำสารปรอทใส่ในภาชนะแก้ว มาใช้ในการวัดอุณหภูมิของร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสารปรอทเองนั้นมีพิษต่อร่างกาย ไม่ควรสัมผัส ดื่ม กิน กลืน สูดดม เป็นอันขาด   เมื่อเราทราบกันแล้วว่าว่าปรอทมีอันตรายอย่างไรแล้ว ในยุคที่เรามีปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลแล้ว ทำไมเรายังคงใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้วกันอยู่อีก เราจะมาดูข้อดีข้อเสียกันค่ะ

 

ประเภทของปรอทวัดไข้

  • ข้อดีของปรอทวัดไข้แบบแก้ว คือ มีราคาถูกกว่าแบบดิจิทัล และสามารถใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า แต่มีข้อเสียอย่างมากที่ใช้เวลานานในการอ่านอุณหภูมิ และจำเป็นต้องสะบัดเก่าใช้งานเพื่อปรอทที่ตกค้างในหลอดแก้วไหลลงไปอยู่ที่กระเปาะ และยังมีอันตรายจากสารปรอทหากปรอทวัดไข้แตก เพราะจำเป็นต้องใช้แก้วเป็นวัสดุทำภาชนะ
  • ข้อดีของปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล คือ ใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว อ่านค่าได้แม่นยำเนื่องจากใช้ระบบเซ็นเซอร์สมัยใหม่ วัสดุมักผลิตจากยาง พลาสติก จึงมีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และไม่มีสารปรอทอีกด้วย แต่มีข้อเสียคือต้องแลกกับราคาที่แพงกว่าปรอทวัดไข้แบบแก้วมาก และจำเป็นต้องตรวจเช็คแบตเตอรี่หรือแหล่งพลังงานไฟฟ้า หากทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

 

วิธีการใช้ปรอทวัดไข้

โดยทั่วไปนั้นมีวิธีวัดอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ที่เป็นนิยมนั้นมีดังนี้

  1. วัดอุณหภูมิทางปาก เป็นการวัดอุณหภูมิจากใต้ลิ้นภายในช่องปาก
  2. วัดอุณหภูมิทางรักแร้ เป็นการวัดอุณหภูมิโดยหนีบไว้ที่รักแร้ ค่าอุณหภูมิปกติที่วัดได้จะต่ำกว่าจากการวัดทางปาก
  3. วัดอุณหภูมิทางทวารหนัก เป็นการวัดอุณหภูมิโดยสอดไว้ที่ทวารหนัก ค่าอุณหภูมิปกติที่วัดได้จะสูงกว่าจากการวัดทางปาก

ซึ่งการวัดด้วยวิธีต่าง ๆ ข้างต้นจะเลือกตามความสะดวกหรือตามสถานการณ์ เช่นหากต้องการวัดอุณหภูมิเด็กเล็กหรือทารกจะนิยมวัดทางรักแร้หรือทางทวารหนัก และนิยมใช้ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลเนื่องจากสามารถวัดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเด็กเล็กไม่ค่อยอยู่นิ่ง หรือผู้ป่วยที่หมดสติก็นิยมวัดไข้ทางรักแร้ เพราะผู้ป่วยไม่มีสติพอที่จะอมปรอทวัดไข้ได้ และที่สำคัญ ไม่ควรใช้ปรอทวัดไข้เครื่องเดียวกัน ในการวัดอุณหภูมิร่วมกันทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก เนื่องด้วยเหตุผลทางความสะอาด

 

วิธีเลือกซื้อปรอทวัดไข้

การเลือกซื้อปรอทวัดไข้หรือเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้นั้น ควรเลือกตามความเหมาะสม การใช้งานและช่วงวัยของผู้ใช้งานซึ่งทางเราได้รวบรวมมาจากหลาย ๆ แบรนด์มาเป็นตัวเลือกสำหรับตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งจะเน้นไปที่ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลเป็นหลัก เนื่องจากสะดวกและใช้งานได้ครอบคลุมทุกวัย ปลอดภัย และยังเป็นที่นิยมในยุคนี้มาก ซึ่งปรอทวัดไข้แบบแก้วสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาและร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วไปได้ง่าย

  1. Longmed

เริ่มต้นกันที่ ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลรุ่น Digitemp ใช้งานได้ง่าย รูปทรงคลาสสิก หน้าจอ LCD แสดงผลเป็นตัวเลขดิจิทัลชัดเจน พกพาสะดวก มีเสียงเตือนเมื่อวัดอุณหภูมิเสร็จ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://longmedgroup.com/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://longmedgroup.com/
  1. Beurer

มาต่อกันที่ ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลรุ่น FT15/1 ใช้งานง่าย ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ โดดเด่นที่ใช้เวลาวัดผลเร็วเพียง 10 วินาที ส่งเสียงเมื่อวัดเสร็จ และปิดเครื่องเองอัตโนมัติ ผลิตภัณฑ์มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.beurer.com/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.beurer.com/

 

  1. Sekure

ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น DT-K111D ใช้งานง่าย หน้าจอขนาดใหญ่ ปลายหัววัดยืดหยุ่นโค้งงอได้ สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก ใช้เวลาวัดผล 8 วินาที

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sekure.in.th/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sekure.in.th/

 

  1. Terumo

อันดับ 4 ที่อยากแนะนำคือ ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น C205 ปรอทวัดไข้มาตรฐานที่ใช้ในสถานพยาบาลทั่วไป ความแม่นยำสูง กันน้ำ เหมาะกับการวัดอุณหภูมิทางรักแร้ ใช้เวลาวัดเพียง 30 วินาที มีแบตเตอรีในตัวในสามารถเปลี่ยนได้ ใช้ได้ได้ประมาณ 10,000 ครั้ง มีการรับประกัน 6 เดือน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siammedicalcare.com/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siammedicalcare.com/

            5. Microlife

ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น MT1611 ความแม่นยำสูง วัดได้ภายใน 60 วินาที มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถบันทึกค่าวัดล่าสุดได้ 1 ค่า สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก วัสดุผลิต ผ่านมาตรฐาน ISO 10993 กันน้ำและปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.microlife-thailand.com/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.microlife-thailand.com/

 

  1. SOS PLUS

มาดูอันดับที่ 6 ที่เรานำมาฝากกันบ้าง กับปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น BT-A21CN ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ วัดได้ใน 25 วินาที มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถบันทึกค่าวัดล่าสุดได้ 1 ค่า สามารถใช้วัดได้ทั้งรักแร้ และทวารหนัก กันน้ำและปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน แบตเตอรีสามารถเปลี่ยนได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jd.co.th/product/9055525.html

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.jd.co.th/product/9055525.html

 

  1. Fin Babieplus

ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น USE-DT111 ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ วัดได้ใน 16 วินาที มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไฟหน้าจอ LCD black light มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่มืด

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jd.co.th/product/fin-babiesplus-use-dt111_11858129.html

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.jd.co.th/product/fin-babiesplus-use-dt111_11858129.html

 

  1. Omron

สำหรับแบรนด์นี้ เป็นอีกแบรนด์ที่หลายคนคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี สำหรับปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น MC-246 ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก ใช้เวลา 80 วินาทีเมื่อวัดทางปาก 120 วินาทีเมื่อวัดที่รักแร้ 60 วินาทีเมื่อวัดทางทวารหนัก กันน้ำ ทำความสะอาดได้ง่าย เปลี่ยนแบตเตอรีได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jd.co.th/product/56258981.html

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.jd.co.th/product/56258981.html

 

  1. Glowy star

ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น ET-101 ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก ใช้เวลาวัดเพียง 5 วินาที และสามารถนำไปใช้วัดอุณหภูมิน้ำได้ มีลูกศรและแถบสีเพื่อแปลค่าอุณหภูมิได้ มีเสียงเตือนเมื่ออุณหภูมิมากกว่า 37.8 องศาเซลเซียส รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://glowystar.com/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุรข้อมูลจาก https://glowystar.com/
  1. Health Impact

แบรนด์สุดท้ายที่อยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จัก คือ ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล รุ่น DMT-4333 ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ปลายหัววัดยืดหยุ่น โค้งงอได้ วัดได้ใน 10 วินาที มีเสียงแจ้งเมื่อวัดเสร็จสิ้น สามารถใช้วัดได้ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.healthwarehouse.co.th/

รีวิวปรอทวัดไข้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.healthwarehouse.co.th/

นอกจากนี้ยังมีปรอทวัดไข้อีกประเภทหนึ่งที่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปในยุคโควิดในปัจจุบันนี้ คือปรอทวัดไข้แบบใช้อินฟาเรด หรือแบบยิงนั่นเอง ซึ่งใช้วิธีวัดอุณหภูมิโดยใช้การวัดรังสีอินฟาเรดที่ร่างกายปล่อยออกมา ซึ่งนอกจากค่อนข้างแม่นยำแล้ว ก็ยังสะดวกในการใช้งาน เพียงใช้เครื่องวัดแบบอินฟาเรดยิงไปที่หน้าผากหรือผ่ามือของผู้ถูกวัดอุณหภูมิ เพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถวัดอุณหภูมิได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่มีข้อเสียที่อุปกรณ์มีราคาแพง และการวัดอาจคลาดเคลื่อนได้ เพราะผลการวัดอาจเปลี่ยนแปลงจากอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมหรืออากาศรอบข้างด้วย

อ่าน รีวิวปรอทวัดไข้ 10 แบรนด์ยอดนิยมกันไปแล้ว ในการวัดอุณหภูมิ คุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อปรอทวัดไข้แบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ทั้งการใช้งาน ช่วงวัยของผู้ที่ใช้ หรือคุณสมบัติต่าง ๆ ที่คุณต้องการ รวมไปถึงตั้งคำนึงถึงการทำความสะอาด บำรุงรักษา และที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ควรศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้อง ก่อนจะใช้งาน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และผลการวัดอุณหภูมิที่แม่นยำถูกต้องอีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

conventure, allwellhealthcare, thaichildcare

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รีวิว ปรอทวัดไข้ อุณหภูมิเท่าไหร่? แปลว่า “ลูกมีไข้” กันแน่!

วิธีใช้ปรอทวัดไข้ วัดแบบไหนให้รู้จริงลดเสี่ยงชัก

ปรอทวัดไข้มีกี่แบบ ? เลือกแบบไหนวัดไข้ลูกแม่นยำที่สุด!

น้ำยาล้างขวดนม

10 น้ำยาล้างขวดนม ยี่ห้อไหนดี? สะอาด ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง

Alternative Textaccount_circle
event
น้ำยาล้างขวดนม
น้ำยาล้างขวดนม

น้ำยาล้างขวดนม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจเป็นพิเศษในการเลือกซื้อ  เพราะ นม คืออาหารหลักสำกรับลูกน้อยในช่วงขวบปีแรก เราจึงต้องเลือกซื้อน้ำยาล้างขวดนมยี่ห้อที่ช่วยทำความสะอาดขวดนมและจุกนมได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่มีสารตกค้างที่จะทำอันตรายต่อลูกน้อยได้ เพราะหากน้ำยาล้างขวดนมไม่ดี เชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ที่ขวดนม อาจทำให้ลูกน้อยเกิดอาการเจ็บป่วยได้ วันนี้ทีมแม่ ABK จึงคัดน้ำยาล้างขวดนมที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เลือกใช้ และมั่นใจในคุณภาพได้ว่าปลอดภัยต่อลูกน้อยมาฝากกันค่ะ

10 น้ำยาล้างขวดนม ยี่ห้อไหนดี? สะอาด ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง

1.PIPPER STANDARD น้ำยาล้างขวดนม กลิ่นเจลเทิลเฟรช

PIPPER STANDARD น้ำยาล้างขวดนม กลิ่นเจลเทิลเฟรช
ขอบคุณรูปภาพจาก pipperstandard.com

ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมพิพเพอร์ สแตนดาร์ด ปราศจากสารเคมีอันตราย ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ตามมาตรฐาน U.S. FDA  No SLS/SLES (สารลดแรงตึงผิว) ไม่ใส่ สีย้อม หรือน้ำหอม ผลิตภัณฑ์ สามารถทำความสะอาดขวดนม จุกนม ได้สะอาดหมดจด ไม่ทิ้งคราบน้ำนม ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง สามารถล้างผัก และผลไม้ได้ด้วย ผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบการแพ้และการระคายเคือง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ กลิ่นเจนเทิล เฟรช จาก Natural Essential Oil ขนาด 500 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> pipperstandard.com

 

2.BABI MILD น้ำยาล้างขวดนม ผสมผสานคุณค่าเอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์

BABI MILD น้ำยาล้างขวดนม ผสมผสานคุณค่าเอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์
ขอบคุณรูปภาพจาก babimild.com

Amarin Baby & Kids ยกให้  “เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเซอร์” เป็น ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Baby Bottle And Nipple Cleanser จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 เป็นผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมที่ออกแบบพิเศษสำหรับทำความสะอาดขวดนม จุกนม ภาชนะสำหรับทารกโดยเฉพาะและของเล่น มีสารทำความสะอาดสังเคราะห์จากพืชธรรมชาติ 4 ชนิด ข้าวโพด มะพร้าว ผลปาล์ม และข้าวสาลี ที่สามารถขจัดคราบไขมันนม กลิ่นที่ตกค้างบนขวดและภาชนะได้อย่างสะอาดหมดจด อ่อนโยนจากธรรมชาติ X2 ผสมผสานคุณค่าเอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์ ( ได้รับตรารับรอง ECOCERT) และออร์แกนิคจากดอกฮันนี่ซัคเคิล (ได้รับตรารับรอง USDA) ผ่านการทดสอบการระคายเคือง (Dermatologically tested) : ไม่มีสี ไม่ใส่สารพาราเบน สามารถขจัดคราบไขมันนม กลิ่นที่ตกค้างบนขวดและภาชนะได้อย่างสะอาดหมดจด ได้รับเครื่องหมายฮาลาล เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิต หรือการจำหน่ายใดๆที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม ขนาด 650 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> babimild_officialshop

 

3.Lamoon Organic Nipple & Bottle Cleanser น้ำยาล้างขวดนม ออร์แกนิค

Lamoon Organic Nipple & Bottle Cleanser น้ำยาล้างขวดนม ออร์แกนิค

คุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้น้ำยาล้างขวดนม Lamoon Baby เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2020 Mommy’s Choice สาขา Best Baby Bottle Cleanser เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมออร์แกนิค ผลิตจากเอนไซม์ผลไม้ ช่วยขจัดคราบมันของน้ำนมที่ติดกับขวดนม จุกนม และอุปกรณ์อื่นๆ ให้สลายออกได้ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน เนื้อฟองนุ่มละเอียด แช่ทิ้งไว้จะช่วยให้ขจัดคราบได้ง่ายยิ่งขึ้น มาพร้อมกับความหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติบริสุทธิ์ มั่นใจในทุกครั้งที่ทำความสะอาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย ล้างคราบไขมันจากน้ำนมออกได้ง่าย แม้น้ำนมแม่ที่มีความมันมากกว่านมวัว น้ำยาอ่อนละมุน มีฟองน้อย จึงทำให้ล้างออกง่าย ให้ความรู้สึกสะดวกทุกครั้งที่ล้าง อ่อนโยนจากธรรมชาติ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างหรือสารที่จะก่อให้เกิดอันตราย และไม่ทิ้งคราบขาวหลังจากการนึ่งขวดนม ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ขนาด 500 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> lamoonbaby.com

 

4.D-NEE ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค 

D-NEE ดีนี่ นิวบอร์น ออร์แกนิค 

ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมสำหรับเด็ก สูตรอ่อนโยนที่ได้รับรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST BABY BOTTLE AND NIPPLE CLEANSER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเด็กคุณภาพดีและตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่ มีกลิ่นหอมอ่อนละมุน ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่ระคายเคือง หมดกังวลเรื่องสารตกค้าง ขจัดกลิ่นอับและกลิ่นน้ำนมจากขวดนมได้เป็นอย่างดี และไม่เป็นอันตราย ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรค เพื่อสุขอนามัยที่ดียิ่งขึ้น ช่วยขจัดคราบมันของน้ำนมที่ติดกับขวดนม จุกนม รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง (Dermatological Proven) ขนาด 620 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

5.KODOMO ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม

KODOMO ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม

ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมโคโดโม เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดขวดนม จุกนม ของเล่นเด็ก เเละของใช้สำหรับทารก คุณแม่ทั่วประเทศเลือกและได้โหวตให้ KODOMO เป็นแบรนด์น้ำยาล้างขวดนมอันดับหนึ่งใจดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สาขา Mommy’s Choice สามารถใช้ล้างผักเเละผลไม้ ช่วยสลายคราบสกปรกเเละไขมันที่เกิดจากนม เเละไม่ทิ้งกลิ่นติดภาชนะ ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่ ALKYL POLYGLYCOSIDE เป็นสารทำความสะอาดที่เกิดจากการรวมตัวของกลูโคสจากข้าวโพด มันฝรั่ง เเละข้าวสาลี FATTY ALCOHOL จากมะพร้าวเเละน้ำมันปาล์ม จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย ขนาด 600 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> lion.official

6.Enfant น้ำยาล้างขวดนมสูตรอ่อนโยนจากธรรมชาติ

Enfant น้ำยาล้างขวดนม สูตรอ่อนโยนจากธรรมชาติ
ขอบคุณรูปภาพจาก enfantfamily.com

อ่อนโยนด้วยสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ ทำความสะอาดของเล่นได้สะอาด ไร้กลิ่นตกค้าง ใช้ล้างผักผลไม้ได้อย่างปลอดภัย สารทำความสะอาดสกัดจากข้าวโพด มันฝรั่ง มะพร้าว และปาล์มธรรมชาติ 100% ช่วยขจัดคราบน้ำนม และสิ่งสกปรกได้อย่างสะอาด อ่อนโยน มีส่วนผสมของวัตถุกันเสียและสารแต่งกลิ่น ชนิดที่ใช้กับอาหาร (Food Grade) ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย ทั้งสารเรืองแสง สารฟอกขาว และ SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และปลอดภัยต่อผู้ใช้ กลิ่นส้ม หอมสะอาด สดชื่น ไร้กลิ่นติดภาชนะ ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากสถาบันผิวหนังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขนาด 700 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> enfantfamily.com

 

7.Pureen Bottle & Utensil Liquid Cleanser

Pureen Bottle & Utensil Liquid Cleanser
ขอบคุณรูปภาพจาก pureen_officialshop

น้ำยาล้างขวดนมเพียวรีน สะอาด ปลอดภัย เพราะมีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติ คือ สารสกัดจากมะพร้าวและข้าวโพด จึงอ่อนโยนและไม่มีสารตกค้าง ขจัดคราบโปรตีนของน้ำนมและไขมันที่ติดอยู่และช่วยไม่ให้ย้อนกลับไปติดขวดนม และจุกนมที่สะอาดแล้ว อ่อนโยนจนสามารถใช้ล้างของเล่นเด็กและผักผลไม้ได้ ขนาดขวดหัวปั๊ม 650 มล. ขนาดถุงเติม 550 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> pureen_officialshop

 

8.Pigeon พีเจ้น น้ำยาล้างขวดนม ส่วนผสม 100% จากธรรมชาติ

Pigeon พีเจ้น น้ำยาล้างขวดนม ส่วนผสม 100% จากธรรมชาติ
ขอบคุณรูปภาพจาก pigeon_officialstore

เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำหรับล้าง และทำความสะอาดขวดนมของพีเจ้น (Liquid Cleanser) สะอาด มั่นใจ ทุกครั้งที่ใช้งาน มีส่วนผสม 100% จากธรรมชาติ ผลิตจากวัตถุดิบเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร 100% สามารถใช้ล้างทำความสะอาดคราบโปรตีนและไขมันของน้ำนมบนขวดนม จุกนม อุปกรณ์ป้อนอาหาร ของเล่นเด็กได้อย่างถูกอนามัย สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.99% ล้างเคมีหรือยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้ได้อย่างถูกอนามัย ควรจะใช้น้ำยาร่วมกันกับแปรงล้างขวดนม จุกนม หรือฟองน้ำทำความสะอาด ปริมาณ 700 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> pigeon_officialstore

 

9.PUR น้ำยาล้างขวดนมและจุกนมออแกนิกส์

PUR น้ำยาล้างขวดนมและจุกนมออแกนิกส์ 
ขอบคุณรูปภาพจาก purthailand_officialshop

PUR Bottle & Nipple Liquid Cleanser มีส่วนผสมจากพลังบริสุทธิและส่วนประกอบของธรรมชาติไม่ทำให้ระคายเคืองผิว ช่วยล้างคราบน้ำนมให้สะอาดหมดจด Pur bottle & nipple liquid cleanser ถูกออกแบบมาสำหรับการทำความสะอาดขวดนมและจุกนมโดยเฉพาะ รวมไปถึงของเล่น และของใช้สำหรับเด็กอื่น ๆ ช่วยขจัดคราบไขมันสิ่งสกปรกและกลิ่นนมในภาชนะและขวด มีสารสกัดบริสุทธิจากน้ำมันมะพร้าว น้ำมันจากเมล็ดองุ่นออร์แกนิค และน้ำมันรำข้าวญี่ปุ่นที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่มืออีกด้วย มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น น้ำมันมะพร้าวและรวงข้าวญี่ปุ่น ถนอมผิวมือ ไม่ทำให้ผิวหยาบกร้าน อ่อนโยนเป็นพิเศษด้วยสารลดความตึงผิวจากธรรมชาติ ปลอดสารซัลเฟต ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ฟอสเฟต สีย้อม ฟอร์มาลดีไฮด์และ SLS ปลอดภัยสำหรับผิว ขนาด 500 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> purthailand_officialshop

 

10.IamBubble Baby Bottle Form Cleanser

IamBubble Baby Bottle Form Cleanser
ขอบคุณรูปภาพจาก Bebesolution

น้ำยาล้างขวดนมแบบปั๊มโฟมที่แรกในเมืองไทย สูตรนาโนอันดับ 1 จากเกาหลี ผลิตจากน้ำบริสุทธิ์ 100% ขจัดคราบมันล้างออกง่าย ใช้สารสกัดจากพืชธรรมชาติ ต่อต้านแบคทีเรีย 99.9% ใช้สารลดแรงตึงผิวจากพืชธรรมชาติ ปลอดภัยและประสิทธิภาพทำความสะอาดล้ำลึก ข้าวกล้องและธัญพืชจะช่วยปกป้องดูแลมือของคุณแม่ ขนาด 550 มล.

สั่งซื้อคลิกเลย >> Bebesolution

 

ทั้งนี้ การเลือกซื้อน้ำยาล้างขวดนมที่ปลอดภัยต่อลูกน้อยมากที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาถึงคุณภาพของสินค้าเป็นหลักและควรล้างขวดนมและจุกนมให้สะอาดทุกครั้ง เนื่องจากความแข็งแรงของเด็กในแต่ละคนไม่เท่ากัน บางส่วนผสมของน้ำยาอาจไม่ถูกกับลูกน้อย หากล้างไม่สะอาดลูกน้อยก็เสี่ยงเจ็บป่วยอยู่ดีค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

น้ำยาล้างขวดนม เลือกแบบไหนปลอดภัยกับลูกน้อย

10 ขนมเด็ก มีประโยชน์ เคี้ยวอร่อย เหมาะสำหรับลูกน้อย

10 จุกนม ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับลูกน้อย

 

หมอนหัวทุย

10 หมอนหัวทุย ช่วยลูกน้อยหลับสบาย หมดห่วงเรื่องหัวแบน

Alternative Textaccount_circle
event
หมอนหัวทุย
หมอนหัวทุย

หมอนหัวทุย เป็นหนึ่งในไอเท็มที่ช่วยลดปัญหา ภาวะศีรษะแบนหรือเบี้ยว ของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวล นอกจากนี้หมอนหัวทุยยังช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้นานขึ้น ทำให้กระบวนการสร้างเซลล์สมองทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลูกน้อยพร้อมสำหรับการเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ดังนั้นการเลือกหมอนให้ลูกน้อยจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทริคการเลือกหมอนควรใช้อะไรบ้างมาช่วยในการตัดสินใจ และมีหมอนหัวทุยแบบไหนบ้างที่ควรค่าแก่การเสียตังค์ วันนี้ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อข้อมาฝากกันแล้วค่ะ

 

ทริคการเลือกหมอนหัวทุยให้เหมาะสำหรับลูกน้อย

  1. เลือกขนาดและรูปทรงตามอายุของเด็ก รูปทรงของหมอนจะต้องรองรับศีรษะและคอได้พอดี การผลิตหมอนเด็กส่วนใหญ่มักจะแบ่งขนาดตามเส้นรอบศีรษะ
  2. เลือกตามชนิดของวัสดุ ควรเลือกหมอนที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ยกตัวอย่างเช่น หมอนออร์แกนิกคอตตอน หมอนยางพาราสำหรับเด็ก หรือหมอนที่สามารถรองรับคอและจัดท่านอนให้กระดูกสันหลังของลูกให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมได้
  3. ดูฟังก์ชั่นของหมอนเพื่อการใช้งาน ควรเลือกหมอนที่สามารถปรับเข้ากับการใช้งานทุกที่ที่ต้องการจะใช้ ไม่ว่าจะวางหมอนลงบนเตียงหรือวางบนรถเข็นเด็ก ก็สามารถปรับใช้งานร่วมกันได้ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
  4. เลือกแบรนด์ที่รับประกันคุณภาพ ถือเป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงที่จะเจอหมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน แนะนำให้ดูการให้คะแนนของผู้ใช้จริง จะช่วยบอกถึงคุณภาพและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์นั้นได้ในระดับหนึ่ง หรือทางที่ดีที่สุดคือการเลือกซื้อแบรนด์ที่มีประกันคุณภาพบอกไว้ ถึงจะสามารถวางใจและมั่นใจได้ว่าการซื้อจะคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

 

10 หมอนหัวทุย ช่วยลูกน้อยหลับสบาย หมดห่วงเรื่องหัวแบน

1.CLEVAMAMA หมอนสำหรับเด็ก ClevaFoam สีขาว

 

CLEVAMAMA หมอนสำหรับเด็ก ClevaFoam สีขาว
ขอบคุณรูปจาก central.co.th
สามารถป้องกันศีรษะแบน และรักษารูปศีรษะทารกให้อยู่ในลักษณะทรงกลม และช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับสบายตลอดคืนโดยช่วยพยุงคอและกระดูกสันหลังให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม ช่วยลดแรงกดทับที่ศีรษะทารกได้ถึง 50% ให้สัมผัสนุ่มสบาย และยังเพิ่มคุณสมบัติในด้านการไหลเวียนของอากาศโดยการช่วยดึงความชื้นออกไป เพิ่มการไหลเวียนอากาศ มาพร้อมกับปลอกหมอนสำหรับทารกโดยเฉพาะ สามารถซักทำความสะอาดได้ด้วยการซักมือ เหมาะสำหรับทารก 0-12 เดือน
รายละเอียดเพิ่มเติม
  • วัสดุ: ClevaFoam™ ผ่านการค้นคว้าวิจัยออกแบบและผลิตโดยเฉพาะเพื่อทารก
  • ขนาด:กว้าง 40 x สูง 23  x ลึก 3 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

2.OXY Baby Pillow หมอนหัวทุยหายใจผ่านได้ โครงสร้างรูปตัว X

OXY Baby Pillow หมอนหัวทุยหายใจผ่านได้ โครงสร้างรูปตัวX
ขอบคุณรูปจาก oxybabythailand.com

หมอนหัวทุย หายใจผ่านได้ ป้องกันความเสี่ยงการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก (SIDS) ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสรีระศาสตร์ หัวกลมสวยด้วย Double Ring Design ป้องกันศีรษะแบนด้วยโครงสร้างเส้นใยรูปตัว X ช่วยกระจายน้ำหนักได้อย่างสม่ำเสมอ รักษาแนวกระดูกสันหลังของทารกตามธรรมชาติ ไม่ให้คดงอ ด้วยส่วนรองรับต้นคอสูงเพียง 1 cm วัสดุ TencelTM 3D Air Mesh Fabric มีสัมผัสนุ่มนวล แห้งสบาย อ่อนโยนต่อผิวบอบบางของทารก และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย มีโครงสร้างระบายอากาศแบบ 6 ทิศทาง นอนไม่ร้อน ศีรษะไม่เปียก ป้องกันแบคทีเรียและผดผื่นที่สะสมจากเหงื่อไคล ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารก โดยวัสดุได้การรับรองความปลอดภัย OEKO-TEX standard 100 สะอาดเหมือนใหม่ตลอดเวลา เพราะทำความสะอาดได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถซักมือ หรือใช้เครื่องซักผ้า ซักได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่ทำให้เสียรูปทรง ปลอกหมอนใยไผ่ลายน่ารัก

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: 42% TencelTM , 58% Polyester 3D Air Mesh
  • ขนาด: กว้าง 31 x สูง 23  x ลึก 5 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> OXY Baby หมอนและที่นอนเด็ก หายใจผ่านได้ นุ่มสบาย สะอาด ปลอดภัย

 

3.Babymoov หมอนป้องกันศีรษะแบน Lovenest premium สีฟ้า

Babymoov หมอนป้องกันศรีษะแบน Lovenest premium สีฟ้า
ขอบคุณรูปจาก central.co.th

หมอนหลุมสำหรับเด็กทารก Lovenest ออกแบบโดยกุมารแพทย์ชื่อดังเพื่อป้องกันศีรษะเเบน จุดเด่นคือยามเด็กทารกนอน น้ำหนักจะถูกกระจาย รูปทรงของหมอนที่ออกแบบมาเพื่อลดการกดทับที่ด้านหลังศีรษะ ทำให้ศีรษะไม่เปลี่ยนรูปทรง และยังให้ความสบายยามที่เด็กทารกขยับตัวอีกด้วย ด้วยนวัตกรรมผ้า Cool Max ช่วยระบายอากาศ หมอนออกแบบมาตามรูปศีรษะเด็กตามหลักสรีระศาสตร์ ดีไซน์รูปหัวใจ เพื่อรองรับศีรษะเด็กทารกให้เค้าหลับและพลิกตัวได้อย่างสบาย เหมาะสำหรับวางบนเปล,เตียงเด็ก,เก้าอี้โยก หรือเปลไกวได้ สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด สามารถซักทำความสะอาดได้ ด้านล่างออกเเบบให้หมอนไม่เขยื้อนไปมา เหมาะสำหรับเด็กเเรกเกิด – 12 เดือน

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: เมมโมรีโฟม, ผ้า Cool Max
  • ขนาด: กว้าง24 x สูง 22.5  x ลึก 4 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

4.SiamLatex หมอนหลุมยางพารา 2 ชั้น สำหรับ เด็กทารก Baby Plus

SiamLatex หมอนหลุมยางพารา 2 ชั้น สำหรับ เด็กทารก Baby Plus สวนสัตว์
ขอบคุณรูปจาก siamlatexshop.com

หมอนรุ่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เจ้าตัวเล็กจอมดิ้น หมอนออกแบบให้มีหลุม 2 ระดับ มีส่วนช่วยปรับสรีระศีรษะและป้องกันน้องนอนตกหมอน หมดปัญหา คุณแม่ต้องมาพลิกตัวน้องบ่อยๆเพราะกังวลว่าหัวน้องจะแบน รูระบายอากาศ หมดปัญหาร้อน ลดปัญหาลูกน้อยร้องงองแง  เด็กๆ จะหลับได้ลึกขึ้น ได้รับใบรับรองจาก สถาบันที่ได้รับการยอมรับ UKAS, TÜV Rheinland, ISPA และ Thailand trusted เหมาะสำหรับทารก 3 เดือน เกิด ถึง 1.5 ขวบ

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: น้ำยางชั้นเลิศ ผลิตโดยกรรมวิธีการฉีดขึ้นรูป ปลอกหมอน 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นผ้าซับ (กันไรฝุ่น) ชั้นที่ 2 เป็นผ้าคอตตอนลายการ์ตูน (ถอดซักทำความสะอาดได้)
  • ขนาด: กว้าง 35 x สูง 25 x ลึก6 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> siamlatexshop.com

 

5.SANRIO หมอนหลุม Cinnamoroll

SANRIO หมอนหลุม Cinnamoroll
ขอบคุณรูปภาพจาก central.co.th

หมอนหลุมหัวทุยลาย Cinnamoroll สุดน่ารักจาก SANRIO ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อช่วยลดอาการหัวแบนของลูกน้อย ที่เกิดจากการใช้หมอนธรรมดาเป็นเวลานาน เนื้อผ้านุ่มสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของลูกน้อย วัสดุที่ใช้ยังทำจากใยฝ้ายโพลีเอสเตอร์ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้หมอนนุ่มฟู มีน้ำหนักเบา ให้ลูกน้อยหนุนศีรษะได้สบายมากขึ้น

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ:คอตตอน, ใยสังเคราะห์
  • ขนาด: กว้าง 23.5 x สูง 32.5 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> central.co.th

 

6.Zlive Matter หมอนหัวทุย หมอนเด็กหายใจได้ Baby Ozone Pillow

Zlive Matter หมอนหัวทุย หมอนเด็กหายใจได้ Baby Ozone Pillow
ขอบคุณรูปจาก Zlive Matter หมอนโอโซน นวัตกรรมเครื่องนอนเพื่อสุขภาพ

สำหรับทารกมักจะซุกหน้ากับหมอนระหว่างหลับบ่อยๆ ดังนั้นทั้งปลอกและตัวหมอนจึงต้องไร้สารก่อความระคายเคืองและไรฝุ่น ล้างทำความสะอาดเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ ลดการเกิดไรฝุ่น เชื้อราและโรคภูมิแพ้ ช่วยป้องกันการนอนคว่ำส่งผลเกิดการขาดอากาศหายใจ วัสดุของหมอนทำมาจากเส้นใยออกซิเจนขั้นสูง 4D Ozone Fiber  มีความยืดหยุ่นสูง ทำความสะอากได้ทั้งใบ ระบายอากาศได้ดี ลดการเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงจัด ช่วยให้หลับยาวนานมากกว่า 60 %  เหมาะสำหรับทารกตั้งแต่ 4 เดือน – 3ปี

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: ทำมาจากเส้นใยออกซิเจนขั้นสูง 4D Ozone Fiber
  • ขนาด: กว้าง 24  x สูง 33.5  x ลึก 3 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> Zlive Matter หมอนโอโซน นวัตกรรมเครื่องนอนเพื่อสุขภาพ

 

7.CHERISH หมอนหัวทุยไม่กักฝุ่น Tempsoft

CHERISH หมอนหัวทุยไม่กักฝุ่น Tempsoft
ขอบคุณรูปจาก CherishTempsoft

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน – 2 ขวบ ด้วยนวัตกรรม Tempsoft ที่ปรับความนุ่มตามอุณหภูมิศีรษะ และระบายความร้อนจากศีรษะได้ดี มาพร้อมปลอกหมอนเนื้อผ้ากำมะหยี่สัมผัสนุ่มสบาย ไม่อมฝุ่นที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ คุณสมบัติของปลอกนอกทำจากผ้ากำมะหยี่คุณภาพเยี่ยม ด้านในผลิตจากวัสดุ Tempsoft เนื้อแน่น แต่รองรับน้ำหนักและแรงกดทับได้ดี ดีไซน์เป็นรูปปีกผีเสื้อ ปลอกหมอน สามารถถอดซักได้ตามปกติ และสามารถทำความสะอาดเฉพาะจุดที่เปื้อนด้วยน้ำยาอ่อนๆ แล้วนำผึ่งลมให้แห้ง โดยห้ามตากแดด หรือนำไปซักเด็ดขาด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: Tempsoft เนื้อแน่น
  • ขนาด: กว้าง 42  x สูง 25  x ลึก 3 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> CherishTempsoft

 

8.Grace Kids หมอนหลุม space rabbit Size M

Grace Kids หมอนหลุม space rabbit Size M
ขอบคุณรูปจาก mygracekids.com

ด้านในผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์มีความแข็งแรง ทำให้ได้ที่นอนที่เนื้อแน่นขึ้น ไม่ยุบตัวง่าย ด้านนอกทำจากผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อผิวลูกน้อย สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมไรฝุ่นอันก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซักและทำความสะอาดได้ แห้งเร็ว ผ่านการตรวจโลหะตกค้าง ทำให้มั่นใจว่าปลอดภัยต่อลูกรักแน่นอน

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: เส้นใยสังเคราะห์มีความแข็งแรง
  • ขนาด: Size M ขนาด 27.8 x 35 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> mygracekids.com

 

9.FIN หมอนหัวทุย หมอนเด็กแรกเกิด รุ่น ST-85

FIN หมอนหัวทุย หมอนเด็กแรกเกิด รุ่น ST-85
ขอบคุณรูปจาก babiesplus.shop

หมอนรองรับสรีระศีรษะทารก ที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าปลอดภัยและเหมาะสำหรับทารกแรกเกิด เหมาะสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิด 1 ขวบ หมอนผลิตจากใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษ เนื้อละเอียด เกรด A คืนรูปได้ดี ลดแรงกดทับได้ดี ปลอกผ้าหมอนผลิตจากผ้าฝ้าย ทอหนา ผ้านุ่มนิ่มไม่ะคายเคืองต่อทารก ระบายอากาศได้ดี ซับเหงื่อได้ดี สัมผัสนุ่ม สามารถถอดปลอกซักได้ ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ 360 อาศา ตามท่านอนของลูก ไม่ว่าจะนอนหงายหรือตะแคงข้าง ออกแบบได้มาตรฐานสรีระทารก ลดการกดทับ ตัวหมอนโค้งรับพอดีกับศีรษะ บริเวณต้นคอ ลดปัญหาศีรษะผิดรูป ได้ดี  ถักทอละเอียด การตัดเย็บสวยงาม ไม่มีด้ายหลุด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ:ใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษ เนื้อละเอียด เกรด A
  • ขนาด: กว้าง 23  x สูง 27  x ลึก 5 ซม. (วัดจากส่วนโค้งของหมอน)

สั่งซื้อคลิกเลย >> babiesplus.shop

10.SiamLatex หมอนหลุม ทรงโดนัท หมอนหัวทุย หมอนยางพาราทารก พี่หมีเท็ดดี้

SiamLatex หมอนหลุม ทรงโดนัท หมอนหัวทุย หมอนยางพาราทารก พี่หมีเท็ดดี้
ขอบคุณรูปจาก nocnoc.com

หมอนหลุมทรงโดนัท ช่วยรองรับน้ำหนัก และรองรับรูปทรงศีรษะได้อย่างดีเยี่ยม มีส่วนช่วยให้ศีรษะของเด็กทุยสวย ช่วยลดแรงกดทับบริเวณด้านหลังศีรษะและต้นคอ ลดความเสี่ยงอาการหยุดหายใจ (Long pause) Lock Function ช่วยป้องกันอาการนอนตกหมอนของเด็กเล็ก ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรืออันตรายขณะนอนหลับ นุ่ม แน่น พิเศษ ด้วยวัสดุยางพาราแท้ที่เราเลือกใช้ ช่วยให้สามารถพลิกตัวได้สะดวก สามารถถอดปลอกซักทำความสะอาดได้ ใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ปี

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • วัสดุ: ยางพารา ปลอก 2 ชั้น ชั้นแรก ปลอกซับกันไรฝุ่น ชั้นที่ 2 ห่อหุ้มอีกชั้นด้วยปลอกผ้าคอตตอน เนื้อละเอียด จากธรรมชาติ 100%
  • ขนาด: กว้าง 4 x 24.5 x 6 ซม.

สั่งซื้อคลิกเลย >> nocnoc.com

 

นอกจากการหาหมอนหัวทุยที่เหมาะสมกับลูกน้อยแล้ว การเลือกที่นอนให้เหมาะสมสำหรับลูกน้อยก็ควรให้ความสำคัญเช่นกันค่ะ หากลูกน้อยยังมีอายุไม่ถึง 2 ปีแนะนำว่า อย่าใส่ของเล่น ตุ๊กตา หมอน หมอนข้าง หรือแม้แต่ผ้าห่มมาวางบนเตียงของลูกโดยเด็ดขาด และที่นอนที่ดีเหมาะกับลูกน้อยนั้นจะต้องเป็นที่นอนที่ปูผ้าตึง เรียบ ไม่มีของสิ่งใดวางเลยค่ะ เตียงต้องไม่นุ่มเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อลูกน้อย อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมดูแลใส่ใจเรื่องของการจัดท่านอนของเด็กให้อยู่ในท่าที่สบาย ให้ลูกน้อยได้หลับยาวนานขึ้นด้วยนะคะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

เปิดกระเป๋าแม่ลูกอ่อน ส่องไอเท็ม (ไม่) ลับ ที่คุณแม่ต้องมีติดกระเป๋า ติดบ้าน ห้ามขาด!!

10 อันดับ คอกกั้น ยี่ห้อไหนดี ให้ลูกน้อยมีพื้นที่ปลอดภัย

4 ไอเทมสุดปัง! OXY Baby ชุดเครื่องนอนหายใจผ่านได้ ลูกน้อยนอนหลับสบาย

 

เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม

ด่วน! เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ด้วยตัวเอง ภายใน 31 มี.ค.นี้

Alternative Textaccount_circle
event
เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม
เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม

ด่วน! เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ด้วยตัวเอง ภายใน 31 มี.ค.นี้

สำหรับ คุณพ่อคุณแม่ ท่านใดที่เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 และ มาตรา 39 ตอนนี้ ทางสำนักงานประกันสังคมได้เปิดโอกาสให้ เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ประจำปี 2565 ที่เราไปใช้สิทธิ์ได้ ทางเว็บไซต์ ง่าย ๆ แค่ 3 นาที แต่ต้องภายใน 31 มีนาคม นี้เท่านั้น

เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ทำได้ภายใต้เหตุผลนี้

เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน โพสต์ข้อความถึง ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีความประสงค์ จะเปลี่ยนสถานพยาบาล ในปี 2565 สามารถทำได้ภายใต้ 3 เหตุผลหลัก

การเปลี่ยนโรงพยาบาลปี 2565 มี 3 เหตุผลได้แก่

  • เปลี่ยนสถานพยาบาลประจำปี
  • ย้ายสถานประกอบการ
  • ย้ายที่อยู่

 

วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม

ผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ต้องการเปลี่ยนโรงพยาบาล สามารถดำเนินการยื่นเปลี่ยนโรงพยาบาล ผ่านออนไลน์ง่ายๆ ดังนี้

  • เข้าไปที่เว็บไซต์ ประกันสังคม www.sso.go.th และ Log in
ด่วนค่ะคุณพ่อคุณแม่ ที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ทางสำนักงานเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม
ล๊อกอิน เข้าสู่หน้าสมาชิก ของสำนักงานประกันสังคม

ใครที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ให้กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และรหัสผ่าน จากนั้นคลิก เพื่อเข้าสู่ระบบค่ะ

 

เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม
ใครที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิก กับ สำนักงานประกันสังคม ให้สมัครสมาชิกก่อน

ส่วนใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ให้สมัครสมาชิกก่อนนะคะ โดยกดที่สมัครสมาชิก กรอกข้อมูลส่วนตัว กดถัดไป แล้วระบบจะให้ไปยืนยันตัวตนค่ะ

  • คลิกคำว่า “ผู้ประกันตน”
  • คลิก “ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล”
เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม
เลือกหัวข้อ ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล
  • เช็กโรงพยาบาลที่ว่าง และ กดเลือกสถานพยาบาลที่ต้องการเปลี่ยน
เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม
เลือกสถานพยาบาล
  • รอผลการอนุมัติ โดยสิทธิ์จะปรากฏในวันที่ 1 หรือ 16 ของเดือน

 

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่สะดวกยื่นผ่านออนไลน์ ก็สามารถยื่นผ่านนายจ้าง หรือยื่นที่สำนักงานประกันสังคม ได้ด้วยนะคะ ย้ำว่า หมดเขต 31 มี.ค. 65 นี้ เท่านั้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

สำนักงานประกันสังคม, FBสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รีบเลยแม่!ปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม ปี 2565

ใช้พร้อมเพย์รับเงินสงเคราะห์บุตร ประกันสังคมชวนลงทะเบียนง่ายๆ

วิธี เช็คสิทธิ์ประกันสังคม ง่ายๆ แต่ละมาตรา 33 39 40 ต่างกันอย่างไร?

ไมโล นมถั่วเหลือง

ชวนเปิดกล่อง ไมโล นมถั่วเหลือง อร่อยไม่เปลี่ยน แพ้นมวัวก็ดื่มได้

Alternative Textaccount_circle
event
ไมโล นมถั่วเหลือง
ไมโล นมถั่วเหลือง

ชวนเปิดกล่อง!! ไมโลเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ชั้นนำระดับโลกเปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดเพื่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจด้านโภชนาการและความชอบของลูก

ไมโล นมถั่วเหลือง

ลูกบ้านไหนแพ้นมวัว กินเครื่องดื่มไมโลไม่ได้ ตอนนี้ไม่ต้องห่วงแล้ว เพราะไมโลเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ไมโล นมถั่วเหลืองแบบ UHT พร้อมดื่ม ให้เด็กๆทุกคนได้รับสารอาหารมีประโยชน์เต็มที่

ไมโล นมถั่วเหลือง

ไมโล นมถั่วเหลืองได้ผสานคุณประโยชน์จากถั่วเหลืองและมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์ให้โปรตีน 5,000 มก. พร้อมกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิดจากถั่วเหลือง ได้ประโยชน์จาก plant-based 100% ครบในกล่องเดียว ทั้งยังผ่านการรับรองได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ”

ไมโล นมถั่วเหลือง

ที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมของนมโคผงที่มีแลคโตส จึงผ่านการรับรองสัญลักษณ์ธงเหลือง “สูตรเจ” ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจด้านโภชนาการที่ดี อร่อย และดื่มง่าย ผลิตภัณฑ์ไมโล นมถั่วเหลือง ขนาด 180 มิลลิลิตร วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

keyboard_arrow_up