พัฒนาการทารก 4 เดือน

พัฒนาการทารก 4 เดือน มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง?

Alternative Textaccount_circle
event
พัฒนาการทารก 4 เดือน
พัฒนาการทารก 4 เดือน

พัฒนาการทารก 4 เดือน วัยนี้ได้ก้าวผ่านวัยแรกเกิด (Newborn) เข้าสู่วัยทารก (Infant) แล้ว คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ทางด้านต่างๆของลูกน้อย

พัฒนาการทารก 4 เดือน มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง?

ในวัยนี้ เป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาทางด้านร่างกาย และสมอง ทารกส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของน้ำหนักในตอนแรกเกิด (หรือมีน้ำหนักมากขึ้น) และจะสามารถนอนหลับได้ยาวนานขึ้นในเวลากลางคืน พัฒนาการทารก 4 เดือน จะเป็นอย่างไร ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ตามมาดูกันค่ะ

เล่นเท้าตัวเอง และนำเข้าปาก
เล่นเท้าตัวเอง และนำเข้าปาก

พัฒนาการด้านร่างกาย และการเคลื่อนไหว

  • เริ่มพลิกตัวได้เอง ช่วงนี้ควรระวังลูกตกเตียง หรือที่สูง ควรให้นอนบนเบาะนิ่มที่มีพื้นที่
  • กล้ามเนื้อแขน หน้าอก และคอ แข็งแรงขึ้น เมื่อนอนคว่ำ สามารถใช้มือยันหน้าอก และผงกหัวขึ้นได้
  • สามารถนั่งได้ โดยมีเบาะ หรือคน พยุงอยู่ด้านหลัง ควรระวังช่วยประคองศีรษะไว้
  • ตาและมือ จะทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้น สามารถคว้าของใกล้ตัวได้ และกำของได้แน่น มือสองข้างสามารถมาจับกันตรงกลางได้
  • ไขว่คว้า เหยียดมือและเท้าได้ ทิ้งของเล่นไว้ใกล้ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการใช้มือ และสายตา
  • เอื้อมมือคว้าสิ่งของที่มองเห็น และสนใจ เช่น ผม ต่างหู สร้อยคอ หรือถ้วยกาแฟ ควรระวังอาจเกิดอุบัติเหตุได้
  • ชอบเขย่าสิ่งของ และนำสิ่งของเข้าปาก
  • เล่นกับเท้าตัวเอง และนำเท้าเข้าปาก

พัฒนาการด้านการเรียนรู้ และสติปัญญา

  • สามารถจดจำหน้าพ่อ แม่ หรือคนใกล้ชิดได้
  • สามารถมองสิ่งของที่เคลื่อนไหวจากด้านหนึ่ง ไปยังอีกด้านหนึ่งได้
  • ชอบมองดูสิ่งของที่มีหลากหลายสี และหลากหลายรูปทรง
  • แสดงออกให้รู้ว่ากำลังมีความสุข หรือเศร้าอยู่
  • ตอบสนองต่อความรัก และความใส่ใจ

พัฒนาการด้านสังคม และอารมณ์

  • ยิ้มให้กับคนที่รู้สึกคุ้นเคย คุณพ่อคุณแม่ควรยิ้มตอบ และพูดคุยกับลูก
  • เริ่มจดจำวัตถุ และสิ่งของได้ เช่น สุนัข และผ้าห่มผืนโปรด ทั้งนี้สามารถมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ลูกน้อยสนใจ ด้วยการมอง และชี้ตาม
  • ทารกจะเรียนรู้การเล่น โดยจะรู้สึกหงุดหงิด หรือร้องไห้ เมื่อให้หยุดเล่น
  • สนใจที่จะเล่นกับผู้คน

พัฒนาการด้านภาษา และการสื่อสาร

  • เริ่มส่งเสียง อ้อแอ้ มีการเลียนแบบเสียง และสีหน้าของผู้ใหญ่
  • สามารถสังเกตได้ถึงเสียงร้องที่แตกต่าง ระหว่างร้องเพราะ หิว เจ็บปวด ง่วง หงุดหงิด หรือไม่สบายตัว เมื่อลูกร้องไห้ ควรตอบสนองให้เร็วที่สุด สังเกตว่าลูกร้อง เพราะต้องการสื่ออะไร

น้ำหนัก และส่วนสูง เฉลี่ยตามเกณฑ์มาตรฐาน

ทารกชาย

น้ำหนักเฉลี่ย 5 – 7.5 กิโลกรัม

ส่วนสูงเฉลี่ย 58.10 – 64.60 เซนติเมตร

ทารกหญิง

น้ำหนักเฉลี่ย 4.5 – 7 กิโลกรัม

ส่วนสูงเฉลี่ย 56.80 – 64.50 เซนติเมตร

สามารถเอื้อมมือจับของเล่นได้
สามารถเอื้อมมือจับของเล่นได้

อาหารสำหรับทารกวัย 4 เดือน

ในวัยนี้ ยังคงให้น้ำนมแม่ หรือนมจากขวด (ในกรณีที่มีความจำเป็น ไม่สามารถให้นมแม่ได้) หรือให้ผสมทั้งนมแม่ และนมจากขวด เป็นอาหารหลัก

นมแม่นั้น สะอาด มีคุณค่า และสารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน ไขมัน แร่ธาตุต่าง ๆ ครบ ช่วยให้ทารกเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย และสมอง ลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ มีโคลอสตรัม หรือนมน้ำสีเหลือง ๆ ช่วงแรกหลังคลอด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และยังช่วยระบายขี้เทา ซึ่งค้างอยู่ในลำไส้ทารก น้ำหนักตัวของแม่ลดลงอย่างรวดเร็ว มดลูกเข้าอู่เร็ว

ในวัยนี้ จะสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของพฤติกรรมการบริโภค ร่างกายจะเติบโตขึ้น ทำให้กระเพาะสามารถเก็บปริมาณอาหารได้มากขึ้น จึงมีผลทำให้ การบริโภคในแต่ละมื้อมีปริมาณมากขึ้น

ระยะห่างในแต่ละมื้อจะยาวนานขึ้น จะห่างกันประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ปริมาณน้ำนมในแต่ละมื้อ ประมาณ 4 – 6 ออนซ์ หรือวันละ 24 – 36 ออนซ์

อาหาร ที่เหมาะสมสำหรับทารก ทั้งชนิดและปริมาณ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนา และการเจริญเติบโตของร่างกาย และสมองของทารก

อาหารเสริม

อาจปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มให้อาหารเสริมแก่ทารก ทารกแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทารกบางคนพร้อมที่จะเริ่มทานอาหารแข็ง (solid food) หรืออาหารเสริม เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนที่ 4 แต่ทารกบางคนพร้อม เมื่อใกล้เข้าเดือนที่ 6 อาจสังเกตความพร้อมของทารกดังนี้

  • เมื่อทารกสามารถนั่งได้บนเก้าอี้ทานข้าวเด็ก
  • คอแข็ง สามารถตั้งศีรษะได้โดยไม่ต้องประคอง
  • สามารถเคลื่อนอาหารเข้าไปในปาก และกลืนได้ โดยไม่ใช้ลิ้นดันอาหารออกจากปาก
  • อ้าปาก เมื่อนำอาหารมาใกล้ปาก
  • มีความเจริญเติบโตเพียงพอ อย่างน้อยมีน้ำหนักตัวเป็น 2 เท่า ของน้ำหนักตัวเมื่อแรกคลอด

หากเริ่มให้อาหารเสริม ปริมาณที่ให้ไม่ควรเกิน 1 ช้อนโต๊ะ ต่อมื้อ วันละ 1 – 2 ครั้ง ทั้งนี้จุดประสงค์เพื่อ ฝึกให้ทารกรับประทานอาหารแข็ง มิใช่เพื่อให้ได้รับสารอาหาร

ควรเริ่มจากอาหารกึ่งเหลว และเริ่มให้อาหารเพียงชนิดเดียวเป็นเวลา 7 วันก่อน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ เช่น อาจเริ่มให้รับประทานข้าวบดก่อน จากนั้นเป็นข้าวบดกับน้ำแกงจืด ข้าวบดกับไข่แดงต้มสุกบด ข้าวบดกับตับบด ข้าวบดกับถั่วต้มเปื่อยบด ข้าวบดกับเต้าหู้ขาวบด กล้วยน้ำว้าบด มะละกอบด หรือซุปฝักทอง

การนอน

ทารกวัย 4 เดือน ควรนอน 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน ทารกบางคนอาจนอนหลับ ในเวลากลางคืนได้ยาวนาน ประมาณ 10 – 12 ชั่วโมง โดยตื่นขึ้นมากินนม 1 – 2 ครั้ง และนอนกลางวัน ประมาณ 3 – 5 ชั่วโมงต่อวัน วันละ 2 – 3 ครั้ง ระยะห่างกัน 1.5 – 2.5 ชั่วโมง

ฝึกให้ลูกนอน

  • ให้ลูกเรียนรู้เวลากลางวัน และกลางคืน ทำบรรยากาศให้แตกต่างกัน ในตอนกลางวันอาจเปิดผ้าม่าน หรือเปิดไฟให้สว่าง เปิดเพลงสำหรับเด็ก พอตกกลางคืนก็เปิดไฟสลัว ๆ เงียบ ลูกจะเรียนรู้ที่จะแยกแยะเวลาที่แตกต่างกันได้
  • สร้างบรรยากาศให้น่านอน อุณหภูมิไม่ควรร้อน หรือหนาวเกินไป ควรอยู่ที่ 25 – 25 องศา ไฟสลัว ๆ เปิดเพลงกล่อมเด็กเบา ๆ พูดคุยกันเบา ๆ ทำอะไรค่อย ๆ
  • ไม่หยอก หรือเล่นกับลูกก่อนนอน การหยอก หรือเล่น จะทำให้ลูกไม่ง่วง และอาจละเมอร้องไห้กลางดึก ทำให้หลับไม่สนิท หากจะพูดคุยกับลูก ควรใช้น้ำเสียงเรียบ ๆ พูดเบา ๆ หรือใช้เสียงโทนต่ำ
  • นอนเป็นเวลาอย่างพอดี การนอนตื่นสาย นอนกลางวันเยอะ จะทำให้ลูกไม่ง่วงเมื่อถึงเวลานอนตอนกลางคืน
  • ฝึกให้ตื่นและนอนเป็นเวลา ลูกจะเรียนรู้ และค่อย ๆ ปรับตัวได้ในที่สุด

เมื่อรู้ถึงรายละเอียด พัฒนาการทารก 4  เดือน ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำมาฝากแล้ว คงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมความพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยกันได้นะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

พัฒนาการทารก แรกเกิด – 1 ขวบ หนูทำอะไรได้บ้างนะ?

ตารางวัคซีน สำหรับเด็กแรกเกิด–อายุ 15 ปี ประจำปี 2565

ศีรษะทารกแรกเกิด บวมโนอันตรายไหม? จะยุบเมื่อไหร่?

อันตรายถึงชีวิต!! ป้อนข้าวลูกท่านอน ทารกสำลักถึงตาย

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.unicef.org, https://www.si.mahidol.ac.th, https://www.synphaet.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Amarin Baby & Kids

ฝันว่าฟันหัก

ทำนายฝัน!! “ฝันว่าฟันหัก” จะเกิดการสูญเสียจริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
ฝันว่าฟันหัก
ฝันว่าฟันหัก

ทำนายฝัน พร้อมเลขเสริมดวง ฝันว่าฟันหัก ฝันว่าฟันหลุด ฝันว่าฟันแตก หมายความว่าอย่างไร? เป็นเรื่องดีหรือร้าย? จะแปลว่าจะเกิดการสูญเสียจริงหรือ?

ทำนายฝัน!! “ฝันว่าฟันหัก” จะเกิดการสูญเสียจริงหรือ?

คนไทยมีความเชื่อที่ว่า ความฝัน เป็นลางบอกเหตุถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นลางดีหรือลางร้าย ก็สามารถทำนายเหตุการณ์ได้จากความฝัน หากเป็นลางดี ก็จะทำให้เจ้าตัวมีกำลังใจในการใช้ชีวิต แต่หากเป็นลางร้ายก็จะทำให้เจ้าตัวรู้จักระมัดระวังในการดำเนินชีวิตได้นั่นเอง สำหรับความฝันเกี่ยวกับฟัน ฝันว่าฟันหัก นั้นเป็นลางดีหรือลางร้ายกันนะ!! มาดูกัน

ฝันว่าฟันหัก

ทำนายฝัน

ใครที่คิดจะซื้อของหรือขยับขยายธุรกิจก็ให้รีบทำเพราะโอกาสกำลังดี ระวังคำพูด จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง พูดจาต้องระวัง เพราะมีคนคอยใส่ร้ายป้ายสีอยู่ตลอดเวลา

ความรัก

ความรักออกแนวศึกชิงรักหักสวาท มีเรื่องหึงหวงกวนใจกันตลอดเวลา ผู้ที่มีคนรักแล้วจะได้ของขวัญที่ถูกใจจากคนรัก คนรักก็เอาใจเก่ง พูดจาหวานหู ดูแล้วน่าอิจฉาจัง อย่าเล่นหูเล่นตากับใครเขาเข้าล่ะ เพราะจะมีสัมพันธ์เกินเลย

อ่านต่อ 10 ข้อเช็คเลยเรื่องอะไรที่ สามีภรรยาทะเลาะกัน มากที่สุด

ดวงการเงิน การงาน

การตัดสินใจของคุณจะมีคนกังขา เกิดเป็นประเด็นไม่จบง่าย ๆ ให้ระวังการเผชิญหน้าให้ดี งานราชการดำเนินไปโดยปกติ มีปัญหาบ้างประปรายตามธรรมดาของการทำงาน โดยมากเกิดจากเพื่อนร่วมทีมงานหรือบริวารทำงาน การงานหนักหนาสาหัสเอาการ ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่แล้วผลที่ตามมาคุณจะหายเหนื่อยแน่นอน

เลขมงคล เด่นนำโชค
3 8

เลขมงคล เด่นรอง
19 53 84 39 330 954

ฝันว่าฟันหน้าหัก

ทำนายฝัน

คุณจะมีโชคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองอย่างไม่ขาดสาย จะมีเรื่องร้อนใจหรือไม่สบายใจที่มาจากพี่น้องของคุณเอง ช่วงนี้จะทำอะไรก็ต้องเหนื่อยหน่อย จึงจะสำเร็จได้อย่างไม่มีปัญหา

ความรัก

ความรักไม่ได้ดังใจที่คุณคิดไว้ มักได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่เป็นประจำ คนที่มีคู่แล้วต้องใจเย็น อย่าหมางเมินกัน หมั่นเติมความรักด้วยคำหวานๆวันละนิด จะมีเรื่องที่เสี่ยงกับปัญหาชู้สาว รักสามเส้า หรือการเปลี่ยนคนรัก

ดวงการเงิน การงาน

อย่าให้ใครยืมเงิน ช่วงนี้โอกาสโดนเชิดเงินสูงต้องคิดตรึกตรองให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจ จะมีคนมาทาบทามให้คุณไปทำงานด้วย แต่ช่วงนี้ดวงขึ้นยังไม่เหมาะกับการโยกย้ายงานรอประมาณช่วงสิ้นปีก่อนจะดีกว่า การงานหนักหนาสาหัสเอาการ ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่แล้วผลที่ตามมาคุณจะหายเหนื่อยแน่นอน

เลขมงคล เด่นนำโชค
0 1 7

เลขมงคล เด่นรอง
18 87 52 272 172

ฝันว่าฟันแตก
ฝันว่าฟันแตก

ฝันว่าฟันแตก

ทำนายฝัน

การพบปะคนจำนวนมากมักเจอเหตุการณ์หรือคำพูดที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก ให้ระวังเรื่องสุขภาพและอาการเจ็บป่วยอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ช่วงนี้จะทำอะไรก็ต้องเหนื่อยหน่อย จึงจะสำเร็จได้อย่างไม่มีปัญหา

ความรัก

คนโสดมีเพื่อนแปลกหน้าใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เสมอ ทำให้ไม่เหงาใจ ความรักหากมีปัญหากันก็ต้องค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จา อย่าด่วนตัดสินใจพูดอะไรโดยไม่คิด เพราะจะทำให้คุณมานั่งเสียใจภายหลัง คุณรู้หรือเปล่าว่ามีคนกำลังแอบชอบคุณอยู่

ดวงการเงิน การงาน

งานที่ใช้การเจรจาจะไม่บรรลุผล ต้องหาหนทางอื่น ๆ หรือต้องอาศัยบุคคลอื่น ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วย ระวังจะเกิดปัญหากับเพื่อนฝูงที่ไปช่วยเหลือแบบไม่มีเหตุผล สถานะทางการเงินจะมีรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่ายส่งผลให้ชีวิตคุณดีขึ้น

เลขมงคล เด่นนำโชค
0 9

เลขมงคล เด่นรอง
41 534 713 916

ฝันเห็นคนฟันหัก

ทำนายฝัน

คุณต้องระวังเคราะห์ร้ายที่จะเกิดแก่คนที่อายุน้อยที่สุดภายในบ้าน จะมีงานสังสรรค์กับญาติมิตร คุณจะเจอเรื่องเครียด และแรงกดดัน ต้องรับภาระหลายอย่าง

ความรัก

มีคนมีอายุมาชอบ หรือเข้ามาคุยกับคุณเยอะ ดูท่าแล้วคุณจะมีใครในใจแล้วด้วยสิ คุณควรจะคบหาดูใจกับคนที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณให้มากที่สุด คุณควรลดความขี้หึงลงบ้างในช่วงนี้ เพราะมีโอกาสทำให้คุณเลิกรากับคนที่คุณรักได้ง่ายมาก

ดวงการเงิน การงาน

ต้องหนักแน่นใช้ความอดทนกับการทำงานที่มีแรงกดดันนี้ไปก่อน แล้วทุกคนจะยอมรับในความสามารถของคุณเอง จะมีคนมาทาบทามให้คุณไปทำงานด้วย แต่ช่วงนี้ดวงขึ้นยังไม่เหมาะกับการโยกย้ายงานรอประมาณช่วงสิ้นปีก่อนจะดีกว่า เงินทองที่มีอยู่ให้ระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยเสียบ้าง อย่าใช้จ่ายเกินตัวลืมตัว เพราะผลที่ได้รับคือการมีหนี้สิน

เลขมงคล เด่นนำโชค
2 3 6 9

68 71 62 895

ฝันว่าฟันหักหลายซี่

ทำนายฝัน

ใครที่เข้ามาขอความช่วยเหลือก็ลองดูข้อมูลหรือความเห็นของคนอื่นประกอบด้วย ว่าสมควรหรือไม่อย่างไร หวังมีลูกก็จะได้มีลูก หวังคลอดธุรกิจใหม่ก็จะได้ทำดังใจคิด พูดจาต้องระวัง เพราะมีคนคอยใส่ร้ายป้ายสีอยู่ตลอดเวลา

ความรัก

คนโสดหน้าบาน ช่วงนี้เสน่ห์แรงเกินห้ามใจ มีคนมารุมล้อมเอาใจอย่างไม่ขาดสาย ความรักของคุณมักจะมาในรูปความเห็นใจซะมากกว่า แต่คุณก็ควรดูด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรักหรือความสงสารกันแน่ ถ้าจะมองหาใครใหม่ๆ นั้นเป็นอันล้มเลิกความคิดไปได้เลย ถ้าคิดจะมีใครก็จะแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

ดวงการเงิน การงาน

ได้ลาภจากการพนัน เสี่ยงโชค โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยครั้ง น่าจะลองเสี่ยงดูบ้าง ระวังการวางบิลเก็บเงินจะกลายเป็นหนี้สูญ ไม่สามารถเรียกเก็บได้ต้องทำใจทิ้งเงินก้อนนี้ไป การงานหากเต็มที่กับมัน ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด

เลขมงคล เด่นนำโชค
3 8 9

เลขมงคล เด่นรอง
17 19 412 376

ทำนายฝัน
ทำนายฝัน

ฝันว่าฟันหักเกือบหมดปาก

ทำนายฝัน

สิ่งที่ตั้งใจไว้มากอาจจะยังไม่สำเร็จทันทีทันใดแต่สิ่งที่ไม่ได้คาดฝันอาจจะได้มาแบบฟลุค ๆ ช่วงมารผจญ ระวังการกลับบ้านดึก ๆ และหลีกเลี่ยงการไปงานศพ คุณมักจะถูกนินทาให้ร้ายอยู่เสมอ

ความรัก

คนที่อยากมีกิ๊กบ้างคงต้องร้องเพลงรอเพราะอีกนานกว่าที่คุณจะสมหวัง คุณจะพบคนต่างเพศที่มีลักษณะต้องตาต้องใจ ไม่ว่าคุณยังโสดหรือไม่ก็ตาม ความรักจะมีอุปสรรคทำให้คุณต้องคิดมากเอาแต่ร้องไห้เสียใจ

ดวงการเงิน การงาน

การเงินเข้ามือขวาออกมือซ้าย เก็บเงินไม่ได้ เริ่มเป็นหนี้เป็นสิน กระทบกับชีวิตประจำวัน ระวังให้ดี เงินพิเศษจะมาจากการบริการที่ถูกใจคนอื่น สินค้าที่เกิดจากไอเดียใหม่ ๆ การเงินมีรายรับดีมาก เป็นเดือนที่รู้สึกคล่องตัวเป็นพิเศษ

เลขมงคล เด่นนำโชค

0 1 6 9

73 084

ไม่ว่าการ ทำนายฝัน จะออกมาเป็นอย่างไร ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอเตือนว่า อย่างไรความฝันก็คือความฝัน ความฝันไม่เคยชนะความตั้งใจจริง ความระมัดระวังในการดำเนินชีวิต หากฝันแล้วทำนายออกมาว่าดี ก็จะทำให้มีกำลังใจ แต่หากทำนายออกมาไม่ดี ก็อย่าเก็บเอามาคิดมากนะคะ ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและระมัดระวังที่สุดค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ทำนายฝัน ฝันว่าได้แต่งงาน ฝันว่าแต่งงาน หมายถึงอะไร?

ฝันว่าผมร่วง ผมร่วงเต็มพื้นจะดีหรือร้าย..ทำนายฝันแม่นๆ

ฝันว่าโดนยิง ฝันว่าถูกยิง ฝันเห็นคนโดนยิง ลางดีหรือร้าย?

ฝันว่างูกัด ฝันว่าโดนงูกัด ทำนายฝันแม่นๆ พร้อมเลขเด็ด

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : monohoro.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

โรคลีเจียนแนร์

ไม่ล้างแอร์ ลูกเสี่ยงป่วย โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก

Alternative Textaccount_circle
event
โรคลีเจียนแนร์
โรคลีเจียนแนร์

ไม่ล้างแอร์ ลูกเสี่ยงป่วย โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก

อากาศเมืองไทยร้อนมากถึงขีดสุดนะคะ สิ่งที่หลายบ้านขาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าช่วยทำให้เจ้าตัวเล็กหลับสบาย และตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสดชื่นอยู่ตลอดเวลา แต่หากไม่ได้มีการตรวจสอบสภาพ และดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสที่เชื้อไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรีย จะเติบโตและแพร่พันธุ์โรคต่างๆ มาสู่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา หากหายใจเอาฝอยละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ  ทำให้เกิด โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก ได้ค่ะ

โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก คืออะไร

เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเฉียบพลันจากสิ่งแวดล้อม เชื้อก่อโรค ได้แก่ เชื้อ Legionellae  โรคนี้สามารถก่อให้เกิดอาการทางคลินิกได้ 2 รูปแบบ ได้แก่

1.แบบมีอาการปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น อัตราป่วยตายสูง เรียกว่า “โรคลิเจียนแนร์ (LEGIONELLOSIS)” 

2.แบบมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ไม่มีปอดอักเสบ เรียกว่า “ไข้ปอนเตียก (PONTIAC FEVER)” 

วิธีการแพร่โรคโดยเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนทางระบบทางเดินหายใจ โดยคนหายใจเอาเชื้อนี้เข้าไป

โรคลีเจียนแนร์
ไม่ล้างแอร์ ลูกเสี่ยงป่วย โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก

อาการของโรค

มีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลียปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และมีไข้สูง โดยทั่วไปมักพบอาการใน 2 – 5 วัน ปวดท้อง และอุจจาระร่วงเกิดขึ้นตามมา โรคลีเจียนแนร์เป็นสาเหตุของโรคปอดบวมและมีอาการไอ ไม่มีเสมหะ ปอดมีการอักเสบเป็นปื้นหรือจุดขาว ถ้าเป็นมากอาจพบลุกลามได้ในปอดทั้งสองข้าง การป่วยค่อนข้างรุนแรงและอาจจะทำให้การหายใจล้มเหลว

ส่วนผู้ป่วยไข้ปอนเตียกจะสามารถหายได้เองและไม่มีอาการปอดอักเสบหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เชื้อของโรคลีเจียนแนร์ พบได้ที่ไหน?

โรคลีเจียนแนร์ ไม่ใช่โรคใหม่ สามารถพบได้ทั่วโลกทั้งเขตร้อนและเขตหนาว มีเชื้อลีจิโอเนลลา (Legionella) เป็นเชื้อก่อโรค โดยเชื้อจะปนเปื้อนมากับละอองน้ำและเข้าสู่ทางเดินหายใจ

เชื้อชนิดนี้มักพบในบริเวณที่มีน้ำขังนิ่ง มีความชื้นสูงและมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มักจะพบในระบบเครื่องปรับอากาศหรือถังเก็บน้ำระบายความร้อน ที่ใช้ในอาคารขนาดใหญ่โดยเฉพาะในโรงแรม นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในก๊อกน้ำ เครื่องทำน้ำร้อน และฝักบัวอาบน้ำที่ไม่มีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกต้อง

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคลีเจียนแนร์

ประชาชนทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรง จะไม่มีอาการป่วยใด ๆ สำหรับกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โรคไต โรคปอดเรื้อรัง หรือโรคมะเร็ง

ทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันโรค

ควรมีการล้างทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ โดยดูตามความเหมาะสมจากสภาพแวดล้อม และการใช้งาน หากเป็นแอร์ตามบ้าน ควรล้างแผ่นกรองอากาศด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยใช้น้ำฉีดแรง ๆ ที่ด้านหลังและด้านที่ไม่ได้รับฝุ่น ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรล้างแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เช่นเดียวกัน แต่หากใช้เป็นประจำทุกวัน ควรล้างทำความสะอาดประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อช่วยลดเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่ในแอร์ และประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่งด้วย

 สำหรับการล้างแอร์แบบระบบรวม ควรเปิดน้ำทิ้งจากหอหล่อเย็นให้แห้ง เมื่อไม่ได้ใช้ทำความสะอาด ขัดถู คราบไคล ตะกอน เติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อฆ่าเชื้อรา และทำความสะอาดหอหล่อเย็นอย่างน้อย 1 – 2 ครั้งต่อเดือน ไม่ให้มีตะไคร่เกาะ

โดยทำลายเชื้อโดยใส่คลอรีนให้มีความเข้มข้น 10 ppm เข้าท่อที่ไปหอผึ่งเย็นให้ทั่วถึงทั้งระบบไม่น้อยกว่า 3 – 6 ชั่วโมง หลังจากนั้นรักษาระดับคลอรีนให้ความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 0.2 ppm และสำหรับแอร์ในห้องพักต้องทำความสะอาด ถาดรองน้ำที่หยดจากท่อคอยส์เย็นทุก 1 – 2 สัปดาห์ ไม่ให้มีตะไคร่เกาะ หรือใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ ตามมาตรฐานประกาศกรมอนามัย เรื่อง ข้อปฏิบัติการควบคุมเชื้อลิจิโอเนลลาในหอผึ่งของอาคารในประเทศไทย และสำหรับแอร์ที่ใช้ตามบ้านเรือน เมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์ มีกลิ่นเหม็น หรือมีกลิ่นอับหรือไม่ หากมีกลิ่น ในเบื้องต้น ควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดแบบเต็มระบบ

การรักษา โรคลีเจียนแนร์ -ไข้ปอนเตียก

ไข้ปอนเตียกจะจำกัดตัวมันเองและไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

สำหรับคำแนะนำในการรักษาโรคลีเจียนแนร์ คือ ยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจในกลุ่มฟลูโอโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) เช่น ยาลีโวฟลอกซาซิน (Levofl oxacine) หรือยาแมคโครไลด์ (Macrolide) ชนิดใหม่ ยาอะซิโทรมัยซิน (Azithromycin)

การศึกษาจากการสังเกตชี้ให้เห็นว่ายาลีโวฟลอกซาซิน (Levofl oxacine) อาจจะมีผลข้างเคียงมากกว่ายาแมคโครไลด์ (Macrolide) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ยาไรแฟมปิซิน (Rifampicin) ถูกนำมาใช้ร่วมด้วยในผู้ป่วยที่การรักษาล้มเหลว แต่ข้อมูลที่ใกล้เคียงข้อสนับสนุนนี้ยังมีไม่เพียงพอ

แต่ยาในกลุ่มยาเพนิซิลินเพนิซิลลิน (Penicillin), ยาเซฟาโลสปอริน (Cephalosporins) และยาอะมิโนกลัยโคไซด์ (Aminoglycosides) จะใช้รักษาไม่ได้ผล

แม้เครื่องปรับอากาศจะช่วยให้ลูกน้อยพ้นจากโรคี่อาจเกิดจากวามร้อนได้ แต่หากไม่รักษาความสัอาด ก็อาจทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วยรุนแรงได้เช่นกัน ขอให้คุณพ่อคุณแม่รักษาความสะอาดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, PPTV HD

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทวามดี ๆ คลิก

น้ำผึ้ง ป้อนทารก ระวังอันตราย!จากภาวะโบทูลิซึม

ระวัง! พบจุลินทรีย์ทำให้เกิดโรคใน สาหร่ายหมีแพนด้า

สัตว์เลี้ยงระบบปิดก็มีสิทธิ หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก

3 เมนูเด็ก พิชิตใจลูก ด้วย “ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก”

Alternative Textaccount_circle
event
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก

เดี๋ยวนี้เห็นคุณแม่ยุคใหม่เขาเลี้ยงลูกกันแบบสบาย ๆ อย่างอาหารการกินของลูกก็ปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ ๆ เพื่อให้ลูกน้อยได้อร่อย และสนุกกับมื้ออาหาร วันนี้ทีมกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้ไอเดียการทำเมนูเด็ก น่ากิ๊น น่ากิน มา 3 เมนู ขอบอกว่าวัตถุดิบหลักที่คุณแม่ ๆ เขามาแชร์วิธีทำให้ใน TikTok แค่มี “ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก สูตรไก่ ผัก และแครอท”ก็ทำอาหารเด็กเมนูง่าย ๆ สุดอร่อยให้ลูกรักกินได้ประโยชน์กันค่ะ

3 เมนูเด็กทำง๊าย ง่าย ด้วย…ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก

ไข่ตุ๋นโจ๊ก

เมนูที่ 1 : ไข่ตุ๋นโจ๊ก

วัตถุดิบ

ซีรีแล็ค จูเนียร์โจ๊ก สูตรไก่ ผัก และแครอท 3 ช้อนโต๊ะ

ไข่ไก่  3 ฟอง

น้ำซุป 200 ml

วิธีทำ

  1. นำส่วนผสมทั้งหมดผสมคนให้เข้ากัน
  2. นำส่วนผสมที่ได้ นึงไฟอ่อน 15 นาที
  3. แต่งหน้าไข่ตุ๋นโจ๊กให้สวยงาม น่ารับประทานด้วยกุ้ง และลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น (หรืออื่น ๆ ตามชอบ)

เมนูไข่ตุ๋นโจ๊ก จาก littleingbaby  https://vt.tiktok.com/ZSd2xMSry/

ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก

เมนูที่ 2 : โจ๊กคุณหนู

วัตถุดิบ

  1. ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก สูตรไก่ ผัก และแครอท
  2. กุนเชียง
  3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  4. ซีอิ๊วขาว
  5. ผงกระเทียม
  6. กระเทียมเจียว

วิธีทำ

  1. กุนเชียงหั่นเต๋า นำเข้าเตาอบ
  2. ต่อยไข่ในชาม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวกับผงกระเทียม
  3. ทอดไข่ใส่สุก ทำไข่เป็นรูปหัวใจด้วยพิมพ์
  4. ผสมซีรีแล็ค โจ๊ก ในน้ำร้อน
  5. จัดจานโจ๊กคุณหนูด้วยกุนเฉียง ไข่ทอด และโจ๊กโรยหน้าด้วยกระทียมเจียว

เมนูโจ๊กคุณหนู จาก ambersmixedfamily   https://vt.tiktok.com/ZSd2m4LbR/

โจ๊กไข่ออนเซ็น ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก

เมนูที่ 3 : โจ๊กไข่ออนเซ็น

วัตถุดิบ

  1. ซีรีแล็ค โจ๊ก สูตรไก่ ผัก และแครอท
  2. แซลมอนหั่นเต๋า
  3. ไข่ไก่

วิธีทำ

  1. แซลมอนให้สุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย
  2. ต้มน้ำ 1 ลิตรให้เดือด ใส่ไข่ลงไปต้ม 17 นาที จะได้เป็นไข่ออนเซ็น
  3. ผสมซีรีแล็ค โจ๊กในน้ำร้อนคนให้เข้ากัน แล้วพักไว้ 3 นาที
  4. จัดถ้วยโจ๊กด้วยแซลมอนและไข่ออนเซ็น

เมนูโจ๊กไข่ออนเซ็น จาก cookingbypat   https://vt.tiktok.com/ZSd2G1mJn/

 

จาก 3 เมนูอาหารเด็กที่คุณแม่ ๆ มาแชร์วิธีทำให้นี้ทำง่ายมาก ๆ ซึ่งจะมีวัตถุดิบหลักเป็นซีรีแล็ค โจ๊ก ซึ่งไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลทราย  ไม่ต้องกลัวว่าให้ลูกกินแล้วจะเสียสุขภาพค่ะ และในซีรีแล็ค โจ๊ก ยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเด็ก ๆ ได้แก่ธาตุเหล็กสูง โอเมก้า 3 & 6 แคลเซียม วิตามินและเกลือแร่อีกกว่า 15 ชนิด ต้องบอกว่าคุณค่าสารอาหารมีให้เต็ม ๆ กล่องกันเลยค่ะ

คุณแม่สามารถหาซื้อ “Cerelac Junior Joke” กันได้ที่ LAZADA  ปทำเป็นเมนูอร่อย ๆ ให้ลูกรักที่บ้านได้รับประทานกันนะคะ

เช็กล่าสุด เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้ -จุดรับวัคซีน

Alternative Textaccount_circle
event

ปัจจุบันเราต้องร่วมมือกันยับยั้งไม่ให้เชื้อโควิด-19 สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ และสิ่งที่จะทำให้เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตเกือบปกติ คือ การรับวัคซีน โดยเฉพาะในเด็ก เพราะเด็กควรได้ไปโรงเรียน ไปเจอสังคม การรับวัคซีนจึงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้ในอนาคต วันนี้เรามาเช็กล่าสุด เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้ และจุดรับวัคซีนเด้ก ฟรีค่ะ

วิธีการตรวจสอบอาการเบื้องต้นของโรคโควิด-19

อาการของโรคโควิด-19 และการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจอื่นๆ มักมีลักษณะทางอาการคล้ายกัน แยกกันยากด้วยอาการเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือประวัติการสัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คนในครอบครัว คนใกล้ชิดติดเชื้อโควิด-19 หรือไปในพื้นที่เสี่ยง สำหรับอาการที่แสดงออก ส่วนมากอาการของโรคติดเชื้อโควิด-19 มักไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยอาการเบื้องต้นที่ควรนำมาพิจารณาว่าเด็กมีอาการติดเชื้อโควิด-19 คือ

เด็กฉีดวัคซีนโควิด
เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้

วัคซีนโควิด-19 เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้

ในการพัฒนาวัคซีนในทุก ๆ วัคซีน จะมีการทดลองในผู้ใหญ่ก่อน แล้วจึงค่อยทดลองในวัยรุ่น เด็กโต ไปจนถึงเด็กเล็ก สิ่งที่แตกต่างกันคือปริมาณของวัคซีนในการฉีด เด็กและผู้ใหญ่อาจมีการตอบสนองของวัคซีนที่แตกต่างกัน ทั้งในส่วนของการสร้างภูมิคุ้มกัน และผลข้างเคียงในการรับวัคซีน

เด็กฉีดวัคซีนโควิด เข็ม 1,2 และเข็มกระตุ้น อายุ 5-17 ปี

1. เด็ก 5-6 ปี (กรณีเข็มที่ 1 Pfizer ฝาส้ม)

เข็มที่ 1 Pfizer ฝาสีส้ม
เข็มที่ 2 Pfizer ฝาสีส้ม โดยเว้นจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 8 สัปดาห์
เข็มที่ 3 ยังไม่ถึงกำหนด

2. เด็ก 6-11 ปี

เข็มที่ 1 Pfizer ฝาสีส้ม
เข็มที่ 2 Pfizer ฝาสีส้ม โดยเว้นจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 8 สัปดาห์
เข็มที่ 3 ยังไม่ถึงกำหนด

เข็มที่ 1 Sinovac
เข็มที่ 2 Pfizer ฝาสีส้ม โดยเว้นจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 4 สัปดาห์
เข็มที่ 3 ยังไม่ถึงกำหนด

3. เด็กอายุ 12-17 ปี

เข็มที่ 1 Pfizer ฝาสีม่วง
เข็มที่ 2 Pfizer ฝาสีม่วง โดยเว้นจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
เข็มที่ 3 เป็น Pfizer ฝาสีม่วงครึ่งโดสหรือเต็มโดส โดยเว้นจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 4-6 เดือน

เข็มที่ 1 Sinovac
เข็มที่ 2 Pfizer ฝาสีม่วง โดยเว้นจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 4 สัปดาห์
เข็มที่ 3 Pfizer ฝาสีม่วงเต็มโดส โดยเว้นจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 4-6 เดือน

4. เด็กอายุ 6-17 ปี

เข็มที่ 1 Sinovac หรือ Sinophram
เข็มที่ 2 Sinovac หรือ Sinophram
เข็มที่ 3 Pfizer ฝาสีส้มหรือสีม่วงในขนาดเต็มโดส ตามช่วงอายุ โดยเว้นระยะจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 4 สัปดาห์

ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19

แนะนำให้ฉีดวัคซีนได้ตามหลักเกณฑ์เดียวกับผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยสามารถเข้ารับวัคซีนได้หลังจากติดเชื้อ เป็นเวลา 3 เดือน

เด็กฉีดวัคซีนโควิด
เช็กล่าสุด เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้ -จุดรับวัคซีน

ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก

หากมีอาการดังต่อไปนี้ “ยังไม่ควรฉีดวัคซีน”

  • เด็กอยู่ในช่วงกำลังป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายดีและเลื่อนการฉีดออกไปจนกว่าร่างกายจะกลับมาปกติ
  • เด็กผู้มีโรคประจำตัวรุนแรงที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตที่อาการของโรคยังไม่คงที่ ห้ามฉีด นอกจากแพทย์ประเมินว่าฉีดได้เท่านั้น
  • เด็กที่มีอาการแพ้วัคซีนขั้นรุนแรง เช่น หน้าบวม ปากบวม ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก ความดันตกจนต้องฉีดยากระตุ้นหัวใจ

สถานที่ฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก

  • ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ 

เปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19  ทุกเข็ม (เข็มที่ 1,2,3,4) โดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า (Walk in) คนไทย / ต่างชาติ / ต่างด้าว ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี เข้ารับบริการที่ประตู 2 (เลือกวัคซีนไฟเซอร์ หรือ แอสตร้าเซเนก้า) ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปี เข้ารับบริการที่ประตู 3 (วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม) ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น. รอคิวตามลำดับที่เก้าอี้สีแดง

ศูนย์ฉีดวัคซีน ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร

เปิดให้บริการสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ทุกสัญชาติ เปิดจองผ่านแอป QueQ และรับวอล์คอิน (Walk in) ทุกวันเวลา 08.00-16.00 น. ไม่จำกัดจำนวน

  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี

เด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ไม่จำกัดสัญชาติและพื้นที่อยู่อาศัย เปิดบริการฉีดวัคซีน Pfizer ฝาส้ม เข็ม 1

ขอเชิญลงทะเบียนตามลิงค์ https://xn--o3cdavpl4ezlya.com/nontprompt/nontkids/check.php

เด็กอายุ 6-11 ปี 

สูตร Sinovac เข็ม 1 / Pfizer ส้ม เข็ม 2 Walk in หรือ ลงทะเบียนได้ที่ลิงค์

https://xn--o3cdavpl4ezlya.com/nontprompt/nontkids/check.php

สถานที่ฉีด เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ วันที่ 29 เม.ย. , 5, 20, 27 พ.ค. 2565 บัตรคิว ลานจอดรถชั้น 3

สำหรับในเข็ม 2 จะได้รับใบนัดหมายจากสนามฉีด ในลำดับต่อไป

  • นนท์kids 

เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน Pfizer booster ฝาสีส้ม เข็ม 3 สำหรับเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ไม่จำกัดเชื้อชาติและที่อยู่อาศัย ที่ฉีดวัคซีนสูตร sinovac หรือ Sinopharmมาแล้ว 2 เข็ม

เปิดลงทะเบียนระหว่างวันที่ 21-30 เม.ย.2565

สนามฉีด lmpact Hall 5-7 เมืองทองธานี วันที่ 7-8 พ.ค. 2565 เวลา 08.00-16.00น. วันละ 4,000 คน

ขอเชิญลงทะเบียนที่ลิงค์ https://www.xn--o3cdavpl4ezlya.com/nontpr…/vcevent/slot/93

เงื่อนไข : ได้รับวัคซีน Sinopharm หรือ Sinovac จำนวน 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็มที่2และ3 เวลา 1 เดือนขึ้นไป (ก่อนวันที่ 7 เมษายน 2565)

เด็กอายุ 6-11 ปี สูตร Sinovac เข็ม 1 / Pfizer สัม เข็ม 2

ขอเชิญลงทะเบียนได้ที่ลิงค์https://xn--o3cdavpl4ezlya.com/nontprompt/nontkids/check.php

เด็กฉีดวัคซีนโควิด
เช็กล่าสุด เด็กฉีดวัคซีนโควิด สูตรอะไรได้ -จุดรับวัคซีน
  • Walk in ได้ทั้ง 2 สูตร สำหรับท่านที่ไม่สะดวกลงทะเบียน

สนามฉีด

  1. เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ รับบัตรคิว ลานจอดรถชั้น 3 วันที่ 29 เม.ย. , 5, 20, 27 พ.ค. 2565
  2. เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ รับบัตรคิว อาคารจอดรถ B ชั้น 3 ครึ่ง วันที่ 26 เม.ย., 3,17,24 พ.ค. 2565
  3. สำหรับในเข็ม 2 จะได้รับใบนัดหมายจากสนามฉีด ในลำดับต่อไป

ข้อแนะนำสำหรับเด็ก “หลัง” ฉีดวัคซีนโควิด-19

  • 7 วันแรก ไม่ควรออกกำลังกายหนัก โดยเฉพาะช่วงมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัว
  • ตัวอย่างการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ การเดินแบกของหนัก (เช่น กระเป๋านักเรียน) หรือการออกกำลังกายที่มีแรงต้าน
  • ขณะออกกำลังอาจสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจไม่ควรเกิน 70% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด หากไม่มีเครื่องมือวัด ให้สังเกตอาการว่า ไม่มีอาการ เหนื่อยหอบมากกว่าปกติ หรือ ไม่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติหรือเจ็บหน้าอก
  • ถ้าห้ามการวิ่งเล่นไม่ได้ ให้คอยสังเกตอาการและจำกัดการวิ่ง หรือให้พักทุก 15 นาที
  • หลัง 7 วัน ค่อยๆ ทำกิจกรรมปกติได้ แต่ให้เริ่มจากกิจกรรมเบาๆ ไปหาหนัก
  • ถ้ามีอาการไข้ ปวด บวมแดงร้อน ให้กินยาลดไข้ แก้ปวด

ขอบคุณข้อมูลจาก

PPTV HD

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

วัคซีนโควิด-19 ในเด็ก : ทำความเข้าใจ ปลอดภัย หายห่วง

ฉีดวัคซีนโควิดตอนตั้งครรภ์ ช่วยทารกเข้า รพ. น้อยลง

หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

asian parents สอนลูก แบบเข้มงวดดีจริงหรือ

สอนลูก สไตล์เอเชีย แบบให้อยู่แต่ในโอวาท ดีจริงหรือ

Alternative Textaccount_circle
event
asian parents สอนลูก แบบเข้มงวดดีจริงหรือ
asian parents สอนลูก แบบเข้มงวดดีจริงหรือ

สอนลูก แบบเข้มงวดเหมือนดั่งค่านิยมของชาวเอเชีย (Asian Parents) ลูกเชื่อฟังอยู่ในโอวาทแล้วจะดีกับลูกจริงหรือ มาดูข้อดีข้อเสียกับวัฒนธรรมการเลี้ยงดูแบบนี้กัน

สอนลูก สไตล์เอเชีย แบบให้อยู่แต่ในโอวาท ดีจริงหรือ?

Asian Parents ความหมายก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครองชาวเอเชีย แล้วทำไมถึงต้องแบ่งความเป็นพ่อแม่ตามเชื้อชาติกันด้วยล่ะ เพราะคำ  ๆ นี้มักจะใช้สื่อถึงความเข้มงวด ค่อนไปทาง Toxic หน่อย ๆ ของการเลี้ยงดู สอนลูก ในสไตล์ของคนเอเชีย ไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่คนเอเชียมักอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ มีสายสัมพันธ์ครอบครัวกันมาเป็นรุ่น ๆ ไล่เรียงกันแทบไม่หมด

วัฒนธรรมเอเชียมีชื่อเสียงในด้านการเป็นผู้ให้บริการ คนเอเชียใจดี ยิ้มแย้ม รักการบริการ ดังนั้นบทบาทการเป็นผู้ปกครอง พ่อแม่ของพวกเขาก็เช่นกัน มักจะเป็นพ่อแม่แบบนักจัดหา ในเรี่องความต้องการทางร่างกายของลูก เช่น อาหาร เสื้อผ้า การเรียน การตัดสินใจ เรียกได้ว่าวัฒนธรรมของชาวเอเชียส่วนใหญ่มักจะจัดเตรียม จัดหามาให้พร้อม โดยที่ไม่ค่อยใส่ใจในความรู้สึก หรือความคิดอ่านของลูกมากนัก อาจด้วยเพราะโครงสร้างระบบครอบครัวที่ยึดถือลำดับชั้นอาวุโส ได้รับการสั่งสอนให้ “ฟังและเชื่อฟัง”

โครงสร้างครอบครัวใหญ่ของ Asian Parents
โครงสร้างครอบครัวใหญ่ของ Asian Parents

 

ในสังคมสมัยก่อน มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความสำเร็จในชีวิต การมีหน้าที่การงานที่ดี การเรียนที่มีผลการเรียนดี ดังนั้นการจัดเตรียม วางกรอบชีวิตของลูก จึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกได้ถึงความสำเร็จ และเป็นไปตามที่คาดหวัง เป็นการตอกย้ำความคิดที่ว่าการเลี้ยงดูลูกแบบเข้มงวด คิดแทนให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถูกทางแล้ว แต่ในปัจจุบันเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป เริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตที่ดี มุ่งเน้นการมีความสุขในชีวิตมากกว่าความเป็นที่หนึ่ง อาจเนื่องด้วยสังคมเริ่มเกิด และเล็งเห็นปัญหาทางด้านสุขภาพจิตของเด็กที่มีมากขึ้น เช่น สถิติการฆ่าตัวตาย การที่เด็กมีปัญหาทางจิต และมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เป็นต้น

คุณกำลังเป็นพ่อแม่แบบ Toxic อยู่หรือเปล่า?

เมื่อความเป็นพ่อแม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของลูก แม้ว่าเรื่องนั้นผู้ใหญ่อาจจะมองข้าม และไม่ให้ความสำคัญนัก โดยมีแนวความคิดว่า ลูกเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อแม่ ซึ่งแท้จริงแล้วการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความรู้สึกกับเด็กในแบบที่ว่า รู้ว่าพ่อแม่ทำไปเพราะรัก และหวังดี แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงความรักนั้นได้ ทำให้เกิดความสับสนทางใจ และขาดความเชื่อโยงทางอารมณ์ที่จะสานต่อเป็นความผูกพันได้

ก่อนที่ความหวังดี ความรักของพ่อแม่จะส่งผ่านไปไม่ถึงลูก เรามาเช็กกันดูเสียหน่อยว่าเรากำลังมีพฤติกรรมของ พ่อแม่ Toxic อยู่หรือไม่

  • กำหนดทิศทางในชีวิตลูก

ไม่ให้อิสระในการตัดสินใจในชีวิตของลูก บางคนอาจเข้าใจผิดว่าอำนาจในการตัดสินใจนั้นเราจะมอบให้เมื่อลูกโตพอแล้วเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว พ่อแม่ควรฝึกลูกให้รู้จัก และทดลองตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยค่อย ๆ ปล่อยให้เขามีสิทธิ์ในการเลือกด้วยตัวเขาเอง จากเรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องสำคัญมากขึ้นทีละน้อย โดยมีพ่อแม่เป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่ผู้กำหนด และควบคุมทิศทาง

สอนลูก แบบเข้มงวด เน้นผลลัพธ์มากกว่าความสุข
สอนลูก แบบเข้มงวด เน้นผลลัพธ์มากกว่าความสุข
  • เข้มงวดจนขาดอิสระ

เมื่อใดที่คุณเป็นพ่อแม่ที่เข้มงวด นั่นแสดงว่า คุณกำลังเป็นพ่อแม่ที่ไม่ไว้วางใจในตัวลูกเลย การที่คุณเข้มงวดกับลูกเสียจนเขารู้สึกขาดอิสระ จนทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่กับพ่อแม่แล้ว ยังเป็นการกระทำที่สร้างปัญหาในเรื่อง การเห็นคุณค่าในตนเองของลูก อีกด้วย เพราะนั่นคือ การที่เราไม่เคารพในการตัดสินใจของเขา และตัดสินไปเสียแล้วว่าลูกไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน จึงต้องทำตามที่พ่อและแม่วางไว้ กำหนดให้เท่านั้น

  • รุกล้ำความเป็นส่วนตัว

เด็กไม่ใช่สิ่งของ ดังนั้นเขามีความคิดอ่าน ความต้องการเป็นของตนเอง พ่อแม่จึงควรมอบความเป็นส่วนตัว และเคารพในความเป็นส่วนตัวนั้น ๆ ของลูก ไม่ควรไปละเมิดข้าวของส่วนตัว หรือแม้แต่เวลาส่วนตัวของลูก เพียงเพราะคำว่า ลูกห้ามมีสิ่งใดปิดบังพ่อแม่ เช่น การแอบอ่านสมุดไดอารี่ของลูก การเข้าห้องส่วนตัวของลูกโดยที่ไม่ได้เคาะห้องขออนุญาต เข้าห้องมาโดยพละการ เป็นต้น ซึ่งความกังวลใจของพ่อแม่ที่กลัวลูกมีเรื่องปิดบัง และเรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องอันตรายต่ออนาคตของเขา เราสามารถทำให้ลูกเปิดเผยเรื่องราวของตนเองให้พ่อแม่ได้รับรู้ด้วยการเป็น safe zone เป็นพ่อแม่ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา เวลาลูกมีปัญหาใด ๆ เขาต่างหากที่จะเป็นฝ่ายอยากเข้ามาปรึกษา บอกกล่าวเราเองโดยที่เราไม่ต้องไปละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกเลย

4 สิ่งที่พ่อแม่ควรมอบให้ลูกเพื่อให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักของเรา

 1. เข้าใจ   

คือความความเข้าใจในความเป็นเขา เข้าใจในตัวตนของลูกในแบบที่ลูกเป็น และต้องรับรู้ได้ว่า เด็กก็มีหลากหลายอารมณ์ในโลกของเขาเช่นกัน เพราะผู้ใหญ่มักมองว่าโลกของเด็กเป็นโลกแห่งความสนุกสนาน จึงรับรู้ได้เพียงว่าเด็กไม่มีความทุกข์ ไม่มีความโกรธ ความคับข้องใจ เหมือนดั่งผู้ใหญ่หรอก จึงทำให้พ่อแม่ไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาที่ดีแก่ลูกได้ เพราะความที่เราสร้างกำแพงมากั้นเขาไว้เสียก่อนแล้ว เช่น จะคิดมากไปทำไมเรื่องแค่นี้เอง ไร้สาระ เป็นต้น

สอนลูก คำชมเชย คำปลอบใจ ต้องมี
สอนลูก คำชมเชย คำปลอบใจ ต้องมี

 2. ชมเชย และปลอบโยน

สำหรับครอบครัวคนชาวเอเชีย มักมีความเชื่อผิด ๆ อยู่สิ่งหนึ่งว่า การชมเชยเด็กจะทำให้ลูกเหลิง นั่นเป็นความผิดพลาดมหันต์ เพราะมนุษย์เรานั้นย่อมต้องการกำลังใจ การได้รับความยอมรับนับถือในตัวตน เรียกได้ว่าเป็นอาหารทางใจเลยก็ว่าได้ การที่พ่อแม่รู้จักใช้คำพูดที่เหมาะสม ชมเชยเมื่อลูกทำสำเร็จ หรือปลอบประโลมเมื่อเขาพลาด อย่างจริงใจ ก็จะช่วยเขารู้สึกได้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้แก่เขา และที่สำคัญลูกจะสัมผัสแห่งรักนั้นได้อีกด้วย เช่น “ทำไมลูกไม่ระวังให้มากกว่านี้!” หรือ “ลูกทำอะไรลงไป!” หรือ ” คะแนนสอบก็ใช้ได้แต่แม่ว่ามันน่าจะดีกว่านี้อีก” เป็นต้น คำพูดเหล่านี้นอกจากจะซ้ำเติมลูก ยังไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกรัก และห่วงใยของพ่อแม่ไปถึงเขาได้ ลูกอาจไม่เห็นพ่อแม่เป็นที่หลบภัยอีกต่อไปในเหตุการณ์ในอนาคต

 3. safe zone 

จงเป็นพ่อแม่ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ให้แก่ลูก การเป็น safe zone ให้กับลูกนั้น ทำได้โดยการ “รับฟัง” เพราะเมื่อลูกเกิดปัญหาบางครั้งเขาเพียงแค่ต้องการคนคอยนั่งฟังความรู้สึกของเขาเงียบ ๆ ไม่ตัดสิน คำว่า ไม่ตัดสิน เป็นส่วนสำคัญของการเป็น safe zone ความปลอดภัยในแง่ของเด็กสามารถแบ่งปันอารมณ์อ่อนไหวของตนเองกับพ่อแม่ผู้ปกครองได้ หากเด็กไม่สามารถบอกความรู้สึกของตนเองได้ เพราะกลัวว่าจะถูกเยาะเย้ย ตำหนิ หรือดูถูกดุ เด็กจะไม่สามารถสัมผัสถึงความผูกพัน ความรักของพ่อแม่ได้

แม้เป็นเด็กก็มีหลายอารมณ์ เศร้า โกรธ ดีใจ สอนลูก ให้จัดการอารมณ์ให้ได้
แม้เป็นเด็กก็มีหลายอารมณ์ เศร้า โกรธ ดีใจ สอนลูก ให้จัดการอารมณ์ให้ได้

4. ความมั่นคงทางอารมณ์ 

พ่อแม่ควรเน้นตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของลูกไม่ให้สับสน อย่าตีความพฤติกรรมที่ลูกแสดงออกกับเราผิดไปจากความต้องการของลูกไปไกล ลูกจะผิดหวัง เสียใจ โกรธ และหงุดหงิดกับพ่อแม่ซึ่งอาจจะมีพฤติกรรมที่ดูไม่เหมาะสมไปบ้าง แต่นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เขาสามารถสบายใจในการแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ ลูกไว้วางใจพ่อแม่มากพอ แต่เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยระหว่างลูกกับพ่อแม่ที่ต้องคอยรับอารมณ์เหล่านั้น พ่อแม่สามารถรอ และให้เวลา ให้พื้นที่กับลูกในการประมวลผลอารมณ์เหล่านั้น และตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองให้เข้าใจเสียก่อน (หากลูกไม่สามารถมองเห็นได้ เราสามารถ สอนลูก ชี้ให้เห็นถึงอารมณ์เขาในขณะนั้นได้เช่นกัน) แล้วพ่อแม่จึงมาพูดคุยถึงกติกา และพฤติกรรมที่เหมาะสมในการจัดการอารมณ์ของลูกเมื่อเกิดขึ้นในครั้งต่อไป

การเป็น Asian Parents ครอบครัวเอเชีย ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะมีพฤติกรรม การ สอนลูก ในแบบที่ไม่เหมาะสม สอดคล้องกับเด็กเสมอไป เพราะเด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไป ในพื้นฐานอารมณ์ และพฤติกรรมของเด็กบางคนอาจสอดคล้อง และจัดการรับมือทั้งความต้องการของตนเอง และของพ่อแม่ได้อย่างลงตัว การที่มีวัฒนธรรมการเลี้ยงดูแบบคนเอเชียจึงมิได้มีปัญหาใด ๆ ต่อเขา จึงไม่สามารถสรุปโดยรวมได้ว่า การเลี้ยงดูแบบไหนดีกว่ากัน เพียงแค่เราควรนำสิ่งที่ดีของแต่ละแบบอย่างมาปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวของเราให้ได้อย่างลงตัว และเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนเดินกันไปได้อย่างมีความสุข และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพราะสถาบันครอบครัวเป็นหัวใจหลักของสังคม

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.jeban.com / www.psychologytoday.com
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

69 ศูนย์บริการฯกทม. เจอ แจก จบ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

Alternative Textaccount_circle
event
ผู้ป่วยโควิดสีเขียว
ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

69 ศูนย์บริการฯกทม. เจอ แจก จบ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

ข่าวดีสำหรับ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว ที่อาการไม่หนัก สามารถรักษาเองได้ ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช. นอกจากจะให้วิทธิรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิแล้ว ยังให้สิทธิผู้ที่อยู่ในเขต กทม. เข้าร่วมโครงการ เจอแจก จบ สามารถวอล์คอิน (Walk in) มาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้ง 69 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้  ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. นะคะคุณพ่อคุณแม่

ขั้นตอนของ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว ติดต่อที่ศูนย์ฯ 69 แห่ง

1.ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมแสดงผลตรวจ ATK ที่เป็นบวก

2.สามารถรับการรักษาได้ที่จุดบริการ โดยพยาบาลจะสอบถามข้อมูลเพื่อคัดกรองอาการและความเสี่ยงเบื้องต้น

3.หลังจากนั้นแพทย์ให้การรักษา จัดยา พร้อมให้คำแนะนำ

4.เมื่อครบ 48 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่สอบถามอาการ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงจะส่งต่อเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนต่อไป

ผู้ป่วยโควิดสีเขียว
เจอ แจก จบ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

วิธีการใช้สิทธิ

1. สิทธิบัตรทอง ไปหน่วยบริการตามสิทธิก่อนหรือหน่วยบริการในระบบสปสช.ใกล้บ้านได้ทุกแห่ง ตามนโยบายยกระดับบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ

ตัวอย่าง หน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านไปรับบริการได้ทุกแห่ง เช่น สถานีอนามัย,รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น

2. สิทธิประกันสังคม ไปโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือสถานพยาบาลรัฐและเอกชนในระบบประกันสังคมทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน 1506/ประกันสังคมเขตพื้นที่

3. สิทธิข้าราชการ ไปสถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมสายด่วนกรมบัญชีกลาง 02-2706400

4.ชาวต่างชาติ/สิทธิอื่น แนะนำเจอ แจกจบ หรือติดต่อสถานพยาบาลภาครัฐใกล้บ้าน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso

ตรวจสอบรายชื่อศูนย์บริการสาธารณสุข

ศูนย์บริการสาธารณสุข 1 สะพานมอญ 02-222-7874
ศูนย์บริการสาธารณสุข 2 วัดมักกะสัน 02-2517735
ศูนย์บริการสาธารณสุข 3 บางซื่อ 025870881
ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง 02-246-1553
ศูนย์บริการสาธารณสุข 5 จุฬาลงกรณ์ 02-2141057
ศูนย์บริการสาธารณสุข 6 สโมสรวัฒนธรรมหญิง สี่แยกมหานาค ดุสิต  02282-8493
ศูนย์บริการสาธารณสุข 7 บุญมี ปุรุราชรังสรรค์ 02-284-2331
ศูนย์บริการสาธารณสุข 8 บุญรอด รุ่งเรือง 02-361-6760
ศูนย์บริการสาธารณสุข 9 ประชาธิปไตย 02 282 8494
ศูนย์บริการสาธารณสุข 10 สุขุมวิท 02-2584892
ศูนย์บริการสาธารณสุข 11 ประดิพัทธ์ 022454964
ศูนย์บริการสาธารณสุข 12 จันทร์เที่ยง เนตรวิเศษ เจริญกรุง 107 02-291-7637
ศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรี วานิช ทรงวาด จักรวรรดิ 02-222-7875
ศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้ว สีบุญเรือง ถ.จันทน์ วัดพระยาไกร 022112353
ศูนย์บริการสาธารณสุข 15 ลาดพร้าว 02-541-8380
ศูนย์บริการสาธารณสุข 16 ลุมพินี 022527776
ศูนย์บริการสาธารณสุข 17 ประชานิเวศน์ 02 591 6306
ศูนย์บริการสาธารณสุข 18 มงคล วอนวังตาล จันทน์ 43 (ซอยวัดไผ่เงิน) 02-2110860
ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 วงศ์สว่าง 02-9107314
ศูนย์บริการสาธารณสุข 20 บมจ.นครหลวงไทย วัดเทพศิรินทร์ 02-223-0004
ศูนย์บริการสาธารณสุข 21 วัดธาตุทอง 02-3929278
ศูนย์บริการสาธารณสุข 22 วัดปากบ่อ อ่อนนุช 35 02-349-1817
ศูนย์บริการสาธารณสุข 23 สี่พระยา 02-236 4055
ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน 02579 8953
ศูนย์บริการสาธารณสุข 25 ห้วยขวาง 02-277-2660
ศูนย์บริการสาธารณสุข 26 เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ วัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี 02-4650014
ศูนย์บริการสาธารณสุข 27 จันทร์ ฉิมไพบูลย์ เทอดไท บางยี่เรือ 02-4651000
ศูนย์บริการสาธารณสุข 28 กรุงธนบุรี 02-860-8210
ศูนย์บริการสาธารณสุข 29 ช่วง นุชเนตร (จอมทอง) 02476-6493
ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม บางขุนนนท์ 02-423-0234
ศูนย์บริการสาธารณสุข 31 เอิบ-จิตร ทังสุบุตร ถนนจรัญสนิทวงศ์ บางอ้อ 02-4347303
ศูนย์บริการสาธารณสุข 32 มาริษ ตินตมุสิก สุขุมวิท 64/1 พระโขนง 02-3311773
ศูนย์บริการสาธารณสุข 33 วัดหงส์รัตนาราม วัดอรุณ 02-472-5895

ตรวจสอบรายชื่อศูนย์บริการสาธารณสุข ที่ตั้ง และเบอร์ติดต่อทั้งหมดได้ที่ >>> https://zhort.link/F52

ผู้ป่วยโควิดสีเขียว
69 ศูนย์บริการฯ กทม. เจอ แจก จบ ผู้ป่วยโควิดสีเขียว

ขอบคุณข้อมูลจาก
FB สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ,ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

สปสช. ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

เช็คที่นี่!ผู้ประกันตน ป่วยโควิด เบิกเงินทดแทน อย่างไร

เช็ค! รพ.เอกชนกว่า 100 แห่ง ดูแลผู้ติด โควิดกลุ่มสีเขียว

Omma milku สำหรับคุณแม่หลังคลอด

น้ำนมน้อย ทำสต็อกนมแม่ไม่ได้ ! Ommamilku สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ช่วยได้อย่างตรงจุด

Alternative Textaccount_circle
event
Omma milku สำหรับคุณแม่หลังคลอด
Omma milku สำหรับคุณแม่หลังคลอด

จากประสบการณ์ของทีมแม่ABK และจากเพื่อน ๆ ที่เป็นคุณแม่ ในช่วงหลังคลอดมีเรื่องกังวลใจกันอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่ที่นำโด่งมาก็คือกลัวว่าจะไม่มีน้ำนมแม่ให้ลูกกิน เพราะส่วนใหญ่มักเจอปัญหาน้ำนมน้อย น้ำนมไม่มา ลูกกินนมแม่ไม่อิ่ม หัวอกคนเป็นแม่สงสารลูก อยากให้ลูกกินนมแม่ล้วนอย่างน้อยได้ 6 เดือนก็ยังดี เพราะน้ำนมแม่คือวัคซีนธรรมชาติหยดแรกของลูก และยังมีสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วน ดีต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกมาก ๆ ด้วยค่ะ

นั่นคือปัญหาในอดีตของเรากันค่ะ ตอนนี้ดีใจกับแม่ยุคใหม่สมัยนี้จริง ๆ นะบอกเลย เพราะเขามีตัวช่วยให้น้ำนมแม่มาดี มีเพียงพอให้ลูกกิน แถมยังเหลือเก็บทำสต็อกนมแม่ให้ลูกกินได้กันจนถึงวัยขวบ ฉะนั้นทีมแม่ABK จะไม่พูดถึงไอเทมเด็ด ตัวฮอตที่คุณแม่ ๆ เขาแนะนำกันมาก็คงไม่ได้ นี่ถ้าท้องสองมาเมื่อไหร่ คือต้องจัดแน่นอนค่ะ กับอาหารเสริมสมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ “Ommamilku” แค่ชื่อก็ซารังเฮโยแล้วค่ะ ♥ จริง ๆ มีน้องสาวของทีมแม่ABK ก็กินอยู่นะคะ แนะนำมาว่าให้กินหลังคลอดได้ทันที รับรองมีน้ำนมแม่ให้ลูกกินอิ่มเพียงพอ ที่สำคัญยังมีเหลือเก็บทำสต็อกนมแม่ให้ลูกได้กินกันไปยาว ๆ ค่ะ

Ommamilku

แต่ก่อนอื่นขอพูดถึงชื่อ “Ommamilku” ก่อนสักนิด ชื่อดูเกาหลี๊ เกาหลี ใช่ไหมคะ ชื่อนี้มีที่มาค่ะ Ommamilku เป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า “เพื่อน้ำนมแม่” ใครติดตามดูซีรีย์เกาหลี จะเห็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนเกาหลีคือเขาจะให้ความสำคัญกับสุขภาพมาก ๆ ยิ่งถ้าเป็นแม่หลังคลอดจะใส่ใจกับอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแม่แข็งแรง เมื่อร่างกายหลังคลอดแข็งแรง แม่ไม่มีภาวะเครียด ก็ส่งผลให้ร่างกายผลิตน้ำนมออกมามีทั้งปริมาณ และคุณภาพ และนี่คือที่มาของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดีที่สุดเพื่อคุณแม่ให้นมบุตร Ommamilku มีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ และวิตามินที่คัดสรรมาเพื่อให้คุณแม่หลังคลอดรับประทานได้อย่างปลอดภัยและดีต่อสุขภาพร่างกายค่ะ ความใส่ใจในผลิตภัณฑ์ยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ เพราะมีความพิถีพิถันในการคัดสรรเลือกวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสมทุกชนิด เพื่อให้ได้ออกมาเป็น Omma milku สำหรับคุณแม่หลังคลอดได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประสบผลสำเร็จ ผลิตภัณฑ์ Omma milku ได้รับการวิจัยพัฒนาโดยเภสัชกรเมธัส กวินกุล เภสัชกรเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง แบบนี้คุณแม่มั่นใจได้ค่ะว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อคุณแม่ให้นมบุตร ที่มีคุณภาพ และปลอดภัยในการรับประทานอย่างแน่นอนค่ะ  

ว่าที่คุณแม่มือใหม่ หรือคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูก ใครที่กลัวว่าจะไม่มีน้ำนม หรือตอนนี้กำลังเจอกับปัญหาน้ำนมมาน้อย อยากทำสต็อกนมแม่ ก็ไม่มีน้ำนมเพียงพอสำหรับเก็บทำสต็อกนมแม่!!

ปัญหาทุกอย่างเกี่ยวกับน้ำนมแม่ จัดการได้แค่มีตัวช่วยดี ๆ อย่าง Omma milku คุณแม่ให้นมลูกต้องมีติดบ้านไว้รับประทานกันนะคะ ตามคำแนะนำที่ได้สอบถามข้อมูลมา เพื่อให้ร่างกายภายในแข็งแรงพร้อมในการผลิตน้ำนม คุณแม่ที่อยากมีปริมาณน้ำนมเพียงให้ลูกกิน และมีเก็บทำสต็อกนมแม่ ให้กินวันละ 6 แคปซูลค่ะ

ทีนี้มาดูส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูลของ Ommamilku มีส่วนผสมที่มีประโยชน์อะไรบ้าง ?

จากที่ได้ดูข้อมูลฉลากข้างกล่อง และจากข้อมูลที่ได้มา บอกเลยวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมของ Omma milku มีแต่ตัวท็อปเด็ด ๆ ที่ช่วยเรื่องกระตุ้นบำรุงน้ำนมแม่ให้มาไวทั้งนั้นเลยค่ะ มาเริ่มกันที่

Ommamilku

1. หัวปลี

สรรพคุณของหัวปลี คือช่วยในเรื่องกระตุ้นเพิ่มน้ำนม 1มีงานวิจัยที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นคุณแม่ให้นมบุตร จำนวน 16 คนแบ่งเป็นผู้ที่ได้รับประทานหัวปลี 8 คนและกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานหัวปลีอีก 8 คน (มีเกณฑ์ในการวัดปริมาณน้ำนมจากการปั๊มนมมีหน่วยเป็นมิลลิลิตร และการวัดคุณภาพน้ำนมโดยใช้วิธีการตรวจสอบระดับฮอร์โมนโปรแลคตินมีหน่วยเป็นนาโนกรัม)  งานวิจัยนี้ได้ให้ผลวิจัยออกมาว่าคุณแม่ที่ได้รับประทานหัวปลีมีปริมาณน้ำนมมากถึง 470.681 ml. ในขณะที่คุณแม่ผู้ที่ไม่ได้รับประทานหัวปลีได้ปริมาณน้ำนมเพียง 364.650 ml. และระดับคุณภาพน้ำนมที่ตรวจสอบโดยวิธีวัดระดับฮอร์โมนโปรแลคตินพบว่าคุณแม่ที่ได้รับประทานหัวปลีมีระดับฮอร์โมนสูงถึง 35.337 นาโนกรัม ในขณะที่คุณแม่ผู้ที่ไม่ได้รับประทานหัวปลีมีระดับฮอร์โมนโปรแลคตินที่ – 38.381 นาโนกรัม

2. ฟีนูกรีก(ลูกซัด)

คุณสมบัติของลูกซัด คือสามารถกระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าเพื่อการสร้างโปรแลคตินที่เป็นฮอร์โมนสำคัญต่อการสร้างน้ำนมแม่ 2งานวิจัยจากประเทศอินเดียให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานแคปซูลสมุนไพรผสมฟรีนูกรีก เพียง 50 mg ต่อครั้ง ผลการวิจัยพบว่า คุณแม่ที่มีน้ำนมน้อยหลังจากการคลอด สามารถให้นมบุตรและเพิ่มน้ำหนักทารกได้อย่างเพียงพอ

3. พริกไทยดำ / เหง้าขิง

ทั้งพริกไทยดำและเหง้าขิง เป็นอาหารสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ซึ่งดีต่อสุขภาพภายในของแม่หลังคลอด ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายทำให้ร่างกายสามารถนำส่งเลือดไปบำรุงที่เต้านมได้มากขึ้น ร่างกายคุณแม่มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น เป็นสภาวะที่เกิดการเผาผลาญพลังงาน สารอาหารต่างๆ เพื่อกระตุ้นสร้างน้ำนมได้ดีมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

4. คาโมมายด์

แม่บ้านนี้ชอบดื่มชาคาโมมายด์ที่สุดค่ะ เพราะดื่มง่าย กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากคาโมมายด์ช่วยให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ซึ่งการดื่ม หรือกินคาโมมายด์ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้เป็นปกติ ทำให้หลับง่าย หลับลึก คุณแม่หลังคลอดหากได้พักผ่อนนอนอย่างเติมอิ่ม จะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ดีด้วยนะคะ

5. โฟเลต

ผู้หญิงที่เตรียมตัวมีครรภ์ควรกินโฟเลตเสริมก่อนเริ่มตั้งครรภ์กันนะคะ โฟเลตมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ประสาทสมองและลดความพิการของทารกในครรภ์ และโฟเลตยังดีกับสุขภาพแม่หลังคลอด เพราะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตของคุณแม่มีคุณค่าที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับร่างกายในการผลิตน้ำนมที่ได้คุณภาพออกมาให้ลูกน้อยค่ะ

6. วิตามินบี 12

วิตามินบี 12  มีความจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยทั้งก่อนคลอด และหลังคลอดเลยค่ะ วิตามินบี 12 จะช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดที่แข็งแรงด้วยค่ะ แนะนำว่าคุณแม่ควรได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ และลูกน้อยจะได้รับวิตามินบี 12 จากคุณแม่ผ่านทางน้ำนมแม่ค่ะ

ทีมแม่ABK ขอเพิ่มเคล็ดลับเพิ่มน้ำนมแม่ง่าย ๆ ให้อีกนิดค่ะ นอกจากตัวช่วยอย่างสมุนไพรเสริมอาหาร Omma milku คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพราะน้ำมีส่วนสำคัญที่ร่างกายใช้ในการผลิตน้ำนมแม่ นอนหลับให้พอ อย่างแม่ลูกอ่อนช่วง 1-2 เดือนแรก จะนอนได้ไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ เพราะต้องตื่นมาให้นมลูก กับปั๊มนม ทริคคือถ้าลูกนอนหลับ ก็ให้หลับไปพร้อมกับลูก จะช่วยให้ร่างกายตื่นมาสดชื่นไม่เพลียค่ะ

คุณแม่หลังคลอดที่สนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับแม่หลังคลอด Omma milku คลิกดูคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และสั่งซื้อสินค้าได้ที่  www.ommamilku.com 

Ommamilku สมุนไพรเพิ่มน้ำนม

 

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

รามาธิบดี ผลักดัน 3 แนวคิดต้นแบบพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ยุคใหม่ เพื่อสุขภาพคนไทยที่ยั่งยืน

Alternative Textaccount_circle
event
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เนื่องใน “วันรามาธิบดี” วันที่ 3 พฤษภาคมที่กำลังจะถึงนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเปิดคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และเปิดให้บริการแก่ประชาชนคนไทยในฐานะโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลที่พึ่งของประชาชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้จัดแถลงข่าวเพื่อตอกย้ำถึงพันธกิจสำคัญในการผลิตบุคลากรการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พัฒนางานวิจัยและองค์ความรู้เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย รวมไปถึงการดูแลผู้ป่วยโดยนำนวัตกรรมการแพทย์เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในทุกช่วงอายุอย่างยั่งยืน โดยมีมูลนิธิรามาธิบดีฯ ทำหน้าที่เป็นสะพานบุญที่ช่วยระดมทุนเพื่อสนับสนุนทุกพันธกิจ และส่งต่อการให้…ไม่สิ้นสุด

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี  จวบจนปัจจุบัน  คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี และผลิตบุคลากรการแพทย์ได้มากกว่า 18,000 คน  ประกอบด้วย แพทย์  พยาบาล  รวมทั้งแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง นักวิทยาศาสตร์ฉุกเฉินการแพทย์ และนักเวชศาสตร์สื่อความหมาย ซึ่งบัณฑิตเหล่านี้ก็จะกระจายกันออกไปดูแลผู้ป่วยในสังคมทั่วประเทศ สิ่งที่รามาธิบดีเน้นย้ำอยู่เสมอคือการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเท่าเทียม เพราะผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้รามาธิบดียังมีการพัฒนานวัตกรรมการแพทย์อยู่เสมอ เพื่อการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างครอบคลุมและขับเคลื่อนวงการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป”

โดยความหมายของ 3 หัวใจสำคัญของนวัตกรรมทางการแพทย์ที่รามาธิบดีมุ่งเน้นพัฒนา แบ่งออกได้ดังนี้

ด้านการสร้างแพทย์

รามาธิบดีมีการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา โดยจัดทำ 2 หลักสูตรร่วมกับ 2 คณะของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อรับมือกับยุค Disruption และเพื่อตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของนักศึกษาแพทย์ โดยได้ร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ผลิต “แพทย์นวัตกร” ซึ่งเป็นแพทย์ที่มี 2 ปริญญา หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต รวมถึงความร่วมมือกับวิทยาลัยการจัดการในการผลิต “แพทย์นักบริหาร” เพื่อส่งเสริมให้แพทย์มีทักษะและความพร้อมในการบริหารจัดการโรงพยาบาล และองค์กรด้านสาธารณสุขตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงระดับประเทศ นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรผลิต “นักฉุกเฉินการแพทย์ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา – Sport Paramedicเป็นหลักสูตรร่วมระหว่างภาควิชาฉุกเฉินการแพทย์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา 

 

ด้านการวิจัย

เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านโรคที่รักษายาก ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยตัวอย่างงานวิจัยที่โดดเด่น เช่น การวิจัยด้านนวัตกรรมสร้างอวัยวะเทียมที่มีชีวิต (Tissue Regeneration) ซึ่งทำให้เกิดการผลิตกระดูกเทียมเยื่อหุ้มสมองเทียม การรักษาโรคด้วยเม็ดเลือดขาวซึ่งกระตุ้นภูมิต้านทานต่อเซลล์มะเร็ง การปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ตับ และไต สำหรับไตได้ ดำเนินการไปแล้วกว่า 2.9 พันราย ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย การปลูกถ่ายอวัยวะตับจากพ่อแม่สู่ลูกที่มีภาวะตับวาย โดยทำสำเร็จเป็นรายแรกในประเทศไทย เปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมโดยไม่ต้องผ่าตัด และนวัตกรรมรักษาลิ้นหัวใจรั่วด้วยการใช้คลิปหนีบ เป็นต้น

ด้านการรักษาและสร้างสุขภาพ

รามาธิบดีมีการส่งเสริมแนวทางการรักษาโรคและดูแลสุขภาพในการแพทย์ยุคใหม่ ที่ตอบโจทย์ความ
ท้าทายเชิงระบบ โดยมีแนวคิดว่าการรักษาหลายอย่างสามารถทำได้ที่ “บ้าน” ซึ่งตัวอย่างนวัตกรรมการรักษาที่โดดเด่น ได้แก่ นวัตกรรมระบบการให้บริการผู้ป่วยนอกผ่าน Telemedicine ซึ่งคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นผู้นำด้านนี้ รวมถึงนวัตกรรมเคมีบำบัดที่บ้านสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ที่ช่วยให้เกิดการรักษาด้วยเคมีบำบัดอย่างตรงเวลาและลดการใช้เตียงในโรงพยาบาล ซึ่งนำมาสู่การผลักดันเชิงนโยบายสาธารณสุขของประเทศไทย ที่ส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายเชิงสาธารณสุขอย่างมาก

 

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ

นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้กล่าวเสริมว่า “บทบาทสำคัญของมูลนิธิรามาธิบดีฯ คือการเป็นสะพานบุญแห่งการให้ เพราะการให้สร้างความสุขทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ  มูลนิธิฯ ยังคงเดินหน้าส่งต่อน้ำใจและการช่วยเหลือจากผู้ให้ไปสู่ผู้ป่วย ผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล การจัดหาเครื่องมือแพทย์ การสนับสนุนงานวิจัย การก่อสร้างอาคารสถานที่เพื่อขยายศักยภาพการรับรองดูแลผู้ป่วย ซึ่งทั้งหมดนี้มุ่งหวังให้ผู้ป่วยให้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกระดับชั้น และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในภาพรวม

ในปีนี้มูลนิธิฯ มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการการผลักดันให้เกิดโครงการนวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้สูงวัยและผู้ป่วยระยะ เพื่อรองรับสังคมแห่งผู้สูงวัย โดยโครงการนี้ได้มีการพัฒนานวัตกรรมในการสร้างศูนย์ต้นแบบการดูแลสุขภาวะผู้สูงอายุอย่างครบวงจร หวังว่าจะดูแลผู้คนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีจวบจนนาทีสุดท้าย โดยจะผลักดันให้เป็นศูนย์ต้นแบบการเรียนรู้ต่อไป ซึ่งโครงการต่างๆ ของรามาธิบดีที่กล่าวมานี้จะไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชน ในนามของมูลนิธิเราจึงมุ่งมั่นทำงานเพื่อสานต่อการให้ที่ยิ่งใหญ่นี้ให้คงอยู่ในสังคมสืบต่อไป” นางสาวพรรณสิรี กล่าวทิ้งท้าย

 

ภาพรวมนศ. 4 หลักสูตร

เนื่องในวันรามาธิบดี จึงขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ ด้วยการซื้อเสื้อ “หัวใจอินฟินิตี้” ราคา 199 บาท ทางช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE @ramafoundation, www.ramafoundation.or.th, มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ สอบถามโทร 02-201-1111

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ

ผิวทารกแรกเกิด ดูแลอย่างไรให้สุขภาพดี นุ๊ม นุ่ม ชุ่มชื้นตลอดวัน

Alternative Textaccount_circle
event
ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ
ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ

ผิวลูกเบบี๋ เห็นเด้ง ๆ น่ากอด น่าฟัดแบบนี้ คุณแม่ ๆ มือใหม่ส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วผิวลูกต้องการการดูแลอย่างทะนุถนอมมากเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ สงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมต้องดูแลผิวลูกน้อยตั้งแต่ทารก ? คำตอบคือ “ผิวทารกบอบบางและแพ้ง่าย”

ทารกแรกเกิดจะมีลักษณะโครงสร้างผิวของชั้นผิวหนังแท้ ผิวหนังกำพร้า ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อยังไม่แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ไม่สมบูรณ์ การทำงานของเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินยังทำงานได้ไม่ดี ทำให้ผิวทารกไวต่ออากาศอุณหภูมิ(เย็น-ร้อน) โดยรอบได้ง่ายมาก ผิวจึงแห้ง และเกิดการระคายเคือง มีผดผื่นได้ตลอดเวลา

เพื่อให้ลูกน้อยมีผิวสุขภาพดีตั้งแต่วัยทารก ผิวนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียน ผิวไม่แห้ง ไม่มีผดผื่นคัน หรือแพ้อักเสบ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีการดูแลผิวลูกแบบง๊าย ง่าย เริ่มจากการอาบน้ำที่ถูกวิธี ผิวลูกไม่ถูกทำร้าย มาแนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้รู้กันค่ะ

ก่อนอื่นขอตอบคำถามยอดฮิตที่คุณแม่ถามมาบ่อย ๆ ว่าต้องอาบน้ำให้ลูกวันละกี่ครั้ง ?

ปกติในเด็กทารกคุณหมอจะแนะนำให้อาบน้ำวันละครั้ง เพื่อชะล้างกลิ่นอับ คราบนม คราบเหงื่อ คราบสิ่งสกปรกที่มาจากปัสสาวะ อุจจาระ ฯลฯ แต่ถ้าลูกเลยวัยทารกไปแล้ว หรือมีอายุ  1 ขวบขึ้นไป คุณหมอจะแนะนำให้เปลี่ยนเป็นการอาบน้ำให้ลูกวันละ 2 ครั้ง โดยน้ำที่ใช้ในการอาบให้ลูก ไม่ควรเป็นน้ำที่เย็นจัด หรือร้อนจัดนะคะ อุณหภูมิน้ำก็มีส่วนทำให้ผิวลูกแห้งได้ค่ะ การผสมน้ำอาบให้ลูก น้ำควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ 36 -37 องศาเซลเซียส เป็นน้ำอาบที่มีความอุ่นกำลังดีกับผิวค่ะ

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในขั้นตอนการอาบน้ำ ก็คือการใช้ “ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็ก” คุณพ่อคุณแม่ท่องให้ขึ้นใจว่า “สบู่ดีผิวดี” ดังนั้นถ้าจะเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำให้ลูกน้อย ต้องเลือกที่ “อ่อนโยน และช่วยถนอมผิวลูกได้เป็นอย่างดี”

และเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของพ่อแม่สมัยใหม่ แนะนำให้เลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็กที่ใช้ได้แบบ 2 in 1 คือใช้ได้ทั้งอาบน้ำและสระผม ครบ จบในขั้นตอนเดียว นอกจากจะทำให้สะดวกแล้วนั้น ยังช่วยให้อาบน้ำได้ไวขึ้นอีกด้วย

กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อยู่เสมอว่า ในเด็กทารกหรือเด็กเล็กนั้น อุปกรณ์ หรือผลิตภัณฑ์ของใช้ควรเลือกที่เป็นออร์แกนิค มีส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ เพราะจะปลอดภัยต่อสุขภาพ และผิวของลูกน้อยมากที่สุด

อย่างการอาบน้ำ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวลูก เพราะในทารกแรกเกิดและเด็กเล็กจะมีผิวที่บอบบางมาก สบู่เหลวที่ใช้อาบน้ำลูก ควรมีค่า pH Balance ที่เหมาะสมกับผิวและเส้นผม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ Organic ที่ผลิตจากสารที่สกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว และหลังอาบน้ำเสร็จควรทาบำรุงผิวต่อด้วยเบบี้โลชั่น ก็จะช่วยให้ผิวของลูกน้อยนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งง่ายค่ะ

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่คุณแม่นับล้านวางใจเลือกให้ลูกน้อยใช้ตั้งแต่แรกเกิด ขอบอกเลยว่าไม่ว่าคนรอบข้างที่เป็นคุณแม่ ทั้งเพื่อน และญาติ ถ้าถามว่าใช้อะไรอาบน้ำลูก มักจะได้คำตอบว่า “ใช้ดีนี่ซิดี” ก็ใช้ดีจริง ๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นแม่ ๆ เขาไม่แนะนำบอกต่ออย่างต่อเนื่องกันแน่นอน ที่สำคัญทางเราได้รู้มาว่าผลิตภัณฑ์ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ได้รับรางวัลการันตี NATURAL & ORGANIC: BEST HEAD-TO-TOE WASH จาก Amarin Baby & Kids Awards ประจำปี 2021 มาด้วยนะคะ

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ เป็นสูตรใหม่ !! ที่อยากให้ได้ครอบครัวที่มีลูกเล็ก ๆ ได้ใช้กันค่ะ เพราะเป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นให้อ่อนโยนสุด ๆ กับผิวลูกน้อย สูตรออร์แกนิค 100% จากอาร์แกนออยล์ มีสารสกัดจากธรรมชาติ 100%  ปราศจากพาราเบน ซิลิโคน กูลเตน SLS แอลกอฮอล์ และสี ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ HYPOALLERGENIC TESTED ทำให้แม่ๆ มั่นใจได้เลย ว่าจะไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายต่อผิวของลูกน้อย ที่สำคัญ ผ่านการทดสอบไม่ระคายเคืองต่อดวงตา

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ ยังอุดมด้วยคุณค่าของมอยซ์เจอไรเซอร์จากสารสกัดธรรมชาติ สารสกัดจากดอกซากุระ วิตามินอี น้ำแร่ธรรมชาติ น้ำมันดอกทานตะวัน และสารสกัดออร์แกนิค อาร์แกนออยล์ ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ผิวของลูกน้อยคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 8 ชม.!!  คุณแม่โบกมือลาปัญหาผิวแห้งตึงหลังอาบน้ำเสร็จและผิวแห้งระหว่างวันของลูกน้อยไปได้เลยค่ะ และความพิเศษของส่วนผสมหลักจากธรรมชาติที่มีอยู่ในดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ ขวดนี้ คือได้รับเครื่องหมายรับรองจากสถาบัน Eco-cert องค์กรตรวจรับรองมาตรฐานการควบคุม กำกับกระบวนการแบบอินทรีย์ ของประเทศฝรั่งเศส ทำให้มั่นใจได้เต็มร้อยเลยว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็กที่อ่อนโยนและปลอดภัยต่อลูกน้อยแน่นอน

นอกจากการอาบน้ำเพื่อทำความสะอาดผิวและผมแล้ว ยังให้ความนุ่ม ชุ่มชื้นอีกด้วย ที่สำคัญทั้งผิวและผมลูกน้อยจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากธรรมชาติ ช่วยให้ลูกน้อยสดชื่น อารมณ์ดีตลอดวันด้วยค่ะ

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ

ถ้าอยากให้ลูกน้อยอาบน้ำสนุก มีความสุข ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น สุขภาพดี สำคัญสุดคือต้องดูแลถนอมผิวของเด็ก ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการอาบน้ำ

สำหรับดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ สูตรใหม่นี้ มีให้เลือกซื้อใช้กันหลายขนาดเลยค่ะ โดยขนาดที่ทางทีมงานเจอบ่อย ๆ มีโปรโมชั่นมาก จะมี 3 ขนาด ดังนี้

ดีนี่ ออร์แกนิค ซากุระ ขนาด 180 มล. แถมฟรี 20 ml ราคา 60 บาท ซื้อไว้สำหรับพกพาเดินทาง หาซื้อได้ตามร้านค้าสะดวกซื้อ และแบบขวดปั๊ม มี 2 ขนาด คือ 380 มล. ราคา 121 บาท และ 800 มล. ราคา 202 บาท สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ออร์แกนิค ซากุระ รวมถึงสูตรอื่น ๆ ได้ง่ายและสะดวก ที่ 7-11, Lotus’s, Big C, Tops Market, Makro, CJ Express หรือช้อปออนไลน์ได้ที่ LAZADA , SHOPEE, JD CENTRAL, ALL Online และช่องทางอื่น ๆ

#ดีนี่ออร์แกนิคซากุระ #ดีนี่ที่แม่นับล้านวางใจ

ป้อน น้ำผึ้ง เด็กทารก อันตราย

น้ำผึ้ง ป้อนทารก ระวังอันตราย!จากภาวะโบทูลิซึม

Alternative Textaccount_circle
event
ป้อน น้ำผึ้ง เด็กทารก อันตราย
ป้อน น้ำผึ้ง เด็กทารก อันตราย

น้ำผึ้ง อาหารมากสรรพคุณแต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน พ่อแม่โปรดระวัง ห้ามป้อนน้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เสี่ยงติดเชื้อจากแบคทีเรีย ที่ทำอันตรายได้ถึงชีวิต

น้ำผึ้ง ป้อนทารก ระวังอันตราย!จากภาวะโบทูลิซึม

ภาวะโบทูลิซึม  จากอาหารเป็นภาวะอาหารเป็นพิษชนิดหนึ่ง ภาวะนี้พบไม่บ่อยแต่อาจก่ออาการที่รุนแรงจนเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ ภาวะโบทูลิซึมจากอาหารเกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนด้วยสารพิษโบทูลิซึม (botulism toxin) โดยสารพิษโบทูลิซึมเกิดจากการมีเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum ปนเปื้อนในอาหาร และสร้างสารพิษชนิดนี้ขึ้น สารพิษโบทูลิซึมเป็นสารพิษที่รุนแรงมาก การรับประทานสารพิษชนิดนี้ในขนาดน้อยมากเพียง 0.1 ไมโครกรัม (เท่ากับเศษหนึ่งส่วนสิบล้าน ของน้ำหนักหนึ่งกรัม) ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้

น้ำผึ้ง มากคุณประโยชน์ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน
น้ำผึ้ง มากคุณประโยชน์ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน

 เชื้อโรค Clostridium botulinum คืออะไร

เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบมากในดิน เชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาวะแวดล้อมที่มีออกซิเจนน้อย เช่นในกระป๋องบรรจุอาหารในขวดที่ปิดสนิท หรือในปี๊บ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมแก่การเจริญเชื้อนี้จะหลบอยู่ในสภาพสปอร์ซึ่งคงทนในสภาพแวดล้อมได้ดีมาก และรอจนกว่าจะพบสภาพที่เหมาะสมจึงเจริญเติบโต และสร้างสารพิษในสภาวะที่มีการเจริญเติบโตนั้น

ภาวะโบทูลิซึมอาจเกิดในรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากอาหารได้อีก 2 รูปแบบได้แก่

  1. ภาวะโบทูลิซึมในเด็กทารก (Infant botulism) ซึ่งเกิดจากการเจริญของเชื้อ Clostridium botulinumและการสร้างสารพิษโบทูลิซึมในทางเดินอาหารของทารก ซึ่งทางเดินอาหารของทารกมีปัจจัยสำคัญที่เหมาะสมในการเจริญของเชื้อ ได้แก่ การพัฒนาการเคลื่อนไหวยังไม่ดี และความเป็นกรดต่ำ การป้องกันภาวะนี้ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่อาจปนเปื้อนสปอร์ของเชื้อ Clostridium botulinum เช่น น้ำผึ้งในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า ปี
  2. ภาวะโบทูลิซึมจากแผล (wound botulism) ซึ่งเกิดจากการเจริญของเชื้อ Clostridium botulinum และการสร้างสารพิษโบทูลิซึมในบาดแผลที่มีการปนเปื้อนสปอร์จากดินการป้องกันภาวะนี้ทำได้โดยการล้างแผลให้สะอาด ปราศจากการปนเปื้อนของฝุ่นดิน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคโบทูลิซึม

ผู้ป่วยที่รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่อาการยังไม่รุนแรงมักมีโอกาสรอดชีวิตสูง และฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นโดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจไม่สามารถหายเป็นปกติได้โดยสมบูรณ์ เพราะส่วนใหญ่มักมีปัญหาทางการหายใจในระยะยาว เช่น อาการหายใจถี่ หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เป็นต้น

การป้องกันโรคโบทูลิซึม

โรค Botulism ป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัมเข้าสู่ร่างกาย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หากต้องการถนอมอาหารอย่างการหมักหรือดองผักผลไม้ไว้รับประทานเอง ให้ล้างมือก่อนตระเตรียมจัดการถนอมอาหารทุกชนิด และเก็บอาหารใส่ภาชนะที่สะอาด
  • หากต้องการรับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนการถนอมอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง ของหมักดอง เป็นต้น ให้นำมาอุ่นด้วยความร้อนสูงก่อนทุกครั้ง และควรรับประทานอาหารกระป๋องให้หมดภายในครั้งเดียว
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋องที่บรรจุภัณฑ์มีรอยรั่ว แตก บุบ หรือบวม อาหารภายในกระป๋องมีกลิ่นบูดเน่าหรือมีสีผิดปกติ หรือเมื่อเปิดฝาแล้วมีอากาศ น้ำ หรือฟองพุ่งออกมาจากกระป๋อง
  • เก็บน้ำมันสำหรับประกอบอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหรือเครื่องเทศชนิดใด ๆ ไว้ในตู้เย็นเสมอ
  • ไม่ควรให้ทารกรับประทานน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมจากข้าวโพด เพราะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้

Infant botulism !!

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงภาวะโบทูลิซึมในเด็กทารก เนื่องจากวัยทารกเป็นวัยที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคได้ง่าย เด็กในวัยนี้มีภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ต่ำ ดังนั้นเวลาที่พ่อแม่ ผู้ปกครองจะให้ลูกรับประทานอาหารอะไร ก็ควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มีคนแชร์ว่าได้นำน้ำผึ้งไปป้อนให้กับเด็กทารกอายุ 6 เดือน แล้วเด็กเสียชีวิตซึ่งเป็นข่าวจริงหรือไม่?

ข่าวจริง อันตรายห้ามป้อน น้ำผึ้ง กับทารก
ข่าวจริง อันตรายห้ามป้อน น้ำผึ้ง กับทารก

ทางเพจ อย. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ลงบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “เป็นข่าวจริง”

เพราะอะไร วันนี้เรามีคำตอบก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับโรคโบทูลิซึมกันก่อนดีกว่า โรคโบทูลิซึม เป็นภาวะอาหารเป็นพิษที่เกิดจากการได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ปนเปื้อนในอาหาร

โดยเชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดี และสร้างสารพิษในภาวะที่มีออกซิเจนน้อย มักพบใน

1. อาหารกระป๋องที่มีการจัดเก็บไม่ได้มาตรฐาน เช่นมีรอยบุบ รั่ว หรือแตก

2. หน่อไม้ปี๊ป ที่ไม่ได้ปรุงด้วยความร้อนนานพอ หรือปรับค่าความเป็นกรดที่เหมาะสม

3. น้ำผึ้ง

อาการภาวะโบทูลิซึมในทารก

โดยนอกจากนี้ภาวะโบทูลิซึมสามารถเกิดได้กับเด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี สารพิษจะทำให้มีอาการดังต่อไปนี้

  • ท้องเสีย หรือท้องผูก
  • กลืนน้ำ และอาหารลำบาก ทำให้เบื่ออาหาร
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง คออ่อนพับ
  • มีอาการหายใจลำบาก
  • เด็กป่วยประมาณ 5% จะมีอาการหายใจไม่ทัน หรือชะงักไป หัวใจหยุดเต้น และหากไม่รีบไปพบแพทย์อาจเกิดอันตรายจนเสียชีวิตได้

    ภาวะโบทูลิซึมในทารก ขอขอบคุณภาพจาก www.pidst.or.th
    ภาวะโบทูลิซึมในทารก ขอขอบคุณภาพจาก www.pidst.or.th

เหตุใดน้ำผึ้งจึงอันตรายกับเด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี!!

เนื่องจากทารกมีการพัฒนาการของระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แบคทีเรียซึ่งเข้าสู่ทางเดินอาหารจึงแบ่งตัวสร้างสปอร์ และสารพิษได้ แต่กรณีเด็กโต หรือผู้ใหญ่ ลำไส้จะกำจัดเชื้อออกไปจากร่างกายได้ก่อนที่เชื้อจะเพิ่มจำนวนจึงทำให้สามารถบริโภคน้ำผึ้งได้โดยไม่อันตราย

อันตรายแฝงอื่น ๆ จากน้ำผึ้ง ที่ไม่เหมาะกับทารก

น้ำผึ้งยังมีรสหวานจัด การให้ทารกหรือเด็กบริโภคน้ำผึ้งนั้นจะทำให้ติดรสชาติหวาน ฟันผุ เป็นโรคอ้วนหรือขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ได้จะเห็นได้ว่าไม่ควรให้ทารกที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปีกินน้ำผึ้งโดยเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงได้รับเชื้อหรือสารพิษได้ดังนั้นก่อนที่จะให้ลูกน้อยรับประทานอาหารอะไรควรศึกษาให้ดีก่อนไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้

เมื่อไหร่ควรเริ่มป้อนอาหารเสริมแก่ทารก : เวลาที่เหมาะสมสำคัญสำหรับก้าวแรก

เด็กวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน

ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 6 เดือน ลูกน้อยได้รับสารอาหารทั้งหมดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการจากนมแม่ ทารกไม่ต้องการอะไรนอกจากนมแม่ ไม่จำเป็นต้องป้อนน้ำ ชา น้ำผลไม้ ข้าวต้ม หรืออาหารหรือของเหลวอื่น ๆ ในช่วงนี้

ทารกที่รับประทานอาหารหรือของเหลวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นมแม่ก่อนอายุ 6 เดือนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยต่าง ๆ อาทิ ท้องเสีย ซึ่งอาจทำให้เด็กผอม อ่อนแอและอาจถึงแก่ชีวิตได้ และทำให้คุณให้นมลูกได้บ่อยน้อยลง ดังนั้นปริมาณน้ำนมซึ่งเป็นอาหารสำคัญที่สุดของลูกก็จะลดลงตามไปด้วย

นมแม่เป็นอาหารที่ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกของทารกเด็กทุกคน นมแม่เป็นแหล่งโภชนาการที่มีให้ตลอด และปลอดภัย ซึ่งขาดไม่ได้สำหรับเด็ก

อาหารเสริมสำหรับเด็กทารกก่อน 1 ปี
อาหารเสริมสำหรับเด็กทารกก่อน 1 ปี

อายุ 6 เดือนขึ้นไป

เมื่อลูกน้อยของคุณอายุครบ 6 เดือน เด็กจะเจริญเติบโตและพัฒนาร่างกายอย่างรวดเร็ว และต้องการพลังงาน และสารอาหารมากกว่าแค่นมแม่เพียงอย่างเดียวจะให้ได้ ตอนนี้เด็กต้องเริ่มรับประทานอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

เราจะป้อนอาหารให้ลูกเมื่อเห็นสัญญาณว่าลูกหิว โดยต้องคำนึงถึงความสะอาด หลังจากล้างมือด้วยสบู่แล้ว คุณอาจเริ่มให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าว ผลไม้หรือผักบด แก่ลูกน้อยเพียง เพียง 2-3 ช้อน วันละ 2 ครั้ง และคุณยังควรให้นมลูกต่อไป และบ่อยเท่าที่เคยป้อน

กรณีของเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงด้วยนมแม่

หากคุณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มป้อนอาหารเสริม ยังคงเป็นเมื่อายุครบ 6 เดือนเช่นเดียวกัน เพราะนี่คือช่วงวัยที่ทารกทุกคนไม่ว่าจะเลี้ยงด้วยนมแม่หรือไม่ ต้องเริ่มรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตได้รับสารอาหารครบถ้วน

คำแนะนำอาหารทารกวัย 0-12 เดือน

อายุ อาหารเสริมที่ควรเริ่มได้ ปริมาณอาหารเสริมที่ควรได้รับต่อวัน
แรกเกิดถึง 4 เดือน
  • ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมเพราะว่าน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแต่ถ้าจำเป็นจึงจะให้นมผสมรับประทาน ได้ถึง 2 ปี
  • น้ำนมแม่สามารถให้รับประทานได้ถึง 2 ปี แต่หลัง 1 ปี ต้องได้รับอาหาร  มื้อหลักครบ 3  มื้อ
อายุครบ 4-6 เดือน

เริ่มให้อาหารเสริม

  • ข้าวบดละเอียด
  • ไข่ต้มสลับกับตับบด หรือ ปลาบดเช่น ปลาทู ปลาช่อน
  • ผักสุกบด เช่น ผักกาดขาวฟักทอง
  • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
  • ผลไม้สุก เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุกส้ม กล้วยน้ำว้าสุก
  • ข้าวบดประมาณ 3ช้อนโต๊ะไข่แดงครึ่งฟอง
  • ตับบด 1 ช้อนโต๊ะ
  • ปลาบด 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสุกบดครึ่งช้อนโต๊ะ
  • ผลไม้สุก 1-2 ชิ้น
อายุครบ 7-8 เดือน
  • ข้าวบดหยาบ
  • ไข่ทั้งฟอง สลับกับเนื้อปลา เนื้อหมูหรือ เนื้อไก่
  • ผักสุกบดหยาบให้ผักหลายชนิดสลับกัน
  • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
  • ผลไม้สุก
  • ข้าวบดประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ทั้งฟอง
  • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสุกบด 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น
  • อาหารเสริม 1 มื้อ
  • ผลไม้หลังอาหาร
อายุครบ 8-10 เดือน
  • ข้าวสุกนิ่ม
  • อาหารอย่างอื่นรับประทานเหมือนอายุครบ 7 เดือน แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
  • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ทั้งฟอง
  • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสุกหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น
  • อาหารเสริม 2 มื้อ
  • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ
อายุครบ 10-12 เดือน
  • รับประทานเหมือนเดิมแต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
  • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ทั้งฟอง
  • เนื้อสัตว์ 3 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสุกหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
  • ผลไม้สุก 4-5 ชิ้น
  • อาหารเสริม 3 มื้อ
  • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ
ข้อมูลอ้างอิงจาก oryor.com/www.si.mahidol.ac.th/www.pobpad.com/www.synphaet.co.th/ www.unicef.org

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ศีรษะทารกแรกเกิด มีแผลอย่ารีบโวยอาจไม่ใช่จากการทำคลอด

พัฒนาการทารก 1 เดือน และวิธีกระตุ้นพัฒนาการรอบด้าน!

ตาแฉะ ทารกตาแฉะ ขี้ตาเป็นหนอง ปล่อยไว้อาจเป็นโรคนี้!!

ซิงเกิ้ลมัม เลี้ยงลูกคนเดียวก็เฟี้ยวได้กับเคล็ดลับเติมเต็มลูก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แป้งโดว์

แชร์สูตร! แป้งโดว์ ไร้สารเคมี ของเล่นเสริมพัฒนาการลูก

Alternative Textaccount_circle
event
แป้งโดว์
แป้งโดว์

แป้งโดว์ ของเล่นสุดโปรดของเด็กทุกยุคทุกสมัย หาซื้อง่าย จะทำเองก็แสนง่าย เล่นสนุก เพลิดเพลิน ปั้นเป็นรูปต่างๆ ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์

แชร์สูตร! แป้งโดว์ ไร้สารเคมี ของเล่นเสริมพัฒนาการลูก

หากเป็นรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ของเล่นที่นำมาปั้นเป็นรูปต่าง ๆ คือ ดินเหนียว ยุคต่อมา พ่อ แม่ ปั้นจาก ดินน้ำมัน พอมาถึงยุคปัจจุบัน เปลี่ยนเป็น แป้งโดว์ ประวัติความเป็นมาของแป้งโดว์เป็นอย่างไร ลูกเล่นแล้วมีประโยชน์อย่างไร สามารถทำเองได้อย่างไร วันนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK รวบรวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ

แป้งโดว์
แป้งโดว์

แป้งโดว์ คือ

เป็นก้อนแป้งที่มีเนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นง่าย และมีสีสันสดใสหลายสี ลักษณะคล้ายดินน้ำมัน แต่ไม่มีสารเคมีอันตราย จึงเป็นของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ใช้ปั้นเป็นรูปต่างๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่หยุดนำสิ่งของเข้าปาก

ประวัติความเป็นมา

แป้งโดว์ หรือ Play-Doh ผลิตขึ้นครั้งแรกที่เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้คิดค้นสร้างขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดผนังวอลล์เปเปอร์ โดยเมื่อสมัย 100 ปีก่อน คนส่วนใหญ่มักใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการให้พลังงานภายในบ้าน หรือร้านอาหาร เพราะมีราคาถูกกว่าไม้ฟืน แต่มันจะเกิดคราบเขม่าดำติดตามผนังวอลล์เปเปอร์ ซึ่งทำความสะอาดได้ยาก

ในปี 1933 บริษัท Kutol ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสบู่ จึงได้คิดค้น แป้งโดว์ เพื่อใช้ทำความสะอาดคราบเขม่าจากถ่านหิน ออกมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้แก่บริษัทจำนวนมาก

แต่หลายปีต่อมา น้ำมันและก๊าซ ถูกนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแทนที่ถ่านหิน ซึ่งเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดนี้ ไม่ทิ้งคราบเขม่าบนผนังวอลล์เปเปอร์ อีกทั้งยังมีการพัฒนาวอลเปเปอร์แบบไวนิล ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ด้วยสบู่ จึงทำให้บริษัท Kutol ต้องปิดกิจการลง

แต่แล้วก็ได้มีโอกาสดีเข้ามา เมื่อครูโรงเรียนเด็กเล็ก ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท Kutol  กำลังมองหาของมาให้เด็กนักเรียนใช้ประดิษฐ์ เพื่อตกแต่งต้นคริสต์มาส เธอจึงลองซื้อผลิตภัณฑ์ของ Kutol ไปให้เด็กนักเรียนทำ ซึ่งมันเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก ต่างปั้นเป็นรูปต่าง ๆ กันอย่างสนุกสนาน

พวกเขาจึงเห็นโอกาสในตลาดของเล่นเด็ก ต่อมาจึงได้ตั้งบริษัท Rainbow Crafts ขึ้นในปี 1956 เพื่อผลิตของเล่นที่มีชื่อว่า Play-Doh

ประโยชน์ของแป้งโดว์ต่อพัฒนาการของเด็ก

  • เสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เด็กสามารถปั้นสิ่งต่าง ๆ ตามแต่ความคิด อิสระที่จะคิดและทำ รู้จักพลิกแพลง แยกแยะและใช้สีหลากหลายเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน
  • ฝึกการทำงานร่วมกันของมือและตา ขณะที่เล่นแป้งโดว์ ตาได้ส่งข้อมูลไปยังสมอง เพื่อสั่งการให้มือทำงาน เป็นการพัฒนาการทำงานที่สอดประสานกันระหว่างมือและตา
  • พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การปั้นแป้งเป็นรูปต่าง ๆ ทำให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณมือและนิ้วให้แข็งแรง ต่อไปจะช่วยให้เด็กพัฒนาด้านการวาด การเขียน และการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
  • ส่งเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร เด็กอาจได้เรียนรู้ภาษา คำศัพท์ขณะเล่น เช่น ปั้น นวด แผ่ ม้วน คลึง กลม ไข่ ส้ม ลูกบอล รุ้ง สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน เป็นต้น อีกทั้งยังได้เสริมพัฒนาการด้านการสื่อสาร เมื่อเด็กได้อธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองปั้นขึ้น
  • ช่วยฝึกให้มีสมาธิ การปั้นแป้งโดว์เป็นกิจกรรมที่เด็กใช้เวลาอยู่กับการเล่นได้นาน ช่วยฝึกให้เด็กสามารถอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังทำได้นานขึ้น ฝึกให้เด็กมีสมาธิ
  • ช่วยพัฒนาการทางด้านสังคม โดยเด็กสามารถเล่นแป้งโดว์ร่วมกับเพื่อน หรือพ่อ แม่ พี่ น้อง ช่วยเสริมทักษะการเข้าสังคม และสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
ปั้นแป้งโดว์เป็นรูปต่างๆ
ปั้นแป้งโดว์เป็นรูปต่างๆ

วิธีทำแป้งโดว์

ส่วนผสม

  • แป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด 2 ถ้วยตวง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of tartar) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ถ้วยตวง
  • สีผสมอาหาร
  • น้ำ 2 ถ้วยตวง
  • ถาด หรือเขียง
  • กระทะเทฟล่อน หรือกระทะเคลือบ
  • ทัพพี

ขั้นตอนการทำ

  1. นำแป้งสาสี เกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำมันพีช ใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้อาจให้เด็กคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้มีส่วนร่วม สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
  2. ค่อย ๆ เติมน้ำลงในภาชนะผสม อย่าให้ส่วนผสมข้น หรือเหลวจนเกินไป
  3. วางกระทะบนเตา เปิดไฟอ่อน ควรใช้กระทะเคลือบ หรือเทฟล่อน เพื่อไม่ให้ส่วนผสมติดกระทะ เมื่อกระทะร้อนแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะ ในขั้นตอนนี้ไม่ควรให้เด็กทำ ควรให้เด็กเป็นผู้ดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย
  4. กวนส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน รอให้แป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อน แล้วตักแป้งออกมาพักบนภาชนะใหม่ ทิ้งไว้ให้แป้งหายร้อน
  5. ทดสอบว่าแป้งไม่ร้อนจนเกินไป จากนั้นแบ่งแป้งเป็นก้อน ๆ หยดสีผสมอาหารลงไป ควรหยดที่ละนิดจนกว่าจะได้สีที่ถูกใจ ในขั้นตอนนี้สามารถให้เด็กมีส่วนร่วมในการช่วยนวดคลึงแป้ง
  6. นวดจนสีผสมทั่วกันทั้งก้อน เป็นอันเสร็จ พร้อมนำไปให้ลูกปั้นเล่นได้แล้ว
  7. ควรเก็บแป้งโดว์ไว้ในตู้เย็น โดยใส่ในถุงซิปล็อก หรือพันด้วยแร็ป  เมื่อจะเล่น เอาออกมา รอให้คลายตัว หรือเอามาปั้น ๆ ก็จะพร้อมเล่นได้แล้ว เมื่อแป้งเริ่มเปลี่ยนสี ก็ถึงเวลาทำใหม่อีกรอบ ง่าย ๆ ไม่ยากเลย

แป้งโดว์ ของเล่นที่มีประโยชน์หลากหลาย สามารถทำได้เอง ใช้สีผสมอาหาร ไม่มีสารกันบูด ไม่ต้องกลัวอันตรายจากสารพิษ หากลูกเอาเข้าปาก คุณพ่อคุณแม่ลองทำตามสูตรที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำมาฝากกันได้เลยค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ของเล่นธรรมชาติ ของเล่นเสริมพัฒนาการ ที่ไม่สำเร็จรูป แต่มหัศจรรย์ต่อลูกน้อย

ของเล่น เสริมIQ EQลูกน้อย..ใครว่าอัจฉริยะสร้างไม่ได้!

ทำความสะอาดของเล่น ลูกน้อยปลอดภัยจากเชื้อโรค

สอนลูกให้เป็นคนรักษาของ ดูแลของเล่นชิ้นโปรด รักษาสมบัติส่วนตัว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.longtunman.com, https://hellokhunmor.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Amarin Baby & Kids

วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

สปสช. ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

Alternative Textaccount_circle
event
วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

สปสช. ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตก และยิ่งใกล้ช่วงหน้าฝนด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังโรคไข้หวัดใหญ่นะคะ เพราะอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ใกล้เคียงกับโควิด-19 หากเกิดพร้อมกันคงไม่ดีแน่ค่ะ การได้รับวัคซีนป้องกันนับว่าเป็นเรื่องดี เพื่อบรรเทาอาการหากเกิดขึ้นได้ ซึ่งทาง สปสช. ก็ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรีด้วยนะคะ

ไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ (Flu or Influenza) คือ โรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจในส่วนของจมูก ลำคอ และปอด อาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอหรือจาม แต่มีความรุนแรงและมีโอกาสพัฒนาสู่ภาวะแทรกซ้อนได้

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดปี และระบาดในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูฝนที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

อาการของไข้หวัดใหญ่

ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการเบื้องต้นคล้ายผู้ป่วยไข้หวัดธรรมดา แต่อาการป่วยไข้หวัดใหญ่จะส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายได้มากกว่า มีไข้สูงมาก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียหมดแรง ไอ จาม เจ็บคอ คออักเสบ บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วงร่วมด้วย บางราย ผู้ป่วยมีอาการแสดงอย่างอื่น แต่ไม่มีไข้ และอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นได้ด้วย ทั้งนี้อาการป่วยที่อาจเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับร่างกาย อายุ และโรคประจำตัวเดิมของแต่ละบุคคลด้วย

สาเหตุของไข้หวัดใหญ่

สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Influenza Virus ผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ การรับของเหลวที่มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ผ่านการกิน การดื่ม หรือการสัมผัสเชื้อเข้าสู่เนื้อเยื่อร่างกายโดยตรงทางเลือด น้ำเหลือง น้ำหล่อลื่นที่ดวงตา

ทั้งนี้ การติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ไวรัสด้วย บางสายพันธุ์สามารถติดต่อจากสัตว์เลือดอุ่นที่เป็นพาหะสู่คนได้ โดยเฉพาะปศุสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่มีความใกล้ชิดกับคน ไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์จึงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดในหมู่ปศุสัตว์และเกษตรกรค่อนข้างสูง

การรักษาไข้หวัดใหญ่

เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แพทย์จะจ่ายยาเพื่อรักษาตามอาการที่ป่วย หรือหากมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ยารักษาได้ด้วยตนเองภายใต้คำแนะนำของเภสัชกร เช่นยาลดไข้ ยาแก้หวัด เช็ดตัวลดไข้ และควรนอนหลับพักฟื้นให้เพียงพอ เพราะการป่วยไข้หวัดใหญ่จะทำให้ร่างกายอ่อนล้าและต้องการการพักผ่อนมากกว่าปกติ

หากมีอาการที่น่าสงสัยหรือจัดอยู่ในผู้ป่วยสายพันธุ์อันตรายที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เพื่อรับยาต้านไวรัสป้องกันหรือลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส

วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
สปสช. ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่อาจเป็นเหตุให้ร่างกายเกิดภาวะแทรกซ้อนและโรคต่าง ๆ ได้ เช่น ภาวะร่างกายขาดน้ำ การติดเชื้อในหู การติดเชื้อที่ไซนัส หลอดลมอักเสบ ปอดบวม ปอดอักเสบ ปัญหาที่ระบบประสาทส่วนกลาง กล้ามเนื้ออักเสบ หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน และมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงกว่า

นอกจากนั้น อาการของไข้หวัดใหญ่ยังเป็นเหตุทำให้อาการป่วยโรคอื่นที่เป็นอยู่ก่อนหน้าทรุดหนักลง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด และโรคหัวใจ

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

ในปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับฉีดป้องกันไวรัสที่สามารถฉีดได้ปีละครั้ง แต่ไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ทุกชนิด รวมถึงมียาต้านไวรัสที่ได้รับการแนะนำให้ใช้ในผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย และสุขอนามัยในการใช้ชีวิต ก็เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการป่วยไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน

สปสช. ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เชิญชวนประชาชนทุกสิทธิการรักษาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้ฟรี เริ่ม 1 พฤษภาคม 2565 เพื่อป้องกันการเกิดโรคที่รุนแรงและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในสถานการณ์โรคโควิด-19

กลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยไข้หวัดใหญ่

พบอัตราป่วยประมาณร้อยละ 10-20 ของประชากร ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และผู้ที่เป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และเสียชีวิต หากไม่ป้องกันการแพร่ระบาดจะทำให้โรงพยาบาลต้องรับภาระในการดูแลผู้ป่วย และก่อให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจด้านการรักษาพยาบาลตามมา

วัคซีนครอบคลุมไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สปสช.จึงได้มีการบรรจุ “บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล” เป็นสิทธิประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคภายใต้ “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” มาอย่างต่อเนื่องโดยความร่วมมือระหว่าง สปสช. และกรมควบคุมโรค โดยในปี 2565 ได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จำนวน 4,200,000 โดส สำหรับฉีดให้กับประชาชนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ทุกสิทธิการรักษา ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ครอบคลุมการป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์

  • an A/Victoria/2570/2019 (H1N1) pdm09-like virus,
  • an A/Darwin/9/2021 (H3N2)-like virus
  • a B/Austria/1359417/2021 (B/ictoria lineage)-like virus.)

ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด

กลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มที่ วอล์กอินฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี

  • หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี)
  • เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน
  • ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
  • บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  • โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
  • ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

ขั้นตอนการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

1. ประชาชนในต่างจังหวัด

  • เบื้องต้นจะมีข้อความ SMS ส่งให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อแจ้งให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

“วัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีมาแล้ว ! สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี! ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ไม่ต้องจอง ไปก่อนได้ก่อน ตั้งแต่ 1 พ.ค. – 31 ส.ค. 65 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด สามารถค้นหาสถานพยาบาลใกล้บ้านผ่านกระเป๋าสุขภาพได้ตั้งแต่ 1 พ.ค.65 เป็นต้นไป”

  • สามารถ Walk in เข้ารับบริการที่หน่วยบริการใกล้บ้านได้เลยไม่ต้องจองล่วงหน้า หรือ อาจโทรสอบถามกับหน่วยบริการก่อน

2.ประชาชนในพื้นที่ กทม.

  • เปิดให้จองฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ล่วงหน้าด้วยการลงทะเบียนผ่านแอป “เป๋าตัง”  เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยเป็นความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป สปสช. ขอเชิญชวน 7 กลุ่มเสี่ยง ทุกสิทธิ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากช่วยลดความรุนแรงจากการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากการติดเชื้อของทั้ง 2 โรค และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมทั้งยังลดความสับสนการตรวจคัดกรองภาวะติดเชื้อร่วมระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่กับโรคโควิด-19 ได้ด้วยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

pobpad, ฐานเศรษฐกิจ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เช็คที่นี่!ผู้ประกันตน ป่วยโควิด เบิกเงินทดแทน อย่างไร

สปสช.ดึง 700 ร้านยา เจอ แจก จบ ดูแลผู้ป่วยโควิด  

เช็ค! รพ.เอกชนกว่า 100 แห่ง ดูแลผู้ติด โควิดกลุ่มสีเขียว

ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ

30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ พูดกับลูกในชีวิตประจำวัน

Alternative Textaccount_circle
event
ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ
ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ

30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ใช้พูดคุยกับลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อเสริมทักษะทางด้านภาษา ให้ลูกเกิดความคุ้นชิน มั่นใจ กล้าพูด โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้เริ่มสอน ก่อนเข้าโรงเรียน

30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ พูดกับลูกในชีวิตประจำวัน

การสอนภาษาอังกฤษให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก คุณพ่อคุณแม่มีส่วนสำคัญมาก การพูดคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน จะทำให้ลูกเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กจะไม่รู้สึกถูกบังคับ หรือเบื่อที่ต้องมาท่องคำศัพท์จากหนังสือ คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มจากพูด คำศัพท์สั้นๆ จากนั้นขยับขึ้น เป็นประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งวันนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวม 30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ มาให้แล้วค่ะ

ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ
ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ

30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ พูดคุยกับลูกในชีวิตประจำวัน

ประโยคภาษาอังกฤษ อ่านว่า แปลว่า
Time to get up ไทมฺ ทู เก็ท อัพ ได้เวลาตื่นนอนแล้วนะ
Time to rise and shine ไทมฺ ทู ไรซฺ แอนดฺ ไชนฺ ลุกขึ้น
Is it too cold? อิส อิท ทู โคลดฺ? แอร์เย็นไปไหม
Take a shower เทค อะ ชาวเวอรฺ ไปอาบน้ำ
Take off your shirt เทค ออฟ ยัวรฺ เชิรฺท ถอดเสื้อออก
Rinse your mouth with a lot of water รินสฺ ยัวรฺ เมาธฺ วิธ อะ ลอท ออฟ วอเทอรฺ บ้วนปากด้วยน้ำเยอะๆ
Scrub the soap all over your body สครับ เดอะ โซพ ออล โอเวอรฺ ยัวรฺ บอดี้ ถูสบู่ให้ทั่ว
Make a nice sawasdee เมค อะ ไนซฺ สวัสดี สวัสดีสวยๆ
Don’t get shampoo in your eyes โดนทฺ เก็ท แชมพู อิน ยัวรฺ อายสฺ ระวังยาสระผมเข้าตา
Flush the toilet after you pee ฟลัส เดอะ ทอยเลท อาฟเทอรฺ ยู พี ฉี่แล้วกดชักโครกด้วยนะ
Flush the toilet here ฟลัช เดอะ ทอยเลท เฮียรฺ กดชักโครกตรงนี้
Wash your hands วอช ยัวรฺ แฮนดฺส ล้างมือให้สะอาด

Turn off the tap

เทิรฺ ออฟ เดอะ แทพ ปิดก๊อกน้ำด้วย
Dry yourself with a towel ดราย ยัวรฺเซลฟฺ วิธ อะ ทาวเอิล ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตัวให้แห้ง
Apply (the) talcum powder แอพพลาย (เดอะ) แทลคัม พาวเดอรฺ ประแป้ง
Comb your hair โคมบฺ ยัวรฺ แฮรฺ หวีผม
Button every button บัทเทิน เอฟวรี บัทเทิน ติดกระดุมให้ครบทุกเม็ด
Don’t forget to zip it up โดนทฺ ฟอรฺเก็ท ทู ซิพ อิท อัพ อย่าลืมรูดซิป
Put your socks on พุท ยัวรฺ ซอคสฺ ออน ใส่ถุงเท้า
Wear your shoes แวรฺ ยัวรฺ ชูสฺ สวมรองเท้า
What did you do? วอท ดิด ยู ดู? ไปทำอะไรมาล่ะ
What do you want to eat today? วอท ดู ยู วอนทฺ ทูอีท ทูเดย์? วันนี้อยากกินอะไร
How much rice do you want? ฮาว มัช ไรซฺ ดู ยู วอนทฺ? เอาข้าวกี่ทัพพี
Be careful, It’s hot บี แครฺฟูล, อิทสฺ ฮอท ระวังร้อน
Do you want some more? ดู ยู วอนทฺ ซัม มอรฺ? เอาเพิ่มอีกไหม
Eat quickly, The ice cream is melting อีท ควิคลี, ดิ ไอซฺ ครีม อิส เมลทิง รีบกินสิ เดี๋ยวไอติมละลาย
Is it sweet? อิส อิท สวีท? หวานไหม
Time to go home ไทมฺ ทู โก โฮม ได้เวลากลับบ้านแล้ว
 I’m sleepy ไอมฺ สลีพพี หนูง่วงแล้ว
Are you asleep yet? อารฺ ยู อะสลีพ เย็ท? หลับหรือยัง
เสริมทักษะภาษาอังกฤษ
เสริมทักษะภาษาอังกฤษ

เด็กเป็นวัยที่สามารถจดจำได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำ 30 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK  นำมาฝากนี้ ไปพูดคุยกับลูกเพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ยิ่งพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้ลูกคุ้นชิน และมั่นใจที่จะพูดคุยภาษาอังกฤษกับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

50 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ใช้สอนลูก ให้พูดได้แต่เด็ก!

50 ประโยคให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ได้ใจลูกไปเลย!

10 โรงเรียนนานาชาติ ในไทยที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน

ส่อง!!โรงเรียน3ภาษา ข้อดีข้อเสียแบบไหนเหมาะกับลูกรัก

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://engenjoy.blogspot.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Amarin Baby & Kids

ซิงเกิ้ลมัม แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เฟี้ยวได้

ซิงเกิ้ลมัม เลี้ยงลูกคนเดียวก็เฟี้ยวได้กับเคล็ดลับเติมเต็มลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ซิงเกิ้ลมัม แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เฟี้ยวได้
ซิงเกิ้ลมัม แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เฟี้ยวได้

ซิงเกิ้ลมัม ใครว่าแย่ เมื่อต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว รับมือได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกคนเดียว ที่ช่วยให้ลูกไม่รู้สึก ขาด เติมเต็มได้ ไร้ปัญหา

ซิงเกิ้ลมัม เลี้ยงลูกคนเดียวก็เฟี้ยวได้!! กับเคล็ดลับเติมเต็มลูก

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซิงเกิ้ลมัม ไม่ใช่เรื่องแปลกกับสังคมยุคปัจจุบัน ที่ผู้หญิงก็สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ผู้ชายก็สามารถเลี้ยงลูกได้ ดังนั้นคำว่า ครอบครัวสมบูรณ์แบบ นั้น คงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รูปแบบ พร้อมหน้า พ่อแม่ และลูกเท่านั้น แต่หากเป็น การที่เราสามารถเลี้ยงลูกให้ไม่เกิดความรู้สึก ขาด แม้จะมี แม่ หรือ พ่อเพียงลำพังก็ตาม ดังนั้นคำว่า สมบูรณ์ จึงเป็นการกล่าวถึงคุณภาพเสียมากกว่า คุณภาพชีวิตของลูก และความรู้สึกที่ได้รับการเติมเต็มก็สามารถนับได้ว่า เขาเติบโตมาพร้อมกับความสมบูรณ์ได้เช่นกัน

ซิงเกิ้ลมัม แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เฟี้ยวได้
ซิงเกิ้ลมัม แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เฟี้ยวได้

เลี้ยงเดี่ยว ก็เฟี้ยวได้ ถ้าสุขภาพจิตดี!!

พ่อ หรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ส่วนใหญ่มักมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันในการดูแลอารมณ์ หรือจัดการกับชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย สาเหตุใด เช่น หย่าร้าง การตายของคู่ครอง หรือแม้แต่สมัครใจอยู่คนเดียวแต่ต้น สิ่งที่คนเหล่านี้มักเลือกปฎิบัติเมื่อต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสถานะ นั่นคือ ซิงเกิ้ลมัม เหล่านี้มักยุ่งอยู่กับการดูแลความต้องการของลูก ๆ จนมองข้ามความต้องการทางอารมณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะด้วยเพื่อการชดเชยสิ่งที่ขาดหายให้กับลูก หรือด้วยเหตุผลอื่นใด แต่รู้หรือไม่ว่าการละเลยความต้องการของตนเองเป็นการกระทำที่ผิดพลาด

5 ขั้นตอน กับการจัดการอารมณ์ให้มีสุขภาพจิตที่ดี

พ่อ หรือแม่เลี้ยงเดี่ยวควรหันมาสนใจกับสุขภาพจิตของตนเองเป็นอันดับแรก เนื่องจากหากเราสามารถจัดการกับตัวเองได้แล้ว เราจะสามารถดูแลความรู้สึกของลูก และสามารถจัดการให้ความรู้สึก ความต้องการของทั้งสองฝ่ายเดินไปด้วยกันได้อย่างลงตัว ขั้นตอนในการจัดการอารมณ์ของตนเองเพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดี มีดังต่อไปนี้

  1. อย่าเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดของคุณ เมื่อความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งที่มาจากความตั้งใจ หรือมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ความรู้สึกแรกของคุณคงต้องเริ่มจากความเจ็บปวดเป็นอันดับแรก ดังนั้นคุณควรยอมรับความเจ็บปวดทางอารมณ์นั้นเสียก่อน และเมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดมาเกินสองสามวันแล้ว ให้คุณรับรู้ และพิจารณาถึงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น และหาทางแก้ไขเพื่อรักษาบาดแผลทางจิตใจของคุณ อย่าทำเป็นลืม หรือเพิกเฉยต่อมัน
  2. หยุดโทษตัวเองที่มากเกินไป หยุดวงจรเชิงลบทางความคิดของคุณเสีย เพราะมันจะนำไปสู่การขาดความมั่นใจในตนเอง
  3. ปกป้อง และรักษาความนับถือในตนเองของคุณ โดยเริ่มจากหลีกเลี่ยงการพูดถึงตนเองในเชิงลบ เลิกโทษตัวเองเป็นอันดับแรก
  4. ต่อสู้กับความคิดเชิงลบนั้นเสีย เมื่อเรายอมรับว่ามีความคิดเชิงลบในตนเอง ถึงเวลาที่เราจะลุกขึ้นสู้กับความคิดเหล่านั้นแล้ว ซึ่งวิธีการแห่งการต่อสู้คงมีรายละเอียดที่ต่างไปในแต่ละสถานการณ์ แต่ละคน โดยบางทีอาจเป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่ตั้งเป้าหมายความสำเร็จง่าย ๆ ให้แก่ตัวเอง เมื่อเราทำสำเร็จเราจะรู้สึกถึงความภูมิใจในตนเองขึ้นมาบ้างหลังจากดำดิ่ง
  5. ค้นหาข้อมูล และวิธีการเยียวยาผลกระทบของบาดแผลทางจิตใจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังประสบการณ์จากผู้ที่เคยประสบมาก่อน หรือ การฟังคำคมชีวิต หรือการออกไปท่องเที่ยวคนเดียว หรือวิธีอื่นใด ที่เมื่อคุณทำแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น

    เมื่อต้องเป็น ซิงเกิ้ลมัม จะรับมืออย่างไร
    เมื่อต้องเป็น ซิงเกิ้ลมัม จะรับมืออย่างไร

เคล็ดลับเติมเต็มให้ลูก ฉบับซิงเกิ้ลมัม

ในด้านสุขภาพจิตของเด็ก มีงานวิจัยพบว่าวัยรุ่นที่เติบโตจากการเลี้ยงดูโดยพ่อหรือแม่เพียงคนเดียวนั้น มีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้า และขาดความเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าเด็กที่มีทั้งพ่อ และแม่ ดังนั้น หากสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติของลูกอย่างการแยกตัวจากสังคม เศร้าซึม ดูเหงา พูดว่าตัวเองไม่ดี ไม่เป็นที่รัก และแสดงความหงุดหงิดหรือความสิ้นหวัง คุณแม่ควรพยายามพูดคุยรับฟังลูก และอาจพาลูกไปปรึกษาแพทย์

รีบแก้ไขก่อนเดินไปถึงจุดนั้น

หากคุณเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มให้แก่ลูกของคุณ ไม่ให้เข้ารู้สึกขาด คุณสามารถทำได้อย่างแน่นอน เมื่อเราสามารถเริ่มต้นการเป็นซิงเกิ้ลมัมด้วยสุขภาพจิตที่ดีจาก 5 ขั้นตอนข้างต้นแล้ว รับรองว่าเคล็ดไม่ลับ ฉบับซิงเกิ้ลมัมนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณแม่ หรือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวทั้งหลายช่วยปิดช่องว่างให้แก่ลูกของเราได้อย่างแน่นอน

เคล็ดไม่ลับ…ฉบับซิงเกิ้ลมัม

  • มอบความรัก และความอบอุ่นให้ลูกอย่างเพียงพอ การดูแลเอาใส่ใจและแสดงให้ลูกเห็นว่าตนรัก และสนับสนุนลูกอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อ และแม่ด้วยตนเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ควรจัดสรรเวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับลูกเป็นประจำ เช่น ออกกำลังกายนอกบ้าน เล่นกับลูก อ่านหนังสือไปพร้อม ๆ กัน หมั่นพูดคุยสอบถามความรู้สึก และชีวิตที่โรงเรียนของลูกอย่างใกล้ชิดเผื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น เป็นต้น
  • สอนให้ลูกรู้จักระเบียบวินัย เช่น ฝึกให้ทำทุกอย่างเป็นกิจวัตร ทั้งเวลาตื่น กิน และนอน เพื่อให้เด็กจดจำ และรับรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร การทำเช่นนี้จะช่วยให้แต่ละวันดำเนินไปอย่างราบรื่น และง่ายดายยิ่งขึ้น หากมีพี่เลี้ยงเด็ก ต้องบอกให้คอยสร้างระเบียบวินัยกับเด็กแบบเดียวกันด้วย เช่น สอนให้พูดจาไพเราะและให้เกียรติผู้อื่น จำกัดเวลาดูโทรทัศน์ เป็นต้น เมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นและแสดงถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นแล้ว คุณแม่อาจผ่อนผันกฎต่าง ๆ ให้เหมาะสมตามไปด้วย เพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกอึดอัดหรือถูกบังคับมากเกินไป
  • เลือกผู้ดูแลลูกที่เชื่อถือได้ สำหรับซิงเกิ้ลมัมที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง และต้องฝากให้คนอื่นเลี้ยงดูลูก ควรเลือกคนใกล้ชิดที่เชื่อใจได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กจะปลอดภัย และได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในระหว่างที่คุณแม่ไม่อยู่ และไม่ควรปล่อยให้เด็กที่โตกว่า รวมถึงเพื่อนใหม่หรือคนรักใหม่ที่เพิ่งคบกันไม่นานมาดูแลเด็กเล็กเพียงลำพัง หากเลือกฝากเด็กกับสถานรับเลี้ยงเด็กหรือเนิร์สเซอร์รี่ก็ควรเลือกสถานที่ที่น่าเชื่อถือและมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
  • ใส่ใจดูแลตนเองด้วย สุขภาพกาย และใจที่แข็งแรงของซิงเกิ้ลมัมจะช่วยให้รับมือกับความเหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกคนเดียวได้ดีขึ้น โดยควรกินอาหารให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ พักผ่อนให้เพียงพอเสมอ หมั่นออกกำลังกาย และจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ชื่นชอบหรือผ่อนคลาย ทั้งนี้ คุณแม่ควรหาเวลาพักจากการเลี้ยงลูกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมง ในระหว่างที่ฝากลูกกับคนใกล้ชิดหรือจ้างพี่เลี้ยงเด็กให้ดูแลลูกแทน
  • ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด เมื่อรู้สึกท้อ เหนื่อยจากการเลี้ยงลูก หรือพบเจอปัญหาใด ๆ อย่าแบกรับไว้คนเดียว คุณแม่ควรขอคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด เพื่อน หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่สนิทกัน เพราะการพูดคุยระบายความทุกข์จะช่วยให้สบายใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ หลังจากปรึกษาหรือขอความเห็นจากผู้อื่น คุณแม่อาจได้มุมมองและวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา ทั้งยังช่วยให้ไม่จมอยู่กับปัญหานั้นมากเกินไป

    เมื่อครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบ หยุดโทษตัวเอง แล้วก้าวต่อ
    เมื่อครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบ หยุดโทษตัวเอง แล้วก้าวต่อ
  • เข้าร่วมกลุ่มให้ความช่วยเหลือในการเลี้ยงลูก หากไม่สามารถปรึกษาคนรอบข้างได้ หรือไม่สบายใจที่จะพูดคุยด้วย คุณแม่สามารถเข้าร่วมกลุ่มพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือองค์กรที่สนับสนุนด้านการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือแบบพบปะเห็นหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง และแนวทางในการเลี้ยงลูก
  • อย่าโทษตัวเองที่ลูกต้องขาดพ่อหรือแม่ ควรให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ลูกให้ดีที่สุด ไม่ควรจมอยู่กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และไม่ควรพยายามทดแทนสิ่งที่ลูกขาดด้วยการตามใจลูกทุกอย่างเป็นอันขาด
  • มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ พยายามมองปัญหาต่าง ๆ อย่างมีอารมณ์ขัน และคิดในแง่บวกให้มาก และจำไว้ว่าการยอมรับกับลูกว่าคุณกำลังเครียด กดดัน หรือเผชิญปัญหาต่าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่ควรให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าทุกอย่างจะดีขึ้น และไม่ควรคาดหวังให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดหรือคาดหวังให้เด็กประพฤติตัวเป็นผู้ใหญ่ เพราะเด็กก็ยังเป็นเด็ก การสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบตามที่ควรจะทำได้ในช่วงอายุนั้น ๆ เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว
  • รู้จักปล่อยวาง ในกรณีที่พ่อแม่แยกทางกัน คุณแม่หรือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวอาจอยากให้อีกฝ่ายมาหาลูกบ้าง โดยเฉพาะในโอกาสสำคัญอย่างวันเกิดหรือวันจบการศึกษาของลูก แต่ควรระลึกไว้ว่าบางสิ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้และไม่ควรคาดหวัง เพราะอาจทำให้รู้สึกขุ่นเคืองใจ สิ่งที่ซิงเกิ้ลมัมทำได้ก็คือพยายามทำในส่วนของตนเองให้ดีที่สุด
  • ควบคุมสติอารมณ์ หากรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะหลาย ๆ อย่างไม่เป็นดังใจ คุณแม่ที่เป็นซิงเกิ้ลมัมอาจสูญเสียการควบคุมตนเองได้ ดังนั้น เมื่อเกิดความรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห คุณแม่ไม่ควรใส่อารมณ์หรือใช้กำลังกับลูกเด็ดขาด เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ส่งผลดีต่อเด็ก โดยอาจเดินออกไปสงบสติอารมณ์ หายใจเข้าออกช้า ๆ หรือเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการทำให้เป็นเรื่องตลกแทน
  • เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยขณะอยู่กับลูก ๆ เพียงลำพังอาจเป็นเรื่องที่ยากลำบาก คุณแม่ควรเตรียมยาสามัญประจำบ้านให้พร้อม รวมทั้งเตรียมขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในกรณีฉุกเฉิน เช่น ขอเบอร์โทรศัพท์ของคนใกล้ชิดหรือเพื่อนบ้าน หาพี่เลี้ยงเด็กสำรองไว้เผื่อตัวเองป่วยเป็นไข้หวัดนอนซม เป็นต้น
  • ไม่ควรสอนให้ลูกอคติต่อคุณพ่อหรือเพศชายเด็ดขาด เพราะอาจสร้างปมเมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ควรใช้บุคคลรอบตัวที่เป็นผู้ชายอย่างอา น้า หรือคุณปู่ เป็นตัวอย่างที่ดีในการสอนให้เด็กเห็นว่าผู้ชายที่ดีเป็นอย่างไร และผู้ชายไม่ได้เลวร้ายทุกคน เมื่อทำได้เช่นนี้ การเป็นซิงเกิ้ลมัมก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างแน่นอน

    ซิงเกิ้ลมัม ก็เลี้ยงลูกให้ไม่ขาดได้
    ซิงเกิ้ลมัม ก็เลี้ยงลูกให้ไม่ขาดได้

แม้ว่าช่วงจังหวะชีวิตบางครั้งเราก็ไม่สามารถกำหนดตามใจตัวเองได้ แต่ถึงอย่างไร ปัญหาก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายชีวิตที่เหลือของเราได้เช่นกัน หากคุณรู้จักตั้งสติ และเลือกที่จะก้าวเดินต่ออย่างมั่นใจ และเข้มแข็ง เพียงพอที่จะจูงมือนำพาลูกของเราไปสู่ความสุขให้แก่กันและกันได้ เราขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณแม่ที่เป็น ซิงเกิ้ลมัม และคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวทุกท่านให้มีพลังใจที่เข้มแข็ง และสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไปได้ และอย่าลืมให้กำลังใจกับตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะเราเชื่อว่า สุดยอดคุณแม่ สุดยอดคุณพ่ออยู่ในตัวคุณแล้ว

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com/www.psychologytoday.com

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

โชคดีที่โชคร้ายเมื่อลูกต้อง ยอมแพ้ จงสอนลูกให้ล้มแล้วลุกไว

บทสวดมนต์วันพระ ชวนลูกสวดมนต์ เสริมสิริมงคลให้ชีวิต

8 เทคนิคสอนลูก ไม่ตกเป็น เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ

ลูกกตัญญู คือ แบบไหน ประเด็นดังสังคมที่ควรมีคำตอบ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สาหร่ายหมีแพนด้า

ระวัง! พบจุลินทรีย์ทำให้เกิดโรคใน สาหร่ายหมีแพนด้า

Alternative Textaccount_circle
event
สาหร่ายหมีแพนด้า
สาหร่ายหมีแพนด้า

ระวัง! พบจุลินทรีย์ทำให้เกิดโรคใน สาหร่ายหมีแพนด้า

ปัจจุบันมีขนมต่าง ๆ ออกมาวางขายให้ลูก ๆ ได้กินเล่นเป็นจำนวนมากนะคะ คุณพ่อคุณแม่ควรต้องเลือกให้ดีและมีประโยชน์ เพราะขนมบางอย่างอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ แม้แต่ในของที่น่าจะมีประโยชน์อย่างเช่นสาหร่ายนี้ก็เช่นกันค่ะ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย บริษัท กู๊ดดี้ เวิลด์ จำกัด พร้อมเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลปรากฏว่า พบข้อบกพร่อง จำนวน 2 ตัวอย่างใน สาหร่ายหมีแพนด้า ค่ะ

พบจุลินทรีย์ทำให้เกิดโรคใน สาหร่ายหมีแพนด้า

โดยตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Bacillus cereus ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ.2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน หลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการในการตรวจวิเคราะห์ของอาหารด้านจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ที่กำหนดให้ตรวจพบ Bacillus cereus ได้ไม่เกิน 100 CFU/กรัม จึงขอแจ้งประกาศผลตรวจ ดังนี้

1.ผลิตภัณฑ์อาหารฉลากระบุ “สาหร่ายทะเลปรุงรส รสดั้งเดิม (ตราหมีแพนด้า) ” เลขสารบบอาหาร 10-1-04153-1-0054  วันที่ผลิต 29/11/2021 วันหมดอายุ 29/11/2022 ตรวจพบ Bacillus cereus เท่ากับ 4,400 CFU/กรัม

2. ผลิตภัณฑ์อาหารฉลากระบุ “สาหร่ายทะเลแห้งปรุงรส รสเผ็ด (ตราหมีแพนด้า)” เลขสารบบอาหาร 10-1-04153-1-0055 วันที่ผลิต 18/11/2021 วันหมดอายุ 18/11/2022 ตรวจพบ Bacillus cereus เท่ากับ 1,700 CFU/กรัม

สาหร่ายหมีแพนด้า
ระมัดระวังการเลือกขนมสำหรับเด็กให้ดี

หลักการเลือกขนมสำหรับเด็ก

แม้แต่สาหร่ายสำหรับให้ลูก ๆ เคี้ยวเล่นยังมีสิ่งแปลกปลอม จึงขอนำแนวทางการเลือกขนมสำหรับลูกน้อยมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

  1. เลือกขนมที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อย ควรดูก่อนว่าขนมชนิดนั้นผลิตมาสำหรับเด็กในช่วงวัยไหน
  2. ดูส่วนผสมของขนมเป็นหลัก เพื่อป้องกันหากลูกน้อยแพ้อาหารชนิดไหน
  3. เลือกขนมที่มีพลังงานไม่สูงมาก ไม่ควรมีน้ำมันและน้ำตาลมากเกินไป โดยมีข้อกำหนดของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้เด็กควรได้รับพลังงานจากอาหารว่างไม่เกินมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรี่ วันละ 2 ครั้ง
  4. ขนมที่เลือกควรมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน เหล็ก แคลเซียม วิตามิน A C B1 B2 หรือใยอาหาร โดยแต่ละชนิดมีปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  5. ควรเลือกซื้อขนมที่มีสีตามธรรมชาติ ไม่ควรเลือกขนมที่ใส่สีฉูดฉาดหรือแต่งสี
  6. คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกขนมโดยการพิจารณาจากข้อมูลบนฉลากโภชนาการด้วยทุกครั้ง

เชื้อจุลินทรีย์โรค Bacillus cereus ใน สาหร่ายหมีแพนด้า คืออะไร

Bacillus cereus คือแบคทีเรีย (bacteria) ในกลุ่ม Bacillus ซึ่งเป็นชนิดที่ทำให้เกิดโรค เจริญได้ในที่มีอากาศ สามารถสร้างสารพิษ ที่ทนต่อความร้อนได้ เจริญได้ดีที่อุณหภูมิปานกลาง ในร่างกายมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 28-37 องศาเซียลเซียส

แหล่งที่พบ

พบทั่วไปในธรรมชาติในดิน น้ำเชื้อสร้างสปอร์ซึ่งทนความแห้งแล้งได้ดี สปอร์จึงพบได้ทั่วไปในฝุ่น ควัน และ ปะปนมากับอาหารแห้ง เช่น น้ำตาล วัตถุเจือปนอาหาร เครื่องเทศ และพบบ่อยในอาหารกลุ่ม แป้ง เมล็ดธัญชาติ เช่น ข้าวหุงสุก เส้นก๋วยเตี๋ยว พาสต้า อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น ข้าวกึ่งสำเร็จรูป

โรคและอาการของโรค

โรคอาหารเป็นพิษ  เกิดจากบาซิลัสซีเรียส ทำให้เกิดอาการ 2 ลักษณะ

  • อาการอาเจียน (Emetic syndrome) เกิดจากที่ร่างกายได้รับสารพิษ  ที่แบคทีเรียสร้างขึ้นในอาหารก่อนที่จะบริโภคเข้าไป สารพิษนี้ทนต่ออุณหภูมิสูงและ ทนต่อความเป็นกรดในกระเพาะอาหารได้ดี ผู้ป่วยจะเกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ภายหลังจากการบริโภคอาหารที่มีสารพิษเข้าไปประมาณ 5 ชั่วโมง โดยทั่วไปอาการเป็นอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง โรคอาหารเป็นพิษลักษณะนี้ มักเรียกว่า Chinese restaurant syndrome เนื่องจากมักพบในผู้ป่วยรับประทานอาหารจีน ซึ่งมักเป็นข้าวผัด ที่ทำจากข้าวสุกที่หุงค้างไว้นาน ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและสารพิษทนต่อความร้อน ก่อนนำมาปรุงหรือทำให้ร้อนใหม่
  • อาการถ่ายเหลว (Diarrhea syndrome) เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีเซลล์ของแบคทีเรีย และเพิ่มจำนวนในลำไส้ของมนุษย์ ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 8-16 ชั่วโมง มีสารพิษเอนเทอโรทอกซิน ที่ไม่ทนต่อความร้อน ทำให้เกิดอาการการปวดท้อง เป็นตะคริวที่ท้อง และถ่ายอุจจาระเหลวโดยทั่วไปอาการเป็นอยู่ไม่เกิน 14 ชั่วโมง ปริมาณเชื้อที่ทำให้เกิดโรค  100-100,000 เซลล์ต่อกรัม

อาหารที่เกี่ยวข้อง

  • อาหารประเภทธัญชาติ หรืออาหารที่มีสตาร์ซ (starch) เป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด แป้ง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน บะหมี่ พาสต้า มักโรนี ข้าวผัด ขนมข้าวกรอบ ขนมข้าวกล้อง
  • เนยแข็ง
  • ผักสลัด
  • อาหารที่มีเนื้อสัตว์ เป็นส่วนประกอบ ซอส ซุป
  • อาหารแห้ง เครื่องเทศ
  • การบริการอาหาร (food service) ที่ต้องเตรียมอาหารจำนวนมาก ล่วงหน้าเป็นเวลานาน เช่น โรงเรียน ร้านอาหาร ภัตตาคาร

การป้องกัน

– หุงต้ม ผัด อาหาร ให้ร้อนจัด อุ่นให้เดือด และเก็บอาหารที่ทำให้สุกแล้วที่อุณหภูมิต่ำ หลีกเลี่ยงการเก็บอาหารช่วงอุณหภูมิที่เป็นอันตราย คือ 4-55 องศาเซลเซียส

– ควบคุมให้พนักงาน หรือบุคคล ที่สัมผัสกับอาหาร มีสุขอนามัยที่ดี

– ป้องกันการเกิดปนเปื้อนข้าม โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงสุก อาหารพร้อมรับประทาน กับอาหารดิบ

– ผลิตอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ตามหลัก GMP (Good Manufacturing Practice)

ขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์ข้อมูลเครือข่ายอาหารครบวงจร, กรุงเทพธุรกิจ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกกินขนมโซเดียมเยอะจน ไตรั่ว!!

เลี้ยงลูกให้สุขภาพดี อย่ามีขนมห่อในบ้าน (เยอะนัก) โดยพ่อเอก

อย. เตือน ขนม BLACK POWDER ขนมอันตราย อย่าซื้อให้ลูกกิน

หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

สัตว์เลี้ยงระบบปิดก็มีสิทธิ หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

Alternative Textaccount_circle
event
หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า
หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

สัตว์เลี้ยงระบบปิดก็มีสิทธิ หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

“โรคพิษสุนัขบ้า“กลับมาระบาดอีกครั้ง แม้หลายคนจะรู้จักกับโรคนี้มานานแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่เข้าใจผิดว่าถ้าเลี้ยงสัตว์ไว้ในระบบปิดก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพราะคงไม่เสี่ยง แต่จริง ๆ แล้ว หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า ได้ แม้จะเลี้ยงในระบบปิดก็ตาม นับเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่

สถานการณ์ “โรคพิษสุนัขบ้า” ในไทย

โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เพราะเชื้อโรคจะเข้าสู่สมองของผู้ป่วย ผู้ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะเสียชีวิตเกือบทุกราย เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ในการรักษา แต่ทั้งนี้เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน

สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในไทย ตั้งแต่ปี 2560-2562 พบผู้เสียชีวิต 11, 18 และ 3 ราย ตามลำดับ และปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 20 พ.ย. 63 พบผู้เสียชีวิต 3 ราย จาก 3 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว หนองคาย และศรีสะเกษ ซึ่งผู้เสียชีวิตทุกราย มีประวัติถูกสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้กัดหรือข่วน โดยไม่ได้ไปพบแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีน

“โรคพิษสุนัขบ้า” ไม่ได้ติดเฉพาะสุนัข

ชื่อของโรคพิษสุนัขบ้าอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโรคนี้เกิดกับสุนัขเท่านั้น  แท้ที่จริงแล้วโรคนี้เกิดกับสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่นๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น แมว ชะนี ลิง กระรอก กระแต หนู ค้างคาว วัว ควาย ม้า สุกร (ที่มีประวัติเคยถูกสุนัขบ้ากัดมาก่อน) รวมถึงสัตว์ป่าอื่น ๆ อีกทั้งยังพบว่าสุนัขเป็นตัวแพร่เชื้อที่สำคัญมากที่สุด กว่า 95% ของผู้เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากสุนัข รองมาคือ แมว

หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า
สัตว์เลี้ยงระบบปิดก็มีสิทธิ หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

เลี้ยงสัตว์ระบบปิดก็มีสิทธิ หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า

สำหรับใครที่เลี้ยงสัตว์เลือดอุ่นเป็นสัตว์เลี้ยงในระบบปิดคือ การเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ปล่อยออกนอกบ้าน มักจะชะล่าใจว่าคงไม่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า และละเลยการฉีดวัคซีนป้องกัน ใครที่ทำแบบนี้อาจจะต้องกลับมาทบทวนใหม่ เพราะว่ามีสัตว์เลี้ยงจำนวนไม่น้อยที่ติดโรคพิษสุนัขบ้าแม้เลี้ยงในระบบปิด

โดยสาเหตุการติดเชื้ออาจเกิดจากมีหนูหลุดรอดเข้ามาในบ้าน หรือมีสัตว์อื่น ๆ เข้ามาในบ้าน ทำให้สัตว์เลี้ยงรับเชื้อผ่านสัตว์เหล่านั้นมาอีกทีก็เป็นได้ โดยวิธีที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนในสุนัขหรือแมวจะป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้ 100%

ฉีดวัคซีนหมาแมวแค่ 1 ครั้ง ไม่ได้

หากใครคิดว่าหมาหรือแมวที่ได้รับวัคซีน 1 ครั้ง จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ขอบอกว่าคิดผิด! เพราะว่าการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าที่ถูก คือ  ต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มในปีแรก และจากนั้นต้องฉีดอีกปีละ 1 เข็ม เป็นประจำทุกปี

โดยเฉพาะในพื้นที่ประเทศไทยที่ชุกชุมด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข จึงมีโอกาสที่สัตว์เลี้ยงในบ้านจะได้รับเชื้อโรคชนิดนี้ค่อนข้างมีสูง

หมา แมวติดพิษสุนัขบ้า แค่รอยข่วน ก็ติดเชื้อได้

แม้ไม่โดนกัด แต่หากโดนสัตว์ข่วนด้วยเล็บ ก็ทำให้ติดโรคพิษสุนัขบ้าและตายได้ เนื่องจากหมาหรือแมวมักจะมีพฤติกรรมเลียอุ้งเท้าและเล็บของมัน จึงอาจมีไวรัสจากน้ำลายติดค้างอยู่ที่เล็บ และแพร่เชื้อได้หากแผลที่โดนข่วนมีเลือดออกแม้เพียงเล็กน้อย

ทำอย่างไร ถ้าโดนสัตว์ข่วน

หากโดนข่วนอย่าปล่อยทิ้งไว้ ต้องรีบล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่ เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นพบแพทย์ทันที เพื่อล้างแผลอีกครั้ง และฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาไอโอดีน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

อาการของโรคพิษสุนัขบ้า

อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในคน มักจะปรากฏหลังจากเชื้อมีการฟักตัว แล้วเดินทางถึงสมอง แต่ระยะฟักตัวของเชื้อนั้นไม่แน่ชัด แตกต่างกันไปในแต่ละกรณี พบได้ตั้งแต่ 4 วัน จนถึง 4 ปี หลังจากที่ถูกกัด โดยผู้ป่วยประมาณ 70% มีอาการภายใน 3 เดือน และผู้ป่วยประมาณ 96% มีอาการภายใน 1 ปี

การฟักตัวของเชื้อโรคจะช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ถูกกัดด้วย หากถูกกัดที่บริเวณใกล้กับสมอง เช่น ใบหน้า หรือบริเวณที่ปลายประสาทรวมกันมากๆ เช่น มือ ระยะฟักตัวของเชื้อและการแสดงอาการของโรคก็จะสั้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากความรุนแรงของแผลที่ถูกกัด ชนิดสัตว์ที่กัด ปริมาณของเชื้อไวรัสที่เข้าไปในบาดแผล และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับรักษาเบื้องต้นหลังถูกกัดด้วย

ผู้ประกันตนกับประกันสังคมฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ฟรี!

สำนักงานประกันสังคม แจ้งว่า ถ้าโดนหมากัด แมวข่วน ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหากเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิ กรณีฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสถานพยาบาลตามสิทธิได้ ให้ผู้ประกันตนสำรองค่าใช้จ่ายแล้วยื่นเรื่องเบิกเงินคืนได้เฉพาะเข็มแรกเท่านั้น ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข เข็มต่อไปให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากผู้ประกันตนไม่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

เมื่อไหร่ที่คนต้องฉีดวัคซีน

  • หลังถูกสัตว์ข่วน งับ หรือกัด
  • น้ำลาย หรือเลือดของสัตว์ถูกผิวหนังที่มีรอยถลอก หรือมีแผลเยื่อบุตาและจมูก
  • กรณีสัตว์ที่กัดหนีไป หรือไม่สามารถติดตามประวัติได้

โรคพิษสุนัขบ้านั้นอันตรายมากกว่าที่เราคาดคิดนะคะ หากมีสัตว์เลี้ยงในบ้านแม้จะเลี้ยงระบบปิดไม่ได้ให้ออกไปไหนก็ตาม แต่ก็ยังมีสิทธิ์ติดโรคได้ค่ะ ุณพ่อคุณแม่อย่าลืมพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันนะคะ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย และตัวเองค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

PPTV HD , กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะจูบหมาแมว และปล่อยให้เลียปาก

ระวัง ไข้หัดแมว ระบาด! อีกหนึ่งภัยร้าย..บ้านไหนเลี้ยงแมวควรรู้

พ่อโพสต์เฟซบุ๊กเตือน! ลูกป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนัก เพราะขนสุนัข

พัฒนาการทารก 3 เดือน

พัฒนาการทารก 3 เดือน ควรส่งเสริมพัฒนาการอย่างไร?

Alternative Textaccount_circle
event
พัฒนาการทารก 3 เดือน
พัฒนาการทารก 3 เดือน

พัฒนาการทารก 3 เดือน วัยนี้สามารถเห็นได้ชัดถึงการเจริญเติบโต จะเริ่มมีการตอบสนองมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเรียนรู้วิธีเลี้ยงดู เพื่อกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อย

พัฒนาการทารก 3 เดือน ควรส่งเสริมพัฒนาการอย่างไร?

เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนที่ 3 เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับทารกและคุณพ่อคุณแม่ เด็กเริ่มเติบโตขึ้นและผ่านช่วงเวลาของการเป็นทารกแรกเกิดแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ท่าน เริ่มมีความผ่อนคลาย และรับมือกับทารกได้ง่ายขึ้น การรับมือกับช่วงเวลาที่ยุ่งยากก่อน 3 เดือน เช่น เกิดอาการโคลิค และการต้องให้นมบ่อย ๆ จะเริ่มดีขึ้น ทารกจะเริ่มกินและนอนเป็นเวลา บางรายอาจบริโภคนมเพียงครั้งเดียวในตอนกลางคืน และหลับยาวได้ถึง 10 ชั่วโมง เด็กวัย 3 เดือน มีพัฒนาการ เป็นอย่างไรบ้าง ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวบข้อมูลมาฝากแล้วค่ะ

พัฒนาการทารก 3 เดือน
พัฒนาการทารก 3 เดือน

พัฒนาการทารก 3 เดือน ควรส่งเสริมพัฒนาการอย่างไร?

ทางด้านกายภาพ

คุณพ่อคุณแม่จะสามารถสังเกตถึงพัฒนาการของลูกน้อยได้ กระดูกบริเวณคอที่เชื่อมกับศีรษะจะแข็งแรงขึ้น คอเริ่มแข็ง สามารถควบคุมศีรษะไม่ให้สั่นไปมาได้ เมื่อนอนหงาย สามารถยกศีรษะ และค้างไว้ได้หลายนาที และเมื่อนอนคว่ำ ทารกจะสามารถชันคอได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจเห็นทารกดันหน้าอกขึ้นได้ด้วย กระดูกและกล้ามเนื้อของทารกกำลังพัฒนา เติบโตขึ้น

เมื่อนอนหงาย ทารกจะเหยียดแขน เหยียดขาไปพร้อมๆกันได้ ดึงมือทั้ง 2 ข้างเข้าหากันคล้ายอาการผวา กำมือ และเริ่มคว้าสิ่งของ ของเล่นได้ โดยการจับ การคว้าสิ่งของนั้น เป็นการเรียนรู้ สัมผัส และจดจำของทารก นอกจากนี้ทารกอาจเริ่มพลิกตัวเองได้ ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถทดสอบพัฒนาการของลูก โดยการยื่นของเล่นให้ เพื่อดูการตอบสนองของลูกว่าจะยื่นมือมาจับของเล่นหรือไม่

ทางด้านการได้ยิน และการมองเห็น

ประสาทตาของทารกจะเริ่มจับภาพได้ดีขึ้น แต่อาจจะยังเห็นได้ไม่ไกล ไม่ชัด ไม่สามารถแยกสีได้ อาจมองเห็นเป็นแค่สีขาวและดำ ดังนั้นทารกจึงให้ความสนใจมือตัวเองเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสิ่งใกล้ตัว และมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด จะจ้องมองมือตัวเองบ่อยๆ เอามือเข้าปาก กุมมือตัวเอง เหมือนมือตัวเองเป็นของเล่นที่เคลื่อนไหวได้ เป็นของเล่นที่แปลกใหม่ การมองเห็นจะพัฒนาค่อย ๆ ชัดขึ้น สามารถแยกสีต่าง ๆ  ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถหาของเล่นที่มีสีสัน และให้ลูกได้หยิบ จับ เพื่อเสริมพัฒนาการของลูก

ทารกอาจเริ่มได้ยินเสียง และหันศีรษะหรือมองตามเสียงที่ได้ยิน จะเริ่มมีการประสานงานของดวงตาดีขึ้น เริ่มจดจำรายละเอียดในสิ่งที่มองเห็น หรือสิ่งที่ได้ยิน สามารถแยกแยะเสียงพูดกับเสียงต่าง ๆ ได้ เริ่มจำเสียงของคุณแม่ได้

ทางด้านการสื่อสาร

เมื่อทารกเริ่มพัฒนาด้านการได้ยิน และการมองเห็น ทารกอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองว่าตนเองรู้สึกอย่างไร เช่น ยิ้มโต้ตอบ ส่งเสียงพูดคุย และร้องไห้เมื่อรู้สึกหิว หรือไม่สบายตัว มีไข้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมพัฒนาการลูกด้วยการพูดคุยกับลูก เพื่อฝึกฝนให้ลูกมีการสื่อสารโต้ตอบได้เร็วขึ้น

การพลิกตัว

ทารกอาจมีกล้ามเนื้อ ข้อสะโพก ข้อเข่า ที่แข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงทำให้สามารถพลิกตัวได้เอง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทารก ควรเตรียมพื้นที่ที่มีความนิ่ม และมีพื้นที่ในการพลิกตัว เพื่อป้องกันทารกตกจากเตียงที่สูง

ควรส่งเสริมพัฒนาการอย่างไร?

  • สื่อสารกับลูกบ่อย ๆ โดยการอ่านหนังสือ เปิดเพลง หรือพูดคุยกับลูก เพื่อกระตุ้นพัฒนาการให้ทารกมีการตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน และพูดเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
  • โอบกอดลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และให้ลูกได้จับนิ้วมือของคุณพ่อคุณแม่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก
  • ให้ทารกนอนคว่ำ แล้วนำของเล่นที่มีสีสันมาวางไว้ข้างหน้า เพื่อดึงดูดความสนใจ และให้ทารกยกศีรษะขึ้นเอง เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กระดูกบริเวณคอ เมื่อทารกมีอาการง่วง เปลี่ยนให้ทารกนอนหงาย เพื่อป้องกันการหายใจไม่ออก หากเผลอปล่อยให้ทารกนอนคว่ำตลอดทั้งวัน
  • ช่วยเสริมสร้างกระดูก ด้วยการนำของเล่นมาวางไว้ตรงหน้าของทารก ดึงดูดให้ทารกอยากเอื้อมมือจับ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อบริเวณคอและหลัง
  • ทารกส่วนใหญ่อาจร้องไห้หนัก เพื่อสื่อสารถึงความต้องการ เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม หิว หรือเจ็บป่วย คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการของลูก โอบกอด และสำรวจว่ามีอาการเจ็บป่วย หรือต้องการสิ่งใด การดูแลของคุณพ่อคุณแม่จะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทารกได้เป็นอย่างดี
พัฒนาการทารก
พัฒนาการทารก

ปัญหาพัฒนาการทารก 3 เดือน ที่ควรพบคุณหมอ

หากทารกแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ ควรพาไปพบคุณหมอทันที

  • ทารกร้องไห้หนักและนาน โดยปกติทารกส่วนใหญ่จะร้องไห้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ในบางครั้งอาจแยกได้ยาก ว่าเกิดจากภาวะโคลิคหรือไม่
  • ทารกนอนไม่หลับ หรือนอนน้อยกว่า 15 ชั่วโมง/วัน
  • บริโภคนมได้น้อย
  • ไม่มีการตอบสนองต่อเสียง และไม่โฟกัส หรือไม่เพ่งสายตามองสิ่งรอบตัว
  • กำมือแน่นเกินไป
  • ไม่มีการยิ้มตอบสนอง
  • ร่างกายมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน ซึ่งอาจเกิดในส่วนหนึ่งของร่างกาย
  • ไม่มีปฏิกิริยาสะดุ้ง หรือตกใจต่อเสียงที่เกิดขึ้นกะทันหัน
  • อาการฟลอปปี้ซินโดรมในเด็ก (Floppy Baby Syndrome) ที่สังเกตได้จากกล้ามเนื้อของทารกอ่อนแอ หลัง 3 เดือนถ้าคอไม่แข็ง กล้ามเนื่ออ่อนปวกเปียก ต้องรีบมาพบคุณหมอเพื่อประเมินพัฒนาการของทารก

การเล่นกับทารก

มีการศึกษาพบว่า เด็กที่ได้รับการอุ้มอย่างรักใคร่ มีการพูดคุย ยิ้มแย้ม ลูกน้อยจะมีการมองริมฝีปาก มีการพัฒนาทักษะการฟัง และการมีสิ่งเคลื่อนไหวที่มองเห็นได้หลากหลาย จะทำให้ทารกเกิดการพัฒนาทางด้านการเรียนรู้ และทางด้านการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของลูกมากที่สุดคือ คุณแม่

ทารกในวัย 3 เดือนนี้ ไม่จำเป็นต้องอุ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ควรให้ทารกได้เรียนรู้ในหลาย ๆ อย่าง เช่น เล่นของเล่นกับทารก ให้ดูภาพ หรือสิ่งของหลากหลาย ร้องเพลงให้ฟัง พร้อมทำมือประกอบง่าย ๆ

อุ้มทารกออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ที่อากาศดี ๆ จะช่วยให้หลอดลมของทารกแข็งแรงขึ้น และเหมือนทารกได้ออกกำลังกาย ช่วยให้ทารกนอนหลับได้ดีในช่วงกลางคืน

อาการที่อาจเกิดขึ้นในวัย 3 เดือน

ติดหวัด

หากคนในบ้านเป็นหวัด อาจจะแค่คัดจมูก จาม และอยู่ใกล้ทารก มีความเป็นไปได้สูงที่ทารกจะติดหวัด ถ้าเป็นหวัดไข้จะไม่สูงมาก (37-37.6 องศาเซลเซียส) อาจมีน้ำมูกใสๆไหล แล้วค่อยๆข้นขึ้น จากนั้นก็หายเป็นปกติ หากมีไข้ให้เช็ดตัว เพื่อระบายความร้อน สำหรับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด หรือร่างกายไม่แข็งแรงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

มีขี้ตา

หากตื่นมาในตอนเช้าแล้วเห็นขี้ตาที่บริเวณหางตา หรือหัวตาของทารก และมีน้ำตาคลอ ๆ อยู่ให้สังเกตว่า ขนตาล่างพับเข้าไปด้านในลูกตาหรือเปล่า เพราะทารกบางคนกินเก่ง ทำให้แก้มยุ้ย เนื้อแก้มอาจจะดันขนตาเข้าไปข้างใน อาจให้คุณหมอถอนขนตาออกให้ แต่บางคนมีขี้ตาเยอะมาก จนลืมตาไม่ขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เยื่อตาอักเสบ คุณหมออาจให้ยามาป้ายหรือหยอด ใช้เวลาไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ

ตาเข

คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตตาลูก ว่าทำไมเวลาลูกมองตา ตาดำทั้ง 2 ข้างเหมือนไม่ไปทิศเดียวกัน วิตกว่าลูกจะตาเขหรือไม่ ในวัยนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะการทำงานของกล้ามเนื้อสายตายังไม่ดี ทารกยังมองของสิ่งเดียวกันทั้ง 2 ข้าง ยังไม่ได้ ทารกจะมองดีขึ้นเมื่ออายุ 6 เดือน ดังนั้นจึงยังไม่ต้องวิตกกังวล

บทความเกี่ยวกับ พัฒนาการทารก 3 เดือน ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำมาฝากนี้ คงทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

พัฒนาการทารก 1 เดือน และวิธีกระตุ้นพัฒนาการรอบด้าน!

พัฒนาการทารก แรกเกิด – 1 ขวบ หนูทำอะไรได้บ้างนะ?

ตารางวัคซีน สำหรับเด็กแรกเกิด–อายุ 15 ปี ประจำปี 2565

ตาแฉะ ทารกตาแฉะ ขี้ตาเป็นหนอง ปล่อยไว้อาจเป็นโรคนี้!!

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://hellokhunmor.com, http://www.sanook.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Amarin Baby & Kids

keyboard_arrow_up