มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

พ่อแม่ระวัง! เช็ก 5 สัญญาณเตือน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

พ่อแม่ระวัง! เช็ก 5 สัญญาณเตือน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คือ ภาวะที่เซลล์เยื่อบุผิวด้านในของกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผิดปกติจนกลายเป็นเนื้อร้าย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะปนเลือด เจ็บขณะปัสสาวะ และเจ็บปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน ทีมกองบรรณาธิการ ABK อยากชวนคุณแม่คุณพ่อมาดู 5 สัญญาณเตือนของโรคนี้กันค่ะ

สถิติผู้ป่วย มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทย โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า แต่ละปีมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเพศชายและเพศหญิงรายใหม่ประมาณ 1,900 และ 600 คนตามลำดับ

สาเหตุ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่

  • เพศชาย มีแนวโน้มพบโรคนี้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
  • อายุมากกว่า 40 ปี
  • สูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่มือสอง รวมทั้งทำงานกับสารเคมีอันตรายที่อาจก่อมะเร็ง เช่น สารหนู สีย้อม สีทาบ้าน สิ่งทอ ยาง หนัง เป็นต้น เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะ ต้องสัมผัสกับสารพิษที่ร่างกายขับออกมาทางปัสสาวะ
  • ดื่มน้ำน้อย หรือรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • ติดเชื้อ หรือระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะแบบเรื้อรัง เช่น เป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้เป็นเวลานาน ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้อปรสิตบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ในเลือด ซึ่งมักทำให้เป็นมะเร็งชนิดที่ลุกลามและรักษาได้ยาก
  • เคยใช้ยาเคมีบำบัด เช่น ไซโคลฟอสฟาไมด์ หรือเคยเข้ารับการบำบัดรักษามะเร็งด้วยรังสีบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • มีประวัติบุคคลในครอบครัว ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เช็ก 5 สัญญาณเตือน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
พ่อแม่ระวัง! เช็ก 5 สัญญาณเตือน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

5 สัญญาณเตือนเสี่ยง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

โดยทั่วไปแล้ว อาการบ่งชี้สำคัญของโรคในระบบทางเดินปัสสาวะนั้น ส่วนใหญ่จะคล้ายกันคือ “อาการปัสสาวะผิดปกติ” ควรสังเกตุ 5 สัญญาณ ดังนี้

  • ปัสสาวะเป็นเลือดมักจะเป็นๆ หายๆ แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากโรคอื่นที่จะมีอาการปวดร่วมด้วย และนี่ถืออาการที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • อาการผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือปัสสาวะแสบขัด ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเหล่านี้ คือ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  • หากมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น อาจมีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดกระดูกร่วมด้วย
  • มะเร็งในระยะแรก มักจะตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ แต่ในระยะที่มีการแพร่กระจาย อาจจะตรวจพบว่ามีไตโตเนื่องจากการอุดตันท่อไตของมะเร็ง มีตับโตจากการกระจายไปยังตับ คลำพบต่อมน้ำเหลือง หรือมีขาบวม ถ้ามีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง

ระยะของมะเร็ง

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมี 4 ระยะ ซึ่งแต่ละระยะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ดังนี้

  • ระยะที่ 1 เกิดเนื้อมะเร็งเฉพาะบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะ
  • ระยะที่ 2 มะเร็งบางส่วน ลุกลามเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ แต่ยังคงจำกัดอยู่ภายในกระเพาะปัสสาวะ
  • ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าสู่ผนังกระเพาะปัสสาวะ และเซลล์มะเร็งลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบ ๆ กระเพาะปัสสาวะ
  • ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง และแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่น ๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระดูก ตับ หรือปอด

การรักษา

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค รวมทั้งสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยด้วย ซึ่งแพทย์มักใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

เคมีบำบัด เป็นการใช้ยารักษาโรคมะเร็ง แพทย์มักใช้ยาอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกัน โดยแพทย์จะฉีดยาเข้ากระเพาะปัสสาวะผ่านทางสายสวนเพื่อรักษามะเร็งระยะเริ่มต้น หรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำร่วมกับผ่าตัดเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษามะเร็งให้หายขาด และอาจใช้ร่วมกับการรักษาแบบรังสีบำบัดในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย

ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือยาฆ่าเซลล์มะเร็ง มักใช้รักษาหลังจากตัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะออกแล้วเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ โดยแพทย์จะฉีดวัคซีนบีซีจี (BCG) ซึ่งใช้ป้องกันวัณโรค หรืออินเตอร์เฟอรอน (Interferon Alfa-2b) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ร่างกายใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส เพื่อกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง หรือให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งเข้ากระเพาะปัสสาวะผ่านทางสายสวนแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงให้ผู้ป่วยปัสสาวะออกมา และผู้ป่วยจะต้องรักษาด้วยวิธีนี้ทุกสัปดาห์เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้ แพทย์อาจฉีดแอนติบอดีชนิดสังเคราะห์ (Atezolizumab) เข้าหลอดเลือดดำเพื่อรักษามะเร็งที่ไม่สามารถรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือมะเร็งที่ลุกลามไปทั่วร่างกาย

การผ่าตัด เพื่อกำจัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะใกล้เคียง ซึ่งมี 2 วิธี ได้แก่

  • การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะ มักใช้รักษามะเร็งระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์รวมทั้งเลเซอร์ตัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะออกมาเพื่อตรวจหาระยะการลุกลามของเนื้อมะเร็งหรือเพื่อทำลายก้อนเนื้อมะเร็ง โดยแพทย์อาจใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบในการผ่าตัด และอาจฉีดยาเคมีบำบัดร่วมด้วยหลังผ่าตัดเสร็จ
  • การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะผ่านช่องท้อง มักใช้รักษามะเร็งแบบลุกลามเข้าสู่ผนังกระเพาะปัสสาวะและเนื้อเยื่อหรืออวัยวะในบริเวณใกล้เคียง โดยแพทย์อาจต้องตัดกระเพาะปัสสาวะบางส่วน หรือตัดกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งอวัยวะใกล้เคียงออก เช่น ท่อไต ต่อมน้ำเหลืองบริเวณอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมาก ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ มดลูก รังไข่ และช่องคลอดบางส่วน นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดสร้างกระเพาะปัสสาวะเทียม ซึ่งมักใช้บางส่วนของลำไส้ทดแทนเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถระบายปัสสาวะออกจากร่างกายได้ โดยใช้สายสวนผ่านทางผนังหน้าท้องหรือใช้สายสวนผ่านท่อปัสสาวะ
  • รังสีบำบัด มักใช้รักษาหลังจากผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดแล้ว หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัดในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยแพทย์อาจใช้วิธีวิเคราะห์ตำแหน่งของก้อนมะเร็งจากภาพถ่ายซีที สแกน หรือเอ็มอาร์ไอ แล้วฉายรังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็งในบริเวณที่ต้องการรักษา

      

ขอบคุณข้อมูลจาก

pobpad , โรงพยาบาลพญาไท 3, ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

กระเพาะปัสสาวะอักเสบตอนท้อง อันตราย ดูแลอย่างไร

แม่แชร์ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพียงเพราะล้างไม่ถูกวิธี

ทำไมคนท้อง ปัสสาวะบ่อย “ฉี่”แบบไหนไม่ปกติ แม่ต้องระวัง!

    เปลี่ยนนามสกุลลูก

    เปลี่ยนนามสกุลลูก หลังหย่า/แยกทาง ทำได้ไหม อย่างไร?

    หลังจากหย่าแล้ว แม่ต้องการ เปลี่ยนนามสกุลลูก จากเดิมเป็นนามสกุลของบิดา มาเป็นนามสกุลของมารดา สามารถทำได้หรือไม่ ทำอย่างไร

    เปลี่ยนนามสกุลลูก หลังหย่า/แยกทาง ทำได้ไหม อย่างไร?

    หลังจากแต่งงาน มีบุตรกันแล้ว หากชีวิตคู่ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ การแยกทาง การหย่า จึงเป็นทางออกของปัญหา แต่สำหรับลูกน้อยแล้ว ความเป็นบิดาและมารดายังคงอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็ยังมีความรักให้ลูกอย่างเต็มเปี่ยม แต่หากการเลิกราไม่เป็นไปด้วยดี แม่ ๆ หลายคนก็อยากจะ เปลี่ยนนามสกุลลูก ให้กลับมาใช้นามสกุลเดิมของตนเอง แต่การ เปลี่ยนนามสกุลลูก นั้นสามารถทำได้ง่ายหรือยากแล้วแต่กรณี ดังนี้

    กรณีที่ 1 ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน

    บุตรที่เกิดจาก สามี ภรรยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ย่อมเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของมารดา (ภรรยา) แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดา มารดาจึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรได้ รวมทั้งการใช้อำนาจปกครองในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม และมีสิทธิที่จะเปลี่ยนนามสกุลของบุตรได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบิดานอกกฎหมาย

    มาตรา 1546 เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชาย ให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

    มาตรา 1547 เด็กที่เกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง หรือบิดดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

    กรณีที่ 2 สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่พ่อจดทะเบียนรับรองบุตร

    สามีภรรยาไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส แต่ต้องการให้บุตรเป็นบุตรตามกฎหมายของบิดา บิดาต้องยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร

    วิธีการจดทะเบียนรับรองบุตร

    การจดทะเบียนรับรองบุตรนั้น บิดาเป็นผู้ยื่นคำร้อง ณ สำนักทะเบียน กิ่งอำเภอ หรือสำนักงานเขต โดยใช้พยาน 2 คน และเอกสาร 3 อย่าง ได้แก่

    1. บัตรประจำตัวประชาชนของบิดา มารดา
    2. สูติบัตรของบุตร
    3. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของบิดา มารดา และบุตร

    การจดทะเบียนรับรองบุตรภายหลังจากการแจ้งเกิดนั้นทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากมารดา และเด็ก เมื่อเด็กยังเป็นผู้เยาว์ไร้เดียงสา ยังตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ว่ายินยอมหรือไม่ ต้องยื่นร้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตรไปแสดง

    จดทะเบียนรับรองบุตรภายหลังแจ้งเกิด

    เมื่อบิดาจดทะเบียนรับรองบุตรแล้ว ภายหลังมีการแยกทางเกิดขึ้น แม้อำนาจการปกครองบุตรเป็นของมารดาฝ่ายเดียว แต่มาตรา 1567 ผู้ใช้อำนาจปกครอง มีสิทธิ

    1. กำหนดที่อยู่ของบุตร
    2. บุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน
    3. ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป
    4. เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

    ดังนั้น ผู้ใช้อำนาจปกครองจึงไม่สามารถใช้สิทธินอกจากที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๑๕๖๗ (๑) – (๔) ได้ เมื่อมารดาประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว/ชื่อสกุลให้บุตรผู้เยาว์จึงต้องได้รับความยินยอมจากบิดาก่อน นายทะเบียนท้องที่จึงจะสามารถดำเนินการให้ได้

    จดทะเบียนสมรส
    จดทะเบียนสมรส

    กรณีที่ 3 สามีภรรยาจดทะเบียนสมรสกัน

    ในกรณีที่สามีภรรยาจดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน ภายหลังมีการหย่าร้างเกิดขึ้นอำนาจปกครองบุตรอยู่กับมารดาฝ่ายเดียว เมื่อมารดาประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัว/ชื่อสกุลให้บุตรผู้เยาว์จึงต้องได้รับความยินยอมจากบิดาก่อน นายทะเบียนท้องที่จึงจะสามารถดำเนินการให้ได้เช่นกัน

    กรณีที่ 4 หลังหย่า/แยกทางแล้ว ต้องการให้ลูกใช้นามสกุลของพ่อใหม่

    หลังจากจดทะเบียนหย่า หรือแยกทางกันแล้ว(ในกรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) แล้วแต่งงานใหม่ หากต้องการให้ลูกเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของพ่อใหม่ สามารถทำได้ 2 กรณีคือ

    1. ให้สามีใหม่รับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม

    การยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม สามารถยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตแห่งใดก็ได้ โดยคุณสมบัติของผู้จดทะเบียน มีดังนี้

    • ผู้จะขอรับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุมากกว่าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม อย่างน้อย 15 ปี
    • ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย
    • ผู้จะขอรับบุตรบุญธรรมและผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมที่มีคู่สมรสต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสด้วย
    • กรณีผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ต้องได้รับอนุมัติให้จดทะเบียนจากคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อน

    หลักฐาน

    • บัตรประจำตัวของผู้ร้อง
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • กรณีบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ ต้องใช้หนังสืออนุมัติให้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจากคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (กรุงเทพมหานครหรือชาวต่างประเทศที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยยื่นเรื่องขอหนังสืออนุมัติ ฯ ได้ที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ต่างจังหวัด ยื่นเรื่องได้ที่ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด)
    • กรณีบุตรบุญธรรมหรือผู้รับบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส คู่สมรสต้องให้ความยินยอม หากไม่สามารถมาให้ความยินยอมด้วยตนเองให้ใช้หนังสือให้ความยินยอม
    • กรณีการอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ต้องใช้คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลและใบแสดงคดีถึงที่สุด
    • พยานอย่างน้อย 2 คน

    2. การใช้ชื่อสกุลร่วมกับเจ้าของชื่อสกุล

    การขอร่วมใช้ชื่อสกุล มีขั้นตอนดังนี้

    เอกสารที่ต้องใช้สำหรับเจ้าของผู้จดทะเบียนชื่อสกุล

    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • บัตรประจำตัวประชาชน
    • หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนชื่อสกุล(แบบ ช.2)
    • หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สูติบัตร, สำเนาทะเบียนรับบุตรบุญธรรม, สำเนาทะเบียน รับรองบุตร ฯลฯ

    เอกสารที่ต้องใช้สำหรับผู้ขอร่วมชื่อสกุล

    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • บัตรประจำตัวประชาชน
    • หนังสืออนุญาตให้ร่วมใช้ชื่อสกุล

    ขั้นตอนการติดต่อ

    เจ้าของผู้จดทะเบียนชื่อสกุล ยื่นคำขอตามแบบ ช.5 ต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน พร้อมหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนชื่อสกุล (ช.2) นายทะเบียนท้องที่ ตรวจสอบคำขอหลักฐานการจดทะเบียนชื่อสกุล เมื่อเห็นว่าถูกต้อง จะพิจารณา อนุญาตและออกหนังสืออนุญาต ให้ร่วมใช้ชื่อสกุล ตามแบบที่กรมการปกครองกำหนดให้แก่เจ้าของ ชื่อสกุลเพื่อมอบให้ผู้ที่จะขอร่วมใช้ชื่อสกุล

    ผู้ขอร่วมใช้ชื่อสกุลยื่นคำขอตามแบบ ช.1 ต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน พร้อมหนังสือ อนุญาตให้ร่วมใช้ชื่อสกุล นายทะเบียนตรวจสอบคำขอและหลักฐาน การอนุญาตเมื่อเห็นว่าถูกต้อง จะพิจารณาอนุญาตและออกหนังสือสำคัญ แสดงการอนุญาตให้แก่ผู้ขอ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 50 บาท ผู้ขอนำหนังสือสำคัญไปขอแก้ไขรายการในทะเบียนบ้านและหลักฐานอื่นที่ เกี่ยวข้องรวมทั้งขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน

    เอกสารที่ใช้ในการเปลี่ยนนามสกุลลูก

    เอกสารที่ใช้ในการขอเปลี่ยนนามสกุลบุตร ได้แก่

    1. สูติบัตรของบุตร
    2. สำเนาทะเบียนบ้านที่บุตรมีชื่ออยู่
    3. หลักฐานการจดทะเบียนหย่า
    4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ
    5. สำเนาทะเบียนบ้าน
    6. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อสกุล (ช.2) หรือใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ช.5) หรือบันทึกข้อตกลงในการใช้ชื่อสกุล โดยให้นำใบเกิดของลูกไปยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม

    ค่าธรรมเนียม : ฉบับละ 100 บาท กรณีการออกใบแทน  ฉบับละ 25 บาท

    ยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตที่ผู้ยื่นคำขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

    เปลี่ยนนามสกุล
    เปลี่ยนนามสกุล

    เอกสารที่ใช้ในการขอเปลี่ยนนามสกุล (ภรรยา) ในกรณีสิ้นสุดการสมรส

    เอกสารที่ใช้ในการขอเปลี่ยนนามสกุล กรณีสิ้นสุดการสมรส ได้แก่

    1. บัตรประจำตัวประชาชนผู้ยื่นคำขอ
    2. สำเนาทะเบียนบ้าน
    3. บันทึกข้อตกลงการใช้ชื่อสกุล กรณีคู่สมรสประสงค์จะใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือหลักฐานสิ้นสุดการสมรส หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สูติบัตร, สำเนาทะเบียนรับบุตรบุญธรรม, สำเนาทะเบียน  รับรองบุตร ฯลฯ

    ค่าธรรมเนียม

    1. การเปลี่ยนชื่อสกุลครั้งแรกเมื่อจดทะเบียนสมรส ไม่เสียค่าธรรมเนียม
    2. การเปลี่ยนชื่อสกุลเพราะการสมรสสิ้นสุด ไม่เสียค่าธรรมเนียม
    3. การเปลี่ยนชื่อสกุลภายหลังการจดทะเบียนสมรสครั้งต่อๆ ไป ฉบับละ 50 บาท
    4. การเปลี่ยนชื่อสกุลเพราะเหตุอื่นๆ ฉบับละ 100 บาท

    ยื่นคำร้องได้ที่ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตที่ผู้ยื่นคำขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

    สำหรับแม่ ๆ ที่ยังสงสัยว่าการ เปลี่ยนนามสกุลลูก ในกรณีของตนเองนั้น ทำได้หรือไม่ ควรทำอย่างไร สามารถติดต่อสำนักงานเขตใกล้บ้านได้เลยค่ะ

    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

    แจ้งเกิดลูก ไม่มีพ่อ ไม่ระบุชื่อพ่อได้ไหม? อนาคตจะมีปัญหาหรือไม่?

    จดทะเบียนสมรสใช้อะไรบ้าง? จดออนไลน์ได้ไหม?

    ผลระยะยาวของการแต่งงานแล้วไม่จดทะเบียน

    จดทะเบียนรับรองบุตร ทำอย่างไร ลูกอายุเท่าไหร่ถึงจดได้?

     

    ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานเขตบางกะปิ, กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, www.bora.dopa.go.th, www.admincourt.go.th, www.peesirilaw.com

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      ฝันเห็นงูหลายตัว

      ฝันเห็นงูหลายตัว แปลว่าจะมีลูก พบเนื้อคู่ จริงหรือ?

      ความฝันเกี่ยวกับงู มักจะแปลไปในเรื่องเกี่ยวกับเนื้อคู่ ไม่ก็มีลูก มาดูกันว่า ฝันเห็นงูหลายตัว จะมีความหมายว่าอย่างไร? พร้อมเลขเด็ด เลขมงคล

      ฝันเห็นงูหลายตัว แปลว่าจะมีลูก พบเนื้อคู่ จริงหรือ?

      ตามคำโบราณท่านว่าหาก ฝันเห็นงู จะหมายความว่าจะได้พบเนื้อคู่ ดังนั้นการฝันที่เกี่ยวข้องกับงู จึงทำให้คนเชื่อว่า ความฝันนี้สื่อความหมายถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ ครอบครัว ลูก แต่จริง ๆ แล้วความฝันที่เกี่ยวข้องกับงูนั้น มีหลากหลายแบบด้วยกัน สามารถสื่อความหมายในเรื่องต่างกัน มาดูกันว่า ฝันเห็นงู ฝันเห็นงูหลายตัว จะสื่ออะไรสำหรับทั้งคนโสด คนที่แต่งงานแล้ว และคนที่มีลูกมีครอบครัวแล้วกันบ้าง

      ฝันเห็นงู

      ทำนายฝัน

      คนในครอบครัวจะมีเรื่องของการเจ็บป่วย เล็กๆ น้อยๆ ไม่หนักหนา สุขภาพจิตใจไม่ค่อยดีนัก ผ่อนคลายบ้าง อยู่ในช่วงเวลาของความลุ่มหลง รักสนุก พบปะสังสรรค์เฮฮา

      ความรัก

      หากคุณมีคู่รักคู่ครองแล้ว จะมีช่วงห่างกันมากขึ้น คุณต้องเติมช่องว่างให้เต็มอย่าให้ขาดนะ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว ความรักหากมีปัญหากันก็ต้องค่อยๆพูด ค่อยๆจา อย่าด่วนตัดสินใจพูดอะไรโดยไม่คิด เพราะจะทำให้คุณมานั่งเสียใจภายหลัง คุณจะได้พบรักกับคนต่างวัย แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า

      ดวงการเงิน การงาน

      จะได้เงินที่มาจากการกู้ยืมและสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จะเดือดร้อนเรื่องเงินจนถึงขั้นเป็นหนี้เขาได้ ก็เพราะความประมาทและความไม่หนักแน่นของคุณเอง การงานหนักหนาสาหัสเอาการ ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่แล้วผลที่ตามมาคุณจะหายเหนื่อยแน่นอน

      เลขมงคล เด่นนำโชค

      0 3 4

      เลขมงคล เด่นรอง

      74 85 007 168 507

      ฝันเห็นงูหลายตัว

      ทำนายฝัน

      จะมีโชคอยู่ทางทิศตะวันออก มาจากคนผิวสองสี ชีวิตราบเรียบ จะมีแต่ความสุขอย่างต่อเนื่อง อาจจะได้เงินคืนจากลูกหนี้แบบไม่คาดคิดมาก่อน

      ความรัก

      คนมีแฟนระวังมีปากเสียงกัน ให้หาเวลาไปเที่ยวตากอากาศกันบ้าง เพื่อผ่อนคลายและเปลี่ยนบรรยากาศด้วย คุณควรระวังเกี่ยวกับคู่ครองของคุณ เพราะอาจจะมีเรื่องร้อนใจหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ถ้าไม่ระวังตัว ระวังใจของตัวคุณเองให้ดีๆ จิตใจของคุณเองนั่นแหละที่จะทำให้คุณคิดเลยเถิดไปไกล

      ดวงการเงิน การงาน

      ระวังการกระทำสิ่งมิชอบจากลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน ที่พาให้เราลำบากไปด้วย คนทำงานเป็นลูกจ้างเขาจะถูกสั่งหยุดกะทันหัน หรือเลวร้ายจนกระทั่งเลิกจ้างคุณ การงานออกนอกลู่นอกทางบ้าง ขาดความเอาใจใส่เท่าที่ควร ต้องมีสติ สมาธิ ความอดทนสู้กว่าปกติ

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      1 2 4 6

      เลขมงคล เด่นรอง
      24 29 32 58 250

      ฝันว่างูกัด

      ทำนายฝัน

      ต้องระวังเป็นพิเศษกับเรื่องสุขภาพของผู้ใหญ่ที่จะไม่ค่อยปกติและเป็นเหตุ ให้ท่านกังวลใจ ระวังอย่าให้ความเครียดเพิ่มขึ้นจนเป็นปัญหาในเรื่องสุขภาพ คุณมีเกณฑ์ได้เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

      ความรัก

      คนรักไปไหนคุณไปด้วย แต่ไม่วายที่คุณจะแอบเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ความรักของคุณสดใสเป็นสีชมพูเลยนะ แต่ก็อย่าให้เกิดปัญหารถไฟหลายๆ ขบวนมาชนกันล่ะ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว ระวังคนรักของคุณจะเผลอใจไปปิ๊งรักกับคนอื่น ควรใส่ใจและดูแลคนรักให้ดี

      ดวงการเงิน การงาน

      จะมีโชคทางการเงินหรือมีลาภลอยในช่วงสั้น ๆ แต่ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดอย่าประมาท เงินพิเศษจะมาจากการบริการที่ถูกใจคนอื่น สินค้าที่เกิดจากไอเดียใหม่ๆ ระวังเรื่องการเมืองในออฟฟิศไว้บ้าง อย่าไว้ใจใครง่ายเกินไป

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      3 4 7 8 9

      เลขมงคล เด่นรอง
      06 90 97 627

      ฝันว่างูรัด

      ทำนายฝัน

      ช่วงนี้จะทำอะไรก็ให้แบ่งรับแบ่งสู้อย่าเพิ่งทุ่มไปซะจนหมดตัวและหัวใจ จงระวังอุบัติเหตุ ทำอะไรก็อย่าประมาท ไม่ว่าคุณจะทำอะไรดูเหมือนว่าจะมีอุปสรรคไปหมด

      ความรัก

      คุณเป็นคนที่โชคดีมากเ พราะได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคนรักเป็นอย่างดี รู้สึกอบอุ่นใจ คุณจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคนนิสัยดี จิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อารมณ์ของคุณในระยะนี้ขึ้นๆลงๆบ่อยมากและมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้

      ดวงการเงิน การงาน

      จะได้เงินที่มาจากการกู้ยืมและสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ระวังรูรั่วทางการเงินจะส่งผลเสีย อย่าค้ำประกันการกู้ยืมให้ใครเพราะจะมีเหตุให้ต้องเสียหลักทรัพย์ไป จะได้แสดงความสามารถ เป็นที่ชื่นชมของคนรอบข้าง

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      1

      เลขมงคล เด่นรอง
      63 79 285 241 454

      ทำนายฝัน
      ทำนายฝัน

      ฝันว่าฆ่างู

      ทำนายฝัน

      ช่วงนี้อาจจะได้รับอุบัติเหตุ ทำให้บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ช่วงนี้ดวงไม่ดี ทำบุญตักบาตร ฟังธรรมบ้าง อยู่ในช่วงเวลาของความลุ่มหลง รักสนุก พบปะสังสรรค์เฮฮา

      ความรัก

      คนโสดจับพลัดจับผลูอาจได้เพื่อนรู้ใจมาเป็นแฟน คุณควรระวังเกี่ยวกับคู่ครองของคุณ เพราะอาจจะมีเรื่องร้อนใจหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ถ้าไม่ระวังตัว ระวังใจของตัวคุณเองให้ดีๆ จิตใจของคุณเองนั่นแหละที่จะทำให้คุณคิดเลยเถิดไปไกล

      ดวงการเงิน การงาน

      จะเด่นมากในด้านการงานที่เกี่ยวกับการค้าต่างแดน หรืองานที่ต้องพบปะกับคนต่างชาติ ต่างภาษา การประหยัดช่วยกันในครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ การเงินมีรายรับดีมาก เป็นเดือนที่รู้สึกคล่องตัวเป็นพิเศษ

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      0 2 3 8 9

      เลขมงคล เด่นรอง
      06 90 061

      ฝันเห็นงูเขียว

      ทำนายฝัน

      ช่วงนี้ระวังทรัพย์สินจะเสียหาย ช่วงนี้ชีวิตคุณดูมีความสุข ดูมีชีวิตชีวา ใครเห็นแล้วก็รู้สึกสดชื่นไปตามคุณ อยู่ในช่วงจังหวะชีวิตเปลี่ยนแปลง แต่มันจะทำให้คุณได้รับสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต

      ความรัก

      คนโสดจะมีการเปลี่ยนแปลงความคิดที่เกี่ยวกับคนที่เข้ามาพัวพัน อาจจะเปิดโอกาสทางด้านความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ผู้ที่มีคนรักแล้วจะได้ของขวัญที่ถูกใจจากคนรัก คนรักก็เอาใจเก่ง พูดจาหวานหู ดูแล้วน่าอิจฉาจัง ระวังคนรักของคุณจะเผลอใจไปปิ๊งรักกับคนอื่น ควรใส่ใจและดูแลคนรักให้ดี

      ดวงการเงิน การงาน

      มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเงินขาดมือได้อยู่ตลอดเวลา ให้ระมัดระวังการใช้จ่ายเงินให้ดี ประหยัดได้ควรประหยัดไปก่อน หากทำสัญญากู้หนี้ยืมสินระหว่างเพื่อนกันจะถูกอีกฝ่ายบิดพลิ้ว เอารัดเอาเปรียบได้ ใครที่คิดจะซื้อจะหาอะไรให้ ดูกำลังทรัพย์ของตัวเองด้วยไม่งั้นจะทุกข์มากกว่าสุข

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      0 1 2 3 5 6

      เลขมงคล เด่นรอง
      96 74 15 306

      ฝันเห็นงูเห่า

      ทำนายฝัน

      ผู้ใหญ่จะช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยดี หากหนักใจเรื่องใดก็ตามควรเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อขอคำปรึกษา ชีวิตราบเรียบ จะมีแต่ความสุขอย่างต่อเนื่อง ระวังจะถูกเอาเปรียบจากคนที่คุณไม่คิดว่าเขาจะทำได้

      ความรัก

      คนที่คุณรักดูเหมือนจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนอื่นๆด้วย คู่รักที่คบกันมานาน ถึงเวลาแล้วที่จะได้ประกาศฤกษ์ดีเสียที คุณควรระวังในเรื่องคำพูด เพราะอาจะทำลายมิตรภาพจนขาดสะบั้นได้ง่าย ๆ

      ดวงการเงิน การงาน

      ได้ลาภจากการทำงาน หรืออาจจะได้งานพิเศษทำแบบไม่คาดคิด การประหยัดช่วยกันในครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ จะมีอุปสรรคเรื่องคนและการเดินทางต้องเผื่อเวลาสำหรับการนัดไว้เสมอ

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      2 3 9

      เลขมงคล เด่นรอง
      96 27 820 430

      ฝันเห็นงู
      ฝันเห็นงู

      ฝันเห็นงูมีพิษ

      ทำนายฝัน

      การพบปะคนจำนวนมากมักเจอเหตุการณ์หรือคำพูดที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก เร็วๆนี้ คุณมีดวงที่จะต้องเดินทางไกล ความเจริญของคุณจะมาจากความอ่อนน้อมถ่อมตนกับคนที่มีอายุมากกว่า

      ความรัก

      คุณหรือคนรักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีความลับต่อกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา เพราะกลัวจะโดนอีกฝ่ายโกรธและกลัวจะทะเลาะกัน คนที่มีคู่แล้วให้ระวังเรื่องความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างคู่ของคุณกับเพื่อนสนิทของคุณ จับตาดูไว้ให้ดีๆ คุณจะมีโชคจากคนรัก อาจจะเป็นของฝากหรือของขวัญ

      ดวงการเงิน การงาน

      ได้ลาภจากการทำงาน หรืออาจจะได้งานพิเศษทำแบบไม่คาดคิด เงินไม่คล่องมือ ต้องจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของท่านหรือการเรียนของลูกหลานหรือเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การงานได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในสายงานเป็นอย่างดี

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      1 5

      เลขมงคล เด่นรอง
      69 81 96 53 267

      ฝันเห็นงูเลื้อยเข้าบ้าน

      ทำนายฝัน

      การพบปะคนจำนวนมากมักเจอเหตุการณ์หรือคำพูดที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก ชีวิตราบเรียบ จะมีแต่ความสุขอย่างต่อเนื่อง คุณมีเกณฑ์ได้รับลาภผลจากคนรัก

      ความรัก

      คนโสดจะมีเกณฑ์ได้พบรักกับคนที่มีเจ้าของแล้วเข้าให้อย่างจัง ระวังจะเกิดอาการรักสั่นคลอน เพราะไม่รู้จะเลือกใครดี ค่อยๆคิดไปก่อน คุณมีโอกาสที่จะพบกับปัญหาความไม่เข้าใจกัน และเกิดอาการบันดาลโทสะได้ง่าย ๆ

      ดวงการเงิน การงาน

      การทำงานร่วมกับพรรคพวกต้องใช้สติกับมิตรภาพมากเป็นพิเศษ และงานจะลุล่วงผ่านพ้นไปด้วยดี จะหาเงินได้ก้อนใหญ่จากกิจการที่คุณทำอยู่และอาจมีผู้มาร่วมลงทุนกับคุณ เพิ่มมากขึ้นแต่ให้ระวังเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว การงานได้เพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      0 6 61 84 487 484

      ฝันเห็นงูตัวใหญ่

      ทำนายฝัน

      ระยะนี้ท่านจะติดต่อกับคนต่างชาติหรือมิตรสหายที่เป็นคนต่างถิ่นต่างภาค พวกเขาเหล่านี้จะนำลาภมาให้ ช่วงมารผจญ ระวังการกลับบ้านดึกๆ และหลีกเลี่ยงการไปงานศพ เพื่อนหรือผู้ที่คุณคุ้นเคยเป็นอย่างดีจะทำตัวห่างเหิน

      ความรัก

      ความรักไม่ได้ดังใจที่คุณคิดไว้ มักได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่เป็นประจำ คุณควรระวังเกี่ยวกับคู่ครองของคุณ เพราะอาจจะมีเรื่องร้อนใจหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ อารมณ์ของคุณในระยะนี้ขึ้นๆลงๆบ่อยมากและมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้

      ดวงการเงิน การงาน

      การตัดสินใจของคุณจะเป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้างเป็นอย่างดี แต่ต้องใช้สติให้ดี คนทำงานประจำจะมีปัญหากับ เพื่อนร่วมงานใหม่ๆ โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า ใครที่คิดจะซื้อจะหาอะไรให้ ดูกำลังทรัพย์ของตัวเองด้วยไม่งั้นจะทุกข์มากกว่าสุข

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      0 1 7 8

      เลขมงคล เด่นรอง
      37 44 87 745 198

      ฝันเห็นพญานาค

      ทำนายฝัน

      จะมีโชคอยู่ทางทิศตะวันออก มาจากคนผิวสองสี จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องงานและเรื่องที่อยู่อาศัย มีแต่คนคอยสร้างปัญหาให้คุณอยู่เสมอ

      ความรัก

      คนโสดต้องพึ่งพาเพื่อนฝูงคนใกล้ตัวคอยเป็นพ่อสื่อแม่ชักให้ถึงจะสำเร็จ ความรักของคุณสดใสเป็นสีชมพูเลยนะ แต่ก็อย่าให้เกิดปัญหารถไฟหลายๆ ขบวนมาชนกันล่ะ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว คุณมีดวงที่ต้องเดินทางในระยะนี้ ทำให้คุณจะมีโอกาสห่างเหินกับคนที่คุณรัก

      ดวงการเงิน การงาน

      ที่กำลังทำเรื่องขอกู้ยืมเงินจากธนาคารระมัดระวังเรื่องเอกสารสัญญาไม่สมบูรณ์ขาดตกบกพร่องทำให้เกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบ ทางด้านการเงินดีมาก แต่ก็ไม่เหลือเก็บ อย่าเพิ่งลงทุน ขยับขยาย ทำอะไรเสี่ยง ๆ ได้ไม่คุ้มเสีย

      เลขมงคล เด่นนำโชค
      5 6 8

      เลขมงคล เด่นรอง
      29 30 953 858

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      ทำนายฝัน!! “ฝันว่าฟันหัก” จะเกิดการสูญเสียจริงหรือ?

      ฝันเห็นเสือ ฝันว่าเสือกัด ทำนายฝันพร้อมเลขมงคล!!

      ฝันว่าผมร่วง ผมร่วงเต็มพื้นจะดีหรือร้าย..ทำนายฝันแม่นๆ

      ตกใจ! ฝันว่าตัดผม อย่าเพิ่งรีบส่องกระจกเปิดทำนายฝันด่วน

       

      ขอบคุณข้อมูลจาก : monohoro.com

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ติดตั้งคาร์ซีท

        ติดตั้งคาร์ซีท ในรถกระบะได้ไหม? ปลอดภัยหรือไม่?

        ตามกฎหมายบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี นั่งในคาร์ซีทเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ แล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้รถกระบะล่ะควร ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย?

        ติดตั้งคาร์ซีท ในรถกระบะได้ไหม? ปลอดภัยหรือไม่?

        ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 บัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศ โดยสาระสำคัญคือ ให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องนั่ง “คาร์ซีท”

        โดยพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2565 ประกาศใช้มีสาระสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กในมาตรา 123 กล่าวว่า เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 135 ซม.ต้องนั่งคาร์ซีท บูสเตอร์ซีท หรือคาดเข็มขัดนิรภัย หากไม่ปฏิบัติ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และจะมีผลในอีก 120 วันข้างหน้า หรือวันที่ 5 กันยายน 2565

        “คาร์ซีท” เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีเมื่อมีการนำบุตรหลานออกเดินทางทั้งใกล้หรือไกล สามารถปกป้องและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้กับเด็ก องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า การใช้ “คาร์ซีท” ช่วยลดการเสียชีวิตของเด็กได้ถึงร้อยละ 70

        เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีจะต้องนั่งคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กเอง สำหรับบ้านไหนที่ใช้รถกระบะกันอยู่ ก็จะมีคำถามว่าสำหรับรถกระบะแล้วควร ติดตั้งคาร์ซีท ตรงไหน ถึงจะปลอดภัยและไม่ผิดกฎหมาย ทีมกองบรรณาธิการ ABK มีคำตอบค่ะ

        ก่อนที่จะดูว่าจะต้อง ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรในรถกระบะ มาทำความรู้จักประเภทของรถกระบะกันก่อนค่ะ

        ประเภทรถกระบะ รถกระบะมีกี่แบบ?

        รถกระบะเป็นประเภทสินค้าที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นจึงต้องมีความหลากหลายของสินค้าให้เลือกใช้ โดยหลัก ๆ แล้ว จะแบ่งเป็นตัวถัง 3 ประเภทคือ แบบตอนเดียว แบบตอนครึ่ง และแบบสองตอน

        ตัวถังตอนเดียว

        เป็นตัวถังแบบหัวเก๋งเดี่ยว ไม่มีพื้นที่หลังคนขับใดๆ สำหรับขนของได้เยอะสุดๆ ส่วนใหญ่ใช้คำว่า Standard cab แต่ก็มีบางยี่ห้อ ใช้ชื่อต่างออกไป เช่น Single cab S-cab

        ตัวถังตอนครึ่ง

        หลายคนรู้จักกันว่าเป็น กระบะมีแค็ป ซึ่งจะมีพื้นที่ด้านหลังคนขับเพิ่มมาเล็กน้อย ไว้ให้พอใส่สัมภาระแบบหลบแดดฝนได้ ริเริ่มตั้งแต่ยุค 70 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันมักทำช่วงตัวถังตอนครึ่งช่วงหลัง ให้สามารถเปิดได้ด้วย คล้ายเป็นประตูเสริม เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนสัมภาระแบบไม่ต้องพับเบาะ ซึ่งชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ก็จะแตกต่างไปตามแต่ละยี่ห้อ เช่น Spacecab, Smart cab, Xtracab, Open cab, Mega cab, King cab, X-cab, Freestyle cab

        ตัวถังสองตอน

        รถกระบะแบบที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะมีห้องโดยสารตอนที่ 2 เพิ่มเข้ามา เริ่มนิยมใช้กันในยุค 90 เป็นต้นมา พร้อมเบาะนั่ง และประตูเปิดเข้าออกได้ง่าย โดยส่วนใหญ่แล้วจะรู้จักกันในชื่อของดับเบิ้ลแค็ป

        จะเห็นได้ว่ารถกระบะมีทั้งแบบไม่มีเบาะหลัง หรือมีแต่พื้นที่อาจจะไม่กว้างพอที่จะติดตั้งคาร์ซีท และมีทั้งแบบเบาะนั่งด้านหลังที่กว้างขวางพอ ๆ กับรถเก๋ง ดังนั้น มาดูกันว่าสำหรับรถกระบะแล้วจะสามารถ ติดตั้งคาร์ซีท ตรงจุดไหนได้บ้าง และปลอดภัยหรือไม่ กันค่ะ

        คาร์ซีท
        คาร์ซีท

        ติดตั้งคาร์ซีท ในรถกระบะได้ไหม? ปลอดภัยหรือไม่?

        จากความเห็นของพ่อแม่หลายคนที่ซื้อรถกระบะกันมาแล้ว คงจะหนักใจไม่น้อยเพราะการจะเปลี่ยนรถมาเป็นรถเก๋งเพื่อ ติดตั้งคาร์ซีท นั้นคงไม่เหมาะ เพราะหลาย ๆ บ้านก็ต้องใช้รถกระบะในการทำงาน ขนของ แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ค่ะ มาดูกันว่าจะ ติดตั้งคาร์ซีท ที่จุดไหนในรถกระบะได้บ้าง จุดไหนที่ปลอดภัยที่สุด

        ที่นั่งด้านข้างคนขับ

        หากอ้างอิงตามกฎหมายไทยที่จะเริ่มบังคับใช้นั้น ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องติดตั้งคาร์ซีทบนเบาะหลังเหมือนกับบางประเทศ (ยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศส กำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ต้องนั่งบนคาร์ซีทที่เบาะหลังเท่านั้น เว้นแต่กรณีรถไม่มีเบาะหลังจึงจะสามารถใช้เบาะหน้าได้) ผู้ปกครองจึงสามารถติดตั้งคาร์ซีทบนเบาะหน้าได้หากมีความจำเป็น เช่น กรณีใช้รถกระบะแค็บที่ไม่มีเบาะหลัง หรือเป็นรถแบบ 2 ที่นั่ง เป็นต้น

        อย่างไรก็ดี รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันล้วนแต่ติดตั้งระบบถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ามาให้ ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับการติดตั้งคาร์ซีท เนื่องจากการพองตัวของถุงลมนิรภัยมีความรุนแรงมาก อาจเป็นอันตรายต่อเด็กที่นั่งโดยสารอยู่ได้ รถหลายรุ่นจึงมีปุ่มปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยสำหรับการติดตั้งคาร์ซีทโดยเฉพาะ ซึ่งโดยมากแล้วจะอยู่บริเวณด้านข้างของแผงคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร จำเป็นต้องเปิดประตูออกเสียก่อนจึงจะสามารถเห็นปุ่มที่ว่านี้ได้ (รถบางรุ่นอาจถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่างออกไปจากนี้)

        ส่วนวิธีการปิดการทำงานก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น บางรุ่นถูกออกแบบให้สามารถหมุนปิดการทำงานได้ทันที บางรุ่นอาจจำเป็นต้องเสียบกุญแจเสียก่อนจึงจะสามารถหมุนปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยได้ โดยสัญลักษณ์รูปถุงลมนิรภัยอาจปรากฏขึ้นบนหน้าปัดเพื่อแสดงว่าถุงลมนิรภัยถูกปิดอยู่ แต่ก็จะไม่กระทบต่อการทำงานของถุงลมนิรภัยที่เหลือแต่อย่างใด
        สำหรับบ้านไหนที่มีกระบะแบบที่นั่งตอนเดียว ก็ลองหาดูนะคะว่ามีปุ่มปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยในบริเวณด้านข้างคนขับหรือไม่

        ที่นั่งตอนหลัง

        สำหรับรถตัวถังสองตอน ที่บริเวณที่นั่งด้านหลังมีความกว้างพอ ๆ กับรถเก๋ง สามารถเปิดปิดประตูได้จากตอนที่สองของตัวถังได้นั้น ก็ควรติดตั้งคาร์ซีทบริเวณที่นั่งตอนหลัง โดยรถบางรุ่นจะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า ISOFIX ซึ่งเป็นจุดยึดที่ออกแบบมาสำหรับติดตั้งคาร์ซีทโดยเฉพาะ ช่วยให้การติดตั้งทำได้ง่ายขึ้น แถมยังมีความมั่นคงแข็งแรงกว่าการยึดด้วยสายเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย แต่หากรถรุ่นที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ ไม่มี ISOFIX การติดตั้งคาร์ซีทกับสายเข็มขัดนิรภัย ก็ถือว่าปลอดภัยเช่นกันค่ะ

        ISOFIX

        ISOFIX

         

        ที่นั่งบริเวณแคป

        แม้ที่นั่งบริเวณนี้จะมีความกว้างไม่มากพอที่จะติดตั้งคาร์ซีทขนาดใหญ่ และรถบางรุ่นก็ไม่มีเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งบริเวณแคปอีกต่างหาก สำหรับกรณีนี้คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบก่อนว่าที่นั่งบริเวณแคปในรถของคุณพ่อคุณแม่นั้น มีเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ หากมี ควรหาคาร์ซีทที่สามารถวางไว้ตรงจุดนั้นได้พอดี ไม่ควรให้ฐานของคาร์ซีทเลยจากเบาะนั่ง

        และสำหรับหลาย ๆ บ้านที่ติดตั้งคาร์ซีทโดยให้ด้านข้างหันไปทางหน้ารถ เพื่อให้ฐานของคาร์ซีทพอดีกับเบาะนั่งนั้น ขอบอกว่าการติดตั้งแบบนี้อันตรายมาก ๆ ค่ะ เพราะอาจจะทำให้คาร์ซีทคว่ำลงมาได้หากเกิดอุบัติเหตุ

        สำหรับในกรณีที่รถของคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งบริเวณแคป การจะนำคาร์ซีทไปวางไว้โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก็อันตรายเช่นกัน เพราะคาร์ซีทสามารถคว่ำลงมาหรือกระเด้งไปนอกรถได้เช่นกันค่ะ

        ดังนั้น หากไม่สามารถหาคาร์ซีทที่มีขนาดพอเหมาะกับที่นั่งบริเวณแคป หรือไม่มีเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งบริเวณแคป แนะนำให้ติดตั้งคาร์ซีทในบริเวณที่นั่งข้างคนขับแล้วปิดระบบถุงลมนิรภัยที่ด้านข้างคนขับแทนนะคะ

        ติดตั้งถูกต้อง ป้องกันอันตรายได้!!

        อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหนก็ตาม การติดตั้งคาร์ซีทให้ถูกต้องนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ การใช้คาร์ซีทให้เหมาะสมกับวัย ส่วนสูง และน้ำหนักของลูกก็สำคัญเช่นกัน เพราะการใช้คาร์ซีทที่สูงกว่าวัยลูก เผื่อลูกโตนั้น ในบางครั้งท่านั่งของคาร์ซีทแบบเด็กโต ก็ไม่เหมาะกับสรีระของเด็กเล็กหรือทารก และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ลูกก็อาจจะได้รับอันตรายจากการใช้คาร์ซีทที่ไม่เหมาะสมกับวัยได้ อ่านต่อ วิธีเลือกซื้อ “คาร์ซีท” ให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก

        ดูคลิปเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกคาร์ซีท ได้ที่นี่

        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

        เด็กทารกจำเป็นต้องใช้คาร์ซีท จริงหรือ?

         

        ให้ลูก นั่งคาร์ซีท หรือ อุ้มนั่งตัก แบบไหนปลอดภัยกว่า?

        รีวิวคาร์ซีท 10 แบรนด์ยอดนิยม แข็งแรง ปลอดภัยทุกการเดินทาง

        เช็คลิสต์! ยาสำหรับเดินทาง พาลูกเที่ยว พกยาอะไรบ้าง?

         

        ขอบคุณข้อมูลจาก : www.modernmom.com, chobrod.com, www.sanook.com

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          ตัดผม ตัดเล็บวันไหนดี

          ตัดผม ตัดเล็บวันไหนดี ปี 2565 ให้มีสิริมงคลแก่ลูกน้อย

          ตัดผม ตัดเล็บวันไหนดี ดูวันดี ฤกษ์ดี เป็นสิริมงคล ปี 2565 ลูกจะได้เลี้ยงง่าย ไม่งอแง สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย เทวดารักษาคุ้มครอง

          ตัดผม ตัดเล็บวันไหนดี ปี 2565 ให้มีสิริมงคลแก่ลูกน้อย

          ตัดเล็บวันไหนดี เป็นความเชื่อมาแต่โบราณ คนสมัยก่อนจะทำอะไร มักดูฤกษ์ ดูยาม วันไหนทำแล้วดี วันไหนไม่ควรทำ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต ฤกษ์ดี ปี 2565 คือวันไหน ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำข้อมูลมาให้แล้วค่ะ พร้อมทั้งวิธีการตัดเล็บให้ลูกน้อย เป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

          กรรไกรตัดเล็บทารก
          กรรไกรตัดเล็บทารก

          วิธีการตัดเล็บทารก

          ทารกสามารถเริ่มตัดเล็บได้ตั้งแต่คลอดเพียงไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความยาวของเล็บ ซึ่งเล็บของทารกจะยาวเร็ว คุณพ่อคุณแม่จึงควรตัดเล็บให้ทารกเป็นประจำ เพื่อป้องกันทารกข่วนหน้าตัวเองและผู้อื่น อีกทั้งยังช่วยรักษาความสะอาดของเล็บด้วย โดยปกติควรตัดเล็บมือให้ทารกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนนิ้วเท้าซึ้งมีการเคลื่อนไหวน้อยจะยาวช้ากว่า จึงอาจจะตัดประมาณ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง หรือเมื่อสังเกตเห็นว่าเล็บยาวแล้ว และควรใช้กรรไกรตัดเล็บของทารกโดยเฉพาะ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีการเลือกกรรไกรตัดเล็บ และวิธีการตัดเล็บอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของทารก วิธีการตัดเล็บมีดังนี้

          1. จับมือและนิ้วของทารกให้มั่น วางทารกให้อยู่ในบริเวณที่สามารถตัดได้ถนัด เช่น บนตัก
          2. กดเนื้อบริเวณใต้เล็บลงอย่างเบามือ เพื่อให้มีพื้นที่ในการตัด และเลี่ยงไม่ให้กรรไกรโดนผิวทารก
          3. ค่อย ๆ ตัดเล็บทารกให้เหลือเนื้อเล็บโผล่มาเล็กน้อย นิ้วมือให้ตัดโค้งตามรูปเล็บ อย่าตัดจนสั้นกุด ส่วนนิ้วเท้า ให้ตัดเป็นเส้นตรง
          4. ใช้ตะไบ ค่อย ๆ ตะไบเล็บทารก เพื่อลบคมของเล็บ ป้องกันทารกข่วยหน้าตัวเองหรือผู้อื่น

          นอกจากการตรวจความยาวของเล็บอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรตรวจดูด้วยว่ามีเล็บขบหรือไม่ หากเกิดการตัดเล็บเข้าเนื้อจนเลือดออก ควรใช้ผ้าก๊อซที่สะอาดกดบริเวณแผลเบา ๆ เพื่อห้ามเลือด จากนั้นใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทา ป้ายที่แผลบาง ๆ เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ผ้าพันแผลแปะ หรือพันไว้ที่นิ้ว เพราะทารกอาจอมนิ้วแล้วผ้าพันแผลหลุดเข้าไปในปากได้

          วิธีใช้กรรไกรตัดเล็บให้ปลอดภัย

          การตัดเล็บให้ทารกต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีการใช้กรรไกรตัดเล็บทารกให้ปลอดภัย อาจมีดังนี้

          เลือกชนิดของกรรไกรตัดเล็บให้เหมาะสม

          เลือกกรรไรตัดเล็บที่มีปลายมน และเหมาะสมกับวัยของทารก เช่น ตะไบเล็บสำหรับทารก กรรไกรตัดเล็บทรงโค้ง ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของผู้ใหญ่ เพราะมีขนาดใหญ่กว่านิ้วของทารก และอาจคมมากจนพลาดทำให้นิ้วทารกเลือดออกได้ ทั้งนี้ บางยี่ห้ออาจมีแว่นขยาย ช่วยทำให้สามารถตัดเล็บได้ง่ายขึ้นด้วย

          เบี่ยงเบนความสนใจทารก

          อาจหาตัวช่วยทำให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ดึงดูดความสนใจทารกไปที่สิ่งอื่น เช่น เปิดเพลงโปรดของทารก ร้องเพลงกล่อมเบา ๆ พูดคุยกับทารก เป็นต้น หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ทารกรู้สึกเครียด เพราะทารกอาจกำมือ ทำให้ตัดเล็บได้ยาก และเล็บอาจจิกเนื้อตัวเองได้

          เลือกช่างเวลาที่เหมาะสม

          อาจเลือกตัดเล็บหลังการอาบน้ำให้ทารก เพราะเป็นเวลาที่ทารกรู้สึกผ่อนคลาย และเล็บจะนุ่มตัดง่าย หรือช่วงเวลาที่ทารำกำลังนอนหลับ ซึ่งเป็นเวลาที่ทารกอยู่นิ่ง โดยอาจทาโลชั่นที่นิ้วและเล็บบาง ๆ เพื่อให้ตัดเล็บได้ง่ายขึ่น

          มีผู้ช่วยในการตัดเล็บ

          หากยังไม่มั่นใจที่จะตัดเล็บทารกด้วยตัวเอง อาจหาผู้ช่วยมาอุ้ม หรือประคองตัวทารกเอาไว้ แล้วตนเองเป็นผู้ตัด ซึ่งจะช่วยให้มีสมาธิในการตัดเล็บได้ดีขึ้น ไม่ต้องพะวงกับการเคลื่อนไหวของทารก หากเริ่มตัดเล็บได้คล่องแล้ว จึงค่อยเริ่มตัดเล็บเองเพียงคนเดียว

          ตัดเล็บวันไหนดี 2565

          ตัดเล็บวันอาทิตย์

          หากตัดเล็บในวันอาทิตย์ จะทำให้มีโชค มีลาภ หรือเรียกได้ว่าโชคลาภสวัสดี เพราะเขาจะเข้ามาคุณ แบบไม่ทันได้ตั้งตัว

          วันจันทร์

          หากตัดเล็บในวันจันทร์ เชื่อกันว่าตัดเล็บในวันนี้ จะช่วยเสริมให้ โชคลาภเพิ่มพูน ที่มีอยู่แล้ว ก็จะทวีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

          ตัดเล็บวันอังคาร

          หากตัดเล็บในวันอังคาร จะทำให้เกิดการเสื่อมลาภ เสียศรี เสียความเป็นมงคลไป

          ตัดเล็บวันพุธ

          ห้ามตัดเล็บในวันพุธ หากตัดเล็บในวันพุธ จะเกิดการอับโชค มีภัยมาหาตัว อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นได้

          วันพฤหัสบดี

          ห้ามตัดเล็บวันพฤหัส หากตัดเล็บวันพฤหัส จะทำให้เกิดทุกข์โศก โรคภัย เจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ป่วยกระเซาะกระแซะ

          ตัดเล็บวันศุกร์

          หากตัดเล็บในวันศุกร์ จะได้ลาภเปรมปรีดิ์ คิดสิ่งใดก็สมหวัง

          ตัดเล็บวันเสาร์

          ห้ามตัดเล็บวันเสาร์ หากตัดเล็บในวันเสาร์ จะมีเกณฑ์เจ็บไข้ได้ป่วย เกิดโรคภัยไข้เจ็บ แบบหาสาเหตุไม่ได้

          ตัดผมวันไหนดี
          ตัดผมวันไหนดี

          ตัดผมวันไหนดี 2565

          ตัดผมวันอาทิตย์

          หากตัดผมในวันอาทิตย์ จะทำให้มีอายุที่ยืนยาว ไม่เจ็บป่วย มีสุขภาพที่ดี กินอิ่มนอนหลับสบาย ถ้ารักสุขภาพอยากให้แข็งแรง ก็เลือกตัดผมวันนี้ได้เลยค่ะ

          วันจันทร์

          หากตัดผมในวันจันทร์ จะทำให้มีโชค มีลาภผล ลงทุนทำอะไรก็จะรับผลตอบแทนที่ดี สภาพคล่องทางการเงินดีมาก

          ตัดผมวันอังคาร

          หากตัดผมในวันอังคาร จะช่วยเสริมอำนาจ ใครเห็นก็ให้ความเคารพ หรือว่าเกรงใจบารมีนั่นเอง

          ตัดผมวันพุธ

          หากตัดผมในวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่เชื่อกันว่าไม่ควรตัดผม และวันพุธในปี 2565 นี้ ห้ามจริง ๆ ในปีนี้ จะซวยซ้ำซวยซาก โชคลาภหด มีปากเสียงง่ายประสบความสำเร็จได้ยาก เรียกว่าอย่าเผลอลืมไปตัดผมวันพุธของปีนี้กันเลยนะคะ

          พฤหัส

          สำหรับวันตัดผมมงคล ในปี 2565 นี้ ต้องยกให้วันพฤหัสบดี เชื่อกันว่า มีเทพเจ้า เทวดาฟ้าดินคอยคุ้มครอง จะทำการใด ๆ ก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

          ตัดผมศุกร์

          สำหรับการตัดผมในวันศุกร์ เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งของปี 2565 นี้ มีความเชื่อว่าจากที่สวยอยู่แล้วจะสวยขึ้นไปอีก จากที่น่ารักอยู่แล้วก็จะน่ารักมาก ๆ เท่ากับว่าสวย หล่อ ราวกับเทพบุตรกันไปเลย ที่สำคัญตัดผมวันนี้ผู้ใหญ่จะรักและเอ็นดู ผู้น้อยก็จะภักดีไม่หักหลัง

          ตัดผมเสาร์

          หากมีเป้าหมายแล้วอยากทำให้สำเร็จต้องตัดผมวันเสาร์เพื่อเสริมดวง มีความเชื่อว่าถ้าตัดผมวันเสาร์จะทำให้บรรลุเป้าหมายดี ๆ ที่ตั้งใจไว้ ตัดแล้วสมดั่งใจหวังทุกอย่าง และไม่เจ็บ ไม่จนอีกต่อไป

          ความเชื่อในเรื่อง ห้ามตัดผมวันพุธ

          ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อในตำนานโบราณ ซึ่งมีการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา โดยความเชื่อเกิดขึ้น เพราะในสมัยก่อนพระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์ จะทำการตัดผม (ปลงพระเกศา) ในวันพุธ จึงทำให้คนทั่วไปไม่นิยมตัดผมในวันพุธ ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผู้ไดจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณค่ะ

          คนไทยมีความเชื่อเรื่องวันมงคลในการทำกิจกรรมต่าง ๆ วันนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK จังได้นำข้อมูล การตัดผม การตัดเล็บวันไหนดี มาฝาก อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ

          อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

          ฤกษ์ออกรถ ปี 2565 เสริมสิริมงคล แคล้วคลาด ปลอดภัย

          สีเสื้อมงคล 2565 ตามวันเกิด ใส่แล้วดวงปัง รักพุ่ง รวยไม่หยุด

          สีกระเป๋าสะพายตามวันเกิด 2565สีไหนปังสีไหนรุ่งต้องรู้!!

          รวมวันดี วันมงคล ฤกษ์คลอดลูก ฤกษ์คลอดปี 2565 / 2022 ฤกษ์ผ่าคลอด ปูทางสำเร็จให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด

          ขอบคุณข้อมูลจาก : https://hellokhunmor.com, https://www.gangbeauty.com, https://www.wongnai.com

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          Amarin Baby & Kids

            4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            หมอแนะนำพ่อแม่!  4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            หมอแนะนำพ่อแม่!  4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            เมื่อลูกน้อยเป็นเบาหวาน คุณพ่อคุณแม่อาจตกใจตั้งสติไม่ทันว่าทำไมลูกเราถึงเป็นเบาหวาน แล้วจะดูแลอย่างไร แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะวันนี้ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้นำคำแนะนำ 4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาบอกต่อแล้วค่ะ

            โรคเบาหวาน (Diabetes) และ 4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติจากการที่ร่างกายไม่สามารถหลั่งสารอินซูลินในปริมาณที่เพียงพอเพื่อมาจัดการกับระดับน้ำตาล หรือเกิด “ภาวะดื้ออินซูลิน” ที่สารอินซูลินที่ร่างกายหลั่งมานั้นมีประสิทธิภาพไม่ดีพอต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ที่จะส่งผลต่อไปต่อกระบวนเผาผลาญ หรือกระบวนการเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มที่บริโภคเข้าไป ให้กลายเป็นพลังงานโดยเฉพาะน้ำตาล

            หากระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถถูกควบคุมให้อยู่ในระดับปกติ จะส่งผลกระทบที่สามารถทำลายหัวใจ หลอดเลือด ไต และระบบประสาท นอกจากนี้อาจทำให้สูญเสียการมองในระยะยาวได้

            โรคเบาหวานมีหลายชนิด สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ที่เด็กเล็กมีแนวโน้มที่จะเป็นกันมากขึ้น เพราะเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การกินอาหาร Fast Food หรืออาหารที่หวานจัด เป็นอาหารประเภทแป้งในสัดส่วนที่สูง มีแคลอรี่สูงต่อมื้อ การเกิดโรคอ้วน ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเกิดจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น

            สาเหตุโรคเบาหวานชนิดที่1

            สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย และพบได้บ่อยสำหรับโรคเบาหวานเด็กและวัยรุ่น สาเหตุเกิดจาก:

            • ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน โดยสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัดซึ่งวงการแพทย์ได้ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุต่อไป เมื่อเกิดสภาวะนี้ร่างกายจะไม่สามารถเผาผลาญและนำน้ำตาล (Glucose) ที่อยู่ภายในกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้อย่างเป็นปกติ จึงทำให้เกิดสภาวะน้ำตาลในร่างกายมากเกินไป

            สาเหตุโรคเบาหวานชนิดที่2

            มีโอกาสพบได้ในวัยรุ่น สาเหตุเกิดจาก:
            ● ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอและเซลล์ไม่สามารถนำน้ำตาล (Glucose) มาใช้ในการสร้างพลังงานได้ดีนัก
            ● ในวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นี้ จึงส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
            ● ผู้ที่มีชาติพันธ์ุที่เป็นชาวเอเชียใต้ที่มีมีอายุ 25 ปีขึ้นไป
            ● จะมีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป

            4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน
            หมอแนะนำพ่อแม่!  4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            เบาหวานในเด็กต่างจากเบาหวานในผู้ใหญ่ อย่างไร

            • หากเกิดโรคเบาหวานในเด็ก จะทำให้มีโอากาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้เยอะกว่าในวัยผู้ใหญ่
            • เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตและการแปลงเปลี่ยนทางด้านอารมณ์ และใช้ความรู้สึกมากกว่าอารมณ์ในการตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ จึงอาจส่งผลต่อการควบคุมการรักษา หรือควบคุมอาการของโรคได้ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ จึงอาจจะต้องใช้บุคคลรอบข้าง เช่น ผู้ปกครอง หรือญาติ ในการดูแลร่วมด้วย

            อาการที่สังเกตได้

            • ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะเวลากลางคืน
            • ดื่มน้ำมากกว่าปกติ หรือกระหายน้ำบ่อยครั้ง
            • มีความอยากอาหารอยู่บ่อย ๆ
            • การมองเห็นพร่ามัวไม่ชัดเจน หรือเกิดภาพซ้อน, บาดแผลหายช้า
            • ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้หวาน
            • รู้สึกเหนื่อยล้า และหงุดหงิดง่าย
            • น้ำหนักลดลงทั้งที่กินจุ
            • การติดเชื้อที่ผิวหนัง เป็นแผลแล้วอักเสบง่ายหายยาก ในเด็กหญิงบางรายอาจติดเชื้อในช่องคลอด

             

            การรักษาเบาหวานในเด็ก

            การดูแลและรักษาโรคเบาหวานสำหรับผู้ป่วยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะมีส่วนป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะมากับโรคเบาหวานทั้ง 2 ประเภทได้ และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

            ● เบาหวานชนิดที่ 1

            เนื่องจากจะต้องใช้อินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงต้อง

            • ต้องตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
            • คำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ได้รับประทานและดื่ม วิธีนี้จะทำให้รู้ปริมาณการใช้อินซูลินต่อปริมาณสารอาหารที่บริโภคได้อย่างเหมาะสม
            • การสร้างสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายเป็นประจำ
            • กินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเหมาะสมตามหลักโภชนาการ

            สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานในเด็กได้

            ● เบาหวานชนิดที่ 2

            • จัดการการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเหมาะสมตามหลักโภชนาการ
            • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
            • การรักษาน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐาน
            • แต่บางรายก็ต้องใช้ยาด้วย เช่น ยาเม็ดและอินซูลิน หรือการรักษาอื่นๆ
            • ควรทดสอบระดับกลูโคสในเลือดเหมือนผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1

            นอกจากนี้ ก็รักษาตามหลักเวชปฏิบัติทั่วไป (GP: General Practitioner) ที่จะเป็นแนวทางได้ว่าควรจะดูแล และรักษาอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

            หมอแนะนำพ่อแม่!  4 วิธีดูแลลูกเป็นเบาหวาน

            สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่ลูกน้อยเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แพทย์หญิงนวลผ่อง เหรียญมณี กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคต่อมไร้ท่อ เบาหวาน และการเจริญเติบโต ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้อธิบายว่า การดูแลผู้ป่วยเด็กกลุ่มนี้จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะในเรื่องของอาหาร ซึ่งคุณหมอได้แนะนำหลักในการดูแลว่า…

            • นับสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต เพราะจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถคำนวณปริมาณอินซูลินที่ให้กับลูกได้ โดยทางโรงพยาบาลจะมีนักโภชนาการให้คำแนะนำตรงส่วนนี้ ในการแบ่งและนับสัดส่วนได้ถูกต้องเหมาะสม ต้องรู้ถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยนั้นๆ ด้วย เพราะไม่ควรงดอาหารในเด็ก แต่ควรให้ในสัดส่วนที่พอเหมาะต่อการเจริญเติบโต
            • เจาะเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล เพื่อช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับการเจาะดูน้ำตาลในเลือดนั้น ควรเจาะก่อนอาหาร 3 มื้อและก่อนนอน เพื่อคำนวณปริมาณอินซูลินได้ถูกต้อง
            • ฉีดยาอินซูลิน ก่อนมื้ออาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน ปัจจุบันมีการให้อินซูลินในรูปแบบ insulin pump เพื่อไม่ต้องฉีดยาบ่อย
            • พ่อแม่ต้องรู้จัก และสอนลูกน้อยให้รับมือ กับ “ภาวะน้ำตาลต่ำ” ภาวะน้ำตาลต่ำ เด็กจะมีอาการเหงื่อออก ใจสั่น จะเป็นลม หากวัดน้ำตาลในเลือดดูจะพบว่ามีค่าต่ำกว่า 60

            คุณหมอยังแนะนำอีกว่า เด็กวัยนี้ยังต้องมีการทำกิจกรรม มีการเล่น ตามปกติของช่วงวัย พ่อแม่จึงควรสอนให้ลูกน้อยรู้ว่า “ก่อนทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนักๆ ควรมีการวัดระดับน้ำตาลก่อนออกกำลังกาย หรือควรรู้ว่าต้องกินคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ” 

            เพราะการคุมอาหารในเด็กจะมีความยากกว่าในผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ จึงจำเป็นต้องอธิบายให้ลูกน้อยเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานที่เป็นอยู่ เข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลเรื่องอาหาร การตรวจเช็กระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมทั้งเข้าใจว่า ลูกสามารถควบคุมโรคนี้ได้หากดูแลตัวเองดีพอ หรืออยู่ร่วมกับโรคนี้ได้ โดยที่ยังสนุกกับการใช้ชีวิตในทุกวันค่ะ

            ขอบคุณข้อมูลจาก

            PPTV HD , pathlab, โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             อ่านต่อบทความดี ๆ 

            ทำไมป่วย เบาหวาน – อ้วน เสี่ยงมากเมื่อติดโควิด-19

            โรคอ้วนอันตราย! จำเป็นต้อง ลดเด็กอ้วน

            พ่อแม่ต้องทำอย่างไร เมื่อลูก ติดไข้หวัดใหญ่จากโรงเรียน

              Monkey Junior

              ส่งเสริมให้ลูกน้อยเลือกเรียนได้โดยไร้ความกดดัน “Monkey Junior” และ “Monkey Stories” 2 แอปพลิเคชันที่ช่วยให้การเรียนภาษาเป็นเรื่องสนุก

              ขึ้นชื่อว่าเป็นความกดดันหรือถูกบังคับให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด คงไม่มีใครที่มีความสุขเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในวัยของการเรียน การศึกษา เด็ก ๆ ที่ต้องรับผิดชอบกับเนื้อหาการเรียนรู้มากมายจากที่โรงเรียน ไปพร้อมๆกับการแบกรับความคาดหวังหรือแรงกดดันจากคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานของตนนั้นเป็นเด็กที่เรียนเก่งที่สุด มีความสามารถมากที่สุด เพื่อเป็นการต่อยอดการเดินทางไปสู่อนาคตที่ประสบความสำเร็จที่สุด

              ถึงแม้จะเป็นการบังคับกดดันที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี แต่มันจะดีกว่าหรือไม่ หากเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองไปพร้อม ๆ กับรับผิดชอบหน้าที่หลักของตนในการศึกษาเล่าเรียนอย่างมีวินัยและมีประสิทธิภาพ

              เพื่อให้เด็กๆทั่วโลกได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะทางวิชาการไปพร้อม ๆ กับสร้างบรรยากาศของความสนุกสนาน ผ่อนคลาย ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจึงออกแบบออกมาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการเรียนการสอนภาษาอังฤษ “Monkey Junior” และ “Monkey Stories” ที่ทั้งตัวเด็ก ๆ ผู้เรียนรวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองสามารถใช้เวลาร่วมกันให้เกิดประโยชน์ พร้อมกับสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่มีความสุขได้อีกด้วย

              Monkey Junior

              “Monkey Junior – คำศัพท์สำหรับเด็กสู่การต่อยอด” คือแอปพลิเคชันอันดับ 1 ที่เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่มีพื้นฐานทางภาษาอังกฤษ ด้วยตัวหลักสูตรที่เข้าใจง่าย ตัวผู้เรียนมีโอกาสได้โต้ตอบกับหลักสูตรโดยใช้ทักษะการฟัง การดู การอ่าน การสัมผัส และ การพูด ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนานและสามารถจดจำเนื้อหาจากบทเรียนได้ไปในตัว เรียกได้ว่าเป็นการเรียนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความกดดันและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

              แอปพลิเคชัน Monkey Junior ช่วยให้เด็ก ๆ มีคลังสะสมคำศัพท์ได้มากกว่า 1,000 คำผ่านการเล่นเกมเชิงโต้ตอบ และแน่นอนว่าการมีส่วนช่วยเสริมของเทคโนโลยี AI จะช่วยให้ตัวผู้เรียนเกิดการจดจำคำศัพท์ได้มากยิ่งขึ้น เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้คำศัพท์จากการจดจำพยัญชนะและรูปภาพแทนความหมายของคำศัพท์นั้น ๆ ควบคู่ไปกับการออกเสียงคำศัพท์ที่ถูกต้อง ซึ่งในตัวแอปพลิเคชัน Monkey Junior 100% ของเนื้อหาจะเป็นไฟล์เสียงมาตรฐานอังกฤษแบบอเมริกัน นอกจากนี้ในตัวแอปพลิเคชัน Monkey Junior จะมีการสอนสะกดคำภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ (Phonics) ช่วยให้ผู้เรียนรู้ถึงวิธีการออกเสียงคำใหม่ ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

              Monkey Stories

              มาต่อกันที่ “Monkey Stories – เรื่องราวและเกมการเรียนรู้โต้ตอบสำหรับเด็ก อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับ 1 สำหรับเด็ก ๆ ในช่วงวัย 2 – 10 ปี ที่การเข้ามาเสริมทัพของเทคโนโลยี AI อัจฉริยะเข้ามามีส่วนช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้และซึมซับทักษะทางภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านเกมและนิทานเชิงโต้ตอบกับหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานระดับสากล

              Monkey Stories จะเน้นให้เด็ก ๆ ผู้ที่พอมีทักษะทางภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานได้ฝึกทักษะทางภาษาครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ด้วยความสนุกจากเนื้อหาของหนังสือเสียงที่มีมากกว่า 300 เล่มจึงสามารถช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะการฟัง การอ่าน พร้อม ๆ กับการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน โปรแกรม Monkey Phonics ที่มีในแอปพลิเคชัน Monkey Stories คือโปรแกรมการเรียนรู้แบบโฟนิกส์เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้อง

              สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของบุตรหลานด้วยการใช้ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น “Monkey Junior” และ “Monkey Stories” คือ 2 แอปพลิเคชันที่ดีที่สุดที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ในการสร้างพื้นฐานทักษะภาษาอังกฤษของบุตรหลานของท่านได้เหมือนกับการเข้าคลาสเรียนกับครูเจ้าของภาษา และนี่คือตัวอย่างที่ดีของการมีเทคโนโลยี AI อัจฉริยะเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของการเรียนภาษาอังกฤษในปัจจุบัน

                ฝีดาษลิง

                มาแล้วแม่จ๋า ฝีดาษลิง ระบาดหลายที่ทั่วโลก

                มาแล้วแม่จ๋า ฝีดาษลิง ระบาดหลายที่ทั่วโลก

                คุณพ่อคุณแม่อาจเคยได้ยินชื่อโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ กันมานานมากแล้ว ซึ่งองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษสูญพันธ์ไปจากโลกแล้วตั้งแต่ปี 2517 คนไทยจึงเลิกปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคฝีดาษ แต่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีข่าวการะบาดของโรค ฝีดาษลิง ในแถบประเทศยุโรปและอเมริกาเหนือ ทำให้คนไทย รวมถึงคนทั่วโลกกลับมาตระหนักถึงโรคนี้กันอีกครั้ง ว่าอันตรายมากแค่ไหน คนเสี่ยงติดโรคนี้มากแค่ไหนค่ะ

                สถานการณ์ของผู้ป่วย ฝีดาษลิง ทั่วโลก

                องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้วประมาณ 80 คนทั่วโลก และผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีกประมาณ 50 คน ที่ผ่านมาโรคฝีดาษลิงมักพบเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ หรือเดินทางไปแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลาง แต่ผู้ป่วยที่พบเมื่อไม่นานมานี้ใน อังกฤษ สเปน โปรตุเกส อิตาลี สหรัฐ สวีเดนและแคนาดา ส่วนใหญ่เป็นชายอายุน้อยที่ไม่มีประวัติไปแอฟริกา นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยในฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียมและออสเตรเลียด้วย

                นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ได้แถลงว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของประเทศ และมีความเป็นไปได้ที่เป็นรายแรกในตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในกรุงเทลอาวีฟแล้ว สุขภาพทั่วไปยังแข็งแรงดี พร้อมกันนี้รัฐบาลยังประกาศเตือนผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศที่มีไข้และรอยโรคพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย

                ไทยยังไม่พบผู้ป่วยแต่เฝ้าระวัง

                สำหรับไทยนั้น ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง แต่ระยะนี้เป็นช่วงเริ่มเปิดให้เดินทางเข้าประเทศได้มากขึ้น  ดังนั้น อาจมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ สหราชอาณาจักรอังกฤษ สเปน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมันนี สวีเดน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย หรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันตกได้ ทั้งช่องทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ หรือผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าวไปจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ

                โรคฝีดาษลิงคืออะไร

                ฝีดาษลิงเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส orthopoxvirus ที่แพร่จากสัตว์สู่คน ด้วยอาการที่คล้ายกับฝีดาษแต่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยเชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคน และฝีดาษวัว ในทวีปแอฟริกาเชื้อฝีดาษลิงพบในสัตว์หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นกระรอกเชือก กระรอกต้นไม้ หนูกระเป๋าแกมเบีย หนูดอร์ไมซ์ รวมถึงลิงสายพันธุ์ต่าง ๆ และสัตว์อื่น

                ฝีดาษลิง
                ฝีดาษลิง ระบาดหลายที่ทั่วโลก

                วิธีการระบาดของโรคนี้

                การระบาด มีลักษณะติดต่อแบ่งเป็น

                1.จากสัตว์สู่มนุษย์ จากการสัมผัสทางผิวหนัง หรือเยื่อเมือก เช่น จมูก ปาก หรือตา กับสัตว์ที่ป่วยเป็นโรค สารคัดหลั่ง เลือด ผิวหนัง หรือการนำซากสัตว์ป่วยมาปรุงอาหาร รวมทั้งถูกสัตว์ป่วย ข่วน กัด หรือสัมผัส เครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อจากสัตว์นั้น

                2.จากมนุษย์สู่มนุษย์ ติดต่อผ่านละอองฝอยทางการหายใจขนาดใหญ่ จากการอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะประชิด การสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย การสัมผัสเลือด หรือรอยโรคที่ผิวหนัง หรือ ของใช้ส่วนตัวที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย หลังได้รับเชื้อโรคนี้มีระยะฟักตัว 7-14 วัน หรืออาจนานถึง 21 วัน

                อาการของโรค ฝีดาษลิง

                ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคฝีดาษลิงหลังติดเชื้อประมาณ 12 วัน อาการป่วยคือ

                1. มีไข้ หนาวสั่น
                2. ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต (ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นอาการสำคัญที่แตกต่างจากฝีดาษคน)
                3. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
                4. อ่อนเพลีย
                5. จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย
                6. จากผื่น จะกลายเป็นตุ่มหนอง
                7. ในระยะสุดท้ายตุ่มหนอง จะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา

                โรคนี้จะใช้เวลาตั้งแต่เริ่มเป็นจนหายประมาณ 2–4 สัปดาห์

                อัตราการเสียชีวิตจากฝีดาษลิง

                อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 มีสาเหตุจากภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในปอด การขาดน้ำ และภาวะสมองอักเสบ

                วิธีป้องกันโรคฝีดาษลิง

                1. ปลูกฝี แม้จะยกเลิกการปลูกฝีไปนานแล้ว แต่จากการระบาดของโรคฝีดาษลิงในแถบยุโรป และอเมริกาเหนือ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า หากสถานการณ์ไม่ดี อาจต้องเริ่มปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคอีกครั้ง
                2. การหลีกเลี่ยงการใกล้ชิด และสัมผัสกับลิงป่วย รวมถึงผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง ไม่เข้าใกล้หรือสัมผัสกับแผลของผู้ป่วยโดยตรง
                3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่มาจากพื้นที่เสี่ยง หรือสัตว์ป่าป่วย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่มีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยงและมีอาการ
                4. หลีกเลี่ยงการเลี้ยง หรือนำเข้าสัตว์ป่าจากต่างประเทศที่ไม่ทราบประเทศต้นทาง
                5. งดรับประทานของป่า หรือปรุงอาหารจากสัตว์ป่า
                6. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือ แอลกอฮอล์เจลและสวมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อทุกครั้ง ที่ต้องเข้าใกล้พื้นที่โรคระบาด
                7. กรณีพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง แนะนำให้แยกผู้ป่วย ป้องกันระบบทางเดินหายใจของผู้ใกล้ชิด และนำส่งสถานพยาบาลที่แยกกักตัวผู้ป่วยได้
                8. รับวัคซีน ปัจจุบันมีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ป้องกันโรคฝีดาษลิงในสหรัฐอเมริกาคือ JYNNEOS

                 

                ขอบคุณข้อมูลจาก

                มติชน ออนไลน์, แนวหน้า

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                พ่อแม่ต้องระวัง! 5 โรคฮิตมาพร้อมเปิดเทอม

                7 อาการต้องสงสัย ลูกป่วยRSV ดูแลอย่างไรไม่ให้เป็น

                ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a ระบาดหมอชี้มีโอกาสติดเชื้อพร้อมโควิด

                  เปิดเทอม กับคำถามควรถามลูกหลังเลิกเรียน

                  เปิดเทอม นี้มาส่องลูกด้วย 10คำถามหลังเลิกเรียนกันเถอะ

                  เปิดเทอม แล้วลูกต้องไปเจออะไรบ้าง อยากรู้ชีวิตภายในโรงเรียนของลูก ไม่ต้องยืนเกาะรั้วส่องอีกต่อไป กับ 10 คำถามหลังเลิกเรียนที่จะช่วยให้เข้าใจลูกมากกว่าที่เคย

                  เปิดเทอม นี้มาส่องลูกด้วย 10 คำถามหลังเลิกเรียนกันเถอะ!!

                  ต้อนรับเปิดเทอม หลังจากหยุดกันย๊าว…ยาว มาแล้ว วันนี้พ่อแม่หลายคนคงมีหลากหลายความรู้สึกกับการ เปิดเทอม ของลูกในคราวนี้กันใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นโล่งโปร่งอิสระ มีเวลาส่วนตัวบ้างแล้ว หรือเป็นห่วง กังวลว่าลูกจะเป็นอย่างไรบ้างที่โรงเรียน มีใครแกล้งลูกหรือเปล่า สารพันคำถาม และความรู้สึกกับการ เปิดเทอม วันแรก ที่พ่อแม่อยากรู้เกี่ยวกับชีวิตภายในรั้วโรงเรียนของลูก เมื่อห่างสายตาไป

                  สำหรับพ่อแม่คนไหนที่มีลูกเล็ก เด็กอนุบาล สารภาพมาเสียดี ๆ ว่า เมื่อเช้าใครแอบไปยืนเกาะรั้ว เกาะหน้าต่าง แอบดูลูกมาบ้าง???

                  วันนี้เรามีวิธีดี ๆ ที่จะช่วยให้พ่อแม่คลายกังวล และเข้าถึง เข้าใจลูกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องไปยืนส่องให้เสียเวลา ด้วย 10 คำถามหลังเลิกเรียน คำถามวิเศษที่พ่อแม่ควรถามลูก แล้วจะทำให้เราได้รู้ว่าที่โรงเรียนเขาไปเจออะไรมาบ้าง ได้รู้จักลูกในมุมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน อีกทั้งยังทำให้เรารู้และสามารถช่วยเหลือลูกได้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับเขาอีกด้วย

                  เปิดเทอม แล้ว พ่อแม่กังวลเรื่องอะไรกันบ้าง
                  เปิดเทอม แล้ว พ่อแม่กังวลเรื่องอะไรกันบ้าง

                  10 คำถามหลังเลิกเรียน ที่พ่อแม่ควรถามลูก!!

                  เคยไหมที่หลังกลับจากโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ตั้งคำถามกับลูก “วันนี้ไปโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?” แต่กลับไม่ได้คำตอบจากลูกกลับมา เป็นเพราะอะไรกันนะ บางทีคำถามที่พ่อแม่ใช้ ควรเป็นคำถามที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกด้วย เพราะความสามารถในการใช้ภาษาของเด็กจะพัฒนาไปตามช่วงวัย คำถามที่กว้างเกินไป อาจทำให้เด็กในวัยอนุบาล หรือเด็กที่ไม่ช่างพูด ช่างเจรจา ไม่สามารถนึกคำตอบให้แก่เราได้ ลองมาดู 10 คำถามวิเศษที่พ่อแม่ควรถามลูก ในช่วง เปิดเทอม เมื่อลูกเลิกเรียนแล้วกัน

                  1. วันนี้ลูกชอบอะไรที่สุด อะไรดีที่สุดที่ลูกเจอในวันนี้ วันนี้เรียนเรื่องอะไรที่ชอบที่สุด??

                  คำถามนี้เป็นคำถามปลายเปิด แต่มีคำที่เฉพาะเจาะจงให้ลูกได้ได้หาคำตอบได้ไม่ยาก เพราะเรามุ่งตรงไปในเรื่องที่ลูกชอบ เด็ก ๆ จะชอบตอบคำถามนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เขาชอบ สังเกตได้ว่าลูกจะมีความสุข ตื่นเต้น แววตาเป็นประกายดูมีชีวิตชีวาเมื่อตอบ

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : เราจะรู้ถึงสิ่งที่ลูกชอบ ยิ่งหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชาเรียน จะทำให้เราได้รู้ถึงความถนัดของเขา ความชอบของลูก ทำให้เราสามารถส่งเสริมต่อยอดความฉลาด และพัฒนาศักยภาพในด้านนั้น ๆ ให้แก่ลูกได้ เมื่อเขาทำได้ดีเขาจะมีความมั่นใจ เห็นคุณค่าในตนเอง เพิ่ม Self Esteem ให้แก่ลูก

                  2. อะไรที่ลูกไม่ชอบเลยในวันนี้ ลูกไม่ชอบวิชา หรือกิจกรรมอะไร เกิดปัญหาอะไรขึ้น แล้วลูกทำยังไง??

                  คำถามนี้เป็นคำถามตรงกันข้ามกับคำถามแรก ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อเนื่อง ทำให้ลูกมีเหตุการณ์เปรียบเทียบ เทียบสิ่งที่ชอบ กับสิ่งที่ไม่ชอบ ดังนั้น จึงไม่ยากเกินไปนักที่เขาจะตอบเรา แม้จะเป็นคำถามเชิงลบ แต่ก็เป็นคำถามที่สำคัญที่จะช่วยให้พ่อแม่รู้ และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนได้ แต่ถ้าหากลูกตอบว่าไม่มี พ่อแม่ก็ไม่ควรเซ้าซี้ มุ่งหาคำตอบให้ได้ และเป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องถามในทุกวันก็ได้ ถามบ้างเป็นครั้งคราว จะได้ไม่ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด

                  คุยกับลูกหลังเลิกเรียน คำถามที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูก เปิดเทอม
                  คุยกับลูกหลังเลิกเรียน คำถามที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูก เปิดเทอม

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : ทำให้รู้ปัญหาของลูก และพ่อแม่สามารถช่วยเหลือ และช่วยแนะแนวทางให้ลูกรับมือกับปัญหานั้น ๆ ได้ และที่สำคัญพ่อแม่ยังได้รู้วิธีแก้ปัญหาของลูกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะที่เด็กยุคใหม่ควรมี (AQ : Adversity Quotient คือ ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา ทักษะแห่งการเอาตัวรอด)

                  3. วันนี้ลูกเล่นกับใคร วันนี้ลูกนั่งกินข้าวกับใคร??

                  เป็นคำถามที่ทำให้พ่อแม่ได้ทราบถึง ทักษะการเข้าสังคมของลูก หรือความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน หรือคนรอบข้างของลูกว่า การที่ลูกเปลี่ยนคนนั่งไปเรื่อย ๆ หรือนั่งกับคนเดิมตลอด เพราะเหตุผลอะไร ถ้าเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยที่ลูกเป็นคนเลือกที่นั่งเอง เราก็อาจจะถามถึงคนเก่า ๆ บ้างว่าไม่นั่งกับเขาแล้วเหรอ แล้วรอฟังเหตุผล จะทำให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เช่น ลูกอาจจะมนุษยสัมพันธ์ดี นั่งกับใครก็ได้ เพื่อนอยากนั่งด้วย หรือที่ต้องเปลี่ยนเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครอยากนั่งใกล้ โดนบุลลี่ เป็นต้น ส่วนถ้านั่งกับคนเดิมตลอด ก็ลองถามดูว่าเพราะอะไร แล้วค่อยมาประเมินสถานการณ์อีกที

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : ได้เห็นทักษะการเข้าสังคมของลูก ดูว่าลูกโดนบุลลี่ไหม

                  4. วันนี้ครูพาทำอะไรบ้าง ครูสอนอะไรบ้าง กิจกรรมที่โรงเรียนลูกรู้สึกว่ามันง่าย หรือยาก??

                  คำถามนี้เป็นคำถามที่จะทำให้ได้รู้ว่าลูกเรียนเป็นอย่างไร ทันเพื่อนหรือไม่ ลูกอ่อนวิชาไหน เพื่อที่พ่อแม่จะได้เข้ามาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที โดยในขณะที่ถาม ให้พ่อแม่สังเกตอาการ ให้ดูท่าทางตอนลูกเล่าว่าเป็นอย่างไร เช่น สบตา ร่าเริง หรือหลบตา ไม่กล้าเล่า เป็นต้น มาช่วยประกอบกับคำตอบที่ได้รับว่า ลูกพูดตรงกับใจเขาหรือไม่ เพราะเด็กบางคนจับอาการของพ่อแม่ได้เก่ง ทำให้มักเลือกคำตอบที่คิดว่าพ่อแม่จะชอบ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ตรงกับที่ใจลูกอยากบอกได้

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : สังเกตปัญหาเกี่ยวกับการเรียนที่ลูกเจอ แ่ละจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดก่อนสาย ให้พ่อแม่ทำความเข้าใจว่าการที่ลูกไม่ชอบวิชาใด ๆ อาจไม่ได้เกิดจากตัวลูกเพียงอย่างเดียว ลองหาคำตอบดูว่า อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ทัศนคติของครูผู้สอน ท่าทาง หรือคำพูดบางคำที่ไปทำให้ลูกรู้สึกไม่ชอบ จนคิดว่าตัวเองไม่เก่งวิชานั้น ๆ เป็นต้น

                  ลูกเล่นกับใครที่โรงเรียน ชอบเพื่อนคนไหน ไม่ชอบคนไหน คำถามที่ควรถามหลังเลิกเรียน
                  ลูกเล่นกับใครที่โรงเรียน ชอบเพื่อนคนไหน ไม่ชอบคนไหน คำถามที่ควรถามหลังเลิกเรียน

                  5. ชอบเพื่อนคนไหน ชอบครูคนไหน??

                  นอกจากจะได้คำตอบ แล้วพ่อแม่จะได้รู้ถึงทัศนคติของลูกด้วยว่า เขาเลือกที่จะชอบใคร จากอะไร

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : หาต้นแบบที่ดีให้ลูกเลียนแบบ ซึ่งเป็นการให้ลูกทำตามได้ดี และได้ผลกว่าสั่งให้ลูกทำ

                  6. ไม่ชอบเพื่อนคนไหน เพราะอะไร??

                  การไม่ชอบมักจะเป็นปัญหาเฉพาะเรื่อง การที่ให้ลูกได้เล่า ได้ระบาย และดูวิธีการจัดการปัญหาของลูกในเรื่องการเข้าสังคม จะได้ช่วยชี้แนะแนวทางให้แก่ลูกได้

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ :  ได้ใช้โอกาสที่ลูกไม่เข้าใจ ผิดใจกับคนอื่นในการสอนเรื่องศีลธรรมลูก เช่น การให้อภัย การมีสติระงับความโกรธ เป็นต้น และยังได้สอดส่องดูว่าลูกถูกเพื่อนบุลลี่ที่โรงเรียนหรือไม่

                  7. วันนี้เล่นอะไรกับเพื่อนบ้าง??

                  ได้รู้ว่าลูกชอบเล่นแบบไหน ชอบทำกิจกรรมอะไร และเมื่อเวลาเล่นเป็นกลุ่มเขาเลือกวิธีไหน ในการตัดสินใจเลือกเล่น เช่น เล่นตามเพื่อน หรือเป็นผู้นำในการเลือกกิจกรรมเล่น เป็นต้น

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : ได้เห็นความชอบ ความถนัดของลูก ได้รู้วิธีการเข้าสังคมของลูก

                  8. วันนี้มีคนแปลกหน้า คนไม่รู้จัก มาชวนคุย มาให้ขนม มาชวนไปเที่ยวข้างนอกไหม??

                  เป็นคำถามที่ทำให้เราได้เช็กเรื่องความปลอดภัยของลูก และยังไม่เช็กถึงความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับคนแปลกหน้า ว่าลูกจะเข้าใจถูกไหม ลูกมีการสังเกต และระมัดระวังตัวเอง เหมือนดั่งที่เราเคยสอนเรื่องความปลอดภัย ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าหรือไม่

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ :  ช่วยระวังภัยลูกในเรื่องการลักพาตัว หรือคนร้ายที่คิดไม่ดีกับเด็ก เพราะคนร้ายมักจะเข้ามาตีสนิทกับเด็กก่อนกระทำพฤติกรรมไม่ดี เป็นการรีเช็กว่าลูกเข้าในคำว่าคนแปลกหน้า และระวังตัวมากแค่ไหน

                   เปิดเทอม นี้ลูกชอบเรียนวิชาไหน ชอบกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนบ้าง
                  เปิดเทอม นี้ลูกชอบเรียนวิชาไหน ชอบกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนบ้าง

                  9. ลูกว่าวันนี้ลูกได้ทำความดี ได้ทำอะไรดี ๆ มาบ้าง หรือเห็นเรื่องดี ๆ อะไร อยากขอบคุณอะไร??

                  คุยเรื่องที่ปลื้มใจ เรื่องที่ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นลูกทำเอง หรือเจอคนอื่นทำ เช่น แบ่งขนมให้เพื่อน ช่วยครูถือของ ช่วยครูทำหน้าที่ที่ครูสั่งได้สำเร็จ เพื่อนแบ่งของเล่นให้ เป็นต้น

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ : ให้ลูกได้รู้จัก มองเห็น คุณค่าแห่งการทำความดีในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ได้เห็นสิ่งดี ๆ สิ่งที่งดงาม เพื่อให้เวลาเจอเรื่องทุกข์ใจจะได้ไม่ว้าวุ่น มองโลกแง่ร้ายด้านเดียว

                  10. มีเพื่อนไม่สบาย ไอ จาม แล้วป้องกันตัวอย่างไร??

                  ในยุคปัจจุบันที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้เลยกับการสอนลูกให้รู้จักสุขอนามัย และการป้องกันตัวให้ห่างไกลจากเชื้อโรค การตั้งคำถามถึงเรื่องดังกล่าว พ่อแม่เพียงแค่โฟกัสไปถึงวิธีการปฎิบัติตัวเมื่อเจอผู้ป่วย แต่ไม่ควรโทษเด็กคนอื่นที่มีอาการว่าเป็นต้นเหตุของโรคติดต่อ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากป่วยทั้งนั้น และจะไปทำให้ลูกเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อเพื่อนโดยไม่จำเป็น

                  ได้อะไรจากคำถามนี้ :ได้เห็นทักษะการดูแลตัวเองของลูก และวิธีปฎิบัติ แนวทางการควบคุมโรคของโรงเรียน

                  9 เคล็ดลับดี ๆ ในการตั้งคำถาม ให้ลูกตอบ

                  มาดูเทคนิค เคล็ดลับดี ๆ ในการใช้คำถามกับเด็ก ถามอย่างไรให้ลูกอยากตอบ เพราะเราเชื่อว่าหากคุณพ่อคุณแม่รู้เทคนิค วิธีการตั้งคำถามเหล่านี้แล้ว จะสามารถหาเรื่องพูดคุยกับลูกได้มากขึ้น การที่ได้พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ จะช่วยให้เพิ่มพูนความสัมพันธ์ การเข้าใจกันและกัน และการไว้เนื้อเชื่อใจที่ลูกจะมีให้กับพ่อแม่ได้ต่อไปในอนาคต ไม่ว่าเขาจะเข้าสู่วัยใด วัยเด็ก หรือวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ พ่อแม่ก็สามารถเป็น safe zone พื้นที่ปลอดภัยให้กับลูกได้เสมอ

                  ชื่นชมเมื่อลูกทำดี วิธีการคุยกับลูก
                  ชื่นชมเมื่อลูกทำดี วิธีการคุยกับลูก
                  1. การเปิดโอกาสให้เด็กตอบและแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่ควรรุกเร้า หรือเร่งรัดที่จะเอาคำตอบ ควรให้เวลาเด็กคิดก่อนตอบ และให้เด็กตอบด้วยความสมัครใจ
                  2. การสร้างทางเลือก ควรหลีกเลี่ยงการบังคับหรือใช้คำสั่งให้เด็กทำตาม โดยควรใช้เทคนิคการสร้างทางเลือกให้กับเด็ก เพื่อเป็นการลดความหงุดหงิด ความอึดอัดและการต่อต้าน โดยเปิดโอกาสให้เด็กเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่อยู่ภายในขอบเขตที่เราจะให้กับเด็กได้ เช่น ถึงเวลาเข้านอนแล้ว หนูจะพาน้องหมีไปนอนด้วยหรือจะฟังแม่เล่านิทานดีคะ เป็นต้น
                  3. ควรสร้างบรรยากาศให้อบอุ่น ผ่อนคลายขณะใช้คำถาม หรือทำกิจกรรมที่ต้องการให้เด็กตอบ
                  4. จัดลำดับคำถามเริ่มจากง่าย ๆ ก่อน เช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร จนเด็กเริ่มคุ้นเคยกับการถามตอบ เเละกล้าพูดโต้ตอบแล้วจึงเริ่มใช้คำถามอย่างไร ทำไม เพราะเหตุใดต่อไปอีกขั้น
                  5. สบสายตาขณะพูดคุยกัน โดยผู้ใหญ่อาจย่อตัวลง หรือนั่ง ให้มีความสูงระดับเดียวกับเด็ก และมองสบสายตากับเด็ก เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราฟังลูกพูด หรือซักถามด้วยความตั้งใจ และโต้ตอบกับเด็กอย่างเป็นกันเอง
                  6. การเสริมแรง ขณะที่เด็กตอบคำถาม ผู้ใหญ่ควรตั้งใจฟัง และพูดชมเชย เช่น ยอดเยี่ยมมาก, มีความคิดดีจัง, หนูคิดได้อย่างไรเนี่ย, หนูตอบได้ชัดเจนดีจริง, หรือใช้การโอบกอด, แตะบ่า, จับมือ, ชูหัวแม่มือ, พยักหน้า, ยิ้มรับ, ตบมือ โดยเลือกวิธีการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ เหตุการณ์และการกระทำของเด็กแต่ละคน ไม่ใช้วิธีเดียวซ้ำซากจำเจ

                    คำถามหลังเลิกเรียน ช่วยให้พ่อแม่สำรวจได้ว่าลูกถูกบุลลี่ไหม
                    คำถามหลังเลิกเรียน ช่วยให้พ่อแม่สำรวจได้ว่าลูกถูกบุลลี่ไหม
                  7. ตอบคำถามเด็กด้วยการโยนคำถามในบางครั้ง เช่นเด็กถามว่า “ทำไมทะเลจึงเค็ม” ผู้ใหญ่อาจใช้วิธีย้อนถามว่า “นั่นซิ แล้วหนูคิดอย่างไรล่ะ” เมื่อฟังความคิดจากเด็กแล้วเราค่อยขยายความพอสังเขป จะทำให้เด็กได้แสดงความคิด และได้ความภาคภูมิใจ สุขใจ ที่ผู้ใหญ่ยอมรับในความคิด และให้ความสำคัญต่อเขา
                  8. หลีกเลี่ยงการที่จะทำให้เด็กอับอาย เสียหน้า เช่น แสดงอาการหัวเราะ ทักท้วงหรือล้อเลียนเพราะจะทำให้เด็กไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบในครั้งต่อ ๆ ไปได้
                  9. การเปิดโอกาสให้เด็กได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นทั้งผู้ตั้งคำถาม และผู้ตอบคำถาม เพื่อสร้างบรรยากาศการสนทนา โต้ตอบให้มีแปลกใหม่ น่าสนใจ เเละกระตุ้นสิ่งที่เด็กสนใจได้ดียิ่งขึ้น
                    เครดิตข้อมูล จากหนังสือ “คำถามพัฒนาสมอง” /www.kombinery.com/www.happymommydiary.net/เพจเฟสบุ๊ก : เรื่องเด็ก ๆ by หมอแอม

                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                  เทคนิคสร้างSelf-efficacyช่วยลูก แก้ปัญหา ได้ด้วยตัวเอง

                  วิธีการ พัฒนาทักษะ “การแก้ปัญหา” อย่างเป็นขั้นตอน

                  ลูกตั้งคำถาม อย่าจบแค่ที่คำตอบ โดย พ่อเอก

                  เรียนออนไลน์ การบ้านเยอะ งานลูกพ่อแม่เครียดรับมือยังไง

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ชื่อภาษาอังกฤษ

                    100 ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว/ลูกชาย ความหมายดีๆ

                    100 ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว ลูกชาย ตั้งสมัยไหนก็ไม่มีเอาท์ ชื่อดูอินเตอร์ เก๋ ๆ เท่ ๆ ความหมายดี เพื่อนต่างชาติเรียกได้ไม่มีเพี้ยน

                    100 ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว/ลูกชาย ความหมายดีๆ

                    คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา ชื่อภาษาอังกฤษ ให้ลูกสาว หรือลูกชาย มาลองดูชื่อที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK รวบรวมมาให้กันเลยค่ะ หากตั้งชื่อจริงภาษาไทยแล้ว มาตั้งชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษกันค่ะ เผื่ออนาคตลูกโกอินเตอร์ หรือมีเพื่อนต่างชาติ มีชื่ออะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

                    ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกชาย
                    ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกชาย

                    100 ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว/ลูกชาย ความหมายดีๆ

                    ชื่อลูกชาย

                    ชื่ออ่านว่าความหมาย
                    Kobeโคบี้เป็นชื่อของนักบาสเก็ตบอลระดับตำนาน Kobe Bryant
                    Jackแจ็คพระเจ้าทรงเมตตา
                    Milesไมลส์ทหาร หรือความเมตตา
                    Hunterฮันเธอร์นักล่า
                    Robertรอเบิร์ตเปลวเพลิงส่องแสง
                    Maxแม็กซ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
                    Aceเอซที่หนึ่ง
                    Asaเอซ่าแพทย์
                    Elonอีลอนต้นโอ๊ค และคล้าย Elon Mush CEO Tesla
                    Hughฮิวจิตวิญญาณ
                    Jazzแจ๊สดนตรีแจ๊ส
                    Lexเล็กซ์นักรบ
                    Ottoอ็อตโตความร่ำรวย
                    Griffinกริฟฟินผู้เข้มแข็ง
                    Hugoฮิวโก้จิตใจ, ปัญญา
                    Kenzoเคนโซะความเข้มแข็ง และสุขภาพดี
                    Leoลีโอสิงโต
                    Louisหลุยส์นักรบผู้เลื่องนาม
                    Victorวิคเตอร์ผู้ชนะ
                    Zaleเซลความแข็งแกร่งแห่งท้องทะเล
                    Earlเอิร์ลนักรบ หรือผู้มีเกียรติ
                    Felixเฟลิกซ์ความสุขสันต์
                    Gusกัสยอดเยี่ยม
                    Kenjiเคนจิความแข็งแกร่ง
                    Keanuคีอานูลมเย็น
                    Kaiไคท้องทะเล
                    Anakinอนาคินนักรบ
                    Titanไททันผู้พิทักษ์
                    Kaneเคนนักรบ
                    Bruceบรูซชื่อเด็กชายภาษาฝรั่งเศส
                    Benเบนลูกชาย
                    Cashแคชความว่าง
                    Chrisคริสผู้แบกพระคริสต์
                    Craigเคร็กมาจากก้อนหิน
                    Daveเดฟผู้เป็นที่รัก
                    Richieริชชี่ร่ำรวย
                    Frankแฟรงค์จริงใจ
                    Jamesเจมส์ผู้แทนที่
                    Jeffเจฟผู้ขอสันติภาพ
                    Markมาร์คคล้ายสงคราม
                    Nickนิคเป็นชื่อที่คลาสสิค ย่อมาจากนิโคลัส
                    Paulพอลเล็ก
                    Phillฟิลย่อมาจากฟิลิป
                    Princeพริ้นซ์เจ้าชาย
                    Rexเร็กซ์ราชัน
                    Samแซมบอกโดยพระเจ้า
                    Seanฌอนชื่อผู้ชายเก่าแก่
                    Tomทอมแฝด, ย่อมาจากธอมัส
                    Willวิลเจตจำนง, ย่อมาจากวิลเลียม
                    Zackแซ็คย่อมาจากแซ็คคารี
                    Yvesอีฟไม้ยิว

                     

                    ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว
                    ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว

                    100 ชื่อภาษาอังกฤษ ลูกสาว/ลูกชาย ความหมายดีๆ

                    ชื่อลูกสาว

                    ชื่ออ่านว่าความหมาย
                    Ivyไอวี่อ่อนหวาน, ต้นไอวี่
                    Belleเบลสวยงาม
                    Rainyเรนนี่สายฝน
                    Viennaเวียนนากรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
                    Celiaเซเลียดุจสวรรค์
                    Skyสกายท้องฟ้า
                    Nalaนาล่าตัวละครจาก The Lion King
                    Poppyป๊อปปี้ดอกป๊อปปี้
                    Zuriซูริสวยงามน่ารัก
                    Evieอีวี่ชีวิต
                    Cleoคลีโอเกียรติยศ
                    Veraเวร่าศรัทธา
                    Theaเธอาเทวี
                    Gemเจมอัญมณี
                    Sunnyซันนี่แสงอาทิตย์
                    Tayaทายะความอ่อนเยาว์
                    Elinอีลินผู้หญิงที่สวยงาม
                    Stellaสเตลล่าแสงดาว
                    Kiraคีร่าบัลลังก์
                    Birdieเบอร์ดี้นกเบอร์ดี้, สกอร์กอล์ฟ
                    Auraออร่าสายลม
                    Jiaเจียหัวใจ, สุดที่รัก
                    Laraลาร่าแสงสว่าง
                    Omaโอมะผู้ให้ชีวิต
                    Doveโดฟนก
                    Elleแอลเด็กผู้หญิง
                    Dewดิวหยด
                    Dawnดอว์นรุ่งอรุณ
                    Faithเฟธศรัทธา
                    Fleurเฟลอดอกไม้
                    Frostฟรอสท์น้ำแข็ง
                    Graceเกรซพร
                    Gwenเกวนวงกลมสีขาว
                    Jaiใจนกเจเบิร์ด
                    Jillจิลเยาว์วัย
                    Joyจอยความสุขสันต์
                    Juneจูนเดือนมิถุนายน
                    Kimคิมชื่อดาราดังหลายคน
                    Livลิฟชีวิต
                    Lynลินทะเลสาบ
                    Paigeเพจคล้าย Page
                    Pamแพมชื่อดาราดังหลายคน ย่อมาจาก Pamela
                    Pearlเพิร์ลไข่มุก
                    Primพริมพริมโรส
                    Roseโรสดอกกุหลาบ
                    Snowสโนว์หิมะ
                    Sueชูเป็นชื่อของเด็กผู้หญิงมาหลายศตวรรษ
                    Freyaเฟรย่าภาษานอร์ส เทพีแห่งความรัก ความงาม ความอุดมสมบูรณ์
                    Beauโบสวยงาม
                    Bowieโบวี่คนที่มีผมสีบลอนด์

                    ครอบครัวที่กำลังจะมีสมาชิกใหม่ และกำลังมองหา ชื่อภาษาอังกฤษ เตรียมไว้ตั้งชื่อให้ลูก ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้นำมาฝากแล้วค่ะ หวังว่าคงเลือกชื่อไว้ได้สัก 2-3 ชื่อกันนะคะ

                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                    200+ ไอเดีย ตั้งชื่อลูกตามตัวอักษร พร้อมความหมาย

                    108 ชื่อผู้หญิงน่ารักๆ เก๋ๆ คลิ๊กเลย!!!

                    150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                    ชื่อไทยแปลกๆ แต่เพราะ ความหมายดี เป็นสิริมงคล

                    ขอบคุณข้อมูลจาก : https://bkklovehoro.com

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    Amarin Baby & Kids

                      โรคจิตระยะสั้น

                      แม่หลังคลอด เสี่ยง โรคจิตระยะสั้น เกิดเฉียบพลัน

                      แม่หลังคลอด เสี่ยง โรคจิตระยะสั้น เกิดเฉียบพลัน

                      หลังจากที่ตั้งท้องมาครบ 9 เดือน ก็ถึงเวลาที่ลูกน้อยจะลืมตาดูโลก ชีวิตของแม่หลังคลอดและครอบครัวต่างเฝ้ารอวันนี้ แต่เมื่อคลอดลูกแล้ว สิ่งที่แม่หลังคลอดต้องเผชิญนั้นมีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความใหม่ในการเลี้ยงลูก อาการป่วยของลูก และที่สำคัญคืออาการผิดปกติที่จะเกิดขึ้นกับแม่ ซึ่งอาการหนึ่งที่เราไม่่อยทราบกันก็คือ โรคจิตระยะสั้น ที่มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันค่ะ อาการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และใรเป็นผู้มีความเสี่ยงบ้าง กองบรรณาธิการ ABK นำข้อมูลมาฝากค่ะ

                      โรคจิตระยะสั้น คืออะไร 

                      โรคจิตระยะสั้นหรือ Brief psychotic disorder  หรือ โรคจิตเฉียบพลัน  มีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้

                      • ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนจากเดิมที่ปกติดี ไปสู่ภาวะที่มีโรคจิตชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ (sudden onset)
                      • มักเป็นหลังจากประสบเหตุการณ์กดดันรุนแรง (อาจเป็นจากหลายเหตุการณ์ร่วมกัน)
                      • ผู้ป่วยจะมีอาการพูดจาสับสน วกวน ไม่ปะติดปะต่อ  เรียกอีกอย่างว่า formal thought disorder เป็นความสับสนทางความคิดที่รู้ได้โดยคำพูด รวมถึงการเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
                      • พบบ่อยว่ามีประสาทหลอน
                      • หลงผิดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง คือมีความรู้สึกมั่นใจในเรื่องผิด ๆ อย่างไม่ลดละแม้จะมีหลักฐานที่แสดงว่าไม่จริง
                      • พฤติกรรมสับสนวุ่นวาย
                      • เคลื่อนไหวน้อยเกินไป หรือมากเกินไป
                      • นอกจากนี้ อาจมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย มีท่าทีงุนงง สับสน
                      • ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการ นานอย่างน้อย 1 วัน แต่ไม่เกิน 1 เดือน อาการทั้งหมดจะสงบไป และจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
                      โรคจิตระยะสั้น
                      แม่หลังคลอด เสี่ยง โรคจิตระยะสั้น เกิดเฉียบพลัน

                      รูปแบบของโรคจิตระยะสั้น

                      โรค Brief psychotic disorder มีรูปแบบ 3 อย่าง คือ

                      • แบบมีตัวทำให้เครียด (Brief psychotic disorder with a stressor ) เช่น ความบาดเจ็บหรือความตายในครอบครัว
                      • แบบไร้ตัวทำให้เครียด (Brief psychotic disorder without a stressor )
                      • แบบเกิดหลังคลอด  (Brief psychotic disorder with postpartum onset) ปกติเกิดประมาณ 4 สัปดาห์ หลังคลอด

                      ความชุกของโรคจิตระยะสั้น

                      อุบัติการณ์ และความชุกของโรคนี้ ยังไม่ชัดเจน แต่ทั่วไปมักเกิดในหญิงเป็น 2 เท่าของชาย ปกติจะเกิดในช่วงปลายช่วงอายุ 30-40 ปี และต้นช่วงอายุ 40-50 ปี ส่วนสาเหตุยังไม่ชัดเจน

                      • ทฤษฎีหนึ่ง ระบุว่าเกิดจาก กรรมพันธุ์ เพราะโรคสามัญกว่าในบุคคลที่สมาชิกครอบครัวมีความผิดปกติทางอารมณ์ (mood disorder) เช่น โรคซึมเศร้าหรือโรคอารมณ์สองขั้ว
                      • อีกทฤษฎีหนึ่งระบุว่า เกิดจากทักษะการรับมือกับเหตุการ์ที่ไม่ดี (poor coping skill) คือ เกิดอาการโรคโดยเป็นการป้องกัน หรือหนีจากเหตุการณ์ที่น่ากลัว หรือก่อความเครียด

                      อาการโรคจิตระยะสั้นที่พบในผู้หญิง

                      หญิงในภาวะที่มีฮอร์โมนเพศ คือ Estrogen น้อย อาจเกิดอาการนี้ จะมีภาวะนี้ในช่วง

                      • ก่อนมีประจำเดือน
                      • หลังคลอด
                      • ในช่วงระยะ วัยทอง

                      โดยอาการโรคจิต บ่อยครั้งสัมพันธ์กับ โรคอารมณ์สองขั้วหรือโรคจิตเภท ที่เป็นมูลฐานอาการโรคจิตเช่นนี้ บ่อยครั้งจัดเป็น premenstrual exacerbation (อาการก่อนประจำเดือนที่เกิดเพิ่ม), menstrual psychosis (อาการโรคจิตตามรอบประจำเดือน) หรือ postpartum psychosis (อาการโรคจิตหลังคลอด)

                      การคลอดบุตรอาจก่อโรคนี้ในหญิงบางคน หญิงประมาณ 1 ใน 10,000 คน ประสบกับอาการนี้ หลังจากคลอดบุตรไม่นาน

                      พิจารณาร่วมกับโรคอื่นๆ 

                      มีโรค หรืออาการทางแพทยอื่น ๆ ที่เป็นเหตุของอาการ ซึ่งแพทย์ต้องพิจารณารวม ได้แก่

                      • ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
                      • เอชไอวีและเอดส์
                      • มาลาเรีย
                      • ซิฟิลิส
                      • โรคอัลไซเมอร์
                      • โรคพาร์คินสัน
                      • ภาวะเลือดมีกลูโคสน้อย (hypoglycaemia)
                      • โรคลูปัส
                      • โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
                      • เนื้องอกในสมอง

                      ขอบคุณข้อมูลจาก

                      กรุงเทพธุรกิจ , wikipedia

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       อ่านต่อบทความ ดี ๆ คลิก

                      ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูก คุณแม่มือใหม่ต้องพร้อมรับมือ

                      หมอตอบชัดทุกข้อ! 10 ปัญหาสุขภาพที่แม่ต้องเจอ? ทั้ง ปัญหาคนท้อง และหลังคลอดลูก

                      ปวดหลังหลังคลอด สัญญาณร้าย “โรคโครงสร้างผิดปกติ”

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ เรียนรู้ผ่านการเล่น

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ยอดนิยม15เกม สนุกได้สาระ

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ กับ 15 เกมสนุกๆ ยอดนิยมที่เด็กชื่นชอบ มาชวนพ่อแม่ร่วมคิด ร่วมหากิจกรรมดีๆ ช่วยเสริมพัฒนาการลูก มาทำให้เรื่องเล่นมีดีไม่ใช่เล่นกัน

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ยอดนิยม15เกม สนุกได้สาระ!!

                        เมื่อลูกก้าวเข้าสู่อายุ 5 ขวบ คุณพ่อคุณแม่จะเริ่มสังเกตได้ว่า เด็กในวัย 5 ขวบ เริ่มที่จะเป็นตัวของตัวเอง สามารถทำอะไรด้วยตัวเองได้มากขึ้น เริ่มสนใจเพื่อน สังคมมากขึ้น เกิดการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ แต่ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ยังมีการงอแงตามประสาเด็กที่เพิ่งพ้นวัยเตาะแตะมาไม่นาน มีความคิดเป็นของตัวเอง ทำให้มีคำถามกับสิ่งรอบตัวมากมาย

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถเสริม เพิ่มเติม เติมเต็มทักษะที่ลูกในวัยอนุบาลนี้ต้องการ และหากเขาสามารถทำได้ดีจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกก้าวไปยังขั้นต่อ ๆ ไป ได้อย่างมั่นใจ และพร้อมในทุกด้าน

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ฉลาดรอบด้าน
                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ฉลาดรอบด้าน

                        15 กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ยอดนิยม!!

                        การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในตำราเรียน ในห้องเรียนเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมพัฒนาการให้แก่ลูกได้ในทุกช่วงวัยด้วย กิจกรรมสนุก ๆ สอดแทรกความรู้ และทักษะที่ต้องมีได้อย่างลงตัว วันนี้เราจึงขอนำเสนอไอเดีย และแนวทาง ในการทำกิจกรรมที่จะมาช่วยเสริมให้แก่ลูกวัย 5 ขวบ ได้ฉลาด เรียนรู้รอบด้าน ดังนี้

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านภาษา และการคำนวณ

                        แม้จะเป็นกิจกรรมที่สอดแทรกความรู้ วิชาการลงไปให้แก่ลูก แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่คำนึงหลักการไว้อย่างหนึ่งว่า ไม่ควรยัดเยียดความรู้มากจนเกินไป หรือเข้มงวดกับการเล่นมากจน กิจกรรมนั้น ๆ ไม่สนุกอีกต่อไป เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดเราต้องทำให้ผู้เล่น หรือลูกของเรานั้น มีความรู้สึกร่วม มีความอยากเล่น อยากเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะได้รับประโยชน์ไปอย่างเต็ม 100

                        1. กระดานคำแสนสนุก

                        หนึ่งในกิจกรรมง่ายๆ สำหรับเด็กอายุ 5 ขวบที่สามารถเล่นได้ที่บ้าน เพราะทำจากวัสดุที่หาได้ง่ายใกล้ตัว

                        วิธีการเล่น

                        • ใช้กระดาน หรือกระดาษแผ่นใหญ่ ๆ ติดที่ผนังทำเป็นกระดาน เพื่อช่วยดึงดูดให้เด็กสนใจ โดยบอกว่าเขากำลังเป็นคุณครู เป็นต้น
                        • เขียนคำลงบนแผ่นกระดาษ โดยคำศัพท์ควรเป็นคำที่ลูกของคุณใช้ในชีวิตประจำวัน ที่พบเจอรอบตัวในขณะเวลาที่เล่น คำศัพท์สิ่งของบนโต๊ะอาหาร หรือที่พบเจอในโรงเรียน ตัวอย่างเช่น รถบรรทุก รถยนต์ รถบัส ของเล่น พ่อ แม่ ฝน แดด เป็นต้น
                        • นำแผ่นกระดาษเหล่านั้นมาพับแล้วไว้รวมกันในโหลทำเป็นฉลาก เวลาใครเป็นคนเล่นก็ให้หยิบฉลากขึ้นมา
                        • ผู้ที่จับฉลากได้คำศัพท์ใดให้วาดรูปคำศัพท์นั้นลงบนกระดาน
                        • อย่าลืมนำเอาแผ่นคำศัพท์มาติดใกล้ ๆ รูปที่วาด เพื่อให้จดจำได้ง่าย

                        เคล็ดลับช่วยเล่น : เลือกคำศัพท์ที่ลูกรู้อยู่บ้างแล้ว ปะปนกับคำใหม่ ๆ ที่ต้องการสอนเพิ่ม เพื่อให้เขาจำคำศัพท์ได้จำนวนมากขึ้น ทีละน้อย

                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ด้านภาษา
                        กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ ด้านภาษา
                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : ช่วยเพิ่มความสามารถในการอ่าน การจำคำศัพท์ และสะกดคำได้

                        2. เรียนรู้การจัดกลุ่ม นับข้าม ด้วยภาพสวย ๆ

                        กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมคณิตศาสตร์ ที่เด็กในวัย 5 ขวบ จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นหากสอนให้เห็นเป็นรูปภาพ

                        วิธีการเล่น

                        • วาดรูปภาพของวัตถุ เช่น แอปเปิล รถยนต์ หรือผีเสื้อ ลงบนการ์ดหลาย ๆ ใบ โดยให้ลูกเป็นคนเลือกว่าอยากวาดอะไร
                        • ตั้งคำสั่งให้นำการ์ดมาวางลงบนกรอบ ตัวอย่างเช่น ในการข้ามการนับทีละสอง ให้ติดแอปเปิ้ลสองลูกบนไพ่ใบแรก สี่แอปเปิ้ลในใบที่สอง แอปเปิ้ลหกลูกที่สาม เป็นต้น
                        • โดยคำสั่งอาจเปลี่ยนไปตามเรื่องที่เราต้องการให้เรียนรู้
                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : ช่วยเพิ่มทักษะทางคณิตศาสตร์ ให้เขาได้เข้าใจง่ายขึ้น

                        3. เกมลูกเต๋า

                        เกมนี้เป็นกิจกรรมทางคณิตศาสตร์ที่สามารถเล่นกับสิ่งของที่หาได้ง่ายในบ้าน

                        วิธีการเล่น

                        • คุณต้องมีถาดทำน้ำแข็ง ลูกเต๋าสำหรับเล่นเกม เครื่องหมายไวท์บอร์ด และกระดาษทิชชู่ในครัว
                        • วางลูกเต๋าด้านหนึ่งลงในรูก้อนน้ำแข็งอันหนึ่ง และอีกอันหนึ่งลงในรูที่อยู่ติดกัน
                        • ใช้เครื่องหมายเพื่อสร้างเครื่องหมายบวก ลบ และเท่ากับระหว่างหลุมที่วางลูกเต๋า
                        • ช่วยลูกของคุณบวกหรือลบตัวเลขที่ระบุบนลูกเต๋าเพื่อให้ได้คำตอบ

                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : เป็นการนำเกมเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสอนคณิตศาสตร์ให้น่าสนใจมากขึ้น

                        พ่อแม่ชวนลูกมาเล่นเกม ทำกิจกรรม เสริมพัฒนาการได้
                        พ่อแม่ชวนลูกมาเล่นเกม ทำกิจกรรม เสริมพัฒนาการได้

                        4.กิจกรรมวงจรชีวิตของผีเสื้อ

                        กิจกรรมนี้สามารถทำได้โดยใช้กระดาษคราฟต์ หรือพาสต้ารูปทรงต่าง ๆ

                        วิธีการเล่น

                        วาดของวงจรชีวิตของผีเสื้อบนกระดาษแผนภูมิ ใช้กระดาษคราฟ หรือพาสต้าทำเป็นรูปทรงของไข่ หนอนผีเสื้อ รังไหม และผีเสื้อ ช่วยกันตกแต่งให้สวยงาม

                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : สอนเด็กเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อ ซึ่งการเรียนรู้จากธรรมชาติเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ

                        5. จูเนียร์สแครบเบิ้ล

                        ดัดแปลงโครงสร้างมาจาก Scrabble ทั่วไป แต่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยใช้ตัวเล่นของ Scrabble

                        วิธีการเล่น
                        • ทำการพิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการบนกระดาน
                        • นำตัวอักษรจาก Scrabble มาใช้ให้เด็กจับคู่ตัวอักษรที่เรียงต่อกันเข้ากับตัวอักษรบนกระดาน
                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : ช่วยให้เด็กได้ฝึกท่องคำศัพท์ไปด้วยความเพลิดเพลินจากการหาตัวอักษร

                        กิจกรรมเสริมทักษะด้านอารมณ์และเหตุผล

                        การสอนเด็กทางด้านอารมณ์ และเหตุผล เราสามารถให้เขาเรียนรู้ผ่านงานศิลปะได้เช่นกัน  นอกจากงานด้านศิลปะจะเป็นตัวช่วยเสริมทักษะด้านอารมณ์แก่ลูกแล้ว ยังช่วยให้ลูกรู้สึกเพลิดเพลินผ่อนคลายอีกด้วย

                        ศิลปะ กับ กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ
                        ศิลปะ กับ กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ

                        1. Origami

                        Origami หรือการพับกระดาษในสไตล์ญี่ปุ่น เป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ จะเพลิดเพลินอย่างมาก แถมยังได้ฝึกทักษะในหลาย ๆ ด้าน เช่น สมาธิ การประสานสายตากับมือ และจินตนาการ เป็นต้น

                        วิธีการเล่น

                        • คุณสามารถใช้กระดาษพับสี กระดาษงานฝีมือ หรือแผ่นสีขาวธรรมดา ๆ ที่ระบายสีด้วยดินสอสีก็ได้ ตามสะดว
                        • สอนลูกของคุณพับกระดาษเพื่อสร้างรูปทรงที่น่าสนใจ เช่น เครื่องบิน จรวด เรือ นก เป็นต้น โดยดูวิธีการพับได้จากตัวอย่าง หรือคลิปสอน
                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : นอกจากจะได้ทักษะด้านอารมณ์ และเหตุผล จากการมีสมาธิ ยังได้การวางแผน พัฒนาการด้านร่างกาย เรื่องการประสานการทำงานร่วมระหว่างตา กับมือ

                        2. บีบ สี ตี เป่า

                        เด็ก ๆ ชอบกิจกรรมนี้มาก เพราะเป็นกิจกรรมที่สนุก และสามารถปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นได้

                        วิธีการเล่น

                        • เตรียมกาวสี ด้วยการนำกาวสีขาวมาเติมสีน้ำ สีต่าง ๆ ลงไป
                        • ให้เด็กบีบกาวสีสันต่าง ๆ ลงบนกระดาษวาดเขียน ตามแต่จินตนาการ
                        • สามารถใช้หลอดเป่ากาวสีให้กระจาย หรือใช้พู่กันเพ้นท์ลวดลาย แต่งแต้มตามจินตนาการ
                        • เมื่อกาวแห้งจะได้ผลงานศิลปะแสนสวยที่มีสีสันสวยงาม

                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : พ่อแม่สามารถสอนพวกเขาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผสมสี แม่สี และรูปทรงที่เกี่ยวกับสี และศิลปะได้

                        3. ศิลปะกับเมล็ดพืชและธัญพืช

                        กิจกรรมนี้สนุกสำหรับเด็ก และสามารถทำให้พวกเขามีจดจ่อ มีสมาธิได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง

                        วิธีการเล่น

                        • วาดรูปดอกไม้หรือสัตว์ เช่น ไดโนเสาร์ เป็ด หรือสุนัข ลงบนกระดาษ
                        • ทากาวให้ทั่วรูปวาดนั้น ๆ
                        • ให้ลูกของคุณเติมเมล็ดพืช และธัญพืชชนิดต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ เพื่อทำให้ภาพสวยงาม

                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : พัฒนาการประสานกันระหว่างมือและตาได้ดีขึ้นเมื่อหยิบเมล็ดเล็กๆ แล้วทากาวลงบนกระดาษ

                        เมล็ดธัญพืช ดึงดูดลูกสร้างสรรค์ผลงาน
                        เมล็ดธัญพืช ดึงดูดลูกสร้างสรรค์ผลงาน

                        5. งานประดิษฐ์ส่วนประกอบของต้นไม้

                        นี่เป็นไอเดียงานฝีมือง่ายๆ ที่เป็นกิจกรรมที่ได้ความรู้อีกด้วย

                        วิธีการเล่น

                        • ใช้ปากกามาร์คเกอร์ แท่งไอศครีม และกระดาษสีเพื่อสร้างภาพต้นไม้บนกระดาษ โดยให้มีส่วนประกอบต่าง ๆ ของต้นไม้ครบถ้วน
                        • แต่งแต้ม เติมสีให้สวยงามตามจินตนาการ
                        • เมื่อเสร็จแล้ว ให้ติดฉลากส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดของต้นไม้ เช่น ดอกไม้ กลีบดอก ลำต้น ใบไม้ ราก เป็นต้น
                        • สอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับส่วนประกอบของต้นไม้เพิ่มเติม

                        การเล่นพัฒนาทักษะด้านใด : เป็นการนำความรู้ กับศิลปะมาผสมผสานกัน ทำให้เด็กได้รับประโยชน์จากทั้งสองสิ่ง และยังได้สอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืชอีกด้วย

                        กิจกรรมพัฒนาทักษะด้าน Fine and Gross Motor 

                        Fine and Gross Motor คือ ทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเล็กของเด็ก โดยหลักการของกิจกรรมส่วนนี้คือ การที่พ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมด้วยตัวเอง ถึงแม้จะดูไม่คล่อง ผิดพลาดไปบ้าง แต่หากเขาได้ฝึกบ่อย ๆ จะทำให้เขาเรียนรู้ และทำได้คล่องแคล่วขึ้น

                        1. ระบายสีด้วยฟองสบู่

                        วิธีการเล่น

                        • เตรียมน้ำสบู่ และใส่สีผสมอาหารที่ปลอดภัยสำหรับเด็กลงไป เตรียมใส่ถ้วยไว้หลากหลายสีตามชอบ
                        • ให้ลูกเป่าฟองสบู่ในถ้วย โดยใช้หลอด (ระวัง! คอยดูไม่ให้เด็กเผลอดูดน้ำสบู่เข้าไป)
                        • รีบนำกระดาษมาปิดไว้บนปากถ้วยที่ทำการเป่าฟองแล้ว
                        • สามารถทำซ้ำวิธีเดิมกับสีอื่น ๆ จนพอใจ
                        • จะได้ภาพวาดฟองสบู่หลากสี สวยงาม

                          ต่อบล็อก สร้างจินตนาการ ฝึกกล้ามเนื้อมือ พัฒนาสติปัญญา กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ
                          ต่อบล็อก สร้างจินตนาการ ฝึกกล้ามเนื้อมือ พัฒนาสติปัญญา กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ

                        2. สาดสีแสนสนุก

                        วิธีการเล่น

                        1. นำสีมาผสมน้ำเล็กน้อย แล้วเทใส่จานสี เตรียมไว้หลายสีตามชอบ
                        2. กางกระดาษแผ่นใหญ่ที่เตรียมไว้ โดยจะติดไว้บนกำแพง หรือจะกางบนพื้นก็ได้ แต่แนะนำว่ากิจกรรมนี้ควรทำนอกบ้าน
                        3. เตรียมพู่กันให้พร้อม
                        4. ให้เด็กใช้พู่กันจุ่มสี และสาด (สะบัดแปรง) ลงไปที่กระดาษแผ่นใหญ่ ไม่มีรูปแบบตามแต่จินตนาการของเขาเลย

                        3. การต่อจิ๊กซอว์

                        ลองให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเล่นตัวต่อจิ๊กซอว์ดูบ้างในช่วงวันหยุด เพราะการต่อจิ๊กซอว์กันนั้น จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในครอบครัว และก็เป็นการเสริมสร้างทักษะที่ดีต่อประสานสายตา มือและเท้า ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ได้ดี ฝึกการสังเกต และใช้สมาธิได้อย่างเต็มที่ เด็กๆ จะอยู่นิ่งขึ้นในระหว่างการต่อจิ๊กซอว์ให้เสร็จสมบูรณ์อีกด้วย

                        4. เล่นยืนกระต่ายขาเดียว

                        คุณพ่อคุณแม่ลองให้เด็ก ๆ ได้เล่นยืนกระต่ายขาเดียวดูบ้างก็สนุกได้แบบไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์ใด ๆ โดยกำหนดกติกากันเองตามแต่ตกลง เช่น ให้ลูกได้ยืนกระต่ายขาเดียวใครยืนได้นานทีสุด ใครยืนกระต่ายขาเดียวโดยไม่โยกเยกได้ เป็นต้น กิจกรรมนี้จะใช้เพื่อเป็นวิธีในการฝึกสร้างสมาธิ ฝึกทั้งการทรงตัว และฝึกพัฒนากล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กันเลย

                        5. ละครมือ

                        ละครมือ ที่ตัวละครสร้างจากกระดาษ และจินตนาการของลูก เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

                        วิธีการเล่น

                        • ให้พ่อแม่ และลูกช่วยกันคิดนิทานสั้น ๆ หรืออาจจะหยิบยกนิทานที่ลูกชื่นชอบมาสักหนึ่งเรื่อง
                        • วาดรูปตัวละครในนิทานนั้น ๆ โดยไม่ต้องให้ขนาดใหญ่มากนัก ให้พอดีกับนิ้วมือ เหมาะพอจะมาทำหุ่นนิ้ว
                        • ตกแต่งให้สวยงาม และตัดออกมาแปะห่วงกระดาษที่ทำเป็นแหวนสำหรับสวมนิ้ว
                        • เพียงเท่านี้เราก็มีตัวละครของนิทานเรากันแล้ว
                        • ใช้หุ่นนิ้วแสดงตามเนื้อเรื่อง โดยพ่อแม่อาจตั้งกล้องอัดคลิปสั้น ๆ แล้วมานั่งย้อนดูกันในภายหลัง

                          กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ เรียนรู้ผ่านการเล่น
                          กิจกรรมเสริมพัฒนาการ 5 ขวบ เรียนรู้ผ่านการเล่น

                        กิจกรรมพัฒนาทักษะของเด็กในวัย 5 ขวบนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่จะได้เป็นจุดเริ่มต้นในการคิดไอเดียหากิจกรรมเล่นกับลูก เพราะการเล่นเปรียบเสมือนกับการเรียนรู้ของเด็ก เด็กกับการเล่นเป็นของคู่กัน แต่จะดีกว่ามากหากผู้ใหญ่ได้ชี้แนะแนวทาง และช่วยแนะนำให้การเล่นนั้นมีประโยชน์มากกว่าเพียงแค่เล่น

                        ข้อมูลอ้างอิงจาก www.lenkubluk.com/parenting.firstcry.com

                        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                        รู้ทัน! พัฒนาการ เด็ก 5 ขวบ ลูกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นแล้วนะ

                        4 เกมสร้างทักษะ critical thinking คือ สิ่งที่แม่สร้างได้!!

                        5ประโยชน์ของการ วาดรูประบายสี ที่สะท้อนพัฒนาการลูก

                        ไม่อยากให้ลูกเป็นคน หมด passion ง่ายพ่อแม่ต้องทำสิ่งนี้

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง

                          จริงไหม!ติดแอร์ที่หัวเตียงจะเกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง

                          จริงไหม!ติดแอร์ที่หัวเตียง จะเกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง

                          ปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารมากมายให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้ ล่าสุดมีการส่งต่อข้อมูลออนไลน์โดยระบุว่า ห้ามติดแอร์บนหัวเตียง เพราะอาจก่อให้เกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง ได้ ซึ่งก็ให้เกิดการพูดคุยถกเถียงกันโดยทั่วไป เรื่องนี้มีความจริงหรือไม่ ทีมบรรณาธิการ ABK มีคำตอบค่ะ

                          การเกิดเนื้องอกในสมอง

                          เนื้องอกในสมองที่เป็นเนื้อธรรมดา เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมในเซลล์สมอง หรือการกลายพันธุ์ของเซลล์ ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัว และเจริญเติบโตในอัตราที่ผิดปกติ เนื้อเยื่อที่เกิดจากเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ จึงก่อตัวเป็นเนื้องอกบริเวณสมอง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่สมอง และระบบประสาทใกล้เคียง

                          เนื้องอกในสมองที่เป็นเนื้อร้าย อาจเกิดจากเซลล์มะเร็งก่อตัวขึ้นที่สมอง หรือมีเซลล์มะเร็งที่อวัยวะอื่น แล้วแพร่ลามเข้าสู่สมองทางกระแสเลือด ทำให้เกิดเป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย มีอัตราการเจริญเติบโต และสร้างความเสียหายแก่ร่างกายมากกว่าเนื้องอกธรรมดา

                          ปัจจัยเสี่ยง ที่อาจทำให้เกิด เนื้องอกในสมอง  

                          อายุ เนื้องอกในสมอง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย แต่มักพบมากในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก

                          รังสีอันตราย การได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย เช่น รังสีจากการฉายแสงมะเร็ง รังสีจากระเบิดปรมาณู

                          พันธุกรรม เนื้องอกในสมองอาจส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นได้

                          เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง
                          จริงไหม!ติดแอร์ที่หัวเตียง จะเกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง

                          ความรุนแรง

                          • กลุ่มที่ 1 เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง ก้อนเนื้องอกเติบโตช้า สามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้
                          • กลุ่มที่ 2 ความรุนแรงปานกลาง ก้อนเนื้องอกมักแทรกในเนื้อสมอง ผ่าตัด และรักษาได้ แต่ไม่หายขาด เนื้องอกเติบโตช้า ผู้ป่วยจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปี
                          • กลุ่มที่ 3 จัดเป็นมะเร็ง รักษาไม่หายขาด
                          • กลุ่มที่ 4 มะเร็งชนิดร้ายแรง เนื้องอกเติบโตเร็ว ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันสั้น

                          อาการบ่งชี้ถึงเนื้องอกในสมอง

                          • ปวดหัวบ่อยครั้ง และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มีอาการปวดตอนกลางคืน จนต้องตื่นจากการนอน
                          • คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม
                          • พูดจาติดขัด มีปัญหาในการสื่อสาร
                          • มีปัญหาการได้ยิน
                          • มีปัญหาในการมองเห็น เห็นภาพเบลอ หรือภาพซ้อน
                          • มีปัญหาด้านความจำ สับสน มึนงง
                          • มีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ บุคลิกภาพ พฤติกรรม
                          • มีปัญหาการทรงตัว
                          • สูญเสียการรับรู้ของประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวแขนขา
                          • มีอาการชัก ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติชักมาก่อนโดย
                          • แขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตครึ่งซีก

                          การเกิดเชื้อราในสมอง

                          การเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับเชื้อรานั้น มีหลากหลายชนิดในสมอง มักเกิดจากการสัมผัสโดยตรง เช่น

                          • อุบัติเหตุทางศีรษะ มีเศษดิน เศษพืช หรือน้ำในคลอง ปะปนเข้าไปตามบาดแผล เข้าไปในระบบประสาทส่วนกลาง
                          • มีการติดเชื้อราในบริเวณฐานกะโหลกศีรษะ โดยเฉพาะในโพรงไซนัส ซึ่งมักพบในผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังจากเชื้อรา
                          • อาจจะพบการติดเชื้อราในสมอง ในผู้รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในสมอง จากการสูดหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราเข้าไปได้เช่นกัน
                          • มักเกิดในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นแต่กำเนิด หรือรับมา เช่น ติดเชื้อ hiv หรือได้ยาเคมีบำบัด ดังนั้นจึงจัดว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนจาก hiv ได้เช่นกัน

                          ทั้งนี้ การเกิดเชื้อราในสมอง มักไม่ก่อโรคในผู้ที่มีสุขภาพ หรือระบบภูมิคุ้มกันปกติ

                          เชื้อราในสมองจาก HIV

                          หากเกิดเชื้อราในสมองด้วยสาเหตุนี้ แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดยืนยันการมีเชื้อ hiv และระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกครั้ง ในครั้งนี้อาจต้องให้ยาฆ่าเชื้อราในระดับสูง เพื่อรักษาการติดเชื้อก่อน พอหายดีแล้ว หากเป็น hiv และมีภูมิคุ้มกันระดับต่ำว่าค่าหนึ่งๆ  จะมีข้อบ่งชี้ในการรับประทานยาฆ่าเชื้อราทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราซ้ำ

                          การติดแอร์ที่ตัวเตียงจะเกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง หรือไม่

                          สำหรับกรณีนี้ ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว และชี้แจงว่า ตำแหน่งในการติดตั้งแอร์ ไม่มีผลต่อการเกิดเชื้อราในสมอง หรือเนื้องอกในสมอง 

                          จะเกิด เชื้อราหรือเนื้องอกในสมอง หรือไม่ก็ควรทำความสะอาดแอร์

                          อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดแอร์สม่ำเสมอ จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง และเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาจจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจได้ และผลกระทบจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะติดตั้งแอร์ในตำแหน่งใด เพราะจะมีการกระจายของลมและอากาศจากแอร์ไปทั่วตำแหน่งของห้องที่เป็นระบบปิด

                          ขอบคุณข้อมูลจาก

                          ไทยนิวส์,pobpad,โรงพยาบาลเวชธานี

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                          กินยาคุมนาน ๆ ส่งผลต่อสุขภาพจิตจริงหรือไม่?

                          บีบดั้ง ดึงจมูกลูก ตั้งแต่เล็ก ช่วยจมูกโด่งจริงหรือไม่

                          จริงหรือไม่? คนท้องกินน้ำเย็น แล้วลูกยิ่งดิ้น

                            คาร์ซีท

                            วิธีเลือกซื้อ “คาร์ซีท” ให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก

                            พ่อแม่ต้องรู้!! วิธีเลือกซื้อ คาร์ซีท เลือกซื้ออย่างไร ให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก เพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัยที่สุดตลอดการเดินทาง!!

                            วิธีเลือกซื้อ “คาร์ซีท” ให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก

                            คาร์ซีท ที่มีให้เลือกหลากหลายแบบที่มีขายตามท้องตลาดนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อเด็กแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกัน เพราะเด็กในวัยแรกเกิด – 6 ขวบ มีพัฒนาการทางด้านสรีระและร่างกายที่แตกต่างกันมาก อย่างเช่นเด็กวัยแรกเกิด กล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรง การจะให้ลูกใช้คาร์ซีทที่หันหน้าออกไปด้านหน้ารถยนต์นั้น ก็อาจทำให้ลูกบาดเจ็บบริเวณคอได้หากคุณพ่อคุณแม่เบรครถกระทันหัน ทีมกองบรรณาธิการ ABK จึงขอรวบรวมมาให้ดูกันว่า คาร์ซีท มีกี่แบบ? และแต่ละแบบเหมาะกับช่วงวัยไหนบ้าง? พร้อมวิธีการเลือกซื้อเลือกใช้ คาร์ซีท เลือกคาร์ซีทอย่างไร ให้ปลอดภัยกับลูกน้อย?

                            เลือกคาร์ซีทอย่างไร ให้ปลอดภัยกับลูกน้อย?

                            1. ตรวจสอบบริเวณที่ต้องการติดตั้งคาร์ซีท

                            การติดตั้งคาร์ซีทที่ถูกต้องคือต้องติดตั้งบริเวณเบาะผู้โดยสารตอนหลังเท่านั้น สาเหตุที่ไม่ให้ติดตั้งคาร์ซีทบริเวณข้างที่นั่งคนขับ เพราะบริเวณนั้นจะมี Airbag ติดตั้งอยู่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ในกรณีที่อุบัติเหตุรุนแรง แต่เมื่อนำคาร์ซีทไปติดตั้งบริเวณนั้น หรือแม้แต่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ไปนั่งบริเวณนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุนแรงต่อตัวเด็กและคาร์ซีทได้

                            สถาบัน NHTSA (Nation Highway Traffic Safety Administration) บอกว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรนั่งเบาะด้านหลังรถ ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ได้ 27 %

                            และสำหรับเบาะผู้โดยสารตอนหลังของรถบางรุ่น จะมี ISOfix อยู่ในรถเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งคาร์ซีท ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบดูก่อนว่ารถที่ตนใช้อยู่นั้นมี ISOfix หรือไม่? (ISOfix เป็นวงแหวนโลหะขนาดเล็กที่ด้านหลังส่วนล่างของเบาะที่นั่งรถยนต์เพื่อเชื่อมต่อที่คาร์ซีทกับเบาะรถยนต์ การติดตั้งด้วย ISOfix เป็นการติดตั้งที่ง่าย สะดวก รวดเร็วที่สุด) หากมีก็ควรหาคาร์ซีทที่รองรับการติดตั้งแบบ ISOfix เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน

                            2. เช็คมาตรฐานและคุณภาพของคาร์ซีทให้ดีก่อนซื้อ

                            เนื่องจากคาร์ซีทมีให้เลือกหลายยี่ห้อและหลายรุ่น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องตรวจสอบว่ายี่ห้อที่จะซื้อมาใช้นั้นมีรีวิวและความนิยมเป็นอย่างไร เมื่อได้ยี่ห้อที่ต้องการจะซื้อในใจแล้ว จากนั้นให้เลือกรุ่นที่ต้องการจะซื้อ ให้ดูว่ารุ่นนั้นมีป้ายรับรองมาตรฐานอะไรบ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าคาร์ซีทรุ่นนั้น ผ่านการทดสอบมาแล้ว ซึ่งปกติแล้ว คาร์ซีทจะต้องมีป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 และ UNr 129 เป็น มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท เพื่อบ่งชี้ว่าเบาะตัวนั้นๆได้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย

                            ความแตกต่างของมาตรฐานการทดสอบทั้งสองแบบก็คือ ECE R44 จะเป็นมาตรฐานที่ทดสอบการกระแทกด้านหน้าและด้านหลังของตัวคาร์ซีท ในขณะที่ UNr 129 จะเป็นการทดสอบการกระแทกจากด้านข้าง

                            Car Seat
                            Car Seat

                            3. ระบบเข็มขัดรัด 5 จุด (5-points harness)

                            แน่นอนว่าการใช้สายรัดแบบห้าจุดจะรัดกุมมากกว่า และสามารถปกป้องลูกน้อยของคุณดีกว่าสายรัดสามจุด หรือเข็มขัดนิรภัยธรรมดา ระบบเข็มขัดรัด 5 จุดที่ว่าก็คือจะมีรัดไหล่ 2 เส้นของแต่ละข้าง รัดเอว 2 เส้น และผ่านระหว่างขาอีก 1 เส้น ทั้งหมดจะมาเจอกันที่จัดรัดที่อยู่ตรงกลางบอดี้ของเด็ก

                            4. ความใหม่-เก่าของคาร์ซีท

                            แน่นอนว่าคาร์ซีทมือสองอาจจะมีราคาถูกกว่ามือหนึ่ง แต่คุณภาพและประสิทธิภาพของคาร์ซีทมือสองก็มักจะไม่เต็ม 100 เท่าคาร์ซีทมือหนึ่ง เนื่องจากความเสื่อมคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในคาร์ซีท ที่มักจะเสื่อมลงตามกาลเวลา ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการประหยัดเงินในกระเป๋า การเลือกซื้อคาร์ซีทมือสอง ก็ควรเลือกที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่หากต้องการความมั่นใจสูงสุดและความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ การเลือกซื้อคาร์ซีทมือหนึ่ง ก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้มากกว่าค่ะ

                            นอกจากนี้ ไม่ควรซื้อคาร์ซีทที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ผลิต ควรตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตให้ละเอียด เพราะโดยปรกติแล้วคาร์ซีทจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 6 ปี นับจากวันที่ผลิต

                            5. เลือก คาร์ซีท ให้เหมาะกับสรีระของลูก

                            ส่วนสูงและน้ำหนักก็มีผลต่อการเลือกใช้คาร์ซีท เวลาเลือกควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคาร์ซีทที่เราเลือกจะช่วยให้ลูกมีความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากที่สุดตลอดระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน (ซึ่งเราจะกล่าวถึงประเภทของคาร์ซีทที่เหมาะกับช่วงวัย ส่วนสูงและน้ำหนักในหัวข้อถัดไปค่ะ) เมื่อเลือกคาร์ซีทอาจจะต้องเลือกเผื่อลูกโตไป 2-3 สเต็ป (แต่ก็ไม่ต้องเผื่อมากจนความรัดกุมหละหลวมนะคะ)

                            6. วัสดุสามารถทำความสะอาดง่าย

                            ต้องอย่าลืมว่า คาร์ซีทจะต้องอยู่คู่รถคุณพ่อคุณแม่ไปอย่างน้อย 6 ปี ลูกอาจจะนั่งกินนม กินขนม กินอาหารในคาร์ซีท ดังนั้นควรคำนึงถึงตอนที่ทำความสะอาดคาร์ซีทด้วยนะคะ ควรเลือกคาร์ซีทที่สามารถถอดออกมาซักหรือทำความสะอาดได้ง่าย คาร์ซีทที่ทำจากวัสดุหรือเส้นใยผ้าที่กันน้ำจะสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่า วัสดุที่ซึมซับน้ำ

                            และปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อคาร์ซีท นั่นก็คือการเลือกซื้อคาร์ซีทให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก มาดูกันค่ะว่าคาร์ซีทมีกี่แบบ และแต่ละแบบเหมาะกับลูกในช่วงวัยใดบ้าง

                            คาร์ซีทมีกี่แบบ? วิธีเลือกซื้อ “คาร์ซีท” ให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก

                            คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี
                            คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี

                            คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด

                            สำหรับคาร์ซีทประเภทนี้ไม่ว่าจะออกแบบมาให้เป็นแบบตะกร้าหิ้ว (จะมีฐานติดตั้งบนเบาะรถยนต์ ลูกจะนั่งในคาร์ซีทที่มีลักษณะเหมือนตะกร้าหิ้ว เมื่อถึงที่หมาย สามารถปลดล๊อคตะกร้าออกจากฐานและนำมาติดบนรถเข็นที่รองรับได้) หรือจะเป็นแบบ Convertible Car Seat (คาร์ซีทที่สามารถหันไปทางด้านหลังหรือด้านหน้าก็ได้) หลัก ๆ คือจะต้องเป็นคาร์ซีทที่หันหลัง Rear Facing เท่านั้น ลูกจะหันหน้าเข้าหาเบาะนั่ง และท่านั่งจะเป็นลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน ดังนั้น เด็กจะไม่สามารถเห็นวิวบริเวณหน้ารถได้เลย แต่ที่ต้องออกแบบให้มีลักษณะนี้ เป็นเพราะกล้ามเนื้อคอของเด็กวัยแรกเกิด – 1 ปี จะยังไม่แข็งแรง ดังนั้นหากเกิดการเบรคกระทันหัน เด็กที่นั่งหันหลังจะไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณคอ และสาเหตุที่คาร์ซีทประเภทนี้จะเป็นแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน นั่นเป็นเพราะกระดูกของเด็กวัยนี้ ยังไม่รองรับการนั่งหลังตรงเป็นเวลานาน ๆ หากต้องนั่งหลังตรงเป็นเวลานาน อาจทำให้ลูกเมื่อยและงอแงได้นั่นเอง

                            สำหรับคาร์ซีทประเภทนี้ ที่เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิด – 1 ปี จึงออกแบบมาให้เหมาะสำหรับเด็กน้ำหนักตั้งแต่ 1.8 กิโลกรัม – 18 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น

                            คาร์ซีทแต่ละช่วงอายุ
                            คาร์ซีทแต่ละช่วงอายุ

                            คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก (Toddler)

                            เหมาะสำหรับเด็กวัยหัดเดิน วัย 1-5 ปี ที่มีส่วนสูงและน้ำหนักที่เข้าเกณฑ์ข้อกำหนดสำหรับการนั่งแบบหันหน้าออกเท่านั้น (Forward facing) เพราะตามข้อบังคับมาตรฐานความปลอดภัย UNr 129 เด็กเล็กที่แม้จะอายุครบ 2 ขวบแล้วควรนั่งในคาร์ซีทในแบบที่หันหน้าไปทางด้านหลัง (Rear-facing car seat) ต่ออย่างน้อย 15 เดือน (หรือจริงๆ ควรนานกว่านั้น) คาร์ซีทประเภทนี้ส่วนมากจะสามารถปรับให้นอนหรือปรับให้เป็นที่นั่งตรงก็ได้ และบางรุ่นก็สามารถปรับให้หันหน้าหรือหันหลังก็ได้ (เพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น) แต่หลัก ๆ ของคาร์ซีทประเภทนี้คือจะเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนัก 8-40 กิโลกรัม

                            บูสเตอร์ซีท
                            บูสเตอร์ซีท

                            บูสเตอร์ซีท (Booster Seat)

                            คาร์ซีทแบบบูสเตอร์ซีทจะเป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อย มีทั้งรูปแบบที่เป็นเบาะทั้งอันมีทั้งที่รองและพนักพิงหลัง เป็นแค่เบาะรองนั่งอย่างเดียว จะใช้งานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดของเบาะหลัง แน่นอนว่าจะเป็นคาร์ซีทที่ลูกน้อยได้ใช้นานที่สุดด้วยคือ อาจใช้ได้ตั้งแต่ 4-12 ขวบเลยทีเดียว หรือตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ควรนั่งจนถึงลูกส่วนสูงถึง 140 ซม. จึงเปลี่ยนมานั่งเบาะธรรมดาและคาด Seat Belt แบบผู้ใหญ่

                            All-in-One Car Seats

                            คาร์ซีทแบบที่รวมทุกประเภท ซึ่งมีข้อดีสามารถใช้ได้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 ปี บางรุ่นมีน้ำหนักถึง 12 กิโลกรัม คาร์ซีทประเภทนี้จึงเหมาะกับการที่ไม่ต้องการเปลี่ยนคาร์ซีทบ่อย ๆ และไม่มีความจำเป็นต้องถอดย้ายคาร์ซีทจากรถบ่อย ๆ

                            ทราบกันไปแล้วว่าควรเลือก คาร์ซีท อย่างไรให้เหมาะและปลอดภัยกับลูกน้อย ทีมกองบรรณาธิการ ABK หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เลือกคาร์ซีทได้ง่ายขึ้นนะคะ

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            ฝึกลูกนั่งคาร์ซีท ทำอย่างไร? ให้ลูกแฮปปี้..ดี๊ดีตลอดทริป

                            รีวิวคาร์ซีท 10 แบรนด์ยอดนิยม แข็งแรง ปลอดภัยทุกการเดินทาง

                            หมอย้ำ 8 ข้อควรรู้ กฎหมายคาร์ซีท “รักลูกอย่ากอด” นั่งคาร์ซีทปลอดภัยกว่า

                            พาลูกนอกบ้าน เลือก รถเข็นเด็ก คาร์ซีทแบบไหน มั่นใจปลอดภัยชัวร์

                             

                            ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thansettakij.com

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              คัดกรองมะเร็งปากมดลูก

                              แม่ๆเตรียมเฮ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สปสช.ดูแลทุกสิทธิ์

                              แม่ๆเตรียมเฮ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สปสช.ดูแลทุกสิทธิ์

                              คุณแม่ ๆ เตรียมเฮได้เลยค่ะ เพราะทางสปสช. ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์สนับสนุนงบประมาณในการ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Test ซึ่งมะเร็งปากมดลูกนั้น นับเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในหญิงไทยด้วยค่ะ

                              สาเหตุโรคมะเร็งปากมดลูก

                              เชื้อไวรัส HPV เป็นสาเหตุหลัก ๆ ให้เกิดมะเร็งปากมดลูก เมื่อเซลล์ปกติที่อยู่บริเวณปากมดลูกเกิดการกลายพันธุ์จะส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ ทั้งนี้ คนส่วนมากที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV เซลล์อาจจะยังไม่พัฒนาเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกที่ได้รับเชื้อ ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลอาจส่งผลต่อการเกิดโรคด้วยเช่นกัน

                              คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
                              คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สปสช.ดูแลทุกสิทธิ์

                              8 สัญญาณเตือนว่าอาจเป็นมะเร็งปากมดลูก

                              1. เลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นตอนที่มีเพศสัมพันธ์ หรือประจำเดือนที่มาผิดปกติก็ได้เช่นกัน
                              2. ตกขาวที่มีเลือดปน โดยปกติแล้วการที่ผู้หญิงเรามีตกขาวบ้างในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่หากมีมากเกินไป และมีเลือดปนหรือมีกลิ่นอาจเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งก็ได้
                              3. รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หากมั่นใจว่าเราเตรียมตัวพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ช่องคลอดไม่ได้แห้งจนรู้สึกเจ็บเสียด แต่ขณะมีเพศสัมพันธ์นั้นยังเจ็บอยู่ก็ไม่ควรปล่อยนิ่งดูดาย
                              4. มีสารคัดหลั่งออกมาจากช่องคลอดจำนวนมาก และอาจมีเลือดปน
                              5. ปวดท้องน้อยบ่อยเกินปกติ แม้จะไม่ใช่ช่วงใกล้มีประจำเดือนก็ตาม หรือช่วงที่ใกล้มีประจำเดือนแต่อาการปวดท้องประจำเดือนมากกว่าที่เคย
                              6. เบื่ออาหาร ไม่รู้สึกอยากอาหาร จนน้ำหนักลดลงอย่างผิดสังเกต
                              7. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ รู้สึกไม่มีแรงอยู่ตลอดเวลา
                              8. ปัสสาวะบ่อย มีอาการปวดท้องน้อย ท้องน้อยบวม บางครั้งรู้สึกปวดปัสสาวะแต่ปัสสาวะไม่ออก

                              อาการเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งปากมดลูก แนะนำให้พบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการต่อไป

                              การป้องกัน

                              • ฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับต่อต้านเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และสายพันธุ์ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากถึงร้อยละ 70 และยังช่วยป้องกันเชื้อไวรัส HPV อีกสองสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคหูดที่อวัยวะเพศได้ถึงร้อยละ 90
                              • การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) แพทย์จะเก็บเซลล์จากปากมดลูกแล้วนำส่งตรวจเพื่อหาเซลล์ผิดปกติที่อาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้
                              • ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เป็นการตรวจทางชีวโมเลกุลเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV โดยตรง ซึ่งเป็นการตรวจที่มีความแม่นยำอย่างมากคือมีโอกาสพลาดเพียงร้อยละ 5-10 และส่วนใหญ่จะทำร่วมกับการตรวจ ThinPrep โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์เพื่อส่งตรวจในคราวเดียว หากตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติก็แสดงว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกมีน้อยมาก และสามารถรอได้ถึง 3 ปี กว่าจะเข้ารับการตรวจคัดกรองอีกครั้ง

                              การรักษามะเร็งปากมดลูก

                              • ระยะก่อนมะเร็ง เป็นการรักษาเฉพาะที่ เช่น จี้ทำลายเซลล์ที่ผิดปกติด้วยความเย็น หรือความร้อน การตัดปากมดลูกด้วยห่วงลวดไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาครู่เดียวและเป็นหัตถกรรมสำหรับผู้ป่วยนอก
                              • ระยะมะเร็งแล้ว (ระยะที่ 1 และ 2 ขั้นต้น) ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาปากมดลูก เนื้อเยื่อรอบ ๆ ปากมดลูก มดลูก ช่องคลอดส่วนต้น และต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนั้นออกทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ ทำได้ทั้งแบบเปิดหน้าท้อง และผ่าตัดผ่านกล้อง
                              • ระยะ 3 และ 4 เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามออกนอกปากมดลูกแล้ว การรักษาประกอบด้วยเคมีบำบัด ร่วมกับรังสีรักษาในเวลาเดียวกัน เพื่อควบคุมไม่ให้มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง และหากมะเร็งแพร่ลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง และกระดูกเชิงกราน จะส่งผลให้ไต กระเพาะปัสสาวะผิดปกติ ยิ่งถ้ามีการแพร่กระจายไปอวัยวะที่ไกลออกไป เช่น ตับหรือปอด อาจทำให้เสียชีวิตในที่สุด

                              สิทธิประโยชน์ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก

                              มะเร็งปากมดลูก พบมากเป็นอันดับที่ 2 ในหญิงไทย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาหายได้หากรับการดูแลในระยะเริ่มต้น ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการตรวจคัดกรองและเป็นไปตาม Guideline ฉบับปรับปรุงเดือนกันยายน 2561 ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ที่ประชุม บอร์ด สปสช. จึงมีมติเห็นชอบเพิ่ม “สิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test” เพื่อทดแทนวิธีแปปสเมียร์ (Pap smear) ทุก 5 ปี โดย สปสช. สนับสนุนงบประมาณรูปแบบจ่ายตามรายการบริการ (Fee schedule)

                              การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยเทคนิค HPV DNA Test นั้นใช้งบประมาณเทียบเท่ากับการตรวจด้วยเทคนิคเดิม โดยจะให้งบประมาณเป็นรายเคส แบ่งเป็น

                              • ค่าตรวจคัดกรอง 50 บาท
                              • ค่าเก็บตัวอย่าง 50 บาท ค่าบริหารจัดการ 50 บาท
                              • ค่าตรวจในห้องแล็บ 320 บาท

                              สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ ทั้งไลน์ สปสช. (ไลน์ไอดี @nhso) หรือ คลิก และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

                               

                              ขอบคุณข้อมูลจาก

                              กรุงเทพธุรกิจ,โรงพยาบาลเปาโล,Medparkhospital, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                              เช็คขั้นตอนตรวจ สิทธิ์ฝังยาคุม และรับบริการฟรี

                              บัตรทองให้เข้าถึงยา โรคข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุในเด็ก  

                              กทม.เปิดคลินิกดูแล ผู้ป่วยลองโควิด ในรพ. 9 แห่ง 

                                แม่บ้านใจดี

                                “แม่บ้านใจดี” บริการจัดหาแม่บ้านตรงตามที่คุณ บ้านและครอบครัว ต้องการมากที่สุด

                                กำลังมองหา… แม่บ้านอยู่ใช่ไหม? ต้องที่นี่เลย “แม่บ้านใจดี” บริการจัดหาแม่บ้านตรงตามที่คุณ บ้านและครอบครัว ต้องการมากที่สุด

                                เชื่อว่าทุก ๆ บ้านมีปัญหาในเรื่องของเวลาหลังจากการทำงานมาเหนื่อย ๆ อยากพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เจ้ากรรมงานบ้านกองรออยู่เป็นพะเนิน บางบ้านที่มีผู้สูงวัยอายุมาก ๆ ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ค่อยให้เราพะวงว่าท่านจะเกิดอันตรายกับท่านไหม? มีกิจธุระต้องไปที่ไกล ๆ ติดประชุมดึกดื่น มีภารกิจสำคัญในช่วงเวลานั้น แต่ติดมีลูกน้อยที่ต้องดูแล เด็กเล็กวัยเรียนที่รอคอยชะเง้อมองหาคุณมารับกลับจากโรงเรียน ในตอนเย็นทุกวัน เลยต้องหาผู้ช่วยมาคลายกังวล โดยการหาแม่บ้านมาช่วยดูแล ทำให้เราสบายขึ้น แต่!!! สิ่งที่หามาเองส่วนมากๆๆ แม่บ้านทำงานไม่ตรงตามที่เราคาดหวัง ไม่มีประสบการณ์ ทิ้งงานกลางครันโดยไม่บอกเราล่วงหน้าทำให้เดือดร้อนต้องวิ่งหาแม่บ้านคนใหม่ ไหนจะต้องมาพะวงสุ่มเสี่ยงเจออาชญากรรมที่เราไม่สามารถสืบประวัติจริง ๆ ของพวกเขาได้ ไร้ซึ่งความปลอดภัยอย่างยิ่ง

                                แม่บ้านใจดี

                                เพราะเราเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด “แม่บ้านใจ” จึงได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อมาบริการจัดหาแม่บ้านให้คุณและครอบครัวได้ผู้ช่วยที่มีประสบการณ์ตรง  ถูกใจ จริงใจ และอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นใจเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

                                แม่บ้านทำความสะอาด

                                ก่อนที่เราจะจัดส่งแม่บ้านถึงมือคุณและครอบครัว เราได้ทำการสัมภาษณ์ ตรวจคัดกรองประวัติ เช็คบัตรคนเข้าเมืองมาอย่างถูกกฎหมาย(สำหรับต่างด้าว) เอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน ตรวจสอบเช็กประวัติอาชญากรรม ตรวจหาเชื้อโควิด เก็บบันทึกสแกนลายนิ้วมือ ทำเป็นประวัติให้คุณได้เลือกตรงประเภทที่คุณต้องการมากที่สุด ซึ่งมี 6 ประเภท คือ

                                1.แม่บ้านทำความสะอาดทั่วไป

                                2.แม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงเด็ก

                                3.พี่เลี้ยงเด็ก

                                4.แม่บ้านกึ่งดูแลผู้สูงอายุ

                                5.ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และ

                                6.ดูแลผู้ป่วย

                                แม่บ้านใจดี

                                นอกจากจัดหาแม่บ้านให้โดนใจคุณแล้วเรายังมี บริการแม่บ้านทำความสะอาดรายวัน บริการคนขับรถ และ Big Cleaning อีกด้วย

                                อยากรู้รายละเอียดสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์  https://maebanjaidee.com  หรือช่องทางอื่น ๆ ได้ที่

                                FB : แม่บ้านใจดี

                                Line ID :  maebanjaidee

                                หรือโทร. 093-295-4589 และ 096-992-6644

                                ทีนี้คุณก็ไม่ต้องไปวุ่นวาย ตามหา สืบเองให้เหนื่อย ให้เสียเวลา ให้เสี่ยงกับชีวิตแล้ว
                                เพราะ หจก.แม่บ้านใจดี ได้จัดหาพร้อมคัดกรองผู้ช่วยที่มีคุณภาพมาให้คุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                                 

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ ด้วยกิจกรรมเสริมทักษะรอบด้าน

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ ด้วยกิจกรรมสนุก ๆ แถมเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับเด็กวัยอนุบาล เด็กช่วงวัยสำคํญแแห่งการเรียนรู้ เตรียมพร้อมทุกด้านให้ลูกออกสู่โลกกว้าง

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ ด้วยกิจกรรมเสริมทักษะรอบด้าน

                                  เมื่อลูกเติบโตมาจนถึงวัยที่จะก้าวไปสู่โลกกว้าง วัยเด็กก่อนวัยเรียน เป็นช่วงวัยสำคัญที่เรา พ่อแม่ต้องเตรียมพร้อมให้แก่ลูกในทุก ๆ ด้าน เพราะเด็กในวัยนี้ยังต้องการการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นอีกมากมายเพื่อให้เขาพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และสังคม แม้ว่าเด็กในวัย 4 ปีนี้ จะดูเหมือนว่าเขาโตพอที่จะสามารถทำอะไรต่อมิอะไรเองได้มากแล้วก็ตามที

                                  เด็กอายุ 4 ขวบ

                                  วัยก่อนเข้าเรียนอนุบาล เป็นวัยที่ลูกสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็เป็นภาระงานที่ลูกต้องฝึก การพูดถึงพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กในแต่ละวัย เป็นเพียงการประเมินว่าเด็กมีพัฒนาการตามที่คาดหวังหรือไม่ โดยที่เราไม่ได้บอกว่าเด็กทุกคนจะต้องทำได้พร้อมกัน บางคนอาจได้รับทักษะก่อนหรือช้ากว่าคนอื่น ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเรามาดูกันว่า พัฒนาการในแต่ละด้านของเด็กวัย 4 ขวบจะมีอะไรบ้าง ดังนี้

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ อย่างไร
                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ อย่างไร

                                  พัฒนาการทางร่างกาย

                                  ด้วยวัยที่เจริญเติบโตขึ้น และการพัฒนาของกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ทำให้มีพัฒนาการทางร่างกายที่เพิ่มขึ้น ดังนี้

                                  • การทรงตัวดีขึ้น กระโดดขาเดียวได้โดยไม่สูญเสียการทรงตัว
                                  • ทุ่มบอลได้โดยมีการประสานงานของร่างกายที่ดีขึ้น
                                  • สามารถตัดกระดาษตามรูปภาพโดยใช้กรรไกรได้
                                  • อาจยังฉี่รดที่นอนอยู่
                                  • มีพัฒนาการด้านการมองเห็นที่ดีขึ้น
                                  • นอนวันละ 11-13 ชั่วโมง แต่มักไม่นอนกลางวัน
                                  • สูงขึ้นกว่าตอนแรกเกิด 2 เท่า

                                  พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา

                                  การพัฒนาคำพูดในเด็กเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับผู้ปกครอง เนื่องจากพ่อแม่มองว่าลูก ๆ สามารถโต้ตอบกับผู้อื่นได้ ถึงเวลาเข้าสังคมได้ ในวัยนี้ เด็กมักจะเข้าใจว่าตัวอักษร และตัวเลขเป็นตัวแทนของสิ่งของ และความคิดที่มีอยู่จริง

                                  คำศัพท์เด็กวัยนี้อยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 2,000 คำ การพูดในวัยนี้ค่อนข้างพูดได้อย่างสมบูรณ์ ชัดเจน แม้ว่าอาจมีข้อผิดพลาดของพัฒนาการด้านเสียง และการพูดติดอ่างบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้ชาย

                                  • รู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น และแต่งประโยค 4-5 คำได้ง่าย ๆ
                                  • รู้จักสีบางสี เลขบางตัว และเริ่มนับเลขได้
                                  • พูดชื่อ และนามสกุลของตัวเองได้
                                  • ขี้สงสัย และถามคำถามมากมาย
                                  • อาจใช้คำที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจดีพอ และเริ่มใช้คำไม่สุภาพหรือคำหยาบคาย
                                  • พูดเรื่องราวส่วนตัวของครอบครัวให้คนอื่นฟัง
                                  • ร้องเพลงง่าย ๆ ได้
                                  • วาดรูปคนโดยมีใบหน้า และแขนขา
                                  • พยายามทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
                                  • เข้าใจเกี่ยวกับหลักการของเวลามากขึ้น
                                  • แยกความแตกต่างระหว่างวัตถุ 2 ชนิดได้ โดยดูจากขนาดและน้ำหนัก
                                  • จำเรื่องราวต่าง ๆ ได้บางส่วน
                                  • อาจเชื่อฟังกฎของพ่อแม่แต่ไม่เข้าใจถูกผิด
                                  • ยังไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้
                                  • เริ่มตระหนักถึงตนเองเพียงฝ่ายเดียวน้อยลง และรับรู้คนรอบข้างมากขึ้น

                                    ออกกำลังกายกลางแจ้ง เสริมพัฒนาการด้านร่างกาย
                                    ออกกำลังกายกลางแจ้ง เสริมพัฒนาการด้านร่างกาย

                                  พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์

                                  เมื่อลูกเริ่มมีความสามารถในการทำสิ่งใด ๆ ได้มากขึ้น ทำให้เขาเริ่มหันมาสนใจสิ่งรอบข้าง คนรอบข้าง อยากมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น แม้ว่าเด็กทุกคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป แต่ต่อไปนี้คือลักษณะพฤติกรรมทั่วไปบางประการมาดูกันว่าลูกในวัยนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง

                                  • ชอบและสนุกกับการได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ
                                  • เล่นบทบาทสมมติที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังไม่อาจแยกระหว่างบทบาทสมมติกับเรื่องจริงได้
                                  • มักมีเพื่อนในจินตนาการ
                                  • ชอบเล่นกับเพื่อน ๆ มากกว่าเล่นคนเดียว และเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กคนอื่น ๆ
                                  • พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ตนชอบ และสนใจ
                                  • อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น
                                  • แสดงความต่อต้านหากถูกคาดหวังให้ทำสิ่งใดมากเกินไป
                                  • อารมณ์เสีย; อารมณ์แปรปรวนเป็นเรื่องปกติในกลุ่มอายุนี้

                                  ความผิดปกติทางพัฒนาการ

                                  หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการล่าช้ากว่าที่ควร หรือคาดว่าเด็กอาจมีความผิดปกติใด ๆ ที่แสดงให้เห็นทางพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเล่น การเรียนรู้ การพูด การกระทำ และการเคลื่อนไหวร่างกาย ควรพาเด็กไปให้แพทย์ตรวจ และรับคำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขแต่เนิ่น ๆ เช่น เด็กบางคนที่มีปัญหาในการสื่อสารอาจรู้สึกหงุดหงิด โกรธ และก้าวร้าวได้เนื่องจากไม่สามารถถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกของตนได้อย่างชัดเจน การได้รับการแก้ไขแต่เนิ่น ๆ ทำให้ลูกกลับมาใช้ชีวิตที่ปกติได้ ลองสังเกตพฤติกรรมลูกในวัย 4 ขวบ ว่ามีปัญหาดังต่อไปนี้หรือไม่

                                  • กระโดดอยู่กับที่ไม่ได้
                                  • มีปัญหาในการขีดเขียนหรือวาดรูป
                                  • ไม่แสดงความสนใจเมื่อเล่นเกมที่ต้องมีการโต้ตอบหรือเมื่อเล่นบทบาทสมมติ
                                  • เมินเฉยต่อเด็กคนอื่น ๆ และไม่โต้ตอบกับคนภายนอกครอบครัว
                                  • ไม่ยอมให้แต่งตัว ไม่ยอมนอน และไม่ยอมฝึกใช้ห้องน้ำ
                                  • บอกเล่าเรื่องราวที่ตนชอบให้ผู้อื่นฟังซ้ำอีกครั้งไม่ได้
                                  • ทำตามคำบอก 3 ขั้นตอนไม่ได้
                                  • ใช้คำแทนตนเองและผู้อื่นไม่ถูกต้องหรือสลับกัน
                                  • พูดไม่ชัด
                                  • ไม่เข้าใจความเหมือนและความต่างระหว่างสิ่งของ 2 ชนิด
                                  • สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

                                  เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ อย่างไรดี??

                                  เด็กในวัยนี้ เป็นช่วงวัยที่มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่รวดเร็ว การที่พ่อแม่ช่วย เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มทักษะด้านที่จำเป็นต่าง ๆ แก่ลูก ป้องกันการเกิดปัญหาทางพัฒนาการแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่ และลูกได้อีกด้วย เห็นข้อดีอย่างนี้แล้วเรามาดูกันว่า กิจกรรมที่ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็ก 4 ขวบ มีกิจกรรมใดน่าสนใจบ้าง

                                  ชื่นชม ชมเชย เพื่อสร้างความมั่นใจในตนเองของลูก
                                  ชื่นชม ชมเชย เพื่อสร้างความมั่นใจในตนเองของลูก

                                  1.ไปสวนสัตว์ : หยิบการ์ตูนออกมาสู่โลกจริง เสริมสร้างการรับรู้

                                  การ เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ ด้วยการพาออกไปดูโลกกว้าง เช่น สวนสัตว์ เป็นที่ที่เด็กให้ความสนใจมาก เด็กจะตื่นเต้นกับการได้เห็นเหล่าบรรดาสัตว์ประเภทต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างจากตัวเอง และเขาจะมีความผูกพันกับสัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้จากตัวการ์ตูน หรือในนิทานที่มักใช้คาแร็กเตอร์สัตว์ มาเป็นตัวนำเล่าเรื่อง ดังนั้นการที่ลูกได้เห็นตัวจริงที่มีรายละเอียดไม่เหมือนในตัวละครเหล่านั้น ก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกในเรื่องของการแยกแยะความเป็นจริง กับบทบาทสมมติได้

                                  2.กิจกรรมปั้นแป้งโดว์: เติมแต่งจินตนาการ ผสานความเป็นจริง

                                  ในวันว่างๆ คุณแม่ควรชวนลูกมาทำแป้งโดว์ ปั้นแป้งตามจินตนาการ ตามความสนใจ ความชอบ ก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนุก เพลิดเพลินไม่น้อย นอกจากจะเสริมสร้างจินตนาการแล้ว กิจกรรมนี้ยังไม่ช่วยให้ลูกได้พัฒนากล้ามเนื้อมือ ได้ฝึกสมาธิ และฝึกทักษะการประสานสายตา และมือด้วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงหากกลัวว่าเราจะเล่นไม่เป็น รับรองว่ากิจกรรมนี้คุณลูกคงได้พาเราท่องจินตนาการที่เขาได้สร้างไว้ ให้เราได้ประหลาดใจกันอย่างแน่นอน และพ่อแม่สามารถใช้ช่วงเวลาอันดีนี้อธิบายถึงความรู้ หลักการเล่นร่วมกัน ไปพร้อม ๆ กับลูกได้อย่างไม่น่าเบื่ออีกด้วย

                                  3.ต่อบล็อกแสนสนุก : ฝึกวางแผน และจัดการปัญหา

                                  ตัวต่อ บล็อกไม้ เลโก้ บล็อกตัวเลข หรืออักษร ของเล่นต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นของเล่นปลายเปิดที่ดี ช่วยให้ลูกสามารถเล่นได้หลากหลายตามจินตนาการของเขา อีกทั้งยังช่วยฝึกการวางแผนให้แก่ลูก พร้อมทั้งจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นอุปสรรคได้อีกด้วย โดยการที่ลูกจะต่อบล็อกให้สูง หรือเรียงบล็อกตัวเลข อักษร หรือสีต่าง ๆ ตามที่ได้วางกฎไว้ ทำให้เขาได้ฝึกคิดวางแผนว่าจะวางอันไหนก่อนหลัง และหากเกิดความผิดพลาดจะต้องแก้ปัญหาจากจุดไหน ถึงจะสามารถทำได้สำเร็จ นอกจากจะทำให้เด็ก ๆ ได้รับความสนุกแล้วยังช่วยให้ลูกได้รู้จักตัวเลขการเรียงลำดับของตัวเลข และหมวดสีต่าง ๆ จากตัวบล็อกได้อีกด้วย

                                  4.มาออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อกัน …เอ้าฮึบ ๆ ๆ 

                                  เด็ก 4 ขวบเป็นวัยที่โตพอสมควรที่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้แล้ว คุณแม่ควร เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ ด้วยการหากิจกรรมเสริมพัฒนาการทางร่างกาย ที่ช่วยให้ลูกมีกล้ามเนื้อ และร่างกายที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานออกกำลังกาย การเล่นเตะฟุตบอล หรือการเล่นบาสเกตบอล นอกจากจะช่วยให้ลูกมีกล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแรงแล้วยังช่วยเสริมทักษะทางด้านกีฬาให้กับลูก ๆ ได้อีกด้วย

                                  เกมค้นหา แยกจัดกลุ่ม เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ
                                  เกมค้นหา แยกจัดกลุ่ม เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ

                                  5.เล่นเกมกันเถอะ

                                  การเล่น เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเด็กอยู่แล้ว เรียกได้ว่าการเล่นเป็นหน้าที่สำคัญสำหรับเด็ก เพราะเป็นการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน กิจกรรมที่เราแนะนำมาเล่นกับลูกในวัย 4 ขวบ เป็นกิจกรรมการเล่นจากข้าวของเครื่องใช้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปซื้อหาของเล่นราคาแพง เช่น

                                  • กิจกรรมเล่นเกมตักน้ำ เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถพาลูกๆ มาเล่นคลายร้อนโดยการหาถังหรือกระป๋องพลาสติกขนาดที่ต่างกันมาสัก 2 – 3 ใบ และหาที่ตักน้ำขนาดเล็กมาให้เด็กๆ ได้แข่งกันเล่นเกมตักน้ำใส่ถังพลาสติก ใครเต็มก่อนก็เป็นผู้ชนะไป กิจกรรมนี้รับรองได้ว่าลูกๆ จะได้รับความสนุกสนานมากและยังเป็นการเสริมพัฒนาการ กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกได้ดีทีเดียว
                                  • กิจกรรมเล่นรับส่งบอล หาลูกบอลยางเป่าลมที่น้ำหนักไม่มากพอที่เด็ก ๆ สามารถถือด้วยสองมือได้ โดยคุณแม่ควรเริ่มเล่นเกมจากการรับส่งบอลแบบธรรมดา และค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการรับส่งแบบให้ลูกบอลกระดอนลงพื้น หรือจะหาตะกร้ามาแข่งกันโยนลงในตะกร้าในระยะใกล้ไกล กิจกรรมนี้จะช่วยเพิ่มทักษะให้ลูกได้หลายอย่าง เช่น การใช้กล้ามเนื้อ การกะระยะใกล้ไกล การกำหนดจังหวะ และยังเป็นการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

                                  6.กิจกรรมต่อจิ๊กซอว์ 

                                  จิ๊กซอว์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านสมอง และกล้ามเนื้อมือให้กับเด็กวัย 4 ขวบได้เป็นอย่างดี การต่อจิ๊กซอว์จะช่วยให้เด็กๆ ได้ใช้ทักษะความคิด การวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปัญหา และยังเป็นการฝึกสมาธิได้ดี โดยเลือกจิ๊กซอว์ขนาดที่เหมาะสมกับเด็กวัยนี้ เริ่มจากจำนวนไม่มากเสียก่อน และเลือกลายที่ลูก ๆ ชื่นชอบ ก็จะเป็นการช่วยให้ดึงดูดลูกมาทำกิจกรรมได้เป็นอย่างดี

                                  7.อ่านหนังสือนิทานของชอบของเด็กทุกวัย

                                  การอ่านนิทานให้ลูกฟัง คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกเวลาที่สะดวก เช่น ก่อนเข้านอน ตอนเย็นหลังรับประทานอาหาร เป็นต้น ขึ้นอยู่กับเวลาที่เราว่าง และไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือต้องรีบเล่า การอ่านนิทานนอกจากจะเสริมสร้างจินตนาการของลูก ยังให้เขาได้เรียนรู้ข้อคิดต่าง ๆ หรือแบบแผนคุณธรรมใด ๆ ที่เราต้องการใส่ให้รู้ได้เรียนรู้ผ่านตัวละครแล้ว ยังช่วยในด้านการใช้ภาษาของลูกได้อีกด้วยจากการฟัง การอ่าน โดยเราอาจให้ลูกร่วมด้วยช่วยอ่านนิทานบ้างในบางครั้ง เขาจะจำคำศัพท์ต่าง ๆ ในหนังสือได้ พอถึงเวลาที่เขาพร้อมด้านภาษา ลูกจะสามารถอ่าน และสะกดคำได้

                                  เคล็ดลับการเสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ

                                  สิ่งสำคัญที่ลูกของคุณต้องการจากการเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ คือ ความสนุกสนาน เคล็ดลับสำคัญ คือ อย่าเปลี่ยนการเล่นเป็น ‘บทเรียน’ พยายามจัดสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจ และควรมีเวลาเล่นเพียงพอ ให้ความใส่ใจอย่างจริงใจในการเล่น หรือทำกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ดังนี้

                                  อ่านหนังสือให้ลูกฟัง กิจกรรม เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ
                                  อ่านหนังสือให้ลูกฟัง กิจกรรม เสริมพัฒนาการเด็ก 4 ขวบ
                                  • พูดคุยกับลูกของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำ และที่พวกเขาเคยไป พวกเขาทำอะไรและเห็นอะไร? ฟังด้วยความสนใจเมื่อพวกเขาคุยกับคุณ และเข้าร่วมการสนทนา
                                  • เวลาอ่านหนังสือ หรือนิทานให้ลูกฟัง สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพ และปล่อยให้พวกเขาจินตนาการ และเล่าเรื่องราว
                                  • หากไม่มีนิทาน การเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งยังเป็นเด็กของพ่อแม่ ก็เป็นสิ่งที่ลูกสนใจไม่น้อย
                                  • เด็กวัย 4 ถึง 5 ขวบกำลังเรียนรู้ที่จะแยกแยะสิ่งของออกเป็นกลุ่ม เล่นเกมการคัดแยก จัดเรียงปุ่มตามรูปร่างและสี เล่นแยกบล็อกรูปสัตว์ก็จะได้รับความสนใจจากเด็กวัยนี้
                                  • ให้โอกาสพวกเขาเรียนรู้ที่จะทำอะไรเอง แม้จะผาดโผนไปบ้าง เช่น ขี่สามล้อ หรือจักรยานที่มีล้อฝึก
                                  • หาเวลาสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินเล่นในสวนสาธารณะ เล่นบอล หรือเยี่ยมชมสนามเด็กเล่น
                                  • เตรียมอุปกรณ์สำหรับการวาดภาพ และเครื่องเขียนต่าง ๆ แก่ลูก เมื่อถึงเวลาที่เขาจะขีดเขียนจะได้ไม่สะดุดเพราะขาดอุปกรณ์
                                  • ชม และให้กำลังใจพวกเขาเมื่อพวกเขาเล่นกับผู้อื่นได้ดี และช่วยให้ลูกคิดว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไร เมื่อเขาเกิดปัญหา
                                  ข้อมูลอ้างอิงจาก www.choc.org/www.pobpad.com

                                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                  8 ของเล่น เด็ก 4 ขวบ ฝึกสมอง สร้างสมาธิ เสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยวัยอนุบาลโดยเฉพาะ!

                                  เล่นกับลูกไม่เป็น เราช่วยได้กับกิจกรรมเล่นดีสมวัยสร้างสรรค์

                                  ฝึกลูกนั่งคาร์ซีท ทำอย่างไร? ให้ลูกแฮปปี้..ดี๊ดีตลอดทริป

                                  ลูกชอบตีหน้าแม่ โตขึ้นจะก้าวร้าวไหมร่วมไขความลับเจ้าตัวเล็ก

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด

                                    แม่กรเล่า ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด กว่าคลอดได้ เจอครบทุกภาวะเสี่ยง!

                                    ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด !! จากผลของการทำ ICSI ที่คุณหมอ เลี้ยงตัวอ่อนให้รอดอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเหลือเพียงแค่ 2 ตัว ทางแม่กร และพ่อเป้ จึงได้ตัดสินใจ ใส่ตัว 2 ตัวเลย เผื่อหลุด 1 ตัว ก็ยังเหลืออีก 1 ตัว หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็หันพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มูกันทุกที่ที่เค้าว่าได้ผลค่ะ และผลปรากฎว่า…

                                    คุณกรได้แฝดแท้รกเดียวกันถุงเดียวกันนะครับ เป็นแฝดประเภทที่มีความเสี่ยงเยอะที่สุด จะต้องดูแลใกล้ชิดหน่อย”

                                    สิ้นเสียงคุณหมอ กรรู้สึกทั้งดีใจ กังวล และมีคำถามเต็มหัวไปหมด เพราะกรไม่มีความรู้เกี่ยวกับการท้องแฝดเลยค่ะ
                                    กรค่อยๆ ถามคุณหมอทีละข้อ อันดับแรก คือ

                                    • แฝดแท้ประเภทรกเดียวกันถุงเดียวกัน เปรียบเสมือนคน 2 คนอยู่บ้านเดียวกัน ได้อาหารจากที่เดียวกัน เพราะฉะนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแย่งอาหารและถ่ายเลือดกัน ซึ่งภาวะนี้เป็นภาวะที่ป้องกันหรือควบคุมไม่ได้ค่ะ
                                    • หากเกิดภาวะนี้อาจจะทำให้ทารกที่โดนแย่งอาหารหรือถ่ายเลือดไปเสียชีวิตในครรภ์ได้ จึงจะต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด

                                    หากคุณหมอตรวจเจอ จะสามารถรักษาได้ด้วยวิธีเลเซอร์ค่ะ

                                    • ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์แฝด ในช่วงไตรมาสแรก คุณหมอแนะนำให้กรเดินน้อยๆ นอนให้มาก อย่ายกของหนักหรือขึ้นลงบันไดวันละหลายๆรอบ
                                    • และถ้าอยากจะออกกำลังกายให้ปรึกษาคุณหมอหลังพ้นไตรมาสแรกไปแล้วอีกทีว่าสามารถออกกำลังกายประเภทไหนได้บ้าง หนักเบาได้มากแค่ไหน

                                    แม่กรเล่า ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด วิธีดูแลแม่ตั้งครรภ์ลูกแฝด

                                    กรปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีตามคาด จนสัปดาห์ที่14 กรไปหาคุณหมอตามนัดเพื่ออัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเจ้าแฝด และเตรียมตัวไปปรึกษาคุณหมอเรื่องการออกกำลังกายค่ะ

                                    ผลออกมาคือเจ้าแฝดโตดีมากก แข็งแรงดิ้นกันดุ้กดิ้กๆ แต่คุณหมอตรวจเจอภาวะปากมดลูกสั้นค่ะ คุณหมอบอกว่าเราเจอภาวะนี้ไวมาก อายุครรภ์ยังน้อยปากมดลูกไม่ควรสั้นขนาดนี้ และที่สำคัญคือ ไม่มีอาการอะไรบ่งชี้เลยค่ะ

                                    ทำให้การออกกำลังกายที่กรตั้งใจจะมาปรึกษาคุณหมอต้องพับเก็บไว้ยาวๆเลย คุณหมอสั่งให้กร bed rest เองที่บ้าน เดินให้น้อยที่สุด อนุญาตให้ขึ้นลงบันไดได้วันละ 1 รอบ และถ้าจะออกข้างนอกให้กรนั่งวีลแชร์เท่านั้น ก่อนกลับบ้านโดนฉีดยากันแท้งต่อ ทั้งที่วางแผนกันว่าจะหยุดฉีดแล้ว พร้อมกับได้รับยาคลายมดลูกกับยาที่ช่วยเรื่องปากมดลูกสั้นด้วยค่ะ

                                    พอกลับมาถึงบ้านพี่เป้ตัดสินใจว่าเราจะนอนข้างล่างกันแบบ 100% ใช้เป็น sofa bed เลย กรจะได้ไม่ต้องขึ้นบันได ปลอดภัยที่สุด แต่!!!ข้างล่างไม่มีที่อาบน้ำค่ะ ห้องน้ำข้างล่างเป็นแบบ Powder room คือจะไม่มีที่อาบน้ำ กรเลยต้องมาอาบน้ำหน้าบ้านแทน นึกภาพตามว่ากรนั่งเก้าอี้ผู้สูงอายุ หลบอยู่หลังรถแล้วใช้สายยางหน้าบ้านอาบน้ำค่ะ มีพี่เป้เป็นผู้ช่วยถือสายยางให้ กรจะอาบน้ำประมาณตี 1 กว่า เพราะบ้านอื่นหลับแล้ว มีบางครั้ง Rider ขับมาส่งอาหารบ้านแถวนั้นก็จะตกใจนิดหน่อยค่ะ55555

                                    แต่ถึงจะทำขนาดนี้แล้วก็ยังไม่สามารถทำให้ภาวะปากมดลูกสั้นหายไปได้ค่ะ มีแต่คงที่กับสั้นลง ไม่มีสัปดาห์ไหนที่ตรวจแล้วคุณหมอแจ้งว่าวีคนี้ปากมดลูกยาวขึ้นเลย และการนอน bed rest แบบนี้ก็ส่งผลให้ร่างกายกรไม่แข็งแรง เพราะกล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งาน แขนขาลีบ เหนื่อยง่ายมากๆ บวกกับแพ้ท้องหนักตั้งแต่วีคที่ 6 มายันคลอดเลยค่ะ

                                    ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด กับ ภาวะปากมดลูกสั้น

                                    เดินทางมาถึงวีคที่ 19 ท่าทางแนวโน้มปากมดลูกดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ ทั้งสั้นและไม่ stable คือเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด เรียกได้ว่ามีโอกาสจะคลอดได้ทุกเมื่อ แถมกรยังมีอาการท้องแข็งอีกด้วย ทั้งๆ ที่อายุครรภ์ยังไม่ถึง 5 เดือนดีเลย คุณหมอบอกกรว่าถ้าคลอดตอนอายุครรภ์ไม่ถึง 24 สัปดาห์ โอกาสที่ทารกจะรอดชีวิตมีน้อยมาก เราอาจจะเรียกว่าภาวะแท้งได้เลย เราต้องทำยังไงก็ได้ให้ยื้อกันจนถึง 24 สัปดาห์

                                    ใช่ค่ะ ณ วันนั้นเราหวังแค่ให้ถึงวีคที่ 24 เท่านั้น แปลว่ายังไงกรก็คลอดก่อนกำหนดแน่นอน อยู่ที่ว่าจะคลอดเมื่อไหร่ เรานับถอยหลังกันทุกสัปดาห์ที่มาเจอคุณหมอว่าอีกฮึบเดียวนะ ภาวนาให้พ้น 24 วีค อย่างน้อยลูกยังมีโอกาสที่จะรอดชีวิต… จนวีคที่ 23 คุณหมอตัดสินใจฉีดยากระตุ้นปอดให้ค่ะ เผื่อว่ากรจะต้องคลอดเร็วๆนี้ ตัวยานี้จะช่วยให้ปอดเเจ้าแฝดทำงานได้ดีขึ้น แต่ละวีคผ่านไปด้วยความงงปนดีใจค่ะ ยิ่งยื้อให้อายุครรภ์เยอะมากแค่ไหน ลูกก็จะออกมาแข็งแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ แม้แต่ 1 วัน ก็ถือเป็นกำไร

                                    เข้าสัปดาห์ที่ 28 ของการตั้งครรภ์แฝด คุณหมอขอฉีดยากระตุ้นปอดอีกโดสเพื่อความชัวร์ค่ะ หลังจากนั้นก็ให้กรตรวจเบาหวานด้วยการกลืนน้ำตาล ณ ตอนนั้นกรมั่นใจมากว่ายังไงก็ผ่าน เพราะกรแทบจะทานอะไรไม่ได้เลย อาเจียนหมด แพ้ท้องขนาดนี้จะไปเป็นเบาหวานได้ยังไง!! แต่แล้วผลก็ออกมาว่า ไม่ผ่านค่ะ

                                    แถมเจอ ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อีก!!

                                    กรเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากฮอโมนของครรภ์แฝดค่ะ คราวนี้โดนคุณหมอสั่งคุมอาหารอีก จากที่ทานไม่ค่อยได้ก็ยังจะโดนจำกัดเรื่องอาหารเพิ่ม กรเครียดจนร้องไห้หลายรอบเลยค่ะ รู้สึกว่าการตั้งครรภ์นี้มันทรมานเหลือเกิน ทุกๆ วันผ่านไปด้วยความยากลำบาก 1 วันของกรมันนานมากๆ แถมยังต้องมากังวลอีกว่าลูกจะปลอดภัยไหม วันๆ เอาแต่นั่งฟังเสียงหัวใจลูก ยิ่งช่วงไหนลูกดิ้นน้อยยิ่งฟังถี่เลยค่ะ ส่วนเรื่องยาคลายมดลูก ตัวยานี้จะส่งผลให้ใจสั่นมาก เหนื่อย นอนไม่หลับ แต่ก็ต้องทานเพื่อให้ลูกอยู่ในท้องให้นานที่สุดค่ะ

                                    วีคที่ 30 กรเริ่มมีอาการขาบวมมากๆ กดแล้วบุ๋มไปเลยค่ะ บวมแบบใส่รองเท้าตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่ต้นขาลงไปถึงเท้าบวมจนตึงไปหมดแต่วัดความดันแล้วไม่สูงเลยตัดเรื่องครรภ์เป็นพิษออกไปค่ะ มาถึงวีคที่ 31 เวลาประมาณตี 1 ครึ่ง กรรู้สึกว่าท้องแข็งถี่กว่าปกติและมีอาการปวดท้องเหมือนอยากจะถ่ายค่ะ

                                    กรปวดร้าวลงก้น ไปเข้าห้องน้ำก็ไม่มีอะไร แล้วท้องก็แข็งถี่ขึ้นเรื่อยๆ กรเริ่มไม่สบายใจเลยโทรเข้าโรงพยาบาลเล่าอาการให้พยาบาลแผนกห้องคลอดฟัง พยาบาลแจ้งว่าให้กรรีบมาที่โรงพยาบาลก่อนค่ะ อาการคล้ายคนใกล้คลอด พอไปถึงก็โดนแอดมิดที่ห้องรอคลอดเลยค่ะ เช็คด้วยเครื่องวัดท้องแข็งก็เจอว่าท้องแข็งถี่จริง เลยเริ่มให้ยาระงับคลอดทางสายน้ำเกลือ กรโดนเจาะเลือดไปตรวจด้วย เจอว่ามีโปรตีนรั่ว โพแทสเซียมและเกลือแร่ต่ำ ค่าเบาหวานสูง และมีภาวะซีด

                                    กรโดนเจาะปลายนิ้วก่อน-หลังอาหารทุกมื้อ รวมไปถึงโดนฉีดอินซูลิน เพราะต้องรีบคุมค่าน้ำตาลให้ปกติก่อนจะคลอด ไม่งั้นจะอันตรายค่ะ มียาให้ทานที่ช่วยเรื่องโพแทสเซียม เป็นยาน้ำขวดเล็กๆ รสชาติแย่มากกกก ทานยากมากกกกก ทานไปน้ำตาก็จะไหล

                                    มีแต่คำถามว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย คุณหมอสั่งเพิ่มปริมาณยาระงับคลอดขึ้นทุกครั้งที่เครื่องวัดท้องแข็งแจ้งผลว่าท้องแข็งรุนแรงและถี่ขึ้น ส่งผลหัวใจกรเต้นเร็วกว่า 120 ตลอดเวลา กรเหนื่อยมากทั้งๆที่นอนนิ่งๆ บางทีต้องให้ออกซิเจนช่วยในช่วงที่เหนื่อยมากเกินไป เนื้อตัวเจ็บไปหมดเลยค่ะ แค่กระพริบตาก็เจ็บไปทั้งหน้า ไม่อยากจะขยับตัวอะไรทั้งนั้น

                                    แอดมิดในห้องรอคลอดไป 3 วัน คุณหมอขอดูน้ำหนักของกร เลยให้พี่พยาบาลยกเครื่องชั่งน้ำหนักมาให้ชั่งข้างเตียง นับว่าเป็นครั้งแรกที่กรได้ลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่แอดมิดมา ก่อนหน้านี้คือทำทุกอย่างบนเตียงหมดเลยค่ะ ผลปรากฏว่าน้ำหนักกรขึ้นมา 7 กิโลภายใน 3 วัน!!

                                    น้ำเกลือที่ให้ไป น้ำที่ดื่มไปกรแทบไม่ได้ปัสสาวะออกมาเลย พยาบาลเลยมาเปิดเสื้อผ้าดู ปรากฏว่าหลังกรบวมขึ้นมาเหมือนเต่า ในนั้นมีแต่น้ำเยอะมากๆ ขาก็บวมกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลยค่ะ เป็นผลมาจากโพแทสเซียมต่ำและโปรตีนรั่ว หลังจากนั้นกรโดนบังคับทานไข่ต้ม (แค่ไข่ขาว) วันละ 9 ฟอง แบบไม่ให้ใส่เกลือและซีอิ๊วเพราะกลัวร่างกายจะบวมมากไปกว่านี้ แต่พอตรวจเลือดออกมาผลก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ไม่มีอะไรดีขึ้น

                                    จนถึงวันที่คุณหมอไม่สามารถเพิ่มปริมาณยาระงับคลอดได้แล้ว ร่างกายกรรับไม่ไหวแล้วค่ะ น่วมไปทั้งตัว เจ็บไปหมด กรแทบจะไม่มีแรงพูดแล้วด้วยซ้ำ สุดท้ายคุณหมอและพี่เป้ตัดสินใจร่วมกันว่าจะให้กรคลอดในเช้าวันรุ่งขึ้นคืออายุครรภ์ครบ32 วีคพอดีค่ะ เรายื้อกันได้แค่นี้จริงๆ คุณหมอเลยขอฉีดยากระตุ้นปอดอีก 1 โดสก่อนคลอด และคุณหมอจองห้อง ICU กับเตรียมเลือดเอาไว้ให้ค่ะ เพราะกรมีภาวะซีด บวกกับยาระงับคลอดมีโอกาสทำให้กรตกเลือดได้ คุณหมอเลยเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมก่อนเพื่อให้กรและเจ้าแฝดความปลอดภัยที่สุดค่ะประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด

                                    ประสบการณ์ตั้งครรภ์แฝด เตรียมคลอดลูกแฝดแล้วววว

                                    เช้าวันคลอดทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก กรถูกเข็นไปที่ห้องคลอดโดยที่ทุกคนต้องรออยู่ข้างนอกเนื่องจากสถานการณ์โควิดค่ะ กรทั้งกังวล เครียดและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน ตอนบล้อกหลังไม่ทันได้รู้สึกเจ็บก็ชาซะแล้ว ผ่านไปไม่ถึง10นาทีก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเหมือนนก พี่มิวสิคออกมาแล้วค่ะ!! ผ่านไปอีกไม่กี่10วินาทีก็ได้ยินเสียงกรี๊ดอีกครั้ง พี่ลีริคส์มาแล้วค่าา เร็วมากกกก

                                    ตอนนั้นกรคิดในใจว่าลูกต้องตัวเล็กจิ๋วเดียวแน่เลยหมอถึงทำคลอดได้ง่ายและเร็วขนาดนี้ ใจแป้วสุดๆ กรไม่มีฟีลที่คลอดแล้วคุณหมออุ้มน้องมาถ่ายรูป น้ำตาไหล ซึ้งใจอะไรใดๆ เหมือนคนอื่นเลยค่ะ สิ่งที่กรเห็นคือเด็กตัวแดงๆ ถูกยกแล้ววิ่งผ่านตากรไปแบบไวมาก มองอะไรไม่ทันเลยค่ะ แต่คำแรกที่คุณหมอพูดคือ อยู่ไปได้ยังไงเนี่ย!? น้องตัวยาวมากครับคุณแม่!! แล้วคุณหมอวิสัญญีที่จับมือให้กำลังกรไว้ก็มากระซิบว่าน้องกรี๊ดเสียงดีทั้งคู่แบบนี้โอกาสที่ปอดจะทำงานได้เองสูงเลยนะคะ เผลอๆอาจจะหายใจเองได้ด้วย ตอนนั้นกรเผลอยิ้มและถอนหายใจออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ อย่างน้อยแนวโน้มก็มาดีเนอะ หลังจากนนั้นกรก็หลับไปเพราะกรเริ่มหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกและเสียเลือดเยอะคุณหมอเลยให้ยาให้หลับก่อนค่ะ

                                    กรขอเป็นกำลังใจให้แม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนเยอะหรือมีภาวะคลอดก่อนกำหนดนะคะ เราจะผ่านไปด้วยกัน ความแกร่งของเราจะส่งต่อไปที่ลูกผู้เป็นนักสู้ตู้อบค่ะ✌❤

                                    2 ขีดจางๆ ท้องมั๊ย? กว่าจะเป็น “แม่” … ไม่ง่ายกว่าที่คิด!!! [แม่กร – ษิภูตา เดชสังวรณ์]

                                    แม่กรเล่าละเอียดยิบ “ขั้นตอน ทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI)” ทั้งการแพทย์ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาครบ!