Page 99 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ของดีแม่ต้องมีติดบ้าน Mama Tales ออยล์ หอมแดงแก้หวัด เอาอยู่

โรคหวัดเป็นเรื่องอาการป่วยที่เกิดขึ้นบ่อยกับลูกน้อย วันไหนอากาศเปลี่ยน หรือฝนตกพรำๆ ก็ทำให้ลูกรู้สึกคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือจามได้ง่าย ๆ ซึ่งมักทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หายใจลำบาก นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อยและร้องงอแง สูตรดูแลอาการหวัดที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ คือการใช้ หอมแดงแก้หวัด ด้วยใส่น้ำอุ่นสำหรับอาบ หรือทุบวางไว้ใต้หมอน เพื่อช่วยให้ลูกหายใจโล่งขึ้น

แต่วิธีนี้อาจยุ่งยากและใช้เวลาสักห่อย จะดีกว่าไหมหากคุณแม่มีผลิตภัณฑ์จาก หอมแดงแก้หวัด ช่วยให้ลูกอาการดีขึ้น และค่อยๆ หายจากหวัดแบบไม่ต้องพึ่งยา ทีม บ.ก. Amarin Baby & Kids ขอแนะนำตัวช่วยที่ใช้ผลดีไม่แพ้หอมแดงสด ๆ ด้วย มาม่า เทลส์ เฟอร์เฟ็ค ออยล์ (Mama Tales Perfect Oil) ที่มาในรูปแบบน้ำมันบริสุทธิ์ สกัดจากหอมแดงด้วยกระบวนการออร์แกนิค  ที่ใช้สารสกัดธรรมชาติแบบออร์แกนิค จึงปลอดภัยและอ่อนโยนกับลูกแน่นอนค่ะ

หอมแดงแก้หวัด

Amarin Baby & Kids ยกให้ Mama Tales หอมแดงแก้หวัด เป็นผลิตภัณฑ์บรรเทาหวัดสำหรับเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Natural Cold Remedies Product for Kids จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ออยล์ของ  Mama Tales สามารถใช้ได้หลายรูปแบบทั้งการหยดออยล์ 2 – 3 หยด ลงในน้ำอุ่น 1 ลิตรแล้วใช้อาบน้ำ เพื่อให้ลูกได้สูดเอาไออุ่นๆจากอโรม่าของหอมแดง ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น หรือคุณแม่จะหยดลงบนฝ่ามือก่อน แล้วค่อยทางบริเวณคอและลำตัวลูก และอีกวิธีง่าย ๆ คือหยดผลิตภัณฑ์ 1-2 หยดที่หมอนหรือเสื้อผ้าของลูกก็ได้เช่นกัน เห็นขวดเล็ก ๆ แบบนี้ คุณแม่ใช้ได้นานเป็นเดือนเลยค่ะ ออยล์เป็นน้ำใสๆ ไร้สี จึงไม่ทิ้งรอยเปื้อนใดๆ

หอมแดงแก้หวัด

สำหรับคุณแม่ที่กลัวว่ากลิ่นหอมแดงจะฉุนเกินไป บอกเลยว่าผิดคาดค่ะ เพราะ Mama Tales   สกัดเอาเฉพาะสารอัลลิลิกไดซัลไฟล์ ซึ่งมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการคัดจมูกมาใช้เท่านั้น ผ่านการรับรอง Ecocert จากประเทศฝรั่งเศส และ USDA Organic จากสหรัฐอเมริกา ปลอดภัยจากการบูร เมนทอล จึงไม่มีกลิ่นฉุนที่จะทำให้ลูกน้อยระคายเคือง  ลูกน้อยอายุ 6 เดือนขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว รวมถึงทุกคนในครอบครัว หรือผู้ที่เป็นเป็น G6PD (โรคพร่องเอนไซม์ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก) ยังสามารถใช้ได้

หอมแดงแก้หวัด

 

นอกจากสารสกัดจากหอมแดงแล้ว ก็ยังส่วนผสมของใบชะพลูของไทย และสารสกัดจากใบชิโสะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มาช่วยเสริมทัพมีบรรเทาอาการหวัด คัดจมูกให้หายใจโล่ง สบายมากขึ้น เติมสารสกัดลาเวนเดอร์จากยุโรปที่ช่วยให้ลูกน้อยผ่อนคลายหลับสบายไม่งอแงตลอดทั้งคืน สะดวกแบบนี้ต้องมีติดบ้านแล้วจริงไหมคะ

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ผลิตภัณฑ์บรรเทาหวัดสำหรับเด็ก Mama Tales ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา Best Natural Cold Remedies Product for Kids จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

Mama Tales Perfect Oil มีหลายขนาดให้เลือก ทั้งแบบขวดสำหรับมีไว้ประจำบ้าน และแบบขวดหัวลูกกลิ้งแบบพกพาใช้ได้สะดวก สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.mamatalesbaby.com เฟสบุ๊ก www.facebook.com/mamatales.official/

 

ติดตามอ่านบทความอื่น

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Merries

ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ที่แม่ยุคใหม่เลือก ไม่ใช่แค่ใส่สบาย แต่ต้องช่วยซัพพอร์ตพัฒนาการลูกได้ดี

ของใช้ลูกอะไรที่คนเป็นแม่ต้องซื้อเป็นอันดับแรก ๆ จากประสบการณ์ที่เคยเดินอุ้ยอ้ายตอนท้องใกล้คลอด บวกกับซาวด์เสียงมาจากเพื่อนคุณแม่ด้วยกัน เห็นตรงกันว่า “ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป” จริง ๆ ไม่น่ามีอะไรมากกับผ้าอ้อมเด็ก แต่ถ้าลองเปิดลิสต์ผ้าอ้อมดูในท้องตลอดตอนนี้ มีเป็น 10 แบรนด์  แล้วจะเลือกใช้ยี่ห้อไหน คุณสมบัติผ้าอ้อมแบบไหน ลูกใส่แล้วแฮปปี้ แม่เสียตังค์แล้วคุ้มค่า ?

ผ้าอ้อมเด็ก ถ้าซื้อมาใช้แล้วไม่ถูกจริตกับผิวลูก แพ้ เกิดผื่นผ้าอ้อม นั่งกุมขมับกันเลยนะคะ!! เพราะนอกจากจะเสียเงินกับผ้าอ้อมแล้ว ยังต้องจ่ายค่ายารักษาผิวที่แพ้ของลูกอีก คุณพ่อคุณแม่จำไว้เลยค่ะว่า หากจะซื้อผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป อย่ามองแค่เรื่องราคาถูก หรือแพง แต่ให้ดูที่คุณภาพของผ้าอ้อมเป็นสำคัญ และผ้าอ้อมเด็กที่ดี ต้องช่วยซัพพอร์ตพัฒนาการตามช่วงวัยของลูกด้วย และนี่คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทีมแม่ ABK อยากแชร์ให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้รู้ก่อนเลือกซื้อ ใช้ผ้าอ้อมเด็กสำร็จรูป ขอให้มี 3 ข้อนี้เป็นตัวตั้ง รับรองว่าจะได้ผ้าอ้อมเด็กที่ถูกใจแม่ ลูกใช้แล้วชอบ

Merries เมอร์รี่ส์

 

1. ผ้าอ้อมต้องมีผิวสัมผัสนุ่มพิเศษ และเป็นมิตรกับผิวลูก อย่างที่บอกไปค่ะว่าผิวเด็กทารก เด็กเล็ก ๆ ลักษณะผิวจะมีความบอบบาง และไวต่อการระคายเคืองได้ง่ายมาก ฉะนั้นผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ต้องเลือกที่มีผิวสัมผัสนุ่มมาก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคือง คัน แพ้ เกิดผื่นผ้าอ้อมกับผิวลูกค่ะ

Merries เมอร์รี่ส์

2. ผ้าอ้อมต้องมีระบบการซึมซับได้ดีเยี่ยม ปกติการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกระหว่างวันจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ ซึ่งระหว่างนี้ปัสสาวะที่ลงสู่ผ้าอ้อมมากกว่า 2-3 ครั้ง จะต้องซึมซับลงผ้าอ้อมแห้งทันที ให้สังเกตถ้าลูกร้องไห้ งอแง ทั้งที่กินนมอิ่มแล้ว อาจมาจากความไม่สบายตัว รู้สึกเปียกแฉะจากผ้าอ้อม และถ้าลูกมีอุจจาระออกมา คุณแม่ต้องรีบเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ทันทีนะคะ เพื่อความสะอาดและการมีสุขอนามัยที่ดี

Merries

3. ผ้าอ้อมต้องใส่สบาย ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระของลูก โดยเฉพาะบริเวณขอบผ้าอ้อมช่วงเอว รอบขอบขา ต้องไม่รัดแน่นมากไปจนทำให้ลูกอึดอัด เคลื่อนไหวไม่สะดวก คุณแม่ลองดูที่ขอบเอว ขอบขาลูก ถ้าถอดผ้าอ้อมออกแล้ว มีรอยแดงเป็นวงรอบ นั่นแสดงว่าผ้าอ้อมที่สวมใส่ให้ลูกรัดแน่นมากไปค่ะ สำหรับผ้าอ้อมเด็กที่ใช้แล้วถูกใจแม่ ถูกใจลูก นาทีนี้ทีมแม่ ABK ยกให้ ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป Merries เมอร์รี่ส์  ถ้าพูดกันจริง ๆ เราก็ใช้ผ้าอ้อมเด็กมาหลายยี่ห้อค่ะ แต่ที่อยากแนะนำ “Merries” เกิดจากความประทับใจแรก คือเด็ก ๆ ที่บ้าน ใช้ครั้งแรกไม่คัน ไม่แพ้เลย คุณพ่อแม่บ้านไหนที่กำลังใช้ผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์อยู่ ให้สังเกตสัญลักษณ์ Derma icon ด้านหน้าแพ็คเกจ ความพิเศษของสัญลักษณ์นี้เป็นตัวการันตีให้กับผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปทุกผืนของ Merries ผิวหน้าด้านในของผ้าอ้อมจะมีความนุ่ม อ่อนโยนมาก ถ้าจับที่ผิวหน้าผ้าอ้อมจะมีลักษณะตาข่ายเวฟวี่ ตรงนี้แหละที่ช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวลูกกับผิวสัมผัสผ้าอ้อม เมื่อผิวไม่ถูกรบกวน ก็จะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองขึ้นค่ะ นอกจากความนุ่มของผ้าอ้อมแล้ว เรื่องการซึมซับก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม คือลูกฉี่ลงผ้าอ้อมปุ๊บ แห้งทันทีเลย ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับผิวก้น ที่ไม่ต้องเสี่ยงกับผื่นผ้าอ้อมค่ะ

Merries

และนี่เลยค่ะ “เมอร์รี่ส์ ผ้าอ้อมอันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น”  ความพิเศษเฉพาะช่วงนี้ แม่นี่ร้องกรี๊ดเลย 🙂 ชอบมากกก ขอบอกว่าแพ็คเกจน่ารัก น่าใช้สุด ๆ  ผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์พิเศษรุ่นนี้ เป็นรุ่น Limited Edition “MERRIES SAKURA” เขาออกแบบลายแพ็คเกจของผ้าอ้อมมาเอาใจคุณแม่ให้ได้ผ่อนคลายเวลาเปลี่ยนใส่ผ้าอ้อมให้ลูก ด้วยลายซากุระสีชมพูหวาน น่ารัก สดใส คุณสมบัติของผ้าอ้อมเด็ก รุ่น Limited Edition “MERRIES SAKURA” ยังให้คุณภาพการใช้งานเหมือนกันกับมาตรฐานของเมอร์รี่ส์ ทั้งความนุ่ม อ่อนโยนของผ้าอ้อม การซึมซับดีเยี่ยมระบายอากาศได้ดี ทำให้ลูกน้อยสบายก้น และลืมบอกไปว่า ขอบขาของผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์ทุกรุ่น ทั้งแบบเทป และแบบกางเกง ตรงบริเวณขอบขาคือนุ่ม ยืดหยุ่นได้ดีมาก ๆ  ทำให้ไม่รัดขาลูกจนแน่นมากไป

ผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์ รุ่น Limited Edition “MERRIES SAKURA” มีแพ็ค ไซส์ M 74 ชิ้น , L 56 ชิ้น และ XL 50 ชิ้น ผ้าอ้อมแบบกางกาง สวมใส่ได้ง่าย สะดวก สบาย พอพูดถึง Size ผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์ จากที่เคยใช้มา เขาจะมีตั้งแต่

  • ผ้าอ้อมชนิดเทป ไซส์ แรกเกิด S , M , L

ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานสำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะ คือเด็กทารกวัยเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากในช่วงแรก มีตื่นมากินนม แล้วก็นอนเป็นส่วนใหญ่ แต่เด็กทารกจะปัสสาวะบ่อยอยู่ที่ประมาณ 5-12 ครั้งต่อวัน ฉะนั้นผ้าอ้อมจะต้องมีความสามารถในการซึมซับที่ดีเยี่ยม มีความแห้งสบาย ไม่อับชื้น ส่วนผิวสัมผัสของผ้าอ้อมก็จะนุ่มมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองกับผิวค่ะ

  • ผ้าอ้อมชนิดกางเกง ไซส์ S , M , L , XL , XXL

พอลูกอายุได้ 4 เดือน 5 เดือนขึ้นไป ก็จะเริ่มพลิกคว่ำ พลิกหงาย เริ่มคืบ คลาน ตั้งไข่ หัดเกาะเดินเตาะแตะ เดินได้ วิ่งได้คล่องขึ้นตามลำดับ ผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์แบบกางเกงจะออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นพอดีกับสรีระของเด็ก โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว ไม่ว่าจะเล่น หรือทำกิจกรรมสนุกอะไรก็ไม่สะดุดเพราะผ้าอ้อมเลยค่ะ

ผ้าอ้อมเด็ก Merries

ผ้าอ้อมเด็ก Merries ช่วยให้ลูกน้อยมีแต้มต่อพัฒนาการที่ดีสมวัย

การใส่ผ้าอ้อมเด็ก เมอร์รี่ส์ ให้กับลูกน้อย หลายคนอาจจะคิดว่าได้แค่เรื่องความแห้ง สบายตัว หรือช่วยคุณแม่ประหยัดเวลา สะดวกในการดูแลการขับถ่ายของลูกน้อยเพียงเท่านั้น รู้ไหมคะว่า จริง ๆ แล้วประโยชน์จากการใส่ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดี ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัยได้ด้วยนะคะ อย่างในเรื่องของการมี

IQ (Intelligence Quotient) ความฉลาดในการเรียนรู้  : การได้สวมใส่ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดี แห้งสบาย ไม่อึดอัด จะช่วยให้ลูกน้อย สนุกที่จะเรียนรู้ หาประสบการณ์จากสิ่งแปลกใหม่บนโลกใบนี้ได้อย่างอิสระ และการมีพื้นฐานการเรียนรู้ตามช่วงวัยที่ดี ยังช่วยให้ลูกน้อยสามารถนำไปต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

EQ (Emotional Quotient) ความฉลาดทางอารมณ์ : การได้นอนอย่างเติมอิ่ม ตื่นขึ้นมาในทุก ๆ วัน แล้วมีความสดชื่น แจ่มใส มีอารมณ์ดี ส่วนหนึ่งมาจากการได้สวมใส่ผ้าอ้อมเด็กที่มีคุณภาพ เด็ก ๆ ที่มีรากฐานทางอารมณ์ที่ดี มั่นคงมาตั้งแต่วัยเยาว์ จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างคนที่มองโลกในแง่บวก สามารถที่จะปรับตัว และใช้ชีวิตอยู่ได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะต้องเจอกับผู้คนที่มีความหลากหลายในสังคม หรือหากในช่วงชีวิต ต้องเจอกับสถานการณ์ทั้งดี ก็สามารถเรียนรู้ และแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้ด้วยดีในทุกครั้ง

PQ  (Play Quotient)  ความฉลาดในการเล่น : ผ้าอ้อมเด็กที่ช่วยให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ คล่องแคล่วแบบไม่มีอะไรมาขัดขวาง ไม่ว่าลูกจะเล่นสนุกกับอะไรที่อยู่ตรงหน้า หรือแค่ได้ วิ่ง เดิน กระโดด ปีนป่าย ฯลฯ เขาก็จะสามารถนำสิ่งที่เล่นอยู่นั้นมาต่อยอดสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานได้ตามจินตนาการ

เห็นไหมคะว่าการเลือกใช้ผ้าอ้อมเด็กที่มีคุณภาพ สามารถส่งเสริมให้ลูกน้อยมีแต้มต่อในการมีพัฒนาการทักษะการเรียนรู้รอบด้านที่ดีสมวัยได้ไม่ยากเลยค่ะ

คุณพ่อคุณแม่สามารถสั่งซื้อออนไลน์ ผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์ รุ่น Limited Edition “MERRIES SAKURA” กันได้อย่างสะดวกสบาย กับรุ่น Limited Edition นี้มีวางจำหน่ายที่ Lazada ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564  กับโปรโมชั่น 11.11 ซื้อผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์มีของแถม!! และสำหรับ Shopee จะมีวางจำหน่ายในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 กับโปรโมชั่นอีกมากมาย พร้อมของแถมอีกเพียบ!

แม่ๆ สายช้อปปิ้งเตรียมตัวกดรอได้เลย !

Lazada :  https://bit.ly/3qAuQn1

Shopee :   https://bit.ly/3BYiE1o

 

ผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์ สร้างรอยยิ้มให้แม่และลูกน้อยทุกวัน

หมอตอบชัดทุกข้อ! 10 ปัญหาสุขภาพที่แม่ต้องเจอ? ทั้ง ปัญหาคนท้อง และหลังคลอดลูก

ความกังวล และข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิง ปัญหาคนท้อง ทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงหลังคลอดลูกไปแล้ว สุขภาพจะเป็นยังไง มีอะไรให้ต้องกังวล หรือต้องดูแลในเรื่องใดบ้าง หมอนิวัฒน์มีคำตอบให้

แม่ถาม หมอตอบ สารพันปัญหาสุขภาพ
ในผู้หญิง และ ปัญหาคนท้อง ที่ต้องรู้เท่าทัน !

Q 1 : ลักษณะน้ำคาวปลาเหมือนกับประจำเดือนหรือไม่ น้ำคาวปลาจะมีกี่วัน

A : น้ำคาวปลา (Lochia) คือสารคัดหลั่ง + ส่วนของโพรงมดลูกที่หลงเหลือจากการคลอดบุตร ซึ่งร่างกายพยายามขับออกจากร่างกาย ในช่วง 3-4 วันแรกหลังคลอดจะมีลักษณะ

  • เป็นสีแดงสด เหมือนเลือดประจำเดือน อาจมีลักษณะเป็นลิ่มหรือก้อนเลือดเล็ก ๆ ได้ เรียกว่า Lochia Rubra
  • แต่หลังจากนั้น วันที่ 4-10 หลังการคลอดสีของน้ำคาวปลาจะจางลงเรื่อย ๆ เป็นสีชมพู หรือชมพูปนน้ำตาล เรียกว่า Lochia Serosa
  • หลังคลอดวันที่ 10 น้ำคาวปลาจะออกเป็นสีขาว หรือขาวปนเหลือง เรียกว่า Lochia Alba และจะค่อย ๆ หมดไปภายใน 4-6 สัปดาห์

บางครั้งคุณแม่จะรู้สึกว่าน้ำคาวปลาใกล้จะแห้งแล้ว พอให้นมลูก มดลูกบีบตัว ก็อาจจะมีก้อนเลือดหรือเลือดสีแดงออกมาอีก ทำให้หลาย ๆ คนคิดว่าเป็นประจำเดือน ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่ประจำเดือน เพราะร่างกายจะไม่มีการสร้างประจำเดือนได้ทันทีในช่วง 1-2 เดือนแรกหลังคลอด เนื่องจากกว่าที่ฮอร์โมนการตั้งครรภ์จะลดลง และฮอร์โมนสร้างรอบเดือนใหม่จะทำงาน เร็วสุดก็ต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ขึ้นไป ในรายที่ให้นมแม่และน้ำนมไหลค่อนข้างดี ฮอร์โมนกระตุ้นน้ำนม จะทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของรังไข่ไม่ให้ไข่ตก จึงทำให้ไม่มีประจำเดือน ดังนั้นในรายที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และน้ำนมไหลดี ประจำเดือนมักจะมาหลังจาก 6 เดือนขึ้นไป การที่น้ำคาวปลาหมดช้า หรือมีกลิ่นผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อในมดลูก ดังนั้นถ้าหลังคลอดลูกคุณแม่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก ร่วมกับมีไข้ และมีน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ควรรีบกลับมาพบแพทย์

 

Q 2 : หลังคลอดลูก ควรเว้นระยะการมีเพศสัมพันธ์กี่สัปดาห์

A : หลังคลอดบุตร ควรรอให้น้ำคาวปลาแห้งก่อนจึงค่อยเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเรื่องการเกิดการติดเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูก เพราะถ้าน้ำคาวปลายังไหลอยู่ แสดงว่าปากมดลูกยังเปิดอยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และเกิดภาวะมดลูกอักเสบตามมาได้ โดยทั่วไปแนะนำประมาณ 8 สัปดาห์ หรือ 2 เดือนหลังคลอด แต่ในช่วงแรกควรป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และคุมกำเนิดไปในตัวด้วย

Must read >>  คุณแม่ท้อง มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม?

Q 3 : ในรอบเดือนผู้หญิงควรมีประจำเดือนกี่วัน ถึงจะเรียกว่าปกติ

A : ปกติรอบเดือนของสตรีทั่วไป จะมีรอบเดือน หรือ Cycle ประมาณ 28-30 วัน แต่บางคนอาจจะมาเร็วกว่านี้บ้าง หรือช้ากว่านี้บ้าง ก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างไร ถ้ารอบประจำเดือนยังอยู่ในช่วง 21-35 วัน คนที่มีประจำเดือนรอบสั้นกว่า 21 วัน (0.5) คนที่รอบเดือนนานกว่า 35 วัน (พบได้ร้อยละ 0.9) ทั้งสองกลุ่มนี้คสรมาปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและให้การรักษาต่อไป ส่วนจำนวนวันที่มา ตั้งแต่ 3-7 วัน (นับจากวันที่มาวันแรกจนถึงวันที่ประจำเดือนหมด) ในเรื่องปริมาณของประจำเดือน ส่วนใหญ่จะมามากในช่วง 2-3 วันแรกของรอบเดือน และใช้ผ้าอนามัยประมาณ 2-4 ผืนต่อวัน ผู้หญิงที่ประจำเดือนมาน้อยวัน มักไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ถ้ารอบเดือนที่มาสม่ำเสมอ และตรงรอบดี เช่น กลุ่มที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประจำเดือนจะมาน้อยกว่ารอบธรรมชาติที่ไม่ได้รับประทานยาคุม เพราะปริมาณฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะควบคุมไม่ให้มีการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาเกินไป ทำให้ร่างกายไม่ต้องบีบขับประจำเดือนที่เป็นของเสียออกมามาก อาการปวดท้องประจำเดือนก็จะน้อยลง จึงเป็นที่มาของการใช้ยาคุมกำเนิด เพื่อมารักษาเรื่องการปรับประจำเดือน และรักษาอาการปวดประจำเดือนได้

ส่วนในรายที่มานานเกินกว่า 7 วัน ถ้าลักษณะการออกของประจำเดือนในวันท้าย ๆ คือเกินวันที่ 7 เป็นต้นไป ออกไม่มาก ก็ไม่ถือว่าผอดปกติแต่อย่างไร แต่ถ้าออกเป็นปริมาณมาก ๆ เกือบทุกวัน เปลี่ยนแผ่นอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง นานมากกว่า 7 วัน ร่วมกับการออกเป็นลิ่มเลือด จนบางรายมีอาการอ่อนเพลียหรือหน้ามืดเป็นลม แสดงถึงภาวะซีดจากการเสียเลือดแบบเรื้อรัง และบางรายมีอาการปวดท้องประจำเดือนร่วมด้วย อาจนึกถึงภาวะการมีเนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก (Myoma Uteri) กลุ่มนี้ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา

มีเลือดออกทางช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือน

Q 4 : ประจำเดือนที่ออกมาเป็นลิ่มเลือด อันตรายไหม หรือว่าเป็นปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้

A : ประจำเดือนที่ออกเป็นลิ่ม หรือเป็นก้อนเลือด บ่งบอกถึงการที่มีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ ทำให้การไหลของประจำเดือนออกทางช่องคลอดไม่ทัน หรือเรียกว่าระบายไม่ทัน ขังอยู่ในมดลูก ทำให้ขบวนการแข็งตัวของเลือดทำงาน ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน ซึ่งการที่ร่างกายจะขับก้อนเลือดออก จึงทำได้ยากกว่าเลือดประจำเดือนที่เป็นน้ำ ร่างกายจึงต้องเพิ่มแรงบีบมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือน มักพบภาวะดังกล่าวในคนไข้ที่มีเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก ที่เรียกว่า Myoma Uteri โดยเฉพาะชนิดที่อยู่ใกล้เยื่อบุโพรงมดลูก หรือเบียดดันเข้าไปในเยื่อบุโพรงมดลูก (Intramural or Submucous type of Myoma uteri) เนื้องอกพวกนี้จะรบกวนหรือขัดขวางการบีบตัวของมดลูก และเพิ่มพื้นที่ผิวของเยื่อบุโพรงมดลูก ส่งผลให้มีเลือดออกมาก และนานกว่าปกติ โดยเฉพาะถ้ามีลิ่มเลือดออกมาด้วยทุกครั้งที่มีประจำเดือน ควรรีบปรึกษาแพทย์

Must read >>  ประจำเดือนสีดำ เลือดล้างหน้าเด็กจะมีข่าวดีหรือผิดปกติ?

Q 5 : ปัญหาคนท้อง อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดหรือไม่

A : กรมอนามัยแจ้งให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป สามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ได้ แต่ถ้าช่วงเวลาดังกล่าว หญิงตั้งครรภ์ยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ หมอแนะนำว่าควรรอให้อาการแพ้หายไปหรือดีขึ้นก่อน ค่อยไปรับการฉีดวัคซีน เพราะบางรายพบภาวะแทรกซ้อนหลังการได้รับวัคซีนได้เช่นกัน เช่น อาการไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีคลื่นไส้ อาเจียนได้ ซึ่งรายที่มีอาการแพ้ท้องอยู่อาจทำให้อาการยิ่งแย่ลง หมอเห็นว่าควรเลื่อนออกไป 2-4 สัปดาห์ เมื่ออาการดีขึ่นค่อยกลับมารับวัคซีนน่าจะเหมาะสมกว่าครับ

 

Q 6 : 1-2 วันก่อนประจำเดือนจะมา หรือขณะมีประจำเดือน สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้หรือไม่

A : ปัจจุบันพบว่าฉีดวัคซีน สามารถฉีดได้ทุกวัน ไม่เกี่ยวกับรอบเดือนของสตรี แต่สตรีบางท่านมีอาการก่อนหรือขณะมีประจำเดือน เช่น บางคนมีตัวรุม ๆ เหมือนมีไข่ต่ำ ๆ บางคนมีอาการเปลี่ยนแปลงของอารามณ์ บางคนประจำเดือนมามากจนซีด อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อรับวัคซีนแล้วบางท่านมีผลข้างเคียงจากวัคซีน ก็จะโทษว่าเป็นสาเหตุจากวัคซีน ดังนั้นถ้าไม่สบายใจก็เลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน รอจนประจำเดือนหายดี ค่อยไปรับวัคซีน แต่ถ้าคนไหนคิดว่าแข็งแรงดีก็สามารถฉีดได้เลยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องประจำเดือน

 

Q 7 : คุณแม่ที่ให้นมลูกสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้ไหม และจะมีผลต่อน้ำนมหรือไม่

A : คุณแม่ให้นมบุตรอยู่ สามารถรับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ได้ครับ ไม่ว่าจะเริ่มเป็นเข็มแรก หรือเป็นเข็มต่อเนื่อง ต่อจากที่ได้รับขณะตั้งครรภ์ มีรายงานการตรวจภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนของแม่ในน้ำนมที่ใช้เลี้ยงลูกด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อทารกในด้านภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิดโดยทางอ้อมด้วยครับ

คนท้องติดโควิดกินยาอะไรได้บ้าง

Q 8 : ปัญหาคนท้อง ติดโควิด หากรักษาอาการจนหายเป็นปกติแล้ว สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิคได้ทันทีหรือไม่

A : โดยปกติคนที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 แล้ว ร่างกายคนไข้ที่เคยติดเชื้อ จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคได้ ซึ่งภูมิคุ้มกันดังกล่าวจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งในแต่ละโรคไม่เท่ากัน เช่น โรคอีสุกอีใส เมื่อเราติดเชื้อเพียงหนึ่งครั้งร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันอยู่ได้เกือบตลอดชีวิต (มีน้อยรายที่กลับมาเป็นซ้ำ) แต่ไวรัสโควิด 19 เนื่องจากเชื้อมีการพัฒนาหลายสายพันธุ์ เราอาจจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ที่เคยติด แต่ไม่มีภูมิต่อสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ ดังนั้นกรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุข ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้ว โดยฉีดหลังหายจากการติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 3 เดือน

 

Q 9 : ผู้หญิงหลังคลอดลูก มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าปกติจริงหรือเปล่า และจำเป็นต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกปีไหม

A : การมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีคู่นอนหลายคน ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์ และการมีบุตรหลายคน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการรับเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นผู้หญิงหลังคลอดบุตร มีความเสี่ยงต่อการเกิด โรคมะเร็งปากมดลูกมากกว่าปกติ ก็มีส่วนที่เป็นจริงอยู่ ถ้าเทียบกับผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธุ์ หรือไม่เคยติดเชื้อ HPV เลย ดังนั้นหญิงหลังคลอดบุตรจึงต้องมีการตรวจภายใน และรับการตรวจเช็กมะเร็งปากมดลูกหลังคลอด หลังจากนั้นยังแนะนำให้รับการตรวจทุก 1 ปี เพราะยังเป็นมะเร็งที่พบเป็นลำดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย ยกเว้นในรายที่ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งครบแล้ว สามารถรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกห่างออกได้ทุก 3 ปี

 

Q 10 : คลอดลูกคนแรกด้วยวิธีการผ่าคลอด ถ้าท้องลูกคนที่สอง สามารถผ่าคลอดได้อีกหรือเปล่า มีข้อห้ามอะไรหรือไม่

A : การคลอดลูกคนแรกด้วยวิธีการผ่าคลอด เมื่อตั้งครรภ์ท้องที่สอง เป็นข้อบ่งชี้สำหรับประเทศไทย ในการแนะนำให้ใช้วิธีการคลอดบุตรโดยการผ่าตัดคลอดซ้ำ เนื่องจากหลังการผ่าตัดคลอดใน้องแรก จะมีรอยแผลเป็นที่กล้ามเนื้อของมดลูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อ่อนแอ (Weak point) ของมดลูก เมื่อเข้าสู่ระยะคลอดกล้ามเนื้อมดลูกจะบางลง จากการับตัวของมดลูก และการกดของศีรษะลูก และเมื่อต้องเบ่งคลอดจากการคลอดธรรมชาติ อาจทำให้เกิดรอยปริฉีกหรือแตกของมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการตกเลือดในช่องท้อง นำมาซึ่งการเสียชีวิตของมารดาและทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นการผ่าตัดคลอดบุตรจึงยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน สำหรับประเทศไทย ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ถ้าท้องแรกเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใช่เกิดจากการผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะกับทารกในครรภ์ เช่น ผ่าคลอดจากภาวะรกเกาะต่ำ สามารถให้ลองคลอดธรรมชาติเองได้ ที่เรียกว่า VBAC (Vaginal Birth After Cesarean Section) ซึ่งต้องมีการเตรียมทีมแพทย์และห้องผ่าตัดให้พร้อม ในกรณีที่มดลูกเกิดแตกสามารถเข้าทำการผ่าตัดได้แบบรวดเร็วทันที

สำหรับอีกคำถามหนึ่งที่คุณแม่หลายคนชอบถาม คือ ถ้าผ่าตัดคลอดบุตร สามารถผ่าได้กี่ท้อง คำตอบของหมอก็คือ กี่ท้องก็ได้ ไม่ได้จำกัดแค่เพียง 2 ครั้ง หรือ 2 ท้อง ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความต้องการของคนไข้ แต่มีข้อแนะนำอยู่ว่า การผ่าตัดคลอดในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดพังผืดในช่องท้อง ซึ่งพังผืดที่เกิดขึ้นจะทำให้การผ่าตัดครั้งต่อ ๆ ไป มีความยากลำบากมากขึ้น อาจเกิดอันตรายต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ได้สูงขึ้น ทางการแพทย์จึงแนะนำว่าควรผ่าตัดคลอดแค่ 2 ครั้ง การผ่าตัดครั้งที่ 3 หรือ 4 ควรสงวนไว้ในกรณีจำเป็นจริง ๆ หรือแพทย์พิจรณาแล้วว่า มีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการผ่าตัดในครั้งต่อไป

บทความโดย : นายแพทย์นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข (สูตินรีแพทย์)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ พันธุศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอบกิ้น สหรัฐอเมริกา

สำหรับเรื่อง สารพันปัญหาสุขภาพในผู้หญิง และ ปัญหาคนท้อง ที่ต้องรู้เท่าทัน! ถือเป็นหนึ่งในเรื่องของ HQ  หนึ่งใน 10 ของ Power BQ (Power Baby & Kids Quotients) อาวุธที่ช่วยให้ลูกฉลาดรอบด้าน เพราะเด็กยุคนี้มีแค่ IQ และ EQ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังมี Quotient ต่างๆ ถึง 10Q นั่นคือ “10 ความฉลาด” ที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้ครบไปพร้อมกันนั่นเอง ทั้งนี้ HQ หรือ Health Quotient  คือ ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ
ซึ่งคนที่มี HQ ดี จะรู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เช่น กินอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ ขับถ่ายดี ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของตัวเอง ฯลฯ สำหรับเด็กเล็กเราอาจจะยังไม่เห็นพัฒนาการด้านนี้ชัดเจน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังและใส่ใจเรื่องสุขภาพ การดูแลร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกวัน เพื่อให้ลูกซึมซับและดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเอง ซึ่งก็จะเป็นการสร้าง HQ ที่ดีในตัวลูกได้ ยิ่งในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บมีเยอะขึ้น โรคใหม่ๆ แปลกๆ เชื้อโรคที่พัฒนาขึ้นจาก สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และมลภาวะต่างๆ เราจึงต้องสอนให้ลูกของเราฉลาดใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่างๆ รอบตัว เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐนั่นเองค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

แม่ท้องต้องรู้!! “ลูกดิ้น” บอกอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?

หมอสูติตอบเอง ฝากท้องแบบไหนดี? “ ฝากครรภ์พิเศษ VS ฝากครรภ์ธรรมดา ”

คนท้องกินยาพาราได้ไหม คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง ยาที่คนท้องห้ามกิน มีอะไรบ้างเช็กเลย!

ฝังเข็มคุมกำเนิด คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย ที่ต้องรู้ก่อนทำ!

เงินสงเคราะห์บุตร

แม่เฮ! รับ 1,400 ทุกเดือน เงินอุดหนุน-เงินสงเคราะห์บุตร

รู้หรือไม่? ว่ามีลูก 1 คน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับเงินได้ 2 เด้ง ทั้ง เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท + เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท รวม 1,400 บาท ทุกเดือน!!

แม่เฮ! รับ 1,400 ทุกเดือน เงินอุดหนุน – เงินสงเคราะห์บุตร

ตามมาตรการการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างทั่วถึงของทางภาครัฐ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ตั้งท้อง ก็สามารถนำเงินค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรไปลดหย่อนภาษี (อ่านต่อ แม่ต้องรู้! ลดหย่อนภาษี ฝากครรภ์-คลอดบุตร ได้เท่าไหร่?) และยังสามารถรับเงินค่าคลอดบุตรจากประกันสังคมได้อีกแล้ว (อ่านต่อ สิทธิประกันสังคม กรณีคลอดบุตร ทั้งหมดที่แม่ท้องควรรู้!) เมื่อลูกคลอดออกมา คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถรับ เงินอุดหนุนบุตร และ เงินสงเคราะห์บุตร เพื่อนำไปช่วยเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรได้อีกด้วย โดยหากลงทะเบียนผ่านเกณฑ์การรับ เงินอุดหนุนบุตร คุณแม่จะได้รับเงินอุดหนุนบุตรทุกเดือน เดือนละ 600 บาท และหากคุณแม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 คุณแม่จะได้รับ เงินสงเคราะห์บุตรทุกเดือน เดือนละ 800 บาท รวมแล้ว จะได้รับเงินช่วยเหลือในการเลี้ยงดูบุตรถึงเดือนละ 1,400 บาทกันเลยทีเดียว เช่นนี้แล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเงื่อนไขและวิธีการลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุน – เงินสงเคราะห์บุตร มีอะไรบ้าง?

เงินอุดหนุนบุตร เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุนบุตร

เด็กแรกเกิดที่มีสิทธิ

  • มีสัญชาติไทย (พ่อแม่มีสัญชาติไทย หรือพ่อหรือแม่มีสัญชาติไทย)
  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี
  • อาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
  • ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน

ผู้ปกครองที่มีสิทธิลงทะเบียน

  • มีสัญชาติไทย
  • เป็นบุคคลที่รับเด็กแรกเกิดไว้ในความอุปการะ
  • เด็กแรกเกิดต้องอาศัยรวมอยู่ด้วย
  • อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน ต่อปี

* หมายเหตุ มารดาที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ยังไม่ต้องมายื่นคําร้องขอลงทะเบียนขอรับสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

สถานที่รับลงทะเบียน

สามารถลงทะเบียนได้ในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ดังนี้

  • กรุงเทพมหานคร : ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต
  • เมืองพัทยา : ลงทะเบียนที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
  • ส่วนภูมิภาค : ลงทะเบียนที่องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล

เอกสารประกอบการลงทะเบียน ประกอบด้วย

  • แบบคําร้องขอลงทะเบียน (ดร.01)
  • แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02)
  • บัตรประจําตัวประชาชนของผู้ปกครอง
  • สูติบัตรเด็กแรกเกิด
  • สมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครอง (บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย บัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน หรือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
  • สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก เฉพาะหน้าที่ 1 ที่มีชื่อของหญิงตั้งครรภ์
    (ในกรณีที่สมุดสูญหายให้ใช้เฉพาะสําเนาหน้าที่ 1 พร้อมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบันทึกข้อมูลและรับรองสําเนา)
  • กรณีที่ผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียนและสมาชิกในครัวเรือนของผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัท ต้องมีเอกสาร ใบรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ของทุกคนที่มีรายได้ประจํา (สลิปเงินเดือน หรือเอกสารหลักฐานที่นายจ้างลงนาม)
  • สําเนาเอกสาร หรือบัตรข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรแสดงสถานะหรือตําแหน่ง หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงตนของผู้รับรองคนที่ 1 และผู้รับรองคนที่ 2

ขั้นตอนการลงทะเบียน

เงินสงเคราะห์บุตร
เงินอุดหนุนบุตร
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน ได้ที่นี่
  1.  แบบคำร้องขอลงทะเบียน (ดร.01)
  2. แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02)
  3.  แบบคำร้องขอรับสิทธิอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กรณีไม่มีผู้รับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.03)
  4.  ประกาศองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องรายชื่อผู้ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด (สำหรับเจ้าหน้าที่) (แบบดร.04)
  5.  บัญชีแนบท้ายประกาศองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สำหรับเจ้าหน้าที่)
  6.  แบบคำร้องขอคัดค้าน (แบบดร.05)
  7.  แบบคำร้องขอเปลี่ยนแปลงสิทธิผู้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด (แบบดร.06)
  8.  หนังสือขอส่งข้อมูลเด็กแรกเกิดตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด (สำหรับเจ้าหน้าที่) (แบบดร.07)
  9.  แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02 ส่วนที่ 1) สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ต้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม 
  10. แบบหนังสือสละสิทธิการรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

เงินอุดหนุนบุตรได้เมื่อไหร่?

เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชี ผู้มีสิทธิในทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน โดยจะได้รับเงินอุดหนุนบุตรย้อนหลังจนถึงเดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ โดยคุณแม่สามารถดูปฏิทินการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ดังนี้

เงินอุดหนุนบุตรได้เมื่อไหร่
เงินอุดหนุนบุตรได้เมื่อไหร่

เงินสงเคราะห์บุตร สำหรับผู้ประกันตน

สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 เมื่อใกล้คลอด ก็จะมีสิทธิ์ที่จะขอรับเงินค่าคลอดบุตร และเมื่อคลอดแล้ว คุณแม่ต้องอย่าลืมไปลงทะเบียนเพื่อขอรับ เงินสงเคราะห์บุตร โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้จ่ายเงินสงเคราะห์บุตรให้กับ ผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี ครั้งละไม่เกิน 3 คน

โดยก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศกฎกระทรวง การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป เรื่องเห็นเป็นการสมควรเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรในอัตราที่สูงขึ้น อันเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกันตนและให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน จึงได้ปรับเพิ่มจำนวนเงินสงเคราะห์บุตรจากเดือนละ 600 บาท เป็น เดือนละ 800 บาท มาดูรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ ว่ามีเงื่อนไขและขั้นตอนการขอรับรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรอย่างไรบ้าง?

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของผู้มีสิทธิ์รับเงินสงเคราะห์บุตร

  • ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
  • จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
  • ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
  • อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

การหมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร

  • เมื่อบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
  • บุตรเสียชีวิต
  • ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
  • ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

  • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
  • สำหรับผู้ประกันตนที่เคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ
  • กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ
    • สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด
  • กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ
    • สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
    • สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วยจำนวน 1 ชุด)
  • ในกรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด
  • กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ดังนี้
    • ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
    • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)
    • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)
    • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
    • ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)
    • ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
    • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
    • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด(มหาชน)
  • เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน
เงินสงเคราะห์บุตร
เงินสงเคราะห์บุตร

ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน

  1. ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)
  2. เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ
  3. สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
  4. พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

ผู้ประกันตนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง จังหวัด,สาขา ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

แจ้งเกิดลูก ไม่มีพ่อ ไม่ระบุชื่อพ่อได้ไหม? อนาคตจะมีปัญหาหรือไม่?

แก้ไขใบสูติบัตร ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด ทำได้ไหม?

เงินอุดหนุนบุตร 2564 ลงทะเบียนยังไง ใช้เอกสารอะไร ไปที่ไหน เงินเข้าเมื่อไหร่ เช็กเลย!

เตรียมให้พร้อม! จดทะเบียนสมรสใช้เอกสารอะไรบ้าง 2564

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม, โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

น้ำยาล้างขวดนม

น้ำยาล้างขวดนม แบบไหนดีที่สุดกับลูกน้อย คุณแม่รู้ก่อน วิธีนี้ได้ของดีชัวร์

การดูแลลูกน้อยต้องใส่ใจทุกรายละเอียด และไม่ควรละเลยแม้แต่เรื่องเล็ก อย่างการล้างขวดนมที่ดูเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่ล้างให้สะอาด ไร้คราบสกปรกก็เพียงพอ ความจริงแล้วคุณแม่ต้องไม่มองข้าม “ความปลอดภัยจากการใช้เลือกผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดด้วย

เพราะขวดนมและจุกนมเป็นของใช้ที่ลูกเอาเข้าปากโดยตรง จึงไม่ควรใช้น้ำยาล้างจานชามทั่วไป แม้จะสามารถชำระล้างคราบนม กลิ่นนมได้ แต่มีสารเคมีอันตรายหลายชนิดที่สามารถเล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายของลูกได้ คุณแม่จึงควรใช้ น้ำยาล้างขวดนม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นมาเพื่อให้เหมาะกับเด็กโดยเฉพาะ

น้ำยาล้างขวดนม

แล้วจะรู้ได้อย่างไรกันว่า น้ำยาล้างขวดนม แบบไหนดีที่สุดสำหรับลูก? อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณแม่มือใหม่สักหน่อย เพราะมีน้ำยาล้างขวดนมมามายจนเลือกไม่ถูก ทีมบ.ก. ขอแนะนำเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณแม่ช้อปของดีเพียงไม่กี่ขั้นตอน

  • เช็กส่วนประกอบหลักว่าใช้สารทำความสะอาดจากธรรมชาติทั้งหมดหรือไม่ หากพบว่ามีสารเคมีอื่นเป็นส่วนประกอบ นั่นอาจมีสารเคมีบางชนิดที่ตกค้างไว้ได้
  • ต้องไม่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย เช่น สารเคมีปิโตรเลียม โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) ซึ่งทำให้เกิดฟอง และพาราเบน ทั้งหมดอาจจะเป็นต้นเหตุของการระคายเคืองได้
  • มีข้อความที่ระบุว่า “ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ หรือผ่านการทดสอบการระคายเคือง”
  • ระบุคุณสมบัติว่า ล้างคราบโปรตีนจากนมได้หมดจด ไม่ทิ้งคราบหรือกลิ่นตกค้าง เพราะช่วยประหยัดแรงและเวลาการล้างขวดนมในแต่ละวันได้

Amarin Baby & Kids ยกให้  “เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเซอร์” เป็น ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Baby Bottle And Nipple Cleanser จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

แต่ถ้าใครยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ ทีม บ.ก. Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ น้ำยาล้างขวดนมตัวนี้ เลยค่ะ เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเซอร์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากแบรนด์เบบี้มายด์ ที่ออกแบบพิเศษให้สามารถทำความสะอาดขวดนม จุกนม ภาชนะสำหรับทารกโดยเฉพาะ

น้ำยาล้างขวดนม

สังเกตได้จากรายละเอียดส่วนผสมของสารสำคัญที่ระบุชัดเจนบนถุง ซึ่งใช้สารทำความสะอาดสังเคราะห์จากพืชธรรมชาติถึง 4 ชนิดจากข้าวโพด มะพร้าว ผลปาล์ม และข้าวสาลี ย่อยสลายเองได้ ให้คุณแม่มั่นใจ อีกทั้งมีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันนม รวมถึงกลิ่นที่ตกค้างบนขวดนม จุกนม และภาชนะได้อย่างสะอาดอย่างมีอนามัย

และที่พิเศษไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเบบี้มายด์สูตรนี้ มีความอ่อนโยนจากธรรมชาติ x2 ที่ทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและปลอดภัยต่อลูกน้อยจริงๆ มีการผสมผสาน “เอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์” มาตราฐาน ECOCERT ®ของประเทศฝรั่งเศส และ ”ออร์แกนิคจากดอกฮันนี่ซัคเคิล (ดอกสายน้ำผึ้ง)” มาตราฐาน USDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าผ่านการคัดสรรอย่างเป็นพิเศษจากเบบี้มายด์

นอกจากคุณแม่ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมเบบี้มายด์ ล้างขวดนม จุกนมเป็นหลักแล้ว ยังสามารถใช้ล้างของใช้ต่างๆของลูกที่มักชอบเอาเข้าปากได้ด้วยอย่าง ของเล่น ยางกัด แก้วน้ำ  จุกหลอก หรือภาชนะใส่อาหารได้แบบสบายใจโดยไม่ต้องห่วงเรื่องสารตกค้าง เพราะไม่มีการเติมพาราเบน ไม่ใส่สีสังเคราะห์  และมีการทดสอบการระคายเคือง (Dermatologically Tested)** ใช้งานได้หลากหลายขนาดนี้ คุ้มค่ามากเลยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมสูตรนี้มาในรูปแบบถุงให้คุณแม่ใช้เติม หรือหยิบใช้ได้สะดวก มาดูลักษณะของผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมกันบ้าง เป็นน้ำใสๆ มีความหนืดเล็กน้อยพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ เห็นสีใสแบบนี้แต่เข้มข้นมาก ใช้ตามปริมาณที่แนะนำก็สามารถล้างขวดนมได้สะอาด

น้ำยาล้างขวดนม

และที่ทีมบ.ก. เลิฟสุดๆ คือฟองน้อย จึงล้างออกง่าย แต่ยังคงประสิทธิภาพดีเยี่ยมสามารถล้างคราบนมออกหมด ไม่ว่าจะอยู่ซอกเล็กซอกน้อย หรือคราบติดแน่นขนาดไหนก็เอาอยู่ พอแห้งสนิทแล้วไม่ทิ้งกลิ่นนมหลงเหลือให้กังวลใจอีกด้วย

จากเหตุผลทั้งหมดนี้ ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม เบบี้มายด์ ได้รับ รางวัล BEST BABY BOTTLE AND NIPPLE CLEANSER จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2021” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

คุณแม่สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดี ๆ ของผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม Babi Mild รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ  สามารถติดตามได้ที่ https://www.babimild.com/

*ออร์แกนิค สื่อถึง เอสเซ้นส์คาโมมายล์และฮันนี่ซัคเคิลออร์แกนิคที่มีในสูตรผลิตภัณฑ์

**จากผลทดสอบการระคายเคืองผิวหนังในกลุ่มตัวอย่าง 20 คน อายุ 20-60 ปี ม.ค. 62  โดย DRC Thailand Co., Ltd. ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในกลุ่มตัวอย่างเว้นแต่การแพ้หรือระคายเคืองส่วนบุคคล

 

ติดตามอ่านบทความได้ที่ 

ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สบู่เหลวออร์แกนิค

รีวิวของดีเพื่อลูก สบู่เหลวออร์แกนิค ดีนี่ อาบ-สระสุดอ่อนโยน ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด

สบู่เหลวออร์แกนิค เลือกยี่ห้อไหนดี ดูแลผิวและผมของลูกน้อยอย่างอ่อนโยนจากธรรมชาติ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีของดีมาแนะนำ การันตีด้วยรางวัล!!

เพราะผิวของลูกน้อยแสนบอบบาง เรื่องการทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะเด็กทารกหรือเด็กอ่อน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่มองข้ามไม่ได้ เพราะผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะสัมผัสกับผิวของลูกน้อยโดยตรง และเมื่อถามถึง สบู่เหลวอาบและสระ หรือ สบู่อาบน้ำสำหรับเด็กทารก อีกหนึ่งทางเลือกของคุณแม่ยุคใหม่ ที่หันมาสนใจและมั่นใจว่าอ่อนโยนจากธรรมชาติ คือ “ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค” เพราะมีส่วนประกอบที่มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ปราศจากสารเคมีอันตราย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือไม่ระคายเคืองต่อหนังศีรษะ และผิวหนังของลูก ด้วยคุณสมบัตินี่เองทำให้ ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ผู้ใส่ใจสุขภาพของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

Amarin Baby & Kids ยกให้ ดีนี่ ออร์แกนิค สบู่เหลวอาบและสระ สำหรับทารก เป็นผลิตภัณฑ์เฮดทูโท
ที่ได้รับรางวัล NATURAL 7 ORGANIC
สาขา BEST HEAD-TO-TOE WASH
จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

 

ความดีงาม ของ ดีนี่ สบู่เหลวอาบสระ นี้ บอกเลยว่ามาเต็มและแน่นมากสมกับการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิคจริง ๆ เพราะเป็นสูตรเฉพาะสำหรับทารกแรกเกิด เหมาะทุกสภาพผิว สามารถใช้ได้ทั้งอาบและสระ อ่อนโยนจากธรรมชาติ พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ ผสานคุณค่ามอยซ์เจอไรเซอร์จากสารสกัดธรรมชาติ 100% ซึ่งทำหน้าที่เป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวและเส้นผมของลูกน้อย 7 ชนิด ได้แก่ ยอดอ่อนใบชา ใบบัวบก ชะเอมเทศ ดอกคาโมมายล์ ผักไผ่ญี่ปุ่น สคิวลาเลีย ใบคาเลนซิส

ที่มาจากประเทศเกาหลี ซึ่งมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว ให้ความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้กระทั่งผิวแพ้ง่าย และยังช่วยบำรุงให้เส้นผมอ่อนนุ่ม

ที่สำคัญ ดีนี่ สบู่เหลวอาบสระออร์แกนิค ยังมี “ออร์แกนิคโอ๊ต” เป็นส่วนผสมหลักที่ได้รับเครื่องหมายรับรองจากสถาบัน Eco-cert องค์กรตรวจรับรองมาตรฐานการควบคุม กำกับกระบวนการแบบอินทรีย์ ของประเทศฝรั่งเศส มีมาตรฐานเทียบเท่าและเป็นที่ยอมรับของ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้นำของตรารับรองมาตรฐานการใส่ใจธรรมชาติที่มีชื่อเสียงระดับสากลจากประเทศฝรั่งเศส คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด

แถมมี pH Balance รักษาสมดุลตามธรรมชาติของผิวและเส้นผม ช่วยให้ผิวลูกน้อยนุ่มละมุน ผมหวีง่ายไม่พันกัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ  ที่สำคัญ ปราศจาก 6 สารเคมีอันตราย (ปราศจากกลูเตน, พาราเบน, SLS, ซิลิโคน, แอลกอฮอล์ และสี) และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าอ่อนโยนปลอดภัย  ไม่ทำให้แพ้และระคายเคือง Hypoallergenic Tested

ยังไม่หมดเท่านี้ ความดีงามของ ดีนี่ สบู่เหลวออร์แกนิค สุดอ่อนโยนนี้ มาในรูปแบบบรรจุภัณฑ์จับถนัดมือ เป็นขวดใสสีเขียว มองเห็นเนื้อสบู่ชัดเจน ซึ่งสำหรับขนาด 380 มล. เป็นแบบขวดปั๊มที่ดีเริ่ดมาก เพราะสำหรับคุณแม่ลูกเล็กที่ยังต้องประคองตัวในขณะอาบน้ำ การใช้ขวดปั๊มคือ กดง่าย กดได้ด้วยมือเดียว แบบไม่ต้องออกแรงเยอะ เนื้อของสบู่จะใส ไม่ได้ใส่สี และไม่เหลวและไม่หนืดเกินไป สามารถทำละลายกับน้ำเพื่อให้เกิดฟองได้สบายๆ และยังล้างออกง่ายอีกด้วย

จากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของรางวัล NATURAL & ORGANIC ซึ่งมอบให้กับผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสำหรับเด็ก ที่ทำจากส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ  หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ความปลอดภัยและเสริมสร้างสุขภาพของลูกน้อย ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ (Natural) หรือ สารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ (Natural Origin)หรือมีส่วนประกอบออร์แกนิคอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่า
  • เป็นส่วนผสมที่ผ่านการรับรองจากมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล หรือมีส่วนผสมออร์แกนิค ต้องเป็นส่วนผสมที่ผ่านการรับรองจากมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล โดยมีเอกสารรับรองมาตรฐานยืนยัน
  • มีข้อความบนผลิตภัณฑ์หรือเอกสารระบุชัดเจนถึงสารสกัดธรรมชาติ หรือส่วนผสมออร์แกนิคที่ใช้
  • เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและเด็กที่ผ่านการผลิตอย่างเป็นมาตรฐาน และผ่านการทดสอบว่าปลอดภัยและอ่อนโยน

ทางกองบรรรณาธิการ Amarin Baby & Kids และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกให้ผลิตภัณ์เฮดทูโท ดีนี่ ออร์แกนิค ฟอร์ นิวบอร์น เฮด แอนด์ บอดี้ เบบี้ วอช ได้รับรางวัล  NATURAL & ORGANIC สาขา BEST HEAD-TO-TOE WASH จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2021”

หากคุณพ่อคุณแม่สนใจ ดีนี่ สบู่เหลวออร์แกนิค สำหรับทารก ใช้ได้ทั้งอาบและสระ สามารถสอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

D-nee Website: www.dnee.co.th
D-nee Facebook: www.facebook.com/DneeThailand

ติดตามบทความอื่นได้ที่

ประกาศ Amarin Baby & Kids Awards

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์

การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์ A,B,C,D,X คืออะไร?

เมื่อมีชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้นในท้องของแม่ และแม่ต้องคอยดูแลอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย และสมบูรณ์ เมื่อแม่ไม่สบาย จะทานยาอะไรก็เป็นกังวลว่า ยาจะส่งผลกับลูกในท้องหรือไม่ ทานยานี้ได้ไหม ลูกในท้องจะเป็นอะไรหรือเปล่า นนี้คุณหมอโอ นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, กรรมการแพทยสภา เจ้าของเพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์ จะมาแนะนำแนวทาง การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์ อย่างปลอดภัยให้กับคุณแม่ค่ะ

คุณหมอคะหนูทานยา……ลูกในท้องจะเป็นอะไรไหม? เป็นคำถามที่หมอถูกถามอยู่เรื่อยๆ วันนี้จะมาบอกแนวทางเกี่ยวกับ การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์

สิ่งที่คุณแม่กลัวที่สุดเมื่อทานยาคือยาส่งผลกับลูกในท้องหรือไม่?

จากสถิติของการคลอดบุตรและมีความพิการอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 โดยร้อยละ 80 ไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร รองลงมาร้อยละ 15 เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรม ส่วนสาเหตุที่เกิดจากยาพบได้ร้อยละ 0.1

ดังนั้นแม้จะได้รับยาที่ทราบว่าจะมีผลกับทารก โอกาสเกิดความพิการจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 1-2 และที่สำคัญโรคบางอย่างหากไม่ได้ทำการรักษาอาจส่งผลต่อมารดาและทารกมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดจากการได้รับยา

ยา a b c d x คนท้อง
การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์

แนวทาง การเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์

ในปัจจุบัน ระบบตอบคำถามนี้ เรียกว่า Pregnancy and Lactation Labeling Rule (PLLR)

เป็นระบบที่เริ่มใช้เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2015 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระบบจะอธิบาย ใน 3 หัวข้อได้แก่

อย่างไรก็ดียาที่อยู่ในระบบ PLLR ยังมีไม่มากนัก ยังคงต้องใช้ระบบเดิมที่เป็นตัวอักษร A,B,C,D,X โดยที่

A หมายถึง มีการศึกษาในคนท้องทุกไตรมาสพบว่าไม่เพิ่มความเสี่ยงพิการในทารก

B หมายถึง มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าไม่เพิ่มความเสี่ยงพิการในตัวอ่อนหรือมีการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าเกิดอันตรายแต่มีข้อมูลในมนุษย์ว่าไม่เพิ่มความเสี่ยง ในช่วงไตรมาสแรกแต่ไม่มีข้อมูลในไตรมาส 2 หรือ 3

C หมายถึง มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพิ่มความเสี่ยงทำให้ตัวอ่อนผิดปกติแต่ไม่มีข้อมูลในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลทั้งในสัตว์ทดลองและมนุษย์

D หมายถึง มีข้อมูลในมนุษย์ว่าเพิ่มความเสี่ยงทารกผิดปกติแต่มีประโยชน์หรือมีความจำเป็นเพื่อใช้รักษาในการรักษาโรคบางชนิด

X  หมายถึง มีข้อมูลในสัตว์ทดลองแล้วมนุษย์ว่าเพิ่มความเสี่ยงทำให้ทารกผิดปกติและไม่มีประโยชน์ในการรักษาโรค

ดังนั้นก่อนที่คุณแม่จะทานยาใดๆ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะรับประทานยา เพื่อความปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกที่อยู่ในครรภ์

นอกจากนี้คุณแม่สามารถค้นหาข้อมูลความปลอดภัยของยาระหว่างตั้งครรภ์และให้นมลูก ด้วยตัวเองเบื้องต้นได้ที่ https://www.drugs.com/pregnancy/

และ https://www.drugs.com/breastfeeding/

โดยกรอกชื่อตัวยา เช่น Paracetamol, Folic Acid เข้าไปในช่องค้นหาได้เลย

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


ติดตามเรื่องน่ารู้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และสุขภาพสตรี กับคุณหมอโอฬาริก

ได้ที่เพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์

เพจ หมอโอฬาริก

 

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

รวมคำถามพบบ่อย คนท้องกับโควิด โดยคุณหมอโอฬาริก

คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

คนท้องติดโควิดกินยาอะไรได้บ้าง ยาที่กินได้ vs ยาต้องห้าม

 

การตั้งครรภ์

14 สิ่งสุดว้าว!! ของคำว่า “แม่” และ “การตั้งครรภ์”

คนเรามักจะนึกถึง การตั้งครรภ์ ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งแพ้ท้อง น้ำหนักขึ้น สิวขึ้น ฯลฯ แต่รู้ไหมคะว่า เมื่อเรามีตัวน้อยอยู่ในท้อง เราจะเจอสิ่งดี ๆ อะไรบ้าง?

14 สิ่งสุดว้าว!! ของคำว่า “แม่” และ “การตั้งครรภ์”

ว่ากันว่า การตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่สวยงามที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของผู้หญิง เพราะในร่างกายของเราจะมีชีวิตเล็ก ๆ อีกชีวิตหนึ่งที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอยู่ในท้อง (อ่านต่อ เจาะลึก 40 สัปดาห์กับ พัฒนาการลูกน้อยในครรภ์) และอีกไม่กี่วันเราก็จะได้เจอหน้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องเราอีกด้วย และสิ่งมีชีวิตสิ่งนี้จะเติบโตเป็นคนที่เรารักไปตลอดชีวิต แต่รู้ไหมคะว่านี่ไม่ใช่สิ่งดี ๆ สิ่งเดียวที่แม่ท้องจะได้เจอระหว่าง การตั้งครรภ์ ยังมีสิ่งดี ๆ อีกหลายอย่าง ที่เราจะทำไม่ได้เลยหากไม่ได้ตั้งครรภ์

14 ข้อดีของการตั้งท้อง

  1. จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งบอกใครนะ!!

เมื่อรู้ว่ามีตัวน้อยอยู่ในท้อง ทั้งว่าที่คุณพ่อคุณแม่ก็ตื่นเต้นมากแล้ว แต่หากทั้งคุณพ่อคุณแม่วางแผนที่จะบอกข่าวดีนี้ให้กับญาติพี่น้อง หรือเพื่อน ๆ แบบมีกิมมิคล่ะ คุณพ่อคุณแม่จะสนุกกับการถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หรือจัดปาร์ตี้เพื่อบอกข่าวดีนี้ แค่คิดก็สนุกแล้ว!!

2. คุณแม่จะกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ

เมื่อมีเรื่องที่น่ายินดีขนาดนี้ แน่นอนว่าคนรอบข้างรอคอยที่จะแสดงความยินดีกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันแล้ว ทุกคนจะมาถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง? แพ้ท้องบ้างไหม? อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม? วางแผนจะฝากครรภ์ที่ไหน? เป็นต้น รับรองว่าว่าที่คุณแม่จะมีความสุขที่ได้มองใบหน้าที่มีความสุขและตื่นเต้นของคนรอบข้างเลยล่ะค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง แจงละเอียด! ขั้นตอนการฝากครรภ์ เตรียมตัวอย่างไร? ทำอะไรบ้าง?

3. แปลงร่างเป็นซานตาคลอส

เมื่อถึงวันคลอด ว่าที่คุณแม่จะได้แปลงร่างเป็นซานตาคลอสเพื่อที่จะคลอดของขวัญตัวน้อย ๆ ให้กับว่าที่ปู่ ย่า ตา ยาย แน่นอนว่าระหว่าง การตั้งครรภ์ คุณทำให้พ่อแม่ของคุณมีความสุขอย่างแท้จริงด้วยการเติมเต็มความฝันในการเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย นอกจากนี้ ว่าที่คุณแม่จะได้รับการเอาอกเอาใจจากปู่ ย่า ตา ยาย เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งตลอด 9 เดือนเต็ม

ทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิด

4. บอกลาประจำเดือน 9 เดือนเต็ม!

ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณจะไม่มีประจำเดือนตลอดการตั้งครรภ์ ดังนั้น คุณจะไม่ต้องเจอกับความไม่สะดวกสบาย อารมณ์ที่แปรปรวนในช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือนถึง 9 เดือนเต็มด้วยกัน และแน่นอนว่าคุณจะไม่เป็นสิวฮอร์โมนถึง 9 เดือนเลยนะ

บทความที่เกี่ยวข้อง ประจำเดือนสีดำ &เลือดล้างหน้าเด็กจะมีข่าวดีหรือผิดปกติ?

5. เมื่อต้องยกของหนัก จะมีคนมาห้าม

จริง ๆ แล้ว แม่ท้องสามารถยกของที่ไม่หนักจนเกินไปได้ แต่คนส่วนมากไม่แน่ใจว่าของที่แม่ท้องจะยกนั้น หนักเกินไปหรือเปล่า คนส่วนใหญจึงคิดว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยงให้แม่ท้องยก คนรอบข้างคุณจึงมักจะยื่นมือมาช่วยคุณเมื่อคุณแม่กำลังจะยกของหนัก ดังนั้น คุณแม่จะได้พักผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องยกของหนัก

บทความที่เกี่ยวข้อง อุทาหรณ์!! แม่ตั้งครรภ์(อ่อน) ยกของหนักแล้วลูกหลุด

6. ไม่ต้องหาที่นั่ง

ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหน การหาที่นั่งจะไม่เป็นปัญหาเลย ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถไฟ หรือ สถานที่ต่าง ๆ ก็มักจะมีคนสละที่นั่งให้คุณแม่เสมอ นั่นเป็นเพราะคนส่วนมากเข้าใจดีว่าการอุ้มลูกในท้องทำให้ร่างกายของแม่ท้องเหนื่อยล้าได้ง่าย ๆ จึงมักจะลุกให้คุณแม่ได้นั่งพักบ้าง

7. จะซื้ออะไรก็ง่ายขึ้น!!

ตอนที่ยังไม่มีลูก เวลาจะฟุ่มเฟือยอะไร ก็ไม่ค่อยได้ แต่พอมีลูกแล้ว มักจะมีเหตุผลง่าย ๆ ให้แม่ ๆ ได้ซื้อของ ช๊อปปิ้ง คือ ซื้อไว้ให้ลูกน้อย แค่คุณแม่พูดคำนี้กับคุณพ่อ ไม่ว่าของจะเป็นอะไร คุณพ่อมักจะตกลงซื้อง่ายกว่าเดิมแน่นอนค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง เช็คลิสต์ 60 ของใช้เด็กแรกเกิด อย่างไหนควรซื้อเลย อย่างไหนไม่ต้องรีบ!

8 นวด นวด นวด เพื่อผ่อนคลาย

ไม่ว่าจะเป็นการนวดจากหมอนวด หรือให้ว่าที่คุณพ่อมานวดให้ แม่ท้องก็จะได้รับการปรนนิบัติด้วยการนวดบ่อยกว่าเดิม แถมต้องการให้นวดจุดไหน นวดเบา นวดแรงแค่ไหน มือนวดก็จะตามใจคุณแม่ทุกอย่าง

บทความที่เกี่ยวข้อง คนท้องนวดหลังได้ไหม? นวดเท้าได้ไหม? เมื่อปวดเมื่อยทำอย่างไร?

9. งีบหลับได้ ไม่ต้องเขิน

เมื่อก่อนเวลาจะงีบหลับ มักจะถูกบ่นว่าขี้เกียจ แต่เมื่อคุณท้องจะมีแต่คนเรียกให้คุณไปงีบหลับพักผ่อนเยอะ ๆ เลยล่ะ แม้แต่ตอนพักกลางวัน หลังทานข้าวเสร็จแล้ว คุณก็สามารถงีบหลับในที่ทำงานได้โดยไม่มีใครว่าได้เลย เพราะจริง ๆ แล้ว มันเป็นคำสั่งของแพทย์ที่ให้แม่ท้องนอนหลับพักผ่อนระหว่างวันบ่อย ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง แม่ท้องงีบหลับ …ชาร์ตพลังแม่สู่สมองลูก

10. ไม่จำเป็นต้องซ่อนหน้าท้องอีกต่อไป

เมื่อก่อนต้องเกร็งท้องตอนถ่ายรูป หรือไม่ก็ต้องใส่ชุดกระชับหน้าท้อง เพราะไม่อยากโชว์หน้าท้องให้ดูอ้วน แต่เมื่อคุณท้อง คุณจะอยากโชว์พุงใหญ่ ๆ ให้โลกได้รับรู้ ได้เวลาอวดหน้าท้องแล้ว!

แม่หลังคลอด
แม่หลังคลอด

11. มีเรื่องให้พูดคุยได้ตลอด

เพราะแต่ละวัน ร่างกายแม่ท้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในช่วงนี้ คุณจึงมีเรื่องให้ได้พูดคุยเยอะแยะไปหมดเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง อาการปวดขา เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง เรื่องปวดๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ กับวิธีรับมือ

12. บอกลาเสื้อผ้าอึดอัด

ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าที่อึดอัดอีกต่อไปเพื่อให้ดูทันสมัย ​​เพียงแค่คว้ากางเกงผ้ายืด เสื้อตัวโคร่ง ๆ หรือชุดคลุมท้องผ้าบางสบาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่อึดอัด

13. ไม่ต้องบำรุงมากมาย ผิวก็สวย ผมก็เงา!!

เพราะฮอร์โมนคนท้อง อาจทำให้คุณมีผิวที่ผ่องออกมาได้เอง ส่วนผมก็ไม่ต้องบำรุงด้วยแชมพู ครีมนวดผม หรือเซรั่มอย่างดี เพราะฮอร์โมนคนท้องจะช่วยให้เส้นผมของแม่ท้องเงางามดูเป็นธรรมชาติ

14. ไม่มีใครจะหยุดคุณจากการช้อปปิ้งในครั้งนี้ได้

นี่จะเป็นการช้อปปิ้งที่สนุกที่สุดในชีวิต เพราะของเด็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ดูน่ารัก น่าซื้อไปหมด และนี่อาจเป็นครั้งแรก ที่ว่าที่คุณพ่อจะไม่ขัดเวลาที่คุณจะซื้ออะไร ดีไม่ดี อาจจะเป็นคนที่ช้อปเยอะกว่าว่าที่คุณแม่เสียอีก!!

อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่า การตั้งครรภ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ร่างกายของแม่ท้องมีการเปลี่ยน่แปลงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าแม่ท้องจะมีอาการแพ้ท้อง ปวดหลัง แต่อาการเหล่านี้แลกมากับของขวัญอันมีค่าที่สุดในชีวิต ดังนั้น เรามามองข้ามอาการต่าง ๆ มามองแต่ข้อดีของการตั้งครรภ์กันดีกว่านะคะ ทีมแม่ ABK ขอเป็นกำลังใจให้แม่ท้องทุกท่านนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

5 ความเชื่อผิดๆ ของแม่ตั้งครรภ์

อาการของคนท้อง ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนคลอด มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

สาเหตุ คนท้องปวดก้นกบ พร้อมท่าบริหารสะโพกให้แข็งแรง

แม่ท้องนอนไม่พอ กระทบลูกในท้องอย่างไร?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.momjunction.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คนท้องกับสิว

คนท้องกับสิว คุณแม่สิวเห่อ หน้าเป็นฝ้า ทำยังไงดี?

คนท้องกับสิว เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยของคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นสิวตอนท้อง สิวเห่อ สิวขึ้นหน้าในช่วงตั้งครรภ์ ทำยังไงดี มีวิธีรักษาสิวตอนท้องอย่างไร ให้ปลอดภัยกับลูกน้อยในครรภ์ พญ.ญาดา มโนมัยพันธุ์ (หมอแนน) แพทย์ผิวหนังประจำศูนย์ผิวหนังโรงพยาบาลสุขุมวิท เจ้าของเพจหมอมัม มีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ

สวัสดีค่ะหมอแนน เพจหมอมัมค่ะ

หลังจากที่ได้รับข่าวดีว่ามีการตั้งครรภ์ในช่วงเดือนแรกที่ประจำเดือนขาดหายไป คุณแม่อาจจะเริ่มเผชิญกับอาการแพ้ท้อง เวียนหัว คลื่นไส้ ตามมาในช่วงไตรมาสแรก พอผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้แล้ว น้ำหนักตัวจะเริ่มขยับขึ้น คุณแม่หลายๆ คนมีผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล สวยขึ้น จนอาจจะมีคนทักว่า “คุณแม่สวยอย่างนี้ได้ลูกสาวแน่ๆ เลย” ในขณะที่คุณแม่อีกส่วนเผชิญกับปัญหาสิวเห่อ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีสิวมาก่อน บางคนมีฝ้าโผล่ขึ้นมาที่แก้ม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตากแดดมากไปกว่าก่อนท้อง จนคุณแม่อาจจะคิดไปว่า “สงสัยจะได้ลูกชาย แม่หน้ามันสิวเห่อขนาดนี้” ใช่มั้ยคะ

คนท้องกับสิว สิวคนท้อง เกิดจากอะไร?

จริงๆ แล้ว คนท้องกับสิว การมีสิว ฝ้า หรือหน้าเปล่งปลั่ง เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายคุณแม่ (ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเพศลูกเลยค่ะ) โดยระดับของเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผล 3 ประการหลักๆ นั่นคือ

1. ขยายขนาดและเพิ่มปริมาณเส้นเลือดในร่างกาย โดยระหว่างตั้งครรภ์ปริมาณเลือดในร่างกายจะเพิ่มจากเดิมมากขึ้นถึง 50% เลยทีเดียวค่ะ ส่งเสริมให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล หน้าเลยจะดูฉ่ำๆ วาวๆ นั่นเองค่ะ

คนท้องผิวเปล่งปลั่ง
คนท้องผิวเปล่งปลั่ง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

­2. เพิ่มการสร้างเม็ดสี Melanin ซึ่งปริมาณเม็ดสีที่เพิ่มขึ้นนี้ จะสะสมในชั้นผิวกลายเป็นฝ้า บริเวณโหนกแก้ม ขมับ หน้าผาก พบมากในช่วงไตรมาสที่สอง และนอกจากบริเวณใบหน้าแล้ว สีผิวบริเวณลานนม หัวนม รักแร้ ขาหนีบ มักจะเข้มขึ้นไปด้วย และในบางคนที่มีกระเนื้อตามคอ หรือลำตัว อยู่แล้ว อาจจะสังเกตเห็นชัดมากขึ้น หรือมีสีน้ำตาลเข้มขึ้นกว่าเดิมได้ค่ะ

หน้าเป็นฝ้าตอนท้อง
หน้าเป็นฝ้าตอนท้อง เกิดจากปริมาณเม็ดสีที่เพิ่มขึ้น

3. เพิ่มการสร้างน้ำมันที่ต่อมไขมันบริเวณผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ามีความมันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นสิวง่ายอยู่แล้ว หรือ มีสิวอุดตันซ่อนอยู่ใต้ผิวหนัง มักจะมีสิวอักเสบเห่อปะทุขึ้นมาระหว่างตั้งครรภ์ได้ค่ะ

สิวอักเสบ
คุณแม่บางคนอาจมีสิวอักเสบปะทุขึ้นมาระหว่างตั้งครรภ์

ทั้งหมดที่หมอกล่าวมานี้ เป็นสภาวะการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง “ชั่วคราวระหว่างตั้งครรภ์” นะคะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป ส่วนมากแล้วฝ้า กระ และผิวหนังที่มีสีเข้มขึ้น จะค่อยๆ จางลง ภายหลังการคลอดลูก ความมันและสิวต่างๆ ก็จะค่อยๆ ลดลงไปด้วยค่ะ

วิธีดูแลผิวหน้าระหว่างตั้งครรภ์ และวิธีรักษาสิวตอนท้อง

วันนี้หมอมีเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าระหว่างตั้งครรภ์ มาแนะนำตามนี้ค่ะ

1. เลือกใช้ skincare ให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าผิวเริ่มมันขึ้น อาจจะปรับเปลี่ยน สบู่ล้างหน้าให้ควบคุมความมันมากขึ้น เลือกใช้ครีมบำรุงเนื้อเซรั่มหรือโลชั่น แทนเนื้อครีม ถ้าใครเริ่มมีผิวแห้งขึ้น หรือมีผื่นคัน ควรเปลี่ยน skincare สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายแทน งดการสครับ ขัดถูหน้านะคะ

สกินแคร์ ระหว่างตั้งครรภ์
เลือกสกินแคร์ ระหว่างตั้งครรภ์ ให้เหมาะกับสภาพผิว

2. เน้นทาครีมกันแดดสม่ำเสมอทุกวัน โดยเลือก SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป ถ้าไปเที่ยวหรือตากแดดจัดๆ ขอเพิ่มเป็น SPF 50 ไปเลยนะคะ พร้อมหมวกปีกกว้างด้วยยิ่งดีค่ะ สำหรับคุณแม่ที่มีฝ้าขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องกังวลหรือรีบรักษานะคะ เพราะ 80-90% ฝ้าจะจางหายไปเองหลังคลอดค่ะ

3. สำหรับคุณแม่ที่มีสิวขึ้นระหว่างตั้งครรภ์นะคะ สามารถทายาลดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้ (รายละเอียดตามตาราง) แต่ในกรณีที่สิวอักเสบมากเป็นหนอง ทายาไม่ดีขึ้น หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัยค่ะ

การใช้ยารักษาสิวในคุณแม่ตั้งครรภ์
ยาทาที่ปลอดภัย ลดสิวอุดตัน –> Benzoylperoxide (Benzac)
ยาทาฆ่าเชื้อสิว –> Clindamycin (Clinda-M), Metronidazole (Robaz)
ลดรอยสิว –> Azelaic acid (Skinoren)
        **ห้ามใช้      ยาทาที่มีส่วนผสมของวิตามิน A หรืออนุพันธ์ของวิตามิน A
เช่น Retin-A, Differin, Epiduo
ยากินที่ปลอดภัย ยาฆ่าเชื้อ กลุ่ม Penicillin (Amoxycillin, Augmentin)
         **ห้ามใช้ ยาฆ่าเชื้อ Tetracyclin, Doxycyclin
ยากินกลุ่มวิตามิน A –> Isotretinoin (Roaccutane, Acnotin)
ฮอร์โมนเพศหรือยาคุมกำเนิด
หัตถการที่ปลอดภัย กดสิว/ฉีดสิว
Blue light/ Red light

4. ข้อนี้สำคัญมากๆ ค่ะ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถแต่งหน้าได้ตามปกตินะคะ (ยกเว้นเครื่องสำอางหรือ skincare ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอค่ะ) ช่วงนี้ยังมีเวลาให้เราได้สวย สวยไปให้สุดค่ะ หลังคลอดแล้วคุณแม่จะได้ใช้ชีวิตแบบหน้าสดๆ ของจริงแล้วค่ะ

วันนี้ได้รับสาระน่ารู้ คนท้องกับสิว ไปแล้ว พบกันใหม่บทความหน้า เกี่ยวกับปัญหาผิวบริเวณลำตัวระหว่างตั้งครรภ์กันนะคะ


Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและปลอดภัยกับลูกในท้อง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


ติดตามสาระความรู้ การดูแลผิวคุณแม่ท้องและลูกน้อย

และเคล็บลับเลี้ยงลูกในมุมของหมอผิวหนัง กับคุณหมอญาดา

ได้ที่ เพจหมอมัม

เพจหมอมัม

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

5 วิธีรักษาสิว ในแบบออร์แกนิค ปลอดภัยไร้สารเคมี

Acne ยารักษาสิวเสี่ยงลูกพิการจนคุณแม่เกือบทำแท้ง

เป็นสิวตอนท้อง รักษาอย่างไรไม่กระทบลูก

โรคโตเกินวัย เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยอันควร

แม่แชร์เตือน! โรคโตเกินวัย ภัยเงียบคุกคามเด็กยุคใหม่

โรคโตเกินวัย ผลกระทบจากพฤติกรรม อาหารของเด็กยุคใหม่ ภัยเงียบนี้กำลังคุกคามลูกอยู่หรือไม่ มาร่วมสังเกตและฟังเรื่องราวจริงของแม่เจ้าของเรื่องไปพร้อมกันกับเรา

แม่แชร์เตือน! โรคโตเกินวัย ภัยเงียบคุกคามเด็กยุคใหม่

วันนี้แม่จะมาแชร์เรื่อง #โรคเป็นสาวก่อนวัยอันควร ที่ได้เข้ากรับการปรึกษาจากคุณหมอค่ะ
โพสนี้ต่อเนื่องจากโพสก่อนนะคะ #โรคเป็นสาวก่อนวัยอันควร
หลังจากที่คุณหมอได้นัดอีก 3 เดือนถัดมา
เพื่อทำการตรวจร่างกาย ผลปรากฎว่า น้องน่าจะเข้าข่ายของการเป็นสาวก่อนวัยอันควร จึงได้นัดทำ LAB TEST เพื่อหาผลที่แท้จริง
วันที่นัดทำเทส น้อง อายุ 8 ขวบ 21 วันค่ะ
ไปถึง ต้องทำการเจาะเลือด 3 รอบ ห่างกัน รอบละ ครึ่งชั่วโมง (คุณพยาบาลจะคาเข็มไว้ที่มือ)
และฉีดยากระตุ้นฮอร์โมน 1 เข็ม
หลังจากครบ 3 รอบ ก็รอผล LAB ประมาณ 1.30 ชม.
สรุป น้อง #สาวก่อนวัยอันควร ผลที่ได้ ค่าเฉลี่ยร่างกายน้องอยู่ประมาณ 0.8 ซึ่งถ้าปกติจะอยู่ที่ 0.5
แม่แชร์! ผลแลปแสดงผล โรคโตเกินวัย
แม่แชร์! ผลแลปแสดงผล โรคโตเกินวัย

แนวทางการรักษา

ต้องฉีดยาระงับการเติบโตของหน้าอก เดือนละ 1 เข็ม เป็นเวลา 3 เดือน คุณหมอต้องการให้หน้าอกน้องยุบ
หลังจากเดือนที่ 3 ก็จะฉีดยายับยั้งการเติบโตของร่างกาย 1 เข็ม ทุก 3 เดือน เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี
คุณหมอคาดว่าจะให้หยุดฉีดยา และปล่อยให้ร่างกายเติบโตปกติ ตอนอายุ 10 ปี หรือ มากกว่านิดหน่อย
หลังจากหยุดฉีดฮอร์โมน ประจำเดือนน้องจะมา ภายใน 1.5-2 ปี (แล้วแต่สภาพร่างกายแต่ละบุคคล)
ค่าฉีดยา 1 เข็ม / 3 เดือน อยู่ที่ 10,000 บาท
การรับประทานอาหาร
นม วันละ 2 กล่อง ไข่ วันละ 1 ฟอง
งดอาหารแปรรูปต่างๆ งดไม่ได้ ให้น้อยลง
สรุปค่ารักษาพยาบาลวันนี้ LAB TEST ค่าฉีดยากระตุ้น ค่ารักษา 8,231 บาท ค่ะ
แม่ๆ ท่านใดมีบุตรหลาน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน น้องเริ่มมีฐานหน้าอก คิดว่าน้องโตไว ปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางได้นะคะ รู้ไวก็รักษาได้ไวค่ะ
ปล.วันที่น้องไปพบคุณหมอ ก็มีน้อง ๆ ไปปรึกษาเรื่องเดียวกัน 3-4 คน เด็ก ๆ สมัยนี้โตเร็วมากค่ะ
*** ไม่ดราม่า เรื่องแนวทางการรักษาของคุณหมอ คุณหมอต้องดูเป็นเคส ๆ ไป เด็กแต่คนร่างกายเติบโตไม่เท่ากัน
ทำไมไม่ปล่อยให้น้องโตตามธรรมชาติ ตอบ ไม่อยากให้ประจำเดือนน้องมาไว น้องจะหยุดสูง อยากให้ลูกตัวสูงค่ะ
ตอนฉัน ประจำเดือนมาตอน ป.2 ป.3 ตอนนี้ก็ปกตินิ ตอบ สมัยเรากับสมัยนี้ การทานอาหารต่างกัน การเลี้ยงดูต่างกัน
สรุป เพราะแม่สะดวกแบบนี้ค่ะ ☺️
ขอขอบคุณคุณแม่เจ้าของเรื่องที่แบ่งปันเรื่องราว yuicrochet
ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย โรคโตเกินวัย ภัยเงียบคุกคามเด็ก
ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย โรคโตเกินวัย ภัยเงียบคุกคามเด็ก

โรคโตเกินวัย ภัยเงียบคุกคามเด็กไทย!!

การเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิด หรือโรคอุบัติใหม่ เพียงแต่ว่าในปัจจุบันคนเราเริ่มหันมาตระหนัก และสนใจต่อพัฒนาการของลูกมากกว่าแต่ก่อนมาก อาจด้วยสภาพสังคมที่นิยมมีลูกน้อยคนลงจากเมื่อก่อน และความรู้ที่พ่อแม่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อีกทั้งยังด้วยพฤติกรรมของเด็ก อาหารการกินที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัจจุบันเราจะพบว่า ปัญหาการเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย จึงมักเห็นได้มากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่พ่อแม่รู้เร็วว่าลูกอยู่ในภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ก็จะทำการแก้ไขได้ทัน แต่จะทราบได้อย่างไรว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่เข้าสู่ภาวะเป็นสาว หรือเป็นหนุ่มก่อนวัย แล้วมากแค่ไหนเราถึงจัดว่าเป็นโรคโตเกินวัยกันนะ

โดยทั่วไปแล้วเด็กผู้หญิงจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่ออายุ 8 ปีขึ้นไป ขณะที่เด็กผู้ชายจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้ากว่าเล็กน้อย คือเริ่มตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป

ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในวัยเจริญพันธุ์

  เด็กผู้หญิง  

  1. มีเต้านม บางกรณีอาจพบเต้านมเจริญขึ้นเพียงข้างเดียว
  2. เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศ และรักแร้
  3. มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  4. เริ่มมีสิวบนใบหน้า และมีกลิ่นตัว

  เด็กผู้ชาย  

  1. มีการขยายตัวของลูกอัณฑะ และองคชาติ
  2. เริ่มมีขนขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ และรักแร้
  3. มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  4. เสียงเริ่มแตก
  5. ใบหน้ามีสิว มีหนวด และมีกลิ่นตัว
เด็กผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคโตเกินวัย มากกว่าผู้ชาย
เด็กผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคโตเกินวัย มากกว่าผู้ชาย

วิธีสังเกตเมื่อลูกมีภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย  

ภาวะเป็นสาวก่อนวัยหมายถึง ภาวะที่เด็กหญิงเริ่มมีเต้านมก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนก่อนอายุ 9 ปี โดยปกติแล้ว เมื่อเด็กหญิงเริ่มเป็นสาว จะมีฮอร์โมนเพศเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย คือ เริ่มมีเต้านม มีความสูงเพิ่มเร็วขึ้น โดยสังเกตจากอัตราการเพิ่มความสูงจะมากกว่า 5-6 ซม. ต่อปี จนเมื่อเข้าสู่การเป็นสาวเต็มที่ ก็จะมีประจำเดือน และจะหยุดสูงหลังจากมีประจำเดือนสม่ำเสมอไปแล้วประมาณ 3 ปี   สำหรับภาวะเป็นหนุ่มก่อนวัย ดูได้จากการมีหนวด เสียงแตกเร็วกว่าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน

สาเหตุโรคโตเกินวัย เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย!!

การที่เด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยมีมาได้จากหลายสาเหตุ และมักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ โดยเราอาจแยกสาเหตุออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้

1.สาเหตุจากภายนอก
ในวัยเด็กผู้ป่วยอาจได้รับฮอร์โมนเพศปะปนโดยไม่ตั้งใจ เช่น การกินวิตามินบางชนิดเพื่อจุดประสงค์ที่ทำให้โตเร็ว โดยที่จริงอาจมีฮอร์โมนเพศเป็นส่วนผสมอยู่ จึงทำให้เด็กดูอ้วนขึ้นโตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน

2.สาเหตุจากภายใน
เกิดจากการทำงานของสมองส่วนไฮโพทาลามัส และบริเวณต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติ ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศเร็วกว่าวัยอันควร อาจจะพบในเด็กที่ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณสมอง เช่น อุบัติเหตุ เคยได้รับการฉายแสง หรือมีก้อนเนื้องอกในสมอง ความผิดปกติในการทำงานของรังไข่หรืออัณฑะ หรืออาจจะไม่ทราบสาเหตุได้

3.ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
ปัจจุบันเด็กผู้หญิงประมาณ 90-95% และเด็กผู้ชาย มีแนวโน้มเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วขึ้นกว่าเมื่อในอดีต โดยสาเหตุอาจสัมพันธ์กับภาวะโภชนาการ ชนิดของอาหารที่มีไขมันสูง และพบว่าเด็กอ้วนมีแนวโน้มเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วกว่าเด็กผอม

โรคโตเกินวัย ส่งผลกระทบต่อลูกใช่แค่เรื่อง..สูง!!

การที่เด็กมีภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย การเจริญเติบโตที่เร็วกว่าปกติ โรคโตเกินวัยอาจส่งผลกระทบต่อลูกหลายด้าน ไม่เพียงแค่เรื่องของความสูงเท่านั้น พ่อแม่อาจคิดไม่ถึงว่า การที่ลูกต้องเผชิญกับภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย การที่มีลักษณะแตกต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกัน นอกจากส่งผลด้านร่างกาย แล้วยังมีผลกระทบต่อด้านจิตใจ และสังคมของลูกอีกด้วย

เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ส่งผลกระทบต่อลูกไม่ใช่แค่ความสูง
เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ส่งผลกระทบต่อลูกไม่ใช่แค่ความสูง
  1. ผลกระทบทางด้านร่างกาย แม้ว่าฮอร์โมนเพศหญิงจะทำให้เด็กโต และสูงเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการเชื่อมปิดของกระดูกที่เร็วเกินไป ทำให้หยุดสูงเร็ว ส่งผลให้เด็กจะเตี้ยกว่าปกติเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
  2. ผลกระทบทางด้านจิตใจ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายก่อนวัย ทำให้ไม่เหมือนเพื่อนในวัยเดียวกัน และอาจถูกเพื่อนล้อทำให้อับอาย ขาดความมั่นใจในตนเอง เกิดภาวะซึมเศร้า
  3. ผลกระทบทางด้านสังคม การที่เด็กเริ่มเป็นสาวก่อนวัย จะมีแนวโน้มที่จะมีประจำเดือนเร็ว จึงอาจส่งผลต่อการดูแลตนเองที่ไม่ดีพอ เพราะยังอยู่ในวัยเด็ก ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ อีกทั้งอาจเกิดปัญหาการถูกล่อลวงต่าง ๆ เนื่องจากพัฒนาการทางร่างกายที่โตเป็นสาว แต่จิตใจกลับโตไม่สอดคล้องกันกับร่างกาย ทำให้เป็นจุดสนใจ และเกิดการล่อลวงได้ง่าย

เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยจะทำอย่างไร??    

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า โรคโตเกินวัย ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ เพียงแต่ปัจจุบันเรามีข้อมูลทำให้เกิดการสังเกต และมีวิธีการรักษาที่ได้ผลดี ช่วยทำให้ลดการเกิดปัญหา และผลกระทบต่าง ๆ ลงไปได้ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ก็ไม่ควรจะตระหนกตกใจ ควรอธิบายให้กับลูกฟังตามความเป็นจริง ถึงลักษณะต่าง ๆ ที่เขาต้องเจอ รวมถึงวิธีการรักษา ให้กำลังใจ และให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย หรือเศร้าใจ ดั่งคำแนะนำของคุณหมอที่ได้กรุณาให้คำแนะนำไว้ ดังนี้

     เมื่อพบว่าลูกกำลังเผชิญกับภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย  สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือให้ความรู้กับลูกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นโดยอธิบายตามความเป็นจริง ไม่ควรโกหกลูก และถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องรักษาก็อธิบายให้ลูกฟังว่าผลเสียของการไม่รักษามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ การให้ความรู้เรื่องเพศแก่ลูกตามความเหมาะสมของวัยจะทำให้เด็กรับรู้สภาพของตัวเอง และไม่ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สำหรับการลดความเสี่ยงต่อการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยที่ง่ายที่สุด ก็คือการควบคุมน้ำหนักของเด็กให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นโภชนาการที่เหมาะสม และให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ผิดปกติที่รังไข่หรือมดลูก ซึ่งหากขั้นตอนนี้ไม่พบอะไรแพทย์จะทำการรักษาด้วยยาฉีดควบคุมฮอร์โมนเพศ โดยจะฉีดหนึ่งเข็มทุก ๆ สี่สัปดาห์ จนกว่าอายุจริงจะเท่ากับอายุกระดูกหรือจนกว่าเด็กหญิงจะมีอายุพร้อมที่จะเข้าสู่วัยรุ่นคืออายุประมาณ 10-11 ปี

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก แพทย์หญิง วรพร ตันติจิตตานนท์ กุมารเวชศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม รพ.นนทเวช
พัฒนาการทางร่างกายเร็วกว่าวัยของเด็ก ส่งผลกระทบหลายด้าน
พัฒนาการทางร่างกายเร็วกว่าวัยของเด็ก ส่งผลกระทบหลายด้าน

เมื่อเข้าใจใน โรคโตเกินวัย หรือ ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยกันดีแล้ว  คุณพ่อคุณแม่คงจะสบายใจขึ้นบ้างแล้วว่าหากลูกเกิดภาวะดังกล่าว เราควรปฎิบัติตัวกันอย่างไร เพื่อให้ลูกของเราสามารถก้าวผ่านไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเขา เหมือนดั่งที่คุณแม่เจ้าของเรื่องที่กรุณามาแชร์ประสบการณ์ให้กับครอบครัวอื่น ๆ ได้ตระหนักรู้ สังเกต และทราบวิธีปฎิบัติตัวที่ถูกต้อง เพราะลูกคือสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคน ทีมแม่ ABK รู้ดีว่า เราสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาไปพร้อม ๆ กันได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก โรงพยาบาลรามคำแหง / RAMA9 Hospital

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ลูกมีตุ่มคล้ายยุงกัด แต่ไม่คันเฝ้าระวัง โรคฮีน็อค อันตราย!

ทำความรู้จัก!! วัคซีน Pfizer ป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็ก

แม่แชร์ เมื่อลูกติดโควิด! วิธีรักษา – Home Isolation เด็ก

โรค เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ปล่อยไว้อาจตัวเตี้ย!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์เข้าประกวด MOMRATHON REVIEW รอบคัดเลือก

ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์เข้าประกวด MOMRATHON REVIEW : THE BIGGEST MOM INFLUENCER CONTEST OF THAILAND

การประกวด “คุณแม่นักรีวิว” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

Kanokporn​ Thienghathaitham​
Laknara Puangchokeanan
Narisara Arunphanu
Walaiphorn Lekawat
Wanida Thanaphoemsap
Warissara T.prayoon
Watinee Waemayi
เกษตริน แสงเวียน
เขมากร ทองยศภูมิ
เจนจิรา เกตุวงษ์
เบญจกร ทุ่งสุกใส
เพ็ญศิริ อาสน์จินดา
เมจกา รัตน์ปิยะภาภรณ์
เมทีณี  ช่วยอารีย์
เมยา ธรรมภาค
เมลิสา ฉายวิริยะ
เมวิกา เพ่งผล
เรวดี นอร์ธอร์พ
เสาวณีย์ คำแหง
แทนรัก เพิ่มสุข
แพรวานัณท์ เปรมโชคฉายศรี
ใกล้รุ่ง เเต่งฤทัยธรรม
กชิรชา ขวัญเมือง
กฐิน อนุสุริยา
กณิกนันต์ เพียรลิขิต
กมลพร ปรมาธิกุล
กมลวรรณ โชตินิพัทธ์
กรกมล ศุภสมุทร
กฤตยา จงธนะวณิช
กัญจน์ฉัตร เอื้อพิพัฒนากูล
กัญจน์ณิชา วัชรประภาพงศ์
กัลญ์วิกา อินปั๋น
กุลญาดา คำเขื่อน
กุลธิดา ชอบประดู่
กุลรัตน์ พงษ์พันธุ์ชชัชวาล
คณัฐอร สัญญะเขตต์
จริยา บุญแท้
จันทร์จิรา อิ่มกมล
จิตตานันทิ์ พลากรฉัตรคุปต์
จิตติพร ตั้งจิตรเที่ยง
จิตรารัตน์ มีเรือง
จินตมัย วงศ์ปิยชน
จิรกิติ วงศ์เนตร
จิรัฐิพร ปัญญารัตนากร
จุฑาทิพ แสงอรุณ
ชญานิศ จิตอารี
ชญานิศ รัตนวงศ์ชัย
ชนม์สิตา ช่างบรรจง
ชนัญธิดา  สมบัติศิริ
ชนิศนันท์ กิตติอุดม
ชยานุตม์ วิชชุปัญญ์กุล
ชาลิสา สวัสดิ์พิบูลย์
ชุตินันท์ ดิลกโสภณ
ซีรีน มูหามะสาเร๊ะ
ณัฏฐ์ลดา ธนวัชร์ปกรณ์
ณัฐกานต์ วะรางกุล
ณัฐธดา สุขธนิตธัช
ณัฐพร จิรศักยกุล
ณันฏิ์ณภัทร สนิทสุริวงษ์
ณิชารัศม์ ศุภสวัสดิ์วัชร
ณิฐชมนต์ สวัสดิ์วัฒนดล
ดวงเด่น นุเรมรัมย์ เชิดชู
ดวงฤทัย โพธิกุล
ดารณีย์ แตงชุมพล
ดุษวรรณ สุวรรณวงศ์
ตวงพร ภิรมย์สุวรรณ
ทัศนีย์ ธาตรีกิติภูมิ
ทิตยา โสมเกษตรินทร์
ธนทิพย์ เทพสุภรณ์กุล
ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ
ธนัชพร ชีวันพิศาลนุกูล
ธัญกมล ไตรรัตน์
ธัญญ์ธิชา​ อินปา
ธัญญลักษณ์ ธนพงศ์อมร
ธัญญารัตน์ สุรธนาวุฒิ
ธัญลักษณ์ แมคกี
ธันยนันท์ ไพบูลย์สุข
ธิดารัตน์  จะระ
ธิดารัตน์ แฝงทรัพย์
ธิดารัตน์ กลิ่นอยู่
ธิดารัตน์ ทองหยาด
ธิดารัตน์ สว่างทิพย์
ธิติกานต์ นวสุขารมย์
ธีรนุช เหล่าวีระกุล
นงค์นภัส วงศ์เสถียรกุล
นงนภัส ประพิณไพโรจน์
นพรัตน์ น้อยใจบุญ
นภัสศรณ์ พันธุ์ธนาพงศภร
นภัสสร ลืออำรุง
นภาพร วัฒนพงศ์สวัสดิ์
นราทิพย์ สังสิมมา
นรีรัตน์ สิทธิไทย
นันทรัตน์ วงศ์วีระวงศ์
นารีรัตน์  พิทักษ์ทิพย์
นิศารัตน์ แซ่ฟู
นิษฐ์รฐา สกุลชัยเมธีดิลก
นิสากร วิเศษนคร
นุชจรินทร์ พงษ์พิพัฒน์
นุชรินทร์ ไชยวุฒิ
บุณยานุช เหลืองประเสริฐ
ปภิชญา สายสวาสดิ์
ประจบพร ทองสุกโชติ
ประชุมพร อินทุโศภน
ประณยา อำพันสกุล
ประภัสสรา คงศรีวรกุลชัย
ปรารถนา วิวัฒน์เดชากุล
ปรียาภรณ์ ศรีบุญเพ็ง
ปวีณา บุญเกิด
ปัณณพัทธ์ หล่อวิวัฒนพงศ์
ปาณิสรา แก้วเกาะสะบ้า
ปิ่นฤทัย อัครฐานพันธ์
ปุญญิสา บูฟฟาร์ด
ผกาดาว จุ้ยเจริญ
พธพร รัตนสิโรจน์กุล
พนัตตา ลาวัลย์
พริบพรรณพร ทรัพย์วัชรโสภา
พลอยนภัส เลรุ่งพัฒน์
พลอยลดา มาบัง
พวงผกา รัตนวิจิตร
พัชราภรณ์ จันทร์ศรี
พัชรี เพิ่มวงศ์อัศวะ
พัทธนันท์ เกศะรักษ์
พิชญา โรจนเดชานนท์
พิมพ์จันทร์ วงศ์สายสุวรรณ์
พิมพ์นาท วงศาโรจน์
พิมพ์นารา เหล่าไชย
พิลิปดา  ศิริจร
ภัทรลดา ฤทธิวงศ์
ภัสรา ศิริอัญชนาวงศ์
ภัสส์ฐิตา​ โชติวิทยา​กาญจน์​
ภัสสร พฤติกุล
ภาชินี วรรธกะวิกรานต์
ภาณิชา ชื่นวิจิตร
ภิญญาพัชร์ จินตโกศลวิทย์
ภูมิใจ ขันทองดี
มณฑน์สิตา จิราพัชรภาณุภัคค์
มนทิรา พัชรานุ
มนัสชนก เรืองธารา
มยุพร บุญสิริพาณิชย์
มยุรี พนมเริงศักดิ์
มลฤดี  โชค​มงค​ลสุข​
มะลิวัลย์ คุ้มครอง
รฐา อภิวรภาคิ
รัชภร รัตโนภาสวิมล
รัตพร ทองศรี
รัสรินทร์ นิติยารมย์
ริญญาภัทร์ ผาสุข
รินรดา จันทร์เดช
รุจิรดา สันติวิวัฒนพงศ์
วรณิชชา แสงสุพรรณ
วรรณวิภา เจิมรอด
วรรรณ ศรีอุ่น
วรางคณา ตระกูลสุนทร
วริยา ปฐมกุลมัย
วลัยพร เลขวัต
วลีรัตน์ ดอนม่วง
วัชรินทร์ แก้วประไพ
วัชรีพร มลาไสย์
วัลย์ลิกา สุดจันทร์
วิชุนา มากจันทร์
วิภาดา​ ขัน​โคก​กรวด​
วิภาวี เนื่องศาสน์ศรี
วิลาวรรณ นันสถิตย์
วีรยา หฤทัย
วีระยา สุขประเสริฐ
วีรินทร์ รัตนคงสวัสดิ์
ศณัญธชนกน์ จิตรโรจนรักษ์
ศนิชา เกิดประสพ
ศรัณย์ภัค ตันติมาสกุล
ศรุตา​ วงศ์ดามา​
ศศิตานันท์  สืบเจริญถาวร
ศศิธร นาคสุข
ศศินา ทะสุตะ
ศศิภา โสธรพรชัย
ศศิวรรณ แก้วรัตน์
ศศิวิมล เร้าเขตร์กิจ คณฑา
ศิโรรัตน์ เกษมสุข
ศิรประภา นิติโยธิน
ศิริ​วรรณ​ ฐิตาคม
ศิริขวัญ คูนาแสง
ศิรินันท์ นันทโชติวัฒนากุล
ศิวพร ชัยโรจน์สัมพันธ์
ศีลกุล คาสทัลดี
ศุภกร ละย้าย้อย
ศุภมาส กิ่งศักดิ์
สโรชา ศรีอ่วม
สรัลณิศรา คีรีพิชาพงศ์
สรัลพร พุฒิพัฒนะธำรงค์
สายสุดา  กรีธาธร
สาริน คชรินทร์
สิตานันท์ ไชยสลี
สิรินดา จิตบุญ
สิรินาถ บูรณากาญจน์
สิริพร พิพรณ์พงษ์
สุกัญญา พงศ์ไพจิตร
สุดารัตน์ ชุนงาม
สุทธิดา พินิจการ
สุธิณี เกตุเจริญ
สุภาวดี คล็อกกี้
สุมาลี สิทธิแก้ว
หทัยชนก อุไรวงษ์
อดิสา เกษรสุคนธ์
อธีรธาน เอี่ยมสม
อนัญญา สุยะรินทร์
อมรรัตน์ ชุมภู
อรภา ศิลมัฐ
อรอนงค์ เฟื่องฟู
อริศรา อัครไตรภพ
อริสา ปาร์ค
อลิสา ฐิตาคม
อักษร​า  นินนานนท์
อังคณา ตัณฑะผลิน
อังคณา รักษาดี
อังศุลิน ตั้งใจ
อัจจิมา​ ญัติมิ
อัจฉรา อลัน
อัณฑิการ์ โกสินทร์
อาทิชา นิธิธราสกุล
อาทิตยา ดอกไม้
อาภรณ์ ขำกล่อม
อารยา หงษ์จินดาเกศ

♦ กติกาการประกวดรอบคัดเลือก ♦

สำหรับผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับสินค้าสำหรับทำคลิปรีวิว [จัดส่งถึงบ้านตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในใบสมัคร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย]

รายละเอียดการถ่ายคลิปรีวิว

  • หลังรับสินค้าไปแล้ว จัดทำคลิปรีวิวสินค้าตามความถนัด ความยาวไม่เกิน 3 นาที
  • ถ่ายทำคลิปเป็นแนวนอนโดยจัดแสงให้มีความสว่างเพียงพอ สามารถเห็นใบหน้า และสินค้าที่ใช้รีวิวอย่างชัดเจน
  • ไม่ควรใช้ฉากหลังรก หรือปรับแต่งมากเกินไปจนบดบังสินค้าที่ใช้รีวิว
  • กรณีลูกอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่อนุญาตให้ทำการรีวิว (นักแสดงหลัก) แต่สามารถอยู่ภายใต้การกำกับของคุณแม่ระหว่างรีวิวได้

หมายเหตุ : ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้รีวิว ทางทีมงานจะส่งอีเมลให้แก่ผู้มีสิทธิ์ร่วมประกวดเป็นรายบุคคล

วิธีส่งคลิปวิดีโอ

  • โพสต์คลิปลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ตั้งค่าเป็น “สาธารณะ”
  • ใส่ #MOMRATHONReview #เชื่อมัมมันเวิร์ค #AmarinBabyAndKids
  • หลังโพสต์คลิปรีวิวเรียบร้อย ให้นำส่ง Link มาที่ใต้โพสต์ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าประกวด”
    ที่ Facebook : Amarin Baby & Kids
  • โพสต์ได้ 1 คลิป และ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 15 – 17 พ.ย. 2564 เท่านั้น!!

🔥อัปเดต!! ขยายเวลาส่งคลิปรอบคัดเลือก ไปจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564

ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ วันที่ 26 พ.ย. 64
ผ่านช่องทาง Facebook
: Amarin Baby & Kids

เกณฑ์การตัดสินรอบคัดเลือก

พิจารณาจากจำนวนเข้าชม (ยอดวิว) สูงสุด และจากคุณภาพของคลิปรีวิว ตั้งแต่วันที่ 15-21 พฤศจิกายน 2564 โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

  • วิธีการนำเสนอ 30 คะแนน
  • สื่อสาร Key message ของสินค้าครบถ้วน 40 คะแนน
  • ความโดดเด่นของสินค้า 30 คะแนน

 

หมายเหตุ

  • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์คลิปไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
  • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MOMRATHON REVIEW พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม

กีฬาครอบครัว

4 กีฬาน่าเรียนรู้ ชวนพ่อแม่ลูกสนุกไปพร้อมกัน โดย พ่อเอก

ผมได้มีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับน้องๆ ที่ทำงานทางสัมภาษณ์ออนไลน์ และในหัวข้อหนึ่งที่ผมนำไปแบ่งปันนอกเหนือจากเรื่องงานและเรื่องครอบครัว ก็คือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ มันอาจจะเป็นคำพูดที่ฟังเกร่อกันทั่วไป แต่ผมไม่ได้แค่พูดให้สวยๆ แต่ผมทำจริงๆ เพราะผมเรียนรู้เพื่อเติบโตไปกับลูก และคิดว่าน่าจะดีถ้าจะมาแบ่งปันกันว่า ในช่วง work from home ที่ทำให้เรามีเวลาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเพราะประหยัดเวลาเดินทางเช้าเย็นรวมๆ ก็ 3-4 ชั่วโมงหรือเมื่อสถานการณ์ Covid-19 กลับมาควบคุมได้แล้ว เราจะไปเรียนรู้และเล่นสิ่งใหม่ๆ อะไรไปพร้อมกับลูกดี ในตอนแรก เราเน้นเรื่อง กีฬาน่าเรียนรู้ และสนุกไปกับลูกกัน

4 กีฬาน่าเรียนรู้ ชวนพ่อแม่ลูกสนุกไปพร้อมกัน

1. Surf skate

surf skate

ภรรยาผมชอบแซวว่า วัยนี้ อะไหล่หายาก แล้วนะ แต่ผมว่ามันเป็นความท้าทาย ผมเล่น roller skate และ ice skate พอได้ พอมีลูกผมก็มาหัด roller blade กับ skate board กับลูก จนมาถึง surf skate ที่เล่นยากสุดแต่สนุกสุด เพราะคุณสามารถใช้ร่างกายในการเคลื่อน surf skate ไปได้เรื่อยๆ ต่างจาก skate board แต่เหมือน surf board ในทะเลที่มีคลื่นส่งตัว แต่ surf skate จะใช้ร่างกายเราในการส่งตัว มันได้ทั้งการออกกำลังกายและสร้างความมั่นใจ และอีกส่วนคือ สอนลูกเรื่องความปลอดภัย เพราะผมไม่อนุญาตให้เล่นเลยถ้าไม่สวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยคือ หมวกกันน็อค สนับเข่า ศอก และ surf skate ผมให้เล่นทั้งคู่ คือ 5 ขวบ และ 9 ขวบ ส่วนผมเองไปไกลแล้วฮะ

2. วิ่ง full marathon

ชวนลูกวิ่ง

ผมเคยผ่าเอ็นหัวเข่าที่ขาดจากการเตะฟุตบอลตอนอายุ 30 ปลาย หลังจากนั้นก็พักปีกว่าๆ ลงมาเล่นฟุตบอลเบาๆ แต่ด้วยความที่ผมมาแต่งงานและมีลูกตอนอายุเกือบ 40 ปี แต่ผมชอบพาลูกขับรถเที่ยว หรือไปเป็น backpacker กัน ผมจึงคิดว่า ผมต้องออกกำลังกายจะได้เที่ยวแบบนี้กับลูกอีกนานๆ ผมเริ่มจากวิ่งเบาๆ 3-4 กม. ค่อยๆ ปรับ ใน 2 ปีผมก็ลง full marathon ที่บุรีรัมย์และแน่นอนในหลายๆ สนามเราพาลูกไปวิ่งด้วย แบบ fun run 5 กม และถ้าสถานการณ์กลับมาปกติ mini marathon คือขั้นต่อไปของลูก  เป็นกีฬาที่ทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจลูกเลย

3. พาย sup

พาย sup

กีฬาทางน้ำคงมีเด็กไม่มากนักที่ไม่ชอบ ยิ่งคุณพ่อคุณแม่เล่นด้วยเนี่ย เป็นช่วงเวลาสุดสนุกและความสุขในครอบครัว กีฬาที่ต้องฝึกทักษะหลายอย่างทั้งความแข็งแรง การทรงตัว และการตัดสินใจต่อสถานการณ์ตรงหน้า และถ้าไม่ได้ติดล็อคดาวน์ เราสัญญากันแล้วว่าจะไปเล่น wakeboard กัน ใครจะว่าผมแก่ ก็แก่แต่ตัว young at heart เราไม่อายซะอย่าง อ้างมาเล่นเป็นเพื่อนลูกแค่นี้ก็ไม่มีใครแอบว่าแล้ว

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

4. ปีนหน้าผาจำลอง

พาย sup

อีกหนึ่งกีฬาวัดใจ ค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงมากนักแต่สามารถใช้เวลาได้ทั้งวัน ครั้งแรกที่พาไป เราก็แอบกังวลว่าลูกจะชอบมั้ย จะกลัวมั้ย แต่ผิดคาดเพราะลูกสนุกมากและอยากเล่นอันที่ยากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ปั้นแป้งที่ตอนนั้นเพิ่งจะ 3 ขวบปลายก็ปีนด้วย บอกได้เลยว่าอยู่ข้างล่างอาจจะดูไม่สูง พอไปบนนั้น ต้องอาศัยความกล้าหาญ และการปีนที่ดูเหมือนง่ายนั้นต้องใช้ทั้งความแข็งแรง และความแข็งแกร่งเพราะพอขึ้นไปสักพักจะเกิดความล้า แต่เป็นกีฬาอีกอย่างที่ฝึกอะไรให้เด็กๆได้มากทีเดียว

นอกจากนั้น ที่บ้านเราซื้ออุปกรณ์กีฬาเก็บไว้พร้อมเล่นกับลูกเสมอ ไม่ว่าจะลูกฟุตบอล ลูกบาส ลูกวอลเลย์บอล ไม้แบดมินตัน ไม้เทนนิส จักรยาน มีครบหยิบจับมาใช้กันได้ตลอด

กีฬาเล่นที่บ้าน

และของใหม่ล่าสุดที่เราเพิ่มเอามาให้ลูกเล่นคือ บาร์ของเด็ก จริงๆ มันเป็นเหมือนห่วงคู่มากกว่า เป็นชุดมาเลย เราแค่มาหาที่แขวนที่ปลอดภัยลูกก็ห้อยโหนผาดโผนกันตามสะดวก

การออกกกำลังกายในช่วง work from home และ learn from home สำคัญมากๆ เพราะเด็กขาดโอกาสที่จะไปออกกกำลังกายอาจจะทำให้การเติบโตของกระดูกไม่เป็นตามวัย การที่เห็นลูกสูงเร็วปรี๊ดไม่ใช่แปลว่าดีเสมอไปเพราะหากไม่เป็นตามวัยและสรีระที่ควรเป็นก็จะทำให้สูงไวแต่ไปหยุดสูงเร็วกว่าวัยอันควรก็ได้ ซึ่งครอบครัวเราจะไปพบคุณหมอต่อมไร้ท่อ เพื่อให้คุณหมอคอยแนะนำตลอด ขนาดเราไปประจำลูกออกกำลังกายประจำ (ว่ายน้ำ และ ยิมทุกสัปดาห์) แต่ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ก็ทำให้เราไปได้น้อยลง และคุณหมอก็สังเกตเห็นได้และแนะนำให้หาบาร์มาให้โหนที่บ้าน

บาร์โหน

ในตอนหน้าจะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก กีฬาน่าเรียนรู้ มาแบ่งปันกันอีกครับ

– ดัดต้นไม้ เพาะและปลูกสารพัดชนิดพืช

– มาหัดขลุ่ยใหม่ เพื่อกระตุ้นความสนุกด้านดนตรีกับลูก

บอร์ดเกมเกินกว่า 10 ชนิด

– แต่งนิทานสดๆ ให้ลูกฟังก่อนนอน ก็มากกว่า 20 เรื่อง

และๆๆๆๆ มีอีกหลายอย่างในลิสต์ และผมไม่ได้ทำเองคนเดียว ทุกอย่าง ไปกันทั้งครอบครัว

วันนี้เราก็ออกมาวิ่งกันทั้งครอบครัว


ชวนลูกเล่นกีฬานอกจากได้ความสนุกสนาน ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวแล้ว ยังช่วยให้เกิด Power BQ หลายด้านทั้งความฉลาดจากการเล่น Play Quotient (PQ)  ฉลาดสุขภาพดี Health Quotient (HQ) จากการออกกำลังกาย ฉลาดคิดเป็น Thinking Quotient (TQ)  ผ่านการวางแผนการเล่น ฉลาดเผชิญปัญหา Adversity Quotient (AQ) รวมถึงต่อยอดชวนลูกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดอีกด้วย


>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

ติดตามเพจหมุนรอบลูก
ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีเลิกผ้าอ้อม ฝึกลูกใน 5 ขั้นตอน ได้ผลจริง! โดย พ่อเอก

ให้ลูกช่วยงานบ้าน ฝึกทักษะ EF ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต โดยพ่อเอก

5 ข้อดีของ การเขียนบันทึกประจำวัน ยิ่งเขียน ยิ่งฉลาด โดย พ่อเอก

สเปรย์กันยุง

ตามหาตัวเด็ด สุดยอด สเปรย์กันยุงเด็ก ต้องยกให้ Little Bear

ทุกหน้าฝน สิ่งที่คุณแม่กังวลไม่แพ้โรคภัยต่างๆ คือเจ้ายุงตัวร้าย ที่คอยจ้องจะกัดลูกทุกครั้งที่เผลอ  ซึ่งแม่ ๆ รู้ดีว่าเวลาลูกโดนยุงกัดแต่ละทีอาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเชื้อจากยุงนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่าง ไข้เลือดออก ชิคุนกุนย่า และไข้สมองอักเสบ แถมยังทำให้ผิวหนังบอบบางระคายเคืองหรืออาการแพ้ยุง สเปรย์กันยุงเด็ก จึงเป็นอีกไอเท็มที่แม่ๆต้องมีติดบ้าน

สเปรย์กันยุง

สำหรับเด็กๆที่มีอาการแพ้ยุง หรือแพ้น้ำลายยุง หลังโดนยุงกัดตุ่มแดงเล็กๆจะไม่ได้หายไปง่ายๆ แต่กลับทิ้งรอยสีน้ำตาลเป็นจุดทั่วแขนขา จะหายามาทันรักษาทีหลังอาจไม่ทันการ การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงเพื่อกำจัดต้นตอของปัญหาตั้งแต่แรกน่าจะดีที่สุด จริงไหมคะ แต่การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรกับลูกน้อยต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษว่า ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายกับลูกๆ

สเปรย์กันยุงเด็ก จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นสินค้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะแล้ว ยังมีส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวของลูก ซึ่ง Little Bear เป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่ง คุณภาพดี ที่ตอบโจทย์คุณแม่ และทีม บ.ก. อยากแนะนำค่ะ

 Amarin Baby & Kids ยกให้ Little Bear เป็นแบรนด์ สเปรย์กันยุงเด็ก ที่ได้รับรางวัล  RISING STAR สาขา BEST MOSQUITO REPELLENT FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

      สเปรย์กันยุง

สเปรย์กันยุงเด็ก จาก Little Bear เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่อ่อนโยนมาก โดยผสานคุณสมับัติพิเศษของส่วนผสมธรรมชาติ 8 ชนิดทั้ง ส้มยูสุ ลาเวนเดอร์ วิตามินจากข้าวญี่ปุ่น ดอกคาโมมายด์ น้ำมันมะพร้าว โรสแมรี่ ตะไคร้หอม  มะกรูด มาช่วปกป้องผิวลูกให้ห่างจากไกลยุงร้าย และฟื้นฟูการอักเสบของผิว แถมยังให้กลิ่นหอมสดชื่นจากธรรมชาติ เด็กๆชอบแน่นอนค่ะ

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมออร์แกนิคอย่าง น้ำแร่บริสุทธิ์ฮิโนกิจากญี่ปุ่น ซึ่งผ่านมาตรฐานรับรองสารสกัดที่เป็นออร์แกนิคจากสถาบัน USDA ประเทศสหรัฐอเมริกา และสถาบัน ECOCERT จากประเทศฝรั่งเศส ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน โดยปราศสารเคมีที่เป็นอันตราย ทั้งสารกันเสียชนิดฟอร์มาลีน ซึ่งเป็นอันตรายกับร่างกาย กสารสกัดน้ำมันปิโตเลียม ไม่แต่งสีแต่งกลิ่น ไร้สารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น

สเปรย์กันยุง

ขวดสเปรย์กันยุง Little Bear ออกแบบให้ใช้งานง่าย พกพาสะดวก ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน คุณแม่ก็พร้อมปกป้องลูกน้อยได้ตลอดเวลา เพียงแค่ฉีดลงบนผิวร่างกาย ผม หรือเสื้อผ้า รถเข็น ของเล่นลูกก็ได้ จะช่วยปกป้องได้นาน 7-8 ชั่วโมง สามารถใช้ได้กับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป  ในราคาสบายกระเป๋า

จากการพิจารณาของกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids รางวัล Rising Star เพื่อเฟ้นหา ผลิตภัณฑ์ใช้ดี มีคุณภาพ เหมาะกับคุณแม่ยุคใหม่ ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์น้องใหม่ ดำเนินธุรกิจไม่ต่ำกว่า 3 ปี และผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่วางจำหน่ายในตลาดไม่เกิน 5 ปี คุณภาพดี ใช้ได้จริง และเป็นสินค้าที่สามารถหาซื้อได้ในงาน Amarin Baby & Kids Fair พบว่า Little Bear เป็นผลิตภัณฑ์กันยุงสำหรับเด็กที่ผ่านเกณฑ์ในการพิจารณาครบถ้วน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ Little Bear สเปรย์กันยุงเด็ก ได้รับรางวัล RISING สาขา BEST MOSQUITO REPELLENT FOR KIDSจาก “Amarin Baby & Kids Awards 2021” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง” สำหรับคุณแม่ที่สนใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  เว็บไซต์ www.littlebearorganics.com และ เฟสบุ๊ค Little Bear Organics

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ 

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เบบี้ โมบี้ Baby Moby

ส่งความสุขให้คุณแม่มือใหม่ โมบี้ เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ PARN x MOBY …เมื่อศิลปะมาอยู่บนของใช้แม่และเด็ก

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โควิด ส่งผลกระทบต่อทุก ๆ คน มาเกือบ 2 ปีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ต้องกังวลกลัวการติดเชื้อ ออกไปไหนก็ไม่ค่อยได้ เด็ก ๆ ต้องเรียนออนไลน์ งานก็ต้อง work from home อีก ความเครียดเหล่านี้สะสมอยู่เรื่อย ๆ ทำให้คุณแม่หลายคนอาจจะท้อ เหนื่อย และรู้สึกหมดไฟในการเลี้ยงลูก

“เบบี้ โมบี้” แบรนด์สำลีและของใช้แม่และเด็ก เจ้าของแพคเกจ “หมีสีเหลือง” ผุดไอเดียทำ Emotional marketing เพื่อให้กำลังใจคุณแม่ในการเลี้ยงลูก ด้วยการเชิญ “ครูปาน” สมนึก คลังนอก ศิลปินเจ้าของลายเส้นหญิงสาวและดอกไม้ มาวาดลายพิเศษลงบนถุงเก็บน้ำนมแม่ และผ้าเปียก ในคอลเลคชั่นพิเศษ PARN x MOBY, Because a mom can.

Baby Moby

ศนิภร ภู่พันธ์ศรี และภคมน วาจาวุทธ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งแบรนด์เบบี้ โมบี้ เผยว่าการ Collab ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะการพูดคุยกับลูกค้าในช่วงนี้ รู้สึกได้ถึงความลำบากของคุณแม่ในยุคโควิดโดยเฉพาะความท้อ และขาดกำลังใจในการเลี้ยงลูก  ทางเเบรนด์จึงคิดอยากจะช่วยคุณแม่ ผ่านทางศิลปะ ซึ่งเป็น Universal language ที่ช่วยให้ทุกคนผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้น

การได้เห็นงานศิลปะสวยๆอยู่บนสินค้าที่ใช้เป็นประจำทุกวัน จะเป็นการส่งต่อกำลังใจไปให้คุณแม่ให้คุณแม่รู้สึกว่าคุณแม่ทำได้นะ..สู้ ๆ นะ เป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ Because a mom can เพราะเราเชื่อว่าคุณแม่ทุกคนทำได้

ครูปาน สมนึก คลังนอก ศิลปินนักวาดภาพประกอบ เล่าว่า จากแนวคิด Because a mom can ครูตีความหมายมาเป็น คุณแม่ในคาแรคเตอร์ ต่าง ๆ กัน 4 แบบ มีทั้ง Working mom, Active mom, Fashionista mom, Sweet mom ที่ต่างคนจะต่างมีลักษณะเฉพาะตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตังเองชอบ แต่ทุกๆคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ใส่ใจในตัวลูกและครอบครัว ครูปานอยากจะสื่อผ่านรูปวาดแม่ ๆ เหล่านี้ว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่แบบไหน ก็มีความสุขกับการเลี้ยงลูกได้”

คอลเลคชั่นนี้นับว่าเป็นการนำมุมมองใหม่ๆของศิลปะ มาดีไซน์เพื่อเอาใจคุณแม่โดยเฉพาะ จากที่ปกติสินค้ากลุ่มแม่และเด็กจะเน้นเด็กเป็นทาร์เก็ตหลัก  และการที่ เบบี้ โมบี้ กล้าที่จะเล่นกับจุดแข็งของบริษัทอย่าง แพคเกจจิ้ง เอามาสร้าง emotional connection กับลูกค้า ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่จะมาช่วยให้ตลาดแม่และเด็กคึกคักขึ้นในช่วงนี้

เบบี้ โมบี้

สำหรับคอลเลคชั่น PARN x MOBY จะประกอบไปด้วย

  • ถุงเก็บน้ำนมแม่ ขนาด 5oz และ 8oz
  • ผ้าเปียก ขนาด 20แผ่น และ 80แผ่น
  • เซทคุณแม่นักปั๊ม PARN x MOBY (ถุงเก็บน้ำนมแม่, ผ้าเปียก, ถุงสต๊อก, ถาดพลาสติกลาย PARN x MOBY, การ์ดลาย PARN x MOBY)

มีวางขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

Official shop: https://www.babymoby.com/

LineOA: @babymoby https://lin.ee/f0U4Eim

FB: https://www.facebook.com/babymoby

Instagram: https://www.instagram.com/babymoby_official/

ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป

ลูกต่อรองเก่ง

เผยสาเหตุที่ ลูกชอบต่อรอง พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกต่อรองเก่ง!

ลูกชอบต่อรอง – สำหรับคนเป็นพ่อแม่ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่คุณเป็นเด็กจนเติบโต เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน ล่วงเลยมาจนมีลูกอย่างทุกวันนี้ คุณเคยเจอใครที่นิสัยดื้อดึงและเต็มไปด้วยข้อแม้มากมายมากไปกว่าลูกของคุณ ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้สิ่งที่เขาต้องการมั้ยคะ? วันนี้เรามาเจาะลึกถึงพฤติกรรมการชอบต่อรองของเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กวัย ที่เริ่มเป็นตัวของตัวเองกันค่ะว่าเป็นเพราะอะไร พร้อมวิธีรับมือที่จะช่วยให้พ่อแม่หาทางออกได้เมื่อลูกชอบต่อรอง

การต่อรองและการร้องขอ ดูเหมือนจะเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงของเด็กๆ เวลาที่ต้องการความเห็นชอบจากพ่อแม่ในเรื่องต่างๆ อาทิ ขอกินขนม ขอดูมือถือ ขอซื้อของเล่น หรือในขณะที่พ่อแม่พยายามจะเอาตัวลูกไปอาบน้ำ หรือ พยายามจะให้กินข้าว แต่ลูกยังไม่อยากทำสิ่งเหล่านั้น ก็มักจะมีท่าทีต่อรองสร้างข้อแม้ต่างๆ นานา ดูเหมือนเด็กๆ จะคิดว่าพ่อแม่จะต้องยอมใจอ่อนต่อสิ่งที่พวกเขาร้องขอทุกครั้งไป จึงใช้ความพยายามที่มีสร้างข้อแม้และข้อต่อรองต่างๆ อย่างไม่รู้จบ ซึ่งจริงๆ แล้วพ่อแม่เองก็อาจไม่อยากจะยอมหรือตามใจเสมอไปแต่ไม่รู้วิธีที่จะรับมือ จึงยอมลูกตลอดเวลาที่ลูกร้องไห้งอแง ซึ่งหากพ่อแม่ยอมบ่อยเข้า ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อตัวเด็กสักเท่าไหร่ เพราะในที่สุดอาจกลายเป็นเด็กที่ขาดความอดทนการยับยั้งชั่งใจ รับมือกับความผิดหวังได้ไม่ดีเมื่อเติบโตขึ้น

เผยสาเหตุที่ ลูกชอบต่อรอง พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกต่อรองเก่ง!

เช่นเดียวกับพฤติกรรมอื่นๆ ของเด็ก ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องเข้าใจต้นตอของพฤติกรรมของเด็ก เพื่อที่จะสามารถจัดการรับมือได้อย่างเหมาะสม โดยปกติแล้วพฤติกรรมต่างๆ ของเด็ก ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ความดื้อรั้น หรือ การต่อรอง ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็ก ซึ่งเด็กก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่ต้องการความสุขสมหวังเป็นธรรมดา โดยเด็กจะเริ่มมีพฤติกรรมสร้างข้อต่อรองกับพ่อแม่ในช่วงอายุประมาณ 3-4 ขวบ ซึ่งเป็นวัยที่เด็กจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองและมีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น

วิธีรับมือเมื่อ ลูกชอบต่อรอง

หากลูกของคุณคร่ำครวญ อ้อนวอน และรังควานอย่างหนัก จนกว่าคุณคิดว่าเกือบจะทนไม่ไหว กลยุทธ์ด้านวินัยเหล่านี้สามารถช่วยคุณสอนลูกว่า “ยังไงก็ไม่มีทางที่พ่อแม่จะยอม”

1. ลูกชอบต่อรอง ต้องไม่ยอมจำนน

เด็กส่วนใหญ่เรียนรู้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยว่าการอ้อนวอนพ่อแม่ให้ยอมจำนนต้องการร้องขอ เป็นหนึ่งในอาวุธที่ดีที่สุดที่พวกเขามี แต่ทุกครั้งที่คุณยอมทำตามคำอ้อนวอนของลูก จะยิ่งตอกย้ำให้ลูกรู้สึกว่าการรบกวนพ่อแม่ด้วยการอ้อนวอนร้องขอเป็นวิธีที่ดีและใช้ได้ผลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นควรปฏิบัติให้ชัดเจนว่าการร้องขอของพวกเขาจะไม่มีทางได้ผล อธิบายอย่างชัดเจนว่าการร้องขอต่างๆ จะไม่ทำให้พ่อแม่เปลี่ยนใจ หากพ่อแม่ชัดเจนว่าต้องการอะไรจากลูก จะส่งผลให้เด็กสามารถปรับตัวได้เร็ว ข้อสำคัญคือพ่อแม่ต้องมีกฎและวินัยในตนเองที่จะบังคบใช้กับลูกได้อย่างเหมาะสม

2. สงบสติอารมณ์ อยู่ในความสงบ

เป็นธรรมดาเวลาที่ลูกของคุณประพฤติตัวไม่เหมาะสม อาจทำให้เราสูญเสียความสงบเยือกเย็น ซึ่งจะตอกย้ำให้เด็กๆ รู้สึกว่าพวกเขามีพลังและอำนาจเพียงพอที่จะทำให้คุณอารมณ์เสีย เพราะยิ่งคุณหงุดหงิด หรือ รำคาญกับการร้องขอต่อรองของลูกมากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะยอมจำนนต่อลูกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หรือ อาจเผลอดุลูกด้วยอารมณ์ ทางที่ดีควรหายใจเข้าลึกๆ ถอยห่าง หรือนึกถึงผลลัธ์ที่ดีในภายหลังหากคุณสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ของลูกได้ นอกจากนี้ การตอบสนองลูกด้วยอารมณ์โกรธ หรือดุลูกด้วยถ้อยคำและท่าทีรุนแรงจากการที่เรากำลังอารมณ์เสีย จะทำให้ลูกซึบซับความก้าวร้าวรุนแรงไว้ในจิตใจซึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี

ลูกต่อรองเก่ง
ลูกต่อรองเก่ง

​3. ไม่หวั่นไหวไปตามการร้องขอของลูก

การเพิกเฉยพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ ทั้งคำพูด ท่าที สายตา นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้การควบคุมตนเองแล้ว ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการหยุดนิสัยที่ไม่ดีต่างๆ ของเด็กๆ เทคนิคคือ อย่าพูดซ้ำว่าลูกต้องหยุดหรือเงียบ เพราะจะดูเป็นการเพิกเฉยที่ไม่จริงจัง เพียงแค่หันหลังและไม่ให้ความสนใจกับลูกของคุณตราบใดที่ลูกงอแงไม่มีเหตุผล เมื่อเด็กๆ ตระหนักว่าการพยายามเรียกร้องความสนใจไม่ได้ผล ในที่สุดท่าทีในการเรียกร้องของลูกจะอ่อนลงเอง

10 นิสัยที่ควรสอนลูก ปูทางให้เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

7 เคล็ด(ไม่)ลับ สอนลูกให้ซื่อสัตย์ ตรงมาตรงไป โตไปไม่โกง

อย่าหาทำ! 10 ข้อผิดพลาดในการ สั่งสอนลูก ที่พบได้บ่อย!

เป็นปกติที่พฤติกรรมของเด็กๆ อาจจะแย่ลงก่อนที่จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเพิกเฉย  ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าลูกของคุณขึ้นเสียงหรือทำพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคุณ หากลูกไม่พอใจที่คุณไม่โต้ตอบ ให้ถือว่าการเพิกเฉยเป็นแนวทางจัดการกับพฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพ เมื่อเด็กๆ รู้สึกว่าไม่ได้รับความสนใจจากคุณ แม้จะพยายามเรียกร้องความสนใจอย่างเต็มที่ ในที่สุด เด็กๆ จะรู้สึกเหนื่อยและล้มเลิกเมื่อความพยายามไม่ประสบความสำเร็

4. ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งขึ้น

หากพฤติกรรมของลูกข้ามเส้นสู่สิ่งที่คุณไม่สามารถเพิกเฉยได้ เช่น ลูกร้องตะโกนเสียงดังในที่สาธารณะ หรือเริ่มดึงเสื้อผ้าของคุณ ให้เตือนหนึ่งครั้งด้วยการส่งสัญญาณว่าถ้าลูกทำแบบนี้ ก็จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ  เช่น ลองพูดว่า “ถ้าไม่หยุดตะโกน เราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แล้ววันนี้ลูกก็จะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง” หากลูกไม่ปฏิบัติตามที่คุณเตือน ให้ลงมือทำจริงตามคำเตือนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่พูดหรือยืนกรานว่าคุณจริงจังซึ่งจะทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ได้จริงจังต่อคำเตือนต่างๆ ดังนั้นให้ตัดสิทธิ์ของลูกตามคำเตือน  แสดงท่าทีให้ชัดเจนให้ลูกรู้ว่าเมื่อลูกข้ามเส้นก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่ตามมาตามที่พ่อแม่ได้บอกได้เตือนไว้แล้ว

5. ทำอย่างจริงจังไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูก หากคุณยอมแพ้ในวันที่คุณรู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้ คุณอาจหละหลวมในกฎเกณฑ์ ทุกครั้งที่คุณยอมแพ้ ลูกของคุณจะเรียนรู้ว่าวิธีอ้อนวอนสร้างข้อแม้ของพวกเขานั้นได้ผล และเด็กๆ จะมีแนวโน้มที่จะสร้างข้อแม้บ่อยขึ้น และจะเรียกร้องเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างหนีักข้อขึ้น ดังนั้นการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในท่าทีของพ่อแม่เช่น เดี๋ยวห้ามเดี๋ยวปล่อย จะเพิ่มปัญหาพฤติกรรมในระยะยาวได้

 

ลูกต่อรองเก่ง

 

6. สอนลูกจัดการกับความรู้สึก

เด็กเล็กๆ จะรังควานพ่อแม่ด้วยเหตุผลสองประการ คือ พวกเขาต้องการความสมหวัง และ ไม่อยากรู้สึกแย่ ดังนั้นเพื่อจัดการกับความรู้สึกเศร้าหรือผิดหวังที่เกิดขึ้นเด็กๆ อาจสร้างการรบกวนพ่อแม่เพื่อให้ทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นควรสอนลูกถึงวิธีจัดการกับอารมณ์ที่ไม่สบายใจต่างๆ  เช่น ความวิตกกังวล ความเศร้า และความโกรธ การควบคุมอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ลูกของคุณเติบโตเป็นคนที่มีความสุขในชีวิต

7. ชื่นชมและพูดคุยถึงปัญหา

เมื่อลูกมีท่าทีสงบหรือจัดการกับความรู้สึกและความต้องการของตัวเองได้ดีขึ้น ท่าทีในการชื่นชมลูก ของพ่อแม่ คือหัวใจสำคัญในการปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้กับลูก เช่น ชมว่า “เก่งมากลูก ที่ไม่เสียงดัง งอแง โวยวาย ” นอกจากนี้ การพูดคุยถึงเหตุและผลกับลูก คือ การเปิดโอกาสให้ลูกได้ทบทวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุและผล ซึ่งจะช่วยให้ได้ลูกทบทวนความเหมาะสมในพฤติกรรมของตัวเอง ช่วยเสริมสร้างความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดทางอารมณ์ EQ สามารถเข้าใจความต้องการของตัวเองและจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวเองให้เหมาะสมได้ดี

ในท้ายที่สุด การสอนทักษะในการเผชิญปัญหาที่ดีในเชิงรุกให้กับลูก ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ สามารถจัดการความรู้สึกของตนเองในลักษณะที่สังคมยอมรับได้เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น  ตัวอย่างเช่น สอนพวกเขาให้ระบายสีรูปภาพเมื่อพวกเขารู้สึกเศร้า หรือสอนพวกเขาให้เขียนบันทึกส่วนตัวเมื่อพวกเขาอารมณ์เสีย เมื่อพวกเขาควบคุมความรู้สึกได้ดีขึ้น พวกเขาก็จะไม่วิตกกับการพยายามควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่น หากลูกของคุณมีพฤติกรรมร้องขอทุกครั้งไป คุณอาจต้องการทำตามขั้นตอนและพิจารณาแนวทางปฏิบัติต่างๆ ทำตามขั้นตอนเพื่อส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีของลูก แล้วเด็กๆ จะมีพฤติกรรมที่ดีเป็นเด็กน่ารัก ร้องขอน้อยลงมีเหตุผลมากขึ้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : positiveparentingsolutions.com , verywellfamily.com , samitivejhospitals.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

7 เคล็ดลับ! สยบ ลูกขี้หงุดหงิด แบบไม่พึ่งหน้าจอ ลูกก็สงบได้!

ผลเสียของการ พูดประชดลูก พ่อแม่ต้องหยุด ถ้าไม่อยากให้ลูกเกลียด!

หมอประเสริฐแนะ บันได 4 ขั้น วิธีจัดการลูกดื้อ อย่างเข้าใจและได้ผลจริง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โควิดสายพันธุ์ใหม่

เดลต้าพลัส โควิดสายพันธุ์ใหม่ ติดง่ายกว่าเดิม!

โควิดสายพันธุ์ใหม่ – ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าสถานการณ์โควิดในประเทศไทยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในประเทศมีจำนวนลดลดลง กลับมีการพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ทั้งทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยกำลังเฝ้าจับตา ซึ่งได้แก่ สายพันธุ์ เดลต้าพลัส เชื้อกลายพันธุ์ที่คาดว่าสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ในการแพร่ระบาดอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าพลัสแล้วหนึ่งราย

เดลต้าพลัส โควิดสายพันธุ์ใหม่ ติดง่ายกว่าเดิม!

โควิดสายพันธุ์ใหม่ Delta Plus

เดลต้าพลัส ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่  AY.4.2 เป็นเชื้อกลายพันธุ์จากสายพันธุ์เดลต้าเดิม ที่ทางอังกฤษกำลังให้ความสนใจเนื่องจากมีการค้นพบในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการระบาดระลอกใหม่ในอังกฤษที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อหลายหมื่นคนต่อวัน ซึ่งพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ ติดสายพันธุ์เดลต้าพลัสถึง 6% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ล่าสุด พบว่าสายพันธุ์เดลตาพลัส มีการระบาดในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น โปแลนด์ เนปาล รัสเซีย จีน ตุรกี เดนมาร์ค และ อินเดีย  สำหรับในประเทศไทย กรมควบคุมโรคได้แถลงเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Delta Plus ในประเทศไทย ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ปัจจุบันรักษาหายแล้ว

โควิดสายพันธุ์ใหม่
โควิดสายพันธุ์ใหม่

เดลต้าพลัส อันตรายกว่าสายพันธุ์เดิมหรือไม่?

ยังไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือเสียชีวิตมากกว่าตัวแปรเดลต้า หรือสามารถหลบหลีกการป้องกันของวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าสายพันธุ์เดลต้าพลัสนั้นอาจติดต่อได้ง่ายกว่า และทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายกว่าก่อนสายพันธุ์ก่อนหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเผยว่า เดลตาพลัส ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 10-15% ซึ่งความเสี่ยงยังคงสูงที่สุดสำหรับผู้ที่มีอายุมากหรือมีภาวะสุขภาพพื้นฐานที่สำคัญ

ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์สองราย  Jeffrey Barrett ผู้อำนวยการโครงการ Covid-19 Genomics Initiative ที่ Wellcome Sanger Institute ในเคมบริดจ์ และ Francois Balloux ผู้อำนวยการ University College London Genetics Institute กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะแพร่เชื้อได้มากกว่า 10 ถึง 15 % เมื่อเทียบกับเชื้อเดลต้าเดิม ซึ่งถ้าหากหลักฐานเบื้องต้น ได้รับการยืนยัน AY.4.2 อาจเป็นสายพันธุ์ไวรัสก่อโรคโควิด-19 ที่สามารถติดต่อแพร่ระบาดได้รวดเร็วมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังติดตามสถานการณ์ของ “เดลตาพลัส” อย่างใกล้ชิด เนื่องจากตำแหน่งที่กลายพันธุ์ มี 2 ตำแหน่ง (Double Mutation) เกิดขึ้นบนยีนควบคุมการสร้างหนามของไวรัส ซึ่งส่วนนี้เอง ทำให้ไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์หลัก

โควิดสายพันธุ์ใหม่

อันตรายของโควิดสายพันธุ์เดลต้าพลัส

  • สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น
  • ต่อต้านการรักษาด้วยแอนตี้บอดี้
  • สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี
  • แพร่เชื่อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลต้าเดิม ถึง 15%

นักวิทยาศาสตร์และแพทย์กังวลแค่ไหน?

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว  “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” กล่าวว่า เดลต้าพลัสเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สมควรจะต้องระมัดระวัง แต่ยังไม่ต้องตระหนก เพียงแต่ให้ตระหนักว่าไวรัสมีความสามารถในการปรับตัว

ด้วยสายพันธุ์ เดลต้าพลัส ชื่อทางวิทยาศาสตร์ AY.4.2  สืบเชื้อสายมาจากสายพันธุ์เดลต้า (B.1.617.2) ที่ถูกพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020  เดลต้าเป็นสายพันธุ์โควิดที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก เกิดจากการที่ตัวแปรย่อยมีการกลายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้ไวรัสบุกเข้าไปในเซลล์ของร่างกายได้ง่าย

ขณะที่ในสหราชอาณาจักร ยกให้ เดลต้าพลัส เป็นกรณีของการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่น่ากังวลใจมากนัก โดยสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรได้ย้ายตัวแปร ‘Delta Plus’ ไปอยู่ในหมวดปรับลำดับให้เป็นสายพันธุ์ที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน (Variant Under Investigation) แต่ยังไม่ถือว่าเป็น “ตัวแปรที่น่าเป็นห่วง” หรือ ขึ้นบัญชีแดง ซึ่งเป็นหมวดที่มีความเสี่ยงสูงสุด  นักวิทยาศาสตร์ยังคงตรวจสอบหลักฐานเพื่อดูว่า AY.4.2 มีพฤติกรรมอย่างไร และน่าวิตกหรือไม่ ไวรัสมีวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ซึ่ง AY.4.2 เป็นหนึ่งใน 45 “สายพันธุ์ย่อย” ที่สืบเชื้อสายมาจากตัวแปรเดลต้า

นักวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ยังไม่พบสัญญาณอันตรายคล้ายกับครั้งที่ที่เกิดจากตัวแปรอัลฟ่าและเดลต้า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการแพร่กระจายของโรคไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการแพร่เชื้อจะไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะของการแพร่ระบาดได้ และคาดว่าไม่น่าจะเกิดการระบาดใหญ่ของ เดลต้าพลัส (AY.4.2) ถึงขั้นมาแทนที่เดลตาสายพันธุ์หลัก (B.1.617.2) เนื่องจากจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของเดลตาทั่วโลกในขณะนี้พบ AY.4.2 เพียง 23,096 ตัวอย่าง หรือเพียง 1.1 % เท่านั้น

ฉีดวัคซีนแล้ว ป้องกันเชื้อเดลต้าพลัสได้หรือไม่

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี วิเคราะห์ “โควิดเดลตาพลัส” ว่า คาดว่าเดลตาพลัสไม่น่ากังวลใจ วัคซีนที่ฉีดในปัจจุบันน่าจะเอาอยู่ เนื่องจากตำแหน่งที่กลายพันธุ์นั้น ยังไม่กระทบกับโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของวัคซีนต่อภูมิคุ้มกันของมนุษย์

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ กล่าวว่า วัคซีนป้องกันที่มีอยู่ยังคงมีประสิทธิภาพในการปกป้องชีวิต ด้วยการลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยที่รุนแรง การวิเคราะห์โดยสาธารณสุขอังกฤษพบว่า วัคซีนไฟเซอร์หรือแอสตร้าเซเนก้าสองโดส มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ต่อการรักษาในโรงพยาบาลสำหรับ Covid-19 ที่เกิดจากสายพันธุ์เดลต้า อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนจะได้รับปริมาณที่แนะนำเพื่อให้ได้รับการปกป้องสูงสุดจากตัวแปรที่มีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่

 

โควิดสายพันธุ์ใหม่

 

ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ออกมาตรการป้องกันเดลต้าพลัสโดยเฉพาะ แต่มาตรการที่แนะนำ เพื่อป้องกัน COVID-19  ที่ยังถือว่ามีประสิทธิภาพ ได้แก่ การล้างมือ สวมหน้ากาก รักษาระยะห่างจากผู้อื่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสปาก จมูก หรือตา เมื่ออยู่นอกบ้านหรือแม้แต่ในบ้าน หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดในอาคารที่มีการระบายอากาศไม่ดีโดยเฉพาะบริเวณที่ผู้คนกำลังมีการติดต่อพูดคุย ทางที่ดีควรเข้ารับการทดสอบหาการติดเชื้อหากมีอาการผิดปกติ และควรแยกตัวหากมีอาการป่วย นอกจากนี้สำหรับผู้ปกครองแล้ว การปลูกฝังให้เด็กๆ รู้เท่าทันอันตรายของเชื้อและการปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโรค เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้เด็กๆ เกิดความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี(HQ) เพื่อให้เด็กๆ รู้จักดูแลและป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ และเติบโตได้อย่างสมวัยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : irishtimes.com , matichon.co.th , bbc.com , Center for Medical Genomics

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อ่านเลย! ก่อน พาลูกไปฉีดวัคซีนโควิด พ่อแม่ควรรู้อะไรบ้าง?

คนท้องเป็นไข้ตัวร้อน ใช่อาการโควิดไหม อันตรายหรือไม่?

ทำความรู้จัก!! วัคซีน Pfizer ป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็ก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ห้ามเด็กดูจอ

หมอย้ำ! 4 เหตุผล ห้ามเด็กดูจอ งดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดก่อน 2 ขวบ

การให้ลูกเล่นโทรศัพท์ แท็บเล็ต ดูโทรทัศน์ มีผลเสียต่อเด็กอย่างไร ทำไมหมอถึงย้ำ ห้ามเด็กดูจอ งดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดก่อน 2 ขวบ นพ.ทัศนพงษ์ ตั้งพัฒนาศิริ เจ้าของเพจ คุณหมอพ่อลูกอ่อน “Doctor Daddy” มาเฉลย 4 ข้อเสียของการเลี้ยงลูกด้วยหน้าจอ พร้อมคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างเหมาะสม

เด็กติดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการเด็กอย่างไร ?

ทุกวันนี้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทในชีวิตประจำวันต่อทุกคนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีบทบาทกับตัวผู้ใหญ่เองหรือเด็กๆ ก็ตาม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะส่งผลต่อเด็กทั้งในทางที่ดีและไม่ดี และหากเสพสิ่งเหล่านี้มากเกินไปและไม่เหมาะสมก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กด้วยนั่นเองครับ

สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ วิดีโอเกม และอื่นๆอีกมากมาย อาจเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตมาสำหรับผู้ใหญ่ หรือผลิตมาสำหรับเด็กโดยตรงก็ตาม รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน

เคยมีการศึกษาวิจัยในประเทศไทยพบว่า ผู้ใหญ่มักจะให้เด็กดูโทรทัศน์ตั้งแต่อายุยังน้อยและใช้เวลาในการดูโทรทัศน์นานด้วย นอกจากนั้นยังมักปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์ตามลำพังอีกด้วย พ่อแม่บางคนยังมีความเชื่อว่าการดูโทรทัศน์น่าจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีและเร็วขึ้นด้วยซ้ำ

ทำไมถึง ห้ามเด็กดูจอ ก่อน 2 ขวบ?

เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เป็นวัยที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดีพอ ไม่สามารถแยกแยะสื่อกับเหตุการณ์จริง อีกทั้งยังมีพฤติกรรมการเลียนแบบ และได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อน รวมทั้งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในการนำมาปฏิบัติเป็นพฤติกรรมของตัวเด็กเอง จึงถือเป็นวัยที่ยังไม่ควรให้ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์

ส่วนเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปี ถึงแม้ว่าจะสามารถให้เด็กใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้บ้าง แต่เมื่อไรก็ตามที่เด็กใช้เวลากับสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากเกินไปย่อมส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม พัฒนาการ และสุขภาพของเด็กเช่นเดียวกัน

งดหน้าจอก่อน 2 ขวบ

4 ข้อเสียเด็กติดจอ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ส่งผลเสียกับเด็กอย่างไร ?

1. พัฒนาการในด้านต่างๆ ช้าลง

การที่เด็กใช้เวลากับสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากเกินไปย่อมส่งผลให้เด็กมีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ควรจะทำในวัยของเขาเหล่านั้นลดลง ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดเหล่านั้นล้วนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการ Power BQ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการของเด็กทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เล่นของเล่นต่างๆ ลดลง, ได้วาดภาพระบายสีน้อยลง, ไม่มีเวลาในการเล่นบทบาทสมมติ (PQ), คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือนิทานให้ฟังลดลง จึงไม่แปลกที่จะมีผลกับพัฒนาการของเด็กในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่และการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อมัดเล็ก และสติปัญญา (IQ) การใช้ภาษา การเข้าสังคม (SQ) อีกทั้งยังลดโอกาสการเรียนรู้ของเด็ก ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ (CQ) ลดจินตนาการ ไม่ได้ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (AQ) อีกด้วย

2. ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง

การที่เด็กมัวแต่สนใจสื่ออิเล็กทรอนิกส์ย่อมส่งผลให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง เล่นกับพ่อแม่น้อยลง มิกิจกรรมร่วมกับพี่ น้องและเพื่อนๆ น้อยลง หากพ่อแม่ที่ติดสื่ออิเลกทรอนิกส์ด้วยก็ยิ่งส่งผลให้ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กและสื่อสารกับเด็กลดลงมากขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับคนรอบข้าง ส่งผลต่อพัฒนาการโดยเฉพาะด้านภาษาของเด็ก ทำให้พัฒนาการทั้งการรับรู้ภาษาและการใช้ภาษาช้าลง ซึ่งมีหลายการศึกษาวิจัยสนับสนุนความสัมพันธ์เหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น พัฒนาการทางด้านภาษาเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับพัฒนาการด้านอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านการเข้าสังคม พัฒนาการทางด้านสติปัญญา พัฒนาการทางด้านอารมณ์ (EQ) จึงส่งผลให้พัฒนาการเหล่านี้ช้าลงด้วยนั่นเอง

3. พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปียังมีพฤติกรรมเลียนแบบและยังควบคุมตัวเองได้ไม่ดี  ได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวเป็นอย่างมาก สื่ออิเลกทรอนิกส์เหล่านี้ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน เนื่องจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันมีการแสดงออกซึ่งความรุนแรง ก้าวร้าว และพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมเต็มไปหมด เกมส์ต่างๆ ก็ล้วนแต่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะส่งผลต่อพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กเป็นอย่างมาก

4. สุขภาพร่างกายของเด็กมีปัญหา

  • โรคอ้วน : เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมาเนื่องจากการติดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้เวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ และการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง เกิดภาวะน้ำหนักเกินตามมา
  • สมาธิสั้นและภาวะซน มีการศึกษาวิจัยพบว่า ยิ่งเด็กเสพสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งส่งผลให้มีพฤติกรรมซนและสมาธิสั้นเมื่อเด็กโตขึ้น
  • ปัญหาการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมลูกไม่ยอมเข้านอนจากการติดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การนอนหลับช้ากว่าปกติ วิตกกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับ หรือระยะเวลาในการนอนหลับสั้นลงก็ตาม ซึ่งปัญหาในการนอนหลับนั้นล้วนส่งผลต่ออารมณ์ พฤติกรรม และการเรียนรู้ทำให้มีปัญหาเหล่านี้ตามมาอีกมากมาย
  • เกิดภาวะทางจิตเวชเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และการฆ่าตัวตายที่มากขึ้นในเด็กโตและวัยรุ่น

สื่ออิเล็กทรอนิกส์ส่งผลดีกับเด็กอย่างไร ?

สื่ออิเล็กทรอนิกส์อาจช่วยส่งเสริมทักษะด้านสังคม ภาษา และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนหนังสือได้หากคุณพ่อคุณแม่เลือกสื่อที่เหมาะสมและมีคุณภาพ แต่อย่างไรก็ตามต้องเป็นเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปี ขึ้นไปเพราะเด็กกลุ่มนี้จะมีความเข้าใจมากขึ้น และสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นนั่นเอง

แม่ทำงาน ลูกดูจอ

ข้อแนะนำเกี่ยวกับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสม

1. พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ห้ามเด็กดูจอ ในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ส่วนเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปี ให้จำกัดระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน

2. พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เหมาะสมต่อเด็ก สื่อที่มีเนื้อหารุนแรง ก้าวร้าว หรือเกี่ยวกับเรื่องเพศ เป็นต้น

3. พ่อแม่ควรเลือกสื่อที่เหมาะสมกับเด็ก และสร้างมาเฉพาะเด็กโดยตรง รวมทั้งดูสื่อเหล่านั้นไปพร้อมกับเด็ก คอยอธิบาย ให้คำปรึกษา แนะนำกับเด็กไปพร้อมๆ กับการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น

4. หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ พ่อแม่ควรมีการตั้งกฎเกณฑ์การรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างเหมาะสม มีการจำกัดเวลา กำหนดสถานที่ เป็นต้น

5. พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการที่พ่อแม่ติดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ล้วนส่งผลให้ความสนใจที่มีต่อลูกลดลงเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น หากพ่อแม่กำลังทำงานอยู่ไม่สามารถเล่นกับเด็กได้ ควรหากิจกรรมหรือของเล่นให้เด็กเล่นโดยไม่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ลูกเล่นอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่พ่อแม่ทำงานเพื่อความปลอดภัยของลูก

6. ควรจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม เช่น ในห้องนอนลูก ไม่ควรมีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อลดโอกาสการเข้าถึงสื่อเหล่านั้น

อย่าลืมว่ากิจกรรมการเล่นที่เหมาะสมตามวัยโดยปราศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี พฤติกรรมที่เหมาะสม สุขภาพที่แข็งแรง และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคุณพ่อคุณแม่นะครับ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


ติดตามเคล็ดไม่ลับ เลี้ยงลูกตามหลักการแพทย์ กับคุณหมอทัศนพงษ์

ได้ที่เพจ คุณหมอพ่อลูกอ่อน “Doctor Daddy”

คุณหมอพ่อลูกอ่อน doctor daddy

 

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

หมอแนะ! ของเล่นที่ดี เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-3 เดือน

ผลเสียของการให้ลูกเล่นโทรศัพท์ ทารกดูมือถือนานกระทบต่อความฉลาด!

เครื่องปั๊มนม

มิติใหม่ของการปั๊ม ต้องยกให้ imani เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย พกง่าย โดนใจสุด ๆ

สําหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สําเร็จ เพราะรู้ดีว่านมแม่เป็นสารอาหารที่ดีที่สุด สําหรับทารก แถมยังเป็นเสมือนวัคซีนตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องลูก ให้ห่างไกลจากโรคร้ายด้วย ดันนั้นคุณแม่จึงต้องเลือกใช้เครื่องปั๊มนมคุณภาพดี และเหมาะกับรูปแบบการใช้งานของตัวเอง

อีกปัญหาหนึ่งของเครื่องปั๊มนมที่มักพบเจอบ่อย ๆ คือ ปั๊มแรงแต่นมไม่ไหล ปั๊มแล้วเจ็บ หัวนมแตกหรือเป็นแผลถลอก แถมเครื่องปั๊มนมแบบเดิมยังใช้งานลําบาก ใหญ่เทอะทะ น้ำหนักมาก อุปกรณ์รุงรัง หรือเสียงดัง จนแอบเขินคนข้าง ๆ เวลาอยู่นอกบ้านหรือแม้แต่ที่ทํางานจริงไหมคะ

เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย

สําหรับคุณแม่ยุคใหม่อยากได้ทางเลือกใหม่ ๆ ของเครื่องปั๊มนมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทีม บ.ก. Amarin Baby & Kids ขอแนะนํานวัตกรรม เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย จากแบรนด์ ไอมานิ (imani) รุ่น imani i2 ซึ่งโดดเด่นทั้ง ดีไซน์และคุณภาพ มาเป็นอีกหนึงตัวช่วยที่อาจทําให้คุณแม่ลืมภาพเครื่องปั๊มนมที่คุ้นเคยไปเลย

Amarin Baby & Kids ยกให้ เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย imani ได้รับรางวัล Rising Star สาขา BEST
ELECTRIC BREAST PUMP จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย

อย่างแรกที่ต้องบอกเลยว่า เหมาะกับทั้งคุณแม่ฟูลไทม์และเวิร์กกิงมัม ซึ่งมีอะไรต้องทําหลายอย่างพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน หรืองานที่ออฟฟิศ เครื่องปั๊มนม IMANI รุ่น i2 ถูกออกแบบให้เป็น เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย ไม่ต้องพกอุปกรณ์เต็มกระเป๋า หรือมีสายระโยงระยางเกะกะกวนใจ แถมยังสามารถปั๊มนมได้โดยไม่ต้องใช้มือจับด้วยระบบแฮนด์ฟรี เพียงแค่ใส่กับบราชุดชั้นใน ก็ปั๊มนมพร้อมกับทํำภารกิจอื่น ๆ ได้โดยไม่เสียเวลา

ส่วนประกอบหลัก ๆ ของเครื่องปั๊มนม IMANI คือเครืองปั๊มขนาดเล็ก น้ำหนัก เพียง 160 กรัม จํานวน 2 เครื่องที่แยกทํางานเป็นอิสระ ให้คุณแม่เลือกได้ว่าจะใช้แบบปั๊มเดียวหรือปั๊มคู่ ตัวเครื่องใช้งานได้นานสูงสุด 3 ชั่วโมงต่อการชาร์ตไฟ 1 ครั้ง และสามารถชาร์ตได้ทั้งไฟบ้านและพาวเวอร์แบงค์ ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดตอนอยู่นอกบ้าน ขนาดกะทัด รัด พกพาสะดวก เข้ากับการแต่งตัวทุกสไตล์ แบบไม่ต้องกลัวโป๊

มีโหมดการทํางานที่สอดคล้องกับกระบวนการผลิตน้ำนมของร่างกายคุณแม่ โดยมีทั้ง “โหมดนวด กระตุ้นน้ำนม” ที่เครืองจะนวดเบา ๆ บริเวณลานนม 3 -5 นาทีก่อนปั๊มจริง เพื่อช่วยให้น้ำนมไหลดีขึ้น ผ่อนคลายเต้านม ช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ดี

รวมถึง “โหมดปั๊มนมปกติ” ที่จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีต่อรอบ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้าพอดี หมดปัญหานมค้างเต้า ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างต่อเนื่อง มีระบบป้องกันน้ำนมไหลย้อนกลับระหว่างปั๊ม ระดับแรงปั๊มก็ปรับได้ตามใจถึง 5 ระดับเลยทีเดียว

เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย

เวลาใช้งานเพียงคุณแม่ติดตั้งเครื่องปั๊มนมเข้ากับกรวยปั๊มซึ่งมาพร้อมถ้วยเก็บ น้ำนมในตัวซึ่งเป็นพลาสติกใส มองเห็นปริมาณนมได้ชัดเจน จึงสามารถเก็บน้ำนมได้อย่างสะอาดปลอดภัย โดยไม่ต้องพกขวดนมให้วุ่นวาย ทุกชิ้นส่วนทําจากวัสดุคุณภาพดี คุณภาพสูง ผ่านมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง และอย. ทําความสะอาดง่าย คุณแม่จึงปั๊มนมได้อย่างคล่องตัวไม่ต้องแบกกระเป๋าเครื่องปั๊มนมหนัก ๆ อีกต่อไป

จากการพิจารณาของกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids รางวัล Rising Star เพื่อเฟ้นหา ผลิตภัณฑ์ใช้ดี มีคุณภาพ เหมาะกับคุณแม่ยุคใหม่ ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์น้องใหม่ ดําเนินธุรกิจไม่ต่ำกว่า 3 ปี และผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่วางจําหน่ายในตลาดไม่เกิน 5 ปี คุณภาพดี ใช้ได้จริง และเป็นสินค้าที่สามารถหาซื้อได้ในงาน Amarin Baby & Kids Fair พบว่า IMANI เป็นเครืองปั๊มนมที่ผ่านเกณฑ์ในการพิจารณาครบถ้วน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูก ใหญ่ที่สุด” ผู้นําด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจ ครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ เครื่องปั๊มนมแบบไร้สาย imani i2 ได้รับรางวัล RISING สาขา BEST ELECTRIC BREAST PUMP จาก “Amarin Baby & Kids Awards ” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

สําหรับคุณแม่ที่สนใจ ติดตามข้อมูล เพิ่มเติม ได้ที่ www.facebook.com/imanithailand

ติดตามอ่านบทความอื่นได้ที่

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่