Page 98 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เริ่มต้นดูแลผิวของลูกรักด้วย Aviiday Skincare สกินแคร์ออร์แกนิค100% เพื่อรักษาผิวสวยของลูกให้ยาวนานที่สุด

Aviiday Skincare (เอวี่เดย์ สกินแคร์) ก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาจากความรักของคุณแม่ที่มีต่อลูกในทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการปกป้องชีวิต แต่ยังต้องการป้องกันจุดเล็กๆ ที่ส่งผลเสียต่อลูกในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะการดูแลผิวที่คุณแม่มักไม่ให้ความสำคัญหรือมองข้าม ด้วยความคิดที่ว่าผิวลูกน้อยดีอยู่แล้ว ยังไม่จำเป็นต้องได้รับการบำรุงหรือป้องกัน จึงเกิดเป็นคำถามว่าแล้วเราจะปกป้องผิวของลูกได้อย่างไร เมื่อในท้องตลาดไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้เลย Aviiday จึงขอแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวออร์แกนิคสำหรับเด็ก 2 ไอเทมยอดฮิต สารสกัดนำเข้าจากประเทศเกาหลี ตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่ ให้ลูกน้อยสุขภาพผิวแข็งแรง ปลอดภัย ห่างไกลสารเคมีและสารกันเสีย

Aviiday skincare

Aviiday skincare

1. Avii Amy Facial Moisture & Sun Protection SPF25 ขนาด 50

ได้รับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021 สาขาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก

ผลิตภัณฑ์บำรุงและปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะ รังสี UVA/UVB และแสงสีฟ้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ด้วยส่วนประกอบจากออร์แกนิคนานาชนิด อุดมด้วยสารสกัด EOSIDIN จากส้มซัทซึมะจากเกาหลี ที่ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและคงความชุ่มชื้นยาวนาน จึงเหมาะสำหรับเด็กวัยที่เริ่มมีกิจกรรมนอกบ้าน สามารถปกป้องผิวก่อนออกไปเรียนรู้โลกภายนอกได้อย่างมั่นใจ สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ

คุณสมบัติ : ช่วยสร้างโครงสร้างผิววัยใสให้แข็งแรง และรักษาความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวให้ยาวนานขึ้น พร้อมสร้างเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะ รังสี UVA/UVB และแสงสีฟ้า

วิธีใช้ : ทาครีมให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอทุกเช้า ก่อนออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือเมื่อต้องเผชิญกับแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และแท็บแล็ต

Aviiday skincare Aviiday skincare

Aviiday skincare

2. Avii Ivan Smiley Whip Facial Wash ขนาด 100ml.

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับเด็ก สูตรออร์แกนิค100% เนื้อวิปโฟมหนานุ่ม อุดมด้วยสาร EOSIDIN ที่สกัดจากส้มซัทซึมะจากเกาหลี ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะและความอับชื้นจากการใส่หน้ากากอนามัย น้ำกุหลาบออร์แกนิค ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ไม่ทำลายสมดุลตามธรรมชาติ พร้อมกลิ่นหอมผ่อนคลาย จาก Natural Orange Sweet Oil ที่ช่วยให้เด็กมีความสุขกับการล้างหน้าทุกวัน

คุณสมบัติ : ทำความสะอาดผิวลูกน้อยจากมลภาวะ ไม่ทำลายความชุ่มชื้นและสมดุลผิวธรรมชาติ และลดการเสียดทานบนผิวหน้าอันบอบบางของเด็ก

วิธีใช้ : บีบวิปโฟมบนฝ่ามือ ถูบนใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

Aviiday skincare

Aviiday skincare

Aviiday Skincare สินค้าไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ช่วยดูแล บำรุงและป้องกันปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้น เหมาะสำหรับวัยเริ่มผจญภัยนอกบ้าน และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือคนทั่วไปที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เพราะทุกขั้นตอนผลิตจากธรรมชาติ ผ่านการรับรอง จากสถาบัน DermScan Asia ผ่านกลุ่มตัวอย่างในการทาทิ้งไว้นานถึง 48 ชม. ว่าไม่ระคายเคืองผิว อ่อนโยน ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ปราศจากสารเคมีอันตราย เพราะสารสกัดในการผลิตรวมถึงขั้นตอนการผลิตทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐานสถาบัน EcoCert Cosmos ระดับ Organic จากประเทศฝรั่งเศส

ทำให้มั่นใจได้ว่าไร้สารเคมีตกค้างบนร่างกาย ทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะรอบตัวที่เต็มไปด้วยมลพิษและสารเคมีที่ต้องเผชิญมลภาวะรอบตัวของลูกน้อยในทุกๆวัน

ยิ่งเริ่มดูแลผิวเร็ว ก็ยิ่งช่วยรักษาผิวสวยของลูกให้คงความชุ่มชื้น รักษาคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้คงอยู่ได้นานขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคบำรุงผิวสำหรับเด็กคุณภาพ Premium จาก Aviiday Skincare (เอวี่เดย์ สกินแคร์) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลูกที่คุณแม่หลายท่านต่างให้ความไว้วางใจ

ฝันว่าผมร่วง ทำนายฝัน

ฝันว่าผมร่วง ผมร่วงเต็มพื้นจะดีหรือร้าย..ทำนายฝันแม่นๆ

ฝันว่าผมร่วง ผมร่วงหมดหัว ฝันว่าผมร่วงเต็มพื้น ฝันร้ายจะกลายเป็นดีหรือไม่ ทำนายฝันได้ว่าอย่างไร เลขเด็ดงวดนี้จะมาตรง ๆ โดน ๆ ไหมมาฟังคำทำนายแม่น ๆ กันดีกว่า

ฝันว่าผมร่วง ผมร่วงเต็มพื้นจะดีหรือร้าย..ทำนายฝันแม่นๆ

ผมร่วง ปัญหาน่าหนักใจของทั้งคุณผู้หญิง และผู้ชาย เพราะส่งผลต่อบุคลิกภาพภายนอก ใคร ๆ ก็อยากให้ผมสวย ผมดูดี ดกดำ กันทั้งนั้นใช่ไหม ผมร่วงมาก ผมร่วงเยอะจึงเปรียบเสมือนฝันร้ายของใครหลาย ๆ คน

ฝันว่าผมร่วง ฝันว่าผมร่วงเต็มพื้น ฝันว่าผมร่วงจนหัวล้าน จึงเป็นความฝันที่หากเราตีความจากความรู้สึกคงเป็นฝันที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ คำทำนายฝัน ฝันว่าผมร่วง ความฝันเกี่ยวกับผมต่าง ๆ จะเป็นดีหรือร้ายกันแน่นะ อย่ามัวแต่คาดเดาเรามาฟังคำทำนายแม่น ๆ แถมท้ายด้วยเลขเด็ด เลขโดน เลขมงคลนำโชคมาให้แก่ดวงชะตาชีวิตของเราช่วงนี้กันเถอะ

ฝันว่าผมร่วง ฝันเกี่ยวกับผม
ฝันว่าผมร่วง ฝันเกี่ยวกับผม

 ฝันเห็นผม 

หญิงชายใดฝันว่า ได้ตัดผมตนเอง ทายว่า จะหมดเคราะห์ หมดทุกข์  ความฝันเกี่ยวกับ “ผม” เป็นความฝันลางร้าย แต่กลับกลายเป็นเรื่องดี แม้ในความฝันจะเป็นเหมือนเรื่องที่ทำให้เศร้าใจ ตกใจ เสียใจ แต่คำทำนายความฝันเกี่ยวกับผม นั้นมักเป็นเรื่องของการหมดทุกข์หมดโศก หมดโรคหมดภัย เสียมากกกว่า

เลขนำโชค

เลข 1 เด่น เลข 9 รอง, 19 18 16 196 918

ความฝันเกี่ยวกับเรื่อง ผม นั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ได้นำมาตีความ ทำนายฝันกันต่อไปอีก ไม่ว่าจะเป็น ฝันว่าหัวล้าน ฝันว่าสระผม ฝันว่าผมร่วงเต็มพื้น หรือฝันว่าผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เป็นต้น ดังนั้นเรามาดูกันดีไหมว่า คำทำนายจากร้ายกลายเป็นดีจะเป็นเช่นไรกัน

น่าอ่าน : ทำนายฝันแม่ ๆ ฝันแบบนี้ได้ลูกชายหรือลูกสาว

 ฝันว่าผมร่วง 

ต้องระวังเป็นพิเศษกับเรื่องสุขภาพของผู้ใหญ่ที่จะไม่ค่อยปกติ และเป็นเหตุให้ท่านกังวลใจ เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความพยายามจึงจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ โชคดีจะเกิดขึ้นจากคนที่คุณไปช่วยเหลือ

ความรัก

คนที่อยากมีกิ๊กบ้างคงต้องร้องเพลงรอเพราะอีกนานกว่าที่คุณจะสมหวัง คุณจะพบคนต่างเพศที่มีลักษณะต้องตาต้องใจ ไม่ว่าคุณยังโสดหรือไม่ก็ตาม อย่าเล่นหูเล่นตากับใครเขาเข้าล่ะ เพราะจะมีสัมพันธ์เกินเลย

ดวงการเงิน การงาน

ได้ลาภจากการพนัน เสี่ยงโชค โอกาศแบบนี้มีไม่บ่อยครั้ง น่าจะลองเสี่ยงดูบ้าง ใครที่รอผลการสัมภาษณ์งานจะมีเกณฑ์ดีได้เซ็นต์สัญญา การจ้างงานเกิดขึ้น สำหรับใครที่คิดอยากจะทำธุรกิจของตนเองนั้น ช่วงนี้เหมาะมากมีดวงทำมาค้าขายขึ้น

เลขเด็ด เลขนำโชค  : 64 85 18

ฝันว่าตัดผม ฝันว่าผมร่วง
ฝันว่าตัดผม ฝันว่าผมร่วง

 ฝันว่าผมร่วงเป็นกระจุก 

จะมีโชคอยู่ทางทิศเหนือ มาจากคนผิวสองสี หวังมีลูกก็จะได้มีลูก หวังคลอดธุรกิจใหม่ก็จะได้ทำดังใจคิด ช่วงนี้โชคลาภก็พอหาได้จากที่ไกลตัว คนอายุน้อยกว่าอาจนำปัญหาเข้ามาให้คุณ ควรควบคุมคำพูด อย่าพูดไม่คิด

ความรัก

คุณเป็นคนที่โชคดีมากเ พราะได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคนรักเป็นอย่างดี รู้สึกอบอุ่นใจ ใครที่ชอบมีความรักแบบปิดบังซ่อนเร้น ช่วงนี้จะรู้สึกร้อนรุ่ม เพราะกลัวความลับถูกเปิดเผย ปัญหาทางความรักจะมาจากอารมณ์ของคุณเอง ถ้าควบคุมอารมณ์ได้ดีก็ยังราบรื่นเป็นปกติดี คนโสดช่วงนี้ ยังไม่มีเรื่องทำให้ใจเต้นแรงสักเท่าไหร่

ดวงการเงิน การงาน

อย่าฝากใครเข้าทำงานเพราะจะมีปัญหาให้หนักใจ  ควรให้ผ่านพ้นช่วงปีนี้ไปก่อนแล้ว จะมีการติดต่อสร้างมิตรภาพใหม่กับชาวต่างชาติ ส่งผลให้การงานดีขึ้น เงินทองเข้ามาไม่ขาดสาย หากเริ่มงานที่ตนเองไม่ถนัดจะเดือดร้อนเพราะคนแปลกหน้า  ต้องมีสติ สมาธิ ความอดทนสู้กว่าปกติ แล้วทุกอย่างจะค่อย ๆ คลี่คลาย ทุกคนยอมรับในความสามารถของคุณในที่สุด

เลขเด็ด เลขนำโชค : 64 85 18

น่าอ่าน : ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ฝันแบบนี้ดีหรือร้าย?

 ฝันว่าหัวล้าน 

จะมีโชคอยู่ทางทิศตะวันออก มาจากคนผิวสองสี มิตรรักจะแปรพักตร์เป็นอย่างอื่น คอยระวังไว้ด้วย มีแต่คนคอยสร้างปัญหาให้คุณอยู่เสมอ ความสำเร็จมักได้มาจากการพยายามของตัวเอง

ความรัก

คนที่มีกิ๊กจงระวังไว้ เพราะอีกไม่นานงานจะเข้าคุณ งานนี้อาจถึงเลิกลากันไปเลยก็ได้ คุณจะได้รับการแนะนำจากญาติผู้ใหญ่ให้รู้จักกับคนนิสัยดี จิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น คุณมีโอกาสที่จะได้คู่รักเป็นคนต่างชาติ คน ๆ นี้ดูดีเลยทีเดียว คนโสด เกณฑ์เนื้อคู่ช่วงนี้ยังห่างไกลนัก หาอะไรทำแก้เหงาไปพลาง ๆ เสียก่อน

ดวงการเงิน การงาน

ระวังจะมีมือดีมาล้วงกระเป๋าเอาได้ง่าย ๆ ต้องระมัดระวังมากขึ้นจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่รู้จัก หรือคนใกล้ชิด คนทำงานราชการระวังเรื่องการ ขยับขยายตำแหน่งหน้าที่ อาจจะมีคนไม่พอใจ ขัดแข้งขัดขากันได้ คุณอาจจะมีเกณฑ์การเปลี่ยนแปลง ย้ายที่ทำงาน หรือย้ายแผนก หรือมีการปรับตำแหน่งที่สูงขึ้นจากเดิม จะมีงานเข้ามาให้รับผิดชอบมากกว่า 1 งาน แต่มีเกณฑ์ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี

เลขเด็ด เลขนำโชค : 05 28 48

ฝันว่าผมร่วง จนหัวล้าน
ฝันว่าผมร่วง จนหัวล้าน

 ฝันว่าผมร่วงเต็มพื้น 

การเสี่ยงโชค จงแสวงโชคจากคนที่ไม่รู้จักมาก่อนและมาจากทางทิศตะวันออก ให้ระวังเรื่องสุขภาพของคนที่บ้าน จะมีเรื่องร้อนใจไม่สบายที่มาจากพี่น้องของคุณเอง จะได้รับข่าวดีเกินคาดจากเพื่อนหรือผู้คุ้นเคยในทางบวก

ความรัก

คนโสดจะได้พบคนที่ต้องตาต้องใจก็ต่อเมื่อได้เดินทางไปไหนสักแห่ง คุณจะมีโอกาสได้ไปร่วมงานมงคล และอาจจะพบคนที่ถูกใจ จนถึงขั้นเกิดเป็นความรักได้ อารมณ์ของคุณในระยะนี้ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยมาก และมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คนมีคู่แล้วให้ระวังมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับแฟน ด้วยเรื่องเพื่อนสนิท ต้องหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดชนวนขัดแย้ง

ดวงการเงิน การงาน

สำหรับคนทำธุรกิจที่ต้องให้เครดิต จะเกิดมีปัญหาผิดนัดการจ่าย หรือมีโอกาสถูกฉ้อโกงได้ หากมีคนมาชวนลงทุนช่วงนี้ สามารถทำได้ และจะเป็นธุรกิจที่นำไปคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ทุนรอนที่สะสมไว้จะถูกนำออกมาใช้เพื่อลงทุนการค้าบางอย่างแต่จะประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี คุณจะหาเงินได้ก้อนใหญ่จากกิจการที่คุณทำอยู่และอาจมีผู้มาร่วมลงทุนกับคุณเพิ่มจากเดิม อาจมีเหตุให้ต้องเดินทางไกล แต่เป็นการเดินทางที่ดี  นำโชคนำลาภมาสู่ตัว

เลขเด็ด เลขนำโชค : 59 01 583

 ฝันว่าสระผม  

คุณจะถูกคนชั้นสูงรังแก มีโอกาสเจ็บป่วยหรือเลือดตกยางออกได้ จะเจอเรื่องขุ่นมัว เสียใจ กับสิ่งที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คาดหวังหรือหวังไว้แล้วไม่เป็นดังหวัง ให้ระวังเรื่องทรัพย์สิน ของมีค่า ของมีค่าทางใจจะชำรุดเสียหาย เพื่อนที่เคยสนิทก็จะหายหน้า ตีตัวออกห่าง

ความรัก

คนมีแฟนระวังมีปากเสียงกัน ให้หาเวลาไปเที่ยวตากอากาศกันบ้าง เพื่อผ่อนคลาย และเปลี่ยนบรรยากาศด้วย ความรักหากมีปัญหากันก็ต้องค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จา อย่าด่วนตัดสินใจพูดอะไรโดยไม่คิด เพราะจะทำให้คุณมานั่งเสียใจภายหลัง ระวังจะมีเรื่องที่ต้องขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้งกับคนรักอย่างรุนแรง ความลับที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปิดบังเอาไว้อาจถูกเปิดเผย ทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน ส่วนคนที่ดูใจกันอยู่ ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ชัดเจนจะยิ่งแย่กว่าเดิม

ดวงการเงิน การงาน

จะมีผลให้การงานล่าช้ากว่าที่นัดหมาย ระวังจะถูกตำหนิได้ ต้องใช้ความพยายามอดทนสูง ใครที่กำลังประกอบกิจการ จะเจริญก้าวหน้า แต่ระวังจะมีคนคิดอยากจะก๊อปปี้งานในแบบของคุณ การเงินมีรายรับดีมาก เป็นเดือนที่รู้สึกคล่องตัวเป็นพิเศษ ส่วนผู้ที่มีงานประจำ กินเงินเดือนระวังเงินขาดมือ ไม่พอใช้

เลขเด็ด เลขนำโชค : 55 05 09 259 270 570

น่าอ่าน :

ฝันว่าตัดผม ฝันว่าสระผม
ฝันว่าตัดผม ฝันว่าสระผม

 ฝันว่าผมร่วงเป็นหย่อม ๆ 

จะมีโชคอยู่ทางทิศใต้ มาจากคนผิวสองสี เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความพยายามจึงจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ คุณจะมีลาภจากความเสน่หา แต่ต้องระวังคนคิดร้าย จ้องใส่ร้ายป้ายสีตลอดเวลา

ความรัก

หากคุณมีคู่รักคู่ครองแล้ว จะมีช่วงห่างกันมากขึ้น แม้ว่าคู่ของคุณจะยังคงหวานไม่เปลี่ยน แต่ตัวคุณเองนั่นแหละที่อาจจะเผลอใจไปบ้าง เพราะช่วงนี้จะมีอีกคนเข้ามาทำให้สับสน ให้ระวังอย่าเผลอใจ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว ความรักของคุณมักจะมาในรูปความเห็นใจซะมากกว่า แต่คุณก็ควรดูด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรัก หรือความสงสารกันแน่ อย่าอยู่ใกล้เพศตรงข้าม เพราะมีโอกาสหวั่นไหวต่อกันสูง

ดวงการเงิน การงาน

ต้องใช้ความหนักแน่น และพิจารณาปัญหาอย่างรอบคอบในการคิดการวางแผนงาน เรื่องการงานอาจจะมีเรื่องให้ต้องคอยแก้ปัญหาอยู่บ่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น รายจ่ายช่วงนี้ค่อนข้างมาก พยายามเก็บเงินเอาไว้ให้ดี สำหรับคนที่ทำอาชีพค้าขาย หรือทำธุรกิจส่วนตัวในเดือนนี้เป็นเดือนที่กำไรงาม มีเกณฑ์ได้ขยับ ขยายกิจการ เน้นเรื่องการพูดจาเจรจาหากพูดดี มีโอกาสสำเร็จในการงานสูง

เลขเด็ด เลขนำโชค : 45 75 89

 ฝันว่าตัดผม 

คุณมีเกณฑ์จะต้องระวังในเรื่องของการหลอกลวงจากมิตรใหม่ที่เข้ามาสนิทสนมกับคุณ จะมีงานสังสรรค์กับญาติมิตร อยู่ในช่วงเวลาของความลุ่มหลง รักสนุก พบปะสังสรรค์เฮฮา

ความรัก

คนที่อยากมีกิ๊กบ้างคงต้องร้องเพลงรอเพราะอีกนานกว่าที่คุณจะสมหวัง ความรักของคุณสดใสเป็นสีชมพูเลยนะ แต่ก็อย่าให้เกิดปัญหารถไฟหลายๆ ขบวนมาชนกันล่ะ เดี๋ยวจะงานเข้าไม่รู้ตัว อารมณ์ของคุณในระยะนี้ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยมากและมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้

ดวงการเงิน การงาน

อย่าให้ใครยืมเงิน ช่วงนี้โอกาสโดนเชิดเงินสูงต้องคิดตรึกตรองให้ดี ๆก่อนตัดสินใจ สิ่งที่ไม่ได้คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นและผลของมันก็คือ คุณจะประสบกับภาวะเงินขาดมือช่วงนี้ทางที่ดีให้พยายามหาเงินสำรองไว้ให้ได้ มากที่สุด ต้องแบกภาระงานหลายอย่าง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เลขเด็ด เลขนำโชค : 32 57 00

ฝันเกี่ยวกับผม จะดีหรือร้าย
ฝันเกี่ยวกับผม จะดีหรือร้าย

เกร็ดเล็ก ๆ เพิ่มความแม่น

เพื่อให้การทำนายฝันที่เราฝันนั้นแม่นยำมากที่สุด ก็อื่นควรตั้งจิต ระลึกถึงสิ่งแรกที่เรานึกถึงจากความฝันนั้น ๆ หรือสิ่งใดที่เรารู้สึกเป็นพิเศษกับความฝันนั้น ๆ จึงนำคำนั้นมาเป็นคำค้นหา ทำนายฝัน เช่น ฝันว่าได้ไปเที่ยวริมแม่น้ำ แล้วเจอเต่าเดินอยู่ริมน้ำ คำที่ควรใช้ในการทำนายฝันคือ คำว่า “เต่า” เป็นต้น

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก mthai.com/

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ทำนายฝัน ฝันว่าได้แต่งงาน ฝันว่าแต่งงาน หมายถึงอะไร?

เดลต้าพลัส โควิดสายพันธุ์ใหม่ ติดง่ายกว่าเดิม!

ลูกชายติดแม่ ลูกสาวติดพ่อ เหตุเพราะ “ปมเอดิปัส” “ปมอิเลคตร้า” ?

ตกใจ! ฝันว่าตัดผม อย่าเพิ่งรีบส่องกระจกเปิดทำนายฝันด่วน

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เบบี้โลชั่น

สุดยอด! เบบี้โลชั่น ออร์แกนิค แห่งปี 2021 ดูแลปกป้องผิวลูก อ่อนโยนจากธรรมชาติ

หนาวนี้..เลือกอะไรดี ดูแลผิวลูก! โลชั่นเด็ก มีมากมายหลายยี่ห้อ แต่แบบไหนจะช่วยผิวลูกนุ่มชุ่มชื้น ตามมาดู สุดยอด! เบบี้โลชั่น ออร์แกนิค แห่งปี 2021 ดูแลปกป้องผิวลูก อ่อนโยนจากธรรมชาติ โลชั่นดีที่แม่ห้ามพลาด!

เมื่อลมหนาวเริ่มมาเยือน อากาศเย็นๆ แบบนี้ คุณแม่ต้องดูแลลูกน้อยให้เพิ่มเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะเรื่องผิวของลูก  หากรับมือไม่ดี อาจทำให้ลูกน้อยผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และแสบได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะผิวของเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า และโครงสร้างผิว รูขุมขน และต่อมเหงื่อของเด็กยังต้องใช้เวลาปรับสภาพประมาณ 1 ปีหลังคลอด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมนอกท้องแม่ ในช่วงนี้เองคุณแม่ต้องช่วยดูแลผิวของลูกน้อยอย่างดี เพราะผิวหนังชั้นนอกยังกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้ไม่ดีพอ มีการสูญเสียน้ำในผิวได้รวดเร็ว จนแห้งลอกเป็นขุยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศค่อนข้างแห้ง

ซึ่งหากคุณแม่เลี้ยงลูกน้อยในห้องแอร์ หรืออยู่นอกบ้านที่มีอากาศเย็นๆ แห้ง ช่วงหน้าหนาว ก็จะทำให้ผิวของลูกน้อยสูญเสียความชุ่มชื่น เกิดปัญหาผิวต่างๆตามมา และเป็นสาเหตุให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว ใช้มือแคะ แกะ เกา จนทำให้เกิดการติดเชื้อได้

ดังนั้นคุณแม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เบบี้โลชั่นออร์แกนิค ที่นำเอาส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่อ่อนโยน ปลอดภัย เพราะนอกจากจะช่วยเติมความชุ่มชื้นและกักเก็บความยืดหยุ่นผิวตามธรรมชาติของลูกน้อย คืนความเนียนนุ่ม เสริมความแข็งแรงให้ผิวรับมือกับอนุมูลอิสระตามธรรมชาติแล้ว ส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติยังปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือมีสารอันตรายสะสมในผิวหนังด้วย  คุณสมบัติเหล่านี้รวมอยู่แล้วใน ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น เป็นโลชั่นบำรุงผิว สูตรอ่อนโยนจากธรรมชาติ ที่ทีม บ.ก. คอนเฟิร์มเลยว่าเหมาะสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิดจริงๆ

Amarin Baby & Kids ยกให้ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก
ที่ได้รับรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST SKINCARE FOR KIDS
จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

 

หากถามว่าเลือกโลชั่นแบบไหนถึงเหมาะกับสำหรับทารกแรกเกิดที่สุด ขอบอกว่า ดีนี่ เบบี้โลชั่น เป็น “โลชั่นสำหรับเด็ก” ยี่ห้อแรกที่คุณแม่ทุกคนไว้ใจหยิบใส่ตะกร้าก่อนใคร เพราะ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น สีเขียวขวดนี้ช่วยดูแลผิวของลูกน้อยแสนบอบบางได้ตรงจุด ทั้งเป็นเกราะป้องกันผิวของลูกน้อยแรกเกิด และช่วยป้องกันผดผื่นที่มักพบบ่อยในช่วงวัยนี้

ด้วยการพัฒนาสูตรเป็นพิเศษเพื่อให้ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น มีความอ่อนโยนมากที่สุด จากการใช้คุณค่ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์จากสารสกัดธรรมชาติ 7 ชนิด มาช่วยลดการระคายเคือง พร้อมกับเสริมความแข็งแรงให้กับผิวของลูกน้อย ที่อยู่ในเนื้อโลชั่น บางเบา ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ซึมซาบเร็ว ทาแล้วผิวนุ่ม ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมกลิ่นหอมละมุนใช้แล้วลูกตัวหอมน่าฟัดมากๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีอย่าง พาราเบน กลูเตน สีสังเคราะห์ แอลกอฮอล์ และที่สำคัญผ่านการทดสอบไม่แพ้ Hypoallergenic Tested

 

และความปังสุดว้าว ของ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บอกเลยว่าจัดเต็มสมกับการเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคเพื่อทารกแรกเกิดจริงๆ ด้วยการใช้ส่วนผสมหลักที่ผ่านการรับรองว่าออร์แกนิค ปราศจากขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • OSILIFT BIO ซึ่งเป็น 99.46% Organic Oat ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทำให้ผิวเนียนนุ่ม กักเก็บความชุ่มชื้นตลอดวัน ผิวยืดหยุ่นขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ อ่อนโยนแม้ผิวบอบบาง
  • และ GLYCEROLAT B ALOE VERA ซึ่งเป็น 99.90% Organic Aloe Vera เป็นวัตถุดิบที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว(Moisturizer), ปลอบประโลมผิว(Soothing) อุดมไปด้วยสาร Antioxidant ช่วยรับมือกับความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
  • ที่สำคัญที่สุดคือ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิค ซึ่งผ่านการรับรองและได้รับเครื่องหมายรับรองจากสถาบัน ECOCERT (Certificate รับรองตามเอกสารแนบ1) ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรอง ” มาตรฐานการควบคุมกำกับกระบวนการแบบอินทรีย์ ” ของประเทศฝรั่งเศส

เกราะปกป้องผิว ให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ปราศจากสารเคมีอันตราย ที่อาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และระคายเคือง คือ ไม่มีพาราเบน กลูเตน สีสังเคราะห์ แอลกอฮอล์ และที่สำคัญผ่านการทดสอบไม่แพ้ Hypoallergenic Tested

จากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของรางวัล NATURAL & ORGANIC ซึ่งมอบให้กับผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสำหรับเด็ก ที่ทำจากส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ  หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ความปลอดภัยและเสริมสร้างสุขภาพของลูกน้อย ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ (Natural) หรือ สารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ (Natural Origin)หรือมีส่วนประกอบออร์แกนิคอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่า
  • เป็นส่วนผสมที่ผ่านการรับรองจากมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล หรือมีส่วนผสมออร์แกนิค ต้องเป็นส่วนผสมที่ผ่านการรับรองจากมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล โดยมีเอกสารรับรองมาตรฐานยืนยัน
  • มีข้อความบนผลิตภัณฑ์หรือเอกสารระบุชัดเจนถึงสารสกัดธรรมชาติ หรือส่วนผสมออร์แกนิคที่ใช้
  • เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและเด็กที่ผ่านการผลิตอย่างเป็นมาตรฐาน และผ่านการทดสอบว่าปลอดภัยและอ่อนโยน

ทางกองบรรรณาธิการ Amarin Baby & Kids และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น ได้รับรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST SKINCARE FOR KIDS จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2021”

หากคุณพ่อคุณแม่สนใจ ดีนี่ ออร์แกนิค เบบี้โลชั่น ตอนนี้มีจำหน่ายที่ Lotus’s, Big C, Tops และห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าชั้นนำทั่วไป รวมถึงช้อปออนไลน์ง่ายๆที่ Lazada / Shopee/ JD Central พร้อมมีโปรโมชั่นสุดคุ้ม รับหน้าหนาว ซื้อ 1 แถม 1 ทุกสูตร

สามารถสอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ D-nee Facebook: www.facebook.com/DneeThailand

ติดตามอ่านบทความอื่นๆ

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021 

รีวิวของดีเพื่อลูก สบู่เหลวออร์แกนิค ดีนี่ อาบ-สระสุดอ่อนโยน ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คลอดลูกธรรมชาติ

คลอดลูกธรรมชาติ มีกี่ขั้นตอน? เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

ตอบทุกคำถามที่แม่ท้องอยากรู้ ทุกอย่างเกี่ยวกับการคลอดลูก คลอดลูกธรรมชาติ มีกี่ระยะ? เตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ทำอย่างไรให้คลอดลูกง่าย? อ่านได้ที่นี่

คลอดลูกธรรมชาติ มีกี่ขั้นตอน? เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

แม่ท้องทุกคนต่างรอคอยกับวันที่จะได้เห็นลูกในท้อง แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าการ คลอดลูกธรรมชาติ จะเป็นอย่างไรบ้าง? จะเจ็บแค่ไหน? จะปวดท้องคลอดนานแค่ไหน? และรู้หรือไม่ว่าการคลอดลูกมีขั้นตอน? มาทำความรู้จักขั้นตอนของการคลอดลูก ไว้เตรียมตัวเมื่อช่วงเวลาสำคัญของคุณแม่มาถึงกันดีกว่าค่ะ

3 ขั้นตอนของการ คลอดลูกธรรมชาติ

เมื่อคุณแม่อุ้มท้องครบ 9 เดือนแล้ว โดยในช่วงเดือนที่ 9 คุณหมอจะเริ่มนัดตรวจครรภ์ถี่ขึ้น เพื่อตรวจดูร่างกายของคุณแม่ว่าพร้อมที่จะคลอดหรือไม่ โดยการคลอดลูกนั้น แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกัน

ระยะที่ 1 ช่วงปวดท้องคลอด

ในช่วงนี้ คุณแม่จะเริ่มปวดท้องคลอด ซึ่งไม่ใช่การปวดท้องหลอก มดลูกจะบีบรัดตัวเพื่อให้ปากมดลูกเปิดออก โดยช่วงที่มดลูกบีบรัดตัวจะใช้เวลาประมาณ 30 ถึง 45 วินาทีและค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงและความถี่ จากทุก ๆ 20 นาทีเป็นทุก ๆ 5 นาที หากคุณแม่มีอาการปวดดังกล่าว ให้รีบไปพบคุณหมอเพื่อเตรียมตัวคลอดได้เลยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็จะตรวจปากมดลูกอีกที ว่าปากมดลูกได้เปิดออกได้กว้างพอที่จะคลอดหรือยัง หากปากมดลูกยังเปิดไม่ถึง 10 เซนติเมตร คุณแม่ก็จะยังต้องรอต่อไป โดยระยะนี้ เป็นระยะที่ใช้เวลามากที่สุดของทั้ง 3 ระยะในการ คลอดลูกธรรมชาติ (ข่าวดี คือเป็นระยะที่มีความเจ็บปวดน้อยที่สุด) ในแม่บางคนอาจมีช่วงปวดท้องคลอดเพียง 2 ชั่วโมงก็สามารถคลอดลูกได้เลย แต่ในแม่บางคน อาจใช้เวลาในการปวดท้องคลอดเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว

ปวดท้องคลอด
ปวดท้องคลอด

ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่คุณแม่จะเริ่มปวดท้องคลอดจริง ร่างกายมักจะมีสัญญาณเตือนให้รู้ว่าใกล้จะถึงเวลาคลอดแล้วนะ โดยสัญญาณเตือนก่อนคลอด มีดังนี้

  • มีมูกปนเลือดออกทางช่องคลอด

คุณแม่สามารถพบมูกเลือดไหลออกทางช่องคลอดภายในไม่กี่นาที เป็นชั่วโมง หรือบางรายเป็นวันก่อนการคลอด โดยมูกที่พบมีอยู่หลายลักษณะ ตั้งแต่มูกใส สีน้ำตาล สีออกชมพู หรือแม้แต่สีแดงสดเหมือนเลือด มีความหนืดและข้นคล้ายตกขาว

มูกนี้เป็นกลไกในการป้องกันแบคทีเรีย เชื้อโรค และสิ่งสกปรกทั้งหลายไม่ให้เข้าสู่มดลูก โดยร่างกายจะมีการสร้างชั้นเมือกหนาปกคลุมบริเวณปากมดลูกในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมในการคลอดจะทำให้เกิดการสลายเมือกเหล่านั้นออกมาทางช่องคลอด แต่ในบางรายก็อาจมีมูกเลือดออกมาในปริมาณที่น้อย

อ่านต่อ “มูก” แบบไหนใกล้คลอด มี มูกเลือดก่อนคลอด ทำอย่างไร

  • น้ำเดินหรือน้ำคร่ำเดิน

เป็นอีกอาการที่ค่อนข้างชัดเจนว่าใกล้คลอดแล้ว คุณแม่จะมีของเหลวเป็นน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากช่องคลอดเช่นเดียวกับมูกเลือด ส่วนมากจะไหลออกมาในปริมาณไม่เยอะแล้วหายไป แต่บางรายอาจมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดในปริมาณมาก โดยพบได้ 1 ใน 10 ของหญิงตั้งครรภ์

อาการเหล่านี้เกิดจากถุงน้ำคร่ำที่ห่อหุ้มตัวเด็กเกิดฉีกขาดหรือแตก เพื่อเตรียมตัวให้เด็กคลอดออกจากท้องแม่ แต่อาจทำให้หลายคนมักสับสนระหว่างน้ำปัสสาวะและน้ำจากถุงน้ำคร่ำ ซึ่งโดยทั่วไปของเหลวจากอาการน้ำเดินจะเป็นของเหลวใสและไม่มีกลิ่น

อ่านต่อ น้ำคร่ำแตก เป็นอย่างไร? แตกต่างกับกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือไม่

  • ตำแหน่งของท้องเคลื่อนต่ำลง

ทารกเริ่มมีการเคลื่อนตัวลงมาใกล้บริเวณกระดูกเชิงกรานมากขึ้น จึงทำให้เห็นได้ว่าตำแหน่งครรภ์ในช่วงใกล้คลอดอยู่ต่ำมากกว่าในช่วงตั้งครรภ์แก่ แต่ยังไม่คลอด ระยะนี้คุณแม่อาจจะหายใจได้สะดวกขึ้น เพราะแรงกดที่กระบังลมลดลง และอาจมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น

อ่านต่อ อาการ ท้องลด เป็นแบบไหน? ท้องลดตอนกี่สัปดาห์กันนะ

  • อาการท้องเสียหรือถ่ายเหลว

สำหรับคุณแม่บางท่าน ในช่วงเข้าสู่ระยะใกล้คลอด คุณแม่อาจพบอาการถ่ายเหลวหรือท้องเสีย เพราะร่างกายมีการสร้างสารคล้ายฮอร์โมนที่ชื่อ โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) เข้าสู่กระแสเลือด เพื่อเตรียมพร้อมกับการคลอด ทำให้มดลูกหดตัวและช่วยขยายปากมดลูกให้กว้างขึ้น แต่ก็กระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายมากด้วยเช่นกัน

  • ปวดหลัง

แม่ท้องส่วนใหญ่มักจะมีอาการอาการปวดหลัง โดยพบได้ถึง 1 ใน 3 ของผู้หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากหลังของเราอยู่ในลักษณะโค้งเป็นเวลานานหลายเดือน เพื่อรองรับทารกในครรภ์ และเด็กทารกอาจจะเคลื่อนตัวต่ำลงมาจนศีรษะอยู่ใกล้หรือชนกับกระดูกสันหลังแม่ ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดอาการปวดอย่างต่อเนื่องมากขึ้น

5 สิ่งที่ควรทำ เมื่ออยู่ในช่วงปวดท้องคลอด

  1. จับตาดูการหดรัดตัวของมดลูก คุณแม่ควรตรวจสอบเป็นระยะว่าการบีบตัวของมดลูกอยู่ใกล้กันเกิน 10 นาทีหรือยัง หากปวดทุก ๆ 10 นาที ควรจะรีบไปพบคุณหมอค่ะ ณ จุดนี้คุณไม่จำเป็นต้องจับเวลา แต่ให้ตรวจสอบเป็นระยะเพื่อดูว่าอยู่ใกล้กันเกิน 10 นาทีหรือไม่
  2. ทานอาหารเล็กน้อย การคลอดลูกนั้นใช้พลังงานมากพอสมควร ดังนั้น คุณแม่สามารถทานของว่างเบา ๆ ได้ เช่น ขนมปังปิ้ง เป็นต้น แต่ควรหลีกเรื่องอาหารที่มีไขมันเยอะ เช่น มันฝรั่งทอด และควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  3. ปัสสาวะบ่อย ๆ เพราะการกลั้นปัสสาวะอาจเป็นอุปสรรคต่อการคลอดลูกได้
  4. พักผ่อนเยอะ ๆ เข้าใจว่าเมื่อปวดท้องคลอดแล้ว การจะนอนให้หลับนั้นเป็นเรื่องยาก แต่หากคุณแม่ยังนอนหลับไหว ก็ควรเก็บแรงไว้เยอะ ๆ เพื่อรอเวลาคลอดจริงนะคะ
  5. คอยดูสัญญาณที่ควรจะต้องไปพบแพทย์ เช่น น้ำคร่ำแตกเป็นสีเขียวหรือสีน้ำตาล ไม่รู้สึกถึงสัญญาณของลูกดิ้น เป็นต้น

ระยะที่ 2 ช่วงรอคลอด

ใกล้จะได้เจอลูกน้อยแล้ว ในช่วงรอคลอดนี้ คุณแม่จะมีอาการดังต่อไปนี้

  • มดลูกบีบตัวรุนแรงขึ้น ในช่วงที่ปวดท้องคลอด ว่าปวดท้องมากแล้ว ในช่วงรอคลอดจะปวดมากกว่าเดิมค่ะ โดยทั่วไปจะกินเวลา 40 ถึง 60 วินาที นอกจากนี้ยังจะปวดบ่อยขึ้นด้วย โดยจะรู้สึกปวดทุก ๆ 3 – 4 นาที
  • ปากมดลูกเปิด โดยในช่วงรอคลอด ปากมดลูกจะเปิดจาก 4 – 6 เซนติเมตร เป็นประมาณ 7 – 8 เซนติเมตร
  • อาการต่าง ๆ ที่เป็นในช่วงปวดท้องคลอด จะมีเหมือนเดิม แต่อาการจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่ควรทำในช่วงคลอดจริง

  • เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลจะทำการตรวจประเมินและเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด เมื่อทำการตรวจประเมินเสร็จแล้ว คุณแม่จะได้ไปอยู่ในห้องรอคลอด เพื่อเข้าเครื่องตรวจสอบความดันโลหิต การบีบตัวตัวของมดลูก
  • ฝึกการหายใจ การหายใจเป็นสิ่งสำคัญในการคลอดลูก หากหายใจได้ถูกวิธี ก็จะทำให้การคลอดลูกง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น คุณแม่สามารถสอบถามพยาบาลเพื่อฝึกการหายใจตั้งแต่รอคลอดได้เลยค่ะ
  • ดื่มน้ำและทานอาหารเบา ๆ หากแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ผ่าคลอด คุณแม่สามารถทานอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานในการคลอดได้ค่ะ
  • แจ้งพยาบาลทันทีหากรู้สึกผิดปกติ หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าอาการที่เกิดขี้น เป็นเพราะอะไร หรือผิดปกติไหม ให้รีบแจ้งพยาบาลทันทีค่ะ ไม่ควรรอให้อาการหนักแล้วค่อยแจ้ง เพราะเราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นอันตรายต่อลูกในท้องหรือไม่

ระยะที่ 3 ช่วงคลอดจริง

ช่วงเวลาแห่งการรอคอยมาถึงแล้ว ช่วงที่คุณแม่จะเจ็บปวดที่สุด แต่ก็มีความสุขที่สุด เพราะจะได้เจอหน้าตัวน้อยที่รอมาตลอด 9 เดือนแล้ว ช่วงเวลาของการคลอดบุตร ปากมดลูกของคุณแม่จะเปิดเป็น 10 เซนติเมตร อาการหดตัวของมดลูกจะรุนแรงขึ้น และจะปวดทุก ๆ 2-3 นาที ในช่วงนี้อาการปวดจะรุนแรงที่สุดจากที่เคยปวดมา แต่ก็ใช้เวลาน้อยที่สุดเช่นกัน โดยทั่วไปจะใช้เวลาตั้งแต่ 15 นาที – 1 ชั่วโมง (แม้ว่าบางครั้งอาจใช้เวลานานกว่านั้น เช่น ประมาณ 3 ชั่วโมง) ตลอดช่วงการคลอดจริง คุณแม่จะพบกับอาการดังต่อไปนี้

  • การหดรัดตัวของมดลูกที่แรงและเจ็บปวดมาก ไม่ว่าคุณแม่จะได้รับการแก้ปวดหรือไม่ก็ตาม คุณแม่จะสัมผัสได้ถึงการหดรัดตัวของมดลูกที่รุนแรง และกินเวลานาน 60 ถึง 90 วินาที เนื่องจากการบีบตัวของมดลูกในช่วงนี้มีระยะห่างเพียงประมาณ 2 -3 นาที เท่านั้น จึงทำให้ดูเหมือนคุณแม่แทบจะไม่ได้ผ่อนคลาย เพราะเมื่อหายปวดการหดตัวครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้นอีก
  • ปากมดลูกของคุณแม่จะขยายจากประมาณ 7 ถึง 8 เซนติเมตรจนถึง 10 เซนติเมตร
  • แรงกดที่หลังและหน้าท้อง คุณจแม่ะรู้สึกได้ถึงแรงกดที่หลังส่วนล่างและ/หรือฝีเย็บร่วมกับแรงกดทางทวารหนัก
  • รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว คุณแม่อาจจะรู้สึกเหงื่อออก หนาวสั่น ตัวสั่นหรือปวด ขาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างอาจชาได้อย่างสมบูรณ์
  • เหนื่อยล้าและง่วงซึม เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกเหนื่อยในตอนนี้ เพราะกว่าจะผ่านช่วงปวดท้องคลอด และรอคลอดมา ก็ทำให้คุณแม่หมดแรงได้ง่าย ๆ
คลอดลูก
คลอดลูก

สิ่งที่ควรทำในช่วงคลอดจริง

ในช่วงนี้ คุณแม่จะต้องใช้กำลังกายและกำลังใจอย่างมหาศาล เพื่อให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน คุณแม่ก็จะรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้เจอหน้าลูกในท้องเช่นกัน บางครั้งจึงทำให้คุณแม่รู้สึก ทนไม่ไหว บางครั้งก็จะรู้สึกดี ดังนั้น ในระหว่างนี้ คุณแม่ควรทำสิ่งต่อไปนี้

  • อย่ากลั้นเมื่อมีลมเบ่ง การกลั้นจะทำให้มดลูกของคุณแม่บวมได้ และยังทำให้การคลอดเกิดความล่าช้าออกไปอีก คุณแม่ควรขอคำแนะนำในการควบคุมลมหายใจจากแพทย์หรือพยาบาลค่ะ
  • ควบคุมลมหายใจ พยายามผ่อนคลายระหว่างการหดตัวด้วยการหายใจเป็นจังหวะช้า ๆ ลึก ๆ
  • ต้องการอะไรให้แจ้งคุณพ่อ คุณหมอ หรือพยาบาล อะไรก็ตามที่คุณแม่รู้สึกดียิ่งขึ้น คุณแม่สามารถร้องขอได้เลยค่ะ
  • ขอยาแก้ปวด หากคุณแม่รู้สึกปวดจนทนไม่ไหว สามารถขอยาแก้ปวดได้ค่ะ
  • แม้ว่าปากมดลูกของคุณแม่จะเปิดถึง 10 เซนติเมตร แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคลอดโดยทันทีเลย คุณหมออาจจะให้คุณแม่รอจนกว่าให้ศีรษะของลูกลงต่ำ เมื่อถึงช่วงเวลานั้น คุณแม่จะรู้สึกถึงลมเบ่งที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้ นี่แหละค่ะ เป็นช่วงที่จะได้เบ่งคลอดอย่างแท้จริง
  • จับตาดูรางวัลจากการคลอด เมื่อคลอดแล้ว ความสุขที่สุดในชีวิตจะมาอยู่ในอ้อมแขนของคุณแม่ในไม่ช้า!!

สิ้นสุดกระบวนการคลอดแล้ว หากคุณพ่ออยู่ในห้องคลอด อย่าลืมที่จะถ่ายภาพครอบครัวภาพแรกเก็บไว้นะคะ ทีมแม่ ABK ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่าน ผ่านช่วงเวลาของการ คลอดลูกธรรมชาติ ไปได้โดยง่ายค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รวมคลิปการคลอดลูก นี่แหละที่เรียกว่า “ความเจ็บปวดที่งดงาม”

รวมเคล็ดลับ วิธีช่วยให้แม่ท้องคลอดง่าย

ฉีกกฎทุกการรีวิว! คุณแม่แชร์ประสบการณ์ การคลอดลูก แบบไร้ความเจ็บปวด

หมอสูติฯตอบ! คลอดลูก “แบบผ่ากับคลอดเอง” อะไรดีกว่ากัน?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : whattoexpect.com, pobpad.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ลูกกินไข่ทุกวัน

ลูกกินไข่ทุกวัน อันตรายไหม ให้กินมากน้อยแค่ไหนถึงจะพอดี

ลูกกินไข่ทุกวัน – ตั้งแต่เกิดจนโต เด็กต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของสมองและร่างกายมากน้อยแตกต่างกันไปตามวัย เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มกินอาหารแข็งได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มที่ประมาณ 6 เดือน พ่อแม่ต่างก็สรรหาอาหารการกินมาให้ลูกได้กินต่างๆ นาๆ ซ้ำบ้าง ใหม่บ้าง แล้วแต่โอกาสจะอำนวย บางครั้งเด็กอาจเบื่ออาหารทานได้น้อย พ่อแม่ก็ไม่รุ้ว่าจะคิดหาเมนูใหม่ๆ อะไรให้ลูกทานแล้วไม่เบื่อดี หลายทีก็จบลงด้วยเมนูอาหารยอดฮิตติดตู้เย็นอย่างไข่ มาเป็นส่วนประกอบในเมนู ทั้ง ไข่คน ไข่เจียว ไข่ฟู ไข่ดาว วนไป จนบางครั้งพ่อแม่อาจเกิดความสงสัยว่าการที่ให้ลูกกินไข่บ่อยๆ ทุกวันๆ เข้า จะเป็นอันตรายไหม เด็กควรกินไข่แค่ไหนถึงจะพอดี ดังนั้นวันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ

ลูกกินไข่ทุกวัน อันตรายไหม ให้กินมากน้อยแค่ไหนถึงจะพอดี

ขึ้นชื่อว่า ไข่ ไม่ว่าจะนำไปประกอบอาหารเมนูไหน ล้วนให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะไข่อุดมไปด้วยโปรตีน และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงมีสารอาหารอื่นๆ ที่หลากหลายทั้งแร่ธาตุและวิตามินอีกมากมาย อาทิ ธาตุเหล็ก  วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินอี วิตามินดี แคลเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต เลซิธิน ลูทีน ซีแซนทีน และโคลีน ที่ทั้งหมดล้วนให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และดีต่อสุขภาพสำหรับเด็กวัยกำลังโต อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่อาจเคยสงสัยว่าควรจำกัดจำนวนไข่ที่ให้ลูกกินในแต่ละวันหรือไม่ หรืออาจกังวลเกี่ยวกับปริมาณคอเลสเตอรอลในไข่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตราบใดที่ลูกของคุณไม่ได้รับ คอเลสเตอรอล และไขมันอิ่มตัวจากแหล่งโปรตีนอื่นๆ ในปริมาณมากจนเกินไป รวมถึงได้รับประทานอาหารที่หลากหลายในแต่ละวัน ลูกของคุณสามารถกินไข่ได้ทุกวัน หากต้องการ

สำหรับพ่อแม่ ไข่ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ราคาไม่แพง สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย และง่ายต่อการเตรียม ทั้งยังเป็นที่นิยมสำหรับเด็กๆ หลายคน สังเกตได้จากการเป็นอาหารเช้าที่ชื่นชอบของเด็กๆ ไข่เป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง อุดมไปด้วยมีวิตามินเอ และวิตามินบี 12  แต่นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ไข่ก็ยังเป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวซึ่งควรจำกัดเพื่อสุขภาพของหัวใจ ซึ่งหากเป็นไปได้คุณสามารถให้ลูกของคุณรับประทานไข่ได้วันละหนึ่งฟอง และเพิ่มความหลากหลายด้วยแหล่งโภชนาการของอาหารอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก

ลูกกินไข่ทุกวัน
ลูกกินไข่ทุกวัน

ปริมาณไข่ที่แนะนำให้เด็กบริโภคในแต่ละวัน

  • ทารก 6 เดือน เริ่มให้ไข่ต้มสุก 1/2 ฟอง ผสมข้าวบดในครั้งแรก ควรให้ในปริมาณที่น้อย และค่อยๆ เพิ่มขึ้น
  • ทารกอายุ 8-12 เดือน กินไข่ 1/2 – 1 ฟองต่อวัน
  • เด็กอายุ 1-5 ปี เด็กวัยเรียนและเด็กวัยรุ่น กินไข่ 1 ฟองต่อวัน

คุณประโยชน์ของไข่ สำหรับเด็ก

  • ช่วยให้เด็กเติบโต ได้อย่างแข็งแรง สมวัย

มีการศึกษาในต่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่าไข่มีบทบาทในการควบคุม และรักษาน้ำหนักของเด็ก การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าเด็กที่กินอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูงจากไข่จะกินแคลอรี่น้อยลงในมื้อกลางวัน พบว่าความหิวโดยรวมลดลงเมื่อเด็กๆ รับประทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูงจากไข่ อาหารเช้านั้นเพิ่มความสมบูรณ์ของเด็ก 32% ลดความหิว 14% และความปรารถนาที่จะกิน 30% เมื่อเทียบกับอาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต  ดังนั้นสำหรับการควบคุมน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ ไข่อาจเป็นกุญแจสำคัญ!

  • น้ำตาลน้อย

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคอ้วนเป็นที่แพร่หลายในอเมริกาเหนือคืออาหารที่อุดมด้วยน้ำตาลของเรา ตามรายงานฉบับหนึ่ง “หนึ่งในห้าแคลอรี่ที่ชาวแคนาดาบริโภคมาจากน้ำตาล”4 เยาวชนเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่บริโภคน้ำตาลสูงที่สุด ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ปราศจากน้ำตาล อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถปรุงด้วยวิธีอร่อย ๆ มากมาย ซึ่งเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการลดการบริโภคน้ำตาล

  • ป้องกันโรคภูมิแพ้

การให้เด็กได้ทานไข่ทั้งฟองเนิ่นๆ ตั้งแต่ยังเล็ก สามารถลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้ไข่ได้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่แนวทางการให้อาหารทารกล่าสุดจาก Health Canada, Canadian Pediatric Society, Dietitians of Canada และ the Breastfeeding Committee for Canada แนะนำให้ เด็กทารกได้ทานไข่ทั้งฟองทันทีที่อายุหกเดือน หรือทันทีที่ลูกน้อยของคุณเริ่มกินไข่ทั้งฟองได้

  • อุดมไปด้วยโปรตีน

ไข่เป็นอาหารโปรตีนที่สมบูรณ์ ไข่แต่ละฟองมีโปรตีน 6 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค โปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับร่างกายที่อ่อนเยาว์และจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์ใหม่และการสร้างเซลล์ใหม่ ไข่ช่วยให้เด็กโตขึ้นและแข็งแรงขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูก ๆ ของคุณกินไข่วันละหนึ่งฟองและคุณไม่จำเป็นต้องให้วิตามินรวมกับเขาเลย!

  • อุดมไปด้วยด้วยลูทีนและซีแซนทีน

ไข่เป็นแหล่งอาหารที่ดี ของลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับดวงตาที่แข็งแรง ให้วิสัยทัศน์ที่คมชัด และลดผลกระทบการเสื่อมสภาพของเม็ดสีและเรตินา

  • ไข่มีโคลีน

โคลีนมีหน้าที่สำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและสติปัญญาของเด็ก

  • ไข่มีโอเมก้า-3

โอเมก้า 3 ช่วยในการพัฒนาสมองในระยะแรก ความจำ และความเฉลียวฉลาดทางปัญญา นอกจากนี้การบริโภคไข่เป็นประจำ สามารถชะลอการเกิดโรคข้ออักเสบและโรคหัวใจเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่

  • อุดมไปด้วยวิตามินดี 

ไข่เป็นแหล่งวิตามินดีที่ดีเยี่ยม วิตามินดีมีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูกของเด็กที่กำลังเติบโต

วิตามินดีดี๊ดีกว่าที่คิด!! รวม 5 อาหารที่มีวิตามินดีสูง

ไขมันทรานส์คืออะไร? กินมากไปป่วย 12 โรคอันตราย!!

แม่เล่า ขาดกรดโฟลิก ตอนท้อง ลูกเกิดมาพิการเป็นโรคนี้..แต่กำเนิด

  • ไข่ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรง

ไข่มีกรดอะมิโนที่จำเป็น 9 ชนิด ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของเล็บ และผมสำหรับเด็ก

  • มีปริมาณไขมันที่สมดุล 

ไข่ มีความสมดุลของไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ดังนั้นจึงเป็นอาหารว่างที่ดีเยี่ยมสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกาย  ดังนั้นเราจึงสามารถให้อาหาจากไข่แก่เด็ก ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโรคอ้วน ลองทำไข่ลวกหรือไข่ต้ม แทนการทอดได้ก็จะยิ่งดี

  • มีวิตามิน B12

ไข่เป็นแหล่งวิตามิน B12 ที่ดีเยี่ยม จะดีกว่าถ้าได้รับวิตามินนี้ตามธรรมชาติ ขอบคุณในรูปแบบเม็ด วิตามิน B12 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพของระบบประสาท วิตามินนี้เรียกอีกอย่างว่าโคบาลามิน ดังนั้นในยุคโควิด เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกคุณ

  • ไข่มีกรดโฟลิก

วิตามินที่ละลายในน้ำชนิดนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของระประสาทสำหรับเด็ก การขาดโฟเลต สามารถนำไปสู่ความอ่อนแอและความเสียหายของเส้นประสาท ดังนั้นเด็กจึงจำเป็นต้องบริโภคไข่ในปริมาณที่เหมาะสมกับกรดโฟลิกที่ร่างกายจะได้รับ

ลูกกินไข่ทุกวัน

ไข่กับคอเลสเตอรอล

แม้ว่าไข่จะมีโคเลสเตอรอลตามธรรมชาติสูง แต่คอเลสเตอรอลในไข่ไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย แต่กลับเพิ่มปริมาณไขมันตัวดี (HDL) ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งอาหารที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงอื่นๆ มักเพิ่มไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวในร่างกาย

แม้ว่าการศึกษาบางชิ้น จะพบความเชื่อมโยงระหว่างการรับประทานไข่กับโรคหัวใจ แต่ก็อาจมีเหตุผลอื่นสำหรับการค้นพบนี้ อาหารที่มักกินคู่กับไข่ เช่น เบคอน ไส้กรอก และแฮม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้มากกว่าไข่ นอกจากนี้ วิธีปรุงไข่และอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทอดในน้ำมันหรือเนย อาจมีบทบาทในการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าตัวของไข่เอง คุณสามารถเตรียมไข่ที่มีไขมันน้อย หรือไข่ต้ม  เพื่อให้แน่ใจว่าลูกของคุณได้รับสารอาหารที่เพียงพอโดยไม่มีผลเสีย

การทำอาหารจากไข่ให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด คือ ความปลอดภัยในการปรุงอาหารและการเก็บไข่ ซึ่งการเก็บรักษานั้นควรแช่ไข่ในตู้เย็นช่องปกติ ส่วนการปรุงอาหารด้วยไข่ ต้องคำนึงถึงความสุกของไข่เป็นสำคัญ ไข่แดงควรสุกพอประมาณ และไขขาวควรสุกอย่างทั่วถึง ควรเลี่ยงการให้เด็กกินไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบ อาจปนเปื้อนไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเด็กได้ นอกจากนี้ ไข่ขาวที่ไม่ผ่านการปรุงอาหารให้สุกเพียงพอ สามารถขัดขวางการดูดซึม ไบโอติน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ที่ช่วยบำรุงผมและเล็บของเด็กให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีชนิดนี้ไปใช้ประโยชน์ได้

การให้เด็กกินเมนูไข่ที่มีไขมันน้อย อาทิ ไข่ตุ๋น หรือไข่ต้ม จะมีปริมาณไขมันน้อยกว่าไข่ดาว ไข่เจียว หรือไข่ลูกเขย ทั้งนี้เราสามารถเพิ่มแคลเซียมลงในไข่คน และไข่เจียวโดยผสมนมหรือชีสลงไป นอกจากนี้ยังสามารถใส่ผักเพิ่มเข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ และปริมาณวิตามินได้อีกทางหนึ่ง เพราะการดูแลโภชนาการของลูกให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยถือเป็นกุญแจสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และฉลาดสมวัย  นอกจากนี้การให้ความรู้แก่เด็กๆ ด้วย การปลูกฝังเรื่องโภชนาการที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจะช่วยให้เด็กๆ สร้างนิสัยการกินที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power  BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) ให้แก่เด็กๆ ได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : parents.com , verywellfamily.com , momjunction.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

7 เมนูไข่ง่าย ๆ ทำกินได้บ่อย ทั้งอร่อยและมีประโยชน์!!

ไข่จุ๊บ อันตราย! ลูกเสี่ยงกินเชื้อโรคเข้าร่างกายh เกิดอาหารเป็นพิษ

รวม 60 สูตร+วิธีทำ เมนูอาหารเด็ก ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ขวบ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

สินค้าแม่และเด็ก

สุดยอด 6 ITEMS สินค้าแม่และเด็ก ของใช้จำเป็นสำหรับคุณแม่ คุณลูก ที่ต้องซื้อไว้ใช้ที่บ้าน

เปิดดูปฏิทิน เห็นว่าใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว ทีมแม่ABK เลยอยากจะชวนคุณแม่ ๆ มาเช็กสต็อกของใช้ที่บ้านว่าใกล้หมดแล้วหรือยัง และไหน ๆ ก็ต้องซื้อของเข้าบ้านกันทุกสิ้นเดือนอยู่แล้ว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ สินค้าแม่และเด็ก 6 ชิ้นเด็ดคุณภาพดี จากแบรนด์ดัง ที่เป็นของใช้จำเป็นสำหรับคุณแม่คุณลูก แนะนำให้หาซื้อมาใช้กันค่ะ

6 สินค้าแม่และเด็ก ชิ้นเด็ด ราคาสบ๊าย สบาย กระเป๋าตังค์

เครื่องปั๊มนม Spectra Dual Compact

1. เครื่องปั๊มนม Spectra Dual Compact

แฟน ๆ ของทีมแม่ABK มีตั้งแต่แม่ลูกเล็ก แม่ท้อง แม่ให้นมลูก เลยขอเริ่มด้วย สินค้าแม่และเด็ก ที่เป็นไอเทมสำคัญข้างกายคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ที่จำเป็นต้องมีใช้กันตั้งแต่หลังคลอดที่แม่หลังคลอด เพื่อพร้อมสำหรับการเก็บสต็อกน้ำนมให้ลูกได้กินนมแม่กันไปแบบยาว ๆ ค่ะ และนี่ก็คือ “Spectra Dual Compact เครื่องปั๊มนม ที่มาเเรงที่สุดในปี 2021 เป็นเครื่องปั๊มนมแบบระบบ 2 มอเตอร์ แยกการทำงานซ้ายขวาอย่างอิสระ ดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องเล็กพกพาสะดวก มีโหมดการใช้งานที่ครบครัน พัฒนามาเพื่อคุณแม่ยุคใหม่โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ

จุดเด่นของ เครื่องปั๊มนม Spectra Dual Compact

  1. ระบบ 2 มอเตอร์ ทรงพลังเเต่มีการดูดที่นุ่มนวล
  2. ดีไซน์เรียบหรู มาพร้อมระบบสัมผัส Touch screen ที่หน้าจอ
  3. ขนาดเล็กพกพาสะดวก มีเเบตเตอรี่ในตัวเครื่องฯ
  4. รอบดูดมากกว่า 100 ครั้ง/นาที กระตุ้นน้ำนมให้มาเร็วยิ่งขึ้น
  5. ปรับเเรงดูดสูงสุดได้มากถึง 12 ระดับ เเยกการทำงานซ้ายขวาอย่างอิสระ
  6. 2 โหมดเด่นของเครื่อง คือ Stimulate เเละ Sucking Mode ทำให้เพิ่มปริมาณน้ำนมได้อย่างรวดเร็ว
  7. โหมดเคลียร์เต้าน้ำนม ดูดลึก ดึงน้ำนมออกมาได้มากเเละเกลี้ยงเต้า
  8. ระบบตัดอัตโนมัติ เมื่อมีการใช้งานตัวเครื่องครบ 30 นาที
  9. อุปกรณ์กรวยปั๊มนมที่ได้รับ Patented Technology “Spectra Back-Flow Protect Function” เพื่อความสะอาดปลอดภัย ลิขสิทธิ์เฉพาะแบรนด์สเปคตร้าเท่านั้น
  10. โหมดจดจำการทำงานครั้งสุดท้าย ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
  11. Massage Mode โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม ที่มีรอบการดูดสูงถึง 102 ครั้ง/นาที
  12. Expression Mode ปรับระดับความแรงได้ 12 ระดับ ดึงน้ำนมได้ลึกเเละเกลี้ยงเต้า

ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป MamyLove Pants

2. ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป MamyLove Pants

สินค้าแม่และเด็ก ชิ้นนี้อยากให้คุณแม่ใกล้คลอดเตรียมไว้ให้พร้อมใช้ ตั้งแต่วันแรกที่คลอดลูก และถ้าอยากได้ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพการใช้งานดีเยี่ยม ก็ต้องแบรนด์นี้เลยค่ะ “Mamy Love ผ้าอ้อมเด็กแบบ Pants” ที่ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อคุณแม่ที่มีลูกตั้งแต่วัยทารก ไปจนถึงวัยขวบ มาดูคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น คุณแม่ที่เคยซื้อให้ลูกใช้แล้วต่างก็ต้องกลับมาซื้อใช้ซ้ำ เพราะเขาเป็นผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดีจริง ๆ ค่ะ

  1. เป็นผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกง เอวสูง ขอบขางกวาง สวมใส่ได้ง่าย
  2. ผิวสัมผัสของผ้าอ้อมนุ่มเป็นพิเศษ ออกแบบมาสำหรับลูกน้อยโดยเฉพาะ
  3. ซึมซับรวดเร็วดีเยี่ยม แห้งสบายตัว ยาวนาน 12 ชั่วโมง
  4. ระบายอากาศรอบทิศทาง ไม่อับชื้น ลดปัญหาเรื่องผดผื่น ทั้งบริเวณขอบเอว ตัวผ้าอ้อม และขอบขาเพื่อให้ลูกรู้สึกสดชื่น สบายตัว
  5. ไม่ระคายเคืองและไม่ก่อให้เกิดการแพ้กับผิวเด็กทารก เพื่อป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม
  6. ขอบเอวสูง เพิ่มความกระชับ ไม่ย้วยง่าย
  7. ปราศจากคลอลีน Chlorine Free ลดการเกิดระเคืองผิว
  8. MamyLove Pants มีหลายไซส์ตั้งแต่ S, M , L , XL , XXL

MAMA KARA มามา คาระ มอยส์เชอไรซิง เบบี้ โลชั่น เดลี นูริชชิง

3. MAMA KARA มามา คาระ มอยส์เชอไรซิง เบบี้ โลชั่น เดลี นูริชชิง

ทีมแม่ABK ชอบมาก เพราะใช้ได้ดีกับทั้งผิวลูกน้อย และผิวคุณแม่ คือซื้อขวดเดียวใช้ได้คุ้มทั้งบ้านเลยล่ะค่ะ คุณแม่ลูกเล็ก หรือคุณแม่ใกล้คลอดที่ต้องเตรียมหาซื้อโลชั่นทาบำรุงดูแลผิวพรรณลูกน้อยไม่ให้แห้งกร้าน ผิวมีความนุ่ม ชุ่มชื่นสุขภาพผิวดี ต้องไม่พลาดเบบี้โลชั่นจาก LION กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวลูกน้อย “ MAMA KARA มามา คาระ มอยส์เชอไรซิง เบบี้ โลชั่น เดลี นูริชชิงแนะนำให้ใช้คู่กับ MAMA KARA มามา คาระ เฮดทูโท วอช เดลี นูริชชิง รับรองผิวลูกจะสุขภาพดี และหมดปัญหาผิวแห้งด้วยนะคะ มาดูจุดเด่นของมามา คาระ มอยส์เชอไรซิง เบบี้ โลชั่น กันค่ะ

  1. ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวที่สามารถกักเก็บความนุ่มชุ่มชื่นผิวยาวนาน 24 ชั่วโมง พร้อมบำรุงผิวทารกและผิวบอบบางแพ้ง่ายให้เนียนนุ่ม แลดูสุขภาพดี
  2. Organovation Formula เอกสิทธิ์เฉพาะมามา คาระ ที่นำสารสกัดออร์แกนิค โจโจบา ออยล์ (Organic Jojoba Oil) ที่ช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื่นผิว มาผสานกับนวัตกรรม Lamella Liquid Crystal (LLC) Structure เสริมเกราะปกป้องผิว1 ให้ชุ่มชื่นยาวนาน 24 ชั่วโมง2 ลดโอกาสผิวกลับมาแห้งซ้ำเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
  3. ปราศจาก 5 สารเติมแต่ง (5-Free Irritants) ได้แก่ พาราเบน ซิลิโคน สี เอธานอล และมิเนรัลออยล์ ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง (Hypoallergenic Tested)^
1 ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการเสริมเกราะปกป้องผิวในหลอดทดลอง (In-Vitro) ด้วยการวิเคราะห์ชั้นสูงจาก Synchrotron Light Research Institute (Public Organization)
2 ผ่านการทดสอบโดยอาสาสมัครผู้หญิงเอเชีย 22 คน (ม.ค.2561) โดยสถาบัน Spincontrol Asia ^ ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง โดย Dermscan Asia ในกลุ่มอาสาสมัคร 52 คน (พ.ค.-มิ.ย.2561) เว้นแต่การแพ้และระคายเคืองส่วนบุคคล

สินค้าแม่และเด็ก Blackmores

4. Blackmores PRE 9+ Care Gold และ Blackmores 9+ Care Gold

สุขภาพดีเริ่มต้นที่ตัวเราค่ะ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการมีลูก ต้องไม่ลืมดูแลร่างกายให้แข็งแรง จากภายใน รวมไปถึงการมีสุขภาพดีขณะตั้งครรภ์ และนอกจากการพักผ่อนที่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็ยังจะสามารถเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ ได้ด้วยนะคะ

BLACKMORES PRE 9+ Care Gold ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินเพื่อเตรียมพร้อมใส่ใจในช่วงก่อนตั้งครรภ์ แนะนำให้ รับประทาน 4 เดือนก่อนมีครรภ์ ไปจนถึงมีครรภ์ 3 เดือน ประกอบไปด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็น 21 ชนิด เพื่อให้ร่างกายมีความสมบูรณ์พร้อมในการตั้งครรภ์ (รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหารเป็นประจำทุกวัน)

  • ประกอบสารอาหารที่ช่วยดูแลระบบสืบพันธุ์ (CoQ10 Folic acid , Zine , Zitamin B , Vitamin A , Omega 3 , Vitamin D , Vitamin E , Iron)
  • สารอาหารที่ปกป้องร่างกายและให้พลังงาน (CoQ10 , Zitamin B)
  • สารอาหารที่ดูแลระบบสมองและระบบประสาท (Omega 3 , Iron , Iodine)

BLACKMORES 9+ Care Gold ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ บำรุงร่างกายผู้หญิงในระยะตั้งครรภ์ ไปจนถึงตลอดระยะเวลาการให้นม (รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ  1 ครั้ง พร้อมอาหารเป็นประจำทุกวัน)

  • ประกอบด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ 14 + DHA และ แคลเซียม
  • มีสารอาหารที่ช่วยในระบบภูมิคุ้มกัน (D3 , C , E , Zine)
  • มีสารอาหารที่รองรับพัฒนาการทางสมอง การมองเห็น การเจริญเติบโต (DHA , Iodine , Beta-carotene , Ca , Mg , D3)
  • มีสารอาหารที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงภาวะครรภ์เป็นพิเศษ และพัฒนาการที่ผิดปกติในระหว่างการตั้งครรภ์ (Mg , Folic acid)

ยาสีฟันเด็ก Enfant

5. อองฟองต์ ออแกนิค พลัส โททอล แคร์ คิดส์ ทูธเพสท์

สินค้าแม่และเด็ก ชิ้นนี้เป็นอีกหนึ่งไอเทม ที่อยากแนะนำให้หาซื้อมาให้ลูกวัยตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ได้ใช้กันค่ะ เพราะการเริ่มต้นดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาดและแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะช่วยลดโอกาสการเกิดเหงือกอักเสบ และฟันผุได้ค่ะ และนี่ก็คือ “ยาสีฟันเด็กอองฟองต์ ออแกนิค พลัส โททอล แคร์ คิดส์ ทูธเพสท์ที่แนะนำให้ใช้คู่กับ น้ำยาบ้วนปากเด็ก อองฟองต์ สูตรผสมสารสกัดโพรพอลิส ช่วยป้องกันและดูแลฟันของเด็ก ๆ ไม่ให้ผุ มาดูกันค่ะว่า ยาสีฟันเด็กอองฟองต์ ออแกนิค พลัส โททอล แคร์ คิดส์ ทูธเพลส มีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง

  1. ยาสีฟันเด็ก เหมาะกับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป สูตรฟลูออไรด์ 1500 ppm
  2. แนวกลิ่นแอปเปิ้ล กีวี่ มิ้นท์
  3. ปราศจากสารอันตราย Sugar Free , SLS Free , Saccharin Free , Triclosan Free , Paraben Free

อองฟองต์ ออแกนิค พลัส โททอล แคร์ คิดส์ ทูธเพสท์ มีสารสกัด Organic Sea Buckthorn Extract ที่อุดมด้วย Vitamin C ช่วยให้เหงือกสุขภาพดี ว้าว ! น่าซื้อให้เด็ก ๆ ใช้กันนะคะ

สินค้าแม่และเด็ก Organeh

6. ออร์กาเนะ น้ำมันรำข้าวผสมจมูกข้าวสังข์หยด สกัดเย็น ธรรมชาติ 100% สำหรับเด็ก

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็กที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย แนะนำให้คุณแม่ซื้อติดบ้านไว้อย่าให้ขาดค่ะ อย่างออร์กาเนะ เบบี้ ก็เป็นอีกหนึ่ง สินค้าแม่และเด็ก ที่ทีมแม่ABK จะซื้อติดบ้านไว้ให้เด็ก ๆ ได้ทานกันประจำค่ะ อย่าง ซุปธัญพืช  , ขนมฝึกเคี้ยว มินิแคลกเกอร์ข้าวสังข์หยด , ผงผักบด ฯลฯ และที่ชอบมาก ๆ ตอนนี้ก็คือ “น้ำมันรำข้าวผสมจมูกข้าวสังข์หยด” แบบสกัดเย็น ธรรมชาติ 100% จริง ๆ เด็กกินดี ผู้ใหญ่กินก็ดีค่ะ มาดูคุณสมบัติของ น้ำมันรำข้าวผสมจมูกข้าวสังข์หยด กันสักนิดค่ะ

  • หอมกลิ่นข้าวแท้ ๆ ไม่ฉุน ทานง่าย
  • มีสาร โอเมก้า 3 , 6 ,9 และแกมมาออไรซานอลสูง
  • ช่วยบำรุงสมองส่งเสริมความจำ และทำให้ลูกหลับสนิท ไม่ตื่นบ่อย

วิธีรับประทาน ให้หยดน้ำมันรำข้าวผสมในมื้ออาหารให้เด็ก ๆ จะช่วยทำให้รับประทานอาหารได้ดีขึ้น ไขมันดีที่ได้จากน้ำมันรำข้าว จะช่วยให้ร่างกายได้ดูดซึม วิตามิน และแร่ธาตุจากอาหารที่รับประทานเข้าไปได้ดีมากขึ้นด้วยค่ะ

สินค้าแม่และเด็ก 6 ไอเทมสุดฮอต จากแบรนด์ดัง ที่ทีมแม่ABK คัดเลือกมาให้ได้ช้อปกันในเดือนพฤศจิกายนนี้ คุณแม่สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษสุด ๆ  FLASH SALE !! นาทีทอง วันเดียวเท่านั้น ได้ที่ LIVE Mommy Payday วันที่ 29 พ.ย.64 เวลา 17.00 น. ที่เพจ Amarin Baby & Kids ขอบอกว่าไม่ใช่แค่ราคาที่ขนกันมาลด แต่ยังมีของแถมฟรี ให้กันไปแบบจุใจด้วยนะคะ  แล้วมาช้อปพร้อมกันกับ Mommy Payday #ของมันต้องเปย์  ห้ามพลาด ถ้าพลาดแล้วจะเสียดายมาก !!

 

 

สอนลูก ทำงานบ้าน

ฝึกลูก ทำงานบ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คิด งานบ้านสร้างลูก!!

ทำงานบ้าน ใช่แค่เรื่องของแม่บ้าน หมอแนะงานบ้านช่วยสร้างคน สร้างลูก ให้มีพัฒนาการที่ดีหลายด้าน อีกทั้งยังฝึกความรับผิดชอบ และการแก้ปัญหา มารีบฝึกลูกกันเถอะ

ฝึกลูก ทำงานบ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คิด งานบ้านสร้างลูก!!

ปัจจุบันพ่อแม่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นในด้านใด แต่รู้หรือไม่ว่า กิจกรรมเสริมพัฒนาการของเด็กนั้น หาได้ง่าย ๆ เพียงแค่การ ทำงานบ้าน

งานบ้าน ยิ่งทำแต่เด็กยิ่งได้ ยิ่งดี

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แนะนำ “งานบ้าน สร้างลูก” ผ่านเว็บไซต์เพื่อนครอบครัว.com ระบุว่า การเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ทำงานบ้านอย่างเหมาะสมกับช่วงวัย เป็นการฝึกลูกได้ดีที่สุด ทั้งฝึกความรับผิดชอบ มีวินัย อดทน ละเอียดรอบคอบ และยังฝึกการรู้จักวางแผน ลงมือทำ แก้ปัญหา และเห็นคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.matichon.co.th
ฝีกลูก ทำงานบ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คิด
ฝีกลูก ทำงานบ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คิด

ฝึกลูก ทำงานบ้าน ของดีประโยชน์เยอะ!!

  • กิจกรรมร่วมศึกษากันและกัน

ความสัมพันธ์พ่อแม่ และลูก อาจมีสายสัมพันธ์กันมาตั้งแต่แรกเกิดก็จริง แต่การที่เราจะศึกษาความคิดอ่าน นิสัยใจคอของกันและกันนั้น คงต้องใช้เวลาในการอยู่ร่วมกัน ที่มิใช่เพียงแค่อยู่ร่วมบ้าน ร่วมสถานที่กันเฉย ๆ การที่ครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นการดีที่เราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน การทำงานบ้านเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสมาชิกในครอบครัวจะได้ปฎิสัมพันธ์ร่วมกัน พ่อแม่ได้สังเกตลูกว่า เขาชอบอะไร มีวิธีคิดในการจัดการปัญหาอย่างไร การจัดการอารมณ์ และการวางแผนของลูกนั้น มีจุดไหนที่เราสามารถเข้าไปเสริมได้บ้าง และข้อดีที่สำคัญของการทำงานบ้าน คือ เป็นกิจกรรมที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำได้เลย เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม

  • ฝึกทักษะ และพัฒนาการ

ทักษะ EF นั้นเป็นพื้นฐานจำเป็นที่เด็กต้องมี เพราะช่วยในเรื่องการควบคุมตนเอง และจัดระเบียบตนเอง เขาจะสามารถดูแลตนเองได้โดยไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุม สั่งการ เด็กที่มี EF สูงจะประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งการทำงาน การเรียน และช่วยแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น ๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกลงมือทำงานบ้านโดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมตามวัยของลูก งานบ้านเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะดังกล่าว ขึ้นชื่อว่า งาน แล้วย่อมมีกระบวนการในการจัดการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ดังนั้นการให้ภาระงานง่าย ๆ แบบ “งานบ้าน” กับลูก จึงนับว่าเป็นการฝึกความคิด ทักษะของลูกได้เป็นอย่างดี

นอกจากพัฒนาการทางด้านสติปัญหา และการแก้ปัญหาแล้ว งานบ้านยังเป็นการฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกาย กล้ามเนื้อทุกส่วน จากการเคลื่อนไหวท่าทางต่าง  ๆ ขณะทำงานบ้านอีกด้วย

  • วัยเลียนแบบ

การฝึกลูกทำงานบ้านในวัยเด็กนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเด็กมักจะมีนิสัย เลียบแบบ โดยเฉพาะพ่อแม่ การที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้าน และชวนลูกมาช่วยกันทำนั้น เป็นเรื่องสนุกของเขาเลยทีเดียว แต่ที่ยากเห็นจะเป็นพ่อแม่เสียเอง ที่กลัวความยุ่งยาก และไม่เรียบร้อยของงาน จงตัดความคิดส่วนนี้ แล้วมาสนุกกับการทำงานบ้านกับลูกกันเถอะ เพราะเขาจะฝึกเลียนแบบการทำงาน และความรับผิดชอบจากพ่อแม่ได้ดีทีเดียว

เด็กวัยเลียนแบบ ชอบช่วยแม่ทำงานบ้าน
เด็กวัยเลียนแบบ ชอบช่วยแม่ทำงานบ้าน

งานบ้านตามวัย ให้อะไรมากกว่าที่คิด!!

2-3 ปี

เมื่อลูกอายุ 2-3 ปี เด็กวัยนี้อยากทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะการเลียนแบบผู้ใหญ่ งานบ้านที่สามารถให้ลูกวัยนี้ช่วยทำได้ เช่น

  • ช่วยเก็บที่นอนของตนเองเมื่อตื่นนอน
  • เก็บหนังสือนิทานหลังจากอ่านเสร็จแล้วเข้าที่
  • เอาเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แล้วไปไว้ในตะกร้าผ้า
  • ให้อาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีพ่อแม่ช่วย
  • เก็บของเล่นที่ตัวเองเล่นเข้าที่เมื่อเล่นเสร็จ

    ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง
    ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง

4-7 ปี

เด็กวัยนี้สามารถให้ทำงานบ้าน โดยอาจเพิ่มภาระงานในการจัดตารางเวลา ให้ลูกทำงานให้ตรงตามตารางเวลา เพิ่มหน้าที่ ความรับผิดชอบของลูกให้เขาสามารถจัดการดูแลเวลาของตนเองได้ แต่ไม่ควรคาดหวังว่าลูกจะทำได้ 100% เป็นการฝึกฝน หากเขาทำได้ดี ได้รับคำชมเชย หากยังทำได้ไม่ดีพอควรแนะนำ ไม่ควรดุด่าว่ากล่าว เพราะอาจทำให้เด็กหมดกำลังใจในการทำงานของตนเอง งานบ้านที่เหมาะสมในวัยนี้ ได้แก่

  • ช่วยซักผ้าตากผ้า
  • รดน้ำต้นไม้
  • เก็บที่นอน จัดเตียงหลังตื่นนอนด้วยตนเอง
  • ช่วยจัดโต๊ะอาหาร ช่วยจัดจาน ตักข้าว ให้ตนเอง และทุกคนในครอบครัว
  • เอาจานไปวางที่อ่างล้างจานหลังรับประทานอาหารเสร็จ
  • จัดกระเป๋าไปโรงเรียนเอง โดยพ่อแม่อาจช่วยดูตารางสอน
ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง
ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง

8-10 ปี

เด็กอายุ 8-10 ปี เด็กอายุเท่านี้เริ่มมีพัฒนาการทางด้านร่างกายสมบูรณ์ขึ้น สามารถหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ค่อยผิดพลาด ชอบเรียบรู้ ลองผิดลองถูก แต่ยังไม่รอบคอบเท่าไหร่นัก ดังนั้นการได้ฝึกลูกในวัยนี้จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้จากการทำงานบ้านได้เป็นอย่างดี งานบ้านที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ ได้แก่

  • พับผ้าห่ม ปูผ้าปูที่นอนให้ตึง วางหมอนไว้ที่หัวเตียง
  • ซักผ้า ตากผ้า ฝึกรีดผ้า
  • หัดทำอาหารง่าย ๆ เช่น เจียวไข่ ปลอกเปลือกไข่ โดยมีพ่อแม่คอยสังเกตจนกว่าลูกจะใช้ของมีคมได้คล่องขึ้น
  • สอนให้ลูกล้างจาน โดยอาจเริ่มจากจานชาม แก้วพลาสติก แล้วค่อยยกระดับเป็นแก้วน้ำ และจานกระเบื้อง
  • จัดกระเป๋านักเรียนด้วยตนเอง
ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง
ทำงานบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง

11 ปีขึ้นไป

เด็กอายุ 11 ปีขึ้นไป เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ลูกเริ่มเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง อาจเกิดข้อท้าทายเรื่องการดูแลข้าวของของตนเอง เช่น โต๊ะทำงาน ห้องนอน มุมส่วนตัว เป็นต้น โดยคิดว่านี่เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของตนเอง ไม่อยากให้ใครมายุ่ง แต่ทางด้านพ่อแม่ก็ยังคงติดกับความคิดว่าลูกยังเด็ก มักเข้าไปจัดการ บ่นว่าเมื่อเห็นข้าวของไม่เรียบร้อย ซึ่งในความเป็นจริงลูกมีสิทธิตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร พ่อแม่อย่ากระโจนลงไปทำให้ ให้ถือเป็นโอกาสชี้ให้ลูกเห็นความสำคัญในการดูแลใส่ใจ และรับผิดชอบตัวเองและคนรอบข้าง เช่น ทำความเข้าใจกับลูก ว่าถึงจะเป็นพื้นที่ของลูก แต่บ้านเป็นของทุกคน แต่หากพ่อแม่ได้ฝึกลูกมาเสียแต่ต้นในการทำงานบ้าน ปัญหาความขัดแย้งกันดังกล่าวจะไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะเขาจะมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ข้าวของเครื่องใช้ มาตั้งแต่เด็กแล้ว

ถึงอย่างไร หากพ่อแม่มาเริ่มต้นฝึกฝนลูกทำงานบ้านในวัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสายเกินไป สามารถทำได้ โดยอาจต้องใจเย็นสักหน่อยในการสอน เพราะด้วยวัยที่มีความคิดอ่านของตนเองมากกว่าวัยเด็ก งานบ้านสำหรับเด็กวัยนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง หากเป็นงานที่ต้องใช้ของมีคม ควรฝึกให้ลูกชำนาญก่อนถึงมอบหมายให้เขาทำเองได้

ช่วยแม่ตากผ้า ช่วยแม่ทำงานบ้าน
ช่วยแม่ตากผ้า ช่วยแม่ทำงานบ้าน

สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่จะต้องค่อยๆ ให้ลูกได้เรียนรู้ แม้ลูกจะทำผลงานไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ต้องอดทน และให้กำลังใจ ที่สำคัญคือ ต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจว่างานบ้านไม่ใช่ภาระ ไม่ใช่งานในบทบาทผู้หญิง แต่เป็นงานที่มีคุณค่าที่ทุกคนสามารถทำได้

  เคล็ดลับชวนลูกทำงานบ้าน  

  1. ทำงานบ้านให้เป็นเรื่องสนุก หากเป็นเด็กเล็กอาจสอดแทรกเกมสนุกเพื่อจูงใจลูก และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้วยคำพูดของพ่อแม่ เช่น “มาเล่นทายสีผ้าในตะกร้ากัน เสร็จแล้วมาช่วยแม่พับนะจ๊ะ”   “ถุงเท้ามีกี่คู่ หนูลองนับสิจ๊ะ”  “มาจับคู่ถุงเท้าที่เหมือนกันหน่อยนะ” “พับผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยมทำแบบไหนรู้ไหมจ๊ะ” เป็นต้น จากนั้นอย่าลืมคำชมเป็นกำลังใจแก่ลูกด้วย เพราะคำชมของพ่อแม่เป็นรางวัลที่ดีที่สุดของลูกเสมอ โดยคำชมนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปตามวัยของลูก 
  2. ทำงานบ้านให้เป็นเรื่องปกติ นั่นคือ การชวนลูกทำงานบ้านอย่างสม่ำเสมอ ให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกิจวัตรประจำวันทั่วไป เช่น ตื่นนอนแล้วก็พับผ้าห่ม กินข้าวเสร็จแล้วไปล้างจานกัน เสร็จแล้วเช็ดจานให้แห้ง  เก็บผ้ามาพับใส่ตู้  โดยคุณพ่อคุณแม่หมั่นทำให้ลูกดูก่อน และทำให้เห็นทุกวัน ชวนลูกทำทุกวันให้เป็นความเคยชิน
ข้อมูลอ้างอิงจาก คู่มือสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูก จาก สสส. / คมชัดลึก

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

งานบ้าน = งานสนุก

หมอย้ำ! 4 เหตุผล ห้ามเด็กดูจอ งดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดก่อน 2 ขวบ

รวม อาหารโพแทสเซียมสูง ช่วยลูกกระดูกแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย!

เผยสาเหตุที่ ลูกชอบต่อรอง พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกต่อรองเก่ง!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

นมเปรี้ยว เลี้ยงลูกแทนนมแม่ อย่าหาทำ

นมเปรี้ยว เลี้ยงลูกแทนนมแม่อย่าหาทำ หมอเตือนเสี่ยงโรค

นมเปรี้ยว รสชาติอร่อย ทำจากนมวัว แล้วจะให้สารอาหารเหมือนกันไหม เหมาะแก่เด็กหรือไม่ มาร่วมหาคำตอบกับประเด็นโซเซียล เลี้ยงทารกด้วยนมเปรี้ยว ทำได้จริงหรือ

นมเปรี้ยว เลี้ยงลูกแทนนมแม่..อย่าหาทำ หมอเตือนเสี่ยงโรค!!

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่เพจหมอแล็บแพนด้า ได้แชร์ข้อมูลว่า ขณะนี้ในกลุ่มเลี้ยงลูกมีคนเลี้ยงลูกด้วยนมเปรี้ยว โดยให้กินตั้งแต่เกิดจนตอนนี้อายุ 4 เดือนแล้ว ทำให้มีคนสงสัย สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมเปรี้ยวได้หรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วนมเปรี้ยวใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กโตได้ แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เลี้ยงทารก เนื่องจากมีสารอาหารหรือแร่ธาตุบางอย่างไม่เหมาะสมกับทารก ดังนั้น สิ่งที่เด็กทารก วัย 0 – 6 เดือน ควรได้รับและดีที่สุดคือนมแม่ และควรกินนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน โดยไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น หลังจากนั้นกินนมแม่ควบคู่กับการเริ่มอาหารตามวัย เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก มีสารอาหาร กว่า 200 ชนิด ที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทางกาย พัฒนาสมอง จอประสาทตา และระบบภูมิคุ้มกันแบบที่นมผง หรือนมเปรี้ยวไม่สามารถให้ได้ รวมทั้งเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และถูกสร้างมาให้เหมาะสมที่สุดกับสภาพร่างกายของทารก ในแต่ละช่วงอายุ ช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ส่งเสริมเรื่องสติปัญญาและอารมณ์ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

เลี้ยงลูกทารกด้วย นมเปรี้ยว
เลี้ยงลูกทารกด้วย นมเปรี้ยว

สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมเปรี้ยวได้จริงหรือ??

นม เป็นอาหารหลักของเด็กทารกที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่แน่ชัดกันแล้วว่า น้ำนมที่ดี และควรให้ลูกกินตั้งแต่แรกเกิด จนต่อเนื่องไปจนอายุ 2 ปี คือ น้ำนมแม่ เนื่อจากองค์ประกอบของน้ำนมแม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และเกลือแร่ นอกจากนั้นยังมีสารที่ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น สารต้านการติดเชื้อ สารต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังมีสารที่ย่อยง่าย ช่วยในการเจริญเติบโต เช่น เอนไซม์ ฮอร์โมน และ Growth factor ต่าง ๆ

หากจำเป็นในการต้องหาน้ำนมจากแหล่งอื่นมาเสริมให้แก่ทารก อาจเนื่องจากคุณแม่บางคนมีน้ำนมไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก หรือมีความจำเป็นที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ก็ควรเลือกนมประเภทที่มีสารอาหารใกล้เคียงกับน้ำนมแม่มากที่สุด เพื่อให้เหมาะสมต่อการย่อย และการดูดซึมอาหารของลูก เพราะทารกไม่สามารถดื่มนมได้ทุกประเภท

เหตุใด นมเปรี้ยว จึงไม่สามารถเลี้ยงทารกได้!!

นมเปรี้ยว คือ ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากน้ำนมสัตว์ที่นำมาบริโภคได้ หรือส่วนประกอบของน้ำนมที่ผ่านการทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคแล้วหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค และอาจปรุงแต่งกลิ่นรส สี หรือเติมวัตถุเจือปนอาหาร สารอาหาร หรือส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่นม เช่น จุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งใช้ในอาหารก็ได้

เหตุใด นมเปรี้ยว ใช้เลี้ยงทารกไม่ได้
เหตุใด นมเปรี้ยว ใช้เลี้ยงทารกไม่ได้

เลี้ยงลูกด้วย นมเปรี้ยว เสี่ยง!!

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ “นมเปรี้ยว” ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เลี้ยงทารกแทนน้ำนม คือ สารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการของนมเปรี้ยวไม่เพียงพอต่อความต้องการของทารก นอกจากนี้ยังมีปริมาณน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง อาจทำให้ทารกติดรสหวาน น้ำตาลในนมเปรี้ยวส่งผลให้ลูกเสี่ยงอะไรบ้าง

  •  ฟันผุในเด็ก 

จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าเด็กเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และพบว่าเด็กอายุ 3 ปีมีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน สาเหตุหลักของฟันผุในเด็กเล็กมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เช่น การให้เด็กทานขนมหรือนมที่มีรสหวานเป็นประจำ การปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนมหลังจากฟันขึ้นแล้ว หรือผู้ปกครองละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก โดยไม่ได้เริ่มแปรงฟันตั้งแต่น้ำนมซี่แรกขึ้น

ผลกระทบของโรคฟันผุต่อสุขภาพ

เมื่อพบว่าลูกมีอาการปวดฟัน นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่ารอยผุมีขนาดใหญ่ และลุกลามไปมากแล้ว และควรได้รับการรักษาอาการปวดฟันจะมีตั้งแต่ปวดน้อยไปจนถึงปวดมากจนเด็กไม่สามารถใช้กัด หรือเคี้ยวอาหารได้เป็นปกติ เมื่อเด็กเริ่มมีอาการปวดฟันมากขึ้นจะทำให้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากเด็กจะมีความอยากอาหารน้อยลง หรือเลือกกินมากขึ้น ส่งผลให้เด็กขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และเมื่อเด็กปวดฟันมากจนนอนไม่หลับก็จะกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต (growth hormone) เหล่านี้จะส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายของเด็ก

ในเด็กที่มีฟันผุลุกลามมาก สามารถพบการติดเชื้อและเป็นหนองลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ เช่น แก้ม ดวงตา และสมอง หรืออาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่ใช่แค่การส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเด็กเพียงอย่างเดียว โรคฟันผุยังทำให้เด็กเกิดปัญหาทางด้านจิตใจและอารมณ์ด้วย การมีฟันผุทำให้เด็กขาดความมั่นใจในการพูดเนื่องจากฟันมีการเปลี่ยนสีหรือมีรูปร่างที่ผิดปกติ หรือการที่เด็กต้องถอนฟันน้ำนมออกก่อนที่ฟันแท้ขึ้นก็ส่งผลต่อฟันที่กำลังงอกใหม่ให้มีการล้มเอียงส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน

  •  โรคอ้วนในเด็ก 

จากสิถิติพบว่ามีเด็กทั่วโลกเป็นโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้น 2-3 เท่ามาตั้งแต่ปี 1980 และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง การบริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยอาหารฟาสต์ฟู้ด มีพลังงานสูง การที่เด็กติดรสหวาน และพฤติกรรมการออกกำลังกายที่ไม่สมดุลกับพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครองจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ลูกของคุณห่างไกลจากโรคอ้วนในเด็กได้ ด้วยการดูแลอาหารการกินของลูกให้ถูกต้องตามโภชนาการ โดยนมเปรี้ยวสามารถใช้เป็นอาหารเสริมแก่ลูกได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้เลี้ยงทารกเป็นหลัก เพราะปริมาณน้ำตาลในนมเปรี้ยวทำให้ลูกเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้

โรคอ้วนในเด็ก อันตรายจากการเลี้ยงลูกด้วย นมเปรี้ยว
โรคอ้วนในเด็ก อันตรายจากการเลี้ยงลูกด้วย นมเปรี้ยว

อันตราย!! จากโรคอ้วนในเด็ก

  1. โรคอ้วนในเด็กมีผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง โรคไขมันในเลือดสูง ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่านี่คือโรคที่พบในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วโรคเหล่านี้สามารถพบได้ในคนอายุน้อย ๆ ที่มีภาวะโรคอ้วนอีกด้วย
  2. นอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ในระบบทางเดินหายใจได้แก่ ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ ส่งผลเสียถึงการนอนที่ไม่เพียงพอ และส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กด้วยเช่นกัน ทำให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
  3. รวมไปถึงเด็ก ๆ อาจมีผลกระทบทางด้านจิตใจ เช่น การถูกเพื่อนล้อ ถูกบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์ จนทำให้เกิดความเครียดและอาจเป็นโรคทางจิตเวชได้
ข้อมูลโดย
ผศ. พญ.อรพร ดำรงวงศ์ศิริ
สาขาวิชาโภชนวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
  •  ทารกท้องเสีย 

อาการท้องเสียของทารกอาจสังเกตได้ยาก แต่หากพบว่าลูกน้อยขับถ่ายมากกว่าปกติและอุจจาระมีลักษณะเหลวผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกมีอาการท้องเสีย นอกจากนั้น อาจพบว่าอุจจาระมีมูกหรือเลือดปนออกมา หรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติด้วย ซึ่งแม้อาการท้องเสียในทารกจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และไม่น่ากังวลเท่าใดนัก แต่หากทารกท้องเสียต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 วัน ก็อาจทำให้ร่างกายเด็กสูญเสียของเหลวและเกลือแร่จำนวนมากจนอาจเกิดภาวะขาดน้ำตามมาได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารก

ทารกที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่ควรดื่มนมวัว นมผง หรืออาหารเด็กที่ทำจากนมวัว ซึ่งนมเปรี้ยวก็เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ทำมาจากนมวัว นอกจากนี้ ในบางครั้งหากคุณแม่ดื่มนมวัวหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัวก็อาจทำให้ทารกที่ดื่มนมแม่เกิดอาการแพ้โปรตีนจากนมวัวได้เช่นกัน โดยอาจส่งผลให้ทารกท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียน หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย

ทำอย่างไรเมื่อทารกท้องเสีย
ทำอย่างไรเมื่อทารกท้องเสีย

ทำอย่างไรเมื่อทารกท้องเสีย ?

อาการท้องเสียเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยขับเชื้อโรคที่เป็นภัยออกจากร่างกาย จึงไม่ควรให้ทารกใช้ยาแก้ท้องเสีย อีกทั้งองค์การอาหาร และยายังไม่มีการรับรองยาที่ใช้สำหรับทารกที่มีอาการท้องเสีย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจบรรเทาอาการและช่วยให้ลูกน้อยสบายตัวขึ้นได้โดยปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

  • ให้ดื่มผงเกลือแร่ เพราะอาการท้องเสียอย่างรุนแรงจะทำให้ทารกสูญเสียของเหลว และเกลือแร่ในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำตามมา หากลูกน้อยไม่มีอาการอาเจียนร่วมด้วย คุณแม่จะยังสามารถให้ทารกดื่มนมแม่หรือนมผงได้ตามปกติ แต่หากทารกอาเจียนและไม่สามารถดื่มนมได้ แพทย์อาจให้เด็กดื่มสารละลายอิเล็กโทรไลต์สำหรับทารก
  • งดของหวาน เช่น โซดา น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ รวมถึงเยลลี่หรือขนมหวานต่าง ๆ เป็นต้น เพราะน้ำตาลอาจทำให้อาการท้องเสียของทารกแย่ลงกว่าเดิม
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นประจำ เพื่อลดการอับชื้นที่อาจเป็นเหตุให้ก้นของลูกน้อยเป็นผื่นและเกิดการระคายเคือง ทั้งยังช่วยลดอาการก้นแดงจากการท้องเสียอยู่บ่อยครั้ง
  • โอบกอดเบา ๆ บางครั้งอาการท้องเสียอาจทำให้ทารกไม่สบายตัวและงอแง ดังนั้น การกอดอาจช่วยให้เจ้าตัวน้อยงอแงน้อยลงได้
ข้อมูลอ้างอิงจาก anamaimedia /www.pobpad.com/
นอกจากนั้นทางเพจ หมอแล็บแพนด้า ยังให้ความรู้เพิ่มเติมในการเลือกอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็ก โดยให้ดูค่ามาตรฐานสารอาหารต่าง ๆ ที่กำหนดไว้สากล คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตดูข้อมูลโภชนาการที่มีเขียนติดไว้ข้างกล่องนม หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เทียบกับตารางสารอาหารดังกล่าวได้เลยว่า นม หรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มีค่าต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ ถ้าต่ำกว่าก็ไม่ควรนำมาให้ลูกรับประทานกัน
เอ้า! แบบนี้เราก็ให้ลูกกินนมเปรี้ยวเยอะๆสิ สารอาหารจะได้เท่ากับนมวัว 555555 ความคิดใช้ได้นะเรา แต่ลืมเรื่องน้ำตาลไปรึเปล่า กินมากๆเด็กก็จะได้รับน้ำตาลมากเกิน ทำให้กลายเป็นเด็กติดหวาน และกลายเป็นโรคอ้วนได้ด้วยครับ ไปสังเกตดูได้เลย

นมที่จะเหมาะสมกับเด็ก ต้องมีมาตรฐานสารอาหารต่างๆตามภาพที่ผมแนบมานี้ ถ้าต่ำกว่านี้ ถือว่าไม่ผ่านนะจ๊ะ

ตารางมาตรฐานค่าสารอาหารในนม จากเพจ หมอแล็บแพนด้า
ตารางมาตรฐานค่าสารอาหารในนม จากเพจ หมอแล็บแพนด้า
ตารางมาตรฐานค่าสารอาหารในนม จากเพจ หมอแล็บแพนด้า
ตารางมาตรฐานค่าสารอาหารในนม จากเพจ หมอแล็บแพนด้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เพจหมอแล็บแพนด้า

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

กลัวลูกเป็น ดาวน์ซินโดรม ต้องอ่าน!! หมอชี้ทาง..แม่ท้อง รู้ทัน ป้องกันได้

ถอดรหัส 18 ภาษาทารก ลูกร้องแบบนี้..แปลว่าอะไรนะ?

แจกสูตร เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน กินอย่างไรให้ลงลูก

แม่แชร์ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพียงเพราะล้างไม่ถูกวิธี

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

งานแฟร์สุดปัง ลดอลัง ทุกสิ้นปี 5 วันเท่านั้น!! “SMOOTH SALE” ลดสูงสุด 70%

งานแฟร์สุดปัง ลดอลัง ทุกสิ้นปี

5 วันเท่านั้น!! “SMOOTH SALE” ลดสูงสุด 70%

SMOOTH SALE 2021

พบกับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังในเครือ Siam Health Group อาทิ SMOOTH E, DENTISTE’, ร้านขายยา P&F และสินค้านำเข้าอย่าง MARO, PALMER’S, LACTIS พร้อมโปรโมชั่นและของแถมสุดปังอีกมากมาย พิเศษ! Flash Sale 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 13.00-14.00 น. ทุกวัน

SMOOTH SALE 2021

ภายในงานพบกับกิจกรรมสุดฟิน และเซอร์ไพร์ส! จากศิลปินชื่อดัง คิมเบอร์ลี่, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ และไบร์ท พิชญทัฬห์  ลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมาย

SMOOTH SALE 2021

พิเศษ! ผู้ลงทะเบียนหน้างาน รับฟรีทันที แปรงสีฟัน LISA

รับฟรี! ของขวัญสุด Exclusive จากแบรนด์ SMOOTH E และ DENTISTE’ เมื่อสินค้าใดก็ได้ภายในงาน (จำกัด 299 ท่านแรกต่อวัน)

ลุ้นรับของรางวัลมากมาย เมื่อช้อปสินค้าในงานครบ 2,000 บาท ขึ้นไป

SMOOTH SALE 2021

ภายในงานมีบริการตรวจสุขภาพผิวจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาด้านปัญหาผิว ฟรี! พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอาง สุดยอดนวัตกรรม SKIN CARE ที่นี่ที่แรก! พบกับโปรโมชั่นพิเศษที่ยกขบวนมาลดในงานอีกเพียบ…

SMOOTH SALE 2021

เอาใจสายกิน..ร้านอาหารชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารฟิวชั่นสุดชิค Kasnäs a little while , Ice cream Homemade

รสชาติสุดว้าวที่คุณคาดไม่ถึง และเครื่องดื่มคลายร้อน ยังไม่พอ พบกับเทศกาลลูกชิ้น และขบวนลิซ่าที่ขนกันมาทั้งตึกดำ

SMOOTH SALE 2021

*สถานที่จัดงาน : ตึก Smooth Life ถนนสาธรเหนือ

*เริ่มวันที่: 23-27 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 – 19.00 น.

*จอดรถได้ที่ตึก Smooth Life ฟรี

 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก

Link     https://smooth-e.com/smooth-sale/

วิธีแก้อาการแพ้ท้อง

7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ มักจะมีอาการอาเจียน วิงเวียน ในช่วงตั้งครรภ์สามเดือนแรก ทีมแม่ ABK มี 7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่ จากพ.ต.ต.พญ.จิตสุภา คุณาเศรษฐ (หมอขิม) สูตินรีแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามีบุตรยาก เพจ หมอสูติประตูถัดไป By Dr.Praew Dr.Kim มาฝากค่ะ

คุณแม่มือใหม่บางท่านประสบปัญหาคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กินไม่ค่อยได้ ในช่วงสามเดือนแรก ที่เราเรียกกันว่าอาการ “แพ้ท้อง” ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยมากอาการแพ้ท้องมักไม่ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่จะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกอ่อนเพลีย กระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงานในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ สาเหตุของการแพ้ท้องเป็นผลมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ขึ้นสูงในช่วงตั้งครรภ์ โดยที่อาการมักจะมาช่วงตั้งครรภ์ 7 สัปดาห์ และหายไปหลังอายุครรภ์ 14 สัปดาห์

7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่

1. เลี่ยงอาหารกลิ่นแรง

บางทฤษฎีเชื่อว่า อาการไวต่อกลิ่นของอาหารบางประเภทอาจเป็นกลไกธรรมชาติของคุณแม่ให้เลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับทารกในครรภ์ แม้ในปัจจุบันเราจะพบว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของฮอร์โมนที่ขึ้นสูงมากกกว่า แต่ไม่แปลกหากคุณแม่จะรู้สึกเหม็นกลิ่นของอาหารบางอย่างแบบไม่เคยเป็นมาก่อน และอาจทำให้รู้สึกอยากอาเจียนได้ หากมีอาการที่ว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นไป รวมทั้งอาหารกลิ่นแรงอื่นๆด้วย เช่น กระเทียมเจียว ของมันของทอด เป็นต้น

อาการคนท้องระยะแรก

2. กินอาหารมื้อเล็กๆ ย่อยง่าย แทนการกินอาหารมื้อใหญ่ๆ

การกินอาหารคือตัวกระตุ้นอาการคลื่นไส้ได้มากที่สุดในคุณแม่แพ้ท้อง การกินแบบอิ่มจุก จนกระเพาะอาหารทำงานหนักมักจะกระตุ้นให้รู้สึกคลื่นไส้ได้มากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรรับประทานอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม รวมทั้งควรแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ 4-5 มื้อ แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ๆ จะลดอาการแพ้ท้องได้ค่ะ

3. เลี่ยงการแปรงฟันแรงๆ และเปลี่ยนขนาดแปรงสีฟันให้เล็กลง

คุณแม่มือใหม่บางคนพบว่าการกระตุ้นที่ช่องปากด้านในมักทำให้อยากอาเจียนมาก ซึ่งเราเรียกกันว่า “gag reflex” (แก็กรีเฟล็ก) โดยมักจะพบในการแปรงฟันในตอนเช้า หรือการใช้ไหมขัดฟัน โดยคุณแม่ที่มีปัญหานี้อาจลองเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นขนาดที่เล็กลง งดการแปรงฟันแรงๆ ลองใช้ยาสีฟันในปริมาณลดลง และงดการแปรงลิ้นไปก่อนเพื่อลดการกระตุ้น อย่างไรก็ตามการดูแลความสะอาดช่องปากยังสำคัญมากในคุณแม่ที่อาเจียนบ่อยๆ เนื่องจากอาหารที่อาเจียนที่มีกรดในกระเพาะอาหารเมื่อผ่านช่องปากอาจก่อปัญหาต่อฟันคุณแม่ได้ ดังนั้น การแปรงฟันให้สะอาด ใช้น้ำยาบ้วนปากสม่ำเสมอ และพบทันตแพทย์ตามนัดจึงสำคัญมากค่ะ

4. ลดการขยับศีรษะไปมาแรงๆ

การเปลี่ยนท่าทางเร็วๆ รวมทั้งหันหน้าไปมาเร็วๆ จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้มากขึ้น แนะนำว่าตื่นนอนในตอนเช้าคุณแม่ค่อยๆลุกจากเตียงให้ช้าลง ในระหว่างวันปรับเปลี่ยนกิจวัตรจากเป็นคนที่ขยับเปลี่ยนท่าไปมาเร็วให้ช้าลง จะช่วยลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ได้ค่ะ

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และดื่มน้ำขิงอุ่นเพื่อลดอาการคลื่นไส้

การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันจำเป็นอย่างมากตลอดการตั้งครรภ์ ยิ่งในช่วงที่อาเจียนมาก และรับประทานได้น้อย ต้องระมัดระวังอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลีย และเกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนได้มากขึ้น คุณแม่ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 2-2.5 ลิตร ในบางช่วงที่รู้สึกคลื่นไส้ ลองสลับมาดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ก็พบว่าช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ดีเช่นกัน

ดื่มน้ำตอนท้องว่าง

6. พบแพทย์หากอาการเป็นมากจนอ่อนเพลีย

ในรายที่อาการอาเจียนมากทุกวัน แต่ยังพอรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ คุณหมอจะให้ยาวิตามินบี 6 และยาลดอาการคลื่นไส้(ตัวที่ปลอดภัยในคนท้อง) มาช่วยบรรเทาอาการ และแนะนำให้พักผ่อนมากๆ แต่สำหรับคุณแม่ที่อาเจียนรุนแรงมากขึ้นๆ รับประทานอาหารไม่ได้เลยจนอ่อนเพลียมาก ปัสสาวะออกน้อย เนื่องจากร่างกายขาดน้ำและขาดพลังงาน ซึ่งเราเรียกว่า “ Hyperemesis Gravidarum” (ไฮเปอร์อิมิซิส กาวิดารุ่ม) โดยอาการรุนแรงแบบนี้พบได้ 3% ของการตั้งครรภ์ มักพบได้ช่วงอายุครรภ์ 9-12 สัปดาห์ คุณหมอมักจะให้นอนโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือด รวมทั้งให้ยาและสารน้ำทางเส้นเลือดดำ จนกว่าอาการจะทุเลาลงค่ะ

7. พักผ่อนเยอะๆ และอย่าเครียดกับอาการมากเกินไป

คำแนะนำจากหมออย่างหนึ่งสำหรับคุณแม่ที่แพ้ท้องก็คือ ควรพักเยอะๆ ค่ะ บางครั้งหลังนอนพักช่วงระหว่างวัน เมื่อตื่นมาอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียจะทุเลาลงได้ รวมทั้งอย่าเครียดมากจนเกินไปเพราะความเครียดมักส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ข้อมูลพบว่าอาการแพ้ท้องโดยมากมักไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทารกในครรภ์ และส่วนใหญ่อาการจะทุเลาไปเองหลัง 12-14 สัปดาห์ค่ะ แต่อย่างไรก็ดี หากอาการอ่อนเพลียเป็นมากคุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ทันท่วงทีแบบนี้ดีที่สุดค่ะ

คุณแม่แต่ละท่านอาจมีประสบการณ์ระหว่างตั้งครรภ์ที่แตกต่างกันไป หมอหวังว่าคุณแม่ๆ จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำการดูแลตนเอง วิธีแก้อาการแพ้ท้อง และผ่านพ้นช่วงสามเดือนแรกไปได้อย่างราบรื่นนะคะ

Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและปลอดภัยกับลูกในท้อง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


ติดตามสารพันความรู้สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวตรรภ์

กับคุณหมอจิตสุภา ได้ที่ เพจ หมอสูติประตูถัดไป By Dr.Praew Dr.Kim

เพจหมอสูติประตูถัดไป

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก

การปฐมพยาบาล เมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก และวิธีป้องกัน

สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก – สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยแบะเบาะเตาะแตะ  สิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือเรื่องของอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กได้ทุกเมื่อ หากเราคลาดสายตา ซึ่งหนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยกับเด็กเล็กๆ นอกจากการหกล้ม พลัดตกจากที่สูง หรือจมน้ำแล้ว คงหนีไม่พ้นเรื่องของสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่พลาดเข้าไปอยู่ในหูของเด็ก ด้วยเด็กวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นค่อนข้างสูง และยังรู้เท่าไม่ถึงการ ไม่รู้ว่าอะไรที่จะเป็นอันตรายกับตัวเอง จึงอาจหยิบจับสิ่งของที่มีขนาดเล็กต่างๆ เข้าไปใส่ในหูของตัวเองตามประสาเด็กที่ยังไม่รู้เดียงสา

ซึ่งอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก เมื่อมีวัตถุแปลกปลอมเข้าไปติดค้างอยู่ในหู คือ เรื่องเกี่ยวกับการได้ยิน และการติดเชื้อ ดังนั้น วันนี้เรามาติดตามวิธีปฐมพยาบาลเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในหูลูกพร้อมวิธีป้องกันเหตุกันค่ะ

การปฐมพยาบาล เมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก และวิธีป้องกัน

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจว่าสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปติดอยู่ในหูของเด็กนั้นอาจทำให้เด็กมีอาการปวดหู ติดเชื้อในช่องหู หรือแม้แต่สูญเสียการได้ยินได้ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใหญ่อย่างเราจะรู้ตัวหรือรู้สึกได้เวลาที่มีวัตถุแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในหูของเรา แต่เด็กเล็กๆ อาจไม่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างติดอยู่ในรูหูของพวกเขา นอกจากนี้ หากมีสิ่งแปลกปลอมติดในหู เช่น สำลีหรือแมลง อาจทำให้มีอาการคล้ายกับหูหนวกได้ชั่วคราว อาจทำให้เจ็บหู บวมแดง หรือมีน้ำมูกไหล ซึ่งการได้ยินอาจได้รับผลกระทบ ในกรณีที่วัตถุนั้นไปปิดกั้นภายในช่องหู

พฤติกรรมของเด็กเตาะแตะ ที่เกิดขึ้นได้ คือ การแหย่สิ่งของต่างๆ เช่น ของเล่นชิ้นเล็กๆ หรือลูกปัดใส่หู ด้วยความคิดแบบเด็กๆ เช่น ลูกปัดมันจะเข้าไปได้ลึกแค่ไหน  หากคุณคิดว่าลูกของคุณมีสิ่งของติดอยู่ในหู ให้พาไปพบแพทย์ โดยเฉพาะหากวัตถุที่เป็นสารเคมี เช่น ถ่านกระดุม หรือพืชเช่น ถั่ว ที่อาจขยายขนาดได้ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปที่แผนกฉุกเฉิน แพทย์ของคุณสามารถเอาวัตถุออกด้วยเครื่องมือพิเศษ ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์พร้อมเครื่องมีพิเศษในการนำเศษชิ้นส่วนต่างๆ ออกมา

วัตถุแปลกปลอมที่มักพบในหูของเด็ก ได้แก่

  • สำลี (คอตตอนบัด)
  • แบตเตอรี่กระดุม
  • ก้อนหิน
  • เศษกระดาษชิ้นเล็กๆ
  • แมลง
  • เมล็ดพืช

อาการต้องสงสัยเมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก

ให้พิจารณาว่ามีสิ่งแปลกปลอมในหูของลูก หากสังเกตเห็นอาการต่อไปนี้ :

  • เด็กบ่นว่า ปวดหู หรือ เจ็บในหู
  • สูญเสียการได้ยิน จากการเรียกแล้วไม่ตอบสนอง
  • มีอาการหูน้ำหนวก หูอื้อ
  • มีอาการสะอึกหรือไอ เรื้อรัง
  • มีหนองหรือเลือดไหลออกมาจากหู
  • มีอาการแดง และบวมของช่องหู
สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก
สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก

ข้อควรรู้ในการปฐมพยาบาล และข้อควรระวัง หากวัตถุแปลกปลอมติดอยู่ในหูเด็ก

  • อย่าตรวจดูภายในหู ด้วยก้านสำลีหรือไม้ขีดไฟ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะดันวัตถุให้เข้าไปข้างใน ซึ่งอาจทำอันตรายกับหูของเด็กได้  สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรตระหนักคือความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่อาจทำให้เด็กสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร
  • จัดตำแหน่งเด็กให้เหมาะสม โดยให้นั่งตัวตรง หรือ นอนราบ
  • นำวัตถุออกถ้าเป็นไปได้ (ในกรณีมองเห็นวัตถุได้ชัดเจน)  หรือสามารถใช้แหนบจับคีบได้ไม่ยากจนเกินไป โดยให้ค่อยๆ คีบ และดึงออก
  • ลองใช้แรงโน้มถ่วงช่วย โดยเอียงศีรษะไปทางด้านที่ได้รับผลกระทบ เพื่อพยายามเคลื่อนเศษวัตถุ
  • ใช้น้ำมันสำหรับแมลงหากวัตถุแปลกปลอมเป็นแมลง โดยให้เอียงศีรษะของเด็กโดยให้หูกับแมลงหันขึ้นด้านบน พยายามให้แมลงลอยออกมาโดยเทน้ำมันมิเนอรัล น้ำมันมะกอก หรือเบบี้ออยล์เข้าหู โดยน้ำมันควรมีอุณหภูมิอุ่น แต่ไม่ถึงกับร้อน ที่สำคัญ ห้ามใช้น้ำมันเพื่อเอาวัตถุอื่นที่ไม่ใช่แมลงออกมา
  • ใช้กระบอกฉีดยาหูที่เป็นหลอดยางและน้ำอุ่นเพื่อทดน้ำให้วัตถุออกจากช่องหู (ใช้ในกรณีที่ไม่มีความผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนกับแก้วหู)
  • หากเห็นว่าวัตถุอยู่ลึกเข้าไปในช่องหูของเด็ก อย่าพยายามเอาวัตถุออกด้วยตัวเองเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและการบาดเจ็บเพิ่มได้

หากวิธีการเหล่านี้ล้มเหลวหรือเด็กยังมีอาการเจ็บปวด มีน้ำมูกไหลออกจากช่องหู การได้ยินมีปัญหา หรือบอกได้ว่ามีบางสิ่งติดอยู่ในหู ให้รีบไปพบแพทย์ หลังจากนำวัตถุออกแล้ว ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของบุตรหลานของคุณจะตรวจหูอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีการบาดเจ็บที่ช่องหูหรือไม่ ซึ่งอาจมีการสั่งยาปฏิชีวนะแบบหยอดหูเพื่อรักษาโรคหูชั้นนอกที่อาจเกิดขึ้นได้

ฝีในต่อมน้ำลาย ก้อนแข็ง ๆ หลังติ่งหูทารก สัญญาณบอกโรค

อุทาหรณ์! ลูก ขี้หูเหม็น ขี้หูหมักหมมจนเน่า! เกือบเป็นหูน้ำหนวก

แม่แชร์ประสบการณ์! ลูกมีรูข้างหู ภัยเงียบที่ไม่ควรชะล่าใจ

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการกำจัดวัตถุที่ติดอยู่ในหู

ภาวะแทรกซ้อนนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่อยู่ในหูและระยะเวลาที่อยู่ในหู วัตถุในหูสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อไปนี้ได้

  • ความเจ็บปวด
  • หูหนวกหรือเสียงอู้อี้
  • อักเสบมีหนองหรือบวม (หากวัตถุติดอยู่ในหูมาระยะหนึ่งแล้ว)
  • หูติดเชื้อได้ หลังจากนำวัตถุออกแล้ว การติดเชื้อมีแนวโน้มเกิดได้มากขึ้นหากวัตถุนั้นติดอยู่ในหูเป็นระยะเวลานาน หรือมีชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ของวัตถุที่ยังติดอยู่ในหูที่ตรวจไม่พบ
  • เกิดการเสียดสี หรือฉีกขาดของช่องหูภายนอก
  • เยื่อแก้วหูทะลุ
  • กระดูกในช่องหูเสียหาย และอาจสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร
  • หูชั้นกลางเสียหาย  อาจสูญเสียการได้ยิน  หรือ มีอาการหูน้ำหนวก
  • ปวดตามข้อ หรือ อัมพาตใบหน้า

สิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก

แนวทางป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าหูลูก

หากเป็นไปได้ ควรสอนเด็กๆ ว่าไม่ควรสอดใส่สิ่งของเข้าไปในหู  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี จะไม่สามารถเล่นกับชิ้นส่วนเล็กได้ ช่นแบตเตอรี่แบตเตอรี่กระดุม เข็มหมุด เหรียญ ลูกแก้ว หัวปากกาลูกลื่น หรือลูกปัด นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือ

  • ควรจัดเก็บสิ่งของขนาดเล็กอย่างปลอดภัย เช่น ลูกปัด ลูกหิน เหรียญ ถ่านกระดุม และลูกโป่ง เป็นต้น
  • เลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของลูก
  • ระวังของเล่นอาจมีส่วนเล็กๆ ถอดได้
  • ส่งเสริมให้เด็กโตเก็บของเล่นให้ห่างจากเด็กเล็ก
  • ดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบตลอดเวลา ที่สัมผัสกับวัตถุชิ้นเล็กๆ ซึ่งรวมถึงอาหารชิ้นเล็กๆ เช่น ถั่ว ถั่ว หรือเมล็ดแตงโม

การป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของคนเป็นพ่อแม่ หากแต่การเข้มงวดในการตรวจตรา คอยหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ ของเด็ก ด้านพฤติกรรมต่างๆ จะช่วยให้เราทราบถึงความผิดปกติบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กได้ นอกจากนี้การคอยปลูกฝัง และพยายามอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจ และรู้เท่าทันถึงอันตรายจากการนำสิ่งแปลกปลอมใส่เข้าไปในหูก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆ ห่างไกลจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งยังยังช่วยให้เด็กๆ เกิดทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี HQ ได้อีกทางหนึ่งอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : healthdirect.gov.au , stanfordchildrens.org , meded.psu.ac.th

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกมีขี้หู แคะหูให้ลูก ได้ไหม หูลูก ควรทำความสะอาดอย่างไร?

หูชั้นกลางอักเสบในเด็ก หูติดเชื้อในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็กถ้าลูกป่วย!

อุทาหรณ์!! เลี้ยงหมาในบ้าน ระวัง เห็บหมาเข้าหูลูก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

แม่แชร์ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพียงเพราะล้างไม่ถูกวิธี

ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพราะล้างน้องชาย น้องสาวลูกไม่ดี มาร่วมฟังประสบการณ์จริงจากคุณแม่ ที่เพียงแค่ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี อาจส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพลูกน้อยได้

แม่แชร์!!ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพียงเพราะล้างไม่ถูกวิธี

วันนี้ทีมแม่ ABK มีประสบการณ์น่าสนใจจากคุณแม่ท่านหนึ่งที่กรุณาให้นำเรี่องราวมาเป็นอุทาหรณ์แก่คุณแม่ท่านอื่น ๆ ที่มีลูกเล็ก โดยเรื่องราวเกิดจากเรื่องธรรมดา ๆ อย่างการอาบน้ำให้ลูก แต่นำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ต้องทนเห็นลูกทรมานจากอาการ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

อุทาหรณ์ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพราะล้างไม่สะอาด
อุทาหรณ์ลูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพราะล้างไม่สะอาด
ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกเจ็บปวดมาก ที่เป็นแทนลูกไม่ได้🥺
ตอนน้องอายุเพียง 16วัน
โชคดี ที่เราอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กทารก มาเยอะ(ตามหลักแพทย์แหละ) เรื่องการดูแลเมื่อเป็นไข้
อยู่ดีๆ ลูกมีไข้ ไข้สูง ตัวแดง ซึมๆ ตัดสินใจพาหาหมอทันที ไม่รอ ไม่กินยาใดๆ เพราะลูกพึ่ง16วัน เด็กทารกไม่ควรกินยาเอง ต้องกินภายตามแพทย์สั่งเท่านั้น
มารพ ลูกไข้ขึ้นสูง 38.6 ตัวแดงลายมากๆ (ตัวลายแดงๆๆ หมอบอกเกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย)
ได้เจาะเลือดตรวจฉี่ ผลออก มา ติดเชื้อ (แต่ยังไม่รู้ติดเชื้ออะไร ) หมอสั่งแอดมิด nicu ทันที
แม่เฝ้าไม่ได้ด้วย ร้องไห้สิคับ
กลัวมากกก สงสารลูก ทำได้แต่มาเยี่ยมทุกวัน ปั๊มนมมาส่ง ต้องเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจสรุป ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นอนรพ 8วัน ให้ยาฆ่าเชื้อทุกวัน กินนมแม่ ด้วยการกินขวด (งดเต้า)
แถมได้เอฟเฟกต์ กรวยไตบวม ต้องติดตามอาการยัน 1 ขวบ ถึงจะหายปกติ
แม่ได้แต่โทษตัวเอง ว่าดูแลลูกไม่ดี หลังจากที่ลูกออกจากรพ พยายามทุกอย่าง ไม่ให้เจ็บไม่ให้ป่วย กลัวต้องห่างลูกอีก
ที่สุดในชีวิตแล้วจริงๆค่ะ 😔😔
**น้องติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เนื่องจาก แม่ไม่ได้รูดปลายจู๋เพื่อล้างเลยทำให้เกิดการหมักหมมและติดเชื้อได้(ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน มันเป็นแค่ความเสี่ยงที่ทำให้เกิด)
***ปัจจุบันหายดีแล้วค้าบ แต่ปลายจู๋ยังไม่เปิด หมอให้ระวังๆ และให้ยามาทาตลอด
ขอขอบคุณ คุณแม่ Kib”Napapraew Chomrung ที่ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ

มีไข้สูง ซึม อาการอาจไม่ใช่แค่เป็นหวัด!!

โดยปกติเมื่อทารกไม่สบาย มีไข้ คุณพ่อคุณแม่คงต้องนึกถึงว่าลูกเป็นหวัดกันเป็นแน่ แต่รู้หรือไม่ว่าการมีไข้สูง ซึมใช่ว่าจะเป็นเพียงอาการแสดงของโรคหวัดเท่านั้น อาการไข้สูงก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่แสดงถึงโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นโรคของระบบทางเดินปัสสาวะในเด็กที่พบบ่อยที่สุด ประมาณร้อยละ 3-7 ในเด็กที่มีไข้จะพบว่าเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมักพบมากในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย อุบัติการณ์ของโรคขึ้นอยู่กับอายุ เพศ เชื้อชาติ

มีไข้สูง ซึม อาการของการ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
มีไข้สูง ซึม อาการของการ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract Infection : UTI)

การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 แบบ คือ

  1. โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน หรือ กรวยไตอักเสบ (Acute pyelonephritis)ส่วนใหญ่จะมีไข้สูงเป็นหลัก ในเด็กเล็กอาจมีไข้สูงเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีอาการจำเพาะอื่น เด็กโตอาจมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดเอว คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  2. โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง หรือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)เด็กจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นฉุนบางรายอาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย

การรักษา และการป้องกัน

เด็กที่ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจำเป็นที่จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะอย่างรวดเร็วและขนาดที่เหมาะสม ในรายที่ไม่รุนแรงสามารถให้เป็นยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน แต่ถ้ารายที่รุนแรงหรือในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือดควรให้ทางหลอดเลือดดำ โดยระยะเวลาของการให้ยานาน 7-14 วัน ในเด็กทารก หรือมีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะร่วมด้วยแพทย์อาจต้องให้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำ รับประทานทุกวัน ซึ่งระยะเวลาการให้ยาขึ้นกับชนิด และความรุนแรงของโรค

นอกจากนี้ยังควรเน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะเพศเด็ก ตัวอย่างเช่น เช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ลดการใช้ผ้าอ้อมไม่ใส่ตลอด 24 ชั่วโมง เด็กผู้ชายควรรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเพื่อทำความสะอาด ปรับพฤติกรรมการขับถ่าย ไม่กลั้นปัสสาวะ และ รักษาภาวะท้องผูก

  การดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศเด็ก  

เนื่องจากเด็กทารก เด็กเล็กยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ การดูแลทำความสะอาดจึงต้องให้พ่อแม่ดูแล ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาวิธีการทำความสะอาดให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันการหมักหมมของสิ่งสกปรก หรือเชื้อโรค อีกทั้งยังควรสอนวิธีการทำความสะอาดแก่ลูกน้อย ล้างน้องชาย ล้างน้องสาว เพื่อให้เขาสามารถดูแลตนเองได้ต่อไป

ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคที่พบบ่อยในเด็กทารก
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคที่พบบ่อยในเด็กทารก

ล้างน้องชาย ยังไงให้ถูกวิธี (วิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย )

สำหรับเด็กทารก

ขี้เปียกในเด็กทารกมีลักษณะคล้ายจุดสีขาวหรือไข่มุกบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ซึ่งเด็กแรกเกิดส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลาย นั้นไม่สามารถดึงหนังหุ้มปลายองคชาตให้เปิดขึ้นจนสุดได้ โดยเด็กแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันไป แต่มักสามารถรูดหนังหุ้มปลายได้จนสุดเมื่อมีอายุประมาณ 5 ปี โดยสามารถทำความสะอาดตามขั้นตอน ดังนี้

  • ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำสะอาดผสมสบู่แล้วถูเบา ๆ แต่ไม่ควรรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของเด็กในขณะอาบน้ำ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ มีเลือดออก และเกิดแผลได้
  • ไม่ต้องใช้สำลีก้านแคะขี้เปียกใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ

สำหรับเด็ก

กรณีที่ลูกน้อยโตพอที่จะรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้แล้ว การทำความสะอาดบริเวณใต้หนังหุ้มปลายองคชาตจะช่วยลดปริมาณของขี้เปียกได้

สำหรับเด็กวัยรุ่น

เมื่อเด็กเริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่นหรือวัยเจริญพันธ์ุ พ่อแม่ควรสอนวิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูกวิธีและทำเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เพื่อช่วยลดการสะสมของขี้เปียกและรักษาสุขอนามัยเพื่อสุขภาพที่ดี โดยเด็กวัยนี้สามารถทำความสะอาดอวัยวะเพศได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่

การล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ ดังนี้

  • ค่อย ๆ รูดหนังหุ้มปลายองคชาตเข้าหาตัว หากขี้เปียกมีลักษณะเป็นก้อนแข็งจนไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายได้ อาจใช้น้ำมันถูบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อช่วยให้สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น แต่ห้ามออกแรงดึงเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ ผิวหนังฉีกขาด และอาจเกิดการติดเชื้อได้
  • ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่สูตรอ่อน ๆ โดยเฉพาะบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาต แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูอย่างแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ล้างฟองสบู่ออกให้หมด จากนั้นใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับอวัยวะเพศให้แห้ง แล้วรูดหนังหุ้มปลายองคชาตกลับลงไปเช่นเดิม

ทั้งนี้ ควรล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายเป็นประจำทุกวันจนกว่าขี้เปียกจะหายไป แต่ไม่ควรใช้ของมีคมหรือสำลีก้านแคะขี้เปียกออก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และหากมีขี้เปียกจับตัวกันเป็นก้อนเพิ่มมากขึ้น ยังมีขี้เปียกเกาะเป็นคราบใต้หนังหุ้มปลายองคชาตแม้จะล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว หรือมีอาการแดง และอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือภาวะเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com
ล้างน้องสาว ยังไงให้ถูกวิธี
ล้างน้องสาว ยังไงให้ถูกวิธี

ล้างน้องสาวยังไงให้ถูกวิธี (วิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศหญิง

วัยทารก

  • ใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดจากท้องน้อย เรื่อยไปจนอวัยวะเพศจนถึงทวารหนัก เช็ดจากหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนักจะเข้าสู่ช่องคลอด
  • ห้ามถูแรง หากมีเมือกหรือไขมัน ก็เพียงล้างด้วยน้ำอุ่น ไม่ต้องใช้สบู่ใด ๆ
  • ควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดตรงกลาง และใช้นิ้วมือแหวกแคมทั้งสองข้างออกแล้วเช็ดให้สะอาด
  • ไม่ควรเช็ดเข้าไปในช่องคลอดลูก
  • ในกรณีที่ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปควรเปลี่ยนบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังอุจจาระควรเปลี่ยนทุกครั้ง และในเด็กที่ฝึกเข้าห้องน้ำแล้ว ควรลดการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปลง

วัยเด็กที่ดูแลตนเองได้

  • สอนให้ลูกเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งหลังถ่ายหรือปัสสาวะ
  • ให้เช็ดจากด้านหน้าไปหลัง ไม่ควรเช็ดย้อนกลับมาอีกเพราะจะนำเชื้อโรคจากทางทวารหนักกลับมาสู่ช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ การใช้ระบบฉีดน้ำล้างทำความสะอาดก็เช่นเดียวกัน
  • ควรใช้กระดาษชำระที่สะอาด หรือทิชชู่เปียกเช็ดและซับให้แห้งทุกครั้ง
ข้อมูลอ้างอิงจาก รพ.สมิติเวช

สังเกตให้ดี อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน อันตราย!!

อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าอาการของการ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ในเด็กเล็ก เด็กทารก จะค่อนข้างยากในการสังเกต หรือทราบแน่ชัดฟันธงได้เด็ดขาดเลยว่าลูกกำลังประสบกับภาวะติดเชื้อดังกล่าว เนื่องจากว่าอาการเริ่มแรกนั้นมักพบแต่อาการไข้ ไข้สูง เพราะเด็กยังไม่สามารถบอกอาการแก่พ่อแม่ได้ แต่การเฝ้าสังเกต และไม่นิ่งนอนใจเมื่อลูกมีไข้สูงจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นได้เร็ว และรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งในระยะแรกถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือดโดยเฉพาะในเด็กทารกซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้   ในระยะยาวสามารถทำให้เกิดแผลเป็นที่ไต ความดันโลหิตสูงในวัยผู้ใหญ่ หรือ ในรายที่มีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะร่วมด้วยและมีการติดเชื้อซ้ำ ๆ หลายครั้งจะทำให้การทำหน้าที่ของไตเสื่อมลง และรุนแรงจนเกิดไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ดังนั้นการติดตาม และเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดจะเป็นส่วนสำคัญช่วยลดการติดเชื้อซ้ำ และภาวะแทรกซ้อนระยะยาวได้

การหมักหมมของผ้าอ้อมที่ใส่นานไป ทำให้ติดเชื้อได้
การหมักหมมของผ้าอ้อมที่ใส่นานไป ทำให้ติดเชื้อได้

คุณแม่เจ้าของเรื่องนับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีในการเฝ้าสังเกตอาการของลูก และไม่นิ่งนอนใจเมื่อเห็นลูกมีไข้ มีอาการผิดปกติ และที่สำคัญไม่ได้ซื้อยามารับประทานเอง จึงทำให้สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกของแม่เมื่อเห็นลูกน้อยต้องเจ็บปวดก็เป็นสิ่งที่ทรมานคุณแม่มิใช่น้อย คุณแม่จึงอยากของฝากเรื่องราวของตนเองเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คุณแม่ท่านอื่น ๆ ในการดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศของลูกให้ดี แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายอาจถึงชีวิต และมีผลระยะยาวได้ หากเรา ล้างน้องชาย ล้างน้องสาวของลูกไม่สะอาดพอ

ข้อมูลอ้างอิงจาก รพ.เด็กสินแพทย์

อ่านบทความดี ๆ คลิก

ระวัง!โรคทางเดินปัสสาวะในเด็ก

ขลิบ หรือไม่ขลิบ ให้ลูกน้อยดี?

คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อันตรายกับทารกในครรภ์อย่างไร?

วิธีดูแล เด็กเป็นไข้ อันตรายที่มากับหน้าฝน

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ดาวน์ซินโดรม

กลัวลูกเป็น ดาวน์ซินโดรม ต้องอ่าน!! หมอชี้ทาง..แม่ท้อง รู้ทัน ป้องกันได้

ดาวน์ซินโดรม โรคทางพันธุกรรม พ่อแม่ควรรู้เท่าทัน ช่วยป้องกันได้ตั้งแต่ในท้อง จะต้องทำอย่างไร ตรวจดาวน์ซินโดรม แบบไหน ตามมาดูข้อมูลแน่นๆ จาก หมอนิวัฒน์ กันค่ะ

สถานะการณ์ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีเด็กดาวน์เกิดใหม่ประมาณปีละ 1,000 รายต่อปี หรือประมาณ 3 คนต่อวัน นับเป็นปัญหาของประเทศอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นภาระในเรื่องการเลี้ยงดูของครอบครัว เนื่องจากเด็กดาวน์ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และมีโรคประจำตัวที่อาจต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ เคยมีคนคำนวนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กดาวน์แบบปกติตลอดชีวิตจะใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 4-5 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าความสูญเสียจากพ่อแม่หรือญาติที่ต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลลูก จึงเป็นที่มาของการตรวจ เพื่อค้นหาทารกดาวน์ตั้งแต่ในครรภ์

รู้ให้ทัน ป้องกันได้! ท้องนี้…ลูกแม่ต้องไม่เสี่ยง ดาวน์ซินโดรม

ในปัจจุบันนี้การตรวจคัดกรองทารกดาวน์ในครรภ์ ทำได้หลายวิธี  ในหลาย ๆ ประเทศแนะนำให้ตรวจในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย ซึ่งชนิดของการตรวจ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นหลัก หลังจากได้ข้อมูลด้านบวกและลบ หรือข้อดีและข้อเสียของการตรวจในแต่ละวิธีจากสูตินรีแพทย์ (Genetics counseling)

ภาวะ ดาวน์ซินโดรม เกิดจากอะไร

ดาวน์ซินโดรมเกิดจากความผิดปกติของการแบ่งเซลล์ของโครโมโซม จากเซลล์สืบพันธุ์ของแม่ (เซลล์ไข่) ทำให้เมื่อมาผสมกับเซลล์อสุจิของพ่อ และเกิดการปฏิสนธิเป็นทารก ทำให้โครโมโซมทารกในครรภ์ผิดปกติ เด็กดาวน์ซินโดรมมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันดังต่อไปนี้: หัวแบน, โครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ  ตาเฉียงขึ้น, จมูกแบน, หูต่ำ, ปากเล็กและลิ้นโต มีขาสั้น กล้ามเนื้อจะอ่อนนิ่ม  และมีภาวะบกพร่องของพัฒนาการและระดับสติปัญญา บางรายพบความผิดปกติร่วมอื่นๆ เช่น  หัวใจพิการแต่กำเนิดหรือลำไส้อุดตัน ดังนั้นการที่มีบางคนเข้าใจว่า ไม่มีความเสี่ยง เพราะไม่เคยมีประวัติโรคดาวน์ซินโดรมในครอบครัว จึงไม่เป็นความจริง  เพราะไม่ใช่โรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่นเหมือนเช่นโรคทาลัสซีเมีย เพราะฉะนั้นแม้ไม่เคยมีใครในครอบครัวที่เคยเป็น ก็มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้

ดาวน์ซินโดรม

ดาวน์ซินโดรม

ดาวน์ซินโดรม

ร้อยละ 95 ของดาวน์ซินโดรม เกิดจากการที่มีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง
เรียกว่า ไตรโซมี่ 21 (Trisomy 21 Down syndrome)

ดาวน์ซินโดรม

ร้อยละ 1-2 เกิดจากการทีมีโครโมโซม 2 ชุด ชุดที่ปกติ (46 แท่ง โครโมโซม) กับชุดที่ผิดปกติ (47 แท่งโครโมโซม) ปนกันอยู่ เรียกว่า โมเซอิค ดาวน์ซินโดรม (Mosaic Down syndrome) โดยอาการของดาวน์ซินโดรมจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ปริมาณสัดส่วนของเซลล์ผิดปกติที่ปนอยู่

ดาวน์ซินโดรม

ร้อยละ 2-3 เกิดจากการสลับตำแหน่งของแท่งโครโมโซม
เรียกว่า ทรานสโลเคชั่น (Translocation Down syndrome) เช่นคู่ที่ 14 กับ 21

 

การตรวจคัดกรองจากการเจาะเลือดตรวจ NIPT Test สามารถตรวจความผิดปกติเชิงจำนวนได้ (Trisomy) แต่ไม่สามารถบอกความผิดปกติ เชิงโครงสร้าง หรือชุดของโครโมโซมได้(Mosaics, Translocation) ในขณะที่การตรวจน้ำคร่ำ สามารถบอกความผิดปกติได้ทุกชนิดของดาวน์ซินโดรม หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการเจาะเลือดมีโอกาสตรวจไม่พบความผิดปกติของดาวน์ซินโดรมได้ร้อยละ 5

ดาวน์ซินโดรม

ดาวน์ซินโดรม

แม่ท้องมีความเสี่ยงที่ลูกจะมีภาวะดาวน์ซินโดรมในทุกช่วงวัยของการตั้งครรภ์ได้หรือไม่

แม่ท้องมีความเสี่ยงทุกคน ทุกช่วงวัยครับ เพียงแต่ว่าความเสี่ยงในแม่ตั้งครรภ์แต่ละคน ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอายุของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์  ยิ่งอายุมากขึ้นความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น  โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงสูง เมื่ออายุมารดาที่ตั้งครรภ์มากกว่า 35 ปีเป็นต้นไป โดยนับถึงวันที่ครบกำหนดคลอด เช่น คุณแม่คนหนึ่งตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน อายุขณะนี้ คือ 34 ปี 9  เดือน มีกำหนดคลอดในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งทำให้มีอายุมากกว่า 35 ปี เมื่อนับจนถึงวันที่ครบกำหนดคลอดจึง ถือว่าคุณแม่ตั้งครรภ์รายนี้มีอายุมากทางการแพทย์ (Elderly Gravida) ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูงชนิดหนึ่ง (High Risk Pregnancy)

ตารางความเสี่ยงจำแนกตามอายุของมารดาขณะตั้งครรภ์

ดาวน์ซินโดรม

คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการมีทารกมีโครโมโซมผิดปกติ เช่น

  • มารดาที่มีอายุมากกว่า 35 ปีนับจนถึงวันครบกำหนดคลอด
  • มารดาที่เคยให้กำเนิดทารกที่มีความผิดปกติของโครโมโซม หรือมีความพิการแต่กำเนิด
  • มีประวัติโรคพันธุกรรมที่เกี่ยวกับความผิดปกติของโครโมโซมในครอบครัว
  • บิดาหรือมารดามีประวัติ หรือตรวจพบความผิดปกติของโครโมโซม
  • มีความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่ได้จากการตรวจอุลตร้าซาวนด์
  • ผลการตรวจคัดกรองจากเลือดมารดามีความผิดปกติ(Maternal serum screening or NIPT Test)

เหล่านี้ถือเป็นข้อบ่งชี้สำหรับการตรวจน้ำคร่ำ เพราะการตรวจน้ำคร่ำ ยังถือว่าเป็น Standard test หรือ การตรวจยืนยันแบบมาตราฐาน เพราะให้ผลการตรวจที่แม่นยำ เชื่อถือได้เกือบ 100% แต่ข้อเสียคือ เป็นการตรวจแบบ (Invasive Test) มีการแทงเข็มผ่านหน้าท้องไปเพื่อทำการดูดน้ำคร่ำ เพื่อนำมาตรวจ ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการแท้งบุตรตามมาจากการตรวจ สามารถเกิดขึ้นได้ประมาณ ร้อยละ 0.1-0.5 (ประมาณ 1 ใน 200 รายถึง 1 ใย 1000 ราย)

ดาวน์ซินโดรม

การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมทำอย่างไร และสามารถทำได้ก่อนตั้งครรภ์เลยหรือไม่

การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ทำได้โดยการเจาะเลือดแม่ไปตรวจผ่านขบวนการทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์  ไม่สามารถทำได้ก่อนการตั้งครรภ์ ต้องรอให้เกิดการตั้งครรภ์ก่อน หรือมีการปฏิสนธิทารกในครรภ์ขึ้นมาก่อน จึงจะสามารถตรวจได้  

  • หากตั้งท้องแล้ว จะตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมของลูกในครรภ์ได้เร็วที่สุด สามารถทำได้ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์เลยหรือไม่
  • ปัจจุบันสามารถตรวจได้เร็วที่สุดที่อายุครรภ์ 9-10 สัปดาห์ แต่แพทย์ส่วนใหญ่นิยมตรวจในช่วงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เป็นต้นไป ไม่เกิน 13 สัปดาห์ 6 วัน เพราะจะทำให้มีเวลาในการตรวจน้ำคร่ำในช่วงอายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์ ถ้าผลการตรวจคัดกรองมีความผิดปกติ

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในคนท้องที่แม่นยำทันสมัยหรือไม่

ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม 2 วิธีหลัก ๆ คือ

  1. การตรวจสารเคมีในเลือดมารดาที่ตั้งครรภ์ (Maternal serum screening) เป็นการตรวจโดยอาศัยหลักการตรวจสารเคมีบางตัวในเลือดมารดาตั้งครรภ์ ซึ่งเชื่อว่าถ้าทารกในครรภ์ผิดปกติ สารเคมีบางอย่างในเลือดแม่ตั้งครรภ์ จะแสดงค่าผิดปกติออกมาให้เห็น วิธีนี้มีความแม่นยำ ตั้งแต่ ร้อยละ 70-90

เช่น First trimester screening (Double test), Combined test, Triple test, Quad test, Integrated test, Sequential test เป็นต้น

ดาวน์ซินโดรม

  1. การตรวจดีเอ็นเอของทารกในครรภ์ในเลือดแม่ตั้งครรภ์ (NIPT: Non-invasive Prenatal Test) เป็นวิธีใหม่อาศัยหลักการที่ว่า เลือดแม่ตั้งครรภ์จะมีเซลล์ของลูกปนอยู่ ในเลือดแม่(Cell-free DNA) การเจาะเลือดแม่ไปตรวจ และแยกส่วนดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของลูกออกมา ก็สามารถจะบอกถึงความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ แต่ยังเป็นวิธีที่มีราคาแพง แต่ก็ให้ความแม่นยำสูง (ร้อยละ 99) ปัจจุบันมีชื่อเรียกต่างๆกันตามแต่ผู้ให้บริการตรวจ เช่น NIFTY, VERIFI, PANORAMA, HARMONY, MyNIPS เป็นต้น

ดาวน์ซินโดรม

สรุปเรื่องการตรวจความผิดปกติโครโมโซมทารกในครรภ์

ดาวน์ซินโดรม

มารดาตั้งครรภ์ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี (นับจนถึงวันที่ครบกำหนดคลอด) ควรได้รับคำปรึกษาแนะนำเรื่องการเจาะตรวจน้ำคร่ำ (Genetics counseling) และทำการเจาะตรวจน้ำคร่ำที่อายุครรภ์ประมาณ 16-18 สัปดาห์ ถ้ายอมรับความเสี่ยงเรื่องของการสูญเสียทารกในครรภ์จากการเจาะตรวจน้ำคร่ำได้ แต่ถ้าหญิงตั้งครรภ์หรือสามีปฏิเสธการเจาะตรวจน้ำคร่ำ สามารถมาใช้ทางเลือกในการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองความผิปกติ เหมือนในกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 35 ปีได้ (แต่ควรเป็นการตรวจชนิด Fetal cell free DNA เพราะการตรวจแบบสารเคมีในเลือด หรือ Maternal Serum Screening จะเอาอายุแม่ตั้งครรภ์ไปคำนวณ ซึ่งทำให้โอกาสที่จะให้ผลออกมาว่ามีความเสี่ยงสูงมีได้ค่อนข้างสูง) ถ้าผลการตรวจออกมาว่ามีความเสี่ยงต่ำ โอกาสที่ลูกที่คลอดออกมาแล้วผิดปกติมีได้น้อยมาก แต่ถ้าผลการตรวจพบว่ามีความเสี่ยงสูง ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่จะทำการตรวจเจาะน้ำคร่ำเพื่อยืนยันความผิดปกติต่อไป

บทความโดย : นายแพทย์นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข (สูตินรีแพทย์)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ พันธุศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอบกิ้น สหรัฐอเมริกา

สำหรับเรื่อง ภาวะดาวน์ซินโดรม ที่แม่ท้องต้องรู้เท่าทัน! ถือเป็นหนึ่งในเรื่องของ HQ  หนึ่งใน 10 ของ Power BQ (Power Baby & Kids Quotients) อาวุธที่ช่วยให้ลูกฉลาดรอบด้าน เพราะเด็กยุคนี้มีแค่ IQ และ EQ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังมี Quotient ต่างๆ ถึง 10Q นั่นคือ “10 ความฉลาด” ที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้ครบไปพร้อมกันนั่นเอง ทั้งนี้ HQ หรือ Health Quotient  คือ ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ
ซึ่งคนที่มี HQ ดี จะรู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เช่น กินอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ ขับถ่ายดี ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของตัวเอง ฯลฯ สำหรับเด็กเล็กเราอาจจะยังไม่เห็นพัฒนาการด้านนี้ชัดเจน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังและใส่ใจเรื่องสุขภาพ การดูแลร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกวัน เพื่อให้ลูกซึมซับและดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเอง ซึ่งก็จะเป็นการสร้าง HQ ที่ดีในตัวลูกได้ ยิ่งในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บมีเยอะขึ้น โรคใหม่ๆ แปลกๆ เชื้อโรคที่พัฒนาขึ้นจาก สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และมลภาวะต่างๆ เราจึงต้องสอนให้ลูกของเราฉลาดใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่างๆ รอบตัว เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐนั่นเองค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

หมอตอบชัดทุกข้อ! 10 ปัญหาสุขภาพที่แม่ต้องเจอ? ทั้ง ปัญหาคนท้อง และหลังคลอดลูก

หมอสูติตอบเอง ฝากท้องแบบไหนดี? “ ฝากครรภ์พิเศษ VS ฝากครรภ์ธรรมดา ”

แม่ท้องต้องรู้!! “ลูกดิ้น” บอกอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?

Plentitude electric breast pump

6 เหตุผลที่แม่ยุคใหม่..เลือกใช้ เครื่องปั๊มนม Plentitude สะดวก ใช้งานง่าย ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า!!

“น้ำนมแม่” เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกสำหรับเด็ก เพราะมีภูมิคุ้มกันโรคจำนวนมากที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย การได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้ทารกเติบโตได้สมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้น การให้ลูกได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด ต่อเนื่องไปจนถึง 2 ปีได้หรือนานกว่านั้น จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีร่างกายที่แข็งแรงได้

เครื่องปั๊มนม จึงเป็นไอเท็มที่แม่ยุคใหม่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแม่ฟูลไทม์ หรือเวิคกิ้งมัม ก็จำเป็นต้องมีติดตัวไว้เป็นของคู่ใจ เพราะเครื่องปั๊มนม เป็นสิ่งที่แม่สายนมแม่ต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ต้องใช้แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ ดังนั้น การเลือก เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า จึงต้องเลือกให้ดี มีคุณภาพ ที่สำคัญต้องปั๊มได้เกลี้ยงเต้า ใช้งานได้สะดวก พกพาง่าย ทีมแม่ ABK ขอแนะนำ เครื่องปั๊มนมสุดต๊าซซซ ที่ได้ลองใช้แล้วแม่ ๆ จะต้องเลิฟมาก ๆ กับ เครื่องปั๊มนม Plentitude เครื่องปั๊มนมน้องใหม่แต่ไม่ใหม่ในการผลิตเครื่องปั๊มนม เพราะเป็นแบรนด์ในเครือ Attitude Mom เครื่องปั๊มนมคุณภาพที่คุณแม่วางใจเลือกใช้กันมามากกว่า 5 ปี

6 เหตุผล ทำไม? แม่ยุคใหม่..เลือกใช้ เครื่องปั๊มนม Plentitude

เพราะ Plentitude เข้าใจความต้องการของแม่นักปั๊มทุกคน จึงได้ออกแบบเครื่องปั๊มนมที่ตอบทุกโจทย์ที่แม่นักปั๊มต้องการ มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าทำไม? เครื่องปั๊มนม Plentitude เป็นเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าที่ทีมแม่ ABK เลิฟมาก ๆ

1. สะดวก พกพาง่าย มีขนาดเล็ก..แต่แรงปั๊มไม่เล็ก

ด้วยเครื่องปั๊มที่มีขนาดเพียง 9.5×9.3 cm. หน้ากว้างเพียง 4 นิ้ว น้ำหนักเพียง 237 g. จึงทำให้พกพาได้สะดวก ไม่ว่าแม่จะไปธุระที่ไหน ทำงานที่ใด ก็พก เครื่องปั๊มนม Plentitude ติดตัวไปด้วยได้ง่าย ๆ แต่ถึงจะมีขนาดเล็กอย่างนี้ แต่แรงปั๊มไม่ได้เล็กตามไปด้วยนะคะ เพราะมีแรงดูดสูงสุดถึง 380 mmHg. จึงทำให้ปั๊มนม รีดน้ำนมออกมาได้อย่างเกลี้ยงเต้า

เครื่องปั๊มนม Plentitude

2. 4 โหมดอัจฉริยะการใช้งานให้เลือกใช้

เพราะการปั๊มนม ไม่ใช่แค่ปั๊มให้ได้น้ำนม แม่นักปั๊มทุกคนรู้ดีว่าเครื่องปั๊มนมที่ดีต้องมีโหมดกระตุ้นน้ำนม โหมดรีดน้ำนม และต้องปั๊มได้เกลี้ยงเต้า เครื่องปั๊มนม Plentitude รู้ใจแม่นักปั๊มเป็นอย่างดี จึงได้มี 4 โหมดการปั๊มอัจฉริยะ ให้แม่ ๆ ได้เลือกการปั๊มให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ ดังนี้

1. Expression Mode (ระดับ 1-6) โหมดดูดน้ำนม ช่วยระบายน้ำนม โหมดนี้จะเป็นการปั๊มนมทั่วไป สามารถปรับระดับความแรงได้ตั้งแต่ระดับที่ 1-6

2. Massage Mode (ระดับ 1-3) โหมดนวดกระตุ้น ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม แม่หลายท่านมักจะทำ “จิ๊ด” ด้วยมือก่อนการปั๊มนม (การทำจิ๊ดคือการนวด ๆ ปั้นๆ คลึงๆ ที่หัวนม จะช่วยให้ฮอร์โมนออกซิโตซินหลั่ง น้ำนมจะพุ่งดี เป็นการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม) แต่หากใช้เครื่องปั๊มนม Plentitude เพียงคุณแม่ปรับมาใช้ Massage Mode เครื่องก็จะทำการนวดกระตุ้นให้คุณแม่ได้อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะปั๊มนมออกมาได้น้อยอีกต่อไป

3. 2 in 1 Mode (ระดับ 1-6) โหมดนวดกระตุ้น 5 ครั้ง + ดูดน้ำนม 1 ครั้ง โหมดนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำนม และช่วยบรรเทาอาการคัดตึงของเต้านมได้ดี เป็นการทำงานผสมผสานระหว่าง Expression Mode และ Massage Mode

4. Double Frequency Mode (ระดับ 1-4) โหมดนี้จะช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้า ช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้ามากขึ้น เพื่อป้องกันเต้านมอักเสบ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีน้ำนมค้างเต้าไว้หลายชั่วโมง นอกจากจะช่วยป้องกันเต้านมอักเสบแล้ว การปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้าจะทำให้ลูกได้ทานน้ำนมส่วนหลัง ซึ่งเป็นส่วนที่มีไขมันดีสูง และยังอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมายอีกด้วย

 Plentitude
เครื่องปั๊มนม Plentitude สะดวก ใช้งานง่าย ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า!!

3. ฟังก์ชั่นโดนใจ..ใช้งานง่าย

นอกจากโหมดการใช้งานที่ตอบโจทย์แม่ ๆ แล้ว Plentitude ยังเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้โดนใจ ใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก ดังนี้

  • ไม่ต้องหาที่เสียบปลั๊กอีกต่อไป เพราะมีแบตเตอรี่ในตัว ใช้เวลาชาร์จเพียง 3 ชั่วโมง ก็สามารถใช้งานได้สูงสุด 6 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที) ฟังก์ชั่นนี้โดนใจแม่เวิคกิ้งมัมมาก เพราะระหว่างทำงาน ก็สามารถปั๊มได้เลยโดยไม่ต้องหาปลั๊กเสียบ แถมยังปั๊มได้ถึง 6 รอบปั๊ม เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันได้สบาย ๆ
  • แรงดูดสูงสุด 380 mmHg มีขนาดเล็ก หน้ากว้างเพียง 4 นิ้ว น้ำหนักเบาเพียง 237 กรัม ทั้งเบาทั้งเล็กแบบนี้ แค่พกไว้ในกระเป๋าในเล็ก ๆ ก็สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกเลยค่ะ และยังสามารถปั๊มเดี่ยว และปั๊มคู่ได้ แม่ ๆ สามารถเลือกปั๊มได้ตามความเหมาะสมของตนเอง
  • เสียงการทำงานไม่รบกวน ทีมแม่ ABK เป็นบ่อยค่ะ ที่เวลาต้องปั๊มนมนอกบ้าน เจ้าเครื่องปั๊มนมที่มีอยู่ก็เสียงดั๊ง..ดัง ปั๊มแต่ละที มีเสียงอืดดดด อืดดดด จนคนหันมามอง แม้จะไม่อายที่ปั๊มนม แต่ก็รู้สึกว่าเสียงรบกวนคนรอบข้าง แต่ เครื่องปั๊มนม Plentitude ก็แก้ปัญหานี้ ด้วยการออกแบบให้เสียงทำงานไม่รบกวนคนรอบข้าง ทำให้การปั๊มนมนอกบ้าน (หรือแม้แต่ปั๊มข้าง ๆ ลูกที่กำลังนอนหลับอยู่) ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
  • หน้าจอแสดงผลชัดเจน ไฟ LED และมาในรูปแบบทัชสกรีน
 Plentitude
เครื่องปั๊มนม Plentitude สะดวก ใช้งานง่าย ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า!!

4. มีขนาดกรวยปั๊มให้เลือกถึง 3 ขนาด เพิ่มสัมผัสให้นุ่มขึ้นด้วย กรวยซิลิโคน 3D

การเลือกขนาดกรวยปั๊มให้เหมาะกับขนาดสรีระของตนเองมีความสำคัญ ไม่ใช่ว่าจะใช้ขนาดไหนก็ได้ เพราะการใช้กรวยปั๊มไม่เหมาะกับขนาดหัวนม จะทำให้การปั๊มนมออกมาได้ไม่ดี หากกรวยปั๊มเล็กเกินไป เวลาปั๊มก็หัวนมก็จะแน่นเต็มกรวย จึงทำให้เจ็บหัวนมและปั๊มไม่สบาย หากกรวยใหญ่เกินไป ก็จะดูดเอาลานนมเข้าไปด้วย ลานนมอาจจะถลอกเป็นแผลหากปั๊มแรงเกินไป และจะปั๊มไม่เกลี้ยงเต้า หรือปั๊มนมไม่ออก เครื่องปั๊มนม Plentitude จึงมีขนาดกรวยให้เลือกถึง 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 24 มม. / 27 มม. / 30 มม. และกรวยพลาสติกยังเป็นกรวย BPA Free อีกด้วย

นอกจากนี้ Plentitude ยังเพิ่มสัมผัสการปั๊มนมให้นุ่มยิ่งขึ้นด้วย กรวยซิลิโคน 3D ที่จะช่วยให้แม่ ๆ ไม่เจ็บตลอดการปั๊มนม โดยกรวยซิลิโคน3D มีทั้งหมด 2 ขนาด สำหรับการรองรับกรวยพลาสติก ขนาด 24 มม. และ 27 มม.  และ รองรับกรวยพลาสติก ขนาด 30 มม.

electric breast pump

5. ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

นอกจากกรวยปั๊มที่มี BPA Free แล้ว Plentitude ยังเพิ่มความปลอดภัยให้แม่ ๆ ได้อุ่นใจ เพราะอุปกรณ์ปั๊มนมทุกชิ้นส่วนผ่านการรับรองมาตรฐาน จึงใช้งานได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล

6. บริการหลังการขายเป็นเลิศ

เพราะเราต้องใช้เครื่องปั๊มนมไปอีกหลายปี การจะเลือกเครื่องปั๊มนมที่ดี ควรเลือกยี่ห้อที่มีบริการหลังการขายที่ดีด้วย เครื่องปั๊มนม Plentitude เป็นเครื่องปั๊มนมแบรนด์ไทย ที่เน้นเรื่องการบริการที่เป็นเลิศ มีบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ตั้งแต่เวลา 07.30 – 00.00 น. แถมยังให้บริการทุกวัน และยังมาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ และมอเตอร์ นานถึง 12 เดือน และเริ่มประกันหลังคลอด ไม่ใช่หลังจากซื้อ บริการดีขนาดนี้ แม่ ๆ ก็อุ่นใจได้เลยว่าไม่ว่าเครื่องมีปัญหาเมื่อไหร่ ทีมบริการหลังการขายก็สามารถช่วยเหลือได้ทุกวัน

หลงรักกันแล้วใช้ไหมล่ะคะ กับเครื่องปั๊มนม Plentitude เครื่องปั๊มนมที่ฟังก์ชั่นเพียบ โหมดการใช้งานโดนใจ บริการหลังการขายเพรียบพร้อม คุ้มค่าในราคาหลักพัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : Plentitude Thailand

Instagram : plentitude_thailand

Line : @Plentitude

Website : www.plentitudethailand.com

Youtube : Plentitude Thailand Official

Tiktok : Plentitude_Thailand

ลูกปากเบี้ยว

ระวัง! ลูกปากเบี้ยว ตาปิด อาจป่วยปลายประสาทอักเสบในเด็ก

ลูกปากเบี้ยว –  สำหรับเด็กวัยเตาะแตะแล้ว โลกของพวกเขาห้อมล้อมไปด้วมความสุข  สุขที่มากกว่าการที่ต้องนอนอยู่ในเปลเมื่อครั้งยังเป็นทารกทำได้เพียงนอนจ้องมองเพดานห้องพลิกไปพลิกมาหรือคลานอยู่ในพื้นที่จำกัด อยากจะสื่อสารอะไรก็ทำไม่ได้ดั่งใจ แต่เมื่อเข้าสู่วัยเตาะแตะที่เริ่ม ยืน เดิน หรือวิ่ง และสื่อสารความต้องการได้มากขึ้น โลกของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสุขกับการได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และ แววตา ที่เปล่งประกายถ่ายทอดความสุขตามประสาเด็กออกมาให้พ่อแม่ได้เห็น หากแต่แววตาและรอยยิ้มของเด็กๆ อาจไม่สดใสเสมอไป ถ้ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

อย่างเรื่องที่เราจะมาติดตามกันในวันนี้กับเรื่องราวของเด็กชายตัวน้อยวัยสองขวบ ที่คุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นความผิดปกติเกิดขึ้นเวลาที่น้องแสดงความรู้สึกด้วยการยิ้มหรือร้องไห้ จนสุดท้ายต้องพาไปพบแพทย์ เพื่อคลายข้อข้องใจในอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น

ระวัง! ลูกปากเบี้ยว ตาปิด อาจป่วย ปลายประสาทอักเสบในเด็ก

คุณพ่อรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เป็นอุทาหรณ์สำหรับบ้านที่กำลังมีลูกวัยซน กับความเจ็บป่วยของลูกชายที่อายุกำลังจะครบสองขวบ ที่วิถีชีวิตประจำวันเหมือนเป็นปกติดีทุกอย่าง โดยกิจวัตรประจำวันของครอบครัวนี้ คือคุณแม่จะเล่นกับน้องแล้วพาน้องเข้านอนตามปกติทุกวัน ทว่าในวันที่ผิดสังเกต คือ น้องตื่นนอนตามปกติ แต่สิ่งที่เริ่มแปลกไปคือ เวาลาน้อง ยิ้ม หรือ ร้องไห้ ดวงตาของน้องเหมือนจะปิดลงข้างหนึ่งพร้อมกับมีอาการปากเบี้ยว ซึ่งครั้งแรกคุณพ่อคุณแม่ต่างก็คิดว่าน้องทำหน้าทะเล้นเพราะเล่นกับแม่ซึ่งปกตินิสัยของลูกชายจะกวนๆ ทะเล้นๆ ตามประสาเด็กผู้ชาย

ลูกปากเบี้ยว
ลูกปากเบี้ยว

พ่อแม่สังเกตเห็น ลูกปากเบี้ยว ตาปิด

แต่แม้แต่การร้องไห้ที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกทะเล้นกวนๆ อย่างการยิ้มหรือมีความสุข น้องกลับมีอาการปากเบี้ยวร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็ยังคิดว่าน้องโดนแมลงหรือสัตว์มีพิษตัวเล็กๆ กัดหรือเปล่า คุณแม่เลยตรวจดูร่องรอยแมลง ปรากฎว่าไม่มีรอยอะไรเลย ทันใดนั้นคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องปกติแล้วจึงรีบพาน้องไปโรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอก็ยังสันนิษฐานไม่ได้เพราะวันที่ไปโรงบาลหมอเด็กไม่มี มีเพียงหมออายุรกรรมทั่วไป และลงความเห็นว่าอาจจะเป็นวัคซีนที่น้องพึ่งฉีดมาเมื่อไม่นานนี้ คุณพ่อคุณแม่เลยพาน้องกลับมาก่อน

พอตกเย็นคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจพาน้องไปหาหมอที่คลินิคเฉพาะทางเด็ก และคำตอบที่ได้จากคุณหมอ คือ น้องเป็นโรคเส้นประสาทเสีย ซึ่งคุณหมอบอกว่าโชคดีมากๆ ที่เป็นแค่ซีกเดียว เพราะถ้าเป็นทั้งสองซีกต้องส่งตัวน้องไปรักษาใหญ่ๆ  สิ่งที่ได้ยินทำให้คนเป็นพ่อกับแม่รู้สึกจุกในอกจนพูดไม่ออก โดยคุณหมอบอกว่าโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส เนื่องจากวัยของน้องที่กำลังซน ชอบหยิบนู่นหยิบนี่เข้าปาก เอามากัดเล่นอมเล่นจึงรับเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายได้

ทำความรู้จัก โรคเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ” (Bell’s palsy)

ทางการแพทย์ เรียกโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการ หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวตาปิดว่า ” โรคเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ” (Bell’s palsy) หรืออาจเรียกว่าโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เป็นภาวะที่มีกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแอที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก ใบหน้าอัมพาตอาจเกิดขึ้นในเด็กหรือผู้ใหญ่ สำหรับเด็กส่วนใหญ่ อาการมักจะหายเป็นปกติได้ โดยการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ

สาเหตุ

คาดว่าเป็นผลมาจากการอักเสบ (บวม) ของเส้นประสาทใบหน้า ซึ่งควบคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางสีหน้า (เช่น การขมวดคิ้ว การยิ้ม) เส้นประสาทใบหน้ายังควบคุมการปิดเปลือกตาและส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรสที่ส่วนหน้าของลิ้น

  • การบาดเจ็บ (เช่น กระแทกที่ศีรษะ)
  • หูอักเสบ การติดเชื้อของกระดูกกะโหลกศีรษะใกล้กับหู (mastoiditis)
  • การติดเชื้อของต่อม parotid (parotitis)
  • การติดเชื้อไวรัส ได้แก่ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ไวรัส เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ไวรัส ไซโตเมกะโลไวรัส เอ็บสไตบาร์ไวรัส  

ซึ่งเมื่อเกิดการอักเสบ จะทำให้เส้นประสาทบวม ส่งผลให้เส้นเลือดมีขนาดเล็กลง เลือดไปเลี้ยงเส้นประสาทได้ไม่สะดวก จึงรบกวนการทำงานของเส้นประสาทความสามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าให้ทำงานได้ที่กล้ามเนื้อสำหรับใช้ปิดตาและยิ้มอาจลดลง

อาการ

ใบหน้าอัมพาตมักจะพัฒนาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน หากลูกของคุณมีปัญหาใบหน้า พวกเขาจะมีปัญหาในการยิ้ม เคี้ยวอาหาร หรือเลิกคิ้ว ลูกของคุณอาจ:

  • อาจเกิดอาการนำคือ ปวดที่บริเวณด้านหน้าหรือหลังหู 1-2 วั
  • ไม่สามารถปิดตาที่ได้รับผลกระทบได้อย่างถูกต้อง – อาจทำให้ตาระคายเคืองและแห้ง และน้ำตามักจะลดลง
  • มีความไวต่อเสียงมากขึ้น เสียงก้องที่หูข้างเดียวกัน หูอื้อ
  • กล้ามเนื้อแสดงสีหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก โดยปิดตาและ ยักคิ้วข้างนั้นได้ลดลง หรือเวลาหลับตาแล้วปิดตาไม่สนิทส่งผลให้เกิดสภาพตาแห้ง
  • รู้สึกตึงหรือหนักที่ใบหน้าซีกนั้น
  • บางครั้งอาจมีอาการชาลิ้น พบว่าอาหารมีรสชาติแตกต่างไปจากปกติ

ลูกปากเบี้ยว

โดยปกติแล้ว เด็กที่มีอาการ Bell’s palsy  จะไม่ควรมีอาการปวดอย่างรุนแรง มีปัญหากับการเห็น หรืออ่อนแรงที่ใบหน้าหรือร่างกาย หากมีถุงน้ำ (ตุ่มเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของเหลว) ในช่องหูหรือที่ลิ้นหรือเพดาน นี่อาจบ่งบอกว่าลูกของคุณมีอาการ Ramsay-Hunt คุณควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสถุงน้ำ และพาลูกไปพบแพทย์ทันที หากบุตรของท่านมีอาการอัมพาตใบหน้า ให้พาไปพบแพทย์ แพทย์จะสามารถแยกแยะเงื่อนไขที่ร้ายแรงอื่น ๆ และพิจารณาว่าจำเป็นต้องมีการรักษาใด ๆ หรือไม่ หากบุตรของท่านมีใบหน้าที่หย่อนยานอย่างกะทันหันภายในไม่กี่วินาทีหรือนาที  โดยที่หรือไม่มีปัญหาในการพูด  ให้โทรเรียกรถพยาบาลทันที เนื่องจากอาจหมายถึงโรคหลอดเลือดสมองได้

การรักษา

เด็กมากกว่าร้อยละ 95 ที่มีอาการ Bell’s palsy สามารถฟื้นตัว และหายเป็นปกติได้โดยไม่ต้องรักษา และมักจะฟื้นตัวได้ดีกว่าผู้ใหญ่ แพทย์อาจสั่งยาสเตียรอยด์ (เพรดนิโซโลน) เพื่อลดการอักเสบตามเส้นประสาทใบหน้า  โดยปกอาการต่างๆ จะดีขึ้นภายในไม่เกินหกสัปดาห์หรืออยากมากหนึ่งปีก่อนที่อาการของโณคหายไปอย่างสมบูรณ์ มีเด็กจำำนวนน้อยมากอาจมีอาการอ่อนแรงอย่างต่อเนื่องของกล้ามเนื้อใบหน้า โดยเส้นประสาทไม่ฟื้นตัวและมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างถาวร

อาการที่ต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษ

  • หากเด็กมีปัญหาในการหลับหรือปิดตา อาจจำเป็นต้องหยอดสารหล่อลื่นที่ดวงตาหลายครั้งต่อวัน  ข้อสำคัญคือ ควรปิดตาให้ลูกในเวลากลางคืนหรือเมื่อลูกของคุณเข้านอน
  • แพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส (เช่น อะซิโคลเวียร์) หากพวกเขาคิดว่าไวรัสเริมเป็นสาเหตุของการอักเสบของเส้นประสาท (กลุ่มอาการแรมเซย์-ฮันต์)
  • หากบุตรของท่านติดเชื้อที่หูด้วย แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะและอาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาการติดเชื้อที่หูออก
  • หากมีสัญญาณของโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ลูกของคุณอาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ (IV)

เมื่ออาการไม่ปกติสำหรับ Bell’s palsy หลังจากสองสามสัปดาห์ แพทย์อาจสั่งการทดสอบ เช่น:

  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) scans
  • การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI)
  • ตรวจวินิจฉัยกล้ามเนื้อและเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า (EMG) เพื่อตรวจสอบว่ากล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานได้ดีเพียงใด
การห้ามไม่ให้เด็กวัยกำลังซนเอาของเข้าปากอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นผู้ปกครองจึงไม่ควรปล่อยเด็กๆ โดยเฉพาะวัยเตาะแตะให้ละสายตา ที่สำคัญควรสอนให้ลูกหมั่นล้างมือบ่อยๆ ให้เด็กๆ เคยชินกับการทำความสะอาดเมื่อหยิบจับสิ่งสกปรก ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยต่างๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างให้เด็กเกิดทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี  (HQ) อีกด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : Poommin Lengteck , rch.org.au

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
inDriver features

inDriver แอปพลิเคชันเรียกรถยนต์รับจ้างระดับโลกพร้อมให้บริการแล้วในเขตกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร inDriver ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารและรถรับจ้าง ผ่านทางแอปพลิเคชัน
แบบเรียลไทม์ (Ride-hailing service) ระดับโลก จากประเทศรัสเซีย เราได้นำนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการเลือก พร้อมเปิดให้บริการเรียกรถโดยสารและรถรับจ้างโดยมีบริการทั้งรถยนต์
และรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป inDriver เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันเรียกรถระดับชั้นนำของโลก ที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร โดยผู้โดยสารและคนขับ สามารถต่อรองราคาค่าโดยสารได้อย่างอิสระและเป็นธรรม

inDriver ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์รับจ้างที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันในประเทศไทยในปี 2019 ด้วยการเปิดตัวให้บริการในประเทศไทยในระดับภูมิภาค เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และเขตพัทยา

Egor Fedorov ประธานฝ่ายปฏิบัติการ inDriver กล่าวว่า “ทางบริษัทได้เปิดตัวแอปพลิเคชันเรียกรถยนต์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เราให้ความสำคัญ ที่นอกจากจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับ
แบรนด์ inDriver ในประเทศไทย และยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของบริษัทในประเทศไทยอีกด้วย

เรามีความภูมิใจที่ได้นำนวัตกรรมการเรียกยานพาหนะผ่านทางแอปพลิเคชันเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2019 ทั้งนี้พันธกิจสำคัญของแอป inDriver คือการนำเสนอราคาที่ย่อมเยา เข้าถึงได้ ก่อให้เกิดความยุติธรรม ซึ่งรูปแบบการให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์ของ
แอปพลิเคชัน inDriver คือการมอบเสรีภาพในการเลือกที่มากขึ้นและเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใช้งานในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเรียกใช้บริการ inDriver ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดนักเดินทางรูปแบบใหม่

เราเชื่อว่าการให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นและมีโอกาสทางการแข่งขันสูง ดังนั้น การเปิดตัวในการให้บริการในวันนี้ จึงมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่งเพราะไม่เพียงแต่จะทำให้เราอยู่ในตำแหน่งการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพว่าเราเป็นผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย

คำมั่นสัญญาในการให้บริการของเรา จะยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งทั้งทางด้านบริการ และ ประสบการณ์การใช้งานที่เปี่ยมด้วยความประทับใจ นำเสนอการบริการ และคุณสมบัติการใช้งานรูปแบบใหม่เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

inDriver มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทาย จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในทั่วโลก บริการการเรียกรถยนต์รับจ้างของเราที่มีความโดดเด่นถือเป็นก้าวที่สำคัญในปีนี้ ปัจจุบันทางบริษัทได้ให้บริการการเรียกรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ครบ 1 พันล้านเที่ยวทั่วโลกในเดือนมิถุนายน 2564 และมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกว่า 1 ร้อยล้านครั้งทั่วโลก บนแพลตฟอร์ม Android และ iOS ในเดือนกันยายน 2564

inDriver features

ความพิเศษของ inDriver  มีความแตกต่างมากกว่าแอปพลิเคชันเรียกรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ให้บริการในประเทศไทย ซึ่ง inDriver ให้อิสระแก่ผู้ใช้ในการตัดสินใจ ตามข้อตกลงและความชอบของผู้โดยสาร ผ่านบริการ Real-time Deals (RTD) ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเสนอราคา
ค่าโดยสารตามราคาที่แนะนำหรือราคาที่ผู้โดยสารร้องขอ และเมื่อผู้ขับที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและบริเวณโดยรอบได้รับคำขอจากผู้โดยสารแล้ว จะสามารถเลือกตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอหรือเจรจาเพิ่มเติม
เพื่อต่อรองค่าโดยสารที่ดีกว่าได้

คุณสมบัติ RTD มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการไม่กำหนดผู้ขับให้กับผู้โดยสารแบบอัตโนมัติ เมื่อผู้โดยสารรับข้อเสนอจากเคาน์เตอร์ของแอปพลิเคชันที่อยู่ในระแวกเดียวกันแล้ว ผู้โดยสารสามารถเลือกคนขับ
ตามความต้องการได้อย่างอิสระ โดยประเมินได้จากทั้งราคาค่าโดยสาร คะแนนคนขับ เวลาที่คาดว่า
จะมาถึง หรือรุ่นรถยนต์ที่ผู้โดยสารต้องการจะใช้บริการได้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ inDriver จึงได้นำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความสามารถในการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งผ่านระบบ GPS และแสดงรายละเอียดการโดยสารแบบเรียลไทม์ที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงปุ่มฉุกเฉินเฉพาะ ที่จะสามารถติดต่อหน่วยงานภาครัฐได้ทันที ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด

 แอปพลิเคชัน inDriver มีให้ดาวน์โหลดฟรีผ่าน Google Play Store, Apple AppStore และ Huawei AppGallery.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ: Mohd Zulkarnain

ผู้จัดการแผนกสื่อสารได้ที่อีเมล : [email protected] / [email protected].

 

 

เกี่ยวกับ inDriver

inDriver ก่อตั้งขึ้นที่ไซบีเรียในปี 2012 ด้วยแนวคิดที่ต้องการปกป้องผู้โดยสารจากการให้บริการที่ขาดความยืดหยุ่น inDriver ถือเป็นบริการที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นผู้ให้บริการยานพาหนะผ่านทาง
แอปพลิเคชัน (Ride-hailing service) ที่สามารถให้บริการแบบเรียลไทม์ ก้าวไปสู่การพัฒนาบริการ
The Mobility Service หรือระบบขนส่งสาธารณะ โดยมอบสิ่งที่ผู้ใช้ให้ความสำคัญสูงสุด นั่นก็คือ อิสระในการเลือก โดยในปี 2018 ทางบริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ทำให้เราสามารถให้บริการผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนใน 500 เมือง จาก 34 ประเทศ

ปรัชญาของเรามุ่งเน้นไปที่อิสระของผู้ใช้บริการและผู้ขับขี่ในด้านของการต่อรองราคา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้เรายังพุ่งเป้าไปที่การตอบสนองความพึงพอใจและความต้องการของผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเหตุผลสำคัญในการขยายแพลตฟอร์มระบบขนส่ง เราได้สร้างโซลูชันสำหรับการโดยสารระหว่างเมือง และช่วยให้ผู้โดยสารสามารถแพลนการโดยสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด

วันนี้ inDriver มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมือง เมาน์เทนวิว แคลิฟอร์เนีย มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เม็กซิโกซิตี กวาดาลาฮารา มอสโก ยาคุตสค์ เรซิเฟ่ คุร์เคาน์ และกัวลาลัมเปอร์ inDriver ยังมีบุคลากรชั้นนำมากกว่า 1500 คน ที่มีจุดมุ่งหมายในการมอบอิสระและทางเลือกใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ

ความพิเศษสุดล้ำ! เครื่องปั๊มนม Attitude Mom ที่แม่รู้ต้องอยากได้

สุดยอดไอเท็ม เพื่อแม่ยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยเฉพาะ กับ 15 ความพิเศษ ของ เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll มาพร้อมรางวัลการันตีความดีงาม จะมีคุณสมบัติใหม่สุดปังอะไรบ้าง มาดูกัน!

เพราะ นมแม่ ที่ดี 1  น้ำนมแม่ ถือเป็นวัคซีนธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะในน้ำนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนดีต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตแล้ว วัคซีนธรรมชาติที่ลูกได้รับนี้ช่วยปกป้องและลดความเสี่ยงไม่ให้ลูกน้อยเจ็บป่วยไม่สบาย

ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เต็มที่ตามความตั้งใจ เพื่อให้ลูกน้อยทารกได้กินน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องยาวนานที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมไหลออกมาได้ในปริมาณที่เยอะแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำนมและหน้าอกของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นนมคัด นมอักเสบ น้ำนมน้อยลงหน้าอกบวม เจ็บลานนม หัวนมอักเสบ และเต้านมแข็ง หรือน้ำนมไม่ได้ถูกเอาออกจนเกลี้ยงเต้า นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาเพราะสามารถใช้เวลาไหนก็ได้ แถมคุณแม่สามารถพกพาไปไหนมาไหนสะดวก น้ำหนักเบา และยังสามารถปั๊มนมได้ในระหว่างการทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกด้วย

สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมผู้ช่วยสำคัญในการปั๊มนมที่ดีที่สุด ปั๊มเกลี้ยงเต้าพร้อมช่วยถนอมดูแลเต้านมแม่ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัย พัฒนาโหมดการทำงานต่าง ๆ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ ใช้งานง่าย ครบครันและตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น

Amarin Baby & Kids ยกให้ “เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll
เป็นเครื่องปั๊มนมที่ได้รับรางวัล
Editor’s Choice BEST ELECTRIC BREAST PUMP
จาก
Amarin Baby & Kids Awards 2021

ความพิเศษ! ในเครื่องปั๊มนม ใหม่ล่าสุด! จาก Attitude Mom

ตามมาดูกันค่ะ!!! ว่าทำไม “เครื่องปั๊มนม Attitude Mom” จึงสามารถตอบโจทย์ ครบทุกความต้องการของคุณแม่ให้นมยุคใหม่ ดีงามขนาดไหน บอกเลยว่าเป็นเครื่องปั๊มนมที่ ปังปุริเย่มาก คุณแม่มือใหม่ ต้องห้ามพลาด

เครื่องปั๊มนม Attitude Mom

เริ่มต้นด้วยตัวเครื่องในลุค Luxury   สีขาวสะอาดตา พร้อมระบบสัมผัสด้วยหน้าจอดิจิตอลสุดทันสมัย น้ำหนักเบาสุด ไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม (น้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 385 กรัม )ใครจะรู้ว่าประสิทธิภาพแน่นเกินตัวจริงๆ ทั้งระบบปั๊มแรงดี ด้วย 2 มอเตอร์ แยกการทำงานได้อิสระ คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าเต้าแต่ละข้างจะปั๊มหนักเบาแค่ไหน เพียงแค่กดเลือกเมนูได้จากหน้าจอ หรือสลับข้างปั๊มได้ เพียงการกดปุ่มครั้งเดียว

ส่วนโหมดการทำงานของ เครื่องปั๊มนม รุ่น Galaxy ll  แบรนด์ Attitude Mom ออกแบบให้ตอบโจทย์คุณแม่และสอดคล้องกระบวนการสร้างน้ำนมของคุณแม่ตามธรรมชาติ ทั้ง

  • Expression Mode สามารถปรับการทำงานได้ 7 ระดับ ช่วยให้ระบายน้ำนมได้ดี ปั๊มเกลี้ยงเต้า
  • Massage Mode ช่วยนวดกระตุ้น เพิ่มปริมาณน้ำนม ปรับการทำงานได้ 5 ระดับ ช่วยเปิดท่อน้ำนม ช่วยให้น้ำนมไหลดียิ่งขึ้น
  • 2 in 1 Mode ที่พัฒนาการะบบการทำงานจากเดิมกระตุ้น 5 ครั้ง ดูด 1 ครั้ง เป็น กระตุ้น 8 ครั้ง ดูด 1 ครั้ง ด้วยรอบความถี่ในการดูดสูงสุด 137 รอบต่อนาที ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกการทำงานได้ถึง 7 ระดับ จึงช่วยเพิ่มการไหลของน้ำนมได้ต่อเนื่อง บรรเทาอาการนมคัดตึง แถมยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างน้ำนมได้มากขึ้น ยิ่งปั๊ม ยิ่งน้ำนมเยอะขึ้น หมดปัญหาเรื่องน้ำนมไม่พอไปเลยค่ะ
  • Double Frequency Mode ปรับการทำงานได้ 7 ระดับ เพื่อช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้ามากยิ่งขึ้น ลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตัน และเต้านมอักเสบ
  • และสุดท้ายระบบ Spin Mode ของเครื่องปั๊มนม รุ่น Galaxy ll ที่อัพเกรดสามารถปรับระดับการทำงานได้ถึง 3 ระดับ ทั้งการนวดกระตุ้นด้วยแรงดูดต่ำ และดูดถี่ๆอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำนมให้เกิดการผลิตน้ำนม เพิ่มการไหลเวียนของน้ำนมดียิ่งขึ้น

เห็นเครื่องเล็กกะทัดรัดแบบนี้ แรงดีมากด้วยแรงดูดที่สูงสุดถึง 450 mmHg ต่อข้าง เสริมประสิทธิภาพให้การปั๊มนมที่ดียิ่งขึ้น สามารถปั๊มได้สูงสุด 16 รอบปั๊ม! รอบละ 30 นาที* แต่กลับไม่ทำให้เจ็บเต้าเลย เพราะAttitude Mom ใส่ใจจุดนี้เป็นพิเศษ ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ Micro Air Pump เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมอเตอร์ให้แรงดูดนุ่มที่สุด และทำงานเงียบที่สุด ไม่มีเสียงรบกวนเวลาลูกหลับ หรือคุณแม่ต้องทำงาน

แถมยังมีระบบ Power Protection ปิดกั้นการรับกระแสไฟจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก ช่วยป้องกันความเสียหายเบื้องต้น จากการชาร์จแบตเตอรี่โดยอุปกรณ์อื่น จึงใช้ได้งานได้ทนทาน คุ้มค่าการลงทุนเพื่อมอบสิ่งดีที่สุดให้ลูกน้อย

เครื่องปั๊มนม Attitude Mom

ทุกฟังก์ชั่นที่รีวิวแบบหมดเปลือกมาทั้งหมดนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งานยากเลยนะคะ คุณแม่สามารถปรับเลือกฟังก์ชั่นต่างๆได้จากหน้าจอด้วยระบบสัมผัส และมีแสงไฟบนหน้าจอ ที่เหมาะกับคุณแม่ปั๊มนมรอบดึก สำคัญมีตัวกรวยทำจากซิลิโคนแท้ ๆ เกรดระดับการแพทย์ทั้งหมด

อุปกรณ์ทุกชิ้นผ่านการรับรองมากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับรางวัลมาจากหลายเวที การันตีได้ว่าคุณภาพเยี่ยมสมคำร่ำลือ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy ll ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST ELECTRIC BREAST PUMP จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2021” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของเครื่องปั๊มนม Attitude Mom สามารถติดตามได้ที่

  • Facebook: Attitude Mom Thailand
  • Instagram: attitudemom_thailand
  • Line: @attitudemom
  • Website: www.attitudemombreastpump.com
  • Youtube: Attitude mom Thailand Official
  • Tiktok: attitudemom_thailand

*(เมื่อใช้งาน 2 มอเตอร์ สามารถใช้งานได้สูงสุด 8 รอบปั๊ม และเมื่อใช้งาน 1 มอเตอร์ สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 16 รอบปั๊ม รอบละ 30 นาที)

 

ติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2021

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

วัคซีนโมเดอร์นา

7 ข้อต้องรู้ก่อนฉีด “วัคซีนโมเดอร์นา” ในแม่ท้อง-ให้นมบุตร

ในที่สุด วัคซีนโมเดอร์นา ก็ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว มาดูกันว่ามีอะไรต้องรู้เกี่ยวกับการฉีด Moderna สำหรับแม่ ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ และแม่ให้นมบุตรบ้าง?

7 ข้อต้องรู้ก่อนฉีด “วัคซีนโมเดอร์นา” ในแม่ท้อง-ให้นมบุตร

วัคซีนโมเดอร์น่า เป็นวัคซีนประเภทไหน?

วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna COVID-19 Vaccine) คือ วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ-1273 (mRNA-1273) เป็นวัคซีนที่มีส่วนประกอบเป็นสารพันธุกรรมประเภท messenger RNA หุ้มด้วยอนุภาคนาโนไขมัน (Lipid nanoparticle) เมื่อเข้าสู่ร่างกายสารพันธุกรรมนี้จะถอดรหัสเป็นโปรตีนหนามของไวรัสแล้วกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในการผลิตวัคซีน พัฒนาโดยบริษัท ModernaTX, Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ปัจจุบัน เป็นวัคซีนโควิด -19 ตัวที่ 4 ของไทยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อจาก ซิโนแวค, แอสตร้าเซนเนก้า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

Moderna Vaccine เหมาะกับใครบ้าง?

วัคซีนนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ฉีดในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (ในปัจจุบันจึงเป็น 1 ใน 2 ยี่ห้อที่สามารถฉีดในเด็กได้) การฉีดปกติจะฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ฉีด 3 เข็มห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้นจะห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 6 เดือน

แม่ท้อง และแม่ให้นมบุตร สามารถฉีดได้หรือไม่?

เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคโควิด 19 จะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรครุนแรงมากกว่าหญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำ ดังนี้

  • ให้หญิงตั้งครรภ์พิจารณาขอรับวัคซีนโควิด 19 ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ แต่ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน
    ในหญิงที่มีอายุครรภ์ น้อยกว่า 12 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่อาจมีผลกระทบต่อความพิการแต่กำเนิดของทารก โดยสามารถฉีดได้ทั้งทุกวัคซีนที่มีการรับรองให้ใช้ในผู้ใหญ่ทั่วไป ทั้งของ Sinovac AstraZeneca Johnson & Johnson Pfizer และ Moderna โดยควรให้ตามกำหนดที่แนะนำในคนทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ คือ ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์
  • หญิงให้นมบุตร สามารถรับวัคซีนโควิด 19 ได้
  • สำหรับสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์ สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
    • ไม่ต้องตรวจการตั้งครรภ์ก่อนฉีดวัคซีนโควิด 19
    • ไม่ห้ามตั้งครรภ์ หลังฉีดวัคซีนโควิด 19
    • ปัจจุบัน ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนโควิด 19 จะส่งผลต่อความสามารถในการมีบุตร
    • ไม่ต้องยุติการตั้งครรภ์ เมื่อพบว่าตั้งครรภ์ภายหลังฉีดวัคซีน
วัคซีนโมเดอร์น่า
วัคซีนโมเดอร์น่า

วัคซีนโมเดอร์นา ไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี ควรรอผลการศึกษาเพิ่มเติมก่อน
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ทันทีหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ทั้งการแพ้แบบรุนแรงและไม่รุนแรง เช่น มีผื่นคัน ลมพิษ ตาบวม หน้าบวม อึดอัดแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เป็นต้น ไม่ควรรับวัคซีนนี้
  • ผู้ที่พบว่ามีอาการแพ้หลังจากฉีดวัคซีนชนิดนี้เข็มแรกไปแล้ว ไม่ควรรับวัคซีนชนิดนี้เพิ่มเติม
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารโพลีเอธิลีน ไกลคอล (Polyethylene Glycol: PEG) ซึ่งเป็นส่วนผสมในยาและเครื่องสำอางบางชนิด ซึ่งมีอยู่ในวัคซีนโควิดโมเดอร์นา
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารพอลิซอร์เบต (Polysorbate) ซึ่งเป็นส่วนผสมในยาและเครื่องสำอางบางชนิด แม้จะไม่มีอยู่ในวัคซีนโควิดโมเดอร์นา แต่คุณสมบัติใกล้เคียงกับ PEG มาก จึงอาจเป็นอันตรายได้

ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีด Moderna COVID-19 Vaccine

  • ปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้
  • หนาวสั่น เป็นไข้
  • อ่อนเพลีย ให้ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้

*ผลข้างเคียงของวัคซีน (Moderna) อาจเริ่มแสดงออกภายใน 1 – 2 วันหลังจากรับวัคซีน โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2 – 3 วัน สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลบรรเทาอาการปวดหรือมีไข้ได้หากท่านไม่แพ้ยาดังกล่าว มีรายงานการเกิดอาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) หัวใจอักเสบหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีนนี้ แต่พบได้น้อย

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นชายงดออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีน และสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หน้ามืด เป็นลม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ หากแพทย์สงสัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจะพิจารณาตรวจค้นเพิ่มเติม

ข้อดี-ข้อเสียของ วัคซีนโมเดอร์นา

ข้อดี

  • มีข้อมูลการศึกษาและใช้จริงในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรปซึ่งเห็นผลประสิทธิภาพสูงมาก รวมทั้งการศึกษาในประเทศอิสราเอล พบว่า
    • วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อทั้งหมดได้ร้อยละ 95
    • ป้องกันการติดเชื้อที่ไม่มีอาการได้ ร้อยละ 91
    • ป้องกันการนอนโรงพยาบาลเนื่องจากป่วยหนักและเสียชีวิตได้ร้อยละ 97.27
  • และการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 70 ตั้งแต่หลังการฉีดเข็มแรก
  • และในประเทศสกอตแลนด์พบว่าวัคซีนสามารถป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ถึง ร้อยละ 91 ตั้งแต่หลังการฉีดเข็มแรก
  • มีข้อมูลการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องว่าปลอดภัยและได้ผลดี
  • มีการรับรองและยอมรับสำหรับประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา อาจทำให้เกิดอุปสรรคน้อยกว่าในการต้องเดินทางเข้าเมืองในประเทศเหล่านั้น

ข้อเสีย

  • มีอาการข้างเคียงพบได้บ่อย ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง
  • เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้มีความระแวงถึงผลข้างเคียงในระยะยาว

เคยฉีดวัคซีนมาแล้ว หรือ เคยมีประวัติเป็นโรคโควิด 19 มาก่อน ควรฉีดวัคซีนโมเดอร์นากระตุ้นเมื่อไร?

ทีมแม่ ABK ขอนำข้อมูลจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ มาให้แม่ ๆ ประกอบการตัดสินใจค่ะ

วัคซีน Moderna
วัคซีน Moderna

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แม่ ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และสามารถนัดวันฉีดที่เหมาะสมกับตนเองได้สะดวกขึ้นนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เดลต้าพลัส โควิดสายพันธุ์ใหม่ ติดง่ายกว่าเดิม!

รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

อ่านเลย! ก่อน พาลูกไปฉีดวัคซีนโควิด พ่อแม่ควรรู้อะไรบ้าง?

10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ต้องระวังอะไรบ้าง?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข, โรงพยาบาลกรุงเทพ, The Standard

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่