ติดโควิด ทำยังไง

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

Alternative Textaccount_circle
event
ติดโควิด ทำยังไง
ติดโควิด ทำยังไง

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง ? เปิดขั้นตอนการรักษาที่นี่

โควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ติดง่าย ติดเร็ว แม้อาการไม่รุนแรง แต่พบผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อแตะหลักหมื่นกว่ารายทุกวัน จนเมื่อไม่นานมานี้ก็แตะหลักสองหมื่นรายต่อวันไปแล้วค่ะ หากว่าคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง จะต้องจัดการตัวเองอย่างไร ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูล วิธีปฏิบัติตัวว่าหากติดเชื้อโควิด19 ว่าควรทำอะไรบ้าง?  ติดต่อหน่วยงาน หรือโรงพยาบาลไหน อย่างไร? และหากอาการไม่รุนแรงต้องเข้า Home Isolation ต้องทำอย่างไร?

เมื่อคุณและลูก ติดโควิด ทำยังไง

ถ้ามีผลตรวจยืนยันแล้วว่าลูกหรือเด็กในบ้านติดเชื้อโควิด19 แบ่งได้เป็นหลายกรณี

กรณีที่ 1 ลูกติดเชื้อและคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาโดยเน้นจัดอยู่เป็นครอบครัว ไม่ควรแยกลูกออกจากคุณแม่

กรณีที่ 2 ลูกติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือ Hospitel โดยลูกจะต้องถูกส่งตัวไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลหรือ Hospitel อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งการกักตัวสำหรับเด็กมีความซับซ้อนกว่าเคสของผู้ใหญ่ในเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องแยกห่างจากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง คุณหมอแนะนำว่า เมื่อลูกต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลควรมีคนเฝ้า เพื่อให้ไม่รู้สึกเคว้งคว้าง โดยผู้เฝ้าต้องมีร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว

กรณีที่ 3 ลูกไม่ติดเชื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อ ควรให้ญาติที่ไม่ติดเชื้อเป็นผู้ดูแลลูก หากไม่มีผู้ดูแลควรส่งลูกไปยังสถานสงเคราะห์ หรือบ้านพักในสังกัดกระทรวงเป็นการชั่วคราว

กรณีที่ 4 เกิดการระบาดเป็นกลุ่มในโรงเรียน หรือในเนิร์สเซอรี่ พิจารณาใช้พื้นที่เนิร์สเซอรี่เป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ โดยดูจากความพร้อมของสถานที่และบุคลากรตามความเหมาะสม

ขั้นตอนการเตรียมตัวเมื่อติดเชื้อโควิด-19

ผู้ที่ได้รับการยืนยันผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 และมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลย ส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ โดยผู้ป่วยจะต้องไม่อยู่กับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ

สำหรับขั้นตอนในการเตรียมตัวเข้ารับการรักษา HI หรือโรงพยาบาลนั้น เตรียมตัวดังนี้ค่ะ

  • เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน เอกสารยืนยันผลตรวจโควิด
  • ติดต่อ สายด่วน สปสช.โทร 1330 ได้ 24 ชม. , สายด่วน 1668 โทรได้ตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. หรือ สายด่วน 1669 ได้ 24 ชม. เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง
  • หรือ กรอกข้อมูลใน แอดไลน์ @sabaideebot (สบายดีบอต)
  • งดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34)
  • หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้
  • สวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว
  • บัตรประกัน (ถ้ามี)
  • โทรศัพท์มือถือส่วนตัว พร้อมที่ชาร์จ รวมถึงเบอร์ติดต่อบุคคลสำคัญ
  • ยารักษาโรคประจำตัว (ถ้ามี) รวมถึงบัตรนัดที่มีชื่อแพทย์โรงพยาบาลที่รักษาเป็นประจำ
  • ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าอนามัย (สำหรับผู้หญิง), ขวดนม และผ้าอ้อม (สำหรับเด็ก), กระดาษชำระ, ไฟฉายหรือแบตเตอรี่สำรอง
  • เสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยนในวันกลับ 1 ชุด
  • เงินสดเล็กน้อย, บัตรเอทีเอ็ม, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต
  • หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ
  • ถุงผ้าอเนกประสงค์ หรือถุงพลาสติก เพื่อใส่ของที่จำเป็น

ควรทำอย่างไรขณะรอรถมารับไปโรงพยาบาล

วิธีดูแลตัวเอง ขณะที่รอการรับการรักษาที่ รพ. ทำได้ดังนี้ค่ะ

  • กักตัวในห้องแยกจากผู้อื่น ไม่อยู่กับใคร ในห้องแอร์ หากจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่นให้เปิดหน้าต่างไว้ให้อากาศถ่ายเท
  • สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ออกมานอกห้อง หรือต้องเข้าใกล้ผู้อื่น
  • แยกของใช้ อุปกรณ์รับประทานอาหาร และแก้วน้ำ ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
  • แยกขยะ แยกการใช้ห้องน้ำ ถ้าไม่แยกให้ใช้เป็นคนสุดท้าย
  • ล้างมือด้วยสบู่ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังขับถ่าย
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารสะอาด ตามหลักโภชนาการ ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
  • ทำจิตใจให้สบาย ลดวิตกกังวล
  • เมื่อใช้ลิฟต์ พกปากกา ไม้ลูกชิ้น เป็นที่กดลิฟต์ ไม่ยืนพิงลิฟต์หรือสัมผัสลิฟต์
  • หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการเดิมมากขึ้น ให้ติดต่อสายด่วน 1669 , 1668 , หรือโหลดแอปฯ EMS 1669 เพื่อกดเรียกรถพยาบาลกรณีฉุกเฉิน
  • กรณีอยู่บ้านหรือคอนโด กรุณาแจ้งนิติบุคคล

เมื่อลูกติดเชื้อต้องกักตัวที่บ้าน

สำหรับลูกที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) อุปกรณ์ที่ใช้ติดตามอาการและบรรเทาอาการที่บ้าน ได้แก่

  • ปรอทวัดไข้
  • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
  • อุปกรณ์ที่สามารถใช้ถ่ายภาพ หรือบันทึกอาการของเด็กได้
  • ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่

คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการโดยรวมของลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับอาการ ออกเป็น 2 ระดับ

ระดับที่ 1 คือ อาการที่ยังสามารถสังเกตที่บ้านต่อไปได้ ได้แก่ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ตามปกติ ไม่ซึม

ระดับที่ 2 คือ ระดับที่คุณพ่อคุณแม่ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำลูกไปส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร

ติดโควิด ทำยังไง
เบอร์แจ้งผู้ป่วยโควิด19เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลในกรุงเทพ

ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิดหากตรวจกับเอกชน

หากคุณพ่อคุณแม่อยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน แล้วพบว่าติดเชื้อจากการเลือกเข้าตรวจกับห้องปฏิบัติการเอกชนเอง มี 2 ทางเลือกเพื่อเข้ารับการรักษาโควิด-19

ทางเลือกที่ 1 เข้ารับการรักษาโควิดฟรี

  • เดินทางไปยังโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนที่รองรับสิทธิ์
  • โทร 1669 หรือโทรเรียกรถพยาบาลโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านให้มารับ
  • แจ้งประวัติให้ชัดเจน แจ้งสิทธิประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันวินาศภัย (ถ้ามี)
  • ได้รับการรักษาตามสิทธิ์ค่าใช้จ่ายตามประกาศกระทรวง
  • ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง อาจได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม หรือ ฮอลพิเทล ในกรณีที่เตียงในสถานพยาบาลมีจำกัด

ทางเลือกที่ 2 เข้ารับการรักษาโควิดกับโรงพยาบาลเอกชน

  • โทรศัพท์แจ้งไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน ให้ส่งรถพยาบาลมารับ หรือเดินทางไปยังโรงพยาบาล โดยแจ้งประวัติอย่างชัดเจน แจ้งให้ชัดว่ามารักษาโควิดก่อนเดินทางไป
  • แจ้งสิทธิ์ประกันวินาศภัย, ประกันสุขภาพ ที่มี
  • ได้รับการรักษาตามวงเงินในประกันวินาศภัยหรือประกันสุขภาพที่มี หรือใช้สิทธิ์จ่ายเอง
  • ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือฮอลพิเทลในเครือข่าย กรณีที่สถานพยาบาลมีเตียงจำกัด
  • นอกจากผู้ติดเชื้อที่ต้องปฏิบัติตัวในการเข้ารับการรักษาแล้ว บุคคลใกล้ชิดก็ต้องมีข้อปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้จากมติล่าสุดของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 ยังให้ถือว่าผู้ป่วยโควิดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินอยู่ สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ สำหรับการเบิกจ่ายประกันสุขภาพ สบส. ได้ทำหนังสือยืนยันไปที่ คปภ.แล้วว่า HI/CI และฮอสพิเทล เป็นสถานพยาบาล ที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจ่ายสิทธิประกันสุขภาพ

ผู้ป่วยโควิดต้องมีอาการแค่ไหนถึงต้องเข้าโรงพยาบาล

อาการโควิดแบ่งเป็นระยะ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง โดยอาการที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้แก่ สีเหลืองและสีแดง ซึ่งจะมีอาการดังนี้

อาการโควิดสีเหลือง

ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีเหลือง คือผู้ที่มีอาการเสี่ยงรุนแรง หรือมีโรคร่วม เช่น

  • เวียนหัว อ่อนเพลีย ไอแล้วมีอาการเหนื่อย
  • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
  • ขับถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป
  • อ่อนเพลีย ปอดอักเสบ

เป็นกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากมีอาการที่รุนแรงกว่าผู้ป่วยโควิดสีเขียว จึงไม่เหมาะที่จะทำการกักตัวรักษาที่บ้านแบบ HI หรือ CI ได้ และควรเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการดูแลจากแพทย์

อาการโควิดสีแดง

ผู้ป่วยที่มีอาการโควิดสีแดง คือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว

  • ระบบหายใจมีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์จะพบปอดอักเสบรุนแรง
  • เกิดภาวะปอดบวมจากการเปลี่ยนแปลงความอิ่มตัวของเลือด
  • แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก
  • ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว

อาการของผู้ป่วยโควิดสีแดงจัดว่ามีอาการรุนแรง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิดที่ห้อง ICU เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเครื่องช่วยหายใจ

คนใกล้ชิดที่พบปะกับผู้ป่วยยืนยันต้องปฏิบัติอย่างไร

เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือเพื่อนที่เพิ่งพบปะกันเป็นผู้ป่วยยืนยันแล้ว ถือว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัว ต้องปฏิบัติดังนี้

  1. แจ้งหยุดงาน ไม่เดินทางไปพื้นที่สาธารณะ 14 วัน
  2. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่นในห้องแอร์ สวมหน้ากากอนามัย อยู่ห่างจากผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร ไม่คลุกคลีกับผู้สูงอายุและเด็ก
  3. สังเกตอาการตัวเอง วัดไข้ตัวเองทุกวัน หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ต้องรีบพบแพทย์
  4. ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ในถุงขยะก่อนมัดปากถุงทิ้ง ปิดปากถุงให้สนิท
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารปรุงสุก
  6. ทำกิจกรรมผ่อนคลาย ลดความเครียด

หากติดเชื้อแล้วพักร่วมกับผู้อื่นในบ้าน หอพัก หรืออื่นๆ ต้องทำอย่างไร

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องกักตัวอยู่ในที่พัก ร่วมกับบุคคลอื่นในครอบครัว หรือหอพัก แจ้งให้กับบุคคลอื่นทราบ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อต้องจัดส่งอาหาร และของใช้ รวมถึงเตรียมน้ำยาฟอกขาว หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อใส่ในถุงขยะก่อนส่งกำจัด เพื่อลดการแพร่เชื้อ

  • เตรียมอุปกรณ์ ของใช้ในชีวิตประจำวันให้เพียงพอต่อการกักตัว 14 วัน
  • แยกใช้ห้องนอน ห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมถึงเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบาย
  • แยกของใช้ให้ชัดเจน ทั้งจานชาม แก้วน้ำ ฯลฯ และอุปกรณ์ทำความสะอาด
  • เตรียมอุปกรณ์ชำระร่างกาย แยกเพื่อใช้เฉพาะผู้กักตัว
  • แยกการซักผ้า ไม่ซักร่วมกับผู้อื่น
  • หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ทำความสะอาดห้องน้ำเมื่อใช้เสร็จ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
  • หอพัก คอนโด และสถานที่พักอาศัย ต้องทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มลิฟต์ ด้วยวิธีการเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยผู้ทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองทุกครั้ง

สถานการณ์ตอนนี้เริ่มกลับมาวิกฤตอีกครั้ง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ระวังตัวเองและลูกน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น เรียนรู้วิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้เตรียมไว้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้ไม่ตกใจและเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

โรงพยาบาลวิชัยเวช, กรุงเทพธุรกิจ,ไทยรัฐออนไลน์

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ติดโควิด 5 วิธีกักตัวที่บ้าน ดูแลตัวเองและลูกๆ ระหว่างรอเตียง

คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up