8 วิธี รับมือลูกดื้อ “เผลอทำผิด” โดยไม่ต้องดุด่า!

event

ลูกบ้านไหน เป็นเด็กดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ทำตามคำสั่ง … ตามมาดูวิธี รับมือลูกดื้อ พ่อแม่ต้องตั้งสติก่อนลงไม้ลงมือ ไม่ต้องดุด่า แค่ถามแบบนี้? ก็ช่วยให้ลูกสำนึกได้

วิธี รับมือลูกดื้อ เผลอทำผิด โดยไม่ต้องดุด่า

“ความดื้อ” คือพัฒนาการตามวัยของเด็กอย่างหนึ่ง การที่ลูกเล็กวัย 0-6 ปี แสดงอาการต่อต้านพ่อแม่ เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตและพัฒนาการของเขา ลูกดื้อ ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงการเติบโตทางจิตใจว่าลูกของคุณกำลังคิดด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะใช้เหตุผล และตัดสินใจเลือก ซึ่งในฐานะพ่อแม่ควรรู้ให้ทันพัฒนาการของลูกน้อย และเตรียมตัวเตรียมใจ รับมือลูกดื้อ โดยใช้วิธีจัดการให้เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัยนั้นๆ

รับมือลูกดื้อ

โดยส่วนมากเมื่อลูกดื้อ หรือทำความผิด เด็กจะรู้สึกกลัวอยู่แล้ว กลัวว่าพ่อแม่จะด่า กลัวจะถูกลงโทษ แล้วยิ่งถ้าพ่อแม่ดุด่าและตี เขาก็จะยิ่งต่อต้าน … ดังนั้นสำหรับการเลี้ยงลุกในยุคนี้คุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ควร รับมือลูกดื้อ ด้วยการถามคำถามเหล่านี้กับลูกก่อน ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการด่วนตัดสินใจลงโทษลูก โดยลองให้ลูกมีส่วนร่วมในการคิดกฏการลงโทษ ดังนี้…

 

1. ถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น!

หนึ่งในวิธี รับมือลูกดื้อ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกมีโอกาสพูดบ้าง อย่าเคยชินกับการด่วนตัดสิน และสิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรดุด่า ว่ากล่าว หรือตะคอกโมโหใส่ลูก ควรจะฟังลูกอธิบายอย่างสงบ ทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจากมุมของลูก

ที่สำคัญ การให้โอกาสลูกได้พูด แม้ว่าจะทำผิดจริง ลูกก็ยินดีที่จะยอมรับความผิดของเขามากกว่า เพราะเขามีโอกาสแก้ตัวให้ตัวเองแล้ว

2. ถามลูกว่า รู้สึกยังไงบ้าง? หนูคิดอะไรอยู่?

ก่อนอื่นเลย…หลังเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องอย่าเพิ่งสั่งสอนลูก เพราะหัวใจของลูกได้รับการกระทบกระเทือน ไม่มีถูกผิด การถามความรู้สึกนึกคิดในสิ่งที่ลูกได้ทำไป ก็เพื่อให้ลูกมีทางออกของอารมณ์

ซึ่งหลายๆ ครั้ง เด็กก็แค่ต้องการพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาเท่านั้น เมื่อคนเรามีภาวะอารมณ์รุนแรง สิ่งเร้าภายนอกก็จะไม่ถูกดูดซึมเข้าสมองง่ายๆ หรือพูดง่ายๆ ว่า…ถ้าคนเรายังมีอารมณ์ติดค้างอยู่ คนอื่นพูดอะไรก็ฟังไม่เข้าหัวต้องรอให้อารมณ์เขาสงบลง ถึงสามารถคิดอย่างใจเย็นได้

เพราะฉะนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกเชื่อฟังที่ตัวเองพูด ก็ควรจะต้องเข้าใจความรู้สึกของลูกก่อน ปล่อยให้อารมณ์ของลูกมีทางออก พอลูกสงบลงแล้วก็สามารถถามคำถามที่ 3

3. ถามลูกว่า ต้องการแบบไหน?

สำหรับตอนนี้เมื่อถามคำถามไปแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่ลูกพูดออกมาจะน่าอัศจรรย์แค่ไหน ขอให้คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าตกใจ อย่ากลัว ให้สงบใจไว้และถามคำถามข้อที่ 4

4. ถามต่อว่า หนูคิดว่าพ่อแม่ต้องทำยังไงกับความผิดของหนู?

เมื่อมาถึงตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องเคารพคำพูดของลูก และแสดงความเห็นแบบให้เกียรติ โดยสามารถคิดไปพร้อมกันกับลูก พร้อมช่วยเสนอแนะและแก้ปัญหาร่วมกัน

ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคต เมื่อลูกเจอปัญหาเขาก็จะคิดถึงการมาขอความช่วยเหลือจากตัวคุณพ่อคุณแม่ แต่ถ้ารอจนคิดไม่ออกแล้วก็ถามคำถามที่ 5

5. ถ้าพ่อแม่ทำแบบนี้แล้วหนูจะเป็นอย่างไร!

ให้ลูกได้คิดได้เข้าใจว่า วิธีการแก้ปัญหาทุกอันจะมีผลที่ลูกต้องรับผิดชอบ ลูกจะรับผลเหล่านี้ได้หรือไม่? ถ้าตอนนี้ลูกคิดไม่ออก คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าไปช่วยแนะนำและบอกว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร แต่ควรหลีกเลี่ยงการเทศนา ทำเพียงให้พูดแค่ข้อเท็จจริงเท่านั้น

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

6. ถามลูกต่อว่า ตัดสินใจได้ไหมว่าเราควรทำอย่างไรดี?

เมื่อวิเคราะห์เรื่องราวและผลที่ตามมาครบหมดแล้ว ลูกก็จะสามารถชั่งข้อดีข้อเสียได้และเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและฉลาดที่สุด แม้ว่าสิ่งที่ลูกเลือกจะไม่ตรงตามที่คุณคาดไว้ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของลูก

เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่พูดกลับไปกลับมาไม่ยอมรับสิ่งที่ลูกพูดมา อีกหน่อยลูกก็จะไม่เชื่อถือพ่อแม่ ถึงตรงนี้แม้ว่าลูกจะเลือกผิด เขาก็ยังสามารถเรียนรู้บทเรียนอันมีค่าและน่าจดจำจากความผิดพลาดนี้

7. ถามลูกว่าอยากให้พ่อแม่ทำอะไรดี!

เมื่อลูกบอกว่าพ่อแม่สามารถช่วยเขาได้ยังไง คุณพ่อคุณแม่จะต้องสนับสนุนอย่างแข็งขัน เพราะการสนับสนุนจากพ่อแม่คือเบื้องหลังความเข้มแข็งของลูก ทำให้ลูกยิ่งมั่นใจมากขึ้น รอจนเรื่องราวผ่านไปก็ถามคำถามสุดท้ายกับลูก

8. ถ้าลูกทำผิดแบบนี้อีกคราวหน้าพ่อแม่ต้องทำยังไง?

วิธี รับมือลูกดื้อ ข้อสุดท้าย พ่อแม่ควรรอจนเรื่องราวผ่านไปแล้ว ให้โอกาสลูกได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนว่าการตัดสินใจและวิธีการแก้ปัญหาของเขาว่ามีประสิทธิภาพไหม นั่นก็เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการตัดสินสิ่งต่างๆ

อย่างไรก็ตามยังมีคุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าลูกตัวเองอายุยังน้อย ยังเด็กเกินไป ไม่มีความสามารถในการคิดแก้ไขปัญหา แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเด็กจะอายุน้อยมาก แต่ก็สามารถมีความคิดใช้กลยุทธ์และวิธีการบางอย่างเพื่อแก้ปัญหาได้ สิ่งสำคัญคือการเลี้ยงลูกที่มีภาวะดื้อและต่อต้านเป็นงานที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่ลูกก็จะสามารถดีขึ้นได้ หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมจากคนในครอบครัว ขอให้คุณพ่อคุณแม่ค้นให้พบและปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาเป็นเด็กดีให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชื่นใจอย่างแน่นอน สุดท้ายทุกคำสั่งสอนก้อย่าลืมใส่ใจพร้อมมอบความรักลงไปด้วยนะคะ

ขอบคุณที่มาจาก : aanplearn.com

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิกที่ภาพได้เลย ⇓

ภาพหาดูยาก! สอน การเลี้ยงลูกของคนจีน ในสมัยก่อน แต่ยังสอนได้ดีในสมัยนี้

37 แนวทาง เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม!! ตามคำสอนพุทธ เพื่อให้ลูกเป็นคนดีและมีสุข

คำสอนดี ๆ ในการเลี้ยงดูลูกแบบคนจีน

5 เทคนิค ตามใจลูก [สร้างวินัยเชิงบวก] ฝึกลูกคิดเป็น มีความรับผิดชอบ

10 เคล็ดลับปรับพฤติกรรมลูก ก้าวร้าว พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเข้าใจและพร้อมรับมือ

 

การเป็นพ่อคน

Youtuber สอนสิ่งที่เด็กชายควรรู้ เรื่อง “การเป็นพ่อคน”

Alternative Textaccount_circle
event
การเป็นพ่อคน
การเป็นพ่อคน

การเป็นพ่อคน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย Youtuber ปิ๊งไอเดีย สอนสิ่งที่เด็กชายควรรู้ เมื่อเขากลายเป็นพ่อ เช่น การโกนหนวด การซ่อมบ้าน

Youtuber สอนสิ่งที่เด็กชายควรรู้ เรื่อง “การเป็นพ่อคน”

เมื่อครอบครัว มีเด็กตัวน้อย ๆ มาอยู่ในบ้าน ว่าที่คุณพ่อและว่าที่คุณแม่ก็มักจะมีโอกาสได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเอง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ๆ อีกทั้งยังเป็นการสอนให้ลูกได้รู้จักทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่สำหรับบ้านที่ไม่มีพ่อมาเป็นแบบอย่าง หรือมาสอนให้รู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้ชายควรจะทำเป็น ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เมื่อ Rob Kenney ได้เปิดช่องใน Youtube ขึ้นมาเพื่อสอนสิ่งที่เด็กชายควรรู้เมื่อต้องกลายเป็นพ่อคน…

เด็กชายวัย 12 ที่โดนพ่อทิ้ง และเติบโตมาโดยไม่มีพ่อคอยให้คำแนะนำ ซึ่งตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นพ่อลูก 2 เขาได้ตัดสินใจสร้างช่องขึ้นมาทาง Youtube ชื่อ Dad, how do I? ซึ่งช่องใน Youtube ช่องนี้ได้ถูกถ่ายอย่างเรียบง่าย แต่ละวิดีโอจะแสดงเกี่ยวกับงานทั่วไปซึ่งลูก ๆ อาจต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากพ่อ และสำหรับผู้ชายทุกคนที่กำลังจะเป็นพ่อ อาจจะต้องเรียนรู้ไว้เพื่อสอนลูก ๆ ในอนาคต ซึ่งคลิปที่ Rob Kenney ได้ลงไว้ใน Youtube มีดังนี้

ความเป็นพ่อ
การเป็นพ่อคน
  • ฉันจะผูกเนคไทอย่างไร?
  • สอนวิธีโกนหนวด
  • เปลี่ยนยางรถยนต์ ทำยังไง?
  • เช็คลมยาง ทำยังไง?
  • วิธีฝึกใช้เตารีด รีดเสื้อเชิ๊ต
  • วิธีตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง
  • ใช้เครื่องหาโครงคร่าว หาท่อเหล็ก หาสายไฟ ทำยังไง?
  • วิธีต่อชั้นวางของ
  • ท่อตัน จัดการได้อย่างไร?
  • วิธีจัดการกับท่อระบายน้ำตัน
  • ซ่อมโถส้วม ทำอย่างไร?
  • สอนการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือช่าง

นอกจากคลิปการสอนต่าง ๆ แล้ว Rob Kenney ยังได้ลงคลิปวิดีโอ เพื่อขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ติดตามและคอยสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจในการทำคลิปต่อไป โดยเขาได้อธิบายว่าคนส่วนใหญ่มักจะเกิดความยุ่งยากเมื่อต้องทำสิ่งเหล่านี้ ตัวเขาเองไม่ได้มีพ่อมาคอยแนะนำ เขาจึงหวังว่าคลิปที่เขาลงทั้งหมดนี้ จะเป็นประโยชน์และเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกคน สำหรับเด็กชายที่ไม่มีพ่อมาคอยให้คำแนะนำ และสำหรับผู้ชายที่กำลังจะได้เป็นพ่อในอนาคตอีกด้วย…..”เราเปลี่ยนอดีตตัวเองไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนอนาคตของเราและคนอื่น ๆ ได้”

หน้าที่ของพ่อ

พ่อ ก็มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ หน้าที่ของพ่อนั้น แบ่งเป็นหลายประการด้วยกัน เช่น หน้าที่ที่ต้องทำต่อแม่ หน้าที่ที่ต้องทำต่อลูก พ่อจึงต้องปรึกษาหารือกับแม่เพื่อแบ่งหน้าที่และกิจกรรมต่าง ๆ ในครอบครัว จริง ๆ แล้วการแบ่งหน้าที่ มักจะเริ่มตั้งแต่แต่งงานยังไม่มีลูก สามีภรรยาก็ต้องรู้จักหน้าที่ของกันและกันเอง คือเริ่มมีการวางแผน และการวางแผนแบ่งเป็นหลายด้าน ได้แก่ การแบ่งเวลา การดูแล การทำงานบ้าน การทำงาน และการดูแลในเรื่องการเงิน เมื่อมีลูกแล้ว พ่อก็ควรมีบทบาทในการเลี้ยงลูกด้วยเช่นกัน แม้ว่าแม่จะเป็นตัวเอกและจะดูแลในระยะแรก ๆ คนเป็นพ่อควรจะต้องดูว่าบทบาทของตัวเองจะไปช่วยเสริมหน้าที่ของแม่อย่างไรได้บ้าง และเมื่อลูกโตขึ้นพ่อมักจะมีบทบาทมากขึ้น ในการฝึกฝนให้คำอบรมและสั่งสอนเลี้ยงดูลูก ๆ นั่นเอง

เด็กมักจะสังเกตและเรียนรู้จากพ่อและแม่ การปฏิบัติให้สอดคล้องกัน และการแบ่งหน้าที่ไปตามที่ตนเองถนัด (เพราะหน้าที่บางอย่างแม่จะทำได้เหมาะสมกว่าพ่อ ส่วนบางหน้าที่ พ่ออาจจะทำได้มากกว่าแม่) ก็จะทำให้ลูกเข้าใจและเรียนรู้บทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ของคนในครอบครัวได้ง่ายขึ้น

พฤติกรรมของพ่อมีส่วนสำคัญกับลูกอย่างไรบ้าง?

เด็กจะเรียนรู้ตลอดเวลาจากคนที่อยู่ใกล้ชิดและถ่ายทอดเอาแบบอย่างนั้นไปเลย เรื่องที่สำคัญคือ ทัศนคติและค่านิยมต่าง ๆเพราะฉะนั้นพ่อและแม่เป็นคนอย่างไร คิดอะไร เด็กก็จะเรียนรู้ ชีวิตประจำวันนี้ไปตลอด ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นแกนสำคัญต่อบุคลิกของเด็ก คือเขาโตขึ้นเขาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่เราเลี้ยงเขาขณะที่ยังเล็ก ๆ อยู่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ภาพของคุณพ่อคุณแม่ที่ดำเนินชีวิตครอบครัวไปอย่างมีความสุขก็จะติดตาติดใจไปถึงตอนนั้นด้วยแล้วก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เขาดำเนินชีวิตต่อไปด้วย

บางครอบครัวนั้นเด็กก็จะมีนิสัยพฤติกรรมไปทางแม่ ส่วนบางครอบครัวก็จะไปทางพ่อ นั้นก็ขึ้นกับพฤติกรรมที่เด็กได้จดจำมาจากคนใกล้ชิดนั่นเอง

ส่วนใหญ่ลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิงที่จะสนิทกับพ่อมากที่สุด?

ตามธรรมชาติลูกผู้หญิงจะสนิทกับคุณพ่อมากในช่วงแรก ๆ หมายถึง 3-6 ปีแรกของชีวิตเด็กผู้หญิงจะใกล้ชิดกับคุณพ่อโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายก็จะไปสนิทกับคุณแม่ แต่เมื่อเขาเริ่มเข้าอนุบาลเด็กก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าเขาเป็นเพศใด และก็จะเริ่มถ่ายทอดแบบอย่างจากเพศเดียวกัน หมายถึงเด็กผู้หญิงก็จะเริ่มเปลี่ยนจากสนิทกับพ่อก็มาเป็นคุณแม่ ส่วนเด็กผู้ชายก็จะกลับไปสนิทกับคุณพ่อแทนเพื่อจะถ่ายทอดแบบอย่าง และการถ่ายทอดก็สำคัญเพราะจะทำให้เขามีเอกลักษณ์ทางเพศถูกต้อง พฤติกรรมทางเพศ บทบาททางเพศได้อย่างเหมาะสม

ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงเดี่ยว แม่เลี้ยงเดี่ยว การดูแลเอาใจใส่และให้ความรักกับลูกเป็นที่ตั้งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เด็กที่ได้รับความรักอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นจากพ่อเพียงคนเดียว หรือจากแม่เพียงคนเดียว ก็สามารถเติบโตมาได้อย่างมีความสุข และสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ในอนาคตได้ เช่นเดียวกับ Rob Kenney คนนี้

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

8 ข้อ พ่อแม่มือใหม่ ควรคุยกัน โค้งสุดท้ายก่อนคลอด

8 ข้อ พ่อแม่มือใหม่ ควรคุยกัน โค้งสุดท้ายก่อนคลอด

10 แบบอย่างที่ดี ที่พ่อแม่ควรทำให้ลูกเห็น

10 แบบอย่างที่ดี ที่พ่อแม่ควรทำให้ลูกเห็น

พ่อแม่รังแกฉัน ! บาป 14 ประการ จากท่าน ว.วชิรเมธี

พ่อแม่รังแกฉัน ! บาป 14 ประการ จากท่าน ว.วชิรเมธี

7 วิธี การเป็นพ่อแม่ที่ดี ของลูก ไม่ยากอย่างที่คิด

7 วิธี การเป็นพ่อแม่ที่ดี ของลูก ไม่ยากอย่างที่คิด

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Dad, How do I? Channel, itechpost.com, fb.me/dadhowdoi, ผศ.นพ.พนม เกตุมาน ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แก้ไขใบสูติบัตร

แก้ไขใบสูติบัตร ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด ทำได้ไหม?

Alternative Textaccount_circle
event
แก้ไขใบสูติบัตร
แก้ไขใบสูติบัตร

สำหรับแม่ ๆ ที่ต้องการ แก้ไขใบสูติบัตร ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด เปลี่ยนชื่อพ่อในใบสูติบัตร อยากรู้ว่าทำได้ไหม? ต้องทำอย่างไร? อ่านได้ที่นี่

แก้ไขใบสูติบัตร ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด ทำได้ไหม?

การเปลี่ยนแปลงชื่อพ่อในสูติบัตร การถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด ทำได้ไหม?

ใบเกิดหรือสูติบัตร ในกรณีที่ได้ระบุชื่อพ่อไว้แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือถอนชื่อออกได้ เพราะการแจ้งข้อมูลในการทำสูติบัตร ต้องถือเป็นการแจ้งตามข้อเท็จจริงเท่านั้น เนื่องจากสถานะทางครอบครัวเกิดขึ้นจากกฎหมาย ทุกคนต้องมีบิดา มารได้ ไม่อาจถอนความเป็นบิดา มารดาที่แท้จริงได้นั่นเอง

กรณีแจ้งเกิดบุตร โดยใส่ชื่อผู้อื่นเป็นบิดาลงในสูติบัตร

กฎหมายบอกว่า…การแจ้งเกิดบุตร โดยใส่ชื่อผู้อื่นเป็นบิดาลงในสูติบัตรของเด็ก ไม่ว่าจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความตั้งใจของมารดา และผู้สมรู้ร่วมคิดในขณะนั้น หรือไม่ก็ตาม หากมีการตรวจพบในภายหลัง หรือบิดาตัวจริงกลับมาทวงสิทธิขอรับรองบุตร จะเกิดเรื่องยุ่งยากต่อไปนี้

เริ่มจากผู้แจ้งอาจจะถูกดำเนินคดีตามฐานความผิด ผู้ใด ทำ ใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อ หรือมีรายการอย่างใดอย่างหนึ่งในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารการ ทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๓ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร มาตรา ๕๐ พ.ศ. ๒๕๓๔ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๑)

จากนั้นจึงเข้ากระบวนการสอบสวนของนายทะเบียนแต่ละท้องถิ่นเพื่อทำให้เชื่อว่าบิดาคนใดเป็นตัวจริง เพื่อยกเลิกสูติบัตรตามมาตรา ๑๐ พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๑) และให้ผู้แจ้งดำเนินการแจ้งเกิดใหม่ต่อไป ซึ่งกรณีนี้คงต้องลงลึกถึงผลตรวจดีเอ็นเอแน่นอน

สำหรับมารดาที่แอบอ้างนำชื่อฝ่ายชายที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันไปใส่ในสูติบัตร ฝ่ายชายที่ถูกแอบอ้างสามารถฟ้องร้องเพิกถอนและเรียกร้องเอาค่าเสียหายได้โดยต้องผ่านการพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ ซึ่งหากตรวจแล้วไม่ตรงกันแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องรับรองบุตรและบุตรก็ไม่สามารถขอแบ่งมรดกได้

ทั้งนี้ในประเด็นที่ว่ามีการนำชื่อญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูงมาใส่เป็นบิดาก็จะเกิดปัญหาตามมาเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากบิดาตัวปลอมคนดังกล่าวไปก่อเรื่องเป็นหนี้เป็นสินแล้วเกิดการเสียชีวิตไปก่อน เจ้าหนี้ก็จะฟ้องร้องบังคับให้ทายาทชำระแทนได้ หรือหากบิดาตัวปลอมคนที่ว่าขับรถไปประสบอุบัติเหตุจนตัวเองตายแล้วมีคู่กรณีตายด้วย ทางญาติของคู่กรณีก็สามารถเรียกร้องค่าสินไหมจากการกระทำของบิดาโดยทายาทก็ต้องรับผิดชอบไปด้วย

ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด
ถอนชื่อพ่อออกจากใบเกิด

กรณีไม่ระบุชื่อบิดาตั้งแต่แจ้งเกิด และบิดาต้องการรับรองบุตรในภายหลัง

หากบิดามีความประสงค์ที่จะกลับมา รับรองบุตรตัวเองในภายหลัง ทางนายทะเบียนท้องที่ที่รับแจ้งจะทำการสอบสวนตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการเพิ่มเติมในใบสูติบัตรให้ ซึ่งมีความจำเป็นต้องพาผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน หรือญาติพี่น้องมาช่วยยืนยันหรือรับรองกันจึงจะเพิ่มเติมให้ได้ ขั้นตอนจะวุ่นวายพอสมควร หากมีการยืนยันกันแล้วยังไม่น่าเชื่อถือก็อาจต้องลงลึกถึงการพิจารณาผลตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกด้วยเช่นกัน แต่ก็มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือการจดทะเบียนสมรสกับมารดาของเด็กในภายหลังด้วยเช่นกัน

ข้อดีของการไม่ระบุชื่อบิดาตั้งแต่แจ้งเกิด

  • การไม่ระบุชื่อบิดา คุณแม่มีสิทธิในการปกครองเด็กแต่เพียงผู้เดียว
  • เมื่อลูกโตขึ้น จะไม่ยุ่งยากในการยื่นเอกสาร เช่น การเข้าเรียน การทำพาสปอร์ต การทำงาน การรับราชการ หรือการเป็นทหาร ไม่ต้องตามตัวพ่อให้วุ่นวาย

อ่านต่อ เปลี่ยนชื่อลูก ที่ไหน ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

แม่ควรรู้! ทำอย่างไรเมื่อ สูติบัตรลูกหาย

กรณีแจ้งเกิดโดยระบุชื่อบิดาตามความเป็นจริง แต่ต้องการถอนชื่อออกในภายหลัง

ไม่สามารถทำได้ เพราะการหย่าขาด การแยกกันอยู่ การสิ้นสุดความเป็นสามีภรรยา ไม่สามารถทำให้สถานภาพการเป็นบิดาและบุตรขาดจากกันได้

กรณีหย่าขาดกับสามีเก่า ต้องการใส่ชื่อสามีใหม่เป็นพ่อของเด็ก

คำแนะนำจากสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์

  1. การหย่าขาดจากกันไม่เป็นเหตุให้สิ้นสุดการเป็นพ่อ จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ถอนชื่ออดีตสามี ผู้ซึ่งบิดาเป็นตามความเป็นจริงออกจากสูติบัตรของบุตรต่อนายทะเบียน เพื่อขอเปลี่ยนเป็นชื่อสามีคนใหม่ต่อนายทะเบียนไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้สิทธิไว้
  2. สามีใหม่ควรดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรเป็นบุตรบุญธรรมโดยได้รับความยินยอมจากมารดาต่อไปตามมาตรา 1598/21, 1598/27

การตรวจหาดีเอ็นเอตามคำสั่งศาล

การตรวจหาดีเอ็นเอตามคำสั่งศาลหรือการร้องขอจากหน่วยราชการต้องผ่านการ รับรองจากองค์กรอันเป็นที่ยอมรับ หากคู่กรณีประสงค์ดำเนินการพิสูจน์กันเองก็ได้แต่ต้องได้รับความยินยอมทั้ง ๒ ฝ่าย กรณีบุตรบรรลุนิติภาวะแล้วตัวบุตรต้องยินยอมด้วย หน่วยงานราชการที่รับตรวจ ได้แก่

  • สถาบันนิติเวชวิทยา
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • คณะแพทยศาสตร์ของโรงพยาบาลรัฐบาลอีกหลายแห่ง

ขั้นตอนการตรวจตามหลักสากลที่ปฏิบัติกัน มีดังนี้

  1. การเจาะเลือดและใช้เครื่องมือขูดเนื้อเยื่อบริเวณกระพุ้งแก้มของผู้รับการตรวจ
  2. จากนั้นผู้ทำหน้าที่ตรวจก็จะนำตัวอย่างดีเอ็นไปเข้ากระบวนการทางเคมีตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ใช้น้ำยาสกัด วัดปริมาณ เพิ่มปริมาณ อ่านวิเคราะห์ค่าที่ออกมาตามกราฟ จะทราบผลการตรวจยืนยันได้ภายใน ๑ สัปดาห์

นอกจากกระบวนการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับการขอใส่ชื่อหรือแก้ไขชื่อบิดาตามความเป็นจริงในสูติบัตรนั้น ล้วนมีความยุ่งยากมากมายหลายขั้นตอน บวกกับค่าใช้จ่ายที่ต้องมีเพิ่มขึ้นจากกรรมวิธีขอตรวจดีเอ็นเอยืนยันความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ดังนั้น จึงควรแจ้งเกิดตามข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

แจ้งเกิดลูก ไม่มีพ่อ ไม่ระบุชื่อพ่อได้ไหม? อนาคตจะมีปัญหาหรือไม่?

แจ้งเกิดลูก ไม่มีพ่อ ไม่ระบุชื่อพ่อได้ไหม? อนาคตจะมีปัญหาหรือไม่?

อยากมีลูกแต่ไม่มีสามี! วิจัยเผย อนาคตหญิงท้องได้ ไม่ง้อผู้ชาย

อยากมีลูกแต่ไม่มีสามี! วิจัยเผย อนาคตหญิงท้องได้ ไม่ง้อผู้ชาย

วิธีแก้กรรม 14 เรื่อง “ครอบครัว ความรัก และลูก” ไม่น่าเชื่อแต่จริง!!

วิธีแก้กรรม 14 เรื่อง “ครอบครัว ความรัก และลูก” ไม่น่าเชื่อแต่จริง!!

สิทธิการเลี้ยงดูบุตร เมื่อไม่ได้จดทะเบียน

สิทธิการเลี้ยงดูบุตร เมื่อไม่ได้จดทะเบียน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจกฎหมายเพื่อชาวบ้าน และข่าวสาร, www.decha.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เยียวยากลุ่มเปราะบาง

รับเงิน เยียวยากลุ่มเปราะบาง 1,000 บาท 3 เดือน ใครได้บ้าง..ต้องทำยังไง เช็กเลย!

event
เยียวยากลุ่มเปราะบาง
เยียวยากลุ่มเปราะบาง

ครม.เห็นชอบแล้ว แจกเงิน 1,000 บาท นาน 3 เดือน เยียวยากลุ่มเปราะบาง เงินเข้าวันไหน ใครบ้างที่จะได้รับ และต้องทำยังไงถึงจะได้ เช็กที่นี่เลย!

อนุมัติแล้ว! เยียวยากลุ่มเปราะบาง
รับเงินคนละ 1,000
บาท 3 เดือน

จากกรณีมีรายงานเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. 63 ที่ผ่านมาว่า กระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เสนอในที่ประชุม ครม. ให้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบาง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 เป็นการแจกเงินคนละ 1,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน

ซึ่งล่าสุด น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า… ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ครั้งที่ 4/2563 เรื่อง มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

โดยกรอบวงเงินไม่เกิน 3.94 หมื่นล้านบาท สามารถใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมไทยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคดังกล่าว

เยียวยากลุ่มเปราะบาง ใครได้บ้าง

สำหรับ กลุ่มเปราะบาง ในความหมายของ กระทรวงสาธารณสุข ให้นิยามว่า หมายถึง คนที่ขาดหลักประกันพื้นฐานทางสังคมในการดำรงชีวิต เข้าไม่ถึงบริการทางสังคม เดิมเรียกว่า กลุ่มด้อยโอกาส ซึ่งกลุ่มคนที่จะที่ได้รับเงินเยียวยา ตามมาตรการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
– เด็กจากครัวเรือนยากจน ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึง 6 ขวบ จากครัวเรือนที่มีความยากจน ประมาณ 1.45 ล้านคน
– ผู้สูงอายุ ประมาณ 9.66 ล้านคน
– ผู้พิการ มีจำนวน 2 ล้านคน

ทั้งนี้สำหรับเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง จะให้รายละ 1,000 บาทต่อเดือน นานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่ พ.ค. – ก.ค. 2563) ซึ่งเป็นการแจกเงินกลุ่มเปราะบางที่ให้เพิ่มจากเงินอุดหนุนตามปกติทั้ง 3 กลุ่ม ที่เคยได้รับอยู่แล้ว คือ เงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด , เบี้ยความพิการ และ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ เพิ่มเติมแต่หากท่านเป็นผู้ที่มีรายชื่อรับเงินจากโครงการอื่น ๆ เช่น เราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร จะต้องรอมติจาก ครม. ต่อไป

ได้รับเงินคนละเท่าไหร่?

ทั้ง 3 กลุ่มเปราะบาง จะได้รับเงินคนละ 3,000 บาท (เดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน)

เงินเยียวยา 1,000 บาท เข้าวันไหน

จะเริ่มจ่ายในเดือน มิ.ย. จำนวน 2,000 บาท (เป็นการสมทบงวดเดือนพฤษภาคมจ่ายพร้อมกับเดือนมิถุนายน เพราะอยู่ในช่วงสิ้นเดือน พ.ค.แล้ว) และ ให้ต่อในเดือน ก.ค. อีก 1,000 บาท

เกณฑ์รับเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง 1,000 บาท

ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงการคลัง จะพิจารณาเรื่องเกณฑ์ของกลุ่มเปราะบางร่วมกันให้มีความชัดเจนเพื่อให้เงินเยียวยาถึงมือกลุ่มเปราะบางเร็วที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.amarintv.com

เงินอุดหนุนบุตร 2563 เข้าวันไหน จะได้สิทธิ์หรือไม่ เช็กเลย!

แม่ขอแชร์ 8 ไอเดีย วิธีประหยัดเงิน ในกระเป๋า ช่วย save cost สู้วิกฤติในยามนี้

มารดาประชารัฐ เริ่มปี 63 ท้องปั๊บรับเงินเลย! (มีรายละเอียด)

เงินสงเคราะห์บุตร ย้อนหลัง เริ่มจ่าย 31 ม.ค. 62 เข้าเท่าไหร่ เช็กเลย!

เนื้องอกมดลูก

8 สัญญาณร้ายที่อาจเป็น เนื้องอกมดลูก อันตรายแค่ไหน เรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้!

Alternative Textaccount_circle
event
เนื้องอกมดลูก
เนื้องอกมดลูก

เนื้องอกมดลูก โรคที่มักเกิดกับผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ ช่วงอายุ 30-50 ปี ที่อาจทำให้คุณแม่ทุกคนรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย ซึ่งก้อนเนื้องอกนี้สามารถเติบโตไปกดทับอวัยวะใกล้เคียงจนส่งผลแทรกซ้อนอื่นๆ ต่อร่างกายได้ การสังเกตตนเองและรู้เท่าทันอาการเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แม่ ๆ อุ่นใจยิ่งขึ้น

เนื้องอกมดลูก อันตรายแค่ไหน เรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้!

“เนื้องอกมดลูก” เป็นโรคของกล้ามเนื้อมดลูกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเซลล์กล้ามเนื้อของมดลูกที่ผิดปกติ มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตจนกลายเป็นก้อนเนื้อแทรกอยู่ในชั้นกล้ามเนื้ออาจเกิดในเนื้อมดลูกหรืออยู่ในโพรงมดลูก หรือโตเป็นก้อนนูนออกมาจากตัวมดลูก สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนเพศหญิงและตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มดลูกจะทำให้เนื้องอกโตขึ้น โดยลักษณะการโตของก้อนเนื้องอกส่วนใหญ่จะเป็นไปอย่างช้า ๆ ในบางรายเนื้องอกมดลูกอาจไม่โตเพิ่มขึ้น และไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ ซึ่งเนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่ไม่ใช่เนื้อร้าย โดยจะพบว่ากลายเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ก้อนเนื้องอกอาจเกิดเป็นหนึ่งก้อนใหญ่หรือก้อนเล็ก ๆ หลายก้อน และหากมีก้อนเนื้องอกโตขึ้นก็อาจจะไปกดทับอวัยวะบริเวณใกล้เคียงที่สามารถส่งผลแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้เช่นกัน ดังนั้นการได้ไปตรวจสุขภาพด้วยการตรวจภายในหรืออัลตราซาวด์ หากตรวจพบได้ตั้งแต่แรก ย่อมรักษาได้เร็วและปลอดภัย

ทำความรู้จักเนื้องอกมดลูกที่แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดังนี้

  • เนื้องอกในกล้ามเนื้อ (Intramural fibroid) คือ การเติบโตของก้อนเนื้องอกบริเวณภายในกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พบก้อนเนื้องอกได้บ่อยที่สุด
  • เนื้องอกที่ผิวด้านนอกมดลูก (Subserosal fibroid) คือ เนื้องอกที่อยู่ในตำแหน่งที่เมื่อเนื้องอกโตขึ้นแล้วดันออกมาที่ผิวด้านนอกมดลูก
  • เนื้องอกที่โพรงมดลูก (Submucosal fibroid) คือ เนื้องอกที่อยู่ในตำแหน่งที่เมื่อเนื้องอกโตขึ้นแล้วดันเข้าไปในโพรงมดลูก โดยยังอยู่ใต้เยื่อบุมดลูก ซึ่งอาจทำให้โพรงมดลูกเบี้ยวไปจากเดิมได้

ตำแหน่งเนื้องอกที่อันตรายที่สุดคือ เนื้องอกที่ยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก ซึ่งจะส่งผลให้มีเลือดประจำเดือนออกมาก รองลงมาคือ เนื้องอกที่อยู่ในกล้ามเนื้อมดลูกซึ่งมีอาการคล้ายกับเนื้องอกที่โพรงมดลูกแต่ประจำเดือนจะออกน้อยกว่า และที่ส่งผลอันตรายน้อยสุดคือ เนื้องอกนอกมดลูก แต่ถ้าเกิดเนื้องอกที่ยื่นออกมาเกิดการบิดขั้วหรือฉีกขาด ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงมาก ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนทันที

เนื้องอกมดลูกอันตรายไหม

8 สัญญาณร้ายที่อาจเป็น เนื้องอกมดลูก

กว่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่มีเนื้องอกมดลูกมักจะไม่มีอาการ อาจเป็นเพราะว่ามีเนื้องอกที่มีขนาดเล็ก แต่หากสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้ก็อาจเป็นสัญญาณผิดปกติที่บ่งว่าอาจมีเนื้องอกมดลูกได้ อาทิเช่น

1.ประจำเดือนที่ผิดปกติหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด มีเลือดประจำเดือนออกมากและนานขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มีลิ่มเลือดหรือเป็นก้อนปนออกมา มีการปวดประจำเดือนที่เพิ่มขึ้น หรือในบางกรณีอาจมีอาการปวดคล้ายปวดประจำเดือนทั้งที่ไม่ได้มีประจำเดือน

2.มีอาการซีดโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เป็นลมบ่อย

3.ปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ออกไม่มาก อาจเกิดจากก้อนเนื้องอกไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะซึ่งอยู่ด้านหน้ามดลูก ทำให้มีอาการไม่สบายบริเวณหัวหน่า

4.ท้องผูกผิดปกติ อาจเกิดจากก้อนเนื้องอกไปกดเบียดลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต่อกับทวารหนัก หรือกดบริเวณทวารหนัก อาจมีอาการท้องอืด รู้สึกท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ

5.ปวดท้องหรือเจ็บท้องขณะมีเพศสัมพันธ์ ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกเจ็บ

6.คลำพบก้อนบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือช่องท้อง เนื่องจากก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ หรือรู้สึกท้องโตขึ้นโดยไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย

7.มีอาการปวดท้องเรื้อรัง เจ็บปวดบริเวณท้องน้อย แต่โดยทั่วไปเนื้องอกมดลูกจะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด ซึ่งอาการปวดขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่ง หรือนอกจากเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น เนื้องอกนั้นมีขั้วและมีการบิดของขั้วส่งผลให้เกิดอาการปวดแบบเฉียบพลันแทรกซ้อน เลือดออกภายในก้อนเนื้องอก หรือเกิดการอักเสบของก้อนเนื้องอก เป็นต้น

8.ก้อนเนื้องอกที่ยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากและแท้งบุตรได้ เนื่องจากเกิดการอุดตันของท่อนำไข่หรือขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน

โดยอาการดังกล่าวขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรง ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย แต่เมื่อไปตรวจภายในกลับพบว่าเนื้องอก ซึ่งถ้าตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรกที่เนื้องอกยังมีขนาดเล็กการรักษาก็จะทำได้ง่ายและมีโอกาสหายเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหากพบอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

รักษาเนื้องอกมดลูก

แนวทางการรักษาเนื้องอกมดลูก

สำหรับการรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของผู้ป่วย ติดตามเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของขนาดเนื้องอกในมดลูก ความต้องการมีบุตร อาการภาวะแทรกซ้อน และสุขภาพของคนไข้ ซึ่งสูตินรีแพทย์จะทำการตรวจภายในร่วมกับการตรวจอัลตราซาวด์

การรักษาสำหรับผู้ที่ก้อนเนื้องอกไม่โตมากและไม่มีอาการผิดปกติ หรือกรณีคนไข้อายุค่อนข้างมาก เช่น ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว หมอก็อาจจะใช้วิธีการติดตามเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของขนาดก้อนแทน นอกจากนั้นก็ต้องดูลักษณะของก้อนเนื้องอก อาการที่แสดงด้วย สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่หมอพิจารณาก่อนที่จะเลือกวิธีการรักษา หรือการใช้ยาเพื่อควบคุมอาการผิดปกติ

สำหรับผู้ที่มีเนื้องอกในมดลูกขนาดใหญ่หรือมีอาการผิดปกติ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิต โดยส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกออกทั้งหมดซึ่งจะทำให้การรักษาหายขาด ซึ่งข้อบ่งชี้ว่าเมื่อไหร่จะต้องผ่าตัดขึ้นอยู่กับ

  • ถ้าคนไข้เป็นเนื้องอกแต่ยังต้องการมีบุตร หมออาจพิจารณา ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก โดยเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออก โดยยังคงเก็บมดลูกไว้เพื่อการมีบุตรต่อไป ซึ่งการผ่าตัดนี้ก็สามารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องได้ แต่กรณีนี้อาจมีโอกาสกลับมาเป็นเนื้องอกมดลูกซ้ำได้อีก
  • ถ้าคนไข้อายุเริ่มมากมีบุตรพอแล้ว หมอก็อาจพิจารณาผ่าตัดโดยตัดมดลูกออกไปเลย ซึ่งวิธีผ่าตัดที่ดีที่สุดก็คือการผ่าตัดมดลูกด้วยการส่องกล้องโพรงมดลูกผ่านช่องคลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นการผ่าตัดแบบไร้แผล แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กเพียง 5 มิลลิเมตร ทำให้ไม่มีรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด เป็นหนึ่งในรูปแบบการผ่าตัดแบบ MIS ซึ่งช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อ ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น

ดูแลตัวเองอย่างไรลดความเสี่ยงการเป็นเนื้องอกมดลูก

ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่พบสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริง แต่พบว่าการเกิดเนื้องอกมดลูกมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งสร้างในรังไข่และพันธุกรรม จึงเป็นเหตุผลที่ว่าผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์มีอัตราการเกิดเนื้องอกในมดลูกสูง นอกจากนี้ปัจจัยจากสภาวะแวดล้อมและไลฟ์สไตล์การกินอยู่ในยุคปัจจุบันก็มีส่วนทำให้เกิดโรค เช่น การรับประทานเนื้อสัตว์หรือเนื้อแดงมาก ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นพฤติกรรมเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดเนื้องอกได้มาก หรือแม้แต่การทำงานและใช้ชีวิตด้วยความเครียดก็จะส่งผลทำให้ต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนไปควบคุมการทำงานของรังไข่ไม่เป็นปกติ ฉะนั้นการดูแลสุขภาพโดยรวม กินอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกาย ที่ช่วยให้การทำงานของฮอร์โมนเป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ดี รวมถึงมดลูกและรังไข่มีสุขภาพที่ดี ก็จะลดความเสี่ยงการเป็นเนื้องอกได้ทางหนึ่ง และสำหรับผู้หญิงทุกคนควรเข้ารับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อตรวจหาความผิดปกติของมดลูก เพื่อผลประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพของตนเองนะคะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.paolohospital.comwww.samitivejhospitals.comwww.bumrungrad.com

อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

4 โรคของผู้หญิง ที่ไม่ควรมองข้าม อย่าอายที่จะไปตรวจ!

7 อาการเสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นแล้วมีลูกได้ไหม ท้องยากจริงหรือ?

 

ไส้เลื่อนในผู้หญิง เด็กก็เป็นได้ แม่สังเกตลูกสาวให้ดี!

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ปัสสาวะบ่อย

ทำไมคนท้อง ปัสสาวะบ่อย “ฉี่”แบบไหนไม่ปกติ แม่ต้องระวัง!

Alternative Textaccount_circle
event
ปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะบ่อย

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อาจพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการ ปัสสาวะบ่อย ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำถี่ขึ้น บางคนถึงขั้นวิตกว่าจะเกิดอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้เข้าใจและดูแลตัวเองมากขึ้นกันค่ะ

ทำไมคนท้อง ปัสสาวะบ่อย ?

กระเพาะปัสสาวะเป็นอวัยวะที่วางอยู่ด้านหน้าต่อจากมดลูก ทำหน้าที่ในการรองรับน้ำปัสสาวะที่ไหลมาจากท่อไต โดยกระเพาะปัสสาวะในร่างกายมีความสามารถในการยืดขยายตัวเองให้มากพอที่จะบรรจุน้ำปัสสาวะได้เกือบครึ่งลิตร ก่อนที่จะปวดปัสสาวะมาก จนต้องถ่ายปัสสาวะ “อาการปัสสาวะบ่อย” ที่แม่ท้องต้องเจอนั้นจัดเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้ใน 2 ช่วง คือในไตรมาสแรก (12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์) ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับคนท้องทุกคน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นและมดลูกที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไปเบียดดันกระเพาะปัสสาวะ จนทำให้ไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ เมื่อกระเพาะปัสสาวะรับน้ำปัสสาวะได้เพียงประมาณ 100-200 มิลลิเมตร ก็จะทำให้คุณแม่ต้องเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะบ่อยขึ้น รวมทั้งเลือดและของเหลวที่มากขึ้นในภาวะตั้งครรภ์ไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงบริเวณอุ้งเชิงกรานและถูกขับออกมาทางไต จึงทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติได้ และจะมีอาการปัสสาวะบ่อยอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้าย (สัปดาห์ที่ 28-40) เนื่องจากร่างกายทารกในครรภ์มีการเติบโตมากขึ้นและในช่วงใกล้คลอดศีรษะของทารกเริ่มเคลื่อนตัวไปใกล้และกดลงบริเวณหัวหน่าว ซึ่งก็จะไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณแม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นนั่นเอง ซึ่งอาการนี้จะหายเป็นปกติได้เองหลังจากคลอดลูกแล้ว ดังนั้นในช่วงที่คุณแม่ท้องรู้สึกปวดปัสสาวะถึงแม้จะเดินอุ้ยอ้ายแต่ก็จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำทุกครั้ง ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ส่งอันตรายต่อแม่และลูกในท้องตามมาได้

ทําไมคนท้องฉี่บ่อย

12 อาการฉี่ที่ไม่ปกติ แม่ท้องต้องระวัง!

แม้ว่าภาวะปัสสาวะบ่อยในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติสำหรับคุณแม่และทารกในครรภ์ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วยก็อาจเป็นอันตรายได้

1.ปัสสาวะแสบขัด

2.ปัสสาวะมีสีขุ่น/ สีแดง หรือสีน้ำตาลเข้ม

3.มีไข้สูง

4.มีอาการปวดท้อง

5.ปวดหลัง

6.มีเลือดออก

7.มีอาการเจ็บขณะปัสสาวะ

8.ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น

9.มีอาการเจ็บปวดที่บริเวณด้านข้างและด้านล่างของท้อง หรือบริเวณขาหนีบ

10.ปัสสาวะลำบากหรือปัสสาวะไม่ออก

11.มีอาการปวดปัสสาวะอย่างรุนแรง

12.มีปัญหาเกี่ยวกับการกลั้นปัสสาวะ

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่ากำลังติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะหรือติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ หากปล่อยไว้นานอาจพบภาวะคลอดก่อนกำหนดหรือแท้ง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อแม่และลูกในท้องได้ จึงควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

บทความแนะนำ : คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อันตรายกับทารกในครรภ์อย่างไร?

คนท้องฉี่บ่อย

แม่ท้องดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อปัสสาวะบ่อย

ถึงแม้ว่าอาการปัสสาวะบ่อยขณะตั้งครรภ์จะเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ควรดูแลตัวเองปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้ถูกวิธี ดังนี้

  • แม่ท้องควรดื่มน้ำให้เพียงพอหรือประมาณ 8 แก้วต่อวัน เพื่อทดแทนน้ำที่ถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะ ช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูก และไม่ให้ปัสสาวะเข้มข้นเกินไป อีกทั้งป้องกันไม่ใช่ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เพราะในช่วงการตั้งครรภ์ร่างกายมีความต้องการน้ำมากกว่าปกติ แต่สามารถลดปริมาณดื่มน้ำลงในช่วงเวลากลางคืนเพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะบ่อยในขณะนอนหลับและรบกวนการนอนพักผ่อนได้
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หรือน้ำอัดลม เพราะจะไปกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะมากกว่าเดิมได้ อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย
  • ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด หรือติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ พยายามปัสสาวะให้สุดทุกครั้ง และหลังปัสสาวะควรล้างทำความสะอาดให้ดีและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการอับชื้นที่อาจส่งผลให้เกิดเชื้อราได้

คนท้องปัสสาวะบ่อย

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องกลั้นปัสสาวะ เช่น การเดินทางไกลที่ทำให้คุณแม่ไม่สะดวกในการเข้าห้องน้ำระหว่างเดินทาง แต่เมื่อจำเป็นควรงดดื่มน้ำหนึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทางไปข้างนอก และควรถ่ายปัสสาวะก่อนออกจากบ้าน ก็จะช่วยแก้ปัญหาปวดปัสสาวะระหว่างทางไปได้ระดับหนึ่ง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ หรือมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เช่น อาหารรสจัด ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศเป็นหลัก เป็นต้น
  • ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือการขมิบช่องคลอดเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อปัสสาวะและขมิบให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานยกขึ้นและเข้าไปข้างใน หากทำได้เป็นประจำจะช่วยให้อาการปัสสาวะบ่อยลดลง ซึ่งการฝึกขมิบช่องคลอดสามารถทำได้กับผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะคุณแม่ที่ผ่านการคลอดบุตรแบบธรรมชาติ เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานแข็งแรงขึ้นด้วย
  • ป้องกันการปัสสาวะบ่อยด้วยการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง อาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น รวมถึงผลไม้ที่ช่วยสร้างกากอาหารในลำไส้ทำให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายทำงานได้ดี เช่น มะละกอสุก แคนตาลูป เป็นต้น เพื่อลดอาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากอาการท้องผูกส่งผลให้เกิดแรงดันที่กระเพาะปัสสาวะมากขึ้น และทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น หากลดอาการท้องผูกได้ ก็จะทำให้ปัสสาวะได้ปกติมากขึ้น

อาการปัสสาวะบ่อยสังเกตได้ง่าย ๆ จากจำนวนครั้งที่ปัสสาวะในแต่ละวัน ซึ่งโดยปกติภายใน 24 ชั่วโมง คนเราจะปัสสาวะอย่างน้อย 6-8 ครั้ง และในระหว่างตั้งครรภ์อาการฉี่บ่อยที่ทำให้คุณแม่ต้องคอยเดินเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งขึ้นนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่แม่ท้องทุกคนต้องเจอ หากดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธีตามคำแนะนำ ก็ไม่น่ามีอะไรวิตกกังวลไปนะคะ

นอกจากนี้คอยสังเกตว่ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่ เพราะการรักษาภาวะปัสสาวะบ่อยจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยแพทย์จะหาสาเหตุหลักที่ส่งผลต่อความผิดปกติในการปัสสาวะเป็นอันดับแรก เช่น อาการปัสสาวะบ่อยโดยมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แพทย์ก็จะทำการรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อบรรเทาอาการและช่วยให้ความถี่ในการปัสสาวะลดลง

เรื่องปัสสาวะที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะตั้งครรภ์สำหรับเรื่องเล็ก ๆ ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายตอนท้องที่ส่งผลต่ออาการอื่น ๆ อีกมากมายที่แม่ท้องต้องเจอ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง คัดเต้านม ท้องผูก ท้องอืด อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ฯลฯ อาการบางอย่างอาจไม่เป็นอันตราย แต่อาการบางอย่างหากปล่อยไว้นานก็อาจจะเป็นอันตรายส่งผลต่อสุขภาพได้ ซึ่งคุณแม่ต้องคอยสังเกตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นะคะ.

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.sanook.comwww.pobpad.com

อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คลิก :

 

ทําไมคนท้องถ่ายเป็นสีดํา แม่ท้องกินอะไรผิดไป!

หมอเตือน! ไม่อยาก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อย่าทำสิ่งนี้!

ไขข้อสงสัย ท้องนี้ ปัสสาวะผิดปกติ หรือไม่?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ตามใจลูก

5 เทคนิค ตามใจลูก [สร้างวินัยเชิงบวก] ฝึกลูกคิดเป็น มีความรับผิดชอบ

event
ตามใจลูก
ตามใจลูก

ขัดใจทำไม…ตามใจดีกว่า!! หมอแนะเทคนิคดี รีบสอน…ก่อนสาย เลี้ยงแบบ ตามใจลูก อีกหนึ่งวิธีสร้างวินัยเชิงบวกให้ทรงประสิทธิภาพ ฝึกลูกคิดเป็น มีความรับผิดชอบ

“ขัดใจทำไม?ตามใจลูก ดีกว่า!”
หมอแนะ! อยากให้ลูกคิดเป็น ลองสอนแบบนี้?

ทำไมลูกเราถึงสอนไม่จำ! ต้องให้คอยบอก..คอยเตือนทุกวัน จนปากเปียกปากแฉะหมดแล้ว!

ทีมแม่ ABK เชื่อว่าต้องมีคุณพ่อคุณแม่หลายคนเกิดคำถามนี้…ผุดขึ้นมาในใจ หรือเคยแอบบ่นใส่ลูกบ้างว่า … เพิ่งพูดไปหยกๆ ทำไมทำอีกแล้ว! นั่นน่ะสิคะ!! เพราะลูกพูดยาก หรือ เพราะเราไปขัดใจลูก?

มาลองทบทวนกันค่ะ…
หากว่าพ่อแม่เตือนลูก แปลว่าใครกันที่เป็นคนจำได้…พ่อแม่หรือลูก? คำตอบที่ถูกต้อง ก็น่าจะเป็นพ่อแม่ เพราะถ้าลูกจำได้ลูกก็ไม่ต้องรอให้พ่อแม่เตือนจริงไหมคะ
แต่เอ…แล้วพ่อแม่จะทราบได้อย่างไรว่าที่ลูกยังไม่ทำ >> เพราะจำไม่ได้จริงๆ หรือจำได้แต่ยังไม่ทันทำ พ่อแม่ก็มาชิงเตือนตัดหน้าไปเสียก่อน!?!? 

ลองนึกภาพตามนะคะ หากเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 8 โมง แต่ยังไม่ทัน 6 โมงก็มีคนมาปลุกให้ตื่นไปทำงาน เราจะรู้สึกอย่างไร…ขอบคุณที่ปลุกตั้งแต่ 6 โมง หรือแอบขัดใจนิดหน่อย แล้วถ้าเราบอกเขาไปแล้วว่า “เดี๋ยวจะตื่นเอง ไม่ต้องปลุก”

แต่เขาก็ยังปลุกเราทุก 15 นาที ตอนนี้เราจะรู้สึกอย่างไร…ขอบคุณในความหวังดีหรือรู้สึกไม่พอใจ? แน่นอนว่าเราย่อมรู้สึกรำคาญและไม่พอใจถึงแม้ว่าคนนั้นจะปลุกเราด้วยความหวังดีก็ตาม!

> ทีนี้เริ่มเข้าใจหรือยังคะ ว่าทำไมเวลาเอ่ยปากเตือน ลูกถึงอารมณ์ไม่ดี และทำไมพอตามเตือนตามบอก ลูกถึงชอบต่อต้านและลงท้ายด้วยการทะเลาะกับลูกทุกที

“เตือนลูกบอกลูกทุกวัน ระวังลูกจะไม่จำว่าต้องทำอะไร!”

ถ้าอยากให้ลูกคิดเป็น อย่าคอยเตือนลูกบ่อยๆ … คำถามต่อไปคือ หากพ่อแม่คอยตามบอกตามเตือนลูกทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้ายันเข้านอนตอนกลางคืน ลูกยังจำเป็นต้องจำอยู่ไหมคะ?

ลองนึกภาพตามอีกทีว่า… ตั้งแต่เราบันทึกเบอร์โทรศัพท์ไว้ในโทรศัพท์มือถือ สมองของเราก็เรียนรู้ไปแล้วว่า ข้อมูลนี้ไม่ต้องจำ จะใช้ค่อยเปิดหาดู เราก็เลยกลายเป็นคนที่จำเบอร์โทรศัพท์ไม่ได้ เด็กๆ ก็เช่นกัน หากว่าพ่อแม่คอยบอกคอยเตือนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาก็จะไม่จำเป็นต้องจำ รอพ่อแม่บอกเมื่อไหร่ค่อยทำ!

ดังนั้นแทนที่พ่อแม่จะตามบอกตามสอน ลองเปลี่ยนวิธีเป็นการ ตามใจลูก แบบการสร้างวินัยเชิงบวกกันดีกว่าค่ะ  เพียงบอกหน้าที่รับผิดชอบของลูกว่ามีอะไรบ้าง แล้ว ตามใจลูก ให้เขาตัดสินใจเองว่าจะทำอะไรก่อนหรือหลัง เช่น “พรุ่งนี้เช้าสิ่งที่หนูต้องทำคือ อาบน้ำแต่งตัว กินข้าว และหนูจะทำอะไรก่อนก็ได้ พอ 7 โมงครึ่งเราจะขึ้นรถไปโรงเรียนกันค่ะ” หรือ “พอไปถึงบ้านคุณยาย หลังจากสวัสดีคุณยายแล้ว สิ่งที่หนูต้องทำคือ เข้าห้องน้ำ ล้างมือ เล่น ช่วยเก็บผลไม้เข้าตู้เย็น หนูจะทำอะไรก่อนก็ได้ พอ 6 โมงเย็น เราจะกินข้าวด้วยกัน และกลับบ้านตอน 2 ทุ่มค่ะ”

เทคนิคนี้เป็น ตามใจลูก นี้นอกจากจะสอนวินัยและความรับผิดชอบได้แล้ว ยังทำให้ลูกอยากให้ความร่วมมือมากขึ้นและไม่รำคาญเราอีกด้วย เพราะการให้อิสระในการเลือก เป็นการให้โอกาสให้ลูกได้ฝึกฝนลงมือคิด บริหารเวลา วางแผน เรียงลำดับความสำคัญ ควบคุมความต้องการของตนเอง และกำกับตนเองให้รับผิดชอบจนเสร็จทุกหน้าที่

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

5 เคล็ดลับ ตามใจลูก เสริมให้ลูกคิดเป็น
วางแผนได้ ลำดับความสำคัญถูก!!

อย่างไรก็ตามเทคนิค ตามใจลูก แบบนี้จะทรงประสิทธิภาพมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับเคล็ดลับต่อไปนี้

  1. เตือนเพื่อชวนคิด

หากสังเกตเห็นว่า ลูกเริ่มติดกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งนานเกินไป เราสามารถเตือนเพื่อชวนลูกให้เริ่มคิดวิธีบริหารเวลาที่เหลือได้ เช่น เหลือเวลาอีก 30 นาทีเราจะออกจากบ้านแล้วนะคะ หนูคิดว่าเสร็จทันไหมคะ ต้องการให้แม่ช่วยอะไรไหม แทนการเตือนเพื่อชวนทะเลาะ เช่น จะเสร็จหรือยัง เห็นนั่งเล่นนานแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 30 นาทีนะ จะกินข้าวเตรียมกระเป๋าทันไหม!

  1. เป็นคนช่วยเหลือ

ในกรณีที่ลูกงอแง โยเย และไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เช่น ไม่ยอมเก็บของเล่น แต่ก็ไม่ยอมไปอาบน้ำ เราสามารถบอกได้ว่าลูกอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พร้อม เราเลยจะเป็นคนช่วยพาเขาทำเอง แทนการเป็นคนช่วยซ้ำเติม เช่น เก็บของเล่นเดี๋ยวนี้ แล้วไปอาบน้ำเร็วๆ เลยนะ! ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมอารมณ์ให้ลูกโยเยเข้าไปใหญ่

  1. คำถามนำทางความคิด

ในกรณีที่ลูกไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่บอกเอาไว้ ให้ถามลูกว่า ลูกคิดเอาไว้ว่าจะทำเมื่อไหร่ แทนการใช้คำถามที่นำมาซึ่งการแก้ตัว เช่น ทำไมถึงยังไม่ทำ หรือ ทำไมไม่ยอมทำ

  1. ชม ชม ชม

เมื่อเห็นลูกทำหน้าที่เสร็จแล้ว เราต้องชื่นชม และให้ความสำคัญกับความพยายามและความรับผิดชอบของลูก เพื่อลูกจะได้มองเห็นความสามารถของตัวเอง และเกิดความภาคภูมิใจ เช่น แม่ขอบคุณมาก ที่ลูกพยายามควบคุมความอยากเล่นไว้ก่อน แล้วทำการบ้านจนเสร็จ ลูกแม่เรียงลำดับความสำคัญได้ยอดเยี่ยม เป็นนักบริหารเวลาตัวยงเลยนะเนี่ย แทนการ ติ ติ ติ หรือให้ความสนใจแค่ตอนที่ลูกทำไม่ดีเท่านั้น

  1. รับผิดชอบผลที่ตามมา

บางอย่างที่ลูกไม่ทำ แล้วเป็นปัญหาของลูกเอง เราต้องปล่อยให้เขาได้รับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของเขา เช่น หากเหลือเวลากินข้าวอีกแค่ 5 นาที เพราะมัวแต่เล่น ก็ต้องให้ลูกกินแค่ 5 นาที พอถึงกำหนดเวลา ก็ต้องพาขึ้นรถไปโรงเรียนเลย เพื่อให้เขารู้ว่า หากบริหารเวลาไม่ดีและไม่ควบคุมตัวเอง ผลจะเป็นอย่างไร

การปลูกฝังพฤติกรรมที่เหมาะสมจนเป็นนิสัย เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน แค่การตามบอกตามเตือนลูก จึงยังไม่พอ แต่จำเป็นต้องอาศัยความรักและความเข้าใจจากพ่อแม่ด้วย เมื่อลูกปรารถนาแรงใจจากเรา แล้วเราจะไปขัดใจทำไม รีบตามใจ

ให้แรงใจเขาดีกว่า…จริงไหมคะ?

ขอบคุณบทความจาก ผศ.ดร. ปนัดดา ธนเศรษฐกร  อาจารย์สาขาพัฒนาการมนุษย์
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว  มหาวิทยาลัยมหิดล

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Thanasetkorn, P.**, Chumchua, V. Suttho, J., & Chutabhakdikul, N. (2015). The preliminary research study on the impact of the 101s: A guide to positive discipline parent training on parenting practices and preschooler’s executive function. ASIA-PACIFIC Journal of Research in Early Childhood Education, 9(1), pp. 65-89.

Jutamard Suttho*, Vasunun Chumchua, Nuanchan Jutapakdeekul, Panadda Thanasetkorn**. The impact of the 101s: A Guide to positive discipline parent training on parenting practices and preschooler’s executive function. The 2nd ASEAN Plus Three Graduate Research Congress (AGRC). 2014;255.

8 วิธี สร้างวินัยเชิงบวก ง่ายๆ ป้องกันลูกดื้อ เริ่มได้ตั้งแต่ 1 ขวบ

[สร้างวินัยเชิงบวก] ชวนพ่อแม่สำรวจ เรา “สั่ง” หรือ “สอน” ลูกอยู่นะ

เลี้ยงลูกเชิงบวก คุยกับลูกแบบนี้ ไม่ต้องตี ลูกก็เชื่อฟัง โดยพ่อเอก

เลี้ยงลูกแบบตามใจ แล้วลูกจะเสียคนจริงหรือไม่?

ตายาย ตามใจหลาน จนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ พ่อแม่ควรทำอย่างไร

น้ำหนักส่วนสูงทารก

ตาราง น้ำหนักส่วนสูงทารก ตามเกณฑ์ ตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี

event
น้ำหนักส่วนสูงทารก
น้ำหนักส่วนสูงทารก

เซฟเก็บไว้ดูเลย!! ตาราง น้ำหนักส่วนสูงทารก ตามเกณฑ์ ของเด็ก วัยแรกเกิด ถึง 5 ปี .. ลูกของเราอายุเท่านี้ น้ำหนักและส่วนสูงควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ พ่อแม่เช็กได้ที่นี่เลย!

ตารางเกณฑ์ น้ำหนักส่วนสูงทารก วัยแรกเกิด – 5 ปี

น้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ ของทารกแรกเกิด มีปัจจัยจากโภชนาการ และสิ่งแวดล้อมของแม่ โดยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ ซึ่ง น้ำหนักส่วนสูงทารก จะมากหรือน้อย ก็ตามแต่อายุครรภ์เมื่อคลอดที่แตกต่างกันไปเช่น เด็กที่คลอดเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 37 สัปดาห์จะมีน้ำหนักแรกคลอดที่ไม่เท่ากับทารกที่คลอดเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 41 สัปดาห์

ซึ่งนอกจาก น้ำหนักและส่วนสูงทารก เมื่อแรกเกิดแล้ว … คุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้ว่าลูกตัวโตแค่ไหน ด้วยการเปรียบเทียบกับอัตราการเจริญเติบโตของเด็กทั่วไป ทั้งส่วนสูงและน้ำหนักที่คิดเป็นร้อยละหรือที่เรียกกันคุ้นหู ว่า “เปอร์เซ็นต์ไทล์” ที่เป็นเส้นกราฟบนตารางการเจริญเติบโต (แยกเป็นเด็กหญิงและเด็กชาย)

โดยจะมีอยู่ในสมุดบันทึกการฉีดวัคซีนของลูกน้อย (สมุดสีชมพู) เมื่อนำส่วนสูงและน้ำหนักของลูกเราไปเทียบ ในกราฟแล้ว เราจะรู้ได้ว่าลูกเราโตหรือเล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเด็กในประเทศ

  • เด็กที่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ไทล์ (คือ ถ้าเทียบว่ามีเด็กอยู่ 100 คน จะมีเด็ก 90 คนที่ตัวโตกว่าลูกของเรา)ก็จะ ได้รับการพิจารณาว่าเป็นเด็กที่ตัวเล็กกว่าอายุครรภ์ (Small for Gestational Age–SGA)  เรียกง่ายๆว่า เด็กตัวเล็ก
  • เด็กที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไทล์ (คือ ถ้าเทียบว่ามีเด็กอยู่ 100 คน ลูกของเราจะตัวโตกว่าเด็ก 90 คน) ก็จะ ได้รับการพิจารณาว่าเป็นเด็กที่ตัวโตกว่าอายุครรภ์ (Large for Gestational Age–LGA) เรียกง่ายๆว่า เด็กตัวโต
  • เด็กที่มีอัตราการเติบโตระหว่าง 10 – 90 เปอร์เซ็นต์ไทล์ ก็จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นเด็กที่มีขนาดตัวเหมาะสมกับอายุครรภ์ (Appropriate for Gestational Age –AGA) เรียกง่าย ๆ ว่า ขนาดตามเกณฑ์

ซึ่งหากใครดูจากกราฟไม่เป็น สามารถดูตารางแสดง น้ำหนักส่วนสูงทารก ตามเกณฑ์มาตรฐานของเด็ก ในช่วงอายุ 0-5 ปี ที่ทีมแม่ ABK ได้สรุปมาให้ดูด้านล่างนี้ได้เลย จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ว่าตอนนี้ ลูกของเราอายุเท่านี้มี น้ำหนักและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่?

น้ำหนักส่วนสูงทารก

ลูกตัวโตกว่าเกณฑ์แล้วเป็นอย่างไร

สำหรับ น้ำหนักส่วนสูงทารก ที่เกินเกณฑ์เมื่อแรกเกิด มักจะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเมื่อแรกคลอด คือมีระดับน้ำตาล ในกระแสเลือดต่ำ ระดับเม็ดเลือดที่พุ่งสูง และปอดที่ยังไม่เติบโตพัฒนาเต็มที่ ทั้งนี้ในสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่า น้ำหนักและขนาดที่ใหญ่โตเมื่อแรกคลอดของเด็กจะลดลงสู่ภาวะปกติต่อไปในอนาคตได้ และคิดว่าคงจะไม่มีผลเสียต่อเนื่องไปแต่อย่างใด

แต่ปัจจุบันนี้กลับพบว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นไปทั้งหมด เพราะการศึกษาล่าสุดพบว่า.. เด็กทารกที่เกิดจากแม่ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน มักจะกลายเป็นเด็กที่เป็นโรคอ้วน และหากพ่อหรือแม่คนใด คนหนึ่งเป็นโรคเบาหวาน เมื่อลูกโตขึ้นก็จะมีความเสี่ยงต่อ ชการเป็นโรคเบาหวานได้ราวร้อยละ 1-5 ทีเดียว

น้ำหนักส่วนสูงทารก

ลูกตัวเล็กกว่าเกณฑ์ จะเป็นอย่างไร

หาก น้ำหนักส่วนสูงทารก แรกคลอด ต่ำกว่าเกณฑ์มักจะประสบปัญหาต่างๆ ตั้งแต่แรกเกิด เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือมีเม็ดเลือดแดงมากเกินไป และมีความเสี่ยงที่จะตัวเล็กกว่าเพื่อนไป ตลอดชีวิตเมื่อเทียบกับเด็กที่มีขนาดตัวมาตรฐานเมื่อแรกคลอด และอาจจะมีพัฒนาการที่ช้ากว่าด้วย

อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว อัตราการเจริญเติบโตของเด็ก ที่ตัวเล็กกว่าเกณฑ์จะเริ่มค่อยๆ เข้าเกณฑ์ในช่วง 6 เดือนแรก  จากสถิติก็พบว่า ยิ่งอัตราการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ช้าลงในช่วง ใกล้คลอดมากเท่าไร แนวโน้มที่เมื่อเด็กคนนั้นคลอดแล้วจะโตทัน เพื่อนก็เป็นไปได้มากเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคุณแม่มือใหม่ที่ติดตามพัฒนาการลูกอย่างสม่ำเสมอ และพบว่าน้ำหนักตัวและส่วนสูงของลูกน้อยกว่าเกณฑ์ก็อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปนะคะ เพราะน้ำหนักของทารกแรกเกิด – 1 ปีในแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม รูปร่างและขนาดของพ่อแม่ด้วย ถ้าพ่อแม่ตัวโต สูงใหญ่ ลูกก็จะเติบโตเร็ว ถ้าพ่อแม่ไม่สูง ตัวเล็ก ลูกก็จะตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นในช่วงอายุเดียวกัน รวมถึงโภชนาการที่ได้รับตั้งแต่ยังอยู่ในท้องด้วย และนอกจากนี้แล้วยังมียังมีปัจจัยเสริมอื่น ๆ ที่คุณแม่ควรติดตาม ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่าลูกมีพัฒนาการที่ดีควบคู่กันไปด้วย เช่น ลูกร่าเริง กินนมได้ ขับถ่ายเป็นปกติ รวมถึงพัฒนาการลูกในด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับช่วงอายุ แต่ทั้งนี้แล้วหากคุณแม่มือใหม่รู้สึกกังวลและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเจริญเติบโตแลพัฒนาการลูกน้อย ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องนะคะ

ไขข้อสงสัย! ทารกแรกเกิดควรมีน้ำหนักเท่าไหร่?

โปรแกรมคำนวณภาวะโภชนาการ เช็กน้ำหนักส่วนสูง ความสมส่วนของลูก

การเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อยช่วงอายุแรกเกิด – 5 ปี

พัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ของทารกวัยแรกเกิด ถึง 3 ปี

RSV ไวรัส

RSV ไวรัส ในหน้าฝนทำร้ายสุขภาพลูก

Alternative Textaccount_circle
event
RSV ไวรัส
RSV ไวรัส

RSV ไวรัส ที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้ทั้งในเด็กเล็ก และผู้ใหญ่ แต่หากเกิดขึ้นกับลูกเล็ก เด็กน้อย อาจจะมีอาการป่วยที่หนักกว่าในผู้ใหญ่ ซึ่งเจ้าไวรัส RSV มักระบาดหนักสุดในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ทีมแม่ABK จะพาไปรู้จักกับ RSV  เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้เท่าทัน และป้องกันดูแลรักษาสุขภาพลูกน้อยไม่ให้ป่วยกันค่ะ

 

RSV ไวรัส คือ ? 

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) คือ โรคที่ติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายหวัด แต่อาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ เมื่อติดต่อจะทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหาย ไอ มีน้ำมูก และหากติดเชื้อรุนแรง ก็อาจถึงขั้นปอดอักเสบได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเด็กต่ำกว่า 3 ปี อาการที่มักจะเกิดกับเด็กวัยนี้คือหลอดลมอักเสบ แต่หากเกิดกับผู้ใหญ่จะมีอาการคล้ายหวัดทั่วไป แต่หากเกิดในผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด หรือ ผู้ที่กินยากดภูมิคุ้มกัน จะมีอาการรุนแรงมาก

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อย เด็กเล็ก ติดเชื้อ RSV ไวรัส ?

อาการของโรค RSV เมื่อเริ่มแสดงอาการจะมีลักษณะคล้ายหวัด คือ มีน้ำมูก มีไข้ต่ำ ไอแห้ง เจ็บคอ ทำให้แยกได้ยากว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือ RSV กันแน่ แต่ในเด็กบางคน RSV จะมีอาการที่รุนแรงขึ้นในวันที่ 3-4 นับจากวันที่แสดงอาการคือ

  • เริ่มหายใจเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม เดินแล้วต้องหยุดพัก
  • ไอมีเสมหะมาก
  • มีไข้สูง
  • ไอมีเสียงหวีดๆ
  • บริเวณปากหรือเล็บมีสีเขียวคล้ำจากการขาดออกซิเจน
  • เบื่ออาหาร เซื่องซืม
  • หายใจเร็วกว่าปกติ

และสำหรับเด็กเล็กหรือทารก หากมีอาการดังนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

  1. ประสบภาวะขาดน้ำ สังเกตได้จากตอนร้องไห้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมา
  2. ไอและมีเสมหะเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีเหลือง
  3. หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ หรือหอบเหนื่อย
  4. มีน้ำมูกเหนียวทำให้หายใจลำบาก
  5. ปลายนิ้วหรือปากเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำจากภาวะขาดออกซิเจน
  6. เด็กทารกที่มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น

ซึ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ หากคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีหนึ่งในอาการดังกล่าว แนะนำให้พาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

 

ทำไมไวรัส RSV ถึงรุนแรงกว่า โรคหวัด ?

โรคหวัด คืออาการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งไวรัส RSV ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นกัน แต่จะหนักกว่า เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าไวรัสทั่วไป ดังนี้

  • อาจทำให้เกิดโรคปอดบวมหรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบได้ ไวรัสจะเคลื่อนตัวจากระบบทางเดินหายใจช่วงบน ได้แก่ จมูก คอ ปาก ลงไปที่ระบบทางเดินหายใจช่วงล่าง จนทำให้เกิดการอักเสบที่ปอดหรือทางเดินหายใจ
  • อาจทำให้ติดเชื้อในหูชั้นกลาง เกิดจากเชื้อเข้าไปในพื้นที่บริเวณหลังแก้วหู ทำให้เกิดหูน้ำหนวก พบมากในผู้ป่วยที่เป็นทารกและเด็ก
  • โรคหอบหืด และหลอดลมไวหากเกิดภาวะนี้ จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว คือ ทุกครั้งที่เป็นหวัดจะไอมากมีเสมหะมาก เพราะเป็นผลจากหลอดลมไว และหากไม่ได้รับการรักษาก็ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดได้ ซึ่งหลังจากหายป่วยจากไวรัส RSV แล้ว คุณหมออาจจะพิจารณาให้ทานยา Singulair (Montelukast) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหอบหืด, รักษาโรคภูมิแพ้ (การจ่ายยาอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น)
  • เกิดการติดเชื้อซ้ำ เมื่อมีการติดเชื้อแล้วครั้งหนึ่ง จะกลับมาติดเชื้ออีกครั้งได้เสมอ แต่อาการอาจไม่รุนแรงเท่าการติดเชื้อในครั้งแรก มักพบในรูปแบบของอาการหวัด

 

จะป้องกันไม่ให้ลูกเล็ก เด็กอ่อน ติดเชื้อไวรัส RSV ได้อย่างไร ?

อย่างที่บอกไปค่ะว่าไวรัสตัวร้าย RSV หากเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี หรืออาจโตกว่านี้ แต่ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่แข็งแรง ก็มีโอกาสที่จะเจ็บ ป่วย ไม่สบายจากไวรัส RSV ได้เช่นกันค่ะ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงจากการไวรัส RSV ซึ่งคุณแม่สามารถดูแลป้องกันตัวเอง และลูกน้อย ในเบื้องต้นได้ดังนี้

  1. ล้างมือบ่อยๆ ให้สะอาด ด้วยน้ำสบู่ หรือ แอลกอฮอลล์
  2. ผู้ป่วยควรใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
  3. หากลูกติดเชื้อไวรัส RSV ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ คอยระวังการไอ จาม ไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่เด็กคนอื่น เพราะหากแพร่เชื้อต่อไปเรื่อยๆ ไวรัสตัวนี้ก็อาจกลับมาหาลูก จนกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
  4. หลีกเลี่ยงให้เด็กที่คลอดก่อนกำหนดและทารกในช่วงอายุ 1-2 เดือนแรกสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ เช่น ผู้ที่เป็นไข้หรือเป็นหวัด
  5. ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โดยเฉพาะทิชชูที่ใช้แล้ว ควรทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิด
  6. ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ควรใช้แก้วน้ำของตัวเอง และหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำที่ผู้ป่วยใช้แล้ว
  7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทารกที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV และพบอาการที่รุนแรงได้มากกว่า
  8. ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบว่าเด็กที่ป่วยมาเล่นของเล่นนั้น

เด็กๆ ต้องไปโรงเรียนในช่วงหน้าฝนแบบนี้ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพของลูกๆ ให้มากเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ห่างไกลจากการอาการไม่สบาย ที่เกิดจากไวรัส RSV และรวมถึงไวรัสต่างๆ ที่แฝงมากับหน้าฝนค่ะ …ด้วยความห่วงใย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่


อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

5 พาหะนำโรค หน้าฝน ภัยร้ายต่อสุขภาพลูกน้อย

แม่โพสต์เตือน! สาเหตุที่ทำให้ ทารกท้องเสีย เป็นโรคลําไส้อักเสบ

การติดเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 โรคระบาดสายพันธุ์รุนแรง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad  ,  โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลเจ้าพระยา

เถียงแม่

10 ข้อเตือนใจ..คิดให้ดีก่อน เถียงแม่

event
เถียงแม่
เถียงแม่

คนเป็นลูกต้องอ่าน!! นี่คือ 10 ข้อเตือนใจ คิดให้ดีก่อน เถียงแม่ บทความให้แง่คิดดีๆ จากเพจ นุสนธิ์บุคส์ และเมื่ออ่านเสร็จแล้วทบทวนตัวเองดูว่าคุณมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ครบหรือไม่?

10 ข้อเตือนใจ .. คิดให้ดีก่อน เถียงแม่

รําคาญแม่ เถียงแม่ เชื่อว่าหลายคนคงเมื่อครั้งยังเด็ก เป้นลูกน้อยในสายตาพ่อแม่ ต้องมีหลายคนที่เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความรัก ความหวังดี และเป็นห่วงลูก สัญชาตญาณความเป็นแม่ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดหรือบ่น เพื่อเตือน เพื่อสั่งสอนลูก แต่นั่นก็อาจทำให้คนเป็นลูก รู้สึกรำคาญ และเผลอขึ้นเสียงใส่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ (หรือตั้งใจ) จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดกันได้

ดังนั้น ทีมแม่ ABK จึงอยากให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวนี้ไว้เตือนใจตัวเองและสอนลูก ๆ ให้รู้ว่า “แม่” คือคนที่รักและหวังดีโดยเสียสละทุกสิ่งกับเราได้มากขนาดไหน ข้อคิดดีๆ จากเพจ นุสนธิ์บุคส์ คนเป็นลูกควรอ่าน…ก่อนที่จะเถียงแม่หรือขึ้นเสียงใส่แม่ และเมื่ออ่านเสร็จแล้วทบทวนตัวเองดูว่าคุณมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ครบหรือไม่?

โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า…

เย็นวันหนึ่ง ลูกชายวัยมัธยมปลายถูกคุณแม่บ่นว่าเรื่องไม่ยอมเก็บห้องนอน กินข้าวไม่เป็นเวลา ออกไปไหนไม่บอกก่อนล่วงหน้า ฯลฯ
หนุ่มน้อยทนไม่ได้ เพราะคิดว่าแม่ชอบจู้จี้จุกจิกเรื่องส่วนตัวของเขา ก็เลยเถียงแม่ออกไปด้วยเสียงอันดัง ทำให้คุณแม่ยิ่งโมโหที่ลูกชายไม่เชื่อฟัง

คุณพ่อเห็นท่าจะไม่ดี ก็เลยกันลูกชายออกมาและพาไปเดินเล่น

เดินไปด้วยกันเป็นนานสองนาน คุณพ่อจึงพูดกับลูกชายว่า

“การที่ลูกจะเถียงแม่ได้นั้น มีข้อแม้ว่า หากลูกทำได้ใน10ข้อนี้ ลูกจึงมีคุณสมบัติที่จะเถียงแม่ได้!”
“อะไรเหรอครับ?” เด็กหนุ่มถามคุณพ่อ

เถียงแม่

“ตั้งใจฟังนะ”

1 .อาเจียนหลังกินข้าวทุกมื้อเป็นเวลาสามเดือน (แพ้ท้อง)

2. หัวนมถูกกัดแต่ต้องยอมอดทนไม่กล้าตี (ช่วงที่ฟันของลูกขึ้นใหม่ๆ)

3. เอาลูกบอลใส่ท้องและเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือนเป็นเวลาสิบเดือน (ตั้งท้อง)

4. เจ็บปวดเหมือนถูกแส้เฆี่ยนตีเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง (ช่วงคลอดลูก)

5. งดน้ำแข็ง ชา กาแฟและของชอบแต่ส่งผลร้ายต่อลูกในครรภ์เป็นเวลาสิบเดือน

6. เวลานอนแต่พลิกตัวไม่ได้เป็นเวลาห้าเดือน

7. งดเที่ยว งดกระโดดโลดเต้นเป็นเวลาสิบเดือน

8. ห้ามป่วยเป็นอันขาดเป็นเวลาสิบเดือน ต่อให้ป่วยก็กินยาปฏิชีวนะไม่ได้

9. เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเช็ดอ๊วก เปลี่ยนผ้าอ้อมซักผ้าอ้อม ล้างก้นเป็นปีๆ

10. กลางคืนต้องตื่นทุกๆ สองชั่วโมง แต่ละช่วงใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีประมาณสามเดือน

พ่อลูกเดินคุยกันจนมาถึงหน้าบ้าน คุณพ่อตบบ่าลูกชายแล้วพูดว่า “เดี๋ยวเข้าบ้านไป ให้เกียรติกับผู้หญิงของฉันด้วยนะ”
“ฮ่าๆ ครับๆ ต่อไปผมจะให้เกียรติผู้หญิงของพ่อให้มากกว่านี้ครับ”

เมื่อลูกชายเข้าบ้านก็ตรงไปกอดและขอโทษคุณแม่ >> ดังนั้นก่อนที่จะเถียงแม่ คิดก่อนว่าคุณมีคุณสมบัติใน 10 ข้อนี้หรือเปล่า?

ขอบคุณบทความดีๆ จาก : นุสนธิ์บุคส์

ผลกรรมของการ “เถียงพ่อแม่”

9 ทางแก้ วิธีดับทุกข์ เพราะ..ลูก ด้วยหลักธรรม ได้ผล 100%

 

พ่อแม่ลูกผูกพัน ด้วยกฎแห่งกรรม…

 

น้ำยาซักผ้าเด็ก

10 น้ำยาซักผ้าเด็ก สูตรอ่อนโยน ถนอมเนื้อผ้า เหมาะสำหรับผิวบอบบาง

event
น้ำยาซักผ้าเด็ก
น้ำยาซักผ้าเด็ก

รวม ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก ในท้องตลาดที่แม่เลือกใช้! แม่มือใหม่จะเลือกซื้อ น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี สำหรับซักเสื้อผ้าและผ้าอ้อมของลูกน้อย เน้นสูตรเฉพาะถนอมเนื้อผ้า อ่อนโยนต่อผิวลูก

รีวิว น้ำยาซักผ้าเด็ก ที่แม่เลือกใช้ 10 ยี่ห้อ

น้ำยาซักผ้าเด็ก ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของใช้ของลูกน้อย ที่คุณแม่ต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน เพราะผิวเด็กเป็นผิวที่บอบบาง หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ก็จะมีโอกาสที่จะแพ้และระคายเคืองสูงกว่าผิวผู้ใหญ่  และถึงแม้ว่า น้ำยาซักผ้า บางยี่ห้อจะระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของเด็กโดยเฉพาะ แต่บางผลิตภัณฑ์อาจมีสารเติมแต่งน้อยกว่า 1% ทำให้ไม่ต้องระบุในฉลาก หรือใช้ส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีความปลอดภัยต่ำ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยคุณแม่มือใหม่ไม่ควรเลือกซื้อ น้ำยาซักผ้าเด็ก จากแพ็กเกจที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ควรตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียดด้วย

หลักการเลือกน้ำยาซักผ้าเด็ก

ในท้องตลาด มีผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กมากมาย ซึ่งก่อนซื้อสิ่งที่คุณแม่ควรดู คือ หลีกเลี่ยง น้ำยาซักผ้าเด็ก ที่มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว เช่น Sodium Maury’s Sulfate (SLS) หรือส่วนผสมสังเคราะห์อย่างพวกปิโตรเลียม และไขมันต่าง ๆ เพราะสารเหล่านี้อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวที่บอบบาง เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้

โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารตึงผิวที่อ่อนโยนต่อผิว หรือใช้สารสกัดจากธรรมชาติ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์อย่าง สารฟอกสี , สารกันเสีย และสารเรืองแสง นอกจากนี้ น้ำหอม ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในผงซักฟอง เพราะช่วยให้ผ้าหอมสดชื่น ดับกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ แต่ก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้เช่นกัน จึงแนะนำให้เลือกน้ำยาซักผ้าเด็ก ที่ส่งกลิ่นหอมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติแทนจะดีกว่า

และหลังจากตรวจสอบส่วนผสมที่อาจทำให้ระคายเคืองแล้ว เพื่อความมั่นใจ แนะนำให้ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกได้รับการรับรองและทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อผู้ที่มีผิวบอบบาง

อย่างไรก็ตาม ผิวของเด็กแต่ละคนอาจมีสาเหตุการแพ้ที่ไม่เหมือนกัน หลังจากซื้อมาใช้งาน แนะนำให้สังเกตผิวรอบตัวเด็กควบคู่ด้วย ว่าเกิดปัญหา ผื่น, แดง, ลอก และตุ่มคันหรือไม่ หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาและหาสาเหตุ

และสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือก น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี มาใช้ซักผ้าให้ลูก ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ มาฝาก จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

 

น้ำยาซักผ้าเด็ก ดีนี่

น้ำยาซักผ้าเด็ก

สำหรับ น้ำยาซักผ้าเด็กD-nee ในท้องตรลาด ก็มีอยู่หลายสี หลายสูตร แต่สูตรที่แนะนำคือ ดีนี่ สีชมพู กลิ่นฮันนี่ สตาร์ (Honey Star) กลิ่นหอมอ่อนละมุนด้วยสารสกัดจากลาเวนเดอร์และพืชธรรมชาติอื่น ๆ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย, สิ่งสกปรก และลดกลิ่นอับชื้น ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัยต่อผิวที่บอบบาง ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง อีกทั้งยังมีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิวของน้ำ ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังเป็นสูตรที่ช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลาในการซักผ้า และไม่เปลืองแรงขัด เพราะมีน้ำยาสูตรเข้มข้นกว่าปกติถึง 3 เท่า ไม่ว่าคราบจะฝังแน่นแค่ไหน ก็กำจัดออกได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว น้ำยาชะล้างออกได้ง่าย ถนอมใยผ้า และไม่ทำให้ระคายเคืองต่อผิวมือแม่และผิวลูกน้อยอีกด้วย

ขนาด 600 มิลลิลิตร ราคา 93 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

Must read >> เสื้อผ้าเด็ก แบบไหนไม่ควรซื้อให้ลูก

Must read >> สารก่อภูมิแพ้ในเสื้อผ้า กำจัดได้ง่ายๆ แค่ซักผ้าถูกวิธี ลูกน้อยสุขภาพดีไม่เสี่ยงป่วยภูมิแพ้

น้ำยาซักผ้าเด็ก เบบี้มายด์

น้ำยาซักผ้าเด็ก

สำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก เบบี้มายด์ ก็มีหลายสูตรเช่นเดียวกันกับดีนี่ ซึ่งสูตรที่แนะนำคือ Babi Mild Baby Touch เป็นสูตรที่มาพร้อมคุณสมบัติเพื่อ ชุดเด็ก อย่างแท้จริง มีกลิ่นหอมละมุนจากพืชพรรณธรรมชาติ อ่อนโยนกับผ้าและผิวเด็ก ด้วยส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ช่วยขจัดความอับชื้นไปได้อย่างหมดจด ปราศจากสารเคมีรุนแรง ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ล้างออกได้ง่าย หมดกังวลเรื่องสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งและภูมิแพ้ และไม่ว่าจะเป็นคราบแหวะ, อึ, ฉี่ และอาหาร ก็สามารถจัดการได้อย่างอ่อนโยนด้วยสารสกัดจากผลปาล์มธรรมชาติ มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทำให้เสื้อผ้านุ่มลื่น ใส่สบาย ผสานกับ Tinopal CBS-X ที่ปกป้องเสื้อสี ให้ดูสดใส ไม่หมองคล้ำ

ขนาด 600 มิลลิลิตร ราคา 88 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

น้ำยาซักผ้าเด็กโคโดโม

น้ำยาซักผ้าเด็ก

Kodomo เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่โด่งดังเรื่องของใช้สำหรับเด็กอยู่แล้ว จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และน้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม สูตรนิวบอร์น นี้ที่ทีมแม่ ABK แนะนำ ก็เป็นสูตรที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็ก ด้วยสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ 5 ชนิด ตรงเข้าจัดการกับคราบสกปรกได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ระคายเคืองผิว พร้อมค่า pH เป็นกลาง ที่ช่วยถนอมใยผ้า มีกลิ่นหอมละมุน ไม่ฉุนจนเกินไป ช่วยให้ผ้านุ่มลื่น ให้เด็กน้อยผ่อนคลาย ไม่ว่าจะนั่ง เดิน หรือนอน ก็สบายตลอดทั้งวัน

ขนาด 600 มิลลิลิตร ราคา 81 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

น้ำยาซักผ้าเด็ก ดีเอ็มพี

น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็กDMP สีชมพู  สูตร 2 อิน 1 ซักสะอาดและปรับผ้านุ่ม ในคราว  กลิ่น Cotton love อ่อนโยนด้วย ออร์แกนิค คาโมมายล์ จากธรรมชาติ สัมผัสความนุ่มพิเศษด้วย Extra Soft Fabric Technology พร้อมค่า pH เป็นกลาง ผ่านการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย ไม่มีส่วนผสมของ 7 สารเคมีระคายเคือง

ขนาด 600 มิลลิลิตร ราคา 93 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

Must read >> เมื่อลูกเป็นผื่นแพ้ผิวหนัง เพราะเครื่องซักผ้า

Must read >> เทคนิค ซักเครื่องนอน ขจัดไรฝุ่น สารก่อภูมิแพ้

น้ำยาซักผ้าเด็กเซ็นท์แอนด์ดรูว์

น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็ก St.Andrewa สูตรแองเจิลทัช สูตรนี้เหมาะสำหรับขจัดสิ่งสกปรกของผ้าอ้อม เสื้อผ้าเด็ก และเสื้อผ้าที่ต้องการทะนุถนอม รวมทั้งของใช้อื่นๆที่มีเส้นใยละเอียด ช่วยลดกลิ่นอับบนเนื้อผ้าและมีส่วนผสมของสารให้ความสดใส ช่วยให้ผ่าไม่หมองคล้ำ พร้อมกลิ่นหอมที่อ่อนละมุนสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไม่มีสาร SLS Free ค่า PH Balance ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ซุกซ่อนในผ้าอ้อม คงความสดใสไม่หมองคล้ำ ทั้งผ้าขาว และผ้าสี ช่วยลดกลิ่นอับบนเนื้อผ้าแม้ตากในที่ร่ม

ขนาด 800 มิลลิลิตร ราคา 79 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

น้ำยาซักผ้าเด็ก อองฟองต์

น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็กอองฟองต์ สูตรผสม Gold Silk Protein (โปรตีนที่สกัดจากใยไหม) และ น้ำมันเมล็ดฝ้าย ช่วยถนอมผ้าให้นุ่ม ให้ผ้านุ่มลื่นไม่แข็งกระด้าง มอบสัมผัสที่สบายตลอดทั้งวัน  พร้อม Silky Touch Aroma ให้ผ้ามีกลิ่นหอมละมุน กำจัดสิ่งสกปรกด้วยสารทำความสะอาดที่สกัดจากข้าวโพด ผ่านการทดสอบการระคายเคือง จากสถาบันผิวหนังสหรัฐอเมริกา ว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวบอบบาง ผสมสารลดแรงตึงผิวของน้ำที่ย่อยสบายได้ตามธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีรุนแรงทั้งสารเรืองแสงและสารฟอกขาว

ขนาด 700 มิลลิลิตร ราคา 100 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

Must read >> สัญลักษณ์บนเสื้อผ้า (ซักอบรีด) ที่คุณแม่บ้านควรรู้!

Must read >> แฟชั่นชุดคู่แม่ลูกสุดน่ารัก พร้อมเทคนิคเลือกเสื้อผ้าตามวันเสริมราศี

น้ำยาซักผ้าเด็กพิพเพอร์ สแตนดาร์ด

น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้า ยี่ห้อ PiPPER กลิ่นเลมอนกราส และกลิ่นยูคาลิปตัส เป็นกลิ่นหอมระเหยจากธรรมชาติ จุดเด่นที่ผลิตจากธรรมชาติผสานกับไบโอเทคโนโลยี ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูง ด้วยผลไม้หมักชีวภาพที่มีเอนไซม์และไบโอเซอร์แฟคแตนท์ (Biosurfactant) หลายชนิด ไม่มีสารเคมี, ปิโตรเคมี และน้ำหอมสังเคราะห์ เหมาะกับเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผิวบอบบาง ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ตามมาตรฐาน US.FDA มีส่วนผสมที่ช่วยสลายคราบสกปรก ฟองน้อย ล้างออกง่าย ถนอมใยผ้า ไม่ทิ้งสารตกค้างที่ก่อให้เกิดมะเร็งและภูมิแพ้ ช่วยให้ผ้านุ่ม แถมประหยัดเวลาในการรีด ไม่ว่าจะตากในที่ร่มหรือกลางคืน ก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับ

ขนาด 750 มิลลิลิตร ราคา 185 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

น้ำยาซักผ้าเด็กโฮมเบบี้

น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็กHOME baby สูตร Gentle clean ให้กลิ่นหอมแบบสูตรเฉพาะของโฮมเบบี้ อ่อนละมุนต่อผิวผ้าและอ่อนโยนต่อผิวลูก ช่วยขจัดถนอมสิ่งสกปรกอย่างอ่อนโยน ถนอมสีและเส้นใยผ้า พร้อมป้องกันมือแห้งกร้านในสำหรับการซักมือ เพราะผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคืองผิว นอกจากนี้ยังลดการเกิดกลิ่นอับ เมื่อตากในที่ร่มหรือช่วงกลางคืน

ขนาด 600 มิลลิลิตร ราคา 76 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อ ละมุน

น้ำยาซักผ้าเด็ก

ถ้าคุณกำลังมองหา น้ำยาซักผ้า organic ที่จะเอามาใช้เพื่อดูแล เสื้อผ้าเด็ก ชุดเด็ก เสื้อผ้าเด็กอ่อน เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด หรือ ผ้าอ้อม ของเจ้าตัวเล็กอยู่แล้วล่ะก็ น้ำยาซักผ้าเด็ก LAMOON ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ไว้ใจได้ เพราะสูตรนี้ ที่เป็นออร์แกนิค 100% ปราศจากสารเคมีและสารสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง กำจัดคราบแหวะ และสิ่งสกปรกได้ด้วยเอนไซม์ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม, สับปะรด และมะนาว ไม่มีสารทำฟอง จึงชะล้างออกได้ง่ายไม่เปลืองแรง ทั้งคุณสมบัติในการซักและการปรับผ้านุ่มอยู่ภายในตัวเดียว ฟองน้อย ล้างออกง่าย ไม่ตกค้าง ถนอมใยผ้า ให้เสื้อผ้ามีความนุ่มละมุน ไม่ทำให้เนื้อผ้าแข็งบาดผิวลูกน้อยอย่างแน่นอน มาพร้อมกับกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยวานิลลาและดอกลาเวนเดอร์

ขนาด 750 มิลลิลิตร ราคา 295 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

น้ำยาซักผ้าเด็กไอแอมบั๊บเบิ้ล

น้ำยาซักผ้าเด็ก

สุดท้ายน้ำยาซักผ้าเด็ก I am Bubble เป็นน้ำยาซักผ้าออร์แกนิคจากเกาหลี ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ ไม่มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และสารกันบูด สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว อ่อนโยนต่อผิวเด็กและผู้ที่เป็นภูมิแพ้ กำจัดสิ่งสกปรกและล้างออกได้ง่าย เพราะเป็นสูตรนาโนเทคโนโลยี เข้าซอกซอนลึกถึงเส้นใยผ้า หมดกังวลไม่ว่าคราบจะฝังลึกแค่ไหน แถมยังช่วยลดกลิ่นอับชื้นติดเสื้อแม้จะตากในที่ร่ม

ขนาด 1800 มิลลิลิตร ราคา 630 บาท (ราคานี้คือตัวเลขจากหน้าชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งสำหรับบางร้านอาจมีราคาที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน)

 

อย่างไรก็ตามการซักเสื้อของลูกน้อยรวมกับเสื้อผ้าของคุรพ่อคุณแม่ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าธรรมดาทั่วไป ซึ่งมีสารในการทำความสะอาดสูง อาจทำให้ผิวลูกที่บอบบางเกิดอาการระคายเคืองได้ และถึงแม้จะชะล้างน้ำยาซักผ้าออกหมดแล้ว แต่เมื่อโดนเหงื่อ ก็อาจทำให้สารตกค้างในเสื้อผ้าปนเปื้อนออกมา ทำให้เกิดปัญหาผิวได้เช่นกัน

ทั้งนี้คุณแม่สามารถใช้น้ำยาซักผ้าเด็กจนลูกน้อยมีอายุประมาณ 1-2 ปี หลังจากนั้น ลองใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไป แล้วสังเกตดูว่ามีปัญหาผิวเกิดขึ้นหรือไม่ หากใช้อย่างต่อเนื่องแล้วไม่มีปัญหาระคายเคือง ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบทั่วไปแทนได้ค่ะ

 


ขอบคุณข้อมุลจาก : my-best.in.thhome.kapook.com

 

เช็คลิสต์ 60 ของใช้เด็กแรกเกิด อย่างไหนควรซื้อเลย อย่างไหนไม่ต้องรีบ!

เช็กลิสต์ ของใช้เด็กแรกเกิด ที่คุณแม่ต้องเตรียม!

รวม 10 สถานที่รับ “บริจาคเสื้อผ้าเก่า ของเล่น ของใช้เด็ก”

ของใช้เด็ก (ผลิตภัณฑ์สุขภาพ) ต้องรู้จักใช้ให้เหมาะกับอายุลูก

ของใช้เด็ก (ผลิตภัณฑ์สุขภาพ) ต้องรู้จักใช้ให้เหมาะกับอายุลูก

รางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

รักษาโรคไข้เลือดออก

หมอเตือน อย่าใช้ยาลดไข้สูง รักษาโรคไข้เลือดออก

account_circle
event
รักษาโรคไข้เลือดออก
รักษาโรคไข้เลือดออก

รักษาโรคไข้เลือดออก ต้องระวัง อาการเริ่มต้นอาจคล้ายโรคไข้หวัด มีไข้สูงแต่ไม่มีจุดแดงบนร่างกายให้เห็น แพทย์เตือนพ่อแม่ต้องระวัง ลูกมีไข้ อย่าให้กินยาลดไข้สูง เสี่ยงเลือดออกที่อวัยวะภายใน เป็นอันตรายถึงชีวิต

แพทย์เตือน ยาลดไข้สูงไม่ควรใช้ รักษาโรคไข้เลือดออก

สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในบ้านเราปีนี้ต้องเฝ้าระวังไม่แพ้โรคโควิด-19 จากเดือนมกราคม –พฤษภาคม 2563 พบผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศแล้ว 13,006 คนเสียชีวิตแล้ว 10 คน มีผู้ป่วยในทุกภาคของประเทศโดยพบมากในกลุ่ม 3 ช่วงอายุได้แก่ อายุ 10 -14 ปี ถึง 69.81 % (ต่อประชากร 1 แสนคน) รองลงมาคือกลุ่มเด็กเล็กอายุ 5-9 ปี 54.20  % และวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี อีก 50.84 % ทางกรมโรคติดต่อพยากรณ์ไว้ว่า จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเทียบเคียงกับปี 2562 ที่พบผู้ป่วยจำนวนมากถึง 147,361 ราย

MUST READ: “ลูกเป็นไข้เลือดออก ครั้งที่ 2” อันตรายมาก เตือนอย่าให้ป่วยซ้ำ!

MUST READ : 10 ความแตกต่าง อาการไข้เลือดออก vs อาการโควิด 19

 

รักษาโรคไข้เลือดออก

ปัจจุบันยังไม่มียา รักษาโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะ แต่ใช้รักษาตามอาการเป็นหลัก อาการในช่วงแรกที่มีไข้สูงต่อเนื่องหลายวัน แต่ไม่มีจุดแดงบนผิวหนังให้เห็น อาจทำให้เข้าใจผิดว่า “เป็นโรคไข้หวัด ” และซื้อยาลดไข้สูงมากินเอง ซึ่งอันตรายมาก งเฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ซึ่งเป็นเพจที่มีชื่อเสียงด้านการให้ข้อมูลทางการแพทย์ ได้โพสต์เตือนประชาชนให้ระวังการใช้ยาลดไข้สำหรับผู้ป่วยไข้เลือด

เตือนภัย___ อันตรายอาจถึงชีวิต ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ช่วงนี้โรคไข้เลือดออกเริ่มระบาด เจ้าถิ่นมาทวงแชมป์จากโควิด ทั้งประเทศป่วยแล้ว เป็นหมื่น ตายเกือบ 10 ราย

ผู้ป่วยจะมีไข้สูง (ตามตัวโรคไข้เลือดออก ส่วนใหญ่ไข้ 2-7วัน) ยาลดไข้ที่ควรกินคือ พาราเซตามอล เท่านั้น

ส่วน ยาลดไข้สูง__คือ ยากลุ่ม NSIADs ห้ามกิน ทั้งชนิดน้ำในเด็ก/เม็ดในผู้ใหญ่
ควรหลีกเลี่ยง_กรณีมีไข้อย่างเดียวและสงสัยไข้เลือดออก….

เพราะทำให้เลือดออก ตายได้ เพราะ ยาไข้สูง ส่วนใหญ่คือกลุ่ม NSIADs อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เป็นแผลที่กระเพาะอาหารและเลือดออกในระบบทางเดินอาหารได้ ไตวาย และเสียชีวิตได้

พ่อแม่ผู้ปกครอง บางท่านเข้าใจผิด เวลามีไข้ จะเลือกใช้ยาลดไข้สูง_เป็นตัวแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยากลุ่ม NSIADs ซึ่งระคายเคืองกระเพาะอาหาร มีผลข้างเคียงได้ ปวดท้อง เลือดออกในทางเดินอาหาร ไตวาย ได้

ยาไข้สูง ส่วนใหญ่ ในเด็ก_น้ำสีส้ม ในผู้ใหญ่_เม็ดสีชมพูเข้ม

เวลามีไข้ สำคัญสุด คือ เช็ดตัวระบายความร้อน อาบน้ำอุ่น/ก็อกก็ได้ ไม่ก็จับแช่ในอ่างอาบน้ำ กะละมัง

รักษาโรคไข้เลือดออก

ความเข้าใจที่ว่า มีไข้ ห้ามจับอาบน้ำหรือเช็ดตัว เป็นเรื่องผิด

จริงๆสามารถอาบน้ำได้ ไข้จะลงและต้องกินยาพาราเซตามอลร่วมด้วย

มีคนถามเยอะเรื่องแผ่นแปะหน้าผากช่วยได้ไหม

แอดตอบ_ได้ แต่ไม่ดี 100% คิดง่ายๆ เวลากองไฟลุกท่วมหัว_แล้วใช้น้ำพรมแล้วไฟจะดับหมดไม่ได้

ดังนั้น ถ้ามีไข้ดีสุดคือ จับเด็กแก้ผ้า ปิดแอร์ เช็ดตัวด้วยผ้าอย่างน้อย 3-4ผื่น เช็ดผิวหนังเข้าหาหัวใจ อย่างน้อย 10-20 นาที

ผ้าที่ไม่ได้เช็ดก็วางไว้ตามซอกคอ ซอกรักแร้ ซอกขาหนีบ บริเวณที่มีเส้นเลือดขนาดใหญ่ จะได้ระบายความร้อน

ส่วนยาไข้สูง อาจใช้ในบางกรณี แต่ควรสั่งจ่ายโดยแพทย์ เช่น เด็กมีคนไข้สูงทั้งเช็ดตัว กินยาพาราเซตามอล ก็ไม่ลง และไข้ขึ้นมาใหม่ไม่ถึง4ชม. หรือมีประวัติเคยชักจากไข้สูง ส่วนใหญ่จะจ่ายกรณีที่ไม่สงสัยไข้เลือดออกซึ่งยังกินยาพาราเซตามอลไม่ได้ และเด็กมีประวัติไข้แล้วชัก อาจจะให้กินได้ แต่ต้องกินหลังอาหารและทานน้ำมากๆ ควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำถ้ายังสงสัยไข้เลือดออก หมอจะไม่สั่งจ่ายเด็ดขาด จำไว้

ไข้เลือดออกไม่ถูกกับยาลดไข้สูง  ไข้อย่างเดียว และไข้สูงเกิน 2 วันไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์

อาการที่สงสัยไข้เลือดออกคือ ไข้ ไม่ไอไม่มีน้ำมูก ปวด 4 ที่ (ศีรษะ กระบอกตา กล้ามเนื้อ กระดูก) อาจมีอาเจียน กินอาการไม่ได้ เบื่อ คลื่นไส้ อาจมีจุดเลือดออก หรือ อาการเลือดออก และผื่นแดง

สรุป มีไข้ อาบน้ำ เช็ดตัว กินพาราเซตามอล ก็พอ

ทำไมโรคไข้เลือดออกรุนแรงกว่าเดิม

ข้อมูลทางวิชาการพบว่า ภาวะโลกร้อนทำให้คาร์บอนไดออนไซด์ในน้ำสูงขึ้น ส่งผลให้ลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะของโรคพัฒนาเป็นยุงเต็มวัยได้ในเวลาสั้นขึ้นกว่าในอดีต จากเดิมที่ไข่จะกลายเป็นตัวยุงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7- 10 วัน ปัจจุบันเวลา 5 วันเท่านั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ไวรัสในยุงแพร่เร็วขึ้นด้วย

จากรายงานการตรวจหาเชื้อไวรัสแดงกิของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกองโรคติดต่อนำโดยแมลง พบว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เชื้อไวรัสสายพันธุ์ DENV-1 และ DENV-2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสแดงกิในยุงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้อาการของโรคไข้เลือดออกรุนแรงขึ้น เท่ากับว่าผู้ป่วยจะเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มทารก เด็กเล็ก อายุ 0-4 ปี ผู้ใหญ่อายุ 25 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุ 35 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว

รักษาโรคไข้เลือดออก

อาการไข้เลือดออกไม่เหมือนเดิม

เวลาพูดถึงโรคไข้เลือดออก คนส่วนใหญ่มักนึกถึงจุดแดงตามตัวและอาการไข้สูง แต่ปัจจุบันอาการของโรคไม่เหมือนเดิมและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม โดยมีอาการดังต่อไปนี้

1.ผู้ป่วยจะมีไข้สูง แต่อาจไม่มีจุดแดงปรากฎให้เห็น ระยะแรกดูผิวเผินคล้ายโรคไข้หวัดทั่วไป อาจอาเจียน หรือเบื่ออาหารได้

2.ไข้ลดลง มีอาการเพลียซีม ซึ่งไม่แปลว่าผู้ป่วยดีขึ้น แต่เชื้อไวรัสกำลังเข้าจู่โจมอวัยวะภายใน ทำให้เกิดไตวายเฉียบพลัน หรือตับวายจนเสียชีวิตได้

3.ระยะไข้สูง 40-40 องศาเซลเซียส โดยไม่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล จะมีไข้สูงลอยเช่นนี้อยู่ 2-7 วัน

4.จุดแดงบนผิวหนัง มักตรวจพบพร้อมกับภาวะเลือดออกในอวัยวะอื่นๆ เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือด หรือปะปนมาในอุจจาระ

5.ระยะวิกฤต ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักเกิดผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกเดงกิ มีภาวะการไหลเวียนเลือดล้มเหลว มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นอ่อน ความดันโลหิตผันผวน แต่ยังมีสติ พูดคุยปกติ หากปล่อยให้อาการหนักขึ้นอาจเสียชีวิตได้ภายใน 1 – 2 วัน

หน้าฝนนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับวิธีป้องกันและควบคุมการเกิดยุงลายมากขึ้น เพื่อให้ลูกปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก  2 อย่าง ดังต่อไปนี้

  • ป้องกันยุงลายกัด ยุงลายมักจะกัดคนในเวลากลางวัน ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น ทายากันยุงที่สกัดจากพืชธรรมชาติ
  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป ยุงลายจะเพาะพันธุ์ในน้ำใส ในภาชนะที่เก็บน้ำใช้ในบ้าน เช่น โอ่งน้ำ ถ้วยรองขาตู้กันมด แจกันดอกไม้ ภาชนะนอกบ้านที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

แหล่งข้อมูล :  news.thaipbs.or.th/ www.bangkokbiznews.com /www.thaihealth.or.th/ bangkokhospitalphitsanulok.com

บทความน่าสนใจอื่นๆ 

พ่อแม่ต้องรู้! “9 ข้อห้ามทำ” เมื่อลูกเจ็บป่วย

5 พาหะนำโรค หน้าฝน ภัยร้ายต่อสุขภาพลูกน้อย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าท้อง ทำนายฝัน

ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ฝันแบบนี้ ดีหรือร้าย?

Alternative Textaccount_circle
event
ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าท้อง ทำนายฝัน
ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าท้อง ทำนายฝัน

ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้องใกล้คลอด หมายความว่าอย่างไรกันนะ ทำนายฝันกันแล้ว อย่าลืม!! เช็ควัน เวลาที่ฝันกันด้วยว่าฝันช่วงเวลาไหนแม่นที่สุด??

ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ฝันแบบนี้ ดีหรือร้าย?

ฝันกลางวัน ฝันเป็นตุเป็นตะ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ จะกี่ฝันยังไง เมื่อความฝันเกิดขึ้นมา คนที่ฝันก็อยากรู้ความหมายกันใช่ไหมล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็นับว่าเป็นสิ่งคอยเตือนให้ระวังในการใช้ชีวิต หรือจะได้เตรียมตัวรับโชคก้อนใหญ่ได้ทัน (ชีวิตต้องมีหวัง… อะไรทำนองนั้น) งั้นอย่ามัวช้าเราไปดูกันดีกว่าว่า ผันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง หรือ ฝันเห็นคนท้อง 2 คน ความหมายดี หรือร้ายต่างกันอย่างไรนะ

ทำนายฝัน ฝันเห็นคนท้อง

ทำนายว่า ต้องระวังเป็นพิเศษกับเรื่องสุขภาพของผู้ใหญ่ที่จะไม่ค่อยปกติและเป็นเหตุ ให้ท่านกังวลใจ ระวังเรื่องอารมณ์ของคุณให้ดี เพราะมันจะนำมาซึ่งความเลวร้าย ระวังเรื่องเดือดร้อนอันเกิดจากเพศตรงข้าม

ความรัก คนที่คุณแอบชอบมักมีคนมารุมชอบมากมาย คราวนี้ถึงเวลาที่คุณต้องแข่งขันช่วงชิงคะแนนได้แล้ว คนที่มีคู่แล้วต้องใจเย็น อย่าหมางเมินกัน หมั่นเติมความรักด้วยคำหวาน ๆ วันละนิด ต้องหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดชนวนแห่งความขัดแย้ง

ดวงการเงิน การงาน การทำงานร่วมกับพรรคพวกต้องใช้สติกับมิตรภาพมากเป็นพิเศษ และงานจะลุล่วงผ่านพ้นไปด้วยดี ระวังจะเกิดความผิดพลาดจากน้ำมือของคุณเพราะว่าไปหลงเชื่อคนผิด ภาระรับผิดชอบในหน้าที่การงานทำให้จำต้องสละแผนการพักผ่อนกระทันหัน

เลขมงคล เด่นนำโชค 0 2 3 4

เลขมงคล เด่นรอง 63 255 599

ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ความหมายคือ
ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ความหมายคือ

ฝันว่าตัวเองท้องใกล้คลอด

ทำนายว่า คุณจะมีโชคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองอย่างไม่ขาดสาย เร็ว ๆ นี้ คุณมีดวงที่จะต้องเดินทางไกล มีแต่คนคอยสร้างปัญหาให้คุณอยู่เสมอ

ความรัก คนโสดมีเกณฑ์ได้พบกับการเริ่มต้นใหม่ในเรื่องความสัมพันธ์กับมิตรต่างเพศ คนที่มีคนรู้ใจจะมีเรื่องของบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ช่วงนี้หากคุณคิดจะมีกิ๊กระวังจะโดนจับได้

ดวงการเงิน การงาน การตัดสินใจของคุณจะเป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้างเป็นอย่างดี แต่ต้องใช้สติให้ดี มีการขัดแย้งกันในทีมงานถึงขั้นแตกแยกท่านจะร้อนใจเพราะลูกน้องลูกจ้างหรือบริวาร ช่วงนี้เงินทองหามาด้วยความยากลำบากจึงไม่ควรใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น

เลขมงคล เด่นนำโชค 1 4 6

เลขมงคล เด่นรอง 01 58 60 52 375

ฝันเห็นคนท้องใกล้คลอด

ทำนายว่า จะมีโชคอยู่ทางทิศตะวันออก มาจากคนผิวสองสี ให้ระวังเรื่องสุขภาพและอาการเจ็บป่วยอย่างไม่คาดคิดมาก่อน คุณระวังควรควบคุมวาจาอย่าพลั้งปากพูดอะไรแบบไม่คิด

ความรัก คนโสดอาจจะมีเรื่องรักซ้อนเข้ามาสอดแทรกให้ยุ่งยากใจได้ คุณจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคนนิสัยดี จิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีดวงว่าคนรักของคุณจะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคนที่คุณสงสัยนั่นแหละ

ดวงการเงิน การงาน หากมีโอกาสลงทุนทำธุรกิจของตนเองจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ใครที่รอผลการสัมภาษณ์งานจะมีเกณฑ์ดีได้เซ็นต์สัญญา การจ้างงานเกิดขึ้น สำหรับคนที่ทำอาชีพค้าขาย หรือทำธุรกิจส่วนตัวในเดือนนี้เป็นเดือนที่กำไรงาม มีเกณฑ์ได้ขยับ ขยายกิจการ

เลขมงคล เด่นนำโชค 0

เลขมงคล เด่นรอง 09 98 96 944 325 561

ฝันเห็นคนท้อง 2 คน ทำนายฝัน
ฝันเห็นคนท้อง 2 คน ทำนายฝัน

ฝันเห็นคนรู้จักตั้งท้อง

ทำนายว่า คุณต้องระวังเคราะห์ร้ายที่จะเกิดแก่คนที่อายุน้อยที่สุดภายในบ้าน จะมีเรื่องร้อนใจหรือไม่สบายใจที่มาจากพี่น้องของคุณเอง มีเหตุวิกฤตเกิดขึ้เล็กน้อย ทำให้กิจวัตรประจำวันไม่ราบรื่น

ความรัก คนที่คุณรักดูเหมือนจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนอื่น ๆ ด้วย ความรักหากมีปัญหากันก็ต้องค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จา อย่าด่วนตัดสินใจพูดอะไรโดยไม่คิด เพราะจะทำให้คุณมานั่งเสียใจภายหลัง ความรักของคุณค่อนข้างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าคุณจะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งแฟนหรือกิ๊กกันแน่

ดวงการเงิน การงาน ช่วงนี้งานที่ทำหรือได้รับมอบหมายจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่ติดขัดอะไร มีเกณฑ์ว่าคุณจะได้ทำงานที่ไม่จำเจ หรือได้รับผิดชอบงานที่ใหญ่ ขึ้นใช้ความสามารถมากขึ้น ช่วงนี้จะลงทุนก็ขอให้หาคนที่ สนิทจริง ๆ มาปรึกษาหารือ ไม่ควรนำ ความในไปเล่าให้คนนอกกลุ่มฟังจะเกิดเรื่องหมางใจกัน

เลขมงคล เด่นนำโชค 0 6

เลขมงคล เด่นรอง 02 19 63 89 57 748

ฝันเห็นคนท้องคลอดลูก

ทำนายว่า จะมีเหตุให้ต้องเดินทางไปธุระหลายแห่งจนแทบไม่มีโอกาสหยุดพัก จะมีคนมาเล่าเรื่องราวความทุกข์คุณให้เห็นใจและให้คุณช่วยแก้ปัญหา ช่วงนี้ระวังศัตรูคู่แข่งของคุณจ้องจะทำร้ายคุณอยู่

ความรัก ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นในกันและกันทั้งสองฝ่าย ความสุขจะบังเกิดกับคุณทันที ผู้ที่มีคนรักแล้วจะได้ของขวัญที่ถูกใจจากคนรัก คนรักก็เอาใจเก่ง พูดจาหวานหู ดูแล้วน่าอิจฉาจัง ความรักของคุณค่อนข้างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าคุณจะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งแฟนหรือกิ๊กกันแน่

ดวงการเงิน การงาน เงินพิเศษจะมีเข้ามาเรื่อยๆ จากงานเดิมๆ เพราะด้วยความสามารถและผลงานของคุณที่ได้รับการยอมรับ ใครที่เรียกร้องความยุติธรรมด้านการเงินให้ตัวเองอยู่จะมีผู้ใหญ่ช่วยเจรจาให้ และได้รับความเห็นใจ ธุรกิจต้องอาศัยผู้ใหญ่คอยเป็นที่ปรึกษาหรือดูแลผลประโยชน์ให้ งานจึงจะไปได้ดี

เลขมงคล เด่นนำโชค 0 1 2 7 9

เลขมงคล เด่นรอง 67 77 434

ความฝันบ่งบอกอะไรเรา ฝันเห็นคนท้อง
ความฝันบ่งบอกอะไรเรา ฝันเห็นคนท้อง

ฝันเห็นคนท้อง 2 คน 

ใครที่คิดจะซื้อของ หรือขยับขยายทำธุรกิจก็ให้รีบทำเพราะโอกาสกำลังดี จะมีงานสังสรรค์กับญาติมิตร อยู่ในช่วงเวลาของความลุ่มหลง รักสนุก พบปะเฮฮา สังสรรค์

ความรัก คนโสดยังลงหลักปักฐานกับใครไม่ได้ เพราะคนที่เข้ามามักจะมีข้อเสียที่คุณรับไม่ได้ งั้นต้องอดทนรอต่อไป จะมีญาติผู้ใหญ่เป็นแม่สื่อช่วยผลักดันให้คุณลงเอยกับคนที่คุณชอบ คนมีคู่ความรักของคุณค่อนข้างจะห่างเหิน ไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่นัก

ดวงการเงิน การงาน มีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนงาน ออกจากงาน บางทีถึงขั้นเปลี่ยนอาชีพไปเลยก็ได้ เรื่องการงานอาจมีเรื่องต้องคอยแก้ปัญหาอยู่บ่อย ๆ  ไม่จบสิ้น จะมีเกณฑ์การเดินทางด้วยเรื่องของงาน และจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ว่าด้วยเรื่องฤกษ์ยาม

ไหนจะมาสายมูกันแล้ว จะไม่ดูฤกษ์ ดูยามกันได้อย่างไร คำทำนายความฝันนั้น นอกจากจะตีความจากเรื่องที่ฝันแล้ว การจะลงลึกลงไปเพื่อความแม่นยำกันไปอีกนั้น คงต้องมองถึงเรื่องที่ว่า ความฝันนั้นเกิดขึ้นในวันใด เวลาเท่าไหร่ ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงความแม่นยำเพิ่มขึ้นไปได้อีกนะ

ฝันช่วงเวลาไหน วันใด ก็มีผลต่อคำทำนายนะ
ฝันช่วงเวลาไหน วันใด ก็มีผลต่อคำทำนายนะ

ฝันในวันไหน จะมีอิทธิพลกับใครบ้าง?

วันและช่วงเวลาที่ฝันล้วนแต่ส่งผลกับคำทำนายฝันนั้น ๆ ดังนั้นก่อนที่จะไปดูคำทำนายฝัน ให้นับวันและเวลาที่ฝันก่อนว่าฝันในช่วงเวลาใด ความฝันนั้นมีอิทธิพลกับใครบ้าง และแม่นยำแค่ไหน ดังนี้

  • ฝันวันอาทิตย์ ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนฝูงทั่วไป
  • ฝันวันจันทร์ ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่ญาติสนิท และเพื่อนที่สนิทสนม
  • ฝันวันอังคาร ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่บิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่ในบ้าน
  • ฝันวันพุธ ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่สามีภรรยา หรือบุตรหลานในบ้าน
  • ฝันวันพฤหัสบดี ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่ครูบาอาจารย์ หรือผู้บังคับบัญชา
  • ฝันวันศุกร์ ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่คนในบ้าน หรือสัตว์เลี้ยง
  • ฝันวันเสาร์ ดีร้ายในความฝัน จะได้แก่ตัวผู้ฝัน

ฝันเวลาไหน จะแม่นที่สุด

ฝันตอนกลางวัน

ฝันในขณะที่หลับกลางวัน นอกจากเป็นการบอกเหตุจากพระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านผีเรือน หรือครูบาอาจารย์แล้ว อาจเป็นแค่ควารู้สึกนึกคิดของผู้ฝันเอง อาจบอกเหตุล่วงหน้าได้หรือไม่ ไม่เป็นที่แน่ชัด หรือแน่นอน

ฝันตอนหัวค่ำ เวลา 18.00 – 22.00 น.

ความฝันนี้หากเป็นล่างบอกเหตุล่วงหน้า ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะเป็นช่วงราว ๆ ครึ่งปีนับจากวันที่ฝัน

ฝันตอนดึก เวลา 22.00- 02.00 น.

ความฝันนี้หากเป็นล่างบอกเหตุล่วงหน้า ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะเป็นช่วงราว ๆ 1-3 เดือนนับจากวันที่ฝัน

ฝันตอนรุ่งสาง เวลา 02.00 ไปแล้วถึงสว่าง

ความฝันนี้หากเป็นล่างบอกเหตุล่วงหน้า ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะเกิดภายใน 3-15 นับจากวันที่ฝัน

ฝันว่าตัวเองท้องใกล้คลอด
ฝันว่าตัวเองท้องใกล้คลอด

เป็นอย่างไรกันบ้าง คงเพิ่มความสบายใจ มั่นใจกันไปบ้างแล้ว สำหรับคำทำนายฝันที่ ฝันเห็นคนท้อง ฝันเกี่ยวกับคนท้อง แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมกันนะว่า คำทำนายก็คือคำทำนายนะจ๊ะ คงไม่ใช่ลายแทงที่จะทำให้ชีวิตเราต้องดำเนินตามนั้น 100% เพราะชีวิตเราก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่มีใครรู้ดีถึงชีวิตเราได้ดีเท่าตัวเราเองนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thailandhoro.comhoroscope.mthai.com ,today.line.me 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ฝันว่าได้อุ้มทารกแรกเกิด ใครฝันแบบนี้รู้ไว้กำลังมีโชค!

ทำนายฝันแม่ ๆ ฝันแบบนี้ได้ลูกชายหรือลูกสาว?

แม่ท้อง ฝันว่าคลอดลูก เป็นลางดีหรือร้ายแล้วคนไม่ท้องล่ะ

ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

10 เมนูปลา

10 เมนูปลา สูตรอร่อยเน้นบำรุงสมองสำหรับลูกน้อยโดยเฉพาะ (เริ่ม 6 เดือน+)

event
10 เมนูปลา
10 เมนูปลา

แจก 10 สูตรอร่อยทำง่าย เมนูปลา อาหารจากเนื้อปลา สำหรับลูกน้อยตั้งแต่วัย 6 เดือนขึ้นไป เน้นบำรุงสมอง เสริมความจำดีเยี่ยม ให้ลูกน้อยโดยเฉพาะ!

10 เมนูปลา สูตรอร่อย เน้นบำรุงสมองลูกน้อยโดยเฉพาะ!

ลูกกิน เมนูปลา ได้ตอนกี่เดือน

เมื่อลูกน้อยอายุได้ 6 เดือน ก็จะสามารถเริ่มหัดกินอาหารเสริมอื่นๆ ที่ไม่ใช่นมแม่ได้แล้ว จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนอาจสงสัยว่าควรให้ลูกกินอะไรก่อนดี ระหว่าง >> หมู ไก่ หรือ ปลา !!?

ซึ่งการทำเมนูอาหารมื้อแรก ๆ ที่ลูกจะได้ลองชิมก่อน ควรเริ่มจากข้าวผสมนมแม่ ตามด้วยผัก และเนื้อสัตว์ โดยการให้อาหารแต่ละชนิด ควรเริ่มจากทีละน้อย เช่น 1 ช้อนก่อน และค่อย ๆ เพิ่มวัตถุอื่นๆ เข้าไปเพื่อสังเกตและป้องกันการแพ้อาหารของลูกน้อย โดยคุณแม่ควรให้ลูกกินเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายและบดง่ายอย่างเนื้อปลา เมนูอาหารจากปลา ก่อน ถัดไปค่อยเป็น เนื้อไก่ และหมู

สิ่งสำคัญคือ ก่อนลูก 1 ขวบ ควรเลือกปลาน้ำจืดให้ลูกกินก่อนปลาทะเล เพื่อป้องกันลูกแพ้อาหารทะเลนั่นเอง ซึ่งจากการศึกษาในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 1 ขวบ จำนวน 7,000 คน พบว่า เด็กที่กินปลาเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดได้ถึง 36% เพราะ “ปลา” มีสารอาหารสำคัญอย่างกรดไขมันโอเมก้า-3 และวิตามินดี และมีส่วนสำคัญในกระบวนการการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อยในวัยนี้ด้วย นอกจากนี้เนื้อปลายังนุ่มและเคี้ยวง่าย จึงเหมาะกับการเป็นอาหารเสริมมื้อแรกของลุกน้อยได้อย่างดี

Must read >> รวม 15 ปลาไทย โอเมก้า 3 สูง กินแล้วฉลาด ความจำดี

10 เมนูปลา

ทั้งนี้ เมนูปลา หรือ อาหารจาก ปลาสําหรับทารก 6 เดือน คุณแม่เลือกปลาที่มีก้างน้อยและหนังบาง มานึ่งให้สุก แล้วบดหรือยีเนื้อปลาให้ละเอียด จากนั้นนำมาโรยลงบนข้าว โจ๊ก หรืออาหารที่ลูกกินประจำ แค่นี้ลูกน้อยก็ได้รับสารอาหารดีๆ จากปลาแล้ว … ซึ่งสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าเทคนิคการปรุงอาหาร เมนูปลา ก็คือ การเลือกซื้อปลาที่สด สะอาด ถ้าเป็นปลาทะเลต้องใส่ใจเรื่องสารเคมีที่แช่มาขณะขนส่งด้วย ท่องให้ขึ้นใจว่าปลายิ่งสดเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ

และสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากทำเมนูอาหารจากเนื้อปลาให้ลูกน้อยได้กิน แต่ไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไรดี!? ทีมแม่ ABK จึงมี 10 เมนูปลา พร้อมวิธีทำแสนง่าย มาฝาก ขอบอกเลยว่าเป็นสูตรอร่อย ทำง่าย แถมเน้นบำรุงสมองสำหรับลูกน้อย ตั้งแต่วัย 6 เดือนขึ้นไป จะมีเมนูใดบ้าง ตามมาดูกันเลย

เมนูปลาสําหรับทารก 6 เดือน ซุปข้าวกล้องบดตำลึงปลาช่อนนา

10 เมนูปลา

“ซุปข้าวกล้องบดตำลึงปลาช่อนนา ครบครับคุณประโยชน์ และความเป็นออร์แกนิก”

ใช้เวลาเตรียมและทำ 20 นาที ส่วนผสมสำหรับ 1 ที่

  • ข้าวกล้องออร์แกนิกบดละเอียด 5 ช้อนโต๊ะ
  • ใบตำลึงออร์แกนิก 15 ใบ
  • ปลาช่อนนา 3 ขีด
  • เกลือทะเลเล็กน้อย
  • ซีอิ้วขาวออร์แกนิกเล็กน้อย
  • *น้ำสต๊อกผักออร์แกนิก 2 ถ้วย
    *ต้มไก่บ้านและผักออร์แกนิกหลากหลายชนิด เพิ่มความหวานตามธรรมชาติด้วยการใส่ข้าวโพดลงไปต้ม จนผักทุกชนิดนิ่มจึงกรองเอาแต่น้ำซุปมาปรุงอาหาร

 วิธีทำ

  • เด็ดใบตำลึง ล้างให้สะอาดทีละใบ พักไว้
  • ล้างปลาช่อนนาให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้
  • นำปลาช่อนนา และตำลึงลงไปต้มในน้ำสต๊อกผักออร์แกนิกจนสุก
  • เติมข้าวกล้องบดลงไปต้มด้วย เคี่ยวจนสุก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดลงไปปั่นละเอียด
  • นำมาตั้งไฟอีกครั้งจนเดือด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวออร์แกนิกและเกลือทะเลเล็กน้อย

 

มันบดปลาซอสผักโขม เมนูจากเนื้อปลา สำหรับ ลูกวัย 8 เดือน++

10 เมนูปลา

มัดบด ปลา และ ผักโขม ส่วนผสมที่ลงตัวทั้งรสชาติและคุณประโยชน์ที่มากมาย

ใช้เวลาปรุง 15 นาที ส่วนผสมสำหรับ 2 ที่

  • มันฝรั่ง (นึ่งสุกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 4 ช้อนโต๊ะ
  • ปลาแซลมอน (นึ่งสุก) 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมที่ลูกดื่ม 100 มิลลิลิตร

วิธีทำ : นำมันฝรั่ง ปลา และนมมาปั่นรวมกันให้ละเอียด ตักใส่ชาม พักไว้

ส่วนผสมซอส

  • ใบผักโขมม่วง (ลวกสุก) 1  ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด (ผสมกับน้ำเล็กน้อย) 2 ช้อนชา
  • น้ำซุป200 มิลลิลิตร

วิธีทำ

  • นำน้ำซุปปั่นกับผักโขมให้ละเอียด แล้วนำมาตั้งไฟ เมื่อเดือดใส่น้ำแป้งข้าวโพด คนให้เข้ากันจนกระทั่งข้นเล็กน้อย
  • นำน้ำซอสราดหน้าบนส่วนผสมที่ 1 ที่เตรียมไว้แล้ว พร้อมเสิร์ฟ

 

ซูชิโรลไส้ปลาสุก เมนูปลา สำหรับเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป

10 เมนูปลา

เมนูน่าสนุกที่เด็กๆ หยิบเข้าปากเองได้ ซูชิชิ้นเล็กพอกำลังดี แถมตกแต่งน่ากิน รับรองหมดจาน ใช้เตรียม 10 นาที ปรุง 20 นาที ส่วนผสม สำหรับ 3 – 4 ที่

  • ข้าวญี่ปุ่น 1  ถ้วย
  • น้ำเปล่า2  ถ้วย
  • น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว1  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น½ ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อปลาแซลมอนหั่นเต๋าเล็ก1 ถ้วย
  • โชยุ1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช1 ช้อนโต๊ะ
  • แครอทลวกหั่นเต๋าเล็ก ¼  ถ้วย
  • แตงกวาญี่ปุ่นหั่นเต๋าเล็ก ¼  ถ้วย
  • มายองเนส ¼  ถ้วย
  • สาหร่ายสำหรับทำซูชิ 4  แผ่น
  • ซอสทงคัตซึและงาขาว

วิธีทำ

  • หุงข้าวญี่ปุ่นกับน้ำให้สุก ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือและน้ำเปล่า เทลงคนผสมกับข้าวขณะยังร้อนๆอยู่ พักไว้ให้เย็นสนิท
  • หมักปลาแซลมอนกับโชยุและน้ำมันพืช ประมาณ 15 นาที นำไปผัดให้สุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็นสนิท แล้วผสมกับ แครอทลวก แตงกวาญี่ปุ่นและมายองเนส
  • ห่อเสื่อสำหรับม้วนซูชิด้วยพลาสติกแร็ปให้ทั่ว วางแผ่นสาหร่ายหงายด้านที่ขรุขระขึ้น ตักข้าวเกลี่ยบางๆให้ทั่ว ตักส่วนผสมปลาแซลมอนวางบนข้าวที่ขอบด้านยาวฝั่งใกล้ตัว ม้วนซูชิออกจากตัวให้แน่น(ควรดูคลิปการม้วนซูชิประกอบจะเข้าใจมากขึ้น)
  • ตัดแบ่งด้วยมีดคมๆเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน ราดซอสทงคัตซึ โรยงาขาว

♥ Cooking Tip ♥ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวจะมีกลิ่นค่อนข้างอ่อน ไม่ฉุน เมื่อผสมลงในข้าวจะช่วยยืดอายุให้บูดช้าลง และยังช่วยเพิ่มรสชาติให้ข้าวด้วย

 

แฮมเบอร์เกอร์ปลาก้อน เมนูปลา สำหรับเด็กวัย 2 ขวบ++

10 เมนูปลา

ใช้เวลาในการปรุง 20 นาที ส่วนผสมสำหรับ 2 ที่

  • เนื้อปลาทูน่า ลอกหนังออก150 กรัม
  • หอมใหญ่สับละเอียด3 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ
  • ไธม์อบแห้ง ¼  ช้อนชา
  • เกลือป่น เล็กน้อย
  • เนยสดชนิดเค็ม 1-2  ช้อนโต๊ะ
  • ขนมปังแฮมเบอร์เกอร์โฮลวีตขนาดเล็ก 6  ชิ้น
  • เชดด้าชีสแผ่น2 แผ่น
  • มายองเนส2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักกาดแก้วหั่นหยาบ หรือผักกาดหอม ⅓ ถ้วย
  • ซอสมะเขือเทศ สำหรับเสิร์ฟคู่กัน

วิธีทำ

  • ลวกเนื้อปลาให้สุก นำไปบดรวมกับหอมใหญ่ ข้าวโอ๊ต ไธม์ และเกลือ เสร็จแล้วปั้นเป็นก้อน พักไว้
  • ตั้งกระทะเทฟลอนไฟกลาง ใส่เนยลงไปรอให้ร้อน วางเนื้อปลาที่ปั้นไว้ลงทอดให้หอมเกรียมทั้งสองด้าน ตักขึ้นใส่จาน วางชีสลงด้านบน พักไว้
  • ผ่าครึ่งขนมปังตามขวาง แล้ววางด้านที่ผ่าลงบนกระทะใบเดิม ย่างให้หอม แล้วตักขึ้นใส่จาน ทามายองเนสให้ทั่วขนมปังชิ้นล่าง วางผักกาดแก้วลงไป ตามด้วยเบอร์เกอร์ปลา และปิดท้ายด้วยขนมปังชิ้นบนสุด
  • จัดเสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศ หรือซอสชนิดอื่นตามชอบ

 

แซนวิชปลาย่าง กับน้ำสลัดฟักทอง เมนูปลา สำหรับเด็กวัย 2 ขวบ++

10 เมนูปลา

“แซนวิชสอดไส้ปลาย่าง กินกับน้ำสลัดฟักทอง กลิ่นหอมๆ มากับรสชาติอร่อยๆ” ใช้เวลาเตรียมและทำ 20 นาที
ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

  • ขนมปังโฮลวีตออร์แกนิก 2 แผ่น (เลือกชนิดตัดขอบ)
  • ปลาทู1 ตัว
  • ฟักทอง½ กิโลกรัม
  • น้ำตาลทรายแดงออร์แกนิก 200 กรัม
  • น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ออร์แกนิก2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือทะเลเล็กน้อย
  • ผักสลัดออร์แกนิก ½ ถ้วย

วิธีทำ

  1. ละลายน้ำตาลทรายแดงกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ พักไว้
  2. ต้มฟักทองให้เปื่อย แล้วบดฟักทองให้ละเอียด
  3. นำฟักทองที่บดละเอียด ใส่ลงในน้ำตาลทรายแดงที่ละลายแล้ว
  4. ค่อยๆเทน้ำมันมะกอกลงไป คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือทะเลเล็กน้อย พักไว้
  5. นำปลาทูไปย่าง แล้วยีเนื้อปลาให้ละเอียด
  6. ผสมเนื้อปลาทูกับน้ำสลัดฟักทองเข้าด้วยกัน แล้วนำไปทาบนขนมปัง (จะปิ้งหรือไม่ปิ้งก็ได้) ตกแต่งด้วยผักสลัดหรือผักอื่นๆ ตามที่ลูกชอบ

ดูต่ออีก 5 เมนูปลา เมนูอาหารเด็ก วัย 2 ขวบขึ้นไป
พร้อมคลิปวิดีโอ วิธีทำ คลิกที่ภาพได้เลยค่า

“ซุปใสปลา” สุดยอดเมนูปลา อาหารอ่อนเพิ่มพลังหลังลูกป่วย

แจกสูตร “ปลาอบวุ้นเส้น” เมนูบำรุงสมอง ลูกรัก โดยเฉพาะ!

คลิปเมนูข้าวต้มปลาทู อาหารบำรุงสมองลูก เสริมความจำดีเยี่ยม!

เผยสูตรดี “ข้าวผัดปลาทู โอเมก้า 3 สู๊ง..สูง” อาหารบำรุงสมองให้ลูกฉลาด (มีคลิป)

คลิปอาหารอร่อย “ข้าวผัดปลาแซลมอน” สูตรดีเมนูบำรุงสมอง เพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ!

เอพี ไทยแลนด์ ส่งแคมเปญใหญ่ “ลดเพื่อชาติ” 11 คอนโดพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้า คัดสรรยูนิตที่ดีที่สุด จัดเต็มสิทธิพิเศษ เริ่มเพียง 1.49 ล้านบาท

Alternative Textaccount_circle
event

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) จัดแคมเปญใหญ่ “ลดเพื่อชาติ” กระตุ้นดีมานด์ไตรมาสสอง หลังโมเมนตัมตลาดเริ่มส่งสัญญาณบวก พร้อมเดินหน้าต่อเนื่องแบ่งเบาภาระและสนับสนุนให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของคอนโดเครือเอพีได้ง่ายขึ้น โดยคัดสรรยูนิตสวยจากคอนโดพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้าแบรนด์ LIFE และ ASPIRE กว่า 11 โครงการทั่วกรุงเทพฯ เพียงจอง 4,999 บาทเข้าอยู่ได้เลย ส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมายแบบไม่ต้องลุ้น ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 – 10.7 ล้านบาท คุ้มค่าทั้งการอยู่อาศัยและต่อยอดการลงทุนในอนาคต เพียงจองและโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันนี้ – 30 มิ.ย. นี้เท่านั้น 

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “เอพีพร้อมเดินหน้าต่อเนื่องนำเสนอแคมเปญใหญ่ภายใต้ชื่อ “ลดเพื่อชาติ” มุ่งสนับสนุนให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของคอนโดเครือเอพีได้ง่ายขึ้น ด้วยการมอบประโยชน์ สูงสุดคืนกำไรให้แก่ลูกค้าหรือนักลงทุนที่มองหาที่อยู่อาศัยทำเลติดรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ในแพ็คเกจราคาที่คุ้มค่าสามารถต่อยอดได้ ทั้งการอยู่อาศัยในวันนี้หรือการลงทุนในอนาคต โดยเอพีได้คัดสรรยูนิตที่ดีที่สุด ห้องมุม วิวสวย ชั้นสูง จากคอนโดพร้อมอยู่แบรนด์ LIFE และ  ASPIRE กว่า 11 ทำเลติดรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ในหลากหลายขนาดตั้งแต่สตูดิโอ ห้องชุด 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอน (ขนาดพิเศษ) ไปจนถึงห้องชุด 2 ห้องนอน โดยทุกเลย์เอ้าท์ชูจุดเด่นสเปซฟังก์ชั่นภายใน ที่สามารถปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่น พร้อมที่จะเติบโตไปตามผู้อยู่อาศัยได้จริง ในราคาเริ่มต้นที่คุ้มค่า พร้อมมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและส่งเสริมให้ทุกคนสามารถมีคอนโดฯ เป็นของตนเองได้ในช่วงเวลานี้”

“ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และหากไม่เกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง เอพีคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ และความเชื่อมั่นของลูกค้าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้ในไตรมาสสอง สังเกตได้จากโมเมนตัมจำนวนลูกค้าเยี่ยมชมโครงการและยอดขายคอนโดเครือเอพีตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ เพิ่มขึ้นกว่า 75% หากเทียบกับยอดขายคอนโดเดือนมีนาคม โดยเฉพาะการตอบรับที่ดีจากคอนโดพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้าแบรนด์ LIFE และ ASPIRE จากปัจจัยความสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่ของโครงการ และแพ็คเกจราคาขายที่ลูกค้าสามารถจับต้องและต่อยอดการลงทุนในอนาคตได้จริง” นายวิทการ กล่าวเสริม

ทั้งนี้ เอพีฯ ได้ยกระดับการทำงานสู่การสร้างมิติใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า พร้อมทั้งนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการซื้อขายคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ LIFE และ ASPIRE ทั้ง 11 โครงการในแคมเปญ “ลดเพื่อชาติ” ผ่านทุกช่องทางการติดต่อ ทั้ง Experiential Technology ช่องทางพิเศษที่จะเข้ามาดูแลแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ให้คำแนะนำโครงการ รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ  AP vTOUR – แพลตฟอร์มการเยี่ยมชมทุกพื้นที่ในโครงการแบบเสมือนจริงพร้อมการดูแลและการให้คำแนะนำในการอยู่อาศัยแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการนัดหมายล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ APTHAI.COM และ Line Official Account @APThai – ช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถติดต่อและสนทนาเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ โดยยังเพิ่มช่องทางเข้าถึงได้ง่ายขึ้นผ่าน  AP Facebook LIVE – ไลฟ์สดเผยโฉมยูนิตไฮไลท์พิเศษ พร้อมกับมุมมองการซื้อที่อยู่อาศัยจาก Influencer ชื่อดังผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกซื้อคอนโด พร้อมมอบส่วนลดเพิ่มพิเศษสูงสุดถึง 30,000 บาท ให้กับผู้ร่วมติดตาม หรือผ่านระบบ Call Center 1623 เป็นต้น  

แคมเปญ “ลดเพื่อชาติ” โดย เอพี ไทยแลนด์ คัดสรรยูนิตคุณภาพที่ดีที่สุด จากคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ LIFE และ ASPIRE รวมทั้งสิ้น 11 โครงการใจกลางเมือง ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 – 10.7 ล้านบาท จองเพียง 4,999 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท และข้อเสนอพิเศษรายโครงการอีกมากมาย ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าแบบพร้อมอำนวยความสะดวกในการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมเครือเอพีได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ ฟรีค่าจดจำนอง ฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีชุดเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบชุด เป็นต้น ความพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าที่จองและโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันนี้ – 30 มิ.ย. นี้เท่านั้น สอบถามข้อมูล เพิ่มเติม apthai.com/condo หรือ โทร 1623

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’  ที่เติมเต็มทุกเป้าหมายของชีวิต
ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย

พาหะนำโรค หน้าฝน

5 พาหะนำโรค หน้าฝน ภัยร้ายต่อสุขภาพลูกน้อย

Alternative Textaccount_circle
event
พาหะนำโรค หน้าฝน
พาหะนำโรค หน้าฝน

พาหะนำโรค หน้าฝน อีกหนึ่งเรื่องสุขภาพของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังกันให้มากเป็นพิเศษ เพราะบ้านเราช่วงนี้ เชื้อโรค เชื้อไวรัสอันตรายรอบด้าน แต่ถ้าเรารู้เท่าทันก็สามารถที่จะรับมือ และป้องกันได้ค่ะ ทีมแม่ABK มี 5 พาหะนำโรคที่ซ่อนไว้ด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับลูกรักของทุกครอบครัว มาให้ได้รู้พร้อมกันค่ะ

 

พาหะนำโรค หน้าฝน ที่อยู่ใกล้ตัว !?

เพื่อให้คุณแม่ได้ดูแลลูกน้อยได้อย่างปลอดภัยในช่วงหน้าฝนนี้ เรามาทำความรู้จักกับ 5 พาหะนำโรค หน้าฝน ยอดฮิตที่ควรต้องอยู่กันให้ห่างที่สุด เพื่อจะได้ไม่เจ็บป่วย ไม่สบายจาก พาหะนำโรค เหล่านี้ค่ะ

แมลงก้นกระดก

1. แมลงก้นกระดก

เห็นสีสวยๆ ของแมลงก้นกระดก คุณแม่และเด็กๆ อย่างเผลอไปสัมผัสเข้านะคะ เพราะเจ้าแมลงชนิดนี้แฝงไปด้วยพิษสงร้ายแรงมากค่ะ  ลักษณะของเจ้าแมลงก้นกระดกนี้ จะมีลักษณะลำตัวเป็นปล้อง ๆ สีดำสลับกับสีแดงหรือสีแดงอมส้ม เมื่อสัมผัสกับตัวแมลง มันจะปล่อยของเหลวออกมาทำให้ปวดแสบปวดร้อน  มีอาการคัน ผิวไหม้ ผื่นแดง และเป็นตุ่มน้ำ

วิธีป้องกันอันตรายจากแมลงก้นกระดก

  • ห้ามตีหรือขยี้ด้วยมือเปล่า ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษเขี่ยแมลงออกไป
  • ควรติดมุ้งลวด และกางมุงนอน
  • หากกำจัดแมลงก้นกระดกด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง แนะนำให้กวาดซากแมลงใส่ถุง มัดปากถุงให้สนิท เพราะถึงจะเสียชีวิตแล้ว แต่ยังจะปล่อยพิษออกมาได้ค่ะ อืม…ร้ายจริงๆ แมลงก้นกระดก

วิธีการปฐมพยาบาล ในกรณีที่สัมผัสแมลงและมีอาการ ให้จุ่มหรือแช่บริเวณนั้นในน้ำเย็น 5-10 นาที สลับกับการเป่าให้แห้งหากมีอาการอักเสบร้ายแรง รีบพบแพทย์ทันที

กิ้งกือ

2. กิ้งกือ

พูดเลยว่าทีมแม่ABK ขยาดมากๆ กับกิ้งกือ ช่วงหน้าฝนจะออกมาเยอะเลยค่ะ คุณแม่กับเด็กๆ เดินต้องมองระวังที่พื้นกันด้วยนะคะ อย่าเผลอไปเหยียบ หรือสัมผัสโดนนะคะ เพราะพิษที่กิ้งกือปล่อยออกมา ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นปวดแสบ ปวดร้อน ผิวหนังไหม้ เป็นแผลพุพองขึ้นได้ค่ะ ยิ่งกับคนที่แพ้พิษ อาจอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ

วิธีการป้องกันไม่ให้กิ้งกือเข้าบ้าน

ให้ปรับสภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน ด้วยการกำจัดกองใบไม้ เล็มหญ้าให้สั้น ให้แดดส่องถึงพื้น และอุดรอยร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้กิ้งกือคลานเข้าบ้าน

วิธีรักษาพิษจากกิ้งกือเบื้องต้น

  • ให้ล้างผิวด้วยน้ำมาก ๆ และทายาฆ่าเชื้อโรค
  • หากสารพิษเข้าตา จะทำให้ตาอักเสบ น้ำตาไหลมาก ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและหยอดยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด

แมลงสาป

3. แมลงวันและแมลงสาบ

ไม่ว่าจะแมลงวัน หรือแมลงสาบ ต่างก็เป็น พาหะนำโรคที่ทีมแม่ABK อยากจะให้คุณแม่และเด็กๆ อยู่ให้ห่าง อย่าได้ไปสัมผัสโดนกันนะคะ  ความร้ายกาจของ “แมลงวัน” คือเป็นพาหะนำโรคที่ติดต่อผ่านอาหารได้ เช่น บิดมีเชื้อ ไข้รากสาด อาหารเป็นพิษอหิวาตกโรค รวมถึงโรคผิวหนัง และผลเรื้อรัง เช่น คุดทะราด และโรคเรื้อน  ส่วน “แมลงสาบ”  นี่ก็เป็นพาหะนำโรค เช่น โปรโตซัว แบคทีเรีย และไวรัสถึง 40 ชนิด รวมถึงเชื้อรามีพิษ และไข่พยาธิอีกมากมาย

วิธีป้องกันแมลงวัน และแมลงสาบ

  • ทำความสะอาดบ้าน ปิดอาหารมิดชิด เก็บกวาดเศษอาหารและขยะให้เรียบร้อย
  • หากใช้สารเคมีและเหยื่อพิษ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังตามเอกสารคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ยุงลาย

4. ยุงลาย

อย่างที่รู้กันค่ะว่า ยุงลาย เป็นหนึ่งใน พาหะนำโรค หน้าฝน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะเมื่อเด็กๆ ถูกยุงลายกัด  ก็เสียงต่อการป่วยด้วยโรไข้เลือดออก ที่เริ่มจะทวีความรุนแรงจนถึงขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ค่ะ

วิธีป้องกันยุงลาย

  • เก็บขยะและคว่ำภาชนะที่มีน้ำขัง ปิดโอ่งน้ำ ถังน้ำ ให้มิดชิด
  • เปลี่ยนถ่ายน้ำในแจกัน กระถาง ทุกสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการโดนยุงกัด ด้วยการติดตาข่ายหรือมุ้งลวด กางมุ้งนอน หรือทายากันยุง เป็นต้น

หนู

5. หนู

หน้าฝนหนูบ้านที่อยู่ตามโพลง ตามกองขยะ มักออกมาวิ่งกันพล่านเลยค่ะ หนูจะมี พาหะนำโรค เช่น โรคฉี่หนู ซึ่งหากป่วยแล้วก็อันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ

วิธีการป้องกัน

  • ไม่เดินย่ำ หรือในที่ที่มีน้ำท่วมขัง ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใส่รองเท้าบูทยาง ถุงมือยาง เป็นต้น
  • ฉีดวัคซีนให้สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันโรค และไม่สัมผัสสัตว์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หรืออาจเป็นพาหะ
  • กำจัดหนู และปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของหนู
  • เมื่อสัมผัสโดนสิ่งสกปรก รีบอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายโดยเร็ว เพื่อป้องกันโรค

หน้าฝนนี้ลูกๆ คุณแม่ และทุกคนในครอบครัวจะไม่เจ็บป่วย ไม่สบายกันอย่างแน่นอน หากรู้เท่าทันพาหะนำโรค ที่แฝงมากับฤดูฝน รวมถึงการดูแลระมัดระวังรักษาสุขภาพอย่างใกล้ชิด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และฉีดวัคซีนอย่าง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนสำหรับเด็กที่กำหนดให้ตามช่วงวัยค่ะ …ด้วยความห่วงใย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่


อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ

7 สัญญาณ “ทารกพัฒนาการช้า” พ่อแม่สังเกตได้ตั้งแต่แรกเกิด

รู้เท่าทัน ! 5 โรคที่เด็กๆ ป่วยกันมากในหน้าฝน

ไข้เลือดออก และไวรัสซิการะบาดช่วงหน้าฝน

อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่

อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่? อาการไหนแปลว่า ท้องชัวร์!!

Alternative Textaccount_circle
event
อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่
อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่

คลื่นไส้ อาเจียน เต้านมคัด อาการก่อนรู้ว่าท้อง ที่แม่ ๆ มักจะเจอ แล้ว อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่? อาการเตือน คนเริ่มท้อง เป็นแบบไหน อ่านได้ที่นี่

อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่? อาการไหนแปลว่า ท้องชัวร์!!

ก่อนประจำเดือนจะขาด หรือก่อนที่จะสามารถตรวจว่าท้องหรือไม่จากชุดตรวจการตั้งครรภ์ ผู้หญิงบางคนก็มักจะมีอาการแปลก ๆ ให้ชวนสงสัยว่าท้องหรือไม่? อาการเหล่านี้ จะเริ่มขึ้นได้เมื่อไหร่? และอาการเหล่านี้แปลว่าท้องหรือแค่คิดไปเอง มาหาคำตอบกันค่ะ

อาการคนท้อง เริ่มเมื่อไหร่?

สำหรับผู้หญิงบางคน ก็มีอาการของคนท้องได้ตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์ ก่อนประจำเดือนจะขาด หรือจะเรียกได้ว่าหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 1-2 อาทิตย์เลยก็ว่าได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จนเกิดความสงสัย และนำไปสู่การตรวจครรภ์หลังจากประจำเดือนขาดนั่นเอง

แต่ในหลาย ๆ ครั้ง อาการที่ดูเหมือนว่าจะท้อง กลับคล้ายกับอาการทั่วไปของผู้หญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือน ทำให้สาว ๆ หลายคนไม่แน่ใจว่าท้องหรือไม่ท้องกันแน่ ดังนั้น ทีมแม่ ABK ขอรวบรวมอาการที่บ่งบอกว่าท้อง ที่เกิดขึ้นก่อนประจำเดือนจะขาด ดังนี้

9 อาการคนท้อง ที่มักจะเกิดขึ้นก่อนประจำเดือนขาด

  1. เต้านมนุ่มและหนัก

เต้านมเป็นส่วนแรกของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดการปฏิสนธิ ทำให้อาจเกิดความรู้สึกเสียว ๆ บริเวณเต้านม และรู้สึกเจ็บหรือไวต่อการสัมผัส นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง สัญญาณที่พบนี้อาจมีลักษณะคล้ายกับช่วงก่อนมีประจำเดือน

2. ลานนมมีสีดำคล้ำ

ลานนม (บริเวณรอบ ๆ หัวนม) จะมีสีดำและคล้ำขึ้น อีกทั้งมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ มักจะไม่เกิดกับอาการช่วงก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิงทั่วไป และคุณอาจจะพบว่ามีตุ่มเล็ก ๆ คล้าย ๆ ตอนขนลุก ขึ้นมาบริเวณลานนม (ซึ่งตุ่มเหล่านี้มีหน้าที่หล่อลื่นหัวนมไม่ให้แห้งจนเกินไป)

3. อ่อนเพลีย

หากเกิดอาการอ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ นั่นอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ นั่นเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ บวกกับฮอร์โมนสำหรับการตั้งครรภ์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนตลอดเวลา แต่อย่าลืมว่าอาการอ่อนเพลียและง่วงนอนนี้ อาจจะเป็นอาการก่อนมีประจำเดือนทั่วไป หรืออาจเป็นเพราะคุณเครียด นอนน้อย หรือเหนื่อยจนเกินไปได้ ดังนั้น จึงควรดูอาการก่อนรู้ว่าท้องอื่น ๆ ร่วมด้วย

4. คลื่นไส้ วิงเวียน

ไม่กี่วันหลังการปฏิสนธิ คุณอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ (อาการเหล่านี้เรียกได้ว่าอาการแพ้ท้องเลยแหล่ะค่ะ) อาการแพ้ท้องนี้ เป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับคนท้อง จึงเป็นสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ในระยะแรก โดยจะเกิดขึ้นในช่วงปลายของการขาดประจำเดือนครั้งแรก แต่อาการเหล่านี้ ก็อาจเป็นอาการทั่วไปของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน หรืออาหารเป็นพิษได้เช่นกัน

5. ไวต่อกลิ่น

คุณอาจจะรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหารที่ชอบ และกลิ่นของอาหารอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หญิงตั้งครรภ์ที่เพิ่งตั้งครรภ์ใหม่ ๆ บางคนมีความสามารถในการดมกลิ่นสูงขึ้นในช่วงต้นเนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้นนั่นเอง

6. ท้องอืด

บริเวณท้องน้อยอาจจะขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย คุณจะรู้สึกหนัก ๆ ท้อง แขม่วท้องได้ยาก และมีอาการท้องอืด อาการเหล่านี้เกิดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone Hormone) ที่ชะลอระบบการย่อยในกระเพาะอาหาร

7. ปัสสาวะบ่อย

คุณจะเริ่มรู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา และจะปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งหลังจากที่มีการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนหลายอย่างในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้ร่างกายมีการผลิตเลือดเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุของการปัสสาวะบ่อยขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์ เพราะเมื่อไตมีการกรองเลือดมากขึ้น ก็จะทำให้ปริมาณของปัสสาวะเพิ่มมากขึ้นด้วย

8. อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น

หากคุณคอยตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายตนเองเป็นประจำอยู่แล้ว คุณจะรู้ได้ว่า โดยทั่วไป อุณหภูมิร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาของการตกไข่ และอุณหภูมิร่างกายจะลดลงเมื่อมีประจำเดือน แต่หากคุณตั้งครรภ์ อุณหภูมิจะสูงขึ้นหลังจากการตกไข่ ไปจนตลอดการตั้งครรภ์ ดังนั้น หลังวันที่ตกไข่ ให้วัดอุณหภูมิร่างกายติดต่อกัน 18 วันหรือมากกว่านั้น หากอุณหภูมิร่างกายยังคงสูงขึ้นติดต่อกัน จะถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการตั้งครรภ์

9. มูกบริเวณปากมดลูก

ให้ลองสังเกตมูกที่ออกมาจากช่องคลอด ว่าหากมีลักษณะเหนียวข้น คล้ายมูกในวันที่ไข่ตก นั่นคือสัญญาณที่ดีในการตั้งครรภ์เช่นกัน

อาการก่อนรู้ว่าท้อง
อาการก่อนรู้ว่าท้อง

อาการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุทางการแพทย์อื่น ๆ ไม่ใช่เพียงแค่อาการคนท้องเท่านั้น ควรตรวจผลที่แน่ชัด จากการตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์หรือการตรวจสอบโดยแพทย์ ดังนั้น หากคุณมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ สิ่งที่ควรจะทำต่อไปคือ

สิ่งที่ควรทำหลังจากมีอาการคนท้อง

ถ้าคุณพบกับสัญญาณเตือนเหล่านี้ก่อนที่จะขาดประจำเดือน ก็อาจจะสันนิฐานได้ว่ากำลังมีการตั้งครรภ์ แต่บางครั้งก็อาจเป็นเพียงอาการก่อนประจำเดือนมา หรืออาการที่เกี่ยวกับสุขภาพเรื่องอื่น ๆ ดังนั้นให้คุณรอประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังขาดประจำเดือน แล้วทำการตรวจสอบด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์

การทดสอบครรภ์ที่เร็วเกินไปอาจทำให้ผลที่ได้ออกมาเป็นลบ เนื่องจากฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin Hormone) ยังคงมีระดับต่ำอยู่ จึงต้องรอให้ฮอร์โมน HCG มีระดับที่เพิ่มสูงขึ้นก่อนแล้วค่อยทำการทดสอบ แต่ถ้าผลยังคงออกมาเป็นลบ การตรวจเลือดก็เป็นอีกการตรวจหนึ่งที่จะช่วยบอกผลได้

การตรวจเลือดจะให้ผลการตรวจที่แม่นยำ แต่อาจจะไม่ใช่ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หลังจากที่มีการขาดประจำเดือนจึงจะสามารถตรวจเพื่อยืนยันผลการตั้งครรภ์ได้ โดยในระหว่างนี้คุณอาจจะเริ่มต้นที่จะดูแลตัวเองก่อน ดังนี้

  • นอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้มาก และดื่มน้ำให้บ่อยขึ้น
  • บริโภคอาหารที่มีวิตามิน และเกลือแร่ที่ประกอบไปด้วยกรดโฟลิค และธาตุเหล็กให้เพียงพอ
  • งดการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใช้ยานอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง

แต่ต้องอย่าลืมว่าผู้หญิงบางคน อาจจะไม่มีอาการแสดงให้เห็นเลยว่าตั้งครรภ์หรือกำลังจะตั้งครรภ์ ซึ่งการที่ไม่มีอาการคนท้อง ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้ท้องนะคะ อาจจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพียงแต่ไม่มีอาการเท่านั้นเอง ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะให้ผลอย่างแน่นอนคือการขาดของประจำเดือน และการตรวจจากหมอหรือที่ตรวจครรภ์เท่านั้น ดังนั้น สำหรับผู้หญิงที่ไม่มีอาการอะไรเลย ก็อย่ากังวลนะคะว่าจะไม่ท้อง คุณอาจไม่มีอาการแต่กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็เป็นได้

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

อาการของคนท้อง ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนคลอด มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

เช็กเลย! 15 อาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ มีอาการแบบนี้เตรียมเฮเป็นคุณแม่!

เรื่องที่แม่ท้องสงสัย ? ไขข้อข้องใจของคุณแม่ตั้งครรภ์

คนท้องห้ามกินอะไร 9 อาหาร ที่แม่ท้องควรห้ามใจ เลี่ยงได้เลี่ยงก่อนนะแม่!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : whattoexpect.com, somanao.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เสียงเล็กๆ จากผลกระทบมหันตภัยโควิด-19 ทำให้เด็กยากจนกว่า 750,000 ชีวิต ต้องอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร

Alternative Textaccount_circle
event

วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คุกคามสภาพความเป็นอยู่ของคนทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส  โควิด-19 แต่ความช่วยเหลือส่วนใหญ่ได้มุ่งเน้นไปยังการจัดการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการในการใช้ชีวิตร่วมกันของคนในสังคมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“ท่ามกลางกระแสการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในวิกฤตการโควิด-19 ยังมีเสียงเล็ก ๆ จากเด็กยากจนอีกกว่า 750,000 คน ทั่วประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือจากสังคมให้พ้นจากสภาวะขาดแคลนอาหารในช่วงปิดเทอม”

การปิดเทอมที่ยาวนานกับมื้ออาหารที่หายไป?

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องประกาศสั่งเลื่อนการเปิดภาคการศึกษาใหม่ไปเป็น วันที่ 1 ก.ค. ทำให้เด็กๆ มีระยะเวลาในการปิดเทอมที่ยาวนานออกไปถึง 45 วัน สำหรับเด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่ขัดสนก็คงจะไม่มีผลกระทบใดๆ แต่เมื่อหันไปมองเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวที่ยากจนเราจะพบวิกฤตที่แฝงอยู่ในวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาเครือข่ายครูสังกัด สพฐ. ตชด. และ อปท. กว่า 400,000 คนทั่วประเทศได้มีการลงพื้นที่เยี่ยมสำรวจความต้องการของนักเรียนยากจน เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ ความเสี่ยง และผลกระทบที่นักเรียนจะได้รับเนื่องมาจากการปิดเทอมที่ยาวนานขึ้น เราพบว่าปัญหาอันดับหนึ่งที่เกิดขึ้นคือความกังวลจากการเพิ่มภาระรายจ่ายค่าอาหารของครอบครัว และยิ่งไปกว่านั้นพบว่าเด็กๆ กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนอาหาร เนื่องมาจากเด็กส่วนใหญ่พึ่งพาอาหารกลางวันที่ครบห้าหมู่จากโรงเรียนเป็นหลัก เมื่อการเปิดเทอมถูกเลื่อนออกไปจึงทำให้เด็กเหล่านี้ประสบสภาวะทุพโภชนาการและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”

กสศ.ในฐานะที่เป็นองค์กรทำงานเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยการยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามาโดยตลอด ซึ่งเป็นเวลากว่า   2 ปีมาแล้วที่ กสศ. ได้เข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมพัฒนา เด็ก เยาวชน ทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือแก่ครู ผู้พิการ และประชาชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสกว่า 1,147,754 คน ครอบคลุม 27,731 โรงเรียนทั่วประเทศไทย 

เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กสศ. จึงเร่งดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มเด็กยากจนพิเศษที่กำลังประสบปัญหาอย่างเร่งด่วน ในเบื้องต้น กสศ. ได้ใช้งบประมาณที่ได้คืนมาจากรัฐบาลรวมกับงบประมาณฉุกเฉิน รวมเป็นเงิน 500 ล้านบาท และได้เร่งนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือให้กับนักเรียนยากจนจำนวนคนละ 600 บาท เป็นค่าอาหารเบื้องต้น 30 วัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะได้คนละเพียง 20 บาทต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งเงินจำนวนนี้นับเป็นเงินฉุกเฉินเบื้องต้นที่ กสศ. ได้ดำเนินการเยียวยาเด็กๆ ที่กำลังประสบปัญหาอย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ตามยังมีช่องว่างอีก 15 วันก่อนที่จะถึงวันเปิดเทอมที่ กสศ. จำเป็นต้องออกมาระดมทุนผ่านโครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง” ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปให้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสนับสนุน และร่วมสมทบทุนเพื่อเติมเต็มมื้ออาหารให้กับเด็กๆ

จากการลงพื้นที่ของเครือข่ายครูเพื่อรายงานสภาพความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนยากจนและจากพื้นที่ทุรกันดาร พบว่าเด็ก ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและถิ่นทุรกันดารมักจะไม่ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ โดยบางบ้านเด็ก ๆ ต้องกินข้าวต้มกับเกลือเสียด้วยซ้ำ นอกจากนั้นยังพบว่าบางครัวเรือนที่ผู้ปกครองมีอาชีพหาเช้ากินค่ำ จะประสบปัญหาไม่มีเงินซื้ออาหารเนื่องมาจากโดยปกติเด็กจะพึ่งพาอาหารเช้าและอาหารกลางวันจากโรงเรียน เมื่อมีการปิดเทอมที่ยาวนานขึ้นจึงทำให้เด็กต้องอดมื้อกินมื้อ การปิดเทอมที่ยาวนานนี้ หากมองจากมุมของผู้มีอันจะกินคงมิใช่ปัญหา แต่หากมองในมุมของเด็กๆ เหล่านี้มันคือสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็คือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมและต้องการความช่วยเหลือและร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง

อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ ที่ปรึกษาโครงการ สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัญหาที่พบบ่อยในการติดตามพัฒนาการของเด็กยากจนคือ สภาวะทุพโภชนาการ หรือการที่เด็กไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเด็กๆ เหล่านี้ต้องการอาหารที่ครบ 5 หมู่ ซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา สมอง ซึ่งหากเด็กๆ ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจะส่งผลกระทบให้มีอาการสมองฝ่อ ร่างกายเตี้ย ผอมแคระแกร็น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียนและพัฒนาการทางสติปัญญา ที่ผ่านมาพบว่าเด็กที่มีปัญหาจะอยู่ในถิ่นทุรกันดารหรือมาจากครอบครัวที่ยากจน โดยเด็กมักจะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอในระหว่างปิดภาคเรียนเนื่องมาจากความยากจน ซึ่งเด็กเหล่านี้จะพึ่งพาอาหารที่ถูกหลักโภชนาการจากโรงเรียน ดังนั้นเมื่อกำหนดเปิดภาคการศึกษาถูกเลื่อนออกไปจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กกลุ่มดังกล่าวโดยตรง เพราะโรงเรียนไม่ใช่แค่สถานที่เรียนรู้ แต่คือโรงครัวของเด็กๆ ที่ยากจน”

ปัญหาปากท้องของเด็กยากจนในช่วงปิดเทอมที่ยาวนานอาจจะเป็นปัญหาระยะสั้นที่ต้องเร่งมือกันช่วยแก้ไข แต่ปัญหาระยะยาวนั้นมีผลกระทบเป็นทอดๆ และต่อเนื่องในหลากหลายมิติ ซึ่งสภาวะขาดแคลนของครอบครัวที่ขาดรายได้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อตัวเด็กแล้ว ยังเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่จนสามารถส่งผลกระทบให้เด็กเหล่านั้นจำต้องออกจากระบบการศึกษาในที่สุด และแน่นอนว่าการที่เด็กคนหนึ่งจำต้องออกจากระบบการศึกษาจะส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในชีวิตของเด็กและสามารถกลายมาเป็นปัญหาอื่นๆ ให้กับสังคมได้อีกมากมาย

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ยากจนพิเศษจำนวนกว่า 750,000 คนทั่วประเทศ ในโครงการ #สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม กับกสศ. ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) เลขบัญชี : 172-0-30021-6 หรือ www.eef.or.th/donate-covid/ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-079-5475

keyboard_arrow_up