คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม

คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

ในสถานการณ์ปัจจุบันการติดเชื้อ Covid ในประเทศไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ Covid มีกว่า 200 รายผู้เสียชีวิตกว่า 30 คนอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 1.8 ซึ่งถือว่าสูงมาก หากคนท้องติดโควิด จะรักษาตัวอย่างไร?  คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม? อาการแบบไหนควรนอนโรงพยาบาล?

นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, กรรมการแพทยสภา เจ้าของเพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์ มาช่วยคลายสงสัยคุณแม่ท้อง ดังนี้

จังหวัดที่พบคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อมากที่สุดคือกรุงเทพฯ รองมาคือในเขตปริมณฑล ปัญหาสำคัญ คือเตียงในโรงพยาบาล ณ ขณะนี้ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทุกคน ดังนั้นจะมีคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนนึงจำเป็นต้องรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านหรือที่เราเรียกว่า Home isolation

คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ ที่ติดเชื้อโควิคมักจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยกว่า 90% ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้

คนท้องติดโควิด อาการแบบไหนควรนอนโรงพยาบาล

ส่วนข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาล เช่น

  • ตั้งครรภ์ร่วมกับมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ เบาหวาน ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะน้ำเดินก่อนกําหนด หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด เป็นต้น
  • มีไข้มากกว่า 39 องศาเซลเซียส โดยที่ทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลง
  • มีอาการรุนแรงปานกลาง เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่หายใจอยู่ในอากาศภายในห้อง หรือกำลังเดินอยู่ หายใจถี่มากกว่า 30 ครั้งต่อนาทีเป็นต้น
  • มีอาการรุนแรงมาก เช่น ระบบหายใจล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ สติสัมปชัญญะเสียไป เป็นต้น
telemedicine
telemedicine พบแพทย์ผ่านทางออนไลน์

คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

คุณแม่ตั้งครรภ์ที่จะทำ Home isolation ต้องมีทั้งหมด 3 พร้อม ได้แก่ คนพร้อม ที่พร้อม ระบบพร้อม

  • คนพร้อม หมายถึง คุณแม่ตั้งครรภ์มีความพร้อมที่จะทำ Home isolation ได้ไม่มีข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาลอย่าง ที่กล่าวมาข้างต้น
  • ที่พร้อม หมายถึงที่อยู่อาศัยมีความพร้อมในการทำ Home isolation เช่นมีห้องแยกมีห้องน้ำส่วนตัวมีที่รับประทานอาหารไม่ปะปนกับท่านอื่นเพื่อลดการติดเชื้อสู่คนอื่นๆในบ้าน
  • ระบบพร้อม หมายถึง ระบบการดูแลที่บ้านเช่น มีระบบเทเลเมดิซีนติดตามอาการ มีระบบส่งยามาที่บ้าน มีระบบส่งต่อเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการแย่ลงจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบการรักษา เช่น มีรถมารับมาไปถึงโรงพยาบาลได้ เป็นต้น

และที่สำคัญแม้ในขณะที่ไม่มีใครติดเชื้อ การใช้ชีวิตในบ้าน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการป้องกันการติดเชื้อโควิค เช่น ใส่หน้ากากตลอดเวลาขณะที่อยู่ในบ้าน แยกสำรับอาหารเพื่อทานคนเดียว ใช้ห้องน้ำเป็นคนแรก ไม่สัมผัสขยะสิ่งของจากคนอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ covid19 ให้ได้มากที่สุด

ท่องไว้ว่า เราต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เพราะคนท้องคือสองชีวิต

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


ติดตามเรื่องน่ารู้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และสุขภาพสตรี กับคุณหมอโอฬาริก

ได้ที่เพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์

เพจ หมอโอฬาริก

 

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

แนวทางปฏิบัติตัวช่วงโควิด สำหรับ คนท้อง แม่หลังคลอด ทารกแรกเกิด

กรมอนามัยเผย คนท้องติดเชื้อโควิด เสี่ยงป่วยหนัก แนะฉีดวัคซีนป้องกัน! หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์

 

    ลูกตกจากที่สูง

    ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น ทำยังไงดี?

    ลูกตกจากที่สูง ลูกตกเตียง ลูกตกเปล ลูกตกบันได หัวกระแทกพื้น เป็นเหตุการณ์ที่พ่อแม่ทุกบ้านไม่อยากเจอ แต่ก็อาจเกิดขึ้นทุกเวลา หากปล่อยให้ลูกคลาดสายตา พญ. ศรินพร มานิตย์ศิริกุล ทิพย์อุดม เจ้าของเพจ “หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด” มีคำแนะนำดีๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ เมื่อลูกหัวกระแทกพื้น พ่อแม่ควรทำอย่างไร ต้องสังเกตอาการยังไง เมื่อไหร่ควรพาลูกไปหาหมอ ไปติดตามกันค่ะ

    หนึ่งในคำถามที่แม่แฝดโดนปรึกษาประจำคือ “ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น ทำยังไงดี?”

    แฝดเองก็มีหลายครั้งที่ตกจากที่สูง ใจคนเป็นแม่เวลาลูกตกลงมา ก็อยากวิ่งไปอุ้มลูกเข้ามากอด มาปลอบ แต่อีกใจนึงด้วยความที่เป็นหมอ โดยเฉพาะ “หมอสมอง” ที่ต้องดูเรื่องการบาดเจ็บที่ศีรษะในคนไข้บ่อยๆ ก็ต้องพยายามดึงสติตัวเองให้ไม่ตกใจ และทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

    1. สิ่งแรกที่ต้องทำ เมื่อลูกตกจากที่สูง

    เมื่อลูกตกจากที่สูงอย่างแรกที่เราต้องดูคือ “คอและไขสันหลัง” เพราะถ้าเกิดคิดว่ามีโอกาสได้รับบาดเจ็บที่คอและไขสันหลัง
    แล้วเราไปทำการเคลื่อนย้ายโดยไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้มีโอกาสบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะทุพลภาพได้

    ถ้าแม่คิดว่าลูกตกจากที่สูงแล้วคิดว่าคอและไขสันหลังมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ แม่ต้องห้ามขยับหรือเคลื่อนย้ายลูก หรือถ้าจะขยับเคลื่อนย้ายต้องขยับอย่างถูกวิธี โดยการยกตัวลูกโดยให้ส่วนคอและไขสันหลังอยู่ในแนวตรงคล้ายท่อนซุง (log roll)

    ลูกหัวฟาดพื้น
    ลูกตกจากที่สูง พ่อแม่ต้องทำอะไรก่อนหลัง สังเกตอาการยังไง

    2. ถัดไปคือที่ ศีรษะของลูก

    ถ้าได้รับการกระแทก แล้วมีการบวมแดงช้ำ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกต้องประคบเย็น ย้ำว่าประคบเย็นนะคะ!!! เพราะว่าความเย็นจะทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดจะได้ไม่ออกมาใต้ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จะได้ไม่ช้ำบวมเพิ่มมากขึ้น

    หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง เมื่อแผลยุบบวมแล้วถึงสามารถประคบร้อนได้ เพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวดูดเลือดที่ค้างอยู่เอากลับไปทำให้ยุบบวมเร็วขึ้น

    3. สังเกตอาการใน 24 ชั่วโมง

    ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บที่ศีรษะ ถ้าแม่คิดว่าบาดเจ็บรุนแรงหรือไม่สามารถดูอาการเองได้ ให้รีบพาไปโรงพยาบาล เพื่อให้หมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดค่ะ

    แต่ถ้าการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงมาก แม่สามารถดูอาการได้เอง อาจลองสังเกตอาการเบื้องต้นดูเองที่บ้าน โดยเน้นดูอาการของลูกถี่ๆสม่ำเสมอ

    สังเกตอาการ ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น
    สังเกตอาการ ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น

    4. อาการที่ต้องรีบพาลูกไปหาหมอ

    ถ้ามีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ แม่ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะอาจมีสาเหตุมาจากสมองได้รับกระทบกระเทือน หรือเลือดออกในสมองได้ค่ะ

    • ลูกมีซึม
    • อาเจียนพุ่ง
    • ทานได้น้อยลง
    • มีอ่อนแรงแขนขา
    • มีอาการปวดศีรษะ
    • ชักเกร็ง

    5. ตรวจร่างกายบริเวณอื่นๆ ด้วย

    หลังจากจัดการการบาดเจ็บที่ศีรษะของลูก อย่าลืมตรวจร่างกายบริเวณอื่นๆ อย่างละเอียดนะคะ

    • ดูตามข้อว่ามีบวมหรือเปล่า
    • มีแผลตามแขนหรือขาหรือเปล่า
    • ลูกเดินได้ปกติหรือเปล่า

    สรุปแบบย่อๆ สิ่งที่ควรทำ ตามลำดับ
    ดูคอ –> ประคบเย็น–>ดูอาการทางสมอง–>ตรวจร่างกายส่วนอื่นๆ

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     


    การมีความรู้ในการดูแลสุขภาพลูกน้อย เป็นส่วนสำคัญที่จะสร้าง ความฉลาดสุขภาพดี (HQ) หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ ในการสร้างเด็กยุคใหม่ที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จในชีวิต ความฉลาดสุขภาพดี การมี Health Quotient เริ่มต้นได้ที่พ่อแม่ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพตัวเองและลูกน้อย เพื่อที่จะเป็นต้นแบบให้เขาสามารถดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีได้ต่อไป เพราะสุขภาพที่ดีคือพื้นฐานสำคัญของชีวิต


    ติดตามความรู้การพัฒนาสมอง และการเรียนรู้ของเด็ก กับคุณหมอศรินพร

    ได้ที่เพจ หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด

    หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด

    บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

    8 วิธีฝึก “สมองส่วนหน้า” ที่ให้ลูกได้มากกว่าทักษะ EF

    11 เกมฝึกสมอง สอนลูกแก้ปัญหาไม่ละความพยายามง่ายๆ

    8 ของเล่น เด็ก 4 ขวบ ฝึกสมอง สร้างสมาธิ เสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยวัยอนุบาลโดยเฉพาะ!

      ทารกกินปลาได้ไหม

      ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่?

      ตอบคำถาม ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? ว่ากันว่าต้องรอให้ลูกอายุครบ 1 ขวบถึงเริ่มทานปลาทะเลและอาหารทะเลได้ ขอบอกว่าไม่จริง!!

      ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่?

      ในช่วง 6 เดือนแรก ทารกควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอจากนมแม่หรือนมดัดแปลงสำหรับทารกในกรณีที่ไม่สามมารถให้นมแม่ได้ เพื่อให้ร่างกายของลูกเจริญเติบโต และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ตามวัย โดยนมแม่อย่างเดียวจะพอเพียงต่อการเจริญเติบโตของลูกจนถึงอายุประมาณ 6 เดือน (และควรทานนมแม่อย่างต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ) หลังจากลูกอายุ 6 เดือนแล้ว ทารกจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารบางชนิดเพิ่มเติมจากอาหารเสริมตามวัยของทารก เช่น โปรตีน เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน วิตามินเอ เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย

      การให้อาหารตามวัยสำรับทารกอย่างเหมาะสม ควรยึดหลัก 3 ประการ ดังนี้

      • สมวัย คือ ควรดูว่าทารกมีความพร้อมที่จะรับอาหารอื่น ๆ นอกจากนมได้หรือยัง กล่าวคือ เมื่อระบบทางเดินอาหาร ไต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้พัฒนาจนสามารถทำหน้าที่พร้อมแล้ว ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาหมอก่อนเริ่มให้อาหารเสริม เพื่อให้คุณหมอได้ดูถึงพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยค่ะ
      • เพียงพอ ให้อาหารที่มีพลังงานและสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของทารกในแต่ละวัน โดยสารอาหารที่ได้รับต้องมีคุณค่าทางโภชนาการและมีความหลากหลาย มีปริมาณที่เหมาะสม จำนวนมื้ออาหารเหมาะสมกับวัย
      • ปลอดภัย เตรียมและเก็บอาหารอย่างถูกหลักอนามัย อุปกรณ์ที่ใช้ต้องสะอาด ล้างมือก่อนเตรียมและป้อนอาหาร ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด

      ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? ทารกกินปลาได้ไหม?

      จะเห็นได้ว่าการให้อาหารเสริมกับลูกน้อยนั้น ควรมีความหลากหลาย และปลา (ทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล) ก็เป็นอีกเมนูหนึ่ง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของทารก แต่เรามักจะได้ยินมาว่าไม่ควรทานอาหารทะเลก่อนอายุ 1 ขวบ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดการแพ้อาหารได้ ซึ่งในต่างประเทศนั้น มีงานวิจัยว่า เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย ทารกสามารถทานปลาทะเลและปลาน้ำจืดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป (สำหรับเด็กที่มีประวัติการแพ้อาหาร ควรปรึกษาหมอก่อนเริ่มทานปลาค่ะ)

      ลูกกินปลา
      ลูกกินปลา

      ปลามีประโยชน์ต่อทารกอย่างไร? ทารกกินปลาได้ไหม?

      แม้ว่าอาหารหลักของทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีนั้นยังคงเป็นนมแม่อยู่ แต่การได้รับอาหารเสริมหลังอายุ 6 เดือนแล้ว อาหารเสริมจะเป็นตัวช่วยรองมาจากนมแม่ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อร่างกาย และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในปลาอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

      1. วิตามินดีและธาตุเหล็ก วิตามินดีมีความสำคัญต่อกระดูกที่แข็งแรงและการพัฒนาสมอง และธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมถึงการลำเลียงออกซิเจน เนื่องจากวิตามินดีและธาตุเหล็กที่มีอยู่ในนมแม่นั้นเริ่มไม่เพียงพอสำหรับเด็กทารกวัย 6 เดือนขึ้นไปแล้ว การเสริมอาหารเสริมให้ลูกน้อยโดยเน้นให้ทานอาหารที่มีวิตามินดีและธาตุเหล็กสูงจึงเป็นสิ่งที่ควรแนะนำ (อ่านต่อ วิตามินดี…ดี๊ดีกว่าที่คิด!! รวม 5 อาหารที่มีวิตามินดีสูง)
      2. โปรตีน  ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม ซึ่งโปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่สร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ในปลายังมีสังกะสีในปริมาณที่ดีต่อสุขภาพ สังกะสีเป็นแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและการเจริญเติบโตของเซลล์
      3. กรดไขมันโอเมก้า 3 ปลาบางชนิดมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการสำหรับทั้งทารกและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กทารก กรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง ดวงตา และภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง อีกด้วย (อ่านต่อ 10 ปลาไทย โอเมก้า 3 สูง! บำรุงสมองสดใส หัวใจแข็งแรง)
      4. วิตามินบี 12 และไอโอดีน เป็นสารอาหารอีก 2 ชนิดที่พบในปลาที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองที่แข็งแรงและเซลล์เม็ดเลือดแดงในทารก

      ควรให้ลูกกินปลาอะไรดี? และข้อควรระวังในการทานปลาทะเล

      แม้ปลาจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทารกจะสามารถทานปลาได้ทุกชนิดได้บ่อย ๆ อย่างปลอดภัย เนื่องจากในปลาทะเลบางชนิดนั้นมีการปนเปื้อนของสารปรอท จากแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก
      ยิ่งตัวใหญ่ก็จะยิ่งมีโอกาสมีสารปรอทสะสมในร่างกายสูง ปัจจุบัน มีคำแนะนำจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) แบ่งปลาออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

      ควรให้ลูกกินปลาอะไรดี?

      1. กลุ่ม Best Choice เป็นกลุ่มของปลาที่ปลอดภัย มีการปนเปื้อนของสารปรอทต่ำ ควรทาน 2 – 3 มื้อต่อสัปดาห์ เช่น
        • ปลาแซลมอน
        • ปลาจวด
        • ปลาทู
        • ปลากระพงขาว
        • ปลาดุก
        • ปลาแมกเคอเรลแอตแลนติก
        • ปลาจาระเม็ด
        • ปลาคอด
        • ปลาทูน่า
        • ปลาลิ้นหมา
        • ปลานิล
        • ปลากระบอก
      2. ปลากลุ่ม Good Choices ปลาที่ปลอดภัยรองลงมา ควรรับประทานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
        • ปลาไน
        • ปลาหิมะ
        • ปลาเก๋า
        • ปลาแฮลิบัต
        • ปลาอีโต้มอญ
        • ปลากระพงแดง
      3. กลุ่ม Choices to Avoid คือปล่ากลุ่มที่มีการปนเปื้อนของสารปรอทสูง ควรหลีกเลี่ยง
        • ปลาฉลาม
        • ปลาอินทรี
        • ปลากระโทงดำ
        • ปลากระโทงดาบ
        • ปลาไทล์ฟิชจากอ่าวเม็กซิโก

       >> คำแนะนำนี้สามารถใช้ได้กับแม่ท้องและแม่ให้นมบุตรด้วยนะคะ <<

      FDA ปลาทะเล
      FDA ปลาทะเล

      ข้อควรระวังในการทานปลาทะเล

      นอกจากอันตรายจากการปนเปื้อนของสารปรอทแล้ว ยังมีข้อควรระวังจากการทานปลาทะเลคือ แบคทีเรียและไวรัส ต่าง ๆ ที่อาจอยู่ในเนื้อปลาที่ปรุงไม่สุก หรือการทานปลาดิบ การปรุงเมนูปลา ควรปรุงให้สุกในอุณหภูมิ 62.8 องศาเซลเซียส เป็นอย่างน้อย และปล่อยให้เย็นอยู่ในภาชนะที่สะอาด ถึงจะนำมาให้ทารกทานได้ ปลาที่ปรุงสุกแล้ว สามารถเก็บอยู่ในตู้เย็นได้ไม่เกิน 2-3 วัน และสามารถเก็บอยู่ในช่องแช่แข็งได้ไม่เกิน 3 เดือน (หลังจากระยะเวลาที่กำหนด ไม่แนะนำให้นำกลับมาอุ่นทานค่ะ) สำหรับปลาดิบหรือปลาที่ยังไม่ได้นำมาปรุง สามารถเก็บในตู้เย็นได้ไม่เกิน 1-2 วัน และเมื่อนำออกมาละลาย ไม่ควรให้ปลาอยู่ในอุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมง

      คำแนะนำอาหารสำหรับทารกวัย 0-12 เดือน

      นอกจากนี้ ทีมแม่ ABK ขอนำคำแนะนำจากโรงพยาบาลสินแพทย์ เกี่ยวกับอาหารทารกในวัย 0 – 12 เดือนมาฝากกันค่ะ

      อายุ

      อาหารเสริมที่ควรเริ่มได้

      ปริมาณอาหารเสริมที่ควรได้รับต่อวัน

      แรกเกิดถึง 4 เดือน
      • ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมเพราะว่าน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแต่ถ้าจำเป็นจึงจะให้นมผสมรับประทาน ได้ถึง 2 ปี
      • น้ำนมแม่สามารถให้รับประทานได้ถึง 2 ปี แต่หลัง 1 ปี ต้องได้รับอาหาร  มื้อหลักครบ 3  มื้อ
      อายุครบ 4-6 เดือนเริ่มให้อาหารเสริม
      • ข้าวบดละเอียด
      • ไข่ต้มสลับกับตับบด หรือ ปลาบดเช่น ปลาทู ปลาช่อน
      • ผักสุกบด เช่น ผักกาดขาวฟักทอง
      • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
      • ผลไม้สุก เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุกส้ม กล้วยน้ำว้าสุก
      • ข้าวบดประมาณ 3ช้อนโต๊ะไข่แดงครึ่งฟอง
      • ตับบด 1 ช้อนโต๊ะ
      • ปลาบด 2 ช้อนโต๊ะ
      • ผักสุกบดครึ่งช้อนโต๊ะ
      • ผลไม้สุก 1-2 ชิ้น
      อายุครบ 7-8 เดือน
      • ข้าวบดหยาบ
      • ไข่ทั้งฟอง สลับกับเนื้อปลา เนื้อหมูหรือ เนื้อไก่
      • ผักสุกบดหยาบให้ผักหลายชนิดสลับกัน
      • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
      • ผลไม้สุก
      • ข้าวบดประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ
      • ไข่ทั้งฟอง
      • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
      • ผักสุกบด 1-2 ช้อนโต๊ะ
      • ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น
      • อาหารเสริม 1 มื้อ
      • ผลไม้หลังอาหาร
      อายุครบ 8-10 เดือน
      • ข้าวสุกนิ่ม
      • อาหารอย่างอื่นรับประทานเหมือนอายุครบ 7 เดือน แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
      • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
      • ไข่ทั้งฟอง
      • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
      • ผักสุกหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
      • ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น
      • อาหารเสริม 2 มื้อ
      • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ
      อายุครบ 10-12 เดือน
      • รับประทานเหมือนเดิมแต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
      • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ
      • ไข่ทั้งฟอง
      • เนื้อสัตว์ 3 ช้อนโต๊ะ
      • ผักสุกหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
      • ผลไม้สุก 4-5 ชิ้น
      • อาหารเสริม 3 มื้อ
      • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ

      ได้รับคำตอบกันแล้วนะคะว่า ทารกกินปลาได้ไหม? และควรเริ่มกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการทานปลาแล้ว คุณแม่ควรให้ลูกได้ทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารต่าง ๆ อย่างครบถ้วนนะคะ

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      12 เมนู อาหารเด็ก 6 เดือน กับสูตรอร่อยเพื่อลูกวัยเริ่มกิน!

      รวม 60 สูตร+วิธีทำ เมนูอาหารเด็ก ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ขวบ

      หมอชี้!!ลูกขาด วิตามินซี อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงเดินไม่ได้

      10 เช็กลิสต์ 12 วินัยป้องกันลูกเป็น โรคขาดสารอาหาร!!

       

       

      ขอบคุณข้อมูลจาก : healthline.com, U.S. Food and Drug Administration, สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, babycenter.com, โรงพยาบาลสินแพทย์

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ชื่ออิสลามผู้ชาย

        100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

        การตั้งชื่อลูก เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะลูกจะใช้ชื่อนั้น ๆ ไปจนโต สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม นิยมตั้ง ชื่อมุสลิม ให้ลูก  ทีมแม่ ABK ขอรวม ชื่ออิสลามผู้ชาย ที่มีความหมายดี ๆ มาฝากกันค่ะ

        100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

        คนมุสลิมมีวัฒนธรรมในการตั้ง “ชื่อมุสลิม” มาตั้งแต่เดิม เพื่อบ่งบอกให้รู้ถึงความเป็นมุสลิม และที่สำคัญคือเพื่อความบารอกัต (สิริมงคล) เพราะแต่ละชื่อที่บรรดาผู้ปกครองคัดสรรให้ลูกน้อยนั้น จะต้องเป็นชื่อที่มีความหมายดีและมีความไพเราะ แต่เดิมนั้น ปู่ ยา ตา ยาย ทวด มักจะมีชื่อเพียงชื่อเดียว เป็นชื่อสั้น ๆ เรียกง่าย ๆ และใช้ชื่อมุสลิมเป็นทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นไปในตัว แต่ในสมัยนี้ ชื่อมุสลิม มีความครีเอทเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันคนมุสลิมมักตั้งชื่อที่แปลกใหม่ขึ้น และอาจจะเป็นการใช้คำในภาษาต่างประเทศ หรือหยิบคำนั้นมาผสมกับคำนี้ ให้ดูไม่เหมือนใคร มาดูกันว่ามี ชื่ออิสลามผู้ชาย ชื่อไหนที่ถูกใจแม่ ๆ กันบ้าง

        100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

        ชื่อความหมาย
        Aaban ชื่อของ เทวดา
        Aafiya สุขภาพ ที่ดี
        Aahil เจ้าชาย
        Aalee ประเสริฐ สูง
        Aamir เจริญรุ่งเรือง
        Aaqib สาวก
        Aaqil ชาญฉลาด
        Abbud ผู้ศรัทธา
        Abdul Aalee คนรับใช้ของ ผู้สูงสุด
        Adel ผู้พิพากษามีเกียรติคนหนึ่งที่เที่ยงธรรม
        Afeef บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ , เคร่งศาสนา
        Ashar คนที่มีภูมิปัญญา
        Ashraf มีเกียรติมากที่สุด
        Asim ผู้คุ้มครอง
        Ata Allah ของประทานจากพระเจ้า
        Baber กล้าหาญ , สิงโต
        Badi มหัศจรรย์
        Barir ซื่อสัตย์
        Barraq ส่องแสง
        Basel กล้าหาญ
        Dhakiy ฉลาด สดใส
        Dhakwan ชาญฉลาด
        Dhiya แสง งดงาม
        Dilawar กล้าหาญ
        Dildar มีเสน่ห์ เป็นที่รัก
        Diyari ของขวัญ
        Ehsan มีอำนาจ
        Eshan ความรักในพระเจ้า
        Faaz ชนะ ประสบความสำเร็จ
        Farooq งาม
        Farrukh มีความสุข มงคล
        Fatih ผู้พิชิต
        Fayaaz อ่อนน้อม และ ใจกว้าง
        Ghazawan นักรบ สหายของท่านศาสดา
        Ghazi ผู้พิชิต
        Ghiyath ผู้ประสบความสำเร็จ
        Ghutayf ร่ำรวย
        Habbab อ่อนโยน น่ารัก
        Habib สุดที่รัก
        Haji ผู้แสวงบุญ
        ชื่ออิสลาม
        ชื่ออิสลาม

        100+ ชื่อมุสลิมผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

        ชื่อความหมาย
        IIbrahim พระบิดาแห่งผู้คนหลากหลาย ชื่อศาสดา ( อับราฮัม )
        Ilias ชื่อศาสดา ( เอลียาห์ )
        Ilyas ชื่อศาสดา
        Imran ชื่อศาสดา
        Jasmir เข้มแข็ง
        Jawdan คุณงามความดี
        Jazib สวย หล่อ
        Jibril เทวทูต ของ อัลเลาะห์ ( กาเบรียล )
        Junayd นักรบ
        Khurram ร่าเริง มีความสุข
        Khursheed ดวงอาทิตย์
        Khush Bakht โชคดี
        Khushtar ล้อมรอบด้วยความสุข
        Lajlaj สหายของศาสดา
        Maimun, Maymun โชคดี
        Marzuq พรจากพระเจ้า
        Masarrat ความสุข
        Mujahid นักรบ ( ในทางของ อัลเลาะห์)
        Najeeb ชาติกำเนิดสูงส่ง
        Omar อายุยืน
        Owais สหาย ของท่านศาสดา ( S.A.W )
        Qasid ทูตสวรรค์
        Qatadah ชื่อของ สหาย ของท่านศาสดา
        Quadir เข้มแข็ง
        Qudamah กล้าหาญ
        Rizq พรของพระเจ้า
        Safeer ทูต
        Safi บริสุทธิ์
        Saheim นักรบ
        Saib ที่เหมาะสม ถูกต้อง
        Sulaiman ชื่อ ผู้เผยพระวจนะ
        Taymullah ผู้รับใช้ของพระเจ้า
        Taymur กล้าหาญ ที่แข็งแกร่ง
        Tayyab สะอาด
        Tayyib ดีหรือละเอียดอ่อน
        Tazeem มีเกียรติ
        Thaqib ดาวตก
        Tharwat ความมั่งคั่ง โชคลาภ ร่ำรวย
        Thawban ชื่อของสหายของท่านศาสดา
        Tihami ชื่อของท่านศาสดา ( S.A.W )
        ตั้งชื่ออิสลาม
        ตั้งชื่ออิสลาม

        100+ ชื่ออิสลาม ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

        ชื่อความหมาย
        Tobias เกิดมาพร้อมกับดาว
        TTaban รุ่งโรจน์ ระยิบระยับ
        Ubaid ซื่อสัตย์
        Ubaidah, Ubaydah ผู้รับใช้ของพระเจ้า
        Ubaydullah คนรับใช้ของ อัลเลาะห์
        Uhban ชื่อของท่านศาสดา ( S.A.W )
        Umair ชาญฉลาด
        Umar ชื่อของพระเจ้ากาหลิบ ที่สอง
        Omar ชื่อของพระเจ้ากาหลิบ ที่สอง
        Uzair ชื่อของท่านศาสดา
        Uzayr ล้ำค่า
        Waliy al Din ผู้รับใช้ ของพระเจ้า
        Waliy Allah ผู้รับใช้ ของพระเจ้า
        Waqas นักรบ
        Waseem หล่อ
        Wasim, Waseem สง่างาม ดูดี
        Yasir ร่ำรวย
        Youssef, Yusef, Yusuf ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจเซฟ )
        Yunus ชื่อศาสดา
        Yunus, Yoonus ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจนาห์ )
        Yushua พระเจ้าทรงช่วย
        Yusuf ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจเซฟ )
        Zafar ชัยชนะ
        Zafir มีชัย
        Zaheer สดใสและ ส่องแสง
        Zahir สดใส ส่องแสง ดอกไม้
        Zaid, Zayd การเจริญเติบโต อุดมสมบูรณ์
        Zain, Zayn ความงาม
        Zakar หล่อ
        Zakariya ชื่อของศาสดา
        Zakariyya ชื่อ ผู้เผยพระวจนะ ( Zakaria )
        Zaki อัจฉริยะ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
        Zaki, Zaky บริสุทธิ์
        Zakir คนที่เชื่อในอัลลอฮ์

        ทีมแม่ ABK หวังว่า ชื่ออิสลามผู้ชาย ทั้ง 100+ ชื่อนี้ จะมีชื่อที่ถูกใจแม่ ๆ นะคะ

        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

        300+ ชื่อผู้ชาย ความหมายดี ปี 2021-2022 ตามวันเกิด

        200+ ชื่ออิสลามผู้หญิง ชื่อมุสลิม ความหมายดี ปี 2021

        300+ ชื่อเล่นลูกชาย อัพเดตล่าสุด 2021!! ไม่ซ้ำ ไม่เชย เท่ล้ำไม่เหมือนใคร

        300+ ชื่อมงคล ผู้หญิง ตามวันเกิดพร้อมความหมายดี ๆ

         

        ขอบคุณข้อมูลจาก : www.muslimthaipost.com, www.halallifemag.com/mulsim-name

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          dixit บอร์ดเกมใบ้คำ

          บอร์ดเกม DiXit ชวนลูกใบ้คำ ฝึกทักษะเล่าเรื่อง โดย พ่อเอก

          บอร์ดเกมหรือเกมที่เคยแนะนำมาทั้งหมดสามารถใช้ผู้เล่นเพียง 2 คนเล่นได้ แต่ บอร์ดเกม DiXit เป็นบอร์ดเกมแรกที่ผมนำมาแนะนำที่ต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน ถึงจะเล่นได้

          บอร์ดเกม DiXit คืออะไร

          DiXit Odyssey เป็นบอร์ดเกมที่เป็นเกมทายรูปภาพจากคำใบ้ ฟังดูเป็นเกมพื้นๆ ซึ่งก็จริง เพราะวิธีการเล่นง่ายมากแต่สนุกสุดๆ ยิ่งคนเล่นเยอะยิ่งสนุก และจะสนุกขึ้นถ้ามีพวกนักใบ้ที่เป็นคนคิดซับซ้อน ผสมกับนักใบ้ที่มีความมั่วเล่นอยู่ในวงเดียวกัน และ DiXit สามารถเล่นได้สูงสุด 12 คน

          ใน website boardgamegeek.com ให้ rating ความสนุกไว้ที่ 7.4 คะแนน ถือว่าไม่น้อยเลย และ complexity 1.18 จากเต็ม 5 ก็ถือว่าเล่นไม่ยาก เกมใช้เวลาเล่นประมาณ 30 นาที และเหมาะกับอายุ 8+ แต่ก็เหมือนทุกเกมที่ทั้งปูนปั้นกับปั้นแป้งเล่นได้ทั้งที่วัยไม่ถึง ซึ่งหมายถึงเด็กๆ ทุกคนเล่นได้เช่นกัน

          Tokyo Highway บอร์ดเกมครอบครัว ชวนลูกสร้างทางด่วน

          ชวนลูกเล่น เกมต่อบล็อคไม้ Katamino Family

          รีวิว Jurassic Snack บอร์ดเกมง่ายๆ สอนลูกรู้จักวางแผน

          บอร์ดเกม dixit
          บอร์ดเกม dixit

          บอร์ดเกม DiXit อุปกรณ์การเล่น

          • บอร์ดนับคะแนน 2 ชิ้น (ตอนเล่นเอามาต่อกันเป็นชิ้นเดียวกัน)
          • การ์ดรูปภาพ 84 ใบ
          • บอร์ดคำตอบ 12 ชิ้น (สำหรับ จำนวนผู้เล่นมากสุด 12 คน)
          • หมุดคำตอบ 24 ชิ้น
          • โทเคนกระต่ายไม้ 12 ตัว (สำหรับ จำนวนผู้เล่นมากสุด 12 คน)
          การ์ดสำหรับใช้เล่าเรื่อง
          การ์ดสำหรับใช้เล่าเรื่อง

          การเตรียมเกม DiXit 

          ประกอบบอร์ดนับคะแนนทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน

          ผู้เล่นเลือกบอร์ดคำตอบสีที่ต้องการพร้อมกับโทเคนกระต่ายสีเดียวกับบอร์ดคำตอบ

          ทุกคนนำโทเคนกระต่ายไปวางที่ช่อง 0 แต้มบนบอร์ดนับคะแนน

          สลับการ์ดรูปภาพทั้ง 84 ใบ แจกให้ผู้เล่นคนละ 6 ใบ ที่เหลือเป็นกองจั่ว (อย่าให้ผู้อื่นเห็นไพ่บนมือเรา)

          • ถ้ามีผู้เล่น 3-6 คน ผู้เล่นแต่ละคนได้หมุดคำตอบคนละ 1 อัน (สีไหนก็ได้)
          • ถ้ามีผู้เล่น 7-12 คน ผู้เล่นแต่ละคนได้หมุดคำตอบคนละ 2 อัน (สีไหนก็ได้)
          การเซ็ทเกม dixit
          การเซ็ทเกม dixit สำหรับ 4 คน

          บอร์ดเกม DiXit วิธีเล่น

          ในแต่ละรอบจะมีนักเล่าเรื่อง 1 คน (ผลัดวนกันไป) ที่ทำหน้าที่ใบ้ภาพของไพ่ในมือที่เลือกไว้ (1 ใบ จาก 6 ใบในมือ แล้วนำมาคว่ำไว้ด้านหน้า) โดยการเล่าเรื่องจะเป็นการใบ้ภาพ ซึ่งใช้เป็น คำหนึ่งคำ เรื่องเล่ายาวสั้น เป็นเพลง ชื่อหนัง โคลงกลอน อะไรก็ได้ที่สื่อถึงภาพตัวเอง โดยไม่ต้องสื่อสารให้ตรงเป๊ะๆ ก็ได้

          เมื่อนักเล่าเรื่องเล่าเสร็จ ผู้เล่นคนอื่นเลือกการ์ดในมือตนเอง ที่คิดว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่นักเล่าเรื่องเล่ามาที่สุด แล้วคว่ำการ์ดนั้นส่งให้นักเล่าเรื่อง นักเล่าเรื่องจะสลับการ์ดทุกใบที่รับมารวมกัน แล้วค่อยๆ สุ่มเปิดการ์ดวางเปิดบนบอร์ดนับคะแนนเรียงลำดับ 1-12

          ผู้เล่นทุกคน จะเลือกว่ารูปไหนหน้าจะเป็นการ์ดของนักเล่าเรื่อง แล้วเลือกคำตอบนั้นโดยการปักหมุดบนการ์ดคำตอบของตัวเอง อย่าให้ใครเห็น

          ปักหมุดคำตอบ
          ปักหมุดคำตอบของตัวเอง อย่าให้ใครเห็น

          เมื่อทุกคนเลือกเสร็จ ก็ให้ทุกคนเปิดบอร์ดคำตอบตัวเองว่าเลือกเลขใด แล้วผู้เล่าเรื่องจะทำการเฉลยว่าการ์ดใบไหนเป็นของตนเอง

          Note :

          1) ผู้เล่น ห้ามเลือกการ์ดตัวเอง

          2) กรณีเล่น 7-12 คน สามารถเลือกได้ 2 คำตอบ

          บอร์ดเกม DiXit การนับคะแนน

          • หากผู้เล่นทุกคนทายถูกหมด หรือ ผู้เล่นทุกคนทายผิดหมด : ผู้เล่นทุกคนจะได้คนละ 2 คะแนน เว้นนักเล่าเรื่องจะได้ 0 คะแนน เพราะถือว่าเล่า ยากหรือง่ายไป
          • หากมีผู้เล่นบางคนตอบถูก และบางคนตอบผิด : ผู้ที่ตอบถูกและนักเล่าเรื่องจะได้คนละ 3 คะแนน คนที่ตอบผิดได้ 0 คะแนน
          • ผู้เล่นที่ไม่ใช่นักเล่าเรื่อง แต่มีคนมาเลือกการ์ดภาพตนเอง : จะได้โบนัส 1 คะแนนต่อ 1 โหวตที่มาเลือก แต่ไม่เกิน 3 คะแนนต่อรอบ
          คะแนนบนกระดานคะแนน
          คะแนนบนกระดานคะแนน

          จบรอบ

          • ผู้เล่นทุกคนจั่วไพ่ใหม่คนละใบจากกองให้บนมือกลับมาครบ 6 ใบ
          • การ์ดที่เล่นในรอบที่ผ่านมา เก็บออกจากบอร์ดเป็นกองทิ้ง
          • ผู้เล่นทางซ้ายของนักเล่าเรื่องคนก่อนเป็นคนเล่าคนถัดไป
          • หากไพ่ในกองจั่วหมด ให้เอากองทิ้งมาสลับและเติมเข้าไป

          จบเกม

          เกมจบลงเมื่อมีผู้เล่นที่ได้ครบ 30 คะแนนก่อน

          กฏพิเศษสำหรับการเล่น 3 คน

          เพื่อให้สนุกขึ้นคือ ให้แจกการ์ดให้ผู้เล่นแต่ละคน 7 ใบแทนที่จะเป็น 6 ใบ และตอนส่งการ์ดรูปภาพให้นักเล่าเรื่องจะต้องส่ง 2 ใบ (แทนที่จะเป็น 1 ใบ) ทำให้จะมีการ์ด 5 ใบบนบอร์ดนับคะแนนเสมอ

          ปั้นแป้งกำลังเล่าเรื่อง
          ปั้นแป้งกำลังเล่าเรื่อง ยิ่งเล่นบ่อย ยิ่งใบ้คำเก่ง

          ประโยชน์ของการ ชวนลูกเล่น บอร์ดเกม DiXit

          เกมนี้ได้หัดเรื่องการใช้ภาษา การเล่าเรื่อง ไหวพริบปฏิภาณในการผูกโยงเรื่องที่ฟังเข้ากับภาพที่เห็น ไหวพริบในการเล่าเรื่องเพื่อให้ผู้ฟังตีความได้ยาก ยกตัวอย่างที่ผมเล่นกับลูก เช่น

          การ์ดรูปเด็กยืนเขียนชอล์คบนกระดานดำ ผมก็เล่าว่า ตกใจแทบตาย ซึ่งลูกๆ ก็จะพยายามหาการ์ดที่สื่อถึงการตกใจ แต่ตอนเฉลย ผมก็เฉลยว่า ตกใจแทบตาย = ช็อค (shock) และพ้องเสียงกับ ชอล์ค (chalk) ก็จะเรียกเสียงฮาจากลูกๆ ได้

          หรือ ปูนปั้นเคยได้รูปคล้ายหอไอเฟล ปูนปั้นใบ้ว่า วันนี้เป็นวันอะไร แล้วตอนเฉลยมันคือวันเสาร์ ซึ่งก็เป็นเสาร์หอไอเฟล

          ส่วนปั้นแป้งจะยังใสซื่อไร้เดียงสา แรกๆ ก็มักจะใบ้อะไรตรงๆ ที่มีในภาพ และก็โดนทายถูกประจำ พอเล่นบ่อยขึ้นก็จะมีมุกขึ้น ก็จะเริ่มใบ้แบบ “รวยมาก” ซึ่งบางทีในภาพอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่มันเป็นของมีค่าในสายตาเด็ก พอเฉลยก็ได้ฮากันไป

          ความสนุกมันจึงอยู่ตรงการเล่าเรื่อง ที่ยิ่งเล่นบ่อยก็จะยิ่งสลับซับซ้อนขึ้น โดยเรื่องที่เล่าจะมาผูกกับประสบการณ์ที่ได้พบเจอ และมาฮากันตอนเฉลย ที่ทำให้งงไปตามๆ กันว่า มันต้องตีความกันขนาดนั้นเลยรึนี่

           


          ชวนลูกเล่นบอร์ดเกมนอกจากได้ความสนุกสนาน ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวแล้ว ยังช่วยให้เกิด Power BQ หลายด้านทั้งความฉลาดจากการเล่น Play Quotient (PQ)  ความฉลาดทางสติปัญญา Intelligenct Quotient (IQ) และ Thinking Quotient (TQ) ฉลาดคิดเป็น ผ่านกการวางแผนการเล่น การวางแผนใช้ทรัพยากร ทั้งยังช่วยสร้างจินตนาการให้ลูกมี Creativity Quotient (CQ) ด้วยการตั้งคำถามจากเกม รวมถึงต่อยอดชวนลูกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดอีกด้วย


          >แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

          หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

          ติดตามเพจหมุนรอบลูก

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

          Patchwork บอร์ดเกมยอดนิยม เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นเพลิน โดยพ่อเอก

          รีวิว Quoridor และ Pylos เกมส์ไม้ เสริมพัฒนาการ โดยพ่อเอก

          ชวนเล่น! Splendor จุดประกายลูก สนุกกับบอร์ดเกม โดย พ่อเอก

           

          Monopoly เกมเศรษฐี บอร์ดเกมยอดฮิต ฝึกลูกวางแผนการเงิน โดยพ่อเอก

           

            ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย ชื่อมงคล

            ชื่อไทย ชื่อมงคลตามตำราโหราศาสตร์ไทยเพื่อลูกน้อย!

            เกิดเป็นคนไทย อยากตั้งชื่อลูกแบบไทย ๆ ชื่อไทย เพราะๆ ความหมายดีๆ เป็นมงคล ตรงตามหลักโหราศาสตร์ไทย จัดมาให้เลือกพร้อมกันที่นี่! เพราะชื่อดีเป็นศรีแก่ตัว

            ชื่อไทย ชื่อมงคลตามตำราโหราศาสตร์ไทยเพื่อลูกน้อย!

            ภาษาไทย เป็นภาษาที่สวยงาม ไพเราะ แถมมีความหมายดี ๆ มงคลมากมาย การตั้งชื่อลูกเป็นชื่อไทย ชื่อมงคล จึงยังคงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไม่น้อย อีกทั้งยังมีความเข้าใจง่าย เพราะเป็นภาษาแม่ ภาษาถิ่นในเมืองเกิดนั่นเอง

            ตำราโหราศาสตร์ไทย ตำราที่ว่าด้วยดวงดาว ฤกษ์ยาม ความมงคล พ่อแม่ที่อยากตั้งชื่อลูกให้เป็นชื่อไทย ก็ควรระลึกถึงชื่อที่เข้าตำราดังกล่าวจะเป็นการดี เพิ่มความสิริมงคล โชคลาภให้แก่ลูกน้อย โดยตำราโหราศาสตร์ไทยนั้นมีมากมายหลายวิธี แต่วันนี้ ทีมแม่ ABK ขอนำเอาวิธีที่ง่ายที่สุดในศาสตร์การตั้งชื่อ นั่นคือ ตั้งตามวันเกิด ซึ่งการนับวันตามแบบไทยนั้น จะมีวิธีการนับที่มีรายละเอียด ดังนี้

            ตั้งชื่อลูก ตามตำราโหราศาสตร์ไทย
            ตั้งชื่อลูก ตามตำราโหราศาสตร์ไทย

            ทักษาประจำวันเกิด การนับเวลาเกิดตามแบบไทย

            แบบโหราศาสตร์ไทยจะนับเริ่มต้นวันที่ 06.00 – 05.59 น. ของอีกวันเป็นวันเดียวกัน

            เกิดวันอาทิตย์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันจันทร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันอาทิตย์
            เกิดวันจันทร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันอังคาร เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันจันทร์
            เกิดวันอังคารเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันพุธ เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นอังคาร
            เกิดวันพุธเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เย็นวันพุธเวลา 17.59 (5โมง.59นาที) นับเป็นพุธกลางวัน
            เกิดวันพุธเวลา 18.00 (6 โมงเย็น) – เช้าวันพฤหัส เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นพุธกลางคืน
            เกิดวันพฤหัสเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันศุกร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันพฤหัส
            เกิดวันศุกร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันเสาร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันศุกร์
            เกิดวันเสาร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันอาทิตย์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันเสาร์

            นอกจากนี้ ยังมีคำศัพท์ที่เราควรทำความเข้าใจกับความหมาย เพื่อที่ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องการเสริมดวงด้านไหนแก่ชื่อของลูกก็ควรเน้น ตัวอักษรที่ตรงตามด้านนั้นกับวันเกิดของลูกน้อย ก็จะยิ่งเสริมในจุดที่เด่น เพิ่มมงคลมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

            บริวาร คนที่อยู่ใกล้ชิด สามี ภรรยา ลูก คนรับใช้ ญาติพี่น้อง เพื่อน ผู้อยู่ในอุปการะ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
            อายุ ชีวิตความเป็นอยู่ วิถีทางการดำเนินชีวิต สุขภาพร่างกาย ความแข็งแรง
            เดช อำนาจ วาสนา บารมี ลาภ ยศ สรรเสริญ เกียรติ์ ศักดิ์ศรี ชื่อเสียง อิทธิพล ตำแหน่ง หน้าที่การงานสภาพสังคม การศึกษา การทำงาน
            ศรี โชคลาภ มงคลทั้งปวง ความสำเร็จ ความสมหวัง เสน่ห์ ความเมตตามหานิยม เงินทอง คุณงามความดีทั้งหลาย
            มูละ เงินทอง ทรัพย์สิน มรดก หลักทรัพย์ ความมั่นคง ที่ดิน หลักทรัพย์ทางเศรษฐกิจ
            อุตสาหะ ความขยันหมั่นเพียร อาชีพ การทำงาน ความพากเพียร เพื่อความสำเร็จของชีวิต ความคิดใหม่ๆ ความกระตือรือร้นต่างๆ
            มนตรี การมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ช่วยเหลือ ค้ำจุนเกื้อกูลด้วยความเอ็นดู ทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ครู อาจารย์ เจ้านาย ผู้ที่อาวุโสกว่า
            กาลกิณี ความทุกข์ระทม ความอาภัพ อัปมงคล ไร้โชค เคราะห์ร้าย ความชั่ว อุปสรรค ความเจ็บป่วย ความผิดหวัง ความทุกข์เสียใจ ความพลัดพราก ศัตรู

            จุดที่สำคัญในการเลือกชื่อไทยของลูก ตามหลักโหราศาสตร์ไทยในแบบง่าย ๆ นี้ ให้คุณพ่อคุณแม่เน้นเลี่ยงคำที่อยู่ในช่องกาลกิณี ไม่ให้มีในชื่อของลูก ที่เกิดวันนั้น ๆ พอจะเข้าใจหลักการคร่าว ๆ กันแล้ว เรามาเริ่มต้นดูตัวอักษรที่เหมาะกับวันต่าง ๆ และตัวอย่างชื่อทั้งชาย และหญิงกันเลยดีกว่า

            ชื่อไทย ตามวันเกิด เป็นมงคล
            ชื่อไทย ตามวันเกิด เป็นมงคล

             เด็กเกิดวันอาทิตย์ 

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันอาทิตย์อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮ

            ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายเกิดวันอาทิตย์เป็นมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กันต์กันน่ารัก น่าพอใจ
            เขมนันท์เข-มะ-นันยินดีในความปลอดภัย
            คณาธิปคะ-นา-ทิบผู้เป็นหัวหน้า
            คิรากรคิ-รา-กอนกระทำซึ่งถ้อยคำ พูดเก่ง พูดดี
            คุณากรคุ-นา-กอนบ่อเกิดแห่งความดี
            จารุวัฒน์จา-รุ-วัดผู้มีความเจริญรุ่งเรือง
            จิรเมธจิ-ระ-เมดมีความรู้ตลอดกาลนาน มีความฉลาดนาน
            ฉันทัชฉัน-ทัดผู้เกิดมาด้วยความพอใจ
            ชญานนท์ชะ-ยา-นนยินดีในความรู้
            ชนกันต์ชะ-นะ-กันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย
            ชยพลชะ-ยะ-พนมีพลังคือชัยชนะ
            ชัชรินทร์ชัด-ชะ-รินผู้เป็นใหญ่
            ฐากูรถา-กูนที่เคารพ
            ณภัทรนะ-พัดดีงามด้วยความรู้
            เดชาธรเด-ชา-ทอนทรงไว้ซึ่งเดช
            ภาณุภัทรพา-นุ-พัดเจริญด้วยแสงสว่าง พระอาทิตย์

            ตัวอย่างชื่อไทย ผู้หญิงวันอาทิตย์เป็นมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กชมนกด-ชะ-มนมีใจประเสริฐเหมือนดอกบัว
            กนกรดากะ-หนก-ระ-ดายินดีในทอง
            กรรวีกอน-ระ-วีรัศมีแห่งพระอาทิตย์
            เขมิกาเข-มิ-กามีความเกษมสันต์
            จารวีจา-ระ-วีผู้งดงาม
            จิณัฐตาจิ-นัด-ตาความเป็นผู้ฉลาดที่ได้สั่งสมมา
            โชติมนต์โช-ติ-มนประเสริฐในความรู้
            ญาณินยา-นินผู้มีความรู้
            ฐิตาภาทิ-ตา-พามีรัศมีมั่นคง รุ่งเรืองนาน
            ธนัญญาทะ-นัน-ยามีความรู้เรื่องทรัพย์
            ธัญชนกทัน-ชะ-นกให้เกิดสิริมงคล หรือให้เกิดโชค
            ธันยวีร์ทัน-ยะ-วีมีโชคและมีความกล้า
            เบญญาภา เบน-ยา-พารุ่งเรืองด้วยปัญญา
            บุณยาพรบุน-ยา-พอนดีและประเสริฐ ประเสริฐด้วยความดี
            ปภาวีปะ-พา-วีผู้มีอำนาจ
            รินรดาริน-ระ-ดาผู้ยินดีหรือรื่นเริงอยู่เสมอ
            ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย เสริมดวง
            ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย เสริมดวง

            เด็กที่เกิดวันจันทร์

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันจันทร์ก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศ

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันจันทร์เสริมมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กมลภพกะ-มน-ละ-พบผู้เกิดจากดอกบัว คือพระพรหม
            กฤตกริดกระทำแล้ว
            คมกฤชคม-กริดคมของกริช
            ชยธรชะ-ยะ-ทอนทรงชัย
            ชลธรชน-ละ-ทอนผู้ทรงไว้ซึ่งน้ำ คือทะเล
            ตฤณตรินหญ้า
            ธนกรทะ-นะ-กอนสร้างทรัพย์สิน
            วรนนวอ-ระ-นนมีใจประเสริฐ

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงที่เกิดวันจันทร์เสริมมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กชอรกด-ชะ-ออนหญิงงามดุจดอกบัว
            กนกพรกะ-หนก-พอนทองประเสริฐ
            ธมนวรรณทะ-มน-วันมีผิวพรรณสวยงาม
            พรรณปพรพัน-ปะ-พอนมีผิวพรรณประเสริฐ
            ภคพรพะ-คะ-พอนมีโชคเป็นพร

             เด็กที่เกิดวันอังคาร  

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันอังคารจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ ง

            ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายที่เกิดวันอังคารเป็นมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            จรณินท์จะ-ระ-นินเป็นใหญ่เพราะความประพฤติดี
            จารุเดชจา-รุ-เดดมีเดชงดงาม
            จิรวินจิ-ระ-วินผู้มีอายุยืนยาวมพอใจ
            ชฎาธรชะ-ดา-ทอนพระศิวะ
            ชนานันท์ชะ-นา-นันยินดีในหมู่คน
            ชยพัทธ์ชะ-ยะ-พัดเกี่ยวเนื่องกับความชนะ
            ณพิชญ์นะ-พิดนักปราชญ์
            ณัฐพลนัด-ถะ-พนพลังแห่งนักปราชญ์
            เดชาธรเด-ชา-ทอนทรงไว้ซึ่งเดช
            เตโชดมเต-โช-ดมมีเดชสูงสุด
            ธนดลทะ-นะ-ดนบันดาลทรัพย์
            ธนเดชทะ-นะ-เดดมีทรัพย์เป็นอำนาจ
            ชื่อไทย เด็กผู้หญิงที่เป็นมงคล
            ชื่อไทย เด็กผู้หญิงที่เป็นมงคล

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงวันอังคารเสริมมงคล

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            ชฎารัตน์ชะ-ดา-รัดมงกุฎแก้ว
            ญาณิดายา-นิ-ดามีความรู้
            ฐปนีย์ถะ-ปะ-นีผู้มีความตั้งมั่น
            ฐิติภาถิ-ติ-พาแสงสว่าง
            ธวัลยาทะ-วัน-ยาบริสุทธิ์
            นภาลัยนะ-พา-ลัยฟากฟ้า
            นรียานะ-รี-ยาสตรี
            ภัทรวรรณพัด-ทระ-วันมีผิวพรรณดีงาม
            หทัยรัตน์หะ-ไท-รัดแก้วใจ
            ธัญสิริทัน-ยะ-สิ-หริโชคดีและเป็นมิ่งขวัญ

              เด็กเกิดวันพุธ  

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันพุธกลางวันฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญ
            วันพุธกลางคืนย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
            ชื่อไทย ชื่อเด็กชายหญิง ความหมายดี ๆ
            ชื่อไทย ชื่อเด็กชายหญิง ความหมายดี ๆ

            ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายที่เกิดวันพุธกลางวัน

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กรวีร์กอ-ระ-วีกล้าหาญในการทำงาน
            กีรติกี-ระ-ติผู้มีเกียรติ
            ฐากูรถา-กูนที่เคารพ ผู้น่าเลื่อมใส
            ณรงค์ฤทธิ์นะ-รง-ริดมีฤทธิ์ในการรบ
            ตุลธรตุน-ละ-ทอนทรงไว้ซึ่งความเที่ยงตรง
            ทัพพ์ทับทรัพย์สมบัติ
            ปกรณ์ปะ-กอนคัมภีร์
            ภรัณยูพะ-รัน-ยูผู้ปกป้อง

            ตัวอย่างชื่อไทย ผู้หญิงเกิดพุธกลางวัน

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กมลเนตรกะ-มน-เนดตางามดุจดอกบัว
            กานต์ธีรากาน-ที-รานักปราชญ์ผู้เป็นที่รัก
            คคนางค์คะ-คะ-นางท้องฟ้า
            ฐานิตาถา-นิ-ตาผู้มีฐานะ
            ณัฐนรีนัด-นะ-รีหญิงสาวผู้เป็นนักปราชญ์
            ธันยพรทัน-ยะ-พอนมีโชคอันประเสริฐ
            นารานา-รารัศมีรุ่งเรือง
            บัณฑิตาบัน-ดิ-ตาผู้ฉลาด ผู้มีความรู้

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายที่เกิดวันพุธกลางคืน

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กฤตยชญ์กริด-ตะ-ยดนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียน
            โกลัญญาโก-ลัน-ยาสตรีผู้เกิดในตระกูลสูง
            จิรกิตติ์จิ-ระ-กิดมีชื่อเสียงยืนนาน
            ชญานนท์ชะ-ยา-นนยินดีในความรู้
            วรัชญ์วะ-รัดผู้รู้สิ่งที่ประเสริฐ
            ศตนันท์สะ-ตะ-นันมีความยินดีตั้งร้อย มีความยินดีมาก
            ศิรชัชสิ-ระ-ชัดนักรบผู้ยอดเยี่ยม
            อติวิชญ์อะ-ติ-วิดนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีตระกูลสูง

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันพุธกลางคืน

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            คันธารัตน์คัน-ทา-รัดกลิ่นแก้ว
            จารุกัญญ์จา-รุ-กันหญิงสาว (งาม) ดังหนึ่งทอง
            ฉันท์ชนกฉัน-ชะ-นกผู้ให้เกิดความพอใจ
            คุณิตาคุ-ณิ-ตาผู้มีคุณงามความดี
            จารีรัตน์จา-รี-รัดผู้ประพฤติดี
            ชลิตาชะ-ลิ-ตาผู้รุ่งเรืองแล้ว

              เด็กเกิดวันพฤหัสบดี  

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันพฤหัสบดีบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ น
            ชื่อไทยเด็กหญิง เสริมดวง ความหมายอ่อนหวาน
            ชื่อไทยเด็กหญิง เสริมดวง ความหมายอ่อนหวาน

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันพฤหัสบดี

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            ชฎายุชะ-ดา-ยุลูกแห่งครุฑ
            ชยังกูรชะ-ยัง-กูนหน่อเนื้อเชื้อไขแห่งชัยชนะ
            ญาณกรยา-นะ-กอนผู้สร้างความรู้ รุ่งเรืองด้วยความรู้
            ณัฏฐากรนัด-ถา-กอนบ่อเกิดแห่งปัญญา
            พิรัชย์พิ-รัดชัยชนะของวีรบุรุษ
            ภูมิรพีพูม-ระ-พีผู้เป็นดุจพระอาทิตย์ในแผ่นดิน
            ชยากรชะ-ยา-กอนบ่อเกิดแห่งชัยชนะ
            ฐาปกรณ์ถา-ปะ-กอนตำรา

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันพฤหัสบดี

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            จุฬาลักษณ์จุ-ลา-ลักมีลักษณะเลิศโฉมงาม
            ญาณิศายา-นิ-สาเป็นใหญ่ด้วยความรู้
            ฐิรญาถิ-ระ-ยามีความรู้ยั่งยืน
            ลักษิกาลัก-สิ-กาสตรีผู้มีบุญวาสนา
            สาริศาสา-ริ-สาเจ้าแห่งแก่นสาร
            จีรวรรณจี-ระ-วันผู้สวยนาน
            ชญาภาชะ-ยา-พาผู้มีราศีแห่งชัยชนะ
            อรปรียาออน-ปรี-ยานางผู้เป็นที่รัก

              เด็กที่เกิดวันศุกร์   

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันศุกร์ส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤ

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันศุกร์

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            เขมินท์เข-มินมีความเกษมอันยิ่งใหญ่ ปลอดภัย
            คณพิชญ์คะ-นะ-พิดรู้เรื่องหมู่, รู้เรื่องคณะ
            คณุฒน์คะ-นุดประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย
            เจตนิพัทธ์เจด-นิ- พัดมีความคิดมั่นคง
            ชนกชนม์ชะ-นก-ชนเกิดจากบิดา
            ปุณณัตถ์ปุน-นัดผู้สมปรารถนา สมประสงค์
            พิชาญเมธพิ-ชาน-เมดผู้ชำนาญและมีปัญญา
            สุทมาตม์ว่า สุด-ทะ-มาดข่มใจตนเองได้ดี, ดูแลตนเองได้ดี
            กฤตินกริด-ตินผู้คงแก่เรียน
            เขมทัตเข-มะ-ทัดผู้ให้ความเกษม
            คณินคะ-นินเป็นใหญ่ในคณะ
            ณัฐกฤตนัด-ถะ-กริดสร้างให้เป็นนักปราชญ์

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันศุกร์

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กชนิภากด-ชะ-นิ-พาเสมือนดอกบัว บริสุทธิ์เหมือนดอกบัว
            คุณิตาคุ-นิ-ตาผู้มีคุณงามความดี
            จิณณพัตจิน-นะ-พัดผู้ประพฤติตามระเบียบแบบแผน
            ชนัญชิดาชะ-นัน-ชิ-ดาผู้ชนะคนอื่น
            นิฏฐานิด-ถาสำเร็จ
            เบญญาเบน-ยาฉลาด
            มานิดามา-นิ-ดาผู้ที่คนนับถือ
            ปณิตาปะ-นิ-ตาได้รับการสรรเสริญ ประณีต
            พิจักขณาพิ-จัก-ขะ-นามีปัญญาเห็นประจักษ์ ผู้ฉลาดยิ่ง
            อติกานต์อะ-ติ-กานเป็นที่รักยิ่ง
            อติญาอะ-ติ-ยาพิเศษ
            พ่อแม่เลือกชื่อที่ดีที่สุดแก่ลูก ชื่อไทย มงคล
            พ่อแม่เลือกชื่อที่ดีที่สุดแก่ลูก ชื่อไทย มงคล

              เด็กที่เกิดวันเสาร์  

            วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
            วันเสาร์ด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณ

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายที่เกิดวันเสาร์

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            กนต์ธรกน-ทอนผู้ทรงไว้ซึ่งสิ่งที่เป็นที่รัก
            เขมินทร์เข-มินมีความเกษมอันยิ่งใหญ่
            ธนทัตทะ-นะ-ทัดมีทรัพย์
            นทีบดีนะ-ที-บอ-ดีเจ้าแห่งแม่น้ำ
            ปพนธนัยปะ-พน-ทะ-ไนแต่งความ วิธีประพันธ์
            ธนัชทะ-นัดเกิดจากทรัพย์ คนร่ำรวย
            เมธัสเม-ทัดผู้มีปัญญา นักปราชญ์
            วรัชญ์วะ-รัดผู้รู้สิ่งที่ประเสริฐ
            โยธินโย-ทินผู้ชนะ
            ปพนธีร์ปะ-พน-ทีนักปราชญ์ผู้บริสุทธิ์
            อริญชย์อะ-รินผู้ชนะศัตรู

            ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงที่เกิดวันเสาร์

            ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
            เขมินทราเข-มิน-ทรามีความเกษมอันยิ่งใหญ่ ปลอดภัย
            คะนึงนิตย์ว่า คะ-นึง-นิดคิดทบทวนอยู่ตลอด คิดถึงอยู่ตลอด
            ชนัญชิดาชะ-นัน-ธิ-ดาผู้ชนะคนอื่น
            ดมิสาดะ-มิ-สาเจ้าเหนือความมืด พระจันทร์
            ภคนางค์พะ-คะ-นางผู้มีร่างกายนำโชค
            รมิตาระ-มิ-ตาผู้รื่นรมย์ ผู้มีความสุข
            ภวิกาพะ-วิ-กามีความเจริญ
            ชุติภาชุ-ติ-พารัศมีรุ่งโรจน์
            ธารินันท์ทา-ริ-นันความสดชื่นรื่นเริง
            ลัลน์ลลิตลัน-ละ-ลิดสาวสวย
            ข้อมูลอ้างอิงจาก horo.teenee.com/wongnai.com

            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

            โปรแกรมตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ชื่อมงคล ความหมายดี เยอะที่สุด

            300+ ชื่อมงคล ผู้หญิง ตามวันเกิดพร้อมความหมายดี ๆ

            คิดให้ดีก่อน ตั้งชื่อลูก เมื่อลูกโดนล้อเพราะชื่อฟรุ้งฟริ้ง!!

            600 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูกสาว ชื่อเล่นผู้หญิง เพราะๆ น่ารักมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              อุ้ม นพรรต

              เคล็ดลับ Happy Life สร้างพื้นที่แห่งความสุขให้ลูกน้อยโดย “คุณแม่อุ้ม นพรรต”

              “อุ้ม นพรรต นพปศักดิ์” คุณแม่บล็อกเกอร์ เจ้าของเพจ Aum Napat สุดฮอตที่มีแฟนๆ ติดตามเธอกว่า 8 แสนคน เชื่อว่าทุกคนที่ติดตามคุณอุ้ม นอกจากจะได้เสพความสุข ได้ความรู้ไปกับเมนูอร่อย ทำง่าย ก็ยังจะได้พลังในการเลี้ยงลูกแบบ Feel Good ไปด้วย

              คุณแม่อุ้มผู้มีความสุขกับการทำอาหาร ใส่เสื้อผ้าสวยๆ นั่งชิลตามคาเฟ่ ไลฟ์สไตล์ของเธอได้ถูกต่อยอดเป็นเพจ Aum Napat และมีธุรกิจเสื้อผ้า เปิดร้านคาเฟ่ เธอได้ทำงานที่รัก ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และเลี้ยงน้องอุนยาย ลูกสาววัย 4 ขวบให้เติบโตอย่างมีความสุข วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปเปิดเคล็ดลับในการเลี้ยงลูก และการสร้างความสุขในชีวิตของคุณแม่อุ้ม นรรพต และน้องอุนยายกันค่ะ

              แรงบันดาลใจในการทำเพจ Aum Napat

              คุณอุ้ม : เริ่มครั้งแรกเลยที่อินสตาแกรมมีวิดีโอ 15 วินาที วันนั้นเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านอุ้ม แล้วเราทำเมี่ยงปลาทูกินกัน เพื่อนก็แนะนำให้ถ่ายวิดีโอลงอินสตาแกรม อุ้มเลยแชร์เมนูนี้ลงอินสตาแกรมไป และจากวันนั้นก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นๆ แบบ Amazing มากค่ะ จนวันหนึ่งที่อุ้มขายของอยู่ที่จตุจักร ก็มีลูกค้าต่างชาติซึ่งประเทศเขาน่าจะใช้อินสตาแกรมไม่ค่อยได้ ก็เลยอยากให้อุ้มทำเพจ จึงเป็นที่มาของการที่อุ้มได้ทำเพจ Aum Napat ค่ะ

              เพจ คือ ภาพสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของคุณแม่อุ้ม

              คุณอุ้ม : คอนเทนต์ที่แชร์ในเพจของอุ้มส่วนใหญ่เป็นอาหารค่ะ จริงๆ แล้วอุ้มไม่ได้สร้างเพจขึ้นมาเพื่อทำรายได้หรือทำธุรกิจ แต่เป็นการทำเพจขึ้นมา เพื่อแชร์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งอาหารจะเป็นหลักเลยที่อุ้มแชร์บ่อย จากนั้นเป็นการเที่ยว เพราะเราขายเสื้อผ้า เราก็ไปตามร้านคาเฟ่ต่างๆ ก็เลยได้เที่ยวไปด้วย พออุ้มมีลูกก็เลยแชร์เรื่องลูกไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือคอนเทนต์ค่อนข้างไปตามไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงชีวิตของเราค่ะ

              จุดเริ่มต้นในการให้ลูกทานแบบ BLW

              ให้ลูกทานแบบ BLW พัฒนากล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง

              คุณอุ้ม : อุ้มจำได้ว่าให้ลูกทานด้วยมือครั้งแรกตอนไปเที่ยวมัลดีฟส์ ตอนนั้นอุนยายอายุประมาณ 10 เดือน เราไปนั่งทานข้าวกันที่ล็อบบี้ และอุ้มก็เห็นครอบครัวฝรั่งซึ่งมีลูกอายุใกล้ๆ กับอุนยาย เขาเอาข้าววางให้ลูกกิน แล้วลูกก็กินแบบเลอะเลย ซึ่งตอนแรกอุ้มคิดว่าจะให้ลูกกิน BLW ต้องรอโตกว่านี้ แต่พอได้เห็นแบบนั้น มื้อนั้นอุ้มก็ให้ลูกกินข้าว ทำแบบฝรั่งเขาเลย ก็เลยเป็นครั้งแรกที่ให้ลูกทานด้วยมือเอง ส่วนอาหารที่อุ้มแพ็คฟรีซไปสรุปไม่ได้ใช้เลย

              ผลที่ได้รับ อุ้มคิดว่ามันค่อนข้างชัดเจนมากๆ เพราะว่ามันเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ในการใช้กล้ามเนื้อมือของเขา อุ้มรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อของเขาแข็งแรงขึ้น เวลาเขาหยิบจับของต่างๆ เช่น ของใช้ ขวดนม แม้กระทั่งเวลาที่อุ้มเริ่มสอนเขาหัดจับช้อนส้อม หรือว่าเริ่มมาทำกับข้าวพร้อมอุ้ม เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ

              ลูก คือ ภาพสะท้อนตัวตนของพ่อแม่          

              คุณอุ้ม : ในการเลี้ยงลูกของอุ้ม สิ่งที่อุ้มกำหนดชัดเจนคือ กินเป็นเวลา เช้า กลางวัน เย็น บ่ายมีของว่าง ส่วนไลฟ์สไตล์การเลี้ยงลูก อุ้มปล่อยให้เขาเรียนรู้ไปตามธรรมชาติ สบายๆ อย่างเช่น พาไปเล่นนอกบ้าน เล่นเครื่องเล่นต่างๆ ก็จะไม่ค่อยห้าม อย่างแม่บางคนจะระวังนั่นนี่ ระวังล้ม แต่สำหรับอุ้มไม่กลัว ให้เขาล้มไปเอง แล้วเขาจะเรียนรู้ว่าเขาจะเจ็บนะ แต่ระหว่างนั้น เราก็ต้องดูด้วยว่าสภาพแวดล้อมตรงนั้นมันปลอดภัย พูดง่ายๆ ว่าเราเลี้ยงลูกให้เขามีประสบการณ์ด้วยตัวเองและเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน ลูกคือภาพสะท้อนของพ่อแม่จริงๆ  ยกตัวอย่างเช่น การทำอาหาร อุ้มไม่เคยบังคับให้อุนยายทำเลย แต่เขาเห็นเราทำในชีวิตประจำวัน เขาก็อยากทำตาม เวลาเขาอยู่กับคุณพ่อ คุณพ่อเขาพิมพ์คอมพิวเตอร์ เขาก็ทำท่าพิมพ์เหมือนกัน เขาเลียนแบบพฤติกรรมของเรา

              ของใช้สำหรับลูก ต้องทดลองและเปรียบเทียบ

              คุณอุ้ม : บ้านเราโชคดีมากๆ เลยที่มีหลายๆ ท่านส่งผลิตภัณฑ์หลายอย่างมาให้ได้ลองใช้ ก็เลยทำให้อุ้มได้เปรียบเทียบแล้วก็ได้รู้ว่าอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับอุนยาย อุนยายใช้แล้วแพ้หรือไม่แพ้นะคะ อย่างเช่น ผ้าอ้อม อุ้มใช้มาแล้วทุกยี่ห้อ สุดท้ายก็มาจบที่เมอร์รี่ส์ (Merries) เพราะว่า อย่างแรกเลย อุนยายไม่เคยแพ้เลย แล้วก็ไม่เคยมีรอยแดงในการใช้ Merries เลย

              เมอร์รี่ส์

              และที่อุ้มชอบก็คือ เขาซึมซับน้ำได้ดีมากเลย ไม่เลอะออกมาจากผ้าอ้อม รวมถึงสัมผัสแรกที่จับ คือมันนุ่มมาก ลูกใส่แล้วไม่เคยเกิดระคายเคืองเวลาที่ใช้ Merries เราก็รู้สึกประทับใจค่ะ

              ผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์

              การได้ทำอาหารกับลูก คือความสุขแบบง่ายๆ สไตล์ อุ้ม นพรรต

              คุณอุ้ม : ความสุขของอุ้มง่ายๆ ก็คือ การได้อยู่กับต้นไม้ ได้อยู่ในครัวค่ะ และตอนนี้ลูกได้มาทำอาหารกับอุ้มแล้ว ก็เหมือนได้ส่งต่อความสุขนี้ให้กับอุนยาย ได้ใช้เวลาด้วยกัน เพราะเรามีเวลาให้กับเขา เขาก็ Happy ค่ะ

              ผ้าอ้อม Merries

              เคล็ดลับสร้างความสุข เติมพลังบวกในการเลี้ยงลูกช่วงโควิด

              คุณอุ้ม : การเลี้ยงลูกในช่วงโควิด สำหรับตัวอุ้ม คิดว่ามันเครียดในทุกๆ วัยเลยไม่ว่าจะ 1 เดือน 2 เดือน ยิ่งช่วงนั้นเราไม่มีประสบการณ์เลี้ยงลูกเลย จนมาถึงวันนี้ 4 ขวบแล้ว ก็มีประสบการณ์พอสมควรแล้ว แต่ว่าเราก็เหมือนยังอ่อนหัด เพราะฉะนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเรียนรู้ไปตลอด ก็อยากส่งต่อความสุขให้กับคุณแม่นะคะ บางทีเครียดเราก็พยายามหันไปทางอื่นบ้าง คิดว่าเราก็ไม่ใช่คนเดียว ที่ต้องติดอยู่กับสถานการณ์แบบนี้

              อย่างเช่นครอบครัวอุ้ม อุ้มเลี้ยงกับพี่แบงค์สองคน เวลาที่เครียดเราไม่สามารถเอาลูกทิ้งไว้กับใครได้เลย ถ้าเราเครียด เราก็ผลัดกันดูลูก แต่สำหรับบ้านไหนที่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เราก็ยังมีคนช่วย อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง

              หรือถ้าเราเครียดมากๆ เราก็หาอะไรที่เราชอบมากๆ เป็นงานอดิเรก พักผ่อนสักแป๊บนึง แป๊บเดียวแหละคุณพ่อคุณแม่ก็จะคิดถึงลูกแล้ว และก็อยากจะเสริมว่าในช่วงที่สถานการณ์โควิดระบาด เราก็มองวิกฤติให้เป็นโอกาสว่า เราได้อยู่กับลูกมากขึ้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นความสุขในความเครียด แต่ก็ทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น มากกว่าสมัยก่อนเยอะมากค่ะ

              ผ้าอ้อมสำเร็จรูป Merries

              จากที่ได้พูดคุยกับคุณแม่อุ้ม นพรรต ในวันนี้ เชื่อเหลือเกินว่า คุณแม่คนสวยและเก่งคนนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจ และพลังบวกให้กับคุณแม่อีกหลายๆ บ้าน ในการสร้างความสุขในแบบฉบับของตัวเอง และส่งต่อความสุขนั้น ไปยังลูกน้อยที่คอยเฝ้าดูเราอยู่ เพราะลูกน้อยก็คือกระจกสะท้อนตัวตนของพ่อแม่ที่ชัดเจนที่สุด เป็นภาพสะท้อนว่า วันนี้เราเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขแล้วหรือยัง?

              #เพจAumNapat #ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมอร์รี่ส์

                ลูกไม่เล่นของเล่น

                ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

                ลูกไม่เล่นของเล่น –  คิดว่าคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอาจเคยมีประสบการณ์ที่ซื้อของเล่นให้ลูกเล่นด้วยความตั้งใจของพ่อแม่ที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกในการเล่น แต่ความหวังพังทลายเมื่อลูกไม่เล่นตามที่เราคาดหวังไว้ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้การเล่นของเล่นของเด็กๆ ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ลูกไม่ยอมเล่นของเล่นที่ซื้อให้ ชอบเล่นกับอะไรที่ไม่ใช่ของเล่น เป็นเพราะอะไรกันนะ?

                ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

                เชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนใช้เวลาไม่น้อยหมดไปกับการค้นคว้าเกี่ยวกับของเล่นเด็กใหม่ ๆ ที่อินเทรนด์และคิดว่าดีที่สุด และเหมือนว่าจะเหมาะสมกับการพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ของเด็ก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งคือ ของเล่นทั้งหมดถูกทิ้งขว้างอยู่บนพื้น เพราะสิ่งที่ลูกต้องการเล่นด้วยในตอนนั้นกลายเป็น ขวดน้ำ รีโมทคอนโทรล ลังกระดาษ หรือตะกร้าผ้า!

                ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะ ว่าสาเหตุที่ลูกชอบเล่นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของเล่น อย่างเช่น ขวดน้ำ รีโมท กุญแจ ลังกระดาษ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นเพราะว่าจินตนาการของเด็กเล็กหรือวัยเตาะแตะนั้นมีสูงมากกว่าที่พ่อแม่คิด ไม่ว่าเราหยิบยื่นอะไรให้ หรือพวกเขาคลานต้วมเตี้ยมเดินเตาะแตะไปเจออะไรเข้าพวกเขาจะสามารถจินตนาการในการเล่นสนุกกับสิ่งนั้นๆ ได้เสมอ

                ลูกไม่เล่นของเล่น
                ลูกไม่เล่นของเล่น

                และนี้คือเหตุผลที่เด็กๆ ชอบเล่นกับสิ่งของต่างๆ ต่อไปนี้ที่อยู่ในบ้าน

                • กุญแจ  ด้วยความแวววาว และ ขนาดที่พอๆ กับของเล่น เวลาหฃ่นพื้นมีเสียงที่ไพเราะ และสามารถเล่นสนุกกับการซ่อนหาในที่เล็กๆ เช่น กระเป๋าได้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงได้ชอบกุญแจ
                • รีโมทคอนโทรล ปุ่มนุ่มๆ หลากสีสันที่แสดงไฟกะพริบเมื่อกด ทำให้รีโมทคอนโทรลเป็นของเล่นที่น่าพึงพอใจของเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถเปิดและปิดสิ่งอื่นๆ ได้! ยิ่งสร้างความรู้สึกมหัศจรรย์ขั้นสุดให้กับเด็กๆ ได้มาก
                • กระดาษทิชชู่ การดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องสร้างความอัศจรรย์ใจให้เด็กๆ เมื่อพวกเขาพบว่ายิ่งดึงยิ่งก็ยิ่งมีอีกชิ้นหนึ่งโผล่ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แถมทิชชู่ยังนิ่มพอที่จะฉีกเอาเข้าปากได้! 
                • ขวดน้ำ ขวดน้ำเป็นเหมือนของวิเศษสำหรับเด็กๆ ยิ่งเป็นขวดที่มีน้ำอยู่ข้างในไม่ต้องพูดถึง ด้วยลักษณะของขวดใส่ๆ บีบแล้วมีเสียงกร็อบแกร๊บ ก็เพียงพอที่จะสะกดให้เด็กสนใจได้นานหลายนาที
                • พาชนะต่างๆ  ช้อน ไม้พาย ชาม หม้อ และกระทะ เป็นของเล่นคลาสสิกที่กลายเป็นเครื่องดนตรีแสนสนุกได้ แค่เอามือเคาะๆ จับแล้วตีๆ ก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้นได้แล้ว!
                • ลังใส่ของ ด้วยกล่องที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ มากมาย ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับของเล่นใหม่มากมายมากองอยู่ตรงหน้า เป็นธรรมดาที่จะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้ลูกได้มาก และมักจะจบด้วยการ รื้อค้น เขวี้ยงปา ยิ่งมีเสียงต่างๆ เด็กๆ ก็จะยิ่งหัวเราะชอบใจ

                ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF ทักษะทางสมองที่จำเป็นสำหรับลูก

                ของเล่น เสริมIQ EQลูกน้อย..ใครว่าอัจฉริยะสร้างไม่ได้!

                ของเล่นธรรมชาติ ของเล่นเสริมพัฒนาการ ที่ไม่สำเร็จรูป แต่มหัศจรรย์ต่อลูกน้อย

                นอกจากนี้ สาเหตุที่ลูกไม่ยอมเล่นของเล่นที่เราซื้อให้อาจมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่

                1. มีตัวเลือกมากเกินไป

                การมีของเล่นมากเกินไป ทำให้เด็กๆ ถูกกระตุ้นเกินขอบเขต อาจทำให้เด็กสนใจที่จะเล่นน้อยลง เพราะหมดพลังไปกับการต้องใช้สมองในการคิดไตร่ตรองมากเกินไปที่จะเริ่มต้นเล่นอะไรสักอย่าง นอกจากนี้การมีของเล่นมากเกินไปจะทำให้เด็กไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ทำให้เปลี่ยนความสนใจไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วหรือละความสนใจได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะมีของเล่นเพียงชิ้นเดียว เราก็สามารถหาวิธีการต่างๆ ให้ลูกเล่นสนุกได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ชิ้นเดียว หรือฝากาน้ำเก่าๆ สำหรับเด็กเล็กแล้วอาจเป็นของเล่นที่สนุกสนานกว่าของเล่นราคาแพงตามห้างสรรพสินค้าเสียอีก

                2. พื้นที่ในการเล่นไม่เพียงพอ

                การมีพื้นที่โล่งๆ สำคัญอย่างยิ่งในการที่เด็กๆ จะมีพื้นที่ในการจินตนาการ สร้างสรรค์ และสำรวจ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ แค่พื้นที่ที่พวกเขามีอิสระเพียงพอในการครอบครองและสามารถจัดแจงย้ายของเล่นไปมาเพื่อสร้างหอคอยหรือเมืองต่างๆ  พยายามรักษาพื้นที่เปิดโล่งในบ้านอย่างน้อยหนึ่งจุดให้ปลอดโปร่งเปรียบเหมือนดั่งกระดาษแผ่นใหม่ที่รองานศิลปะ หากคุณไม่มีพื้นที่ที่คิดว่าเหมาะสมในบ้าน ให้ลองสร้างพื้นที่เปิดโล่งให้มากขึ้นในห้องเพื่อส่งเสริมการเล่นปลายเปิดให้ลูก

                ลูกไม่เล่นของเล่น

                3. การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ 

                บางครั้งพ่อแม่ไม่ได้มีส่วนร่วมเพียงพอ หรือในทางกลับกัน อาจมีส่วนร่วมมากเกินไป จริงอยู่ที่เราเป็นเพื่อนเล่นคนแรกของลูก แต่เราต้องให้พื้นที่พวกเขาในการเรียนรู้และเติบโตด้วย ควรให้เด็กๆได้ใช้เวลาสักสองสามนาทีในการมองหาและเล่นของเล่นด้วยตัวเองในโอกาสต่างๆ ก่อนที่เราจะเข้าไปช่วยหรือร่วมเล่นด้วยพวกเขาจะมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะเล่นด้วยตัวเอง เมื่อลูกเรียกร้องให้เรามีส่วนร่วมก็เป็นโอกาสที่เราจะสร้างบทสนทนากับลูกเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเล่น สนับสนุนให้ลูกอธิบายกระบวนการคิดของพวกเขาโดยไม่ขัดขวางจินตนาการ

                3. สมองของเด็กเติบโตอย่างรวดเร็ว

                เมื่อเด็กอายุ 3 ขวบ สมองของพวกเขามีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของสมองผู้ใหญ่ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ลูกของคุณอาจเบื่อของเล่นที่เราเพิ่งซื้อให้ใหม่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน หากเกิดเหตุการณ์นี้ การใช้วิธีหมุนเวียนของเล่นจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

                4. ของเล่นไม่เหมาะสมกับวัยของลูก

                เป็นไปได้ว่าของเล่นที่หยิบยื่นให้อาจยังไม่เหมาะกับวัยหรือพัฒนาการของลูก ความเหมาะสมกับวัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าเด็กจะชอบของเล่นมากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีควรพิจารณาช่วงอายุที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อเป็นแนวทางแต่บางครั้งก็ไม่ต้องยึดติดกับตัวเลขเสมอไป หากเรารู้จักความสามารถและพัฒนาการของลูกเป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตามการเลือกของเล่นให้ลูกต้องคำนึงถึงพัฒนาการเป็นหลัก ต้องรู้ว่าลูกพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้แล้วหรือยัง ทางที่ดีพ่อแม่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ของเด็กเล็กที่พัฒนาในแต่ละช่วงวัย ก่อนการช้อปปิ้งของเล่นในครั้งต่อไป

                วิธีรับมือเมื่อลูกไม่เล่นของเล่น

                • เล่นให้ดู เมื่อลูกของคุณได้ของเล่นชิ้นใหม่ ให้ทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่างว่าเล่นอย่างไร คุณควรให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแบบใช้มือ เพื่อสอนและส่งเสริมให้ลูกของคุณเล่นกับของเล่นใหม่อย่างเหมาะสม
                • ให้เวลาลูก หากลูกของคุณไม่สนใจของเล่นทันทีหลังจากที่คุณแนะนำมัน หรือเสียสมาธิขณะเล่น ลองให้เวลากับลูกมากขึ้น เพื่อสำรวจและค้นพบของเล่นในแบบของตัวเองแทนในแบบที่คุณต้องการให้เป็น  การปล่อยให้เด็กพัฒนาความสนใจในบางสิ่งบางอย่างในเวลาของตนเองจะส่งผลให้มีการเล่นที่เป็นอิสระมากขึ้นและการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
                • ชื่นชม เมื่อลูกของคุณเล่นกับของเล่นอย่างเหมาะสม ควรชื่นชมและบอกให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำได้ดี ตัวอย่าง เช่น  ต่อบล็อกเก่งจัง ทำได้ดีมากลูก!
                • สร้างเรื่องราว พ่อแม่สามารถสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่เควรและไม่ควรเล่นกับของเล่น สอนวิธีการที่เหมาะสมในการเล่นกับของเล่นและเหตุผลที่เราควรเล่นกับของเล่นแต่ละชิ้นให้ลูกได้เข้าใจ
                • ผลัดเปลี่ยนของเล่น หากลูกของคุณยังคงเพิกเฉยต่อของเล่นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ให้นำของเล่นออกจากมุมของเล่น และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือที่เก็บของที่ลูกของคุณไม่เห็นมัน แล้วลองเสนอให้ลูกเล่นอีกครั้งในสองสามสัปดาห์ถัดไป คุณอาจพบว่าของเล่นที่ก่อนหน้านี้ถูกละเลยอาจกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดชิ้นใหม่ได้ โดยที่ลูกของคุณได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ และสามารถรับมือกับความท้าทายที่ของเล่นนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น วิธีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของเล่นนี้ช่วยในการสร้างของเล่นใหม่อีกครั้ง ช่วยยืดอายุของของเล่น และช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้จากของเล่นแต่ละชิ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเล่นพร้อมแล้ว
                • เข้าใจเมื่อลูกไม่พร้อม เด็กบางคนอาจยังไม่พร้อมสำหรับพัฒนาการที่จะเล่นกับของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แม้ว่าผู้ผลิตจะจำกัดอายุไว้ก็ตาม  ของเล่นจะสนุกยิ่งขึ้นสำหรับทั้งคุณและลูก เมื่อลูกสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกของคุณเล่นของเล่นได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง หมั่นให้ลูกฝึกฝน และชมเชยเสมอ และถ้าจำเป็นอย่าลังเลที่จะนำของเล่นออกไปเก็บไว้จนกว่าลูกของคุณจะสามารถเล่นกับมันได้อย่างเหมาะสม

                แม้การเลือกของเล่นสำหรับเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเด็กแต่ละคนมีความสนใจที่แตกต่างกัน ไปบางครั้งของเล่นที่พ่อแม่เห็นว่าเหมาะกับลูก เด็กอาจไม่สนใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป หากเรารู้วิธีในการเลือกของเล่นที่เหมาะสมให้กับลูกด้วยความเข้าใจในพัฒนาการและความต้องการของลูกตลอดจนทักษะต่างๆ ที่ลูกมี เมื่อลูกสนุกไปกับของเล่นที่อยู่ตรงหน้า สามารถเล่นได้อย่างถูกวิธี ก็จะเป็นการเสริมสร้างทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดในการเล่น (PQ)ได้อีกด้วยค่ะ

                ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : parents.com , waytoplay.toys , greenpinatatoys.com , montikids.com

                บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                พี่น้อง แย่งของเล่น พ่อแม่ควรทำยังไง? ไม่ให้พี่น้อยใจที่ต้องเสียสละให้น้อง!

                เทคนิค “จับ-จด” เปลี่ยนชีวิต สร้างนิสัยรู้จักคิด หยุด! ลูกงอแง ร้องซื้อของเล่น

                ระวัง! ของเล่นอาบน้ำ เป็ดเหลือง ทำลูกติดเชื้อ เสี่ยงตาบอด

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  KHUN Organic

                  ‘KHUN Organic’ แนะนำ 2 ไอเทมใหม่ โลชั่นกันยุงออร์แกนิค และเจลทาหลังยุง-แมลงกัด ตัวช่วยครอบครัวยุคใหม่ให้ลูกน้อยปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมี

                  เข้าสู่หน้าฝนทีไร สายฝนที่ตกชุกมักจะมาคู่กับภาพน้ำขังตามพื้นที่และภาชนะต่างๆ ซึ่งเอื้อต่อการวางไข่และเพิ่มประชากรยุงที่นำมาสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะโรค (แตกต่างไปตามสายพันธุ์ของยุง) ซ้ำร้ายเมื่อผิวของเราถูกยุงกัด น้ำลายยุงจะทำให้ผิวเกิดตุ่มแดง ทำให้ผิวอักเสบ รู้สึกแสบๆ คันๆ และทิ้งรอยดำไปหลายวัน จนบางรายอาการหนักถึงขั้นต้องพบแพทย์ได้ หลายครอบครัวจึงต้องเตรียมรับมือกับเจ้ายุงร้าย ยิ่งครอบครัวไหนมีเด็กเล็กยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะลักษณะและกลิ่นของผิวเด็กดึงดูดให้ยุงบินหามากกว่าผิวผู้ใหญ่ ล่าสุด KHUN Organic (คุน ออร์แกนิค) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็ก ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจนเป็นที่ไว้วางใจหลากหลายครอบครัวมากว่า 7 ปี ได้เชื่อว่าสำหรับพ่อแม่แล้ว เพื่อลูกน้อยต้องดีที่สุด ได้สานต่อพันธกิจจึงแนะนำ 2 ไอเทมใหม่ KHUN Organic Body Lotion โลชั่นกันยุงออร์แกนิค และ KHUN Organic Soothing Gel เจลทาหลังยุงและแมลงกัด เพื่อเป็นตัวช่วยครอบครัวยุคใหม่ให้ลูกน้อยสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมี

                  KHUN Organic Body Lotion
                  KHUN Organic Body Lotion
                  โลชั่นกันยุงออร์แกนิคกลิ่นเลม่อน ขนาด 50ml. ราคา 285 บาท

                  Signature Product ของแบรนด์กับโลชั่นกันยุงออร์แกนิคกลิ่นเลม่อนและตะไคร้หอมสดชื่นเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้รับการพัฒนาสูตรมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นจากการคัดสรรวัตถุดิบเกรดคุณภาพเพื่อมอบคุณค่าการฟื้นบำรุงผิวและปกป้องผิวจากยุงสูงสุด โดยปลอดสารเคมี ผ่านเนื้อโลชั่นสูตรอ่อนโยน เนื้อเข้มข้น เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะผิว  ที่อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงจากวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิวจากส่วนผสมของ Jojoba Oil (น้ำมันจากผลโจโจบา) น้ำมันธรรมชาติช่วยให้โลชั่นสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวของลูกน้อยได้ดีขึ้น พร้อมฟื้นบำรุงและโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี ผสานกับ Shea Butters ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้กับผิวของลูกน้อยได้ดียิ่งขึ้น  และเหมาะสำหรับสภาพผิวเด็กที่มีความบอบบางและผิวแห้ง นอกจากนี้ Shea Butters ยังมีกรดซินนามิก ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อีกด้วย โลชั่นจะช่วยปกป้องผิวจากยุงได้นาน 3-5 ชม. โดยปราศจากสาร Deet (สารเคมีที่มีคุณสมบัติไล่ยุง แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ไม่เหมาะสำหรับเด็ก) จึงเหมาะสำหรับผิวทารกแรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่และผู้ที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ตอบโจทย์อิริยาบถของลูกน้อยที่ชอบเอามือเข้าปากให้ปลอดภัยกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือและเป็นตัวช่วยทางเลือกที่ดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้าน

                  วิธีใช้ : ควรล้างมือให้สะอาดก่อน จากนั้นบีบเนื้อโลชั่นลงบนฝ่ามือปริมาณเมล็ดถั่วเขียวและวอร์มบนฝ่ามือ จากนั้นทาเนื้อโลชั่นลงบนผิวหน้าและผิวกายของลูกน้อย

                   

                  KHUN Organic Soothing Gel
                  KHUN Organic Soothing Gel
                  เจลทาหลังยุงและแมลงกัด ขนาด 18ml. ราคา 295 บาท

                  เจลทาหลังยุงและแมลงกัดแบบ 3 in 1 ใช้สะดวกครบจบในขวดเดียว ที่ช่วยบรรเทาอาการคัน ระคายเคือง ลดเลือนรอยดำและขาลาย โดยใช้ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติแทนสารเคมี และปลอดภัยจากสเตียรอยด์ ด้วยคุณประโยชน์ของอโลเวร่า ผสานกับน้ำมัน Eucalyptus Oil และวิตามินบี จึงทำให้เนื้อเจลบางเบา สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมอบสัมผัสเย็นอ่อนนุ่มควบคู่กับกลิ่นหอมผ่อนคลาย ช่วยฟื้นบำรุงผิว พร้อมบรรเทาอาการระคายเคืองและลดเลือนรอยดำ ขาลาย ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังบรรเทาตุ่มบวมบนผิวลูกน้อยให้หายไปอย่างรวดเร็วเผยผิวให้ดูสุขภาพดี เจลเหมาะสำหรับทาให้กับผิวของลูกน้อยวัย 3 เดือนขึ้นไป ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่และผู้ที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่าย

                  วิธีใช้ : เมื่อพบรอยยุงกัด ควรทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นด้วยน้ำสบู่และน้ำอุ่น จากนั้นล้างมือให้สะอาดและแต้มเจลทันที หากเล็บของลูกน้อยเริ่มยาว ควรตัดเล็บเพื่อป้องกันการเกาและเกิดแผลติดเชื้อ

                   

                  ให้ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่ปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมีกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็กคุณภาพพรีเมี่ยมจาก แบรนด์ KHUN Organic (คุน ออร์แกนิค) ที่พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งมาตลอด 7 ปี และหลายครอบครัวต่างไว้วางใจ ได้แล้ววันนี้ ที่ แผนกเด็กห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาที่ร่วมรายการ หรือช่องทางออนไลน์ผ่าน Central Online และสามารถช้อปพร้อมกับอ่านบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ที่แฟนเพจ KHUN Organic www.facebook.com/khunorganic  Instagram www.instagram.com/khunorganic เว็บไซต์ www.khunorganic.co.th และ Line : @khunorganic รวมถึง Hot Line : 094-545-6041

                   

                  ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
                  KHUN Organic Body Lotion

                  ทำไมต้องโลชั่นกันยุง #Khunorganic สำหรับลูกน้อย

                  • ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ปลอดภัยจากสารเคมี
                  • กลิ่มหอมเลม่อน ลูกน้อย Happy
                  • ปกป้องยุงประมาณ 3-5 ชม. โดยปราศจากสาร DEET
                  • บำรุงผิวด้วย Shea Butters และน้ำมันธรรมชาติหลายชนิด
                  • บ้านไหนเด็กๆชอบเอามือเข้าปาก ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือเป็นทางเลือกที่ดี
                  • สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด
                  • ทาหน้าได้ ยุงไม่กัดหน้าและแก้มนุ่มๆ ของลูกน้อย
                  • สามารถใช้ได้บ่อยตามต้องการ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
                  • สูตรอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีและไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์

                  No Petrochemicals No Paraben, formaldehyde No EDTA No Silicone No Colorant No artificial fragrance No animal testing Non GMOs

                  • สามารถใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด วัยผู้ใหญ่ และผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
                  • ขนาด ราคา 285 บาท

                   

                  KHUN Organic Soothing Gel

                  แพ้น้ำลายยุง ตุ่มบวม หายช้า ทิ้งรอยดำ ขาลาย ทำแม่กลุ้ม!!

                  ประโยชน์ดีๆ ที่ทุกครอบครัวควรมี #Khunเจลทาหลังยุงกัด ไว้ติดบ้าน

                  • บรรเทาอาการแพ้ยุง เพราะเด็กเล็กภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์จึงก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย
                  • ลดอาการคัน เท่ากับ หยุดเกา ทำให้ลดโอกาสเกิดแผล ซึ่งก่อให้เกิดรอยดำและขาลาย
                  • มีวิตามินช่วยลบเลือนรอยดำและขาลาย
                  • บ้านไหนเด็กๆชอบเอามือเข้าปาก ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือเป็นทางเลือกที่ดี
                  • ใช้สมุนไพรแทนการใช้สารเคมีและไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์

                  No Steroid No Paraben No Alcohol No EDTA No Colorant No artificial fragrance

                  No animal testing Non GMOs

                  • สามารถใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด วัยผู้ใหญ่ และผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
                  • ขนาด ราคา 295 บาท
                    ละมุนเบบี้

                    กลุ่มแม่ ๆ แฮปปี้ เลือกใช้ ละมุน Disney Collection Mom Magic Moment สะดวกคุณแม่ ปลอดภัยคุณลูก

                    ละมุนเบบี้ ผู้นำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็กแบรนด์ไทยรายแรกที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำ Co-Branding กับ Disney หยิบความน่ารักของคาแรกเตอร์แบมบี้ ดัมโบ้ มาทำสินค้าคอลเลคชั่นแรกในรูปแบบลายเส้นพิเศษสุดเอกซ์คลูซีฟสำหรับแม่ละมุนโดยเฉพาะ

                    ละมุน

                    โดยสินค้า Lamoon x Disney Mom Magic Moment Collection ที่กลุ่มคุณแม่ไว้วางใจเลือกใช้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

                    Mommy Moment คู่ใจแม่ให้นม ประกอบด้วย ถุงเก็บน้ำนมของละมุนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ลดการเหม็นหืนของน้ำนมแม่ เมื่อมีการฟรีซ ที่เติบโตต่อเนื่องด้วยการบอกต่อในกลุ่มแม่ระดับ Premium ที่รักถุงเก็บน้ำนมละมุน Keep &Feed รุ่นพรีเมี่ยม เป็นสื่อกลางความรักของคุณแม่และลูกน้อย ด้วยคุณสมบัติพิเศษ Keep ให้ถุงหนากว่าถุงทั่วไปถึง 30 % ป้องกันการแตก ช่วยลดกลิ่นเหม็นหืนและ Feed คุณค่าสารอาหารในนมแม่ไม่ให้ถูกทำลายจากการอุ่นนม เพียงแค่ดูจาก Indicator ที่บอกอุณหภูมิบนถุงนม 35-40 องศา ได้เลย

                    ละมุนเบบี้

                    รวมไปถึง ผ้าคลุมให้นม เนื้ออ่อนนุ่มไม่ระคายเคืองกับผิวอันบอบบาง ให้ลูกน้อยดูดนมอย่างสบายตัว รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในอ้อมอกแม่  ให้คุณแม่สะดวกในการปั้มนมทุกที่ ทุกเวลา มาพร้อมกระเป๋าเก็บอุณหภูมิลายเข้าชุดกัน  มีคุณสมบัติสามารถแยกเก็บทั้งร้อนและเย็นได้ สามารถใส่เครื่องปั้มนมได้หลากหลายรุ่น และเก็บนมเวลาที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือจะเอาไว้ใส่อาหารเป็น Lunch Bag ก็สามารถทานได้อย่างมั่นใจแบบ New Normal

                    Happy Moment สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยสินค้า 2 ชนิดที่ละมุนตั้งใจเลือกตั้งแต่ส่วนผสม และการผลิตจนออกมาเป็น Sticker และ Spray กันยุง นาน 6-8 ชั่วโมง มีผลทดสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่รับรองประสิทธิภาพป้องกันได้ทั้งยุงลายสวนและยุงลายบ้านที่ดุที่สุด
                    แต่ยังให้แม่มั่นใจว่าลูกรักปลอดภัย ปกป้องด้วยสารสกัดจากธรรมชาติแท้100% ปราศจาก DEET ที่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ พร้อมลายน่ารักๆ จาก Disney คือ Bambi Dumbo

                    เรียกได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ของ Lamoon x Disney  Mom Magic Moment Collection ใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณแม่ตั้งแต่เตรียมพร้อมการตั้งครรภ์ จนถึงคลอดลูกน้อยเลยทีเดียว สำหรับสินค้า  Lamoon Mom Magic Moment  สามารถหาซื้อได้ทั้งร้านค้าออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ www.lamoonbaby.com Facebook และ Line@ Lamoonbaby  Lazada, Shopee,  Central Robinson, Central Food Hall, Tops Market, Tops Superstore, Tops Online, Villa The Mall ร้าน Mother Care , Big C ,Home Pro ที่ร่วมรายการ

                    ละมุน Lamoon

                      ลูกพูดติดอ่าง

                      ลูกพูดติดอ่าง จะหายเองได้ไหม เป็นมากแค่ไหนต้องไปหาหมอ?

                      ลูกพูดติดอ่าง – กว่าที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเปล่งเสียงพูดที่มีความหมายออกมาได้ แน่นอนว่าคนเป็นพ่อแม่ต่างเฝ้ารอคอยเสียงที่ลูกพยายามสื่อความหมายออกจากปากได้เป็นครั้งแรก ซึ่งคำพูดแค่เพียงพยางค์เดียวที่สื่อความหมายได้ ก็พลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่หัวใจพองโต และตื่นเต้นไปตามๆ กันได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อถึงวันที่ลูกน้อยเติบโตมีพัฒนาการที่ก้าวหน้า เริ่มพูดสื่อความหมายได้มากขึ้น พูดเก่งขึ้น เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอาจเคยพบเจอลักษณะการพูดที่ผิดปกติของลูก โดยเฉพาะการที่ ลูกพูดติดอ่าง กันมาบ้างไม่มากก็น้อย หลายคนอาจเป็นกังวลและสงสัยว่าทำไมลูกถึงพูดติดอ่าง ลูกจะเลิกพูดติดอ่างได้เองไหม พูดติดอ่างแบบไหนที่ต้องพาไปรักษา วันนี้เรามาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันค่ะ

                      ลูกพูดติดอ่าง จะหายเองได้ไหม เป็นมากแค่ไหนต้องไปหาหมอ?

                      พูดติดอ่างคืออะไร?

                      การพูดติดอ่างคือ ลักษณะของการพูดตะกุกตะกัก หรือขาดความความคล่องแคล่วในการพูด เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยในเด็กอายุ 2- 6 ปี ถือว่าเป็นพัฒนาการในการพูดอย่างหนึ่งของเด็กๆ เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ที่จะพูด เด็กที่พูดติดอ่างมักรู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไรเพียง แต่มีปัญหาในการพูด ตัวอย่างเช่น อาจพูดซ้ำคำ หรือพูดลากเสียงพยัญชนะหรือเสียงสระ หรืออาจหยุดชั่วคราวระหว่างพูด ซึ่งเป็นธรรมดาของเด็กเล็กๆ แทบทุกคน ที่จะมีช่วงเวลาที่ค้นพบว่าการพูดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม คิดคำพูดไม่ทันจึงพยายามที่จะพูดซ้ำ ทำให้พูดติดๆ ขัดๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถือว่าผิดปกติ เด็กส่วนใหญ่จะหายจากการพูดติดอ่างได้เองเมื่อเริ่มโตขึ้น มีเด็กเพียง 1 ใน 100 คน ที่มีปัญหาติดอ่างอย่างต่อเนื่อง

                      สาเหตุของการพูดติดอ่าง

                      ความจริงแล้วไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า การพูดติดอ่างเกิดจากอะไร นักวิจัยยังคงศึกษาสาเหตุพื้นฐานของการพูดติดอ่างซึ่งอาจมีหลายปัจจัยร่วมด้วย โดยสาเหตุที่เป็นไปได้ของการพูดติดอ่าง ได้แก่ :

                      • พัฒนาการตามปกติของเด็กเล็ก  การพูดติดอ่างอาจเป็นลักษณะแต่กำเนิดของเด็กเอง  เด็กเล็กจำนวนมากต้องเผชิญช่วงพูดติดอ่าง โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 18 เดือนถึง 2 ปี เนื่องจากต้องฝึกฝนทักษะการพูดและภาษา เป็นการพูดตะกุกตะกักที่มักจะเกิดขึ้นชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าหรือมีปัญหาด้านการพูดอื่นๆ อาจมีแนวโน้มที่จะพูดติดอ่างได้มากกว่า
                      • ความผิดปกติของกล้ามเนื้อควบคุมการพูด รวมถึงระบบประสาท ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ว่าส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการควบคุมการเคลื่อนไหวของคำพูด มีการวิจัยพบว่าคนที่พูดติดอ่างประมวลผลภาษาแตกต่างจากผู้ที่ไม่มีความผิดปกติของคำพูด โดยจะมีปัญหาในการถ่ายทอดภาษาผ่านสมอง
                      • พันธุกรรม  ดูเหมือนว่าการพูดติดอ่างอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่สืบทอดมาและประสบการณ์การพูดติดอ่างพบได้บ่อยในคนที่อยู่ครอบครัวเดียวกัน
                      ลูกพูดติดอ่าง
                      ลูกพูดติดอ่าง

                      เดิมเคยมีการลงความเห็นว่าการพูดติดอ่างอาจเกิดจากความเครียดเพราะเด็กที่พูดติดอ่างจะมีอาการมากขึ้นเมื่อเกิดความเครียด แต่ในทางกลับกันพบว่าเด็กที่มีปัญหาความเครียดรุนแรงหลายคนก็ไม่มีปัญหาพูดติดอ่าง  นอกจากนี้พังผืดใต้ลิ้น หรือ การไม่มีลิ้นไก่ หรือ ลิ้นไก่สั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุของการพูดติดอ่างเช่นเดียวกัน

                      5 ความเข้าใจผิดเมื่อ ลูกไม่พูด..พูดช้า และ 6 วิธีฝึกลูกพูด

                      ลูกพูดช้าเกิดจากอะไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพูดช้า ผิดปกติ?

                      ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

                      เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครองเมื่อ ลูกพูดติดอ่าง

                      พ่อแม่เป็นผู้ที่มีอิทธิอย่างมากในการช่วยเหลือเด็กที่พูดติดอ่างเพราะพ่อแม่ควรเป็นคนที่ลูกรู้สึกสนิทใจมากที่สุดเมื่อแสดงออกทางการสื่อสาร ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนที่พ่อแม่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือ

                      1. พยายามพูดช้าๆและใจเย็นกับลูกที่พูดติดอ่าง กระตุ้นให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน
                      2. พยายามรักษาบรรยากาศที่สงบเงียบที่บ้าน
                      3. เอาใจใส่สิ่งที่ลูกพูด ไม่ใช่วิธีที่ลูกพูด นี้จะทำให้คุณต้องช้าลงและให้ความสนใจ อย่าแสดงอาการใจร้อนเมื่อลูกของคุณพยายามคุยกับคุณ
                      4. ไม่ควรบอกลูกว่า  “พูดให้ช้าลงหน่อย” หรือ “พูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหม”
                      5. ลดการถามคำถามและการขัดจังหวะเมื่อลูกกำลังพูด
                      6. อย่าเพ่งความสนใจไปที่การพูดติดอ่าง หรือความผิดปกติของคำพูดอื่นๆ ของลูกมากเกินไป
                      7. พยายามหาเวลาใกล้ชิดพูดคุยกับลูกในแต่ละวันแบบตัวต่อตัว

                      ลูกมีเพื่อนทิพย์! เพื่อนในจินตนาการ ชอบพูดคนเดียวปกติไหม?

                      วิธีพูดกับลูกด้วย ภาษาเด็กเล็ก ช่วยลูกพูดไว สื่อสารได้เร็ว!

                      7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ

                      ผลกระทบเมื่อการพูดติดอ่างไม่หายไปเมื่อเด็กโตขึ้น

                      การพูดติดอ่างสามารถนำไปสู่ :

                      • ปัญหาในการสื่อสารกับผู้อื่น
                      • กังวลเรื่องการพูดต่อหน้าคนอื่น หรือการพูดในที่สาธารณะ
                      • ไม่พูดหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องพูด
                      • สูญเสียการมีส่วนร่วมและความสำเร็จทางสังคม โรงเรียน หรือการทำงาน
                      • โดนล้อเลียนกลั่นแกล้ง
                      • ความนับถือตนเองต่ำ

                      เมื่อใดควรไปพบแพทย์ หรือนักพยาธิวิทยาภาษาพูด

                      อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การพูดติดอ่าง เป็นเรื่องปกติของเด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 6 ปี และจะดีขึ้นเอง อย่างไรก็ตามการพูดติดอ่างที่ยังคงมีอยู่ อาจต้องได้รับการรักษา เพื่อปรับปรุงความคล่องแคล่วในการพูดให้เป็นปกติพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจไม่สบายใจ หรือสะดวกใจที่จะแสวงหาการบำบัดการพูดสำหรับลูกที่พูดติดอ่าง ด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น ไม่อยากเพิ่มความประหม่าในตนเองของบุตรหลานเกี่ยวกับความผิดปกติของคำพูด ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าหากลูกของคุณอายุเกิน 3 ขวบ และพูดติดอ่างมาสามถึงหกเดือน ควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ นั่นเป็นเพราะว่าเด็กงอาจมีปัญหามากกว่าพัฒนาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งหากลูกมีปัญหาต่อไปนี้ ควรพิจารณาในเรื่องของการบำบัดรักษา

                      • พูดติดอ่างติดต่อกันนานเกินกว่าหกเดือน
                      • พูดติดอ่างบ่อยขึ้นหรือต่อเนื่องเมื่อเด็กโตขึ้น
                      • เกิดขึ้นพร้อมกับอาการกล้ามเนื้อตึงหรือพูดลำบากอย่างเห็นได้ชัด
                      • ส่งผลต่อความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
                      • ทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือปัญหาทางอารมณ์ เช่น กลัวหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องพูด

                      ลูกพูดติดอ่าง

                      หานักบำบัดการพูดที่เชี่ยวชาญเรื่องการพูดติดอ่าง นักบำบัดสามารถช่วยตัดสินใจได้ว่าลูกของคุณพร้อมที่จะเข้ารับการบำบัดรักษาหรือไม่ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ที่พูดติดอ่างเป็นเวลานานจะได้ประโยชน์จากการบำบัดด้วยการพูด และได้ผลลัพธ์ในการบำบัดรักษาที่ค่อนข้างดี  ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร การบำบัดด้วยคำพูดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบุตรหลานของคุณในขณะที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับการพูดติดอ่างและพัฒนาทักษะด้านการพูดต่อไป

                      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : mayoclinic.org , webmd.com , healthline.com

                      บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                      ทำไมลูกพูดไม่หยุด ลูกพูดมาก เป็นเพราะอะไร ควรกังวลไหม

                      10 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด เมื่อลูกพูดช้าเพราะแม่รู้ใจเกินไป!!

                      วิจัยชี้! แค่มองตาลูกก็กระตุ้น ทักษะด้านภาษา ได้แล้ว!

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        ปั๊มน้ำนม power pumping

                        วิธี ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                        ปั๊มน้ำนม วิธีไหนที่สามารถเพิ่มน้ำนมแม่เป็นทวีคูณ วิธี power pumping (pp) ช่วยเพิ่มน้ำนมได้ดีกว่าแบบปกติจริงหรือ แม่น้ำนมหด น้ำนมน้อย มามุงกันได้เลยที่นี่!

                        วิธี ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                        มหัศจรรย์นมแม่

                        น้ำนมแม่ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีประโยชน์มากมายต่อลูกน้อย และรู้หรือไม่ว่า ในนมแม่นั้นยังมีความจำเพาะกับแม่และลูก นมแม่ที่ผลิตขึ้นในแต่ระยะการเจริญเติบโตของลูกน้อยนั้น จะมีปริมาณสารอาหารที่แตกต่างตามความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัยของเด็ก นอกจากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่สมบูรณ์ ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโดยรับแอนติบอดี้ต่างๆ ตามที่แม่สร้างขึ้นผ่านทางนมแม่ นมแม่จึงช่วยให้ทารกสามารถปรับตัวสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปกป้องตนเองจากสภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ นมแม่จึงถือเป็นอาหารและยาที่ดีที่สุดของลูก

                        น้ำนมแม่มหัศจรรย์
                        น้ำนมแม่มหัศจรรย์

                        การปั๊มน้ำนม เป็นวิธีเก็บสำรองนมแม่ที่สะดวก ประหยัดเวลาในการให้นมลูก  และยังช่วยให้คุณแม่หมดกังวลเรื่องปริมาณนมที่อาจไม่เพียงพอเมื่อให้นมจากเต้า สามารถเก็บไว้ให้ลูกได้ดื่มภายหลังช่วยให้ไม่ขาดตอน นอกจากนี้ ในกรณีที่ไม่ว่างหรือต้องไปทำงานนอกบ้าน ผู้ที่รับหน้าที่แทนก็ป้อนนมให้เด็กได้ทันที สิ่งสำคัญคือคุณแม่ควรเรียนรู้วิธีการปั๊ม และการเก็บรักษานม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกน้อยได้รับนมที่มีคุณภาพ และยังเป็นผลดีต่อสุขภาพเต้านมของตัวคุณแม่เองด้วย

                        การปั๊มนมยังมีข้อดีอีกหลายประการ เช่น

                        • ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม ส่งผลให้คุณแม่มีปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้น
                        • ช่วยเก็บสำรองนมแม่ไว้ให้ทารก ในกรณีที่คลอดก่อนกำหนดหรือแม่ให้นมจากเต้าโดยตรงไม่ได้
                        • ช่วยเก็บสำรองนมแม่ ในกรณีที่แม่อาจต้องหยุดให้นมเนื่องจากใช้ยาหรือรับการรักษาที่ส่งผลต่อคุณภาพและการปนเปื้อนของน้ำนมแม่
                        • ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการคัดเต้านม แต่หากปั๊มนมมากเกินไปในช่วงที่คัดเต้านมอาจทำให้อาการเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้นได้

                        ควรเริ่มปั๊มนมเมื่อใด ?

                        การปั๊มนมควรเริ่มหลังคลอดบุตร โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอ อาจเริ่มปั๊มนมทันทีหลังคลอด เพราะจะช่วยให้น้ำนมไหลออกมามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เด็กเรียนรู้การดูดนมจากขวดเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กสับสนและติดดูดนมจากขวด ทว่าอาการนี้อาจไม่เกิดขึ้นเสมอไป เด็กบางคนปรับตัวได้ดี ทำให้ดูดนมจากเต้าและขวดนมสลับกันได้โดยไม่มีปัญหา

                        ทั้งนี้ หากคุณแม่ไม่ได้เริ่มปั๊มนมตั้งแต่หลังคลอด และต้องกลับไปทำงานหลังครบกำหนดลาคลอด ควรเริ่มฝึกปั๊มนมอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า โดยอาจปั๊มนมหลังจากให้นมลูกเรียบร้อยแล้วหรือปั๊มระหว่างให้นมเลยก็ได้ การฝึกปั๊มนมจะช่วยให้คุณแม่เรียนรู้วิธีปั๊มนมได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการเริ่มเก็บสำรองน้ำนมไว้สำหรับลูกน้อยเมื่อถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน

                        ข้อมูลอ้างอิงจาก pharmacy.mahidol.ac.th/pobpad.com
                        ปั๊มน้ำนม ช่วยกระตุ้นเพิ่มนมแม่
                        ปั๊มน้ำนม ช่วยกระตุ้นเพิ่มนมแม่

                        Power Pumping เทคนิคกระตุ้นน้ำนม..ปั๊มแล้วพักน้ำนมเพิ่ม

                        คุณแม่ที่น้ำนมน้อย หรือน้ำนมหดน้อยลง อาจเนื่องด้วยภารกิจที่ยุ่งเหยิงประจำวันทำให้จำใจต้องปล่อยให้เต้านมคัดอยู่บ่อยครั้ง จนปริมาณน้ำนมลดน้อยลง วันนี้ ทีมแม่ ABK ได้นำเทคนิคปั๊มนมแบบใหม่ ปั๊มแล้วพัก เป็นเทคนิคการเพิ่มน้ำนมโดยวิธีการที่เรียกว่า power pumping(pp)
                        หลักการของ pp (power pumping) คือการเลียนแบบการดูดบ่อย ๆ ของลูกในช่วงที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งที่ลูกป่วยรับประทานอาหารอื่นไม่ได้เลย จึงเกาะเต้าแม่ดูดนมแม่ตลอดเวลา เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 2-3 วันในช่วงที่ป่วย ทำให้คุณแม่ทราบว่าหลั่งจากนั้นปริมาณน้ำนมจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน หรือเรียกได้ว่าเป็นการหลอกร่างกายให้ผลิตน้ำนมด้วยการปั๊มน้ำนมนั่นเอง
                         5 วิธีการเพิ่มน้ำนมแบบ PP  
                        การทำ pp มีหลายวิธี  หลายสูตร ซึ่งทั้งหมดก็อาศัยหลักการคือ ทำการปั๊มน้ำนมบ่อย ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งของวัน ปั๊มแล้วพัก เพื่อกระตุ้นน้ำนม

                        วิธีที่ 1 ปั๊มสองข้าง วันละรอบ สูตร 20:10:10:10:10

                        วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อาจเพราะระยะเวลาในการปั๊มน้ำนมเพียงวันละหนึ่งรอบ แต่คุณแม่ต้องมีอุปกรณ์ปั๊มนม 2 เครื่อง เพื่อใช้ในการปั๊มทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน โดยมีวิธีการทำ ดังนี้
                        1. เตรียมเครื่องปั๊มนม 2 เครื่อง โดยทำการปั๊มน้ำนมสองข้างพร้อมกัน
                        2. รอบในการปั๊มใช้สูตร ปั๊ม 2 ข้างปั๊มนาน 20 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที รวมเป็นเวลา 60 นาทีต่อการทำ pp 1 รอบ เพียงวันละรอบ
                        3. จำเป็นต้องปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า ป้องกันการเกิดท่อน้ำนมอุดตัน อาจใช้มือบีบให้เต้าเกลี้ยง และยังเป็นการช่วยให้สร้างน้ำนมใหม่ได้อย่างเต็มที่ในครั้งต่อไป
                        4. ทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน ประมาณ 3-7 วัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำนมมาเพิ่มขึ้น

                          ปั๊มน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้ลูกมีกินไม่ขาดตอน
                          ปั๊มน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้ลูกมีกินไม่ขาดตอน

                        วิธีที่ 2  ปั๊มสูตร 10:10:10 x 2 รอบ

                        วิธีนี้จะดีต่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่มีเวลาต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง แบบวิธีแรก โดยการแบ่งปั๊มเป็น 2 รอบ ครั้งละเพียง 30 นาที ดังนี้
                        1. เตรียมเครื่องปั๊มน้ำนม 2 เครื่อง โดยทำการปั๊มทั้งสองข้างพร้อมกัน
                        2. ปั๊มน้ำนมเป็นรอบ โดยปั๊มรอบหนึ่งแล้วพัก หรือเริ่มปั๊มอีกรอบตามเวลาที่สะดวก
                        3. รอบในการปั๊มใช้สูตร ปั๊ม 2 ข้างโดยปั๊ม 10 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที รวมเป็นเวลา 30 นาทีต่อการทำ pp 1 รอบ
                        4. ทำแบบนี้ 2 รอบต่อวัน ทำต่อเนื่องทุกวัน

                        วิธีที่ 3 ปั๊มพร้อมนำลูกเข้าเต้า

                        สำหรับวิธีนี้เหมาะกับบ้านไหนที่มีเครื่องปั๊มนมเพียงเครื่องเดียว หรือคุณแม่ที่มีเวลาอยู่กับลูก สามารถนำลูกเข้าเต้าได้ ก็สามารถใช้วิธีปั๊มข้างหนึ่ง ขณะที่ให้ลูกดูดนมอีกหนึ่งข้าง ปั๊มนานเท่าเวลาที่ลูกดูดจนอิ่มเกลี้ยงเต้า ทำต่อเนื่องทุกวัน หากคุณแม่ที่กลัวลูกดูดนมข้างเดียวไม่อิ่ม หรือน้ำนมน้อย ก็สามารถให้ลูกดูดนมข้างแรกก่อน เมื่อสลับไปอีกข้างจึงค่อยนำเครื่องปั๊มนมมาปั๊มข้างที่ลูกดูดไปแล้วก็ได้เช่นกัน

                        วิธีที่ 4 เครื่องปั๊ม+ ขวดสูญญากาศ

                        เป็นวิธีสำหรับคุณแม่ที่มีเครื่องปั๊มเพียงเครื่องเดียว และไม่ได้อยู่กับลูก ไม่สามารถนำลูกเข้าเต้าได้ตลอด ก็ยังสามารถเพิ่มน้ำนมด้วยวิธี ppนี้ได้เช่นกัน โดยการปั๊มข้างขวา 10 นาทีส่วนข้างซ้ายเอาขวดสูญญากาศมาแปะเอาไว้ ต่อมาย้ายมาปั๊มข้างซ้ายนาน 10 นาทีย้ายขวดสูญญากาศมาแปะไว้ที่ด้านขวา ต่อมาย้ายกลับมาปั๊มที่ข้างขวา รวมทั้งสิ้นหกรอบ รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง

                        ปั๊มน้ำนม วิธี pp ช่วยเพิ่มน้ำนม
                        ปั๊มน้ำนม วิธี pp ช่วยเพิ่มน้ำนม

                        วิธีที่ 5 ปั๊มน้ำนมปกติ แต่เพิ่มความถี่

                        เป็นเรื่องปกติที่แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะต้องทำการปั๊มน้ำนมเก็บไว้ให้ลูกได้มีน้ำนมตลอด วิธีการปั๊มนมวิธีนี้จะคล้ายการปั๊มนมปกติ แต่ทำถี่ขึ้น จากทุก 3-4 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นทุก 1-2 ชั่วโมง เป้าหมายคือปั๊มให้ได้ 10 ครั้งต่อวัน ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 วันโดยมีวิธีการ ดังนี้
                        1. ถ้าเลือกปั๊มนมทุก 1 ชั่วโมง ให้ปั๊มนาน 10 นาที
                        2. ถ้าเลือกปั๊มนมทุก 2 ชั่วโมง ให้ปั๊มนาน 15 นาที
                        จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณแม่จะเลือกวิธีแบบไหน เป้าหมายหลักของการเพิ่มน้ำนมด้วยวิธี pp นี้ คือการกระตุ้น ปั๊มนมให้ได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปั๊มนมแบบ pp ไม่ได้ใช้เวลาทั้งวัน คุณแม่บางคนอาจเลือกเวลาที่สะดวก ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป เช่น เวลาที่ลูกหลับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนหรือตอนเช้ามืด หรือบางคนใช้วิธีมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเพื่อทำ pp หรือบางคนใช้เวลาพักเที่ยง 1 ชั่วโมงทำ pp ไปด้วยทานข้าวกลางวันไปด้วย เป็นต้น
                        power pumping เพิ่มน้ำนม?
                        power pumping เพิ่มน้ำนม?

                        ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                        กับระยะเวลาในการปั๊มน้ำนม 1 ชั่วโมงต่อรอบ ถือว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ทำให้คุณแม่อยากรู้ว่าวิธีนี้จะเพิ่มน้ำนมได้จริงไหม? ก่อนอื่นเรามาดูปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการเพิ่มน้ำนม ดังนี้

                        • เด็กอายุเกิน 5 เดือน ปริมาณน้ำนมแม่มักจะอยู่ตัว อาจส่งผลให้การเพิ่มน้ำนมไม่ชัดเจนเท่ากรณีที่ลูกอายุน้อยกว่านี้ แต่มิได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเพิ่มน้ำนมแม่ด้วยวิธีนี้เลย เพียงแต่โอกาสในการสำเร็จจะน้อยลงเท่านั้น
                        • พยายามทำให้น้ำนมออกมาได้เกลี้ยงเต้า หลังการปั๊มนมทุกครั้งควรใช้มือบีบไล่น้ำนมออกให้เกลี้ยงเต้า ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ดีกว่า
                        • หลักการสำคัญของการกระตุ้นเพิ่มน้ำนมวิธีนี้อยู่ที่การทำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยที่สุดควรมีเวลาทำติดต่อกัน 3 วัน ส่วนมากจะเห็นผลในการทำติดต่อกัน 7 วันขึ้นไป
                        • หากคุณทำทุกวิธีการแล้วยังคงไม่สามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมจากเดิมได้ คุณแม่อาจอยู่ใน 5% ของผู้หญิงที่มีปริมาณต่อมน้ำนมน้อย แต่การกระตุ้นน้ำนมด้วยวิธี pp ก็สามารถช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมเต็มขีดความสามารถของร่างกายแล้ว คิดเสียว่าการที่ลูกได้รับนมแม่บ้าง แม้ต้องเสริมด้วยนมผง ก็ยังดีกว่าการที่ลูกไม่ได้รับนมแม่เลย

                        นอกจากปัจจัย และวิธีการที่ถูกต้องในการกระตุ้นเพิ่มน้ำนมแม่ด้วยวิธี power pumping ที่เราได้มอบให้คุณแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ทางทีมแม่ ABK ขอเป็นกำลังใจแก่คุณแม่ทุกท่านที่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกน้อย ให้สามารถทำได้ประสบความสำเร็จสมดั่งตั้งใจ และนอกจากกำลังใจที่มีให้แล้ว เรายังมีเคล็ดลับดี ๆ จากคุณหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด มากฝากกัน เพื่อให้การทำ power pumping เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายขึ้น

                        แม่จ๋า อย่าพึ่งเครียด อาจทำให้น้ำนมหด
                        แม่จ๋า อย่าพึ่งเครียด อาจทำให้น้ำนมหด
                        เคล็ดลับทำให้ pp เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายขึ้น
                        1. หากตารางการปั๊มนมเป็นการปั๊มแบบปกติ การล้างและนึ่งอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้ เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ถ้าเป็นการทำ pp ซึ่งเป็นการปั๊มทุก 10 นาที อนุโลมให้ล้างและนึ่งเหมือนปกติ เวลาที่ไม่ได้ใช้ ให้เก็บในภาชนะสะอาดและเข้าตู้เย็นหรือกระเป๋าเก็บความเย็น และล้างมือทุกครั้งก่อนทำการปั๊มนมหรือให้นมลูก

                        2. ใช้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบ 2 ข้าง ถึงแม้ว่าการมีแบบข้างเดียวก็ทำ pp ได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ดีเท่า 2 ข้าง

                        3. ใช้เสื้อในแบบให้นมโดยไม่ต้องจับ จะทำงานอื่นไปด้วยได้

                        4. หลังทำ pp ควรบีบด้วยมือต่อให้เกลี้ยงเต้า

                        5. ก่อนปั๊มทุกครั้ง ควรทาลาโนลินบางๆเคลือบลานนมหัวนม เพื่อป้องกันไม่ให้บาดเจ็บจากการใช้งานหนัก

                        6. เวลาปั๊มอย่ามองปริมาณน้ำนมในขวด จะได้ไม่เครียด ความเครียดจะทำให้น้ำนมลด!!! ให้ดูซีรีย์หรืออ่านหนังสือที่ชอบ

                        7. การเลือกเวลาที่ทำ pp ให้เลือกเวลาที่ลูกหลับหรือมีคนอื่นอยู่คอยดูแลลูกแทน จะได้ไม่ถูกขัดจังหวะแผนการปั๊มตามเวลา

                        8. จำไว้ว่า pp คือการเลียนแบบพฤติกรรมทารกที่บางครั้งขอกินตลอดเวลา เช่น ช่วง growth spurt หรือช่วงป่วยแล้วทานอาหารอื่นไม่ได้เลย คุณแม่แต่ละท่านจะเลือกวิธีใดก็ได้ที่เหมาะสมกับบริบทของตัวเอง หรือจะลองทำทุกๆวิธีแล้วเปรียบเทียบดูว่า วิธีไหนเหมาะกับตัวเอง

                        9. อย่าสูญเสียความหวัง บางคนน้ำนมเพิ่มขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน บางคนนานถึง 2 สัปดาห์ ขอให้ทำต่อเนื่อง ดื่มน้ำและทานอาหารให้ครบ

                        10. ชื่นชมตัวเองว่า คุณเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณทำดีที่สุดแล้ว คุณรักลูกไม่น้อยกว่าคุณแม่ท่านอื่นที่มีน้ำนมให้ลูกกินมากมาย

                        ข้อมูลอ้างอิงจาก FB: สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

                        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                        4 วิธีกระตุ้นนมแม่ อย่างได้ผลดี ไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ

                        ตารางความถี่ในการให้นมลูก คัมภีร์ป้อนนม เพื่อแม่มือใหม่โดยเฉพาะ!

                        ทำอย่างไรดี ? ท่อน้ำนมอุดตันเพราะ “ไวท์ดอท (white dot)” !!

                        9 ผลไม้เพิ่มน้ำนม แม่หลังคลอดน้ำนมน้อย ต้องกิน!

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          Shizenlabs Innogro™

                          ชิเซนแลบ อินโนโกร (Shizenlabs Innogro™) ผสานคุณค่าธรรมชาติกับวิทยาศาสตร์ เป็นเซรั่มและแชมพู ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น

                          สิงหาคม 2564 – ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) เซรั่มและแชมพู ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท บอดี้ เวิร์คส์ จำกัด ผู้เชี่ยวด้านผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะประเทศไทย นำเสนอคอนเซ็ปต์  ชิเซนแลบ ไม่เคยทิ้งผม …ผมก็จะไม่ทิ้งคุณ” โดยเปิดตัว นักแสดงหนุ่ม “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด เพื่อตอกย้ำผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเยี่ยม ที่ช่วยเสริมบุคลิกและสร้างความมั่นใจในทุกกิจกรรมของผู้ชาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีเส้นผมหนา ดกดำ สุขภาพดีนั้น เป็นส่วนหนึ่งให้เขายืนหนึ่งในตำแหน่งพระเอกตลอดกาล

                          จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ‘ชิเซนแลบ’ (Shizenlabs) คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ‘ชิเซน’ (Shizen) หมายถึง ‘ธรรมชาติ’ ในภาษาญี่ปุ่น เมื่อหลอมรวมกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ‘อินโนโกร’ Innogro™ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตจนกลายมาเป็น ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) ผลิตภัณฑ์จากความมุ่งมั่น พิถีพิถันสร้างสุขภาพจากภายใน สู่ภายนอก เพราะมนุษย์เรานั้น ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีพลัง สุขภาพที่ดีอย่างสมบูรณ์ยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้คนล้วนต้องการสิ่งที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก เพราะปราศจากผลกระทบจากสารเคมี

                          ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะสุดพรีเมียม ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)  ยึดหลักแนวคิด ‘อินโนโกร’ (Innogro™) ผสานคุณค่าทางวิทยาศาสตร์จากฝั่งตะวันตก และสมุนไพรจากฝั่งตะวันออกเพื่อที่จะขจัดต้นตอต่างๆของปัญหาผมหลุดร่วงผมบาง นอกจากนี้ Shizenlabs ยังได้คัดสรรสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด นำมาสกัดคุณค่าบริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านมาตรฐานการผลิตของญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่า ‘ประสิทธิภาพต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยเสมอ’ จึงเกิดเป็นนวัตกรรมสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งคุณค่าจากธรรมชาติแต่ละหยด ในระดับโมเลกุลที่ลงลึก จะช่วยปรับสมดุล ผลัดเซลล์ และแก้ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                          นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ ‘ชิเซนแลบส์ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)  ยังถ่ายทอดศิลปะธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์บ่งบอกถึงสุนทรียศาสตร์ และความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งาน เช่น หัวลูกกลิ้งของเซรั่ม ที่จะช่วยให้สะดวกขึ้นเวลาใช้ โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องนวด ดูดซึมเซรั่มเข้าสู่หนังศีรษะอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งมอบคุณค่าจากเมล็ดพันธุ์แห่งธรรมชาติที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และสร้างความรู้สึกดีทุกครั้งที่สัมผัส

                          ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) แชมพูและเซรั่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ได้นำส่วนผสมหลักสุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ ปาล์มเลื่อย (Saw Palmetto) มีคุณสมบัติป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ช่วยแก้ปัญหาการหดตัวของรูขุมขน โสม (Panax Ginseng Root) เพิ่มการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอรโมนเพศชายเป็น DHT สำหรับ สึบากิ (Tsubaki) สารต้านอนุมูลอิสระ ให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะลดการอักเสบ ทำความเส้นผมให้สะอาดสดชื่น และถั่วเหลือง (Soyamine) อุดมด้วยสารไอโซฟลาโวน กระตุ้นการสร้างเซลล์เส้นผม ป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT นอกจากส่วนผสมหลักแล้วยังมีสมุนไพรสุดพรีเมี่ยมอีก 14 ชนิด เช่น น้ำมันเมล็ดทานตะวัน, เมนทอล, เมล็ดกาแฟ, น้ำมันเปลือกส้ม, น้ำมันมะกรูด, น้ำมันอาร์แกน, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันแมคคาเดเมีย, น้ำมันมะกอก, มดยอบ, ใบโรสแมรี่, พุดแสงอุษาและไบโอติน

                          *** DHT – Dihydrotestosterone ฮอร์โมนเพศชาย มีหน้าที่พัฒนาลักษณะทางเพศของผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นการมีขนบริเวณต่างๆ ของร่างกาย การมีเสียงที่ทุ้มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และที่สำคัญทำให้เกิดอาการศีรษะล้าน-เถิกขึ้นได้

                           

                          ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)

                          3 ผลิตภัณฑ์ลดผมร่วง ผมบาง ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น

                           

                           

                          Shizenlabs Innogro™

                          Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Serum for Men

                          ขนาด 40 มล. ราคา 1,590 บาท

                          ชิเซนแลบ อินโนโกร เซรั่มบำรุงผม ลดผมร่วง ผมบางสำหรับผู้ชาย โดยนวัตกรรมการผลิตจากญี่ปุ่น อุดมสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด อาทิ ปาล์มเลื่อย, โสม และส่วนผสมสมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดปัญหาผมหลุดร่วงและเร่งการเจริญเติบโต เซรัมมาในบรรจุภัณฑ์รูปแบบของโรลเลอร์บอล จึงตรงเข้าสู่หนังศีรษะและแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดี

                           

                           

                          Shizenlabs Innogro™

                          Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Serum for Women

                          ขนาด 40 มล. ราคา 1,590 บาท

                          เซรั่มบำรุงผม ลดผมร่วง ผมบางสำหรับผู้หญิง โดยนวัตกรรมการผลิตจากญี่ปุ่น พร้อมสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด  อาทิ ปาล์มเลื่อย, โสม และส่วนผสมสมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดปัญหาผมหลุดร่วงและเร่งการเจริญเติบโต มาในรูปแบบของโรลเลอร์บอล จึงตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะได้ง่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดี

                           

                           

                          Shizenlabs Innogro™

                          Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Shampoo

                          ขนาด 200 มล. ราคา 590 บาท

                          แชมพู ลดผมร่วง สำหรับทุกสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยนวัตกรรมการผลิตสุดทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมสารสกัดที่ให้คุณประโยชน์สูงสุด อาทิ สึบากิ, ถั่วเหลือง และสมุนไพร 14 ชนิด จึงช่วยให้ผมนุ่มสลวย หวีง่าย ไม่ชี้ฟู  ปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้สุขภาพแข็งแรง ที่สำคัญช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม ป้องกันไม่ให้เส้นผมถูกทำลายและเสียสมดุล พร้อมกลิ่นหอมและเย็นสดชื่นทันทีที่ใช้

                          สามารถซื้อ ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) เซรั่มและแชมพู สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่นได้แล้ววันนี้ที่ ห้ามสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) และช่องทางออนไลน์ www.shizenlabs.com , Shopee และ Lazada

                           

                           

                           

                            ผู้ชายติดโควิด

                            แพทย์เผย! ผู้ชายติดโควิด เสี่ยงเซ็กส์เสื่อมกว่าเดิม 6 เท่า!

                            ผู้ชายติดโควิด – เหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไป จะมีข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับโคโรนาไวรัสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากการระบาดใหญ่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในหลายประเทศต่างทำการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของไวรัส โดยการวิจัยมากมายแสดงความกระจ่างเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสต่อร่างกายของมนุษย์โดยรวม แต่ล่าสุดจากผลการวิจัยเผยว่าสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ของผู้ชายอาจได้รับผลกระทบในระยะยาวจากไวรัสร้ายตัวนี้ด้วย

                            แพทย์เผย! ผู้ชายติดโควิด เสี่ยงเซ็กส์เสื่อมกว่าเดิม 6 เท่า!

                            เว็บไซต์ webmd.com มีการเปิดเผยผลวิจัย ของนักวิจัยในอิตาลี นำโดย ศาสตราจารย์เอ็มมานูเอลเล่ เอ. ยานนีนี ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อและการแพทย์ด้านเพศวิทยา มหาวิทยาลัยโรม ทอร์เวอร์กาต้า กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยงานวิจัยได้ตีพิมพ์ในวารสารแอนโดรโลยี (Andrology) ระบุว่า ผู้ชายที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือโรคอีดี (Erectile dysfunction) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวพอที่จะมีสัมพันธ์ทางเพศได้

                            งานวิจัยดังกล่าวได้ทำการสำรวจผ่านทางระบบออนไลน์ Sex@COVID ในประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 7 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 โดยมีผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามจำนวน 6,821 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นชาย 2,644 คน หญิง 4,177 คน

                            โดยผลการวิจัยพบว่ามีชายที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มีลักษณะแสดงอาการของโรคอีดี มากถึง 28 เปอร์เซ็นต์ โดยมากกว่า ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการของโรคซึ่งพบอยู่เพียง 9.33 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อโควิดทำให้เสี่ยงต่อการมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกือบ 6 เท่า โดยคำนวณตัวเลขออกมาได้ที่  5.66 เท่าด้วยกัน

                            ผู้ชายติดโควิด
                            ผู้ชายติดโควิด

                            สำหรับตัวเลขเบื้องต้นยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่มีอาการของโรคอีดี อาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 ได้มากกว่าคนทั่วไป โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 5 เท่า ทั้งนี้ นักวิจัยระบุว่าผู้ที่เคยมีอาการอีดีหรืออาการทรุดลง ควรทำการกักตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อความปลอดภัย โดยมีการตั้งสมมุติฐานว่า ไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวการที่กระตุ้นให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือทำให้อาการแย่ลง

                            นอกจากนี้ยังมีนักวิจัย ในสหรัฐอเมริกานำทีมโดย ดร.ไรอัน เบิร์กลุน แพทย์ผู้ชำนาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ กำลังร่วมมือทำการศึกษาว่าการรอดชีวิตจาก COVID-19 อาจเกี่ยวข้องกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การวิจัยชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสามประการที่สามารถนำไปสู่การเริ่มมีอาการ ED หรือสมรรถภาพทางเพศเสื่อมในผู้ชายที่ติดเชื้อไวรัส ได้มีดังต่อไปนี้

                            1. ผลกระทบของหลอดเลือด

                            สมรรถภาพทางเพศเป็นตัวทำนายของโรคหัวใจ ดังนั้นเราจึงรู้ว่าระบบหลอดเลือดและระบบสืบพันธุ์เชื่อมต่อกัน เราทราบด้วยว่าโควิด-19 ทำให้เกิดการอักเสบได้มากทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในหัวใจและกล้ามเนื้อรอบข้าง ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงองคชาตอาจอุดตันหรือแคบลงอันเป็นผลมาจากสภาพของหลอดเลือดใหม่หรือแย่ลงซึ่งเกิดจากไวรัส

                            2. ผลกระทบทางจิตใจ

                            กิจกรรมทางเพศสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสุขภาพจิต ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าที่เกิดจากไวรัสและการระบาดใหญ่อาจเชื่อมโยงกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและอารมณ์ไม่ดี

                            3. สุขภาพโดยรวมเสื่อมโทรม

                            อีดี มักเป็นอาการของปัญหาพื้นฐาน ผู้ชายที่มีสุขภาพไม่ดี มีความเสี่ยงมากขึ้นในการพัฒนาอาการของภาวะอีดีและมีปฏิกิริยารุนแรงต่อ COVID-19 เนื่องจากไวรัสสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพได้มากมาย สุขภาพที่ไม่ดีโดยทั่วไป จึงเป็นสาเหตุสำคัญของความกังวลเกี่ยวกับอีดี และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

                            “การหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพโดยรวม” ดร.ไรอัน เบิร์กลุน อธิบาย

                            “โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อายุน้อยและมีสุขภาพดี ซึ่งพัฒนาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างกะทันหัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมี COVID-19 นี่อาจเป็นสัญญาณของบางสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นเกิดขึ้น”

                            อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการวิจัยคือความเสียหายของลูกอัณฑะที่อาจเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ COVID-19 ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความเสียหายนั้นเป็นแบบถาวร ชั่วคราว หรืออาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ ซึ่งอายุยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงในการพัฒนาทั้งภาวะ ED และกรณีที่รุนแรงของ COVID-19

                            ผู้ชายติดโควิด

                            “มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าอาจมีผลต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือดและผลทางการแพทย์อื่นๆ ที่เกิดจากโควิด-19 แต่คำตอบก็คือ ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าผลกระทบระยะยาวทั้งหมดคืออะไร” ดร.เบิร์กลุนด์ กล่าว “เราทราบดีว่าไวรัสสามารถทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้หลายวิธี แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมอีกมาก ก่อนที่เราจะทราบผลได้อย่างแน่นอน”

                            เรายังคงเรียนรู้เกี่ยวกับความเสียหายระยะยาวที่ไวรัสสามารถก่อขึ้นได้ ดร.เบิร์กลันด์กล่าวว่า เราเพิ่งเริ่มเข้าใจถึงภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่ไวรัสสามารถทำให้เกิดได้ ซึ่งรวมถึง ลิ่มเลือด ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท ความเสียหายต่อหัวใจ ปอด ไต และตอนนี้ ผลเสียต่อสุขภาพทางเพศและการเจริญพันธุ์ของผู้ชาย ผู้ป่วยจำนวนมากยังต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเป็นเวลาหลายเดือน แม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงดีมาก่อนก็ตาม

                            “การศึกษาครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างที่สำคัญของการไม่รู้ถึงผลกระทบระยะยาวของไวรัสเพียงพอ” ดร. เบิร์กลุนด์กล่าว “ต้องใช้เวลาและการวิจัยมากขึ้นจนกว่าเราจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น” ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัย รับการฉีดวัคซีนเมื่อคุณมีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และปกป้องคนรอบข้าง

                            ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : webmd.com , health.clevelandclinic.org

                            บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                            ผู้เชี่ยวชาญคาด อนาคตโควิดจะกลายเป็น โรคระบาดในเด็กเล็ก

                            งานวิจัยชี้! เด็กป่วยโควิด ส่วนใหญ่หายเป็นปกติได้ภายในหนึ่งสัปดาห์

                            แม่แชร์ เมื่อลูกติดโควิด! วิธีรักษา Home Isolation เด็ก

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ตรวจสุขภาพ

                              เด็กแต่ละวัย แรกเกิด-6 ปี ควร “ตรวจสุขภาพ” อะไรบ้าง?

                              นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกน้อยคลอดออกมา คุณหมอตรวจอะไรบ้าง และเด็กแต่ละวัยควรได้รับการ “ตรวจสุขภาพ” ด้านไหน ช่วงไหนบ้าง? คุณหมอแป๊กกี้ เจ้าของเพจ Dr.Pakky หม่ามี้หมอเด็ก ได้สรุปข้อมูลการตรวจสุขภาพที่จำเป็นของเด็กแต่ละวัย ตั้งแต่แรกเกิด-6 ปีไว้ดังนี้

                              ตรวจสุขภาพ เด็กแรกเกิด ดูอะไรบ้าง?

                              1. ตรวจความสมบูรณ์ทั่วไปของอวัยวะภายนอก

                              น้ำหนัก ความยาว เส้นรอบศีรษะ เท้า ขา ข้อสะโพก เสียงปอด เสียงหัวใจ

                              2. ตรวจการได้ยิน

                              (ไม่ได้ตรวจทุกคนแต่ถ้าอยู่ในที่ที่สามารถตรวจการได้ยินได้ควรตรวจค่ะ) เนื่องจากในเด็กปกติจะพบมีความผิดปกติของการได้ยินได้ 1-2 คนต่อเด็ก 1000 คน

                              ที่แนะนำควรตรวจในกลุ่มเสี่ยงคือ

                              • ตอนตั้งครรภ์ คุณแม่มีประวัติติดเชื้อไวรัส เช่น หัด ซีเอ็มวี เริม
                              • มีประวัติบกพร่องทางการได้ยินในครอบครัว
                              • มีความผิดปกติของรูปศีรษะ รูปหู มีติ่งหรือรูหน้าหู
                              • หลังคลอดเด็กอยู่ ICU แล้วมีการใส่เครื่องช่วยหายใจ
                              • มีประวัติให้ยาบางตัวที่มีพิษต่อหู
                              • เด็กตัวเหลืองมากจนถึงต้องถ่ายเลือด

                              3. ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์และโรค PKU

                              2 โรคนี้ต้องตรวจทุกคนค่ะ ทุกรพ.จะตรวจเลือดให้ก่อนลูกกลับบ้านอยู่แล้วค่ะ

                              4. ตรวจตา

                              (ไม่ได้ทำทุกคน) แต่แนะนำตรวจในกลุ่มเสี่ยง เช่น คลอดก่อนกำหนด หรือมีโรคทางพันธุกรรมที่มีผลต่อตา

                              ตรวจสุขภาพเด็ก อายุ 9-12 เดือน

                              ตรวจสุขภาพทารก

                              1. ตรวจความสมบูรณ์ทั่วไป

                              น้ำหนัก ความยาว เส้นรอบศีรษะ เท้า ขา เสียงปอด เสียงหัวใจ

                              2. ตรวจคัดกรองพัฒนาการ, ออทิสติก

                              3. ตรวจเลือดคัดกรองภาวะซีดโลหิตจาง

                              4. ตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี

                              เฉพาะเคสกรณีแม่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้และถึงแม้จะได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีครบแล้ว ก็มีโอกาส 4 % ที่ภูมิคุ้มกันไม่ขึ้นและต้องฉีดวัคซีนอีกรอบค่ะ

                              5. ตรวจเลือดคัดกรองภาวะตะกั่วเกิน (ตรวจอายุ 9 เดือน-2 ปี)

                              ตรวจเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น อาศัยอยู่ในเขตอุตสาหกรรม, ในครอบครัวมีการทำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับตะกั่ว เช่น เครื่องประดับ ช่างประปา สี เครื่องยนต์ หลอมตะกั่ว กระสุน

                              6. ตรวจฟันโดยหมอฟัน

                              โดยทั่วไปแนะนำเมื่ออายุ 1 ปี ค่ะ

                              ตรวจสุขภาพเด็ก อายุ 1-3 ปี

                              การตรวจสุขภาพเด็กในช่วงวัยนี้จะเป็นการตรวจน้ำหนัก ส่วนสูง และพัฒนาการทั่วไป

                              ตรวจสุขภาพเด็ก อายุ 3-6 ปี ดูอะไรบ้าง?

                              ตรวจสุขภาพเด็ก

                              1. ตรวจความสมบูรณ์ทั่วไป

                              น้ำหนัก ความยาว เส้นรอบศีรษะ ขา เท้า เสียงปอด เสียงหัวใจ

                              2. ตรวจคัดกรองพัฒนาการ

                              เรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก การเรียนรู้ สมาธิ

                              3. ตรวจวัดความดันโลหิต

                              เนื่องจากเราสามารถพบภาวะความดันโลหิตสูงในเด็กได้ 1.4-6 % โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น คลอดก่อนกำหนด , โรคหัวใจแต่กำเนิด , มีติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบ่อยๆ , มีประวัติโรคไตในครอบครัว

                              4. ตรวจตา

                              ถ้าเป็นไปได้ แนะนำตรวจกับคุณหมอตาเด็กเมื่ออายุ 4-6 ปี แม้ไม่มีอาการอะไร คุณหมอตาจะตรวจหาภาวะตาขี้เกียจ ซึ่งพบได้ 2-4% ของเด็ก ตรวจค่าสายตา ตรวจการเห็นสี กล้ามเนื้อตา แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น กะพริบตาบ่อยๆ หยีตาเวลามอง เอียงหัวเวลามอง ควรไปตรวจเลยค่ะ

                              5. ตรวจฟัน เป็นประจำทุกปี

                               

                              ด้วยรัก หมอแป๊กกี้ พญ.ฐิติมา คุรุพงศ์

                              #ดีดีคิดส์คลินิก #คลินิกเด็กศรีราชา

                              ที่มา : guideline in health supervision ราชวิทยาลัยกุมารแห่งประเทศไทย

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               


                              Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นที่คุณพ่อคุณแม่ เตรียมพร้อมในการดูแลรักษาสุขภาพลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว รวมถึง สอนให้ลูกน้อยรู้จักดูแลรักษาสุขภาพตนเอง เพราะร่างกายที่แข็งแรงเป็นต้นทุนชีวิตที่ดี สู่การเรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ


                              ติดตามเรื่องราวน่ารู้ และมุมมองในการดูแลเด็ก กับคุณหมอแป๊กกี้

                              ได้ที่เพจ Dr.pakky หม่ามี้หมอเด็ก

                              หมอแป๊กกี้

                               

                              บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                              สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก มีความสำคัญอย่างไร?

                              รวม 20 อาการต้องสงสัย ลูกไม่สบาย แบบนี้..! กำลังป่วยเป็นโรคอะไร?

                              อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก เกิดจากอะไร?

                                วัคซีนไข้หวัดใหญ่

                                7 กลุ่มเสี่ยง ฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี! ฉีดที่ไหน เช็คเลย!

                                ในช่วงโรคโควิดระบาด การฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะช่วยลดความเสี่ยงให้มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น เพราะผู้ป่วยอาจติดเชื้อทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันได้ กรมควบคุมโรคจึงเชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับบริการฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

                                7 กลุ่มเสี่ยง ฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี! ฉีดที่ไหน เช็คเลย!

                                โรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนผ่านทางการสัมผัสละอองฝอยของระบบทางเดินหายใจได้ โดยผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ ไปจนถึงมีอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือเกิดภาวะปอดอักเสบซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้

                                ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 มีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะติดเชื้อโรคทั้ง 2 ชนิดร่วมกันได้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นได้ ทีมแม่ ABK จึงขอนำข่าวจาก เพจไทยคู่ฟ้า ที่ได้เผยว่า

                                กรมควบคุมโรค เชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้าน หรือ รพ.เอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค.64
                                โดยประชาชนที่ถือเป็น 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่
                                1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
                                2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
                                3. ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างรับเคมีบำบัด และเบาหวาน
                                4. ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
                                5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
                                6. ผู้มีโรคธาลัสซีเมีย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV มีอาการ
                                7. ผู้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กก./ตร.ม.
                                การศึกษาในอเมริกา และจีน พบว่า ผู้ติดโรคโควิด-19 กว่า 60% เป็นไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้อาการรุนแรงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จึงเป็นการลดโอกาสเกิดอาการรุนแรงเมื่อติดโรคโควิด-19
                                ฉีดวัคซีน
                                ฉีดวัคซีน
                                การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงจึงมีความจำเป็นในช่วงที่มีโรคโควิดระบาด แม่ท้อง เด็กเล็ก และทุกคนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยงนี้ สามารถไปฉีดวัคซีนได้ตามสถานที่ที่กล่าวไว้ข้างต้นกันได้ฟรีค่ะ และสำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถไปฉีดได้ตามโรงพยาบาลทั่วไปได้อีกด้วย นอกจากนี้ ทีมแม่ ABK ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่และระยะห่างในการฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และ วัคซีนโควิด มาฝากกันค่ะ

                                อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

                                • ไอ เจ็บคอ คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
                                • ปวดศีรษะ
                                • มีไข้สูง
                                • อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
                                • หายใจหอบเหนื่อย เมื่อมีภาวะปอดอักเสบ

                                ข้อควรเฝ้าระวัง

                                1. โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการคล้ายกับโรคโควิด-19 มาก หากมีอาการควรพบแพทย์ทันที
                                2. อาการเบื้องต้นไม่สามารถใช้ในการแยกโรคได้ จึงจำเป็นต้องใช้การตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการเท่านั้น
                                3. การแพร่กระจายของโรคสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำมูก เสมหะ หรือการไอและจามได้เช่นเดียวกัน
                                4. โรคไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดแทรกซ้อนกับโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต จึงควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกัน

                                การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

                                1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่มี 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ และชนิด 4 สายพันธุ์
                                2. ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปื ในช่วงเดือนพฤษภาคมและตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
                                3. ประชาชนทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ โรคตับ โรคตวายเรื้อรัง เป็นต้น ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางระบบประสาท ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคอ้วน และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ

                                วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับ วัคซีนโควิด ต้องฉีดห่างกันอย่างไร?

                                ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
                                ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

                                หลายคนยังสงสัย ว่าหากต้องฉีดวัคซีนทั้งไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน จะต้องฉีดห่างกันแค่ไหน มาดูกันค่ะ

                                • ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ โดยให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน จึงค่อยฉีดวัคซีนโควิด-19
                                • ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เข็มที่ 1 และอยู่ระหว่างรอกำหนดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยให้ห่างจากวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อย 1 เดือน และหลังจากนั้นให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดนัด โดยให้มีระยะห่างจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน
                                • สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค (Sinovac) เข็มที่ 1 แล้ว ให้ฉีดจนครบทั้ง 2 เข็มก่อนโดยระยะการฉีดห่างกัน 2 – 4 สัปดาห์ จึงรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้ โดยให้ห่างจากวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อย 1 เดือน
                                • ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ครบทั้ง 2 เข็มแล้ว โดยระยะการฉีดระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 ห่างกันประมาณ 10 – 12 สัปดาห์ สามารถเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้หลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วอย่างน้อย 1 เดือน
                                • สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ต้องการจะฉีดวัคซีน ให้เว้นระยะ 3 เดือน
                                สรุปแล้ว คือ ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ห่างจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเข็ม 1 หรือเข็ม 2 และไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโควิดประเภทใดก็ตาม ควรฉีดห่างกัน 1 เดือน จะฉีดวัคซีนอย่างไหนก่อนหรือหลังก็ได้ค่ะ

                                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์A รุนแรงและอันตรายกว่าทุกสายพันธุ์

                                หมอสูติตอบชัด! คนท้องฉีดวัคซีนโควิดได้ไหม ฉีดอย่างไรให้..ปลอดภัยทั้งแม่ลูก

                                รู้ก่อนฉีด! ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด -19 เช็คเลย!

                                แยกให้ออก ภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่กับโควิด -19 อาการ ต่างกันยังไง?

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  เงินเยียวยานักเรียน

                                  วิธีเช็ค “เงินเยียวยานักเรียน” 2,000 บาท เข้าวันไหน?

                                  สพฐ.แจงวิธีและขั้นตอนในการลงทะเบียนรับ “เงินเยียวยานักเรียน” 2,000 บาท ทั้งรัฐและเอกชน ให้ผู้ปกครองได้ตรวจสอบว่าได้รับสิทธิ์หรือไม่ ผ่านแอพ สช. On Mobile และเว็บไซต์

                                  วิธีเช็ค “เงินเยียวยานักเรียน” 2,000 บาท เข้าวันไหน?

                                  ศึกษาธิการแจง!! ได้เต็ม 2,000 ไม่หัก!!

                                  ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน โดยนักเรียนที่เรียนอยู่ใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (อนุบาล-ม.6) ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐ หรือ โรงเรียนเอกชน ก็จะได้รับเงินเยียวยาจำนวน 2,000 บาท ต่อ นักเรียน 1 คน

                                  ทาง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงการจ่าย “เงินเยียวยานักเรียน” ว่า นักเรียนทุกคน ทุกสังกัด จะได้รับ เงินเยียวยานักเรียน คนละ 2,000 บาท โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

                                  ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน

                                  • สถานศึกษาในสังกัด ศธ. ที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐ รวม 9.8 ล้านคน
                                  • สถานศึกษานอกสังกัด ศธ. รวม 1.2 ล้านคน

                                  งบประมาณรวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้

                                  โดยปัจจุบันนี้ ทาง กระทรวงศึกษาธิการยังไม่ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง โดยทาง ศธ. ได้ตั้งเป้าหมายว่าทุกคนจะได้รับเงินภายใน 7 วัน หลังจากที่เงินถึง ศธ. รวมทั้งจะมีการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครอง หากยังไม่ได้รับเงินดังกล่าวทันท่วงที โดยมีขั้นตอนในการโอนเงินให้ผู้ปกครอง ดังนี้

                                  ขั้นตอนการโอนจ่ายเงินเยียวยานักเรียน

                                  • หากผู้ปกครองมีบัญชีธนาคารก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองได้โดยตรง
                                  • หากใช้วิธีโอนเงินไม่ได้จะให้โรงเรียนบริหารจัดการผ่านครูประจำชั้นในการออกแบบการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครอง เช่น นัดหมายผู้ปกครองเข้ามารับเงินสดที่โรงเรียนให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อเป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน

                                  สำหรับผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล-ม.6 ต้องการตรวจสอบว่านักเรียนได้รับสิทธิ์หรือไม่ สามารถเช็คได้ทั้ง 2 ช่องทาง คือทางเว็บไซด์ และ แอพพลิเคชั่น ดังนี้

                                  เช็ค เงินเยียวยานักเรียน ทางเว็บไซด์ และ ผ่าน สช. On Mobile

                                  สำหรับนักเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ.

                                  สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ https://student.edudev.in.th

                                  – กรอกเลขประจำตัวประชาชน

                                  – กรอกเลขประจำตัวนักเรียน

                                  เงินเยียวยา 2000
                                  เงินเยียวยา 2000
                                  เงินเยียวยา โรงเรียนรัฐ
                                  เงินเยียวยา โรงเรียนรัฐ

                                   

                                  โดยรายชื่อนักเรียนที่จะสามารถตรวจสอบได้นั้น ต้องเป็นนักเรีนที่ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่สถานศึกษารายงานและยืนยัน/รับรอง จากระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC) ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 เท่านั้น

                                  หากนักเรียนศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัดอื่น ๆ กรุณาติดต่อต้นสังกัด หรือ สถานศึกษาของตัวนักเรียนเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยจะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากระบบนี้

                                  นักเรียนโรงเรียนเอกชน

                                  ตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://regis-test.opec.go.th/ 

                                  • นักเรียนไทยให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน
                                  • นักเรียนต่างชาติ หรือนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ให้ใช้รหัส G-Code จากโรงเรียนที่ศึกษาอยู่

                                  นอกจากการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์แล้ว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “สช. On Mobile” ซึ่งผู้ปกครองหรือนักเรียนสามารถ “ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยานักเรียน”  รวมถึงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลไปถึงโรงเรียนเอกชน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเอกชน รวมทั้งผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปได้ โดยมีขั้นตอนการลงทะเบียน ดังนี้

                                  สช. On Mobile
                                  สช. On Mobile
                                  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “สช. On Mobile” ได้ที่ Play Store และ App Store
                                  เงินเยียวยานักเรียน
                                  เงินเยียวยานักเรียน
                                  เงินนักเรียน 2000
                                  เงินนักเรียน 2000

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                  2. เข้าสู่ระบบสำหรับบุคคลทั่วไป

                                    • สามารถเข้าสู่ระบบผ่านโซเชียลมีเดีย ได้แก่ เฟซบุ๊ก (FaceBook) อีเมล์ (Gmail) และไลน์ (Line)
                                    • สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่สะดวกในการสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ให้เลือกสมัครสมาชิกและกรอกรายละเอียด

                                  3. ตรวจสอบสิทธิ์มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาท/นักเรียน 1 คน ภาคเรียนที่ 1/2564 คลิ๊กที่แบนเนอร์

                                  เงินเยียวยานักเรียน
                                  เงินเยียวยานักเรียน
                                  เช็คเงินเยียวยา 2000
                                  เช็คเงินเยียวยา 2000

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                   

                                    • กรอกข้อมูล สำหรับนักเรียนไทย ตรวจสอบโดยใช้เลขประจำตัวประชาชนนักเรียน และคลิกตรวจสอบ ระบบจะปรากฎข้อความ ดังนี้
                                      • ได้รับสิทธิ์
                                      • ไม่มีสิทธิ์
                                      • มีรายชื่อนักเรียนซ้ำซ้อน
                                    • สำหรับนักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ตรวจสอบโดยใช้รหัส G-code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และคลิกตรวจสอบ ระบบจะปรากฎข้อความ ดังนี้
                                      • ได้รับสิทธิ์
                                      • ไม่มีสิทธิ์
                                      • มีรายชื่อนักเรียนซ้ำซ้อน

                                  เมื่อผู้ปกครองได้ตรวจสอบสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว หากมีขื่ออยู่ในผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ก็เพียงรอให้ทางโรงเรียนที่นักเรียนเรียนอยู่แจ้งกำหนดการรับเงินต่อไปค่ะ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการคาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้ และจะดำเนินการจ่ายให้แก่ผู้ปกครองผ่านทางโรงเรียนภายใน 7 วัน

                                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                  เช็กสิทธิรับ เงินเยียวยาโควิด ม.33 ม.39-40 ต้องทำยังไง ได้เงินวันไหน?

                                  4 ผลกระทบของการให้เด็ก เรียนออนไลน์ (ใช้สื่อ online)

                                  ลูกเรียนออนไลน์ไม่เข้าใจ พ่อแม่รับมือยังไงดี?

                                  วิธีสอนลูกเรียนเก่ง เริ่มต้นได้ที่บ้าน

                                   

                                  ขอบคุณข้อมูลจาก : www.komchadluek.net, กรุงเทพธุรกิจ

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    รักกันให้ลูกเห็น

                                    ประโยชน์ของการ รักกันให้ลูกเห็น พ่อแม่ยิ่งรักกัน ยิ่งดีต่อใจลูก

                                    รักกันให้ลูกเห็น – ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ยิ่งเป็นความรักระหว่างสามีและภรรยาที่ต่างคนมีให้กัน และแสดงออกให้ลูกได้เห็น จะยิ่งทำให้บรรยากาศในครอบครัวมีแต่ความสุขสงบ การแสดงความรักและความเสน่หาของพ่อแม่ ด้วยสายตาที่ห่วงใยกัน การคอยคอยเอาใจใส่ การกอดจูบ จับมือ ส่งผลดีกับลูกได้อย่างที่เราอาจคาดไม่ถึง

                                    ประโยชน์ของการ รักกันให้ลูกเห็น พ่อแม่ยิ่งรักกัน ยิ่งดีต่อใจลูก

                                    เด็กๆ มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้ ว่าความรักคืออะไรผ่านการเฝ้าดูวิธีที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อกัน ตลอดจนความรักของพ่อแม่ที่มีให้พวกเขาและตระหนักได้ว่าพวกเขาเป็นที่รัก และการได้เห็นว่าพ่อแม่รักใคร่ปรองดองกันดียังเป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็กๆ มีความมั่นใจในความรัก

                                    Inès Pélissié du Rausas ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอารมณ์ กล่าวในหนังสือ Talking to Children About Love  กล่าวว่า การที่เด็กๆ ได้เห็นพ่อแม่แสดงท่าทีที่อ่อนโยนต่อกัน เช่น ได้เห็นพ่อนำดอกไม้หรือของขวัญมอบให้แม่ เห็นแม่พูดคำอ่อนโยนอ่อนหวานกับพ่อ เห็นพ่อแม่ยิ้มให้กัน กอดจูบกัน หรือเห็นพ่อแม่ขอโทษและคืนดีหลังจากการโต้เถียง ด้วยความอ่อนโยนของพ่อแม่ที่แสดงต่อกันนี้เอง ที่จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจว่าความรักคืออะไร “เด็กที่เห็นพ่อแม่แสดงความอ่อนโยนต่อกันถือว่าโชคดี พวกเขาจะได้ค้นพบว่าการรักใครสักคนหมายถึงการอยู่เคียงข้างกัน ช่วยเหลือกัน และคิดถึงคนอื่นก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง”

                                    เด็ก ๆ จะได้รับประสบการณ์ทางอ้อมจากความสุขที่เกิดขึ้นในหัวใจของผู้ที่ได้รับการจูบ รอยยิ้ม หรือการจ้องมองที่อ่อนโยน “ความรักใคร่ปรองดองของพ่อแม่ที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับรู้ว่าความรักเป็นเสมือนของขวัญที่พิเศษจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง เป็นของขวัญที่สัมผัสได้ผ่านทางร่างกาย”

                                    เหตุผลที่พ่อแม่ควรแสดงความรักกันต่อหน้าลูก

                                    และต่อไปนี้ คือ เหตุผลบางประการ ที่พ่อแม่ควรแสดงความรักกันให้ลูกเห็น

                                    1. ให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่ลูก

                                    “ลูกรู้สึกเป็นที่รักเมื่อได้เห็นแม่และพ่อรักกัน” พ่อรักแม่และแม่รักพ่อ มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างกันที่ลูกๆ สัมผัสได้ จะช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นใจ และปลอดภัย เด็กๆ จะรู้สึกได้ว่าครอบครัวของเรามีความรักความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นทีมเดียวกัน จะไม่แยกจากกันไปไหน ลูกจะรู้สึกปลอดภัยทางใจ เมื่อเห็นพ่อกับแม่รักกัน วิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดวิธีหนึ่งที่เด็กๆ จะได้เห็นความรักของพ่อแม่ คือการแสดงออกทางกายระหว่างพ่อและแม่

                                    รักกันให้ลูกเห็น
                                    รักกันให้ลูกเห็น

                                    2. ทำให้ลูกมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในชีวิตสมรส

                                    บ้านคือสถานที่ที่ลูก ๆ ควรได้เห็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีงาม และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็กน้อย การแสดงออกให้ลูกได้เห็นว่า พ่อ แม่ รักกัน ในรูปแบบที่เหมาะสม การที่พ่อแม่สัมผัสกันอย่างเปิดเผยด้วยความรัก เช่น การกอดหรือหอม เด็ก ๆ จะเกิดมุมมอง และทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เมื่อพวกเขาโตขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติแบบเดียวกันกับลูกๆ และคนรักของพวกเขา และลูก ๆ ของเราก็จะมีความสัมพันธ์อันดีมีความสงบสุขและความอบอุ่นในชีวิตครอบครัว

                                    3. สร้างเกราะป้องกันอันตรายที่เกิดจากการขาดความอบอุ่นทางใจ

                                    พ่อแม่ที่มีความรักทางกายต่อกัน มักจะมีแนวโน้มที่จะแสดงความรักต่อลูกของพวกเขามากขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กทุกคนต้องการความรักทางกายจากแม่และพ่อมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เมื่อพ่อแม่ตอบสนองความต้องการทางกายและใจของลูกได้ แน่นอนว่าจะเป็นการสร้างเกราะป้องกันอันตรายมากมายในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเด็กขาดความอบอุ่นและไม่มีที่ยึดเหนี่ยวทางกายและใจที่เหมาะสมอาจเดินออกนอกลู่นอกทางได้ง่าย และนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ เช่น เรื่องเพศ และยาเสพติดได้

                                    4. ช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต

                                    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แค่เพียงลูกได้เห็นการแสดงความรักที่งดงามระหว่างพ่อแม่ของพวกเขา จะช่วยให้พวกเขามีอนาคตที่ดีได้จริงๆ มีการศึกษาวิจัยในต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่เปี่ยมไปด้วยความรักและมั่นคงระหว่างพ่อและแม่ เป็นพื้นฐานสำคัญต่อพัฒนาการของลูก สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีการคิด สร้างความเข้าใจ การสื่อสาร ความประพฤติ การแสดงอารมณ์ และได้พัฒนาทักษะทางสังคมที่ดีให้กับเด็กซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาให้ชีวิตของพวกเขาไปสู่ความสำเร็จ

                                    ผลเสียจากการที่ลูกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ 

                                    การทะเลาะวิวาท และการโต้เถียง อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่งงานที่บางครั้งอาจไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แม้จะเป็นคู่ที่รักและเข้าใจกันดี อาจมีบ้างที่ต้องมีปากมีเสียงกัน ยิ่งเวลาที่ต่างคนต่างเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกหรือการทำงานก็อาจพาลให้อารมณ์เสียและมีเรื่องให้ปะทะอารมณ์กันได้ทุกเมื่อ การที่เด็กได้เห็นการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพ่อแม่ เปรียบได้กับการล่วงละเมิดเด็กทางอารมณ์ได้ เนื่องจากพฤติกรรมของพ่อแม่ที่สดงให้ลูกเห็นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเด็กในทางลบ

                                    William Axinn นักวิจัยจากสถาบัน UM Institute for Social Research  ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่มีผลกระทบต่อเด็ก  โดยผลการศึกษาพบว่าการเชื่อมโยงทางอารมณ์ของพ่อแม่ที่มีต่อกัน ส่งผลต่อการเลี้ยงดูลูกได้มากจนอาจกำหนดอนาคตของเด็กๆ ได้

                                    ทุกคู่มีเรื่องไม่ลงรอยกัน ซึ่งเมื่อคลี่คลายอย่างสงบแล้วย่อมมีสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม หากการทะเลาะวิวาทเหล่านี้กลายเป็นการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ ก็อาจส่งผลเสียต่อเด็กๆ ได้ การต่อสู้ของผู้ปกครองส่งผลต่อเด็กอย่างไร? ต่อไปนี้คือผลเสียบางประการที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อลูกซึมซับภาพของการทะเลาะกันของพ่อและแม่

                                    รักกันให้ลูกเห็น

                                    1. ความก้าวร้าว

                                    ผลกระทบของพ่อแม่ที่ชอบทะเลาะเบาะแว้งลงไม้ลงมือ แสดงวาจาและท่าทีที่รุนแรงต่อหน้าลูกอาจกลายเป็นหายนะได้ เมื่อเด็กเล็ก ๆ เห็นการบาดหมางระหว่างพ่อแม่ของพวกเขา จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแก้ปัญหาในอนาคต เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน จะเริ่มเชื่อว่าการทะเลาะเบาะแว้งพูดจาด่าทอน ใส่อารมณ์กันไปมา คือวิธีแก้ปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันกับทุกคน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ในอนาคตกับคนรอบข้างที่ไม่ราบรื่นและล้มเหลว

                                    2. ความทุกข์ทางอารมณ์

                                    ความรุนแรงในครอบครัวหรือพ่อแม่ที่ต่อสู้กันต่อหน้าเด็กอาจทำให้เกิดความทุกข์ทางอารมณ์ในเด็กได้อย่างมาก การเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ปกครองเป็นประจำอาจทำให้เกิดปัญหาความวิตกกังวลและปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ในเด็ก เด็กที่เห็นความรุนแรงในครอบครัวในช่วงเริ่มต้นชีวิตมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหา

                                    3. ความล้มเหลวในความสัมพันธ์

                                    แน่นอนว่าเด็กเลียนแบบในสิ่งที่พวกเขาเห็นพ่อแม่ทำ หากคุณและคู่สมรส ทะเลาะกันอย่างต่อเนื่อง ลูกของคุณก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นมาเรียนรู้และปฏิบัติในสิ่งเดียวกัน เป็นผลให้ความสัมพันธ์ของลูกของคุณกับคู่ของเขาอาจประสบปัญหาในวัยผู้ใหญ่ อาจทำให้ลูกของคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์จากความกลัวที่จะได้รับบาดเจ็บหรือการต้องปะทะอารมณ์

                                    รักกันให้ลูกเห็น

                                    4. ปัญหาสุขภาพกายและใจ

                                    การเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเป็นประจำอาจทำให้ลูกรู้สึกวิตกกังวล ชีวิตหดหู่ และหมดหนทาง ผลที่ตามมาคือ เด็กเหล่านี้มักมีการแสดงออกบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย พวกเขาอาจหยุดกิน หรือกินมากเกินไป พวกเขาสามารถทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวหรือปวดท้อง พวกเขาอาจมีปัญหาในการนอนหลับตอนกลางคืน การต่อสู้กันระหว่างพ่อแม่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านพฤติกรรมด้านลบ เช่น ความหวาดระแวงในเด็ก

                                    5. ความนับถือตนเองต่ำ

                                    ความรู้สึกอับอาย ความรู้สึกผิด ความไม่คู่ควร และความไร้อำนาจที่เกิดจากการเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเด็ก ที่สำคัญอาจส่งผลให้ความนับถือตนเองของเด็กลดลงเรื่อยๆ และส่งผลไปจนถึงวัยที่โตเป็นผู้ใหญ่ เขาอาจพบว่าการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองทั้งในด้านอาชีพ และส่วนตัวเป็นเรื่องยากที่จะทำได้

                                    6. ไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนได้

                                    ภาพของการการต่อสู้ทะเลาะเบาะแว้งลงไม้ลงมือสาดวาจาที่เ็นพิษอย่างต่อเนื่องระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถทำให้จิตใจของเด็กหมกมุ่นอยู่กับความกลัว และความสับสนอย่างต่อเนื่อง เด็กอาจจมอยู่กับกับความทุกข์ที่มีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งอื่นในชีวิตได้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเช่น การเรียน

                                    โดยรวมแล้ว ความสุขและความสามัคคีในครอบครัวที่เกิดขึ้นด้วยภาพของพ่อแม่ที่รักใคร่ปรองดองกันดี ตลอดจนวิธีในการตอบสนองความต้องการทางกายและใจของเด็กๆ การแสดงความรักของพ่อแม่ที่มีให้กัน และการแสดงความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกๆ อย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ นอกจากทำให้บรรยากาศของครอบครัวโอบล้อมไปด้วยความรักและความสงบสุขแล้ว ยังสามารถพัฒนาทักษะความฉลาดที่รอบด้าน ด้วย Power BQ ได้ในหลายด้านด้วยกัน อาทิ  ความฉลาดทางอารมณ์ EQ  , ความฉลาดทางคุณธรรม MQ , ความฉลาดต่อการเผชิญกับปัญหา AQ  และ ความฉลาดของการเข้าสังคม (SQ)

                                    ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : parenting.firstcry.com , allprodad.com , aleteia.org , techexplorist.com

                                    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                    ลูกขี้อิจฉา สาเหตุเกิดจากอะไร พ่อแม่จะแก้ไขได้หรือไม่?

                                    ระวัง! พ่อแม่ติดมือถือ สื่อสารกับลูกน้อยลง ส่งผลเสียกว่าที่คิด!

                                    เข้าใจธรรมชาติ เด็กวัยอยากรู้อยากเห็น อีกเรื่องจำเป็นของพ่อแม่คน

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่