Page 119 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แม่หงุดหงิดใส่ลูก

หมอแนะวิธีแก้ แม่หงุดหงิดใส่ลูก เหตุเพราะโควิดพาชีวิตแม่เครียด!

แม่หงุดหงิดใส่ลูก – ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของบ้านเมืองในยุคโควิด เชื่อว่าหลายครอบครัวต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกเล็กๆ เด็กวัยเรียนที่ต้องปรับแผนการเรียนให้เข้ากับสถานการณ์ของโรคระบาดด้วยการเรียนออนไลน์จากที่บ้านกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อลูกต้องเรียนออนไลน์ ต้องคลุกคลีอยู่กับบ้านกับคุณแม่ที่ต้องรับผิดชอบทำงานบ้าน ไหนจะงานส่วนตัว หรือส่วนรวมต่างๆ อีกมากมาย

แล้วยังต้องเจียดเวลามาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้ลูกๆ ให้เรียนออนไลน์ได้อย่างราบรื่น เชื่อว่าคุณแม่หลายคนต้องรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ ด้วยภาระที่มากขึ้น และแน่นอนเมื่อเรารู้สึกเหนื่อย ก็อาจหงุดหงิดอารมณ์เสียได้เป็นธรรมดา และบางครั้งก็พาลหงุดหงิดใส่ลูก แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง แต่ลูกก็เสียความรู้สึกไปแล้ว ทีนี้คุณแม่จะทำยังไงให้สถานการณ์มันดีขึ้น วันนี้มีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ

หมอแนะวิธีแก้ แม่หงุดหงิดใส่ลูก เหตุเพราะโควิดพาชีวิตแม่เครียด!

มีข้อมูลดีๆ จากเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา โดย พญ. เบญจพร ตันตสูติ  จิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ที่ได้โพสต์เรื่องราวของคุณแม่คุณลูกคู่หนึ่ง ที่จูงมือกันมาปรึกษาคุณหมอ ด้วยสถานการณ์ในบ้านที่ค่อนข้างตึงเครียดจากการที่คุณแม่มีความเครียดสะสมจากการต้องสอนการบ้านลูก และมักเผลอหงุดหงิดตะคอกใส่ลูกอยู่บ่อยๆ จนรู้สึกว่า เริ่มจะเป็นปัญหาของครอบครัว โดยเนื้อหาในโพสต์มีดังนี้ค่ะ

แม่ลูกจูงมือกันมาปรึกษาคุณหมอ

แม่พาลูกสาวอายุ 6 ขวบ ‘ส้มโอ’ มาด้วยเรื่องที่ส้มโอกับแม่ทะเลาะกันบ่อย จนเป็นความเครียดซึ่งแม่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี

ส้มโอเป็นเด็กน่ารักช่างพูด แต่ไม่ถนัดอ่านเขียน และไม่ค่อยมีสมาธินัก
จากการพูดคุย คุณแม่เป็นคนที่ใจร้อนและขี้หงุดหงิดมาก มักจะโกรธลูกบ่อยๆ เวลาลูกทำผิด โดยเฉพาะเวลาสอนการบ้าน แล้วลูกทำช้า ทำผิด ยิ่งช่วงหลังที่มีการระบาดของโควิด ลูกต้องเรียนออนไลน์ แม่เป็นคนดูแลหลัก ครูก็สั่งงานให้ค่อนข้างมาก
ที่ผ่านมาจึงพยายามและตั้งใจที่จะไม่โกรธ แต่ปรากฎว่าทำให้ระเบิดอารมณ์กับลูกมากขึ้น
กลายเป็นความเครียดกันทั้งลูกและแม่ พอแม่โกรธ ตะโกนใส่ลูก ลูกก็หงุดหงิด ยิ่งต่อต้าน โวยวายกลับ บางทีรุนแรง แม่มีลงไม้ลงมือกับลูก และจบลงด้วยการร้องไห้กันทั้งแม่และลูก
ส้มโอตอบคำถามที่หมอถามเธอว่า
“หนูอยากจะให้หมอช่วยอะไรหนูบ้างเกี่ยวกับคุณแม่ “
“หนูอยากให้แม่มีความสุขมากขึ้น และดุหนูน้อยลงนิดนึง”
จากคำตอบของส้มโอข้างต้น เด็กเองก็เข้าใจว่าช่วงหลังแม่ดูไม่ค่อยมีความสุขและดุมากขึ้น
แม่หงุดหงิดใส่ลูก
แม่หงุดหงิดใส่ลูก
คุณแม่ถามหมอว่า “ทำยังไง ให้ไม่ต้องโกรธหรือโมโหลูก”
จริงๆแล้วหมออยากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต เป็นอารมณ์แบบหนึ่ง ไม่ต้องไปห้ามหรือปฏิเสธ ไม่งั้นมันก็จะเหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดลมไว้มากๆเข้า ไม่ลมอัดไปมากเกินไป มันก็แตกออกมา เปรียบกับการระเบิดอารมณ์ในเวลาที่เราไม่ไหวแล้ว
แค่เข้าใจและยอมรับ รู้เท่าทันอารมณ์โกรธ และจัดการอย่างเหมาะสม
1) ถ้าโกรธอย่าเพิ่งพูดหรือทำอะไรตอนนั้น เพราะมันอาจจะเป็นไปอย่างไม่มีสติ เมื่อเวลาผ่านไประดับอารมณ์โกรธลดลง พ่อแม่จะจัดการอะไรได้ดีขึ้น
2) เวลาที่มีอารมณ์โกรธจะจัดการอย่างไร  วิธีหนึ่งที่หมอมักจะแนะนำกับคนไข้ก็คือ การฝึกการหายใจเพื่อนผ่อนคลายอารมณ์ เริ่มจะการหายใจเข้าให้ลึก หลังจากนั้นค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาทางปากจนสุด ทำซ้ำสัก 4-5 ครั้ง อารมณ์จะค่อยๆคลายและเบาบางลงไป
3) ถ้าพ่อแม่ทำได้ ลูกก็จะเรียนรู้วิธีการจัดการกับความโกรธไปด้วย เพราะซึมซับตัวอย่างจากพ่อแม่ (ซึ่งเราจะเห็นบ่อยๆว่า ลูกที่ขี้หงุดหงิด ชอบตะโกนและโวยวาย บางทีก็เกิดจากการมองเห็นตัวอย่างจากเห็นพ่อแม่ทำในเวลาที่โกรธเหมือนกัน)
4) แต่ถ้าบางครั้งพ่อแม่ยังจัดการอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องรู้สึกผิด หรือเสียใจ เพราะเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไม่ได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นเรื่องปกติ ก็ค่อยๆปรับไปนะคะ
5) ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจพื้นฐานของพ่อแม่ก่อน  ให้ดีด้วย พักผ่อนให้เพียงพอ บางครั้งถ้าอารมณ์พื้นฐานไม่ดี ก็จะโกรธและหงุดหงิดง่าย และจัดการกับอารมณ์ยากขึ้น หาตัวช่วยบ้างถ้าต้องการความช่วยเหลือ

 

แม่หงุดหงิดใส่ลูก
แม่หงุดหงิดใส่ลูก
หมอพูดคุยกับคุณแม่ส้มโอให้เข้าใจของความเครียดที่เกิด เริ่มจากการทำความเข้าใจพื้นฐานและธรรมชาติของลูกว่าเป็นอย่างไร (ไม่ค่อยถนัดอ่านเขียน ทำงานช้า ไม่ค่อยมีสมาธิ) บวกกับสถานการณ์โควิดระบาด ที่คงทำให้อะไรเคร่งเครียดขึ้น จัดการความคาดหวังที่มีกับลูก และค่อยๆ ปรับไป มีวิธีจัดการอารมณ์ตัวเองที่เหมาะสม
ก่อนที่จะโกรธจนทะเลาะกัน อย่าลืมว่าทั้งแม่และลูกก็ต้องการกำลังใจกันทั้งคู่
เป็นกำลังใจให้พ่อแม่ทุกคนนะคะ
หมายเหตุ: เรื่องของส้มโอเป็นเรื่องที่คุณหมอดัดแปลงมาจากกรณีที่เกิดขึ้นจริง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับบุคคลที่สาม
สำหรับการที่คุณพ่อคุณแม่ รู้วิธีจัดการกับอารมณ์โกรธต่างๆ ก่อนที่จะระเบิดไปลงที่ลูก เท่ากับเป็นการรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้ ในเรื่องของการรู้จักควบคุมอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูก เพราะลูกของคุณจะซึมซับพฤติกรรมในการจัดการอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ได้โดยปริยาย
นอกจากนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้ลูกได้ฝึกฝนทักษะในการรู้จักอารมณ์ตัวเองและผู้อื่น สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ลูกยังเล็ก จะช่วยเสริมสร้างทักษะความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)  ให้กับลูกได้อีกด้วยค่ะ และเมื่อลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาจะรู้จัก รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองและของผู้อื่นได้ดี ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากลำบาก ได้แน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา

 

    แม่ท้องติดโควิด

    งานวิจัยเผย! แม่ท้องติดโควิด เสี่ยงเสียชีวิตสูง!

    แม่ท้องติดโควิด – ผลการศึกษาใหม่เผย หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและเสียชีวิตได้มากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อไวรัส หากไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมได้

    วิจัยล่าสุดเผย! แม่ท้องติดโควิด เสี่ยงเสียชีวิตได้สูง!

    การศึกษาโดยทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดซึ่งตีพิมพ์ใน JAMA Pediatrics พบว่าหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และไม่ได้ตั้งครรภ์ มีแนวโน้มที่จะติดไวรัสได้ไม่ต่างกัน นอกจากนี้พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด -19 มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตมากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัส ถึง 22 เท่า

    ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง น้ำหนักเกินยิ่งเสี่ยง

    การศึกษาของ UW Medicine ในซีแอตเทิลและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเกี่ยวข้องกับหญิงตั้งครรภ์ 2,130 คนจากโรงพยาบาลคลอดบุตร 43 แห่งใน 18 ประเทศที่มีรายได้ต่ำปานกลางและสูงตามข้อมูลของ UW Medicine ซึ่งรวมถึงผู้หญิง 220 คนในสหรัฐฯ

    “การศึกษานี้มีลักษณะเฉพาะเนื่องจากผู้หญิงแต่ละคนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ถูกเปรียบเทียบกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อ 2 คน ที่คลอดบุตรในช่วงเวลาเดียวกัน ในโรงพยาบาลเดียวกัน” การศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคอ้วนความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง อย่างไรก็ตามสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรงมีโอกาสน้อยที่จะคลอดก่อนกำหนด มีภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือต้องได้รับการดูแลรักษาจาก ICU

    จากการศึกษาพบว่าในบรรดามารดาที่ตรวจผลการติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวก 11.5% ทารกก็มีผลเป็นบวกเช่นกัน โดยปกติแล้วทารกจะพบว่ามีการติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่รุนแรง แต่การผ่าตัดคลอดอาจเพิ่มความเสี่ยงที่เด็กจะติดเชื้อได้  นอกจากนี้การศึกษายังพบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ได้ส่งต่อโรคจากแม่สู่ลูก

    แม่ท้องติดโควิด
    แม่ท้องติดโควิด

    แพทย์แนะนำหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีน

    แพทย์จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตันและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเป็นผู้นำการวิจัย การศึกษาลงทะเบียนหญิงตั้งครรภ์ 2,130 คนจากโรงพยาบาล คลอดบุตร 43 แห่งใน 18 ประเทศ และดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคมของปี 2020

    “ ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคน ได้รับวัคซีน COVID-19” ดร. ไมเคิล เกรเวตต์ ศาสตราจารย์ด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาของ UW Medicine และหนึ่งในทีมที่ทำการศึกษากล่าวในแถลงการณ์

    ผู้เชี่ยวชาญกระตุ้นให้คุณแม่ที่มีครรภ์ได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองและลูกน้อย ปัจจุบันมีข้อมูลที่ จำกัด เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน COVID-19 ในผู้ตั้งครรภ์ การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Obstetrics & Gynecology ในเดือนมีนาคมพบว่า วัคซีน Pfizer และ Moderna มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร

    วิธีเช็กความ เสี่ยงติดโควิด-19 อาการแบบไหนต้องรีบไปตรวจหาเชื้อ

    ผู้เชี่ยวชาญชี้! การให้ วัคซีนโควิด คนท้อง ยังปลอดภัย หลังไม่พบเคสรุนแรงหลังฉีด

    10 สิ่งของเสี่ยงติดโควิด พ่อแม่ควรระวังป้องกัน ฆ่าเชื้อโรค ก่อนถึงตัวลูก!

    ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่าผู้ตั้งครรภ์ “ควรเลือกรับการฉีดวัคซีน” การตั้งครรภ์จัดเป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงโดย CDC ตั้งข้อสังเกตว่า “แม้ว่าความเสี่ยงโดยรวมของการเจ็บป่วยรุนแรงจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ผู้ตั้งครรภ์ก็มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงจาก COVID-19 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ”

    องค์การอนามัยโลกแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสกับโควิด -19 หรือผู้ที่มีโรคร่วมซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงได้รับการฉีดวัคซีนโดยปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ

    นอกจากนี้ ควรรายงานอาการต่าง ๆ ต่อพยาบาลผดุงครรภ์ และควรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์เพิ่มเติมหากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น

    เจ็บหน้าอก หายใจถี่ มีไข้ ต้องระวัง

    การวิจัยได้รวบรวมผลการวิจัยจากประเทศต่างๆ 18 ประเทศ และเปรียบเทียบกรณีกับผู้หญิงที่ติดเชื้อ COVID ที่อยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน และคลอดในเวลาเดียวกัน Aris Papagelieriou ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ทารกในครรภ์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดผู้ร่วมในงานวิจัยกล่าวว่า“ ผู้หญิงที่ติดเชื้อ COVID-19 ระหว่างตั้งครรภ์ มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 50% ( เช่น คลอดก่อนกำหนด ภาวะครรภ์เป็นพิษ การเข้ารับการดูแลเป็นผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต) เมื่อเทียบกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19

    แม่ท้องติดโควิด
    แม่ท้องติดโควิด

    นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่า อาการหายใจถี่ เจ็บหน้าอก และมีไข้ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในมารดาและการคลอดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ต่ำกว่า 2% ของผู้ที่ลงทะเบียนในการศึกษาที่มีการวินิจฉัย COVID-19 ที่เสียชีวิต โดยในบรรดาผู้หญิง 11 คนนั้น สี่คนมีภาวะครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง ห้าคนมีอาการหายใจล้มเหลวก่อนคลอด และอีกสองคนเสียชีวิตภายในหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด หลังจากเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น COVID-19 เสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งตับและโรคตับแข็งมาก่อน

    อย่างไรก็ตาม การศึกษาส่วนใหญ่รวมถึงผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สาม อย่างไรก็ตามการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของ COVID-19 ในช่วงก่อนตั้งครรภ์ “จำเป็นต้องได้รับการศึกษาต่อไปอย่างเร่งด่วน”

    สำหรับคนท้องที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ไม่พาตัวเองเข้าไปในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ นอกจากจะเป็นการป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสแล้ว ยังเป็นการปกป้องลูกน้อยในท้องไม่ให้ได้รับผลกระทบที่ร้ายแรง หากเกิดกรณีที่แม่ต้องติดเชื้อโควิดขึ้นมาจริงๆ  ทั้งนี้เมื่อลูกคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ถึง ณ ตอนนั้นโรคติดเชื้อโควิดก็อาจจะเป็นเหมือนโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง ที่เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ หรือโรคอื่นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักระมัดระวัง และให้ความสำคัญในการป้องกันตัวเองไม่ให้รับเชื้อจนเกิดอาการป่วย ซึ่งเราสามารถปลูกฝังทักษะการให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อเสริมสร้างให้ลูกได้มีทักษะด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ)  เพื่อช่วยให้ลูกของเราห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เราไม่อาจคาดเดาได้ค่ะ

    ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : 12newsnow.com,abcnews.go.com,aa.com.tr

    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

    ด่วน กทม.สั่งปิด 31 สถานที่เสี่ยงโควิด มีผล 26 เม.ย.

    คนท้องติดโควิด รักษาอย่างไร? กระทบลูกในท้องหรือไม่?

    เปิดจองสิทธิ์ประกันสังคมพื้นที่กทม ลงทะเบียนตรวจโควิดฟรี ต้องทำอย่างไร

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      โควิดระบาดในเด็ก

      รอบนี้ดุ! โควิดระบาดในเด็ก เชียงใหม่ ติดแล้วเกือบร้อย!

      โควิดระบาดในเด็ก – สืบเนื่องจากเพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้โพสต์ให้ความรู้ผ่านเพจเพจ ประเด็น มี ผู้ป่วยเด็กเล็กติดเชื้อโควิด การระบาดของโรคโควิดระลอกนี้ใน จ.เชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนจำนวนมาก จากสถิติผู้ป่วย โควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่จนถึงวันที่ 27 เมษายน 2564 มีผู้ป่วย โควิด-19 สะสม 3,359 ราย พบว่ามีการติดเชื้อภายในครอบครัวค่อนข้างสูง และเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี ถึง 99 ราย (2.9 %) เลยทีเดียว

      รอบนี้ดุ! โควิดระบาดในเด็ก เชียงใหม่ ติดแล้วเกือบร้อย!

      เด็กเล็กมีโรคประจำตัวเสี่ยงอาการรุนแรง

      สำหรับอาการในเด็กส่วนใหญ่ แม้บางรายไม่แสดงอาการหรืออาการไม่หนักเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ แต่ถ้าเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และมีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือ มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำจะกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งการดูแลผู้ป่วยเด็กในจังหวัดเชียงใหม่ มีการมอบหมายให้โรงพยาบาลนครพิงค์เป็นโรงพยาบาลหลักในการให้การดูแลเด็กๆ ตลอดจนทีมกุมารแพทย์ของโรงพยาบาลรับผิดชอบในการให้คำปรึกษากรณีเด็กติดเชื้อ โควิด-19อีกด้วย

      โควิดระบาดในเด็ก
      โควิดระบาดในเด็ก (Credit : เพจโรงพยาบาลนครพิงค์)

      ปัจจุบัน โรงพยาบาลนครพิงค์ รับดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่เป็นเด็กซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและเด็กที่มีอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนเด็กที่ไม่มีอาการหรือพิจารณาแล้วไม่มีความเสี่ยงสามารถให้การดูแลที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลเอกชน หรือ โรงพยาบาลสนาม ได้ เช่น กรณีที่ศูนย์เด็กเล็ก ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด

      พ่อแม่ไปพื้นที่เสี่ยงโควิดกักตัว 14 วัน ที่บ้านอย่างไร? ให้ลูกปลอดภัย ปลอดเชื้อ!

      สสส. แนะวิธี ป้องกันลูกจากโควิด กับ 4 ข้อ ที่พ่อแม่ต้องเพิ่มความระวัง!

      โควิดขยายวงจู่โจมทารก-เด็กเล็ก สหรัฐพบ เด็กติดโควิด19 แตะ 2 ล้านคน

      อายุน้อยที่สุดที่ติดเชื้อ อายุเพียง 3 เดือน

      โดยที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลนครพิงค์ได้ให้การรักษาเด็กกลุ่มเสี่ยงและมีอาการไปแล้ว 12 ราย โดยพบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ถึง 9 ราย ซึ่งเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ติดเชื้อโควิด-19 อายุเพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยในระดับปานกลาง (ระดับสีเหลือง) 8 ราย (73%) มีผลเอกซเรย์ปอดผิดปกติ แต่ไม่มีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ โดยมีเด็ก 1 รายที่พบว่ามีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ นอกจากนี้ยังมีเด็อีก 2 รายที่มีความเสี่ยง แต่ว่าไม่มีอาการป่วย

      ในเด็กจำนวน 12 ราย  อาการที่พบบ่อย ได้แก่ น้ำมูก 82% และมีไข้ 45% นอกจากนั้น ทานได้ลดลง ถ่ายเหลว เล่นลดลง ซึม หรือมีผื่น ในรายที่มีอาการหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรครุนแรงจะให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หลังจากที่ได้ให้การรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ไป 10 จาก 12 ราย เด็กทุกรายมีอาการดีขึ้นหลังจากได้รับยา

      โควิดระบาดในเด็ก
      โควิดระบาดในเด็ก (Credit : เพจโรงพยาบาลนครพิงค์)

      การที่ เด็กป่วยเป็น โควิด-19 มีผลกระทบทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ที่ทีมแพทย์ผู้รักษาจำเป็นต้องมองให้รอบด้านเป็นองค์รวม เช่น กรณีตรวจพบเด็กติดเชื้อ โควิด-19 แต่พ่อแม่ตรวจไม่พบเชื้อหรือพ่อแม่ตรวจ พบเชื้อโควิด-19 แต่ไม่พบเชื้อในเด็ก

      ซึ่งหลักของการควบคุมโรคติดต่อจำเป็นต้องมีการแยกเด็กที่ติดเชื้อ โควิด-19 และกักตัวนานอย่างน้อย14 วัน การกักตัวเด็กเล็กที่ติดเชื้อ โควิด-19 ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจทั้งการถูกจำกัดพื้นที่ การที่ต้องแยกจากพ่อแม่หรือครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังดูแลตนเองไม่ได้

      สาเหตุหลักที่เด็กติดโควิด เกิดจากผู้ใหญ่นำเชื้อมาให้

      โดยทั่วไปแล้วในเด็กก่อนวัยเรียนมักจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ จึงมีโอกาสที่จะสัมผัสเชื้อไวรัส หรือเกิดความเสี่ยงได้น้อย สาเหตุในการได้รับเชื้อของเด็กกลุ่มนี้จึงเกิดจากผู้ใหญ่ที่นำเชื้อจากนอกบ้านกลับมาติดเด็กๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือพี่เลี้ยง ดังนั้น ทุกคนควรป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

      อย่างไรก็ตาม ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน  หมั่นล้างมือบ่อยๆ งดไปพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ชุมชนที่มีคนแออัด เพื่อป้องกันทั้งตัวท่านเอง และเด็กๆ ที่อาจต้องมาติดเชื้อจากผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้

      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : bangkokbiznews.com,news.thaipbs.or.th

      บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

      เปิดจองสิทธิ์ประกันสังคมพื้นที่กทม ลงทะเบียนตรวจโควิดฟรี ต้องทำอย่างไร

      รวมประกันโควิด 2021 เทียบเบี้ยประกันไวรัสโคโรน่า COVID-19

      ชวนเข้าครัว!ให้ อาหารเป็นยา กับเมนูอร่อยต้านโควิด-19

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        6 เทคนิคสุดน่ารักสร้างสรรค์ช่วยลูกแยก ซ้ายขวา ได้ง่ายๆ

        สับสน ซ้ายขวา เป็นเรื่องปกติไหม ลูกอายุเท่าไหร่ถึงควรแยกแยะได้ หาคำตอบพร้อมกัน แถมเรียนรู้วิธีสอนลูกแยกแยะซ้ายขวาด้วยวิธีสุดน่ารัก เตรียมให้ลูกพร้อมก่อนใคร

        6 เทคนิคสุดน่ารัก และสร้างสรรค์ช่วยลูกแยกแยะ ซ้ายขวา ได้ง่าย ๆ

        เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หน้าเดิน…

        คำสั่งง่าย ๆ เช่นนี้คุณสามารถปฎิบัติได้อย่างทันทีเลยหรือเปล่า ลองเช็กตัวเองกันดูสิว่า เราต้องฉุกคิดสัก 1-2 วินาทีหรือไม่ก่อนปฎิบัติตาม หรือต้องระลึกนึกถึงสิ่งใดก่อนถึงทำตามกันได้นะ หรือว่าไม่สามารถแยกซ้ายขวาได้เลย

        ปกติแล้วสมองซีกซ้ายจะควบคุมการทำงานของสมองซีกขวา และสมองซีกขวาก็ควบคุมการทำงานของสมองซีกซ้ายสลับกันไปอยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้สมองทั้งสองซีกไปพร้อม ๆ กัน ทำให้มีโอกาสสับสนเวลาแยกฝั่งซ้ายและขวา ในขณะที่ผู้ชายใช้สมองทีละซีก จึงมีโอกาสสับสนเรื่องซ้ายขวาได้น้อยกว่าผู้หญิงนั่นเอง

        ดังนั้นหากคุณต้องฉุกคิดสัก 1-2 วินาทีก่อนทำ ถือได้ว่าไม่ผิดปกติร้ายแรง นอกจากว่าจะไม่สามารถแยกซ้ายและขวาได้เลยจริง ๆ และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แบบนี้เราสามารถไปปรึกษาแพทย์ได้เพื่อหาสาเหตุได้

        ซ้ายขวา ทางไหนดีนะ
        ซ้ายขวา ทางไหนดีนะ

        สมองควบคุมการสั่งการซ้ายขวาอย่างไร

        การทำงานของสมองที่แบ่งเป็นซ้ายและขวานั้นถูกพบในปี 1960 โดยนักจิตวิทยาทางประสาท Roger W. Sperry การรับรู้ซ้ายขวานั้นเป็นการทำงานของระบบประสาทเหมือนกับความสามารถในด้านอื่น ๆ เช่น ประสาทการมองเห็น ภาษา ตรรกะ ความจำ เป็นต้น ซึ่งความผิดปกติในการแยกซ้ายขวานั้น มักจะพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทำงานของสมองนั้นจะทำงานโดยให้สมองซีกซ้ายจะควบคุมการทำงานของร่างกายในด้านขวา และสมองซีกขวาจะควบคุมการทำงานของร่ายกายในด้ายซ้าย ซึ่งผู้หญิงจะใช้สมองทั้งสองข้างพร้อม ๆ กันในการคิดวิเคราะห์ทำให้เกิดอาการสับสนได้ง่ายเวลาแยกซ้ายขวา แต่ในขณะที่ผู้ชายจะใช้สมองที่ละซีกในการคำนวนทำให้มีโอกาสที่จะสับสนเรื่องการแยกซ้ายขวาได้น้อยกว่าผู้หญิง

        สับสนซ้ายขวา

        การรับรู้ซ้ายขวา เป็นกระบวนการทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท เช่นเดียวกับความสามารถในการรวบรวมข้อมูลประสาทสัมผัสและการมองเห็น ภาษา และความจำ สำหรับบางคนอาจตัดสินใจเลือกได้ในทันที แต่สำหรับบางคนต้องหยุดคิดสักชั่วครู่จึงจะสามารถแบ่งแยกได้ว่าทางใดซ้ายหรือขวา ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหากเราไม่สามารถตัดสินใจเลือกซ้ายขวาได้ในทันที หรือมีอาการสับสนซ้ายขวา แต่ก็มีหลายสถานการณ์ที่ความสับสนระหว่างด้านซ้ายและด้านขวาก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง หลายอาชีพที่สร้างความผิดพลาดอย่างมากหากมีปัญหาในการแยกแยะความแตกต่างดังกล่าว เช่น ในงานทางด้านการแพทย์อย่างการผ่าตัดเปลี่ยนไตผิดข้างหรือการตัดขาผิดข้าง เป็นต้น แม้ว่าจะมีโอกาสเกิดได้น้อยก็ตามที ด้วยเพราะขั้นตอนการวางแผนทำงานของแพทย์ แต่ก็คงทำให้ผู้ที่มีปัญหารู้สึกกังวล และไม่มั่นใจเป็นอย่างมาก

        อาการสับสน ซ้ายขวา พฤติกรรมกวนใจ
        อาการสับสน ซ้ายขวา พฤติกรรมกวนใจ

        การเรียนรู้ซ้ายขวาไม่ใช่เรื่องไกลตัว

        แม้ว่าการเลือกซ้าย หรือขวาได้ถูกต้องนั้นจะฟังดูเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่อย่าลืมกันนะว่า ทิศทางซ้ายขวานั้นมีให้เราได้ตัดสินใจตลอดเวลารอบตัวเรา ในทุก ๆ กิจกรรมในชีวิตประจำวันนั้น อย่างน้อยการรับรู้ในเรื่องด้านซ้าย ด้านขวาก็เป็นเรื่องที่คุณต้องเผชิญตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านเสียแล้ว หากคุณต้องการใส่รองเท้าให้ถูกข้าง

        การตัดสินใจเลือกซ้ายขวาได้โดยทันทีนั้นจึงมักมาจากความเคยชินของเรามากกว่าการรอคำสั่งจากสมอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่จะสอนลูกน้อยของคุณให้คุ้นชิน และรับรู้ในเรื่องทิศทางซ้ายขวากันเสียตั้งแต่เด็ก ยิ่งโดยเฉพาะในเด็กอายุ 3.5 ปีนั้น เรียกได้ว่าเป็นงานท้าทายของเขาอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

        6 เทคนิคสุดน่ารัก และสร้างสรรค์ช่วยลูกน้อยฝึกทักษะแยกซ้ายขวา

        • Right First,Please

        ในทุกกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เริ่มตื่นนอนตอนเช้า พ่อแม่สามารถกำหนดข้อตกลงกับลูกเล่น ๆ ได้ว่า ให้เริ่มต้นด้วยด้านขวา มือขวาก่อนเสมอ เช่น เวลาแต่งตัว ให้ใส่แขนเสื้อด้านขวาก่อน พร้อมทั้งพูดกับลูกไปด้วยในขณะที่แต่งตัวให้เขาว่า มือขวาหนูใส่ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว หรือใส่ถุงเท้าด้วยเท้าข้างขวาก่อน เป็นต้น

        • ทริกเล็ก ๆ ในรองเท้าของหนู

        อย่างที่รู้กันว่าการใส่รองเท้านั้นจำเป็นต้องรู้ข้างซ้ายข้างขวา ดังนั้นจึงเป็นการดีที่พ่อแม่จะใช้เทคนิคดี ๆ มาช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ทิศทางด้านซ้ายขวากัน โดยอาจเริ่มจากการเขียนชื่อของลูกลงบนกระดาษ จากนั้นตัดแบ่งครึ่งแล้วนำกระดาษที่เขียนชื่อครึ่งแรกไปติดลงบนรองเท้าข้างซ้าย และครึ่งหลังไปติดบนรองเท้าข้างขวา เวลาลูกใส่รองเท้าก็จะสามารถใส่ได้ถูกต้องจากการสะกดชื่อของเขานั่นเอง (วิธีนี้อาจเหมาะกับเด็กที่สามารถอ่านตัวหนังสือได้ หรือจำชื่อของเขาได้แล้ว)

        ใช้สี เขียนชื่อ หรือสัญลักษณ์ช่วยให้ลูกจำข้างรองเท้า ซ้ายขวา ได้
        ใช้สี เขียนชื่อ หรือสัญลักษณ์ช่วยให้ลูกจำข้างรองเท้า ซ้ายขวา ได้

        อีกตัวอย่างที่สามารถนำไปใช้เป็นเทคนิคในการจำให้แก่ลูก เช่น ใช้สติกเกอร์สีแดง (Red) แทนคำว่า Right (ข้างขวา) ติดลงบนรองเท้าข้างขวา และใช้สติกเกอร์สีเขียว (Lemon Green) แทนคำว่า Left (ข้างซ้าย) ติดลงบนรองเท้าข้างซ้าย ให้เป็นจุดสังเกตแก่ลูกเวลาใส่รองเท้า นอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องซ้ายขวาแล้ว ยังสามารถสอนคำศัพท์ให้แก่เจ้าตัวเล็กได้อีกด้วย

        • สร้าง Landmark จุดสังเกตให้แก่ลูก

        ในบางคนอาจใช้จุดสังเกตที่มีอยู่บนตัว เช่น ไฝ รอยแผล หรือขี้แมลงวัน มาใช้เป็นตัวช่วยในการจำด้านซ้ายขวา ยอมรับมาเถอะว่าคุณก็เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พ่อแม่จะสร้าง Landmark ขึ้นมาให้กับลูกเพื่อใช้เป็นจุดสังเกตในการตัดสินใจเลือกซ้ายขวาได้อย่างถูกต้อง โดยอาจจะใช้ริบบิ้นผูกที่ข้อมือ หมึกปั๊มลายการ์ตูน หรือติดสติกเกอร์ลงบนมือข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นบอกลูกว่านี่คือมือข้างใด จากนั้นก็เล่นเกมยกมือให้เขายกมือตามคำสั่งซ้ายขวาให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้เขาจำด้านซ้ายขวาได้เร็วขึ้น

        • ตัว “L” ข้างไหนเขียนถูก ใช่เลย Left Hand

        วิธีง่าย ๆ และสร้างสรรค์ที่ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ใด ๆ ให้ยุ่งยากวิธีนี้ขอแนะนำคุณพ่อคุณแม่ลองสอนลูกกันดู โดยเริ่มจากการให้ลูกทำมือ ใช้นิ้วชี้ และนิ้วโป้งยืดออกมาเป็นรูปตัว “L” คือนิ้วชี้เหยียดตรง นิ้วโป้งยืดออกด้านข้าง และนิ้วที่เหลือพับงอเก็บไว้ เท่านี้เราก็จะได้รูปตัว “L” จากมือทั้งสองข้าง จากนั้นพ่อแม่ก็บอกให้ลูกสังเกตดูว่ามือข้างไหนที่ทำออกมาแล้วรูปตัว “L” นั้นเขียนได้ถูกต้อง ข้างนั้นก็คือ มือข้างซ้าย (Left Hand)นั่นเอง

        เตรียมพร้อมทักษะ ก่อนวัยเรียน
        เตรียมพร้อมทักษะ ก่อนวัยเรียน
        • เรียนรู้ซ้ายขวาผ่านกิจกรรมเพลงเด็ก

        เพลงสนุก ๆ ช่วยให้ลูกหันมาสนใจทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเบื่อ และสนุกสนาน ซึ่งเพลงที่ให้ทั้งความสนุกด้วยทำนองที่สนุกสนาน ไปพร้อมกับการสอนให้ลูกเรียนรู้ซ้ายขวาก็มีอยู่มากมายหลายเพลง สามารถหาได้ทั่วไป นำมาเปิดไปพร้อมร่วมเต้นไปพร้อมกับลูกก็ดีไม่น้อย

        ตัวอย่างเพลง

        เพลง Hokey Pokey

        เนื้อเพลง

        You put your right foot in
        …You put your right foot out
        ⇒You put your right foot in
        And you shake it all about
        You do the Hokey Pokey and you turn yourself around
        That’s what it’s all about!
        เปลี่ยนเป็น left foot จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นอวัยวะอื่นบ้าง เช่น right/left hand ,right/left leg
        right or lelt ซ้ายขวา มือไหนดี
        right or lelt ซ้ายขวา มือไหนดี
        • หนูน้อยนักขับ (รถเข็น)

        การเรียนรู้มีอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างการช็อปปิ้งแสนเพลินเพลิด พ่อแม่ลองให้เจ้าตัวน้อยลองเป็นนักขับรถ (เข็น) คอยบังคับรถเข็น (โดยอาจช่วยเขาประคองทิศทางด้านหลัง) ให้ไปทางซ้าย ทางขวา โดยระหว่างเลี้ยวพ่อแม่ก็คอยพูดบอกทิศทางไปด้วย ลูกจะรู้สึกสนุกที่ได้ทำกิจกรรมแบบผู้ใหญ่ ได้บังคับทิศทางพร้อมทั้งฝึกฝนการเรียนรู้ซ้ายขวาไปด้วยในตัว

        การเตรียมความพร้อมให้ลูกนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนมักวางแผน สนับสนุน ผลักดันทุกอย่าง ทุกทางเพื่อลูกน้อยเสมอ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้โลกกว้างด้วยความพร้อมอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ยิ่งโดยเฉพาะในเด็กยุคใหม่ที่พ่อแม่ควรเสริมทักษะความฉลาดรอบด้านให้แก่ลูก เพราะการเรียนรู้ของลูกไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ในห้องเรียนเท่านั้น

        ข้อมูลอ้างอิงจาก www.stkc.go.th/ www.playdoughtoplato.com

        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

        ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

        วิธี ทำให้ลูกไว้ใจ พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ให้ลูกวางใจในเรา?

        5 ประโยชน์ ของการวาดรูประบายสี ที่สะท้อนพัฒนาการลูก

        วิจัยเผย! เลี้ยงลูกกับสุนัขด้วยกัน ได้ประโยชน์กว่าที่คิด

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          เด็กผ่าคลอด

          ทำไมต้องเร่งคืน“ภูมิต้านทานตั้งต้น” ให้ “เด็กผ่าคลอด” ?

          ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้มีคุณแม่ท้องส่วนหนึ่งเลยค่ะ ที่คลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด อาจเป็นเพราะคุณแม่มีความเสี่ยงทางสุขภาพบางอย่างทำให้ต้องผ่าคลอดลูก แต่รู้ไหมคะว่า “เด็กผ่าคลอด” จะขาดโอกาสได้รับภูมิต้านตั้งต้นตามธรรมชาติผ่านทางช่องคลอดของแม่ ซึ่งเด็กที่ผ่าคลอดมักจะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ไม่สบายได้ง่ายกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติค่ะ

          • ภูมิต้านทานตั้งต้น คืออะไร?

          คุณพ่อคุณแม่ที่แพลนการคลอดลูกไว้ด้วยวิธีผ่าคลอด อยากให้รู้จักกับจุลินทรีย์สุขภาพที่ชื่อว่า “โพรไบโอติก” เพราะสำคัญกับสุขภาพลูกน้อยผ่าคลอดอย่างมากค่ะ โพรไบโอติก คือจุลินทรีย์สุขภาพที่ได้รับผ่านทางช่องคลอดของแม่ ด้วยวิธีการคลอดตามธรรมชาติเป็นภูมิต้านทานตั้งต้น ในเด็กที่คลอดธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์สุขภาพนี้ด้วยการส่งผ่านจากแม่สู่ลูกทางช่องคลอดของแม่ ซึ่งโพรไบโอติกมีบทบาทสำคัญมากต่อพัฒนาการระบบภูมิต้านทานตั้งต้นให้กับลูกน้อยตั้งแต่ 3 วันแรกจนถึงช่วง 2 ขวบปีของเขาค่ะ ซึ่งในช่วง 2 ขวบปีแรกลูกน้อยจำเป็นต้องได้รับภูมิต้านทานตั้งต้นอย่างเต็มที่ค่ะ

          • ทำไมจุลินทรีย์โพรไบโอติกปริมาณมาก สำคัญกับ “เด็กผ่าคลอด”

          เด็กผ่าคลอด จะไม่ได้รับจุลินทรีย์โพรไบโอติกจากช่องคลอดแม่ การที่ไม่ได้รับโพรไบโอติกเข้าสู่ร่างกายทันทีในขณะคลอด จะส่งผลต่อภูมิต้านของลูกน้อย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคระบบภูมิต้านทานได้มากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ และนี่เป็นความเสี่ยงทางสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กผ่าคลอดค่ะ

          – การติดเชื้อต่างๆ เช่น ไวรัส เพิ่มขึ้น 10%

          – ภาวะการเกิดลำไส้อักเสบ เพิ่มขึ้น 20%

          – อาการหอบหืด เพิ่มขึ้น 23%

          – ภูมิต้านทานอ่อนแอ เพิ่มขึ้น 46%

          หลายๆ ครอบครัวมีความจำเป็นต้องคลอดลูกด้วยวิธีผ่าคลอด อาจเกิดความกังวลใจว่าเมื่อลูกคลอดมาแล้ว จะเจ็บป่วย ไม่สบายได้ง่าย หรืออาจจะส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกในอนาคต แล้วจะต้องทำยังไงให้ลูกได้รับจุลินทรีย์สุขภาพโพรไบโอติกปริมาณมาก เพื่อจะได้มีภูมิต้านทานตั้งต้นที่สมบูรณ์เหมือนกับเด็กคลอดธรรมชาติ ทีมแม่ABK มีวิธีเร่งคืนภูมิต้านทานตั้งต้นเร็วที่สุดมาบอกให้ทราบกันค่ะ

          เด็กผ่าคลอด

          • เร่งคืนภูมิต้านทานตั้งต้นให้เด็กผ่าคลอดได้อย่างไร ?

          ผ่าคลอดใช่ว่าจะแย่เสมอไปค่ะ เพราะถ้ามีการเตรียมพร้อมอย่างดีในช่วงหลังคลอด ให้ลูกได้ “กินนมแม่” เร็วที่สุด ก็จะสามารถคืนภูมิต้านทานตั้งต้นให้ลูกได้ทันท่วงทีค่ะ ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่ก็จะมีพัฒนาการการเจริญเติบโตสมวัย และมีพัฒนาการสมอง สติปัญญาการเรียนรู้ที่ดี

          การได้ “กินนมแม่” น้ำนมเหลือง หรือ โคลอสตรุม จากน้ำนมแม่ในช่วง 3 วันแรก จะอุดมด้วยสารเสริมภูมิต้านทานอย่างมากมาย และก็รวมถึงมี โพรไบโอติกในปริมาณสูง” ที่จะช่วยเร่งคืนภูมิต้านทานให้ลูกน้อย

          นมแม่มีซินไบโอติกที่มีโพรไบโอติกสูง ช่วยเร่งคืนภูมิต้านทาน และพรีไบโอติก (อาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ) นอกจากนี้ในนมแม่ยังพบโพรไบโอติกสายพันธุ์ “บิฟิโดแบคทีเรียม เบรเว” จำนวนมากช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ทำงานได้ปกติ และช่วยลดการเกิดภาวะลำไส้แปรปรวนในเด็กทารก

          นอกจากนี้ในนมแม่ยังมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาโครงสร้างและการทำงานของสมองลูกน้อยให้ความสมบูรณ์มีประสิทธิภาพและศักยภาพมากขึ้น ได้แก่ EPA กรดไขมันโอเมก้า-3 , DHA , ARA กรดไขมันโอเมก้า-6 , โปรตีน , วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี 6 , วิตามินบี 12 , โฟเลต , วิตามินซี , ธาตุเหล็ก , โคลีน และ ไอโอดีน เป็นต้น

          ทั้งหมดนี้ มีอยู่ใน “น้ำนมแม่” อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกตั้งแต่แรกเกิด คุณแม่ที่ผ่าคลอดลูกสามารถคืน “ภูมิต้านทานตั้งต้น” ให้ลูกน้อยได้ทันทีหลังคลอดด้วยการให้ลูกได้กินนมแม่ ง่ายๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ลูกมี “ภูมิต้านทานดี + สุขภาพแข็งแรง + พร้อมเรียนรู้” เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ และมีชีวิตที่สดใสเหมือนกับเด็กที่คลอดธรรมชาติค่ะ

           

          สนับสนุนโดย Hi-Family Club  สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเตรียมให้ลูกผ่าคลอดพร้อมยิ่งกว่าได้ที่ 

          https://www.hifamilyclub.com/c-section.html

           

            DuoBaby

            พ่อแม่ต้องรู้! จะทำยังไงเมื่อลูกน้อยเป็นโรคภูมิแพ้

            คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าโรคภูมิแพ้ในเด็กเล็กเป็นโรคที่ละเอียดอ่อนมาก แถมยังมีความอันตรายที่มาพร้อมกับโรคนี้อยู่ค่อนข้างมาก เพราะโรคนี้เป็นอาการที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกายเด็กโดยเฉพาะ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินว่าเด็กสมัยนี้เป็นโรคภูมิแพ้กันเยอะมากขึ้น ในช่วงแรกของเด็กทารของแต่ละคนอาจจะมีอาการไม่เหมือนกัน เช่น มีอาการแพ้นมวัว แพ้ถั่วหลัง หรือแม้แต่แพ้ไรฝุ่น ซึ่งเด็กบางคนที่มีแพ้ไรฝุ่นจะมีอาการเป็นผื่นตามเนื้อตามตัวไปจนอายุ 4-5 ขวบเลย ในขณะเดียวกันความรุนแรงก็จะลดลงเมื่อโต เมื่อเด็กโตขึ้นโรคภูมิแพ้แบบที่โดยทั่วไปรู้จักในชื่อโรคแพ้อากาศจะเริ่มปรากฎชัดขึ้น เด็กๆ จะมีอาการเหมือนเป็นหวัด จาม หายใจไม่ค่อยออกอยู่บ่อยครั้ง จะทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยของคุณมีน้ำมูกไหล หรือหายใจไม่ออก สิ่งเหล่านี้จะเกิดจากโรคภูมิหรือไม่ หาคำตอบได้ที่นี่

            โรคภูมิแพ้คืออะไร
            โรคภูมิแพ้ คือ การเกิดปฏิกิริยาผิดปกติของร่ายกายต่อสารชนิดหนึ่งของสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ สารเหล่สนี้เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” สามารถพบได้ตามฝุ่นละอองภายในบ้าน แมลงต่างๆ รวมถึงขนของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

            โดยส่วนมากเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีมักจะไม่ค่อยเป็นไข้ละอองฟาง หรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ตามฤดูกาล แต่ถ้าหากลูกน้อยวัยเตาะแตะของคุณมีอาการคัดจมูก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาการเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่จะเกิดจาก

            • โรคไข้หวัด หรืออาการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง อาจจะใช้เวลา 2-3 วันในการรักษา ซึ่งจะทำให้จมูกของลูกน้อยไม่ได้กลิ่นและหายใจไม่สะดวกเท่าที่ควร
            • การระคายเคืองที่เกิดจากบางสิ่งในอากาศ เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ เชื้อรา หรือมลภาวะจากการจราจร
            • การแพ้สารสัมผัส เช่น ขนสัตว์เลี้ยงหรือไรฝุ่น

            DuoBaby

            ควรทำอย่างไรหากลูกน้อยมีไข้

            ไข้ละอองฟาง (Hayfever) เป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ โดยสิ่งแรกที่คุณทำได้ คือทำความคุ้นเคยกับการตรวจสอบจำนวนละอองเรณูในการพยากรณ์อากาศของพื้นที่คุณ เพราะยิ่งจำนวนละอองเรณูสูงขึ้นเท่าใด ลูกของคุณก็จะมีอาการมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ก็จะช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อไหร่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อปกป้องลูกน้อยของคุณ

            อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ง่ายกับเด็กเล็ก ซึ่งถ้าหากลูกของคุณมีอาการน้ำมูกไหล หรือหายใจไม่ออก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้คือ ควรมั่นล้างจมูกให้ลูกของคุณเพื่อให้จมูกหายอุดตันด้วย Omron Baby เครื่องดูดน้ำมูกที่พัฒนาพิเศษเพื่อเด็กทารกโดยเฉพาะ ที่ช่วยดูแลระบบทางเดินหายใจได้อย่างครอบคลุม ออมรอมเครื่องนี้เป็นระบบ 2 in 1 สามารถใช้พ่นยาและดูดน้ำมูกได้ง่ายในเครื่องเดียว คุณสามารถให้การดูแลที่อ่อนโยนกับลมหายใจของลูกน้อย เพื่อให้ลูกน้อยของคุณหายใจได้อย่างสะดวกมากขึ้น และลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อในปอด แต่หากว่าลูกน้อยของคุณจะมีอาการน้ำมูกไหลหรือจมูกตันเป็นเป็นเวลานาน คุณควรนัดพบแพทย์ของคุณซึ่งอาจช่วยคุณหาสาเหตุได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น


            สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
            เบอร์โทร : 02-021-5555
            Facebook : https://www.facebook.com/OMRONHealthcareThailand/
            Website : https://www.omronhealthcare-ap.com/th/ 
            Line@ : @omronhealthcare

              ฝันว่าแฟนนอกใจ ทำนายฝัน พร้อมเคล็ดลับชีวิตคู่

              ฝันว่าแฟนนอกใจ อ่านคำทำนายพร้อมวิธีตัดไฟแต่ต้นลม!

              กังวลอะไรอยู่ไหม คิดมากจน ฝันว่าแฟนนอกใจ เป็นลางดีหรือร้าย มาอ่านคำทำนายฝัน พร้อมวิธีหยุดความกังวลของคนขี้ระแวง ใจน้อยด้วยวิธีปราบแฟนนอกใจ ช่วยตัดไฟแต่ต้นลม

              ฝันว่าแฟนนอกใจ อ่านคำทำนายพร้อมวิธีตัดไฟแต่ต้นลม!!

              ความฝัน เป็นหนึ่งในกลไกทางจิตของร่างกายมนุษย์ กล่าวกันว่าความฝันสามารถช่วยบำบัดจิต ช่วยปลอบประโลมจิตใจเราได้ด้วยตนเองในขณะหลับ สาเหตุที่แท้จริงของการฝัน นักวิจัยยังไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ แต่บ่อยครั้งที่พบว่า ความฝันของมนุษย์นั้นมีส่วนสัมพันธ์กับความกังวลภายในจิตใจของผู้นั้น ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัวเพราะถูกเก็บกดไว้ในส่วนลึกของจิต แล้วแสดงออกมาในขณะที่เรานอนนั่นเอง

              หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ ฝันว่าแฟนนอกใจ ฝันว่าทะเลาะกับแฟน หรือฝันว่าเลิกกัน ลองสำรวจตัวเองดูว่าเรามีข้อกังวลใจ หรือมูลเหตุใดที่ทำให้เราเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ หากความฝันนั้นไม่ได้เกิดจากการครุ่นคิด วิตกกังวลของคุณแล้วละก็ เราลองมาดูคำทำนายฝัน ฝันว่าแฟนนอกใจกันดูว่า ฝันครั้งนี้มีความหมายกันว่าอย่างไร ดวงของคุณในช่วงนี้จะดีหรือร้ายกันแน่

              ฝันว่าแฟนนอกใจ ทำนายฝันว่าอย่างไร
              ฝันว่าแฟนนอกใจ ทำนายฝันว่าอย่างไร

              ฝันว่าแฟนนอกใจ

              ระวังสิ่งของที่คนแปลกหน้านำมาให้นี้อาจมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ เร็วๆนี้ คุณมีดวงที่จะต้องเดินทางไกล อาจจะได้เงินคืนจากลูกหนี้แบบไม่คาดคิดมาก่อน

              ความรัก

              คนโสดอาจจะมีเรื่องรักซ้อนเข้ามาสอดแทรกให้ยุ่งยากใจได้ คุณควรจะคบหาดูใจกับคนที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณให้มากที่สุด คุณจะได้พบรักกับคนต่างวัย แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า

              ดวงการเงิน การงาน

              ช่วงนี้งานที่ทำหรือได้รับมอบหมายจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่ติดขัดอะไร ใครที่เรียกร้องความยุติธรรมด้านการเงินให้ตัวเองอยู่จะมีผู้ใหญ่ช่วยเจรจาให้ และได้รับความเห็นใจ กิจการทั้งปวงซึ่งต้องสัมพันธ์หรือต้องติดต่อกับต่างประเทศอาจมีอุปสรรค เพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน

              ฝันว่าแฟนเป็นชู้กับพี่น้อง

              ช่วงนี้ระวังทรัพย์สินจะเสียหาย มีความอัดอั้น กังวลใจ ที่จะต้องระบายความในใจให้คนอื่นฟัง คุณจะเจอเรื่องเครียด และแรงกดดัน ต้องรับภาระหลายอย่าง

              ความรัก

              ท่านที่ยังโสดยังม่ายจะตกอยู่ในความสนใจของเพศตรงข้ามอย่างน้อยก็ 2 คน ขอให้วางตัวให้ดีๆ ใครที่ชอบมีความรักแบบปิดบังซ่อนเร้น ช่วงนี้จะรู้สึกร้อนรุ่ม เพราะกลัวความลับถูกเปิดเผย คุณมีดวงที่ต้องเดินทางในระยะนี้ ทำให้คุณจะมีโอกาสห่างเหินกับคนที่คุณรัก

              ดวงการเงิน การงาน

              ระวังคำพูด เพราะอาจจะทะเลาะกับหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงาน และ ลูกน้องได้ ระวังการวางบิลเก็บเงินจะกลายเป็นหนี้สูญ ไม่สามารถเรียกเก็บได้ต้องทำใจทิ้งเงินก้อนนี้ไป สำหรับใครที่คิดอยากจะทำธุรกิจของตนเองนั้น ช่วงนี้เหมาะมากมีดวงทำมาค้าขายขึ้น

              ฝันว่าแฟนนอกใจ ฝันว่าทะเลาะกับแฟน ฝันดีหรือร้ายกันนะ
              ฝันว่าแฟนนอกใจ ฝันว่าทะเลาะกับแฟน ฝันดีหรือร้ายกันนะ

              ฝันว่าแฟนคบชู้กับคนรู้จัก

              ใครที่ชอบมีปัญหากับญาติผู้ใหญ่ในบ้าน ช่วงนี้ไม่ควรพาคนนอกเข้ามาบ้าน เพราะจะเกิดเรื่องได้ง่าย ระวังคำพูด จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง จะเจอเรื่องขุ่นมัว เสียใจ กับสิ่งที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คาดหวังหรือหวังไว้แล้วไม่เป็นดังหวัง

              ความรัก

              คนโสดอดใจรอหน่อย เพราะช่วงปลายนี้มีแววได้โคแก่มาเป็นคู่แน่ ๆ คุณควรจะคบหาดูใจกับคนที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณให้มากที่สุด ช่วงนี้ความมีเสน่ห์ของคุณจะโดดเด่นมาก จนทำให้คนรักของคุณเริ่มหึงหวงนะ

              ดวงการเงิน การงาน

              คุณจะต้องวางแผนควบคุมเรื่องเงินรายรับรายจ่ายให้รอบคอบ ช่วงนี้ประหยัดได้ก็จะดี ระวังการวางบิลเก็บเงินจะกลายเป็นหนี้สูญ ไม่สามารถเรียกเก็บได้ต้องทำใจทิ้งเงินก้อนนี้ไป จะมีคนกล่าวถึงคุณในแง่ลบ ใส่ร้าย เพราะเกิดจากความอิจฉาที่คุณมีผลงานโดดเด่นดีกว่า

              ฝันว่าแฟนคบชู้กับคนไม่รู้จัก

              คุณไม่ควรจะเข้าไปรับทำอะไรใหม่ๆ ที่เสี่ยง จงระวังอุบัติเหตุ ทำอะไรก็อย่าประมาท อาจจะได้เงินคืนจากลูกหนี้แบบไม่คาดคิดมาก่อน

              ความรัก

              ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นในกันและกันทั้งสองฝ่าย ความสุขจะบังเกิดกับคุณทันที อยากได้บุตรหลาน ต้องขยันมีเพศสัมพันธ์ให้บ่อยครั้งจึงจะสมหวัง ช่วงนี้ความมีเสน่ห์ของคุณจะโดดเด่นมาก จนทำให้คนรักของคุณเริ่มหึงหวงนะ

              ดวงการเงิน การงาน

              ระวังการนำเงินไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจตัวเองหรือ กับผู้อื่น ผลที่ได้กลับมาอาจจะไม่ดีนัก หากทำสัญญากู้หนี้ยืมสินระหว่างเพื่อนกันจะถูกอีกฝ่ายบิดพลิ้ว เอารัดเอาเปรียบได้ จะได้แสดงความสามารถ เป็นที่ชื่นชมของคนรอบข้าง

              ฝันว่าแฟนนอกใจ ฝันจากความกังวล หรือฝันมั่วกันแน่
              ฝันว่าแฟนนอกใจ ฝันจากความกังวล หรือฝันมั่วกันแน่

              ฝันว่าทะเลาะกับแฟน

              การเสี่ยงโชค ช่วงนี้งดเสี่ยงโชคจะดีที่สุด ระวังจะมีปัญหาความขัดแย้งกับคนใกล้ชิด ความเจริญของคุณจะมาจากความอ่อนน้อมถ่อมตนกับคนที่มีอายุมากกว่า

              ความรัก

              คนโสดอดใจรอหน่อย เพราะช่วงปลายนี้มีแววได้โคแก่มาเป็นคู่แน่ๆ คุณอาจจะพบคนที่ถูกใจแล้ว แต่มันยังไม่ใช่จังหวะที่จะเจอเนื้อคู่ คนมีคู่หากทำงานติดต่อกับคนต่างชาติ ระวังคนรักของคุณจะหึงหวงเอานะ

              ดวงการเงิน การงาน

              ช่วงนี้มีคนคอยยุแยงให้เจ้านายเข้าใจผิดในตัวคุณ แต่คน ๆนั้นจะแพ้ภัยตัวเอง คุณแค่ขยันพยายามตั้งใจทำงานอย่างเดิมอย่างที่คุณเป็นก็พอ งานธุรกิจจะคล่องตัวขึ้นเพราะมีคนรักคู่ครองและเพื่อนต่างเพศช่วย กิจการทั้งปวงซึ่งต้องสัมพันธ์หรือต้องติดต่อกับต่างประเทศอาจมีอุปสรรค เพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน

              ข้อมูลอ้างอิงจาก mthai.com

              ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบของความฝันว่าเกิดจากสาเหตุใดแน่ชัดก็ตามที แต่ก็มีอีกหลากหลายทฤษฎีที่เชื่อว่าความฝันนั้นสามารถใช้เป็นลางบอกเหตุให้แก่เราได้ เนื่องด้วยจากว่า บางครั้งบางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังมีความกังวลต่อเรื่องหนึ่งเรื่องใด หรืออาจเป็นการตั้งข้อสังเกตกับตัวเองในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราได้พบเจอ แต่เก็บมันไว้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องจนหลงลืมจากความจำไป แต่สิ่งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใต้สำนึก ที่เมื่อเรานอนหลับ ร่างกายจึงหยิบยกขึ้นมาเตือน

              หลักคิดช่วยหยุดยั้งแฟนคิดนอกใจ
              หลักคิดช่วยหยุดยั้งแฟนคิดนอกใจ

              ดังนั้นหากคุณกำลังเกิดความระแวงต่อคู่ของคุณว่าจะมีโอกาสนอกใจจนเก็บมาฝันแล้วล่ะก็ ทาง ทีมแม่ ABK จึงขอนำหลักวิธีการดี ๆ ในการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ทำให้แฟนนอกใจมาฝากกัน ถือว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม แถมยังช่วยลดความกังวลลงได้ด้วยนะ

              เอ็ม.แกรี่ นิวแมน ที่ปรึกษาชีวิตคู่ ผู้เขียน The Truth About Cheating : Why Men Stray and What You Can Do to Prevent It ประเมินว่าผู้ชายเกือบ 1 ใน 3 คน จะนอกใจโดยที่ภรรยาของเขาไม่รู้ตัวเลย

              สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เขานอกใจ ผู้ชาย 92% บอกว่าเพราะเขารู้สึกว่าภรรยาไม่รักเขามากพอ ความจริงแล้วผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าอารมณ์มาก แต่เขาไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ แม้จะรู้สึกว่าถูกทิ้ง ดังนั้น เขาจึงมองหาคนที่ช่วยให้เขารู้สึกแข็งแกร่งและเป็นที่ต้องการ

              ข้อมูลอ้างอิงจาก www.meetnlunch.com

              5 หลักคิดที่ช่วยให้แฟนไม่นอกใจ

              1.ทำตัวเองให้สวยเสมอ อย่าปล่อยปะละเลย

              คุณผู้หญิงบางคน หรือแม้แต่ในทางกลับกันคุณผู้ชายบางคนเมื่อมีแฟนแล้ว พอคบกันไปนาน ๆ มักจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่พิถีพิถันในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนดั่งตอนที่คบหาดูใจกันใหม่ ๆ โปรดอย่าลืมว่ามนุษย์เราชอบเห็นสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เดิมของตนเอง เพราะตอนที่คบกันเขาก็ชอบเราในแบบที่เป็นเราใช่ไหมล่ะ ดังนั้นเพียงแค่คงความสม่ำเสมอของตัวเองเอาไว้เพียงเท่านี้ก็หมดห่วงกันได้

              2. ดูแลใส่ใจซึ่งกันและกัน

              ถึงแม้ว่าคู่รักจะรู้กันดีในใจว่า ต่างคนต่างรักซึ่งกันและกัน แต่การแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นเช่นกัน การกอด การสัมผัส ยิ้ม ส่งสายตา และคำพูดแสดงความห่วงใย ทำอย่างไรก็ได้ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขายังคงมีเสน่ห์ต่อเราอยู่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะคบกันมาเนิ่นนานแค่ไหน ก็อย่าได้ลืม หรือทำให้มันจืดจางลง เพียงเพราะความเคยชิน เพราะความรักยังไงก็ยังคงต้องการความหวานนะ

              รับฟังกันเมื่อยามมีปัญหาก่อนสายเกินแก้
              รับฟังกันเมื่อยามมีปัญหาก่อนสายเกินแก้

              3. รับฟังกันอย่างเปิดใจเมื่อยามเกิดปัญหา

              ลิ้นกับฟันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา คู่รักก็เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นระหว่างเราสองคน ก็ควรหันหน้ามาคุยกัน และที่สำคัญต้องคุยกันอย่างเปิดใจ และมีเหตุผล หากยังไม่สามารถระงับอารมณ์ในยามโกรธได้ ควรจะเว้นระยะห่างกันสักพักก่อนเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ไม่ควรปล่อยให้นานเกินไป ความรู้สึกน้อยใจ ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ ไม่แคร์ จะเข้ามาแทนที่ระหว่างกันได้

              4. ไว้ใจ และให้เกียรติกันและกัน

              แม้ว่าคุณอาจกำลังสงสัย กังวลใจ จนเป็นเหตุให้เก็บไปฝันว่าแฟนนอกใจก็ตามที แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใดลงไป ขอให้คิดทบทวน หาข้อมูลให้รอบด้านก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ ถ้ายังไม่สามารถฟันธงได้แล้วละก็ เราก็ควรจะมอบความไว้ใจ และให้เกียรติคู่รักของเราจนถึงที่สุดก่อน เพราะบางทีอาจทำให้เขารู้สึกเป็นฝ่ายแย่ที่คิดจะนอกใจ จนฉุกคิดได้และหยุดการกระทำนั้นไปในที่สุดก็ได้

              5. ออกเดทกันอีกดีไหม

              โดยเฉพาะคู่ไหนที่มีครอบครัว มีลูกด้วยกันแล้ว มักจะหาเวลาส่วนตัวค่อนข้างยากสำหรับเราสองคน ดังนั้นควรหาเวลาส่วนตัวระหว่างพ่อแม่เพื่อไปออกเดทเหมือนดั่งตอนเป็นแฟนกันบ้างก็จะช่วยย้อนความทรงจำ และเพิ่มระดับดีกรีความรักของเราสองให้กลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง คุณอาจไปร้านอาหารที่คุณชอบ หรือดูหนังโรแมนติกด้วยกัน บางครั้งเวลาเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงที่คุณลืมภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง และออกไปสนุกด้วยกันเป็นสิ่งที่สามีภรรยาหลายคู่ควรทำมากที่สุดเพื่อจุดไฟรักของความสัมพันธ์อีกครั้ง

              ออกเดทกันอีกสักครั้ง เพิ่มความหวานให้สองเรา
              ออกเดทกันอีกสักครั้ง เพิ่มความหวานให้สองเรา

              ข้อดีของความฝันนอกจากเราจะใช้ความฝันนั้นมาทำนายฝัน เพื่อดูโชคชะตาในอนาคตตามหลักโหราศาสตร์แล้ว เรายังสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้ได้ฉุกคิดถึงชีวิตประจำวันที่ผ่านมาว่าได้หลงลืม หรือละเลยสิ่งใด ๆ ไปบ้างหรือเปล่า จึงอาจเรียกได้ว่าความฝันเป็นลางสังหรณ์ช่วยเตือนให้เราเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาที่คั่งค้างใจก่อนเกิดเหตุการณ์จริงได้เช่นกัน

              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

              ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

              ดวงจะไปต่อหรือพอแค่นี้เมื่อคุณ ฝันเห็นหนอน เรามีคำตอบ

              ฝันว่าแต่งงาน ฝันว่าแต่งงานใหม่ จะได้แต่งจริงๆ ไหม?

              วิจัยเผย! เลี้ยงลูกกับสุนัขด้วยกัน ได้ประโยชน์กว่าที่คิด

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                เงินสงเคราะห์บุตร 800

                เงินสงเคราะห์บุตร 800 เงินสงเคราะห์บุตร เข้าวันไหน เช็กเลย!

                เช็กเลย พร้อมรอรับ!! ประกันสังคมปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท จาก 600 บาท เงินเข้าวันไหน ได้ย้อนหลังเท่าไหร่ ถ้าจะลงทะเบียนต้องทำยังไง ตามมาอ่านเลย

                เดือนนี้เข้าแน่! เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท
                ได้ย้อนหลังเท่าไหร่? เช็กยังไง
                !

                จากข่าวเดือน มกราคม ต้นปี 64 สำนักงานประกันสังคม ได้ประกาศกฎกระทรวง เปิดเผยถึงการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร ให้กับบุตรของผู้ประกันตนประกันสังคม ที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี ให้มีสิทธิ์ได้รับเงินเพิ่มจากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 800 บาทต่อคน โดยจ่ายคราวละไม่เกิน 3 คน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

                เงินสงเคราะห์บุตร 800

                เงื่อนไขการลงทะเบียน เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท

                ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่มีบุตร สามารถติดต่อเพื่อรับสิทธิเงินสงเคราะห์บุตร 800 ได้ที่สำนักงานประกันสังคม โดยต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ลูกต้องมีอายุไม่เกิน 6 ปี ซึ่งจะได้รับ เงินสงเคราะห์บุตร เดือนละ 800 บาท ไปจนลูกอายุครบ 6 ปีและต้องเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตร

                ทั้งนี้ลูกจะต้องมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ ยื่นเรื่องจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

                การหมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร

                1. เมื่อบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
                2. บุตรเสียชีวิต
                3. ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
                4. ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

                หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

                1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
                2. กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ
                3. กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ
                4. สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

                กรณีผู้ประกันตนชาย หรือใช้สิทธิของผู้เป็นพ่อ

                1. สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
                2. สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วยจำนวน 1 ชุด)
                3. กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด
                4. กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด

                สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ดังนี้

                • ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
                • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)
                • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)
                • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
                •  ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
                • ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)
                • นาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
                • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
                • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด(มหาชน)

                เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน

                เงินสงเคราะห์บุตร 800

                สถานที่ยื่นเรื่อง

                ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)

                เงินสงเคราะห์บุตรเข้าวันไหน

                สำหรับข้อสงสัยเรื่องเงินสงเคราะห์บุตร 800 เริ่มเดือนไหน เข้าวันที่เท่าไหร่ … พ่อแม่ผู้ประกันตนสามารถเช็ครายละเอียดการโอน เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท เข้าบัญชี ได้โดยผ่านแอพเช็คประกันสังคม คลิกอ่าน >> วิธีเช็คเงินสมทบ-ค่าคลอดบุตร ผ่าน แอพเช็คประกันสังคม ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมเริ่มดำเนินการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร โดยกำหนดวันจ่ายเงินเป็นช่วงปลายเดือน

                เงินสงเคราะห์บุตร 800

                อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินในส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นของงวดเดือนมกราคม 2564 ในวันที่ 30 เมษายน 2564 เนื่องจากระบบตัดจ่ายเงินกรณีสงเคราะห์บุตรของสำนักงานประกันสังคมที่กำหนดให้การตัดจ่ายเงินย้อนหลัง 3 เดือน เพื่อปรับฐานข้อมูลผู้ประกันตนให้ถูกต้องก่อน

                ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ผู้ประกันตน สงสัยเรื่องการตัดจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th


                ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sso.go.th

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

                วิธี เช็คสิทธิ์ประกันสังคม ง่ายๆ แต่ละมาตรา 33 39 40 ต่างกันอย่างไร?

                เงินอุดหนุนบุตร 2564 ลงทะเบียนยังไง ใช้เอกสารอะไร ไปที่ไหน เงินเข้าเมื่อไหร่ เช็กเลย!

                ชี้เป้า 4 วิธีประหยัดเงิน เพื่อแม่ถูกและดี มีเงินออมให้ลูก!!

                ยกเลิกสิทธิบัตรทอง 108 แห่ง อัปเดตด่วน คลินิก-โรงพยาบาล ที่ไหนยังใช้สิทธิได้

                จดทะเบียนรับรองบุตร ทำอย่างไร ลูกอายุเท่าไหร่ถึงจดได้?

                 

                  ปิด 31 สถานที่เสี่ยงโควิด

                  ด่วน กทม.สั่งปิด 31 สถานที่เสี่ยงโควิด มีผล 26 เม.ย.

                  วันที่ 24 เมษายน 2564 เวลา 20.00 น. ผู้ว่ากทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองแถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคกรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือปฏิบัติตามข้อกำหนด พร้อมสั่ง ปิดสถานที่เสี่ยงโควิด 31 สถานที่โดยมีผลตั้งแต่ 26 เม.ย. 2564 เป็นเวลา 14 วัน

                  • ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน 100% ฝ่าฝืนมีความผิด
                  • ปิดสถานที่เสี่ยงโควิด เพิ่ม 31 สถานที่ ดังนี้
                  1. โรงมหรสพ, โรงภาพยนตร์, โรงละคร
                    2. สวนน้ำ สวนสนุก ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า
                    3. สวนสัตว์
                    4. สถานที่เล่นสเกต
                    5. โต๊ะสนุ๊ก
                    6. สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง
                    7. ร้านเกม, ร้านอินเทอร์เน็ต
                    8. สระว่ายน้ำสาธารณะ
                    9. ฟิตเนส
                    10. สถานที่จัดนิทรรศการ, ศูนย์แสดงสินค้า, ศูนย์ประชุม
                    11. พิพิธภัณฑ์
                    12. ห้องสมุดสาธารณะ
                    13. สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ยกเว้นสถานรับเลี้ยงเด็กในสถานพยาบาล
                    14. สถานที่รับดูแลผู้สูงอายุ
                    15. สนามมวย, โรงเรียนสอนมวย
                    16. โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
                    17. สถานที่เจาะ หรือสักผิวหนัง
                    18. สถานบันสอนลีลาศ
                    19. สนามม้า
                    20. ศูนย์พระเครื่อง, สนามพระเครื่อง
                    21. คลินิกเสริมความงาม
                    22. สถานที่นวดแผนไทย
                    23. สนามแข่งขันทุกประเภท
                    24. สถานที่แสดงมหรสพ
                    25. ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง
                    26. ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้า สามารถเปิดบริการได้ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.
                    27. ร้านเสริมสวย เปิดได้เฉพาะ ตัด สระ ซอย และต้องไม่คนนั่งรอคิวในร้าน
                    28. สนามกีฬาทุกประเภท
                    29. สวนสาธารณะ
                    30. ร้านสะดวกซื้อ สามารถเปิดได้ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น.
                    31. ห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์, การเข้าค่าย, การถ่ายภาพยนตร์ หรือรายการทีวี, กิจกรรมทางศาสนา, การปฏิบัติธรรม, หรือพบปะญาติผู้ใหญ่ที่เกินกว่า 20 คน
                  • ร้านอาหารให้เปิดนั่งรับประทานถึงเวลา 21.00 น. แต่ต้องเว้นระยะห่าง 2 เมตร หรือมีฉากกั้น จากนั้นให้ซื้อกลับถึงเวลา 23.00 น.

                  ที่มา มติชน, ไทยโพสต์

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                  คนท้องติดโควิด รักษาอย่างไร? กระทบลูกในท้องหรือไม่?

                  วิธีเช็กความ เสี่ยงติดโควิด-19 อาการแบบไหนต้องรีบไปตรวจหาเชื้อ

                    หวัดแดด

                    หวัดแดด ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?

                    เดี๋ยวเข้าห้องแอร์ เดี๋ยวอยู่นอกบ้าน พฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้อาจทำให้ลูกเป็น หวัดแดด ไข้หวัดในหน้าร้อนที่ไม่ควรมองข้าม หวัดแดด มีอาการต่างจากไข้หวัดปกติอย่างไร? อ่านต่อเลย

                    หวัดแดด ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?

                    ฤดูฝนมักจะเป็นฤดูที่เด็ก ๆ ป่วยกันบ่อย เพราะอากาศที่เย็นลงนั้น เอื้อต่อการแพร่เชื้อโรคของไวรัสและแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ได้ แต่อากาศร้อน ๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้ลูกน้อยของเราปลอดภัยหรอกนะคะ เพราะอากาศร้อน ๆ อย่างนี้ ก็ทำให้ลูกเสี่ยงที่จะเป็น “หวัดแดด” ได้เช่นกัน แม้หวัดแดดจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าไข้หวัดร้าย ๆ ชนิดอื่น ๆ แต่การเรียนรู้ อาการและวิธีรักษาอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตัวของลูกได้ นอกจากนี้ยังจะสามารถสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่ไปพบแพทย์ได้อีกด้วย

                    หวัดแดดคืออะไร?

                    หวัดแดดเป็นการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน เป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้

                    โรคหวัดแดดมีสาเหตุมาจากอะไร?

                    1. อุณหภูมิของอากาศที่ร้อน
                    2. ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่สูงขึ้น
                    3. การอยู่กลางแจ้งหรืออยู่ในที่ที่อาจได้รับรังสีความร้อน
                    4. การอยู่ในสภาวะที่มีลมหรือการระบายอากาศน้อย

                    ใครที่เสี่ยงเป็นไข้หวัดแดดบ้าง?

                    ไข้หวัดแดดนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เกษตรกร นักกีฬา, เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง, คนอ้วน, ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ, ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งผู้ที่ต้องเข้าออกบ่อย ๆ ระหว่างสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศและสภาพอากาศภายนอกที่ร้อนจัด

                    ไข้หวัดแดด เชื้อโรคชนิดเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่นะ

                    หวัดแดดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นเชื้อโรคในกลุ่มเดียวกับไข้หวัดใหญ่ เพียงแต่ไข้หวัดแดด เป็นไข้หวัดที่เกิดในหน้าร้อน ดังนั้น อาการป่วยเมื่อเป็นไข้หวัดแดดนั้น จะแตกต่างจากอาการป่วยเมื่อเป็นไข้หวัดทั่วไปและไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

                    โรคหวัดแดดแตกต่างจากไข้หวัดทั่วไปอย่างไร?

                    • มีไข้ต่ำ ๆ (ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียล)
                    • วิงเวียน ปวดศีรษะ
                    • ครั่นเนื้อครั่นตัว
                    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
                    • ปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ
                    • ท้องไส้ปั่นป่วน
                    • ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
                    • นอนไม่ค่อยหลับ

                    หลายครั้งผู้ที่เป็นหวัดมักเกิดความสับสนระหว่าง หวัดแดด กับ ไข้หวัด เพราะอาการค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่ในความจริงแล้ว ไข้หวัดจะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ ร่วมด้วย ส่วนหวัดแดดจะไม่ค่อยมีน้ำมูก หรือมีน้ำมูกใสๆเพียงเล็ก น้อย และไม่มีอาการเจ็บคอ แต่จะรู้สึก ขมปาก คอแห้ง และแสบคอแทน

                    มาทำความรู้จักกับโรคไข้หวัดแดดกันเถอะ

                    วิธีดูแลเมื่อเด็กเป็นไข้หวัดแดด

                    เนื่องจากไข้หวัดแดดเกิดขึ้นจากเชื้อตัวเดียวกับไข้หวัดใหญ่ เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถหายได้เองหากดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ดังนั้น วิธีการดูแลเมื่อเด็กเป็นไข้หวัดแดด จะคล้าย ๆ กับการดูแลเด็กเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

                    1. ให้ลูกน้อยพักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยฟื้นฟูให้ร่ายกายกลับมาแข็งแรงได้โดยเร็ว
                    2. เมื่อมีไข้ ให้หมั่นเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนภายใน (อ่านต่อ การเช็ดตัวลดไข้ให้ลูกอย่างถูกวิธี)
                    3. ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ หรือให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย การดื่มน้ำเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยระบายความร้อนจากร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การดื่มน้ำหรือจิบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยบรรเทาอาการปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ จากไข้หวัดแดดได้อีกด้วย
                    4. ในกรณีที่มีไข้ อาจทานยาลดไข้ร่วมด้วย (อ่านต่อ วิธีคำนวณปริมาณยาลดไข้เด็ก ที่ถูกต้อง) สำหรับทารกแรกเกิด เมื่อมีไข้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทานยาลดไข้ค่ะ
                    5. หลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อและการรับเชื้อเข้าร่างกายเพิ่มในขณะที่ร่างกายอ่อนแอ
                    6. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแดดจัด หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ่อย ๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว จะทำให้อาการไข้หวัดแดดแย่ลงได้
                    7. สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านเข้าใจผิดว่าเมื่อเป็นไข้ จะต้องห่มผ้าหนา ๆ เพราะลูกจะหนาว แต่ในความเป็นจริงแล้วการห่มผ้าหนา ๆ หรือใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อไม่ให้ลูกหนาวสั่น ไม่สามารถใช้ได้ในกรณีที่ลูกเป็นไข้หวัดแดดค่ะ การให้ลูกอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป และมีอากาศถ่ายเท จากนั้นให้ลูกสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อระบายความร้อนที่อยู่ในร่างกายออกไปได้ง่าย ๆ ถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องค่ะ
                    ไข้หวัดแดด
                    ไข้หวัดแดด

                    โรคหวัดแดด แม้ไม่แสดงอาการที่รุนแรงแต่ความร้อนที่สะสมอยู่ภายในร่างกายย่อมส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ร้อนจัด สมรรถนะ ในการทำงานก็ย่อมลดลงตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงควรป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้ห่างไกลจากโรคหวัดแดด ดังนี้

                    วิธีป้องกันและดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคหวัดแดด

                    1. เพื่อป้องกันการเกิดไข้หวัดแดด ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้ร่างกายสะสมความร้อนมากเกินไปจนไม่สบายได้
                    2. หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน หรือมีกิจกรรมต่าง ๆ กลางแจ้ง ควรใส่หมวก กางร่ม หรือสวมเสื้อผ้าเบาสบายแต่ปกปิดผิวได้ทั้งร่างกาย เช่น การสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
                    3. ระหว่างวัน หรือขณะที่อยู่กลางแดดให้หมั่นจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกกระหายน้ำมากเกินไป เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดหวัดแดด ก็ยังเสี่ยงต่อการเป็นลมแดดได้ด้วยเช่นกัน
                    4. ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก่อนออกแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างต่ำ ทา 30 นาที ก่อนออกแดด และระหว่างวันก็สามารถทาครีมกันแดดได้เช่นกัน
                    5. ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วน จะได้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
                    6. หมั่นพากันไปทั้งครอบครัว เพื่อออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
                    7. ในวันที่อากาศร้อนจัด แต่หากจำเป็นต้องทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งนานหลายชั่วโมง นอกจากการดื่มน้ำบ่อย ๆ แนะนำให้หาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเย็น แล้วเช็ดทั่วตัวบ่อย ๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนของร่างกาย

                    โรคหวัดแดด แม้ไม่ใช่โรคที่อันตราย แต่สำหรับเด็กเล็กนั้น โรคนี้ก็สร้างความทรมานจากอาการคอแห้ง เจ็บคอ มีไข้ ให้กับลูกน้อยได้ อีกทั้งโรคนี้ยังทำให้ลูกร่างกายอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายชนิดอื่น ๆ เช่น โรคโควิด-19 ได้อีกด้วย ดังนั้น มาป้องกันลูก ๆ ไม่ให้เป็นโรคหวัดแดดกันเถอะ

                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                    7 โรคในฤดูร้อน 3 ภัยจากอากาศร้อน ที่เด็กเล็กต้องระวัง!!

                    เด็ก!! เสี่ยงติด “โรคพิษสุนัขบ้า” โรคที่ไม่ได้เกิดจากแค่สุนัข

                    เมื่อลูกปวดท้องจาก “โรคบิด” ภัยร้ายหน้าร้อนที่ต้องระวัง!!

                    แม่ต้องระวัง! โรคแทรกซ้อนโควิด-19 ในเด็ก ทำลูกป่วยหนัก

                     

                    ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, RAMA Channel, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

                     

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      ฝันเห็นหนอน ฝันเห็นหนอนไต่ตามตัว ทำนายฝัน

                      ดวงจะไปต่อหรือพอแค่นี้เมื่อคุณ ฝันเห็นหนอน เรามีคำตอบ

                      ทำนายฝัน ฝันของใครก็ดวงของคนนั้น แล้วถ้า ฝันเห็นหนอน ไม่ว่าจะเป็นหนอนเขียว หนอนใบไม้ หรือหนอนไต่ตามตัว ดวงจะดีหรือร้ายกันนะ ไม่ต้องกังวล วันนี้เรามีคำตอบให้

                      ดวงจะไปต่อหรือพอแค่นี้ เมื่อคุณ ฝันเห็นหนอน เรามีคำตอบ!!

                      ว่ากันด้วยเรื่องแห่งความฝันนั้น แม้บางคนจะมองเป็นเพียงแค่อาการหนึ่งขณะหลับ บางคนมองเป็นกลไกป้องกันทางจิตในรูปแบบหนึ่งของร่างกาย หรือแม้แต่นักจิตวิทยาที่ได้กล่าวไว้ในทฤษฎีหนึ่งว่า ความฝันเป็นการนำเอาเรื่องราวที่เราได้ประสบพบเจอมา นำมาปะติดปะต่อเรื่องราวในขณะที่เรากำลังหลับก็ตาม แต่หลาย ๆ คนคงเคยฝันแล้วรู้สึกว่าทำไมความฝันเรื่องนี้มันช่างเหมือนจริง หรือมีลางอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าความฝันนั้นต้องมีความลับอะไรอยู่ภายในแน่ ๆ

                      นักประสาทวิทยาชาวฟินแลนด์สังเกตว่า ความฝันส่วนใหญ่มักจะส่งผลเสียทางอารมณ์มากกว่าผลดี จึงตั้งสมมติฐานขึ้นมา เพื่อพยายามทำความเข้าใจถึงวิวัฒนาการของฝันร้าย โดยตั้งชื่อมันว่า ทฤษฎีจำลองความเสี่ยง

                      ทฤษฎีนี้กล่าวไว้ว่า ความฝันนั้นมักจะพาเราไปพบเจอกับสถานการณ์ตึงเครียดและน่ากลัว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเราก่อนเจอสถานการณ์จริง ถือเป็นการซ้อมการรับมือ และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงระหว่างหลับ

                      ข้อมูลอ้างอิงจาก mgronline.com
                      ความฝัน เตือนเราให้เตรียมพร้อมรับมือได้
                      ความฝัน เตือนเราให้เตรียมพร้อมรับมือได้

                      จากทฤษฎีต่าง ๆ ก็พอทำให้เราเชื่อได้ว่า ความฝันแม้จะยังไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้ว่ามีสาเหตุมาจากสิ่งไหน แต่เรื่องหนึ่งที่เราสามารถเชื่อได้ นั่นคือ เราสามารถเตรียมตัว ระมัดระวัง และเป็นการซ้อมการรับมือต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับเราในอนาคตได้ เป็นดังเช่นคำเตือนล่วงหน้า เช่น นักศึกษาที่มักกังวลเรื่องการสอบ จนมักจะฝันถึงว่าไปเข้าสอบสาย ไม่ทันเวลา ลองสังเกตดูกันไหมว่า คนที่ฝันเช่นนี้พอถึงคราวสอบจริง มักจะสามารถเตรียมตัว เตรียมความพร้อมได้ดีกว่าครั้งอื่น ๆ เป็นต้น ดังนั้นหากคุณกำลังฝันไม่ว่าจะดีหรือร้าย ลองมาหาคำทำนายดูกันไหมว่าเรากำลังจะเผชิญกับสิ่งใดในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ เรียกได้ว่า กันไว้ดีกว่าแก้

                      หนอน หนอนยั้วเยี้ย หนอนไต่ตามตัว หากเป็นความฝันคงเป็นความฝันที่ดูน่าขยะแขยง น่ากลัว โดยเฉพาะสาว ๆ ทั้งหลาย แต่ความฝันแบบนี้จะดีหรือร้ายกันแน่ ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมคำทำนาย พร้อมเลขเด็ดมาฝากกัน

                      ฝันเห็นหนอน

                      ดวงคุณกำลังไปได้สวยมีคนมาช่วยอยู่ไม่ขาดสาย มีความอัดอั้น กังวลใจ ที่จะต้องระบายความในใจให้คนอื่นฟัง ระวังข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านจะแตกหักสูญหาย

                      ความรัก

                      อย่าปล่อยให้ตัณหาราคะจริตมาครอบงำจิตสำนึกเกินไป เพราะอาจเพลี่ยงพล้ำเสียตัวได้! มีคนเอาใจไม่เว้นแต่ละวันจนใคร ๆ ก็อิจฉา คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่า ถึงคุณจะมีแฟนแล้ว แต่ก็จะมีคนเสนอตัวเข้ามาใกล้ชิด

                      ดวงการเงิน การงาน

                      มีโอกาสปรับเปลี่ยนงาน โยกย้ายสายงาน หรือ ได้รับอะไรที่แตกต่างจากเดิมที่เป็นอยู่ จะมีการติดต่อสร้างมิตรภาพใหม่กับชาวต่างชาติ ส่งผลให้การงานดีขึ้น เงินทองเข้ามาไม่ขาดสาย งานจะมีภาระเร่งด่วน กดดัน และต้องใช้ความรับผิดชอบสูงมาก

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      2 8

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      14 57 90 91

                      24 58 41

                       

                      ฝันเห็นหนอน จะดีหรือร้าย?
                      ฝันเห็นหนอน จะดีหรือร้าย?

                      ฝันเห็นหนอนไต่ตามตัว

                      ญาติมิตรหรือคนที่อยู่ห่างไกลจะส่งข่าวหรือเดินทางมาหา มิตรรักจะแปรพักตร์เป็นอย่างอื่น คอยระวังไว้ด้วย อยู่ในช่วงจังหวะชีวิตเปลี่ยนแปลง แต่มันจะทำให้คุณได้รับสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต

                      ความรัก

                      ความรักไม่ได้ดังใจที่คุณคิดไว้ มักได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่เป็นประจำ คุณจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคนนิสัยดี จิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น คู่รักที่เลิกกันไปแล้วกว่าจะกลับมาคืนดีกันจะต้องรออีกนานถึงจะมีโอกาสรีเทิร์น

                      ดวงการเงิน การงาน

                      หลังจากนี้ไปอีกประมาณ 1 เดือนจะมีโชคมีลาภจะได้รับเงินหรือส่วนแบ่งจากการงานในช่วงนี้ เงินไม่คล่องมือ ต้องจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของท่านหรือการเรียนของลูกหลานหรือเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ในช่วงเดือน 2 เดือนนี้ คุณมีเกณท์ต้องใช้เงินมากเป็นพิเศษ ดังนั้นควรประหยัดซะหน่อยก็จะไม่เดือดร้อน

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      2 3

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      07 08

                      42 41 29 040

                       

                      ทำนายฝัน เกี่ยวกับการเงิน โชคลาภ
                      ทำนายฝัน เกี่ยวกับการเงิน โชคลาภ

                      ฝันเห็นหนอนสีขาว

                      ระวังสิ่งของที่คนแปลกหน้านำมาให้นี้อาจมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ มิตรรักจะแปรพักตร์เป็นอย่างอื่น คอยระวังไว้ด้วย พูดจาต้องระวัง เพราะมีคนคอยใส่ร้ายป้ายสีอยู่ตลอดเวลา

                      ความรัก

                      คนโสดก็อย่าคิดอะไรมากเลยนะ หาที่ปลีกวิเวก หาความสุขใส่ตัวในเรื่องอื่น ๆ ดีกว่า ช่วงนี้ดวงความรักของคุณกำลังเด่น ระวังแฟนเก่าของคุณจะกลับมาขอคืนดี ต้องหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดชนวนแห่งความขัดแย้ง

                      ดวงการเงิน การงาน

                      ได้ลาภจากการทำงาน หรืออาจจะได้งานพิเศษทำแบบไม่คาดคิด แต่มีดวงจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เสียเงินทองไปกับเรื่องคดีความ หากคิดกะเก็งกำไรหรือเล่นหุ้นจะไม่ได้ตามเป้าหมาย ควรรอเวลาซักนัดหลังวันเกิดของคุณ

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      2 7

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      04 37

                      21 34 180 440

                       

                      ฝันเห็นหนอน สีขาว ทำนายฝันอย่างไร
                      ฝันเห็นหนอน สีขาว ทำนายฝันอย่างไร

                      ฝันเห็นหนอนสีเขียว

                      ญาติผู้ใหญ่อาจมีอิทธิพลหลายๆเรื่องในการตัดสินใจของคุณ ช่วงนี้ชีวิตคุณดูมีความสุข ดูมีชีวิตชีวา ใครเห็นแล้วก็รู้สึกสดชื่นไปตามคุณ ระวังเรื่องความเครียดจะส่งผลเสียกับสุขภาพ

                      ความรัก

                      คนที่มีคู่แล้วจะมีปากเสียงกันบ่อย ไม่เข้าใจกันบ่อย ถ้ายังไม่รู้จักอภัยให้กันและกัน คุณจะมีโอกาสได้ไปร่วมงานมงคลและอาจจะพบคนที่ถูกใจ จนถึงขั้นเกิดเป็นความรักได้ คุณมีดวงที่ต้องเดินทางในระยะนี้ ทำให้คุณจะมีโอกาสห่างเหินกับคนที่คุณรัก

                      ดวงการเงิน การงาน

                      คนทำงานเกี่ยวกับการประมูลแข่งขันจะสำเร็จได้นั้นควรเข้าหาผู้ใหญ่ จะดีช่วยเสริมดวงให้คุณได้ ทุนรอนที่สะสมไว้จะถูกนำออกมาใช้เพื่อลงทุนการค้าบางอย่างแต่จะประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สถานะทางการเงินจะมีรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่ายส่งผลให้ชีวิตคุณดีขึ้น

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      3 4

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      05

                      899 379 646 877

                      ฝันเห็นหนอน ใบไม้ ความหมาย
                      ฝันเห็นหนอน ใบไม้ ความหมาย

                      ฝันเห็นหนอนใบไม้

                      คุณจะมีโชคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองอย่างไม่ขาดสาย ให้ระวังเรื่องสุขภาพของคนที่บ้าน หากมีการเดินทางจะราบรื่นและปลอดภัยทุกประการ

                      ความรัก

                      คนมีแฟนระวังมีปากเสียงกัน ให้หาเวลาไปเที่ยวตากอากาศกันบ้าง เพื่อผ่อนคลายและเปลี่ยนบรรยากาศด้วย คนที่เป็นแฟนกันมานานจะมีปัญหาเรื่องการมีคนใหม่ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับความรักของคุณ เรื่องรักของคุณไม่ถือว่าราบรื่น มีงอน มีหึงหวง มีทะเลาะเบาะแว้งบ้าง เรียกว่าคู่ทรหดก็คงได้

                      ดวงการเงิน การงาน

                      จะได้เงินที่มาจากการกู้ยืมและสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เงินทองที่ใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วง ใช้ไปเท่าไหร่ก็จะได้กลับมาเท่านั้น แต่ก็ประหยัดไว้บ้างก็ดี สำหรับคนที่ทำอาชีพค้าขาย หรือทำธุรกิจส่วนตัวในเดือนนี้เป็นเดือนที่กำไรงาม มีเกณฑ์ได้ขยับ ขยายกิจการ

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      3 5 9

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      12 33 85

                      36 137 256

                      ฝันแบบนี้มีโชคหรือเปล่า
                      ฝันแบบนี้มีโชคหรือเปล่า

                      ฝันเห็นหนอนตัวใหญ่

                      ช่วงนี้ระวังทรัพย์สินจะเสียหาย ระวังการพบเจอกับคนแปลกหน้าที่ไม่ประสงค์ดี พูดจาต้องระวัง เพราะมีคนคอยใส่ร้ายป้ายสีอยู่ตลอดเวลา

                      ความรัก

                      คนที่อยากมีกิ๊กบ้างคงต้องร้องเพลงรอเพราะอีกนานกว่าที่คุณจะสมหวัง คนที่มีคู่แล้วต้องใจเย็น อย่าหมางเมินกัน หมั่นเติมความรักด้วยคำหวานๆวันละนิด ถ้าไม่ระวังตัว ระวังใจของตัวคุณเองให้ดีๆ จิตใจของคุณเองนั่นแหละที่จะทำให้คุณคิดเลยเถิดไปไกล

                      ดวงการเงิน การงาน

                      ได้ลาภจากการพนัน เสี่ยงโชค โอกาศแบบนี้มีไม่บ่อยครั้ง น่าจะลองเสี่ยงดูบ้าง จะหาเงินได้ก้อนใหญ่จากกิจการที่คุณทำอยู่และอาจมีผู้มาร่วมลงทุนกับคุณ เพิ่มมากขึ้นแต่ให้ระวังเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว การงานได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในสายงานเป็นอย่างดี

                      เลขมงคล เด่นนำโชค

                      0

                      เลขมงคล เด่นรอง

                      06 71 93

                      71 171 634

                       

                      ทำนายฝัน ความเชื่อ ดวงดาว และราศี
                      ทำนายฝัน ความเชื่อ ดวงดาว และราศี

                      ว้าว!! คำทำนายสำหรับผู้ฝันเห็นหนอน ไม่ว่าจะสีขาว สีเขียว หรือมาในรูปแบบใด ๆ คงรู้ความหมายกันไปแล้ว แต่ขอฝากเคล็ดลับกันอีกสักนิด คนโบราณได้แนะเคล็ดแก้ฝัน ถ้าเราไม่มั่นใจว่าฝันนั้นจะเป็นฝันดี หรือฝันร้าย ก็ให้นำความฝันของเราไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนฟังเมื่อฟังจบแล้ว ก็จะแก้ฝันให้ด้วยการให้พรว่า “ ฝันดี จะมีโชคลาภ หมดทุกข์หมดโศกแล้ว” ตัวผู้ฝันก็ต้องยกมือขึ้นรับพรพร้อมพูดว่า “สาธุ ขอให้สมพรปากเถิด” วิธีนี้นิยมใช้กันถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าเมื่อฝันถูกแก้แล้วฝันร้ายก็จะกลายเป็นดี ส่วนฝันดีก็จะดียิ่งขึ้น

                      สำหรับอีกวิธีหนึ่งที่นิยมนำมาแก้ฝันไม่แพ้กัน คือ การแก้ฝันด้วยหลักทางพุทธศาสนา คือ การสวดมนต์ภาวนาระลึกถึง พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ  ตื่นตอนเช้า ถ้ารู้ว่าฝันร้ายให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด แต่งตัวให้เรียบร้อย จุดธูปเทียนบูชาพระ สวดมนต์ทำจิตใจให้ผ่องใส เพื่อแก้นิมิตร้ายให้กลายเป็นดี อำนาจพระคาถาจะช่วยปัดเป่าลางร้ายให้หายไปในบัดดล

                      ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก mthai.com

                      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                      แก้ปีชงด้วย “สีเสื้อมงคลปี 2564” ใส่แล้วงานปัง รับทรัพย์รัวๆ

                      ชี้เป้ารวย! สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2564 เลือกสีไหนให้ถูกโฉลก?

                      ฝันเห็นคนท้อง ฝันว่าตัวเองท้อง ฝันแบบนี้ ดีหรือร้าย?

                      แม่ท้อง ฝันว่าคลอดลูก เป็นลางดีหรือร้ายแล้วคนไม่ท้องล่ะ

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        ไข่จุ๊บ

                        ไข่จุ๊บ อันตราย! ลูกเสี่ยงกินเชื้อโรคเข้าร่างกาย เกิดอาหารเป็นพิษ

                        #อย่าหาทำ #อย่าหาซื้อ #อย่าหากิน ไข่จุ๊บ เทรนด์ตามกระแส เมนูอันตราย! พ่อแม่อย่าให้ลูกกินเด็ดขาดเสี่ยงรับเชื้อโรคเข้าร่างกาย ป่วยหนัก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้!

                        ไข่จุ๊บ คืออะไร อันตรายแค่ไหน อยากกิน ไข่จุ๊บ

                        เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ตอนนี้ เมื่อผู้ใช้ TIKTOK ท่านหนึ่งได้โพสต์คลิป เมนูหน้าตาแปลก ที่เป็นลักษณะเหมือนไข่ดาว แล้วมีเปลือกไข่วางอยู่ด้านบน ซึ่งหลายคนรู้จักกันในชื่อ ไข่จุ๊บ โดยคลิปนี้มียอดคนดูถึง 3 ล้านวิว เป็นเมนูลับที่มีขายตามร้านขายขนมโตเกียวและโรตี และมีผู้ทำตามอีกมากมาย

                        ไข่จุ๊บ
                        หน้าตา ไข่จุ๊บ

                        ไข่จุ๊บ คืออะไร

                        ไข่จุ๊บ คือเมนูไข่คล้ายๆ ไข่ดาว โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

                        1. เจาะไข่ไก่เพื่อเอาไข่ขาวออกมา และลงกระทะ
                        2. อย่าให้ไข่แดงหลุดออกมาจากไข่ เสร็จแล้ว เอาเปลือกไข่ไก่ไปวางบนไข่ขาว บางครั้งก็เป็นไข่นกกระทา
                        3. หลังจากนั้นให้นำมาการีนที่ทำโรตีมาละลายน้ำมัน และเทลงไปในไข่ และใส่ซอสแมกกี้ พริกไทย
                        4. ก่อนเสิร์ฟปักหลอดลงไป ไข่แดงจะไม่สุก ใช้หลอดดูดกิน

                        ขอบคุณคลิปจาก chumsaeng saengchai

                        ซึ่งหากดูจากวิธีการทำข้างต้นแล้ว ก็มีชาวเน็ตสงสัยว่าพ่อค้าแม่ค้าได้ล้างเปลือกไข่ก่อนหรือเปล่า? ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า ไข่ไก่ อาจจะมี “เชื้อซาลโมเนลลา” (Salmonella) ปนเปื้อนอยู่ เป็นเชื้อก่อโรคที่พบการแพร่ระบาด เข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป เช่น ผักสด เนื้อไก่ ไข่ นม ปลา และอาหารทะเลที่ไม่ได้ผ่านความร้อนอย่างเพียงพอ รวมไปถึงอาหารสุกๆดิบๆ ไม่ว่าจะเป็นแหนม ลาบ ย า ปูเค็ม ปูดอง ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นหลังจากบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนแล้วประมาณ 6-48 ชั่วโมง

                        >> อาการโดยทั่วไปของผู้ได้รับเชื้อ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดศีรษะ ปวดท้อง มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย โดยความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นนั้น จะแตกต่างไปตามปริมาณเชื้อ ชนิดของเชื้อและความต้านทานของผู้บริโภค

                        การป้องกันโรคท้องร่วง จากอาหารเป็นพิษ หรืออาหารที่ปะปนเชื้อโรค

                        ♦ หมั่นตัดเล็บให้สั้น ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ

                        ล้างผักผลไม้ให้สะอาด โดยล้างผ่านน้ำหลายๆครั้ง หรือแช่ในน้ำเกลือ หรือแช่ในน้ำละลายด่างทับทิมหรือน้ำผสมเบกกิ้งโซดา

                        ♦ ล้างภาชนะให้สะอาดทุกครั้ง เช่น เขียง มีด ช้อน ส้อม ถ้วย จาน แก้วน้ำ และควรใช้ช้อนกลางทุกครั้งในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

                        ♦ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆและผ่านการปรุงที่ถูกต้องปลอดภัย ถ้าจำเป็นต้องนำมารับประทานอีกควรทำให้ร้อนจึงจะปลอดภัย โดยมีวิธีสังเกตง่ายๆคือ ถ้าน้ าเดือดปุดๆ คืออุณหภูมิถึง 100 องศาเซลเซียส

                        ♦ ควรเลือกวัตถุดิบที่ถูกสุขลักษณะ เลือกผักผลไม้ที่สดและสะอาด ใช้เวลาในการเลือกให้พิถีพิถันขึ้นเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพดีที่สุด

                        ♦ ต้องแยกอาหารที่เป็นวัตถุดิบและอาหารที่ปรุงสุกแล้ว เพราะเนื้อสัตว์ดิบอาจจะปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียมา อาหารที่ปรุงสุกควรใส่ภาชนะที่ปิดสนิท ไม่ควรวางปะปนกัน

                        ♦ ไม่ควรรับประทานอาหารที่ปรุงทิ้งไว้เพราะอาหารอาจบูดเน่าก่อนที่เราจะนำมารับประทาน

                        ♦ เก็บอาหารไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ4 องศาเซลเซียส และควรอุ่นอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง

                        การรักษาและดูแล เด็กที่ป่วยโรคท้องร่วง

                        1. ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ให้จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่หากผู้ป่วยเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีควรให้ดื่มครั้งละ 1/4-1/2 แก้ว โดยใช้ช้อนค่อยๆป้อนที่ละ 1 ช้อนชา ทุก 1-2 นาทีไม่ควรให้ดูดจากขวดนมเพราะเด็กจะดูดกินอย่างรวดเร็วเนื่องจากกระหายน้ำ ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ทันและอาจทำให้อาเจียนและถ่ายมาก แต่ไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือนม เด็กที่ดื่มนมผสม อาจผสมนมให้เข้มข้นเหมือนเดิมแต่ลดปริมาณลง และให้สลับกับสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หากผู้ป่วยเป็นเด็กอายุมากกว่า 2 ปีควรให้ดื่มครั้งละ 1/2-1 แก้ว ให้จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เมื่ออาการดี ขึ้นจึงให้หยุดดื่มสารละลายน้ าตาลเกลือแร่ และให้กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย ซึ่งจะทำให้ลำไส้ฟื้นตัวเร็ว
                        เคล็ดไม่ลับ ถ้าไม่มีสารละลายนำตาลเกลือแร่ สามารถทำเองได้ดังนี้ ผสม น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นครึ่งช้อนชา น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ใส่ลงในแก้ว คนให้ละลายและเข้ากันดีถ้าดื่มไม่หมดภายใน 24 ชั่วโมงให้ทิ้งไป แล้วผสมใหม่
                        1. หากมีอาการผิดปกติควรรีบนำส่งโรงพยาบาล เช่น ถ่ายหรืออาเจียนไม่หยุดมากกว่า 4 ครั้ง หิวน้ำตลอดเวลา หรือปัสสาวะไม่ออกเนื่องจากขาดน้ำมาก หน้ามืด ช็อกหรือหมดสติ มีไข้ ปวดท้องรุนแรง
                        2. ขับถ่ายในสุขภัณฑ์ที่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงกำจัดอาเจียนของผู้ป่วย โดยเททิ้งลงโถส้วม ราดน้ำให้สะอาด จากนั้นควรล้างมือให้สะอาดเสมอทุกครั้งด้วยน้ำและสบู่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
                        3. สิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยรักษาให้สะอาดเสมอ ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว ทำการซักให้สะอาดและนำออกตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วย
                        4. ผู้ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยควรหมั่นล้างมือ ฟอกสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อปนเปื้อนจากมือสู่อาหารและเกิดการติดโรคได้

                        ที่สำคัญ หากท้องเสียอย่าซื้อยาฆ่าเชื้อ หรือ ยาหยุดถ่ายมากินเอง เพราะการขับถ่ายเป็นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย การรับประทานยาหยุดถ่ายจะทำให้ลำไส้ทำงานน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตเข้าสู่กระแสเลือด อาจถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ

                        ทั้งนี้สำหรับเรื่องคำเตือน การกินไข่จุ๊บ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องของ HQ  หนึ่งใน 10 ของ Power BQ (Power Baby & Kids Quotients) อาวุธที่ช่วยให้ลูกฉลาดรอบด้าน เพราะเด็กยุคนี้มีแค่ IQ และ EQ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังมี Quotient ต่างๆ ถึง 10Q นั่นคือ “10 ความฉลาด” ที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้ครบไปพร้อมกันนั่นเอง ทั้งนี้ HQ หรือ Health Quotient  คือ ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งคนที่มี HQ ดี จะรู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เช่น กินอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ ขับถ่ายดี ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของตัวเอง ฯลฯ สำหรับเด็กเล็กเราอาจจะยังไม่เห็นพัฒนาการด้านนี้ชัดเจน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังและใส่ใจเรื่องสุขภาพ การดูแลร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกวัน เพื่อให้ลูกซึมซับและดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเอง ซึ่งก็จะเป็นการสร้าง HQ ที่ดีในตัวลูกได้ ยิ่งในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บมีเยอะขึ้น โรคใหม่ๆ แปลกๆ เชื้อโรคที่พัฒนาขึ้นจาก สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และมลภาวะต่างๆ เราจึงต้องสอนให้ลูกของเราฉลาดใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่างๆ รอบตัว เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐนั่นเองค่ะ

                        อ้างอิง www.klanghospital.go.th

                        1.http//:www.thediarrhea.blogspot.com

                        2.http//:wwwv.phbma.com/connt

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

                        20 อาหารอันตรายช่วงหน้าร้อน แม่ลูกต้องระวัง

                        7 โรคในฤดูร้อน 3 ภัยจากอากาศร้อน ที่เด็กเล็กต้องระวัง!!

                        3 มาตราการป้องกัน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในเด็ก

                        อาหารเป็นพิษ โรคหน้าร้อน ที่ทุกครอบครัวต้องระวัง

                        โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน เด็กเล็กควรระวัง!

                          ทําให้ลูกไว้ใจ

                          วิธี ทำให้ลูกไว้ใจ พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ให้ลูกวางใจในเรา?

                          ทำให้ลูกไว้ใจ – คุณต้องการเลี้ยงลูกที่ไว้ใจคุณหรือไม่? คุณต้องการให้ลูก ๆ มาคุยกับคุณเมื่อพวกเขาอยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือไม่? มีหลายสิ่งที่แม่และพ่อทำและตัดขาดการสื่อสารกับลูก ๆ อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งที่สิ่งเล็กน้อยที่เราทำคือสิ่งที่อาจทำลายความรู้สึกไว้ใจจากลูกโดยไม่รู้ตัว พ่อแม่หลายคนไม่ทราบว่าบางสิ่งที่กำลังทำนั้นถูกมองในแง่ลบจากลูก ดังนั้นคุณต้องหยุดทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น หากคุณต้องการให้ลูกมีความไว้วางใจในตัวคุณ

                          วิธี ทำให้ลูกไว้ใจ พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ให้ลูกวางใจเรา?

                          บางครั้งเราคิดว่าเราสามารถปฏิบัติต่อลูก ๆ ของเราเหมือนพวกเขาเป็นเพื่อนของเรา บางครั้งเราล้อเล่นกับลูกและบางครั้งลูก ๆ ของเราก็ทำให้เรารำคาญ วิธีที่เราตอบสนองสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากเมื่อลูก ๆ ไว้วางใจเรา บางครั้งคำตอบของเราและวิธีที่เรากระทำลงเอยด้วยการทำร้ายลูก ๆ ของเราและผลักพวกเขาออกไปในที่สุด พฤติกรรมและทัศนคติที่เรามีต่อลูก ๆ ของเราเมื่อพวกเขายังเล็ก จะเป็นตัวกำหนดว่าลูกของเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับเราอย่างไร เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น

                          ต่อไปนี้ คือ สิ่งที่ต้องหยุดทำ เพื่อให้ลูกไว้ใจในตัวคุณ

                          1. ทำให้ลูกไว้ใจ ด้วยการหยุดโกหกลูก

                          ถ้าลูกชายของคุณมาหาคุณตอนอายุ 5 ขวบและถามเกี่ยวกับซานตาคลอส คุณจะบอกความจริงกับเขาหรือไม่? หรือคุณโกหกเพราะคิดแค่ว่า “ลูกยังไม่พร้อมที่จะรู้ความจริง?”

                          ผู้ปกครองส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับ“ การรักษาเรื่องเล่าขาน” เมื่อลูกยังเล็กอยู่

                          แต่ทราบมั้ยคะ ว่าเด็ก ๆ ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงครึ่งเดียว คำโกหกที่ดี และคำโกหกที่ไม่ดี เมื่อพวกเขาเชื่อว่าคุณไม่ได้พูดความจริงกับพวกเขาอย่างสมบูรณ์ การสื่อสารดูเหมือนออกทะเลไปไกล ลูกของคุณอาจจะเริ่มไม่ไว้ใจคุณเวลาคุณเล่าอะไรให้พวกเขาฟัง นอกจากนี้การไม่บอกลูกแบบตรงไปตรางมาว่าคุณจะไปไหน ไปทำอะไร ไปกับใคร และกำลังทำอะไรอยู่ จะตราหน้าว่าคุณไม่น่าไว้วางใจในทันที

                          2. ทำให้ลูกไว้ใจ ด้วยการแสดงถึงความรักที่จริงใจเสมอ

                          อีกวิธีหนึ่งที่สำคัญในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกของคุณคือการทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็น “พ่อแม่” ส่งความรู้สึกที่ชัดเจนถึงลูกในฐานะผู้ปกครองเสมอ แสดงให้ลูกได้เห็นเสมอว่าคุณพร้อมที่จะให้ความรักแก่ลูกตลอดชีวิตของพวกเขา อย่าให้ลูกรู้สึกว่าคุณรักเขา เพราะพิจารณาจาก หน้าตา ผลงาน เกรด อาชีพ  ฯลฯ เมื่อคุณแสดงความรักให้ลูกเห็นเพียงเพราะพวกเขาเป็นลูก คุณจะสอนบทเรียนที่มีค่าให้กับพวกเขา ว่าไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดความรักของคุณที่มีต่อพวกเขาได้ คุณจะสอนพวกเขาเกี่ยวกับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขได้ง่ายๆ เพียงแค่ให้ความรักกับพวกเขา หากลูกของคุณรู้ว่าคุณจะยังรักเขาเสมอ และจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดไปพวกเขาจะเชื่อใจคุณได้โดยไม่มีเงื่อนไขเลยค่ะ

                          ทำให้ลูกไว้ใจ
                          ทำให้ลูกไว้ใจ

                          7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ

                          ฝึกลูก รับมือความสูญเสีย เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักจากไป

                          5 มหัศจรรย์แห่งการกอด กอดลูกหอมลูก บ่อยๆ ดีกว่าที่คิด!

                          3. ทำให้ลูกไว้ใจ ด้วยการหยุดทำให้ลูกรู้สึกอับอาย

                          หากคุณต้องการทำลูกให้ไว้ใจคุณ คุณต้องเลิกทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย การบอกเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ ในครอบครัวของคุณเกี่ยวกับความล้มเหลวของลูกจะทำให้พวกเขารู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น พ่อแม่บางคนใช้ความอับอายเพื่อให้ลูกลงมือทำ การเปรียบเทียบลูกของคุณกับเด็กคนอื่นเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างความอับอาย กลวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผล แถมยังเป็นการสร้างความแตกแยก และผลักลูกของคุณให้ห่างไกลจากคุณ เป้าหมายทั้งหมดของคุณคือ การสร้างความสัมพันธ์กับบุตรหลานของคุณ ห้พวกเขาอยากเข้ามาหาคุณเมื่อพบเจอสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่ดีหรือไม่ดี

                          4. ตอบสนองความต้องการของลูกก่อนเรื่องอื่น

                          เมื่อลูกของคุณเป็นเด็กวัยเตาะแตะ หรือเด็กก่อนวัยเรียน และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก  จำไว้ว่าอย่าถ่ายภาพพวกเขา การถ่ายภาพหมายความว่าคุณกำลังส่งข้อความถึงบุตรหลานของคุณว่าการถ่ายภาพสำคัญกว่าปัญหาของลูก หากคุณต้องการเลี้ยงดูวัยรุ่นที่มีสุขภาพดีซึ่งจะมาหาคุณเมื่อมีปัญหาให้ตอบสนองความต้องการของพวกเขาก่อน ให้ความต้องการของพวกเขาอยู่เหนือความต้องการของคุณและพวกเขาจะเรียนรู้ว่าปัญหาของพวกเขานั้นสำคัญ

                          ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อมีเพียงเล็กน้อยดูเหมือนจะใหญ่โตสำหรับพวกเขา เราอาจคิดว่าปัญหาที่พวกเขาเผชิญเมื่อมีเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีความสำคัญ แต่ปัญหาเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นภูเขาสำหรับพวกเขา เมื่ออยู่ที่นั่นเพื่อจัดการกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อพวกเขายังเล็กพวกเขาจะเรียนรู้ระดับความไว้วางใจและมีความผูกพันกับคุณซึ่งทำให้พวกเขาสามารถนำปัญหาวัยรุ่นที่ใหญ่กว่ามาสู่คุณเมื่อพวกเขาอายุมาก

                          ทำให้ลูกไว้ใจ

                          5. อนุญาตให้ลูกแสดงอารมณ์ของพวกเขาและแสดงอารมณ์ของคุณให้ลูกได้เห็น

                          บ้านควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจว่าเราจะทำให้เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัยได้อย่างไร  เช่น พ่อแม่พูดกับลูกชายเวลาร้องไห้บ่อยๆ ว่า “เด็กผู้ชายไม่ควรร้องไห้” หรือ “เลิกทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิง” นี่เป็นข้อความที่ไม่ดีที่จะส่งถึงลูกชาย  สิ่งนี้จะทำให้ลูกรู้สึกไม่สนิทใจกับคุณได้เมื่อพวกเขาโตขึ้นแล้วหันกลับมานึกถึงสิ่งที่คุณเคยพูดกับพวกเขาไว้

                          เลี้ยงลูกแบบเพื่อน 6 เทคนิคดี ได้ทั้งใจลูก และไร้ปัญหาแน่นอน!

                          7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ

                          วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวก ไม่ดุ ไม่ตี ปูพื้นฐานชีวิตลูกให้ดีใน 3 ปีแรก

                          หากลูก ๆ ของคุณเชื่อว่าคุณไม่เคยร้องไห้ (เพราะคุณไม่เคยร้องไห้ให้ลูกเห็น)  ถ้าพวกเขาเชื่อว่าคุณและคู่สมรสของคุณไม่เคยทะเลาะกันด้วยเหตุผลเดียวกัน ก็เหมือนว่าคุณก็ไม่ได้สอนอะไรเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ให้พวกเขา จำไว้ว่าเด็ก ๆ ต้องได้เห็นผู้ใหญ่ในสถานะที่แท้จริงของเรา สนุกสนาน มีความสุข ร่าเริง อารมณ์เสีย โกรธ ผิดหวัง หมดแรง เป็นต้น จำไว้ว่าควรให้เด็ก ๆ ได้เห็นผู้ใหญ่ จัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกที่ไม่ดีในบางครั้งนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่แม้จะเกิดความรู้สึกเหล่านั้น เราก็ยังทำหน้าที่ต่างๆ ของเราต่อไปได้

                          จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเคยมีความขัดแย้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเด็กของคุณ

                          ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นสานสัมพันธ์กับลูกด้วยความรัก หลายคนอาจคิดว่าเราไม่ได้เป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ แต่อย่างไรก็ตามจงเชื่อว่าลูก ๆ รู้ว่าคุณรักพวกเขาและให้ความสนใจลูกอย่างเต็มที่อย่างสม่ำเสมอ หากในวันหนึ่งอาจมีความบาดหมางเกิดขึ้นระหว่างคุณกับลูก จำไว้ว่ามันยังมีหลายสิ่งหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกของคุณให้ดีขึ้น

                          ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : amothersrandomthoughts.com

                          บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                          ลูกเอาแต่ใจ?! โดดให้รถชนเพราะแม่ไม่ทำตามที่ขอ!

                          ลูก 3 ขวบ เอาแต่ใจ ดื้อรั้น ก้าวร้าว เจ้าอารมณ์ แม่ต้องรับมือยังไง?

                          วัยทอง 2 ขวบ Terrible Two จะรับมืออย่างไร ?

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            คุยเรื่องเพศกับลูก

                            คุยเรื่องเพศกับลูก ต้องสอนยังไง จะเริ่มได้เมื่อไหร่ดี?

                            คุยเรื่องเพศกับลูก –  พ่อแม่หลายคนอาจเคยสงสัยหรือคิดไม่ออกว่า เราจะสอนหรือคุยเรื่องเพศกับลูกเมื่อไหร่ถึงเหมาะสม จริงๆ แล้ว การพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศ เราสามารถเริ่มพูดคุยกับลูกได้ตั้งแต่ลูกสามารถสื่อสารกับคุณได้เข้าใจ การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศและร่างกายตั้งแต่ลูกยังเล็กสามารถช่วยให้ลูกเข้าใจว่าเรื่องเพศเป็นความรู้ที่ดีต่อสุขภาพของและเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิต การสนทนาที่เปิดเผยและตรงไปตรงมาเมื่อลูกของคุณยังเด็กสามารถทำให้การสนทนาเรื่องเพศในภายหลังเมื่อลูกโตขึ้นนั้นง่ายขึ้นมาก และบทสนทนาในช่วงแรก ๆ เหล่านี้ยังเป็นรากฐานสำหรับเด็ก ๆ ในการตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับเพศที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อพวกเขาโตขึ้นอีกด้วย

                            คุยเรื่องเพศกับลูก ต้องสอนยังไง จะเริ่มได้เมื่อไหร่ดี?

                            คุณอาจเปิดประเด็นเรื่องเพศ จากการที่คุณให้คำตอบลูกเมื่อพวกเขาเกิดความอยากรู้และเดินเข้ามาถามคุณ สิ่งที่ทำได้คือควรพูดกับลูกแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา สิ่งสำคัญคือ ลูกของคุณไม่ควรมีความรู้สึกกล้าๆ กลัว หรืออายที่จะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องเพศ การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ใช่การสนทนาเพียงครั้งเดียวแล้วจบ แต่มันคือการสนทนาที่ต้องดำเนินต่อไป และค่อยๆ พัฒนาเรื่องราวและเนื้อหาเรื่อย ๆ ไปตามวัย เมื่อลูกโตขึ้น

                            เทคนิคการพูดคุยเรื่องเพศกับลูก

                            ขั้นตอนพื้นฐาน 3 ข้อ ที่ช่วยให้คุณพูดคุยกับบุตรหลานเกี่ยวกับเรื่องเพศได้

                            • ค้นหาสิ่งที่บุตรหลานของคุณรู้อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น “คุณคิดว่าทารกมาจากไหน” หรือ “คุณเคยได้ยินใครบอกมั้ยว่าทารกมาจากไหน”
                            • แก้ไขข้อมูลที่ผิดและให้ข้อเท็จจริงกับลูก ตัวอย่างเช่น “ไม่มีทารกคนไหนที่ไม่ได้เติบโตในท้องของแม่ เด็กๆเติบโตในสถานที่พิเศษที่เรียกว่า “มดลูก”
                            • ใช้การสนทนาเป็นโอกาสในการพูดคุยเกี่ยวกับความคิดของคุณ ตัวอย่างเช่น “ที่พ่อกับแม่ให้ลูกเกิด เพราะพ่อแม่พร้อมแล้วที่จะดูแลหนู”
                            คุยเรื่องเพศกับลูก
                            คุยเรื่องเพศกับลูก

                            วิธีพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศและร่างกายสำหรับทุกวัย

                            เคล็ดลับเหล่านี้ช่วยให้พูดคุยกับเด็กทุกวัยเกี่ยวกับเรื่องเพศได้ง่ายขึ้น

                            1. อธิบายสิ่งต่างๆ ที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก
                            อธิบายสิ่งต่างๆในระดับที่บุตรหลานของคุณเข้าใจได้ ตัวอย่างเช่น เด็กอายุหกขวบไม่ต้องการคำอธิบายที่ยาวนานเกี่ยวกับการตกไข่ แม้ว่าพวกเขาอาจจะหลงใหลที่จะรู้ว่าผู้หญิงมีไข่ขนาดเล็กมากที่สามารถสร้างลูกได้ วิธีที่ดีที่สุด คือ ให้คำอธิบายสั้น ๆ เป็นข้อเท็จจริง และเป็นบวกถ้าคุณทำได้ บุตรหลานของคุณสามารถกลับมาหาคุณได้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

                            2. ใช้ชื่อเรียกที่ถูกต้อง สำหรับส่วนต่างๆของร่างกาย
                            เป็นความคิดที่ดีที่จะใช้ชื่อที่ถูกต้องเมื่อคุณพูดถึงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่นอวัยวะเพศชาย อัณฑะอัณฑะ ช่องคลอด การใช้ชื่อที่ถูกต้องช่วยในการส่งข้อความว่าการพูดคุยเกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของร่างกายของเรานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ต้องบิดเบือน และถ้าลูกของคุณรู้ชื่อที่ถูกต้องสำหรับส่วนต่างๆของร่างกาย ลูกของคุณจะสามารถสื่อสารเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขากับคุณ หรือ แพทย์ได้อย่างชัดเจน หากพวกเขาต้องการ

                            3. พูดว่า “พ่อ/แม่ ไม่รู้” ได้ ถ้าคุณต้องการ
                            บุตรหลานของคุณไม่ต้องการให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญบุตรหลานของคุณเพียงแค่ต้องรู้ว่าพวกเขาสามารถถามคุณได้ทุกอย่างที่ต้องการ หากคุณไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้บอกลูกว่าคุณดีใจที่พวกเขาถามว่าคุณไม่รู้คำตอบและคุณจะหาข้อมูลและติดต่อกลับไป จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ติดต่อกลับไปหาบุตรหลานของคุณหรืออาจแนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มเติมร่วมกัน

                            4. ให้ผู้ปกครองทุกคนมีส่วนร่วม
                            พ่อแม่และทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่ ควรมีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศ เมื่อพ่อแม่มีส่วนร่วม เด็ก ๆ ก็เรียนรู้ว่าการพูดคุยเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติ วิธีนี้สามารถช่วยให้เด็กรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการพูดคุยเกี่ยวกับร่างกายรับผิดชอบต่อความรู้สึกทางเพศ และสื่อสารในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น

                            5. เริ่มการสนทนา
                            เด็กบางคนอาจไม่ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดังนั้นคุณอาจต้องเริ่มการสนทนา เป็นความคิดที่ดีที่คุณคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะพูดเรื่องอะไรกับลูก จากนั้นเลือกเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุย ตัวอย่างเช่น หากมีคนพูดถึงการตั้งครรภ์ในทีวีคุณอาจพูดว่า “เมื่อกี๊ในทีวีพวกเขาพูดถึงการตั้งครรภ์ แม่สงสัยว่าลูกรู้มั้ย ว่าการตั้งครรภ์คืออะไร? เด็กบางคนพบว่าการพูดคุยเรื่องเพศโดยไม่สบตาเป็นสิ่งที่ทำให้การสื่อสารราบรื่นกว่า ดังนั้นคุณสามารถวางแผนที่จะพูดคุยกับลูกได้ในขณะที่คุณและบุตรหลานของคุณกำลังเดินทางอยู่ในรถ

                            วิธีรับมือ ลูกทะเลาะกับเพื่อน ต้องเตือนหรือสอนลูกยังไง?

                            5 มหัศจรรย์แห่งการกอด กอดลูกหอมลูก บ่อยๆ ดีกว่าที่คิด!

                            10 ข้อห้ามทำเมื่อ ลูกฉุนเฉียว ลูกกำลังโมโห อย่าทำแบบนี้!

                            เทคนิคการพูดคุยเรื่องเพศกับลูกในแต่ละช่วงวัย

                            0-2 ปี:  
                            คุณสามารถใช้ช่วงเวลาในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยให้ลูกเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายได้ เช่นเวลาอาบน้ำ หรือขณะที่คุณช่วยลูกแต่งตัวเป็นช่วงเวลาที่ดีในการแนะนำชื่อส่วนต่างๆของร่างกาย

                            2-3 ปี:
                            เด็กอายุ 2-3 ปีส่วนใหญ่มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง และคนอื่น ๆ นอกจากนี้พวกเขาจะเริ่มรับรู้และสังเกตเห็นได้ว่าร่างกายของผู้ชาย และผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน ลูกของคุณอาจถามคุณว่า ‘นั่นอะไร’ คุณสามารถสอนลูกว่าทุกส่วนของร่างกายมีชื่อ และ “หน้าที่” ตัวอย่างเช่น “นี่คือปากช่องคลอด” หรือ “อวัยวะเพศของคุณเป็นสิ่งที่ยื่นออกมา” หรือสอนและถามลูกบ่อยๆ ว่า ผู้หญิงมีจุ๊ด..อะไรลูก? แล้วผู้ชายหล่ะ มีจุ๊ด..อะไร?  คำตอบคือ จุ๊ดจู๋ กับ จุ๊ดจิ๋ม นั่นเอง

                            คุณอาจพบว่าการดูหนังสือกับบุตรหลานนั่นเป็นประโยชน์ คุณสามารถใช้รูปภาพเพื่อช่วยให้บุตรหลานของคุณเรียนรู้ชื่อของส่วนต่างๆของร่างกาย และเข้าใจความแตกต่างระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงได้เป็นอย่างดี

                            คุยเรื่องเพศกับลูก

                            4-5 ปี: 
                            เด็กอายุ 4-5 ปีมักถามว่าเด็กทารกมาจากไหน พวกเขาจะเข้าใจได้ว่าทารกเติบโตในมดลูกของแม่ และในการสร้างทารกเกิดจากอสุจิของผู้ชายและไข่จากผู้หญิง

                            หากบุตรหลานของคุณถามว่า “หนูมาจากไหน” คุณอาจถามว่า “แล้วคุณคิดว่าอย่างไร” สิ่งนี้จะช่วยให้คุณทราบว่าบุตรหลานของคุณเข้าใจมากน้อยเพียงใด คุณสามารถให้คำอธิบายง่ายๆเช่น “ทารกเติบโตในอวัยวะภายในร่างกายของแม่ที่เรียกว่ามดลูก”

                            หากคุณกำลังตั้งครรภ์ลูกของคุณอาจถามว่า ‘น้องจะออกมาตรงไหน’ ให้คำตอบง่ายๆ แต่ถูกต้องเช่น ‘น้องสาวของลูกกำลังเติบโตในมดลูกของแม่ เมื่อเติบโตพร้อมแล้วน้องจะบีบตัวผ่านอวัยวะของแม่ออกมาซึ่งเรียกว่าช่องคลอดจ๊ะ”

                            6-8 ปี:
                            เมื่ออายุหกขวบเด็ก ๆ หลายคนสนใจวิธีสร้างทารก และอาจถามคำถามคุณมากมายได้

                            หากลูกถามว่า ‘ลูกเข้าไปในมดลูกได้อย่างไร’ ให้ถามลูกว่าพวกเขาคิดอย่างไร สิ่งนี้ช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่บุตรหลานของคุณรู้อยู่แล้ว จากนั้นคุณสามารถอธิบายง่ายๆ โดยให้ข้อมูลมากเท่าที่คุณพอใจ ตัวอย่างเช่น “ในการสร้างทารกอสุจิจากผู้ชายและไข่จากผู้หญิงจะรวมเข้าด้วยกัน”

                            คุณสามารถอธิบายได้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์ซึ่งก็คือเมื่อผู้ชายสอดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิง นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จะอธิบายว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำเมื่อทั้งคู่ต้องการ และไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสำหรับเด็ก

                            คุณไม่ต้องรอให้ลูกถามคำถาม คุณสามารถเริ่มการสนทนาโดยถามว่า ‘คุณเคยสงสัยไหมว่าคุณเกิดมาได้อย่างไร และมาจากไหน?’ หรือคุณอาจเห็นหญิงตั้งครรภ์และพูดกับลูกว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นมีทารกกำลังเติบโตอยู่ในตัวเธอ ลูกรู้ไหมว่าทารกไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร?  คุณยังสามารถอ่านหนังสือด้วยกันกับลูกเกี่ยวกับที่มาของเด็กทารกได้ และในช่วงนี้เป็นช่วงอายุวัยที่ดี ที่จะเริ่มพูดคุยกับบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับวัยแรกรุ่น และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายก่อนที่ลูกของคุณจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น

                            ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : raisingchildren.net.au

                            บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                            6 เทคนิคคุยกับลูก สอนลูกให้คิดเป็น แก้ปัญหาเองได้

                            หมอเตือน! พ่อแม่ทะเลาะกัน เสี่ยงลูกพัฒนาการถดถอย สับสนทางเพศ

                            สมองเด็ก ระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ต่างกันอย่างไร?

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              ลูกตีตัวเอง

                              ทำความเข้าใจ ลูกตีตัวเอง ลูกชอบทำร้ายตัวเอง เป็นเพราะอะไร?

                              ลูกตีตัวเอง – เป็นเรื่องกลุ้มใจสำหรับพ่อแม่เสมอ ที่ต้องเห็นเจ้าตัวน้อยของคุณ หงุดหงิด อารมณ์เสีย แต่สถานการณ์จะยิ่งแย่ไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาหงุดหงิดหรือโกรธจัด จนเริ่มลงมือตีตัวเองหรือทำให้ตัวเองเจ็บ โดยปกติแล้วเด็กวัยเตาะแตะจะตีคนอื่นเมื่อพวกเขาโกรธ แต่บางครั้งพวกเขาก็อาจตีตัวเองได้หากพวกเขารู้สึกหงุดหงิดหรือไม่ได้อย่างใจ แม้ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้มักจะไม่ส่งผลเสียที่รุนแรงต่อเด็กส่วนใหญ่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นพฤติกรรมจะค่อยๆ ดีขึ้นได้ แต่หากพฤติกรรมนั่นไม่มีทีท่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นไปตามวัย ก็อาจเป็นเรื่องที่น่าวิตกสำหรับผู้ปกครองได้

                              ทำความเข้าใจ ลูกตีตัวเอง ลูกชอบทำร้ายตัวเอง เป็นเพราะอะไร?

                              สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ หมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก คอยมองดูว่าลูกจะตีตัวเองเมื่อใด และสถานการณ์หนักเบาอย่างไร เพื่อพิจารณาว่าคุณจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้กับกุมารแพทย์ของคุณหรือไม่ ส่วนใหญ่เมื่อเด็กโตขึ้นพวกเขาจะหยุดพฤติกรรมทำร้ายตัวเองไปได้เอง คอยสังเกตว่านิสัยนี้ของลูกจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ เนื่องจากเด็กบางคนที่ใช้พฤติกรรมนี้บ่อยๆ แม้พวกเขาโตขึ้นแล้ว อาจเข้าข่ายว่ามีความผิดปกติบางอย่างกับร่างกายและจิตใจและต้องได้รับการรักษา

                              ทำไมเด็กวัยหัดเดินถึงมีพฤติกรรมชอบทุบตีตัวเอง?

                              เมื่อเด็กเติบโตจากทารกสู่วัยเตาะแตะ พวกเขาจะเริ่มสนใจสำรวจสภาพแวดล้อม และสื่อสารความต้องการของพวกเขา อย่างไรก็ตามความสามารถของพวกเขาอาจไม่สามารถตอบสนองความปรารถนาที่จะทำสิ่งต่างๆได้ในบางครั้ง เป็นผลให้พวกเขาไม่สามารถพูดถึงความต้องการของพวกเขาได้ การไม่สามารถต่อสู้เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมได้สำเร็จอย่างที่ต้องการ อาจเป็นสาเหตุหลัก สำหรับอารมณ์ฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยนี้ หากพวกเขามีความอดทนต่ำต่อความขุ่นมัว พวกเขาอาจตีตัวเอง ซึ่งถือเป็นวิธีแสดงความโกรธเคืองของพวกเขา

                              หากคุณสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ให้สังเกตสิ่งกระตุ้นที่นำไปสู่อารมณ์ฉุนเฉียว  เมื่อคุณจำรูปแบบหรือตัวกระตุ้นที่นำไปสู่พฤติกรรมทำร้ายตัวเองของลูกได้แล้ว คุณอาจป้องกันปัญหาได้ก่อนที่มันจะเริ่มได้ อย่าลืมเข้าไปห้ามก่อนที่หมัดลูกจะเริ่มกำ หรือมือจะเริ่มตบเข้าที่หน้าหรือหัวตัวเอง

                              ต่อไปนี้ คือสาเหตุบางประการ ที่อาจทำให้เด็กวัยหัดเดินของคุณตัดสินใจทุบตีหรือทำร้ายตัวเอง

                              1. ขาดทักษะในการสื่อสาร

                              หากลูกของคุณมีอารมณ์รุนแรง เช่นความโกรธ ความอิจฉา ความกลัวหรือความสับสน แต่พวกเขาอาจยังบอกไม่ได้ว่าพวกเขารู้สึกแบบใดเพราะมีปัญหาเกี่ยวกับความล่าช้าด้านการสื่อสาร การตีตัวเองอาจเป็นวิธีเดียวที่จะบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของพวกเขา พวกเขาอาจรู้สึกรำคาญตัวเองที่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ และอาจเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติที่จะตบหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดฉุนเฉียว

                              2.ผ่อนคลายตนเองหรือพัฒนาประสาทสัมผัส

                              เด็กบางคนอาจกระหายต่อประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสทางร่างกายได้มากกว่าเด็กคนอื่น ๆ  ในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ นั้น พวกเขาอาจเลือกใช้วิธีตีตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการในการกระตุ้นทางกายภาพ เด็กบางคนอาจใช้การเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำ ๆ เพื่อผ่อนคลายตนเองเมื่อพวกเขาเครียดหรือรู้สึกเหนื่อยล้า

                              ลูกตีตัวเอง
                              ลูกตีตัวเอง

                              3. เรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่

                              เด็กวัยเตาะแตะก็เปรียบเสมือนมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ค่อนข้างที่จะหลงตัวเอง พวกเขาชอบที่จะได้รับความสนใจจากพ่อแม่และคนรอบข้าง โดยไม่มีการแบ่งแยก และพวกเขาจะทำเกือบทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งความสนใจนั้น หากคุณมีปฏิกิริยาอยากมากในครั้งแรกที่พวกเขาตีตัวเอง พวกเขาอาจทำพฤติกรรมนั้นซ้ำ ๆ เพื่อให้คุณสนใจ  ซึ่งเรื่องที่สามารถทำให้สถานการณ์แย่ลง คือ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะตอบสนองในทางลบต่อการที่ลูกของพวกเขาทุบตีหัวของตัวเอง

                              4.มีบางอย่างกำลังทำร้ายพวกเขา
                              หากลูกของคุณมีอาการหูอักเสบหรือมีการงอกของฟัน แต่ไม่สามารถบอกคุณได้พวกเขาอาจตีตัวเองเพื่อบอกให้คุณรู้ ว่าพวกเขากำลังรู้สึกไม่สบายตัว

                              สิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้เพื่อหยุดพฤติกรรม

                              ก่อนที่คุณคิดจะแก้ไขปัญหาระยะยาวให้ได้ คุณต้องหาทางแก้ไขระยะสั้น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของลูกก่อน  คุณอาจเลือกที่จะโอบกอดลูกให้แน่น แต่อย่าให้แน่นเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พฤติกรรมดำเนินต่อไป

                              สำหรับระยะยาว คุณมีทางเลือกบางอย่างในบางสถานการณ์ อาจเป็นการดีที่สุดที่จะเพิกเฉยต่อพฤติกรรมดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หากคุณคิดว่าบุตรหลานของคุณทุบตีตัวเองเพื่อต้องการปฏิกิริยาต่างๆ จากคุณ พวกเขาอาจจะหยุดทำไปเองเมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้รับความสนใจจากคุณอีกต่อไปด้วยการใช้วิธีนั้น

                              อย่างไรก็ตามในสถานการณ์อื่น ๆ คุณอาจต้องการทดสอบวิธีต่อไปนี้ เพื่อดูว่ามีทางใดบ้างที่สามารถหยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากบุตรหลานของคุณรู้สึกหงุดหงิดเจ็บปวดหรือต้องการการรับรู้ทางประสาทสัมผัสคุณคงไม่อยากเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าพวกเขาพยายามสื่อสารสิ่งนั้นกับคุณ นี่คือวิธีที่คุณสามารถช่วยได้

                              1.ตอบสนองความต้องการทางกายภาพ
                              หากลูกของคุณกำลังตีตัวเอง เพราะหิว หนาว ปวดฟัน หรือกระหายน้ำ คุณต้องตอบสนองความต้องการทางกายภาพของพวกเขา พยายามทำให้พวกเขาสบายใจขึ้น แล้วแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาจะแจ้งให้คุณทราบในอนาคตได้อย่างไร ว่าพวกเขาต้องการอะไรจากคุณ หากคุณสังเกตเห็นว่าพวกเขาตีตัวเองเมื่อใดก็ตาม ที่ผ้าอ้อมเปียกหรือล่วงเลยเวลาอาหาร คุณสามารถตอบสนองความต้องการของลูกล่วงหน้าได้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มตีตัวเอง

                              2.สอนในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมด้วยเหตุผล
                              ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปที่จะสอนบุตรหลานของคุณถึงวิธีการแสดงความโกรธ หรือความไม่พอใจที่ถูกต้องเหมาะสม หากพวกเขาทุบหัวตัวเองเพราะบล็อกไม้ที่ต่อไว้เป็นตึกสูงของพวกเขาล้มลง ให้สอนลูกแสดงวิธีที่เหมาะสมในการระบาย พวกเขาสามารถตีหมอน หรือตุ๊กตาสัตว์ หรือบีบตุ๊กตาที่ส่งเสียงปี๊ดๆ ได้อย่างแรง ๆ หรือออกจากห้องไปสงบอารมณ์ คุณอาจแนะนำเทคนิคการฝึกสติที่เหมาะกับเด็ก ๆ ได้เช่นการหายใจลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ในช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัยและความสามารถในการเรียนรู้ของลูกด้วย

                              3.รับรู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญกับอะไร
                              บางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็อยากให้คนอื่นรับรู้ความทุกข์ใจ? และเด็กๆ ก็เช่นกัน! คุณต้องแปลกใจว่าปฏิกิริยาของเด็กสามารถดำเนินไปได้เร็วเพียงใด เมื่อพ่อแม่ยอมรับว่าสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญนั้นยากลำบาก ไม่เพียงแต่ตรวจสอบความรู้สึกของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณห่วงใยพวกเขา และเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ครั้งต่อไปที่ลูกของคุณตีตัวเองเพราะคุณบอกพวกเขาว่าพวกเขาไม่มีคุกกี้เป็นอาหารกลางวัน ให้หันมาสนใจพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แม่รู้นะ! มันน่าหงุดหงิดใช่ไหม ที่กินคุกกี้เป็นอาหารกลางวันไม่ได้!” จากนั้นเมื่อลูกของคุณสงบลง คุณสามารถอธิบายได้ ว่าทำไมคุณถึงไม่อนุญาตให้ลูกกินคุกกี้เป็นอาหารกลางวัน และหาทางออกที่ดีให้กับลูก

                              4.ช่วยให้ลูกแสดงความรู้สึกที่ถูกต้อง
                              เราทุกคนมักจะแบ่งความรู้สึกเป็นสองส่วน คือ  “ ดี” และ “ไม่ดี” การให้คำอธิบายให้ลูกเข้าใจความหมายของระดับอารมณ์ต่างๆ ที่ชัดเจน จะช่วยทำให้ลูกของคุณตอบสนองกับความรู้สึก ด้าน “ ไม่ดี” ในระดับต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม เช่น ความแตกต่างระหว่าง โกรธ กับ หงุดหงิด หรือ กลัว กับ สับสน  การให้คำที่เฉพาะเจาะจงแก่พวกเขาเพื่ออธิบายอารมณ์ทั้งหมดของมนุษย์ สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ที่ซับซ้อนด้วยวาจากับคุณได้ นอกจากนี้อาจช่วยหลีกเลี่ยงความล้มเหลวที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในอนาคตระหว่างคุณกับลูกได้อีกด้วย

                              เด็กไทยเสี่ยงป่วย โรคขาดธรรมชาติ ติดกับดักโลกเสมือนจริง!

                              ไม่อยากให้ลูกเป็นคน หมด passion ง่ายพ่อแม่ต้องทำสิ่งนี้

                              หมอแนะเทคนิค เลี้ยงลูกยังไงให้มี CQ ฉลาดคิดสร้างสรรค์

                              มีแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายเพื่อช่วยเด็ก ๆ ระบุความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งคุณสามารถ :

                              • พิมพ์บัตรคำศัพท์หรือโปสเตอร์ความรู้สึก
                              • ซื้อหนังสือภาพสำหรับเด็กวัยหัดเดิน
                              • สวมบทบาทเป็นตุ๊กตาหรือตุ๊กตาสัตว์
                              • ดูรายการโทรทัศน์ที่เน้นไปที่การควบคุมอารมณ์ (ร่วมกันเพื่อที่คุณจะได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้!)
                              • ทำตัวเป็นแบบอย่างตัวเองด้วยการติดป้ายความรู้สึกของตัวเองต่อหน้าลูกตลอดทั้งวัน

                              ลูกตีตัวเอง

                              เมื่อใดที่ควรเริ่มกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมชอบทำร้ายตัวเองของลูก

                              แม้ว่านี่จะเป็นพฤติกรรมปกติทั่วไปที่บุตรหลานของคุณมีแนวโน้มที่จะเติบโต (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณให้เครื่องมือในการรับมือใหม่ ๆ แก่พวกเขา) แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าอาจมีอย่างอื่นเกิดขึ้นและคุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

                              คุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอกหาก:

                              • คุณได้พยายามหยุดพฤติกรรมด้วยกลยุทธ์ปกติแล้วและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแย่ลง
                              • ลูกของคุณกำลังทำร้ายตัวเอง (มีรอยฟกช้ำหรือรอยขีดข่วน)
                              • ลูกของคุณพูดช้าหรือดูเหมือนว่าไม่ได้ยินคุณชัดเจน
                              • ลูกของคุณกำลังแสดงอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น มีไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หรือหงุดหงิด
                              • ลูกของคุณยังมีอาการของพัฒนาการเช่นโรคออทิสติกสเปกตรัมหรือความผิดปกติของการประมวลผลทางประสาทสัมผัส

                              เมื่อเด็กตีตัวเองเป็นประจำและไม่ได้เกี่ยวข้องกับอารมณ์ฉุนเฉียวหรือความเจ็บปวดเฉียบพลันนิสัย อาจเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางครั้งการทำร้ายตัวเองอาจเกี่ยวข้องกับออทิสติก

                              นอกจากการตีตัวเองแล้วเด็กออทิสติกอาจเกาหยิกหรือกัดตัวเองหรือกระแทกศีรษะเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการอาจพบว่าการทำร้ายตัวเองเป็นการปลอบประโลมตัวเอง ตัวอย่างเช่นการกระแทกศีรษะเป็นจังหวะ

                              นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับเมื่อเด็กสร้างความเสียหายทางร่างกายให้กับตัวเอง หากพวกเขากระแทกตัวเองอย่างแรงพวกเขาจะทิ้งรอยฟกช้ำหรือรอยหรือทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอื่น ๆ ให้ไปพบกุมารแพทย์

                              4 พฤติกรรม สปอยล์ลูกสุดเสี่ยงที่พ่อแม่ควรเลี่ยง

                              10 เคล็ดลับปรับพฤติกรรมลูก ก้าวร้าว พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเข้าใจและพร้อมรับมือ

                              สอนลูกให้รู้จักความแตกต่าง หนูไม่ต้องเหมือนใคร เป็นตัวเองก็ดีมากพอแล้ว

                              สำหรับเด็กวัยเตาะแตะที่โตขึ้นเล็กน้อยความหงุดหงิดอย่างมากที่ไม่สามารถแสดงออกได้อาจเป็นผลมาจากความล่าช้าในการพูดดังนั้นกุมารแพทย์อาจต้องการส่งต่อไปยังนักบำบัดการพูดเพื่อประเมินผล

                              เมื่อมีข้อสงสัยคุณควรให้เด็กวัยเตาะแตะได้รับการประเมินโดยกุมารแพทย์เพื่อแยกแยะเงื่อนไขทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นหรือพัฒนาการล่าช้า

                              หากคุณคิดว่าพฤติกรรมของบุตรหลานเป็นอาการของปัญหาที่ใหญ่กว่าให้จดเมื่อคุณสังเกตเห็นว่าเกิดขึ้นและนำบันทึกของคุณไปให้แพทย์ของบุตรหลานเพื่อขอคำแนะนำ

                              แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจคัดกรองเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น การพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรมของบุตรหลานของคุณอาจทำให้คุณสบายใจมีกลยุทธ์ที่จะใช้เมื่อเด็กวัยหัดเดินของคุณทำร้ายตัวเองหรือส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและรักษาต่อไป

                              การแสดงออกทางอารมณ์นั้นเป็นเรื่องปกติมนุษย์ทุกเพศทุกวัย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของเด็กเล็ก หน้าที่ของพ่อแม่เพียงแค่คอยให้การดูแลให้การแสดงออกด้านอารมณ์ต่างๆ ของลูกไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจของพวกเขาจนเกินไป อธิบายให้ลูกได้เข้าใจสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมในการแสดงออกทางด้านอารมณ์ ด้วยเทคนิคการสื่อสารที่เหมาะสมกับวัยของลูก หากคุณพ่อคุณแม่ช่วยดูแลให้พัฒนาการของลูกดำเนินไปได้อย่างปกติสมวัย และไม่มีผลเสียร้ายแรงใดๆ ที่เกิดขึ้นกับลูก การคอยดูแล สนับสนุน ชี้แนะ ให้เหตุผล และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกในการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเกิดทักษะ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)  ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างมากต่อการใช้ชีวิตวัยผู้ใหญ่ต่อไปในสังคมของลูกค่ะ

                              ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : verywellfamily.com , healthline.com

                              บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                              ลูกวีน ขี้โมโห เจ้าอารมณ์ วิธีรับมือ สอนลูกควบคุมอารมณ์

                              เทคนิค ช่วยลูกค้นพบตัวเอง รู้จักตัวเองไว โตไปชีวิตรุ่ง

                              10 ข้อห้ามทำเมื่อ ลูกฉุนเฉียว ลูกกำลังโมโห อย่าทำแบบนี้!

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

                                ลูกเล่นเลอะเทอะ – เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้าน ที่มีลูกวัยเตาะแตะ อาจเคยรู้สึกปวดหัวกับการเล่นที่เลอะเทอะสกปรกของลูก แต่จริงๆ แล้วการเล่นซนจนมอมแมมเลอะเทอะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กๆ วัยนี้ ทั้งการเล่นดิน เล่นโคลน ละเลงสี วาดภาพด้วยมือเปล่า หรือแม้แต่ต่อตัวต่อเลโก้ ก็เป็นการเล่นที่เลอะเทอะเช่นกันหากชื้นส่วนตัวต่อเกลื่อนไปทั่วพื้นบ้าน คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำพูดประโยคนี้กันมั้ยคะ “ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์” แน่นอนว่าคำกล่าวนี้คงไม่ได้คิดขึ้นมาเล่นๆ ให้สวยหรู แต่เชื่อมั้ยว่าการปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะมอมแมมนั้นดีสำหรับเด็ก และส่งผลดีต่อพัฒนาการในหลายด้านของลูกได้จริงค่ะ

                                ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

                                ต่อไปนี้ คือ 13 วิธี ที่ลูก ๆ ของเราได้เรียนรู้และพัฒนาจากการได้เล่นแบบเลอะเทอะอย่างสุดเหวี่ยง!

                                1. ได้สำรวจตรวจตราด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                                สำหรับเด็กๆ แล้ว การเล่นแบบมอมแมมเลอะเทอะเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ในความคิดของเด็กวัยนี้พวกเขาสามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้และเพลิดเพลินอย่างเต็มที่ไปในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เด็กจะได้โอกาสสำรวจและได้ทำตามความอยากรู้อยากเห็นได้อย่างอิสระ การสำรวจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเพื่อให้พวกเขาเข้าใจโลกและได้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น

                                ความสามารถในการสำรวจและไล่ตามความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการทางความคิด ความอยากรู้อยากเห็นและเข้าใจวิธีปฏิบัติตามความอยากรู้อยากเห็นนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้สร้างการเรียนรู้อยู่ตลอดในช่วงชีวิตของการเรียนรู้

                                ซึ่งสิ่งนี้จะสำคัญสำหรับพวกเขาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเช่นกัน หากคนเราไม่อยากรู้อยากเห็นเ คงไม่มีใครคิดค้นหรือสร้างนวัตกรรมอะไรขึ้นมาได้มากมาย จำไว้ว่าเด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นควรปล่อยให้พวกเขาได้ทำมันเถอะค่ะ

                                2. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

                                ในวัยเตาะแตะ สมองและร่างกายของเด็กกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง เรื่องราวต่างๆ ในโลกหลายต่อหลายเรื่อง ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาและเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาจะต้องสำรวจสิ่งใหม่นั้นให้ได้  ผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโลกและแนวคิดดีๆ ผ่านการอ่านหนังสือหรือดูรายการสารคดี แต่สำหรับเด็ก ๆ หากเกิดความอยากรู้ หรือต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของพวกเขา พวกเขาต้องได้เล่น! ได้เล่น! และได้สัมผัส!

                                การยุ่งและหมกมุ่นอยู่กับการเล่น ทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับสิ่งง่ายๆ เกี่ยวกับโลกของพวกเขาอย่างแท้จริง แม้ว่าบางอย่าง เช่น การวาดภาพด้วยนิ้วอาจดูเป็นเรื่องปกติและค่อนข้างง่ายสำหรับเรา แต่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา สีของพื้นผิว หลักการทำงานของสี ทั้งหมดนี้ เป็นพื้นฐานที่ทำให้ใจดวงเล็ก ๆ ของพวกเขาพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

                                ลูกเล่นเลอะเทอะ
                                ลูกเล่นเลอะเทอะ

                                3. ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์

                                การเล่นซนเลอะเทอะ ช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการรับรู้เชิงพื้นที่  นักวิจัยพบว่าเด็กที่มีการรับรู้พื้นที่ได้ดี จะหัวไวทางคณิตศาสตร์ การรับรู้เชิงพื้นที่จะช่วยเด็กๆ ได้รู้จักและทำความเข้าใจว่าตัวเขาและร่างกายของเขาอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ นอกจากนี้ยังหมายถึงความเข้าใจทางเรขาคณิต เช่น บล็อกไม้สี่เหลี่ยมจะไม่พอดีกับช่องวงกลม เป็นต้น

                                การมีโอกาสได้เล่นเลอะเทอะมอมแมมมีแนวโน้มที่เด็กๆ จะได้ใช้ร่างกายอย่างเต็มที่ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาและสถานที่ นอกจากนี้การเล่นยังดึงดูดสายตาได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การวาดภาพด้วยนิ้ว ทำให้เด็กมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับโลกทางกายภาพซึ่งนำไปสู่ทักษะทางคณิตศาสตร์

                                การกระตุ้นทักษะทางคณิตศาสตร์อีกวิธีหนึ่งที่เกิดขึ้นได้จากการเล่นที่เลอะเทอะ คือ การใช้เครื่องมือหรือของเล่นที่สนับสนุนให้เด็กๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัส มีกิจกรรมการเล่นที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสมากมายสำหรับเด็กๆ  ได้แก่ เครื่องมือตัก เช่น ถ้วยตวง และชามขนาดใหญ่เป็นต้น ในขณะที่เด็กกำลังขุดหาวัสดุ ประสาทสัมผัสพวกเขากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ เช่น “ต้องใช้ช้อนใหญ่ในการเติมชามนี้ให้เต็มเร็วๆ ” มันอาจดูเป็นเรื่องง่ายๆ  แต่แนวคิดของสิ่งของขนาดใหญ่ (ชามเต็มใบ) ที่ทำจากชิ้นส่วนขนาดเล็กจำนวนมาก (ที่ตักหรือถ้วยตวง) เป็นแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในระดับเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับเด็ก ๆ

                                4. ส่งเสริมให้มีสุขภาพทางดี

                                ส่วนใหญ่หมายถึงการเล่นที่เลอะเทอะซึ่งเกิดขึ้นบนพื้นดิน ผืนทราย นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นพบข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ว่าการที่เด็ก ๆ ได้เล่นอยู่กับพื้นดิน ผืนทรายนั้นเป็นเรื่องดี เนื่องจากเด็กที่ได้เล่นสกปรกบ้าง จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และป่วยน้อยลง แต่ในทางกลับกันเด็ก ๆ ที่ได้รับการปกป้องจากเชื้อโรคอยู่เสมอ หรือไม่เคยได้เล่นแบบเลอะเทอะไปกับหินดินทรายเลยอาจต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ เช่นโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้ในภายหลัง เมื่อเด็กๆ ได้ออกไปเล่นข้างนอก พวกเขามักจะได้ใช้ร่างกายเกือบจะทุกส่วน ซึ่งดีต่อสุขภาพและพัฒนาการ หากพวกเขาพัฒนาการเล่นให้เป็นนิสัยหรืองานอดิเรกที่ดีได้ ก็จะช่วยให้เด็กๆ มีสุขภาพกายที่ดีตลอดช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ได้ ดังนั้นปล่อยให้ลูกได้ลองเล่นลองทำ เช่น ทำขนมจากโคลน ปีนต้นไม้  คลานบนพื้นหญ้า หรือกลิ้งตัวไปมาบนพื้นดินพื้นทราย เพราะว่าทั้งหมดที่กล่าวมามันดีต่อสุขภาพของพวกเขาค่ะ!

                                5. พัฒนาทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก

                                สิ่งที่น่าเสียดายคือเด็ก ๆ หลายคนเข้าโรงเรียนอนุบาลโดยไม่มีทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดีพอที่จะสามารถจับดินสอหรือตัดกระดาษได้ แต่ทราบหรือไม่ว่าทักษะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่สนุกและหลากหลายที่สุดในการทำงาน! การเล่นแบบไร้ระเบียบ ช่วยให้เด็กทำงานได้ดีกับทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี ไม่ว่าจะใช้มือขุดดิน วาดภาพด้วยนิ้ว หรือปั้นแป้งโดว์ การเล่นที่ยุ่งเหยิงเลอะเทอะ มีแนวโน้มที่จะทำให้พวกเขาได้ดื่มด่ำและเพิ่มพูนทักษะการหยิบจับไปกับมือของพวกเขา

                                6. ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส

                                ประสบการณ์ประสาทสัมผัสมีความสำคัญต่อการเติบโตของจิตใจและร่างกาย พวกเขากำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นผิวสีรสนิยมกลิ่นและเสียง เด็ก ๆ ยังใหม่สำหรับโลกใบนี้ พวกเขายังคงเรียนรู้เกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเข้าใจดีแล้ว และส่วนหนึ่ง คือโลกแห่งประสาทสัมผัส เราอาจเคยเห็นว่า เด็ก ๆ ที่ดูเครียด วิ่งไปหยุดที่โต๊ะขอเงล่น หลังจากเวลาผ่านไป 30 นาที พวกเขาก็กลับมาและพร้อมที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

                                ลูกเล่นเลอะเทอะ

                                7. ทักษะด้านภาษา

                                การเล่นที่ได้ใช้ประสาทสัมผัส และการได้เล่นกลางแจ้ง มักมีชุดคำศัพท์ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้มากมาย เช่น ลื่น เหนียว สกปรก เละ หยาบ เรียบ เงางาม หมองคล้ำ ล้นทะลัก ร่วง หลากสีสัน กินได้ กินไม่ได้ เป็นต้น  ผู้ใหญ่สามารถช่วยบรรยายสิ่งต่างๆ เพิ่มเติมหากพวกเขาสงสัยได้

                                นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องสนุก และน่าเอ็นดู ที่เราจะได้ยินเด็ก ๆ คิดคำและวลีใหม่ๆ ขึ้นมาเองเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้คำเฉพาะเจาะจงเพื่ออธิบายบางสิ่งบางอย่างที่เขาพบเห็นมาได้อย่างไร การค้นหาคำที่ถูกต้องจากใจของพวกเขาแล้วอธิบายด้วยวิธีของพวกเขาเองไม่เพียงแต่ดูน่ารักเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย!

                                8. ทักษะทางสังคม

                                การเล่นกลางแจ้ง และการเล่นที่ได้ใช้ประสาทสัมผัส มักจะเป็นการได้เล่นร่วมกันกับเด็กคนอื่นๆ ดังนั้น ลูกต้องมีการสื่อสารกับเพื่อนๆ  มีการประนีประนอม และปรับตัวให้เข้ากับวิธีการเล่นของเด็กคนอื่น ๆ แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับกฎที่กำหนดหรือวิธีการเล่นบางอย่างที่ต้องทำตาม การได้เล่นอย่างฟรีสไตล์ทำให้เด็กๆ มีโอกาสในการเรียนรู้การเข้าสังคม การแบ่งปันและสร้างเรื่องราวและกฎเกณฑ์ของตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูก ๆ ในการฝึกฝนการเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นที่รักของคนอื่นๆ ในสังคม

                                9. พัฒนาสมาธิและความสนใจจดจ่อ

                                เด็กๆ มักจะหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมการเล่นที่ดูเลอะเทอะยุ่งเหยิงของพวกเขาด้วยความมุ่งมั่นและหลงใหล สิ่งนี้ช่วยพัฒนาความสามารถในการจดจ่อและพัฒนาสมาธิในการสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาต้องไปโรงเรียน และต้องรวบรวมสมาธิและความสนใจไปยังบทเรียนและการบ้านที่ครูให้

                                การวิจัยพบว่าเด็กที่มีช่วงความสนใจดีจะทำผลงานต่างๆ ได้ดีกว่าเมื่อเข้าโรงเรียนอนุบาล และมักส่งผลดีไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของพวกเขา ทั้งประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย และการก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

                                มันน่าทึ่งมากที่ เพียงแค่การปล่อยให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนานและเลอะเทอะไปกับการเล่นของพวกเขาจะสามารถส่งผลที่ดีต่อเรื่องวิชาการ และหน้าที่การงานของพวกเขาไปตลอดชีวิตได้!

                                10. ความคิดสร้างสรรค์

                                การขุดดินเล่นโคลน การวาดภาพด้วยนิ้ว การสาดน้ำในแอ่งน้ำหลุมโคลย และกิจกรรมการเล่นที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอื่น ๆ ไม่มีความคาดหวังใดๆ ที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจากการเล่น ไม่มีวิธีการทำหรือคู่มือการใช้งานที่กำหนดไว้ มันคือการเล่นอิสระที่เปิดกว้างอย่างสมบูรณ์สำหรับเด็ก ๆ ซึ่งเอื้อให้พวกเขาเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ดีได้

                                ความคิดสร้างสรรค์แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญในการสร้างการเชื่อมต่อของสมองในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นวัยที่การปลูฏฝังทักษะพื้นฐานและการสร้างการเชื่อมต่อเซลล์ประสาทมีความสำคัญมากๆ! ดังนั้นจงช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสได้สำรวจสิ่งต่างๆ เพื่อให้เกิดจินตนาการและการเรียนรู้อย่างที่พวกเขาต้องการได้จะดีมากค่ะ

                                ลูกเล่นเลอะเทอะ
                                ลูกเล่นเลอะเทอะ

                                11. การควบคุมตนเอง

                                เด็กๆ จะได้เรียนรู้และเข้าใจว่าขีด จำกัด ของตัวเองอยู่ตรงไหน  อิสระในการเล่นซนทำให้พวกเขามีโอกาสเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และการกระทำของตนเอง หากพ่อแม่ควบคุมสิ่งที่สมรรถภาพทางร่างกายของลูกทำได้หรือทำไม่ได้อยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพ่อแม่ต้องคอยบอกให้ทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง เพราะจริงๆ แล้วการกำกับตนเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเอง

                                12. ได้ปลดปล่อยตัวเองจากการโดนห้ามทำสิ่งต่างๆ 

                                กิจกรรมการเล่นที่มอมแมม เลอะเทอะ เละเทะ จะทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสลดความกังวลและความกลัวของพวกเขา กระตุ้นให้พวกเขาสนุกและหาประสบการณ์ในชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวการถูกห้าม เด็กที่ถูกห้ามทำนู่นทำนี่มากเกินไปมักจะรู้สึกวิตกกังวลและเครียดโดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ทางสังคม  ความกลัวและความวิตกกังวลทางสังคมมากเกินไปในเด็กปฐมวัย อาจทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่วิตกกังวลและมีความหวาดกลัวต่อสังคมได้

                                13. ความสุขจากการได้เล่นตามวัย

                                ในแวดวงสังคมของพ่อแม่และแวดวงการศึกษา อาจมีมีทัศนคติในการส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เปิดรับวิชาการตั้งแต่ยังเล็ก และเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ได้ ในขณะที่ความจริงคือ ผู้ใหญ่อาจลืมไปว่าตอนนี้พวกเขายังเป็นเด็ก! เป็นวัยที่มีบางสิ่งที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมและปกป้องไว้ให้ค่อยเป็นค่อยไปจะดีที่สุด

                                ความเครียดและกังวลของพ่อแม่เกี่ยวกับคราบดินโคลนบนเสื้อผ้าของเด็กๆ คุ้มค่าที่จะทำลายความสุขที่พวกเขาจะได้ ปีนต้นไม้ เกลือกกลิ้งไปบนพื้นหญ้า เอาหน้าแนบไปกับพื้นดิน หรือเล่นกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันข้างนอกบ้านหรือไม่? ลองถามตัวเองดูว่าเราอยากให้ลูกมีความทรงจำอะไรบ้างในวัยเด็ก? ทำตัวดีไม่ดื้อไม่ซน? ไม่เล่นเลอะเทอะ? นั่งทำงานที่โต๊ะทำงานเงียบๆ?  และเครียดจนท้องไส้ปั่นป่วน อย่างนั้นหรือเปล่า?

                                ดังนั้น จงปล่อยให้ลูกๆ ได้มีโอกาสเล่นซนขุดดิน ปีนต้นไม้แบบตัวเลอะ เทอะๆ บ้างเถอะค่ะ แล้วเราจะได้เห็นว่ามันคุ้มค่ากว่าที่เราคิด! คุณพ่อคุณแม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นแบบเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตั้งแต่พวกเขายังเล็กๆ คอยสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้และได้ใช้จินตนาการความอยากรู้อยากเห็นและได้สำรวจสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าจะช่วยเสริมสร้างทักษะด้าน ความฉลาดในการเล่น (PQ)และยังเชื่อมโยงกับทักษะความฉลาดด้านอื่นๆ ได้อีกหลายด้านเลยค่ะ ทั้ง ความฉลาดในการคิดสร้างสรรรค์ (CQ)  และ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เป็นต้น

                                ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : theplayfullearner.com

                                บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                ส่อง 10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะ แบบชาวยิว

                                เทคนิค “จับ-จด” เปลี่ยนชีวิต สร้างนิสัยรู้จักคิด หยุด! ลูกงอแง ร้องซื้อของเล่น

                                ลูกเล่นเท้าเปล่า ลูกไม่ยอมใส่รองเท้า พ่อแม่ควรห้ามหรือควรปล่อย?

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ลูกแพ้นิกเกิล

                                  ระวัง! ลูกแพ้โลหะ มีผื่นแดง ผื่นแพ้ขึ้นตามตัว ต้องรีบรักษา!

                                  ลูกแพ้โลหะ – หากลูกน้อยของคุณมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ลักษณะเหมือนแพ้อะไรบางอย่าง หากคุณไม่แน่ใจ การสันนิษฐานว่า สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการผื่นแพ้ว่าอาจเป็นโลหะ หรือ นิกเกิลที่ผสมอยู่ในโลหะ ก็มีน้ำหนักอยู่บ้าง ว่าแต่ โลหะนิกเกิล คืออะไร?  นิกเกิลเป็นโลหะสีเงินที่พบได้ตามธรรมชาติ ในสิ่งแวดล้อม มักผสมกับโลหะอื่น ๆ เพื่อผลิตข้าวของเครื่องใช้หรือภาชนะต่างๆ

                                  อาการแพ้นิกเกิลเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของผื่นคันที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในผิวหนังได้ เช่น ผื่นแดงและพุพอง อาการแพ้นิกเกิลสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ พบได้บ่อยในผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและเด็กผู้ชาย ในสหรัฐอเมริกาประมาณ 36 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 18 ปีมีอาการแพ้นิกเกิล โดยทั่วไปอาการแพ้นิกเกิล ผู้ที่แพ้อาหารอาจไม่หายขาดได้  แต่มีวิธีในการป้องกันอาการแพ้นิกเกิล คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งของ และอาหารทั้งหมดที่มีนิกเกิลเป็นส่วนประกอบ

                                  ระวัง! ลูกแพ้โลหะ มีผื่นแดง ผื่นแพ้ขึ้นตามตัว ต้องรีบรักษา!

                                  เมื่อไม่นานมานี้ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการพบเด็กชายอายุ 11 ปีในเมืองซานดิเอโก เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง แพทย์ได้ตรวจพบนิกเกิลบน iPad ของครอบครัว พวกเขาพบวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วเพียงปิดส่วนที่เป็นโลหะของ iPad ด้วยเคส เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นถึงความสำคัญ ว่าพ่อแม่ต้องระวัง “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะเป็นโลหะ และของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการสัมผัสนิกเกิล” และการแพ้นิกเกิล      ดร. Sharon Jacob และ Shehla Admani แพทย์ผิวหนังที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานดิเอโก (UCSD) กล่าว

                                  แม้การแพ้โลหะนิกเกิล อาจไม่ได้เป็นอันตรายต่อเด็กถึงชีวิต แต่อาจทำให้เด็กๆ รู้สึกไม่สบายตัว จนส่งผลให้ลูกนอนไม่หลับ และทำให้ลูกวัยเรียนต้องลาป่วย ขาดเรียน บางครั้งการแพ้นิกเกิลอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการติดเชื้อ โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังที่แตก เช่นหู ที่ถูกเจาะ โรคภูมิแพ้ยังเชื่อมโยงกับกลากที่มืออย่างรุนแรงในวัยผู้ใหญ่

                                  สาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นแพ้โลหะนิเกิล

                                  ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการแพ้นิกเกิล เช่นเดียวกับอาการแพ้อื่น ๆ อาการแพ้นิกเกิลจะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมองว่านิกเกิลเป็นสารอันตราย โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จะตอบสนองเพื่อปกป้องร่างกายจากแบคทีเรียไวรัสหรือสารพิษ เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารบางชนิด (สารก่อภูมิแพ้) ในกรณีนี้นิกเกิล ระบบภูมิคุ้มกันจะไวต่อสิ่งนี้ นั่นหมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่สัมผัสกับนิกเกิลระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองและทำให้เกิดอาการแพ้ ความไวของระบบภูมิคุ้มกันต่อนิกเกิลอาจเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสครั้งแรกหรือหลังจากได้รับสัมผัสซ้ำ ๆ หรือเป็นเวลานาน ความไวต่อนิกเกิลบางส่วนอาจได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

                                  ลูกแพ้โลหะ
                                  ลูกแพ้โลหะ

                                  แหล่งที่มาของการสัมผัสโลหะนิเกิล

                                  สิ่งของทั่วไปที่อาจทำให้ผู้ใหญ่ และเด็ก สัมผัสกับนิกเกิล ได้แก่ :

                                  • เครื่องประดับสำหรับเจาะร่างกาย
                                  • เครื่องประดับอื่น ๆ รวมทั้งแหวนกำไล สร้อยคอ และเข็มกลัด (ใส่กำไลข้อมือ ข้อเท้าให้ลูกวัยทารกอาจต้องระมัดระวังให้ดี)
                                  • สายนาฬิกา
                                  • ตัวยึดเสื้อผ้าเช่น ซิป ตัวล็อค และตะขอเสื้อชั้นใน
                                  • หัวเข็มขัด
                                  • กรอบแว่นตา
                                  • เหรียญ
                                  • เครื่องมือโลหะ
                                  • โทรศัพท์มือถือ
                                  • กุญแจ
                                  • อุปกรณ์ทางการแพทย์
                                  • แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต
                                  • บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์

                                  อาการแพ้โลหะนิกเกิล

                                  อาการแพ้ (ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส) มักเริ่มขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหลายวันหลังจากสัมผัสกับนิกเกิล ปฏิกิริยาอาจนานถึงสองถึงสี่สัปดาห์ ปฏิกิริยามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อผิวหนังของคุณสัมผัสกับนิกเกิล แต่บางครั้งอาจปรากฏในที่อื่น ๆ ในร่างกายก็เป็นได้

                                  อาการและอาการแสดงของการแพ้นิกเกิล ได้แก่ :

                                  • ผื่นหรือรอยแดงบนผิวหนัง
                                  • อาการคันที่อาจรุนแรง
                                  • ผิวหนังแห้งเป็นหย่อม ๆ คล้ายรอยไหม้
                                  • เป็นแผลพุพองในกรณีที่รุนแรง

                                  ลูกแพ้โลหะ

                                  หากลูกมีผื่นที่ผิวหนัง ให้ปรึกษาแพทย์ หากลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้นิกเกิลแล้วและแน่ใจว่าร่างกายของเด็กมีปฏิกิริยาต่อการสัมผัสนิกเกิลมีวิธีแก้ไขบ้านที่แพทย์สามารถแนะนำได้

                                  อย่างไรก็ตามหากการรักษาเหล่านี้ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นหรือหายไป ให้โทรติดต่อแพทย์ หากคิดว่าบริเวณที่เกิดผื่นของลูกอาจติดเชื้อ ให้พาลูกไปพบแพทย์ทันที ซึ่งสัญญาณและอาการที่อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ ได้แก่

                                  • ผื่นแดงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
                                  • มีหนองในบริเวณผื่น

                                  อาการแพ้โลหะนิกเกิลรักษาอย่างไร?

                                  ไม่มีวิธีรักษาอาการแพ้นิกเกิลโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับโรคภูมิแพ้อื่น ๆ การรักษาที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ อย่างไรก็ตามแพทย์อาจสั่งยาอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองของผิวหนังที่เกิดจากการแพ้นิกเกิล:

                                  • ครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์
                                  • ครีม nonsteroidal

                                  อย่างไรก็ตามอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างระมัดระวังเมื่อใช้ยาเหล่านี้ เนื่องจากเด็กยังมีผิวหนังที่บอบบางจึงควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการดูดซึม และการ เกิดผลข้างเคียง โดยแนะนำให้ ทายาลงบริเวณที่เกิดผื่นเพียงบาง ๆ เท่านั้นและระวังการทายาไปโดนบริเวณอื่นของผิวหนังที่ไม่ได้เกิดผื่น

                                  การรักษาที่บ้านต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการผื่นได้:

                                  • โลชั่นคาลาไมน์ (การใช้ยาในทารกต่ำกว่า 6 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง)
                                  • โลชั่นบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น
                                  • การประคบแบบเปียก

                                  แจ้งให้แพทย์ทราบหากการรักษาไม่ช่วยหรือหากอาการแย่ลง นอกจากนี้คุณควรติดต่อแพทย์ทันทีหากคุณพบว่าลูกมีอาการแดงปวดหรือมีหนองเพิ่มขึ้นในบริเวณที่เกิดผื่น เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อและจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

                                  การป้องกันการแพ้นิกเกิล

                                  แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาอาการแพ้โลหะนิกเกิลโดยเฉพาะ แต่ยังมีวิธีต่างๆ ที่ช่วยป้องกันได้ :

                                  • เสื้อผ้าและเครื่องประดับ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีกระดุมโลหะล็อคหมุดและรูดซิป มองหาเข็มขัดนาฬิกาและเครื่องประดับและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ระบุว่า “ปราศจากนิกเกิล” หรือซื้อสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือทำจากสแตนเลสสตีลเกรดผ่าตัดทองเงินหรือทองคำขาว
                                  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใส่เคสอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันการสัมผัสกับโลหะ
                                  • เหรียญและกุญแจ ระวังอย่าให้ลูกนำเหรียญหรือกุญแจมาเล่นโดยเฉพาะระวังอย่าให้เด็กเล็กๆ อมเหรียญหรือกุญแจ
                                  • ที่นั่ง หลีกเลี่ยงการให้ลูกนั่งบนเก้าอี้โลหะหรือเก้าอี้พลาสติกที่มีแถบโลหะขณะที่ลูกสวมกางเกงขาสั้น
                                  • การเจาะหู และดัดฟัน  หลีกเลี่ยงการเจาะหูและดัดฟันให้ลูก อย่างน้อยก็จนกว่าเด็กจะพ้นวัยที่พวกเขาอาจสัมผัสโลหะผสมนิกเกิล
                                  • อาหารและการปรุงอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเด็กมีอาการแพ้นิกเกิลอาจเป็นประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีนิกเกิล ซึ่งรวมถึงช็อกโกแลต ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ชาดำ เมล็ดพืช และน้ำสลัดเชิงพาณิชย์ เลือกอาหารสด หรือแช่แข็งมากกว่าอาหารกระป๋องถ้าเป็นไปได้ อย่าใช้หม้อและกระทะสแตนเลสในการปรุงอาหารที่เป็นกรดซึ่งมีส่วนผสมที่เป็นกรด เช่น มะเขือเทศ น้ำส้มสายชู หรือมะนาว
                                  • น้ำประปา เปิดประปาทิ้งก่อนประมาณสองสามวินาทีก่อนจะนำมาใช้ ดื่ม และใช้ปรุงอาหาร เพื่อช่วยชะล้างนิกเกิลที่สามารถชะออกจากก๊อกน้ำ ท่อน้ำและส่วนต่างๆ ของท่อน้ำได้

                                  วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพ้นิกเกิลคือการหลีกเลี่ยงวัตถุทั้งหมดที่มีอยู่ ตรวจสอบกับผู้ผลิต ผู้ค้าปลีกหรืออ่านฉลากทุกครั้งเพื่อดูว่าสินค้านั้นมีส่วนผสมของนิกเกิลหรือไม้

                                  นิกเกิลมีอยู่ในอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารจำนวนมาก เช่น:

                                  • ชาดำ
                                  • พืชตระกูลถั่ว
                                  • นมถั่วเหลืองและนมช็อกโกแลต
                                  • ช็อคโกแลต และผงโกโก้
                                  • อาหารกระป๋อง และอาหารแปรรูปบางชนิด รวมถึงเนื้อสัตว์และปลา (ตรวจสอบฉลาก)
                                  • ธัญพืชบางชนิด ได้แก่ : ข้าวโอ้ต บัควีท โฮลวีต จมูกข้าวสาลี พาสต้าข้าวสาลี ขนมปังธัญพืช และธัญพืช
                                  • ผักบางชนิด ได้แก่ : หน่อไม้ฝรั่ง ถั่ว บร็อคโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำ ผักขม ผักกระป๋องทุกชนิด
                                  • พืชตระกูลถั่วบางชนิด ได้แก่ : ถั่วชิกพี และถั่วเลนทิล
                                  • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้
                                  • ผลไม้บางชนิด ได้แก่ : กล้วย ลูกแพร์ ผลไม้กระป๋องทุกชนิด

                                  นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ควรงดใช้อุปกรณ์ทำอาหารสแตนเลส ไม่ควรนำหม้อและกระทะสแตนเลสมาใช้ในการปรุงอาหารซึ่งมีส่วนผสมที่เป็นกรด เช่น มะเขือเทศ น้ำส้มสายชู หรือมะนาว

                                  ผื่นแพ้เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นกับเด็กทารกและเด็กเล็กได้ค่อนข้างบ่อย เนื่องจากผิวของทารกและเด็กเล็กค่อนข้างบอบบางและแพ้ง่าย  หากคุณพ่อคุณแม่หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกก็จะช่วยให้ลูกได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ เมื่อถึงวัยที่ลูกน้อยโตขึ้น การปลูกฝังให้เด็กๆ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม การสอนหรือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ในการให้ความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี เช่น การใส่ใจเรื่องอาหารการกิน เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้เวลากับการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น ทั้งหมดนี้หากคุณทำให้ลูกๆ ได้เห็นเป็นตัวอย่างควบคู่กับการสอนและอธิบายให้ลูกๆ ได้เข้าใจถึงความสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดี จะเป็นการเสริมสร้างทักษะ ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) ให้ลูกได้ดีเลยค่ะ

                                  ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : healthline.com,newsday.com

                                  บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                  ผื่นแพ้นมวัว จากโรคแพ้นมวัว ในทารกหรือเด็กเล็ก อาการเป็นอย่างไร

                                  ลูกติดเชื้อไวรัส ผื่นเต็มตัว แม่เตือน! ระวังคนมาเล่นกับลูก

                                  ผื่นแพ้สัมผัส ลูกเป็นตุ่มแดง บวม คัน แพ้ไส้ในเบาะกันขอบเตียง

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่