Page 91 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรงเรียนนานาชาติในไทย

10 โรงเรียนนานาชาติ ในไทยที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน

โรงเรียนนานาชาติ เป็นหนึ่งในตัวเลือกของการตัดสินใจของผู้ปกครองหลายๆ คนที่อยากเลือกทางเดินชีวิตแรกหรืออนาคตให้กับลูกๆ เพราะสิ่งที่ลูกจะได้เรียนรู้และประสบการณ์ที่เขาจะได้รับจากที่โรงเรียน จะเป็นพื้นฐานของการเติบโตของชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้เลย ผู้ปกครองอย่างเราก็อยากมอบโอกาสทางการศึกษาที่ดีที่สุดให้กับลูก วันนี้ทีมแม่ ABK มี 10 โรงเรียนนานาชาติที่เซเลบคนดังเลือกส่งลูกๆ ไปเรียนมาฝากกันค่ะ จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง และมีหลักสูตรอะไรที่เด่น ตามไปดูกันค่ะ

1.Harrow International School Bangkok

โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์

  • สถานที่ตั้ง: เขต ดอนเมือง, จังหวัด กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Pre-Nursery to High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 439,000 – 949,800 บาทต่อปี

Harrow International School Bangkok หรือ โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์ดำเนินงานภายใต้เป้าหมาย Educational Excellence for Life and Leadership ซึ่งเน้นการศึกษาที่ดีเลิศ ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมนอกหลักสูตรและกิจกรรมประจำกลุ่มบ้าน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาและพัฒนาความคิดเพื่อเป้าหมายที่สูงสุด

โดยมีหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นสูงสุด (Sixth Form) โรงเรียนได้จัดการเรียนรู้ภายใต้ระบบการศึกษาแห่งชาติของอังกฤษ เช่น ระบบ  IGCSE (The International General Certificate of Secondary Education)  เข้ามาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนพร้อมสำหรับการสอบเพื่อต่อยอดไปในระดับ A Levelโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์เป็นโรงเรียนชื่อดังไปทั่วโลก ในประเทศไทยเอง ก็มีลูกดาราและเหล่าคนดังส่งลูกเข้าเรียนที่นี่มากมาย เช่น น้องณดา-น้องณดล ลูกคุณกบ สุวนันท์, น้องโปรด ลูกชายคุณเป้ย ปานวาด, น้องมายู ลูกคุณหนุ่ม กรรชัย และน้องภู น้องเภา ลูกชายของคุณเอ๋ พรทิพย์และคุณป๋อ ณัฐวุฒิ

โรงเรียนนานาชาติในไทย
ขอบคุณรูปภาพจาก IG mayfuang

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์กรุงเทพ ได้ที่นี่เลยค่ะ Harrow International School Bangkok 

 

2.Shrewsbury International School

โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี
ขอบคุณรูปภาพจาก owlcampus.com
  • สถานที่ตั้ง: เขตคลองเตย, กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Early year – High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 572,400 – 1,023,900 บาทต่อปี

Shrewsbury International School Bangkok หรือ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี แบ่งนักเรียนออกเป็น 6 ส่วน คือ Early Years Foundation Stage และอีก 5 Key Stages โดยที่เมื่อนักเรียนศึกษาจบชั้น Key Stage 2 หรือ Year 6 ก็จะสามารถเข้าศึกษาต่อได้ที่ Shrewsbury Riverside Campus ในระดับชั้นมัธยมศึกษาได้เลย

โรงเรียนมีการศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจที่มีโครงสร้างตามหลักสูตรแห่งชาติอังกฤษ (The British National Curriculum) และมีการจัดเตรียม Facilities ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาการของนักเรียนในทุกๆด้าน ครอบครัวบ้านสเปนเซอร์อย่าง คุณพ่อเจย์ และ คุณแม่เปิ้ล จริยดี สเปนเซอร์ ก็เลือกโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง น้องเจค สรรพสิทธิ์ สเปนเซอร์ เข้าเรียนที่นี้

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี
ขอบคุณรูปภาพจาก IG plespencer

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ริเวอร์ไซด์ แคมปัส ได้ที่นี่เลยค่ะ  Shrewsbury Riverside Campus 

 

3.Brighton College Bangkok

Brighton College Bangkok
ขอบคุณรูปภาพจาก sanook.com
  • สถานที่ตั้ง: เขตบางกะปิ, กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Pre Nursery –  High School (2 – 18 years  old)
  • ค่าเทอมประมาณ: 515,000 – 892,000

Brighton College Bangkok หรือ โรงเรียนนานาชาติ ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพ มีระบบการเรียนการสอนในหลักสูตรอังกฤษ โดยใช้ระบบ IGCSE (The International General Certificate of Secondary Education) และ A Level เพื่อใช้ประกอบการยื่นสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของทั่วโลกทุก เป็นโรงเรียนชั้นนำในกรุงเทพ มุ่งเน้นการค้นหาความสามารถและความสนใจที่แท้จริงตามธรรมชาติ ให้อิสระทางความคิด พัฒนาทักษะและสร้างสมดุลในด้านต่างๆของนักเรียน ลูกเซเลบที่เรียนที่นี้ก็มี น้องณิริน ลูกสาวของคุณหนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะก็เข้าเรียนที่นี้เหมือนกัน

International School Bangkok
ขอบคุณรูปภาพจาก IG nirin_panirin

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ริเวอร์ไซด์ แคมปัส ได้ที่นี่เลยค่ะ Brighton College Bangkok 

 

4.Ruamrudee International School (RIS)

Ruamrudee International School (RIS)
ขอบคุณรูปภาพจาก whichschooladvisor.com
  • สถานที่ตั้ง: เขตมีนบุรี, กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Pre-Kindergarten – High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 401,530 – 737,500 บาท ต่อ ปี

Ruamrudee International School (RIS) หรือ โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี มีรูปแบบการเรียนการสอน เป็นแบบอเมริกัน เปิดสอนตั้งแต่ชั้น Pre-School ไปจนถึงเกรด 12 มุ่งเน้นการบ่มเพาะแนวคิดและประสบการณ์อันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 นับเป็นเวลากว่า 65 ปีมาแล้ว ลูกเซเลบที่เรียนที่นี้ก็มี น้องแตงไทย ลูกสาวของคุณแจ๊ส ชวนชื่น ก็เข้าเรียนที่นี่เหมือนกัน

Top 10 โรงเรียนนานาชาติ ในไทยที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน
ขอบคุณรูปภาพจาก IG jangjit

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ได้ที่นี่เลยค่ะ Ruamrudee International School  

 

5.The Regent’s International School Bangkok

The Regent’s International School Bangkok
ขอบคุณรูปภาพจาก regents.ac.th
  • สถานที่ตั้ง: เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Pre-Kindergarten – High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 524,000 – 768,000 บาท/ ปี

The Regent’s International School Bangkok เป็นโรงเรียนนานาชาติที่เปิดสอนในระบบอังกฤษ เปิดรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 2 – 18 ปี โดยเปิดมาแล้วกว่า 20 ปี นอกจากจะมุ่งเน้นด้านวิชาการแล้วยังมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาทักษะที่หลากหลายของเด็กๆอีกด้วย น้องอลิน-น้องอลัน ฝาแฝดคนเก่ง ของคุณพ่อโอ๊ค สมิทธิ์และคุณแม่โอปอลล์ ปาณิสราก็เข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้

The Regent’s International School
ขอบคุณรูปภาพจาก IG opalpanisara

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ได้ที่นี่เลยค่ะ The Regent’s International School Bangkok  

 

 6.International School Bangkok

Top 10 โรงเรียนนานาชาติ ในไทยที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน
ขอบคุณรูปภาพจาก bkkkids.com
  • สถานที่ตั้ง: อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี
  • ระดับการศึกษา: Elementary School – High School (3 – 17 years old)
  • ค่าเทอมประมาณ: 552,0001,003,000 / ปี

The International School Bangkok หรือชื่อย่อคือ ISB โรงเรียนในหลักสูตรนานาชาติแห่งแรกในประเทศไทย เปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 และนับว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเอเชีย ใช้หลักสูตรการศึกษาแบบ International Standards-Based Curriculum ซึ่งมีมาตรฐานจากทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย ลูกเซเลบที่เรียนที่นี้ก็มี น้องดีแลน หนุ่มน้อยคนโต ลูกชายของคุณแมธธิวและคุณลีเดีย ดีน

Top 10 โรงเรียนนานาชาติในไทย ที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน!
ขอบคุณรูปภาพจาก IG dylandeane_official

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ได้ที่นี่เลยค่ะ International School Bangkok 

 

7.Wellington College International Bangkok

Wellington College International Bangkok
ขอบคุณรูปภาพจาก herorealtor.com
  • สถานที่ตั้ง: เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Elementary School – High School (3 – 17 years old)
  • ค่าเทอมประมาณ: 552,0001,003,000 / ปี

Wellington College International Bangkok หรือ โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เป็นโรงเรียนในหลักสูตรระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษมาปรับใช้ให้ทันสมัย มุ่งเน้นและส่งเสริมให้เด็กได้ค้นพบความเป็นเลิศในด้านที่ตัวเองถนัด พร้อมไปด้วยสถานที่เรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ ลูกเซเลบที่เรียนที่แห่งนี้ก็มีน้อง เป่าเปา-พอลลีน่า ลูกสาวของคุณ กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ และคุณบี้ เคพีเอ็น

Top 10 โรงเรียนนานาชาติในไทย ที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน!
ขอบคุณรูปภาพจาก IG gggubgib36

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ได้ที่นี่เลยค่ะ Wellington College International Bangkok

 

8.Bromsgrove International School Thailand

โรงเรียนนานาชาติ บรอมส์โกรฟ
ขอบคุณรูปภาพจาก bromsgrove.ac.th
  • สถานที่ตั้ง: เขตมีนบุรี, กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา: Early year – High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 314,670 – 946,170 / ปี

Bromsgrove International School Thailand หรือ โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พศ.2545 ปรับใช้ระเบียบปฏิบัติตามขนบประเพณีของอังกฤษอย่างแท้จริงเพื่อให้ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน โดยใช้หลักสูตรการศึกษาซึ่งเป็นหลักสูตรระบบอังกฤษที่ใช้กันอย่างเป็นแพร่หลายและได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยโรงเรียนได้เป็นสมาชิกของสมาคมโรงเรียนนานาชาติอังกฤษในเอเชีย The Federation of British International Schools in Asia (FOBISIA) ทำให้นักเรียนของเราได้รับโอกาสในการเข้าร่วมแข่งขันต่างๆ กับโรงเรียนนานาชาติทั่วเอเชีย ลูกคนดังที่เรียนอยู่ที่นี้ ก็จะมีน้องบีลีฟ ลูกสาวของคุณตั๊ก บริบูรณ์

Top 10 โรงเรียนนานาชาติในไทย ที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน!
ขอบคุณรูปภาพจาก IG monkeyann_9

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ประเทศไทย ได้ที่นี่เลยค่ะ Bromsgrove International School Thailand 

 

9.KIS International School

โรงเรียนนานาชาติ KIS
ขอบคุณรูปภาพจาก kis.ac.th
  • สถานที่ตั้ง: เขตห้วยขวาง, กรุงเทพมหานคร
  • ระดับการศึกษา:Primary School – High School
  • ค่าเทอมประมาณ: 368,600 – 765,000 / ปี

KIS International School หรือ โรงเรียนนานาชาติ KIS ได้รับการรับรองจาก Council of International Schools (CIS) และ The International Baccalaureate (The IB) หลักสูตรการศึกษาแบบ IB (การมุ่งเน้นในการให้ความสำคัญกับการคิดวิเคราะห์และเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหาของเด็ก) โดยโรงเรียนจะแบ่งออกเป็น 3 เทอม ลูกคนดังที่เรียนอยู่ที่นี่ จะมีน้องมะลิ ลูกสาวคนสวยของคุณพ่อปอ ทฤษฎี และคุณแม่โบว์ แวนด้า

KIS International School
ขอบคุณรูปภาพจาก IG monkeyann_9

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียนนานาชาติ KIS ได้ที่นี่เลยค่ะ KIS International School 

 

10.The American school of Bangkok

The American school of Bangkok
ขอบคุณรูปภาพจาก asb.ac.th
  • สถานที่ตั้ง: บางพลี, สมุทรปราการ
  • ระดับการศึกษา: Pre-Kindergarten – High School
  • ค่าเทอมประมาณ:  368,000 – 706,000 / ปี

The American school of Bangkok หรือ โรงเรียน ดิ อเมริกัน สคูล ออฟแบงค็อก เป็นที่ยอมรับว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติที่ติดอันดับต้นๆของประเทศไทย ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2526 เปิดสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ถึงเกรด 12 ใช้หลักสูตรอเมริกันซึ่งแบ่งเป็นวิชาหลักและวิชาเลือก ให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะความสามารถและเพิ่มประสบการณ์ที่หลากหลายในโรงเรียน ลูกคนดังที่เรียนอยู่ที่นี่ ก็จะมีน้องบีลีฟ ลูกสาวสุดร่าเริงของคุณพ่อตั๊ก บริบูรณ์

Top 10 โรงเรียนนานาชาติ ในไทยที่เหล่าเซเลบคนดังส่งลูกไปเรียน
ขอบคุณรูปภาพจาก IG believe_qb

ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ สามารถดูรายละเอียดของโรงเรียน The American school of Bangkok ได้ที่นี่เลยค่ะ The American school of Bangkok 

 

ถึงแม้ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนานาชาติแต่ละที่จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพื่ออนาคตและประสบการณ์หลากหลายที่ลูกๆจะได้พบเจอถือเป็นการลงทุนกับสถานศึกษาที่คุ้มค่ามากจริงๆ สุดท้ายแล้วก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกโรงเรียนนานาชาติที่เราหยิบมาฝากกัน ทีมแม่ ABK ขอแนะนำ 3 หลักสูตรโรงเรียนนานาชาติ ที่ควรทำความรู้จักก่อนส่งลูกเข้าเรียน เพื่อประกอบการตัดสินใจกันค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ

อัพเดทล่าสุด! ค่าเทอมโรงเรียนอนุบาล-ประถม 2021 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

4 ข้อดีของการเลือก “โรงเรียนใกล้บ้าน” ให้ลูก โดย พ่อเอก

ส่อง!!โรงเรียน3ภาษา ข้อดีข้อเสียแบบไหนเหมาะกับลูกรัก

 

    ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง

    คุณแม่ยุค 5 จี โหวตให้ Baby Love ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง แบรนด์อันดับ 1 ในใจปี2021

    เลือกผ้าอ้อมแบบไหนดี ลูกสวมสบาย ซึมซับดี จะนอน คลาน หรือวิ่ง ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเลอะเทอะ ขอยกนิ้วให้  BabyLove เป็น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง ปี2021 ที่โดนใจคุณแม่ทั่วประเทศมาเป็นอันดับหนึ่ง การันตีได้จากคะแนนที่เหล่าคุณแม่เทใจโหวตให้ได้รับรางวัล Mommy’s Choice สาขา BEST DISPOSABLE DIAPERS จาก   Amarin Baby & Kids Awards ถึง 2 ปีซ้อน

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นของใช้หลักที่ต้องใช้ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ปี ก่อนที่ลูกน้อยจะเริ่มขับถ่ายด้วยตัวเอง คุณแม่จึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษในการเลือกผ้าอ้อมให้เหมาะสมกับขนาดร่างกาย และพัฒนาการของลูกน้อย ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย ที่สำคัญถ้าเจอผ้าอ้อมแบรนด์ที่ใช่แล้ว คุณแม่มักจะกลายเป็นลูกค้าประจำที่ใช้กันยาวๆจนลูกโต ด้วยเหตุนี้ คุณแม่ส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบรนด์ที่คุณภาพดี และน่าเชื่อถือ

    เมื่อ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุดและต่อยอดความสำเร็จของรางวัล “Amarin Baby & Kids Awards  ที่จัดขึ้นมา 3 ปี ซ้อน โดยเปิดโอกาสให้แม่ตัวจริงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ผ่าน www.amarinbabyandkids.com

    คุณแม่ทั่วประเทศกว่า 30,000 คน ได้เสนอชื่อและโหวตให้ BabyLove เป็นแบรนด์ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกงในดวงใจที่ได้รับคะแนนสูงสุดและคว้ารางวัล Mommy’s Choice สาขา BEST DISPOSABLE DIAPERS ในปีนี้ ซึ่งเป็นการได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ต่อของเบบี้เลิฟ จาก Amarin Baby & Kids  Awards 2020  และ 2021

    ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบสวม

    เหตุผลที่แม่เทใจเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูป BabyLove ให้เป็นแบรนด์ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง ปี2021 ในดวงใจ

    “เป็นยี่ห้อที่คุ้นเคย ใช้มาตั้งแต่ลูกคลอดค่ะ ใช้แบบเทปกาวก่อน พอเขาเริ่มคลานก็เปลี่ยนมาใช้แบบกางเกง ใช้ดีมาก ซึมซับดี ไม่รั่วซึม ลูกเล่นซนแค่ไหนก็เอาอยู่จริงๆค่ะ เราแนะนำให้เพื่อนๆคุณแม่มือใหม่ใช้กันด้วยค่ะ”

    “ลองใช้ผ้าอ้อมมาเยอะมาก เพราะลูกผิวแพ้ง่าย  ยิ่งช่วงนี้ลูกหัดเดิน  ตรงขอบขาเป็นรอยปื้นแดง แต่ลองใช้ BabyLove Playpants Premium แล้วถูกใจมากค่ะ ตรงขอบขานุ่ม ลูกไม่คันเลย คุณภาพดี นิ่มทั้งตัว หาซื้อง่าย และมีโปรดีๆตลอด อันนี้แม่เลิฟมากค่ะ”

    “ตอนนี้ให้ลูกใส่เฉพาะตอนนอนค่ะ ไม่มีปัญหาเลย ลูกหลับยาวถึงเช้าเลย ไม่ต้องลุกมาเปลี่ยนกลางดึก ผ้านุ่มลูกใส่สบาย แห้งไว เก็บฉี่ได้เยอะ  ไม่รั่วซึม แม่ไม่เปลี่ยนใจเลยค่ะ”

    BabyLove Playpants Premium เป็น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง ปี 2021 ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ด้วยการพัฒนาให้รองรับกับพัฒนาการของลูกน้อยวัยซน ที่ทำกิจกรรมตลอดวันได้อย่างมั่นใจ ด้วย 3 จุดเด่นที่แม่คนไหนก็ปลื้ม

    • เพิ่มประสิทธิภาพให้ซึมซับยาวนานถึง 10 ชั่วโมง โดยไม่ทำให้รู้สึกเปียกชื้น ด้วยซูเปอร์ แอคทีฟ เจล ทำให้ลูกน้อยแห้ง ไม่อับชื้น
    • ขอบเอวที่ยืดขยายได้ถึง 2.5 เท่า นุ่มสบาย ยืดหยุ่นดี ลูกใส่แล้วเคลื่อนไหวสะดวก กระชับทุกสรีระ ไม่ทิ้งรอยแดง
    • ระบายอากาศได้ดีด้วยแผ่นระบายอากาศทั้งด้านในและด้านนอก ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว
    • พิเศษสุดด้วยขอบขาป้องกันของเหลวไหลย้อนกลับ ไม่ว่าลูกจะซนท่าไหนก็เอาอยู่

    หากคุณแม่สนใจ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป BabyLove Playpants Premium อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูโปรโมชั่นดี สามารถเช็กรายละเอียดได้ทาง www.facebook.com/babyloveclub

      แพคเกจคลอด 2565

      รวม แพคเกจคลอด 2565 โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน ปี 2022

      รวมมาให้แล้ว!! แพคเกจคลอด 2565 / ปี 2022 ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ทั้งแพคเกจผ่าคลอด และ แพคเกจคลอดธรรมชาติ!!

      รวม แพคเกจคลอด 2565 โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน ปี 2022

      วันครบกำหนดคลอดใกล้จะมาถึงแล้ว แม่ท้องหลายคนก็เริ่มที่จะมองหาโรงพยาบาลเตรียมจะคลอดลูกกันแล้ว และสำหรับแม่ ๆ ที่เตรียมตัวจะไปฝากครรภ์ ก่อนที่จะเลือกโรงพยาบาลและหมอที่จะไปฝากครรภ์ ก็ต้องดูด้วยว่าโรงพยาบาลนั้น ๆ ได้จัดแพคเกจคลอดอยู่ในราคาเท่าไหร่ งบที่เตรียมไว้สำหรับคลอดลูกนั้นเพียงพอหรือไม่ ทีมแม่ ABK เลยขอรวบรวม แพคเกจคลอด 2565 / 2022 ทั้งคลอดธรรมชาติและผ่าคลอด ทั้งจากโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน มาให้แม่ ๆ ประกอบการตัดสินใจกันเล้ย

      รวม แพคเกจคลอด 2565 โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน ปี 2022

      1. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

      แพคเกจคลอด 2565 แบบเหมาจ่าย คลอดปกติ ราคา 99,000 บาท แพ็กเกจนี้เป็นบริการคลอดแบบเหมาจ่าย
      พักห้องเดี่ยวธรรมดาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 คืน รวมถึง

      • ค่าสูติแพทย์ และกุมารแพทย์เฉพาะทางทารกแรกเกิด
      • ค่าห้องและค่าบริการผู้ป่วยในหลังคลอด และห้องทารกแรกเกิด
      • ค่าอุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือในการช่วยคลอด เช่น เครื่องดูดสุญญากาศ,คีมช่วยคลอด
        รวมทั้งเครื่องตรวจ การทํางานของหัวใจทารกในครรภ์ ( Fetal monitoring )
      • ค่ายา , ค่าเวชภัณฑ์ และค่าอุปกรณ์การแพทย์ สำหรับการคลอด
      • ค่าเวชภัณฑ์ของทารก
      • การตรวจคัดกรอง, การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และวัคซีนสำหรับทารก
        • การตรวจคัดกรองทารกแรกเกิดครอบคลุมทั้งภาวะต่อมไทรอยด์ บกพร่องและเพิ่มโรคพันธุกรรม เมตาบอลิก จำนวน 30- 40 โรค
        • การตรวจการได้ยินของทารก (Newborn Hearing Screening Test) และแปลผลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
        • การคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กําเนิด (Pulse oximetry screening for congenital heart disease)
        • การตรวจคัดกรองภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดโดยวิธีการวัด
          ระดับบิลิรูบินผ่านทางผิวหนัง
        • การตรวจหมู่เลือด (ABO Grouping, Rh Grouping) &
          Direct Coomb’s Test
        • วัคซีนป้องกันวัณโรค (บีซีจี) และวัคซีนตับอักเสบบีเข็มที่ 1

      แพคเกจคลอด 2565 แบบเหมาจ่าย ผ่าตัดคลอด ราคา 129,000 บาท แพ็กเกจนี้เป็นบริการคลอดแบบเหมาจ่าย
      พักห้องเดี่ยวธรรมดาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 คืน รวมถึง

      • ค่าสูติแพทย์ และกุมารแพทย์เฉพาะทางทารกแรกเกิด
      • ค่าห้องและค่าบริการผู้ป่วยในหลังคลอด และห้องทารกแรกเกิด
      • ค่ายา , ค่าเวชภัณฑ์ และค่าอุปกรณ์การแพทย์ สำหรับผ่าตัดการคลอด
      • ค่าเวชภัณฑ์ของทารก
      • การตรวจคัดกรอง, การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และวัคซีนสำหรับทารก
        • การตรวจคัดกรองทารกแรกเกิดครอบคลุมทั้งภาวะต่อมไทรอยด์ บกพร่องและเพิ่มโรคพันธุกรรม เมตาบอลิก จำนวน 30- 40 โรค
        •  การตรวจการได้ยินของทารก (Newborn Hearing Screening Test) และแปลผลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
        • การคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กําเนิด (Pulse oximetry screening for congenital heart disease)
        • การตรวจคัดกรองภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดโดยวิธีการวัด
          ระดับบิลิรูบินผ่านทางผิวหนัง
        • การตรวจหมู่เลือด (ABO Grouping, Rh Grouping) &
          Direct Coomb’s Test
        • วัคซีนป้องกันวัณโรค (บีซีจี) และวัคซีนตับอักเสบบีเข็มที่ 1

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bumrungrad.com/th/packages/delivery/cesarean-section

      2. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

      แพคเกจคลอด 2565 แบบเหมาจ่าย คลอดธรรมชาติ ราคา 89,900 บาท แพ็กเกจนี้เป็นบริการคลอดแบบเหมาจ่าย
      พักห้องเดี่ยวธรรมดาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 คืน รวมถึง

      • ห้องพัก Superior สำหรับคุณแม่ (รวมค่าบริการผู้ป่วยใน) 3 วัน (72 ชม.)
      • เมนูอาหารพิเศษและอาหารว่างสำหรับแม่ (ภายในโรงพยาบาล)
      • ค่าบริการภายในห้องพัก และพยาบาลที่คอยดูแล
      • ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ในการคลอดบุตร
      • เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการตรวจสอบอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์
      • ค่าความเชี่ยวชาญแพทย์ (สูตินารีเวช)
      • ห้องพักของทารกและค่าบริการพยาบาล
      • ค่าธรรมเนียมสำหรับพยาบาลให้นมบุตร
      • ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดสำหรับแม่ (CBC)
      • ตรวจสอบกรุ๊ปเลือดสำหรับทารก (ABO Grouping, Rh Typing)
      • ตรวจคัดกรองทารกแรกเกิดความผิดปกติการทำงานของสมองสำหรับทารก (PKU)
      • ทดสอบการทำงานต่อมไทรอยด์สำหรับทารก (TSH)
      • ตรวจคัดกรองการได้ยินทารกแรกเกิดสำหรับทารก
      • การฉีดวัคซีนที่จำเป็นสำหรับทารกแรกเกิด (ไวรัสตับอักเสบบีและ BCG เข็มแรก)
      • วิตามินเคและครีมสำหรับทาบริเวณตาสำหรับทารกแรกเกิด
      • ภาพแรกเกิดของทารก
      • ทารกได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วยระบบการติดตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการแจ้งเตือน
      • ความพยายามของการเคลื่อนไหวทางกายภาพของทารกออกจากชุดสถานรับเลี้ยงเด็กหรือเพื่อป้องกันการสลับ
      • ทารกใด ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

      แพคเกจคลอด 2565 แบบเหมาจ่าย ผ่าตัดคลอด ราคา 119,000 บาท แพ็กเกจนี้เป็นบริการคลอดแบบเหมาจ่าย
      พักห้องเดี่ยวธรรมดาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 คืน รวมถึง

      • ห้องพัก Superior สำหรับคุณแม่ (รวมค่าบริการผู้ป่วยใน) 4 วัน (96 ชม.)
      • เมนูอาหารพิเศษและอาหารว่างสำหรับแม่ (ภายในโรงพยาบาล)
      • ค่าบริการภายในห้องพัก และพยาบาลที่คอยดูแล
      • ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ในการคลอดบุตร
      • เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผ่าตัดคลอดและสำหรับการตรวจสอบอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์
      • ค่าความเชี่ยวชาญแพทย์ (สูตินรีเวช)
      • ศัลยแพทย์ผู้ช่วย / วิสัญญีแพทย์
      • ห้องพักของทารกและค่าบริการพยาบาล
      • ค่าธรรมเนียมสำหรับพยาบาลให้นมบุตร
      • ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดสำหรับแม่ (CBC)
      • ทดสอบเลือดในการเตรียมการสำหรับการผ่าตัดสำหรับแม่ (กลูโคสอดอาหาร Creatinine, SGPT, BUN, และอิ LDPRC 1 หน่วย)
      • ตรวจสอบกรุ๊ปเลือดสำหรับทารก (ABO Grouping, Rh Typing)
      • ตรวจคัดกรองทารกแรกเกิดความผิดปกติการทำงานของสมองสำหรับทารก (PKU)
      • ทดสอบการทำงานต่อมไทรอยด์สำหรับทารก (TSH)
      • ตรวจคัดกรองการได้ยินทารกแรกเกิดสำหรับทารก
      • การฉีดวัคซีนที่จำเป็นสำหรับทารกแรกเกิด (ไวรัสตับอักเสบบีและ BCG เข็มแรก)
      • วิตามินเคและครีมสำหรับทาบริเวณตาสำหรับทารกแรกเกิด
      • ภาพแรกเกิดของทารก
      • ทารกได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วยระบบการติดตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการแจ้งเตือนความพยายามของการเคลื่อนไหวทางกายภาพของทารกออกจากชุดสถานรับเลี้ยงเด็กหรือเพื่อป้องกันการสลับทารกใด ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samitivejhospitals.com/th/package/detail/childbirth-delivery-packages-svh

      3. โรงพยาบาลกรุงเทพ

      แพคเกจคลอด
      แพคเกจคลอด

      ค่าใช้จ่ายในแพ็กเกจคลอด ประกอบด้วย:

      • ค่าแพทย์ ได้แก่ สูติ-นรีแพทย์ กุมารแพทย์ และวิสัญญีแพทย์ (กรณีผ่าตัดคลอด / บล็อคหลัง) และค่าแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัด (กรณีผ่าตัดคลอด)
      • ค่าห้องคลอด ห้องผ่าตัดคลอด และห้องพักฟื้น
      • ค่าเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ ค่าเวชภัณฑ์ และค่ายาที่จำเป็นสำหรับการคลอดขณะอยู่โรงพยาบาล (ไม่รวมค่ายากลับบ้าน)
      • ค่าห้องพักมาตรฐาน (Standard) สำหรับคุณแม่ 48 ชม.สำหรับคลอดปกติ และ 72 ชม.สำหรับผ่าตัดคลอด รวมค่าอาหารหลังคลอด
      • ค่าห้องพักสำหรับทารกแรกเกิด ค่าบริการทางการพยาบาลและทีมผู้ดูแล 48 ชม.สำหรับคลอดปกติ และ 72 ชม.สำหรับผ่าตัดคลอด
      • ค่ายาระงับปวดในการผ่าตัด ทั้งดมยาสลบและฉีดยาชาเฉพาะที่ไขสันหลัง/บล็อคหลัง (กรณีผ่าตัดคลอด)
      • ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการที่จำเป็น ส่วนของทารก ได้แก่ ABO, Rh, Screening PKU และ TSH, MB, HCT, Screening Jaundice
      • รวมค่ายาและวัคซีน (ตามที่กำหนด) เช่น BCG, Hepatitis B เข็มที่ 1, Vitamin K และ ยาป้ายตาเพื่อป้องกันตาอักเสบ
      • รวมค่าตรวจการทำงานหัวใจทารกในครรภ์ และค่าตรวจคัดกรองการได้ยินของทารกแรกเกิด (ABR)
      • ค่าบริการจัดทำใบสูติบัตร
      • อบรมหลักสูตรครรภ์คุณภาพ การปฎิบัติตัวขณะตั้งครรภ์ เทคนิคให้นมแม่แก่ลูกน้อย การดูแลลูกน้อยหลังคลอด
      • ชุดของขวัญสำหรับทารก เช่น ชุดเด็กอ่อนและผ้าห่อตัว พร้อมสมุดสุขภาพทารก
      • รูปถ่ายครอบครัวขนาด 20×30 นิ้ว จาก My Sweetpea Studio (รับรูปหลังจากวันถ่ายประมาณ 1 เดือน)
      • ค่าตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเกล็ดเลือด และการจองโลหิต แต่ไม่รวมการให้โลหิต และส่วนประกอบของเลือดที่ให้ก่อนการผ่าตัด ระหว่างผ่าตัด และหลังผ่าตัด (สำหรับมารดา)

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bangkokhospital.com/package/obstetric-delivery-packages

      4. โรงพยาบาลเปาโล

      แพกเกจคลอด
      แพกเกจคลอด
      แพ็กเกจคลอด
      แพ็กเกจคลอด

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.paolohospital.com/th-TH/rangsit/Package/Details/แพคเกจคลอดเหมาจ่าย

      5. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

      แพคเกจคลอด 2565
      แพคเกจคลอด 2565
      แพ็คเกจคลอด 2565
      แพ็คเกจคลอด 2565

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bch.in.th/delivery-package2022/

      6. โรงพยาบาลหัวเฉียว

      ค่าคลอด 2565
      ค่าคลอด 2565

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hc-hospital.com/program-brith.html

      7. โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา

      แพคเกจคลอด 2565
      แพคเกจคลอด 2565
      • คลอดปกติ (ห้องรวมแอร์) 21,700 บาท คลอดพัก 3 วัน 2 คืน
      • คลอดปกติ (ห้องพิเศษเดี่ยว) 24,400 บาท คลอดพัก 3 วัน 2 คืน
      • ผ่าคลอด (ห้องรวมแอร์) 29,500 บาท คลอดพัก 4 วัน 3 คืน
      • ผ่าคลอด (ห้องพิเศษเดี่ยว) 32,100 บาท คลอดพัก 4 วัน 3 คืน

      *พิเศษ เพื่อแบ่งเบาภาระคุณแม่ และได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แบ่งชำระสูงสุด 6 ครั้ง

      เงื่อนไขราคาคลอดเหมาจ่ายรวมถึง…

      1. สูติ-นรีแพทย์และวิสัญญีแพทย์ (กรณีผ่าคลอด) ตั้งแต่เข้ารับบริการจนกลับบ้านทั้งมารดาและทารก
      2. ห้องคลอดและอุปกรณ์ทางการแพทย์
      3. ห้องทารกแรกเกิด บริบาลทารก (เฉพาะบุตรที่มีบิดาหรือมารดาเป็นคนไทย) *หมายเหตุ กรณีที่มีบิดาและมารดาเป็นชาวต่างชาติ ค่าห้องทารกแรกเกิดและค่าบริบาลทารกเหมาจ่าย 10,000 บาท (ไม่รวมกรณีภาวะแทรกซ้อน) รวมถึงวัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) สำหรับทารก / วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี เข็มแรกสำหรับทารก
      4. ห้องพัก อาหาร การบริการของมารดา
      5. ยา อุปกรณ์ ยาระงับความรู้สึกในการผ่าตัด (กรณีผ่าคลอด) เวชภัณฑ์และยากลับบ้านสำหรับมารดาและทารก
      6. วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) สำหรับทารก
      7. วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี เข็มแรกสำหรับทารก
      8. ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการขณะคลอดและหลังคลอด
      9. อบรม “ครรภ์คุณภาพ” ระหว่างตั้งครรภ์
      10. บริการจัดทำสูติบัตร (ชาวต่างชาติเพิ่มค่าบริการแปลเอกสาร)

      อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.phaetpanya.com/package-detail.php?pack_id=52

      8. โรงพยาบาลราชวิถี

      ตารางค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

      • ห้องสามัญ
        • คลอดปกติ 7,000 – 8,000 บาท
        • ผ่าตัดคลอด 12,000 – 15,000 บาท
      • ห้องพิเศษรวม
        • คลอดปกติ 8,000 – 9,000 บาท
        • ผ่าตัดคลอด 15,000 – 20,000 บาท
      • ห้องพิเศษเดี่ยว
        • คลอดปกติ 9,000 – 10,000 บาท
        • ผ่าตัดคลอด 20,000 – 25,000 บาท
      • ค่าทำหมันหญิง 2,500 บาท

      อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://110.164.68.234/calveraja/

      9. โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

      • ค่าฝากครรภ์ใหม่ 1,000-1,500 บาท
      • คลอดปกติ 6,000-8,000 บาท
      • ผ่าตัดคลอด 18,000-20,000 บาท
      • ค่าห้องสามัญ+อาหาร 700/วัน
      • ค่าห้องแอร์ 3 เตียงพร้อมอาหาร 1,300/วัน
      • ค่าห้องพิเศษเดี่ยวพร้อมอาหาร 2,300/วัน

      อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bhumibolhospital.rtaf.mi.th/index.asp?pageid=829&parent=739&directory=6231&pagename=content1

      เนื่องจากการจองแพ็กเกจคลอดต้องชำระวางเงินจองก่อน หากคุณแม่ต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลก็จะไม่ได้รับคืน ส่วนของสมนาคุณที่ได้จากแพ็กเกจอาจจะไม่ค่อยได้ใช้ ไม่จำเป็น ดังนั้นคุณแม่ต้องเปรียบเทียบราคากับสิ่งที่จะได้ในแพ็กเกจคลอดของแต่ละโรงพยาบาลก่อน และควรเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านหรือเดินทางได้สะดวก เพราะหากต้องเดินทางโดยไม่รู้เส้นทาง แล้วเกิดภาวะต้องคลอดระหว่างทาง จะส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกได้ค่ะ

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      หมอสูติฯตอบ! คลอดลูก “แบบผ่ากับคลอดเอง” อะไรดีกว่ากัน?

      รวมเคล็ดลับ วิธีช่วยให้แม่ท้องคลอดง่าย

      วิธีเช็คเงินสมทบ-ค่าคลอดบุตร ผ่าน แอพเช็คประกันสังคม

      ฉีกกฎทุกการรีวิว! คุณแม่แชร์ประสบการณ์ การคลอดลูก แบบไร้ความเจ็บปวด

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        โต๊ะเขียนหนังสือ

        10 โต๊ะเขียนหนังสือ คุณภาพ เหมาะกับพัฒนาการลูก

        โต๊ะเขียนหนังสือ ถือเป็นไอเท็มสำคัญที่ช่วยให้ลูกๆได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำกิจกรรมพัฒนาสมอง และยังเป็นตัวช่วยให้เด็กๆ มีสมาธิต่อสิ่งที่กำลังทำตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร ดังนั้นพ่อแม่อย่างเราควรเลือกโต๊ะที่เหมาะสมกับพัฒนาการของลูก ทั้งดีไซน์และประโยชน์การใช้สอย หากยังลังเลว่าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแบบไหนดี วันนี้ทีมแม่ ABK คัด 10 โต๊ะเขียนหนังสือคุณภาพ พร้อมวิธีการเลือกซื้อมาฝากกันค่ะ

        วิธีเลือก โต๊ะเขียนหนังสือ เพื่อเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อย

        1. เลือกขนาดของโต๊ะให้เหมาะสม – เนื่องจากเด็กๆ มีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่เติบโตไว การเลือกขนาดของโต๊ะควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวของเด็กแต่ละวัย เพราะหากโต๊ะตัวที่เลือกมีสัดส่วนที่ไม่พอดี อาจทำให้เด็กต้องนั่งหลังค่อม ตัวโก่ง เพราะนั่งผิดท่า เสี่ยงพัฒนาการช้า ดังนั้นช่วงความสูงของเด็กและความสูงของโต๊ะที่แนะนำมีดังนี้

        • เด็กที่มีส่วนสูง 110 – 115 เซนติเมตร ควรใช้โต๊ะที่มีความสูง 46 เซนติเมตร
        • เด็กที่มีส่วนสูง 115 – 130 เซนติเมตร ควรใช้โต๊ะที่มีความสูง 52 เซนติเมตร
        • เด็กที่มีส่วนสูง 130 – 145 เซนติเมตร ควรใช้โต๊ะที่มีความสูง 58 เซนติเมตร

        2. ดูฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก – สำหรับเด็กๆ แล้วโต๊ะเขียนหนังสือไม่ได้มีไว้แค่ทำการบ้านและอ่านหนังสือแต่อย่างเดียว หากเลือกซื้อเป็นโต๊ะที่มีฟังก์ชั่นเสริมหลากหลาย จะสามารถทำให้เด็กได้ทำกิจกรรมอื่นๆ บนโต๊ะเพื่อเสริมทักษะมากยิ่งขึ้น เช่น การเลือกโต๊ะเขียนหนังสือเด็กที่มีลิ้นชัก ชั้นวางของ หรือช่องเสริมต่างๆ จะช่วยสร้างความรู้ด้านการจัดระเบียบสิ่งของ การจัดการกับของใช้ส่วนตัว เป็นต้น

        3. คำนึงถึงวัสดุที่ดีมีคุณภาพ – เลือกโต๊ะที่มีวัสดุแข็งแรงทนทานเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานให้กับโต๊ะ

        4. ราคาต้องเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า – หลังจากเช็คคุณสมบัติของโต๊ะดีแล้ว ควรเช็คดูราคาที่เหมาะสมและเป็นราคาที่พึงพอใจที่สุด

        5. ควรเลือกโต๊ะที่ปลอดภัยต่อเด็กๆ – ควรเลือกโต๊ะเขียนหนังสือที่ออกแบบเป็นขอบมน หรือเลือกโต๊ะรูปวงกลมหรือวงรี เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการวิ่งชนของเด็ก

        10 โต๊ะเขียนหนังสือ คุณภาพ เหมาะกับพัฒนาการลูก

        1. Kinkinkids rabbit table set ชุดโต๊ะเขียนหนังสือเด็กรูปกระต่าย

        Kinkinkids rabbit table set
        ขอบคุณรูปจาก ig noeychotika

        เป็นชุดโต๊ะที่มาพร้อมเก้าอี้ เก้าอี้มีดีไซน์ที่น่ารักโดดเด่นที่พนักพิงเป็นรูปหูกระต่าย ผลิตจากวัสดุคุณภาพพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศเกาหลี พลาสติกหนาแข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา สามารถจัดเก็บและเคลื่อนย้ายได้ง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร จะให้เด็กใช้ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือในห้อง หรือจะตั้งเอาไว้เป็นโต๊ะทำกิจกรรมนอกบ้านก็ทนแดดทนฝนได้ดี เพราะสามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีเหลี่ยมคม ปลอดภัยต่อการใช้งาน มีกันลื่นทั้งขาโต๊ะและเก้าอี้นั่ง 

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • เก้าอี้รับน้ำหนักได้ 80 กก. 
        • ขนาดโต๊ะ 70 x 70 x 50 cm. ขนาดเก้าอี้ 35 x 35 x 70 cm.
        • มีสี ชมพู ฟ้า

        สั่งซื้อคลิกเลย >> zolbabyworld

         

        2.ชุดโต๊ะเขียนหนังสือปรับระดับได้เพื่อสุขภาพ MOUNTAIN รุ่น ERGO – KD200P/B/G

        Kinkinkids rabbit table set
        ขอบคุณรูปภาพจาก sstation

        MOUNTAIN รุ่น ERGO – KD200P/B/G เป็นชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับเด็กแบบปรับความสูงได้ โต๊ะสามารถปรับเอียงได้ง่ายตามความสูงของผู้ใช้งาน และปรับเอียงได้ถึง 40 องศา ทำให้เด็กไม่ต้องนั่งงอหลังเวลาเขียนหรืออ่านหนังสือจนทำให้เสียบุคลิก สามารถนั่งในท่าที่ถูกต้อตามสรีรศาสตร์ เหมาะสำหรับการเรียน การอ่าน และการวาดภาพมีลิ้นชักใต้โต๊ะสำหรับเก็บหนังสือและเคื่องเขียนให้เป็นระเบียบ วัสดุทำจากพลาสติกและโลหะ มีตะขออเนกประสงค์สำหรับแขวนกระเป๋าหรือสิ่งของอื่นๆ พื้นผิวของโต๊ะไม่สะท้อนแสง ช่วยปกป้องดวงตาของเด็กจากแสงสะท้อนที่เป็นอันตราย และมีการออกแบบความปลอดภัยมาป้องกันการหนีบมืออีกด้วย

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาดของสินค้ารวม 66.4 x 47.4 x 54 – 76 cm.
        • ความหนาของโต๊ะ 1.8 cm.
        • วัสดุ ABS , PP , เหล็ก (Q235) , เมลามีน
        • น้ำหนักที่รับได้ 75 กก.
        • มีสี ฟ้า ชมพู เทา

        สั่งซื้อคลิกเลย >> sstation

         

        3.ชุดเซทโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ IGROW

        ชุดเซทโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ IGROW
        ขอบคุณรูปภาพจากร้าน ergonotech

        ชุดเก้าอี้พร้อมโต๊ะรุ่นนี้ได้รางวัลการออกแบบดีเยี่ยมจากประเทศเยอรมันนี เพราะมีดีไซน์สวย แค่ตั้งไว้ก็เหมาะกับการเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งแล้ว  เป็นโต๊ะที่สามารถใช้งานได้นานคุ้มค่าแก่การลงทุน เพราะเหมาะสำหรับเด็กอายุช่วง 3-18 ปี ข้างๆโต๊ะมีมือหมุนที่สามารถปรับขึ้นลงได้ 56-76 cm. แผ่นไม้กระดานปรับเอียงได้มากสุด 50 องศา ไม้กระดานทำจากไม่เนื้อแข็ง และผิวป้องกันการกระแทก รอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ขอบโต๊ะออกแบบมาโค้งมนไม่แหลมคมเพื่อป้องกันการชนหรือกระแทกของเด็กๆ

        นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บหนังสือและของใช้หลายขนาด เพื่อให้เด็กได้ฝึกความมีระเบียบในการจัดเก็บของใช้ของตัวเอง มีชั้นวางหนังสือ วางแท็บเล็ต ในระดับพอดีกับสายตา นอกจากนี้เก้าอี้ยังมีตัวเบาะที่ออกแบบลักษณะมาแบบก้นหอย ทำให้รองรับสรีระได้เป็นอย่างดี สามารถนั่งเป็นเวลานานได้โดยไม่ปวดหลัง เบาะพนักพิงก็สามารถรองรับแผ่นหลังทั้งสองข้างได้ดี ตัวล้อมีเทคโนโลยีแรงโน้มถ่วง เมื่อนั่งลงล้อจะล็อคทันที และเมื่อยืนล้อจะปลดล็อค ทำให้เก้าอี้ไม่เคลื่อนตัว 

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • น้ำหนักที่รับได้สูงสุด 100 กก.
        • เก้าอี้ปรับพนักพิงหลังสูงต่ำ 71-100 cm.
        • ปรับเบาะนั่งสูงต่ำ 27-50 cm. และปรับเลื่อนเข้าออกได้ถึง 6 cm. เบาะเก้าอี้ทำมาจากผ้าหนา 3 ชั้น และมีความระเอียดระดับนาโน ป้องกันไรฝุ่นและแบคทีเรีย และยังป้องกันน้ำซึมอีกด้วย
        • ขนาดของโต๊ะ 120 x 126 x 60 cm.
        • โครงเหล็กทำจาก carbon steel
        • มีสี ฟ้า ชมพุ

        สั่งซื้อคลิกเลย >> ergonotech

         

        4.โต๊ะเขียนหนังสือเด็ก FLISAT           

        โต๊ะเขียนหนังสือคุณภาพ
        ขอบคุณรูปภาพจาก IKEA

        ตัวโต๊ะออกแบบมาเป็นได้ทั้งที่วาดรูป ทำงานฝีมือ และหากจับคู่กับกล่อง รุ่น ทรูฟัสท์ หลากสีหลายขนาด ยังใช้เป็นที่เก็บของได้อีกด้วย ช่วยให้เด็กๆ หยิบของเล่นใช้ได้ง่าย และจัดเก็บให้เป็นระเบียบได้ในชั่วอึดใจ ทำให้รองรับกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ  ทั้งมุมและขาโต๊ะก็มีการออกแบบให้โค้งมน ปราศจากมุมที่แหลมคม ช่วยป้องกันอันตรายจากการวิ่งซนของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี ฝาปิดทำมาจากไม้อัดเบิร์ช, ไฟเบอร์บอร์ด, สีอะคริลิค, แล็กเกอร์อะคริลิคใส สามารถใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ เช็ดให้สะอาด หรือใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • พื้นโต๊ะและขาทำจากไม้สน, แล็กเกอร์อะคริลิคสี
        • ขนาดของโต๊ะ 83 x 58 cm.

        สั่งซื้อคลิกเลย >> IKEA

         

        5.CTREND โต๊ะสำหรับเด็ก ซีเทรน ADJUST

        CTREND โต๊ะสำหรับเด็ก ซีเทรน ADJUST
        ขอบคุณรูปภาพจาก central

        แผ่นท็อปโต๊ะผลิตจากไม้ปาร์ติเคิลปิดผิวเมลามีน ได้มาตรฐาน E1 Standard ปลอดภัยต่อเด็ก ขอบท็อปโต๊ะปิดด้วย PVC Edge อย่างหนา และมีดีไซน์โค้งมนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุการชนขอบโต๊ะสำหรับเด็กๆ หากซื้อมาหลายตัวสามารถนำโต๊ะแต่ละตัวมาต่อกันเป็นโต๊ะกิจกรรมที่ใหญ่ขึ้นได้ ขาโต๊ะทำจากเหล็ก แข็งแรงทนทานและสามารถปรับความสูงโต๊ะได้ตั้งแต่ 42.5 65 ซม.

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาดของโต๊ะ 67 x 55 x 42.5 – 65 cm.
        • มีสี แดง เขียว น้ำเงิน

        สั่งซื้อคลิกเลย >> central

        6.โต๊ะเขียนหนังสือเด็กทรงกลม MAMMUT

        โต๊ะกลมสำหรับเด็ก
        ขอบคุณรูปภาพจาก IKEA

        วัสดุของโต๊ะรุ่นนี้ทำมาจากพลาสติกโพลีโพรพิลีนปลอดสารพิษที่นอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังทนทาน มีน้ำหนักเบา ทนต่อสภาวะอากาศและการเล่นแบบสุดเหวี่ยงของเด็กๆ เหมาะสำหรับวางกลางแจ้งทำกิจกรรมต่างๆ เช่น นั่งเล่น วาดรูป ทำงานฝีมือ หรือเมื่อต้องการใช้งานในร่มก็เพียงเช็ดทำความสะอาดก็สามารถนำมาตั้งอ่านหนังสือภายในบ้านได้แล้ว การเลือกซื้อโต๊ะที่เป็นทรงกลมจะทำให้เด็กๆสามารถใช้งานได้รอบด้านและไม่เป็นอันตรายเมื่อชนกับโต๊ะ

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • เส้นผ่านศูนย์กลาง 85 cm สูง 48 cm
        • มีสี น้ำเงิน

        สั่งซื้อคลิกเลย >> IKEA

         

        7.ชุดโต๊ะเรียนหนังสือเด็กพร้อมเก้าอี้ พร้อมที่วางหนังสือ

        10 โต๊ะเขียนหนังสือ คุณภาพ ใช้งานสะดวก เสริมพัฒนาการให้ลูกน้อย
        ขอบคุณรูปภาพจากร้าน sheepymall

        รุ่นนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-6 ขวบ ตัวกระดานสามารถเขียนและลบได้ ลบง่ายและทนต่อการขีดข่วน จะทดเลขหรือจะวาดรูปเล่นก็ไม่เปลืองกระดาษ มีที่วางหนังสือหรือวางแท็บเล็ตที่อยู่ในระดับสายตา มีที่วางแก้ว วางปากกา ขอบโต๊ะดีไซน์โค้งมนไม่เป็นเหลี่ยม ตัวโต๊ะและเก้าอี้สามรถปรับขึ้นลงได้ตามที่ต้องการ มีลิ้นชักสำหรับเก็บหนังสือหรือวางคีย์บอร์ดสำหรับคอมพิวเตอร์  

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • น้ำหนักที่รับได้สูงสุด 60 กก.
        • ขนาดของโต๊ะ 60 x 82 x 73 cm.
        • มีสี ชมพู ฟ้า

        สั่งซื้อคลิกเลย >> sheepymall

         

        8.โต๊ะไม้อเนกประสงค์

        โต๊ะไม้อเนกประสงค์
        ขอบคุณรูปภาพจากร้าน playroomstyle

        ดีไซน์ของโต๊ะตัวนี้ออกแบบมาค่อนข้างกว้าง จึงสามารถรองรับกิจกรรมได้หลากหลายและใช้ได้ทีละหลายคน มีตะขอด้านข้างสำหรับแขวน tool box หรือแขวนกระเป๋า สามารถไขน็อตด้านข้างของโต๊ะเพื่อปรับระดับให้เหมาะสมกับความสูงของเด็กได้ตามช่วงอายุดังนี้

        • ความสูง 37 cm. สำหรับเด็กอายุ 18 เดือน- 7 ปี
        • ความสูง 43 cm. สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี
        • ความสูง 49 cm. สำหรับอายุ 5-7 ปี

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาดของโต๊ะ 60 x 90 x 50 cm.

        สั่งซื้อคลิกเลย >> playroomstyle

         

        9.โต๊ะเขียนหนังสือเด็กพับได้

        โต๊ะเขียนหนังสือลิ้นชักใช้งานสะดวก
        ขอบคุณรูปภาพจากร้าน yf…..shop

        ตัวโต๊ะมีน้ำหนักเบา พกพาง่ายและสะดวก ใช้เสร็จก็พับเก็บได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ไม่ต้องประกอบและวางไว้เหมือนโต๊ะอื่น อยากทำงาน ทำการบ้านตรงไหนก็ยกโต๊ะไปกางได้เลย วัสดุเป็นไม้คุณภาพดี แข็งแรงทนทาน สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกปะสงค์ได้ เขียนหนังสือหรือรับประทานอาหารก็เอาอยู่ สามารถกางใช้งานเวลาไปปิคนิคนอกสถานที่ได้ พื้นที่ใช้งานบนโต๊ะกว้าง มีช่องสำหรับวางวางแท็ปเล็ตและแก้วน้ำ 

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาดของโต๊ะ 60 x 40 x 53 cm.
        • มีสี ฟ้า เขียว ชมพู เหลือง

        สั่งซื้อคลิกเลย >> yf…..shop

         

        10.โต๊ะเขียนหนังสือเด็ก รุ่น แอดนี่ย์

        โต๊ะเขียนหนังสือลิ้นชักใช้งานสะดวก
        ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Indexlivingmall

        แบบของโต๊ะมีดีไซน์เรียบแต่แทรกมีประโยชน์การใช้สอยเพิ่มด้วยลิ้นชัก 3 ชั้น สามารถจัดเก็บหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆได้จำนวนมากได้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อเสริมสร้างวินัยที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย มาพร้อมกับสีสันที่สดใสสวยสดใส โต๊ะรุ่นผลิตจากไม้จริงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งาน ปราศจากสารอันตราย ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ปิดผิวด้วยเมลามีน จึงทนต่อความร้อนและความชื้น ใช้งานได้ยาวนานค่ะ

        รายละเอียดเพิ่มเติม

        • ขนาดของโต๊ะ 95 x 45 x 75 cm.

        สั่งซื้อคลิกเลย >> Indexlivingmall

         

        สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกซื้อโต๊ะเรียนหนังสือให้เด็กๆ คงหนีไม่พ้นการเลือกเก้าอี้คู่กับโต๊ะตัวนั้น หากโต๊ะที่เลือกมีขนาดเหมาะสมกับส่วนสูงของเด็กแล้วแต่เก้าอี้กลับไม่เป็นสัดส่วนที่เข้ากัน อาจทำให้เด็กนั่งแล้วไม่สบายตัวหรืออาจทำให้บุคลิกเสียได้เลยทีเดียว เพื่อให้เด็กสามารถนั่งหลังตรง สะโพกชิดพนักพิง รวมถึงเท้าไม่ลอยจากพื้น การเลือกซื้อสินค้าที่ขายเป็นชุดโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้สำหรับเด็กก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะชุดโต๊ะและเก้าอี้เหล่านี้มักจะออกแบบมาให้มีความสูงที่พอดีกัน

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

        บทความอื่นที่น่าสนใจ

        5 เทคนิค สอนลูกเก็บของ ฝึกวินัยแบบไม่ต้องบังคับ

        ระวังลูกนั่งหลังโก่ง-ค่อม เสี่ยงพัฒนาการช้า!

        โหลดฟรี! แฟลชการ์ด – บัตรคำ กระตุ้นการเรียนรู้ของลูก

           

          battery car

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้

          สำหรับของเล่นใกล้ตัวอย่าง รถไฟฟ้าเด็ก ถือเป็นของเล่นที่เด็กๆ หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีสักครั้ง และเป็นหนึ่งในของเล่นที่ควรมีติดบ้าน เพราะเด็กๆ มักมีพฤติกรรมชอบลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ การมีรถที่สามารถขับเคลื่อนได้จริงเป็นของตัวเองสักคัน สามารถช่วยสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องยานพาหนะให้เด็กๆได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสร้างช่วงเวลาแสนสนุกให้กับเด็กๆ ครอบครัว และเพื่อนๆของตัวเองได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกรถที่มีดีไซน์และคุณสมบัติโดดเด่นในแบบต่างๆ สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในแบบที่ต่างกันออกไป แต่จะมีวิธีการเลือกยังไงให้รู้สึกว่าเป็นคันที่ใช่สำหรับเด็กมากที่สุด วันนี้ทีมแม่ ABK มีวิธีการเลือกมาฝากกันค่ะ

          เนื่องจากปัจจุบันรถไฟฟ้าเด็กส่วนใหญ่มีดีไซน์ที่พัฒนาคล้ายกับรถจริงมากมายหลากหลายรุ่น และยังเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ มากมายมาให้เลือกซื้อ อาจทำให้คุณแม่ๆ และใครหลายคนยังลังเลว่าควรซื้อแบบไหนและรุ่นไหนดี เพราะหากซื้อคันที่มีราคาค่อนข้างสูงมา แต่ลูกกลับไม่ชอบเล่น ก็คงจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าไม่น้อย 

          เช็คลิสต์สิ่งที่ต้องดูก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

          1.ความเร็วของรถแต่ละรุ่น – ควรเลือกรถคันที่มีความเร็วเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ดูว่ารถไฟฟ้าคันนั้นขับเคลื่อนกี่มอเตอร์และวิ่งได้กี่กม./ชม. ไม่ควรเร็วหรือช้าเกินไป

          2.ช่วงอายุของเด็กที่เหมาะสมกับรถ – เนื่องจากพัฒนาการของเด็กๆในแต่ละช่วงต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทรงตัว กล้ามเนื้อที่ต้องใช้ในการบังคับ ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเล่นรถไฟฟ้า ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมเพื่อเด็กๆจะได้รับพัฒนาการอย่างเต็มที่จากการเล่นรถคันนั้น เช่น เด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 2 ปี คือช่วงเวลาที่เขาได้เปลี่ยนจากวัยทารกเข้าสู่วัยเตาะแตะ นั่นแปลว่าเด็กๆจะเริ่มมีการทรงตัว คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเลือกซื้อรถที่ช่วยประคองตัวหรือสร้างเสริมการทรงตัวให้เด็กๆ

          3.ฟังค์ชั่นเสริมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ – ยิ่งรถไฟฟ้าที่เลือกมีฟังค์ชั่นเยอะเท่าไหร่ จะยิ่งเสริมสร้างการเรียนรู้มากเท่านั้น เช่น ปุ่มเปิดปิดสวิทช์ไฟเพื่อฝึกความจำ เสียงเพลงหรือนิทานภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

          4.วัสดุที่ใช้และน้ำหนักที่รถสามารถรองรับได้ – หากเลือกรถที่ใช้วัสดุที่แข็งแรงและสามารถรองรับน้ำหนักเด็กได้จะช่วยทำให้อายุการใช้งานของรถคันนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น

          5.ระบบการบังคับรถ – หากอยากให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการบังคับทิศทาง พ่อแม่ควรเลือกรถคันที่เด็กๆสามารถบังคับเองได้ ถ้าหากกังวลว่าเด็กจะไม่สามารถบังคับทิศทางได้หรือออกนอกทิศทาง ควรเลือกซื้อรถไฟฟ้าที่มีรีโมทบังคับหรือบังคับผ่านมือถือ พ่อแม่จะได้ช่วยบังคับได้ด้วย

          6.ขนาดของรถ – ควรเลือกซื้อรถที่ขนาดพอดีกับตัวเด็ก หากเลือกเล็กเกินไปอาจจะทำให้ของเล่นชิ้นนั้นแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ หรือหากใหญ่เกินไปจนขาของเด็กไม่สามารถเหยียบคันเร่งรถได้ อาจทำให้การเล่นน่าสนุกน้อยลงสำหรับเด็กๆ

          7.ความชอบของเด็ก – สุดท้ายแล้วการตัดสินใจเลือกซื้ออาจต้องถามความชอบของเด็กๆด้วย เพราะถ้ายิ่งชอบมากเท่าไหร่อาจทำให้เด็กๆรักและดูแลของเล่นชิ้นนั้นเป็นพิเศษ

           

          วันนี้ทีมแม่ ABK คัดรถไฟฟ้าเด็ก 10 ดีไซน์สวยและมีคุณสมบัติโดดเด่นมาเป็นตัวเลือกเพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกันค่ะ

           

          1.Lamborghini 

          Lamborghini 
          ขอบคุณภาพจากร้าน toykidsshop

           

          รถรุ่นนี้จะมีความโดดเด่นอยู่ที่ประตู เนื่องจากประตูสามารถเปิดปิดขึ้นลงได้แบบปีกนก เหมาะกับเด็กๆที่ชอบความเท่สุดๆ สำหรับคันนี้เด็กสามารถบังคับรถเองได้ หรือผู้ปกครองสามารถบังคับรถจากรีโมทหรือบังคับผ่านมือถือได้ นอกจากนี้ยังมีระบบโยกและเคลื่อนตัวอยู่กับที่เหมือนรถหยอดเหรียญ มีเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ มีไฟหน้าไฟหลังเหมือนรถจริง มีเสียงเพลง หากอยากเปลี่ยนเพลงสามารถเปลี่ยนผ่าน MP3 หรือช่องเสียบ USB ได้ มีเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ขณะนั่งรถ

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 35 กก.
          • แบตเตอร์รี่ 6v 4.5AH 2 ก้อน
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 61 ยาว 103 สูง 55
          • มีสี แดง เหลืองขาว

          สั่งซื้อคลิกเลย>> toykidsshop

           

          2.รถไฟฟ้าทรงตัว หรือ Scooter

          รถไฟฟ้าทรงตัว หรือ Scooter
          ขอบคุณภาพจากร้าน lookmeebabyproducts

           

          รถคันนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-10 ปี หรือเด็กที่ต้องการจะฝึกการทรงตัว วัสดุผลิตจากพลาสติก ABS และ PP 2 ล้อหน้าเป็นล้อใหญ่ 2 ล้อหลังเป็นล้อธรรมดาหมุนได้ 360 องศา ความเร็วในการขับขี่ 3-8 กิโลเมตร/ชม. มีเสียงเพลงและเสียงเอฟเฟคให้เล่น ตัวเครื่องเป็นแบบชาร์ตไฟ

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • แข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ 50 กก.
          • แบตเตอร์รี่ 4.5 AH ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 380 W
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 42 ยาว 55 สูง 56 (ที่นั่งกว้าง 9 ยาว 19 สูง 17) ความห่างพื้นกับฐาน 12
          • มีสี แดง ขาว

          สั่งซื้อคลิกเลย>> lookmeebabyproducts

           

          3.Vespa PX-150

          Vespa PX-150
          ขอบคุณภาพจากร้าน phatrahh

           

          สำหรับเด็กที่ชอบรถจักรยานยนต์มากกว่ารถยนต์ การเลือกดีไซน์ของรถ Vespa ถือว่าสวยมีสไตล์แน่นอน สามารถเปิดเพลงผ่าน MP3 หรือช่องเสียบ USB ได้ นอกจากนี้ยังมีมีนิทาน เพลงสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมทักษะการเรียนรู้อีกด้วย เด็กๆ สามารถสตาร์ทรถด้วยกุญแจ และเก็บของเล่นส่วนตัวได้ในกล่องด้านหลังท้ายรถ

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • นั่งได้ 2 คน และรับน้ำหนักได้ 50 กก.
          • แบตเตอร์รี่ 12V 4.5 AH ขับเคลื่อน 2 มอเตอร์
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 51 ยาว 106 สูง 59
          • มีสี แดง ฟ้า ชมพู ขาว ดำ

          สั่งซื้อคลิกเลย>> monnipasang

           

          4.KUBOTA

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้
          ขอบคุณภาพจากร้าน sompra

          รถคันนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-8 ปี วัสดุผลิตจากพลาสติกเกรดพรีเมี่ยม โครงเหล็กทั้งคันแข็งแรง มีกล่องเก็บของด้านหน้าของรถและมีกระบะขนาดใหญ่ด้านหลัง สามารถขนของเล่นหรือเพื่อนตัวจิ๋วไปด้วยได้ เด็กๆ สามารถบังคับรถได้ด้วยคันเร่งที่มือ มีเสียงเอฟเฟคคล้ายรถอีแต๋น มี MP3 ช่องเสียบ USB และ SD Card ความเร็วในการขับขี่ 3-7 กม. / ชม.

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 80 kg
          • แบตเตอร์รี่ขนาด 12V 4.5 AH ขับเคลื่อนด้วย 2 มอเตอร์
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 66 ยาว 171 สูง 56
          • มีสี ฟ้าแดง

          สั่งซื้อคลิกเลย>> sompra

           

          5.รถทรงคลาสสิค

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้
          ขอบคุณภาพจากร้าน itimtoys

          ด้วยดีไซน์ที่สวยหรู ลุคคุณหนู ทำให้รถคันนี้เหมาะกับเด็กๆที่ชอบความน่ารักเป็นอย่างมาก และเหมาะสำหรับเด็กอายุ 1-2.5 ขวบ สำหรับคันนี้เด็กสามารถบังคับรถเองได้ หรือผู้ปกครองสามารถบังคับรถจากรีโมทหรือบังคับผ่านมือถือได้ วัสดุทำมาจากพลาสติกอย่างดี ทำให้แข็งแรงทนทาน (รุ่นนี้เปิดประตูไม่ได้) มีเสียงเพลง หากอยากเปลี่ยนเพลงสามารถเปลี่ยนผ่าน MP3 หรือช่องเสียบ USB ได้

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 30 กก.
          • แบตเตอร์รี่ขนาด 6v 4.5AH 2 ก้อน
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 51 ยาว 67 สูง 49
          • มีสี ขาว ชมพู น้ำเงิน แดง

          สั่งซื้อคลิกเลย>> itimtoys

           

          6.UTV  ใหญ่สุดในรุ่น ‼

          10 แบบ รถไฟฟ้าเด็ก (รถแบตเตอรี่) ที่เหมาะแก่การเรียนรู้
          ขอบคุณภาพจากร้าน sanooktoys2

          รถคันนี้เด็กสามารถบังคับเองได้ หรือผู้ปกครองสามารถบังคับรถจากรีโมทหรือบังคับผ่านมือถือได้ เบาะสามารถนั่งได้ 2 ที่นั่งมีช่องใส่ของ ความพิเศษของรถคันนี้คือเปิดหลังคาได้ เล่นต่อเนื่องได้ 60-90 นาที มีระบบแสดงระดับแบตเตอร์รี่ สามารถเปิดปิดประตูได้ ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ มีเพลงและ MP3 ถึงตัวรถจะใหญ่แต่มีสปริงโช๊คหลังทำให้รถออกตัวได้นิ่มกว่าปกติ

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับนำหนักได้ 70 กก.
          • ขับเคลื่อน 4 มอเตอร์
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 88 ยาว 135 สูง 112
          • มีสี แดง น้ำเงิน ส้ม เขียว

          สั่งซื้อคลิกเลย>> sanooktoys2

           

          7.ATV

          รถไฟฟ้าเด็ก ATV
          ขอบคุณภาพจากร้าน smilefood49

           

          ATV รุ่นนี้เอาใจเด็กๆที่ชอบซิ่งแบบลุยๆ ตัวรถมีลวดลายไม่ซ้ำใคร เด็กสามารถบังคับรถไปซ้ายขวาเดินหน้าถอยหลังเองได้ มีช่องเสียบ USB ให้เปิดเพลงได้ ขนาดของรถเหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-10 ปี

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 25 กก.
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 40 ยาว 73 สูง 51
          • มีสี แดง เหลือง ขาว

          สั่งซื้อคลิกเลย>> smilefood49

           

          8.Jeep Wrangler Rubicon 4 x 4

          รถไฟฟ้า Jeep Wrangler Rubicon 4 x 4
          ขอบคุณภาพจากร้าน wiizwitz

          คันนี้โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลดิจิทัล มีเอฟเฟคไฟกระพริบตามจังหวะการขับ มี MP3 ช่องเสียบ USB สำหรับเพลงและมีนิทานเสียงภาษาอังกฤษ พร้อมเสียงเพลงเพื่อเสริมการเรียนรู้ สามารถสตาร์ทรถได้ด้วยกุญแจมือ และบังคับผ่านพวงมาลัยพร้อมมีรีโมตควบคุมทิศทาง

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • แบตเตอร์รี่ 12V 7 AH ขับเคลื่อน 4 มอเตอร์
          • รองรับน้ำหนัก 60 กก. (น้องๆนั่งได้ 2 คน)
          • ขนาดสินค้าประมาณ กว้าง 73 ยาว 128 สูง 82
          • มีสี ดำ ขาว แดง เหลือง

          สั่งซื้อคลิกเลย>> wiizwitz

           

          9.รถแมคโคร

          รถแมคโคร
          ขอบคุณภาพจากร้าน dtoys

          สำหรับเด็กๆที่ชอบการ์ตูนหรือลวดลายต่างๆ รถคันนี้เป็นตัวเลือกที่น่ารักและดีเลยทีเดียว เพราะนอกจากลวดลายจะน่ารักโดดเด่นแล้ว เด็กๆยังสามารถสนุกไปกับการบังคับที่ตักจากคันโยกของพวงมาลัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถต่อพ่วงกระบะขนของและถอดออกได้

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 35 กก.
          • ขับเคลื่อนด้วย 1 มอเตอร์
          • มีสี เขียว เหลือง

          สั่งซื้อคลิกเลย>> dtoys

           

          10.Mercedes Benze Actor

          รถไฟฟ้าเด็ก Mercedes Benze Actor
          ขอบคุณภาพจากร้าน ababy_official

          วัสดุผลิตจากพลาสติก ABS แข็งแรงทนทานใช้งานได้นาน เด็กสามารถบังคับเองได้ หรือผู้ปกครองสามารถบังคับรถจากรีโมท มีเสียงเพลง หากอยากเปลี่ยนเพลงสามารถเปลี่ยนผ่าน MP3 หรือช่องเสียบ USB ได้ มีปุ่มแตรมีปุ่มกดเสียงเพลง เปิดประตูเข้าออกได้เหมือนรถจริง

          คุณสมบัติเพิ่มเติม

          • รับน้ำหนักได้ 40 กก.
          • ความเร็วที่วิ่งได้ 3-5 กม./ชม.
          • มีสี แดง ขาว น้ำเงิน ดำ

          สั่งซื้อคลิกเลย>> ababy_official

           

          ถึงการเลือกซื้อรถไฟฟ้าเด็กจะช่วยเสริมสร้างความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของยานพาหนะในแต่ละชนิดให้กับเด็กๆได้มากยิ่งขึ้น แต่ประโยชน์ที่จะได้จริงๆคือ คุณพ่อคุณแม่จะสามารถปลูกฝังให้เด็กได้ฝึกดูแลรักษาของเล่นของตัวเอง เพื่อให้มีรถคันโปรดของตัวเองขับได้นานหลายปี ทีมแม่ ABK หวังว่ารถที่เราหยิบมาแนะนำในวันนี้จะช่วยเป็นตัวเลือกให้คุณแม่หรือหลายๆ คนตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนะคะ

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ

          วิธีทำความสะอาดของเล่น ให้สะอาด ปลอดภัย ห่างไกลโรค

          ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

          ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF ทักษะทางสมองที่จำเป็นสำหรับลูก

            ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี

            เช็คที่นี่ วอล์คอิน-ลงทะเบียนจองคิว ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี

            รวมพิกัด ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี อายุ 5-11 ปี เข็ม 1  เปิดลงทะเบียนจองคิวที่ไหน บริการวอล์คอินฉีดวัคซีนได้ที่จุดใดบ้าง เช็คได้ที่นี่ ทีมแม่ ABK เตรียมไว้ให้แล้ว

            เช็คที่นี่ วอล์คอิน-ลงทะเบียนจองคิว ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี 

            วัคซีนเด็กไฟเซอร์ล็อตแรกได้เข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว โรงพยาบาลหลายแห่งทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด ก็เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กที่มีอายุ 5-11 ปี  ทั้งแบบลงทะเบียนจองคิวและวอล์คอิน โดยทยอยให้บริการกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรังก่อน แล้วตามด้วยเด็กปกติทั่วไป

            พิกัด ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี เขตกรุงเทพและปริมณฑล

            โรงพยาบาลศิริราช

            โรงพยาบาลศิริราช ขอแจ้งกำหนดการฉีดวัคซีน  Pfizer เข็ม 1 สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี เฉพาะเด็กที่มีโรคใน 7 โรคกลุ่มเสี่ยงที่มีรายชื่อจากภาควิชากุมารเวชศาสตร์ เท่านั้น

            โดยมีรายละเอียด ดังนี้

            วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 สถานที่ฉีดวัคซีน   คณะพยาบาลศาสตร์

            วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 สถานที่ฉีดวัคซีน   หอประชุมราชแพทยาลัย

            วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 สถานที่ฉีดวัคซีน   คณะพยาบาลศาสตร์

            วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 สถานที่ฉีดวัคซีน   คณะพยาบาลศาสตร์

            หากมีการเปลี่ยนแปลงจะประกาศแจ้งผ่านเพจ Sirirajpr

            ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี
            ประกาศโรงพยาบาลศิริราช

            โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

            เปิดให้ลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ไฟเซอร์ สำหรับเด็ก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนเลือกวัน-เวลา ในการเข้ารับบริการได้ตามภาพที่ปรากฏ

            ให้บริการฉีดวัคซีนในวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. ณ คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์

            กลุ่มเป้าหมาย

            • อายุ 5 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 12 ปี (เกิดระหว่างมกราคม 2553 ถึง กุมภาพันธ์ 2560)
            • เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง
            • ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
            ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

            และสำหรับเด็กที่อายุ 5 – 11 ปีที่เป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง แต่ไม่ได้เป็นคนไข้ของโรงพยาบาล สามารถลงทะเบียนได้แล้วเช่นกันตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ตาม QR code จากภาพด้านล่างนี้

            ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

            โรงพยาบาลราชวิถี

            เปิดให้บริการลงทะเบียนผ่าน QR Code ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไปจนกว่าวัคซีนจะหมด สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี ที่มีโรประจำตัว 7 กลุ่มโรค โดยฉีดที่ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ฝั่งลิฟท์ใหม่

            ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลราชวิถี

            ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ

            แจ้งเปิดลงทะเบียนจองคิววัคซีนป้องกัน COVID-19 เข็มที่ 1 ชนิดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) สำหรับเด็กเล็ก อายุช่วง 9-11 ปี ( เกิดตั้งแต่ 1 มี.ค. 2553 – 31 ธ.ค. 2556 ) โดยเป็นเด็กที่ศึกษานอกระบบโรงเรียน หรือนักเรียนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนจากจุดฉีดใด ๆ มาก่อน ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองในวันที่รับวัคซีน

            เริ่มลงทะเบียนวันอังคาร ที่ 8 ก.พ.2565 เวลา 09.00 น. เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 14-28 ก.พ.2565 เข้ารับบริการได้ที่ประตู 1 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ทุกวัน เวลา 9.00-16.00 น. ส่วนเด็กที่เกิดในปี 2557 เป็นต้นไป ยังไม่เปิดรับจองคิวในครั้งนี้ แต่จะมีการทยอยเปิดรับจองคิวอีกครั้งตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

            จองคิวฉีดผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

            AIS ลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์ https://www.ais.th/vaccinesforthais/

            TRUE ลงทะเบียนได้ที่ ระบบ USSD กด *707# โทรออก หรือ เว็บไซต์ https://vaccine.trueid.net/

            DTAC ลงทะเบียนได้ที่ ดีแทค แอปฯ และ เว็บไซต์ https://app.dtac.co.th/vaccine/index.html

            NT ลงทะเบียนได้ที่ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ https://covid19vaccine.ntplc.co.th/CVC/home

             โรงพยาบาลพีเอ็มจี 

            เปิดให้บริการลงทะเบียนเพื่อจองคิวเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี สุขภาพปกติ โดยสามารถสแกน QR Code เพื่อลงทะเบียนได้ และให้บริการฉีดวัคซีนในรอบแรกวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 65 นี้

            ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฟรี

            ประกาศจากโรงพยาบาลพีเอ็มจีโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เขตบางแค กทม.

            เปิด Walk-in ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี, เด็กที่มีโรคประจำตัว, เด็กที่มีการศึกษานอกระบบโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 2 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 8.30-15.00 น. รับบัตรคิวได้ที่หน่วยฉีดวัคซีน ชั้น 3 อาคารภูมิพิพัฒน์

            เอกสารหลักฐานที่ใช้ :

            • บัตรประชาชนเด็ก หรือสูติบัตร
            • ปากกาส่วนตัว
            ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลราชพิพัฒน์

            สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี (สสจ.นนทบุรี)

            เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ รอบที่ 1 สำหรับเด็กอายุ 5 ปีบริบูรณ์ ถึง อายุ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน นับถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ผ่านระบบ นนท์ kids เฉพาะผู้ที่ศึกษาอยู่ในจังหวัดนนทบุรี หรือ ทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนนทบุรี เท่านั้น

            สามารถลงทะเบียนผ่านทางลิงค์นี้  https://xn--o3cdavpl4ezlya.com/nontprompt/nontkids/  ตั้งแต่วันนี้ – 20 ก.พ.65

            สำหรับวันเวลานัดหมาย และสถานที่ฉีดวัคซีนจะเเจ้งให้ทราบภายหลังเพื่อตรวจสอบรายชื่อ ยืนยัน และรับเอกสารการเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป เบื้องต้นจะสามารถเริ่มฉีดในเดือน เมษายน 2565 เนื่องจาก วัคซีน Pfizer ที่ใช้ต้องเป็นวัคซีนสูตรสำหรับเด็ก (Pediatric formulation) เท่านั้น

            สถานที่ฉีดวัคซีนจะจัดฉีดแยกเป็นรายอำเภอขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ลงทะเบียนโดยวันฉีดผู้ปกครองสามารถเข้าไปในศูนย์ฉีดได้ 1 คน การฉีดวัคซีนจะต้องได้รับการยินยอมและอนุญาตจากผู้ปกครอง

             

            โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์

            เปิดให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มแรก ในวันที่ 18 และ 21 กุมภาพันธ์ 2565 สำหรับเด็กที่มีอายุ 5 -11 ปี ร่างกายปกติ โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน QR Code ในภาพ

            ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์

            โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง

            เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 1 สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี ร่างกายปกติ ผ่าน QR Code และสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ 14 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ ศูนย์กุมารเวชกรรม ชั้น B1 โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง

            ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง

            พิกัด ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรีต่างจังหวัด

            โรงพยาบาลพนัสนิคม ชลบุรี

            เปิด วอล์คอิน ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ก.พ.65 ตั้งแต่เวลา 12.30-15.00 น. ที่โรงพยาบาลพนัสนิคม ตึกพุทธประทานพร ชั้น G

            ฉีดวัคซีนเด็กไฟเซอร์ ฟรี
            ประกาศจากโรงพยาบาลพนัสนิคม

            โรงพยาบาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น

            ประกาศฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ร่างกายปกติ ในวันที่ 10 -11 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น สำหรับโรงเรียนในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จำนวน 7 แห่ง ได้แก่

            • รร.มหาไถ่ศึกษาขอนแก่น
            • รร.มหาไถ่ศึกษาบ้านน้อยสามเหลี่ยม
            • รร.เมทนีดล
            • รร.พิมพ์ใจวิทย์
            • รร.พัฒนาเด็ก
            • รร.พัฒนาเด็กประชาสโมสร
            • รร.การศึกษาคนตาบอดขอนแก่น

            ส่วนโรงเรียนอื่น ๆ จะประกาศให้ทราบในภายหลัง

             

            โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) จ.นครปฐม

            เปิด Walk In ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวัคซีน ไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีที่มีโรคร่วม 7 กลุ่มโรค ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 12.00-15.00 น. วันละ 100 คน โดยต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอม พร้อมนำหลักฐานการรักษาโรค/สมุดประจำตัว/ซองยาชื่อตนเอง และหลักฐานใบเกิดหรือบัตรประชาชน มาแสดงตน ณ จุดคัดกรอง

            สถานที่ฉีดวัคซีน : ชั้น 1 อาคารเลิศประชารักษ์ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง)

             

            โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก

            วันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2565 เตรียมฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรก ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) สำหรับเด็กในพื้นที่อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ซึ่งแจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนกับทางโรงเรียน/โรงพยาบาล และได้รับการนัดหมายแล้ว ดังนี้

            • เด็กนักเรียนอายุ 5-11 ปี ในวันที่ 8 ก.พ.65 ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น. ณ บริเวณโดมหน้าเสาธง โรงเรียนอนุบาลตาก ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ ฝาสีส้ม จำนวน 240 โดส
            • เด็กอายุ 5-11 ปี กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ในวันที่ 10 ก.พ.65 ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น. ณ ห้องตรวจกุมารเวชกรรม ชั้น 3 อาคารผู้ป่วยนอก รพ.ตสม. จำนวน 24 โดส

            สิ่งที่ต้องเตรียมมาด้วย

            • เอกสารแสดงความประสงค์ผู้ปกครองให้เด็กได้รับการฉีดวัคซีน
            • แบบคัดกรองก่อนรับบริการฉีดวัคซีน

            ส่วนนักเรียนอายุ 5-11 ปี ในพื้นที่อำเภอเมืองตาก ที่ประสงค์ฉีดวัคซีนสามารถแจ้งประสงค์ได้ที่โรงเรียนที่เรียนอยู่ และรอการนัดหมายฉีดจากโรงพยาบาลฯ ที่จะประกาศแผนฉีดวัคซีนรอบต่อไป ให้ทราบล่วงหน้าหากได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมแล้ว


            สำหรับสูตรการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ใช้ฝาสีส้ม (ขนาด 10 ไมโครกรัม/0.2 ml) นั้น ระยะห่างระหว่างเข็ม 8 สัปดาห์ (ระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2) ในเด็กที่แข็งแรงดี ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัวขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกุมารแพทย์ ระยะห่าง 3-12 สัปดาห์ (ระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2) ซึ่งขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มให้กับกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัวแล้ว 44,000 คน และเริ่มฉีดให้กับเด็กสุขภาพดีแล้ว

             

            การเลือกรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 สำหรับเด็กนั้นเป็นไปโดยความสมัครใจของคุณแม่คุณพ่อ ขอให้คุณแม่คุณพ่อพิจารณาตามความเหมาะสมจากข้อมูล ทั้งเรื่องอาการข้างเคียง และช่วงอายุของเด็กนะคะ

            ขอบคุณข้อมูลจาก

            ThaiPBSฐานเศรษฐกิจ

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

            หมอเตือน!! พ่อแม่เช็กก่อน..นี่คือ 6 อาการต้องเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19

            14 เรื่อง คุณแม่ต้องรู้ ก่อนฉีด วัคซีนเด็กไฟเซอร์

            หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

             

              ยื่นภาษีออนไลน์ 2565

              เช็คขั้นตอน ยื่นภาษีออนไลน์ 2565 จากภาษีเงินได้ปี 2564

              ฤดูกาล ยื่นภาษีออนไลน์ 2565 เริ่มแล้ว ยื่นที่เว็บไซต์ไหน ยื่นอย่างไร มีขั้นตอนและเอกสารอะไรที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นภาษี ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วค่ะ

              เช็คขั้นตอน ยื่นภาษีออนไลน์ 2565 จากภาษีเงินได้ปี 2564

              การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนที่มีรายได้ การยื่นภาษีในปี 2565 นี้ เริ่มวันที่ 1 มกราคม ถึง 8 เมษายน 2565 วิธีการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรค่ะ

              ข้อมูลที่ต้องใช้ในการ ยื่นภาษีออนไลน์ 2565

              การยื่นภาษีในปี 2565 เป็นการใช้ข้อมูลเงินได้ของปีก่อน คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2564 ข้อมูลที่ต้องใช้ มีดังนี้

              • ชื่อ สกุล ของผู้ยื่นภาษี และคู่สมรส
              • เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทที่ทำงานอยู่ หรือนายจ้างที่จ่ายค่าจ้างอื่น ๆ
              • ยอดเงินที่เป็นรายได้
              • ยอดที่จ่ายให้กับกองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, SSF, RMF, กองทุนประกันสังคม, กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้น
              • หนังสือรับรองการหักเสียภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
              • เลขบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรส, บุตร, บิดามารดา ที่นำมากรอกยื่นเพื่อลดหย่อนภาษี
              • หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตของผู้ยื่นภาษี และประกันสุขภาพของบิดาหรือมารดาที่นำมายื่นลดหย่อนภาษี
              • ข้อมูลการยื่นลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เช่น ใบเสร็จ หรือหนังสือรับรองการบริจาคให้แก่มูลนิธิที่กำหนด หรือสถานพยาบาล

                ยื่นภาษีออนไลน์ 2565
                เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91

              การยื่น ภ.ง.ด.90/91

              การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มี 2 แบบ คือ แบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 โดยผู้ที่มีเงินเดือน โบนัส ค่าครองชีพก็ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 ส่วนผู้ที่มีรายได้อื่น ๆ หรือมีทั้งเงินเดือนและรายได้อื่น ๆ ให้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90

              การยื่น ภ.ง.ด.90/91 มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน ได้แก่ กรอกข้อมูลผู้เสียภาษีเงินได้ กรอกเงินได้ กรอกค่าลดหย่อน ตรวจสอบข้อมูล และยืนยันข้อมูล

              ควรเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนกรอกข้อมูล เพื่อการขอคืนภาษีได้ครบถ้วน ถูกต้อง หากกรอกตัวเลขไม่ถูกต้อง ก็ต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขและอาจเสียค่าธรรมเนียมและค่าปรับภายหลัง

               

              ยื่นภาษีขั้นตอนที่ 1 กรอกข้อมูลผู้เสียภาษีเงินได้

              ยื่นภาษีออนไลน์ 2565
              log – in ลงทะเบียน

              สิ่งที่ใช้ Log In ลงทะเบียน เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th

              • เลขบัตรประจำตัวประชาชน
              • รหัสผ่าน
              • หมายเลขโทรศัพท์มือถือเพื่อรับ OTP
              ยื่นภาษีออนไลน์ 2565
              เมื่อ log – in เข้ามาแล้ว

              ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ คำนำหน้าชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ปัจจุบัน และข้อมูลการยื่นภาษีร่วมหรือแยกกับคู่สมรส เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว กด “ถัดไป” หรือ “บันทึกร่าง”

               

              ยื่นภาษีขั้นตอนที่ 2 กรอกข้อมูลเงินได้

              ยื่นภาษีออนไลน์ 2565
              กรอกข้อมูลเงินได้

              เตรียมเอกสาร 50 ทวิ ที่ได้จากการจ้างงานทั้งหมด ทั้งงานประจำจากนายจ้าง หรือฟรีแลนซ์ใช้หนังสือรับรองการหักภาษี มากรอกในรายได้ต่าง ๆ ดังนี้

              1. รายได้จากเงินเดือน เป็นเงินเดือนหรือเงินได้ตามสัญญาจ้างแรงงาน มาตรา 40(1) หรือเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน
              2. รายได้จากฟรีแลนซ์ รับจ้างทั่วไป วิชาชีพอิสระ เบี้ยประชุม หรือค่านายหน้า มาตรา 40(2) หรือ ค่าตอบแทนจากการประกอบวิชาชีพอิสระ วิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม มาตรา 40(6)
              3. รายได้จากทรัพย์สิน และการทำธุรกิจ ได้แก่
              • ค่าลิขสิทธิ์ ค่าสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และ ค่ากู๊ดวิลล์ (Goodwill) หรือ เงินได้รายปีที่ได้มาจากนิติกรรม และคำพิพากษาของศาล มาตรา 40(3)
              • ค่าเช่า ค่าผิดสัญญาเช่าซื้อหรือซื้อขายเงินผ่อน มาตรา 40(5)
              • เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของ ที่ต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญ นอกจากเครื่องมือ มาตรา 40(7)
              • เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง และเงินได้อื่นๆ มาตรา 40(8)
              • เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 40(8)
              1. รายได้จากการลงทุน ได้แก่
              • ดอกเบี้ย เงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศ ประโยชน์ใดๆ จากคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เงินเพิ่มทุน เงินลดทุน มาตรา 40(4)
              • เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไรจากหุ้น/กองทุน มาตรา 40(4)(ข)
              • เงินได้พึงประเมินที่ได้ใช้สิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น
              • กำไรจากการขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
              • กำไรจากการขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
              • กำไรจากการขายกองทุนเพื่อการออม (SSF)
              1. รายได้จากมรดกหรือได้รับมา เงินได้จากการให้หรือการรับ มาตรา 40(8)

              ยื่นภาษีขั้นตอนที่ 3 กรอกค่าลดหย่อน

              ยื่นภาษีออนไลน์ 2565
              กรอกค่าลดหย่อน
              1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว

              ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว บุตร, บิดามารดา, เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา, อุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ

              1. ค่าลดหย่อนยกเว้นด้านการออมและการลงทุน ได้แก่

              – กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

              – เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญ (กบข.)

              – เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน

              – เงินค่าชดเชยที่ได้รับตามกฎหมายแรงงาน (กรณีนำมารวมคำนวณภาษี)

              – เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

              – เงินสมทบกองทุนประกันสังคม

              – ประกันชีวิต

              – ประกันสุขภาพ

              – ประกันชีวิตแบบบำนาญ

              – ค่าซื้อหน่วยลงทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

              – ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม SSF

              – เงินลงทุนในหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนเพื่อจัดตั้ง หรือเพิ่มทุนบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับจดทะเบียนวิสาหกิจเพื่อสังคม และได้จดแจ้งการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม

              1. ค่าลดหย่อน/ยกเว้น จากสินทรัพย์และมาตรการนโยบายภาครัฐ

              – ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย

              – เงินบริจาคพรรคการเมือง

              – ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร

              1. เงินบริจาค

              – เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา/สถานพยาบาล/สภากาชาดไทย/อื่น ๆ

              ยื่นภาษีขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบข้อมูล

              ตรวจสอบข้อมูลเงินได้และรายการลดหย่อนทั้งหมด ระบบจะคำนวณการเสียภาษีมาให้ หากชำระภาษีไปแล้ว ก็จะปรากฏยอดที่ชำระไว้เกิน หากต้องการขอคืนภาษี กด ต้องการขอคืน หรือ ไม่ต้องการ และสามารถเลือกอุดหนุนเงินภาษีให้พรรคการเมืองได้ด้วย

              ยื่นภาษีขั้นตอนที่ 5 ยืนยันข้อมูล

              เมื่อกรอกข้อมูลออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกพิมพ์แบบ บันทึกร่าง หรือกดยืนยันเพื่อส่งแบบยื่นภาษี 2564 ได้ทันที หากต้องการขอคืนภาษี ให้เลือกช่องทางโอนเข้าพร้อมเพย์ หรือตามวิธีที่ประกาศในแต่ละปีของกรมสรรพากร

               

              ยื่นภาษี 2565 หมดเขตเมื่อไหร่

              โดยปกติแล้ว ในแต่ละปีจะเปิดให้ยื่นช่วง 1 มกราคม – 31 มีนาคม แต่สำหรับปี 2565 นี้ ยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2565 ยกเว้นจะมีสถานการณ์พิเศษอื่น ๆ ที่ทำให้ต้องประกาศเลื่อนการยื่นภาษีออกไป ซึ่งสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากรค่ะ

               

              ง่ายสุด ๆ ไปเลยนะคุณแม่สำหรับการยื่นภาษีออนไลน์ 2565  คุณแม่ที่ยังไม่ได้ยื่นภาษีปีนี้ก็อย่าลืมกันด้วยนะคะ แต่หากคุณแม่ไม่สะดวกยื่นภาษีออนไลน์ ก็สามารถไปยื่นภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกแห่งได้เลยค่ะ

               

              ขอบคุณข้อมูลจาก

              กรมสรรพากร, Amarin TVHD, ไทยรัฐออนไลน์

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

              วางแผน ลดหย่อนภาษี 2565 ให้ดีช่วยเซฟงบ ประหยัดเงิน

              รวม 5 สิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี คู่สมรส

              แม่ต้องรู้! ลดหย่อนภาษี ฝากครรภ์-คลอดบุตร ได้เท่าไหร่?

                ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ

                Update 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2565

                รวม 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ  ว่ามีราคาเท่าไหร่กันบ้าง พร้อมขั้นตอนการรับสมัครในปีการศึกษา 2564 – 2565 มาให้แม่ ๆ ได้เลือกและตัดสินใจก่อนพาลูกไปสมัครเรียน

                12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2564 – 2565

                ในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกนั้น ต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกันไป ไม่ว่าจะเป็น ความปลอดภัย หลักสูตรการเรียนการสอน สถานที่ การเดินทาง ความสะอาด เป็นต้น (อ่าน หมอชี้! หลักการ เลือกโรงเรียนให้ลูก โรงเรียนที่ดีต้องมี 3 ข้อนี้) แต่ค่าเทอม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจด้วยเช่นกัน ทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวม 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ มาให้แม่ ๆ ได้ตัดสินใจกันก่อนพาลูกไปสมัครเรียน ดังนี้

                12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2021-2022

                1. โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี (Ruamrudee International School : RIS) : เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

                เตรียมอนุบาล (PreK 2,3,4) :515,000 บาท ต่อปี
                ระดับชั้นอนุบาล (Kindergarten) :521,000 บาท ต่อปี
                ระดับ Grade 1 :687,000 บาท ต่อปี
                ระดับ Grade 2 – ระดับ Grade 5 :656,000 บาท ต่อปี
                ระดับ Grade 6 – ระดับ Grade 8 :685,000 บาท ต่อปี
                ระดับ Grade 9 – ระดับ Grade 12 :754,000 บาท ต่อปี
                ค่าธรรมเนียมการสมัคร = 5,000 บาทค่าลงทะเบียน = 200,000 บาท

                ข้อมูลอ้างอิงค่าเทอมจาก >> 2021–2022 RIS Minburi Tuition & Fees

                 

                2. โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา (Bangkok Patana School : BPS) : เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

                ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ รวมค่าอาหารสำหรับระดับชั้น Nursery – Grade 6
                Nursery432,000 บาท ต่อปี
                Foundation Stage 1485,700 บาท ต่อปี
                Foundation Stage 2539,700 บาท ต่อปี
                Year 1 – Year 2628,300 บาท ต่อปี
                Year 3658,300 บาท ต่อปี
                Year 4662,600 บาท ต่อปี
                Year 5663,100 บาท ต่อปี
                Year 6677,500 บาท ต่อปี
                Year 7 – Year 9696,600 บาท ต่อปี
                Year 10793,100 บาท ต่อปี
                Year 11585,700 บาท ต่อปี
                Year 12841,000 บาท ต่อปี
                Year 13622,700 บาท ต่อปี
                Capital Assessment Fee30,000 บาท ต่อปี
                EAL Fee: Year 1 – Year 9105,000 บาท ต่อปี

                ข้อมูลอ้างอิงค่าเทอมจาก >> Fee-announcement-2021-22

                 

                3. โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow International School : HIS) : เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

                โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์
                โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์
                Year Groupค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ (บาท/ปี)
                Pre Nursery – Half day439,000
                Pre Nursery – Full day499,000
                Nursery – Half day529,000
                Nursery – Full day609,000
                Reception624,500
                Year 1 – Year 5729,900
                Year 6 – Year 8813,500
                Year 9 – Year 11905,500
                Year 12 – Year 13949,800

                ข้อมูลอ้างอิงค่าเทอมจาก >> www.harrowschool.ac.th/admissions/tuition-fees

                4. โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (Shrewsbury International School, Bangkok) : เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

                ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ (บาท/ปี)
                Early YearsEY1582,600
                EY2633,600
                Pre-PrepYears 1 – 2712,200
                PrepYears 3 – 4764,100
                Years 5 – 6790,200
                SeniorYears 7 – 9819,000
                Year 101,050,600
                Year 11*700,400*
                Sixth FormYear 121,054,800
                Year 13*703,200*

                *2 terms only

                ข้อมูลอ้างอิงค่าเทอมจาก >> 2021/22 BASIC FEE STRUCTURE

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                อ่านต่อ 12 ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ ปีการศึกษา 2564 – 2565

                  เพิ่มน้ำนม

                  รีวิว Jessie Mum สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ไอเท็มคู่ใจแม่หลังคลอด มีดีการันตีด้วยรางวัล

                  รีวิวไอเทมเด็ดสำหรับแม่หลังคลอด Jessie Mum สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ตัวช่วยดีดี๊ การันตีด้วยรางวัล ผลิตจากธรรมชาติแท้ 100% ปลอดภัย เห็นผลทันใจ น้ำนมไหลดี

                  เพราะ นมแม่ คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก ซึ่งอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ช่วยสร้างภูมิต้านทานที่ดีให้กับลูกน้อยได้ไปจนโต แต่สำหรับคุณแม่หลังคลอดที่อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน คือ “น้ำนมน้อย น้ำนมไม่ค่อยไหล” ทำให้ลูกไม่พอกิน ดังนั้นตัวช่วยแรกที่คุณแม่มักจะนึกถึง คงหนีไม่พ้นอาหารจำพวกผักและผลไม้สดต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุง กระตุ้น และเพิ่มปริมาณน้ำนมให้มีมากขึ้น เช่น ขิง, หัวปลี, อินทผลัม เป็นต้น

                  แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการซื้อผักผลไม้สดๆ ทำกินได้บ่อยๆ อาจจะต้องใช้ตัวช่วยจำพวกอาหารเสริมที่มีสรรพคุณในการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นมารับประทานแทน

                  สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของดีจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณ ในการกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่ให้ไหลดี ให้ลูกน้อยกินอิ่ม และยังมีไว้สำหรับปั๊มเก็บเป็นสต๊อกได้สบายๆ  แถมยังดีต่อสุขภาพของคุณแม่ ช่วยให้ร่างกายกลับมาเหมือนเดิมได้โดยไวอีกด้วย

                  ทั้งนี้การกินสมุนไพรยังไม่ส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพ แต่คุณแม่อาจต้องระมัดระวังในเรื่องของตัวพืชสมุนไพรว่าตัวเองเคยมีประวัติการแพ้หรือไม่ ซึ่งผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนมที่ใช้สมุนไพรสกัดต้องระบุส่วนผสมที่ชัดเจน และก่อนจะซื้อต้องดูด้วยว่ามีตรารับรองจากอย. หรือมีเลขทะเบียนอาหารและยาหรือไม่ รวมถึงต้องมีข้อมูลระบุขนาดที่ควรบริโภคอย่างชัดเจน พร้อมมีคำเตือนบนฉลากผลิตภัณฑ์แบบละเอียด นอกจากนี้ สมุนไพรเพิ่มน้ำนมที่สารสกัดจากธรรมชาติ ควรผ่านการตรวจ GMP ว่าปลอดภัยต่อคุณแม่และลูก … ด้วยคุณสมบัตินี้เองทำให้ สมุนไพรเพิ่มน้ำนม Jessie Mum เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพของลูกน้อยและตัวเองเป็นอย่างดี

                  Amarin Baby & Kids ยกให้ Jessie Mum สมุนไพรเพิ่มน้ำนม เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนม
                  ที่ได้รับรางวัล EDITOR’s CHOICE
                  สาขา BEST BREASTFEEDING SUPPLEMENT
                  จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

                  เพิ่มน้ำนม

                  Jessie Mum สมุนไพรกู้น้ำนม ดีต่อใจแม่อย่างไร

                  ความดีงามของ Jessie Mum เจสซี่มัม สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ ที่มียอดขายอันดับ 1 พร้อมมีรีวิวจากคุณแม่ที่กินจริงและเห็นผลแล้วกว่า 10,000 คน เรียกได้ว่าเป็นอาหารเสริมสมุนไพรสำหรับคุณแม่หลังคลอดตัวช่วยดีดี๊ที่ห้ามพลาดเลย!!! ซึ่ง Jessie Mum ผลิตด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติแท้ 100% คุณแม่สามารถกินได้อย่างสบายใจ เพราะ Jessie Mum ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และผ่านการตรวจ GMP และยังได้รับรองฮาลาลอีกด้วย

                  ซึ่งการผลิตสมุนไพรเพิ่มน้ำนม Jessie Mum จะผ่านกระบวนการสกัดด้วยน้ำบริสุทธิ์ ต่างจากแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้วิธีการนำสมุนไพรมาอบแห้งและบดละเอียด แล้วจึงค่อยนำไปบรรจุในแคปซูล หรือทำในรูปแบบชาชงดื่ม โดยคุณแม่จะได้รับสารสำคัญไม่ถึง 100% และความเข้มข้นต่ำกว่า 90% เพราะไม่ได้ผ่านกระบวนการสกัดสารสำคัญออกมา

                  และในส่วนของความพิเศษของ Jessie Mum ที่ไม่เหมือนใคร คือ การกินเพียงแค่ 1 แคปซูล แต่ดีต่อสุขภาพเป็น 2 เท่า เพราะเขารวมไว้ซึ่งสองส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มปริมาณคุณภาพน้ำนมแม่ และอีกหนึ่งส่วนผสมช่วยในเรื่องการดูแล ฟื้นฟูบำรุงสุขภาพแม่หลังคลอดให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วค่ะ

                  ซึ่งส่วนประกอบสำคัญ ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณคุณภาพน้ำนม  ช่วยในเรื่องการผลิตน้ำนม การไหลเวียนน้ำนมแม่ให้มาดี ได้แก่ ขิง ฟีนูกรีก ลูกซัด เมล็ดผักชีล้อม ขมิ้น   ซิ้งค์ อะมิโน และแอซิดคีเลต

                  และในส่วนของวิตามิน ส่วนประกอบสำคัญ ที่มีช่วยในเรื่องการดูแลสุขภาพของคุณแม่ ช่วยบำรุงฟื้นฟูสุขภาพร่างกายหลังคลอดให้กลับมาแข็งแรง ฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกำลังวังชา สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ได้แก่ โฟลิค วิตามิน B1 วิตามิน B2 วิตามิน B12 และ D-Biotin

                  เพิ่มน้ำนม

                  เรียกได้ว่าคุณภาพอัดแน่นเต็มไปด้วยส่วนผสมที่มีประโยชน์ ธรรมชาติ 100% มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ แล้วยังช่วยบำรุงให้มีน้ำนมแม่ที่ได้ทั้งคุณภาพ และปริมาณเพียงพอสามารถแบ่งเก็บทำสต๊อกให้ลูกได้กินไปจนถึงวัยขวบ

                  ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ Jessie Mum สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ได้รับรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BREASTFEEDING SUPPLEMENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

                  หากคุณแม่สนใจ สมุนไพรเพิ่มน้ำนม Jessie Mum สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือเพื่อชมสินค้า ติดต่อผ่านทางตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

                   

                   

                    วิธีลดต้นขา

                    4 ท่า 5 วิธีลดต้นขา บอกลาขาเบียดหลังคลอดอย่างได้ผล!!

                    ต้นขาใหญ่ พุงไม่ลด ทำไงดี? บอกลาขาเบียดหลังคลอด เปลี่ยนเป็นขาเรียวเล็กอย่างได้ผลและดีต่อสุขภาพ มาดู 4 ท่า 5 วิธีลดต้นขา กันเถอะ

                    4 ท่า 5 วิธีลดต้นขา บอกลาขาเบียดหลังคลอดอย่างได้ผล!!

                    น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างท้อง เมื่อคลอดลูกแล้ว น้ำหนักหลายต่อหลายกิโลก็ไม่ได้ออกไปพร้อมลูก แถมพุง ต้นขา ก็ไม่ได้ลดลง…มองกระจกแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ แต่อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ ทีมแม่ ABK มี วิธีลดต้นขา มาฝากแม่ ๆ มาเปลี่ยนขาเบียด ให้เป็นขาเรียวสวย ด้วยวิธีที่ได้ผลและดีต่อสุขภาพกันดีกว่า

                    5 วิธีลดต้นขา ไม่ยาก!! ลดได้จริง!! แถมทำแล้วสุขภาพดี!!

                    1. เซลลูไลต์ คืออะไร?

                    ก่อนการเริ่มลดต้นขา ควรสำรวจที่ขาของคุณก่อนว่า ขาของคุณนั้นใหญ่จากสาเหตุอะไร โดยมีสาเหตุอยู่ 2 อย่าง คือขาใหญ่จากการสะสมไขมัน หรือขาใหญ่จากกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถสำรวจได้ด้วยการนั่งเหยียดขาและใช้มือบีบบริเวณต้นขาและดึงยืดออก ถ้ายืดออกได้มากแสดงว่าต้นขาของคุณใหญ่ขึ้นด้วยสาเหตุของการสะสมไขมันและเซลลูไลต์

                    เซลลูไลต์ คือการเรียงตัวที่อ่อนแอของเนื้อเยื่อในบริเวณต้นขาและบริเวณอื่นๆ ในร่างกาย ทำให้ต้นขามีผิวที่ขรุขระหรือที่เรียกกันว่าผิวเปลือกส้ม เมื่อมีก้อนไขมันมาสะสมที่ต้นขาเป็นจำนวนมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ต้นขามีความหย่อนคล้อยและมีผิวที่ขรุขระ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับเพศหญิงเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้ไขมันไปสะสมอยู่ตามต้นขาและสะโพก

                    2. ทำความเข้าใจ ทำไม? ต้นขาถึงใหญ่

                    ก่อนที่จะลดต้นขา ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าทำไมต้นขาถึงใหญ่กันก่อนค่ะ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ต้นขาใหญ่ก็มีอยู่ 5 สาเหตุด้วยกัน ดังนี้

                    • ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อมีการขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง จะทำให้เซลลูไลท์ที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได้รับการสลายออกไปจนกลายเป็นเซลลูไลท์ก้อนโตที่กำจัดได้ยากในที่สุด
                    • ชอบทานของทอด ของมัน อาหารจำพวกของทอด ๆ ของมัน ๆ  ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสมที่ต้นขาได้เช่นกัน
                    • ชอบทานอาหารที่มีรสชาติเค็มจัด  การทานรสเค็มไม่ผิด แต่หากทานมากเกินไปก็จะทำให้ต้นขาขยายใหญ่ขึ้น! เพราะการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากๆ จะทำให้ตัวบวมหน้าบวมแขนบวม โดยเฉพาะขาที่อาจจะมีเซลลูไลท์ไปสะสมอยู่เป็นจำนวนมากได้
                    • ละเลยการนวดต้นขา หลายคนอาจจะงงว่าการไม่นวดต้นขาเกี่ยวกับอะไรกับการทำให้ต้นขาเกิดเซลลูไลท์สะสมด้วย ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเกี่ยวอย่างแน่นอน เพราะในหนึ่งวันเราจะต้องเดินกันหลายร้อยก้าว ทำให้น้ำหนักส่วนมากถ่ายเทไปยังต้นขาจนทำให้ต้นขาใหญ่ขึ้นในที่สุด
                    • ดื่มน้ำเปล่าน้อย การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขาใหญ่เกิดเซลลูไลท์สะสมได้เหมือนกัน
                    อาหารลดต้นขา
                    อาหารลดต้นขา

                    3.การเลือกกินอาหารช่วยได้

                    เมื่อรู้ถึงสาเหตุกันแล้ว และ 3 สาเหตุหลักก็คือการกินอาหารที่ผิดวิธีนั่นเอง ดังนั้น การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งแรกที่จะช่วยให้ต้นขาของคุณนั้นกระชับและลดการสะสมของไขมันลดลงได้ ดังนี้

                    • อาหารรสจัดทำให้ไขมันสะสมได้ เนื่องจากการปรุงอาหารให้มีรสจัดนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความเค็มจากน้ำปลาหรือเกลือ ที่จะส่งผลต่อการมีโซเดียมในร่างกายมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเรากักเก็บไขมันส่วนเกินมากขึ้น ดังนั้นการเลือกกินอาหารที่ไม่ต้องปรุงรสจัดมาก จึงจะเป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า
                    • อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงช่วยปรับสมดุลร่างกายได้ดี เช่น โยเกิร์ต ผลไม้รสเปรี้ยว กล้วย มันฝรั่ง แคนตาลูป มะเขือเทศ ผักใบเขียวทุกชนิด จะช่วยปรับสมดุลน้ำในร่างกายและไม่มีไขมันด้วย
                    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน เช่น เค้ก น้ำอัดลม ช็อกโกแลต แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเลิกกินของพวกนี้เด็ดขาด แต่ควรกินให้น้อยลงและในปริมาณที่เหมาะสมจะเป็นผลดีต่อร่างกายของคุณ
                    • การดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน จะช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ และยังช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น

                    4. การออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพื่อลดต้นขา

                    การออกกำลังกายชนิดนี้เป็นอีก 1 วิธีลดต้นขา และยังจะช่วยให้หัวใจแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อสะโพกและกล้ามเนื้อขา และมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยสามารถทำได้ ดังนี้

                    • การเดิน หากใครชอบเดินก็ช่วยได้เช่นกัน เนื่องจากขณะที่เราเดินกล้ามเนื้อขาจะได้ทำงาน ทำให้ต้นขาของเรากระชับขึ้น ไม่เชื่อก็ลองทำดูสัก 1-2 เดือน แต่การเดินไม่ควรจะน้อยกว่า 30 นาที (เน้นเดินนะคะไม่ใช่วิ่ง)
                    • ขึ้นลงบันได สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็อาจลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้ เพราะเป็นท่าที่สามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลา โดยมีรายงานว่าการเดินขึ้นลงบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้น สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมใน 1 ปี โดยการเดินขึ้นบันไดจะสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรีต่อนาที ซึ่งมากกว่าการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการเดินลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการเดินขึ้นบันได
                    • กระโดดเชือก เป็นอีกวิธีออกกำลังกายที่สามารถช่วยลดไขมันบริเวณต้นขาได้ โดยกระโดดเพียงต่ำ ๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อยเพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง การกระโดดแบบผิด ๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปจะทำให้มีโอกาสทำให้เข่าพังจากแรงกระแทกที่สูงเกินไปได้
                    • ปั่นจักรยานลดต้นขา อีกหนึ่งวิธีลดเซลลูไลท์ต้นขา เพียงแค่คุณปั่นจักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าแบบเร็ว ๆ โดยใช้เกียร์เบา ๆ ก็สามารถช่วยเผาผลาญไขมันและเซลลูไลท์บริเวณต้นขาได้ แต่มีข้อควรระวังคือห้ามใช้เกียร์หนักและปั่นช้า เพราะจะทำให้เกิดกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ และจะยิ่งทำให้ขาใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีก

                    ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาทีหรือมากกว่านั้น โดยทำกิจกรรมดังกล่าวต่อเนื่องกันอย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือประมาณสัปดาห์ละ 150 นาที รวมทั้งหาโอกาสเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอค่ะ

                    ออกกำลังกายลดต้นขา
                    ออกกำลังกายลดต้นขา

                    5. 4 ท่าออกกำลังกายลดต้นขา

                    การออกกำลังแบบเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strenght Training) เป็นอีก 1 วิธีที่จะช่วยลดต้นขา ให้ต้นขาที่ย้วย ๆ กลับมากระชับด้วยกล้ามเนื้อแทน  การออกกำลังแบบฝึกกล้ามเนื้อเน้นออกกำลังด้วยจำนวนครั้งที่มากแต่ใช้น้ำหนักของอุปกรณ์ในการฝึกน้อย ซึ่งต่างจากการยกน้ำหนักที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อให้มีขนาดใหญ่ โดยท่าฝึกกล้ามเนื้อต้นขา มีดังนี้

                    • สควอท (Squat) ยืนตรง แยกขากว้างเท่าช่วงไหล่ ปล่อยแขนไว้ข้างลำตัวหรือยื่นแขนออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยทรงตัว จากนั้นย่อเข่าพร้อมกับดันสะโพกไปด้านหลัง โดยให้ต้นขาทำมุมขนานกับพื้น ไม่งอหลังและไม่ย่อเข่าจนหัวเข่าเลยปลายเท้า ทำเช่นนี้เซตละ 15-24 ครั้ง จำนวน 2 เซต
                    • ท่าบริหารกล้ามเนื้อต้นขา (Lunges) เตรียมพร้อมในท่ายืนก้าวขาขวาไปข้างหน้าห่างจากขาซ้ายพอประมาณ จากนั้นงอเข่าลงจนขาทั้ง 2 ข้างทำมุมตั้งฉากกับพื้น ทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า หลังตรง แล้วกลับมาอยู่ในท่าเริ่มต้น ทำเช่นนี้เซตละ 15-24 ครั้ง จำนวน 1 เซต แล้วสลับทำอีกข้างในจำนวนครั้งที่เท่ากัน
                    • ท่าสะพาน (Bridges) นอนหงายราบไปบนพื้น ชันเข่าขึ้นมาให้ส้นเท้าชิดกับก้น โดยแยกเท้าให้ห่างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่ จากนั้นยกสะโพกขึ้นมาจนลำตัวเป็นเส้นตรงตลอดแนว พร้อมกับเกร็งท้องและก้นไว้ ไม่ควรให้หัวเข่าหันออกด้านข้าง ทำเช่นนี้เซตละ 15-20 ครั้ง จำนวน 2 เซต
                    • ท่าบริหารต้นขาด้านใน (Lying Abduction) นอนตะแคงข้าง ตั้งศอกและใช้มือรองศีรษะ ขยับขาที่อยู่ข้างล่างไปข้างหน้าแล้วงอประมาณ 45 องศา เพื่อช่วยทรงตัว จากนั้นยกขาข้างที่อยู่ด้านบนขึ้นมาให้ห่างจากขาอีกข้างประมาณ 1 นิ้ว โดยเหยียดขาขนานกับพื้นและชี้ปลายเท้าเป็นแนวตรง ไม่หันปลายเท้าขึ้นข้างบน แล้วค่อย ๆ ลดขาลงโดยไม่ให้แตะขาที่อยู่ด้านล่าง ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง และสลับทำเช่นนี้อีกข้าง

                    เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 4 ท่า 5 วิธีลดต้นขา ที่ทีมแม่ ABK เอามาฝาก สรุปแล้ว การลดต้นขาสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวคุณเองและต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี การมีวินัยในการใช้ชีวิตจะช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่ดียิ่งขึ้น สำหรับเรื่องไขมันที่ต้นขาควรหลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรม เช่น การดูดไขมันหรือฉีดสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายเพราะจะได้ผลเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น การออกกำลังกายและควบคุมอาหารจะเป็นผลดีในระยะยาวมากกว่า

                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                    เมนู อาหารลดน้ำหนัก แม่หลังคลอดผอมไว..ได้คุณค่า

                    เทคนิคลดน้ำหนักหลังคลอด ฉบับญี่ปุ่น สุดง่าย เห็นผลใน 5 วัน

                    แนะนำเมนูสำหรับคุณแม่หลังคลอด ลดอาการเจ็บปวด+ฟื้นฟูร่างกาย+กระตุ้นน้ำนม

                    หลังคลอด ต้อง “อยู่ไฟ” ไหม?

                     

                    ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอนามัย, www.sanook.com, www.pobpad.com, medthai.com

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      กรมควบคุมโรคเปิดสถิติ 4 โรคมาแรง มาแน่ โรคปี 65 นอกจากโควิด

                      คุณแม่ต้องระวัง!! กรมควบคุมโรคเปิดเผยว่าในปี 2565 นี้ มี 4 โรคที่แนวโน้มผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น แล้ว 4 โรคปี 65 นี้ มีอะไรบ้าง ทีมแม่ ABK สรุปมาให้แล้วค่ะ

                      กรมควบคุมโรคเปิดสถิติ 4 โรคมาแรง มาแน่โรคปี 65 นอกจากโควิด

                      จากการแถลงของกรมควบคุมโรค เกี่ยวกับการพยากรณ์โรคภัยไข้เจ็บ ภัยสุขภาพ ภัยจากโรคติดต่อประจำปี 2565 ว่าในปี 2565 นี้ ภัยคุกคามจากการระบาดของโรคโควิด – 19 ยังมีอยู่ แต่คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง หากไม่มีสายพันธุ์อื่นเพิ่มเติม สาเหตุจากคนไทยฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเป้าหมาย ขณะนี้ฉีดไปได้ประมาณ ร้อยละ 20 หากทำได้จะสามารถควบคุมสถานการณ์การติดเชื้อรายใหม่ได้ แต่ต้องไม่มีการกลายพันธุ์เพิ่มเติม หากมีการกลายพันธุ์หรือเหตุการณ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ก็จะมีการพยากรณ์โรคขึ้น

                      โรคปี 65
                      กรมควบคุมโรคเปิดเผยว่าในปี 2565 นี้ มี 4 โรคที่แนวโน้มผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น

                       

                      4 โรคมาแรง โรคปี 65 ที่คุณแม่ต้องระวัง

                      นอกจากโควิด -19 แล้วยังมีภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยสุขภาพอื่น ๆ ที่คุกคามคนไทย ที่ควรระมัดระวัง 4 โรคในปี 65 ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก อุบัติเหตุทางถนน และ ตกน้ำจมน้ำ ดังนี้

                      1. โรคไข้หวัดใหญ่

                      ปี 2565 นี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า รวมเป็น 22,817 ราย ในช่วงฤดูฝน หรือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่การสวมหน้ากากอนามัย นอกจากป้องกันโควิดแล้ว ยังป้องกันไข้หวัดธรรมดา และไข้หวัดใหญ่ได้ด้วย ซึ่งช่วงต้นปีนี้ การสวมหน้ากากอนามัยยังเข้มงวดดีอยู่ แต่ในช่วงปลายปี หากการสวมหน้ากากอนามัยลดลง การระบาดของไข้หวัดใหญ่ก็อาจเพิ่มขึ้นได้

                      2. โรคไข้เลือดออก

                      ในปี 2565 นี้ โรคไข้เลือดออกจะระบาดเพิ่มขึ้น และจะมีผู้ป่วยประมาณ 85,000 ราย โดยปกติแล้ว ไข้เลือดออกจะระบาดปีเว้นปี หรือปีเว้น 2 ปี ซึ่งตอนนี้ถึงวงจรต้องระบาดรอบใหม่ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของคนไทย 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อน้อย ภูมิคุ้มกันจึงน้อย บวกกับกิจกรรมทางสังคมจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มสูงในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2565 และจะพบผู้ป่วยมากที่สุด ในเดือนกรกฎาคม จำนวน 13,769 ราย

                      ตอนนี้เริ่มมีการรณรงค์ป้องกันไข้เลือดออกขึ้นแล้ว เพราะมีรายงานผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกรายแรกของไทยในปี 2565 แล้ว ซึ่งเป็นผู้ใหญ่

                       

                       

                       

                      โรคปี 65
                      ไข้เลือดออก เป็นอีก 1 โรคที่มาแรงแน่ในปี 65
                       
                      3. อุบัติเหตุทางถนน
                      ในปี 2564 มีจำนวนผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนนค่อนข้างน้อย เนื่องจากการที่เราต้องอยู่ที่บ้านมากขึ้น ไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ปี 2565 คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากขึ้น โดยอยู่ที่ 1.7 หมื่น –  2 หมื่นราย หรือมากกว่านั้น ดังนั้น มาตรการการรณรงค์ การบังคับใช้กฎหมาย การร่วมมือกันปฏิบัติตามวินัยจราจรจะช่วยได้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าผู้เสียชีวิตสูงสุดจะอยู่เดือนมีนาคม และเดือนธันวาคม
                       
                      4. เด็กจมน้ำ
                      ในปี 2564 พบรายงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตจากการจมน้ำ น้อยลง จากเดิมปีละ 1 พันกว่าราย แต่ปีที่ผ่านมา มีจำนวนเพียง 500 กว่าราย เหตุผลเพราะเมื่อมีโควิด-19 ทำให้เด็กอยู่บ้านมากขึ้น ไม่มีการชวนไปเล่นน้ำ ทำให้ตัวเลขการตกน้ำ จมน้ำลดลง แต่ใน ปี 2565 นี้ โรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าเดือนมีนาคม-เมษายน อาจจะมีเด็กตกน้ำ จมน้ำมากขึ้น

                      ภัยอันตรายที่จะเกิดกับคุณแม่และลูก ๆ มีอยู่รอบตัวจริง ๆ นะคะ อย่าลืมว่านอกจากโรคโควิด -19 แล้ว ยังมีภัยทางสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องระวังอีกมาก ขอให้คุณแม่ดูแลลูก ๆ อย่างไม่ประมาทค่ะ

                       

                      ขอบคุณข้อมูลจาก

                      มติชน ออนไลน์, MGR Online

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                      พ่อแม่ต้องรู้! 10 ความแตกต่าง อาการไข้เลือดออก vs อาการโควิด 19

                      อุทาหรณ์ เด็กจมน้ำ อุบัติเหตุอันดับต้น ๆ ที่เกิดกับลูกหลาน

                      ระวัง ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก หวั่นระบาดซ้อนโควิด

                       

                       

                        คนท้องท้องผูก

                        ไขข้อข้องใจ คนท้องท้องผูก เกิดจากอะไร รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

                        คนท้องท้องผูก ทำไงดี? “ปัญหาท้องผูก” ขณะตั้งครรภ์” สาเหตุเกิดจากอะไร กินยาระบายได้ไหม วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ต้องทำอย่างไร เพื่อให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก ทีมแม่ ABK มีคำตอบจากคุณหมอนิวัฒน์ มาฝากค่ะ

                        Q1. คนท้องท้องผูก ท้องผูกขณะตั้งครรภ์มีสาเหตุมาจากอะไร?

                        ท้องผูก คือ อาการที่ขับถ่ายอุจจาระ น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์และมีอุจจาระที่มีลักษณะแข็ง (เป็นก้อนกลมๆเล็กๆ คล้ายลูกกระสุนดิน) หรือถ่ายยาก (ต้องเบ่งถ่าย) อาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย ในหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทยพบอาการท้องผูกได้ถึงร้อยละ 40 ในช่วงตั้งครรภ์ และ สูงถึงร้อยละ 50 ในช่วงหลังคลอด

                        สาเหตุทั่วไปของอาการท้องผูกในขณะตั้งครรภ์  ได้แก่

                        1. การรับประทานอาหารประเภทกากเส้นใย หรือไฟเบอร์ไม่เพียงพอ
                        2. การดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอ หญิงตั้งครรภ์หลายคนไม่ค่อยดื่มน้ำ หรือดื่มน้ำน้อยกว่าปกติเพราะกลัวว่าจะปัสสาวะบ่อย
                        3. การใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่ใช้ในขณะตั้งครรภ์ เช่น ยาบำรุงเลือดซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ และยาแคลเซี่ยม ยาแก้ปวด รวมถึงยาที่ใช้รักษาภาวะกรดไหลย้อน (Heartburn) กลุ่มแอนตาซิด (Antacid) ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้มากขึ้น
                        4. การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดินทาง หรือความรีบเร่งต่างๆ ทำให้ไม่มีเวลาในการเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา จะเข้าห้องน้ำในลักษณะปวดแล้วค่อยเข้า และกลั้นเมื่อไม่อยากเข้า เช่น เมื่อเห็นห้องน้ำไม่สะอาด การกลั้นทำให้อุจจาระค้างอยู่ในทางเดินอาหารนานกว่าปกติ  ซึ่งจะถูกถูกดูดน้ำออกจากตัวอุจจาระกลับเข้าสู่ร่างกาย อุจจาระจึงมีลักษณะแห้งและแข็งขึ้นเรื่อยๆ
                        5. ระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง (Reduce gastric motility) อาหารอยู่ในทางเดินอาหารเป็นเวลานานกว่าคนปกติ
                        6. การที่มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ หรือบางรายอาจมีเนื้องอกมดลูกขณะตั้งครรภ์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ลำไส้อาจถูกกดเบียดจนเคลื่อนไหวไม่สะดวก

                        Q2. ภาวะท้องผูกส่งผลเสียกับตัวแม่ท้อง และทารกในครรภ์อย่างไรบ้าง?

                        อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ไม่ค่อยเป็นอันตราย แม้ว่ามันจะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกไม่สุขสบาย แต่ก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายแต่ทารกในครรภ์  ยกเว้นในรายที่มีอาการท้องผูกอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นริดสีดวงทวารหนัก (hemorrhoids: เส้นเลือดดำทวารหนัก เกิดอาการบวมพองหรือยืดตัว มีอาการยื่นนูนเป็นติ่งออกมาจากทวารหนัก) ทำให้มีการขับถ่ายออกมาเป็นเลือดได้ ซึ่งถ้าเลือดออกมาก คนไข้เสียเลือดมากจะเกิดภาวะซีด อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้  อาการท้องผูกถ้าเกิดร่วมกับอาการอื่น เช่น  มีอาการปวดท้องร่วมด้วยอย่างรุนแรง การ มีเลือด หรือมูกเลือดออกมากับอุจจาระด้วย หรืออาการท้องเสียสลับกับท้องผูก อาจเป็นสัญญาณของปัญหาอื่น เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ดังนั้นถ้ามีอาการท้องผูกนานมากกว่า 2 สัปดาห์ ร่วมกับอาการปวดท้อง หรือคลื่นไส้ อาเจียน หรือมีเลือดออกขณะถ่าย หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษาด้วยยาแล้ว  ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ เพราะบางรายก้อนอุจจาระแข็งอัดแน่นจนเกิดภาวะอุดกั้นของลำไส้ (fecal impaction)ไม่สามารถถ่ายออกมาได้เอง แพทย์หรือพยาบาลอาจต้องช่วยในการล้วงเอาก้อนอุจจาระออกให้กับคนไข้ (Digital removal of faeces)

                        Q3. ท้องผูกถ่ายไม่ออกทำให้ต้องเบ่งเวลานั่งถ่าย จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่?

                        ไม่เป็นอันตรายต่อทารก สามารถเบ่งได้ แต่ต้องระมัดระวังในคุณแม่ท้องบางราย ที่มีความผิดปกติของปากมดลูก เช่น รายที่มีปากมดลูกสั้น หรือปากมดลูกปิดไม่สนิท โดยเฉพาะอายุครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่ 2-3 หรือท้องเริ่มใหญ่แล้ว อาจมีภาวะมดลูกบีบตัว ทำให้ศีรษะทารกลงไปในอุ้งเชิงกราน เมื่อศีรษะทารกอยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ รู้สึกปวดหน่วงที่ก้น เหมือนอาการปวดถ่าย เมื่อเข้าไปเบ่งถ่าย อาจทำให้เกิดภาวะทารกหลุดออกมาได้ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และมักต้องมีการบีบตัวของมดลูก หรืออาการท้องแข็งเป็นปั้น ในจังหวะที่สม่ำเสมอร่วมด้วย แต่สิ่งที่มักจะตามมาจากการที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั่งในห้องส้วมเป็นเวลานาน คือ อาการของโรคริดสีดวงทวาร

                        คนท้องท้องผูก

                        Q4. คนท้องที่มีอาการท้องผูก กินยาระบายได้หรือไม่?

                        คนท้องสามารถใช้ยาระบายได้ โดยยาที่ใช้แนะนำในกลุ่มดังต่อไปนี้

                        1. กลุ่มยาระบายออกฤทธิ์เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming agents)  เป็นยาระบายที่ไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย แต่ทำงานโดยการดูดซับน้ำเข้ามาเพิ่มในลำไส้ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้อุจจาระมีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นก้อน และ นุ่มขึ้น  และกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบตัว และถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ยาระบายประเภทนี้อาจทำให้มีอาการปวดท้องได้ ดังนั้นควรเริ่มด้วยขนาดยาที่ต่ำที่สุดและดื่มน้ำมาก ๆ  ยาระบายในกลุ่มนี้ เช่น Metamucil, Mucillin และ Agiolax  เหมาะสำหรับใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกไม่รุนแรง
                        2. ยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม (Stool softeners)  เป็นยาที่จะช่วยในการเติมน้ำลงในอุจจาระ เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มและถ่ายได้สะดวก อาจใช้เวลาหนึ่งถึงสามวันกว่าที่อุจจาระจะอ่อนตัวลง ดังนั้นยากลุ่มนี้ มักจะไม่ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้  เช่น  ด็อกคูเสทโซเดียม (Docusate Sodiam) และด็อกคูเสทแคลเซียม (Docusate Calcium) หรือชื่อทางการค้า เช่น Colace, Dialose, Surfak
                        3. ยาที่ช่วยหล่อลื่นอุจจาระ (Lubricant laxatives) เป็นยาที่กระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหว โดยการเพิ่มสารเคลือบลื่นไปที่อุจจาระหรือด้านในของลำไส้ เพื่อช่วยขับอุจจาระได้สะดวกขึ้น ยากลุ่มนี้ ได้แก่ mineral oil และ glycerin suppository (การเหน็บกลีเซอรีน) ยากลุ่มนี้ ไม่ควรใช้เป็นระยะเวลานาน เพราะตัวยาจะไปรบกวนการดูดซึมวิตามิน A, D, E, K ของร่างกาย
                        4. ยาที่ดูดน้ำกลับเข้ามาในลำไส้ (Osmotic laxatives) ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการดึงน้ำเข้าไปในลำไส้มากขึ้น  ช่วยให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น  ช่วยให้ลำไส้หดตัวมากขึ้นเพื่อเคลื่อนอุจจาระไปพร้อมกัน ยาระบายประเภทนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องและท้องอืดได้  ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น  lactulose, milk of magnesia (MOM), Polyethylene glycol (PGE)
                        5. ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulant laxative) ยากลุ่มนี้กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้โดยตรง โดยออกฤทธิ์ กระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อที่ผนังลำไส้ ยาในกลุ่มนี้ ควรพิจารณาใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ เนื่องจากเมื่อใช้ไปนานๆอาจทำให้เกิดความเคยชินของลำไส้ เมื่อไม่ใช้ยา อาจทำอาการท้องผูกเป็นมากขึ้นได้ และยาอาจกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูกได้ (ทำให้เกิดภาวะมดลูกบีบตัวก่อนกำหนดคลอด) ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ senokot และ dulcolax (bisacodyl)

                        จากยาในกลุ่มดังกล่าว  ยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม  (Stool softeners: กลุ่มที่ 2) เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ต้องอาศัยเวลาในการออกฤทธิ์  กลุ่มยาที่ดูดน้ำกลับเข้ามาในลำไส้  (Osmotic laxatives: กลุ่มที่ 4)และ กลุ่มยาระบายออกฤทธิ์เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming  agents: กลุ่มที่ 1) จึงนิยมใช้กว้างขวางกว่า และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ในกลุ่ม ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulant laxative: กลุ่มที่ 5) เนื่องจากมีผลข้างเคียงสูง

                        Q5. วิธีแก้อาการท้องผูกขณะตั้งครรภ์ แบบปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

                        คุณสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้โดย :

                        1. ดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อย 8 – 12 แก้วต่อวัน  น้ำผักหรือน้ำผลไม้และน้ำซุปโซเดียมต่ำช่วยให้อุจจาระนิ่มและถ่ายได้ง่ายขึ้น น้ำลูกพรุน เป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
                        2. กินอาหารไฟเบอร์อย่างน้อย 25-30 กรัมต่อวัน เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี ขนมปังโฮลเกรน หลีกเลี่ยงธัญพืชขัดสี เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว ธัญพืชขัดสี และพาสต้าที่มีเส้นใยอาหารต่ำและอาจทำให้ท้องผูกได้ ปรับพฤติกรรมการทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ  จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
                        3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน ว่ายน้ำ และช่วยกระตุ้นการขับถ่าย อย่างน้อย 20 ถึง 30 นาที สามครั้งต่อสัปดาห์
                        4. อย่ากลั้นอุจจาระ เข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกอยากถ่าย หรือฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา
                        5. เพิ่มอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) โพรไบโอติกส์ คือ จุลินทรีย์มีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ Acidophilus หรือ โปรไบโอติกที่พบใน นมเปรี้ยว หรือ โยเกิร์ต จะ ช่วยกระตุ้นแบคทีเรียในลำไส้ให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น

                        การรักษาอาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ควรมุ่งเน้นที่การปรับพฤติกรรมเรื่องการทานน้ำและอาหารเป็นหลัก โดยพยายามใช้ยาต่างๆให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงเมื่อใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือนานเกินไปได้ และควรเน้นที่การป้องกันไม่ให้มีอาการท้องผูกเกิดขึ้น โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดีกว่าการปล่อยให้มีอาการหรือเกิดโรคแล้วค่อยให้การรักษา

                        “It is better to prevent constipation early on rather than wait to treat it later”

                         

                        บทความโดย : นายแพทย์นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข (สูตินรีแพทย์)
                        แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ พันธุศาสตร์การแพทย์
                        มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอบกิ้น สหรัฐอเมริกา

                        สำหรับเรื่อง ปัญหา คนท้องท้องผูก ถือเป็นหนึ่งในเรื่องของ HQ  หนึ่งใน 10 ของ Power BQ (Power Baby & Kids Quotients) อาวุธที่ช่วยให้ลูกฉลาดรอบด้าน เพราะเด็กยุคนี้มีแค่ IQ และ EQ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังมี Quotient ต่างๆ ถึง 10Q นั่นคือ “10 ความฉลาด” ที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้ครบไปพร้อมกันนั่นเอง ทั้งนี้ HQ หรือ Health Quotient  คือ ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ
                        ซึ่งคนที่มี HQ ดี จะรู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เช่น กินอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ ขับถ่ายดี ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของตัวเอง ฯลฯ สำหรับเด็กเล็กเราอาจจะยังไม่เห็นพัฒนาการด้านนี้ชัดเจน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังและใส่ใจเรื่องสุขภาพ การดูแลร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกวัน เพื่อให้ลูกซึมซับและดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเอง ซึ่งก็จะเป็นการสร้าง HQ ที่ดีในตัวลูกได้ ยิ่งในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บมีเยอะขึ้น โรคใหม่ๆ แปลกๆ เชื้อโรคที่พัฒนาขึ้นจาก สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และมลภาวะต่างๆ เราจึงต้องสอนให้ลูกของเราฉลาดใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่างๆ รอบตัว เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐนั่นเองค่ะ

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

                        คนท้องกินยาพาราได้ไหม คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง ยาที่คนท้องห้ามกิน มีอะไรบ้างเช็กเลย!

                        หมอตอบชัดทุกข้อ! 10 ปัญหาสุขภาพที่แม่ต้องเจอ? ทั้ง ปัญหาคนท้อง และหลังคลอดลูก

                        แม่ท้องต้องรู้!! “ลูกดิ้น” บอกอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?

                        checklist เตรียมของก่อนคลอด ยังไงไม่บานปลายได้ของครบ

                          รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี

                          แม่เตรียมเฮ! ผลักดันสิทธิ์ รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี

                          คุณแม่ที่มีลูกยาก อยากมีลูกมานานแต่ไม่สมหวังสักที เตรียมเฮได้เลยค่ะ เพราะภาครัฐกำลังผลักดันการ รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี นับเป็นข่าวดีสำหรับหลายคนที่มีบุตรยากนะคะ

                          แม่เตรียมเฮ! ผลักดันสิทธิ์ รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี

                          เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่ลดลงต่อเนื่องมาหลายปี จนเมื่อปี 2564 จากผลสำรวจพบว่ามีเด็กเกิดใหม่อยู่ที่ 544,000 คน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี  ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประเทศในหลายด้าน หลายหน่วยงานจึงมีแนวทางเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา นั่นคือ ขับเคลื่อนเพื่อให้ ภาวะมีบุตรยาก เป็นสิทธิประโยชน์ในหลักประกันสุขภาพภาครัฐ โดยให้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยจัดทำแนวทางในครั้งนี้ นอกจากนี้  และอาจจะพิจารณาใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558  หรือพ.ร.บ.อุ้มบุญ ในการสนับสนุนครอบครัวกลุ่มหลากหลายทางเพศในการมีบุตรหากมีความพร้อม

                          รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี
                          แม่เตรียมเฮ! ผลักดันสิทธิ์ รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี

                          รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี เพื่อลดปัญหาระดับชาติ

                          ศ.นพ.กำธร พฤกษนานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ราชวิทยาสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย  กล่าวว่า  การที่อัตราเกิดประชากรไทยลดต่ำ และต่ำลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะเกิดปัญหาระดับชาติขึ้น ได้แก่ ปัญหาเรื่องประชากรติดลบ ทำให้เกิดปัญหากรเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว  ปัญหาการหลั่งไหลเข้าของแรงงานข้ามชาติ เพราะไม่มีคนในประเทศทำงานต้องมีคนเข้ามาทำงานแทน ก็จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและสังคมตามมา และปัญหาเรื่องไม่มีใครดูแลคนแก่แล้ว ซึ่งประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่จุดนั้นเช่นกัน

                          WHO ระบุว่าภาวะมีบุตรยาก เป็นโรคชนิดหนึ่ง

                          ในปัจจุบัน 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐทั้งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ ยังไม่ครอบคลุมถึงสิทธิประโยชน์ในการรักษาผู้มีบุตรยากตามสิทธิหลักประกันสุขภาพภาครัฐ เพราะว่าที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดว่าภาวะมีบุตรยาไม่ใช่โรค จึงไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้ โรงพยาบาลรัฐจึงไม่สามารถเปิดแผนกรักษาผู้มีบุตรยากได้ ทำให้คนไข้ต้องไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแทน แต่ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ภาวะมีบุตรยาก เป็นโรค ดังนั้น คนไข้ก็จะมีโอกาสเข้ารับการรักษาโรคได้ เป็นการเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงบริการ ถ้าหากโรงพยาบาลรัฐบาลสามารถที่จะให้บริการตรงนี้ได้ ค่าใช้จ่ายโดยรวมของคนไข้ก็จะถูกลง

                          ค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะมีบุตรยาก

                          ค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะมีบุตรยากนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น เรื่องของการติดตามการตกไข่ธรรมดา อยู่ที่ไม่กี่ร้อยบาท เรื่องการแก้ไขฮอร์โมนผิดปกติ หรือเนื้องอกหรือซีสต์ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ถ้าจำเป็นต้องมีการผสมเทียม ไอยูไอ อยู่ระดับหลายพัน แต่หากจำเป็นต้องทำเด็กหลอดแก้ว อาจจะอยู่ที่หลักแสนบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นอัตราในโรงเรียนแพทย์ ไม่ใช่อัตราในโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ เนื่องจากปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีการยอมรับว่าภาวะมีบุตรยากเป็นโรค การเบิกค่ารักษาพยาบาลจึงยังเป็นปัญหา หากมีการเขียนไว้ในบัตรคนไข้นอก หรือเวชระเบียนว่าเป็นผู้มีบุตรยาก ก็ไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้เลยค่ะ

                          การดำเนินการต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี

                          เรื่องแผนการแก้ไขเรื่องสิทธิในการรักษาผู้มีบุตรยากให้ฟรีนั้น ขณะนี้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกรมอนามัยได้ร่างแนวคิดต่าง ๆ แล้ว แต่เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องมากทั้งในแง่ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานหลักประกันสังคม (สปส.) และกรมบัญชีกลาง  จึงต้องใช้เวลาและอาจจะต้องดำเนินการเป็นช่วงระยะ ต้องวางเป็นระบบ คาดว่าต้องใช้เวลาในแก้ปัญหามากกว่า 1 ปี แผนงานนี้จึงจะสำเร็จ

                          เริ่มต้นสิทธิในการรักษาภาวะผู้มีบัตรยากฟรี ที่ สปสช.  

                          การดำเนินการในระยะแรกอาจจะเริ่มต้นที่ สปสช. สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองก่อน โดยจะระบุให้ชัดเจนว่า ภาวะมีบุตรยากเป็นโรคที่ต้องรับการรักษา และคนไข้คนนี้มีสิทธิที่จะเข้ารับการรักษาเหมือนกับการป่วยโรคอื่น ๆ และเมื่อมีการกำหนดในสิทธิแล้วว่าเป็นโรค โรงพยาบาลรัฐบาลจะได้เปิดหน่วย แนวทาง กระบวนการรักษาผู้มีบุตรยาก คนไข้ผู้มีบุตรยากก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงไม่ต้องไปรพ.เอกชนก็ เมื่อนำร่องในสิทธิบัตรทองแล้ว ก็จะขยายต่อไปยังสิทธิประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการต่อไปค่ะ

                          การรักษาผู้มีบุตรยากได้ฟรี ช่วยแก้ปัญหาเด็กไทยเกิดน้อยได้อย่างไร

                          จากตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย  พบว่าแก้ปัญหาได้จริงเพราะ

                          1.เป็นการสร้างความตระหนักรู้ว่ามีการให้ความสนใจและความสำคัญกับการเติบเต็มชีวิตคู่หรือครอบครัว

                          2.อายุเฉลี่ยของคนที่เข้าสู่กระบวนการรักษาลดลงประมาณ 5 ปี โดยอายุเฉลี่ยตอนนี้อยู่ที่ 32 ปี

                          ขณะที่ปัจจุบันคนไทยกว่าที่จะไปพบแพทย์เพื่อรักษาการมีบุตรยาก จะมีอายุเฉลี่ยที่ 38 ปี ซึ่งช้าไปแล้ว

                          ปัญหาที่ตามมาจากการพบแพทย์เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยากช้า

                          ปัญหาที่ตามมาของการรักษาตอนอายุมาก คือ เด็กอาจจะเป็นโรคดาวน์ซินโดรม หรือผู้มีบุตรยากอาจมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น ตกเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และท้องยาก  ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายมาก แต่หากคนไข้รู้ว่ามีสิทธิที่จะรับการรักษาได้ ก็จะทำให้เข้ารับการรักษาเร็วขึ้น อายุเฉลี่ยที่จะเข้ารับการรักษาก็จะน้อยลง ปัญหาเรื่องเด็กผิดปกติ หรือพิการก็น้อยลง ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ก็น้อยลง ท้องได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

                          รักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี
                          ภาวะการมีบุตรยาก

                          อุ้มบุญช่วยเพศหลากหลายมีลูก ต้องรอ กม. สมรสเท่าเทียม

                          กรณีการรักษาผู้มีบุตรยากนี้ ยังครอบคลุมแค่กับคนไข้ที่สามารถตั้งครรภ์เองได้อย่างมีคุณภาพ ในสถานพยาบาลที่ผ่านการตรวจสอบรับรองแล้ว และกรณีที่ไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้ตามข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนทางการแพทย์ สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อให้มีการตั้งครรภ์แทนได้

                          ส่วนกรณีครอบครัวหลากหลายทางเพศ ในพ.ร.บ.กำหนดไว้ว่า จะต้องดำเนินการในคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ขณะนี้เรื่องการสมรสของเพศเดียวกันในประเทศไทยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงยังไม่เข้าตามข้อกำหนด แต่หากในอนาคตมีการปรับปรุงกฎหมายคู่สมรสว่าไม่จำเป็นต้องเป็นหญิงชายแล้ว คู่สมรสหลากหลายทางเพศก็สามารถใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ฉบับนี้ในการช่วยการมีบุตรได้

                          สิทธิในการรักษาผู้มีบุตรยาก ฟรี นี้ นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรให้มีการผลักดัน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนประชากร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศในหลาย ๆ ด้านนะคะ ท่านใดที่มีบุตรยาก อยากให้ติดตามเรื่องนี้ ทางทีมแม่ ABK จะนำข่าวคราวมาบอกหากมีความคืบหน้าค่ะ

                          ขอบคุณข้อมูลจาก

                          กรุงเทพธุรกิจ, MGR Online

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                          อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                          การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI

                          11 สาเหตุมีลูกยาก อยากมีลูก ทำไมไม่ท้องซักที?

                          มีบุตรยาก ชี้เป้า 15 ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ช่วยสานฝันโอกาสให้ได้เป็นพ่อแม่สมปรารถนา

                           

                           

                            ชื่อเท่ๆในเกม

                            150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                            เราอาจคุ้นเคยกับการตั้งชื่อลูกตามดารา นักร้อง นักแสดง แต่วันนี้กระแสเกม โลกMetaverse กำลังมาแรงจริงๆค่ะ ลองเปลี่ยนมาดู ชื่อเท่ๆในเกม กันดีกว่าค่ะ

                            150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                            คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นสาวกเกม คงมีตัวละครในเกมที่ตัวเองชื่นชอบอยู่ไม่มากก็น้อย หรืออาจถูกใจชื่อที่ฟังดูแปลก แต่เท่ๆ เก๋ๆ ในเกมอยู่หลายชื่อ อาจจำได้บ้างไม่ได้บ้าง มาดูที่บทความนี้เลยค่ะ ทีมแม่ ABK ได้รวบรวบ ชื่อเท่ๆในเกม จากตัวละครดังๆในเกมต่างๆมาให้ได้เลือกไปตั้งชื่อลูกกันแล้วค่ะ

                            150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                            ชื่อลูกชาย

                            ชื่อชื่อเกม
                            AdonisEnsemble Stars
                            AidenBeyond Two Souls
                            AleisterROV
                            AlistairDragon Age
                            AshPokemon franchise
                            BlazeBlaze
                            BookerBioshock Infinite
                            CecilFinal Fantasy IV
                            ClaudeGrand Theft Auto III
                            CloudFinal Fantasy VII
                            CortezTimesplitters
                            CorvoDishonored
                            CreshtROV
                            CullenDragon Age
                            CyraxMortal Kombat
                            DanteDevil May Cry 4
                            DaxterJak and Daxter
                            DevlinSaboteur
                            EzioAssassin’s Creed
                            FennikROV
                            GarrettThief
                            GeraltThe Witcher III
                            GildurROV
                            GokuDragon Ball
                            GordonHalf-Life
                            GrakkROV
                            GuileStreet Fighter
                            JacobHalo
                            JaceMagic the Gathering
                            JagoKiller Instinct
                            JedahDarkstalkers 3
                            JoshUntil Dawn
                            KaneKane
                            KirbyKirby
                            KratosGod of War
                            LaytonProfessor Layton
                            LeonResident Evil 2
                            LeoricDiablo
                            ลูกชาย
                            ลูกชาย

                            150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                            ชื่อลูกชาย

                            ชื่อชื่อเกม
                            LincolnMafia 3
                            LinkThe Legend of Zelda:Majora’s Mask
                            Lu BuROV
                            LuigiMario franchise
                            LumburrROV
                            MilesSonic the Hedgehog
                            MajoraThe Legend of Zelda:Majora’s Mask
                            MarcusGears of Wars
                            MarioMario
                            MaximoMaximo Ghosts of Glory
                            NakrothROV
                            NeoThe Matrix
                            NeroDevil May Cry
                            NikoRockstar North
                            NoctisFinal Fantasy XV
                            OrmarrROV
                            OroStreet Fighter
                            PaganFar Cry 4
                            RadBionic Commando
                            RaidenMortal Kombat
                            RicoJust Cause 3
                            RufusStreet Fighter
                            RygarRygar
                            RyuStreet Fighter
                            SamusMetroid
                            ShepardMass Effect
                            SomaCastlevania
                            SonicSonic the Hedgehog
                            SoraDisney and Square Enix’s Kingdom Hearts
                            TidusFinal Fantasy X
                            TrevorGrand Theft Auto V
                            TyrionGame of Thrones
                            ThaneMass Effect
                            YoshiSuper Mario World
                            ZanisROV
                            ZephysROV
                            ZidaneFinal Fantasy
                            ลูกสาว
                            ลูกสาว

                            150 ชื่อเท่ๆในเกม พ่อแม่คอเกมห้ามพลาด

                            ชื่อลูกสาว

                            ชื่อชื่อเกม
                            AdaResident Evil II
                            AerisFinal Fantasy VII
                            AlisaTekken 6
                            AlyxHalf-Life 2
                            AnyaCall of Duty
                            AoiVirtua Fighter 3
                            Athenaplatform arcade game
                            AurielDiablo
                            AvelineAssassin Creed 3
                            BayonettaBayonetta
                            BonnieRed Dead Redemption
                            CassFallout
                            CassieMortal Kombat X
                            ChloeLife Is Strange
                            ClementineThe Walking Dead
                            DaisySuper Mario Land
                            DaphneDragon’s Lair
                            ElenaUncharted Series
                            EllieThe Last of Us
                            EponaThe Legend of Zelda
                            EvaDevil May Cry
                            FeliciaDarkstalkers
                            HelenaDead or Alive 2
                            IvySoulcalibur
                            JadeBeyond Good and Evil
                            JaneThe Walking Dead
                            JillResident Evil
                            JunkoDanganronpa
                            KairiKingdom of Hearts
                            KassandraAssassin’s Creed
                            KasumiDead or Alive
                            KatGravity Rush
                            KirstenThe Secret World
                            KitanaMortal Kombat
                            KrixiROV
                            LaraTomb Raider
                            LiaraMass Effect
                            LucinaFire Emblem Awakening
                            ชื่อเท่ๆ
                            ชื่อเท่ๆ
                            ชื่อชื่อเกม
                            MadelineCeleste
                            Mei-LungOverwatch
                            MercyOverwatch
                            MidnaThe Legend of Zelda
                            MileenaMortal Kombat II
                            MonikaDoki Doki Literature Club
                            MorriganDarkstalkers
                            NanaTogether BnB
                            NatalyaROV
                            NaviThe Legend of Zelda:Ocarina of Time
                            PaynaROV
                            PeachMario franchise
                            PhoenixAce Attorney
                            RayneBloodRayne
                            RedTransistor
                            ReginaDino Crisis
                            ReikoNamco’s Ridge Racer
                            RidleyThe Cunning God of Death
                            RikkuFinal Fantasy X
                            RosalinaSuper Mario Galaxy
                            SakuraStreet Fighter IV
                            SamanthaGone Home
                            SariaThe Legend of Zelda:Ocarina of Time
                            ScarlettBlackwood Crossing
                            SenuaHellblade Senua’s Sacrifice
                            ShodanSystem Shock
                            TaaraROV
                            TakiSoulcalibur
                            TifaFinal Fantasy VII
                            TiraSoulCaliber
                            TetraThe Legend of Zelda:The Wind Waker
                            TifaFinal Fantasy VII
                            VellaBroken Age
                            WynneDragon Age
                            XayahLeague of Legends
                            YunaFinal Fantasy X
                            ZeldaLegend of Zelda

                            คงถูกใจคุณพ่อคุณแม่สายเกมกันนะคะ กับการรวบรวม ชื่อเท่ๆในเกม จากเกมดังต่างๆ ที่ทาง ทีมแม่ ABK นำมาฝากในบทความนี้

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            ชื่อเล่นเท่ๆ เก๋ๆ ลูกชาย ลูกสาว ความหมายดีๆ อินเทรนด์!!!

                            ชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ สำหรับลูกสาวและลูกชาย

                            50 ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ใช้สอนลูก ให้พูดได้แต่เด็ก!

                            เข้าใจ “เดอะวันเดอร์วีค” รับมือลูกงอแงแบบไม่มีสาเหตุ!

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            Amarin Baby & Kids

                              น้ำตาไม่ใช่ผู้ร้าย ข้อดีของการร้องไห้

                              เมื่อ น้ำตา ไม่ใช่ผู้ร้าย!!พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกร้องไห้

                              น้ำตา ร้องไห้ ความเศร้าใช่ว่าอ่อนแอ ยิ้มเริงร่าใช่ว่าไม่เป็นไร เหตุใดพ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกร้องไห้ แสดงอารมณ์ไม่ว่าทางบวกหรือลบ เพราะน้ำตาก็มีประโยชน์นะ

                              เมื่อ น้ำตา ไม่ใช่ผู้ร้าย!!พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกร้องไห้

                              “ผู้ใหญ่ควรอนุญาตให้เด็กมีอารมณ์โกรธและเสียใจได้
                              แต่สิ่งที่เราไม่อนุญาตคือการทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม”

                              Quote จากเพจตามใจนักจิตวิทยา

                              การร้องไห้ เป็นพฤติกรรมปกติ พฤติกรรมหนึ่งของมนุษย์ การหลั่งน้ำตาสามารถกระตุ้นออกมาได้ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เช่น เสียใจ ดีใจ โกรธ เป็นต้น นักวิจัยค้นพบว่า การร้องไห้ให้ประโยชน์ทั้งต่อร่างกาย และจิตใจของมนุษย์ เริ่มตั้งแต่เราเป็นทารกกันเลยทีเดียว

                              มนุษย์ร้องไห้…ทำไม?

                              • เพื่อขับของเสีย และอารมณ์ขุ่นมัวออกจากร่างกาย ดวงตาทำหน้าที่ผลิตน้ำตา ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
                                • น้ำหล่อเลี้ยงตา เป็นน้ำที่อยู่ในดวงตาตลอดเวลา คอยสร้างความหล่อลื่น บำรุงและปกป้องกระจกตา ทั้งยังเป็นเกราะป้องกันดวงตาจากฝุ่นผงต่าง ๆ
                                • น้ำตาจากสิ่งเร้าภายนอก จะถูกสร้างขึ้นก็ต่อเมื่อดวงตาต้องการขจัดสารก่อความระคายเคืองที่เป็นอันตราย เช่น วัตถุแปลกปลอม ควัน หรือสารบางชนิดจากหัวหอม น้ำตาชนิดนี้ผลิตออกมาในปริมาณที่มากกว่าน้ำหล่อเลี้ยงตาปกติ และอาจประกอบด้วยสารภูมิต้านทานเพื่อใช้ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย
                                • น้ำตาจากอารมณ์ น้ำตาที่ตอบสนองต่ออารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เช่น เสียใจ ดีใจ หวาดกลัว เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์บางคนคาดว่าน้ำตาจากอารมณ์อาจประกอบด้วยฮอร์โมนและโปรตีนชนิดอื่น ๆ ที่ไม่พบในน้ำหล่อเลี้ยงตาหรือน้ำตาจากสิ่งเร้าภายนอก

                                  ประโยชน์ของ น้ำตา
                                  ประโยชน์ของ น้ำตา
                              • เพื่อปลดปล่อยหรือผ่อนคลายอารมณ์อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะร้องไห้เพราะความเศร้า ความเครียด หรือความสะเทือนอารมณ์จากการดูภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวเอง และส่งผลดีต่อสุขภาพจิต
                              • การร้องไห้ช่วยให้ทารกหายใจครั้งแรกได้ การร้องไห้ครั้งแรกของเด็กแรกเกิด คือเสียงร้องที่สำคัญมาก ตอนอยู่ในท้องทารกได้รับออกซิเจนภายในมดลูกผ่านสายสะดือจากแม่ เมื่อคลอดออกมาแล้วต้องหายใจเอง เสียงร้องแรกของเด็กแรกเกิดเป็นการกระตุ้นการทำงานของปอด
                              • การร้องไห้ช่วยให้เด็กหลับดีขึ้นในเวลากลางคืน มีงานวิจัยที่ทดลองให้ปล่อยเด็กทารกร้องไห้บนเตียงไปสักระยะเวลาหนึ่ง ถึงค่อยให้พ่อแม่เข้ามาปลอบ และพาเข้านอน พบว่าเด็กกลุ่มนี้สามารถนอนหลับได้ยาวขึ้น และลดจำนวนการตื่นระหว่างคืนได้อีกด้วย และยังศึกษาต่อไปพบว่าไม่ก่อให้เกิดความเครียด หรือส่งผลเสียต่อสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกด้วย

                                น้ำตา ช่วยปลอบประโลมจิตใจลูก
                                น้ำตา ช่วยปลอบประโลมจิตใจลูก

                              ทำไมจึงควรอนุญาตให้เด็กร้องไห้?

                              วัยอนุบาล เป็นวัยที่มีความกังวลต่อความพลัดพรากจากพ่อแม่สูง “เป็นธรรมดา”
                              เด็กหลายคนเจอคนแปลกหน้า ถูกแยกจากพ่อแม่ อาจจะมีความกังวล จนร้องไห้
                              เด็กหลายคนร้องไห้ อาจจะเพราะ ง่วง หิว หนาว กลัว เสียใจ นอนไม่พอ ฯลฯ
                              การร้องไห้ เป็นการระบายความรู้สึกที่ท่วมท้น ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่ความผิดปกติ
                              การร้องไห้ เป็นส่วนหนึ่งของการปรับให้สมองเข้าสู่ภาวะปกติ
                              การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเป็นเด็กสุขภาพจิตเสีย
                              การร้องไห้ไม่ควรถูกนำมาตัดสิน ว่าไม่เก่ง ไม่ฉลาด ไม่มีศักยภาพ อ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง
                              การร้องไห้เป็นรูปแบบของการสื่อสาร ที่ทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ได้
                              เด็ก (และเราทุกคน) ควรได้รับอนุญาตให้ร้องไห้ได้
                              การร้องไห้ เป็นการตอบสนองของร่างกายตามธรรมชาติ
                              การร้องไห้ไม่ได้ทำร้ายใคร ทั้งตัวเองและผู้อื่น
                              อย่าทำให้ใครรู้สึกผิด
                              ตั้งแต่ยังเล็กที่เขาร้องไห้
                              เพราะการเป็นผู้ใหญ่ที่ร้องไห้ออกมาไม่ได้
                              … มันช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายและน่าเศร้า
                              #หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
                              ผู้อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการร้องไห้เป็นกลไกทำให้สมองเข้าสู่ภาวะสมดุล
                              ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก ข้อความบางส่วนจากเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

                              น้ำตาจึงไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่ยังอยู่ในวัยเรียนรู้ การที่เขายังมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ ทั้งทางด้านร่างกาย และอารมณ์ เด็กในวัย 2-6 ปี วัยอนุบาลนั้นยังไม่ใช่วัยที่สามารถแยกจากพ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์ การวิตกกังวล การกลัวการแยกจาก การที่ไม่เห็นหน้าพ่อแม่แล้วร้องไห้จึงเป็นเรื่องปกติ การที่เด็กไม่สามารถเรียนรู้การจัดการอารมณ์ของเขาได้ต่างหาก ที่เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรใส่ใจ มิใช่การห้ามไม่ให้ลูกแสดงออกมา เก็บกดไว้ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอ แต่ควรสอนให้เขารับรู้อารมณ์ เข้าใจ ตอบสนอง และแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้อย่างเหมาะสมต่างหาก

                              พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกมี น้ำตา
                              พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกมี น้ำตา

                              น้ำตาไม่ใช่ผู้ร้าย!!

                              มีรายงานว่าคนเรามักรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้ร้องไห้ นั่นอาจเป็นเพราะการร้องไห้ทำให้เราได้สำรวจตรวจดูสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ของเราและหาทางก้าวผ่านอารมณ์ และความคิดเหล่านั้นไปได้ ในเด็กก็เช่นกัน การให้เขาได้รับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไร เพื่อให้เด็กได้ยอมรับกับอารมณ์ตัวเองเสียก่อน จากนั้นเมื่อยอมรับเขาก็จะสามารถพิจารณาได้ว่าสิ่งใดที่ไปกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ด้านลบ เช่น เสียใจ โกรธ เป็นต้น และเมื่อทราบที่มาที่ไปของอารมณ์แล้ว การจะจัดการกับอารมณ์ตนเองในครั้งถัด ๆ ไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

                              Lauren Bylsma ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์และจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กในรัฐเพนซิลวาเนียกล่าวว่าการร้องไห้อาจช่วยให้เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา โดยเฉพาะหากร้องไห้กับสิ่งที่ทำให้เสียใจโดยที่ไม่คาดคิด และว่าคนบางคนอาจรู้สึกดีกว่าเวลาที่ร้องไห้คนเดียวหรือในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย มากกว่าในที่ที่อาจทำให้รู้สึกอาย

                              ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการสะกดกลั้นน้ำตาอาจส่งผลเสียต่อตัวเอง และความรู้สึกที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการจัดการนั้น และยังเป็นเส้นทางสำคัญที่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าอีกด้วย

                              ร้องไห้ใช่อ่อนแอ ยิ้มให้ใช่มีความสุข!!

                              พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากเห็นลูกมีความสุข จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกพอใจ ยิ้มแย้ม แต่ในโลกความเป็นจริงเราไม่สามารถกำหนดให้ลูกพบเจอแต่ความสมหวัง หรือมีความสุขตลอดเวลาได้ เมื่อลูกพบเจอเรื่องเศร้า เรื่องโกรธจนร้องไห้ หรืออาละวาด พ่อแม่จึงมักสั่งให้ลูกหยุด และเก็บกดอารมณ์ทางลบนั้นไว้ โดยที่เด็กยังไม่สามารถจัดการกับอารมณ์นั้นได้ แต่ในความเป็นจริงเด็กที่มีความสุข คือ เด็กที่สามารถจัดการกับอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งดี และไม่ดีได้อย่างเหมาะสม พ่อแม่มีหน้าที่สอนให้เขารับรู้ รับมือ และจัดการอารมณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้ลูกมีความสุขอย่างแท้จริง

                              ช่วยลูกให้หยุดร้องไห้!!

                              ถึงแม้ว่าน้ำตาจะมีประโยชน์ช่วยเราในหลาย ๆ เรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่า สังคมภายนอกยังมีค่านิยมในเรื่องนี้ เช่น น้ำตาเท่ากับอ่อนแอ เด็กผู้ชายไม่ควรร้องไห้ให้ใครเห็น เป็นต้น ดังนั้นแทนที่เราจะแก้ปัญหาให้ลูกด้วยการสั่งให้เขาหยุดร้อง เราสามารถช่วยลูกให้จัดการกับอารมณ์ทางด้านลบของเขาด้วยวิธีทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้น โดยเราขอยกคำแนะนำดี ๆ ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร หรือ หมอโอ๋ กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดีฯ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน กับวิธีช่วยลูกเมื่อร้องไห้ ดังนี้

                              ช่วยลูกหยุดร้องไห้ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
                              ช่วยลูกหยุดร้องไห้ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
                              อยากให้ลูกหยุดร้องไห้ ไม่ได้ทำได้ด้วยการ “สั่ง”
                              แต่ทำได้ด้วยการทำให้ลูก “รู้สึกดีขึ้น”
                              ช่วยลูกเมื่อร้องไห้…
                              1. อย่าห้ามลูกเวลาร้องไห้ แต่ควรแสดงความเข้าใจในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
                              2. ประโยค “แม่เข้าใจเลยที่หนูจะเสียใจ” “มันน่าเสียใจจริงๆนะ” “หนูร้องไห้ได้นะ ถ้ารู้สึกแย่” เป็นประโยคที่พ่อแม่พูดได้ ถ้ารู้สึกเข้าใจสิ่งนั้นจริงๆ
                              3.หลีกเลี่ยง “ร้องทำไมเรื่องแค่นี้เอง” ความเจ็บปวดของใคร ก็เป็นเรื่องของใจ คนๆนั้น
                              4. ขณะลูกร้องไห้ การกอดลูกแล้วบอกว่า “แม่อยู่ตรงนี้นะ” “มีอะไรให้แม่ช่วยให้หนูดีขึ้นมั้ย” คือของขวัญทางจิตใจที่มอบให้ลูก
                              5. อย่าบอกลูก “ไม่ร้องไห้” แต่บอกลูกได้ “ดีขึ้นแล้ว หายเจ็บแล้ว เราหยุดร้องไห้กันได้นะ”
                              6. มันคือเรื่องน่าเศร้าที่ใครสักคนต้องเติบโตมา กับการต้องคอยบอกกับตัวเอง ว่า “ฉันไม่เป็นไร”
                              ทั้งๆที่ความเป็นจริงการยอมรับกับความรู้สึกตัวเอง คือการเริ่มต้นที่กล้าหาญ ของการเยียวยาจิตใจ #ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน
                              7. การกล้าเผชิญและยอมรับกับความเศร้า เป็นสัญญาณว่าเราคือคนที่เข้าใจ รู้จัก และรักตัวเองดี
                              8. การที่รู้สึกว่าเราก็แพ้ได้ ร้องไห้เป็น จะทำให้เราเข้าใจได้ว่า เราต่างก็เป็นมนุษย์ธรรมดาดีๆนี่เอง #ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน
                              9. การยอมรับและทำความเข้าใจกับความรู้สึก จะทำให้เราอยู่กับความรู้สึกได้ดี…ไปชั่วชีวิต
                              รักลูก… เรามาช่วยเด็กๆ ให้เข้มแข็งในวิธีที่เป็นผลดีกับจิตใจกันนะคะ
                              คนที่เข้มแข็งไม่ใช่คนที่ไม่ร้องไห้
                              แต่เป็นคนที่ “กล้าร้องไห้…เพื่อให้ตัวเองดีขึ้น”
                              ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก ข้อความบางส่วนจากเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

                              เมื่อวันที่เรารู้สึกแย่ เราอาจต้องการเพียงใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง มอบพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เราให้ได้รู้สึกดีขึ้น พ่อแม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยของลูกได้เช่นกัน เมื่อเขาร้องไห้ รู้สึกไม่ดี เพียงแค่อ้อมกอดจากพ่อแม่ก็สามารถปลอบประโลมให้จิตใจ อารมณ์ของลูกให้สงบลงได้อย่างแท้จริง ไม่ต้องเก็บกดความรู้สึกนั้นไว้ เพื่อรอวันระเบิด หรือทำให้เกิดปัญหาพฤติกรรมของลูกในอนาคตได้

                              ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com/www.healthline.com/เพจตามใจนักจิตวิทยา

                              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                              ลูกร้องไห้งอแง ทารกร้องแบบไหนเรียกว่าผิดปกติ?

                              รับฟังลูก อย่างไรให้เขาอยากเล่า และพูดอย่างไรให้ลูกฟัง

                              หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

                              ประโยชน์ของการ รักกันให้ลูกเห็น พ่อแม่ยิ่งรักกัน ยิ่งดีต่อใจลูก

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม

                                ไขข้อข้องใจ!! คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม ?

                                คุณแม่มือใหม่โพสต์ถามคำถาม จนกลายเป็นประเด็นในโซเชียลมีเดียว่า คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม วันนี้ทีมแม่ ABK จะพามารู้จักพืชกระท่อมและหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะคุณแม่

                                ไขข้อข้องใจ!! คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม

                                ภายหลังจากที่ได้มีการปลดล็อกให้ “พืชกระท่อม” ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป โดยประชาชนสามารถปลูกพืชกระท่อมได้อย่างเสรี หรือจะบริโภคก็สามารถทำได้นั้น ทำให้คนทั่วไป หันมาบริโภคพืชกระท่อมกันอย่างกว้างขวาง จนเกิดประเด็นปัญหาเรื่อง คนท้องกินน้ำกระท่อม ขึ้นมา กรณีนี้เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center Thailand wfh โพสต์เตือนข่าวปลอม โดยระบุข้อความว่า ตามที่ได้มีการส่งต่อข้อความในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง คนท้องสามารถดื่มน้ำกระท่อมได้ โดยไม่ส่งผลต่อสุขภาพแม่ หรือทารกในครรภ์ นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ

                                คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม
                                ไขข้อข้องใจ!! คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม

                                รู้จักพืชกระท่อมก่อนตอบคำถาม – คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม

                                กระท่อมเป็นไม้ยืนต้นที่พบมากในแถบภาคใต้ และภาคกลางของประเทศไทย อยู่คู่กับวิถีชาวบ้านของคนไทยมาช้านาน มีการใช้ใบกระท่อมมีหลายรูปแบบ เช่น บดเป็นผง ละลายน้ำดื่ม หรือเคี้ยวใบสด นิยมบริโภคแบบเคี้ยวใบสด เคี้ยวเหลือแต่กาก แล้วคายออก หรือเอาใบมาย่างให้เกรียม และตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำพริก รับประทานเป็นอาหาร โดยชาวบ้านในสมัยก่อนที่ทำไร่ ทำสอน นิยมนำใบกระท่อมมาเคี้ยว เพื่อให้มีแรงทำงาน ทำงานได้นานขึ้น ทนแดดมากขึ้น กลางแจ้งได้เป็นเวลานาน โดยไม่รู้สึกเหนื่อย ซึ่งเป็นการใช้แบบวิถีชุมชน

                                กระท่อมกับสรรพคุณทางยา

                                นอกจากนี้ตามภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้าน ตัวใบกระท่อมเองนั้น ยังมีสรรพคุณทางยา นำส่วนของเปลือกและใบกระท่อมมาใช้เป็นยารักษาแก้ท้องร่วง ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้บิด ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยคลายเครียด คลายกังวล ทำให้นอนหลับ และระงับประสาท โดยเคี้ยวใบกระท่อมที่แกะก้านใบออก อาจกลืนหรือคายกาก แล้วดื่มน้ำตาม

                                สารอันตรายในใบกระท่อม

                                ใบกระท่อมนั้นไม่ได้มีประโยชน์เพียงด้านเดียว โทษของใบกระท่อม ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน สำหรับสารเสพติดที่พบในใบกระท่อม คือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) เป็นสารจำพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง (CNS depressant) เช่นเดียวกับยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน เช่น psilocybin LSD โดยใบกระท่อมนั้นมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ออกฤทธิ์คล้ายแอมเฟตามีน หรือยาบ้า

                                ผลข้างเคียงจากใบกระท่อม

                                หากใช้มากเกินไป หรือใช้อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติได้หลายรูปแบบ เช่น

                                • เบื่ออาหาร
                                • ปากแห้ง
                                • หนาวสั่น
                                • ปัสสาวะบ่อย
                                • ท้องผูก
                                • คลื่นไส้ อาเจียน
                                • นอนไม่หลับ
                                • หวาดระแวง
                                • เห็นภาพหลอน

                                คนท้องห้ามกินน้ำกระท่อม  มีผลต่อลูกในท้อง

                                พบข้อมูลรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับที่เกิดกับหญิงตั้งท้องและลูกในท้องที่ได้รับกระท่อมก่อนการคลอด โดยกลุ่มคุณแม่ท้องที่ใช้กระท่อมระหว่างตั้งครรภ์ 6 ราย ช่วงอายุ 37-39 ปี มีเหตุผลการใช้ที่ต่างกันออกไปตามวิจารณญาณของแพทย์ เช่น ใช้เพื่อการลดอาการปวด, ลดความวิตกกังวล, บรรเทาอาการถอนยากลุ่ม Opioid และใช้เพื่อมีผลคล้ายกลุ่ม Opioid โดยใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น บางรายดื่มชากระท่อมเป็นเวลา 3-4 ครั้งต่อวัน บางรายดื่มชากระท่อมเป็นประจำทุกวัน บางรายใช้กระท่อมเป็นประจำทุกวัน ขนาด 18 – 20 กรัม ฯลฯ พบว่าทั้งแม่และเด็ก มีอาการถอนยากระท่อม โดยอาการของคุณแม่ท้องที่มีอาการถอนยาจากกระท่อม จะแสดงอาการวิตกกังวล ขนลุกกระสับกระส่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ

                                คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหม
                                คนท้องห้ามกินน้ำกระท่อม มีผลต่อลูกในท้อง

                                อาการของทารกที่คลอดออกมา

                                นอกจากนี้พบอาการขาดยาในทารก (Neonatal Abstinence Syndrome : NAS) ที่คุณแม่ท้องใช้สารเสพติดประเภท เฮโรอีน และกลุ่มบรรเทาอาการปวดหรือยาแก้ปวด ทารกจะมีอาการหายใจหอบ เร็ว ถ่ายเหลว อาเจียน ตัวสั่น เกร็ง เป็นต้น ดังนั้น หากคุณแม่ท้องมีความประสงค์ใช้กระท่อม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและลูกน้อย

                                กระท่อมนับเป็นพืชที่มีประโยชน์และมีโทษ การจะบริโภคควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน คำตอบของคำถามที่ว่า คนท้องกินน้ำกระท่อมได้ไหมนั้น ตอบได้ด้วยผลการทดลองที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ส่งผลเสียต่อคุณแม่และคุณลูกค่ะ ทั้งนี้ข้อมูลการศึกษายังไม่แน่ชัด และมีหลายปัจจัย หากมีความจำเป็นไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ ก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้นะคะ

                                 

                                ขอบคุณข้อมูลจาก

                                ไทยรัฐออนไลน์, Fascino

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                แจกสูตร เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน กินอย่างไรให้ลงลูก

                                 

                                ท่องเอาไว้! อาหารที่คนท้องไม่ควรกิน ห้ามกินเด็ดขาด

                                10 อาหารที่คนท้องควรกิน พร้อมเมนูอร่อยสำหรับแม่และลูก

                                 

                                  ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็ก

                                  อนุมัติแล้ว! ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็ก 6 ขวบขึ้นไป

                                  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ไฟเขียวแล้ว ให้เด็กอายุ 6 ขวบ ขึ้นไป ฉีดวัดซีนป้องกัน โควิด – 19 ซิโนแวค ซิโนฟาร์มในเด็ก โดยไม่ต้องปรับขนาดยา

                                  อนุมัติแล้ว! ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็ก 6 ขวบขึ้นไป ฉีดได้เลย

                                  ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็ก
                                  อย. ไฟเขียวแล้ว ให้เด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปฉีดวัดซีนป้องกันโควิด – 19 ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม ในเด็ก

                                  ปัจจุบัน วัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ได้รับอนุญาตให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อมา ได้มีการขอขยายอายุในช่วง 3-17 ปี เพิ่มขึ้น ซึ่งกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ได้พิจารณาถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยแล้ว ได้อนุมัติให้ขยายอายุกลุ่มผู้ใช้ ตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ส่วนในกรณีที่ต้องการให้ขยายช่วงอายุให้ครอบคลุมในกลุ่ม 3 – 5 ปี นั้น ทาง อย. ได้แจ้งให้ผู้รับอนุญาตทั้ง 2 ราย ส่งข้อมูลเพิ่มเติมโดยเร็วเพื่อพิจารณาต่อไป

                                  ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็ก อายุ 6 ปีขึ้นไป ใช้ 0.5 มล.

                                  จากการประเมินความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีน พบว่าทั้งซิโนแวค – ซิโนฟาร์มที่เริ่มฉีดในต่างประเทศนั้น ได้เริ่มฉีดในผู้อายุ 12-17 ปี และอายุ 5-11 ปี ไล่ตามลำดับ ในไทยจึงมีข้อมูลชัดเจนในผู้ที่มีอายุ 6-17 ปี ทางผู้เชี่ยวชาญจึงมีความเห็นว่าควรใช้วัคซีนเริ่มต้นในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปก่อน โดยขนาดการใช้วัคซีนอยู่ที่ 0.5 มล. เท่ากันหมดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนระยะการฉีดเข็ม 1 ห่างจากเข็ม 2 ประมาณ 21-28 วัน เท่ากับวัคซีนผู้ใหญ่เช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก เมื่อศึกษาการใช้วัคซีนเชื้อตายในปริมาณเท่ากันตามระยะของอายุแล้ว พบว่า ใช้วัคซีนเท่ากันในเด็กและผู้ใหญ่ภูมิต้านทานไม่สูงมากกว่ากันเท่าไหร่

                                  ความแตกต่างระหว่างอาการข้างเคียงในเด็กและผู้ใหญ่

                                  สำหรับข้อกังวลที่ว่า หากใช้วัคซีนเด็กโดสเท่ากับผู้ใหญ่จะทำให้เด็กพบอาการข้างเคียงมากกว่าหรือไม่นั้น พบว่าจากข้อมูลในประเทศจีนซึ่งฉีดเด็กไปแล้วกว่า 235 ล้านโดส พบว่า มีความปลอดภัย ไม่มีปัญหามากกว่าผู้ใหญ่ อาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดก็ใกล้เคียงกัน คือ ปวดแขน เป็นไข้ ปวดเมื่อย ส่วนผลข้างเคียงรุนแรง นั้น ไม่ต่างกับวัคซีนอื่น ๆ แต่พบได้น้อยมาก

                                  ความกังวลของผู้ปกครองเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ในเด็ก

                                  ทาง อย. ยืนยันว่าหลังจากที่พิจารณาผลการศึกษาที่เกิดจากการฉีดในเด็กที่อายุ 6 ขวบขึ้นไปแล้ว พบว่าปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย คล้ายคลึงกับผลข้างเคียงที่เกิดกับผู้ใหญ่ การฉีดวัคซีนเชื้อตายนั้น ก็เหมือนกับเอาเชื้อที่อ่อนฤทธิ์มาสร้างภูมิต้านทาน ในร่างกาย ดังนั้น การจะรับวัคซีนเข้าไปมากหรือน้อยก็ไม่มีผลในเรื่องของการกระตุ้นภูมิต้านทาน ส่วนสารที่เป็นองค์ประกอบก็มีปริมาณเท่ากับที่ใส่ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จึงไม่เป็นอันตราย

                                  ซิโนแวค-ซินโนฟาร์ม ในเด็ก
                                  เด็ก 6 ขวบขึ้นไป สามารถฉีดวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ได้แล้ว

                                  เด็ก 5-11 ปีติดเชื้อเพิ่ม 6% ในการระบาดระลอกใหม่

                                  สำหรับข้อมูลการติดเชื้อโควิด – 19 ของเด็กในแต่ละช่วงอายุที่รวบรวมมานั้น มีดังนี้ค่ะ

                                  ข้อมูลเด็กติดโควิดช่วงอายุ 5-11 ปี

                                  • ช่วงเม.ย.-31 ธ.ค.64 จำนวน 123,403 คน
                                  • ช่วง ม.ค.-2 ก.พ.65 ติดเชื้อสะสม 13,600 คน

                                  ข้อมูลเด็กติดโควิดช่วงอายุ 12-17 ปี

                                  • ช่วงปี 64 ติดเชื้อสะสม 111,952 คน
                                  • ช่วงม.ค.-2 ก.พ.65 ติดเชื้อสะสม 10,226 คน

                                  จากข้อมูลพบว่ากลุ่มเด็กที่ติดโควิดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอายุ 5-11 ปีเพิ่มขึ้น 6 % ส่วนกลุ่มอายุ 12-17 ปีติดเชื้อ 5.6 % ถ้าเทียบช่วงเม.ย.64 ที่ติดเชื้อแค่ 1 %

                                  ในสถานการณ์ที่เด็ก ๆ ติดเชื้อโควิด – 19 มากขึ้นและติดได้ง่ายขึ้น การมีวัคซีนที่ปลอดภัยและผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วก็จะเป็นทางเลือกมาฉีดให้เด็ก ๆ ได้มากขึ้นค่ะ

                                   

                                  ขอบคุณข้อมูลจาก
                                  ThaiPBS ,PPTV HD

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                  หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

                                  14 เรื่อง คุณแม่ต้องรู้ ก่อนฉีด วัคซีนเด็กไฟเซอร์

                                  รู้ไว้ก่อนฉีด!อาการข้างเคียงวัคซีน ไฟเซอร์เด็ก ฝาส้ม

                                    วัคซีนโควิด19เด็ก

                                    หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม

                                    วัคซีนโควิด19เด็ก กับคำถามสารพันจากพ่อแม่ คุณหมอรวบรวมไว้ตอบชัดทุกข้อสงสัย เคลียร์ข้อกังวล ให้พ่อแม่ตัดสินใจว่าควรฉีดวัคซีนให้กับลูกดีหรือไม่

                                    หมอขอตอบ!รวมคำถามคาใจกับ วัคซีนโควิด19เด็ก ฉีดดีไหม?

                                    ถึงแม้ในปัจจุบัน มนุษย์เราจะอยู่ร่วมกับไวรัสโคโรน่า โควิด-19 มาร่วม 2 ปีแล้ว แต่เจ้าเชื้อไวรัสยังคงไม่ได้หายไป การป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 นั้น ยังคงเป็นแนวทางหลักในการดูแลตนเอง การใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างกัน และที่สำคัญ คือ การได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ยังคงจำเป็นในการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้
                                    วัคซีนโควิด19เด็ก เป็นวัคซีนที่เพิ่งได้รับการอนุมัติให้เด็กอายุ 5-11 ปีได้รับเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากพบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 นั้นมีการกลายพันธุ์จากเดิมที่ไม่ทำอันตรายต่อเด็กมากนัก หรือหากมีการติดเชื้อก็จะไม่ป่วยรุนแรงในเด็ก การกลายพันธุ์นี้ส่งผลให้มีเด็กติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และมีสถิติเด็กป่วยที่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
                                    วัคซีนโควิด19เด็ก จำเป็นไหม
                                    วัคซีนโควิด19เด็ก จำเป็นไหม

                                    วัคซีน Covid สำหรับเด็กอายุ 5 -11 ปี จำเป็นหรือไม่??

                                    ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 มีเด็กประมาณ 1.5 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจำนวนเด็กที่ติดเชื้อมีมากกว่า 20% ของผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ แสดงให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เริ่มไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก การฉีดวัคซีนจะช่วยให้เด็กปลอดภัยขึ้น ในขณะที่อยู่ในโรงเรียน หรือไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนและครอบครัว วัคซีนจะช่วยให้เด็กมีแนวโน้มป่วยหนัก เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตน้อยลงมาก การทดลองทางคลินิกได้พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันในเด็กเล็ก

                                    สำหรับประเทศไทยได้อนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนโควิด19เด็กเช่นกัน โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้วางไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนให้แก่เด็ก โดยให้เด็กได้รับวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก 5-11 ปี (วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม) วางแผนเริ่มฉีดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565นี้ เริ่มจากเด็กในกลุ่มโรคเรื้อรังก่อน จากนั้นจัดสรรให้เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในทุกจังหวัดเป็นอันดับแรก และจัดสรรให้นักเรียนชั้นปีอื่นถัดไปตามลำดับ

                                    แม้ว่าจะได้รับการยืนยันรับรองจากทั้งทางกระทรวงสาธารณสุข หรือทาง อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) มาแล้วก็ตาม แต่ความกังวลใจของพ่อแม่ ผู้ปกครองต่อวัคซีนโควิด19สำหรับเด็กนี้ ก็ยังคงมีอย่างมากมาย ล้นหลาม วันนี้ทาง ทีมแม่ ABK จึงได้ทำการขออนุญาตนำคำตอบบางส่วนของคุณหมอวัฒนพงศ์ สุภมงคลชัยกุล นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ที่ได้ทำการรวบรวมคำถามคาใจคุณพ่อคุณแม่มาตอบให้คลายกังวล เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจให้บุตรหลาน ดังนี้

                                    • ก่อนเริ่มคำถาม มาทำความรู้จักกับวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับเด็ก 5-11 ปี กันก่อน 

                                    วัคซีน Pfizer สำหรับเด็ก(วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม) ก็คือ ตัวเดียวกับของผู้ใหญ่เพียงแต่ว่าลดขนาดลงจาก 30 ไมโครกรัม เหลือเพียง 10 ไมโครกรัม เนื่องจาก วิจัยแล้วพบว่า ขนาด 10 ไมโครกรัม เพียงพอต่อการสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิคในเด็กแล้ว เมื่อใช้ขนาดยาลดลง ก็จะทำให้มีผลข้างเคียงลดลงอีกด้วย แต่เนื่องจากขนาด 10 ไมโครกรัมมีปริมาณน้อยมากทำให้มีปัญหาเรื่องการดูดยาให้ตรงตามปริมาณที่เหมาะสม ทางบริษัท Pfizer ก็เลยเปลี่ยนตัวBuffer ที่อยู่ในตัววัคซีนเพื่อทำให้ดูดได้ง่ายขึ้น และเก็บในตู้เย็นได้นานขึ้นจาก 4สัปดาห์ เป็น 10 สัปดาห์และ เพื่อป้องกันความสับสนกับของผู้ใหญ่จึงเปลี่ยนสีฝาขวดเป็น สีส้ม ดังนั้น วัคซีน Pfizer ของเด็ก อายุ5-11 ปี ฝาจะเป็นสีส้ม

                                    Question 1. ไม่ฉีด Vaccine ได้ไหม ให้เด็กระวังตัวเอา ไม่ติดเชื้อหรอก
                                    • อย่างที่ทุกคนทราบมาตรการป้องกันส่วนบุคคล ทั้งเรื่องของการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ สำหรับเด็กเล็กแล้วตามธรรมชาติของเขามีแนวโน้มที่ ที่จะให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ทำให้เด็กมีความเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าผู้ใหญ่ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เราพบว่าการติดเชื้อในเด็กมักจะไม่รุนแรง ยกเว้นในเด็กที่มีโรคประจำตัว แต่จากเชื้อ omicron ที่มีความสามารถในการแพร่กระจาย และติดเชื้อได้สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อติดเชื้อเยอะก็ย่อมมี จำนวนเด็กป่วยหนักหรือเสียชีวิตเยอะขึ้น

                                      มาตราการป้องกันโควิด19 ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยเพียงพอหรือไม่
                                      มาตราการป้องกันโควิด19 ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยเพียงพอหรือไม่

                                    Question 2. ติดก็ไม่เป็นอะไร covid รักเด็ก เอ็นดูเด็กอยู่แล้ว /อัตราการป่วยหนัก เสียชีวิตในเด็กที่ติดเชื้อโควิด19 มีน้อยไม่น่าอันตราย

                                    • จากข้อมูลการระบาดระลอกใหม่ของสหรัฐอเมริกาพบว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กสูงขึ้น ณ ปัจจุบัน การระบาดของไวรัสโอมิครอนได้คร่าชีวิตเด็กชาวอเมริกันไปมากกว่า 1,000 ราย โดยโอกาสเสียชีวิตจากโควิด อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 2-4 หมื่นคน ซึ่งสูงกว่าโอกาสเสียชีวิต จากการฉีด Vaccine จากข้อมูล จะพบว่าโอกาสเสียชีวิตจากติดเชื้อโควิด = 1 ใน 2-40000 คน เทียบกับโอกาสเสียชีวิตจาก วัคซีน Pfizer = 1 ใน 1.8 ล้านคน

                                    Question 3. อยากทราบผลแทรกซ้อน และความผิดปกติในระยะยาวหลังเด็กติด covid-19

                                    • Covid ทำให้เกิดอันตรายแก่เด็กที่ติดเชื้อได้ใน  3 ระยะ คือ
                                    1. ระยะที่ยังมีเชื้อในร่างกายลงปอด และทำลายอวัยวะต่าง ๆ อันนี้ตรงตัว แม้ว่าเด็กมีโอกาสเกิดโรครุนแรง และเสียชีวิต น้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่การฉีดวัคซีนก็ช่วยลดโอกาสในการป่วยหนักได้มากกว่าไม่ฉีดวัคซีนอย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังพบว่าในเด็กที่ติดโควิด-19 มีโอกาสในการเป็นเบาหวานมากขึ้น 2.66 เท่าเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ติดโควิด
                                    2. Long covid syndrome แม้ว่าเชื้อจะตาย แต่ก็อาจจะยังฝากรอยแผลไว้ในร่างกาย ทำให้ยังคงมีอาการผิดปกติ หลงเหลืออยู่ซึ่งพบบ่อยกว่าในผู้ป่วยที่อาการหนัก แต่ผู้ป่วยที่อาการป่วยน้อยก็พบได้ อาการ Long covid syndrome ที่พบในเด็ก ได้แก่ การรับรู้ การดมกลิ่นผิดปกติจนมีผลต่อการรับประทานอาหารของเด็ก  อ่อนเพลีย ปวดข้อ ไม่มีแรง มึนงง สมองตื้อ อาจส่งผลต่อทั้งพัฒนการการเจริญเติบโต และการเรียนรู้ได้
                                    3. MIS-C คือ ภาวะการอักเสบทั่วร่างกายหลังหายป่วยจากโควิด-19 พบว่า มีเด็กกลุ่มหนึ่งหลังจากที่ติดโควิดจนหายไม่เหลือเชื้อในร่างกายแล้ว แต่ยังมีอาการแทรกซ้อนตามหลังการติดเชื้อ ประมาณ 2-6 สัปดาห์ อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เนื่องจาก ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ไปทำลายร่างกาย และอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ โดยมีอัตราเข้ารักษาใน ICU (61%) และอัตราตายที่สูงประมาณ 2%

                                    ดังนั้น ไม่ว่าจะเด็กแข็งแรง หรือไม่แข็งแรง จะป่วยหนัก หรือป่วยน้อย ก็มีโอกาสเจอภาวะแทรกซ้อนกันถ้วนหน้า

                                    หลากหลายคำถามจากพ่อแม่เกี่ยวกับวัคซีนเด็ก
                                    หลากหลายคำถามจากพ่อแม่เกี่ยวกับวัคซีนเด็ก

                                    Question 4. การฉีดวัคซีนจะช่วยลดอะไรได้บ้าง และมีประสิทธิภาพขนาดไหน

                                    • คุณหมอได้อธิบายโดยอ้างอิงงานวิจัยที่มีแหล่งที่มาของข้อมูลไว้ โดยขออธิบายวัคซีนที่ผ่านการอนุมัติให้ใช้ในเด็ก 5-17 ปีในประเทศไทย คือ Pfizer ผลการศึกษาสรุปได้ว่า
                                    1. ขนาดยาที่เหมาะสมกับเด็ก 5-11 ปี คือ 10 ug
                                    2. จากการศึกษาเด็กจำนวน 2285 คน ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการฉีดวัคซีน มีเพียงอาการปวดบวมแดงร้อนเฉพาะที่ ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว มีไข้ ซึ่งมักจะหายเองภายใน 1-2 วัน
                                    3. เมื่อวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพของวัคซีน เทียบกับกลุ่มที่ได้วัคซีนหลอก พบว่าวัคซีน Pfizer 10 ug มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ(เดลต้า) ได้สูงถึง 90.7 เปอร์เซ็นต์ และสามารถกระตุ้นภูมิได้สูงโดยมีระดับ Neutralizing Ab ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ที่ฉีด 30ug ครบ 2 dose
                                    4. ผลการฉีด vaccine ต่อ โอกาสการเกิด long covid syndromeไม่มีข้อมูลในเด็ก แต่ข้อมูลในผู้ใหญ่ พบว่า คนที่ได้รับ vaccine ครบ 2 เข็มลดโอกาสการเกิด long covid syndrome ได้ถึง 50%
                                    5. ผลการฉีด vaccine ต่อ โอกาสการเกิด MIS-C พบว่า การฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็มในเด็กวัยรุ่น (12-18ปี) สามารถป้องกันได้สูงถึง 91% แถมยังช่วยให้ไม่เกิดอาการป่วยหนักจาก MIS-C อีกด้วย

                                    Question 5. กังวลใจกับ Vaccine m-RNA ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ไม่เหมาะกับเด็กเล็กหรือไม่ ในระยะยาว อาจจะเกิดเป็นมะเร็งเพราะ DNA เปลี่ยนอย่างที่เขาลือกันหรือไม่

                                    วัคซีนโควิด19เด็ก ช่วยให้ไม่ป่วยอาการรุนแรง
                                    วัคซีนโควิด19เด็ก ช่วยให้ไม่ป่วยอาการรุนแรง
                                    • สำหรับผลข้างเคียงของวัคซีน mRNA  มีข้อมูลของกรมควบคุมโรคของ USA พบว่าฉีดวัคซีนPfizer ให้เด็กอายุ 5-11 ปี ไปแล้ว 7.1 ล้านโดส ประมาณคร่าวๆ ก็ 3.6 ล้านคน มีเด็กเอเชีย อยู่ 7 % (2.5 แสนคน) พบว่าผลข้างเคียง มักจะเกิดในช่วง 3 วันแรก อาการรุนแรง 81 คน ไม่รุนแรง 3150 คน เสียชีวิต 2 คน (โดยเป็นเด็กที่มีภาวะสมองพิการ ชัก สุขภาพที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วก่อนจะฉีดวัคซีน) โดยอาการรุนแรงที่เจอ เป็นพวก ไข้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (และทุกรายรักษาหายทุกคน) โดยสถิติการเจอกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีนแค่ 1.25 คน/ล้านโดส เมื่อเทียบกับติดเชื้อโควิดมีโอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 1500 : 1 ล้านคน และ ไม่มีเด็กที่แข็งแรงดี เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีน แม้แต่คนเดียว
                                    • สำหรับ m-RNA ไปเปลี่ยน DNA นั้น ณ ขณะนี้ เราฉีด m-RNA ไปแล้วทั่วโลก มากกว่า 2 พันล้านโดส มีการติดตามผลข้างเคียง จากประเทศทาง Europe และ US มาประมาณ 18 เดือน ยังไม่พบข้อมูลที่ทำให้ DNA เปลี่ยนแปลงไป และถ้าดูจากกลไกการออกฤทธิ์ของ vaccine m-RNA จะพบว่า เมื่อ m-RNA เข้า cell แล้ววิ่งไปที่ โรงงานผลิตหนาม โดยที่ไม่เข้า Nucleus ที่มี DNA ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสเปลี่ยน DNA ได้ครับ และ mRNA ที่เข้าไปจะถูกสลายตามกระบวนการปกติของร่างกายอยู่แล้ว เพราะ ร่างกายเรา เวลาจะผลิตโปรตีนอะไร ก็ต้องผ่านการสร้าง mRNA อยู่แล้ว สำหรับผลข้างเคียงระยะยาว 3-10 ปี เป็นประเด็นเดียวที่ไม่สามารถตอบได้ ณ ขณะนี้เนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอ เพราะต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ถ้าจะรอให้มีข้อมูลที่ชัดเจนก่อน เด็กอาจจะติดโควิดจนเกิดผลเสียตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

                                    ข้อแนะนำจากคุณหมอ : สำหรับคนที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของผลข้างเคียงระยะยาวก็อาจจะเลือกฉีดวัคซีนเชื้อตาย เช่น ชิโนฟาร์มที่มีรายงาน Phase 1-2 และอนุมัติใช้แล้วในหลายประเทศ ทั้งจีน บาห์เรน ชิลี กัมพูชา แต่ไม่มีข้อมูล Phase 3 และข้อมูลการใช้งานจริงว่าได้ผลหรือไม่ในเด็ก และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการลดโอกาสในการเกิด Long covid และ MIS-C ได้หรือไม่

                                    Question 6. ปิดแต่โรงเรียน แล้วเด็กจะได้เรียนเมื่อไร การเรียนรู้ของเด็ก ก็สำคัญนะ

                                    • โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เป็นช่วงเวลาวัยทองในการศึกษาเรียนรู้ทักษะในด้านต่าง ๆ ทั้งกีฬา ดนตรี มนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน ซึ่งการเรียนทางออนไลน์ไม่สามารถตอบสนองให้ได้ ดังนั้นการให้เด็กฉีดวัคซีน จะทำให้เด็กสามารถกลับมาเรียนได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมมากพอ โอกาสเกิดการระบาดในวงกว้างก็จะลดลง เด็กก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตในโรงเรียนได้เหมือนเดิม

                                      ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากเพจคุณหมอ
                                      ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากเพจคุณหมอ

                                    ความจำเป็นที่เด็กอายุ 5-11 ปีต้องได้รับวัคซีนนั้น ประโยชน์หลัก ๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องของการลดความรุนแรงของโรค แต่เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโควิด19 และทำให้เด็กสามารถกลับมาเรียนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดโอกาสในการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับวัยของเขา และหากว่าเมื่อโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น วัคซีนก็จะช่วยป้องกันร่างกายของลูกไปได้ตลอดทั้งชีวิตอีกด้วย

                                    ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก คุณหมอวัฒนพงศ์ สุภมงคลชัยกุล นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
                                    บทความเป็นเพียงบางส่วนของข้อมูลที่คุณหมอเขียนให้ความรู้ไว้ สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่
                                    www.facebook.com/watthanapong.suphamongkholchaikul

                                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                    ติดโควิด 5 วิธีกักตัวที่บ้าน ดูแลตัวเองและลูกๆ ระหว่างรอเตียง

                                    ใครจะได้ฉีด วัคซีนไฟเซอร์เด็ก ล็อตแรก?

                                    9 คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก บั่นทอนจิตใจลูกถึงโต!

                                    รับฟังลูก อย่างไรให้เขาอยากเล่า และพูดอย่างไรให้ลูกฟัง

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่