คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม 12 ประโยชน์ของ “น้ำขิง” กินตอนท้องแล้วดีอย่างนี้เอง!

มีอาหารและเครื่องดื่มมากมายหลายอย่างในขณะตั้งครรภ์ที่ควรกินและไม่ควรกิน “น้ำขิง” ก็เป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งเมนูที่คุณแม่ท้องสงสัยว่าความเผ็ดร้อนของน้ำขิงนั้น คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม จะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์หรือไม่ ถ้ากินได้ควรกินแค่ไหนจึงจะดีกับร่างกายมากที่สุด มาศึกษาคำตอบนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม?

เป็นที่รู้กันดีว่า “ขิง” นั้นเป็นสมุนไพรประจำบ้านที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย มีทั้งวิตามินและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู รวมถึงนำมาต้มเป็นเครื่องดื่ม ใน “น้ำขิง” เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามิน A, B1, B2, B3, C เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต มีสรรพคุณช่วยบรรเทารักษาอาการจากโรคต่าง ๆ ได้ดี เช่น บรรเทาอาการหวัด แก้ร้อนใน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย  ฯลฯ ด้วยประโยชน์มากมายเหล่านี้ แม่ท้องก็สามารถดื่มน้ำขิงในขณะตั้งครรภ์ได้ ช่วยทำให้ร่างกายคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้รับประโยชน์ไปพร้อม ๆ กัน แต่ทั้งนี้ควรเลือกดื่มความเข้มข้นของน้ำขิงในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ให้ออกเผ็ดขิงจนเกินไป ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรให้น้ำขิงมีรสหวานจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องด้วย

น้ําขิงคนท้องกินได้ไหม

12 ข้อที่บอกว่า “น้ำขิง” มีประโยชน์สำหรับท้องนี้

1.ช่วยลดอาการแพ้ท้อง

ในขิงนั้นอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีน้ำมันหอมระเหย จัดว่ามีคุณประโยชน์หลักกับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรกได้ดี เพราะการจิบน้ำขิงและกลิ่นหอม ๆ ของขิงจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน และลดอาการวิงเวียนศีรษะได้เป็นอย่างดีโดยปราศจากผลข้างเคียง ซึ่งในเรื่องนี้ วิทยาลัยราชแพทย์นารีเวชและสูตินารีเวชของอังกฤษ สูตินารีเวชของประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยเอง ได้มีคำแนะนำสำหรับคุณแม่ที่แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน ให้จิบน้ำขิงอุ่น ๆ หรือนำขิงสดมาประกอบอาหารรับประทาน จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง ช่วยลดความรู้สึกคลื่นไส้ ไม่สบายกาย และทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้ รวมทั้งยังช่วยให้แม่ท้องคลายความอ่อนเพลีย ลดความวิตกกังวล และความตึงเครียดของอาการแพ้ท้องลงได้

2.ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน รสร้อนของขิงจะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น เมื่อคุณแม่ดื่มน้ำขิงในช่วงตั้งครรภ์จึงช่วยให้เลือดไหลเวียน ส่งผลให้การทำงานของระบบในร่างกายก็จะดีขึ้น เลือดลมทำงานดี ช่วยให้ทารกได้รับปริมาณเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งในขิงมีธาตุเหล็กสูงที่มีส่วนช่วยบำรุงเลือดทั้งคุณแม่และทารก ช่วยลดความเสี่ยงของโลหิตจาง ป้องกันภาวะซีดหลังคลอด ช่วยปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้าลงอีกด้วย

3.ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด
ในระหว่างตั้งครรภ์แม่ท้องมักมีอาการท้องอืด รู้สึกไม่สบายท้อง ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร และการขยายตัวของมดลูกที่ไปดันกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานลำบากขึ้น ย่อยได้ช้าลง มีลมในกระเพาะมาก มีกรดเกิน การได้จิบน้ำขิงซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับไล่ลมออกจากกระเพาะ ลดกรดเกินในกระเพราะอาหาร ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน และช่วยให้ระบบการทำงานของลำไส้เป็นไปได้อย่างปกติ

4.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลออกจากลำไส้และขจัดออกจากร่างกายโดยการขับถ่าย จึงช่วยในการลดระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดื่มอีกเมนูหนึ่งสำหรับช่วยคุณแม่ท้องที่ต้องการควบคุมไขมันให้น้อยลงได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้น้ำหนักระหว่างเพิ่มขึ้นมากเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์

5.ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ในขณะตั้งครรภ์ส่งผลให้ร่างกายต้องแบกรับน้ำหนักและทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ทำงานหนักขึ้น จนทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดเท้า หรือปวดข้อตามจุดต่าง ๆ การได้ดื่มน้ำขิงจะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยขจัดกล้ามเนื้อเจ็บปวดได้ดีเป็นพิเศษ โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดซึ่งจะดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

คนท้องดื่มน้ําขิงได้ไหม

6.ช่วยในการดูดซึมสารอาหาร

การดื่มน้ำขิงนั้นจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่ได้รับประทานเข้าไปในระหว่างตั้งครรภ์มาใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ที่จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกันให้กับทารกอีกด้วย

7.ช่วยลดอาการบวม

อาการเท้าบวม มือบวม คอบวม หรืออาจจะบวมทั้งตัว ถือเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ได้ในช่วงใกล้คลอด การดื่มน้ำขิงจะช่วยขับเหงื่อและน้ำออกจากร่างกาย ช่วยให้อาการบวมลดลงได้

8.ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีแคลเซียมสูง การได้จิบน้ำขิงเป็นประจำจะมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง

9.ช่วยลดอาการท้องผูก

ฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายระหว่างการตั้งครรภ์ ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ให้ทำงานได้ช้าลง จึงทำให้คุณแม่ท้องมักประสบปัญหาท้องผูกได้ ในขิงมีใยอาหารสูง การจิบน้ำขิงจึงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องผูกลงได้

10.ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร

สำหรับคุณแม่ท้องที่มีอาการเบื่ออาหารตอนท้อง จู่ ๆ ก็ไม่อยากกินโดยไม่มีสาเหตุ แม้จะเคยเป็นอาหารโปรดก็ตาม ซึ่งอาการนี้มักจะเกิดในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยอาจจะเป็น ๆ หาย ๆ และบางคนอาจเป็นต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์หรือนานกว่านั้น เมื่อรู้สึกเบื่ออาหารให้ลองดื่มน้ำขิง ฤทธิ์ร้อนของขิงจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลายและน้ำย่อย กระตุ้นความอยากอาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ที่กำลังเบื่ออาหารกลับมาเจริญอาหาร อยากกินได้อีกครั้ง

11.ช่วยแก้หวัด

หากคุณแม่เป็นไข้หวัดในช่วงตั้งครรภ์ ปวดศีรษะ ไอ มีเสมหะหรือเจ็บคอ การดื่มน้ำขิงจะมีส่วนช่วยแก้หวัด รักษาอาการป่วยให้หายไวขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยาและไม่ส่งอันตรายต่อลูกน้อยด้วย แต่ทั้งนี้จะให้ได้ผลดีต่อก็เมื่อเริ่มกินตั้งแต่เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้หวัด ก็สามารถต้มน้ำขิงสดดื่มซึ่งจะช่วยขับเหงื่อได้ดีกว่าน้ำขิงสำเร็จรูป น้ำขิงที่สดและใหม่จะมีสรรพคุณทางยาเต็มที่ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น จนรู้สึกสบาย ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ไข้ลดลงอีกด้วย

12.ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้คุณแม่และทารกในครรภ์

ในขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีวิตามินซีและธาตุเหล็ก เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติและเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ และที่สำคัญยังช่วยลดภาวะความเสี่ยงที่จะเกิดโรคพิการแต่กำเนิดอีกด้วย

คนท้อง กินน้ําขิง

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำขิงขณะตั้งครรภ์

แม้ว่าการดื่มน้ำขิงในขณะตั้งครรภ์จะเป็นผลดีต่อร่างกายคุณแม่ แต่เนื่องจากขิงเป็นยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน การดื่มน้ำขิงในปริมาณที่มีความเข้มข้นมากเกินไปบ่อย ๆ จะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงมากขึ้น อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ เช่น ทำให้คลอดก่อนกำหนด หรือเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตรได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณแม่ควรจะดื่มน้ำขิงในระดับความเข้มข้นที่พอเหมาะ และไม่เข้มข้นเกินไป หรือมากเกินไปก็จะได้คุณประโยชน์จากน้ำขิงอย่างเต็มเปี่ยมที่ช่วยบำรุงสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำขิงแบบสำเร็จรูป เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลผสมอยู่มาก ควรดื่มน้ำขิงสดจากการต้มดื่มเองโดยไม่ใส่น้ำตาล เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้พุ่งสูงขึ้น

จะเห็นได้ว่าน้ำขิงเป็นเครื่องดื่มบำรุงครรภ์ที่มีประโยชน์ที่คุณแม่สามารถดื่มได้ตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในท้องแต่อย่างใด รวมทั้งหลังคลอดก็สามารถจิบดื่มได้เพราะขิงยังช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่ให้มากขึ้นได้ดีอีกด้วยนะคะ.

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.kapook.comwww.sukkaphap-d.com

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

ไขข้อข้องใจ! คนท้องกินน้ำมะพร้าวได้ไหม กินแล้วล้างไข คลอดง่าย ลูกออกมาผิวขาวจริงหรือ?

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    พ่อแม่เลิกกัน ควรบอกลูกไหม บอกอย่างไรให้ลูกเข้าใจ ไม่มีปม

    พ่อแม่เลิกกัน สร้างปมในใจให้ลูกจริงหรือ? การแยกทางหรือหย่าร้างสร้างความเจ็บปวดให้กับทุกฝ่าย ขนาดกับผู้ใหญ่ยังยาก แล้วลูกที่เป็นเด็กเล็กๆ จะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร และคำถามที่คู่ (เคย) รักคิดไม่ตกคือ เราจำเป็นต้องบอกลูกหรือเปล่า?  “ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นในครอบครัว”  แต่เมื่อสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลต่อลูกโดยตรง คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องบอกให้ลูกรับรู้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องช่วยให้ลูกผ่านเรื่องนี้ไปได้โดยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

     จะบอกลูกอย่างไรให้เข้าใจเมื่อ พ่อแม่เลิกกัน 

    พ่อแม่เลิกกัน บอกลูกยังไง

    วิธีบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่เลิกกัน เปรียบเหมือนกับ หอมหัวใหญ่”

    เรื่องที่ พ่อแม่เลิกกัน ก็เปรียบเหมือนหอมหัวใหญ่ที่มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น เมื่อจะบอกเรื่องราวให้ลูกรู้ต้องค่อยๆทำเหมือนการลอกชั้นหอมออก หมายถึงการบอกเฉพาะสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และเป็นไปต่อจากนี้ ไม่จำเป็นต้องเล่าทั้งหมด หรืออธิบายความรู้สึกภายในของพ่อแม่ออกมา ส่วนเรื่องที่พูดควรเป็น “เรื่องอนาคต” ไม่ต้องพาดพิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอดีต หรือกล่าวโทษคนใดคนหนึ่งให้ลูกฟังบอกด้วยภาษาสั้นๆ เข้าใจง่าย บอกความจริงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ท่าทีอ่อนโยน เน้นใจความสั้นง่าย เช่น

    • พ่อและแม่ตกลงว่าจะไม่อยู่ด้วยกันแล้ว
    • พ่อแม่รักลูกมากที่สุดเสมอ และจะช่วยกันดูแลลูก
    • ถึงพ่อ/หรือแม่ จะไม่สะดวกดูแลลูก แต่พ่อ/หรือแม่ (อีกคนหนึ่ง) จะรักลูก ดูแลลูก และอยู่กับลูกตลอดไป

    ทั้งนี้ พ่อแม่ควรทำใจยอมรับอย่างหนึ่งว่า เมื่อลูกได้ฟังแล้วย่อมมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแตกต่างกัน เด็กบางคนอาจยอมรับได้เร็ว ปรับตัวง่าย บรรยากาศในบ้านจึงไม่แย่นัก แต่เด็กบางคนฟังแล้วยอมรับไม่ได้ และอาจมีคำถามตามมาว่า “ทำไม”อยู่หลายครั้ง เพราะลูกอาจไม่เข้าใจ

    พ่อกับแม่ไม่ควรตอบกลับด้วยความโมโห หรือต่อว่า เช่น “บอกไปหลายครั้งแล้ว ทำไมยังไม่รู้เรื่องอีก” หรือ “จะถามอีกกี่ครั้ง พ่อ/แม่เบื่อแล้วนะ” เพราะเด็กกำลังรู้สึกกังวล และกลัวอย่างมากว่าจะไม่มีใครรัก ไม่มีใครดูแลตัวเขาต่อไปเมื่อ พ่อแม่เลิกกัน

    พ่อแม่เลิกกัน

    “6 อย่าทำ” พฤติกรรมแบบนี้ไม่ดีกับลูก

    อย่าโทษว่าใครเป็นคนผิด

    ไม่ว่าพ่อหรือแม่เป็นฝ่าย “ผิด” ที่ทำให้ต้องยุติความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา ก็ไม่ควรหยิบเรื่องนี้มาขุดคุ้ย หรือกล่าวโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะต่อหน้าลูก เพราะทำให้เด็กโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของการหย่าร้าง ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กวัยเล็กวัยก่อน 8 ขวบ

    สิ่งที่พ่อแม่ควรทำมากที่สุด คือการย้ำให้ลูกฟังด้วยน้ำเสียงจริงใจและอ่อนโยนว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะลูก” แต่เกิดจากพ่อกับแม่สองคนเท่านั้น

    อย่าให้ลูกต้องเลือกข้าง

    ความผิดพลาดที่พ่อแม่กำลังร้างลากันทำบ่อยๆ คือ ให้ลูกมีส่วนตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหานี้ เช่น “ถามลูกว่าจะอยู่กับพ่อหรือแม่”  เพราะยิ่งทำร้ายความรู้สึกลูก เด็กรู้สึกลำบากใจที่ต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ ลูกรักพ่อและแม่ไม่ต่างกัน ฉะนั้นพ่อแม่จำเป็นตัดสินใจเรื่องลูกให้เบ็ดเสร็จ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อตัวลูกเป็นหลัก อย่าลืมว่า เด็กๆไม่สามารถตัดสินใจได้องว่าอะไรคือทางเลือกดีที่สุดสำหรับตัวเองในอนาคต

    สิ่งเดียวที่เด็กมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ คือการรับรู้ถึงการตัดสินใจของพ่อแม่ กรณีที่ลูกโตพอแล้วอาจความรู้สึก หรือพูดทำความเข้าใจกับลูก แต่ต้องไม่โยนให้ลูกเลือกข้างเป็นอันขาด

    พ่อแม่เลิกกัน ลูกเจ็บปวดที่สุด

    อย่าโกหก

    คำโกหกไม่เป็นผลดีกับใคร สุดท้ายลูกต้องรู้ความจริงในสักวัน และเมื่อนั้นลูกจะผิดหวัง และสูญเสียความเชื่อมั่นต่อพ่อแม่ในทันที ยิ่งในช่วงเวลาลำบากแบบนี้ ความรักที่จริงใจ การบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้ลูกรู้สึกดีกว่าว่ายังเชื่อใจพ่อแม่ได้ หลายคู่เลือกจะปกปิดไว้เพราะกลัวลูกเสียใจ แต่ผลลัพ์ที่ตามอาจเลวร้ายกว่า อย่าลืมว่า เด็กสนใจกับสิ่งเกิดขึ้นปัจจุบัน เข้าใจความจริงได้ง่ายกว่าการหลอกลวง อีกไม่นานเขาก็จะสามารถปรับตัวให้อยู่กับความจริงนี้ได้

    อย่าบอกความลับ

    การใช้ลูกมาเป็นพวกเพื่อเงื่อนไขบางอย่างด้วยวิธีการ เล่าความลับบางอย่างให้ลูกฟัง แล้วให้ปิดบังอย่างให้อีกฝ่ายรู้ เช่น “อย่าบอกแม่นะ ว่าพ่อมาหาที่โรงเรียน” หรือ “อย่าบอกพ่อนะว่าแม่ซื้อเสื้อตัวใหม่ให้” ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จะทำให้ลูกรู้สึกสับสนและตั้งคำถามกับคุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อทัศนคติและการกระทำของลูกในอนาคต

    อย่าพูดจาเชิงลบ

    แม้ว่า พ่อกับแม่เลิกกัน แล้วแต่ก็ไม่จำเป็นต้องด่าทอ พูดจาด้วยความไม่สุภาพ หรือปฏิบัติไม่ดีต่อกัน เพราะทำให้ลูกรู้สึกว่าสิ่งนี้ทำให้พ่อแม่ไม่รักกัน ต้องสูญเสียครอบครัว จนไม่อยากพูดคุย หรือเล่นสนุกกับพ่อแม่เหมือนเดิม หากปล่อยให้บรรยากาศของบ้านเป็นเช่นนี้  ลูกจะไม่รู้สึกว่า “บ้าน” คือที่พักใจของเขาอีกต่อไป ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากเมื่อโตขึ้น

    อย่าให้ลูกเป็น “สะพาน”

    พ่อแม่ที่เลิกรากันด้วยความรู้สึกไม่ดี จนไม่อยากพูดคุยกันตรงๆ แต่ให้ลูกมาทำหน้าที่เป็น “นกพิราบสื่อสาร” เพื่อให้อีกฝ่ายทำตามที่ตัวเองต้องการ เช่น บอกลูกให้โทรตามพ่อกลับบ้าน หรือ ฝากคำเย้ยหยัน ประชดประชันไปบอกอีกฝ่าย ลูกจะตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง สะสมเป็นความเครียดและยิ่งทำให้สุขภาพจิตของลูกที่ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตแย่ลงไปอีก

    แม้การหย่าร้างจะเป็นเรื่องลำบากสำหรับทุกคนในครอบครัว ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ขอให้คุณพ่อคุณแม่ถือประโยชน์ของลูกเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าสถานภาพของ “สามี-ภรรยา” จะเปลี่ยนไป แต่ความเป็น “พ่อ แม่ ลูก” จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

     


    แหล่งข้อมูล นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์, www.kidspot.com.au, www.psychologytoday.com

     

     

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      คำคมชีวิตคู่

      รวม 100 คำคมชีวิตคู่ คำคมกวน ๆ ซึ้ง ๆเพิ่มดีกรีความหวาน

      รวม คำคมคู่ชีวิต คำคมชีวิตคู่ คติสอนใจชีวิตคู่ เพื่อให้คุณและคู่ชีวิตเข้าใจความรักและความสัมพันธ์มากขึ้น คาถาเพื่อคู่รักให้ครองรักยาวนาน เพิ่มดีกรีความหวาน

      รวม 100 คำคมชีวิตคู่ คำคมกวน ๆ ซึ้ง ๆเพิ่มดีกรีความหวาน

      “ขอบคุณมาก ๆ นะ สำหรับการเตือนสติ ที่มาทันเวลาพอดี ก่อนจะตัดสินใจ”

      “อ่านแล้วรู้สึกดี เราจะพยายามปรับตัวใหม่ดูบ้าง”

      “คำคมนี้ใช่เลย บอกถึงความรักของเราได้ดี”

      ใครว่าคำคม เป็นเพียงแค่แคปชั่นเท่ห์ ๆ ไร้สาระ คนเราบางครั้งการได้มีอะไรมาเตือนสติ หรือช่วยให้หวนรำลึกความรักครั้งยังข้าวใหม่ปลามัน มันก็ช่วยให้ความรู้สึกดี ๆ หวนกลับมาช่วยเติมเต็มความรักของเราสองให้กลับมาหวานชื่นดั่งเดิมได้เช่นกันนะ

      เมื่อคน 2 คนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกัน แน่นอนว่าระหว่างทางเดินนั้น ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ด้วยทิฐิอาจทำให้เราไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน เพื่อให้ความรักของคน 2 คน มีความเข้าใจกันและกันมากขึ้น รู้จักการให้อภัยกันมากขึ้น ทีมแม่ ABK ขอรวม คำคมคู่ชีวิต คำคมชีวิตคู่ มาเพื่อเป็นข้อคิด สะกิดใจ ให้ความรักของคุณทั้งคู่ได้ทบทวนถึงความหลังเมื่อครั้งยังหวาน เตือนสติ แถมเพิ่มดีกรีความรักให้มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

      คำคมชีวิตคู่ ปลุกความหวานยามแรกรัก
      คำคมชีวิตคู่ ปลุกความหวานยามแรกรัก

      1 – 10 คำคมคู่ชีวิต คิดแต่สิ่งดี ๆ

      ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะสว่างสดใสได้ตลอด อยู่ที่คนสองคนต่างหากว่าจะสามารถฝ่าพายุภายใต้ร่มคันเดียวกันได้หรือไม่
      ความสัมพันธ์ที่แท้จริงคือการที่คนไ่ม่สมบูรณ์แบบสองคนต่างก็ไม่ยอมแพ้ เลิกราต่อกันอย่างง่ายดาย
      อย่ารอที่จะให้คนดี ๆ คนที่ใช่ เข้ามาในชีวิต แต่จงทำให้ตัวเองเป็นคนดี ๆ คนที่ใช่ ที่เดินเข้าไปในชีวิตใครสักคน
      เวลาที่เราบอกรัก ไม่ได้บอกเพื่อให้ได้ยินคำว่ารักกลับคืน แต่บอกเพื่อให้เธอรู้ว่ารักต่างหาก
      ความสัมพันธ์ที่ดีควรมี 2 อย่างนี้ คือ 1 ชื่นชมในความเหมือนกัน 2 เคารพในความแตกต่างของอีกฝ่าย
      ความสัมพันธ์ที่ดีต้องใช้เวลา ใช้การสื่อสารที่ดี ใช้ความเข้าใจ และใช้ความซื่อสัตย์
      จงตกหลุมรักข้างในจิตใจและจิตวิญญาณ ไม่ใช่หน้าตาและความสวยงาม
      การมีคู่ชีวิต เป็นเหมือนสถานที่พักใจให้อบอุ่นปลอดภัย
      เราทุกคนล้วนเคยทำความผิด แต่อย่าถือเอาความผิดพลาด (เพียงครั้งสองครั้ง) มาเป็นเหตุผลในการเลิกรักใครสักคน
      ความสัมพันธ์ก็เหมือนกับบ้าน เมื่อไฟในบ้านเสีย เราไม่ไปซื้อบ้านใหม่หรอก เราแค่ซ่อมไฟที่เสียนั้นก็พอ
      แคปชั่นชีวิตคู่ กวน ๆ ฮา ๆ
      แคปชั่นชีวิตคู่ กวน ๆ ฮา ๆ

      11 -20 คำคมชีวิตคู่ สอนการใช้ชีวิตคู่

      ตัวเลือกคือสิ่งที่ทุกคนอยากมี แต่ไม่มีใครอยากเป็น
      ชีวิตคู่มันมีอะไรมากกว่าคำว่ารัก
      ความรักไม่ใช่สองคนต่างหาคนที่จะมาเติมเต็ม แต่มันคือ การที่สองคนเติมเต็มตัวเองเป็นแล้วมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน
      เราอาจจะรู้วันที่เราเกิด แต่ไม่มีใครรู้วันตาย ทุกคนล้วนมี “เวลาที่จำกัด” ในการที่จะรักกัน ยิ่งใช้เวลารู้สึกไม่ดีต่อกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหลือเวลาที่รักกันน้อยลงเท่านั้น
      คนเราเมื่อคิดจะพัก ก็ต้องพักให้ถูกที่ ถ้าพักผิดที่เมื่อไหร่เราก็จะไม่มีความสุข การที่เราเลือกคู่ชีวิตก็เหมือนกัน ควรเลือกคนที่ใช่ ไม่ใช่เลือกคนที่ชอบ….
      ชีวิตคู่ อย่าใช้คำว่า “ทน” กับปัญหา ให้ใช้คำว่า “เรียนรู้..และแก้ไข” ไปด้วยกัน
      สุดท้ายความสำคัญของชีวิตคู่ มันไม่ได้สุดที่การแต่งงานหรอก แต่มันคือความสุขจากความสัมพันธ์ ที่จะจับมือพากันไป จนแก่ด้วยกัน
      การที่เรามีคนรัก เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความรักเท่านั้น ส่วนความรักจะยืนยาวแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการใส่ใจ ห่วงใย ดูแลกัน
      เมื่อรักแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน ความรักก็ยังอยู่เหนือทุกสิ่ง
      คบด้วยเงิน เงินหมดเขาก็ไป คบด้วยใจไม่มีอะไรเขาก็อยู่

       

      21 – 30 คำคมชีวิตคู่ แง่คิดเตือนใจ

      ทุกคนมีโอกาสที่จะได้มีชีวิตคู่ แต่จะมีสักสองสามคนที่จะได้เจอคู่ชีวิต
      เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แต่ต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมามันสอนอะไรมาบ้าง
      คนรักกัน มันต้องมีบ้างที่ต้องทะเลาะผิดใจกัน แต่ท้ายที่สุดยังคิด…จะอยู่ด้วยกันอีกไหม? นั่นสำคัญที่สุด!!!
      ทะเลาะกันแค่ไหนก็ได้ แต่..อย่าปล่อยให้ค้างคา จนเรื่องมันข้ามคืน
      ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่ทำให้เรามาเจอกัน วันหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้… รู้แค่วันนี้ฉันมีเธออยู่ข้าง ๆ ก็พอ
      มองข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆว่าเป็นเรื่องดี ถ้าหากเขาดีกว่านี้ รับรองได้แต่ละปีมีศัตรูเพิ่มแน่นอน
      คนสองคนคบกัน…คนสองคนทะเลาะกันต่อให้มีคำแนะนำ จากหลายคน ก็จะมีแค่คนสองคน ที่ต้องเคลียร์กันเอง
      ไม่ได้หวังจะเจอรักที่สมบูรณ์แบบ แค่หวังจะได้เจอรักที่ยอมรับในความ ไม่สมบูรณ์แบบของกันและกันได้ และรักในแบบที่ตัวเราเป็นเรา
      ไม่ว่าตอนนี้ชีวิตจะเจอกับอะไรอยู่อดทนหน่อยนะเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
      อย่ารอที่จะเห็น “คุณค่า” ของใคร ในเวลาที่ “สูญเสีย” เค้าไปแล้ว เพราะ “ความรู้สึก” ก็เหมือนกับแก้ว ถ้าแตกแล้ว แม้ “ซ่อมได้” มันก็ “ไม่เหมือนเดิม…!!!

       

      คำคมชีวิตคู่ คาถาครองรักยืนยาว
      คำคมชีวิตคู่ คาถาครองรักยืนยาว

      31 – 40 คำคมชีวิตคู่ของสองเรา

      รักไม่มีคำว่า “ถ้า” คำว่า “เพราะ” รักมีแต่คำว่า “ไม่ว่าจะยังไง”, “แม้ว่า” และ “ทั้ง ๆ ที่” ต่างหาก
      การตกหลุมรักน่ะง่าย สิ่งสำคัญกว่าคือการดำรงความรักนั้นไว้ต่างหาก
      ความรักมักจะหวานตอนแรกเริ่ม แต่จะหวานกว่าหากรักนั้นเป็นรักแท้
      สำหรับชีวิตคู่ อย่าพยายามทำทุกอย่าง คนเดียว
      ชีวิตคู่ไม่ได้แฮปปี้ทุกวัน ขอแค่ไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ทุกข์ใจ
      คนหนึ่งร้อย อีกคนต้องเย็น มันถึงจะอยู่ด้วยกันรอด
      อาจไม่เสมอต้นเสมอปลายนัก แต่ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง
      ถ้ามัวแต่อุ้มอดีตไว้ แล้วจะเอามือที่ไหนไปคว้าอนาคต
      คนรักกัน ต้องยอมทิ้งพยศ ลดมานะ ละทิฐิ ทิ้งความเป็นเธอ ทิ้งความเป็นฉัน แล้วหลอมกันเป็นเรา
      “คู่ชีวิต” ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ควรเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกว่า “ทุกอย่างสมบูรณ์”
      ลิ้นกับฟัน ทะเลาะเบาะแว้งของคู่รัก เรื่องธรรมดาที่ไม่ควรปล่อยผ่าน
      ลิ้นกับฟัน ทะเลาะเบาะแว้งของคู่รัก เรื่องธรรมดาที่ไม่ควรปล่อยผ่าน

      41 – 50 คำคมชีวิตคู่ เพิ่มดีกรีความหวาน

      ความลับของชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คือ จงยอมรับผิดเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด แต่จงเงียบไว้เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูก
      ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างหรอก แค่คุณอยู่กับใครแล้วมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว
      ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เดินเคียงคู่กันไปจนตลอดชีวิต
      อะไรที่ไม่ใช่ จะพยายามยังไงก็ไม่ชอบ ดังนั้น อย่าเปลี่ยนอะไรที่ไม่ใช่เรา จงให้เขารักเราที่เราเป็นตัวเอง แล้วความสุขจะตามมา
      ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนเวลาจะพรากไป ใส่ใจคนที่อยู่ข้าง ๆ กายก่อนที่จะไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เรา
      สุดท้ายความสำคัญของชีวิตคู่ มันไม่ได้สุดที่การแต่งงานหรอก แต่มันคือความสุขจากความสัมพันธ์ที่จะจับมือพากันไป จนแก่ด้วยกัน
      ยิ่งให้เวลาอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน ความผูกพันมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
      บอกรักกันในวันที่มีโอกาส เพราะไม่รู้ว่าเราจะจากกันวันไหน
      ปอดโดนทำลายเพราะโควิด แต่การไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิต ทำลายลึกถึงหัวใจ
      การเลือกคู่ชีวิต เป็นเรื่องสำคัญ …ถ้าเลือกผิด “ชีวิตเปลี่ยน” จนกว่าจะเลิกแล้วหาใหม่ที่ดีกว่า

       

      คำคมชีวิตคู่ คติสอนใจชีวิตคู่
      คำคมชีวิตคู่ คติสอนใจชีวิตคู่

      51 – 60 คำคมชีวิตคู่รู้ไว้อยู่ยาว

      เรื่องที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็เรื่องเดิม ๆ ถ้าไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข มันก็ไปกันไม่รอด
      อะไรที่ไม่ดี ก็ต้องปรับปรุงให้มันดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องที่ซ้ำซากน่าเบื่อ
      ผู้ชายที่ดูดีที่สุด “คือผู้ชายที่รู้จักหยุด” ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว
      เรื่องกินไม่เคยยอมแพ้ แต่เรื่องรักแท้ทำไม “แพ้เธอ”
      สิ่งที่ยากกว่าการรักกัน คือ ทำยังไงให้ทุกวันไม่รักกันน้อยลงไปกว่าเดิม
      ถึงแม้ว่าเราจะทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน ฉันก็ยังอยากให้เธออยู่ในชีวิตของฉันอยู่ดี
      ปล่อยวางบ้างแล้วชีวิตจะมีความสุข…อย่าไปกำมันไว้แน่นมันอาจจะเสียสิ่งดี  ๆ ไป
      คนพิเศษไม่ใช่แค่คนที่ทำให้เรายิ้มเวลามีเขาอยู่ใกล้ๆ แต่เป็นคนที่เรานึกถึงทีไรเราก็จะยิ้มออกมาได้แม้ข้างกายจะไม่มีเขาอยู่ก็ตาม
      บางอย่างไม่ได้มีไว้ครอบครอง แค่ได้มองก็เป็นสุขใจ
      อย่าทิ้งคนที่รักและซื่อสัตย์กับคุณ เพียงเพราะเขาไม่น่ารักเหมือนวันแรกที่คบ เพราะหากคุณทิ้งไปแล้ว คุณจะไม่มีทางพบรักแท้อีกแน่นอน

      61 – 70 คำคมชีวิตคู่ กวนๆ

      คนที่ปากดีในวันนั้น คือคนที่มานั่งคิดถึงกันในวันนี้
      หลงผิดยังมีโรงพัก หลงรักจะพักที่ไหน
      ถ้าอยากให้เขาดูแลแสดงว่า “เหงา” ถ้าอยากดูแลเขาแสดงว่า “รัก”
      กินอาหารก็ต้องรอคิว ถ้าอยากได้รักชิว ๆ ต้องมาหาพี่
      ทุกอย่างบนโลกนี้ดูยาก แต่ตกหลุมรักเธอ ทำไมง่ายจัง
      เบื่อจังความโสด อยากอยู่ในโหมดมีแฟน
      เมษาอะหน้าร้อน แต่เธอขี้อ้อนอะน่ารัก
      ไม่มีหุ่นเพรียว ๆ ให้เธอหลงใหล มีแต่อวบ ๆ ใส ๆ ให้เธอหลงรัก
      สงกรานต์ปีนี้ถ้าไม่มีที่ไป มาอยู่ในใจเราก่อนก็ได้นะ
      เป็นคนแฟร์ ๆ ถึงดูไม่แคร์ แต่ก็รักนะ
      แคปชั่นคู่รัก
      แคปชั่นคู่รัก

      71 – 80 คำคมชีวิตคู่ ฮาๆ

      ถึงผมจะไม่ใช่พี่มาก แต่ผมก็รักพี่มากนะครับ
      ไหนบอกว่าอ้างว้าง เมื่อคืนไปค้างที่ไหนมา
      แอบส่องเป็นสิบรอบ เพราะคำว่า “ชอบ” แค่คำเดียว
      ให้เบื่อง่าย ๆ คงยาก พอดีรักมากซะด้วย
      อยู่คนเดียวมันอ้างว้าง รับสมัครคนเคียงข้าง 1 อัตรา
      เลิกคุยทั้งอำเภอ หรือเพราะเธอไม่มีเน็ตกันแน่
      ไม่ได้วิ่งตามผู้ชาย แค่ออกกำลังกายเท่านั้นเอง
      ไม่สวย ไม่ออร่า แต่ตัวข้า รักออเจ้า
      ถึงหน้าตาเราจะเกเร แต่เราไม่เทเธอแน่นอน
      สิ่งที่อยากได้คือใจ สิ่งที่ห่วงใยคือเธอ

       

      81 – 90 คำคมชีวิตคู่ ฮาๆ กวน ๆ

      เราไม่ได้เลือกคนที่หน้าตา แต่เลือกคนที่พร้อมชราไปด้วยกัน
      คนที่ออกสื่อนะ “ตัวหลอก” แต่คนที่ไม่บอกอะ “ตัวจริง”
      เขียนโปรแกรมเจอแต่ bug แต่เจอเธอปั๊บ อยากจะรักเธอจังเลย
      กันฝุ่นต้องใส่หน้ากาก กันรักพลัดพรากต้องใส่ใจ
      อาหารปลาต้องซากุระ แต่รักนะคะต้องซารางเฮโย
      ถ้าขี้เกียจเรียนในโดด ถ้าขี้เกียจโสดให้มาทางนี้
      เราอะหน้าเหมือนหมู แต่เนื้อคู่อะหน้าเหมือนเธอ
      เป็นคนตลก แต่ไม่ตลอด แต่ว่า “น่ากอด” อะตลอดเวลา
      ชื่อเราอาจจะไม่เพราะ แต่เราเหมาะกับนามสกุลเธอนะ
      จงเอาชนะความชั่ว ด้วยความชั่วที่เหนือกว่า จงเอาชนะความชรา ด้วยคนที่พร้อม “ซ่า” ไปกับเรา
      คำคมชีวิตคู่ รักเราไม่เก่าเลย
      คำคมชีวิตคู่ รักเราไม่เก่าเลย

      91 – 100 คำคมชีวิตคู่ โดนๆ

      เงินพี่อาจมีน้อย แต่ใจพี่มีเกินร้อยนะคนดี
      ไม่รักอย่าแซว เด็กแนวไม่ชอบ ไม่รักอย่าหยอก เดี๋ยวจะโดนข้อศอกเด็กแนว
      คนอะไรน่ารักเป็นบ้า สงสัยหลุดมาจากศรีธัญญาแน่นอน
      ไม่ได้ดีไปกว่าใคร แต่ถ้ารักใคร หมดใจเท่าที่มี
      เราเป็นคนรักธรรมชาติ บางทีขึ้นเขา บางทีให้เขาขึ้น
      หัวใจไม่ว่าง เพราะมีเธอคนข้างๆ จองแล้ว
      วาเลนไทน์มีวันเดียว แต่รักเธอคนเดียวอะมีทุกวัน
      อดีตเป็นไงไม่สำคัญ แต่ปัจจุบันขออยู่เคียงข้างเธอ
      ฝนตกเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมรักคุณมากเป็นเรื่องพิเศษ
      ประเทศไทยมีหลายอำเภอ แต่ฉันสิ เฮ้อ! มีเธอคนเดียว

      ความหมายของการใช้ชีวิตคู่ อาจเริ่มต้นด้วยความรัก แต่หลังจากนั้น คู่ชีวิตแต่ละคู่จะต้องมีความเข้าใจ การให้อภัย ความอดทน และ การให้เกียรติกัน ถึงจะทำให้ชีวิตคู่นั้น ๆ มีความมั่นคงและยืนยาว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ทำยากใช่ไหมล่ะคะ เพราะว่าการที่คน 2 คนที่มาจากที่ที่ต่างกัน มีนิสัยที่ต่างกัน แน่นอนว่าจะต้องมีการทะเลาะกันและไม่เข้าใจกันบ้าง ดังนั้นหากเราอยากคงความรักของเราให้ยืนยาว ลองมาดูหลักในการใช้ชีวิตคู่  12 ประการ นำมาปรับใช้เป็นคติประจำใจกันดูดีไหม

      หลัก 12 ประการในการใช้ชีวิตคู่

      1. ยอมรับซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีวิต ต้องเห็นหน้ากันทุกวัน ต้องมีกิจกรรมทุกวันร่วมกัน ต้องปรึกษาหารือกันทุกวัน แก้ปัญหาร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การยอมรับกันในทุกแง่มุมจะช่วยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยไม่ขัดแย้งทางความคิดและอารมณ์

      2. อย่าคาดหวังว่า “คู่ครองของคุณ” จะสมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด แม้แต่ตัวของเราเองยังมีทั้งจุดที่ดีและไม่ดี การมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจำเป็นต้องเรียนรู้ ที่จะพึงพอใจกับข้อดีของกันและกัน ยอมรับข้อเสียของกันและกัน เราไม่สามารถคาดหวังว่าเราจะเข้ากันได้กับคู่ครองของเราทุก ๆ เรื่อง หรือ จะไปคาดหวังให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่ต้องอาศัยวิธี “การปรับตัว” เข้าหากัน

      3. รู้จักที่จะสื่อสารกัน การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญอีกสิ่งหนึ่งของชีวิตคู่ เพราะการสื่อสารเป็นการใช้ภาษาเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจความคิด ความรู้สึก และความต้องการของกันและกัน

      หลักการใช้ชีวิตคู่ มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
      หลักการใช้ชีวิตคู่ มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง

      4. รู้จักขอโทษอีกฝ่าย เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดพลาดไป จงคิดไว้เสมอว่าไม่เคยมีใครไม่เคยทำผิดพลาด ฝ่ายที่ทำผิดเมื่อรู้ตัวว่าผิดก็ควรรู้จักขอโทษ ส่วนอีกฝ่ายก็ควรรู้จักการให้อภัย  ไม่เก็บความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ในใจ

      5. มีเวลาอยู่ร่วมกัน การมีเวลาอยู่ร่วมกัน จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ยอมรับและปรับตัวเข้าหากัน แม้ในสมัยนี้ที่ต่างคนต่างต้องทำงานนอกบ้าน เวลามีให้กันอาจจะไม่มากนัก แต่ทั้งคู่สามารถทำให้เวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันมีคุณภาพอย่างแท้จริง โดยการทำกิจกรรมที่พอใจและมีความสุขร่วมกัน

      6. เพศสัมพันธ์ในชีวิตคู่ การสร้างความสมดุลในเรื่องเพศสัมพันธ์ ย่อมนำมาซึ่งความพึงพอใจของคู่สมรส และถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นและเป็นสุข คู่สมรสจำเป็นต้องเรียนรู้ความต้องการของกันและกัน รู้ว่าคู่ของเราชอบหรือไม่ชอบอะไร แบบไหนที่ทำให้คู่ของเรามีความสุข เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเพศให้พึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

      7. เรียนรู้และทำความเข้าใจธรรมชาติความแตกต่างระหว่างเพศชายเพศหญิง เพราะความแตกต่างระหว่างเพศส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมต่างกัน ธรรมชาติผู้ชายจะชอบใช้เหตุผล ไม่สนใจเรื่องความรู้สึกมีความสุขุมนิ่งและแข็งแรงมากกว่า ต้องการความเป็นส่วนตัว กลัวการขาดอิสระ แต่ต้องการดูแลเอาใจใส่ ถืออำนาจ เกียรติและศักดิ์ศรี ต้องการเป็นผู้นำ ไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ ไม่ชอบการถูกตำหนิ การบ่น ในขณะที่ผู้หญิงจะมีลักษณะตรงกันข้าม แต่หากมองว่านี่คือธรรมชาติที่แตกต่างกัน และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากันได้และรู้จักใช้ส่วนดีของแต่ละฝ่ายที่ธรรมชาติสร้างมา เมื่อนั้นชีวิตคู่จะมีความสุข

      8. รู้จักภาระหน้าที่ในครอบครัว สามี ภรรยาจะมีบทบาทและหน้าที่ของตนเอง โดยทั่วไปทั้งคู่จะมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็นสามีภรรยา การหาเลี้ยงชีพ ทำงานบ้าน และเลี้ยงลูก ดังนั้นจึงควรคุยกันว่าแต่ละฝ่ายมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวมากน้อยเพียงใดและอย่างไร

      การพูดคุยในเรื่องเพศสัมพันธ์ ช่วยเพิ่มความเข้าใจ
      การพูดคุยในเรื่องเพศสัมพันธ์ ช่วยเพิ่มความเข้าใจ

      9. จัดการกับความขัดแย้ง ความขัดแย้งถือเป็นเรื่องปกติของการใช้ชีวิตคู่ ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้ง การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะจะนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน จุดสำคัญในการพูดคุย ไม่ควรพูดคุยกันในขณะที่อารมณ์โกรธ เพราะจะนำไปสู่การโต้ถียงกันมากกว่า ควรรอให้ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นแล้วมาพูดคุยปรับความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

      10. เสริมความรักให้เติบโต การใช้ชีวิตคู่นั้นเริ่มมาจากคนสองคนรักกัน ดังนั้นความรักจึงเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกัน กันมีความรักให้แก่กัน จะช่วยให้คนสองคนมีความเข้าใจกันมากขึ้น ยอมให้อภัยกันมากขี้นได้

      11. บริหารจัดการเรื่องการเงิน เพราะปัญหาเรื่องการเงินมักเป็นปัญหาใหญ่กับคู่ชีวิต ดังนั้นทั้ง 2 คนจึงควรทำความตกลงถึงการใช้จ่ายเงินในด้านต่าง ๆ

      12. มีชีวิตเป็นของตนเองด้วย ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีใครอยากรักหรือผูกผันกับคนที่ไม่รักแม้แต่ตนเอง การดูแลตนเองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากคุณรู้จักดูแลตนเอง คุณก็จะมีความพร้อมที่จะดูแลคนรักได้ดีเช่นกัน

      คำคมชีวิตคู่ แม้เป็นเพียงแค่ตัวหนังสือ แต่หากเราลองค่อย ๆ อ่านในยามโกรธ หรือลองคิดทบทวนตามแต่ละความหมาย และตัวอักษร บางทีประโยชน์ดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือเหล่านั้น อาจเป็นคาถาชั้นดีที่จะช่วยให้คุณค้นพบคำว่า “รักเราไม่เก่าเลย”

      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : twitter.com, sistacafe.com, สำนักพัฒนาสุขภาพจิต

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง

        ไขข้อสงสัย ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง ให้ลูกต้องทำอย่างไร?

        หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาสำหรับกลุ่มเปราะบางโดยการเพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้กับครอบครัวที่ยากจนเป็นจำนวน 3,000 บาท มีคุณแม่ที่อยากรู้ว่าการ ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง ต้องทำอย่างไร และหากไม่เคยลงทะเบียนเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดไว้ จะสามารถลงทะเบียนได้อยู่หรือไม่ ทีมแม่ ABK หาคำตอบมาฝากคุณแม่แล้วค่ะ

        ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง ให้ลูก มีขั้นตอนอะไรบ้าง 

        เงินเยียวยาสำหรับกลุ่มเปราะบางคืออะไร? 

        เงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง คือ เงินเยียวยาที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มคนที่เข้าถึงปัจจัยพื้นฐานทางสังคมในการดำรงชีวิต เข้าไม่ถึงบริการทางสังคม เดิมเรียกว่า กลุ่มด้อยโอกาส ได้แก่

        • เด็กจากครอบครัวยากจน ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึง 6 ขวบ ประมาณ 1.45 ล้านคน
        • ผู้สูงอายุ ประมาณ 9.66 ล้านคน
        • ผู้พิการ มีจำนวน 2 ล้านคน

        ได้รับเงินเท่าไหร่? 

        คนกลุ่มนี้จะได้รับเงินรายละ 1,000 บาทต่อเดือน นานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่ พ.ค. – ก.ค. 2563) โดยจะเริ่มจ่ายในเดือน มิ.ย. จำนวน 2,000 บาท (เป็นการสมทบงวดเดือนพฤษภาคมจ่ายพร้อมกับเดือนมิถุนายน) และให้ต่อในเดือน ก.ค. อีก 1,000 บาท

        หมายความว่า หากคุณแม่เคยลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาทต่อเดือนแล้ว และได้รับเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางด้วย ก็จะได้รับเงินในเดือนมิถุนายนรวม 2,600 บาท และเดือนกรกฎาคม รวม 1,600 บาท

        เงินอุดหนุน
        เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด – 6 ปี

        ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง เพื่อรับเงินเยียวยาต้องทำอย่างไร?

        การจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้เป็นการเพิ่มจากเงินอุดหนุนที่กลุ่มเปราะบางได้รับอยู่แล้ว ได้แก่ เงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เดือนละ 600 บาท, เบี้ยความพิการ เดือนละ 1,000 บาท และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600-1,000 บาท ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธินี้อยู่แล้วไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ  เพิ่มเติม เนื่องจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีฐานข้อมูลอยู่แล้ว

        สำหรับผู้ที่มีรายชื่อรับเงินจากโครงการอื่น ๆ เช่น เราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร จะได้รับสิทธิเยียวยากลุ่มเปราะบางด้วยหรือไม่นั้น จะต้องรอมติจาก ครม. ต่อไปค่ะ

        กลุ่มเปราะบางที่ไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือมาก่อนต้องทำอย่างไร?

        สำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็กแรกเกิด ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนรับเงินหรือเบี้ยช่วยเหลือใด ๆ จะยังไม่มีชื่อและข้อมูลในระบบ สามารถไปติดต่อที่สำนักงานเขต เทศบาล หรือสำนักงาน อบต. ตามภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำลังหารือถึงแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนเหล่านี้ให้ได้รับความช่วยเหลือ เช่นเดียวกัน

        ลงทะเบียนเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
        ลงทะเบียนเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด

        วิธีลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด

        ทีมแม่ ABK มีรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท สำหรับคุณแม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาฝาก มีรายละเอียดดังนี้

        คุณสมบัติเด็กแรกเกิดที่มีสิทธิลงทะเบียน 

        • มีสัญชาติไทย (พ่อแม่มีสัญชาติไทย หรือพ่อหรือแม่มีสัญชาติไทย)
        • เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป จนมีอายุครบ 6 ปี
        • อาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
        • ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน

        คุณสมบัติผู้ปกครองที่มีสิทธิลงทะเบียน 

        • มีสัญชาติไทย
        • เป็นบุคคลที่รับเด็กแรกเกิดไว้ในความอุปการะ
        • เด็กแรกเกิดต้องอาศัยรวมอยู่ด้วย
        • อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปี

        (มารดาที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ยังไม่ต้องมายื่นคําร้องขอลงทะเบียนขอรับสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด)

        เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงทะเบียน  ได้แก่

        1. แบบคําร้องขอลงทะเบียน(ดร.01) และแบบรับรองสถานะของครัวเรือน(ดร.02) ดาวน์โหลดที่นี่
        2. บัตรประจําตัวประชาชนของผู้ปกครอง
        3. สูติบัตรเด็กแรกเกิด
        4. สมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครอง (บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทยบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน หรือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
        5. สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก เฉพาะหน้าที่ 1ที่มีชื่อของหญิงตั้งครรภ์ (กรณีที่สมุดสูญหาย ให้ใช้เฉพาะสําเนาหน้าที่ 1 พร้อมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบันทึกข้อมูลและรับรองสําเนา)
        6. กรณีที่ผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียนและสมาชิกในครัวเรือนของผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัท ต้องมีเอกสารใบรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ของทุกคนที่มีรายได้ประจํา (สลิปเงินเดือน หรือเอกสารหลักฐานที่นายจ้างลงนาม)
        7. สําเนาเอกสาร หรือบัตรข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรแสดงสถานะหรือตําแหน่งหรือเอกสารอื่นใดที่แสดงตนของผู้รับรองคนที่ 1 และผู้รับรองคนที่ 2

        ขั้นตอนการลงทะเบียน

        ผู้ที่ต้องการลงทะเบียน สามารถเตรียมเอกสารข้างต้นและเดินทางไปลงทะเบียนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ดังนี้

        กรุงเทพมหานคร : ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต

        เมืองพัทยา : ลงทะเบียนที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา

        ส่วนภูมิภาค : ลงทะเบียนที่องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล

        เมื่อลงทะเบียนที่หน่วยงานตามภูมิลำเนา และผ่านกระบวนการทางราชการเรียบร้อยแล้ว หากต้องการตรวจสอบข้อมูลและสิทธิต่าง ๆ สามารถลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยตนเอง ที่ระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-Social Welfare) https://govwelfare.cgd.go.th/welfare โดยเลือก เมนู “ตรวจสอบประวัติการรับสวัสดิการ”

        ทั้งนี้ หากคุณแม่มีข้อสงสัยและต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเพิ่มเติม ให้ติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ที่ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กรมกิจการเด็กและเยาวชน call center 02 255 5850 – 7 ต่อ 121,122,123,124,147 และ 02 651 6920

        ช่องทางการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ลงทะเบียนกลุ่มเปราะบาง 

        สามารถสอบถามได้ที่ call center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวันและเวลาราชการ  หรือ ระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม โทรศัพท์ 02 127 7000 หรือ 02 270 6401ในวันและเวลาราชการ

         


        แหล่งข้อมูล กรมบัญชีกลาง   กรุงเทพธุรกิจ  กระทรวงแรงงาน  องค์การบริหารส่วนตำบลดอนนางหงส์

        บทความน่าสนใจเพิ่มเติม

         

         

          “โฟร์โมสต์” ตอกย้ำพันธกิจ “มอบโภชนาการเพื่อเด็กไทย” ในช่วงวิกฤตโควิด-19 จับมือเพจอีจัน ลงพื้นที่ 17 ชุมชนใน 4 จังหวัด ส่งมอบนมโคคุณภาพให้เด็กๆ พร้อมข้อความกำลังใจให้คุณแม่ภายใต้แคมเปญ ‘แม่ตกงานลูกอดนม’

          บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ในประเทศไทยมากว่า 60 ปี ตอกย้ำพันธกิจการมอบโภชนาการจากน้ำนมโคคุณภาพเพื่อเด็กไทย โดยร่วมกับทีมจิตอาสาจากเพจอีจัน นำคาราวานรถนมลงพื้นที่ 17 ชุมชนใน 4 จังหวัด เพื่อส่งมอบนมโคคุณภาพให้เด็กๆ พร้อมข้อความกำลังใจให้คุณแม่ ภายใต้แคมเปญ “แม่ตกงานลูกอดนม” เพื่อบรรเทาผลกระทบในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19

          โฟร์โมสต์ โดยฟรีสแลนด์คัมพิน่า ตอกย้ำพันธกิจ ‘การมอบโภชนาการจากน้ำนมโคคุณภาพเพื่อเด็กไทย’ เดินหน้าภารกิจต้านภัยโควิด-19 ร่วมกับทีมจิตอาสาจากเพจอีจันลงพื้นที่นำคาราวานรถนมอีจันสนับสนุนโดยโฟร์โมสต์ ส่งมอบน้ำนมโคคุณภาพให้เด็กๆ พร้อมข้อความกำลังใจให้คุณแม่ภายใต้แคมเปญ ‘แม่ตกงานลูกอดนม’ โดยภารกิจนี้สอดรับกับแนวคิดหลักที่โฟร์โมสต์ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ การมอบโภชนาการที่ดีจากน้ำนมโคคุณภาพเพื่อผู้บริโภค โดยรณรงค์ให้เด็กๆรวมถึงคนไทยมีสุขภาพดีโดยการ “ดื่มนมและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มน้ำนมโคคุณภาพที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญและโภชนาการที่ครบถ้วน อย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ควบคู่กับ “การออกกำลังกาย” อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตด้านร่างกายอย่างเต็มที่และส่งเสริมการมีพัฒนาการที่สมวัยในวัยเด็ก

          โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ฟรีสแลนด์คัมพิน่าได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มสำหรับเด็ก ตราโฟร์โมสต์ โอเมก้า369 และโยเกิร์ตพร้อมดื่มยูเอชที ตราโฟร์โมสต์ โอเมก้า369 จำนวน 2,390 ลัง มูลค่ารวม 830,000 บาท พร้อมแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความกำลังใจจากพนักงานบริษัทโฟร์โมสต์ ให้คุณแม่ที่มีลูกเล็กและอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ 12 ชุมชน ในเขตปริมาณฑล จ.สมุทรปราการและ จ.นครปฐม รวม 3 ชุมชน และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 ชุมชน รวมทั้งหมด 17 ชุมชนใน 4 จังหวัด ซึ่งภารกิจคาราวานรถนมได้ลงพื้นที่ไปในช่วงตั้งแต่วันที่ 18-31 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา

          ถึงแม้ว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ได้ส่งผลครอบคลุมทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันและทำให้มีกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก แต่หนึ่งใน ‘กลุ่มเปราะบาง’ ที่ควรได้รับการดูแลเป็นอย่างมากนั้นคือ กลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งโดยประมาณในประเทศไทยมีจำนวนเด็กเล็กเกือบ 1 ล้านคน โดยแบ่งเป็นอายุ 0-1 ปี จำนวน 350,000 คน อายุ 1-2 ปี จำนวน 330,000 คน และอายุ 2-3 ปี จำนวน 327,000 คน ที่ขาดแคลนอาหารโดยเฉพาะนมสำหรับเด็กเล็ก (อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)) โฟร์โมสต์และทีมงานเพจอีจัน จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจต้านภัยโควิด-19 ด้วยการมอบโภชนาการที่ดีจากน้ำนมโคคุณภาพเพื่อเสริมสร้างให้เด็กๆมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมส่งกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน

            Tags

            อยากมีลูกง่าย

            ควรมี เซ็ก สัปดาห์ละกี่ครั้ง มากน้อยแค่ไหนถึงจะฟินและดีต่อชีวิตคู่

            สำหรับคู่แต่งงานหรือคู่รักที่คบกันมาหลายปี เซ็กส์ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ในการแสดงความรัก ช่วยกระชับความสัมพันธ์ และเป็นปัจจัยหนึ่งของการมีลูกที่จะมาเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์ รวมถึงยังช่วยส่งดีด้านสุขภาพด้วย แต่การมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งก็ไม่ได้สวยหรูสำหรับคู่รักเสมอไป สามีภรรยาควรมีเซ็กส์กันมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้การมีเซ็กส์ไม่ส่งผลต่อชีวิตรัก

            ควรมี เซ็กส์ สัปดาห์ละกี่ครั้ง มากน้อยแค่ไหนถึงจะฟินและดีต่อชีวิตคู่

            ได้มีงานวิจัยจาก Indiana University พบว่า ความถี่ของการมีเซ็กจะผันแปรตามช่วงอายุ โดยค่าความถี่เฉลี่ยที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์ของคนที่มีอายุระหว่าง 18-29 ปี คือจำนวน 112 ครั้งต่อปี หรือประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนคนที่มีอายุ 30 – 39 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 86 ครั้งต่อปี หรือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ข้อมูลจาก www.women.mthai.com ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มีผลจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโตเผยว่า ข้อมูลจากคน 28,000 คน พบว่า คู่รักที่มีเซ็กส์ช่วงอาทิตย์ละครั้ง จะเป็นคู่ที่มีความสุขมากที่สุด จัดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับหลาย ๆ คู่ และผลสำรวจจากการสุ่มคู่แต่งงาน 2,400 คู่ที่แต่งงานอยู่ด้วยกันมากกว่า 14 ปีขึ้นไป ก็พบว่าสามีภรรยาที่มีเซ็กส์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งนั้นมีความพึงพอใจกับชีวิตคู่ตัวเองเช่นกัน” จัดเป็นช่วงเวลาที่สามารถจะรักษาระดับความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้ดีอยู่ได้ รวมทั้งคู่รักที่อยากมีลูกก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้น

            การมีเซ็กส์ดีต่อสุขภาพ (ผู้หญิง) มากแค่ไหน

            นอกจากเซ็กส์จะช่วยสร้างความสุขให้กับหัวใจของคนมีความรักแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายได้ดีอีกด้วย อาทิเช่น

            • ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นักวิจับพบว่าการมีเซ็กส์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งนั้นจะช่วยเพิ่มระดับสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้บางชนิดที่อยู่ในส่วนของเนื้อเยื่อช่องคลอดต่อมน้ำลาย ได้สูงกว่าคู่รักทีฟีเจอริ่งน้อยครั้ง  เช่น ในช่วงที่เป็นประจำเดือนการที่มีสารชนิดนี้อยู่ภายในจะช่วยป้องกันเชื้อโรค ไวรัส และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ได้
            • ช่วยลดความเครียด การมีเซ็กส์ที่ชวนให้อยู่ในห้วงอารมณ์บรรเจิดนั้นส่งผลให้ฮอร์ในร่างกายได้หลั่งสารเอนดอร์ฟิน และอ็อกซิโทซิน ที่ช่วยทำให้รู้สึกดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นผลให้ความเครียดลดลงและช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ทั้งนี้มีงานวิจัยหนึ่งพบว่าการมีเซ็กส์นั้นยังช่วยป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะเกิดภาวะเครียดได้ด้วย
            • ช่วยให้นอนหลับสบาย เมื่อถึงจุดสุดยอด ร่างกายจะหลังจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินและสารออกซิโทซิน ที่ช่วยทำให้จิตใจสงบและนอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งการได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มหลังการร่วมรักลุล่วงไปด้วยดีจะส่งผลดีต่อสมองและร่างกาย ทำให้มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หลังตื่นมาได้ดีขึ้น
            • ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน มีผลการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การมีเซ็กส์อาจช่วยลดอาการปวดหัวบางชนิดลงได้ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา โดยฮอร์โมนชนิดนี้เป็นสารระงับความเจ็บปวดที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาตินั่นเอง
            • ช่วยให้ผิวหน้าดูสดใส การมีเพศสัมพันธ์มีส่วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและช่วยกระตุ้นรังไข่ให้หลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนวัยลง
            • ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เซ็กส์ที่มีคุณภาพหรือการได้ถึงจุดสุดยอดของคุณผู้หญิงนั้น จะช่วยลดอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนลงได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่หดเกร็งขณะถึงจุดสุดยอดอาจช่วยคลายกล้ามเนื้อมดลูกที่ตึงอยู่ รวมทั้งสารเอนดอร์ฟินที่หลั่งออกมาจะถูกส่งไปยังสมอง ซึ่งช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย และช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน อาทิ ปวดหัว ปวดหลัง อารมณ์แปรปรวน หงุดหงดง่าย ไม่สบายตัว เครียด ลงได้เช่นกัน
            • ช่วยส่งผลดีต่อหัวใจ การมีเซ็กนั้นอาจถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่นอกจากช่วยส่งผลดีต่อร่างกายให้สุขภาพดีและหุ่นดีแล้วยังดีต่อหัวใจเช่นเดียวกับการออกกำลังกายอื่น ๆ เช่น การ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เดินเร็ว ขี่จักรยาน และว่ายน้ำเร็วปานกลาง เป็นต้น โดยมีการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่าการมีเซ็กเป็นเวลาประมาณ 25 นาที จะช่วยให้ผู้ชายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 4 แคลอรี่/นาที และผู้หญิงประมาณ 3 แคลอรี่/นาที

             

            เซ็กส์กับคนรัก
            เซ็กส์กับคนรัก

            เรื่องบนเตียงสําคัญกับชีวิตคู่

            แม้การมีเพศสัมพันธ์จะส่งผลดีต่อร่างกายและใจ แต่การที่จะบอกว่าควรมีเซ็กส์กี่ครั้งถึงจะเรียกว่ามากหรือเพียงพอ อาจไม่สามารถกำหนดเป็นปริมาณตัวเลขที่ตายตัวได้ตราบใดที่กิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้คู่รักทั้งคู่มีความสุขและเพลิดเพลิน ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยและปัญหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ช่วงเวลาที่ไม่สัมพันธ์กัน หรือความรู้สึกเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่อยากมีเซ็กส์ที่บ่อยเกินไป ทั้งนี้มีการสำรวจคู่รักที่แต่งงานแล้วและมีเซ็ก 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์พบว่า เรื่องบนเตียงที่บ่อยมากเกินไปไม่ได้มีความสุขมากกว่าการขึ้นสังเวียนสัปดาห์ละครั้งแต่อย่างใด หากไม่ได้เกิดจากความต้องการของทั้งคู่ และอาจทำให้ส่งผลเสียได้หากมีเซ็กบ่อยเกินไป

            การมีเซ็กส์ที่ฟินทั้งสองฝ่ายและส่งผลดีต่อชีวิตคู่จะเกิดขึ้นหากทั้งคู่มีอารมณ์ร่วม มีการสนองความต้องการทางเพศของทั้ง 2 ฝ่าย และการได้บอกถึงความต้องการชัดเจนว่าอยากมีเซ็กส์แบบไหนที่จะช่วยให้ฟินกันทั้งคู่ เช่น ผู้หญิงบางคนอาจชอบแบบอ่อนโยน บางคนชอบแบบถึงใจ ความถี่ในการมีเซ็กส์แต่ละครั้ง การเล้าโลมให้ตรงจุด จุดไหนที่ต้องการให้สามีทำแล้วทำให้เสียวสะท้านถึงจุดสุดยอด รวมทั้งการเปล่งเสียงและแสดงออกถึงความสุขในขณะร่วมรักกัน หรือพากันเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ทั้งในและนอกบ้าน เพื่อกระตุ้นความตื่นเต้นและเร้าใจ หรือเซ็กส์แบบไหนที่ทำให้หมดอารมณ์ เพราะถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่สนุกกับเรื่องบนเตียง หรือแค่คิดว่าทำไปตามหน้าที่ ก็จะส่งผลให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีอารมณ์ เกิดความทรมาน ความเครียด ซึ่งก็จะกลายเป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ได้

            แม้การมีเซ็กส์จะเป็นกิจกรรมที่ทำให้คู่รักผูกพันกัน แต่การเซ็กส์ที่มีคุณภาพนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฟีเจอริ่งบนเตียงเพียงอย่างเดียว ความสุขของชีวิตคู่นั้นยังรวมถึงการปฏิบัติตัวที่ดี การแสดงความรัก และเอาใจใส่หลังมีเพศสัมพันธ์ ที่จะส่งผลดีทำให้ชีวิตรักแฮปปี้ ใช้ชีวิตคู่ที่ยืนยาวยิ่งขึ้นนะคะ.

            ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.pobpad.comwww.kapook.comwww.honestdocs.co

            อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ :

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              มีลูกคนที่สอง

              อยาก มีลูกคนที่สอง ต้องวางแผนการเงินอย่างไรดี

              “อยาก มีลูกคนที่สอง จัง” ความคิดนี้น่าจะเกิดขึ้นกับคุณแม่หลายคน หลังทิ้งระยะจากความเหนื่อยล้า การอดหลับอดนอน และเลี้ยงดูลูกคนแรกได้เริ่มเข้าที่เข้าทาง แถมเวลาไปไหนใครๆ ก็ทักว่าทำไมไม่มีลูกน่ารักอีกสักคน แต่อีกใจก็คิดหนักเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะการมีลูกหนึ่งคนใชเงินไม่น้อยทั้งค่าใช้จ่ายทั่วไป สุขภาพและการศึกษา ต้องวางแผนการเงินให้ดี จึงทำให้หลายบ้านยังคิดสองจิตสองใจว่าควรมีลูกอีกคนหรือแค่คนเดียวดี

              มีลูกคนที่สอง ต้องวางแผนการเงินอย่างไรให้ครอบครัวมั่นคง

              เมื่อมีลูกคนที่สอง ภาระรับผิดชอบด้านการเงินของคุณพ่อคุณแม่ย่อมเพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัว ยิ่งช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองจากปัจจัยหลายด้านรวมถึง ภาวะโรคระบาดไปทั่วโลก คุณพ่อคุณแม่จึงควรไตร่ตรองให้ดีและวางแผนการเงินไว้แต่เนิ่นเพื่อไม่ให้ประสบปัญหาภายหลัง เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อมีลูก 2 คน เท่ากับครอบครัวจะใหญ่ขึ้น ค่าใช้จ่ายของลูกต้องคูณสอง ลองมาคิดกันคร่าวๆ ก่อนว่าถ้า มีลูกคนที่สอง แล้วจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

              มีลูกคนที่สอง

              ค่าใช้จ่ายเมื่อ มีลูกคนที่สอง

              ค่าฝากครรภ์และค่าคลอด พอมีเบบี๋น้อยมาอยู่ในท้องคุณแม่กัน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็เกิดขึ้นทันทีเหมือนกับตอนมีลูกคนแรก เพราะพบไปคุณหมอเพื่อฝากครรภ์, ตรวจเลือด, ตรวจสุขภาพ, ค่าอัลตร้าซาวด์ รวมไปถึงค่าทำคลอดซึ่งแตกต่างกันไปตามลักษณะการคลอด

              หากเป็นการคลอดธรรมชาติ รพ.รัฐอยู่ที่ 5,000 บาทขึ้นไป ส่วนรพ.เอกชนอยู่ที่ 30,000 บาทขึ้นไป ส่วนการผ่าตัดคลอดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยรพ.รัฐ ราว 20,000 บาทขึ้นไป รพ.เอกชนเริ่มต้นที่ราว 40,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้รพ.เอกชนส่วนใหญ่มักจัดแพ็คเก็จคลอดให้คุณแม่เลือกได้ตามความเหมาะสม

              เช็กค่าอัลตร้าซาวด์ 4มิติ ปี2563

              เช็กแพ็คเกิจคลอดลูกรพ.กทม ปี2563

              นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่คาดคิด เช่น เมื่อคลอดแล้วทารกตัวเหลืองต้องนอนตู้อบ หรือมีความจำเป็นอื่นๆ ที่ต้องดูอาการที่โรงพยาบาลต่อ

              ค่าพี่เลี้ยง

              หากพ่อแม่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่  หรือเป็นแม่ฟูลไทม์แต่ไม่มีญาติผู้ใหญ่ช่วยเหลือ เมื่อมีลูกสองคนโดยเฉพาะวัยใกล้เคียงกัน อาจจำเป็นต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับจ้างพี่เลี้ยงด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงกัน มีทั้งแบบมาอยู่เป็นพี่เลี้ยงประจำบ้าน กินนอนบ้านเดียวกัน ให้พี่เลี้ยงมาดูแลระหว่างวัน หรือพาลูกไปดูแลที่บ้านพี่เลี้ยง ค่าใช้จ่ายก็จะต่างกันออกไป เริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 บาทจนถึงหลักหมื่นบาท ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นสำคัญ จึงต้องหาพี่เลี้ยงที่ไว้วางใจได้และสามารถดูแลเด็กอ่อนได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้บางบ้านตัดสินใจว่าจะคุณพ่อหรือคุณแม่ออกจากงานประจำมาดูแลลูกแทน

              ค่าอาหารและโภชนาการ

              ในช่วงขวบปีแรกที่ลูกยังเกิดนมเป็นอาหารหลัก ก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายหลักในส่วนนี้ แต่ถ้าบ้านไหนเลี้ยงด้วยนมแม่ก็จะช่วยประหยัดค่านมไปได้มาก จะมีจ่ายก็เฉพาะค่าอาหารเสริมเท่านั้น แต่เมื่อลูกอายุควบขวบปีแล้ว ค่าอาหารส่วนนี้จะบวกรวมเข้ากับค่าอาหารของสมาชิกในบ้านได้ ค่านมผงเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 4,000 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับนมแม่ละยี่ห้อ)

              ค่าของใช้จำเป็นสำหรับทารก

              เช่น ค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูป อุปกรณ์อาบน้ำ เสื้อผ้า ของใช้สำหรับทารก หากมีลูกวัยใกล้เคียงกันอาจใช้ของชิ้นเดียวกับพี่คนโตได้ เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ อุปกรณ์ดูแลความสะอาด แต่มีอีกหลายอย่างที่ต้องซื้อเป็นประจำ เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างขวดนม ทิชชู่เปียก สบู่เหลว เป็นต้น โดยเฉลี่ยค่าของใช้จำเป็นเมื่อ มีลูกคนที่สอง อยู่ราว 1,500 บาทต่อเดือน

              ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ  

              เด็กเล็กอาจเจ็บป่วยได้ง่าย หลายบ้านอาจเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโรคและค่าใช้จ่ายในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อประกันชีวิตคู่กับประกันสุขภาพราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความคุ้มครอง ค่านอนโรงพยาบาล วงเงินการรักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป

              นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพของลูกได้หลายกรมธรรม์ เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด (โดยจำเป็นต้องจ่ายเงินสดเพิ่มอีก) อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ยังต้องเตรียม ค่าวัคซีนสำหรับเด็กที่ เบิกประกันไมได้เอาไว้ด้วย

              เช็กประกันสุขภาพลูก ปี2563

              เช็กค่าเทอมโรงเรียนอนุบาล กทม-ปริมณฑล ปี2563

              เงินออมสำหรับการศึกษาในอนาคต  

              แม้ว่าเด็กเล็กจะยังไม่ต้องเข้าเรียนจริง แต่ภายใน 3-4 ปี ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้แน่นอน คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมเตรียมการล่วงหน้าสำหรับค่าเทอมที่จะมาแบบ x 2 ในทุกๆ ปี

               วางแผนการเงินให้ดีเมืื่อมีลูกคนที่สอง

              เมื่อครอบครัวขยายขึ้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นนี้ อย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่คิดว่าจะมีเบบี๋อีกคนควรวางแผนไว้อย่างไรดีให้เหมาะสม และสามารถวางรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้ครอบครัวในอนาคต มาเริ่มต้นด้วยเทคนิคง่ายๆ เพื่อเตรียมเป็นพ่อแม่ เมื่อมีลูกคนที่สอง ให้พร้อมกันดีกว่า

              1.ทำงบการเงินใหม่  หากตอนมีลูกคนแรกได้ววางแผนค่าใช้จ่ายในบ้านอยู่แล้ว ก่อนมีลูกอีกคนให้ลองบวกค่าใช้จ่ายสำหรับลูกคนที่สองเข้าไปในบัญชีรายจ่ายประจำบ้านดู แล้วคำนวณเป็นตัวเลขว่า เมื่อเพิ่มรายจ่ายของเบบี๋น้อยเข้าไปแล้ว สภาพคล่องทางการเงินของครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง สามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนใด หรือหารายได้เพิ่มเติมใดได้บ้าง

              2.นำของเก่ากลับมาใช้ซ้ำ   ถ้าบ้านไหนๆวางแผนตั้งแต่ต้นแล้วว่า “อยากมีลูกมากกว่า 1 คน”  ก็ควรวางแผนการใช้อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น คาร์ซีท รถเข็นเด็ก เตียงนอน เก้าอี้นั่งกินข้าวที่สามารถใช้ได้ระยะยาว เพื่อส่งต่อจากพี่ไปถึงน้องได้ โดยเน้นการดูแลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

              วิธีนี้ก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก ส่วนเสื้อผ้า รองเท้าอาจต้องดูก่อนว่าพี่น้องเป็นเพศเดียวกันหรือไม่ ถ้าของบางชิ้นเป็นสีกลางๆไม่บ่งบอกความเป็นหญิงหรือชายมากเกินไป ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทั้งนี้ควรเช็คสภาพให้มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากการใช้งาน

              3.คิดก่อนซื้อ สำหรับคุณแม่นัก CF ช้อปของลูกไม่ยั้งสมัยมีลูกโทน อาจต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้โอนช้าลงอีกสัก ให้เป็นคิดก่อนซื้อและดูความจำเป็นมากขึ้น หรือเวลาที่ซื้อของเล่นให้ลูกคนโต อาจลองเลือกสีหรือรูปแบบกลางๆ ที่ใช้ได้กับทั้งเพศหญิงและชาย

              4.วางแผนการซื้อและเตรียมอาหาร  ค่าอาหารคือค่าใช้จ่ายภายในบ้านก้อนใหญ่ ยิ่งจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น ค่าอาหารก็ยิ่งทวีคูณตามไปด้วย การวางแผนซื้ออาหารสดและอาหารแห้งจะช่วยประหยัดเงินได้มาก หากคุณแม่เตรียมตัวล่วงหน้าว่าสัปดาห์นี้จะกินอะไร วัตถุดิบหลายอย่างเมื่อซื้อในปริมาณมากจะได้ราคาถูก และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายเมนู ยิ่งถ้ามีเวลาจดรายการที่ต้องซื้อไว้ล่วงหน้า เมื่อมีโปรโมชั่นดีๆ จากห้างร้าน ก็สามารถเลือกซื้อได้ทันที แบบไม่ต้องนำของลดราคามากักตุนด้วย

              5.ใช้เงินเพื่อความสุขในบ้าน มากกว่าออกไปหาความสุขข้างนอก  เทรนด์ใหม่ของครอบครัวในยุคโควิด-19 ก็คือการหากิจกรรมสนุกให้ลูกทำที่บ้าน ถ้าจะใช้จ่ายเพื่อซื้อความบันเทิง ลองเปลี่ยนจากการซื้อของเล่นมาเป็นการประดิษฐ์ของเล่น หรือจัดพื้นที่ในบ้านเพื่อทำบ่อทราย, ชิงช้า, ที่ปีนหน้าผาจำลอง หรือเครื่องเล่นอื่นๆ หรือแทนที่จะออกไปเที่ยวเล่นตามคาเฟ่นอกบ้าน ลองซื้ออุปกรณ์ทำขนมมาชวนลูกทำขนมง่ายๆ หรือผสมสี นวดแป้งโดว์ใช้เอง ก็เป็นการประหยัดเงินและยังได้ใช้เวลาร่วมกันทั้งครอบครัวด้วย

              แม้การมีลูกคนที่สองจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่หากคุณพ่อคุณแม่วิเคราะห์และเตรียมวางแผนการเงินมาอย่างดี เชื่อว่าพอได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ แล้ว ความเครียดและความเหนื่อยล้าน่าจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยละค่ะ


              แหล่งข้อมูล  www.mybanktracker.com , www.discover.com

              บทความน่าสนใจอื่นๆ

               

               

              เชื่อหรือไม่? ข้อดีของการมีน้องสาว ช่วยให้คนเป็นพี่มีความสุขได้!

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                เชื้อไวรัสที่มากับหน้าฝน

                5 เชื้อไวรัสที่มากับหน้าฝน พ่อแม่ที่มีลูกเล็กต้องระวัง !

                เชื้อไวรัสที่มากับหน้าฝน พอจะนึกกันออกไหมคะว่ามีเชื้อไวรัสอะไรบ้าง เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะนึกกันไม่ออก ทีมแม่ ABK จะพาไปรู้จักกับเชื้อไวรัสหน้าฝน ที่ถ้าหากบ้านไหนมีลูกเล็ก เด็กน้อย ต้องระวังกันให้มากค่ะ เพราะเชื้อไวรัสเหล่านี้  ล้วนเป็นตัวก่อโรคให้ลูกเจ็บป่วยไม่สบายกันหนักมากในช่วงหน้าฝนค่ะ

                เชื้อโรค แบคทีเรีย รวมถึงเชื้อไวรัส ปกติมักจะมีปะปนมากับอาหาร อากาศ และตามฤดูกาลต่างๆ ค่ะ และนับวันความ รุนแรงของตัวก่อโรคเหล่านี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ก็พัฒนาเป็นสายพันธุ์ A สายพันธุ์ B ทำให้เมื่อป่วยเป็นหวัด มักจะใช้เวลาในการรักษานานขึ้น กว่าอาการป่วยจะทุเลา หายเป็นปกติ ทีมแม่ABK เชื่อว่าโรคต่างๆ  ที่มากับหน้าฝน คุณพ่อคุณแม่อาจจะรู้จักกันอยู่บ้างแล้ว แต่เราจะไปตามหากันค่ะว่า โรคที่มากับหน้าฝน อย่าง โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก โรคไอพีดี และ โรคท้องเสีย เกิดจากเชื้อไวรัส อะไร และควรดูแลป้องกันสุขภาพอย่างไร เพื่อให้ลูกน้อยของเราไม่ป่วยกันค่ะ

                 

                เชื้อไวรัสที่มากับหน้าฝน รู้เท่าทัน ลดเสี่ยงลูกป่วย

                เวลาที่เข้าสู่หน้าช่วงหน้าฝน หัวอกคนเป็นพ่อแม่จะมีความกังวลในเรื่องสุขภาพของลูกกันมาก เพราะเป็นช่วงระหว่างที่ลูกต้องไปโรงเรียน อากาศเย็น ชื้น ละอองฝน ทำให้เด็กๆ ไม่สบายกันมาก และนี่คือ 5 เชื้อไวรัสที่มากับหน้า ตัวก่อโรคที่ซ้อนมากับสายฝนเย็นฉ่ำค่ะ

                1. โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

                ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา ( Influenza Virus) สำหรับเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา สามารถแยกไข้หวัดใหญ่ที่มักป่วยกันบ่อยๆ คือ

                • ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มีมาก่อนอยู่แล้ว คนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลสามารถ ป่วยได้ซ้ำ ซึ่งเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ มีภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรงเป็นทุนเดิม ก็มักจะมีอาการป่วยไม่หนักมาก
                • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่พัฒนาจากสายพันธุ์ปกติให้รุนแรงขึ้น เกิดจากเชื้อไข้หวัด ใหญ่ ชนิด เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) เด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัด ทำให้เสี่ยงป่วยได้ง่ายขึ้น

                วิธีดูแลสุขภาพ คุณแม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคของลูกน้อยให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ได้ด้วยการให้รับประทานอาหารที่  มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นเพิ่มเติมผัก ผลไม้ที่ให้วิตามินซี ช่วยป้องกันโรคหวัด และรวมทั้งให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หมั่นให้ออกกำลังเป็นประจำ ที่สำคัญควรพาลูกน้อยไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี

                2. โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever)

                ไข้เลือดออก เด็กๆ สามารถป่วยกันได้ตลอดทั้งปีค่ะ แต่จะหนักหน่อยในช่วงหน้าฝน เพราะมีน้ำท่วมขัง ยุงมักออกมาวางไข้ เมื่อประชากรยุงมาก ก็ต้องการอาหาร(เลือดจากคน) พอยุงมากัดลูกเล็ก เด็กน้อย ก็จะทำให้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกกันเยอะมาก โรคไข้เลือดออก เกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรคค่ะ  เชื้อไวรัสเดงกีปัจจุบันนี้มีอยู่ 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 ที่สำคัญไข้เลือดออกอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันที

                วิธีดูแลสุขภาพ ง่ายๆ คืออย่าให้ลูกโดยยุงกัน ภายในบ้าน ตามประตู หน้าต่าง ควรติดมุงลวด และถ้าลูกเล็กมากๆ ควรมีมุ้งครอบตอนนอนค่ะ บริเวณรอบบ้านดูแลอย่างให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น น้ำในกระถางต้นไม้ อ่างบัว แหล่งน้ำขังต่างๆ ทีมแม่ABK แนะนำให้ปลูกต้นไม้กันยุงไว้บริเวณบ้าน เช่น ตระไคร้หอม ต้นสะระแหน่ ต้นโหระพา ต้นเจอเรเนียม เป็นต้น  หากพาลูกออกนอกบ้าน ควรฉีดสเปรย์กันยุงสมุนไพร(ไม่มีสารเคมีอันตราย) ก็จะช่วยปกป้องยุงไม่ให้กัดได้ค่ะ

                3. โรคมือเท้าปาก (Hand Foot Mouth Disease)

                โรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) และคอคซาคีไวรัส (Coxsackievirus) ซึ่งโรคมือเท้าปากนี้นะคะ มักพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี(เด็กทารกและเด็กเล็ก) ป่วยกันมากและมีอาการรุนแรงกว่าเด็กโตค่ะ

                ลูกๆ ในทีมแม่ABK ก็เคยป่วยเป็นมือเท้าปาก น่าสงสารมากค่ะ สำหรับโรคมือเท้าปากเป็นโรคที่มีการระบาดหนัก โดยเฉพาะในโรงเรียน พบว่าเด็ก 1 คนป่วยเป็นมือเท้าปาก ก็สามารถที่จะแพร่กระจายเชื้อไปสู่เพื่อนๆ ในห้องเรียนเดียวกันได้ง่ายมากค่ะ ฉะนั้นหากสังเกตพบว่าลูกมีอาการไข้ 2-3 วันแล้วอาการไข้ไม่ดีขึ้น บวกกับมีผื่นแดงอังเสบที่ลิ้น เหงือก หรือผื่นแดงบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ให้สงสัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ควรให้ลูกหยุดเรียน และรีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

                วิธีดูแลสุขภาพ ในช่วงหน้าฝนที่โรคมือเท้าปากมักระบาดนี้นะคะ แนะนำให้คุณแม่ดูแลเรื่องความสะอาดอุปกรณ์ของใช้ลูก เวลาไปโรงเรียนต้องกำชับลูกว่าห้ามดื่มน้ำแก้วเดียวกับเพื่อนๆ วิธีที่ดีคือควรเตรียมกระบอกน้ำส่วนตัวให้ลูกไปใช้ที่โรงเรียน หรือกล่องข้าวไปโรงเรียนด้วย กลับมาบ้านให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ไวรัสต่างๆ ค่ะ

                4. โรคไอพีดี (Invasive Pneumococcal Disease)

                ไอพีดี(IPD) เป็นหนึ่งในโรคที่เด็กเล็กๆ อายุต่ำกว่า 2 ปี เสี่ยงป่วยกันมากค่ะ โรคไอพีดี เกิดจาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า “นิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoniae)” ซึ่งเชื้อนิวโมคอคคัส ยังเป็นตัวนำก่อโรค เช่น โรคปอดอักเสบ โรคหูชั้นกลางอักเสบ โรคไซนัสอักเสบ และโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ขอบอกว่าโรคไอพีดีมีอาการรุนแรงที่ส่งผลให้เกิดการพิการ หรือเสียชีวิตได้ค่ะ

                วิธีดูแลสุขาพ แนะนำว่าลูกวัยทารก เด็กเล็กๆ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคที่น้อยและไม่แข็งแรง สิ่งที่จะกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดีอย่างแรก คือ ให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด(ในน้ำนมแม่จะมีสารสร้างภูมิคุ้มให้กับร่างกายลูก ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อต่างๆ ได้) และให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีนที่กำหนดตามช่วงวัยค่ะ ที่สำคัญให้ดูแลเรื่องความสะอาด และไม่ควรพาลูกไปในสถานที่ที่แออัด อากาศถ่ายเทน้อย อากาศไม่สะอาดนะคะ

                5. โรคท้องเสีย (Diarrhea)

                ช่วงหน้าฝนเชื้อโรค เชื้อไวรัสปะปนมากับอากาศ และอาหารได้ค่ะ หากอาหารที่รับประทานไม่สะอาด ก็อาจเสี่ยงต่ออาการ ท้องเสีย ท้องร่วงได้ค่ะ โรคท้องเสีย อุจจาระร่วง เกิดจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส (Rotavirus) เด็กๆ มักมีอาการนี้กันเยอะมาก  และที่สำคัญคือการติดเชื้อไวรัสโรต้ายังไม่มียารักษาโดยตรงนะคะ เป็นเพียงแค่การรักษาตามอาการให้อาการค่อยๆ ทุเลาและดีขึ้นจนปกติ

                วิธีดูแลสุขภาพ แนะนำให้กระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกตั้งแต่แรกคลอดด้วยการให้กินน้ำนมแม่ ดูแลเรื่องควมสะอาด  สุขอนามัยต่างๆ ของลูก การปลุกอาหารต้องล้างทำความสะอาดวัตถุดิบให้สะอาด ขั้นตอนการปรุงต้องสะอาดด้วยเช่นกัน

                ทีมแม่ABK หวังว่าลูกๆ ของทุกครอบครัวจะปลอดภัย ไม่เจ็บป่วยจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ที่แฝงตัวมาในหน้าฝนนี้นะคะ เมื่อรู้สาเหตุ ก็ป้องกันดูแลให้มากเป็นพิเศษ  รับประทานอาหารที่ดี วัคซีนต้องฉีดตรงเวลาตามช่วงวัย รับรองว่าลูกน้อยจะมีภูมิต้านทานโรค ร่างกายแข็งแรง เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดีค่ะ …ด้วยความห่วงใย

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 


                อ่านบทความเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                5 พาหะนำโรค หน้าฝน ภัยร้ายต่อสุขภาพลูกน้อย

                RSV ไวรัส ในหน้าฝนทำร้ายสุขภาพลูก

                 

                ข้อมูลอ้างอิงจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ , สมาคมติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ 

                  เล่นสนุกกับลูก

                  ทำไมพ่อแม่ต้อง เล่นสนุกกับลูก ?

                  หน้าที่ของเด็กคือการเล่นสนุก ผลการวิจัยมากมายทั้งใหม่และเก่าต่างก็ชี้ชัดไปในทางเดียวกันว่า การเล่นสำหรับเด็กนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรลงไป เล่นสนุกกับลูก ด้วยตัวเอง เพราะนอกจากจะเป็นการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวแล้ว ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการและมีส่วนเสริมสร้าง EF ที่จะทำให้ชีวิตในวันหน้าของลูกประสบความสำเร็จด้วย

                  “เด็กทุกคนชอบสนุก” และอยากให้พ่อแม่มา  เล่นสนุกกับลูก ด้วย

                  เล่นสนุกกับลูก

                  พ่อแม่ เล่นสนุกกับลูก ดีอย่างไร

                  เล่นสนุกกับลูก เป็นกิจกรรมที่เริ่มทำกับลูกตั้งแต่วัยทารก ไม่จำเป็นต้องมีของเล่น อุปกรณ์เสริมพัฒนาการใดๆ เพราะคุณพ่อคุณแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดของลูก ได้สบตา ยิ้ม หัวเราะ ฟังเสียงอ่อนโยนของแม่ เล่นจั๊กกะจี๋บนตัวลูก หรือเล่นจ๊ะเอ๋ ก็ช่วยเสริมพัฒนาการได้มากมาย โดยเฉพาะเซลล์ประสาทในสมองนับแสนล้างเซลล์ที่จะเชื่อมต่อกันเป็นร่างแห ส่งผลต่อการเรียนรู้ในอนาคต มาดูกันว่า แค่พ่อแม่เล่นกับลูกอย่างน้อยวันละ 30 นาทีช่วยพัฒนาอะไรบ้าง

                  กิจกรรมเล่นกับลูกเสริม พัฒนาการทารก 1 เดือน

                  กิจกรรมเล่นกับลูก เสริม พัฒนาการทารก 2 เดือน

                  กิจกรรมเล่นกับลูก เสริม พัฒนาการทารก 3 เดือน

                  พัฒนาทักษะรอบด้าน

                  เวลาเล่นกับลูก สมองของเด็กๆเปรียบเสมือนฟองน้ำคอยซึมซับทุกอย่างรอบตัวไว้ แม้แต่ตอนที่พ่อแม่คุยด้วย ลูกจะเรียนรู้วิธีสื่อสาร บอกความต้องการของตัวเอง รู้จักการโต้ตอบ รวมถึงการปฏิบัติต่อกัน เช่น พ่อคุยกับแม่อย่างไร แม่คุยกับคุณยายอย่างไร สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ยิ่งเล่นมากลูกยิ่งได้เรียนรู้เพิ่ม เพราะพ่อแม่เป็นผู้ใหญ่แล้วสามารถคิดรูปแบบการเล่นได้หลากหลาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากว่า การได้แล่นกับพ่อแม่จึงช่วยขยายจินตนาการของลูกให้มากขึ้นด้วย

                  สร้างพื้นฐานที่ดีในอนาคต

                  การเล่นรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม ของเล่นเสริมทักษะหรือกีฬา ช่วยกระตุ้นความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น ยิ่งถ้าเป็นรูปแบบกีฬาง่ายๆที่เล่นได้ในบ้าน ปลูกฝังนิสัยรักการออกกำลังกายในตัวลูกเมื่อโตขึ้นเขาจะเป็นคนที่มีสุขภาพดี จิตใจเข้มแข็ง หลายครอบครัวที่ลูกเป็นนักกีฬา หรือศิลปินตามรอยพ่อแม่ ก็มีจุดเริ่มต้นจากการ เล่นสนุกกับลูก นั่นเอง

                  เชื่อมสายใยรักให้แข็งแกร่ง

                  เด็กทุกคนชอบเรื่องสนุก ยิ่งได้เล่นสนุกกับพ่อแม่ คนที่ลูกไว้วางใจมากที่สุด ยิ่งเล่นกับบ่อยมากเท่าไร จะก่อเกิดเป็นสายใยความผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูกที่ลึกซึ้งมากขึ้น ลูกวัยเบบี๋จะรับรู้ว่าพ่อแม่มีตัวตนอยู่จริง จึงรู้สึกปลอดภัยและวางใจโลกใบใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักได้มากขึ้น ลูกมีความมั่นคงทางจิตใจ เชื่อใจพ่อแม่ได้อย่างสนิทใจ ซึ่งเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเมื่อโตเป็นวัยรุ่น

                  ไม่ใช่แค่ลูกสนุก พ่อแม่ก็แข็งแรงด้วย

                  จริงอยู่ที่ประโยชน์หลักๆ ของการเล่นกับลูกนั้นทำเพื่อตัวลูกเอง ขณะเดียวกันพ่อแม่ได้โบนัสคืนกลับมาด้วย เวลาที่เล่นกันอย่างมีความสุข ต่อมใต้สมองจะหลั่งฮอร์โมนอ็อกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ทำให้เกิดความรัก ความผูกพัน เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และช่วยลดความเครียดได้ แถมยังเป็นวิธีมัดใจสามีอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีการตีพิมพ์ผลการศึกษาในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ซึ่งให้ข้อมูลว่าฮอร์โมนชนิดนี้ทำให้ผู้ชายเป็นคนรักเดียวใจเดียวต่อภรรยามากขึ้นด้วย

                  เล่นสนุกกับลูก

                   

                  อยากให้ลูกเก่งรอบด้าน ควรเล่นอะไรกับลูกดี

                  การเล่นกับลูกไม่จำเป็นต้องหาซื้อของเล่นราคาแพงหรือไปเล่นตามห้างและสวนสนุก แต่พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกขัดเขินหรือไม่รู้จะเล่นกับลูกอย่างไร ลองมาดูไอเดียเหล่านี้กันค่ะ

                  • เล่นทราย – เป็นการเล่นที่ง่าย เพลิดเพลิน และเสริมทักษะให้ลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงคุณพ่อคุณแม่เตรียมกองทรายไว้หนึ่งกอง อาจมีถังน้ำ หรือของสำหรับขุดตักนิดๆ หน่อยๆ เด็กจะหาทางเล่นทรายด้วยตัวเองได้ หรือเล่นด้วยกันกับลูก นั่งเป็นเพื่อนพูดคุย หรือแม้แต่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันก็ยังได้ เด็กๆ จะได้ใช้จินตนาการในการเล่น ได้ระบายความเครียด ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก แถมยังอยู่นิ่งได้นาน

                  กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เล่นกับลูกในบ้านง่ายๆ

                  “ลานกิจกรรมในบ้าน” กับชีวิต New Normal ที่ทุกครอบครัวก็สามารถทำได้

                  • เล่นบทบาทสมมติ เป็นวิธีเล่นที่ช่วยพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคม รวมทั้งจินตนาการได้อย่างดี ลองหาหม้อ ไห จาน ชาม เก่าๆ เก็บดอกไม้มาเล่นขายของเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือเอาเครื่องสำอางของตัวเองมาให้ลูกสมมติเป็นช่างแต่งหน้า หรือจะให้หนุ่มน้อยเป็นคุณหมอ เป็นคนขับรถไฟ ก็แล้วแต่ลูกๆ จะเลือก แล้วพ่อแม่คอยรับบทเป็นผู้ตามหรือผู้ช่วยลูกอีกที

                  เล่นสนุกกับลูก

                  • เล่นปั้น – ไม่ว่าจะปั้นแป้งโดว์ ปั้นดินน้ำมัน หรือดินเหนียว เด็กๆ จะได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กซึ่งมีส่วนสำคัญในการเขียนหนังสือและเรียนรู้ขั้นต่อไป ธรรมชาติของเด็กทารกนั้นชอบขยำ เมื่อขยำ เด็กๆ จะได้เห็นรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงด้วยฝีมือของตนเอง เกิดความภูมิใจ ซึ่งเป็นรากฐานของการเห็นคุณค่าในตัวเอง พ่อแม่เองสามารถปั้นผลงานของตัวเองไปพร้อมกับลูกๆ อาจลองเอ่ยชมเชยความตั้งใจของลูกเพื่อให้ลูกมีกำลังใจ

                  วิธีทำความสะอาดของเล่น ให้สะอาด ปลอดภัย ห่างไกลโรค

                  40 กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ 

                  • เล่นระบายสี เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่เด็กๆ ทุกคนชื่นชอบ พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ระบายสีแบบอิสระ ไม่บังคับว่าต้นไม้ต้องสีเขียว หรือแอ๊ปเปิ้ลต้องสีแดงเสมอไป ปล่อยให้ลูกได้ขีดเขียนและระบายความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ต้องกำหนดกรอบหรือตีค่าความสวยงาม เพราะทุกครั้งที่เด็กๆ ขีดเขียนบนพื้นผิวต่างๆ สมองของเด็กจะเกิดการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่อาจลองถามเพิ่มว่าภาพที่ลูกวาดหรือระบายนั้นมีความหมายอย่างไร แล้วช่วยลูกจดบันทึกไว้
                  • เล่นต่อบล็อก กิจกรรมนี้เป็นการเล่นปลายเปิด ที่ปล่อยให้เด็กๆได้แปลงร่างบล็อกให้เป็นอะไรก็ได้ โดยใช้การคิดวิเคราะห์และสังเกต มีส่วนจะช่วยพัฒนาการเรื่องมิติสัมพันธ์ คุณพ่อคุณแม่อาจชวนให้ลูกต่อบล็อกอย่างอิสระ หรือจะชวนลูกต่อแบบสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่ปราสาทหรือไม้แท่งเดียวจะล้มพังลงมาจนต้องต่อใหม่ ความเสี่ยงนี้จะฝึก EF (Executive Function ในการควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำ เพื่อไปสู่ความสำเร็จ

                  การเล่นกับลูกไม่จำเป็นต้องมีของเล่นหรูหราราคาแพง สิ่งสำคัญคือขณะเล่น คุณพ่อคุณแม่ควรมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเด็กๆ เต็มที่ วางโทรศัพท์มือถือ มองหน้าและสบตาลูก นอกจากการเล่นกับลูกจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กๆ แล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดและความทรงจำดีๆ ร่วมกันสำหรับทุกคนในครอบครัวด้วย

                   


                  แหล่งข้อมูล www.activeforlife.com, www.psychologytoday.com, www.exchangefamilycenter.org, นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

                  บทความน่าสนใจอื่นๆ 

                  6 กิจกรรมเล่นกับลูกสไตล์ มอนเตสเซอรี่ เสริมทักษะให้ลูกง่ายๆ ได้ที่บ้าน

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                    คำคมครอบครัว

                    รวม คำคมครอบครัว คำคมชีวิตครอบครัว อ่านแล้วโดนใจ

                    รวม คำคมครอบครัว คำคมชีวิตครอบครัว ที่มีความหมายดี ๆ ซึ้ง ๆ อ่านแล้วโดนใจ ใช้ได้ทุกโอกาส ช่วยให้เกิดความผูกพันธ์และเป็นข้อคิดในครอบครัว

                    รวม คำคมครอบครัว คำคมชีวิตครอบครัว อ่านแล้วโดนใจ

                    ความหมายของคำว่า “ครอบครัว”

                    ครอบครัว หมายถึง กลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันซึ่งอาจมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยการแต่งงานกัน มีลูก ปู่ย่า ตายาย และคนอื่น ๆ ที่มารวมอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ ถูกสานสัมพันธ์ด้วยความรัก ความห่วงใย และบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ มีการตัดสินใจร่วมกันมีการรับรู้ความทุกข์สุข มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกัน และกัน มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมและจริยธรรมต่าง ๆ เพื่อการดำรงอยู่ในสังคมต่อไป

                    เพราะครอบครัวคือสถาบันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา การดูแลเอาใจใส่ต่อกันทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจก็มีส่วนทำให้ครอบครัวมีความสุข การส่งข้อความดี ๆ ให้กันก็เป็นอีก 1 วิธีในการบอกรักกัน ทีมแม่ ABK ขอรวบรวม คำคมครอบครัว คำคมชีวิตครอบครัว ให้เอาไปใช้กันได้เลยค่ะ ไม่หวง

                    รวม คำคมครอบครัว คำคมชีวิตครอบครัว ความหมายดี ๆ ซึ้ง ๆ

                    “การเป็นครอบครัวหมายความว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่วิเศษมาก หมายความว่าคุณจะรักและถูกรักตลอดชีวิต”

                    “ครอบครัวไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่มันคือทุกอย่าง”

                    “คิดถึงครอบครัวของคุณในวันนี้และทุก ๆ วันหลังจากนั้นอย่าปล่อยให้โลกที่วุ่นวายในวันนี้ขัดขวางคุณไม่ให้แสดงว่าคุณรักและชื่นชมครอบครัวของคุณมากแค่ไหน”

                    “ไม่สำคัญหรอกว่าบ้านเราใหญ่แค่ไหน มันสำคัญว่ามีความรักอยู่ในนั้น”

                    “สันติภาพคือความงามของชีวิต มันเป็นแสงแดด มันเป็นรอยยิ้มของเด็ก ความรักของแม่ความสุขของพ่อ การรวมกันของครอบครัว มันคือความก้าวหน้าของมนุษย์”

                    “มีแต่บ้าน… เท่านั้น ที่พร้อมจะเปิดต้อนรับเสมอ ไม่ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหน”

                    “ที่ทำงานอย่างบ้าคลั่ง เพราะเบื้องหลังคือ “ครอบครัว”

                    “ความอบอุ่นของครอบครัวไม่ใช่จำนวนคนที่อยู่ แต่คือความเข้าใจที่มี”

                    “บ้านที่อยู่แล้วมีความสุข อาจเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ข้างในมีครอบครัวที่อบอุ่มพร้อมหน้าคือบ้านที่น่าอยู่ที่สุด”

                    “ครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้รู้ว่าเรามีทีม ที่กำลังไปสู้ด้วยกัน ไม่ว่าจะทะเลาะกันแค่ไหน ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ไม่เคยทิ้งกัน”

                    “ใช้เวลาที่มีทำแต่สิ่งดี ๆ ให้แก่กัน ไม่จำเป็นต้องเป็นวันสำคัญ แค่ทำทุกวันให้รู้สึกดี”

                    “ความอบอุ่นของครอบครัวไม่ใช่จำนวนคนที่อยู่ แต่คือความเข้าใจที่มี”

                    “ไม่ได้ฝันว่าจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีแต่ฝันว่ามีครอบครัวที่มีสุข”

                    “ครอบครัวเป็นสิ่งแรกที่คุณจำ และเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะลืม”

                    คำคมชีวิตครอบครัว
                    คำคมชีวิตครอบครัว

                    คำคมชีวิตครอบครัว ถ่ายทอดความรักของคำว่า “แม่”

                    “การเป็นคุณแม่เต็มเวลาเป็นงานที่ได้ค่าแรงแพงที่สุด เพราะค่าแรงนั้นจ่ายถูกด้วยความรักที่แสนบริสุทธิ์”

                    “เมื่อคุณเป็นแม่ คุณจะไม่คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกต่อไป คนเป็นแม่จะคิดอยู่ 2 สิ่ง สิ่งหนึ่งเพื่อตัวเอง และสิ่งหนึ่ง.. เพื่อลูก”

                    “ไม่มีวิธีไหนเลยสำหรับการเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ แต่มีนับล้านวิธีที่จะเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งได้”

                    “รักเดียวที่ฉันเชื่อ คือรักของแม่ที่มีให้กับลูก”

                    “คำว่า “แม่” พูดง่าย จะรู้ซึ้งถึงคำว่า “แม่” ก็ตอนได้ เป็นแม่คน”

                    “แม่ท่านนึงกล่าวไว้.. สาเหตุที่มีวันแม่ เพราะกลัวลูกลืมคนที่สำคัญที่สุดไป และสาเหตุที่ไม่มีวันลูก เพราะลูกสำคัญสำหรับแม่เสมอ”

                    “ผู้หญิงที่เรียกว่าแม่ อุ้มไม่หนัก เหนื่อยไม่พัก รักไม่จาง ห่วงไม่เลิก เบิกไม่คิด ผิดไม่แค้น ตายแทนลูกได้”

                    “รักไม่มีวันหมด รักที่ไม่จบ คือรักจากแม่”

                    เคล็ดลับสร้างครอบครัวที่อบอุ่น

                    • ดูแลเอาใจใส่ต่อกัน คอยช่วยเหลือดูแลในเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน เงินทอง ค่าใช้จ่าย การรับส่ง  สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความอบอุ่นทางใจได้ไม่มากก็น้อย
                    • รู้จักกันและเข้าใจกันให้ดี รู้นิสัยซึ่งกันและกัน ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร มีจุดเด่นหรือจุดด้อยอย่างไร
                    • เคารพซึ่งกันและกัน เป็นการเคารพที่มาจากใจ เกรงใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้รู้จักระมัดระวังการปฏิบัติตัวต่อกันให้ดี
                    • ยอมรับความผิดหรือความชอบ ไม่ควรดึงดันหาเหตุผลมาอ้างเมื่อตนทำผิด
                    • ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความไว้วางใจ เป็นรากฐานที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ในครอบครัว ความไว้วางใจควรมีต่อกัน ทั้งทางกาย และทางใจ ซึ่งจะช่วยให้คนในครอบครัวมีความสบายใจ ไร้ความวิตกกังวลหรือความกลัว เป็นที่พึ่งพาได้
                    • ให้กำลังใจกันและกัน จะช่วยเสริมสร้างพลังใจให้ทุกคนในครอบครัว ให้สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุข การให้กำลังใจอาจเป็นคำพูด และท่าทาง ที่ให้การสนับสนุน และชมเชยเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง แนะแนวทางในการหาทางออก เมื่อมีปัญหาไม่ดุด่าหรือกล่าวโทษว่าเป็นความผิด
                    • ให้อภัยซึ่งกันและกัน การที่มีคนมาอยู่รวมกัน บางครั้งมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ครอบครัวก็ควรให้อภัยแก่กัน
                    • ใช้เวลาด้วยกันอย่างมีคุณค่า ควรหาเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบระหว่างกัน ช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ มีกิจกรรมร่วมกัน
                    • รู้จักการสื่อสารในครอบครัว การสื่อสาร พูดคุยกัน ควรใช้คำสุภาพ การตำหนิกันก็ทำได้ แต่ควรเป็นคำตำหนิที่ใช้ถ้อยคำที่น่าฟัง
                    • ปรับตัวเข้าหากัน
                    • รู้จักหน้าที่ในครอบครัว และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันในครอบครัว ต่างคนต่างมีบทบาท และหน้าที่ที่ต่างกัน ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจะต้องตกลงกันให้ดีว่า เรื่องนี้ใครรับผิดชอบ เรื่องนั้นใครรับผิดชอบ มีสัดส่วนอย่างไร และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
                    • ให้ความใกล้ชิดทางสัมผัส โอบกอดกัน แสดงความรักต่อกัน เป็นการแสดงถึงความรักความอบอุ่นตามธรรมชาติของคน ดังนั้นจึงอย่าอายที่จะแสดงความรักต่อคนที่เรารักที่สุด นั่นก็คือครอบครัวของเราเอง

                    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                    คำสอนของแม่ ถึงลูกสาว 30 ข้อ

                    คำสอนของแม่ ถึงลูกสาว 30 ข้อ

                    คำคมความรัก 2020 รวมแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ

                    12 คำพูดให้กำลังใจลูก ที่คนเป็นพ่อแม่ช่วยได้

                    5 กฎของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องลูก

                     

                    ขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealthlife.com, forfundeal.com, hilight.kapook.com

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน

                      แม่รู้มั้ย! พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน เกิดอะไรขึ้นกับลูกในท้องบ้าง?

                      หลังจากกระบวนการปฏิสนธิโดยสมบูรณ์ ไข่ผสมกับสเปิร์มและสร้างเป็นตัวอ่อน ตอนนี้คุณแม่กำลังตั้งครรภ์แล้วนะ ตั้งแต่วันแรกจนสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์จะมีพัฒนาการมากขึ้นตามลำดับจนกระทั่งคลอดออกมากลายเป็นทารกน้อยที่แสนน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ ตอนนี้คุณแม่มือใหม่อยากรู้มั้ยค่ะว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน จะเป็นอย่างไร และในช่วงตั้งครรภ์เดือนแรกแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

                      ขนาดทารกในครรภ์ 1 เดือน
                      ขนาดทารกในครรภ์ 1 เดือน

                      พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน ลูกตัวเล็กจิ๋วเท่า “เมล็ดงา” แล้วนะ

                      หลังจากปฏิสนธิแล้ว ไข่จะเคลื่อนตัวไปยังโพรงมดลูก โดยใช้เวลาประมาณ 36 ชั่วโมง ในขณะที่ไข่เคลื่อนตัวมานั้นจะมีการแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนไปเรื่อย ๆ เมื่อไข่ถึงโพรงมดลูก ไข่จะมีเซลล์ประมาณ 100 เซลล์ เมื่อไข่ฝังตัวกับผนังมดลูกอย่างมั่นคงดีแล้ว ถือว่ากระบวนการปฏิสนธิโดยสมบูรณ์และเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์อย่างแม้จริง ในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่กำหนดเพศสภาพของลูกน้อยด้วย ซึ่งจะมีอสุจิเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะได้ปฏิสนธิกับไข่จนเกิดเป็นทารก ถ้าตัวอสุจิที่มีโครโมโซม X เข้าไปผสมกับไข่ที่มีโครโมโซม X ก็จะได้ผลเป็น XX คือ เพศหญิง แต่ถ้าตัวอสุจิที่มีโครโมโซม Y เข้าไปผสมกับไข่มีโครโมโซม X ก็จะได้ผลเป็น XY คือ เพศชาย โดยไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ เรียกว่า ไซโกเทต คือลูกบอลขนาด 32 เซลล์ที่มีขนาดเท่ากับ “เมล็ดงาดำ”

                      พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนแรก เกิดอะไรขึ้นกับลูกในท้องบ้าง?

                      ในช่วงระยะ 1 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยแบ่งออกได้เป็น 4 ช่วง ได้แก่

                      อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 1 หลังจากการปฏิสนธิ ทารกในครรภ์จะยังเป็นเพียงเซลล์เล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ แบ่งตัวออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งอวัยวะภายในและผิวหนังของทารกจะเริ่มพัฒนาขึ้น คือ

                      • Ectoderm หรือชั้นนอกของเซลล์ ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นระบบประสาท ผิวหนัง ผม ขน ต่อมน้ำนม ต่อมเหงื่อ และฟัน
                      • Mesoderm จะพัฒนาไปเป็นหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต กล้ามเนื้อและกระดูก และระบบขับถ่าย
                      • Endoderm จะพัฒนาไปเป็นอวัยวะภายใน เช่น ปอด ทางเดินอาหาร ตับ ตับอ่อน และต่อมไทรอยด์

                      อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 2 หลังจากการปฏิสนธิทารกเริ่มพัฒนาหลอดประสาท ซึ่งเป็นโครงสร้างรูปร่างคล้ายท่อที่จะเติบโตกลายเป็นสมอง ไขสันหลัง ระบบประสาท และกระดูกสันหลังของทารกต่อไป

                      พัฒนาการทารกในครรภ์
                      พัฒนาการทารกในครรภ์

                      อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 3 หัวใจของลูกก็เริ่มเต้นแล้วในช่วงนี้ มีการพัฒนาเป็นรกที่จะทำหน้าที่สำคัญระหว่างทารกภายในครรภ์กับคุณแม่ไปตลอด 40 สัปดาห์จนกว่าจะคลอด แม้ว่าหน้าตาของทารกน้อยจะยังไม่พัฒนาขึ้นเป็นรูปเป็นร่างในช่วงตั้งครรภ์เดือนแรก แต่อวัยวะสำคัญหลายอย่าง เช่น ตา หู และปากของทารก จะเริ่มปรากฏให้เห็นลาง ๆ แล้ว ในระยะนี้หากคุณแม่ได้รับสารพิษ เช่น ยา สารเคมี เชื้อโรคบางชนิด หรือการกินเหล้า บุหรี่ ก็อาจทำให้ตัวอ่อนในครรภ์มีความพิการและแท้งออกมาได้จึงต้องระวังเป็นพิเศษ

                      อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 4

                      • ทารกในครรภ์จะมีความยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร น้ำหนักไม่ถึง 1 กรัม มีลักษณะคล้ายกุ้งที่มีเอวคอดตรงกลาง มีส่วนหัว ส่วนข้าง และส่วนล่างที่ลักษณะเหมือนหางโค้งงอ
                      • ภายในครรภ์จะเริ่มมีถุงน้ำคร่ำเกิดขึ้น ซึ่งจะมีน้ำคร่ำที่ทำหน้าที่คอยปกป้องตัวอ่อนจากสิ่งแวดล้อม การกระทบกระเทือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภายนอก และควบคุมอุณหภูมิให้ตัวอ่อน ทำให้ตัวอ่อนสามารถเคลื่อนไหวได้เพื่อการเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นแหล่งน้ำให้ตัวอ่อนอีกด้วย
                      • ตัวอ่อนจะมีถุงเล็กติดอยู่ซึ่งเรียกว่า ถุงไข่แดง ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นเลือดเล็ก ๆ มากมาย ที่คอยทำหน้าที่ให้อาหารกับตัวอ่อนในขณะที่ตัวอ่อนยังไม่สามารถดูดซึมอาหารด้วยตัวเองได้ และเมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตขึ้นก็จะเปลี่ยนมาใช้รกในการดูดซึมอาหารจากแม่แทน
                      • ภายในหกสัปดาห์แรก สมองของทารกกำลังพัฒนาขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง และจะเริ่มแบ่งออกเป็นซีกซ้ายและซีกขวาอย่างชัดเจน
                      อาการแม่ท้องเดือนแรก
                      อาการแม่ท้องเดือนแรก

                      อาการแม่ท้องเดือนแรก ที่เป็นสัญญาณว่ากำลังตั้งครรภ์

                      คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์บางคนในช่วงเดือนแรกอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าท้อง แต่ก็สงสัยได้จากการที่ประจำเดือนไม่มา ซึ่งเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่ามีการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถใช้ชุดทดสอบได้ว่าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ยังอาการอื่น ๆ อีก เช่น เมื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกหงุดหงิดง่าย อารมณ์เปลี่ยน เป็นต้น

                      ท้อง 1 เดือนแรก ต้องเริ่มดูแลตัวเองอย่างไร

                      ในช่วง 1 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ตอนนี้มีชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้องแล้วนะ คุณแม่ต้องเริ่มดูแลตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม และเริ่มปรับพฤติกรรมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายทั้งแม่และลูกในท้อง เนื่องจากในช่วงการตั้งครรภ์นั้นร่างกายจะอ่อนเพลียง่าย คุณแม่ควรดูแลเรื่องอาหารการกินที่เป็นประโยชน์ ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเยอะ ควรได้พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตัวเองสำหรับการอุ้มท้องตลอด 9 เดือนนับจากนี้ ที่สำคัญเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ควรไปทำการฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์และไปพบแพทย์ให้ตรงตามนัดเพื่อสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรง

                      อาหารคนท้อง 1 เดือนแรก ควรกินอะไร

                      โภชนาการตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องที่คุณแม่ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าคุณแม่จะรับประทานอะไรลงไปก็ล้วนมีผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะใน 1 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ที่คุณแม่ควรจะรับประทานอาหารดังต่อไปนี้ให้เพียงพอ

                      • อาหารที่มีโฟเลต/ โฟลิค เช่น ผักโขม มันฝรั่ง กะหล่ำปลี บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง คะน้า น้ำส้ม อะโวคาโด ข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งโฟเลตเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นอย่างมากในการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยในเรื่องของพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์ และยังมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงจากการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดของทารกอีกด้วย
                      • อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง อาทิเช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ถั่ว ธัญพืช ฯลฯ ซึ่งเป็นสารอาหารมีส่วนประกอบของฮีโมโกลบินที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ในการลำเลียงและขนส่งออกซิเจนไปยังทารกน้อยในครรภ์ รวมทั้งไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายให้สามารถทำงานได้ปกติ อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับความเข้มข้นของเลือดให้กับคุณแม่
                      • อาหารที่มีโปรตีนสูง เพราะกรดอะมิโนที่มีอยู่ในโปรตีนจะช่วยในการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์
                      • อาหารประเภทวิตามินบี6 เช่น ถั่วลิสง ธัญพืชต่าง ๆ และกล้วย มีส่วนช่วยในการยับยั้งอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ได้

                      อาหารคนท้อง 1 เดือนแรก

                      • อาหารที่มีแคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่จะต้องได้รับอย่างพอเพียง ซึ่งแคลเซียมจะได้ถูกนำไปให้เซลล์ในอวัยวะต่างๆ ได้ใช้ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและรักษาความหนาแน่นของกระดูกให้คุณแม่และช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกน้อยด้วย ในหนึ่งวัน คุณแม่ควรได้รับแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม  ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานเท่านั้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งฝอย ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้ และผักใบเขียวบางชนิด ได้แก่  ยอดแค ผักคะน้า  บร็อคโคลี และงาดำ เป็นต้น ถ้าหากคุณแม่ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเหมาะ ก็จะช่วยป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง ลดการเกิดตะคริว ได้อีกด้วย
                      • ผลไม้ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อแม่และลูกน้อยในท้อง อาทิ วิตามิน เบต้าแคโรทีน และไฟเบอร์ ที่มีอยู่ในส้ม กล้วย ผลไม้ตระกูลเบอรี่ มะละกอ มะพร้าว ฝรั่ง เป็นต้น โดยคุณแม่ท้องควรรับประทานผลไม้ให้ครบ 5 ส่วนต่อวัน ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และป้องกันอาการท้องผูกที่จะเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี
                      • ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำเปล่าถือว่าเป็นน้ำดีที่สุดสำหรับการดื่มในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ท้องที่มักจะปัสสาวะบ่อยที่จะสูญเสียน้ำในร่างกายมากกว่าปกติซึ่งจะช่วยลดภาวะขาดน้ำลงได้ รวมทั้งช่วยป้องกันอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์ เช่น อาการปวดหัว การเกิดตะคริว และท้องผูก นอกจากนี้การดื่มน้ำเปล่าในแต่ละวันจะดีต่อการลำเลียงสารอาหารส่งตรงถึงทารกในครรภ์ ช่วยให้สารอาหาร แร่ธาตุ รวมไปถึงออกซิเจนส่งถึงลูกน้อย ดังนั้นระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรค่อย ๆ จิบน้ำเปล่าตลอดทั้งวันให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอากาศในแต่ละวัน

                      จะเห็นได้ว่า การตั้งครรภ์ในช่วง 1 เดือนแรกนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังเจริญเติบโต การเอาใจใส่ต่อครรภ์นั้นมีผลต่อพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ไม่น้อย ไม่เฉพาะแต่อาหารที่แม่บริโภคด้วย ยังรวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ  การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการดูแลอารมณ์ที่ไม่ควรให้เกิดความเครียด เมื่อการบำรุงครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นย่อมส่งผลไปถึงทารกน้อยในครรภ์ให้มีสุขภาพสมบูรณ์ตลอด 9 เดือนก่อนคลอดออกมาลืมตาดูโลกนะคะ

                      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.kapook.comwww.honestdocs.cowww.sanook.com

                      อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                      พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือนมหัศจรรย์ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตน้อยๆ ของแม่บ้าง

                      10 รายชื่อหมอสูติ หมอฝากครรภ์ฝีมือดี ที่แม่ท้องบอกต่อ

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ทำนายฝัน

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ฝันดีหรือร้าย ทำนายฝันเลขเด็ด!!

                        ฝันเห็นพ่อแม่ตัวเอง ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว เป็นฝันดีหรือลางบอกเหตุอะไรกันนะ ควรทำบุญอย่างไร เอ๊ะ ! หรือเลขเด็ดกำลังรออยู่ อย่าช้ารีบมาหาคำตอบกัน

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ฝันดีหรือร้าย ทำนายฝันเลขเด็ด!!

                        อันว่าความฝัน เป็นเรื่องราวของจิตใจมนุษย์ที่นักจิตวิทยาผู้ซึ่งค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์ที่ใคร ๆ ต่างบอกว่า “ยากแท้หยั่งถึง” นั้น เชื่อว่า ความฝัน เป็นการแสดงออกของความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง คนเรามักจะฝันคืนละ 4-6 ครั้ง และคนกว่า 90% ทั่วโลก มักจะลืมความทรงจำเกี่ยวกับความฝัน หลังจากที่ตื่นนอนภายในเวลา 10 นาที แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เมื่อเราตื่นขึ้นมายังสามารถจำเหตุการณ์ของความฝันของเราได้อยู่ โดยนักจิตวิทยาเชื่อว่า แม้เราจะมีความฝันมากมายหลายร้อยเรื่อง แต่ทุกความฝันจะมีแพทเทิร์นที่เหมือนกันอยู่ ซึ่งแพทเทิร์นเหล่านี้สามารถนำมาตีความ ความคิด ความรู้สึกของคน ๆ นั้นได้ว่าลึก ๆ ในจิตใจนั้นมีความกังวล ความหมกหมุ่น หรือความต้องการใด ๆ แฝงอยู่ในส่วนลึก เช่น

                        • ฝันว่าฟันหลุด สาเหตุจาก สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เพราะฟันและช่องปากคือสัญลักษณ์ของความมั่นใจ
                        • ฝันว่าโดนไล่ล่าหรือกำลังวิ่งหนี สาเหตุจาก คุณมีความต้องการที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรค แต่ยังหาวิธีที่จะแก้ไขมันไม่ได้
                        • ฝันว่ากำลังทำข้อสอบหรือกำลังนั่งทำงาน มักเป็นฝันที่เกิดขึ้นกับคนที่ประสบความสำเร็จและกลัวความล้มเหลว หรือไม่ก็เป็นคนที่มาตรฐานสูง ชอบกดดันตัวเองมากเกินไป
                        ข้อมูลอ้างอิงจาก เอียน วอลเลซ (1946-2007) นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใต้สำนึก

                        ด้วยความที่ในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบที่แน่นอนของการฝันของมนุษย์ได้นั้น ความฝันจึงยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับน่าค้นหา และมนุษย์ก็พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันมานานหลายพันปีแล้ว โดยในบางความเชื่อ ก็เชื่อว่าความฝันเป็นสารสื่อจากผู้มีพลังอำนาจวิเศษ เช่น พระเจ้า บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เป็นต้น

                        แม่ท้องมักกังวลจนอาจฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว เพราะคิดถึงแม่
                        แม่ท้องมักกังวลจนอาจฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว เพราะคิดถึงแม่

                        ดังนั้นเมื่อเรา ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ฝันถึงคนรักที่จากไปนั้น จึงทำให้เรารู้สึกเป็นกังวล ครุ่นคิดถึงความหมายที่อาจเป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นที่จากไปต้องการบอกอะไรแก่เรา วันนี้ทาง ทีมแม่ ABK จึงขอเป็นสื่อกลางรวบรวมข้อมูลในการทำนายฝันในเรื่องดังกล่าวมาให้ได้พิจารณากัน

                        ทำนายฝัน ตามความเชื่อ (ฟังหูไว้หู)

                        ฝันเห็นแม่

                        สำหรับการได้ฝันเห็นแม่นั้นมีความหมายของความฝันว่า ชีวิตของเจ้าของความฝันในช่วงระยะนี้ จะมีความสงบสุขราบรื่นดี ญาติมิตรหรือเพื่อนฝูงที่อยู่ห่างไกลก็จะเดินทางมาหา การทำธุรกิจใด ๆ ในช่วงนี้ก็จะมีความสำเร็จดี แต่ให้ระวังเรื่องเครื่องจักรหรือเครื่องไม้เครื่องมือในการทำงานอาจจะเกิดความเสียหายได้ แล้วก็ช่วงระยะนี้อาจจะมีเหตุให้ต้องใช้เงินมากกว่าปกติ หากประหยัดเอาไว้ก่อนบ้างก็จะดี เงินทองจะไม่ขาดมือจนกลายเป็นหนี้สิน สำหรับความหมายในเรื่องของความรัก คนที่ยังโสดอยู่กำลังจะพบเจอคนที่ถูกใจ แต่ก็จะยังไม่ใช่เนื้อคู่

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว

                        การที่ได้ฝันเห็นคุณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำนายความหมายได้ว่า ช่วงนี้ตัวเจ้าของความฝันกำลังมีเกณฑ์ที่จะเกิดเหตุร้ายหรืออุบัติเหตุในบ้าน อาจจะมีคนในบ้านเจ็บป่วยหรือเจ็บตัวจากเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ระมัดระวังไว้ให้มาก ด้านโชคลาภในช่วงนี้นั้น จะได้มาจากความเสน่หาเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้านหน้าที่การงานเป็นช่วงที่ต้องแบกรับภาระหนัก ต้องอดทนและใช้ความพยายามให้เต็มที่ แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีมากกับตัวคุณเอง คนที่ทำธุรกิจหรือมีอาชีพอิสระ ก็จะมีไอเดียใหม่ ๆ ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ก็เป็นเหตุให้มีคนจ้องจะลอกเลียนแบบ ส่วนความหมายในเรื่องของความรักนั้น คนไหนที่ยังโสดอยู่ กำลังจะได้พบกับคนที่มีเสน่ห์มากและเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ ก่อนที่จะกลายเป็นคู่รักในอนาคต ส่วนคนที่มีคู่แล้ว ให้ระวังข้อขัดแย้งที่อาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งรุนแรง แล้วกลายเป็นเหตุให้ต้องเลิกรากัน ดังนั้นต้องใจเย็นเข้าไว้และทำความเข้าใจกันให้มาก ๆ

                        ความผูกพันแม่ลูก ห่วงใยแม้ยามฝัน
                        ความผูกพันแม่ลูก ห่วงใยแม้ยามฝัน

                        ฝันว่าแม่ตาย

                        เจ้าของความฝันจะมีโชคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองอย่างไม่ขาดสาย เร็ว ๆ นี้ คุณมีดวงที่จะต้องเดินทางไกล จะมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งมากมาย จะมีความกังวลมากกว่าปกติ ด้านหน้าที่การงาน จะต้องระวังเรื่องคำพูดเป็นพิเศษ มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องขัดแย้งจนถึงเป็นปากเสียงกันได้ คนทำงานด้านบริการจะมีงานวิ่งเข้ามาหา ประเภทเพื่อนชักชวนลูกค้ามาให้ การงานออกนอกลู่นอกทางบ้าง ขาดความเอาใจใส่เท่าที่ควร ต้องมีสติ สมาธิ ความอดทนสู้กว่าปกติ ในความหมายของเรื่องความรักนั้น คนที่อยากมีกิ๊กบ้างคงต้องร้องเพลงรอเพราะอีกนานกว่าที่คุณจะสมหวัง คุณจะพบคนต่างเพศที่มีลักษณะต้องตาต้องใจ ไม่ว่าคุณยังโสดหรือไม่ก็ตาม ช่วงนี้คนรักของคุณมีอาการแอบงอน ให้คุณอดทนและควรจะคุยกันดี ๆ

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียชีวิต
                        ฝันเห็นแม่ที่เสียชีวิต

                        ฝันว่าโดนแม่ตี

                        ถ้าฝันเห็นแม่แล้วโดนแม่ตีในฝัน มีความหมายของความฝันว่า ช่วงระยะนี้จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาหาเจ้าของความฝันด้วยเจตนาที่ไม่ค่อยจะดี จึงไม่ควรไว้วางใจใครง่าย ๆ ด้านหน้าที่การงานจะต้องใช้สมองอย่างมาก จึงจะผ่านไปได้ คนที่ทำงานติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ มีโอกาสเกิดความผิดพลาดหรือล่าช้า อันเนื่องมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจได้ ด้านการเงินจะมีเรื่องที่ต้องใช้จ่าย แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ในความหมายของเรื่องความรักนั้น คนยังโสดให้ระวังการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนมีเจ้าของแล้วโดยไม่รู้ตัว จนอาจเป็นเหตุให้ต้องเกิดเรื่องยุ่งยากหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงได้

                        ฝันเห็นแม่กำลังแต่งตัว

                        ระวังสิ่งของที่คนแปลกหน้านำมาให้นี้อาจมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ ช่วงมารผจญ ระวังการกลับบ้านดึกๆ และหลีกเลี่ยงการไปงานศพ ระวังจะถูกเอาเปรียบจากคนที่คุณไม่คิดว่าเขาจะทำได้ ด้านหน้าที่การงาน และการเงิน มีโอกาสที่จะเปลี่ยนหัวหน้าใหม่ในช่วงนี้ด้วย คุณยังต้องพยายามรักษาสัมพันธภาพกับหัวหน้าให้ดี เพื่อให้การงานของคุณราบรื่นขึ้น จะมีคนทำให้เสียทรัพย์สินเช่น รถยนต์ นาฬิกา ทอง เพราะความไว้ใจจึงทำให้เสียรู้คนอื่น การงานได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในสายงานเป็นอย่างดี ส่วนความหมายในเรื่องความรักนั้น คนโสดยังลงหลักปักฐานกับใครไม่ได้ เพราะคนที่เข้ามามักจะมีข้อเสียที่คุณรับไม่ได้ งั้นต้องอดทนรอต่อไป อยากได้บุตรหลาน ต้องขยันมีเพศสัมพันธ์ให้บ่อยครั้งจึงจะสมหวัง อย่าเล่นหูเล่นตากับใครเขาเข้าล่ะ เพราะจะมีสัมพันธ์เกินเลย

                        ฝันเห็นแม่ร้องไห้

                        ถ้าได้ฝันเห็นว่าแม่ร้องไห้ ทำนายความหมายของความฝันได้ว่า ในช่วงนี้คนที่มักมีปัญหากับผู้ใหญ่ ยังไม่ควรพาคนนอกเข้าบ้าน เพราะจะเกิดปัญหาขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในบ้านได้ง่าย ในช่วงนี้เจ้าของความฝันมีเกณฑ์จะต้องเดินทางไกลอยู่บ่อย ๆ เงินทองมีเข้ามามาก แต่ก็จ่ายออกไปมากเช่นกัน ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้จ่าย ก่อนที่จะกลายเป็นหนี้สิน ส่วนความหมายในเรื่องความรักนั้น คนที่ยังโสดให้ระวังการพบรักกับคนมีเจ้าของแล้ว แล้วจะมีโอกาสพบรักในงานมงคล

                        ฝันเห็นแม่หัวเราะ

                        การที่ได้ฝันเห็นว่าแม่หัวเราะนั้น มีความหมายของความฝันว่า ช่วงนี้เจ้าของความฝันกำลังมีเคราะห์กรรมเก่าติดตาม ให้ระวังตัวให้มาก กำลังจะมีมิตรใหม่เข้ามาทำความรู้จัก แต่ก็มีเจตนาที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ให้ระวังเรื่องข้าวของในบ้านจะแตกหักเสียหายด้วย

                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว พร้อมคำทำนาย
                        ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว พร้อมคำทำนาย

                        ฝันเห็นแม่พ่อ

                        ระวังสิ่งของที่คนแปลกหน้านำมาให้นี้อาจมีเจตนาอื่นแฝงอยู่ จะทำของหาย หรือสูญเสียของที่รัก อยู่ในช่วงจังหวะชีวิตเปลี่ยนแปลง แต่มันจะทำให้คุณได้รับสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต ดวงการเงินและการงาน จะได้ลาภจากการทำงาน หรืออาจจะได้งานพิเศษทำแบบไม่คาดคิด คนทำธุรกิจอิสระจะมีโอกาส เจริญก้าวหน้า แต่ระวังจะมีคนคิดอยากจะก๊อปปี้งานในแบบของคุณ หากเรียกร้องเก็บหนี้สินจากใครต้องใช้เวลานาน และต้องอดทนพอสมควรถึงจะสามารถเก็บได้หมด ในเรื่องของความรัก คนโสดจะได้พบรักกับคนที่อยู่ทางไกล หรือพบรักในต่างแดน ความรักของคุณมักจะมาในรูปความเห็นใจซะมากกว่า แต่คุณก็ควรดูด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรักหรือความสงสารกันแน่ ระวังจะมีเรื่องที่ต้องขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้งกับคนรักอย่างรุนแรง

                        ฝันเห็นแม่ เลขนำโชคมีเลขอะไรบ้าง?

                        เลขเด่นนำโชค 1 2 5

                        เลขเด่นรอง 75 786 405 933

                        ทำนายฝัน ลางบอกเหตุหรือแค่บังเอิญ
                        ทำนายฝัน ลางบอกเหตุหรือแค่บังเอิญ

                        วิธีแก้ฝันร้ายให้กลายเป็นดี

                        การแก้ความฝันนั้นหากเราแก้ฝันร้ายด้วยการเล่าให้ผู้อื่นฟัง ข้อห้ามสำคัญก็คือเราต้องไม่รับประทานอาหารในขณะเล่า เมื่อเล่าความฝันให้ผู้รับฟังจบแล้ว ผู้รับฟังต้องพูดคำว่า “ขอให้ฝันร้ายกลายเป็นดี” หรือการแก้ฝันร้ายนั้นเราสามารถไปทำบุญที่วัดอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเพื่อความสบายใจได้เช่นกัน แต่หากฝันร้ายแล้วตกใจตื่นตอนกลางคืน ให้ตั้งจิตสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย 3 จบแล้วก้มกราบหมอน 3 ครั้งก่อนนอนต่อ วิธีแก้ความฝันนี้ เป็นกุศโลบายเพื่อให้ผู้ฝันสบายใจขึ้น โดยการเล่าให้คนอื่นฟัง โดยการทำบุญ และโดยการตั้งสมาธิและมีสตินั่นเอง

                        อย่างไรก็ตามคำทำนายฝัน ก็ยังคงเป็น คำทำนาย ดั่งชื่อของมันนั่นเอง การทำนายย่อมมีผิดมีถูกไม่แน่นอน การจะตกลงปลงใจเชื่อในสิ่งใดนั้นจึงควรตั้งอยู่บนสติ และปัญญาจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด

                        ขอขอบคุณคลิปจาก พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

                        *บทความทำนายฝันนี้ เป็นการเรียบเรียงข้อมูลทางความเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการใช้งาน

                        ขอบคุณข้อมูลจาก : www.roproo.comwww.horoscope159.comhoroscope.mthai.com ,www.flagfrog.com

                        อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                        จริงหรือ? ฝันเห็นงู แปลว่าจะมีลูก! แท้จริงหมายถึงอะไร

                         

                         

                         

                        ดูดวงตามเดือนเกิด 2563 ลูกเกิดเดือนไหน นิสัยจะเป็นยังไง?

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          ฝันว่าแต่งงาน

                          ฝันว่าแต่งงาน ฝันว่าแต่งงานใหม่ จะได้แต่งจริงๆ ไหม?

                          ฝันว่าแต่งงาน ฝันว่าแต่งงานใหม่ ฝันเห็นตัวเองได้แต่งงาน แปลว่าจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวจริง ๆ ไหม? ฝันแบบนี้เป็นลางดีหรือลางร้าย? มาเช็คดวงและเลขเด็ดกัน

                          ฝันว่าแต่งงาน ฝันว่าแต่งงานใหม่ จะได้แต่งจริงๆ ไหม?

                          ความฝันที่สาว ๆ หลาย ๆ คนอยากให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานที่สุดอลังการ งานแต่งแบบเรียบง่าย งานแต่งตามประเพณีต่าง ๆ การทำนายฝันนั้นนับรวมเป็นงานแต่งงานทั้งสิ้น แล้วความฝันเกี่ยวกับการแต่งงาน จะแปลความฝันออกมาเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ หากเป็นเรื่องดี จะหมายถึงการได้ลงเอยด้วยการแต่งงานแบบในฝันจริง ๆ หรือไม่ มาเช็คดวงกันค่ะ

                          ฝันว่าแต่งงาน ฝันเห็นตัวเองได้แต่งงาน

                          ผลคำทำนาย จะมีโชคอยู่ทางทิศเหนือ มาจากคนผิวสองสี ทำดีจะได้ผลดีกลับคืนโดยเร็ว ใครที่ประสงค์ร้ายกับคุณก็ได้ผลร้ายให้คุณเห็น ระวังต้องทุกข์ยากลำบากใจด้วยเหตุซึ่งเกิดจากบุคคลซึ่งมีวัยอ่อนกว่า!

                          ความรัก คนโสดอาจจะมีเรื่องรักซ้อนเข้ามาสอดแทรกให้ยุ่งยากใจได้ ระวังจะเกิดอาการรักสั่นคลอน เพราะไม่รู้จะเลือกใครดี ค่อย ๆ คิดไปก่อน คุณควรระวังในเรื่องคำพูด เพราะอาจะทำลายมิตรภาพจนขาดสะบั้นได้ง่าย ๆ

                          ดวงการเงิน การงาน จะมีโชคทางการเงินหรือมีลาภลอยในช่วงสั้น ๆ แต่ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดอย่าประมาท คนทำงานราชการระวังเรื่องการขยับขยายตำแหน่งหน้าที่ อาจจะมีคนไม่พอใจ ขัดแข้งขัดขากันได้ สำหรับใครที่คิดอยากจะทำธุรกิจของตนเองนั้น ช่วงนี้เหมาะมากมีดวงทำมาค้าขายขึ้น

                          เลขมงคล เด่นนำโชค 0 6 7

                          เลขมงคล เด่นรอง 51 81 65 272 381

                          ฝันว่าได้ใส่ชุดแต่งงาน

                          ผลคำทำนาย ระวังจะเกิดเหตุร้ายหรืออุบัติภัยขึ้นในบ้าน ช่วงนี้ชีวิตคุณดูมีความสุข ดูมีชีวิตชีวา ใครเห็นแล้วก็รู้สึกสดชื่นไปตามคุณ ระวังเรื่องเดือดร้อนอันเกิดจากเพศตรงข้าม

                          ความรัก ความรักออกแนวศึกชิงรักหักสวาท มีเรื่องหึงหวงกวนใจกันตลอดเวลา ผู้ที่มีคนรักแล้วจะได้ของขวัญที่ถูกใจจากคนรัก คนรักก็เอาใจเก่ง พูดจาหวานหู ดูแล้วน่าอิจฉาจัง อย่าเล่นหูเล่นตากับใครเขาเข้าล่ะ เพราะจะมีสัมพันธ์เกินเลย

                          ดวงการเงิน การงาน จะมีผลให้การงานล่าช้ากว่าที่นัดหมาย ระวังจะถูกตำหนิได้ ต้องใช้ความพยายามอดทนสูง หากทำสัญญากู้หนี้ยืมสินระหว่างเพื่อนกันจะถูกอีกฝ่ายบิดพลิ้ว เอารัดเอาเปรียบได้ การเงินอาจต้องลำบากใจจากการขอหยิบขอยืมอยู่บ้าง แต่ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทต่างเพศเป็นอย่างดี

                          เลขมงคล เด่นนำโชค 2 8 9

                          เลขมงคล เด่นรอง 06 07 854 554

                          ฝันว่าแต่งงานใหม่
                          ฝันว่าแต่งงานใหม่

                          ฝันว่าแต่งงานใหม่

                          ผลคำทำนาย การเสี่ยงโชค ทิศเหนือเป็นทิศมงคลสำหรับคุณ คุณจะได้ลาภก้อนโตจากผู้ใหญ่ มีแต่คนคอยสร้างปัญหาให้คุณอยู่เสมอ

                          ความรัก คนโสดมีเพื่อนแปลกหน้าใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เสมอ ทำให้ไม่เหงาใจ ระวังจะเกิดอาการรักสั่นคลอน เพราะไม่รู้จะเลือกใครดี ค่อย ๆ คิดไปก่อน คุณควรระวังในเรื่องคำพูด เพราะอาจะทำลายมิตรภาพจนขาดสะบั้นได้ง่าย ๆ

                          ดวงการเงิน การงาน เงินพิเศษจะมีเข้ามาเรื่อย ๆ จากงานเดิม ๆ เพราะด้วยความสามารถและผลงานของคุณที่ได้รับการยอมรับ จะมีคนมาทาบทามให้คุณไปทำงานด้วย แต่ช่วงนี้ดวงขึ้นยังไม่เหมาะกับการโยกย้ายงานรอประมาณช่วงสิ้นปีก่อนจะดีกว่า ภาระรับผิดชอบในหน้าที่การงานทำให้จำต้องสละแผนการพักผ่อนกระทันหัน

                          เลขมงคล เด่นนำโชค 0 1 4 5 7 8

                          เลขมงคล เด่นรอง 53 62 61 72

                          ฝันเห็นงานแต่งงานคนอื่น

                          ผลคำทำนาย การเสี่ยงโชค ช่วงนี้งดเสี่ยงโชคจะดีที่สุด มิตรรักจะแปรพักตร์เป็นอย่างอื่น คอยระวังไว้ด้วย จะได้รับข่าวดีเกินคาดจากเพื่อนหรือผู้คุ้นเคยในทางบวก

                          ความรัก ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นในกันและกันทั้งสองฝ่าย ความสุขจะบังเกิดกับคุณทันที ความรักของคุณมักจะมาในรูปความเห็นใจซะมากกว่า แต่คุณก็ควรดูด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรักหรือความสงสารกันแน่ อารมณ์ของคุณในระยะนี้ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยมากและมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้

                          ดวงการเงิน การงาน ระวังการกระทำสิ่งมิชอบจากลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน ที่พาให้เราลำบากไปด้วย ใครที่เรียกร้องความยุติธรรมด้านการเงินให้ตัวเองอยู่จะมีผู้ใหญ่ช่วยเจรจาให้ และได้รับความเห็นใจ คุณมีเกณฑ์ดีในด้านรายรับ หาง่ายจ่ายคล่อง

                          เลขมงคล เด่นนำโชค 3 6

                          เลขมงคล เด่นรอง 36 89 45 394

                          ฝันว่าแต่งงานกับแฟนเก่า

                          ผลคำทำนาย จะได้พบกับมิตรหน้าใหม่มากหน้าหลายตาเพิ่มขึ้น มีโอกาสที่จะพบกับเรื่องความทุกข์ ความเศร้าหรือไม่สมหวัง อยู่ในช่วงเวลาของความลุ่มหลง รักสนุก พบปะสังสรรค์เฮฮา

                          ความรัก คนรักไปไหนคุณไปด้วย แต่ไม่วายที่คุณจะแอบเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไปทั่ว คุณมีแววได้คนอายุน้อยกว่ามาเป็นเพื่อนสนิทและอาจพัฒนาไปเป็นแฟนได้ในอนาคต ต้องหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดชนวนแห่งความขัดแย้ง

                          ดวงการเงิน การงาน มีโอกาสที่จะเปลี่ยนหัวหน้าใหม่ในช่วงนี้ด้วย คุณยังต้องพยายามรักษาสัมพันธภาพกับหัวหน้าให้ดี เพื่อให้การงานของคุณราบรื่นขึ้น งานที่ทำร่วมกับผู้อื่นเป็นทีมเป็นคณะจะมีปัญหาแตกแยก คนร่วมทีมจะเกิดปากเสียงกัน แตกแยกกันเป็นกลุ่ม ช่วงนี้เงินทองหามาด้วยความยากลำบากจึงไม่ควรใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น

                          เลขมงคล เด่นนำโชค 1 6

                          เลขมงคล เด่นรอง 40 06 99 16 844

                          ไม่ว่าผลคำทำนายต่าง ๆ เกี่ยวกับการ ฝันว่าแต่งงาน นั้น จะออกมาดีหหรือไม่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติ ยึดสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ดีกว่ามาคอยกังวลถึงอนาคตจากคำทำนาย

                          อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                          ทำนายฝันแม่ ๆ ฝันแบบนี้ได้ลูกชายหรือลูกสาว?

                          ทำนายฝันแม่ ๆ ฝันแบบนี้ได้ลูกชายหรือลูกสาว?

                          ฝันว่ามีลูก ฝันว่ามีลูกผู้ชาย จริงหรือเปล่าที่จะได้ลูก?

                          ฝันว่าตัวเองท้อง ลางดีหรือลางร้าย? ฝันแบบไหนถึงได้ลูก?

                          คำคมความรัก 2020 รวมแคปชั่นโดน ๆ คำคมเด็ด ๆ

                           

                          ขอบคุณข้อมูลจาก : horoscope.mthai.com

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            นานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ

                            โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ขอเชิญชวนเข้าร่วมรับฟังออนไลน์ผ่านระบบ Zoom ในหัวข้อ “Introduction to the Early Years”

                            โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ขอเชิญชวนเข้าร่วมรับฟังออนไลน์ผ่านระบบ Zoom ในหัวข้อ “Introduction to the Early Years” แนะนำหลักสูตรปฐมวัย (3-5 ขวบ) ในวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563

                            ร่วมรับฟัง และ ถาม – ตอบในทุกประเด็น เกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนระดับปฐมวัย ของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ รีเวอร์ไซด์ แคมปัส และซิตี้ แคมปัส รวมถึง กระบวนการเรียนการสอนในสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้แบบเกื้อกูล การดูแลเอาใจใส่และให้ความสำคัญในทุกๆ บริบท เพื่อวางรากฐานของพัฒนาการที่สำคัญต่อไปในอนาคต

                            โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ – รีเวอร์ไซด์ แคมปัส
                            เวลา: 13:00 น.
                            วิทยากร: Ms. Siobhan O’Brien ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายปฐมวัย ร่วมกับ Ms. Leanne Dix หัวหน้าครูระดับชั้น Early Year 1
                            ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับรหัสได้ที่: https://bit.ly/3gjO2Og

                            โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัส
                            เวลา
                            10:00 น.
                            วิทยากร: Ms. Cath Okill  หัวหน้าฝ่ายปฐมวัย ร่วมกับ Ms. Hayley และ Ms. Elysia หัวหน้าครูระดับชั้น Early Year 1 และ 2
                            ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับรหัสได้ที่: https://bit.ly/2TF26Ij

                              พัฒนาการลูกในครรภ์

                              8 พัฒนาการลูกในครรภ์ ช่วยให้แม่รู้จักลูกมากขึ้น!

                              นี่คือ พัฒนาการลูกในครรภ์ ที่ลูกน้อยสามารถทำได้ การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ ลูกในท้องทําอะไร ได้บ้าง แต่ละไตรมาส พัฒนาการทารกในครรภ์ เป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลย

                              8 พัฒนาการลูกในครรภ์ ช่วยให้แม่รู้จักลูกมากขึ้น

                              แม่จ๋ารู้หรือไม่? เจ้าตัวน้อยในท้อง สามารถทำอย่างนี้…ได้ด้วยนะ!

                              ถึงแม้อาการแพ้จะแตกต่างกันไปในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งทำให้ว่าที่คุณแม่แต่ละคนสุขมากสุขน้อยแบบเทียบกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ดูจะต่างกันน้อยมาก คือ ความรู้สึกตื่นเต้น ใจจดใจจ่อ หรือว่าที่คุณแม่บางคนก็ “ลุ้น” กับการเปลี่ยนแปลงของเจ้าตัวน้อย ๆ ในท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ท้องแรก ดังนั้น ทีมแม่ ABK จึงมี 8 พัฒนาการลูกในครรภ์ ตลอด 9 เดือน ที่จะช่วยให้คุณแม่รู้จักลูกน้อยมากขึ้นและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ดีขึ้นในแต่ละไตรมาส

                              พัฒนาการลูกในครรภ์ {0 – 13 weeks}

                              1. หนูเคลื่อนไหว + ฝึกหายใจ

                              ประมาณสัปดาห์ที่ 9 เจ้าตัวน้อยในท้องจะสามารถขยับได้แล้ว พร้อมกับเริ่มฝึกหายใจ ซึ่งเป็นทักษะจำเป็น เพื่อการมีชีวิตรอดทันทีที่คลอดออกมา เพราะทุกอย่างต่างจากในท้องแม่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณหภูมิ

                              2. หนูชิ้งฉ่องได้…

                              เจ้าตัวน้อยในท้องคุณแม่เริ่มผลิตปัสสาวะได้เมื่ออายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ด้วยการกลืนน้ำคร่ำ ระบบการย่อยทำงาน ไตทำหน้าที่ขับของเสีย และเจ้าตัวน้อยก็ฉี่ออกมาในมดลูก ผสมกับน้ำคร่ำที่จะกลืนกลับเข้าไปอีก วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

                              หากคุณแม่ตรวจครรภ์ด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ คุณหมอจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าลูกมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือไม่ เพื่อให้ คำปรึกษาได้ทันท่วงที

                              พัฒนาการลูกในครรภ์

                              พัฒนาการลูกในครรภ์ {14 – 27 weeks}

                              3. หนูมองเห็นแล้วนะ!

                              นักวิจัยพบว่า ทารกในครรภ์มีปฏิกิริยาเคลื่อนไหวเพื่อหลบแสงที่ส่องเข้าไปเมื่อตอนอายุครรภ์ 15 สัปดาห์ แม้ว่าในท้องของแม่จะไม่มีอะไรให้ดูมากมาย แต่เมื่ออายุครรภ์ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 28 (เดือนที่ 7) ลูกก็รู้จักลืมตาแล้ว

                              ทั้งนี้ว่าที่คุณแม่ท้องก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะนักวิจัยยืนยันว่า แสงที่ส่องจ้าผ่านผิวหนังหน้าท้องคุณแม่นั้น ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อลูกน้อยเลย

                              4. หนูรับรสได้หลากหลายเลย

                              แม่กินอะไร ลูกน้อยในท้องก็จะได้แบบนั้นเหมือนกัน แต่วิธีที่ลูกจะได้รับรสชาติอาหารเหล่านั้น ต่างจากคุณแม่ตรงที่ส่วนผสมต่าง ๆ ในอาหารจะถูกดูดซึมผ่านไปทางน้ำคร่ำ ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่านี่คือวิธีสอนลูกให้รู้จักรสชาติอาหารที่หลากหลายตามธรรมชาติ

                              แต่เมื่ออายุครรภ์สัปดาห์ที่ 15 เป็นต้นไป ลูกในท้องจะแสดงให้เห็นว่าปลื้มรสหวาน โดยลูกจะกลืนน้ำคร่ำมากขึ้นเมื่อแม่กินอาหารรสหวาน และจะกลืนน้ำคร่ำน้อยลงเมื่อได้รับรสขม

                              ดังนั้นหากคุณแม่อยากให้ลูกน้อยเติบโตเป็นเด็กที่ลองลิ้มอาหารได้หลากหลาย การกินอาหารที่รสชาติแตกต่างกันตั้งแต่ช่วงท้อง ก็เป็นวิธีที่ดีไม่น้อย แม้รสหวานจะทำให้ลูกน้อยในท้องคุณตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่เมื่อคลอดออกมาคุณแม่ก็คงอยากให้ลูกน้อยกินอาหารได้หลาย ๆ อย่างและมีประโยชน์นอกเหนือจากรสหวานอยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ

                              5. หนูยิ้มมม…พิมพ์ใจ ได้ด้วยยย…

                              แม้ความรู้ทางพัฒนาการเด็กจะบอกว่า ยิ้มของทารกในช่วงสัปดาห์แรก ๆ จะยังไม่ใช่ยิ้มที่มีความหมาย แต่หลักฐานจากอัลตราซาวนด์ 4 มิติ ก็ยืนยันว่า สัปดาห์ที่ 26 เจ้าตัวน้อยก็สามรถเริ่มยิ้มได้ตั้งแต่ยังนอนสบายอยู่ในท้องแล้ว

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                              พัฒนาการลูกในครรภ์ {28 – 41 weeks}

                              6. หนูร้องไห้ได้ด้วยนะ

                              อย่าเพิ่งตกอกตกใจหากรู้ว่าลูกในท้องร้องไห้ได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะเป็นเรื่องปกติ ด้วยเทคโนโลยีการใช้อัลตราซาวนด์ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าการร้องไห้ คือพัฒนาการของทารกในครรภ์อย่างหนึ่ง และยังสังเกตเห็นถึงขนาดว่าริมฝีปากล่างของทารกมีอาการสั่นเล็กน้อยเวลาร้องไห้ เมื่อคลอดออกมาแล้ว การร้องไห้นี่เองยังคงเป็นวิธีเดียวที่ลูกน้อยจะสื่อสารกับคุณแม่ เพื่อบอกให้รู้ว่าต้องการความช่วยเหลือ เพราะลูกยังพูดไม่ได้นั่นเอง

                              พัฒนาการลูกในครรภ์

                              7. หนูสะอึกได้ด้วย

                              ทารกในครรภ์จะสะอึกได้ในช่วง 3 เดือนแรก แต่คุณแม่อาจจะรู้สึกได้มากในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยคุณแม่จะรู้สึกเหมือนท้องกระตุกเป็นจังหวะหรือเกร็งเล็กน้อยคล้ายกับที่ผู้ใหญ่สะอึก ซึ่งคำถามแรกที่ตามมาในใจคงเป็นว่า อันตรายหรือเปล่า?

                              ซึ่งการสะอึกของทารกในครรภ์ แสดงว่าลูกสามารถหายใจในน้ำคร่ำได้แล้ว แต่ที่เกิดสะอึกก็เพราะขณะที่น้ำคร่ำไหลเข้าและออกจากปอดนั้นไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกะบังลมหดตัวอย่างเร็ว

                              การสะอึกจึงเป็นเรื่องปกติของทารก ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อลูกน้อยในครรภ์ ทั้งนี้แม่ท้องบางคนก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่าลูกน้อยในท้องสะอึก ขณะที่อีกหลายคนก็รับรู้อาการอิ๊บอั๊บของลูกทุกวันจนชิน

                              แต่ในบางครั้งอาการสะอึกของทารกในครรภ์อาจเกิดจากได้รับอากาศไม่เพียงพอ คำแนะนำของแพทย์ คือ ถ้าคุณแม่สังเกตว่าอาการสะอึกของลูกเปลี่ยนไป เร็วขึ้น รุนแรง หรือนานเกินไป ควรไปพบแพทย์หรือตรวจอัลตราซาวนด์

                              8. หนูจำเสียงแม่ได้…อื้อฮือ!!

                              ถึงจะไม่เห็นกัน แต่โลกของแม่และลูกน้อยในท้องไม่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตหรือ WiFi เพื่อเชื่อมต่อ เพราะว่าที่คุณแม่กับลูกน้อยมีสิ่งที่เหนือกว่า นั่นคือความผูกพันตลอด 24 ชั่วโมง ของว่าที่คุณแม่มีลูกอยู่ด้วยตลอด

                              ยิ่งเป็นปลื้มกว่านั้นงานวิจัยยังพบว่า จนกระทั่ง 10 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอดลูกทารกจะได้ยินเสียงของแม่ แม้จะไม่รู้ว่าแม่พูดอะไร พูดกับใครก็ตาม แต่เขาจะได้ยินน้ำเสียง โทนเสียง วิธีการพูดของคุณแม่จนจำเสียงแม่ได้ในทันทีที่คลอดออกมา ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้หลังจากที่ลูกน้อยได้ยินเสียงของคุณแม่ปลอบลูกก็จะหยุดร้องไห้ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อน

                              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิกที่ภาพได้เลย ⇓

                              พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด (มีคลิป)

                              พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือนมหัศจรรย์ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตน้อยๆ ของแม่บ้าง

                              ลูบท้องให้ลูกฉลาด กระตุ้นพัฒนาการสมองทารกในครรภ์ด้วย 5 วิธี

                              นี่คือพัฒนาการ ความจำ ของลูกทารกตั้งแต่แรกเกิด – 1 ขวบ

                                ตวาดลูก ทำให้ลูกเสียใจ

                                กระเทาะปมแม่ปุ๊ก ทำไม แม่ไม่รักลูก ตัวเอง?

                                “แม่ใจยักษ์ ทำร้ายได้กระทั่งลูกในไส้” คำพูดเล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เวลามีข่าวแม่ทิ้งลูกแม่ทำร้ายลูกตัวเองปรากฎบนหน้าฟีดเฟสบุ๊ก หรือข่าวเด่นในทีวี จนทำให้เกิดคำถามว่าคนเป็น แม่ไม่รักลูก ตัวเองได้จริงหรือ แล้วอะไรทำให้ “แม่” ผู้ให้กำเนิด “เกลียดลูกตัวเอง” ได้ลงคอ มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

                                ผิดไหมถ้า แม่ไม่รักลูก ตัวเอง

                                จากกรณีของ “แม่ปุ๊ก” ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล เมื่อเธอโพสต์เรื่องราวน่าสงสารของลูกสาวและลูกชายของตัวเอง ในลักษณะบอกเล่าถึงอาการป่วยของลูกทั้งสองคนโดยอ้างว่าเป็นโรคประหลาด พร้อมกับขายสินค้ากึ่งรับบริจาคมาเป็นค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึงหลักล้านบาท ซึ่งมีผู้ใจบุญมากมายเข้ามาช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็ต้องเสียลูกสาวคนโตไป ส่วนลูกชายคนเล็กก็มีอาการคล้ายคลึงกับพี่และพบความผิดปกติหลายอย่างของผู้เป็นแม่ ทำให้คนในโลกโซเชียลตั้งคำถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่ที่แม่ปุ๊กวางยาลูกทั้งสองคนเพื่อขอเงินบริจาค” จนเกิดความบาดหมางระหว่าง “แม่ปุ๊ก” กับ “ผู้ใจบุญ”กลายเป็นคดีความ

                                แม่ไม่รักลูก

                                ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการสืบหาความจริง และหลังตรวจร่างกายหนูน้อยก็พบสารเคมีกัดกร่อนที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาซักฟอก จนทำให้เกิดแผลในปาก และอวัยวะภายในเสียหาย หลังสืบสวนพบว่าเป็นการหาผลประโยชน์จากเด็กอย่างชัดเจน ทั้งลูกสาวคนโตที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ และลูกชายคนเล็กที่เป็นสายเลือดของตัวเอง “แม่ปุ๊ก”ถูกจับกุมพร้อมความผิด 5 ข้อหา นำเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลต่อไป

                                นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่แม่กระทำรุนแรงกับลูกตัวเอง สร้างความหดหู่ให้กับคนในสังคมพร้อมกับเกิดคำถามว่า แม่ไม่รักลูก ตัวเองได้ด้วยหรือ เพราะคนเป็นแม่ที่อุ้มท้องนานถึง 9 เดือน และเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด ให้กินนมจากอก อยู่ในอ้อมกอด และแม่คือคนที่ลูกรักมากที่สุด

                                มีจริงหรือ แม่ไม่รักลูก ตัวเอง

                                นี่เป็นคำถามบาดใจคุณแม่ และหากแม่คนไหนมีความคิดแบบนี้จะเป็น “ความผิดมหันต์” ที่ไม่อาจให้อภัยได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า แม่ไม่รู้สึกรักลูกตัวเองมีอยู่จริง และเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้แม่ทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่หลังคลอดที่ยังรู้สึกว่างเปล่าเมื่อเห็นหน้าลูกครั้งแรก บางคนใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรู้สึกรักและผูกพันกับหนูน้อยในอ้อมกอด

                                แม้ระหว่างการตั้งครรภ์ความสัมพันธ์ของแม่กับลูกจะถ่ายทอดผ่านสายสะดือ เสียงหัวใจ หรือกลิ่นตัวแม่ แต่คนเป็นแม่รับรู้ถึงตัวตนของลูกจากการดิ้น การพบหน้ากันครั้งแรกของแม่กับลูกจึงอาจไม่ใช่ การตกหลุมรักในทันทีแต่จะค่อยๆพัฒนาขึ้นหลังจากนั้นผ่านปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ทั้งการให้นม กล่อมนอน สบตา กอดหอม ซึ่งจะกระตุ้นฮอร์โมนอ๊อกซิโทซิน ในสมองให้สูงขึ้นก่อเกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่แข็งแรง ฮอร์โมนตัวนี้เองที่กระตุ้นให้น้ำนมไหลเมื่อลูกอยู่ใกล้แม่

                                อย่างไรก็ตามมีคุณแม่ราว 20 % ที่ไม่รู้สึกรัก ผูกพันหรือแม้กระทั่งอยากจะกอดลูก ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสระหว่างคลอด ระดับฮอร์โมนแปรปรวน ความเครียด ความไม่พร้อมของแม่ และภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เป็นต้น

                                แม่ไม่รักลูก

                                 

                                แม่ไม่รักลูกตัวเองเป็นเพราะอะไรกันแน่

                                สัญชาตญาญความเป็นแม่ตามธรรมชาติจะกำหนดให้แม่ทุกคนรักและปกป้องลูกของตัวเองให้ปลอดภัย แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ความรู้สึกรักของแม่น้อยลง หรือแทบไม่มีเหลือ จนกลายเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์สลดใจหลายครั้งที่เห็นในข่าว จากบทความเรื่อง WHY SOME PARENTS CAN’T LOVE THEIR CHILDREN โดย David Hosier MSc ระบุว่า แม่ไม่รักลูก เกิดจากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้

                                แม่ไม่รักลูก

                                1. แม่ที่มีลูกตอนไม่พร้อม แม่วัยใส แม่เลี้ยงเดี่ยว คือกลุ่มคุณแม่ที่อาจรู้สึกไม่พอใจกับการต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก หรือมองว่าลูกคือภาระที่ตัวเองไม่ได้ต้องการ
                                2. แม่ที่เลิกรากับสามีด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ผิดหวัง หากมีลูกที่หน้าตาคล้าย มีท่าทางหรือพฤติกรรมคล้ายมีสามีเก่า ทำให้แม่รู้สึกเกลียดลูกคนนั้นไปด้วย
                                3. แม่บางคนรู้สึกว่าลูกมีความโดดเด่น หน้าตาดี ฉลาด หรือมีพฤติกรรมเป็นที่น่าสนใจเกินไป จนทำให้ตัวเองรู้สึกดูด้อยกว่า หรือบกพร่อง ส่วนใหญ่มักเกิดกับแม่ที่มีอุปนิสัยหลงตัวเอง
                                1. แม่รู้สึกอิจฉาลูก เช่น แม่รู้สึกอิจฉาลูกสาววัยรุ่นที่สวยกว่า สาวกว่า
                                2. แม่รู้สึกอับอายหรือผิดหวังกับพฤติกรรมของลูก เพราะทำให้ตัวเองถูกวิจารณ์หรือดูไม่ดีในวงสังคม
                                3. ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเพราะระดับสารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงไป จึงมีอาการซึมเศร้า หม่นหมอง รู้สึกไม่อยากกอด ไม่อยากเลี้ยงลูก
                                4. แม่ถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจในวัยเด็กจึงแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกไม่เป็น
                                5. แม่รู้สึกว่าลูกเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของหน้าที่การงาน หรือทำให้ต้องเปลี่ยนงาน
                                6. ความเชื่อทางศาสนา หรือวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับลักษณะเฉพาะ หรือเพศของเด็ก เช่น การยกย่องแม่ที่มีลูกชาย แต่ถ้าคลอดออกมาเป็นลูกสาว ทำให้แม่ไม่รัก
                                7. แม่มีฐานะยากจน ชีวิตยากลำบากหลังมีลูก จึงใช้การกระทำหรือคำพูดรุนแรงกับลูก เพื่อซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดในใจตัวเอง

                                ถ้ารู้สึกไม่รักลูกตัวเองต้องทำอย่างไร

                                เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนี้สิ่งแรกที่คุณแม่คววรทำคือ “อย่าโทษตัวเอง” ว่าเป็นแม่ที่ไม่ดี เป็นแม่ที่แย่ เพราะนั่นยิ่งทำให้สภาพจิตใจของคุณแม่แย่ลง แต่ให้มองหาต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร หากเป็นคุณแม่หลังคลอดที่เพิ่งได้เห็นหน้าลูกไม่กี่วัน แต่ยังไม่รู้สึกรักผูกพัน ก็ให้ทำหน้าที่ของแม่ไปตามปกติ เช่น ให้นม อุ้มนอน กอดหอม เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดแม่ลูก ยิ่งแม่กับลูกอยู่ด้วยกันมากเท่าไร ความรู้สึกรักจะค่อยๆงอกงามขึ้นมาในไม่ช้า

                                แต่ถ้าพบว่าตัวเองมีภาวะซึมเศร้า รู้สึกหดหู่ตลอดเวลา เสียใจง่าย หรือรุนแรงจนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้ว การแบ่งปันความรู้สึกกับคนใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็น สามี เพื่อนสนิท คุณยาย จะช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อคุณแม่ยิ้มได้ ลูกน้อยก็ยิ้มได้เช่นกัน


                                แหล่งข้อมูล  childhoodtraumarecovery.com  www.dailynews.co.th

                                 

                                ซึมเศร้าหลังคลอด อาการ ที่แม่หลังคลอดควรรู้ !

                                 

                                25 ภาพสะท้อนเรื่องจริง ที่ มนุษย์แม่ ต้องเจอ!

                                 

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ระวัง! 3 อันตรายจากแสงสีฟ้า ทำร้ายตาลูกไม่รู้ตัว

                                  อันตรายจากแสงสีฟ้า พ่อแม่ระวังให้ดี! ลูกต้องเรียนออนไลน์ new normal ชีวิตวิถีใหม่ อยู่กับหน้าจอตลอด เสี่ยงส่งผลร้ายต่อสายตา ควรเตรียมรับมือ

                                  พ่อแม่ต้องใส่ใจ!! ปัญหา อันตรายจากแสงสีฟ้า
                                  ผลต่อสุขภาพตาของเด็กยุคดิจิทัล

                                  จากการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย รัฐบาลจึงมีประกาศเลื่อนเปิดเทอมยาวออกไป ด้วยตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของนักเรียนที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าว! … จึงทำให้สถานศึกษามีการปรับการเรียนการสอนเป็นในรูปแบบของการเรียนทางออนไลน์ ทำให้เด็กๆ ต้องใช้เวลาไปกับหน้าจอดิจิทัลมากกว่าปกติเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน

                                  พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางด้านสายตาและสุขภาพตา เพราะ แสงสีฟ้า หรือ แสงสีน้ำเงิน (Blue light) จากอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาของเด็กๆ ได้ และการเล่นอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเวลานานๆ จะนำมาซึ่งปัญหาและผลกระทบต่อเด็ก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

                                  ภัยจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล

                                  อันตรายจากแสงสีฟ้า ส่งผลต่อสายตาเด็กที่พ่อแม่อาจมองข้าม ประกอบด้วย

                                  1. ภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) เกิดจากการจ้องจอมากเกินไปเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อเล็กๆ ในตาหดตัวเกือบตลอดเวลาทำให้มีอาการตาล้า จึงเป็นที่มาของการมองเห็นที่พร่ามัวชั่วคราว
                                  2. โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) โดยแสงสีน้ำเงินจากอุปกรณ์ดิจิทัล จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายเซลล์ประสาทตา หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
                                  3. โรคสายตาสั้นมาก (pathological myopia) การเพ่งอยู่หน้าจอเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ช.ม ต่อวัน โดยเฉพาะในระยะน้อยกว่า 20 ซ.ม นานกว่า 45 นาที เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นได้เร็วและมากขึ้นในเด็ก

                                  นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่ภาวะสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ แต่ยังทำให้เสียบุคลิกภาพ เพราะต้องหยีตาตลอด เมื่อเด็กมองไม่ชัด ซึ่งภาวะสายตาสั้นทำให้จำเป็นต้องหยีตามองสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในระยะไกลตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อวิสัยทัศน์และบุคลิกภาพ

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                  ♦ 5 ป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้า

                                  ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง อันตรายจากแสงสีฟ้า และปกป้องไม่ให้สายตาของลูกเสียก่อนวัยอันควร เอสซีลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาชั้นนำของโลก มีข้อแนะนำดีๆสำหรับคุณพ่อคุณแม่มาฝากกัน

                                  เลือกใช้แว่นตาที่มีเลนส์กรองแสงสีน้ำเงิน

                                  การเลือกใช้แว่นตาที่มีเทคโนโลยีกรองแสงสีน้ำเงิน จึงเป็นก้าวแรกในการถนอมดวงตาของเด็ก และลดความเสี่ยงจากโอกาสการเกิดปัญหาทางสายตาที่รุนแรงขึ้นในอนาคต เลนส์เอสซีลอร์ Blue UV Capture นวัตกรรมกรองแสงสีน้ำเงินชนิดอันตรายในเนื้อเลนส์แต่ปล่อยช่วงแสงที่มีประโยชน์ผ่านเข้ามา เลนส์ Blue UV Capture สามารถปกป้องดวงตามากกว่าเลนส์ใสทั่วไป 3 เท่า รวมถึงป้องกันรังสียูวีทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเลนส์มากถึง 35 เท่า เลนส์แว่นตาแม้ใช้เพียงปกป้องดวงตาโดยไม่มีค่าสายตาเพื่อแก้ไขการมองเห็น ก็ควรเลือกเลนส์คุณภาพเพื่อถนอมดวงตาของลูกน้อยในระยะยาว

                                  อันตรายจากแสงสีฟ้า

                                  ใช้จอคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมและปรับแสงสว่างหน้าจอให้พอเหมาะ

                                  พ่อแม่ควรเลือกจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดมากกว่า 19 นิ้ว และเป็นจอที่กันแสงสะท้อน เพราะถ้ามีแสงสะท้อนจะทำให้รู้สึกไม่สบายตา และที่สำคัญควรปรับสภาพแวดล้อม แสงสว่างโดยรอบให้พอดี เพื่อลดความสว่างของหน้าจอไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป และควรจัดแสงจากภายนอกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ให้แยงตาโดยตรงเพราะจะทำให้ตาล้ามากขึ้น

                                  กำหนดระยะห่างระหว่างสายตากับหน้าจอ

                                  ระยะห่างที่พอเหมาะสำหรับอุปกรณ์ดิจิทัลจะทำให้ลูกของคุณไม่ต้องใช้กำลังโฟกัสของตามากเกินไปจนเกิดอาการล้าของตาได้ หากใช้แทบเล็ต หรือหน้าจอมือถือควรห่างประมาณ 1 ฟุต ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะควรห่างประมาณ 2 ฟุต ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรจัดระยะห่างให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพสายตาที่ดีสำหรับลูกๆ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่เองด้วย

                                  ปรับขนาดตัวอักษรบนหน้าจอดิจิทัล ไม่ให้มีขนาดเล็กจนเกินไป

                                  ขนาดตัวอักษรที่ทำให้อ่านได้สบายตาในเวลานานๆ จะต้องมีขนาดอย่างน้อย 3 เท่าของขนาดที่เล็กที่สุดที่สามารถอ่านได้ในระยะนั้น

                                  พักสายตาด้วยเทคนิค 20-20-20

                                  พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกรู้จักพักสาตา ด้วยเทคนิค 20-20-20 คือทุก 20 นาทีในการจ้องหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ควรพักสายตา 20 วินาที โดยมองออกไปไกล 20 ฟุต เพื่อช่วยให้ดวงตามีการเปลี่ยนระยะโฟกัสและผ่อนคลาย ซึ่งในระหว่างนี้ผู้ปกครองอาจให้เด็กๆ ได้พักจากหน้าจอลุกยืดเส้นยืดสายด้วย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไปพร้อมกัน

                                  นอกเหนือจากการดูแลปกป้องดวงตาของเด็กๆแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ควรพาลูกไปตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะการมองเห็นคือสิ่งสำคัญ เราจึงไม่ควรมองข้ามการตรวจดวงตา เพราะโรคทางตาหลายโรคที่จะไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็อาจสายเกินกว่าจะรักษาให้เป็นปกติได้

                                  # # # ## # # #

                                  อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจคลิกที่ภาพได้เลย ⇓

                                  ระวัง! ลูกจ้องจอนาน เสี่ยง สายตาสั้นเทียม ตัดแว่นได้ไม่ตรงค่าสายตา

                                  5 ผักเทพช่วย บำรุงสายตาลูก

                                  เลเซอร์เข้าตา ลูกน้อยเสี่ยงตาบอดจริงหรือ?

                                  สายตาเสีย ตั้งแต่เล็กเพราะทำ 8 พฤติกรรรมเสี่ยง!

                                   

                                   

                                    สอนหนังสือลูก

                                    สอนหนังสือลูก 1 วัน ทำอะไรดี? ถ้าไม่เรียนออนไลน์ โดยพ่อเอก

                                    เรียนออนไลน์ เป็นหัวข้อที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนานบน social media แทบทุกวัน พิมพ์ใส่กันจน keyboard ลุกเป็นไฟ แต่ในขณะที่เราถกกันเรื่องคุณภาพการสอน เราก็ไม่ควรลืมนึกถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้ของลูกเราด้วย ตอนนี้สิ่งที่ครอบครัวเรา สอนหนังสือลูก ในช่วงที่เป็นเทอมย๊าวยาว เราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเรียนรู้ในเชิงวิชาการอะไรมากมาย แต่ให้เรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตไปด้วย

                                    เพราะเด็กตัวเล็กๆ ชั้นอนุบาล ประถมหนึ่งถึงหก จะหวังอะไรมากมายว่าจะนั่งมีสมาธิฟังครูจอสี่เหลี่ยม แถมไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใดๆ ให้เด็กแต่เป็นเพราะพี่โควิด-19 ไม่พร้อมให้เด็กๆ ไปโรงเรียนแล้วเราจะคาดหวังว่าเอาเขามานั่งปุ๊กหน้าทีวีแล้วเรียนได้เลยรึ ผมกลับคิดว่าถ้าเด็กคนนั้นนั่งเรียนได้ทั้งวันสิน่าเป็นห่วง

                                    สิ่งที่เราทำ เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างพ่อแม่และลูก โดยมีการเขียนตารางในแต่ละวันว่าจะทำอะไรบ้าง เป็นตารางแผนกิจกรรมคล้ายๆ ตารางสอนที่เราไปโรงเรียน แต่ตารางมาจากการเสนอขึ้นมาของเด็กๆ โดยเราในฐานะพ่อแม่ก็ดูความเหมาะสมว่ามีกิจกรรม เรียนรู้ เล่น ทำงาน พักผ่อน ในระดับพอเหมาะ เพราะขืนให้เจ้าตัวเล็กวางตารางตามใจหมดมีหวังเต็มไปด้วยสารพัดการเล่น ตัวอย่างตารางในช่วงเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ของพี่ปูนปั้น

                                    สอนหนังสือลูก 1 วัน ทำอะไรดี?

                                    07.30-8.00               อาหารเช้า

                                    08.00-09.00            LEGO

                                    09.00-10.00            อ่านหนังสือ

                                    10.00-11.00             วาดเขียน

                                    11.00-12.00             free time

                                    12.00-13.00             อาหารเที่ยง

                                    นอกจากนั้นก่อนออกจากบ้าน ผมก็มักจะมี assignment ที่ผสมการเรียนรู้ การเล่นและการใช้ชีวิตให้ลูกได้ทำทุกวัน (ผมออกไปทำงานตามปกติ แต่ภรรยา work from home) เพื่อสร้างให้เขามีความรับผิดชอบและท้าทายไปด้วย ตัวอย่าง assignment ที่ผมเขียนให้ปูนปั้นวันละ 3 อย่าง เผื่อคุณพ่อคุณแม่จะไปลองปรับใช้ในการ สอนหนังสือลูก ที่บ้าน เช่น

                                    การบ้านคณิตศาสตร์ :

                                    ผมก็เอาโจทย์ชีวิตจริงมาเลย เพราะตอนเช้าผมจะฝากเงินไว้ให้ภรรยาไว้สำหรับ ซื้ออาหารกลางวัน หรือ เครื่องดื่ม ขนม ไว้ทานกัน

                                    วันนี้ปะป๊าฝากเงินกับหม่ามี้ไว้                xx                         บาท

                                    ซื้ออาหารกลางวัน                                (เติมเลข)               บาท

                                    ซื้อเครื่องดื่ม                                         (เติมเลข)               บาท

                                    เหลือเงิน                                               (เติมคำตอบ)         บาท

                                     

                                    การบ้านภาษาไทย :

                                    ให้ทำตัวละครจากเศษวัสดุ (เช่นกระดาษ กระป๋อง เป็นต้น) แล้วเล่าเป็นนิทาน 1 เรื่อง แล้วให้หม่ามี้อัดคลิปให้ปะป๊าดู

                                     

                                    การบ้านภาษาอังกฤษ :

                                    A book A day – หาหนังสืออังกฤษ 1 เล่มมาอ่านและตอบคำถามเมื่ออ่านจบ

                                    เขียนเรื่อง 1 เรื่องที่มีอย่างน้อย 10 ประโยค

                                     

                                    การบ้านอื่นๆ :

                                    ไวโอลิน : แกะเพลง Happy Birthday และเขียนโน้ตใส่บรรทัด 5 เส้น

                                    เลโก้ : ต่อเครื่องบินที่ต้องมี cockpit ให้นักบินเข้าไปนั่งได้

                                    ประดิษฐ์ภาพจากเศษวัสดุ : เก็บเศษวัสดุ ในบ้านและรอบๆ บ้านมาทำเป็นรูปสัตว์

                                     

                                    ลองเอาไปใช้ดูนะครับ เด็กๆ ได้เรียนรู้ไปแบบที่นึกว่ากำลังเล่นเกมส์ ส่วนคุณพ่อคุณแม่กลับมาตรวจการบ้านก็สนุกไปด้วย และจะได้ผลการเรียนรู้ที่ดีถ้าเรานั่งลงคุยกับลูกว่าที่หนูทำแต่ละอย่าง ได้เรียนรู้อะไร หนูคิดอะไรตอนทำออกมาแบบนี้ เป็นการทบทวนความคิดและเราสามารถเติมความรู้ให้เขาได้ อ้อออออ เคล็ดลับดึงดูดใจ มีของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ คำชมใหญ่ๆ ในการทำงานมาส่งให้เราด้วยนะครับ


                                    >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                                    หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                                    ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
                                    ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                    6 กิจกรรมเล่นกับลูกสไตล์ มอนเตสเซอรี่ เสริมทักษะให้ลูกง่ายๆ ได้ที่บ้าน

                                    30 กิจกรรม เล่นสนุกอยู่กับบ้านง่ายๆ เสริมพัฒนาการลูกน้อย