5 ไม่! พ่อแม่ดูลูกให้ดี ก่อน ลูกโดนลักพาตัว

Alternative Textaccount_circle
event

5 ไม่! พ่อแม่ดูลูกให้ดี ก่อน ลูกโดนกลักพาตัว

ลูกโดนลักพาตัว หรือเด็กหายเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับเด็กที่สร้างความสะเทือนใจให้สังคม โดยเฉพาะกับพ่อแม่ หรือ ญาติ ๆ ของเด็กคนนั้น เด็ก ๆ มักหายตัวหรือถูกลักพาตัวจากที่ไหน โดยใคร พ่อแม่ควรระวังอย่างไร มาติดตามกันห้ามพลาดค่ะ

ลูกโดนลักพาตัว สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด กลับอันตรายที่สุด

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชุมแข หัวหน้าโครงการศูนย์ข้อมูลคนหายฯ มูลนิธิกระจกเงา ถอดบทเรียนกว่า 18 ปี คดีลักพาตัวเด็กในประเทศไทยว่า จากการหายตัวไปของเด็กหลายคน เมื่อตรวจสอบจะพบว่าสถานที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ไกล แต่กลับอยู่บริเวณแถว ๆ บ้านของตัวเอง เช่น สวนสาธารณะแถวบ้าน สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน โรงเรียน ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน หรือแม้กระทั่งหน้าบ้านตัวเอง จึงอาจพูดได้ว่า  สถานที่ปลอดภัยที่สุด คือ สถานที่อันตรายที่สุด
ช่วงวัยอายุของเด็กที่มักถูกลักพาตัว พบว่ามีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ อย่าง ‘เด็กแรกเกิด (ทารก)’ ยังเป็นเหยื่อของคนใกล้ชิดอีกด้วย บุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ได้แก่ พี่เลี้ยงเด็ก เพื่อนบ้าน หรือหมอดู เพราะเป็นบุคคลที่พ่อแม่ไว้ใจมากที่สุด
ลูกโดนลักพาตัว
5 ไม่! พ่อแม่ดูลูกให้ดี ก่อน ลูกโดนลักพาตัว

10 บทเรียนลักพาตัวเด็ก

มูลนิธิกระจกเงาถอด 10 บทเรียนลักพาตัวเด็ก จากสถิติร้องเรียนเด็กหายปี 2546 – 2564 ได้ดังนี้
1. ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ลักเด็กเพื่อกระทำทางเพศ
2. วัตถุประสงค์รองลงมา เพื่อนำไปเลี้ยงดูด้วยความเสน่หา
3. เด็กถูกลักพาตัว มีตั้งแต่อายุแรกเกิด – 12 ปี
4. กลุ่มเสี่ยงที่สุดคือเด็ก ช่วงอายุ 3-8 ปี ทั้งชาย และหญิง
5. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะกลุ่มแก๊งค์ขบวนการ
6. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะแก๊งค์รถตู้
7. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะลักพา เพื่อนำเด็กไปขายต่อ
8. ผู้ก่อเหตุมีได้ทั้งคนที่เด็กรู้จัก และคนแปลกหน้า
9. จุดที่เด็กถูกลักพาตัวมากที่สุด คือ บริเวณใกล้บ้านที่เด็กวิ่งเล่นลำพัง
10. หลายคดีตอนเกิดเหตุ ประเมินว่าเป็นการลักพาตัวเด็ก แต่พอข้อเท็จจริงปรากฏอาจเป็นเรื่องอื่น เช่น เด็กพลัดหลงด้วยตัวเอง, ปกปิดการเกิดความรุนแรงในครอบครัว หรือสร้างการสถานการณ์

5 ไม่! พ่อแม่ดูลูกให้ดี ก่อน ลูกโดนลักพาตัว

1 .ไม่พาลูกเล็กไปยังที่ ที่มีคนพลุกพล่านเกินไป โดยไม่จำเป็น 
แม้คุณพ่อคุณแม่ หรือบุคคลใกล้ชิดจะเป็นผู้พาไปยังสถานที่นั้น ๆ ก็ไม่ควรไว้วางใจ แต่เนื่องจากสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน มักชุลมุน วุ่นวาย ทำให้คนร้ายที่อาจจ้องมองลูกเราอยู่สามารถสร้างสถานการณ์ร้ายได้ง่าย ยิ่งหากว่าผู้ที่พาไปเผลอคลาดสายตาจากเด็กแม้แต่นิดเดียว ก็อาจเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวโดยไม่คาดคิดได้
2. ไม่ปล่อยให้ลูกเล็กไปวิ่งเล่นตามลำพัง แม้จะใกล้บ้านก็ตาม
พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ของเด็ก ๆ ก็อาจคิดว่า ถ้าเด็ก ๆ จะ ออกไปวิ่งเล่นยังสถานที่ใกล้บ้าน ก็คงไม่เป็นไร เพราะมีคนรู้จักทั้งนั้นคอยดูลูกอยู่ มีแต่คนแถวบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน แต่จากสถิติของมูลนิธิกระจกเงาที่พบว่า เด็กมักถูกลักพาตัวในที่ใกล้บ้าน และจากคนที่ไม่คาดคิด เพราะฉะนั้น ถ้าลูกจะไปเล่นแถวบ้าน ควรมีผู้ดูแลในสายตา หรือมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ไปด้วยกัน เพื่อความปลอดภัยนะคะ
3. ไม่ให้ใครมารับลูกเล็กที่โรงเรียน เว้นแต่จะได้โทรศัพท์บอกครูทุกครั้งที่มีคนมารับแทน
แน่นอนว่า โรงเรียนเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ และญาติพี่น้อง ไว้ใจนำลูกของเราไปฝากไว้ คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน ก็ไปรับลูกที่โรงเรียนเอง แต่อีกหลาย ๆ ท่านอาจให้รถโรงเรียนไปรับ – ส่ง ทั้งนี้ หลายท่าน อาจให้คนอื่น ๆ มารับลูกแทน แต่จากสถิติของมูลนิธิกระจกเงาที่พบว่า คนใกล้ตัวมักเป็นคนที่ลักพาตัวเด็กไป ซึ่งเค้าอาจจะใช้ช่องที่เด็กรู้จักเค้า พาเด็กออกไปจากโรงเรียน แต่ไม่พากลับไปที่บ้าน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรโทรกำชับคุณครูทุกครั้ง ว่าใครจะมารับลูกแทนตัวเองค่ะ
4. ไม่ทิ้งลูกเล็กไว้กับญาติสูงอายุ ที่อาจดูแลเด็กเล็กวัยกำลังซนไม่ไหว 
เด็กวัยกำลังซนมักอยากรู้อยากเห็น เป็นวัยที่อยากออกไปเที่ยวเล่นโดยเฉพาะวิ่งเล่นบริเวณแถวบ้าน การฝากลูกไว้กับผู้สูงอายุที่บ้านแม้จะไว้ใจได้ว่าเป็นญาติที่ดูแลกันได้ แต่หากถึงเวลาที่เด็กออกไปวิ่งเล่น ผู้สูงอายุย่อมตามเด็กไม่ทัน เพราะเดินเหินไม่สะดวก เมื่อเด็กคลาดสายตาอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้
5. ไม่ยอมให้ลูกรับของจากคนแปลกหน้า หมั่นสอนเด็กเล็กในเรื่องนี้
นอกจากคนใกล้ชิดที่ต้องระวังแล้ว แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกระวังคนแปลกหน้า ห้ามรับของจากคนแปลกหน้าไม่ว่าจะเป็นอะไร โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เอาของต่าง ๆ มาให้ลูก เช่น ขนม ของเล่น เงิน หรือสิ่งของต่าง ๆ เพื่อล่อลวงให้เด็ก เข้าใกล้ และจับเด็กไปในที่สุด
ลูกโดนลักพาตัว
5 ไม่! พ่อแม่ดูลูกให้ดี ก่อน ลูกถูกลักพาตัว

ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

อุทาหรณ์เด็กหาย ป้องกันลูกหนีออกจากบ้าน

6 แนวทางนำเสนอข้อมูลเด็ก ไม่ให้ ละเมิดสิทธิเด็ก

ระวังลูกหาย!! อย่าอายที่จะใช้ “เป้จูงลูก” เวลาออกนอกบ้าน

นิทานกล่อมนอน

นิทานกล่อมนอน ลงทุนน้อย แต่ลูกได้รับประโยชน์มากมาย

Alternative Textaccount_circle
event
นิทานกล่อมนอน
นิทานกล่อมนอน

นิทานกล่อมนอน กิจกรรมในครอบครัวก่อนนอนที่ ช่วยสร้างความรัก ความอบอุ่น และสัมพันธ์อันดีในครอบครัว ทำให้ลูกนอนหลับอย่างมีความสุข

นิทานกล่อมนอน ลงทุนน้อย แต่ลูกได้รับประโยชน์มากมาย

เมื่อถึงเวลานอนลูกจะไม่ปฏิเสธเพราะมี นิทานกล่อมนอน ที่ลูกรอฟังอยู่ทุกคืน นอกจากความสนุกสนานเพลิดเพลินที่ลูกได้รับแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมายจากการอ่านนิทานให้ลูกฟัง ทีมกองบรรณาธิการ ABK จึงรวบรวมข้อมูลดี ๆ ที่จะพาไปรู้จักและเข้าใจประโยชน์ของการอ่านนิทาน ว่าทำไมบางครอบครัวถึงให้ความสำคัญกับการอ่านนิทานให้ลูกฟังกันเป็นพิเศษ

นิทานกล่อมนอน
นิทานกล่อมนอน

นิทานกล่อมนอน ลงทุนน้อย แต่ลูกได้รับประโยชน์มากมาย

การที่จะเลี้ยงดูให้เด็กเจริญเติบโตขึ้นมาเป็น คนดี คนเก่ง ได้นั้น มีปัจจัยหลายอย่าง และสิ่งหนึ่งที่บางครอบครัวลืมนึกไปนั่นก็คือ “การอ่านนิทานให้ลูกฟัง”

เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่หยิบ นิทานกล่อมนอน มาเล่า อ่าน เปล่งเสียง ให้ลูกฟัง หรือหยิบหนังสือภาพมาให้เด็กดูตาม ก็จะเกิดผลดีมากมาย ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกรู้ภาษาก่อน สามารถทำได้เลย ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์คุณแม่เลยทีเดียว

“การอ่านนิทานให้ลูกฟัง” เป็นช่วงเวลาทองที่ควรค่าแก่การปลูกฝังในทุก ๆ ครอบครัว เพราะในช่วงปฐมวัย เป็นวัยแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นช่วงที่มนุษย์เรามีความสามารถในการพัฒนาสมอง และทักษะทุกด้านกว่า 80% ของชีวิต 

ประโยชน์จากการ อ่านนิทาน ให้ลูกฟัง

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์ และนักเขียน ได้กล่าวว่า การอ่านนิทานให้ลูกฟังเป็นกิจกรรมที่ทุกบ้านสามารถทำได้ ขอแค่มีหนังสือนิทาน มีผู้ปกครองคอยเล่าให้ฟัง แม้จะไม่ได้อ่านสนุกหรือตลกมาก ก็เกิดประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กอย่างมหาศาล ความจริงแล้วผู้ปกครองจะเลือกอ่านให้เด็กฟังในช่วงเวลาไหน ตอนไหนก็ได้ แต่โดยส่วนตัวตนจะสนับสนุนให้อ่าน นิทานก่อนนอน เพราะอยากให้ผู้ปกครองใช้เวลาส่งลูกเข้านอน หากิจกรรมทำร่วมกัน ถือเป็นเวลาคุณภาพ (Quality Time) ในช่วง 20.30 น. ไม่เกิน 21.00 น. ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที หากเทียบกับกิจกรรมอื่น ๆ ถือว่าใช้เวลาน้อยมาก หากทำติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลา 3 ปี จะเกิดประโยชน์มากมาย เด็กจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เฉลียวฉลาด รักการอ่าน เป็นเด็กดี เชื่อฟัง ที่สำคัญเป็นการกระตุ้นพัฒนาการของสมองส่วนหน้า และเป็นเหมือนข้อบังคับของบ้านว่า ไม่ว่าผู้ปกครองจะทำงานหรือมีกิจกรรมอะไร อย่างน้อยในหนึ่งวันจะต้องส่งลูกเข้านอน และมีเวลาคุณภาพร่วมกัน

นพ.ประเสริฐ สรุปภาพรวมการอ่านนิทานไว้ดังนี้

1. การอ่านนิทานเป็นการผจญภัยไปกับพ่อแม่ : เป็นช่วงเวลาคุณภาพที่ผู้ปกครองจะจดจ่ออยู่กับการอ่านและลูก สร้างความคิดที่ว่าแม่มีอยู่จริง การอ่านนิทานก่อนนอนในช่วงเวลาเดียวกันในทุก ๆ วัน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังวินัยการตรงต่อเวลา เช่นเดียวกับการกำหนดเวลาตื่นนอน กินอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น เมื่อเด็กมีความตรงต่อเวลาเหล่านี้อย่างแม่นยำ ก็มีแนวโน้มว่าเรื่องอื่น ๆ ก็จะทำได้ตรงเวลาเช่นกัน

2. การอ่านนิทานเป็นการผจญภัยไปในสมอง : ทุกครั้งที่เด็กได้ฟังนิทานหรือได้อ่านด้วยตัวเอง เซลล์ประสาทจะแตกแขนงออกมาเป็นร่างแหของเส้นประสาท ดังนั้นใน 2 ขวบปีแรก สมองของเด็กจึงเปลี่ยนแปลงทุกวัน ที่สำคัญอย่าเป็นกังวลหากเด็ก ๆ จะชอบฟัง หรืออ่านนิทานเล่มเดิม เพราะถึงแม้ว่าหนังสือจะเป็นเล่มเดิม เรื่องราวเดิม แต่การคิด การตีความ หรือการวาดภาพในสมองของเด็กจะต่างกันออกไป

3. การอ่านนิทานเป็นการผจญภัยไปในจิตใต้สำนึก : เพราะหนังสือนิทานมีหลากหลายเรื่องราว มีทั้งด้านดี สมหวัง สนุกสนาน สดชื่น แจ่มใส และบางเรื่องก็อาจแฝงด้านมืดมาเป็นข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ผู้ปกครองต้องอย่ากลัวที่จะหยิบยื่นเรื่องราวที่หลากหลาย เพราะร้อยละ 99 ของนิทานประกอบหนังสือภาพ ศิลปินนั้นสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้ศิลปะเป็นสื่อ การที่เด็กได้ฟังหรืออ่านนิทานเหล่านี้ ก็เหมือนกับการระบายความรู้สึกในใจออกมา และหนังสือเหล่านี้ยังให้แง่คิดในเรื่องของการพลัดพราก ผี ปีศาจ และความตาย ที่จะเป็นส่วนหนึ่งให้เด็กซึมซับและเรียนรู้

ช่วงอายุ 3 – 7 ปี ปีทองของพัฒนาการด้านภาษา

1. เด็กมีแรงจูงใจในตนเองที่จะใช้ภาษา เพื่อสื่อสารกับบุคคลรอบข้างตลอดเวลา เพราะต้องการหาความหมาย

2. สมรรถภาพทางความคิดดีขึ้น ยิ่งคิดได้ ยิ่งถาม ยิ่งพูด ยิ่งเชื่อมโยงความหมายเดิม เข้ากับความหมายใหม่ ยิ่งทำให้เกิดจินตนาการ

3. เด็กพร้อมทำความเข้าใจเรื่องนามธรรม อย่างเรื่อง ความคิด อารมณ์ นิสัย เป็นเรื่องท้าทายให้เด็กเริ่มค้นหาความหมาย ช่วยกระตุ้นให้เด็กช่างถามมากขึ้น ช่างพูดมากขึ้น

4. มีสมรรถภาพทางกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสดีมากขึ้น ยิ่งได้ออกไปประสบกับสิ่งใหม่ ๆ ยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย ทำให้ช่างถาม ช่างพูด

อ่านนิทานก่อนนอน
อ่านนิทานก่อนนอน

การอ่านกับการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้า (EF)

“EF (Executive Function) หรือ ทักษะการพัฒนาสมองส่วนหน้า” เป็นกระบวนการที่ใช้กำกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ อีกทั้งยังเป็นทักษะที่สำคัญต่อความสำเร็จในการเรียน การงาน การอยู่ร่วมกับเพื่อน การคิดสร้างสรรค์ และการจัดการทุกด้านตลอดชีวิต เรียกได้ว่า EF เป็นการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางเชาว์ปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตนเองตั้งไว้

นพ.ประเสริฐ ได้อธิบายการ อ่านนิทาน กับการพัฒนา EF ว่า เนื้อหาในหนังสือนิทานไม่ได้เป็นส่วนสร้าง EF ไปเสียทั้งหมด แต่เกิดจากการที่พ่อแม่อ่านให้ลูกฟัง หรือเกิดจากลูกสามารถอ่านได้ด้วยตัวเอง EF จะต่อยอดได้ต้องเกิดจากการใช้การอ่านเป็นสื่อกลางในการพัฒนา เช่น การถามตอบ การชื่นชมเมื่อลูกตอบถูก ให้ลูกมีส่วนร่วมในการอ่าน ลำดับเรื่องราว ชวนคิด ชวนตั้งคำถาม เป็นต้น

สิ่งที่ได้จากการอ่าน จาก นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

– การอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษ จะทำให้สมองรับสัญญาณจากนิ้วมือที่ข้างซ้ายคอยทำหน้าที่จับรวบเล่มหนังสือ ส่วนนิ้วมือข้างขวาจะคอยทำหน้าที่แตะกระดาษเพื่อรอเปลี่ยนหน้าถัดไป การอ่านหนังสือที่เป็น Book Print จะทำให้นิ้วมือผู้อ่านได้สัมผัสกระดาษตลอด ซึ่งตรงนี้จะทำให้สมองจับสัญญาณ และจดจำได้ว่าเนื้อหาที่อ่านมาแล้วอยู่ช่วงใด อยู่บทใด หน้าใด ย่อหน้าใด

– หนังสือนิทาน เมื่อซื้อมาแล้วไม่ว่าจะมีราคาเท่าใด จะเกิดความคุ้มค่าในตัวก็ต่อเมื่อ เด็กได้ฟังหรืออ่านในทุก ๆ วัน

7 เคล็ดลับในการ อ่านนิทานกล่อมนอน

  1. เริ่มอ่าน…ยิ่งไว ยิ่งดี คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกพูดได้ หรือเข้าใจภาษาก่อน จึงเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟัง แต่สามารถเริ่มอ่านให้ลูกฟังได้ตั้งแต่แรกเกิด หรืออาจเริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้เลย ถึงแม้ลูกจะยังไม่เข้าใจความหมาย แต่สมองของลูกจะเริ่มเรียนรู้ และพัฒนาผ่านน้ำเสียงของคุณพ่อคุณแม่ จากเสียงสูงต่ำของคำต่างๆ รวมไปถึงสัมผัส หรืออ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่ในขณะที่ เล่านิทาน ให้ลูกฟัง
  2. อ่านอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการ อ่านนิทาน อย่างสม่ำเสมอ โดยอาจใช้วิธีกำหนดเวลาเดิมๆในทุกๆวัน เช่น หลังอาหารมื้อเช้า หลังจากนอนกลางวัน หรือก่อนนอนในเวลากลางคืน โดยอาจเริ่มจากการ อ่านนิทานสั้นๆ แล้วค่อยๆเพิ่มความยาวไปตามวัยและความสนใจของลูก ทำทุกวันจนเป็นกิจกรรมประจำของครอบครัว ทั้งนี้ในขณะอ่านนิทานให้ลูกฟัง ควรปิดสื่อต่างๆที่อาจรบกวนสมาธิ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หรือโทรศัพท์
  3. ใส่น้ำเสียงไปตามเรื่องราวของนิทาน การใช้เสียงไปตามตัวละครจะช่วยทำให้ลูกมีความสนใจและสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องของนิทาน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังไม่เข้าใจภาษามากนัก การใช้น้ำเสียงจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกได้เป็นอย่างดี
  4. เลือกนิทานที่เหมาะสม หานิทานที่เหมาะกับวัย พัฒนาการ พื้นนิสัย และประสบการณ์ชีวิตของลูก คุณพ่อคุณแม่จะเป็นผู้ที่รู้จักลูกดีที่สุด ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องหานิทานที่เหมาะสมกับลูกของเราให้พบ
  5. กระตุ้นให้ติดตาม ในระหว่างอ่านนิทานหรือเมื่ออ่านจบแล้ว ชวนลูกถามตอบ เช่น “หมูอยู่ไหนน้า?” “นี่ตัวอะไร?” “อันไหนสีชมพู?” “ถ้าเป็นหนู จะทำอย่างไร?” อาจให้ลูกเป็นฝ่ายตั้งคำถามกับเราบ้าง หรืออาจเชื่อมโยงนิทานกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน นิทานบางเรื่องสอดแทรกบทเรียนที่เป็นประโยชน์ เช่น การไปโรงเรียน การแปรงฟัน ซึ่งบางครั้งลูกเชื่อหนังสือมากกกว่าเชื่อคุณพ่อคุณแม่เสียอีก ดังนั้นการเลือกหนังสือที่จะอ่านให้ลูกฟังจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  6. จำนวนไม่ใช่ปัญหา การอ่านนิทานให้ลูกฟังเยอะๆ บ่อยๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือจำนวนมากๆ เพราะสิ่งนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความสำเร็จของลูก แต่เป็น “เวลาคุณภาพ” ที่คุณพ่อคุณแม่นั่งอ่านหนังสือกับลูกต่างหาก คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบหนังสือนิทานเล่มเดิมๆมาอ่านซ้ำๆได้ ตราบใดที่ลูกยังมีความสุขกับการได้ฟังนิทานเรื่องเดิมๆที่เล่าโดยคุณพ่อคุณแม่ที่มอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้กับลูกในขณะอ่านนิทาน
  7. อ่านได้ทุกที่ นอกจากหนังสือนิทานแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกอ่านหรือสังเกตคำต่างๆรอบตัว เช่น ป้ายชื่อร้าน ป้ายบอกทาง สลากสินค้า ตามระดับความสามารถของลูก โดยอาจเชื่อมโยงกับเรื่องราวหรือคำที่เหมือนในหนังสือนิทานที่ได้อ่านให้ลูกฟัง

เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้ถึงประโยชน์ต่างๆจากการอ่าน นิทานกล่อมนอน ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวมข้อมูลมาฝากนี้แล้ว รีบไปหาหนังสือนิทานที่เหมาะกับลูกน้อยมาอ่านให้เค้าฟังคืนนี้กันนะคะ

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

นิทานเจ้าหญิง นิทานเสริมสร้างจินตนาการสำหรับลูกสาว

10 นิทานอีสปสั้นๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน พร้อมคติสอนใจ

5 นิทานพื้นบ้าน ซึมซับความเป็นไทย พร้อมคติสอนใจ!!

นิทานกระต่ายกับเต่า สอนลูกผ่านนิทานอีสปสนุกๆ!!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thaihealth.or.th, https://www.matichon.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่

จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่ สถาบันแห่งความสำเร็จที่พาฝันของเด็กไทย สู่เส้นทางนักร้องมืออาชีพได้ดั่งตั้งใจ

Alternative Textaccount_circle
event
จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่
จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่

อยากเป็นศิลปินมืออาชีพที่ครองใจคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่  เปิดตัว จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่  สถาบันที่ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเพื่อมุ่งสู่การสร้างศิลปินมืออาชีพ  ด้วยคณะครูที่มีรางวัลการันตีระดับโลก  และทีมงานที่มีความชำนาญ ที่จะมาช่วยขัดเกลา บ่มเพาะ เติมเต็มความรู้ความสามารถให้เด็กรุ่นใหม่ที่มีความฝันได้ก้าวไปสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพที่เป็นจริงได้

จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่

คุณนรมน ชูชีพชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า

“จากประสบการณ์ของแกรมมี่ในการผลิตศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ถึงเวลาแล้วที่แกรมมี่จะพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ ให้ก้าวเข้าสู่วงการเพลงในฐานะศิลปินมืออาชีพ จึงเปิดตัว “จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่” ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนวิชาชีพศิลปินด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยหลักสูตรเข้มข้นเฉพาะทาง เน้นการพัฒนาทักษะและศักยภาพให้เป็นไปตามตัวตนของศิลปินเพื่อดึงเสน่ห์ในแต่ละคนออกมา เราจำลองบรรยากาศการเรียนเหมือนโรงเรียน มีรุ่นพี่รุ่นน้อง มีการสอบวัดผลหลักสูตรโดยคณะครูผู้สร้างศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย

หากวันนี้คุณมีฝันที่จะเป็นศิลปิน อยากให้ทุกคนกล้าที่จะเดินเข้ามาที่จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่ เราคือประตูที่ชัดเจนและง่ายที่สุดสำหรับคนที่อยากเป็นศิลปิน เรามีออดิชั่นทุกเดือน หากผ่านการออดิชั่นแล้วสามารถเข้าเรียนหลักสูตรนี้ได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเมื่อถึงวันหนึ่งที่น้อง ๆ พร้อม สามารถจะก้าวไปสู่การเป็นศิลปินได้อย่างเต็มตัว อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของแกรมมี่ที่มีคณะครูผู้สอนและทีมงานที่จะช่วยทำให้สิ่งนี้เป็นจริงได้ ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันส่งเสริมลูกหลานให้ได้ทำในสิ่งที่รัก โดยจีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่จะช่วยเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาให้ลูกหลานของคุณประสบความสำเร็จกับการเป็นศิลปินมืออาชีพได้จริงค่ะ”

คุณธนบูลย์ คูรอย ผู้อำนวยการฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า

“ปัจจุบันเรามีศิลปินฝึกหัดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นป๊อปสตาร์  ไอดอล และไทดอล  ที่กำลังเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวพัฒนาไปสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งในทุก ๆ ขั้นตอนเรามีการประเมินผลเพื่อให้น้องทุกคนต้องผ่านมาตรฐานInternational Quality Training Program แปลว่า ศิลปินทุกคนที่เราพัฒนาต้องได้มาตรฐานสากลระดับโลก ดังนั้นการจะไปสู่ขั้นตอนนั้นได้ต้องประกอบไปด้วย บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถรวมไปถึงทีมงานที่เก่ง พรั่งพร้อมไปด้วยประสบการณ์ ที่สำคัญหลักสูตรการเรียนการสอน  ต้องได้มาตรฐานสามารถพัฒนาศักยภาพของคนให้ออกมาได้อย่างมีคุณภาพ แบ่งเป็นสองส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนแรกสำหรับศิลปินฝึกหัด เพื่อปูพื้นฐานและพัฒนาไปสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพ  ส่วนที่สองสำหรับศิลปินทั่วไป  หรือกลุ่มศิลปินฝึกหัดที่มีผลงานเดบิ้วท์แล้ว จะเห็นได้ว่าสถาบันของเราวางหลักสูตรให้ศิลปินได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ไม่ได้สอนแค่ทักษะพื้นฐานในการเป็นศิลปินเท่านั้น แต่ยังสอนทักษะต่าง ๆ ที่ศิลปินมืออาชีพควรจะมี อาทิ ความเป็นมืออาชีพเมื่อทำงานร่วมกับผู้อื่น, ความมีระเบียบวินัย, การพัฒนาจุดแข็ง และเรียนรู้จุดด้อยของตัวเอง, การสื่อสารที่ดี, การดูแลตัวเอง, ความคิดสร้างสรรค์ในการทำโชว์ ฯลฯ จะเห็นได้ว่าหลักสูตรค่อนข้างครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน

จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่

ต้องยกเครดิตให้กับคุณครูผู้วางหลักสูตรทั้ง 2 ท่าน คือ ครูเจ-วิทวัส วีระญาโณ จบหลักสูตรด้านการสอนร้องเพลงจาก 5 สถาบันในต่างประเทศ เป็นคนแรกของเอเชียที่ได้อันดับ 1 จากการสอบ PANEL TEST ของสถาบัน INSTITUTE FOR VOCAL ADVANCEMENT จากอเมริกา และครูเจด้า-อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง ผู้ออกแบบออกแบบท่าเต้นให้ศิลปินชื่อดังมากมาย และยังได้รับรางวัล Best Choreographer of the year จากงาน Mnet Asia Music Awards 2016 เป็นกรรมการในการแข่งขัน The World Hip Hop Dance Championship HIPHOP International เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ พรั่งพร้อมด้วยผลงาน และรางวัลการันตีมากมาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์การทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกในรอบออดิชั่นและได้เข้ามาอยู่ใน จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่ จะได้รับการสอนในหลักสูตรที่มีคุณภาพจากทีมครูที่พร้อมจะมอบความรู้ และทักษะต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานระดับโลกให้กับน้อง ๆ ทุกคน เพราะจีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่มีเป้าหมายว่า ทุกคนที่จบจากเราจะต้องเป็นศิลปินที่เก่งเทียบเท่าศิลปินระดับสากล ที่สำคัญต้องเป็นศิลปินมืออาชีพที่เดินทางบนเส้นทางสายนี้ได้อย่างยั่งยืนครับ”

ด้วยประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพของแกรมมี่ บวกกับหลักสูตรที่เข้มข้น รวมทั้งคณะครูที่มีคุณภาพ มั่นใจได้ว่าทุกคนที่ผ่านการออดิชั่นและได้เข้ามาเรียนจะได้มีโอกาสเดินตามฝันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพได้ไม่ไกลเกินเอื้อม

น้อง ๆ ที่สนใจสมัครออดิชั่นและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับจีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่สามารถสมัครผ่านทาง LINE OFFICIAL @GMMACADEMY ได้ที่ https://bit.ly/GMMACADEMY และติดตามข่าวสารของ จีเอ็มเอ็ม อะคาเดมี่ ผ่านช่องทาง Social media ดังต่อไปนี้

FACEBOOK :   https://www.facebook.com/GMM-Academy-112374444850254

IG :  https://www.instagram.com/gmmacademy_official/

TWITTER :  https://twitter.com/gmm_academy

TIKTOK : https://www.tiktok.com/@gmmacademy

วิธีรับมือเมื่อลูกมี พฤติกรรมเลียนแบบ

Alternative Textaccount_circle
event

พฤติกรรมเลียนแบบ ของเด็กกำลังโต ทำอย่างไรถ้าลูกอยู่ท่ามกลางคนรอบตัวที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม มาฟังคุณหมอแนะนำการปรับพฤติกรรมลูกอย่างไรไม่ให้ชีวิตสะดุด

วิธีรับมือเมื่อลูกมี พฤติกรรมเลียนแบบคนรอบข้าง

ลูกชอบเลียนแบบ พฤติกรรมนี้พ่อแม่มักพบได้ในเด็กวัยหัดเดิน เพราะสำหรับเด็กวัยนี้ การเลียนแบบถือเป็นก้าวสำคัญในการเรียนรู้ การเลียนแบบของเด็กมีความสำคัญต่อการพัฒนาความสามารถตั้งแต่ภาษาไปจนถึงทักษะทางสังคม

พฤติกรรมเลียนแบบ สามารถอธิบายตามแนวคิดและทฤษฎีจิตวิทยาของบันดูราได้ว่า การเรียนรู้ของมนุษย์ส่วนมากนั้นเป็นการสังเกตจนเกิดการเลียนแบบ เพราะมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเด็กจะเห็นพ่อ แม่ เพื่อน หรือแม้กระทั่งบุคคลจากสื่อต่าง ๆ ทำพฤติกรรมเช่นใด เด็กจะซึมซับพฤติกรรมนั้นมา เช่น เด็กผู้ชายเห็นแม่ทาลิปสติก และสวมรองเท้าส้นสูง เด็กจะเกิดการเรียนรู้ และเริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบแม่ โดยการนำลิปสติกมาทาที่ปาก และสวมรองเท้าส้นสูงของแม่ หรือลูกสาวกำลัง “โกนหนวด” กับพ่อ “ตอนอายุ 1 ขวบ ซึ่งผู้ใหญ่มักจะตีความพฤติกรรมตามแบบสังคม แต่เด็กวัยหัดเดินทำในสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ได้มีความหมาย

เด็กหญิงมี พฤติกรรมเลียนแบบ แม่ เด็กชาย พฤติกรรมเลียนแบบ พ่อ
เด็กหญิงมี พฤติกรรมเลียนแบบ แม่ เด็กชาย พฤติกรรมเลียนแบบ พ่อ

แค่เลียนแบบ ใช่เบี่ยงเบน!! : อัตลักษณ์ทางเพศมักไม่ปรากฏจนกว่าจะอายุ 3 ขวบ

กรณีที่พฤติกรรมนั้นไม่เหมาะกับช่วงวัย หรืออัตลักษณ์ทางเพศของเด็ก ส่วนมากพฤติกรรมการเลียนแบบ มักเป็นการซึมซับจากพ่อแม่ หรือคนในครอบครัว ซึ่งเกิดจากความใกล้ชิด และเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่น อยากทาลิปสติกหรือสวมรองเท้าส้นสูงเหมือนคุณแม่ บางพฤติกรรมอาจทำให้พ่อแม่กังวลใจว่าลูกจะเป็นเด็กที่โตเกินตัว หรือในเด็กผู้ชายพ่อแม่ก็อาจกลัวว่าลูกจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ แต่ในความเป็นจริงแล้วส่วนมากหากเกิดกับเด็กเล็ก ๆ ช่วง 3-4 ขวบ มักเป็นเรื่องปกติ และไม่ส่งผลเสียในระยะยาว เพราะเมื่อเด็กโตขึ้นจะมีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่ามาแทนที่ตามวัยของเด็ก เช่น เพื่อน การเรียน กิจกรรมบางอย่าง เป็นต้น ส่งผลให้พฤติกรรมเลียนแบบคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องดังกล่าวหายไปเองตามธรรมชาติ

ทารกแรกเกิดจำนวนมาก เลียนแบบการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น แลบลิ้น แต่การเลียนแบบโดยเจตนา หรือความตั้งใจของเด็กเองนั้น เริ่มต้นที่อายุ 1 ขวบ Howard Klein, MD, ผู้อำนวยการด้านพฤติกรรมกุมารเวชศาสตร์ที่โรงพยาบาล Sinai ในบัลติมอร์กล่าวว่า “เด็กอายุ 1 ขวบเข้าใจว่าการกระทำที่เขาทำเลียนแบบนั้นมีความสำคัญ”

การเลียนแบบมีทั้งด้านบวก+ และด้านลบ-

พฤติกรรมเลียนแบบ ถือเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของเด็กที่เป็นไปได้ทั้งด้านบวก และด้านลบ เด็กส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัยกำลังเติบโตมักมีพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง หรือคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเด็กเอง

จากทักษะการเรียนรู้เลียนแบบ และปฏิบัติตาม นำไปสู่พฤติกรรมที่สร้างความเป็นตัวตนแก่ลูก พฤติกรรมการลอกเลียนแบบที่ไม่เหมาะสมซึ่งเด็กแสดงออกบ่อยครั้ง จะเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่ผิด ๆ ให้กับตัวเด็ก และจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การระบุอัตลักษณ์แห่งตน” หรือ Self-identification กล่าวคือ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ถูกปลูกฝังและหยั่งรากลึกเข้าไปในจิตใจและตัวตนของเด็ก ทำให้เด็กเข้าใจว่านี่คือพฤติกรรมที่บ่งบอกอัตลักษณ์ และความเป็นตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เช่น เมื่อได้รับการตอกย้ำว่าเด็กคนนั้น “แย่” “เกียจคร้าน” “น่ารังเกียจ” เป็นต้น ช่วงเวลาแห่งการวางรากฐานแห่งการเป็นตัวตน (Formative time of ego development) เป็นช่วงที่จิตใจเด็กเปราะบาง เด็กจะยินยอม และรับฟังในสิ่งที่สังคมต่อว่าหรือประณามพวกเขาทั้งหมด และอาจเชื่อตามนั้นได้โดยทันที

เด็กแต่งหน้าทาปาก ตามแม่
เด็กแต่งหน้าทาปาก ตามแม่

พฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อลูก ได้แก่

  • พฤติกรรมก้าวร้าว พฤติกรรมนี้มักเลียนแบบมาจากครอบครัวที่มีความรุนแรงทั้งการทะเลาะ หรือการดุด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อกัน หากเด็กเห็นจะเกิดการซึมซับ และมองว่าวิธีดังกล่าวสามารถใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้  พฤติกรรมการแสดงออกที่ก้าวร้าวจะบั่นทอนพัฒนาการด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient/ Emotional Intelligence) ทำให้เด็กเข้ากับผู้อื่นในสังคมได้ยาก ขาดเพื่อนฝูง จนกระทั่งกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม (Sociopath) และอาจเข้าหากลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมเหมือนๆ กัน เพื่อหาที่พึ่งทางใจ และเพื่อต้องการความเห็นใจจากคนรอบข้าง
  • พฤติกรรมการสนใจสื่อที่มีความรุนแรง เมื่อเด็กมีอายุน้อย และเข้าถึงสื่อออนไลน์เร็วเกินไป โดยผู้ปกครองต้องการเพียงให้เด็กอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมา ทำให้เด็กรับสื่อที่มีความรุนแรงมากเกินไป และแยกแยะไม่ได้ว่าสิ่งไหนไม่ควรทำ รวมถึงความใจร้อนไม่สามารถรอคอยเวลาได้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก มักจะปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อต่าง ๆ เหล่านี้เพียงลำพัง เด็กก็จะบริโภคสื่อต่าง ๆ ผ่านการเรียนรู้หรือประสบการณ์ที่เขามีอยู่โดยขาดคำแนะนำที่เหมาะสม หรือบ่อยครั้งที่ผู้ปกครองมักปลอบใจ หรือให้รางวัลลูกน้อยด้วยการมอบอุปกรณ์สมัยใหม่ เช่น ไอโฟน เกมกดที่สามารถพกพาไปทุกหนทุกแห่ง สิ่งล่อใจเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้กับเด็กได้ก็จริง แต่ก็ยังเป็นสื่อสังคมตัวฉกาจที่ลวงล่อให้เด็ก ๆ เริ่มกระทำสิ่งไม่เหมาะสม ไปจนถึงการเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาสู่ชีวิตที่อาจเป็นภัยอันตรายได้
  • พฤติกรรมการลักขโมย เด็กเลียนแบบผู้ปกครองหรือคนในบ้านที่หยิบสิ่งของผู้อื่นมาใช้แล้วไม่คืน การกระทำเช่นนี้มีผลให้เด็กมองว่าเป็นเรื่องปกติด้วยเช่นกัน
  • พฤติกรรมการโกหก เกิดจากการล้อเลียน หรือหยอกล้อ แกล้งคนรอบตัวไม่ใช่แค่คนในครอบครัวแต่รวมถึงสังคมเพื่อนด้วย หากไม่มีการอธิบายให้เด็กฟังว่าทำไมถึงโกหก เด็กจะเข้าใจว่าการพูดโกหกไม่ใช่สิ่งที่ผิด และอาจติดเป็นนิสัยได้
  • พฤติกรรมการใช้สิ่งเสพติด หากเด็กได้เห็นพฤติกรรมของคนรอบข้างที่ใช้สารเสพติด หรือสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถส่งต่อพฤติกรรมมาสู่เด็กได้ทำให้เด็กเลียนแบบ และส่งผลเสียทำให้ติดสารเสพติดในเวลาต่อมา
พฤติกรรมก้าวร้าว อีกหนึ่ง พฤติกรรมเลียนแบบ ด้านลบ
พฤติกรรมก้าวร้าว อีกหนึ่ง พฤติกรรมเลียนแบบ ด้านลบ

ควรทำอย่างไร เมื่อมีลูกในวัยเลียนแบบ!!

  • เป็นแบบอย่างที่ดี เพราะพ่อแม่ของเด็กวัยหัดเดินมักอยู่ภายใต้การสังเกตของลูกอยู่เสมอ พวกเขามักทำตามพ่อแม่เป็นเรื่องปกติ ประจำวัน ในช่วงการพัฒนาที่สำคัญนี้ การสร้างแบบจำลองพฤติกรรมที่ดีที่สุดของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การรับประทานอาหารที่ดี หรือการเลิกบุหรี่ ยาเสพติด ให้พ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูนำพฤติกรรมเชิงบวกมาใช้ ผู้ปกครองควรรู้จักขจัดนิสัยไม่ดีของตนเองออกไปเสียก่อน โดยการควบคุมวาจา อารมณ์และการกระทำให้เหมาะสมต่อหน้าลูก
  • ลบความคิดที่ว่า “เขายังเป็นเด็ก” หากลูกมีพฤติกรรมเลียนแบบที่ไม่เหมาะสม อย่ามองว่าเป็นสิ่งน่ารักหรือตลกขบขัน ให้ตักเตือนเขา เด็ก 2 ขวบไม่มีความเข้าใจใน “เวลาและสถานที่ที่เหมาะสม” สำหรับพฤติกรรมบางอย่าง และพ่อแม่ควรยกแบบอย่างพฤติกรรมที่ดีและเหมาะสมแก่วัยของเขา อาจนำตัวการ์ตูนโปรดหรือดาราที่เขาชื่นชอบมายกตัวอย่างประกอบพฤติกรรมที่น่าชื่นชม ให้ลูกได้เลียนแบบแทน
  • ควบคุมจำกัดเวลาในการใช้สื่อออนไลน์ และเด็กเล็กควรมีพ่อแม่ ผู้ใหญ่นั่งดูด้วยกันเพื่อคอยแนะนำในสิ่งที่เหมาะสม และไม่เหมาะสม แต่มิได้หมายความว่าให้งดโดนเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น แอบไปดูสื่อที่ไม่เหมาะสมเอง เด็กที่ยังขาดภูมิคุ้มกัน เมื่อเขาแอบไปดูเพียงลำพังจะทำให้ขาดคำแนะนำในการรับสื่อ ซึ่งยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีก

    สื่อออนไลน์รุนแรง เด็กเลียนแบบ
    สื่อออนไลน์รุนแรง เด็กเลียนแบบ
  • เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อจำเป็น คุณพ่อคุณแม่อาจป้องกันปัญหาเบื้องต้นได้ในช่วงที่ลูกแสดงออกถึงพฤติกรรมดังกล่าว โดยการไม่แสดงความสนใจ ไม่ชื่นชมยกย่อง หรือพยายามแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมเหล่านั้นไม่ได้ดีเสมอไป และพยายามเบี่ยงเบนหากิจกรรมอื่น ๆ ให้ลูกทำเพื่อไม่ให้เขาสนใจในปัญหาดังกล่าวอีกต่อไป
  • ควรพยายามถามไถ่ถึงกิจกรรมที่ลูกทำในแต่ละวันที่โรงเรียนหลังเลิกเรียน เพื่อสำรวจพฤติกรรมความสนใจของลูก และเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นประจำวันอีกด้วย
  • การเลียนแบบศิลปินคนดัง เราสามารถมองในด้านดีได้ โดยลูกแสดงให้เห็นถึงความสนใจของตัวเขา พ่อแม่จะได้รับรู้ถึงพรสวรรค์ของลูก หรือความสามารถพิเศษที่ลูกชื่นชอบ เราสามารถส่งเสริม ผลักดันให้ลูกได้เกิดเป็นพฤติกรรมด้านบวกได้

พ่อแม่ต้องพยายามใกล้ชิดเด็กให้มากๆ ทุกช่วงวัย โดยในแต่ละช่วงวัยก็จะมีการแสดงออกถึงความใกล้ชิดที่แตกต่างกันออกไป หากเป็นเด็กเล็กที่ต้องการความรักความอบอุ่น พ่อแม่ก็ควรให้ในส่วนนี้มากๆ แต่ถ้าหากเด็กเริ่มโต เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ในระดับหนึ่ง การแสดงออกถึงความใกล้ชิดก็จะเปลี่ยนเป็นการพูดคุยแทน เพื่อแชร์ข้อมูลของเด็ก และสั่งสอนไปในตัว และไม่ควรกังวลมากเกินไปจนเผลอซักไซร้หรือควบคุมเด็กมากนักจนเด็กรู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจที่จะเปิดใจคุยกับพ่อแม่ในเรื่องต่าง ๆ

ข้อมูลจาก
รศ. พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

รับมือปู่ย่าตายายอย่างไรไม่ให้สะดุด เมื่อลูกมีพฤติกรรมเลียนแบบด้านลบ

เมื่อพ่อแม่เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับพฤติกรรมเลียนแบบของลูกกันแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องกังวลสำหรับบางครอบครัว ที่เป็นครอบครัวขยาย ลูกได้รับการเลี้ยงดูจากหลายรุ่น การทำความเข้าใจกับปู่ย่าตายายที่ร่วมเลี้ยงดูเด็กจึงเป็นสิ่งจำเป็น

พฤติกรรมเลียนแบบด้านลบ หรือพฤติกรรมแย่ ๆ ที่มาจากปู่ย่าตายายนั้น อาจไม่ได้มาจากการเลียนแบบพฤติกรรมทางตรงจากท่าน แต่โดยมากมักเป็นการให้การเสริมแรง หรือการตามใจหลาน ๆ ในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นเสียมากกว่า โดยมักมีเหตุผลว่า “เขายังเด็ก” “น่ารักดีออก” เป็นต้น

ขอบเขตการเลี้ยงดู

เมื่อครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวที่มีผู้เลี้ยงดูมากกว่าหนึ่งคน หรือคุณกับลูกตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้ใหญ่เชียร์ เสริมแรงต่อพฤติกรรมไม่ดี ไม่เหมาะสมให้กับลูกคุณ สิ่งที่พ่อ หรือแม่ควรรับมือ คือ สร้างขอบเขตการเลี้ยงดู โดยมีแนวทางดังนี้

  • พูดคุยทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวให้ไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ทะเลาะขัดแย้งกันต่อหน้าเด็ก
  • แสดงความชัดเจน และแน่วแน่ต่อแนวทางการเลี้ยงดูของเรา อย่างสุภาพ เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมให้ญาติผู้ใหญ่เหล่านั้น ทำตามที่เราตกลงกันไว้ได้ แม่อย่างคุณต้องพกความแน่วแน่ชัดเจน ที่จะไม่ยอมให้เกิดการเสริมแรงพฤติกรรมที่แย่ ๆ นั้นต่อไป อย่างสุภาพ โดยการพาลูกออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ได้
  • สอน อธิบายลูกถึงผลของการทำพฤติกรรมแย่ ๆ เหล่านั้น โดยไม่ไปกล่าวโทษปู่ย่าตายาย หรือญาติผู้ใหญ่ให้ลูกฟัง
  • เข้มแข็งไว้ คุณอาจจะต้องกระทำการปกป้องลูกจากการเสริมแรงพฤติกรรมที่แย่ ๆ จากผู้ใหญ่มากกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากว่าผู้คนเหล่านั้นจะยังคงไม่ยอมทำตามแนวทางของคุณ จนกว่าเขาจะเห็นด้วย และเชื่อตาม
รับมือพฤติกรรมด้านลบจากปู่ย่าตายาย
รับมือพฤติกรรมด้านลบจากปู่ย่าตายาย

แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะดูเหมือนเป็นการยุ่งยากลำบากใจ แต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า พ่อแม่เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับลูก พฤติกรรมของคุณสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ และการพัฒนาของเขา การที่เราแน่วแน่ ปกป้องลูกเป็นการดีกับลูก และต่อคุณในระยะยาวมากกว่าการเกรงใจยึดความสัมพันธ์ไว้ ดีกว่าต้องมานั่งแก้ไขพฤติกรรมของเขาในตอนโต หรือเป็นการยากที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแย่ ๆ ของลูกทำให้เขาต้องเผชิญกับภาวะที่เลวร้ายเพียงลำพังเมื่อโตขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง Rama Channel /www.petcharavejhospital.com /mcpswis.mcp.ac.th/www.parents.com 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ลูกเลียนแบบพ่อแม่ พฤติกรรมเลียนแบบของเด็กสั่งจากสมอง! หนูรู้ หนูจำได้

สีกระเป๋าตามวันเกิด ปี 2565 เสริมให้ชีวิตปังๆ เงินเข้ารัวๆ

ฝีดาษลิงติดยังไง คำถามควรรู้เมื่อพบผู้ป่วยรายแรกในไทย!

CPR ช่วยชีวิตลูกจากการสำลัก ของติดคอ หากลูกหมดสติ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ของใช้เด็กแรกเกิด

เช็กลิสต์ 12 ไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด คุณแม่มือใหม่จำเป็นต้องมีไว้ดูแลลูกน้อยแรกเกิด

Alternative Textaccount_circle
event
ของใช้เด็กแรกเกิด
ของใช้เด็กแรกเกิด

การจะได้เป็นแม่คนโดยเฉพาะกับท้องแรกนี่ต้องเรียกว่าเป็นความตื่นเต้นครั้งหนึ่งของชีวิตเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่คงต้องรับมือกับความกังวลทั้งหลายกันจนวุ่นวายไปหมด ทีมกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงเตรียมเช็กลิสต์ ไอเทมจำเป็น ของใช้เด็กแรกเกิด ที่คุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมให้พร้อม เพื่อรอต้อนรับการออกมาดูโลกของเจ้าตัวน้อย ลองดูว่า 12 ไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด นี้จะมีอะไรบ้าง ไอเทมเด็กแรกเกิด ชิ้นไหนยังไม่มีคุณแม่ก็ชวนคุณพ่อ หรือจูงมือคุณเพื่อนออกไปช้อปปิ้งกันได้เลยค่ะ

12 ของใช้เด็กแรกเกิด ที่ขาดไม่ได้
ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมใช้

ของใช้เด็กแรกเกิด

1. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป Applecrumby

ขาดไม่ได้สำหรับลูกน้อยแรกเกิดก็คือผ้าอ้อมที่คุณแม่ต้องตุนเตรียมไว้เลยตั้งแต่ก่อนคลอด  ผ้าอ้อมสำเร็จรูป Applecrumby  แบรนด์ น้องใหม่ที่เกิดจากความตั้งใจของพ่อแม่ อยากทำผ้าอ้อมคุณภาพดี ทำจากวัตถุธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อลูกน้อย จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ทั้ง คุณสมบัติพิเศษสามารถซึมซับได้ดี แต่ยังอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากคลอรีน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ผดผื่น และระคายเคืองแก่ผิวบอบบาง มีให้เลือกใช้กับลูกทุกวัย ด้วยความที่เป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวสมัยใหม่ ทั้งเรื่องคุณภาพ ราคา และคุณสมบัติของผ้าอ้อม จึงได้รับผลิตภัณฑ์ดาวเด่น RISING STAR สาขา BEST DISPOSABLE DIAPERS จากงานประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021 เป็นผลิตภัณฑ์ใช้ดี มีคุณภาพที่ผ่านการคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/ApplecrumbyThailand/

ของใช้เด็กอ่อน

2. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ดีนี่ เพียว เบบี้โลชั่น ออร์แกนิค

บำรุงผิวลูกน้อยด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่ไว้วางใจ มาพร้อมส่วนผสมจากสารสกัดออร์แกนิคอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิวของลูกน้อย ผสานคุณค่าจากธรรมชาติ มีทั้งน้ำแร่ , ข้าวโอ๊ต , ดอกคาโมมายล์ และอโลเวล่า ซึ่งจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ตัวโลชั่นเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิวลูกน้อย ทั้งยังปราศจากสารพาราเบน และผ่านการทดสอบ Hypo-Allergenic Tested โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หมดห่วงเรื่องสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวที่บอบบางของลูกน้อยที่จึงได้รับการปกป้องทะนุถนอมเป็นอย่างดี ดีนี่ เพียว โลชั่น ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก สถาบัน EcoCert ประเทศฝรั่งเศส ดีนี่ เพียว ออร์แกนิค โลชั่นที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ที่สำคัญคือยังได้รับการันตีรางวัล NATURAL & ORGANIC สุดยอดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค และผลิตภัณฑ์จากส่วนธรรมชาติสำหรับเด็ก คัดเลือกจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จากงานประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยนะคะ คุณแม่มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยต่อลูกน้อยได้ค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.dnee.co.th/index.php/th/product/baby/baby-lotion/164-d-nee-pure-baby-lotion-organic

ของใช้เด็กแรกเกิด

3. ผลิตภัณฑ์บรรเทาหวัด Mama Tales Perfect Oil

ตัวช่วยสำคัญเมื่อเวลาลูกน้อยเกิดอาการเป็นหวัดคัดจมูก ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการคิดค้นเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ จึงอ่อนโยน ไม่ทำร้ายเยื่อบุโพรงจมูก ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เป็น Essential Oil Organic น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ ที่มีส่วนผสมทั้งสารสกัดหอมแดง ใบชิโซะ ใบชะพลู ลาเวนเดอร์ ดอกคาโมมายล์ ว่านหางจระเข้ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้หายใจโล่ง บรรเทาหวัด คัดจมูก นอกจากนี้กลิ่นหอมจากธรรมชาติยังช่วยบำบัดให้ผ่อนคลาย สามารถใช้ได้ทั้งสูดดม หยดบนผิว หยดบนเสื้อผ้า ไปจนถึงผสมน้ำอาบ มีหลายขนาดให้เลือกและยังใช้ได้ทั้งครอบครัว Mama Tales Perfect Oil เป็นหนึ่งในไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ที่เหมาะจะซื้อไว้ใช้ดูแลสุขภาพลูกน้อยมากค่ะ ที่สำคัญคือ Mama Tales Perfect Oil ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST NATURAL COLD REMEDIES PRODUCT FOR KIDS จากงานประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021 มาด้วยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://mamatalesbaby.com/PRODUCTS

ของใช้เด็กอ่อน

4. เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม SAKER

คุณแม่ไม่มีได้กับไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ชิ้นนี้ เป็นหนึ่งในของใช้เตรียมคลอดที่น่าซื้อเป็นของขวัญให้คุณแม่หลังคลอดที่สุดค่ะ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนมสำหรับคุณแม่ยุคใหม่จากแบรนด์ SAKER ที่สามารถกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ด้วยแสงยูวี พร้อมกับอบขวดนม จุกนมให้แห้งภายในไม่กี่นาที รวมถึงกลิ่นนมหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ออกไปจนหมด รูปลักษณ์สวยงาม ใช้ง่ายและปลอดภัย และด้วยเป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่และเด็กที่ใช้ดี มีคุณภาพแบบนี้ จึงได้รับคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ให้รางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BABY BOTTLE STERILIZER จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021 มีรางวัลการันตีแบบนี้ ต้องมีเครื่องฆ่าเชื้อขวดนม SAKER ติดบ้านไว้ใช้กันแล้วนะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://pumpnom.com/category/170/säker-เซเกอร์-แบรนด์สินค้าแนะนำ

ของใช้เด็กแรกเกิด คาร์ซีท Fico

5. คาร์ซีท Fico

คุณพ่อคุณแม่คงทราบดีอยู่แล้วว่าเวลาพาลูกน้อยออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเวลานั่งรถ จำเป็นต้องมีคาร์ซีทตามที่กฎหมายกำหนด จึงจำเป็นมากที่ต้องเลือกแบรนด์และรุ่นที่ไว้ใจได้ที่สุด ซึ่งคาร์ซีทรุ่นนี้เหมาะมากสำหรับเด็กน้อยตั้งแต่วัยแรกเกิดถึง 4 ขวบ มาพร้อมซัพพอร์ตที่หนานุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย มีระบบป้องกันการกระแทกด้านข้าง สายรัดกันกระแทกถึง 5 จุด พนักพิงยังสามารถปรับได้ 3 ระดับ สามารถติดตั้งได้ 2 ทิศทาง คือทั้งติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ และหันหน้าออกจากเบาะรถ ตามน้ำหนักตัวเด็ก ดีไซน์ให้รองรับรูปร่างเด็กได้จนถึง 4 ขวบ และยังราคาดี คุ้มค่าด้วย FICO คาร์ซีท ไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ได้รับการโหวตจากคุณแม่ทั่วประเทศว่าเป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กที่ใช้ดี มีคุณภาพ ปลอดภัยใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารก จนทำให้ได้รับการการันตีรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST CAR SEAT FICO จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม คาร์ซีท Fico รุ่น HB902

ของใช้เด็กแรกเกิด เป้อุ้มเด็ก Pognae

6. เป้อุ้มเด็ก Pognae

เป้อุ้มเด็กก็เป็นอีกไอเทมที่น่าสนใจสำหรับพาลูกน้อยออกนอกบ้าน ซึ่งแบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์ขายดีจากเกาหลี ดีไซน์ด้วยนวัตกรรมที่ใส่ใจในสรีระของลูกและคุณพ่อคุณแม่เวลาอุ้ม ช่วยให้ไม่ปวดหลัง คอ บ่า และไหล่ แม้จะอุ้มลูกเป็นเวลานาน จนได้รับการรับรองจากสถาบัน International Hip Dysplasia (IHDI) เป็นรายแรกของเกาหลี รองรับทั้ง M Shape U Shape ของลูก ช่วยให้หลังไม่งอ ขาไม่โก่ง นอกจากนี้วัสดุผ้ายังกันน้ำ แต่ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง โดยเฉพาะจุดที่มีเหงื่อเยอะอย่างช่วงหลังและก้นลูก สามารถปรับท่าอุ้มได้หลากหลาย มีระบบล็อคที่ปลอดภัย ซิปไร้เสียง ถอดซักทำความสะอาดง่าย เป้อุ้มเด็ก POGNAE ได้รับการันตีรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BABY CARRIER ที่ได้รับคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ให้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ใช้ดี มีคุณภาพ จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021 คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่พลาดที่ได้ใช้ไอเอม ของใช้เด็กแรกเด็กเกิด ชิ้นนี้กันนะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.pognae.in.th/

เครื่องนอนสำหรับทารก OXY Baby Mattress

7. เครื่องนอนสำหรับทารก OXY Baby Mattress

การซื้อที่นอนสำหรับลูกโดยเฉพาะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในด้านสุขภาพนะคะ OXY Baby Mattress ตัวนี้เรียกว่าเป็น เบาะนอนหายใจผ่านได้ ซึ่งสำคัญมากเพราะช่วยป้องกันความเสี่ยงโรค SIDS หรือโรคทารกไหลตายขณะนอนหลับ ตัวเบาะไม่สะสมความร้อน ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง ป้องกันผดผื่นจากความร้อนหรือความชื้นและไรฝุ่น มีความนุ่ม แน่น เด้ง ด้วยโครงสร้างคล้ายสปริง รองรับสรีระทุกสัดส่วน ตัดเย็บอย่างปราณีต ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารก โดยวัสดุได้การรับรองความปลอดภัย OEKO-TEX Standard 100 และยังซักทำความสะอาดได้ 100% เบาะนอนสำหรับเด็กที่ใช้ดี มีคุณภาพแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้รับการันตีด้วยรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BABY BEDDING PRODUCTS จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://oxybabythailand.com/product/oxy-baby-mattress/

คินดี้ โลชั่นกันยุง ออร์แกนิค

8. ผลิตภัณฑ์กันยุงสำหรับเด็ก คินดี้ โลชั่นกันยุง ออร์แกนิค

สำหรับคุณแม่ที่ระวังเจ้ายุงร้ายคอยรังควานลูกน้อย ผลิตภัณฑ์กันยุงจึงเป็นไอเทมจำเบ็นต้องมีพกไว้นะคะ ขอแนะนำโลชั่นกันยุง ออร์แกนิค จากคินดี้ แบรนด์ไทยที่ตั้งใจคิดค้นมาสำหรับลูกน้อยที่แพ้ง่ายโดยเฉพาะ เป็นสารสกัดธรรมชาติ Essential Oil ตะไคร้หอมที่มีประสิทธิภาพในการกันยุง กลิ่นหอม ไม่ฉุน ไม่ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วยสารสกัดธรรมชาติจากว่านหางจระเข้ ปราศจากสารอันตรายทั้ง DEET พาราเบน น้ำหอม ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ปกป้องลูกจากยุงได้นานสูงสุด 3 ชั่วโมง สามารถใช้ได้กับเด็กตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป คินดี้ โลชั่นกันยุง ออร์แกนิค เป็นไอเทมสำหรับเด็กการันตีว่าใช้ดี มีคุณภาพ ปลอดภัยกับเด็ก ๆ ทีมบรรณาธิการจึงคัดเลือกมอบรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST MOSQUITO REPELLENT FOR KIDS จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kindeekids.com/product/anti_mosquito/

น้ำยาล้างขวดนม Lamoon

9. น้ำยาล้างขวดนม Lamoon Organic Nipple & Bottle Cleanser

ลูกน้อยดื่มนมจากขวดทุกวันจึงจำเป็นมากที่ต้องดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี ขอแนะนำน้ำยาล้างขวดนม ละมุน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมที่ผลิตจากเอนไซม์ผลไม้ ช่วยขจัดคราบไขมันจากน้ำนมออกได้ง่าย แม้น้ำนมแม่ที่มีความมันมากกว่านมวัว ทั้งที่ติดกับขวดนม จุกนม และอุปกรณ์อื่นๆ สะดวกต่อการใช้งาน เนื้อฟองนุ่มละเอียด อ่อนโยนจากธรรมชาติ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้าง หรือสารที่จะก่อให้เกิดอันตราย ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และไม่ทิ้งคราบขาวหลังจากการนึ่งขวดนม มาพร้อมกับความหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ มั่นใจในทุกครั้งที่ทำความสะอาด ของใช้เด็กแรกเกิด ไอเทมสุดปังชิ้นนี้บอกเลยค่ะว่าได้รับการโหวตการันตีจากคุณแม่ทั่วประเทศ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทารกที่ใช้ดี มีคุณภาพ ปลอดภัย จนได้รับรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY BOTTLE AND NIPPLE CLEANSER จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.lamoonbaby.com/product/lamoon-organic-nipple-bottle-cleanser/

JESSIE MUM อาหารเสริมกระตุ้นน้ำนม

10. JESSIE MUM อาหารเสริมกระตุ้นน้ำนม

คุณแม่หลังคลอดลูกหากต้องการฟื้นฟูบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรงได้เร็ว ต้องมีตัวช่วยที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ Jessie Mum คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกระตุ้นน้ำนม ที่ช่วยให้คุณแม่หมดกังวลว่าจะไม่มีน้ำนม น้ำนมน้อย น้ำนมไม่มา มีไม่พอทำสต๊อกนมแม่อีกต่อไป JESSIE MUM เม็ดแคปซูลที่เต็มไปด้วยสมุนไพรธรรมชาติ 100 % ทำให้กินง่าย พกพาสะดวก ที่สำคัญยังได้รับการการันตีคุณภาพจากทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ได้รับรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BREASTFEEDING SUPPLEMENT จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.jessiemum.com

 

คอกกั้นเด็ก Hoyo ของใช้เด็กอ่อน

11. คอกกั้นเด็ก Hoyo

เรียกว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดถึงเด็กโตกันเลย คอกกั้นแบรนด์นี้จัดว่าสารพัดประโยชน์มาก ด้วยลักษณะเป็นแผ่นฟูกที่ยึดต่อกันด้วยตีนตุ๊กแกและซิป จึงปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบมาก เป็นได้ตั้งแต่เตียงนอนเด็กแรกเกิด พื้นที่เพลย์กราวนด์ ทั้งแบบมีคอกกั้นและไม่มีคอกกั้น ไปจนถึงโซฟาเบดให้นั่งเล่นดูทีวี วัสดุเป็นโฟมนุ่มแน่น ห่อหุ่มด้วยหนัง PU จากเกาหลี ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 100% มาพร้อมความแข็งแรงทนทาน ตัดเย็บปราณีต และยังทำความสะอาดง่าย มีหลายแบบหลายขนาดให้เลือกตามแต่คุณพ่อคุณแม่เลือกใช้งาน ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่อยากได้คอกกั้นเด็กคุณภาพดี เป็นพื้นที่ปลอดภัยและส่งเสริมพัฒนาการ เหมาะกับเด็กตั้งแต่ทารกแรกเกิด  ก็ต้องคอกกั้น HOYO เลยค่ะ จะบอกว่าคุณแม่ทั่วประเทศโหวตให้เป็นคอกกั้นเด็กที่ใช้ดี จนได้ได้รับรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://hoyosoftandsafe.com/product/

เครื่องปั๊มนม PLENTITUDE

12. เครื่องปั๊มนม PLENTITUDE

เครื่องปั๊มนมเป็นหนึ่งในไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ที่แนะนำให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เตรียมไว้ให้พร้อมใช้ค่ะ เพราะหลังคลอดลูกยังไงก็ต้องได้ใช้ ยิ่งคุณแม่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบผลสำเร็จ และอยากทำสต๊อกนมแม่ เครื่องปั๊มนมต้องมีกันนะคะ สำหรับเครื่องปั๊มนม PLENTITUDE มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ ช่วยให้คุณแม่สามารถปั๊มนมได้ราบรื่น ไม่ติดขัด จัดเต็มทั้งโหมดการปั๊มให้เลือกถึง 4 แบบโดยสัมพันธ์กับกระบวนการผลิตน้ำนมตามธรรมชาติ และแบตอึด ๆ ชาร์จเพียง 3 ชั่วโมงแต่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ถึง  6 รอบการปั๊มนม ฟังก์ชั่นจัดเต็มขนาดนี้ในเครื่องเล็ก น้ำหนักเบา ตอบโจทย์การใช้งานให้กับคุณแม่นักปั๊ม   PLENTITUDE เป็นเครื่องปั๊มนมที่มีคุณภาพโดดเด่น ซึ่งทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids เลือกให้ได้รับรางวัล RISING STAR สาขา BEST ELECTRIC BREAST PUMP จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://plentitudethailand.com

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่พอจะได้ไอเดียในการเตรียมซื้อของใช้ไว้ต้อนรับลูกน้อยกันแล้วนะคะ ทั้ง 12 ของใช้เด็กอ่อน ที่เรามาแนะนำให้นี้นอกจากจะจำเป็นในการใช้กับเด็กทารกแรกเกิด เด็กเล็กแล้ว ยังเป็นสินค้าแม่และเด็กที่ได้รับรางวัลการันตีใช้ดี มีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards ประจำปี 2021 ด้วยนะคะ

ทารกแรกเกิด

จริงมั้ย ทารกแรกเกิด -3เดือน ดื่มน้ำแช่ทองคำทำให้ผิวดี

Alternative Textaccount_circle
event
ทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิด

จริงมั้ย ทารกแรกเกิด – 3เดือน ดื่มน้ำแช่ทองคำทำให้ผิวดี

จากกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อความ ลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ให้นำน้ำแช่ทองคำ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยทอง แหวน หรือเหรียญสลึง โดยอ้างเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อให้ ทารกแรกเกิด ถึง 3 เดือนดื่ม จะทำให้มีผิวพรรณดี จริงหรือไม่ เรื่องนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลปรากฏดังนี้ค่ะ

ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ ทารกแรกเกิด

องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟ มีคำแนะนำว่า ควรให้นมแม่ทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และควรให้นมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตลูก จากนั้นให้นมแม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับอาหารเสริมที่ปลอดภัย มีคุณค่าและเหมาะกับอายุ ตั้งแต่เดือนที่ 6 ไปจนถึงลูกอายุ 2 ขวบ หรือนานกว่านั้นยิ่งดี ทั้งนี้ มีงานวิจัยพบว่า เมื่อลูกอยู่ในวัย 12-23 เดือน น้ำนมแม่ในปริมาณ 15 ออนซ์ (ประมาณ 443 ซีซี) จะมีสารอาหารในสัดส่วนดังนี้

  • 29% ของ พลังงาน ที่ต้องการต่อวัน
  • 43% ของ โปรตีน ที่ต้องการต่อวัน
  • 36% ของ แคลเซียม ที่ต้องการต่อวัน
  • 75% ของ Vitamin A ที่ต้องการต่อวัน
  • 76% ของ โฟเลต ที่ต้องการต่อวัน
  • 94% ของ Vitamin B12 ที่ต้องการต่อวัน
  • 60% ของ Vitamin C ที่ต้องการต่อวัน

สารอาหารที่ในนมแม่ที่สร้างสมองมีอะไรบ้าง 

·กรดไขมัน –  เซลล์ในสมองส่วนใหญ่ สร้างมาจากกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสายยาว ที่เรียกว่า DHA (docosahexaenoic acid) และ AA (arachidonic acid) กรดไขมันเหล่านี้ สนับสนุนการประมวลผลข้อมูล และการส่งผ่านข้อมูลที่เกิดขึ้นในสมอง

อย่างไรก็ตาม DHA และ AA ไม่พบในร่างกายมนุษย์ และกรดไขมันที่จำเป็นในการสังเคราะห์ ได้แก่ กรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) และกรดไลโนเลอิก (LA)

กรดไขมันเหล่านี้สามารถหาได้จากอาหารของบุคคลเท่านั้น และนมแม่มีกรดไขมันเหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุด (มาจากแหล่งเดียว)

ทารกแรกเกิด
จริงมั้ย ทารกแรกเกิด -3เดือน ดื่มน้ำแช่ทองคำทำให้ผิวดี

·ฟอสโฟลิปิด – การส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพระหว่างเซลล์ประสาทในสมองนั้นขึ้นอยู่กับการเชื่อมของเซลล์ประสาทกล่าวคือการเคลือบด้วยชั้นของไขมัน (ไมอีลิน) ซึ่งทำให้การส่งผ่านเร็วขึ้น คอเลสเตอรอลซึ่งพบในน้ำนมแม่ที่มีความเข้มข้นสูงก็จำเป็นสำหรับกระบวนการนี้เช่นกัน

·ทอรีน – ทอรีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและดวงตา โดยเฉพาะทอรีนมีบทบาทในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทในสมองซึ่งมีความสำคัญต่อการสื่อสารของเส้นประสาท อย่างไรก็ตามร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนนี้ได้ดังนั้นการมีอยู่ในน้ำนมแม่จึงมีความสำคัญมาก

·โคลีน – บทบาทของโคลีนในการพัฒนาและการทำงานของสมองนั้นมีมากมาย จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ฟอสโฟลิปิดการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมองและยังช่วยเพิ่มความจำ ในความเป็นจริงเมื่อเซลล์ขาดสารอาหารนี้พวกมันจะถูกตั้งโปรแกรมให้ตายในกระบวนการที่เรียกว่าอะพอพโทซิส

·สังกะสี – สังกะสีสนับสนุนการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ นอกจากนี้สังกะสียังได้รับการยกย่องว่าเป็นสารอาหารที่ช่วยปกป้องเซลล์ในสมองและระบบประสาทส่วนกลางเนื่องจากคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ

นมแม่ยังมีสารต่อสู้กับโรคหลายชนิด รวมถึงแอนติบอดี ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายของบุตรหลานจากการติดเชื้อที่เป็นอันตราย นมแม่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องทารกจากอาการแพ้ ยิ่งลูกของคุณมีสุขภาพดีเท่าไหร่ ก็จะสามารถพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดได้มากขึ้นเท่านั้น

ผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองของทารก ไม่เพียงแต่ประโยชน์ทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างการให้นมบุตรด้วย

จริงมั้ย ทารกแรกเกิด – 3เดือน ดื่มน้ำแช่ทองคำทำให้ผิวดี

ดังนั้น จากกรณีที่มีผู้โพสต์ระบุว่าให้นำน้ำแช่ทองคำ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยทอง แหวน หรือเหรียญสลึง โดยอ้างเป็นความเชื่อโบราณ เมื่อให้ทารกแรกเกิดถึง 3 เดือนดื่ม จะทำให้มีผิวพรรณดี ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง การให้ทารกดื่มน้ำแช่ทองคำไม่ให้มีผิวพรรณดี เป็นความเชื่อที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคหรือโลหะหนักที่เกิดการกัดกร่อนเข้าสู่ร่างกายได้

โดยสิ่งที่เด็กวัยทารกควรได้รับและดีที่สุด คือ นมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน โดยไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับลูก มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต ช่วยพัฒนาสมอง จอประสาทตา ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีสุขภาพแข็งแรง ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ รวมทั้งเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและถูกสร้างมาให้เหมาะสมที่สุดกับสภาพร่างกายของทารก

หลังจากทารกอายุครบ 6 เดือน เมื่อระบบย่อยและดูดซึมอาหารพัฒนาได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วจึงให้เริ่มกินอาหารที่เหมาะสมตามวัย

การให้นมลูกนอกจากจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางร่างกายให้ลูกแล้ว ยังทำให้เกิดสายสัมพันธ์ที่ดี ผ่านการโอบกอดขณะให้กินนมแม่ ก่อให้เกิดความผูกพัน ลูกได้รับการกระตุ้นทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านการมองเห็นแม่ ได้ยินเสียงหัวใจแม่ ได้กลิ่นนมแม่ รับรสนมแม่ มือสัมผัส และได้รับการโอบกอดจากแม่ ทำให้ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางด้านสมองและสติปัญญา ที่สำคัญ การโอบกอด การสบตา พูดคุยของแม่ขณะให้นมลูก จะทำให้แม่และลูกรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย, ยูนิเซฟ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

4 วิธีกระตุ้นนมแม่ อย่างได้ผลดี ไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ

5 ปัญหาการให้นมแม่ ที่แม่ต้องเจอ พร้อมวิธีแก้ปัญหา

ผลวิจัยล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมองระดับโลกชี้ สฟิงโกไมอีลิน ในนมแม่ มีส่วนช่วยสร้างให้ลูกสมองดี เรียนรู้ไว

น้ำหนัก-ส่วนสูง มาตรฐานตามอายุ ลูกเตี้ย-ผอมไปไหม?

Alternative Textaccount_circle
event

ลูกกินน้อยอย่างนี้ จะผอมไปไหม? ทำไมลูกตัวเล็ก อย่างนี้จะแข็งแรงไหม? มาดู น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ ของลูกว่าลูกเรามีน้ำหนักและส่วนสูงที่ได้มาตรฐานหรือยัง?

น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ ลูกเตี้ยไป ผอมไปไหม?

อาหารและโภชนาการเป็นปัจจัยหลักสำหรับการเจริญเติบโตของเด็ก เด็กที่มีโภชนาการดี จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพดี ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรประเมินภาวะโภชนาการลูกด้วยการวัดสัดส่วนของร่างกาย ได้แก่ น้ำหนักและส่วนสูง โดยอาศัยหลักการที่ว่าขนาดและส่วนประกอบของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงตามภาวะโภชนาการของคนนั้น ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากลักษณะของอาหารที่ลูกทานเข้าไป และการใช้ประโยชน์ของสารอาหารให้เป็นพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ (อ่านต่อ  สารอาหาร 11 ชนิด ที่จำเป็นสำหรับ “ทารกแรกเกิด – 2 ปี”) ดังนั้น ผลจากการวัดสัดส่วนของร่างกายจึงสามารถใช้เป็นดัชนีชี้วัดที่สะท้อนภาวะสุขภาพของลูกได้

จากสภาพสังคมและเศรษฐกิจของประเทศที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีผลทำให้เด็กไทยมีขนาดร่างกายเพิ่มขึ้นทั้งน้ำหนักและส่วนสูง และจากความเชื่อโบราณที่ว่าเด็กควรจะกินเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง ทำให้มีเด็กไทยส่วนหนึ่ง มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ หรือเด็กบางคนอาจมีภาวะเตี้ยจากการทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ดังนั้น สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้กำหนดเกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิด – 5 ปี เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ในการติดตามน้ำหนัก ส่วนสูง และการเจริญเติบโตทางด้านรูปร่างของลูก (อ้วน สมส่วน ผอม) ตามกราฟ ดังนี้

น้ำหนัก ส่วนสูง สำหรับเด็กแรกเกิด – 5 ปี

การใช้น้ำหนักและส่วนสูงในการประเมินภาวะการเจริญเติบโต มี 3 ดัชนี คือ น้ำหนักตามเกณฑ์อายุ ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ และน้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูง ซึ่งแต่ละดัชนีจะให้ความหมายในการประเมินซึ่งมีข้อเด่นข้อด้อยที่ต่างกันไป

น้ำหนักตามเกณฑ์อายุ

น้ำหนักเป็นผลรวมของกล้ามเนื้อ ไขมัน น้ำ และกระดูก น้ำหนักตามเกณฑ์อายุเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ของการเจริญเติบโตของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามอายุของเด็ก ใช้ในการประเมินภาวะการขาดโปรตีนและพลังงาน

ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ

ส่วนสูงที่สัมพันธ์กับอายุเป็นดัชนีที่บ่งชี้ภาวะการเจริญเติบโต ถ้าเด็กได้รับอาหารไม่เพียงพอเป็นเวลานาน หรือมีการเจ็บป่วยบ่อย ๆ มีผลให้อัตราการเจริญเติบโตของโครงสร้างของกระดูกเป็นไปอย่างเชื่องช้าหรือชะงักงัน ทำให้เป็นเด็กตัวเตี้ยกว่าเด็กที่มีอายุเดียวกัน ดังนั้น ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ จึงเป็นดัชนีบ่งชี้ภาวะการขาดโปรตีนและพลังงานแบบเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีความบกพร่องของการเจริญเติบโตด้านโครงสร้างส่วนสูงทีละเล็กละน้อย ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขก็จะสะสมความพร่องจนส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์

น้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูง

เนื่องจากน้ำหนักเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วกว่าส่วนสูง ถ้าเด็กได้รับอาหารไม่เพียงพอจะมีน้ำหนักลดลง มีภาวะผอม ดังนั้น น้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูงจึงเป็นดัชนีบ่งชี้ที่ไวในการสะท้อนภาวะโภชนาการในปัจจุบัน

กราฟแสดง น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ ของเด็กชาย อายุ 0-5 ปี

ตารางน้ำหนักทารก
ตารางน้ำหนักทารก

 

ตารางส่วนสูงทารก
ตารางส่วนสูงทารก

 

น้ำหนัก ส่วนสูง ทารก
น้ำหนัก ส่วนสูง ทารก

 

น้ำหนักทารก
น้ำหนักทารก

กราฟแสดง น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ ของเด็กหญิง อายุ 0-5 ปี

น้ำหนักเด็ก
น้ำหนักเด็ก

 

ส่วนสูงเด็ก
ส่วนสูงเด็ก

 

น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ
น้ำหนัก ส่วนสูง เด็กหญิง

 

น้ำหนัก ส่วนสูง มาตรฐาน ตามอายุ
น้ำหนัก ส่วนสูง เด็กผู้หญิง

เมื่อลูกมีน้ำหนักน้อย พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

  1. ให้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ สำหรับเด็กวัย 6-12 ปี ในแต่ละมื้อควรประกอบด้วย
    • ข้าว มื้อละ 1-2 ทัพพี
    • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนกินข้าว หรือไข่ 1 ฟอง เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ ในเด็กที่น้ำหนักน้อยรับประทานได้ทุกวันวันละ 1 ฟอง
    • ปลาไขมันสูง เช่น ปลาอินทรี ปลาดุก ปลาสวาย สำหรับคุณแม่ลูกเล็กแนะนำว่าควรให้ลูกรับประทานปลาอินทรี เพราะเป็นปลาที่ค่อนข้างเอาก้างออกง่าย
    • ผัดผัก 1 ทัพพี ควรเลือกผักที่มีแป้งมากและให้พลังงานสูงสลับกับผักใบเขียว
    • ผลไม้ เช่น ส้ม 1 ผล หรือกล้วย 1 ผล หรือมะละกอ 4-5 ชิ้นคำ หรืออะโวคาโด ½ ลูก หรือองุ่น 5-6 ผล หรือผลไม้อื่นๆ
    • นมครบส่วน 1-3 แก้ว แล้วแต่วัย
    • ควรเพิ่มน้ำมันในอาหารทุกมื้อเท่าที่ทำได้ ประมาณ 1-2 ช้อนชาต่อมื้อ ไขมันจะช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก
  2. ปัญหาเด็กที่มีน้ำหนักน้อย แต่ละมื้อหากรับประทานได้น้อยอาจจะต้องแบ่งมื้อย่อย ๆ สังเกตชนิดและลักษณะอาหารที่ลูกชอบ ปรุงรสชาติให้ถูกปาก เพราะลูกสามารถแยกแยะรสชาติได้ตั้งแต่อายุไม่กี่สัปดาห์ (อ่านต่อ 10 วิธีแก้อาการเบื่ออาหาร ทำยังไงให้ลูกกินข้าว?)
  3. ไม่ให้นมมากเกินไป เพราะเมื่ออายุเกิน 1 ปี ควรรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักวันละ 3 มื้อ ส่วนนมจะเป็นอาหารเสริมเท่านั้น จึงต้องลดปริมาณลงเหลือวันละ 3-4 มื้อ และควรให้นมหลังอาหารเท่านั้น
  4. สำหรับลูกที่อยู่ในวัยซุกซนหรือห่วงเล่น อาจให้มีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารและฝึกให้รับประทานอาหารเป็นเวลา สม่ำเสมอ และควรรับประทานพร้อม ๆ กันทั้งครอบครัว เพื่อเป็นแบบอย่างและสร้างบรรยากาศการรับประทานอาหารให้ลูก
  5. ให้ลูกรู้สึกหิวก่อนถึงมื้ออาหารโดยงดอาหารหรือขนมจุบจิบระหว่างมื้อ เด็กที่มีอายุเกิน 1 ปี ควรรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก จึงไม่ควรให้ลูกรับประทานขนมกรุบกรอบ ลูกอมทอฟฟี่ หรือนม ก่อนมื้ออาหาร เพราะลูกจะอิ่มทำให้รับประทานอาหารได้น้อย หากจะให้ควรให้หลังอาหาร (หากลูกรับประทานมื้อหลักได้เหมาะสมแล้ว)
  6. ในกรณีที่ลูกรับประทานน้อยอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้รับสารอาหารไม่ครบและอาจขาดวิตามิน เกลือแร่บางตัว ซึ่งส่งผลให้เบื่ออาหาร แพทย์จะเสริมยาบำรุงให้ในช่วงแรก เมื่อเด็กได้รับวิตามิน เกลือแร่ที่ขาดก็จะมีอาการดีขึ้น อาการเบื่ออาหารก็จะลดลง
  7. ให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ ไม่ควรนอนเกินสามทุ่ม วัยเรียนควรได้นอนหลับพักผ่อนวันละ 8-10 ชั่วโมง การนอนดึกจะทำให้การเจริญเติบโตไม่ได้เต็มที่ และในช่วงเวลาการนอนตั้งแต่เวลา 22.00-02.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายมีการหลั่ง growth hormone ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก
  8. ไม่ใช้วิธีผิดๆ เพื่อให้ลูกรับประทานมากขึ้น เช่น การตี ดุว่า บังคับ ใช้อารมณ์กับลูกหรือการตามใจ ต่อรอง หรือให้รางวัลเกินความจำเป็น
  9. ขณะมื้ออาหารไม่ดูโทรทัศน์หรือเล่นของเล่นไปด้วย เพราจะทำให้ลูกไม่สนใจเรื่องรับประทาน ทำให้รับประทานช้า อมข้าวและอิ่มเร็วโดยที่ยังรับประทานได้น้อย
  10. ปรับเปลี่ยนลักษณะเมนูอาหารให้แตกต่าง ไม่ควรรับประทานเมนูซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ลูกอาจเบื่อได้ ทำให้ปฏิเสธอาหาร
  11. เปิดโอกาสให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองเรื่องการรับประทานให้มากที่สุดตามวัย โดยค่อย ๆ ลดการให้ความช่วยเหลือลง
  12. พาลูกไปออกกำลังกาย วิ่งเล่น เมื่อเด็กได้ใช้พลังงานก็จะทำให้หิว ทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

กรมอนามัยห่วง! เด็กไทยเตี้ยกว่าเกณฑ์ แนะ 5 วิธีเพิ่มความสูง

โรคอ้วนในเด็ก พฤติกรรมแบบไหนทำลูกเสี่ยงอ้วน!!

ลูกไม่กินข้าว เบื่ออาหาร ทำยังไงดี ?

เด็กที่ขาด โกรทฮอร์โมน จะทำให้เตี้ยจริงหรือ?

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คนละครึ่งเฟส 5

มาแล้ว!! คนละครึ่งเฟส 5 แจกคนละ 800 เช็คสิทธิ์ด่วน!!

Alternative Textaccount_circle
event
คนละครึ่งเฟส 5
คนละครึ่งเฟส 5

เช็คสิทธิ์ด่วน!! ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 26 ก.ค.65 ได้อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ คนละครึ่งเฟส 5 แล้ว แจกคนละ 800 บาท!!

มาแล้ว!! คนละครึ่งเฟส 5 แจกคนละ 800 เช็คสิทธิ์ด่วน!!

สำหรับโครงการ คนละครึ่ง ที่ทุกคนรอคอย วันนี้ 26 ก.ค.65 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5  โดยมีวงเงิน 21,200 ล้านบาท

คนละครึ่งเฟส 5 เริ่มเมื่อไหร่?

ระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน (ส.ค.-พ.ย.65) โดยให้สิทธิแก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.-31 ต.ค.65

ได้รับเงินเท่าไหร่?

ผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินผ่านเข้าแอพเป๋าตัง สิทธิ์ละ 800 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ

จำนวนผู้ได้รับสิทธิ์

ผู้ได้รับสิทธิจำนวนไม่เกิน 26.5 ล้านคน

ทั้งนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนด ในอัตรา 50% โดยจะได้ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ

คนละครึ่ง
คนละครึ่ง

โครงการ คนละครึ่ง คืออะไร?

“โครงการคนละครึ่ง” เป็นหนึ่งในมาตรการที่ดำเนินการโดยรัฐบาล มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ด้วยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ

การลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งจะมีด้วยกัน 2 ส่วน คือ การลงทะเบียนรับสิทธิสำหรับประชาชน และการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งสำหรับร้านค้า โดยรัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการอุดหนุนการจับจ่ายใช้สอยในส่วนของประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่งและให้ร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ซึ่งลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง โดยรัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้า ในขณะที่ผู้ได้รับสิทธิจะต้องจ่ายเพิ่มอีกครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้า โดยผู้เข้าร่วมโครงการที่มีคุณสมบัติตามที่รัฐบาลกำหนดจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ คือ

  1. มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  2. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
  3. ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (ผ่านบัตรประชาชน) และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

การลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิโครงการคนละครึ่งสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “เป๋าตัง” พร้อมผูกกับกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีชื่อว่า G-Wallet (กดแถบโครงการคนละครึ่ง)

สำหรับการใช้งานสามารถใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผู้ใช้จะต้องเติมเงินเข้ากระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ (G –Wallet) โดยสามารถเติมได้ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

  1. Mobile Banking
  2. QR code Prompt pay
  3. ตู้ ATM

ทั้งนี้ ประเภทร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งสามารถเป็นร้านค้าที่เป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม และร้านค้าทั่วไป ยกเว้น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการบริการ

ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไม่เกินวันละ 150 บาท ซึ่งปัจจุบันโครงการ คนละครึ่งเฟส 5 จะดำเนินการจ่ายทั้งโครงการสูงสุดไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตัวอย่างเช่น หากผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งจะซื้อสินค้าที่มีมูลค่า 200 บาท รัฐจะดำเนินการจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง คือ 100 บาท และผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งจะต้องจ่ายเองอีก 100 บาท แต่หากผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งจะซื้อสินค้าที่มีมูลค่า 500 บาท รัฐจะดำเนินการจ่ายสูงสุดที่ 150 บาทเท่านั้น โดยอีก 350 บาทผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งต้องดำเนินการจ่ายเอง ประชาชนที่มีความประสงค์จะซื้อสินค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะต้องสังเกตป้ายโครงการคนละครึ่ง

วิธีการเข้าร่วมสิทธิ์สำหรับร้านค้า

  1. คุณสมบัติและประเภทกิจการที่สามารถเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ) ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid)
  2. การซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด
  3. ไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล ยกเว้น ร้านธงฟ้า,กองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน และบริการขนส่งสาธารณะมวลชน
  4. ไม่เป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นอกจากโครงการ คนละครึ่งเฟส 5 แล้ว ครม. ยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม โดยการเติมเงินช่วยเหลือผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีพิเศษเช่นผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้แอปฯเป๋าตัง แลถะ ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยช่วยเหลือเป็นระยะเวลา 2 เดือน วงเงิน 200 บาทต่อคน รวมเป็น 400 บาทในช่วงก.ย. – ต.ค. 2565 อีกด้วย

สำหรับความคืบหน้าของทั้ง 2 โครงการ ทีมกองบรรณธิการ ABK จะนำมาอัพเดทให้พ่อ ๆ แม่ ๆ ได้ติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เช็กเลย! ประกันสังคม ลดเงินสมทบ แต่ละมาตราจ่ายเท่าไหร่

รีบเลยแม่!ปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม ปี 2565

สิทธิประกันสังคม กรณีคลอดบุตร ทั้งหมดที่แม่ท้องควรรู้!

แม่ต้องรู้! ลดหย่อนภาษี ฝากครรภ์-คลอดบุตร ได้เท่าไหร่?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dailynews.co.th, www.pptvhd36.com, หอสมุดรัฐสภา, www.คนละครึ่ง.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เช็ค 8พฤติกรรม โนโมโฟเบีย โรคติดมือถือ คุณเป็นไหม

Alternative Textaccount_circle
event

เช็ค 8 พฤติกรรม โนโมโฟเบีย โรคติดมือถือคุณเป็นไหม

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ กลายเป็น ปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปแล้ว เนื่องจาก คุณพ่อคุณแม่แทบทุกคน ต้องใช้ โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน เป็นเครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวัน หลาย ๆ คน จับมือถือตั้งแต่ตื่นนอน ระหว่างวันก็ใช้สื่อสารงาน พูดคุยส่วนตัว เล่นเกม หรือเล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ  จนอาจทำให้เกิดอาการ “เสพติดโทรศัพท์มือถือ” ได้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคยุคใหม่ที่เรียกว่า โนโมโฟเบีย คุณพ่อคุณแม่มาเช็คดูค่ะว่า 8 พฤติกรรม ที่แสดงว่าเป็นโนโมโฟเบีย มีอะไรบ้าง และพฤติกรรมนี้ส่งผลอะไรต่อชีวิตเราบ้าง

โนโมโฟเบีย คืออะไร

โนโมโฟเบีย(Nomophobia ) ในทางการแพทย์ นับว่าเป็นอาการ กลัวการขาดโทรศัพท์ ซึ่งยังไม่นับว่าเป็น “โรค” โดยคำว่า โน ( No ) แปลว่า ไม่ คำว่า โม ( Mo- ) ย่อมาจาก โมบายโฟน (Mobile Phone) หรือโทรศัพท์มือถือ ส่วนคำว่า โฟเบีย ( Phobia ) แปลว่า ความกลัว หรืออาการหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เมื่อนำ 3 คำนี้มารวมกันว่าโนโมโฟเบีย จึงหมายถึง อาการกลัวการขาดโทรศัพท์มือถือ นั่นเอง

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบายคำว่า “โนโมโฟเบีย” ในนิยามทางการแพทย์นั้นไม่ใช่โรค แต่เป็นกลุ่มอาการ เพราะมีการสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนหรือสังคม เวลามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นมักจะมีคำเรียกเฉพาะ อย่างเช่น อาการติดสมาร์ทโฟน เป็นไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่ ซึ่งคำว่า “โนโม” เป็นคำที่ใช้เรียกแทนโมบายโฟน ส่วนคำว่า “โฟเบีย” แปลว่ากังวลอย่างมากต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกังวลมากเกินกว่าเหตุ จึงเรียกรวมกันเป็น “โนโมบายโฟนโฟเบีย” แต่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “โนโมโฟเบีย” มาจากการที่โทรศัพท์มือถือเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตประจำวัน และเราเกิดความกังวลใจว่า ถ้าไม่มีโทรศัพท์แล้ว จะทำอย่างไร ควรรีบเช็กตัวเองก่อนเกิดผลกระทบ

เช็ค 8 พฤติกรรม เข้าข่ายกลุ่มอาการโนโมโฟเบีย

พฤติกรรมที่เข้าข่ายกลุ่มอาการโนโมโฟเบีย คือ
1. พกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลา
2. เช็กข้อความในโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา แม้กระทั่งได้ยินเสียงคล้าย ๆ เสียงข้อความเข้า ถ้าไม่ได้ตรวจดูโทรศัพท์จะมีอาการกระวนกระวายใจ ไม่สามารถทำงาน หรือปฏิบัติภารกิจตรงหน้าได้สำเร็จ ต้องดูหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อเช็กข้อความก่อน
3. จับมือถือตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งหลับ
4. ใช้โทรศัพท์ระหว่างทานข้าว เข้าห้องน้ำ ขับรถ นั่งรอรถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า
5. เมื่อหาโทรศัพท์ไม่เจอ หรือลืมโทรศัพท์ จะรู้สึกมีความกังวลใจมาก ตื่นตระหนกตกใจมาก
6. ไม่เคยปิดโทรศัพท์มือถือเลย
7. ใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนในโลกออนไลน์ มากกว่าคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
8. ห้ามใจไม่ให้เล่นโทรศัพท์ภายใน 1 ชั่วโมงไม่ได้

โนโมโฟเบีย
เช็ค 8พฤติกรรม โนโมโฟเบีย โรคติดมือถือ คุณเป็นไหม

โนโมโฟเบียเสี่ยงอีกสารพัดโรค

นิ้วล็อก

เกิดจากการใช้มือกด จิ้ม สไลด์หน้าจอติดต่อกันนานเกินไป ทำให้มีอาการนิ้วชา ปวดข้อมือ เส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองนิ้วมือเริ่มแข็ง กำแล้วเหยียดขึ้นไม่ได้ เป็นสัญญาณบอกให้รีบไปพบแพทย์

อาการทางสายตา

เกิดจากการเพ่งสายตาจ้องหน้าจอเล็กๆ นานเกินไปทำให้สายตาล้า เกิดอาการตาแห้ง ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะทำให้จอประสาทตาและวุ้นในตาเสื่อมได้

ปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่

เนื่องจากคนส่วนใหญ่เวลาเล่นโทรศัพท์มักจะก้มหน้า ค้อมตัวลง ทำให้คอ บ่า ไหล่ เกิดอาการเกร็ง เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หากเล่นเป็นเวลานานๆ อาจมีอาการปวดศีรษะตามมา

หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร

จากการนั่งผิดท่า นั่งเกร็งเป็นเวลานานๆ และทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย หากเป็นหนักจนมีอาการปวดมากขึ้นจะต้องทำการผ่าตัดรักษา

โรคอ้วน

แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้สมาร์ทโฟนนานๆ โดยตรง แต่ถ้าเราติดมือถือขนาดหนัก นั่งเล่นทั้งวันจนแทบจะไม่ลุกเดินไปไหน ร่างกายก็จะไม่เกิดการเผาผลาญ อาหารที่เราทานเข้าไปก็จะเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจนเกิดภาวะโรคอ้วน

ผลเสียหรือผลกระทบต่อสุขภาพกาย

เรื่องสายตา ที่ใช้งานหนัก ยิ่งถ้าบางคนอยู่ในที่แสงไม่พอและใช้งานโทรศัพท์มือถือที่ต้องใช้แสงจ้าด้วยยิ่งมีปัญหามากขึ้นกับสายตา อาการปวดเมื่อยคอ บ่าไหล่ เพราะเวลาใช้งานโทรศัพท์จะเกิดอาการเกร็งโดยไม่รู้ตัว ถ้าเล่นนานๆ จะมีอาการปวดศีรษะตามมา และปัญหาเรื่องสมาธิเพราะตัวภาพและจอจะรบกวนทำให้ระบบสมาธิลดลง ฉะนั้นในเด็กจึงแนะนำว่าไม่ควรเล่นมากเกินไป เนื่องจากอยู่ในวัยที่กำลังพัฒนาสมาธิ ส่งผลให้มีปัญหาในเรื่องสมาธิสั้น ส่งผลให้เด็กหลายคนอารมณ์ร้อนและขี้หงุดหงิดมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก

PPTV HD, Rama Channel , โรงพยาบาล จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์, MW Wellness

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เล่นมือถือในที่มืด เสี่ยง ตาบอด จริงหรือ

ระวัง! พ่อแม่ติดมือถือ สื่อสารกับลูกน้อยลง ส่งผลเสียกว่าที่คิด!

แนะวิธี แก้ปัญหาลูกติดมือถือ ด้วยแอพพลิเคชัน NetCare พ่อแม่ทำได้แค่ปลายนิ้ว

เนื้องอกในมดลูก

จริงมั้ย มี เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

Alternative Textaccount_circle
event
เนื้องอกในมดลูก
เนื้องอกในมดลูก

จริงมั้ย มี เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวว่าอวัยวะภายในร่างกายจะเกิดเนื้องอกขึ้นและเป็นอันตรายกับชีวิต โดยเฉพาะ เนื้องอกในมดลูก  บางคนกังวลถึงขั้นว่าเนื้องอกจะกลายเป็นมะเร็ง ล่าสุดมีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเป็น เนื้องอกในมดลูกเพราะ มีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด เรื่องนี้เป็นความจริงไหม มาติดตามกันค่ะ

สถานการณ์ของเนื้องอกในมดลูก

เนื้องอกในมดลูกถือว่า เป็นเนื้องอกที่พบได้เยอะที่สุด ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ มีตัวเลขสถิติ ถ้าหญิงวัยเจริญพันธุ์คือเริ่มมีประจำเดือน หรือถ้าอายุ 25-30 ปีมาตรวจ จะเจอเนื้องอกในมดลูกประมาณ 30-50% ถ้าผู้หญิง 10 คนมาอัลตราซาวนด์ จะเจอ 3 คน 5 คน เป็นเรื่องปกติ

ขนาดของเนื้องอกก็มีหลากหลาย ตั้งแต่เล็ก ๆ ระดับมิลลิเมตร คือ ไม่ถึงเซนติเมตร ไปจนถึงเป็นสิบ ๆ เซนติเมตร เท่ากับลูกมะพร้าว หรือลูกแตงโม แล้วแต่สรีระของแต่ละบุคคล

ส่วนใหญ่ประมาณ 99% ไม่ใช่เนื้อมะเร็ง ก็คือเป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้อดี จะไม่ใช่โรคมะเร็ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนใหญ่เราจะอัลตราซาวนด์ตรวจเจอว่าเป็นเนื้องอกมดลูก แต่ว่ามันก็มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นมะเร็ง แต่ว่าไม่เยอะ ประมาณสัก 1 ใน 10,000 หรือ 1 ใน 100,000

เนื้องอกในมดลูก
จริงมั้ย มี เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

อาการเป็นอย่างไร

อาการของโรค ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอก และตำแหน่งของอวัยวะใกล้เคียงที่มดลูกโตไปกดเบียด ได้แก่

  • มีอาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือนรุนแรง
  • ในช่วงที่มีประจำเดือนนั้น มีเลือดออกมามากผิดปกติ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • มีอาการท้องผูก
  • มีบุตรยาก หรือแท้งบุตรง่าย
  • อาจคลำพบก้อนที่ท้องได้ด้วยตนเอง

อาการที่รุนแรง

บางคนมีเลือกออกเยอะ ก็มีอาการโลหิตจางได้ หรือบางคนที่ลักษณะก้อนยื่นออกไปข้างนอก หมายถึงไม่ได้ยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก ก็จะทำให้ไม่มีประจำเดือนออกเยอะ แต่มันจะยื่นเข้าไปในอุ้งเชิงกราน หรือว่าในท้องน้อยของเรา ก็จะไปกดเบียดลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ ที่เจอบ่อยก็คือ เบียดมาข้างหน้า ก็จะกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนไข้ปัสสาวะบ่อย คนไข้อาจจะเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง นอนหลับไปแล้วก็ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำทุก 2-3 ชั่วโมง นอนไม่เต็มอิ่ม จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตคนไข้

สาเหตุของการเกิดเนื้องอกในมดลูก

เนื้องอกในมดลูก เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกที่ผิดปกติ เกิดได้ทั้งด้านนอกผนังมดลูก อยู่ในเนื้อมดลูก หรืออยู่ในโพรงมดลูก

เนื้องอกมี 2 ชนิด คือ ชนิดธรรมดา และชนิดที่เป็นมะเร็ง ซึ่งส่วนใหญ่เนื้องอกในมดลูกจะเป็นชนิดธรรมดา

ปัจจุบันทางการแพทย์ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่พบว่าเนื้องอกในมดลูก มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งสร้างที่รังไข่ ฉะนั้นจะพบว่าหญิงวัยเจริญพันธ์ (อายุ20-50ปี) จะมีอัตราการเกิดเนื้องอกในมดลูกสูง และเนื้องอกมักจะฝ่อตัวเล็กลง หลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

การตรวจวินิจฉัย

  • ซักประวัติ และอาการ
  • ตรวจภายใน
  • อัลตราซาวด์

การรักษา เนื้องอกในมดลูก

ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกในมดลูก และความต้องการมีบุตร

  • กรณีที่พบก้อนเนื้อขนาด 0.5-2 เซนติเมตร ไม่ได้มีอาการอะไร รักษาโดยการเฝ้าสังเกตอาการ และนัดตรวจติดตาม อัลตราซาวนด์ทุก 6 เดือน หรือทุก 1 ปี
  • การรับประทานยาลดปวด กรณีเนื้องอกก้อนเล็ก
  • การผ่าตัดเอาเฉพาะเนื้องอกออก หรือตัดมดลูกออกหมด ซึ่งวิธีการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกนั้นมี 2 แบบ
    • ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง
    • ผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็ก

*กรณีผ่าตัดเนื้องอก และมดลูกออกหมด จะทำให้การรักษาหายขาด เหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรเพียงพอ หรืออายุมาก
*กรณีผ่าตัดเลาะเฉพาะก้อนเนื้องอก มีโอกาสกลับมาเป็นเนื้องอกในมดลูกใหม่ได้ 

การป้องกันการเกิดเนื้องอกในมดลูก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมที่มีปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงๆ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก
  • หมั่นสังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติอะไรบ้าง เป็นต้น
  • ตรวจร่างกายประจำปี ตรวจภายใน อัลตราซาวด์

จริงมั้ย เป็น เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

จากกรณีมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเป็นเนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า สาเหตุการเกิดเนื้องอกในมดลูกที่ชัดเจนยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยที่เกิดจาก ฮอร์โมนเพศของสตรี, พันธุกรรม หรือตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มีในร่างกาย (growth factor) ซึ่งโรคดังกล่าวส่วนใหญ่ทำให้สตรีมีอาการปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, เลือดออกผิดปกติ หรือคลำก้อนได้ที่ท้อง ดังนั้นภาวะเนื้องอกในมดลูกจึงไม่เกี่ยวกับการมีพิษเย็น, เลือดเป็นพิษ หรือเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

ขอบคุณข้อมูลจาก

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย, Rama Channel, โรงพยาบาลพญาไท

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ปากมดลูก สำคัญไฉนกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก 9สายพันธุ์

แม่ๆเตรียมเฮ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สปสช.ดูแลทุกสิทธิ์

เช็กอาการ มดลูกโต สังเกตได้จากอะไร? รู้เร็วไม่ต้องผ่า!

ชื่อจริง ลูกชาย

100 ชื่อจริง ลูกชาย+ความหมายดี เสริมเดช ศรี มนตรี อายุ

Alternative Textaccount_circle
event
ชื่อจริง ลูกชาย
ชื่อจริง ลูกชาย

ตั้งชื่อลูก ใครว่าง่าย มาดูไอเดีย 100 ชื่อจริง ลูกชาย พร้อมความหมายดี ๆ ที่ช่วยเสริมบารมี เดช ศรี มนตรี และ อายุ จากทีมกองบรรณาธิการ ABK กัน!!

100 ชื่อจริง ลูกชาย+ความหมายดีๆ เสริมเดช ศรี มนตรี อายุ

ใครที่ยังคิด ชื่อจริงลูกชาย ไม่ออก มาส่องไอเดียจากทีมกองบรรณาธิการ ABK กัน เรามี 100 ชื่อจริง ลูกชาย พร้อมความหมายดี ๆ ที่ช่วยเสริมบารมี เดช ศรี มนตรี และอายุ ให้ลูก กันแบบจัดเต็ม!!

100 ชื่อจริง ลูกชาย+ความหมายดีๆ เสริมเดช ศรี มนตรี อายุ

ชื่อ

คำอ่าน

ความหมาย

เผดิมเพียร ผะ – เดิม – เพียน เริ่มความพยายาม
เมธพนธ์ เม – ทะ – พน ผูกพันด้วยปัญญา
โพธิมัย โพ – ทิ – ไม ฉลาด หลักแหลม
ไพรัลย์ ไพ – รัน ความโปร่งบาง หายาก
ไวโรจน์ ไว – โรด พระอาทิตย์
ไอลวิล ไอ – ละ – วิน ชื่อท้าวกุเวร เจ้าแห่งทรัพย์
กมลภู กะ – มน – ละ – พู เกิดจากดอกบัว พระพรหม
กรณ์ดนัย กอน – ดะ – ไน ลูกชายผู้ฉลาด ชำนาญ
ก่อเกียรติ ก่อ – เกียด สร้างเกียรติ สร้างชื่อเสียง
ก่อการ ก่อ – กาน ริเริ่มให้เกิดมีขึ้น
กัมลาส กัม – มะ – ลาด พระพรหม
ขจรัส ขะ – จะ – หรัด พระอาทิตย์ เมฆ ดาว
คณพศ คะ – นะ – พด มีอำนาจในหมู่คณะ
คณิศร คะ – นิด – สอน ผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่คนทั้งหลาย
คมน์มัคค์ คม – มัก ทางที่ควรไป
คมิก คะ – มิก ผู้เตรียมจะก้าวไป
คันธทรัพย์ คัน – ทะ – ซับ เครื่องหอม
คุณัญญา คุ – นัน – ยา ผู้รู้คุณธรรม ผู้รู้ความดี
ฆนวัลลิ์ คะ – นะ – วัน สายฟ้าแลบ
ฆรพันธ์ คะ – ระ – พัน ผูกพันกับบ้าน
ฆัสรา คัด – สะ – รา พระอาทิตย์ พระศิวะ
จรณ์ จอน ความประพฤติดี
จรณินทร์ จะ – ระ – นิน เป็นใหญ่เพราะความประพฤติดี
จักรธร จัก – กระ – ทอน ทรงไว้ซึ่งจักร พระราชา พระนารายณ์
จิรภาส จิ – ระ – พาด รุ่งเรืองนาน รุ่งโรจน์ตลอด
ฉันทนัทธ์ ฉัน – ทะ – นัด ผูกไว้ด้วยความรัก ความรักและผูกพัน
ชนัย ชะ – ไน ความสุข ความยินดี
ชยน ชะ – ยน ชัยชนะ
ชัชชน ชัด – ชน นักสู้
ชัยณรงค์ ไช – นะ – รง นักรบผู้มีชัยชนะ
ชัยภัทร ไช – ยะ – พัด สิริมงคลและชัยชนะ
ญาณวัฒน์ ยา – นะ – วัด เจริญในความรู้
ณรงค์ชัย นะ – รง – ไช ชัยชนะในการรบ
ณัฐดนัย นัด – ดะ – ไน บุตรของนักปราชญ์ บุตรผู้ฉลาด
ณัฐพันธุ์ นัด – ถะ – พัน เหล่ากอของนักปราชญ์
ชื่อจริงลูกชาย
ชื่อจริงลูกชาย

100 ชื่อจริง ลูกชาย+ความหมายดีๆ เสริมเดช ศรี มนตรี อายุ

ชื่อ

คำอ่าน

ความหมาย

ดนพ ดะ – นบ ส่องแสง แผ่ ขยาย
ดรณ์ ดอน การข้ามพ้นทุกข์
ดรัณ ดะ – รัน การข้าม เรือหรือแพ
ดรัล ดะ – รัน ทับทิม เพชร
ทรงรัฐ ทรง – รัด ครองเมือง
ธนพัฒน์ ทะ – นะ – พัด เจริญด้วยทรัพย์
ธนภัทร ทะ – นะ – พัด ดีงามด้วยทรัพย์ เจริญด้วยทรัพย์
ธนวัตน์ ทะ – นะ – วัด เจริญด้วยทรัพย์
ธนวันต์ ทะ – นะ – วัน มีทรัพย์
ธนันดร ทะ – นัน – ดอน ผู้อยู่ท่ามกลางทรัพย์สมบัติคือเศรษฐี
ธยศ ทะ – ยด มีความรู้เป็นยศ
ธรรมภณ ทำ – พน ผู้กล่าวธรรม ผู้พูดสิ่งที่ดีงาม
ธรรศ ทัด ความกล้าหาญ ความอหังการ
ธัชชัย ทัด – ไช ธงชัย
ธัชธรรม์ ทัด – ชะ – ทัน ธงของคุณความดี
ธันย์ชนก ทัน – ชะ – นก ผู้เลี้ยงดูบิดา
ธีรโรจน์ ที – ระ – โรด ความรุ่งเรืองของนักปราชญ์
ธีรไนย ที – ระ – ไน ผู้ที่นักปราชญ์พึ่งแนะนำ
ธีรดนย์ ที – ระ – ดน ลูกชายผู้เป็นปราชญ์
ธีริทธิ์ ที – ริด นักปราชญ์ผู้มีความสำเร็จ
ธีรินทร์ ที – ริน เจ้าแห่งความฉลาดและชำนาญ
นนทพัทธ์ นน – ทะ – พัด ผูกพันด้วยความสุข
นพวิชญ์ นบ – พะ – วิด มีความรู้ใหม่เสมอ
นภวัต นบ – พะ – วัด เยาว์วัย ลม
นภัทร นะ – พัด มีความรู้เป็นศิริมงคล
นภัสศัย นะ – พัด – ไส อยู่ในท้องฟ้า เทวดา
นรชัย นอ – ระ – ไช ชัยชนะของคน
นรภัทร นอ – ระ – พัด คนผู้ดีงาม คนเจริญ
นรวร นอ – ระ – วอน คนผู้ประเสริฐ
นัธทวัฒน์ นัด – ทะ – วัด มีความเจริญเป็นที่มั่นคง
นันทพัทธ์ นัน – ทะ – พัด ผูกพันกับความสุข
นันทิพัฒน์ นัน – ทิ – พัด เจริญด้วยความสุข
นิธิศ นิ – ทิด เจ้าแห่งขุมทรัพย์
นิรวิทธ์ นิ – ระ – วิด แทงทะลุ มีปัญญาเจาะลึก
นิรัติศัย นิ – รัด – ไส ประเสริฐยิ่ง พิเศษ

 

ตั้งชื่อลูก
ตั้งชื่อลูก

100 ชื่อจริง ลูกชาย+ความหมายดีๆ เสริมเดช ศรี มนตรี อายุ

ชื่อ

คำอ่าน

ความหมาย

นิรินทน์ นิ – ริน ดับ หมดกิเลส
นีติโกศล นี – ติ – โก – สน ช่ำชองในกฎหมาย
บทม์พันธุ์ บด – ทะ – พัน พระอาทิตย์
บรรยวัสถ์ บัน – ยะ – วัด มั่นคง ไม่หวั่นไหว
บริวัณณิต บอ – ริ – วัน – นิด สรรเสริญ
บวรนันท์ บอ – วอน – นัน มีความสุขอันประเสริฐ
บวรวงศ์ บอ – วอน – วง ตระกูลอันประเสริฐ
บวรวิชญ์ บอ – วอน – วิด ผู้ฉลาดล้ำเลิศ
บัณฑิตพุทธิ์ บัน – ดิด – ตะ – พุด จิตใจเป็นบัณฑิต
บัณทัต บัน – นะ – ทัด ผู้ให้ทรัพย์สิน
บันฑิตย์ บัน – ดิต ความรอบรู้ การเรียนรู้
บุณยคนธ์ บุน – ยะ – คน กลิ่นหอม
บูรณ์พิภพ บูน – พิ – พบ มีสมบัติมาก เต็มไปด้วยสมบัติ
ปกรณ์ธรรม ปะ – กอน – ทำ หนังสือแห่งธรรม
ปภังกร ปะ – พัง – กอน ผู้สร้างรัศมี ผู้รุ่งเรือง
ประดิพิมพ์ ประ – ดิ – พิม ภาพสะท้อน
ประพจน์ ประ – พด คำพูดประเสริฐ คำพูดสำคัญ
ปรัตถ์ ปะ – รัด ประโยชน์เพื่อผู้อื่น ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม
ปรัตถกร ปะ – รัด – ถะ – กอน ผู้สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม
ปวรปรัชญ์ ปะ – วอน – ปรัด นักปราชญ์ผู้ประเสริฐยิ่ง
ปวัตร ปะ – วัด ผู้บริสุทธิ์
ปัณณทัต ปัน – นะ – ทัด ให้ความรู้
ปัณณวัฒน์ ปัน – นะ – วัด เจริญด้วยหนังสือ
ปิยะวัชร์ ปิ – ยะ – วัด น่ารักดังเพชร น่ารักและเข้มแข็ง
ผกายฤทธิ์ ผะ – กาย – ริด มีอำนาจเป็นที่รู้จักกว้างไกล
ผรัณปรีดิ์ ผะ – รัน – ปรี ความยินดีที่ซ่านไป
พงศ์ปณต พง – ปะ – นด เผ่าพันธุ์ผู้นอบน้อม
พจนินท์ พด – จะ – นิน เจ้าแห่งถ้อยคำ พูดเก่ง พูดดี
พฤกษ์ พรึก ต้นไม้

หวังว่า คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ แม่ท้อง จะสนุกกับการตั้งชื่อลูกที่มีความหมายดี ๆ  มีความหมายมงคลให้ลูกน้อยจากทีมกองบรรณาธิการ ABK นะคะ และอย่าลืมมาอ่านเคล็ดลับการเลี้ยงทารกกับเรานะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เคล็ดลับง่ายๆ 30 วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด สมองดี พัฒนาการเลิศ!

วิธี “คำนวณอายุครรภ์” และวันครบกำหนดคลอด ด้วยตัวเอง

ดูแล “แผลผ่าคลอด” อย่างไร? ให้เนียน สวย ไม่ติดเชื้อ!!

7 พฤติกรรมแม่ท้อง กระตุ้นลูกในครรภ์ฉลาด

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.myhora.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สีกระเป๋าตามวันเกิด

สีกระเป๋าตามวันเกิด ปี 2565 เสริมให้ชีวิตปังๆ เงินเข้ารัวๆ

Alternative Textaccount_circle
event
สีกระเป๋าตามวันเกิด
สีกระเป๋าตามวันเกิด

สีกระเป๋าตามวันเกิด สีกระเป๋าสตางค์รับทรัพย์  สีกระเป๋าสตางค์ เสริมดวง รับโชค ก่อนจะเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ มาเช็คกันดูก่อนค่ะว่า ใช้สีไหนแล้วดี เฮง ปัง

สีกระเป๋าตามวันเกิด ปี 2565 เสริมให้ชีวิตปังๆ เงินเข้ารัวๆ

กระเป๋าสตางค์ เป็นของที่เราพกติดตัวไปด้วยทุกวัน เมื่อเก่าแล้วอยากจะเปลี่ยนใบใหม่ อย่าเพิ่งเลือกสีค่ะ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้นำข้อมูล สีกระเป๋าตามวันเกิด และสีธนบัตรที่ใส่ไว้เป็นขวัญถุง มาให้ได้อ่าน เพื่อจะได้เลือกสีกระเป๋าสตางค์ ที่ช่วยเสริมให้ชีวิตดี มีโชคลาภ การเงินไหลลื่น สุขภาพแข็งแรง

สีกระเป๋าตามวันเกิด
สีกระเป๋าตามวันเกิด

สีกระเป๋าตามวันเกิด ปี 2565 เสริมให้ชีวิตปังๆ เงินเข้ารัวๆ

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันอาทิตย์

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีแดง สีชมพู สีโอลด์โรส

สีเสริมสุขภาพ

สีเหลืองอ่อน สีเหลือง สีขาว สีเทา

สีเสริมโชคลาภ

สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีกาลกิณี

สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

ธนบัตรใบละ 50 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 68 หรือ 86

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันจันทร์

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีเหลืองอ่อน สีเหลือง สีขาว สีเทา สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สีเสริมสุขภาพ

สีชมพู สีโอลด์โรส

สีเสริมโชคลาภ

สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

สีกาลกิณี

สีแดง

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันจันทร์

ธนบัตรใบละ 20 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 56 หรือ 65

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันอังคาร

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีชมพู สีโอลด์โรส สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีเสริมสุขภาพ

สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สีเสริมโชคลาภ

สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีเทาเข้ม

สีกาลกิณี

สีเหลืองอ่อน สีขาว

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันอังคาร

ธนบัตรใบละ 50 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 36 หรือ 63

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันพุธ (กลางวัน)

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่ สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

สีเสริมสุขภาพ

สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีเสริมโชคลาภ

สีเทาเข้ม

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สีกาลกิณี

สีชมพู สีโอลด์โรส

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันพุธกลางวัน

ธนบัตรใบละ 100 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 24 หรือ 42

สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2565
สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2565

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันพุธกลางคืน

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีเทาเข้ม สีแดง

สีเสริมสุขภาพ

สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สีเสริมโชคลาภ

สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทา

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีชมพู สีโอลด์โรส

สีกาลกิณี

สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน

ธนบัตรใบละ 20 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 15 หรือ 51

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันพฤหัสบดี

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สีเสริมสุขภาพ

สีเทาเข้ม

สีเสริมโชคลาภ

สีแดง

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทา

สีกาลกิณี

สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

ธนบัตรใบละ 100 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 56 หรือ 65

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันศุกร์

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า สีเหลือง สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทา

สีเสริมสุขภาพ

สีแดง

สีเสริมโชคลาภ

สีชมพู สีโอลด์โรส

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สีกาลกิณี

สีเทาเข้ม

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันศุกร์

ธนบัตรใบละ 100 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 69 หรือ 96

 

สีกระเป๋าสตางค์คนเกิดวันเสาร์

สีเสริมอำนาจ บารมี

สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม สีเทาเข้ม

สีเสริมสุขภาพ

สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

สีเสริมโชคลาภ

สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สีเสริมเงินทอง ทรัพย์สมบัติ

สีแดง

สีกาลกิณี

สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

แบงค์ขวัญถุงผู้ที่เกิดวันเสาร์

ธนบัตรใบละ 20 บาท ที่มีเลขลงท้ายด้วย 89 หรือ 98

 

นอกจากการทำงานให้ได้เงินแล้ว สายมูห้ามพลาดกับบทความนี้ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำเรื่อง สีกระเป๋าตามวันเกิด ปี 2565 มาให้ได้เสริมโชค เสริมลาภ รับทรัพย์ รับโชค ไร้โรค สุขภาพแข็งแรง โชคดีกันทุกคนนะคะ

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

สีเสื้อมงคล 2565 ตามวันเกิด ใส่แล้วดวงปัง รักพุ่ง รวยไม่หยุด

ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

ฤกษ์ออกรถ ปี 2565 เสริมสิริมงคล แคล้วคลาด ปลอดภัย

แจกสูตร!! ตารางออมเงิน เก็บเงินได้ 6x,xxx ใน 1 ปี!!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thainewsonline.co

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ลดน้ำหนักหลังคลอด วิธีง่ายๆ แค่ “กินกล้วย” ก็ผอมได้

Alternative Textaccount_circle
event

ลดน้ำหนักหลังคลอด เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่คุณแม่ส่วนใหญ่ตั้งเป้าไว้ว่าฉันต้องเอาน้ำหนัก และไขมันส่วนเกินที่สะสมไว้ ตอนท้องออกไปให้ได้มากที่สุด ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีลดน้ำหนักหลังคลอดแบบไม่ต้องอดข้าวให้เสียสุขภาพ เพียงแค่ทานกล้วย ก็ผอมได้แบบมีสุขภาพดีด้วยค่ะ

 

ลดน้ำหนักหลังคลอด ผอมได้ แต่ต้องสุขภาพดี   

เป็นเรื่องปกติที่พอคลอดลูกแล้วแม่ๆ จะมองหาวิธี ลดน้ำหนักหลังคลอด แต่ส่วนใหญ่จะทำกันก็หลังลูกกินนมแม่ไปได้ 6 เดือนแล้ว หรือไปลดอย่างจริงจังก็ตอนที่ลูกหย่านมแม่แล้ว เพราะถ้าพูดกันตามตรงหลังคลอดลูกมาใหม่ๆ ไม่แนะนำให้ลด น้ำหนัก กินน้อย หรืออดอาหารกันนะคะแม่ๆ ช่วงหลังคลอดร่างกายต้องการๆ ฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงมีพละกำลังดี ถ้าจะ ทำทันทีหลังคลอดลูกได้ไม่กี่สัปดาห์ก็คงไม่ดีแน่ค่ะ เพราะแม่หลังคลอดต้องให้นมลูกจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และก็ต้องไม่อดอาหารด้วย

อาหารที่ดีกับร่างกายแม่ช่วงหลังคลอด และช่วงให้นมลูก ขออนุญาตแชร์ความรู้นี้จาก พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ[1] จาก breastfeedingthai ซึ่งคุณหมอแนะนำให้แม่ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นสำคัญ นั่นคือ…

  1. กินผัก ผลไม้สดให้หลากหลายสี วันละ 5 ถ้วย หากไม่มีแบบสดๆ อาจเป็นแบบแช่แข็งหรือผลไม้ตากหรืออบแห้งแบบไม่เติมเกลือ น้ำตาล เพื่อให้ได้รับวิตะมิน เกลือแร่ เส้นใยอาหารอย่างเพียงพอ
  2. ข้าวไม่ขัดขาว ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงาดำ เมล็ดแฟล็กซ์ จะช่วยให้เส้นใยอาหาร วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ
  3. โปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อหมู ไก่ วัว ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ปลา อาหารทะเล ควรกินให้หลากหลาย อย่ากินซ้ำๆ เพียงอย่างเดียวเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องแพ้อาหาร
  4. ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2-3 ลิตร กินแคลเซียมช่วยให้กระดูกแข็งแรง ดีเอชเอช่วยบำรุงสมอง ไอโอดีนช่วยเพิ่มระดับสติปัญญา และ ธาตุเหล็กช่วยให้ไม่ซีด และป้องกันสมองเสื่อม ควรเลือกกินจากธรรมชาติจะดีกว่าการกินจากอาหารเสริม[1]
บทความแนะนำ คลิก>> สูตรน้ำหัวปลี เรียกน้ำนมแม่

การกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ง่ายๆ เท่านี้ก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูหลังคลอดเร็ว แถมกระบวนการผลิตน้ำนมแม่ก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้น้ำนมดีทั้งคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอในการเลี้ยงลูกไปได้นานๆ เลยค่ะ แล้วถ้าถามว่าช่วงเลย 6 เดือนไปแล้ว หรือช่วงที่ลูกหย่านมแล้ว อยากจะควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักจะได้ไหม ได้ค่ะ แต่ขอให้ทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย เพื่อจะได้ช่วยให้ร่างกายฟิตและเฟิร์มด้วยพร้อมกันค่ะ

อ่านต่อ กินกล้วยร่างกายได้ประโยชน์อะไรบ้าง หน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

กินนมวัว

จริงมั้ย กินนมวัว จะทำให้ประจำเดือนมาเร็วและหยุดสูงทันที

Alternative Textaccount_circle
event
กินนมวัว
กินนมวัว

จริงมั้ย กินนมวัว จะทำให้ประจำเดือนมาเร็วและหยุดสูงทันที

ล่าสุดตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ได้มีการแชร์ข้อมูล เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง กินนมวัว จะทำให้ประจำเดือนมาเร็ว และร่างกายจะหยุดสูงทันที เรื่องนี้จริงหรือไม่ ประจำเดือนจะมาเร็วจริงไหม และเมื่อประจำเดือนมาแล้วจะหยุดสูงทันทีหรือไม่ มาหาความจริงกันค่ะ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสูง

ความสูงที่ไม่เท่ากัน เป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  • พันธุกรรม คิดเป็น 60-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20-40 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลมาจากปัจจัยอื่น ๆ
  • เพศ ชายและหญิงมีช่วงที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแตกต่างกัน ในเพศชาย ช่วงนี้มักเริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 11 ปี และมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วสุดที่อายุประมาณ 13 ปี สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 4 นิ้วต่อปี ส่วนเพศหญิงมักเริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 9-10 ปี และมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วสุดที่อายุประมาณ 11-12 ปี สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 3 นิ้วต่อปี
  • โภชนาการ อาหารมีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็ก การได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เพียงพอ อาจทำให้ลูกตัวเตี้ยกว่าเด็กที่มีโภชนาการดี

อยากให้ลูกสูง ทำไง

นอกจากดื่มนมแล้ว การสร้างพฤติกรรมและทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต สูงขึ้นได้ ทำได้ดังนี้

  • รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้สด อาหารจำพวกธัญพืช โปรตีน และนม หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลและไขมัน ทั้งนี้ ผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาสุขภาพบางชนิดที่ส่งผลต่อความหนาแน่นของมวลกระดูก จนทำให้ความสูงลดลง ควรเพิ่มการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เช่น ปลา นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารที่ให้วิตามินดี เช่น ปลาทูน่า ไข่แดง ก็มีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้เช่นกัน
  • หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก และกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยเร่งการผลิตโกรทฮอร์โมนที่ร่างกายต้องใช้ในการเจริญเติบโต เด็ก ๆ ควรออกกำลังกายทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่ร่างกายหยุดสูงแล้ว การออกกำลังกายจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งเกิดจากการสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูกและอาจทำให้ความสูงลดลงได้
  • นอนหลับให้เพียงพอ ในวัยเด็กที่ร่างกายยังเจริญเติบโตอยู่นั้น ควรนอนอย่างน้อย 9-11 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนขึ้นขณะนอนหลับ หากนอนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ และฮอร์โมนชนิดอื่น ๆ น้อยลง ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่
  • จัดระเบียบท่าทางให้ถูกต้อง การยืน เดิน นั่ง นอน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง อาจกระทบต่อส่วนสูงด้วย เช่น การงอหลังตลอดเวลาอาจทำให้กระดูกสันหลังผิดรูป รู้สึกปวดคอ ปวดหลัง และดูเตี้ยกว่าปกติ เด็กที่มีปัญหาด้านนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ปรับลักษณะท่าทาง หรืออาจใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง
กินนมวัว
จริงมั้ย กินนมวัว จะทำให้ประจำเดือนมาเร็วและหยุดสูงทันที

กรมอนามัยแนะนำอยากให้ลูกสูงให้ กินนมวัว

นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ร่วมประกาศเจตจำนง “กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มวัยสุขภาพดี ด้วยการกินอาหารครบส่วน ร่วมกับดื่มนมจืด 2 แก้ว ออกกำลังกาย นอนหลับอย่างเพียงพอทุกวัน” ในงานวันดื่มนมโลก ประจำปี 2565 (World Milk Day 2022) ณ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ในงานนี้ภาคีเครือข่ายร่วมงาน อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ FAO สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย เครือข่ายนมดี ทุกวัยดื่มได้ทุกวัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย สมาคมอุตสาหกรรมนมและอาหาร สมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย สสส.  Milk Board และผู้ประกอบการฟาร์มโคนม นมควาย นมแพะ ผู้ประกอบการนมและผลิตภัณฑ์นม

ควรมีนมติดบ้าน เพิ่มการบริโภค เพิ่มความสูง

กรมอนามัยร่วมกับภาคีเครือข่าย ขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยเตรียมนมไว้ที่บ้านสำหรับเด็ก เนื่องจากผลการสำรวจของกรมอนามัยกับสวนดุสิตโพล พบว่า เด็กและวัยรุ่น จะดื่มนมมากขึ้น ถ้ามีนมติดบ้าน เพื่อส่งเสริมโภชนาการให้เด็กไทยไม่อ้วน ผอม เตี้ย พร้อมทั้งกำหนดข้อปฏิบัติ ในการบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย โดยหนึ่งในข้อปฏิบัติ คือ การดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย

นมช่วยให้สูงได้อย่างไร

ดร.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า นมเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี แคลเซียมในนมมีปริมาณมาก ดูดซึมได้ดีที่สุด มีความสำคัญมาก ต่อมวลกระดูก และการขยายตัวของกระดูก โดยเฉพาะในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และมีความสำคัญมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นที่เริ่มมีช่วงโตเร็ว จะมีการสะสมมวลกระดูกเพิ่มขึ้นมาก หากออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ออกมารับวิตามินดีจากแสงแดดที่ช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมจากนม รับประทานอาหารรบ 5 หมู่ และนอนเพียงพอ ก็จะเติบโตสมวัย

จริงมั้ย กินนมวัว จะทำให้ประจำเดือนมาเร็วและร่างกายจะหยุดสูง

จากที่มีการแชร์ข้อมูลโดยระบุว่ากินนมวัวจะกระตุ้นทำให้ประจำเดือนมาเร็ว และร่างกายจะหยุดสูงทันที ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่ามีข้อมูลพบว่าระดับเอสโตรเจนในนมวัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในเด็กที่มักดื่มนมปริมาณมาก แต่พบว่าฮอร์โมนที่ได้รับนั้นมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับฮอร์โมนที่สร้างในร่างกายปกติ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากนมวัว ไม่มีปริมาณมากเพียงพอที่จะทำให้ประจำเดือนมาเร็ว หลังประจำเดือนมาครั้งแรก เด็กจะสูงต่ออีก 1 – 2 ปี เด็กจะหยุดสูงทันที

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

กรมอนามัยpobpad, ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

รีวิว..“นม UHT” 6 แบรนด์ดังของลูกวัยดื่ม “นมกล่อง” ไหน ? ดื่มแล้วได้สารอาหารสมองดีที่สุด

ชวนเปิดกล่อง ไมโล นมถั่วเหลือง อร่อยไม่เปลี่ยน แพ้นมวัวก็ดื่มได้

นมแพะ ดื่มดีมีประโยชน์ต่อเด็ก จริงหรือ?

วัคซีนมะเร็ง ปากมดลูก 9 สายพันธุ์

ปากมดลูก สำคัญไฉนกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก 9สายพันธุ์

Alternative Textaccount_circle
event
วัคซีนมะเร็ง ปากมดลูก 9 สายพันธุ์
วัคซีนมะเร็ง ปากมดลูก 9 สายพันธุ์

ปากมดลูก ส่วนหนึ่งของร่างกายผู้หญิงที่ทุกคนควรใส่ใจ ทำความรู้จัก รักษา ป้องกันสุขภาพปากมดลูกด้วย วัคซีนมะเร็งปากมดลูก 9 สายพันธุ์ ครอบคลุม หายห่วงโรคร้าย

ปากมดลูก สำคัญไฉนกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก 9สายพันธุ์

ปากมดลูกคือ ส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงที่ต่อจากมดลูกในช่องท้องโผล่ยื่นออกในช่องคลอด ปากมดลูกเป็นทางผ่านของเลือดประจำเดือน ซึ่งมาจากมดลูกและไหลออกมาภายนอกผ่านช่องคลอด ขณะมีเพศสัมพันธ์น้ำอสุจิจะไปอยู่ในช่องคลอดเข้าไปสู่มดลูกทางปากมดลูก เมื่อเกิดการปฏิสนธิกับไข่ของคุณผู้หญิงจะทำให้เกิดทารกน้อยๆ อาศัยในโพรงมดลูก และคลอดออกมาทางช่องคลอดเมื่อครบกำหนด

ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ!!

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยการตรวจทางเซลล์วิทยาหรือ PAPSMEAR เป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก และทำการสืบค้นหาให้ได้รอยโรคที่แท้จริงบนปากมดลูกที่เป็นต้นเหตุของความผิดปกติที่ตรวจพบ หากตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วพบว่าผลผิดปกติ อย่าเพิ่งตกใจ!!

ปากมดลูก นั้นสำคัญไฉน
ปากมดลูก นั้นสำคัญไฉน

ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติไม่ใช่ต้องเป็นมะเร็งทุกราย

สาเหตุของความผิดปกติของปากมดลูกจากผลการตรวจคัดกรอง อาจเกิดจาก

  1. ภาวะปากมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด
  2. ภาวะการติดเชื้อไวรัสก่อมะเร็งปากมดลูก – HPV พบได้บ่อย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ แต่จะตรวจพบก็ต่อเมื่อมีการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเท่านั้น บางรายอาจจะทำให้เกิดรอยโรคเป็นหูดหงอนไก่หรือบางรายเชื้อไวรัสนี้อาจจะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุปากมดลูกให้มีการแบ่งตัวผิดปกติ และกลายเป็นมะเร็งได้ในอนาคต
  3. เซลล์ปากมดลูกผิดปกติ เป็นรอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก เซลล์ผิดปกติเหล่านี้ (HSIL, LSIL) ยังไม่ได้เป็นเซลล์มะเร็ง แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ทำการตรวจรักษา อาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ในภายหลัง
  4. ภาวะช่องคลอดแห้งการขาดฮอร์โมนเพศ พบบ่อยในวัยหมดประจำเดือน ทำให้ผนังเยื่อบุปากมดลูกบางลง แห้งและอักเสบ

ทำความรู้จัก HPV เชื้อก่อมะเร็งที่พบได้บ่อย

Human Papillomavirus (HPV) เป็น DNA ไวรัสที่ได้รับมาจากการสัมผัสโดยตรง (Direct Contact) จากการมีเพศสัมพันธ์ (Sexual Transmission Infection) ซึ่งจากการค้นพบในปัจจุบัน พบมากกว่า 140 type โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เซลล์ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งถึงเป็นมะเร็ง (High Risk HPV) ซึ่งมีชื่อเป็นหมายเลขของ HPV High Risk type 16, 18, 31, 33, 39, 45, 51, 52, 56, 58, 59, 68, 35, 66 ส่วนที่เหลือเป็น Low Risk HPV ซึ่งในกลุ่มนี้ No. 6, 11 สามารถทำให้เป็นโรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

นอกจากนี้ HPV เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดมะเร็งและยังทำให้เกิดมะเร็งบริเวณที่อื่น ๆ ได้ เช่น มะเร็งช่องคลอด, มะเร็งทวารหนัก (ในชายรักร่วมเพศ), มะเร็งช่องปากและลำคอ และมะเร็งอวัยวะเพศชาย ทั้งนี้การเกิดมะเร็งขึ้นกับภูมิร่างกายของคนที่ได้รับเชื้อ HPV ด้วย ถ้าภูมิร่างกายต่ำ เช่น เป็น Immunocompromised เช่น HIV, SLE  อาจทำให้มีการพัฒนาเซลล์เปลี่ยนในระยะก่อนเป็นมะเร็งเป็นมะเร็งได้เร็วขึ้น (น้อยกว่า 10 ปี)

ตรวจคัดกรองมะเร็ง ปากมดลูก ช่วยป้องกันก่อนเกิดโรคร้าย
ตรวจคัดกรองมะเร็ง ปากมดลูก ช่วยป้องกันก่อนเกิดโรคร้าย

คนส่วนใหญ่ได้ HPV High Risk แล้วสามารถ Clearance (ขจัดออกไปได้) โดยใช้เวลาเฉลี่ย 8 เดือนในภูมิคุ้มกันดีมาก และสามารถขจัดออกได้ถึง 70% ใน 1 ปี แต่ถ้ายังตรวจพบ HPV High Risk มากกว่า 2 ปี พบว่ามีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกในกลุ่ม High Risk Type 16, 18 ถึง 200 – 400 เท่า และ HPV  Other High Risk 30 – 40 เท่า

ไม่มียารักษา HPV!!

ไวรัส HPV ไม่เพียงแต่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่ยังไม่มียาที่สามารถรักษาได้หายขาด การฉีดวัคซีนป้องกัน  HPV จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณผู้หญิงไม่ควรละเลย โดยเฉพาะวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก 9 สายพันธุ์

เชื้อเอชพีวีมีอยู่ร้อยกว่าชนิด แต่ที่จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกก็มีประมาณ 15 ชนิด โดยเบอร์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก ที่เหลือร้อยละ 30 เกิดจากไวรัสเอชพีวีชนิดอื่น (เบอร์อื่น)

ปัจจุบันเรามีวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่

  1. วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ชนิด 2 สายพันธุ์ ชื่อ CERVARIX ซึ่งจะป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ High Risk 16,18   
  2. วัคซีนมะเร็ง ปากมดลูก ชนิด 4 สายพันธุ์ ชื่อ GARDASIL ซึ่งจะป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ High Risk 16 ,18 Low Risk  6,11 หูดหงอนไก่
  3.  วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ชื่อ Human Papillomavirus 9 – Valent Vaccine ซึ่งจะป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ 6, 18, 31, 33, 45, 52, 58 (เพิ่มมาอีก 5 สายพันธุ์)  Low Risk  6,11 หูดหงอนไก่
ฉีดวัคซีน แต่ก็ยังต้องเข้ารับการตรวจภายในประจำปี
ฉีดวัคซีน แต่ก็ยังต้องเข้ารับการตรวจภายในประจำปี

โปรแกรมการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์                      

การฉีดวัคซีน HPV มีโปรแกรมการฉีด ดังนี้

             ถ้าฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 6 – 12 เดือน

             ถ้าฉีดเข็มแรกหลังอายุ 15 ปีเป็นต้นไป ฉีด 3 เข็ม ฉีดเป็น 0, 2, 6 หรือ 0, 1, 6

การฉีดวัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์นั้น มีข้อกำหนด และโปรแกรมการฉีดวัคซีนไม่แตกต่างจาก วัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ เพราะยังใช้ Program Recommend เหมือนเดิมคือ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 – 45 ปี อายุที่เหมาะสมนั้นแล้วแต่เชื้อชาติ และอายุการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งถ้าจะป้องกันให้ได้ประสิทธิภาพดี ควรฉีดตั้งแต่ยังไม่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ เช่น ในอเมริกาเริ่มที่อายุ 9 ปี ในอังกฤษเริ่มที่อายุ 11 ปี ในประเทศไทยแล้วแต่ความพร้อม โดยมากฉีดก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือก่อนอายุที่จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์

เคยฉีดวัคซีน HPV 2 หรือ 4 สายพันธุ์แล้ว ยังต้องฉีดชนิด 9 สายพันธุ์ไหม??

มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 2 หรือ 4 สายพันธ์ุ มาแล้ว ควรเว้นระยะการฉีดมากกว่า 1 ปี จะมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยมากกว่า ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องจุดมุ่งหมายของวัคซีนแบบ 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์  คือ ป้องกันการติดเชื้อชนิด High Risk และป้องกันหูดหงอนไก่ จาก Low Risk  เป็นการป้องกันที่ให้ผล 70% ไม่ใช่ 100% เพราะฉะนั้นการฉีดแบบ 9 สายพันธุ์จะทำให้ครอบคลุม HPV High Risk ที่มีส่วนที่ทำให้เป็นระยะก่อนเป็นมะเร็ง และมะเร็งได้มากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นที่ต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกต่อไป

ปากช่องคลอด กับโรคร้าย
ปากช่องคลอด กับโรคร้าย

เรื่องน่ากลัวของมะเร็งปากมดลูก!!

สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องน่ากลัวของมะเร็ง ปากมดลูก คือ ในระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก จะไม่มีอาการใดๆ และแม้ว่าผู้ที่เป็นมะเร็งปากมดลูกที่เป็นไม่มากก็ไม่แสดงอาการเช่นกัน ดังนั้นถ้าไม่มาตรวจภายในประจำปี แล้วรอมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น  เลือดออกทางช่องคลอด ตกขาวกลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็อาจสายไป เพราะแสดงว่าได้เกิดโรคขึ้นมาแล้ว และเป็นมากแล้ว จึงอยากเน้นอีกทีว่า เราจะต้องตระหนักว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ป้องกันได้ และต้องเห็นความสำคัญของการมาตรวจภายในประจำปี เพราะแม้จะได้รับวัคซีนป้องกันแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงต้องได้รับการตรวจภายใน ที่สามารถช่วยบอกให้เราทราบถึงความผิดปกติก่อนเกิดโรคได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.rama.mahidol.ac.th/www.bangkokhospital.com/www.khonkaenram.com

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง แม่ท้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอด!

โรคมือเท้าปาก อาการ เริ่มต้น เฝ้าระวังเชื้อใหม่แรงกว่าเดิม

ระวัง! ไข้เลือดออกระบาด รุนแรง เด็ก 15 ปี เสียชีวิตแล้ว

วิจัยเผย! “แปรงสีฟัน” แหล่งสะสมเชื้อโรค เสี่ยงลูกเป็นโรคช่องปาก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ

ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ วินัย เกิดจากอะไร เป็นยังไง

Alternative Textaccount_circle
event
ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ
ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ

ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ วินัย เกิดจากอะไร เป็นยังไง

คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินข่าวว่าคุณ เมฆ วินัย ไกรบุตร นักแสดงชื่อดัง กำลังทุกข์ทรมานจากอาการ ตุ่มน้ำพอง ขึ้นทั่วตัวมาตลอดหลายปี มีทั้งช่วงที่อาการดีขึ้นและล่าสุดอาการแย่ลง จนถึงกับเป็นหนี้สิน โรคนี้เกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร มาศึกษาไว้เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้ระมัดระวังตัวเองด้วยค่ะ

ตุ่มน้ำพอง คืออะไร เกิดจากสาเหตุใด

โรคตุ่มน้ำพอง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มพองน้ำ เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้ไม่บ่อยมาก สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มาทำลายโครงสร้าง ที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหลุดออกจากกัน กลายเป็นตุ่มน้ำ และแผลถลอก รวมถึงมีสาเหตุเกิดได้จาก พันธุกรรม การติดเชื้อ การแพ้ยา แพ้สารเคมี

หรืออาจเรียก โรคนี้อีกแบบว่า “ภูมิเพี้ยน” คือภูมิต้านทานที่มีหน้าที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรค สองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

โรคเพมฟิกัส (Pemphigus) เป็นกลุ่มอาการของโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองที่มีหนองขึ้นบริเวณผิวหนังหรือเยื่อบุผิวอื่น ๆ เช่น ในดวงตา จมูก ปาก ลำคอ หรืออวัยวะเพศ และเมื่อตุ่มน้ำแตกออกจะกลายเป็นแผลและทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้

โรคเพมฟิกอยด์ (Bullous Pemphigoid) เป็นโรคในกลุ่ม ตุ่มน้ำพองทางผิวหนังที่พบบ่อย และมีอาการคล้ายคลึงกับโรคเพมฟิกัส ลักษณะเด่นของโรคนี้ ที่ต่างจากเพมฟิกัส คือ

  1. ตุ่มพองจะเต่งตึง แตกได้ยาก เนื่องจากการแยกตัวของผิว อยู่ในตำแหน่งที่ลึกกว่าเพมฟิกัส
  2. มักพบตุ่มน้ำพองมาก ในตำแหน่งท้องส่วนล่าง แขนขาด้านใน บริเวณข้อพับ และส่วนน้อยที่จะมีแผลในปาก

สามารถพบโรคเพมฟิกอยด์ได้บ่อยในคนสูงอายุ ทั้งสองโรคนี้แยกกันได้จากอาการ และการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติม

โรค ตุ่มน้ำพอง อาการเป็นอย่างไร

อาการโรคกลุ่มนี้บางชนิดพบเฉพาะในเด็ก บางชนิดพบได้ในผู้ใหญ่ พบได้ทั้งเพศหญิงและชาย โดยมีลักษณะเด่นคือ

  • ตุ่มพองที่ผิวหนังหรืออาจมีตุ่มพองที่บริเวณเยื่อบุต่างๆ ร่วมด้วย อาจมีขนาดต่างกัน
  • มักมีแผลถลอกในช่องปากร่วมด้วย รวมถึงอาจพบแผลถลอกที่เยื่อบุบริเวณอื่น เช่น ทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องคลอดและอวัยวะเพศ
  • เมื่อตุ่มน้ำแตกจะเกิดแผลถลอกหรือเป็นสะเก็ด ทำให้มีอาการเจ็บมาก
  • ผู้ป่วยในช่วงอายุ 50-60 ปีเกิดจากความผิดปกติที่ชั้นผิวหนังกำพร้าในผิวหนังชั้นตื้น แต่อาจกินบริเวณกว้าง
  • ผู้ป่วยจะมีแผลเหมือนถูกน้ำร้อนลวก
ตุ่มน้ำพอง
ตุ่มน้ำพอง ที่กัดกินชีวิตเมฆ วินัย เกิดจากอะไร เป็นยังไง

ตำแหน่งที่พบบ่อย

ศีรษะ หน้าอก หน้าท้อง และบริเวณที่ผิวหนังเสียดสีกัน ผู้ป่วยบางรายมีแผลที่เยื่อบุในปากเป็นอาการนำของโรค ทำให้กลืนอาหารลำบาก ทั้งอาจลามต่ำลงไปถึงคอหอย และกล่องเสียงทำให้เสียงแหบได้

ในรายที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง แผลจะมีลักษณะเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็นหายได้ยาก มักกลายเป็นรอยแผลเป็น ถ้าเป็นรุนแรง เชื้อโรคอาจเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้มีไข้และอาการทางระบบอื่นๆ ร่วมด้วย และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

การดูแลโรคตุ่มน้ำพอง ทำได้อย่างไร

1. ควรพบแพทย์สม่ำเสมอ ไม่ควรหยุดยาหรือปรับลดยาเอง

2. ควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ บริเวณที่เป็นแผลใช้น้ำเกลือ ทำความสะอาดแผล ไม่แกะเกาผื่นแผล ไม่ควรใช้ยาพ่นหรือพอกยาเพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

3. ผู้ป่วยมีภาวะภูมิต้านทานต่ำ จากการได้รับยากดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อ ไม่ไปในสถานที่แออัด

4. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ระคายเคืองต่อผิวหนังง่าย เช่น เสื้อผ้าที่รัด ความร้อน

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่สุกสะอาด อาหารอ่อนย่อยง่ายรสไม่จัด ผลไม้ควรปอกเปลือกก่อนรับประทาน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดคับ

6. การได้รับยากดภูมิต้านทาน อาจมีผลกระทบต่อโรคประจำตัวได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรได้รับการรักษาควบคู่กันไป นอกจากนี้หากมีอาการปวดท้องอุจจาระดำ อาเจียนเป็นเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

7. ในช่วงที่โรคยังไม่สงบ ไม่ควรตั้งครรภ์ เนื่องจากยาที่ใช้ควบคุมโรคอาจมีผลต่อทารกในครรภ์

8. ผู้ป่วยที่มีแผลในปากควรงดอาหารรสจัด และงดรับประทานอาหารแข็ง เช่น ถั่ว ปลาแห้ง ของขบเคี้ยว เนื่องจากอาจกระตุ้นการ หลุดลอกของเยื่อบุในช่องปาก

9. หลีกเลี่ยงแสงแดด และความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ

10.ถ้ามีอาการที่บ่งถึงการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง ไอ ปัสสาวะแสบขัด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคตุ่มน้ำพอง

ตุ่มน้ำพอง เป็นโรคที่ใครหลายคนอาจไม่คุ้นหูมากนัก จึงอาจทำให้ได้รับความเชื่อ และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้มาบ้าง ซึ่งความจริงของโรคนี้ยังมีอยู่หลายประการ ได้แก่

  • สาเหตุในการเกิดโรค ไม่ได้เกิดจากการออกกำลังกาย การทานอาหาร และทางพันธุกรรมแต่อย่างใด
  • โรคตุ่มน้ำพองไม่สามารถติดต่อได้ โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้ป่วย
  • โรคนี้สามารถรักษาได้ และในปัจจุบันยังมีวิธีรักษาที่หลากหลายอีกด้วย แต่การรักษานั้นต้องใช้เวลาตามความหนักเบาของอาการ
  • เป็นโรคนี้แล้วตั้งครรภ์ได้ไหม ไม่แนะนำให้ตั้งครรภ์ เนื่องจากยาที่ได้รับระหว่างรักษา อาจมีผลต่อลูกน้อยในครรภ์ได้

การรักษา

โรคตุ่มน้ำพองชนิดเพ็มฟิกัสและเพ็มฟิกอยด์ มียาหลักที่ใช้รักษา คือ ยาเพรดนิโซโลน (prednisolone) ซึ่งจะเริ่มยาด้วยขนาดสูงก่อน เมื่อควบคุมโรคได้แล้วจึงค่อยลดยาลง การปรับขนาดยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ถ้าผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงระหว่างรับประทานยา ต้องรีบปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลเพื่อพิจารณาปรับขนาดยา หรือเปลี่ยนไปใช้ยากลุ่มอื่น ซึ่งยากลุ่มอื่น ๆ

ระยะเวลาที่จะสามารถคุมโรคได้อาจใช้เวลาเป็นเดือน เมื่อควบคุมโรคได้ผู้ป่วยอาจต้องกินยาต่อไปอีกระยะหนึ่ง แพทย์จะแนะนำว่าเมื่อใดควรลดหรือหยุดยา การหยุดยาอย่างกะทันหันอาจทำให้โรคกำเริบได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

โรงพยาบาลเพชรเวช ,Pobpad , โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ,โรงพยาบาลเปาโล

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

คัน ไม่ใช่เรื่องเล็ก! เช็คอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังพบบ่อยในหน้าฝน พบได้ทั้งแม่ลูก

โรคมือเท้าปาก อาการ เริ่มต้น เฝ้าระวังเชื้อใหม่แรงกว่าเดิม

CPR

CPR ช่วยชีวิตลูกจากการสำลัก ของติดคอ หากลูกหมดสติ

Alternative Textaccount_circle
event
CPR
CPR

CPR การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังจะหยุดหายใจ หรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ให้กลับมาหายใจ หรือลมหายใจไหลเวียนได้ตามปกติ

CPR ช่วยลูกจากการสำลัก ของติดคอ หากหมดสติ ไม่หายใจ

หากลูกเกิดการสำลัก ของติดคอ คุณพ่อคุณแม่ควรตั้งสติให้ดี รีบช่วยเหลือลูกให้เร็วที่สุด ทุกวินาทีที่ผ่านไปหมายถึงชีวิตของลูกคุณ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ขั้นตอนการทำCPR และการช่วยลูกเมื่อเกิดการสำลัก ของติดคอ

เรียนรู้การทำ CPR
เรียนรู้การทำ CPR

CPR ช่วยลูกจากการสำลัก ของติดคอ หากหมดสติ ไม่หายใจ

CPR คือ ย่อมาจาก Cardiopulmonary resuscitation ความสำคัญของการทำ CPR ตอนนี้อยู่ที่การปั๊มหัวใจ ที่ต้องทำให้ถูกต้อง และทันเวลา เพราะหากสมองขาดออกซิเจนไปเกิน 4 นาที สมองอาจเสียหายได้

เราสามารถเข้าไปทำCPR ให้กับผู้ป่วยที่หมดสติ ลมหายใจอ่อนหรือหยุดหายใจ หัวใจใกล้หยุดเต้น หรือหยุดเต้นไปแล้ว เช่น จมน้ำ หัวใจวาย สำลักควันไฟจากที่ที่เกิดไฟไหม้ อุบัติเหตุต่างๆ

ขั้นตอนการทำCPR มีดังนี้

  1. ตรวจดูความปลอดภัยบริเวณรอบๆ ตัวผู้ป่วย เช่น มีของแหลมคม มีกระแสไฟฟ้า มีน้ำมัน มีไฟ หรือสิ่งอันตรายอื่นๆ หรือไม่ ถ้าดูไม่ปลอดภัย อย่าเพิ่งเข้าไป เรียกกู้ภัยมาช่วยเหลือดีกว่า
  2. ปลุก โดยการตบที่บ่าทั้ง 2 ข้าง เรียกเพื่อดูว่าผู้ป่วยยังมีสติหรือไม่
  3. โทร 1669 โดยบอกรายละเอียดผู้ป่วย จำนวนผู้ป่วย สถานที่เกิดเหตุ และเบอร์โทรติดต่อกลับ หากผู้ป่วยไม่ได้สติ และหยุดหายใจ แจ้งให้ทีมช่วยเหลือทราบ เพื่อให้นำเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED มาด้วย หรือเปิดลำโพงโทรศัพท์ เพื่อทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
  4. จับผู้ป่วยให้นอนหงายอยู่บนพื้นราบแข็ง จัดแขนให้อยู่ข้างลำตัว ไม่บิดไปมา
  5. นั่งคุกเข่าข้างผู้ป่วย วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก (ตำแหน่งตรงกลางระหว่างหน้าอก ระดับเดียวกับหัวนมพอดี) และวางมืออีกข้างทับประสานกันไว้ และกระดกปลายนิ้วมือด้านล่างขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้า ให้แขนตั้งฉากกับผู้ป่วย จะทำให้ส้นมือเป็นจุดที่สัมผัสกับตัวผู้ป่วยเพียงจุดเดียว ไม่วางมือลงไปบริเวณแผ่นอกทั้งหมด เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ซี่โครงด้านซ้ายได้ เริ่มการกดหน้าอกด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที สามารถปั๊มหัวใจตามจังหวะเพลง “สุขกันเถอะเรา” ของสุนทราภรณ์, “Staying Alive” ของ Bee Gees หรือ “Imperial March” เพลงธีมของ Darth Vader ในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ได้
  6. การกดหน้าอกในเด็กอายุ 1-8 ปี ใช้สันมือ 1 หรือ 2 ข้าง กดลึก 5 ซม. ส่วนทารกอายุ 1 เดือน – 1 ปี ใช้ 2 นิ้ว คือ นิ้วกลางและนิ้วนาง กดลึก 4 ซม.
  7. ควรทำCPR ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทีมแพทย์ หรือหน่วยกู้ภัยจะมา หากคุณไม่เคยเข้ารับการฝึกทำCPR มาก่อน ให้กดหน้าอกเพียงอย่างเดียวไปเรื่อยๆ หากคุณเคยทำCPR แล้ว อาจกดหน้าอกสลับกับการเป่าปากช่วยหายใจได้ โดยกดหน้าอก 30 ครั้ง สลับมาเป่าปากช่วยหายใจ 2 ครั้ง นับเป็น 1 รอบ
  8. เป่าปากโดย ให้ใช้สันมือกดที่หน้าผาก และ 2 นิ้วอีกข้างเชยคาง เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ขณะทำการเป่า ประกบปากให้สนิท ใช้ 2 นิ้วบีบจมูก แล้วเป่า สังเกตให้หน้าอกของผู้ป่วยยกขึ้น ทำทั้งหมด 5 รอบ ประมาณ 2 นาที
  9. กดหน้าอก 200 ครั้ง โดยทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 นาที พร้อมประเมินอาการของผู้ป่วย ด้วยการตบไหล่ และเรียกเสียงดัง ๆ ถ้าไม่มีคนช่วย ให้พักได้ไม่เกิน 10 วินาที จากนั้นให้ทำการกดหน้าอกต่อ จนกว่าผู้ป่วยจะมีความเคลื่อนไหว หรือไอ หรือมีผู้นำเครื่องช็อคหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED มา

การสำลักสิ่งแปลกปลอมตกเข้าไปอยู่ในทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดลม ทำให้ขาดออกซิเจน และชีวิตหากช่วยเหลือไม่ทัน

ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้สำลัก

ในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก หรืออายุน้อยกว่า 1 ปี

  1. กรณีไม่หมดสติ ตรวจดูอาการทางเดินหายใจอุดกั้น เช่น ร้องไม่มีเสียง ไอไม่ออก
  2. หาที่นั่ง หรือนั่งคุกเข่า ใช้มือจับอยู่ที่บริเวณกรามของเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้กดที่คอเด็ก จับเด็กคว่ำบนแขน วางแขนที่หน้าขาด้านเดียวกัน พร้อมทั้งเหยียดขาออกไป ให้ศีรษะเด็กอยู่ต่ำกว่าลำตัว ใช้แขนและลำตัวของเราหนีบขาเด็ก ใช้ 2 นิ้วดันคางเด็ก เพื่อเปิดทางเดินหายใจ
  3. ใช้สันมืออีกข้างนึง ทุบที่บริเวณระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง ทุบพอประมาณ 5 ครั้ง
  4. ใช้มืออีกข้างจับเด็กพลิกหงายหน้าขึ้น โดยให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าลำตัว เปิดปากดูว่าเห็นสิ่งที่อุดกั้นทางเดินหายใจหรือเปล่า ถ้ามองเห็นสามารถหยิบออกได้ แต่ถ้าไม่เห็น ไม่ควรล้วง หรือควานหา เพราะสิ่งที่อุดกั้นอาจจะลงไปลึกกว่าเดิม ใช้ 2 นิ้วกดหน้าอก 5 ครั้ง
  5. ทำสลับกันไปมาจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะออกมา
  6. ในกรณีที่หมดสติ ให้ทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือCPRและขอความช่วยเหลือ
  7. ทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือCPRจนความช่วยเหลือมาถึง
ช่วยเด็กสำลัก ในกรณีเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
ช่วยเด็กสำลัก ในกรณีเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี

ในกรณีที่เป็นเด็กโต

  1. กรณีไม่หมดสติ ถามว่าพูดได้ไหม ให้ลงมือช่วยเมื่อเห็นว่า พูดไม่มีเสียง หากเห็นสิ่งแปลกปลอมค่อยดึงเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา แต่ถ้าไม่เห็น ไม่ควรล้วง หรือควานหา เพราะสิ่งที่อุดกั้นอาจจะลงไปลึกกว่าเดิม
  2. เข้าไปที่ด้านหลังของผู้ป่วย หากเป็นเด็กให้คุกเข่า โอบแขนทั้ง 2 ข้างไว้ใต้รักแร้ กำมือไว้ แล้ววางบริเวณเหนือสะดือใต้ลิ้นปี่ มืออีกข้างจับมือที่กำหมัดไว้
  3. รัดกระตุก แรง ๆ เร็ว ๆ ขึ้นไปข้างบน ลักษณะคล้ายจะยกผู้ป่วยขึ้น (abdominal thrust)
  4. ทำซ้ำจนสิ่งแปลกปลอมออกมา
  5. ในกรณีที่หมดสติ ให้ทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือCPRและขอความช่วยเหลือ
  6. ทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือCPRจนความช่วยเหลือมาถึง
ช่วยเด็กสำลัก ในกรณีเป็นเด็กโตและผู้ใหญ่
ช่วยเด็กสำลัก ในกรณีเป็นเด็กโตและผู้ใหญ่

บทความนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำข้อมูลมาฝาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เรียนรู้การทำ CPR และวิธีการช่วยเหลือลูก เมื่อลูกเกิดการสำลัก ของติดคอ เผื่อวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะได้นำมาช่วยลูก หรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีนะคะ

ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจร่วมทำ Workshop ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เรียนรู้การทำ CPR และการช่วยเหลือเมื่อลูกเกิดสำลักกับผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22 จัดวันที่ 8-11 กันยายน 2565 ณ ไบเทค บางนา

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

โชคดีพ่อทำเป็น! ปั๊มหัวใจ ลูกชาย 3 ขวบจมน้ำ รอดหวุดหวิด!

ผู้เชี่ยวชาญแชร์!! วิธีช่วยเหลือ+ป้องกัน เมื่อ “เด็กจมน้ำ”

10 วิธีป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน สำหรับเด็กเล็ก

ไส้กรอกอันเดียว เกือบทำให้ลูกน้อยเสียชีวิต

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://bangpakok3.com, www.chulalongkornhospital.go.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ฝีดาษลิงติดยังไง

ฝีดาษลิงติดยังไง คำถามควรรู้เมื่อพบผู้ป่วยรายแรกในไทย!

Alternative Textaccount_circle
event
ฝีดาษลิงติดยังไง
ฝีดาษลิงติดยังไง

ฝีดาษลิงติดยังไง คำถามที่ต้องการคำตอบด่วน! เมื่อไทยพบผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง รายแรก โรคฝีดาษ ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก น่ากลัวแค่ไหน เคย ปลูกฝี แล้วจะรอดไหมนะ

ฝีดาษลิงติดยังไง คำถามควรรู้เมื่อพบผู้ป่วยรายแรกในไทย!

โรคฝีดาษ โรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปกว่า 15,000 คน เมื่อคราวระบาดครั้งใหญ่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  และในปี พ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าโรคฝีดาษถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว จึงหยุดการ ปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคนับแต่เป็นต้นนั้นมา

ฝีดาษลิง (Monkeypox) คืออะไร?

โรคไข้ฝีดาษลิง หรือ ไข้ทรพิษลิง (Monkeypox) เกิดจาก ไวรัส Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสโรคไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยพบเชื้อในสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระแต เป็นหลัก โดยค้นพบโรคนี้ครั้งแรกในลิง ซึ่งไปรับเชื้อมาโดยบังเอิญ จึงเป็นที่มาของชื่อโรค “ฝีดาษลิง”

ตุ่มแดงแบบไหน คือ ตุ่ม ฝีดาษลิง
ตุ่มแดงแบบไหน คือ ตุ่ม ฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิงแพร่ระบาดอยู่ทั่วไปในทวีปแอฟริกา จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic disease) ซึ่งพบอัตราการเสียชีวิต 1-10% ทั้งนี้การเสียชีวิตขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักของโรคฝีดาษลิง แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก คือ

  • สายพันธุ์ Congo Basin พบอัตราการเสียชีวิต 10%
  • สายพันธุ์ West African พบอัตราการเสียชีวิต 1%

สถานการณ์ โรคฝีดาษวานร ทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ค. 65) จำนวนผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 12,608 ราย พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 66 ประเทศ ประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ สเปน 2,835 ราย  เยอรมัน 1,859 ราย  สหรัฐอเมริกา 1,813 ราย  อังกฤษ 1,778 ราย  และฝรั่งเศส 908 ราย

ฝีดาษลิง พบแล้วรายแรกในไทย!!

วันนี้ (21 กรกฎาคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต พบผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษลิง จึงส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค (JIT) กองระบาดวิทยาและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2565

พบว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าว เป็นเพศชาย สัญชาติไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย ให้ข้อมูลการป่วยว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค เบื้องต้นผลการตรวจ PCR พบเชื้อ Monkeypox virus โดยห้องปฏิบัติการที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (TRC-EIDCC)และต่อมายืนยันโดยห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค. 65 และทีมสอบสวนควบคุมโรครวบรวมข้อมูลการสอบสวนทั้งข้อมูลอาการทางคลินิก ข้อมูลระบาดวิทยา และข้อมูลห้องปฏิบัติการเข้าพิจารณาในคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในบ่ายวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ผลสรุปว่าเป็นผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรที่พบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

ที่มา : www.bangkokbiznews.com
กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบ ผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง ในไทย
กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบ ผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง ในไทย

กระทรวงสาธารณสุข ขออย่าตื่นตระหนก!!

ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับธรรมชาติของโรคนี้ อย่าตื่นตระหนก และมั่นใจได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมือโรคฝีดาษลิง ทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวด

โดยกรมควบคุมโรคได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรณีโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาเคยคัดกรองและส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับโรคจำนวน 19 รายซึ่งผลตรวจพบว่าไม่เป็นฝีดาษลิง

ทั้งนี้ การเฝ้าระวังผู้ป่วยฝีดาษวานร ที่คลินิกนิรนาม คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกโรคผิวหนังและโรงพยาบาล ยังมีการตรวจคัดกรองและรายงานโรคตามนิยามผู้ป่วยสงสัยทุกราย โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่อต้องเฝ้าระวัง ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งแพร่โรคได้จากการสัมผัสโดยตรงกับผื่น ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนองจากผู้ป่วย จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

ฝีดาษลิงติดยังไง ติดง่ายเพียงแค่ฉี่กระเด็นจริงหรือ?

ฝีดาษลิงติดยังไง ติดง่ายไหม
ฝีดาษลิงติดยังไง ติดง่ายไหม
“ฝีดาษลิง ไม่ได้ติดกันง่ายๆ เพียงแค่โดนฉี่กระเด็นใส่ นะครับ”
ตอนนี้กระแสความกังวลเรื่อง “ฝีดาษลิง” เหมือนจะไปกันใหญ่แล้วนะครับ แน่นอนว่ามันเป็นโรคที่ถ้าเป็นขึ้นมา แล้วจะดูไม่ดีเอาเสียเลยกับการมีฝีตุ่มขึ้นเต็มตัว (เหมือนสมัยที่โรคอีสุกอีใส ยังเคยระบาดในไทย) แต่มันก็ไม่ได้จะอันตรายร้ายแรงมากนัก
โอกาสติดโรคก็ไม่ได้จะสูงมากมายอย่างโควิดนะครับ หลักๆ จะเป็นการใกล้ชิด พูดคุย คลุกคลี ใช้สิ่งของร่วมกัน สัมผัสโดนน้ำคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อแล้วมาเข้าสู่บาดแผลบนตัวเรา หรือเข้าไปทางปาก จมูก ตา ให้จำนวนไวรัสเข้าไปเยอะมากเพียงพอที่จะเป็นโรค .. ไม่ใช่ว่าโดนผิวปุ๊บ แล้วติดโรคปั๊บ
ที่มา : เพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

ทำความเข้าใจก่อนตื่นตระหนก…โรคฝีดาษลิง ติดต่อได้อย่างไร?

สามารถติดต่อได้จาก

  • สัตว์สู่คน สามารถติดต่อได้จากสัตว์กัดแทะทุกชนิด โดยติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง น้ำหนอง ตุ่มหนองของสัตว์ ผื่นสัตว์ การถูกสัตว์ติดเชื้อกัดหรือข่วน การรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ติดเชื้อ และปรุงไม่สุก
  • คนสู่คน โดยการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งอย่างไอ จาม ผื่น ตุ่มหนอง น้ำหนอง สิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อของผู้ป่วย ซึ่งมักมาจากการใช้ของร่วมกันกับผู้ป่วย

จะแพร่ระบาดเหมือน Covid-19 ไหม!!!

สำหรับใครที่กังวลและสงสัยว่า โรคไข้ฝีดาษลิง นี้ จะกลายเป็นโรคระบาดที่เกิดการระบาดทั่วโลก (Pandemic) เหมือนกับ Covid-19 ไหม? โอกาสในกลายเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกนั้นมีได้น้อยกว่า เพราะลักษณะในการแพร่เชื้อจะผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นหลัก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถติดเชื้อผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องติดตามข้อมูลข่าวสารกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

ในแง่ของการควบคุมโรคนั้น หากเชื้อมีการแพร่ระบาดจากคนไปสู่สัตว์ จะทำให้การควบคุมโรคทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสัตว์ฟันแทะที่จะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อตามธรรมชาติของเชื้อไวรัสนี้อยู่แล้ว โดย ณ ข้อมูลปัจจุบัน ยังไม่พบรายงานว่า มีเชื้อไวรัสในกลุ่มสัตว์ฟันแทะ (เช่น กระรอก หนู กระแต) ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

ชวนรู้จักรอบด้าน กับโรคฝีดาษลิง ( Monkeypox) ไปกับแพทย์หญิงวรฉัตร เรสลี อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อ รพ.ศครินทร์

ขอขอบคุณคลิปดี ๆ จาก www.sikarin.com

เคย ปลูกฝี รอดจริงหรือ?

ผู้ที่ได้รับการปลูกฝีเพื่อป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษในอดีตมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันฝีดาษลิงได้ เพียงแต่ประเทศไทยเลิกปลูกฝีไปตั้งแต่ปี พ.. 2517 เนื่องจากฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษหมดไปจากโลกในขณะนั้น ดังนั้นการสังเกตว่าตนเองเคยได้รับการปลูกฝีแล้วหรือไม่สามารถสังเกตได้จากแผลเป็นบริเวณต้นแขนซ้าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแผลแบนเรียบหรือมีหลุมลงไปเล็กน้อย ประกอบกับต้องสังเกตปีเกิด นั่นคือหากเกิดหลังปี พ.. 2523 ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแน่นอน ส่วนในผู้ที่เกิดหลังปี พ.. 2517 แต่ก่อนปี พ.. 2523 นับเป็นช่วงก้ำกึ่งต้องตรวจดูแผลอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อจะยืนยันได้ว่าเคยปลูกฝีมาแล้วหรือไม่

 ที่มา : รศ.พญ. พรรณพิศ สุวรรณกูล รพ. Bangkok Hospital

วัคซีนฝีดาษลิง มีไหม ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร?

ขณะนี้มีวัคซีนฝีดาษคนที่องค์การเภสัชกรรมผลิตเก็บไว้นานกว่า 40 ปี และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำมาตรวจสอบคุณภาพวัคซีน

โดยเป็นวัคซีนเชื้อเป็นเก็บในรูปผงแห้งที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 และ 2523 จำนวน 13 รุ่นการผลิต รวม 10,000 หลอด บรรจุหลอดละ 50 โดส รวมทั้งหมด 500,000 โดส

ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนรุ่นแรกที่ผลิตจากน้ำเหลืองของสัตว์ รูปแบบการนำมาใช้โดยการหยดลงผิวหนังและใช้เข็มสะกิดผิวให้ถลอกเพื่อให้วัคซีนซึมผ่าน

โดยสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนตามมาตรฐานการตรวจวัคซีนในห้องปฏิบัติการ โดยวิธี RT-PCR พบว่า วัคซีนฝีดาษ จำนวน 13 รุ่นการผลิต ยังคงมีลักษณะทางกายภาพที่ดี แต่การที่จะนำมาใช้ได้ในสภาวะฉุกเฉินนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่จะได้รับ รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่มี ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ได้รับวัคซีน

ที่มา : www.prachachat.net
ล้างมือบ่อย ๆ วิธีป้องกัน โรคฝีดาษลิง
ล้างมือบ่อย ๆ วิธีป้องกัน โรคฝีดาษลิง

ห่างไกล โรคระบาด กับวิธีปฎิบัติตัวป้องกันควบคุมโรคด้วยตนเอง 

การป้องกันควบคุมโรคด้วยตนเองนั้น สามารถปฎิบัติตัวได้ดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ป่า
  • หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ
  •  ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ หรือเดินทางเข้าไปในป่า
  • ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง หรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการคัดกรองโรค
  • หลังกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรค ต้องทำการคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ และแยกกักเพื่อมิให้แพร่กระจายเชื้อ

โรคฝีดาษลิงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรง และมีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำ แต่มักพบในเด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องหมั่นสังเกต และดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด รวมถึงศึกษาทำความเข้าใจกับโรคระบาดใหม่นี้ เพื่อมิให้ต้องตื่นตระหนกเกินความจำเป็นได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.thansettakij.com

อ่านต่อบทความดี ๆ  คลิก

ฝีดาษลิง เริม อีสุกอีใส ต่างกันอย่างไร

โรคมือเท้าปาก อาการ เริ่มต้น เฝ้าระวังเชื้อใหม่แรงกว่าเดิม

โอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.4/BA.5 ต้องระวังตัวอย่างไร?

ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังพบบ่อยในหน้าฝน พบได้ทั้งแม่ลูก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

keyboard_arrow_up