ดวงตา ดูแลตาลูก

10 วิธีทางรอดดูแล ดวงตา ลูกให้ปลอดภัยในยุคนี้

Alternative Textaccount_circle
event
ดวงตา ดูแลตาลูก
ดวงตา ดูแลตาลูก

จักษุแพทย์ แนะ “บัญญัติ 10 ประการในการดูแลสุขภาพตา”

รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยและหัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ ได้กล่าวแนะวิธีในการดูแลสุขภาพตาของทุกคนให้มีสุขภาพที่ดี ถนอมตาไว้ใช้ได้นาน ๆ ดังนี้

UV ตัวร้าย ทำลายดวงตา!!

ลองหาอุปกรณ์ช่วยกันแสงแดด  เช่น ร่ม หมวก แว่นกันแดด เป็นต้น และที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ ต้องสามารถป้องกันอันตรายจากแสง UV ได้ด้วยไม่เพียงแค่ระวังแสงแดดเท่านั้น แต่อันตรายจาก UV นั้นสามารถทำร้ายดวงตาลูกได้มากกว่าที่คิด

ตา ประตูด่านแรกของการเรียนรู้
ตา ประตูด่านแรกของการเรียนรู้

แสง UV ก่อให้เกิดความผิดปกติในส่วนต่าง ๆ ของดวงตา ได้แก่ เปลือกตา ผิวหนังอักเสบ มีจุดด่าง มีริ้วรอย และเชื่อกันว่าเป็นตัวทำหรือเร่งให้เกิดมะเร็งผิวหนังบริเวณเปลือกตา เช่น basal cell CA, squamous cell CA ตลอดจน malignant melanoma เยื่อบุตา มีการเสื่อมของเยื่อบุตา ก่อให้เกิดต้อลม นานเข้าลุกลามกลายเป็นต้อเนื้อ

กระจกตา หากรับแสง UV มากฉับพลัน ทำให้เกิดการอักเสบเป็นจุดๆ ทั่วผิวกระจกตาที่เรียกกันว่า UV punctate keratitis ดังที่พบในช่างเชื่อมโลหะที่ไม่สวมแว่นกันแสง UV ระหว่างทำงาน หรือนักเล่นสกีไม่สวมแว่น เกิดภาวะเรียกกันว่า snow blindness ชั่วคราว หรือในรายที่ได้รับแสง UV ทีละน้อย นานเข้าเกิดภาวะที่เรียก climatic droplet keratopathy เป็นเหตุทำให้เกิดต้อกระจกเร็วกว่าคนทั่วไป ในคนที่รับแสง UV มากกว่าคนปกติ

จอตา เชื่อว่าทั้งแสง UV แสง infrared เป็นเหตุให้เกิด eclipse burn หรือ solar retinopathy แม้แต่ภาวะจอตาส่วนกลางเสื่อม (age-related macular degeneration) ก็เชื่อว่าแสง UV น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

ที่มาข้อมูลจาก โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก

คันตา อย่า ขยี้ตา ผลเสียมีนะจะบอกให้!!

จักษุแพทย์เตือน ห้ามขยี้ตา เนื่องจาก ดวงตา เป็นอวัยวะที่บอบบาง และมือของคุณเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย หากคุณนำมือมาขยี้ตาเท่ากับว่าเรากำลังย้ายแบคทีเรียไปยังส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกาย การขยี้ตาช่วยเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการอักเสบของดวงตา โรคตาแดง หากขยี้แรง ๆ อาจทำให้กระจกตาฉีกขาด และอาจเป็นการนำพาเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางตาได้อีกด้วย

มาถึงตรงนี้คงเกิดคำถามว่า แล้วคันตาขึ้นมาจะให้ทำอย่างไรกันละ??

  • หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา พยายามล้างออกด้วยน้ำ หรือน้ำเกลือสำหรับล้างตา ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบไปหาคุณหมอทันที
  • หยอดน้ำตาเทียมเพื่อป้องกัน และแก้อาการตาแห้ง ทำให้ดวงตาชุ่มชื้นขึ้น แทนการขยี้ตาเพื่อให้น้ำตาไหล
  • ใส่ผ้าปิดตาตอนนอน เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว
  • ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบดวงตาเพื่อลดอาการเคือง และตาล้า
  • หากจำเป็นต้องสัมผัสบริเวณดวงตา ควรล้างมือให้สะอาดก่อน
  • หากขยี้ตาจนติดเป็นนิสัย ให้พยายามลด และเลิกขยี้ตา
อย่า ขยี้ตา ทำร้ายดวงตา
อย่า ขยี้ตา ทำร้ายดวงตา

ยาหยอดตา ห้ามซื้อมาใช้เอง

ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง การใช้ยาหยอดตาควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ยาหยอดตา บางตัวอาจเป็นอันตรายทำให้เกิดโรคเสียเอง เช่น ต้อหินจากยาสเตียรอยด์ เป็นต้น

นวดกดตา เสี่ยงอันตรายมากกว่าผ่อนคลาย

การนวดกดดวงตาแรง ๆ อาจทำให้เพิ่มความดันในลูกตา และอาจเกิดความเสี่ยงต่าง ๆ ตามมาได้ ดังนี้

  • มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดต้อหิน
  • จอตาขาดหรือหลุดลอก
  • เลนส์แก้วตาอาจเกิดการเคลื่อนที่
  • เลือดออกในวุ้นตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
  • ในผู้ป่วยเบาหวาน
  • ภาวะเส้นเลือดแดงหรือเส้นเลือดดำของจอตาอุดตันและอาจสูญเสียการมองเห็น

การพักสายตาตากกฎ 20-20-20

เมื่อมีกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาในระยะใกล้ ควรได้รับการพักสายตา มองออกไปในที่ไกล ๆ เป็นเวลา 20 วินาที

กิจกรรมกลางแจ้งดีต่อดวงตา

ควรให้ลูกมีกิจกรรมกลางแจ้ง มากกว่าการใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์หน้าจอที่ต้องใช้ตามาก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะทำให้เกิดปัญหาสายตาได้เร็วขึ้น

หลีกเลี่ยงการรักษาลูกตาด้วยวิธีไม่ได้มาตรฐาน

หากพบความผิดปกติของดวงตา ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรเชื่อวิธีการรักษาดวงตาที่ไม่น่าเชื่อถือ พิสูจน์ไม่ได้ เป็นอันตรายอาจถึงขั้นตาบอดได้

ตา เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่ต้องได้รับการตรวจสุขภาพ

พาลูกไปตรวจสุขภาพตาตามกำหนด หมั่นสังเกตพฤติกรรมของการมองของลูก หากพบความผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจละเอียด ยิ่งพบปัญหาเร็วจะช่วยชลอความเสื่อมของตาได้ดีกว่า

อ่านหนังสือ ก็ต้องพักตาด้วยเช่นกัน
อ่านหนังสือ ก็ต้องพักตาด้วยเช่นกัน

คอนแทคเลนส์

ควรใช้คอนแทคเลนส์เฉพาะกรณีจำเป็นอย่างถูกวิธี และดูแลความสะอาด

ยาหยอดตาควรเก็บในตู้เย็น

การเก็บยาหยอดตาไม่ควรเก็บปะปนกับของใช้สิ่งอื่น ควรเก็บในตู้เย็น ไม่ใช้ร่วมกัน รักษาความสะอาดขณะหยอดตา และใช้ตามคำแนะนำที่เหมาะสม

ตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

การตรวจตาเป็นสิ่งจำเป็น เพราะหากเราพบความผิดปกติเสียแต่เนิ่น ๆ จะทำการดูแลรักษาได้ดีกว่า โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป คนที่มีโรคตากรรมพันธุ์ในครอบครัว เช่น ต้อหิน คนที่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายต่อตา เช่น โรคเบาหวาน ผู้ที่รับประทานยาที่อาจมีผลข้างเคียงต่อตา เช่น สเตียรอยด์ ยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา

เพราะตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ตาทำให้เรามองเห็น ดังนั้นเราจึงควรดูแล ถนอมดวงตากันไว้ให้อยู่ต่อไป ให้เราได้ใช้นาน ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ยังคงต้องใช้ ดวงตา ในการเรียนรู้โลกกว้างใบนี้อีกมาก ดังนั้นพ่อแม่ควรรีบฝึกให้ลูกรู้จักการใช้สายตา การรักษาสุขภาพตาให้ดี ไม่ให้กิจกรรมใด ๆ มาทำร้ายดวงตาของเรา และลูกได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก today.line.me/hellokhunmor.com/chulalongkornhospital.go.th/https://www.synphaet.co.th/https://www.hfocus.org

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

นวดกดจุดลูกน้อย เพิ่มสูง-แก้ลูกไม่กินข้าว ตามแพทย์จีน

โรคตาในเด็ก รีบรักษาก่อนสายเกินแก้!

เปลือกตากระตุก ลางบอกโรค!! โรคอะไร ป้องกันอย่างไร

GEN ME!!Genที่ หลงตัวเอง คุณกำลังเลี้ยงลูกให้เป็นอยู่หรือเปล่า

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up