Craniosynostosis

Craniosynostosis ภาวะ กะโหลกศีรษะเกยกัน ในทารก อันตรายไหม?

Alternative Textaccount_circle
event
Craniosynostosis
Craniosynostosis

Craniosynostosis – ภาวะกะโหลกศีรษะเชื่อมต่อกันผิดปกติหรือเกยกันเป็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นโดยกำเนิดเกิดจากรอยประสานกะโหลกศีรษะของทารกแต่ละส่วนที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งโดยปกติเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีเส้นใยซึ่งจับกะโหลกของทารกไว้ด้วยกันจะยืดและผลิตกระดูกใหม่ สิ่งนี้ทำให้กะโหลกศีรษะขยายได้เมื่อสมองโตขึ้น กระดูกกะโหลกศีรษะมักจะมีความยืดหยุ่นและแยกออกจากกันประมาณ 12 ถึง 18 เดือนหลังคลอด ภาวะกะโหลกศีรษะเกยกันจะเกิดขึ้นหากมีรอยประสานในกะโหลกศีรษะก่อนที่สมองจะก่อตัวเต็มที่ การปิดก่อนกำหนดหมายความว่าสมองจะไม่สามารถเติบโตในรูปร่างตามธรรมชาติได้ ทำให้ศีรษะมีรูปร่างผิดปกติซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของสมอง ประสาทตา และระบบทางเดินหายใจของทารกได้ในอนาคต

Craniosynostosis ภาวะ กะโหลกศีรษะเกยกัน ในทารก อันตรายไหม?

สาเหตุของ Craniosynostosis ภาวะกะโหลกศีรษะทารกเกยกัน

สาเหตุสำคัญนั้นเกิดจากการที่กระดูกที่มาประกอบกันเป็นกะโหลกศีรษะมีการเชื่อมติดหรือผสานต่อกันอย่างผิดปกติ หรือรอยต่อขอกะโหลกทำการปิดก่อนที่สมองของทารกจะเจริญเติบโตเต็มที่ ซึ่งโดยปกติ รอยต่อของกะโหลกเหล่านี้ควรเปิดอยู่จนกว่าทารกจะอายุประมาณ 2 ขวบ แล้วจึงเชื่อมติดสนิทจนแน่น เมื่อข้อต่อปิดเร็วเกินไป ส่งผลให้สมองดันกะโหลกขณะที่ร่างกายยังเติบโตต่อไป ซึ่งทำให้ศีรษะของทารกดูผิดรูปและยังสามารถทำให้เกิดแรงกดดันในสมองเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นและปัญหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ได้ ทารกประมาณ 1 ใน 2,500 คน เกิดมาพร้อมกับอาการนี้  นอกจากนี้ทารกกะโหลกที่รอยต่อผสานรวมเร็วเกินไปอาจเกิดได้จากโรคทางพันธุกรรม ต่อไปนี้

  • กลุ่มอาการครูซอง (Crouzon Syndrome)
  • กลุ่มอาการเอเพิร์ต (Apert Syndrome)
  • กลุ่มอาการไฟเฟอร์ (Pfeiffer Syndrome)
  • กลุ่มอาการคาร์เพนเตอร์ (Carpenter Syndrome)
  • กลุ่มอาการเซเทอร์-โชเซน (Saethre-Chotzen Syndrome)

ใครบ้างที่มีความเสี่ยง

ความเสี่ยงของการเกิดภาวะกะโหลกศีรษะเกยกันอาจเพิ่มขึ้นในทารกที่คลอดก่อนกำหนด เช่นเดียวกับทารกที่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคนี้ หรือมีความผิดปกติทางพันธุกรรม นอกจากนี้ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้น หากมารดาต้องใช้ยารักษาภาวะเจริญพันธุ์หรือเป็นโรคไทรอยด์ในระหว่างการตั้งครรภ์นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่คลอด้วยวิธีธรรมชาติในกรณีที่ท่าของทารกอยู่ผิดปกติในเชิงกรานของมารดาส่งผลให้ศีรษะทารกอาจเคลื่อนได้ช้าระหว่างการคลอด ซึ่งอาจตรวจพบศีรษะบวมน้ำหรือพบการเกยกันของกะโหลกศีรษะทารกได้มากขึ้นหลังคลอด

อาการของ Craniosynostosis กะโหลกศีรษะทารกเกยกัน

อาการโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับรอยต่อกะโหลกศีรษะของทารกที่ผิดปกติ รวมถึงพัฒนาการของสมอง มักจะสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้เมื่อทารกคลอด อย่างไรก็ตาม เด็กบางคนอาจไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงสัปดาห์แรกหรือเดือนแรกหลังคลอด

อาการที่พบได้โดยทั่วไปของโรคกะโหลกศีรษะทารกเกยกัน ได้แก่

  • ศีรษะและกะโหลกผิดรูป
  • กระหม่อมหายไปบนศีรษะของทารก
  • สันแข็งตามแนวรอยประสานของกะโหลก
  • การเจริญเติบโตของศีรษะถดถอย ในขณะที่ร่างกายยังคงเติบโต
  • เด็กมีอาการง่วงซึมหรือเมื่อยล้า
  • กระสับกระส่าย ร้องไห้บ่อย
  • เส้นเลือดบริเวณหนังศีรษะที่สังเกตได้ชัดเจน
  • ดูดเต้าหรือดูดขวดไม่ค่อยดี
  • มีอาการอาเจียนพุ่ง
  • ศีรษะมีขนาดผิดปกติ เมื่อวัดเส้นรอบวง
  • มีพัฒนาการล่าช้า
กะโหลกศีรษะทารกเกยกัน
กะโหลกศีรษะทารกเกยกัน

ประเภทของ ภาวะกะโหลกศีรษะทารกเกยกัน Craniosynostosis

ความผิดปกติของภาวะกะโหลกศีรษะเกยกัน แบ่งออกได้หลายประเภท  ขึ้นอยู่กับว่าลักษณะการเชื่อมต่อของกะโหลกนั้นได้รับผลกระทบอย่างไร ได้แก่

  • Sagittal (scaphocephaly) คือ การประสานก่อนเวลาอันควรของกะโหลกที่ลากจากด้านหน้าไปด้านหลังที่ส่วนบนของกะโหลกศีรษะ บังคับให้ส่วนหัวยาวและแคบ หน้าผากโหนกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดและมีความเสี่ยงต่ำต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองที่ผิดปกติ
  • Coronal  คือ การผสานเชื่อมต่อก่อนเวลาอันควรของรอยประสานโคโรนัล (Unicoronal) จากหูแต่ละข้างไปยังส่วนบนของกะโหลกศีรษะอาจทำให้หน้าผากแบนในด้านที่ได้รับผลกระทบ และนูนในด้านที่ไม่ได้รับผลกระทบ  ศีรษะจะมีลักษณะสั้นและกว้าง หรือหน้าผากมีลักษณะเอียงไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีผลให้จมูกและเบ้าตาหรือดวงตามีลักษณะผิดปกติได้ (จมูกเบี้ยว เบ้าตาที่สูงและเอียง หรือตายื่นออก)
  • Metopic  คือ เมื่อรอยประสานเมโทปิกจากด้านบนของสันจมูกขึ้นไปผ่านกึ่งกลางหน้าผากไปจนถึงกระหม่อมหน้าเชื่อมติดกันก่อนเวลาทำให้หน้าผากมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีช่องว่างระหว่างดวงตาเล็กลง และส่วนหลังของศีรษะขยายออกเนื่องจากสมองเติบโตมาในทิศทางนี้
  • Lambdoid Synostosis เป็นประเภทที่พบได้ยาก แต่หากเกิดขึ้นอาจทำให้ศีรษะของทารกข้างหนึ่งดูแบน หูข้างหนึ่งสูงกว่าหูอีกข้างหนึ่ง และศีรษะเอียงไปข้างหนึ่ง เป็นต้น

อ่านต่อ…Craniosynostosis ภาวะ กะโหลกศีรษะเกยกัน ในทารกอันตรายไหม? คลิกหน้า2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ

คนละครึ่งเฟส6 ลุ้นมีไหม แถมช้อปดีมีคืน ของขวัญปีใหม่รัฐบาล

Alternative Textaccount_circle
event
คนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ
คนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ

คนละครึ่งเฟส6 มาพร้อมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นมาครบทั้ง เราเที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน หวังเพิ่มกำลังซื้อ ปลุกเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย

คนละครึ่งเฟส6 ลุ้นมีไหม แถมช้อปดีมีคืน ของขวัญปีใหม่รัฐบาล!!

แผน กระตุ้นเศรษฐกิจ ปลายปี 2565 นี้ โดยภาครัฐเข็นโครงการยอดนิยม 3 โครงการ มาเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้คึกคัก มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

คนละครึ่ง เฟส 6 มาแน่!!

วันที่ 18 ตุลาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีว่า เช่น โครงการช้อปช่วยชาติ คนละครึ่งเฟส 6 กระทรวงการคลังพิจารณาอยู่ และอยู่ในลิสต์แล้วทั้งหมด โดยแหล่งเงินมาจากงบประมาณที่มาจากงบฯกลางส่วนหนึ่ง และเงินกู้ที่ยังเหลือ

นายสุพัฒนพงษ์ ยังได้กล่าวถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงปลายปี 2565 นี้ ซึ่งมีประเด็น ” คนละครึ่งเฟส6 “ ด้วย หลังจากที่โครงการคนละครึ่งประสบความเร็จเป็นอย่างมาก และขณะที่ก็อยู่ระหว่าง “คนละครึ่งเฟส 5” ที่จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นี้นั้น

คนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ
คนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับ โครงการคนละครึ่งเฟส 5 รับเงิน 800 บาทใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง มีผู้ได้รับสิทธิโครงการ และใช้จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดจำนวน 24.02 ล้านคน จากจำนวนสิทธิโครงการทั้งสิ้น 26.5 ล้านคน โดยในจำนวน 24.02 ล้านคน มีประชาชนที่ใช้สิทธิครบวงเงินโครงการ 800 บาทแล้ว จำนวน 8.75 ล้านคน (ประมาณร้อยละ 36) ของผู้ได้รับสิทธิโครงการและใช้จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนด

ประชาชนที่ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่องต่อไปจนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา 06.00 – 22.59 น. ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

ส่วน “คนละครึ่งเฟส 6” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ กระทรวงการคลัง อยู่ในระหว่างการรวบรวม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีมาตรการที่คล้ายๆ กับในปีที่ผ่านมา เช่น การต่ออายุมาตรการคนละครึ่ง (คนละครึ่งเฟส 6) ช้อปดีมีคืน

ในส่วนนี้จะใช้เงินงบประมาณบางส่วนและเงินที่เหลือจากโครงการครั้งก่อนที่ยังมีเงินเหลืออยู่ ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2565 ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/https://www.prachachat.net
กระตุ้นเศรษฐกิจ ปลายปี คนละครึ่งเฟส6
กระตุ้นเศรษฐกิจ ปลายปี คนละครึ่งเฟส6

คนละครึ่ง กับการ กระตุ้นเศรษฐกิจ

ว่ากันด้วยมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตัวหนึ่งที่นับว่าได้ผล และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน เห็นจะเป็น โครงการคนละครึ่งที่ตอนนี้ได้ดำเนินการมาถึง เฟส 5 เป็นโครงการที่รัฐบาลออกมาเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย กับภาคประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ

เงื่อนไขการใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 5

  1. รัฐช่วยจ่าย 50% จ่ายเอง 50% โดยใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง
  2. จำกัดสิทธิ์ ช่วยจ่ายไม่เกิน 150 บาท / วัน โดยที่ยอดรวมการใช้สิทธิ “คนละครึ่ง” ไม่เกิน 800 บาท ตลอดโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. – 30 ต.ค. 65
  3. หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน ไม่หักสิทธิ สามารถยกยอดรวมไปใช้ใหม่ในเวลา 06.00 น. ในวันถัดไป
  4. ใช้ได้เวลา 06.00 – 23.00 น. ไม่สามารถใช้สิทธิ คนละครึ่ง นอกเวลาดังกล่าวได้
  5. โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ แอปฯ ใช้สิทธิได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 21.00 น. เฉพาะร้านอาหาร/เครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น
  6. รัฐสนับสนุน ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าสินค้า ค่าบริการ สปา/นวด/ทำผม ทำเล็บ
    *ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid) การซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด

เงื่อนไขลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
  2. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
  3. มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีบัตรประจำตัวประชาชน
  4. ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 25 มกราคม 2565 และไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกําลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2
  5. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
  6. ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

    ใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส6 ผ่านสมาร์ทโฟน
    ใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส6 ผ่านสมาร์ทโฟน

หากคนละครึ่งเฟส 6 มีมาตรการออกมา สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนเดิมไม่ต้องกังวล เพียงแค่ยืนยันรับสิทธิ์ ก็สามารถได้รับ 800 บาท เป็นเงินช่วยเหลือเข้า เป๋าตัง ได้เลย สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ์มาก่อน ติดตามข่าวสารการเปิดให้ลงทะเบียน คนละครึ่ง เฟสใหม่ กันให้ดี คาดว่าผลการประชุมจะออกมาเป็นรูปธรรมให้ได้เห็นรายละเอียดช่วง พ.ย. นี้

“ปลายปีเป็นช่วงที่จะกระตุ้นให้มีการใช้จ่าย เพราะการอุปโภคบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญในยามนี้ โดยจะนำแพ็กเกจเข้า ครม.เห็นชอบให้ได้เร็วที่สุด คาดว่าราวกลางเดือนพฤศจิกายน พร้อมกับของขวัญปีใหม่” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

อ่านต่อ >>มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ปลายปี 2565 ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

หัวใจเต้นผิดจังหวะ

หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในทารกและเด็ก เรื่องไม่เล็กที่พ่อแม่ต้องระวัง!

Alternative Textaccount_circle
event
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ

หัวใจเต้นผิดจังหวะ – จังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ทั้งในรูปแบบที่เต้นเร็วและเต้นช้าเกินไปหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่าภาวะ “Cardiac Arrhythmia” ที่ถือเป็นปัญหาด้านสุขภาพสำหรับคนทั่วไป ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเด็กแรกเกิดหรือทารกไม่น่าจะประสบกับภาวะอาการของโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นมีโอกาสเกิดในทารกแรกเกิด โดยมีโอกาสพบความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจทารกได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ในเด็กบางรายตรวจพบตั้งแต่แรกเกิด บางรายตรวจพบหลังอายุ 1-2 เดือนไปแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพ่อแม่และผู้ดูแล ที่จำเป็นต้องใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ของเด็กเป็นพิเศษ

หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในทารกและเด็ก เรื่องไม่เล็กที่พ่อแม่ต้องระวัง!

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในเด็กแรกเกิดโดยส่วนใหญ่อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และสามารถหายเป็นปกติเองได้เมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตามมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางประเภทที่หากตรวจพบแล้วจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างรีบด่วน

หากจะกล่าวถึงหน้าที่โดยทั่วไปของหัวใจ ปกติแล้วหัวใจจะทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ซึ่งขับเคลื่อนโดยทางเดินไฟฟ้าที่ไหลผ่านเส้นประสาทในผนังของหัวใจ  ซึ่งในการเต้นของหัวใจแต่ละครั้ง สัญญาณไฟฟ้าจะถูกสร้างขึ้นและเดินทางจากด้านบนของหัวใจไปยังด้านล่าง สัญญาณเริ่มต้นในกลุ่มเซลล์ในเอเทรียมด้านขวา (หัวใจห้องขวาบน) เรียกว่า โหนด sinoatrial (SA) จากนั้นสัญญาณจะเดินทางผ่านเส้นทางพิเศษเพื่อกระตุ้นหัวใจห้องบนด้านขวาและด้านซ้าย ทำให้หดตัวและส่งเลือดไปยังห้องล่างของหัวใจ กระแสจะไหลผ่านวงจรไปยังเซลล์อีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า โหนด Atrioventricular (AV) ซึ่งอยู่จากนั้นกระแสไฟจะเคลื่อนไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งสัญญาณจะแตกแขนงออกไปกระตุ้นห้องหัวใจด้านขวาและด้านซ้าย ทำให้เกิดการหดตัวและส่งเลือดไปยังปอดและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อวงจรทำงานอย่างถูกต้อง หัวใจจะเต้นเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอและราบรื่น
ซึ่งเมื่อมีบางสิ่งที่มาขัดขวางการทำงานของวงจรนี้ก็อาจส่งผลให้การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ และเกิดเป็นภาวะอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ และในบางกรณีเมื่อหัวใจเต้นไม่ปกติก็อาจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปยังร่างกายได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าสมอง ปอด และอวัยวะอื่นๆ อาจได้รับปริมาณเลือดไม่เพียงพอ และอวัยวะต่างๆ ก็ทำงานไม่ได้และอาจเกิดความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆได้

สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในทารกแรกเกิด?

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในทารกแรกเกิด โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและรักษาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม อาจมีความผิดปกติบางกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาในระยะยาว ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยสำหรับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะของทารกแรกเกิด ได้แก่

  • โครงสร้างทางร่างกายผิดปกติแต่กำเนิด
  • ภาวะขาดน้ำ
  • ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย
  • การติดเชื้อ หรือการอักเสบของอวัยวะในร่างกาย
  • การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม
  • ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
  • ปัญหาหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital)
  • ระดับสารเคมีในเลือดผิดปกติ
  • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหัวใจ
  • ความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดที่รุนแรงบางชนิดอาจต้องได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเด็กอายุยังน้อย ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายปีในการรักษาและติดตามอาการ ต่อไปนี้คือ ลักษณะของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยในทารก

1.หัวใจเต้นเร็วเกินไป

จังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ มักมีจุดกำเนิดจากหัวใจห้องบนที่มีลักษณะเต้นเร็วผิดปกติ สามารถแบ่งออกไปได้อีกหลายประเภท และบางประเภทถือว่ามีความเสี่ยง ได้แก่

  • ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ (SVT)  เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยเป็นอันดับสองในทารกแรกเกิด อย่างไรก็ตามมีผลการศึกษาในปี 2019 ชี้ว่าภาวะหัวใจเต้นเร็วประเภทนี้สามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป และการใช้ยาอาจเพียงพอสำหรับรักษาอาการดังกล่าว
  • หัวใจห้องบนสั่นพริ้ว (Atrial flutter) คือการเต้นผิดปกติของหัวใจห้องบน (Atria)  ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจจะสูงมาก ประมาณ 280 ถึง 500 ครั้ง/นาที (bpm) แหล่งการศึกษาที่เชื่อถือได้ในปี 2020 ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่หัวใจเต้นสั่นพลิ้วอาจเป็นภาวะที่คุกคามชีวิตเด็ก อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยก่อนคลอดและการรักษาอย่างทันท่วงทีจะสามารถช่วยชีวิตเด็กได้
  • กระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ (Wolff-Parkinson-White syndrome)  เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะของทารกแรกเกิดที่พบได้ยาก เกิดขึ้นจากทางเดินไฟฟ้าในหัวใจทำงานผิดปกติ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
  • หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่หัวใจห้องล่าง (VT) คือ การเต้นของหัวใจผิดจังหวะที่มีต้นกำเนิดในหัวใจห้องล่าง พบได้น้อยกว่าภาวะหัวใจเต้นเร็วที่มีความผิดปกติจากหัวใจห้องบน เมื่อจังหวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นเวลาไม่กี่วินาที โดยปกติจะไม่เป็นอันตราย แต่หากนานกว่านั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้

2. หัวใจเต้นช้าเกินไป

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะประเภทนี้ พบได้น้อยกว่าภาวะหัวใจเต้นเร็วในทารกแรกเกิด ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจของเด็กเต้นช้าเกินไปอาจเกิดจาก

  • Sinus Bradycardia  เกิดจากสัญญาณที่ผิดปกติที่มาจากโหนดไซนัส ที่ทำหน้าที่เสมือน “เครื่องกระตุ้นหัวใจ” ตามธรรมชาติของหัวใจอยู่ในผนังของห้องโถงด้านขวาของหัวใจ  หัวใจเต้นช้าประเภทนี้ในทารกแรกเกิดประเภทนี้มักเป็นผลมาจากการควบคุมระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่สมบูรณ์
  • Heart block  หมายถึงการอุดตันของแรงกระตุ้นไฟฟ้าภายในหัวใจหรือ Atrioventricular ที่ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นแบบชั่วคราวหรือถาวร

3. อาการใจสั่นในทารกและเด็กเล็ก

แม้ว่าปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะของทารกแรกเกิดบางกรณีอาจไม่มีผลผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กหรือถ้าหากมีก็เพียงเล็กน้อย และมักจะหายไปหลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์หรือหลายเดือน ตัวอย่างเช่น

  • Sinus Tachycardia เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยที่สุดในทารกแรกเกิด มันเริ่มต้นในโหนดไซนัสและสามารถนำไปสู่อัตราการเต้นของหัวใจสูงถึง 170 bpm อย่างไรก็ตามมักไม่ต้องรักษา เนื่องจากโดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กเผชิญกับความเจ็บปวด การติดเชื้อ หรือสภาวะทางอารมณ์ จากนั้นจะหายไปได้เอง
  • Premature Atrial Contraction (PAC) หัวใจห้องบนเต้นสะดุด แต่เมื่อเกิดแล้วสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้เองและมักไม่จำเป็นต้องรักษา
  • Premature Ventricular Contraction (PVC) เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่หาได้ยากในวัยทารก เกิดจากหัวใจห้องล่างเกิดการบีบตัวก่อนเวลาที่ควรจะเป็น

อ่านต่อ…หัวใจเต้นผิดจังหวะ ในทารกและเด็ก เรื่องไม่เล็กที่พ่อแม่ต้องระวัง! คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ฉลากยา ซองยา

ได้ยามาต้องรู้!! บน ฉลากยา ต้องมีอะไรบ้างก่อนให้ลูกกิน

Alternative Textaccount_circle
event
ฉลากยา ซองยา
ฉลากยา ซองยา

ฉลากยา เรื่องที่ใคร ๆ หลายคนละเลย ได้ยามาต้องรู้ รายละเอียดของยา บนฉลากเขียนว่าไง ถูกต้องหรือไม่ ยาได้มาตรฐานไหม ใส่ใจสักนิดเพื่อลูกปลอดภัย

ได้ยามาต้องรู้!! บน ฉลากยา ต้องมีอะไรบ้างก่อนให้ลูกกิน

เมื่อเพจจ่า Drama-addict เปิดประเด็น ฉลากยา นั้นสำคัญอย่างไร โดยให้ข้อมูลว่า เภสัชกรท่านหนึ่งฝากความห่วงใยมาว่า พบ ฉลากยา ของคลีนิคแห่งหนึ่งที่บนซองยาไม่ได้ระบุรายละเอียดของตัวยา ซึ่งเป็นอันตรายหากเกิดเหตุคนไข้แพ้ยา จะทำให้ได้รับการรักษาไม่ทัน หมอก็จะรักษาลำบากกว่า เพราะไม่รู้ว่าคือยาอะไร ที่เคยรับประทานเข้าไป

ซองยา ฉลากยา จากร้านขายยา คลินิก ต้องระบุอะไรบ้าง
ซองยา ฉลากยา จากร้านขายยา คลินิก ต้องระบุอะไรบ้าง
เภสัชท่านนึงฝากประเด็นน่าสนใจมา
จ่าครับ เวลาเภสัชเปิดร้านยาต้องทำ GPP จ่ายยาต้องมีเภสัชปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาทำการ ต้องเขียนฉลากยาให้ครบ …..แล้ว ทำไมคุณหมอทั้งหลายที่เปิดคลีนิค หรือแม้แต่พยาบาลเองก็แล้วแต่ ใช้ผู้ช่วยจ่ายยาได้ครับ แถมไม่เขียนฉลากยาให้รู้ด้วยว่ายาอะไร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยานับเม็ด ของบริษํท Local made ซึ่งยากต่อการที่จะรู้ได้ว่าหมอจ่ายยาอะไรมา ถ้าไม่มีความชำนาญพอ หากเกิดเหตุคนไข้แพ้ยาขึ้นมาก็รักษาได้ลำบากอีกเพราะไม่รู้ว่าคือยาอะไร เคยถามหมอที่เปิดคลีนิค ได้เหตุผลว่าถ้าเขียนชื่อยาไป คนไข้ก็ไปซื้อยากินเองตามร้านขายยาหมดสิ เลยเขียนไม่ได้ เพื่อให้คนไข้กลับมารับยา รับการรักษาเพิ่ม………ทำไมหมอถึงทำแบบนี้ทำได้……..ทั้งทีมันควรจะเขียนฉลากยาให้ครบ และมีเภสัชคอยจ่ายยา ตามหลัก GPP เหมือนกัน
ผมเคยถามไปสภาเภสัช ได้คำตอบว่า หมออยู่ภายใต้กฎหมายสถานพยาบาล ส่วนเภสัช อยู่ภายใต้พรบ.ยา เออมันตลกดี ที่สังคมไทยใช้กฎหมายคนละฉบับ เพื่ออะลุ่มอะล่วยให้กะวิชาชีพหมอ
ในฐานะที่จ่าก็เป็นหมอใช่ไหมครับ พอจะให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ได้ไหมครับ
*************************************
อันนี้จ่าเห็นด้วยว่า ต้องมีเภสัชครับ
เพราะหมอ ความรู้เรื่องยา ยังไงก็ไม่เท่าเภสัช
ขนาดใน รพ ยังต้องให้เภสัชกรองให้อีกที
ไฟทกันมาหลายปีละนี่ประเด็นนี้ แต่ยังไม่ถึงไหนซักที
แล้วพอคนไข้ไปคลินิคพวกนี้ กินยาแล้วมีปัญหา มา รพ รัฐ เอาซองยามาให้ดูที ปวดหัวฉิบหายเลย เพราะบนซองยาแทบไม่เขียนห่าไรไว้เลย จะรู้มั้ยเนี่ยว่าคนไข้มีปัญหาจากยาอะไร
คนไข้ที่ไปรักษาที่คลินิคไหน แล้วเจอซองยาแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย แนะนำ เปลี่ยนที่ ไปรักษาที่อื่นดีกว่านะครับ
ที่มา : Drama-addict
ได้ยามาต้องรู้ บน ฉลากยา ควรมี...
ได้ยามาต้องรู้ บน ฉลากยา ควรมี…

ฉลากยานั้น สำคัญไฉน!!

การอ่านฉลากยา มีความสำคัญมาก เพราะข้อมูลบนฉลากยานั้นจะช่วยให้ผู้ป่วยทราบถึงรายละเอียดส่วนประกอบต่าง ๆ ของยา ไม่ว่าจะเป็นตัวยาที่ใช้ วิธีการใช้ และข้อมูลสำคัญอื่นอีกมากมาย ซึ่งเป็นประโยชน์และเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย อีกทั้งฉลากยายังเป็นแหล่งให้ความรู้ด้านยาด้วย

การใช้ยาถึงแม้จะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่คนจำนวนไม่น้อยที่ใช้ยาอย่างผิดวิธี ทำให้ส่งผลเสียต่อการรักษา และรวมไปถึงสุขภาพของผู้ใช้ยา บางครั้งผู้ใช้ยาอาจลืมวิธีการใช้ยาแต่ก็ละเลยที่จะอ่านฉลากยา ซึ่งจริงๆ แล้วการอ่านฉลากเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก

ฉลากยาที่พบได้บ่อย คือ ฉลากยาจากบริษัทผู้ผลิต และ ฉลากยาจากสถานพยาบาล/คลินิก/ร้านขายยา  ซึ่งรายละเอียดจะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ทั้งนี้การให้ข้อมูลมีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อให้ผู้บริโภคใช้ยาได้อย่างถูกต้อง และมีความปลอดภัยจากการใช้ยา

ไม่อ่านฉลากยาบนซองยา อันตราย!!

จากกรณีตัวอย่างที่ได้หยิบยกมาให้เห็นถึงอันตรายจากการละเลยไม่อ่านฉลากยา เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น หากไม่ระวังให้ดี อันตรายถึงชีวิตได้ เหมือนดังในภาพที่ทางโรงพยาบาลได้ติดฉลากยาผิด จ่ายยาที่ใข้ภายนอก อย่างยาแก้คัน ให้รับประทานแทนยาแก้ไอ หากคุณแม่ไม่สังเกต หรือไม่อ่านฉลากยาก่อนใช้ คงมีเรื่องเศร้าที่ไม่น่าเกิดเกิดขึ้น

ขอขอบคุณภาพ และเรื่องราวจากเพจ Drama-addict
ขอขอบคุณภาพ และเรื่องราวจากเพจ Drama-addict

ยาเป็นสิ่งที่จะช่วยเมื่อลูกเจ็บป่วย แต่ยาก็สามารถทำอันตรายได้เช่นกัน การใช้ยาให้ปลอดภัย และใช้อย่างถูกวิธี เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับยานั้น ๆ ก่อนให้ลูกได้รับประทาน ต้องรู้ว่ายาที่จะใช้คือยาอะไร ใช้เพื่อรักษาเรื่องใด นอกจากจะป้องกันการผิดพลาด ในเรื่องการจ่ายยาสลับ ยาผิดมาแล้ว ยังทำให้รู้ถึงว่าลูกมีอาการแพ้ส่วนประกอบของยาชนิดนั้นหรือไม่อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ได้ใช้ยาได้อย่างเต็มประโยชน์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถหาดูได้จาก ฉลากยานั่นเอง

อ่านต่อ >>ข้อมูลบนฉลากยาต้องมีอะไรบ้าง หลัก GPP คืออะไร คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ที่พักหัวหิน

10 ที่พักหัวหิน โรงแรมรีสอร์ทวิวสวย เหมาะสำหรับเด็ก

Alternative Textaccount_circle
event
ที่พักหัวหิน
ที่พักหัวหิน

หัวหิน ทะเลที่เที่ยวใกล้กรุงเทพที่เป็นที่ยอดนิยม หลายคนมักจะเลือกเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน เพราะที่นี่บรรยากาศดี มีวิวทะเลและชายหาดสวยงาม เหมาะแก่การไปนอนรับลมทะเลชิล ๆ วันนี้ก็เลยรวบรวม 10 ที่พัก หัวหิน มาแนะนำกัน สำหรับวันหยุดสุดพิเศษ ที่ใครอยากเปลี่ยนที่นอนแบบเดิม ๆ ไปพักผ่อนริมทะเลหัวหิน จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย

หัวหินเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีทะเลและชายหาดที่สวยงามที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 196 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น หาดหัวหิน สถานีรถไฟหัวหิน เขาตะเกียบ วัดห้วยมงคล (หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่) อุทยานราชภักดิ์ ฯลฯ เรียกได้ว่าไปที่เดียวเที่ยวครบรส หลายคนมักจะเลือกเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน เพราะที่นี่บรรยากาศดี มีวิวทะเลและชายหาดสวยงาม เหมาะแก่การไปนอนรับลมทะเลชิล ๆ ทางเราจึงมาแนะนำที่พักหัวหิน สำหรับวันหยุดสุดพิเศษ ที่ใครอยากเปลี่ยนที่นอนแบบเดิม ๆ ไปพักผ่อนริมทะเลหัวหิน จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย

10 ที่พักหัวหิน โรงแรมรีสอร์ทวิวสวย เหมาะสำหรับเด็ก

ที่พักหัวหิน

 

  1. Cape Nidhra Hotel

โรงแรมเคป นิทรา หัวหิน เป็นโรงแรม 5 ดาวที่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 97/2 ถ. เพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยด้านในตัวโรงแรมได้มีการออกแบบสวยงามอลังการสไตล์เป็นแบบสไตล์บูติค เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ส่วนตัวอาคารออกแบบอย่างประณีต ที่พักมีห้องรับรองทั้งหมด 59 ห้อง ซึ่งทุกห้องจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว โดยได้มีการออกแบบทั้งสระว่ายน้ำแบบในตัวห้องพักและนอกห้องพัก ทำให้ผู้มาเข้าพักรู้สึกเป็นส่วนตัวมายิ่งขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.capenidhra.com/

ที่พักหัวหิน

ขอขอบคุณภาพ https://th-th.facebook.com/capenidhra/

 

  1. The Standard Hua Hin

เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 59 ถนนนเรศดำริห์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่พักใหม่ บนหาดหัวหิน ด้วยทำเลที่ดีตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่พักถูกออกแบบในสไตล์มินิมอล-เรโทร ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้+หวาย และของตกแต่งโทนสีเหลืองสะดุดตา ตัวโรงแรมร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ บรรยากาศดีมาก เหมาะแก่การพักผ่อน บริการห้องสวีทและวิลล่ามากถึง 199 ห้อง มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ส่วนใครที่เป็นสายเซิร์ฟที่นี่เค้ามีให้ยืม หรือจะพายซับบอร์ดแบบสวยๆ พร้อม มีบทเรียนสอนเซิร์ฟ 60 นาที โดย KiteBoarding Asia สามารถจองแบบแพ็คเกจได้ แถมมุมถ่ายรูปเยอะมากทั่วทั้งโรงแรม เหมาะกับการใช้เวลาว่างไปกับการพักผ่อนที่โรงแรมนี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.standardhotels.com/th-TH/hua-hin/properties/hua-hin

ที่พักหัวหิน

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/thestandardhuahin/

 

  1. VALA Hua Hin

วาลา หัวหิน ตั้งอยู่ที่ 849/21 ถนนเพชรเกษม ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โรงแรมสวยติดทะเล หรูหราระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ระหว่างหัวหินและชะอำ ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนแบบสะดวกสบายมากที่สุด บรรยากาศดี เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ บริการห้องพักและวิลล่าส่วนตัว มีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการของคุณ โดยห้องพักแต่ละห้องจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป เรียบง่าย แต่มีสไตล์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องอาหาร และที่สำคัญภายในโรงแรมมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก สวยทุกมุม เลือกพักที่นี่เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนกายใจของคุณในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.valahuahin.com/th/

ที่พักหัวหิน

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/valahuahinTH/

 

  1. Sundance Dayclub

ซันแดนซ์​ เดย์คลับ ตั้งอยู่ที่ 13/14 ซอยหัวหิน 35 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นบีชคลับสุดชิคริมทะเลหัวหิน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อเติมเต็มความสุขในช่วงหยุด บริการห้องพักสไตล์โมเดิร์นมินิมอล สามารถพักผ่อนกันได้ทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อน มีห้องจูเนียร์สวีท จำนวน 37 ห้อง ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ SunKiss, SunRay และ SunSpace สามารถเข้าพักได้ 2-6 คน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ด้านล่างมีร้านอาหาร Sunrise Thai Seafood นั่งทานอาหารแสนอร่อย พร้อมชมวิวท้องทะเล, และ Sundance Lounge เสิร์ฟบรันช์และชายามบ่าย ใน Glasshouse นั่งรับแสงแดดอ่อนๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.sundanceth.com/huahin/th/

โรงแรมหัวหิน

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/sundancedayclub/

 

อ่านต่อ.. 10 ที่พักหัวหิน โรงแรมรีสอร์ทวิวสวย เหมาะสำหรับเด็ก ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

มะเร็งเต้านม

30 ปีแห่งการรณรงค์โครงการกระตุ้นเตือนภัย มะเร็งเต้านม หรือ Breast Cancer Campaign ภายใต้การดำเนินงานของ เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์

Alternative Textaccount_circle
event
มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม

วันนี้ 30 ปีแห่งการรณรงค์โครงการกระตุ้นเตือนภัย มะเร็งเต้านม หรือ Breast Cancer Campaign ภายใต้การดำเนินงานของ เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์

ที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้หญิงทั่วโลกตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งเต้านมพร้อมการประชาสัมพันธ์โครงการภายใต้สัญลักษณ์ริบบิ้นสีชมพู โดยโครงการและมูลนิธิการกุศลของเอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ สามารถระดมทุนได้กว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเทศไทย เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ ประเทศไทย ได้ร่วมบริจาคช่วยเหลือหน่วยงานด้านโรคมะเร็งมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปี โดยระดมทุนได้กว่า 20 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพบริการด้านการแพทย์เพื่อผู้ป่วย มะเร็งเต้านม ในประเทศไทย ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการรถตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตามชุนชนต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย

โครงการกระตุ้นเตือนภัย มะเร็งเต้านม หรือ Breast Cancer Campaign

 

วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กเล็ก

วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม เด็ก 6 เดือน-4 ปี เปิดจองแล้ว

Alternative Textaccount_circle
event
วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กเล็ก
วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กเล็ก

วัคซีน สำหรับเด็กเล็กมาแล้ว ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็ก 6 เดือน-4 ปี พร้อมเปิดจองสำหรับผู้ปกครองที่สนใจฉีดแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนฉีดดูเลย

วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม เด็ก 6 เดือน-4 ปี เปิดจองแล้ว!!

วัคซีนโควิด19 สำหรับเด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี มาถึงไทยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม หลังตรวจรับรองรุ่นผลิต สธ.จะทำการกระจาย และคิกออฟฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 12 ตุลาคมนี้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 โรคโควิด 19 ได้ปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคประสบความสำเร็จ คือ การฉีดวัคซีนโควิด 19 ซึ่งปัจจุบันฉีดได้กว่า 143 ล้านโดส ทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน และปัจจุบันได้ขยายการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี ซึ่งจะคิกออฟวันที่ 12 ตุลาคมนี้ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี จึงมีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการให้บริการวัคซีนเด็กกลุ่มนี้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อม และสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการอย่างปลอดภัย โดยมีผู้ปกครองสมัครใจให้เด็กฉีดแล้วจํานวนมาก ย้ำติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที และติดตามต่อ 1 เดือน

วัคซีน สำหรับเด็กเล็ก มาแล้ว!!
วัคซีน สำหรับเด็กเล็ก มาแล้ว!!

เข็มกระตุ้นยังจำเป็น!!

ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงกรกฎาคม 2565  พบผู้ป่วยโควิดเป็นเด็กอายุ 0 – 4 ปี จำนวน 3.6 แสนราย จำนวนนี้ต้องนอนโรงพยาบาลเกือบ 1 แสนราย มีอาการปอดบวมรุนแรงเกือบ 1 พันราย เสียชีวิต 65 ราย อัตราเสียชีวิต 0.01 % ประมาณ 1 ในหมื่น กระทรวงสาธารณสุขได้ย้ำว่าการฉีด วัคซีน เข็มกระตุ้นยังมีความจำเป็น สำหรับกลุ่มเด็กเล็ก และกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากพบว่าการฉีดทำให้โรคลดความรุนแรงลง ขอให้ฉีดกระตุ้นอย่างน้อย 4 เดือนจากเข็มล่าสุด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ควรรับถึงเข็มที่ 4 โดยขอให้พื้นที่ช่วยกันรณรงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2565

เนื่องจากเมื่อโรคโควิด19 ลดความรุนแรงลง ทำให้เกิดความชะล่าใจ และความต้องการฉีดวัคซีนป้องกันจึงลดลงตามไปด้วย ขอย้ำว่าหลังจากที่มีการปรับโควิด19จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ลง จึงมีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นทั้งผู้ใหญ่และเด็ก แต่วัคซีนจะช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยหนักได้ง่าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น วัคซีนเข็มกระตุ้น หรือวัคซีนตัวใหม่ที่กำลังมา สำหรับเด็กเล็ก 6 เดือน -4 ปีนี้ จึงยังคงมีความจำเป็น เนื่องจากว่า เมื่อเด็กไม่ป่วย พ่อแม่ผู้สูงอายุในบ้านจะลดความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนพื้นฐานได้ไหม??

นพ.ธเรศ กรัษนัยวริวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี จะมาถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะจัดส่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เพื่อให้กระจายต่อในพื้นที่ตามจำนวนที่มีการแจ้งความประสงค์ และเริ่มคิกออฟพร้อมกัน วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ซึ่งวัคซีนโควิด19 สำหรับเด็กเล็กนี้สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนพื้นฐานชนิดอื่นได้

รายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม รู้ไว้อุ่นใจกว่า!!

ปัจจุบันเด็ก 6 เดือน ถึง 4 ปี เป็นกลุ่มเดียวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งช่วงการระบาดของโอมิครอนพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีการป่วย และอัตราเสียชีวิตสูงกว่าเด็กโต 3 เท่า!! การฉีดวัคซีนจึงเป็นเรื่องที่ต้องหันมาให้ความใส่ใจ โดยรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม มีรายละเอียด ข้อมูลอะไรบ้าง เรามาดูกันไว้ก่อนฉีด เพราะรู้ไว้อุ่นใจกว่า เพื่อลูกน้อยไม่เสี่ยง ไม่ติด
วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน-4ปี
วัคซีน ไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน-4ปี
ปริมาณวัคซีน
วัคซีนไฟเซอร์นี้จะมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป คือ ฝาสีแดงเข้ม  ขวดก็แดงเข้มเช่นกัน จะทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแยกง่ายขึ้น และจัดให้มีจุดบริการแยกจากกลุ่มวัยอื่น เพื่อป้องกันความสับสนในการใช้วัคซีน โดยวัคซีนชนิดนี้ต้องผสมตัวทำละลายตามที่กำหนด ซึ่ง 1 ขวดฉีดได้ 10 โดส หรือ 10 คน โดยเด็กเล็กจะใช้ปริมาณวัคซีนน้อยลง คือ มีขนาดโดสละ 0.2 มิลลิลิตร (3 ไมโครกรัม) ซึ่งถือว่าปริมาณน้อย โดยต้องฉีดจำนวน 3 เข็ม คือ
  • เข็ม 1 และเข็ม 2 ห่างกัน 3-8 สัปดาห์ ที่แนะนำคือ 4 สัปดาห์
  • ส่วนเข็ม 2 และ เข็ม 3 ให้ฉีดได้ตั้งแต่ 8 สัปดาห์ขึ้นไป

หลังฉีดให้สังเกตอาการ 30 นาที และติดตามต่อจนครบ 1 เดือน สำหรับข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง สหรัฐอเมริกามีการฉีดและติดตามล้านกว่าโดส พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าเด็กโต ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงเสียชีวิต ถือว่าปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ MIS-C จากการติดเชื้อด้วย

แพทย์ชี้ผลข้างเคียงไม่รุนแรง

พญ.ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและการสร้งเสริมภูมิคุ้มกันโรค และนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่ววว่า สำหรับอาการข้างเคียงไม่รุนแรง มีความปลอดภัยดี โดยส่วนใหญ่จะเจ็บบริเวณที่ฉีด มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร  โดยอาการข้างเคียงเหมือนกันทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3  ไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงในการศึกษาที่ผ่านมา แต่มีบางคนที่ขึ้นผื่น ตัวบวมจากการแพ้ แต่ไม่มีอาการรุนแรงช็อก อย่างไรก็ตาม จำนวนตัวอย่างที่ศึกษาที่ผ่านมาไม่ได้มากเท่ากับการใช้จริง ซึ่งก็ต้องมีการติดตามต่อไป และหลังฉีดเบื้องต้นต้องติดตามอาการ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย
ปกป้องลูกน้อยด้วย วัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กเล็ก
ปกป้องลูกน้อยด้วย วัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กเล็ก

กลุ่มเด็กที่ควรเข้ารับวัคซีน

กลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง ซึ่งเป็นไปตามข้อแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้แก่

  • เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
  • ทารกที่คลอดก่อนกำหนด
  • เด็กอ้วน
  • เด็กที่มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืด
  • ผู้ที่มีโรคหัวใจ และหลอดเลือด รวมทั้งโรคหลอดเลือดสมอง
  • กลุ่มโรคไตวายเรื้อรัง
  • โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  • โรคเบาหวาน และกลุ่มโรคพันธุกรรม
  • กลุ่มอาการดาวน์

ข้อควรระวัง ในเด็ก และวัยรุ่นที่เคยมีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน mRNA มาก่อน ให้เลื่อนการฉีดเข็มถัดไปไปก่อน ซึ่งกรณีนี้ที่ผ่านมายังไม่เคยพบในเด็กเล็ก การรับวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กเล็ก 6 เดือน -4 ปี นี้ ขอย้ำว่า เป็นการรับวัคซีนที่เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครอง และเด็ก ไม่ได้บังคับ และไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการไปโรงเรียน จึงควรทำการศึกษา และหากมีข้อกังวลใจควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว

อ่านต่อ >>จุดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กเล็ก 6 เดือน – 4 ปี มีที่ไหนบ้าง คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Long Covid

หาย Covid กินอะไรดีช่วยฟื้นฟูร่างกาย ป้องกัน Long Covid

Alternative Textaccount_circle
event
Long Covid
Long Covid

โควิด -19 (Covid – 19) จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้ค่ะ ทำได้อย่างดีที่สุดก็คือการรักษาสุขอนามัย ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับการฉีดวัคซีน เพื่อลดความรุนแรงจากการป่วยโควิด สำหรับครอบครัวไหนที่ตอนนี้อาจจะมีลูก หรือผู้ใหญ่ในบ้าน ป่วย Covid กำลังรักษาอยู่ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีวิธีดูแลฟื้นฟูร่างกายหลังหายโควิด -19 ด้วยการรับประทานอาหารและวิตามิน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีป้องกันการเกิดภาวะ Long Covid มาแนะนำให้ค่ะ

Long Covid คืออะไร มีอาการอย่างไร

หลายคนยังสงสัยค่ะว่า Long Covid ลองโควิด คืออะไร อาการที่เป็นอยู่หลังจากหายโควิดจะใช่ลองโควิดหรือเปล่า ? สำหรับลองโควิด คือ ภาวะที่ร่างกายยังคงมีอาการของโรคบางอย่างเหลืออยู่ หลังจากหายป่วยโควิด ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย ก็เช่น

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
  • ปวดศีรษะ
  • ท้องเสีย
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกหายใจไม่ค่อยอิ่ม
  • ไอเรื้อรัง
  • ผมร่วง
  • เจ็บหน้าอก ใจสั่น
  • เครียด มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล
  • การรับรสและกลิ่นผิดปกติ

อาการลองโควิด ทั้งหมดนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทุกอาการนะคะ บางคนอาจจะมีแค่อาการไอ ท้องเสีย หรือรู้สึกอ่อนเพลีย อาการลองโควิดจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้ใน 1-3 เดือนค่ะ

สงสัยไหมคะว่า… ใครเสี่ยงเกิดอาการ Long Covid ได้บ้าง ?

อาการลองโควิดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 30-50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ป่วยโควิดจะมีอาการลองโควิดกันทุกคนค่ะ และนี่คือกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการลองโควิดได้ หากป่วยจากโควิด-19

  1. ผู้หญิงวัยทำงาน
  2. กลุ่มผู้สูงอายุ
  3. คนที่ปอดอักเสบรุนแรงขณะติดโควิด
  4. คนที่มีภาวะอ้วน และมีโรคประจำตัว เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น
  5. เด็กเล็ก ในกรณีของเด็ก พบว่าหลังหายจากโควิด จะมีอาการที่เรียกว่า MIS-C เป็นอาการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันสูงผิดปกติ อาการที่แสดงจะคล้ายโรคคาวะซากิ เช่น มีไข้สูง ผื่น ตาแดง ปากแดง แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตลูก ๆ อย่างใกล้ชิดหลังหายจากโควิด ถ้าพบอาการผิดปกติเกิดขึ้นให้รีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

Long Covid

เสริมภูมิคุ้มกันหลังหายโควิด ฟื้นฟูร่างกายต้องกินอะไร ป้องกันภาวะ Long Covid 

คำแนะนำจากคุณหมอสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย สำหรับผู้ป่วยหลังหายโควิด เกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทานเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และป้องกันอาการลองโควิด

เน้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้คุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ เลือกกินอาหารที่มีโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม เนยแข็ง ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ รวมทั้งบริโภคอาหารที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ได้แก่  โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กินร่วมกับอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม เป็นต้น

กินวิตามินเสริม ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังป่วย Covid เสริมสร้างภูมิต้านร่างกายแข็งแรง ลดการเกิดอาการลองโควิด

1. กระเทียม (Garlic)

กระเทียมมีสารที่ชื่อว่า “อัลลิซิน” จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย โดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เมื่อเม็ดเลือดขาวมีมากก็จะช่วยบรรเทาและลดอาการภูมิแพ้ ฉะนั้นเพื่อเป็นการสร้างสมดุล เสริมภูมิต้านทาน และลดการเกิดภูมิแพ้ และยังมีส่วนช่วยป้องกันอาการ Covid Heart โดยช่วยป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้โดยเฉพาะผู้ที่พักฟื้นร่างกายจากอาการเจ็บป่วยไม่สบายของผู้ป่วยโควิด แนะนำให้รับประทานกระเทียมบ่อย ๆ หรือถ้าจะให้สะดวกในทุกวัน จะกินเป็นสารสกัดเข้มข้นในรูปแบบ “น้ำมันกระเทียม” แคปซูลก็ได้เช่นกัน แต่ควรเลือกชนิดที่ไม่ใส่สารกันบูด หรือแต่งสี แต่งกลิ่น ก็จะช่วยให้สุขภาพดีในระยะยาวได้ด้วยค่ะ

2. น้ำมันปลา (Fish Oil)

น้ำมันปลา เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ซึ่งสารสำคัญ คือ โอเมก้า-3 ซึ่งประกอบด้วย สารสำคัญ 2 ชนิด คือ EPA และDHA  เมื่อร่างกายได้รับจะเปลี่ยนเป็นสารต้านอักเสบที่ชื่อว่า Resolvins ที่สามารถลดภาวะการอักเสบในร่างกายเมื่อเกิดการติดเชื้อ เช่น ลดภาวะปอดอักเสบ ลดภาวะการเกิดลองโควิด และยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดต่างๆอุดตัน ซึ่งจะเป็นที่มาของอาการ Covid Heart ได้ สำหรับการบริโภคน้ำมันปลานั้น ควรเลือกน้ำมันปลาที่สกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีคุณภาพซึ่งมักเป็นปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว เช่น ปลาทะเลน้ำลึกอย่างปลาแองโชวี่จากประเทศไอซ์แลนด์ เพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งทะเลน้ำลึกที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลภาวะ ทำให้คุณภาพปลามีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง และถ้าผ่านการรับรองการผลิตระดับยาสากลก็จะยิ่งปลอดภัยในการกินมากขึ้นนะคะ

3. โคเอ็นไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10)

โคเอ็นไซม์ คิวเทน มีความสำคัญในการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ ทำให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำงานเป็นปกติ หากขาดโคเอ็นไซม์ คิวเทน จะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจลดลง หรือเซลล์สมองทำงานผิดปกติ นอกจากความสำคัญในการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ต่าง ๆ แล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกายได้ รวมทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงเซลล์หัวใจ ซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะ Covid Heart ที่เป็นหนึ่งในอาการลองโควิด อีกด้วย แต่ให้ดีควรเลือกโคเอ็นไซม์ คิวเทน (Q 10) ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีอีมัลแคป และอยู่ในแบบแคปซูลนิ่ม ก็จะทำให้การดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และเห็นผลในการกินมากขึ้นนะคะ

4. เวย์โปรตีน

โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกาย  และเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารภูมิต้านทาน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น  เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอ ทั้งปริมาณและคุณภาพ ก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้เชื้อโรค ไม่เจ็บป่วยบ่อยและฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยได้เร็วขึ้น ซึ่งในการเลือกโปรตีนนั้น ควรเลือกเวย์โปรตีน ไอโซเลท ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ดูดซึมเร็ว ย่อยง่าย ไม่ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนในปริมาณที่มากขึ้น รวมทั้งมีส่วนประกอบของ Zinc และ Selenium จะยิ่งช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

5. โสม (Ginseng)

โสมเกาหลีสกัด มีจินซิโนไซด์ (Ginsenoside) คือ สารสำคัญที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย  ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า  กระฉับกระเฉง นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายแข็งแรง สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยโควิด และลดการเกิดอาการ ลองโควิด แนะนำเป็นโสมเกาหลี เพราะช่วยลดอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง มีสรรพคุณในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน สร้างสมดุลในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรง ซึ่งโสมมีหลากหลายรูปแบบ แต่ให้ดีควรเลือกรูปแบบแคปซูลนิ่มจะมีการดูดซึมที่ดีและโสมที่ดีควรอยู่ในรูปแบบสารสกัดมาตรฐาน ซึ่งเป็นสารสกัดที่ผ่านการปรับสัดส่วนของสารสำคัญให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และเมื่อมีส่วนประกอบของวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ยิ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพกันเป็นอย่างดีในการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง

6. สมุนไพรวาเลอเรียน (Valerian)

การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการเจ็บป่วยไม่สบายให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น  รากวาเลอเรียนได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับอย่างแพร่หลายในประเทศแถบยุโรป มีสรรพคุณช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดี หลับง่าย หลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึก และไม่ง่วงซึมหลังจากตื่นนอน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยคลายความวิตกกังวล  มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการเสพติด สารสกัดจากรากวาเลอเรียน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับที่ไม่อยากพึ่งยานอนหลับ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

7. วิตามินบี (Vitamin B)

การรับประทานวิตามินหลังหายป่วยจากโควิดมีส่วนสำคัญมาก ๆ นะคะ วิตามินอีกหนึ่งตัวที่อยากแนะนำให้กินหลังหายโควิด เพื่อป้องกันและลดอาการสมองล้าจากภาวะลองโควิด ก็คือ  วิตามินบี โดยเฉพาะ วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ที่มีส่วนบำรุงสมองและระบบประสาท ช่วยคลายเครียด ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และมีสมาธิดีขึ้น โดยแนะนำเลือกรับประทานสูตรที่ประกอบด้วยวิตามินบีปริมาณสูงครบถ้วนทั้ง 10 ชนิด

เพราะวิตามินบีแต่ละชนิดจะทำหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกันเเละกันและเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ขนาดแนะนำของวิตามินบี แต่ละชนิดอยู่ที่ 25-300 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากนี้ยังควรเลือกวิตามินบีรวมสูตรสมดุล คือวิตามินบีแต่ละชนิดมีปริมาณเท่ากัน เพื่อไม่ให้ขัดขวางการ ดูดซึมซึ่งกันและกัน เพราะถ้าหากวิตามินบีชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป จะทำให้แย่งการดูดซึมวิตามินบีตัวอื่นได้

8. โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

โพรไบโอติกส์ คือ จุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ช่วยการดูดซึมอาหาร ป้องกันโรค ทั้งยังจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ป่วยลองโควิด-19 ให้รับประทานโพรไบโอติกส์ สำหรับผู้ที่มีอาการหลังหายจากการติดเชื้อไวรัส เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง

ด้วยความห่วงใยจากกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอให้ทุกครอบครัวมีสุขภาพดี ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และอย่าลืมดูแลสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงด้วยการเสริมวิตามินทุกวันนะคะ

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ คลิก https://www.megawecare.co.th/

 

 

 

 

เครดิตข้อมูล : กรมอนามัย  ,  RAMA  ,  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก

10 พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุก เสริมความรู้

Alternative Textaccount_circle
event
พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก
พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก

ในปัจจุบันการศึกษาหาความรู้สำหรับเด็ก คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญมาก ๆ เพราะทำให้เด็ก ๆ ได้รับประสบการณ์จำลองที่อาจนำไปพัฒนาหรือต่อยอดกลายเป็นองค์ความรู้หรือแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพในอนาคต การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก ๆ ได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก ในกรุงเทพหรือที่ใกล้ ๆ มีที่ไหนกันบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ จะพาลูกน้อยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ รวมทั้งได้พัฒนาทักษะทางด้านความคิด ทางร่างกายและจินตนาการสร้างสรรค์ วันนี้ทีมกองบรรณาธิการรวบรวม 10 พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กที่ต้องไป ซึ่งแต่ละที่เป็นอย่างไร และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

10 พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุก เสริมความรู้

พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก

 

  1. พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ 810 ถนน กำแพงเพชร 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีรูปแบบการเรียนรู้ที่ทันสมัยภายใต้แนวคิด “Learning for Young Creative Mind” ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้ (Method of Learning) ที่มีแรงจูงใจ (Motivation) ที่หลากหลายสอดคล้องกับพัฒนาการและศักยภาพของเด็ก โดยสรรหาสาระความรู้ที่เหมาะสมเพื่อบ่มเพาะจิตสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น นับเป็นสถานที่ที่สร้างสรรค์นิทรรศการความรู้สำหรับเด็กและผู้ปกครองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัย เสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยต่าง ๆ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ต้องพัฒนาสมอง ทักษะและกล้ามเนื้อ มีการจัดโซนกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลานสร้างสรรค์ โซนวิทยาศาสตร์หรือโซนสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ เป็นสถานที่ที่น่าพาน้อง ๆ ไปเที่ยวเล่นเพื่อเสริมสร้างจินตนาการและพัฒนาทักษะ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00-16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) โทร 02-272-4500

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม http://www.cdm-bangkok.com/

พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพ https://travel.mthai.com/blog/106294.html

 

  1. มิวเซียมสยาม

มิวเซียมสยาม ตั้งอยู่ที่ 4 ถนน สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกและเข้าถึงในงานศิลปะ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทย เกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จักตนเอง  รู้จักเพื่อนบ้าน  และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่” ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้  ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่าง ๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น  เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) โทร 02-225-2777

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.museumsiam.org/index.php

พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.finearts.go.th/museumexpo2021/museum-21.html

 

  1. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า

พิพิธภัณฑ์พระรามเก้าตั้งอยู่ที่ 39 หมู่ 3 ถนนรังสิต – นครนายก ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ. ปทุมธานีเป็นโครงการที่ริเริ่มเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยนำเสนอหลักการคิด วิธีการทรงงาน และกระบวนการค้นหาคำตอบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมที่แสดงถึงวิวัฒนาการของโลกและสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในแต่ละภูมิภาคของโลกรวมถึงประเทศไทย ที่นี่จึงเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของประชาชน ในการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักในบทบาทความสัมพันธ์ของระบบนิเวศที่สำคัญของโลกและประเทศไทย อันจะนำไปสู่การมีจิตสำนึกในการรักษา อนุรักษ์ระบบนิเวศ และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรู้เท่าทัน การจัดแสดงนิทรรศการ ประกอบด้วยส่วนจัดแสดงหลัก 3 ส่วน  ได้แก่ ส่วนที่ 1 บ้านของเรา กำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิต ส่วนที่ 2 ชีวิตของเรา ชีวนิเวศแบบต่าง ๆ บนโลก ส่วนที่ 3 ในหลวงของเรา ศาสตร์พระราชาสู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน เปิดให้บริการ วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30 – 17.00 น. (ปิดทำการทุกวันจันทร์) 02-577-9999 ต่อ 2122, 2123

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.nsm.or.th/nsm/index.php/th/node/3324

พิพิธภัณฑ์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.nsm.or.th/nsm/index.php/th/museum/rama9-museum

 

  1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ ณ เทคโนธานี เลขที่ 39 หมู่ 3 ถนนเลียบคลองห้า ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตั้งขึ้นในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นด้วยรูปทรงลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน มีการจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐานวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน และวิทยาศาสตร์ในภูมิปัญญาไทย นิทรรศการในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แต่ละชั้นประกอบด้วย สาระดังนี้

  • ชั้นที่ 1 นักวิทยาศาสตร์รุ่นบุกเบิก กิจกรรมเสริมศึกษา โลกของหนูน้อยนักประดิษฐ์ (Enjoy Maker Space), Engineering Design, ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์แบบโดม, การแสดงทางวิทยาศาสตร์ และนิทรรศการหมุนเวียน
  • ชั้นที่ 2 ประวัติและความเป็นมาของทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
  • ชั้นที่ 3 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อุโมงค์พลังงาน และ โรงภาพยนตร์พลังงาน 4 มิติ
  • ชั้นที่ 4 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย
  • ชั้นที่ 5 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
  • ชั้นที่ 6 เทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย

เหมาะมากที่จะพาน้อง ๆ ไปเที่ยวชมที่แห่งนี้ รับรองได้ความสนุกและความรู้มากมาย เปิดให้บริการ วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30 – 17.00 น. (ปิดทำการทุกวันจันทร์) 02-577-9999

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.nsm.or.th/nsm/th/museum/science-museum

พิพิธภัณฑ์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.nsm.or.th/nsm/

 

  1. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งอยู่ที่เลขที่ 4 ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บริเวณ “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีการจัดนิทรรศการแบ่งเป็นเรื่อง ประวัติศาสตร์แห่งแผ่นดิน ประณีตศิลป์สืบสมัย ประวัติศาสตร์ศิลป์ไทยสืบสาน โบราณสถานวังหน้าที่เป็นงานสถาปัตยกรรมไทยที่งดงามมากๆ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของไทย เปิดบริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ (หยุดจันทร์ – อังคาร) เวลา 9.00 – 16.00 น. โทร 02-224-1402

ข้อมูลเพิ่มเติมของทางร้าน https://www.finearts.go.th/museumbangkok

พิพิธภัณฑ์

ขอขอบคุณภาพจาก https://thaiza.com/travel/city/185286/

 

อ่านต่อ.. 10 พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุก เสริมความรู้ ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เครื่องนึ่งขวดนม

เครื่องนึ่งขวดนม 6 แบรนด์ ฆ่าเชื้อ มั่นใจ ลูกน้อยดื่มนมปลอดภัย

Alternative Textaccount_circle
event
เครื่องนึ่งขวดนม
เครื่องนึ่งขวดนม

สิ่งที่คุณแม่ต้องใส่ใจเสมอคือความสะอาดของทุกสิ่งรอบตัวลูกน้อย ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องเอาเข้าปากนี่ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ ขวดนม ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกน้อยต้องนำเข้าปากทุกวัน วันละหลายเวลา การล้างขวดนมแล้วผึ่งให้แห้งแบบปกติอาจจะไม่ใช้วิธีที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งการทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ อาจหลงเหลือเชื้อโรคที่ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการป่วยได้ คราวนี้ทีมแม่จึงขอมาแนะนำแบรนด์ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม อีกขั้นของการทำความสะอาดขวดนมให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ให้คุณแม่ไว้พิจารณากันค่ะ

เครื่องนึ่งขวดนม 6 แบรนด์ ฆ่าเชื้อ มั่นใจ ลูกน้อยดื่มนมปลอดภัย

เครื่องนึ่งขวดนม

เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม หรือ เครื่องนึ่งขวดนม เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดขวดนมด้วยระบบการฆ่าเชื้อและการทำให้แห้งในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อโรคและกลิ่นที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าการล้างแล้วผึ่งลมแบบทั่วไป รวมทั้งไม่ต้องเสียเวลาไปกับการต้มน้ำร้อนแล้วลวกเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วย เป็นการฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เพื่อช่วยป้องกันลูกน้อยจากการอาการป่วยเนื่องจากดื่มนมจากขวดนมที่ปนเปื้อน 

 

เลือกเครื่องฆ่าเชื้อขวดนมแบบไหน

  • เลือกตามประเภทและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ตามที่ต้องการ ซึ่งเครื่องฆ่าเชื้อขวดนมแบบนึ่งด้วยไฟฟ้า และแบบไมโครเวฟ จะใช้ความร้อนจากไอน้ำในการฆ่าเชื้อเป็นหลัก บางรุ่นมีระบบอบแห้งในตัวด้วย หาซื้อได้ทั่วไป ราคาเริ่มต้นไม่สูง บางรุ่นใช้ร่วมกับน้ำยาฆ่าเชื้อหรือทำความสะอาดได้ด้วย ส่วนแบบนึ่งและฆ่าเชื้อด้วยระบบ Sterilize หรือรังสียูวี ตัวนี้มีประสิทธิภาพระดับทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ ราคาจะค่อนข้างสูง  
  • เลือกเครื่องที่รองรับขวดนมได้เยอะและรองรับขวดนมแบบคอกว้าง เผื่อสำหรับการทำความสะอาดที่ไม่แออัด รวมทั้งใช้ทำความสะอาดภาชนะอื่นได้ด้วย เช่น แก้วน้ำเด็ก 
  • ควรมีระบบอบแห้งในตัว เพราะเครื่องนึ่งที่ใช้ไอน้ำอย่างเดียว การผึ่งปกติแห้งอาจก่อให้เกิดกลิ่นหรือเชื้อราสะสมเพราะภาชนะไม่แห้งดี หากมีระบบอบแห้งจะช่วยให้มั่นใจมากขึ้น 
  • พิจารณาฟังก์ชั่นการใช้งาน สามารถใช้งานได้สะดวก เช่น ระบบสัมผัส สั่งการผ่านแอปได้ หรือทำความสะอาดง่ายหรือไม่ ไปจนถึงความหลากหลาย สารพัดประโยชน์ เช่น ใช้อุ่นอาหารได้ด้วย เป็นต้น  

 

  1. PHILIPS AVENT รุ่น SCF284/02

เป็นเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อแบบไฟฟ้า สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นอันตรายได้ถึง 99.9% และยังปลอดเชื้อได้นานสุด 24 ชั่วโมงหากไม่มีการเปิดฝา ทำความสะอาดขวดนมได้ภายในเวลาเพียง 6 นาที สามารถบรรจุขวดนมได้ถึง 6 ขวด มาพร้อมกับตะแกรงช่วยจัดเรียงสิ่งของภายใน และยังปรับขนาดได้เพื่อรองรับการทำความสะอาดที่หลากหลาย ทั้งขวดนม เครื่องปั๊มน้ำนม และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันตัดไฟอัตโนมัติ ควบคุมการทำงานง่าย เปิด-ปิดด้วยสวิตช์เดียว ตัวเครื่องยังทำความสะอาดง่ายด้วย 

เครื่องนึ่งขวดนม

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.philips.co.th/c-p/SCF284_02/3-in-1-electric-steam-sterilizer

 

  1. Fico รุ่น X5 Innovation

ตัวนี้เป็นเครื่องฆ่าเชื้อขวดนมด้วยแสง UVC สามารถฆ่าเชื้อได้อย่างมั่นใจด้วยการฆ่าเชื้อทุก 2 ชั่วโมง ครั้งละ 5 นาที ระบายอากาศ 2 นาที จึงปลอดเชื้อได้ตลอดวัน มาพร้อมหลอด UVC Phillips คุณภาพสูง กำลัง 4 วัตต์ แบบหลอดคู่ ช่วยให้การฆ่าเชื้อมีประสิทธิภาพขึ้นถึง 99% ตัวเครื่องเป็นไซต์ใหญ่พิเศษ ความจุ 22 ลิตร ภายในมีสองชั้น จึงจุขวดนมได้เยอะ วัสดุสแตนเลสภายในช่วยสะท้อนแสงได้ดี มั่นใจว่าภาชนะจะได้รับการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม นอกจากนี้ยังมีแผ่นกรองอากาศ HEPA 2 ช่องทางกรองฝุ่นละอองเล็กๆ ที่เป็นสาเหตุของเชื้อโรค และมีตัวกรองคาร์บอนดูดซับกลิ่นได้ดีเยี่ยมด้วย

เครื่องนึ่งขวดนม

ข้อมูลเพิ่มเติม Fico รุ่น X5 Innovation

 

  1. Säker UV Sterilizer

เป็นเครื่องฆ่าเชื้อขวดนมเกรดพรีเมี่ยม ที่ผ่านการทดสอบจากสถาบันระดับโลก ว่าฆ่าเชื้อโรคได้ 99.999% ด้วยหลอด UVC ที่ดีที่สุดจาก Philips มาพร้อมเทคโนโลยีอบแห้งรุ่นใหม่ล่าสุด Airflow-S/D 360 องศา ให้ลมร้อนแบบอ่อนโยน รอบทิศ ใช้ระบบความร้อนแบบสะสมที่ 40-60 องศา จึงไม่ทำลายสิ่งของ มีระบบไหลเวียนอากาศ กระจายได้ทั่วทั้งเครื่อง ไม่มีมุมอับ แห้งสนิท แห้งไวกว่าเดิม ระบบทำงานแบบ 3 in 1 ในปุ่มเดียว คืออบแห้ง ฆ่าเชื้อ และระบายกลิ่นอับ หรือจะเลือกโหมดใดโหมดหนึ่งก็ได้เช่นกัน จัดเป็นไอเทมสำหรับคุณแม่ที่ต้องการยกระดับสุขอนามัยลูกน้อยไปอีกขั้นอย่างแท้จริง

เครื่องอบขวดนม

ข้อมูลเพิ่มเติม เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker UV Sterilizer

 

  1. Pureen เครื่องนึ่งขวดนมไฟฟ้าพร้อมอบแห้ง

เครื่องนึ่งขวดนมพร้อมอบแห้งในตัว จึงมั่นใจได้ในความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.99% มาพร้อมแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง HEPA ช่วยดักจับฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปในตัวเครื่อง ตัวเครื่องเป็นระบบดิจิตอล ฟังก์ชั่นใช้งานง่าย แถมมีถึง 6 โหมดอเนกประสงค์ ทั้งนึ่ง อบแห้ง นึ่งและอบแห้ง อุ่นนม อุ่นอาหารและนึ่งอาหาร ประหยัดเวลาเพราะสามารถนึ่งได้เร็วสุดเพียง 6 นาที และตัดไฟทันทีเมื่อน้ำแห้ง ถังบรรจุขนาดใหญ่ และยังสามารถบรรจุขวดทรงมาตรฐานได้ถึง 10 ขวด หรือคอกว้างถึง 7 ขวด หรือสามารถใส่ได้แม้กระทั่งจานชามหรือถ้วยของเด็กๆ เรียกว่าคุณสมบัติครบในเครี่องเดียวจริง ๆ

เครื่องอบขวดนม

ข้อมูลเพิ่มเติม Pureen เครื่องนึ่งขวดนมไฟฟ้าพร้อมอบแห้ง

 

อ่านต่อ.. เครื่องนึ่งขวดนม 6 แบรนด์ ฆ่าเชื้อ มั่นใจ ลูกน้อยดื่มนมปลอดภัย ..ได้ที่หน้า 2

 

ที่พักพัทยา

ที่พักพัทยา ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุกทั้งครอบครัว

Alternative Textaccount_circle
event
ที่พักพัทยา
ที่พักพัทยา

เมืองพัทยาเป็นเขตปกครองพิเศษ ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี  เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชายหาดและทะเลที่สวยงาม ปัจจุบันนี้ก็มีการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบชายหาด ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยพัทยานี้ถูกแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน อีกทั้งเมืองพัทยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีสีสันทั้งกลางวัน และกลางคืน เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถเพียงสองชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้เจอกับบรรยากาศสุดชิลล์ริมทะเลแล้ว ทางเราเลยรวบรวม ที่พักพัทยา 10 แห่ง ติดทะเลและเป็นที่นิยมในเมืองพัทยา ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวพัทยา ก็ลองนำเอาไปเป็นตัวเลือกในเรื่องที่พักกันดู รับรองว่าบรรยากาศดี ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนโดนใจที่จะทำให้คุณเก็บกระเป๋าแล้วเปลี่ยนที่นอนในวันหยุดครั้งต่อไป

ที่พักพัทยา ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุกทั้งครอบครัว

ที่พักพัทยา

  1. Mandarin Eastville Pattaya

แมนดาริน อีสต์วิลล์ พัทยา ตั้งอยู่ที่ 66/66 ม.6 นาเกลือ บางละมุง พัทยา จ.ชลบุรี ที่พักสุดหรู ดีไซน์สวยโซนพัทยาเหนือ นาเกลือ ที่เปิดได้ไม่นาน โดยส่วนของโรงแรมแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ทั้ง 2 อาคารนั้นมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน ตึกสีขาวจะตกแต่งสไตล์ตะวันตกคลาสสิกส แนวยุโรปที่เน้นไปที่การตกแต่งประดับประดา ด้วยสัดส่วนที่สวยงามและลงตัว ดูหรูหรา และอาคารสีเข้มที่ตกแต่งสไตล์ Zen เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น ทุกห้องมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และที่สำคัญมีอ่างอาบน้ำให้แช่เพื่อความผ่อนคลายกันด้วย  ในส่วนบริเวณโรงแรมยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึง 2 สระ มีซาวน่า ฟิตเนส เปิดให้ใช้บริการ นอกจากนี้ความสะดวกสบายยังไม่หมดเท่านั้นเพราะที่ taya มีห้องอาหารแบบ All Day Dining ที่เสิร์ฟอาหารนานาชาติทั้งไทย จีน ฝรั่ง ตลอดทั้งวัน ใครอยากพักผ่อนสุดพิเศษในวันหยุดนี้ต้องมาเช็คอินที่นี่เลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.mandarineastville.com/

ที่พักพัทยา

ขอขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/MandarinEastvillePattaya/

 

  1. D’Villa PATTAYA

D’Villa PATTAYA ตั้งอยู่ในซอยชัยพรวิถี 21 เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นพูลวิลล่าแบบเหมาหลังเปิดใหม่ดีไซน์สุดเก๋ในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างมีสไตล์ บรรยากาศภายในเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ให้คุณชวนแก๊งค์เพื่อนหรือครอบครัวมาปาร์ตี้ริมสระ หรือมาพักผ่อนแบบส่วนตัวท่ามกลางบ้านสีขาวสไตล์เรียบง่าย พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ 2 สระ ด้านในบ้านประกอบไปด้วย 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำมีอ่างให้ได้แช่ตัวแบบฟินๆ ถึง 2 ห้อง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น และอุปกรณ์ครบครัน ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีห้องนั่งเล่นถึง 2 ห้อง มีสมาร์ททีวีพร้อม Netflix และฟรี Wi-fi อีกด้วย มาพร้อมห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันและเตาปิ้ง BBQ ที่พักมีเตรียมพร้อมให้ บอกเลยว่ามาที่นี่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/dvillapattaya/

ที่พักพัทยา

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/dvillapattaya/

 

  1. The Pattaya Glamper

The Pattaya Glamper ตั้งอยู่ที่ ซ.สุขุมวิท-พัทยา 28 แยก 1 เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากเทอร์มินอล 21 และชายหาดพัทยาไม่ถึง 10 นาที เป็นการนอนเต็นท์แบบสไตล์ซาฟารี ที่พักเปิดใหม่แนว camping มีกลิ่นอายบาหลีนิดๆ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา พร้อมบรรยากาศเป็นส่วนตัวเพราะที่นี่มีเต็นท์ให้เข้าพักเพียง 8 หลังเท่านั้น แถมทุกเต็นท์ยังมีแอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และมีห้องน้ำในตัว ที่มีอ่างอาบน้ำให้แช่ฟินๆ กันทุกเต็นท์เลยด้วย ห้องที่นี่สะอาด เตียงนอนหนานุ่ม เพื่อการนอนพักผ่อนสุดแสนสบาย ที่พักมีให้เลือกทั้งแบบเต็นท์พักสำหรับ 2 คน และเต็นท์พักสำหรับ 4 คน จึงเหมาะทั้งการพักผ่อนแบบเป็นคู่เพื่อน คนรัก หรือจะมากับแก๊งค์เพื่อน ครอบครัว  ส่วนไฮไลท์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำกลางที่พักที่ตกแต่งไว้อย่างดีเหมาะกับการถ่ายรูปสวยทุกมุม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/thepattayaglamper/

ที่พักพัทยา

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/thepattayaglamper/

 

  1. Best Western Premier Bayphere Pattaya

Best Western Premier Bayphere Pattaya ตั้งอยู่ที่ ซ.นาจอมเทียน 18 ต.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ที่พักดีไซน์สวยติดทะเล การันตรีด้วยรางวัล รางวัล “Best Condo Low-Rise Condo Architectural Design (Resort)” จากงาน Asia Pacific Property Awards ที่จะทำให้ใช้วันหยุดพักผ่อนของคุณได้อย่างเต็มที่ เพราะที่นี่เงียบสงบเหมาะกับการมาพักผ่อนชิลๆ รับลมริมทะเลริมหาด ในส่วนของห้องพักจะมีห้องไฮไลท์อย่าง Executive Ocean ที่มาพร้อมอ่างริมระเบียงส่วนตัว โต๊ะทำงานวิวทะเล และเตียงนอนขนาดใหญ่ ไปต่อกันที่สระว่ายน้ำของที่นี่ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์คือ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบ 180 องศา นอกจากนั้นที่นี่ยังมีห้องอาหาร LUNAR ให้คุณได้ไปนั่งชิลล์จิบค็อกเทลชมแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ตกดินกันอีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.bwpbayphere.com/

โรงแรมพัทยา

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/BestWesternPremierBaypherePattaya

อ่านต่อ.. ที่พักพัทยา ใกล้กรุงเทพ เที่ยวสนุกทั้งครอบครัว ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ตีลูกดีไหม

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เป็นภัยต่อพัฒนาการลูกลงโทษแบบไหนถึงดี

Alternative Textaccount_circle
event
รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ตีลูกดีไหม
รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ตีลูกดีไหม

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เมื่อการตีมีข้อเสียต่อพัฒนาการลูก ยังอยากสอนเขาด้วยการตีอีกไหม มาดูวิธีการสอนแบบไม่ตี ได้ดีเหมือนกัน วิธีดีๆเพื่อลูก

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เป็นภัยต่อพัฒนาการลูก แล้วลงโทษแบบไหนถึงดี!!

เมื่อผู้เชื่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กแนะ สุภาษิต ” รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ” อาจใช้ไม่ได้กับยุคปัจจุบัน การตี การลงโทษที่รุนแรงส่งผลต่อพัฒนาการของลูก ซ้ำร้ายยังมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเขาไปยันโต

ผศ.ดร.สมบัติ ตาปัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก เผยว่า การตีเด็ก คิดง่ายๆ ก็เหมือนการใช้ยาฆ่าหญ้า มันได้ผลทันที เด็กหยุดกระทำผิด แต่ก็เหมือนยาพิษ ต้องใช้บ่อยๆ และสะสมเยอะกัดกินจิตใจเขา หมอเองทำงานด้านบำบัดเจอคนไข้รายหนึ่งอายุ 40 ปีแล้ว เป็นโรคซึมเศร้า เพราะถูกพ่อตีตั้งแต่เด็ก เขาหวาดกลัวตลอด และก็ไปตีสามีของเขาอีก เป็นวงจรต่อไป จากการวิจัยพบว่าเด็กที่ได้รับความรุนแรงจะล้มเหลวด้านบุคลิกภาพ ซึมเศร้า บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย ทำให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ผิดตั้งแต่เล็กด้วย

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ดีจริงหรือ
รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ดีจริงหรือ

สมองส่วนคิดวิเคราะห์ พัฒนาเต็มที่ในวัย 25 ปี!!

เรามาทำความเข้าใจกับพัฒนาการของเด็ก จากคำแนะนำของ พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือหมอโอ๋ กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงเด็ก สมองส่วนอารมณ์ของเราจะทำงานเร็ว เด็กใช้อารมณ์ตอบโต้กับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเขา แต่สมองส่วนคิดวิเคราะห์ การใช้เหตุผลจะยังไม่พัฒนามาก จะเต็มที่ในวัย 25 ปี การคาดหวังให้ลูกทำอะไรที่เกินวัยเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามพัฒนาการสมอง เหมือนให้เขาทำอะไรเกินข้อจำกัดไป

“ในวัยเด็ก สมองส่วนอารมณ์จะต่อสู้ในสถานการณ์ต่างๆ กันไป หากเด็กสู้บ่อยๆ โตมาก็จะเป็นคนใช้ความรุนแรง หากเด็กหนีก็จะเป็นคนปกปิดความผิด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และถ้าเด็กยอม นั่นก็เพราะว่าเขากลัว เขาจะติดกับความรู้สึกกลัว มองว่าตนขี้แพ้ สู้ใครก็ไม่ได้ ทั้งหมดส่งผลต่อบุคลิกภาพของเขาตอนโต ซึ่งการที่สมองส่วนอารมณ์ทำงานก็จะกระตุ้นส่วนอารมณ์มากกว่าความคิด ครอบครัวและครูอาจต้องมีสติและความยับยั้งชั่งใจ ก่อนที่ความเคยชินจะทำร้ายลูกๆ”

รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ⇒ รักวัวให้ผูก รักลูกให้…

จากงานวิจัยที่สำรวจในพื้นที่ 4 จังหวัดโดยองค์การช่วยเหลือเด็ก พบว่าพ่อแม่มากกว่าร้อยละ 79 ตีลูกของตน โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าการตีเด็ก และทำให้อายเพียงเล็กน้อย สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ทำให้เด็กเจ็บปวด ขณะที่พ่อแม่กว่าร้อยละ 66.9 เชื่อว่าการลงโทษทางกายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย และครอบครัวมากกว่าร้อยละ 67 เชื่อว่าครูมีสิทธิทางกฎหมายในการตีเด็กที่มือได้ พ่อแม่ร้อยละ 78.9 ยังเห็นด้วยว่าการขู่ให้เด็กกลัวเป็นเครื่องมือในการลงโทษที่ดี และพ่อแม่สามารถทำได้ ขัดกันกับความคิดเห็นของเด็กส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 60.8 ที่อยากให้พ่อแม่พูดกับเขาดีๆ อธิบายถึงเหตุผลที่ทำผิดมากกว่าการลงโทษ

เมื่อผลสำรวจออกมาแล้วพบว่า ผู้ใหญ่ พ่อแม่ยังคงเห็นความสำคัญของการ “ตี” ว่าเป็นการสั่งสอนที่สามารถทำให้ลูกดีขึ้นได้ ในขณะที่เด็กไม่เข้าใจความหมายของการตี การลงโทษที่รุนแรงของผู้ใหญ่ เด็กอยากให้อธิบายเหตุผล สอน หรือพูดดี ๆ เสียมากกว่า ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าตี หรือไม่ตี แต่อยู่ที่ว่า ตีอย่างไร??

การลงโทษเด็กที่รุนแรง ส่งผลต่อพัฒนาการ
การลงโทษเด็กที่รุนแรง ส่งผลต่อพัฒนาการ

เมื่อไหร่ที่ควร ตี หรือลงโทษลูก

พฤติกรรมที่เป็นปัญหาร้ายแรง ที่ต้องทำการหยุดพฤติกรรมนั้นอย่างทันที คือ กรณีทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่น และการทำลายข้าวของ ทั้ง 3 พฤติกรรมนี้ พ่อแม่สามารถเลือกใช้การตีได้ แต่ต้องไม่ใช่การตีด้วยอารมณ์โกรธ หรือฉุนเฉียว แต่เป็นการตีจากความรัก ความปรารถนาดี พร้อมอธิบายถึงเหตุผลให้เด็กเข้าใจ

รูปแบบในการตีเด็กที่เหมาะสม

  • ไม่ควรตบหน้า
  • ไม่ใช้การตีด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นการทำร้ายเด็ก เช่น ไม้เรียว ไม้แขวนผ้า เข็มขัด เป็นต้น
  • แนะนำให้ใช้มือตีมือของเด็ก ทำให้สามารถประมาณน้ำหนักมือได้
  • สีหน้าท่าทางต้องจริงจัง ไม่ใช่เกรี้ยวกราด อาละวาด ด่าทอ ต้องมีท่าทีที่หนักแน่น
  • บอกถึงเหตุผลในการตี ว่าพ่อแม่เองก็ไม่ได้มีความสุขที่ต้องตีเขา และการกระทำใดที่ลูกต้องได้รับโทษ

มาถึงจุดนี้ คุณพ่อคุณแม่คงเริ่มเข้าใจแล้วว่า การตีลูก นั้น ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะปรับพฤติกรรมเจ้าจอมดื้อ จอมซน ให้กลับมามีพฤติกรรมที่เป็นที่ยอมรับ การลงโทษทำให้เด็กติดลบทั้ง IQ (Intelligence Quatient) TQ (Thinking Quatient) และ EQ (Emotion Quatient)

จำกัดเวลาเล่น อีกหนึ่งการลงโทษที่ไม่มีไม้เรียว
จำกัดเวลาเล่น อีกหนึ่งการลงโทษที่ไม่มีไม้เรียว

ตีลูกได้ตั้งแต่อายุกี่ขวบ ?

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข  กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรับรู้เหตุและผลของเด็ก โดยทั่วไปเด็กอายุก่อน 3 ขวบ ไม่เคยนึกถึงวิธีการตี เพราะส่วนใหญ่เด็กที่ไม่รู้ความ การสื่อสารยังเป็นข้อจำกัดอยู่ การตีเป็นสิ่งที่รุนแรงเกินไป เด็กยังไม่รู้เรื่องเหตุและผล ยังไร้เดียงสาอยู่ เช่น เด็กเอามือไปแหย่ปลั๊กไฟ จะบอกว่าเด็กทำร้ายตัวเองคงไม่ใช่ แต่เด็กที่เริ่มเข้าใจเหตุและผลบ้างแล้วประมาณ 3 ขวบ การที่เขาไปตีเด็กคนอื่นเพื่อแย่งชิงสิ่งของ ก็ควรถูกห้ามด้วยสายตาที่จริงจัง ขึงขัง และบอกว่า ถ้าหนูตีเพื่อนหนูถูกตี เด็กก็จะเรียนรู้ว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าเด็กโมโหเอาหัวโขกฝา ทึ้งผมตัวเอง ก็ต้องจับมือเขารวบแน่น ๆ และสบตาบอกเขาว่า หนูทำตัวเองเจ็บไม่ได้ เพราะแม่เสียใจ หนูถูกตี ทำท่าตีมือให้เขารู้ว่าต้องโดนตีแบบนี้ ซึ่งการตีที่มือน้อยกว่าที่เด็กทำร้ายตัวเอง มันเป็นสัญลักษณ์การลงโทษ

อ่านต่อ >>ถ้าไม่ตี แล้วจะสอนอย่างไรให้ได้ดี คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

นมอัลมอนด์

รีวิว 5 ยี่ห้อ นมเด็ก UHT สูตร DHA แบรนด์ไหนให้โอเมก้าสูงสุด ?

Alternative Textaccount_circle
event
นมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์

มีคุณพ่อคุณแม่ทักหลังไมค์ช่วยแนะนำนมสำหรับเด็ก 1 ขวบ+ ให้หน่อย มีนมยี่ห้อไหนบ้าง ขอมาก็จัดให้ค่ะ รีบแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ตให้ทันที จากที่ดูมีนมเด็ก UHT หลายยี่ห้อเลยค่ะ แต่ที่สะดุดตาต้องใจก็เจ้า นมอัลมอนด์ กล่องเล็กน่ารักจากแบรนด์ 137 degrees almond milk with DHA ซื้อมาชิม อร่อยมากค่ะคุ๊ณ! ฉะนั้นไม่รอช้าวันนี้กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids เราจะมารีวีวนมเด็ก UHT ที่เป็นสูตร DHA กันค่ะเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีตัวเลือกในการเลือกนมให้ลูกดื่มกันค่ะ

ประโยชน์ของการดื่ม “นมอัลมอนด์ “

คุณหมอเด็กแนะนำว่า นมที่ดีกับสุขภาพของเด็ก ๆ ก็คือ “นมรสจืด” เพราะนอกจากจะช่วยลดการติดรสหวานในเด็กได้แล้ว ปัญหาสุขภาพอย่าง ฟันผุ โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ ก็ไม่มีมากวนใจค่ะ

  • นมอัลมอนด์ มีไขมันดี ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  • วิตามินสูง ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี ช่วยบำรุงสมองและบำรุงสายตา
  • มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน

คุณแม่ควรเสริมให้ลูกได้ดื่มนมทุกวันพร้อมไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่  เพื่อที่ร่างกายจะได้เติบโตสมวัย และมีสมองการรู้เรียนที่มีประสิทธิภาพค่ะ

เคยมีคำถามมาว่าในนมวัวมี DHA ด้วยไหม ในนมวัวมีสารอาหารหลากหลาย แต่ไม่มีสารอาหารสำคัญอย่าง DHA นะคะ สำหรับ DHA (Docosahexaenoic acid) เป็นกรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา และร่างกายของเราไม่สามารถสร้าง DHA ขึ้นมาได้เองนะคะ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น DHA มีมากในนมแม่ ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาโอลาย ปลาทู และสาหร่ายทะเลบางชนิด และมีมากในปลาน้ำจืดที่มีไขมันสูง เช่น ปลาสวาย ปลาช่อน หรือ ในพืชจะมีอยู่ใน อัลมอนด์ , วอลนัท , เมล็ดแฟลกซ์ ,  เมล็ดงาขี้ม่อน ฯลฯ

DHA ให้ประโยชน์อะไร ?

  1. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและสายตาของเด็ก
  2. ช่วยส่งเสริมความจำ เรียนรู้จดจำได้ดี
  3. ช่วยให้มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี มีสมาธิ และช่วยให้มีการนอนหลับที่มีคุณภาพ

นมอัลมอนด์

นมกล่องสำหรับเด็ก UHT ปัจจุบันนี้มีให้เลือกดื่มหลายยี่ห้อ หลากชนิดนมไม่ว่าจะเป็น นมวัว นมแพะ นมควาย นมถั่วเหลือง และกับตัวเลือกใหม่ ที่ดีต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูก ทำให้การดื่มนมสนุกมาก

เปิดดูสารอาหารนมกล่อง UHT สำหรับเด็ก สูตร DHA ที่ให้ “โอเมก้าสูง”

กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids เรามีนมสำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป สามารถดื่มได้ ดีต่อสุขภาพและดีต่อพัฒนาการของเด็ก ๆ และนี่คือนมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 5 แบรนด์ ได้แก่ 137 Degrees Almond Milk with DHA (137 ดีกรี นมอัลมอนด์ สูตรดีเอชเอ) , Foremost OMEGA 3 6 9 GOLD 1 Plus (โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส) , S-26 GOLD Sphingomyelin (เอส 26 โกลด์ สฟิงโกไมอีลิน) , Hi-Q1 Plus Super Gold (ไฮคิว 1 พลัส ซูเปอร์โกลด์) , Enfagrow A+ Superior (เอนฟาโกร เอพลัส ซุพีเรียร์)

Almond Milk Almond Milk นมอัลมอนด์

นมกล่องสำหรับเด็ก UHT สูตร DHA  มีโอเมก้าสูง

นมอัลมอนด์ almond milk

Foremost OMEGA 3 6 9 GOLD 1 Plus

S-26 GOLD Sphingomyelin

Hi-Q1 Plus Super Gold

Enfagrow A+ Superior

พอมาแยกดูสารอาหารบำรุงสมอง เห็นเลยว่า นมอัลมอนด์ 137 degrees almond milk with DHA มีสารอาหารสำคัญอย่าง โอเมก้า 3 6 9 สูงมาก ใน 1 กล่องให้ โอเมก้า 3 = 66 มก. โอเมก้า 6 = 277 มก. และโอเมก้า 9 = 1,253 มก.

ลูก ๆ ของคุณพ่อคุณแม่จะเติบโตสมวัย มีพัฒนาการร่างกาย และสมองการเรียนรู้ดี นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ที่สำคัญต้องเสริมให้ลูกได้ดื่มนมทุกวันด้วยนะคะ

 

รวมเป้อุ้มเด็ก

รวมเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์ เหมาะกับสรีระลูก อุ้มสบาย ไม่ปวดหลัง

Alternative Textaccount_circle
event
รวมเป้อุ้มเด็ก
รวมเป้อุ้มเด็ก

ในปัจจุบันนี้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่หันมาใช้เป้อุ้มเด็กกันมากขึ้น อาจจะด้วยรูปแบบของการใช้ชีวิตที่ต้องมีการทำกิจกรรมในหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น สามารถอุ้มลูกไปด้วยเดินช็อปปิ้งไปด้วย หรืออาจจะทำงานบ้านไปด้วยอุ้มลูกน้อยไปได้ด้วย นอกจากนั้นการนำรถเข็นเด็กไปด้วยอาจจะไม่สะดวกต่อการเดินทางในบางครั้ง เป้อุ้มเด็กจึงเป็นของใช้สำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่เลือกใช้งานเพื่ออุ้มลูกน้อย และช่วยให้สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีเป้อุ้มเด็กมาให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ วันนี้ทีมกองบรรณาธิการจึง รวมเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์ ที่คัดเลือกมาแล้วว่าดี และมีมาตรฐาน มาให้คุณพ่อคุณแม่เลือกกัน

รวมเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์ เหมาะกับสรีระลูก อุ้มสบาย ไม่ปวดหลัง

รวมเป้อุ้มเด็ก

วิธีเลือกเป้อุ้มเด็ก

  • เลือกจากประเภทของเป้อุ้มเด็ก ในปัจจุบันเป้อุ้มเด็กจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ เป้อุ้มเด็กแบบมีโครงและผ้าอุ้มเด็กหรือเบบี้สลิง
  • เป้อุ้มเด็กแบบมีโครง (Structured Baby Carrier) เป้อุ้มลักษณะนี้จะพบได้บ่อย เหมาะกับเด็กหลายหลายวัย ลักษณะคล้ายกระเป๋าเป้สามารถสะพายได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บางรุ่นจะออกแบบให้มีสายประคองเอวของผู้สะพายเพื่อช่วยถ่ายเทน้ำหนักของลูกน้อยจากบริเวณบ่า ลดการเมื่อยล้าทำให้อุ้มได้นานขึ้น นอกจากนี้จะมีโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อประคองบริเวณด้านหลังและศีรษะของเด็กทารก เป้ลักษณะนี้อาจจะมีขนาดใหญ่ยากต่อการพับเก็บและพกพาไม่ค่อยสะดวก
  • ผ้าอุ้มเด็กหรือเบบี้สลิง (Baby Wrap/Baby Sling) เป็นเป้อุ้มเด็กแบบคลาสสิก ลักษณะเป็นการใช้ความยืดหยุ่นของผ้าผืนยาวมาเป็นตัวช่วยโอบอุ้มและกระชับตัวลูกน้อยไว้ ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนอยู่ในครรภ์ของแม่ จึงลดอาการงอแงของลูกน้อยได้ดี รวมถึงกระจายน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกต่อการให้นมลูกและการพกพาอีกด้วย แต่การใช้เป้อุ้มลักษณะนี้จะต้องใช้ให้ถูกท่าถูกวิธีเพราะไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้
  • เลือกเป้อุ้มให้เหมาะสมกับอายุของลูกน้อย เมื่อพิจารณาตามอายุของเด็กในช่วงวัยต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญในกาเลือกใช้เป้อุ้ม เด็กแรกเกิด – 4 เดือน การพยุงช่วงคอเป็นสิ่งสำคัญควรเลือกเป้อุ้มที่ออกแบบเฉพาะให้มีส่วนที่พยุงคอและวางตำแหน่งของเข่าและสะโพกได้ถูกต้อง เด็กที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไปสามารถชันคอได้เองแล้ว แนะนำให้เลือกเป้อุ้มเด็กที่สามารถใช้ได้ทั้งหันหน้าเข้าและออก หากเด็กยังชันคอได้ไม่แข็งแรงควรอุ้มเด็กแบบหันหน้าเข้า และเมื่อเด็กเริ่มควบคุมการหันคอได้แล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นอุ้มแบบหันหน้าออก
  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่ทำมาจากวัสดุที่ช่วยระบายอากาศได้ดี เพื่อปกป้องลูกน้อยจากการเกิดผดผื่นจากความอับชื้น จึงขอแนะนำว่าหากเป็นไปได้ให้เลือกเป้ที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นตาข่ายเพราะช่วยระบายอากาศได้ดี แถมยังลดปัญหาอบอ้าวและกลิ่นอับชื้นได้อีกด้วย
  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่อุ้มได้ถูกสรีระร่างกาย ทดสอบดูว่าเมื่อใช้เป้อุ้มเด็กแล้วรูปร่างของเป้เข้ากับสรีระของผู้อุ้มหรือไม่ มีส่วนซัพพอร์ตที่ช่วยลดการเมื่อยล้า ลูกน้อยอยู่ในท่าทางการอุ้มที่เหมาะสม
  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่มีความปลอดภัย ความปลอดภัยในแง่ของโครงสร้างเป้อุ้มเด็ก มีการออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักตัวเด็กได้ในช่วงน้ำหนักเท่าไหร่ วัสดุที่ผลิตเป้อุ้มเด็กมีความปลอดภัยต่อผิวหนังลูกน้อย การตัดเย็บมีความหนาแน่นปลอดภัยไม่ฉีกขาดง่าย สายรัดและตัวล็อกมีความหนาแน่นและกระชับเมื่อใช้งาน

เมื่อทราบถึงวิธีการเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กที่ทางทีมแม่ ABK ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้แล้ว หวังว่าจะใช้เป็นทางเลือกหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่ใช้เป็นวิธีเลือกเป้อุ้มเด็กสำหรับลูกน้อย ต่อมาเรามาดูกันว่ามีแบรนด์ไหนน่าใช้งานกันบ้าง

  1. Sunveno

Sunveno รุ่น Multi-function Baby Carrier – SV22094 เป้อุ้มเด็กที่ทำมาจากวัสดุ Polyester และผ้าฝ้ายที่ให้สัมผัสสบายผิว ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ สามารถใช้กับเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี รองรับน้ำหนักได้สูงสุดที่ 20 kg จุดเด่นของรุ่นนี้คือ มีสายแบบสะพายไขว้แบบเฉพาะของแบรนด์ช่วยกระชับและเสริมแรงในการอุ้มมากขึ้น มีช่องระบายอากาศพิเศษ เปิด/ปิดได้ มีซิลิโคนกันลื่นปลอดภัยต่อลูกน้อย เบาะนั่งถูกออกแบบให้มีการรับกับสรีระของเด็ก มีช่องเก็บของมากมาย มีผ้าคลุมศีรษะ กันแดด กันลม และป้องกันคอสำหรับเด็กแรกเกิด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sunveno.in/

รวมเป้อุ้มเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.sunveno.in/c

 

  1. Todbi

Todbi รุ่น Air Peacell All-in-one Carrier เป้อุ้มเด็กที่รองรับการใช้งานตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ขวบ Hip seat Ergonomic design ด้วยการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ซึ่งเป็นกลไกการกระจายจุดศูนย์ถ่วง ช่วยลดอาการปวดเมื่อยและลดแรงกดทับ ตัวเป้อุ้มผลิตจากผ้า Bamboo Rayon ที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวล จุดเด่นของรุ่นนี้คือนวัตกรรม Air Cell Shoulder Pads เพิ่มความสบายให้คุณแม่มากขึ้นด้วยสายรองไหล่ที่มาพร้อมกับความนุ่มสบายและช่วยกระจายน้ำหนักได้ดีเยี่ยมประกอบกับการนวดด้วยปุ่ม Air Cell ให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและลดความเมื่อยล้า

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Todbi.thailand.official/

รวมเป้อุ้มเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/Todbi.thailand.official/

 

  1. Punnita

Punnita รุ่น XP Hipseat เป้อุ้มเด็กแบรนด์ไทยที่ผ่านการทดสอบมาตราฐานความปลอดภัยสากล ASTM F2236-16a จากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 18 kg ตัวเป้อุ้มทำจากผ้า super soft cotton USA นุ่มสบายผิวลูกน้อย จุดเด่นของรุ่นนี้คือไม่มีก้อนโฟมมากดหน้าท้องผู้อุ้มหรือกดแผลผ่าคลอด จะมีแผ่นรองขาลูกน้อยให้นั่งสบายเหมือนนั่งเก้าอี้ พกพาได้สะดวก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.punnita.com/

รวมเป้อุ้มเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.punnita.com/

 

  1. Camera

Camera รุ่น Hippa 5 เป้อุ้มเด็กที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 ขวบ รองรับน้ำหนักเด็กได้ 20 Kg ได้รับการรับรองจาก สถาบัน IHDI (International Hip Dysplasia Institute) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็น Hip seat Healthy Product สามารถรองรับสรีระช่วงสะโพกและขาของเด็ก ช่วยป้องกันภาวะข้อต่อสะโพกเคลื่อน เนื้อผ้าของเป้อุ้มมี 2 ชนิดพิเศษ ทั้งผ้า Polyster  และ  cotton 100 % จุดเด่นของรุ่นนี้คือใช้ฟองน้ำชนิดพิเศษที่ใช้เป็นตัวดันทรงของสายคาดเอวซึ่งจะช่วยให้ไม่กดทับรอบเอว มีผ้าเสริมฟองน้ำชนิดพิเศษที่ป้องกันการเสียดสีบริเวณขอบขาเด็กไม่ให้เจ็บ ฐานนั่งใช้โฟม EPP ที่มีความแข็งแรงน้ำหนักเบาไม่แตกหัก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th-th.facebook.com/camerababy/

รวมเป้อุ้มเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://shopee.co.th/tdmthailand

อ่านต่อ.. รวมเป้อุ้มเด็ก 10 แบรนด์ เหมาะกับสรีระลูก อุ้มสบาย ไม่ปวดหลัง ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

รีวิวทิชชู่เปียก

รีวิวทิชชู่เปียก สำหรับเด็ก สะอาด อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง

Alternative Textaccount_circle
event
รีวิวทิชชู่เปียก
รีวิวทิชชู่เปียก

เนื่องจากผิวของเด็กมักบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่จึงควรพิถีพิถันในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเด็ก โดยเฉพาะทิชชูเปียกทำความสะอาดผิวเด็กที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จำเป็นเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ เพราะสามารถพกพาไปได้ทุกที่ และใช้แล้วสามารถทิ้งได้เลยไม่ต้องซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ให้ยุ่งยาก และด้วยเหตุนี้เองหลายแบรนด์จึงผลิตทิชชูเปียกออกมาหลายสูตร ซึ่งถ้าเราไม่ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนซื้อ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อยได้ มาดู รีวิวทิชชู่เปียก ที่อ่อนโยนสำหรับเด็ก และทุกคนในครอบครัวกันค่ะ

รีวิวทิชชู่เปียก สำหรับเด็ก สะอาด อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง

รีวิวทิชชู่เปียก

การใช้ทิชชู่เปียกกับเด็ก

การเลือกใช้ทิชชูเปียกทำความสะอาดผิวเด็กจำเป็นต้องคำนึงถึงหลายเรื่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบคุณสมบัติของทิชชูเปียกให้ดีก่อนเลือกซื้อ ซึ่งจะมีเรื่องใดที่ควรใส่ใจบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

  • การเลือกใช้ทิชชูเปียกทำความสะอาดผิวเด็กที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผิวของเด็กนั้นบอบบางและเกิดอาการแพ้ได้ง่าย การเลือกทิชชูเปียกสูตรอ่อนโยนอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากอาจมีสารเคมีบางตัวที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวจนเกิดผื่นแดงหรืออาการคันได้ จึงควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุแน่ชัดว่าผ่านการทดสอบทางการแพทย์ เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างวางใจ และสามารถใช้เช็ดทำความสะอาดได้แม้บริเวณที่มีผิวบอบบางอย่างรอบดวงตาหรือใบหน้าได้
  • เลือกใช้ทิชชูเปียกที่ปราศจากสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เนื่องจากผิวของเด็กบอบบางและแพ้ง่ายกว่าผู้ใหญ่มาก ทางที่ดีจึงควรเลือกซื้อทิชชูเปียกที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอมและสารกันเสีย (Paraben) นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปริมาณความชุ่มชื้นและความหนาของทิชชูเปียกว่าเพียงพอหรือไม่ ถ้าหยาบหรือแห้งจนเกินไป เวลาเช็ดอาจบาดผิวของลูกน้อยได้ แนะนำให้เลือกรุ่นที่ผลิตมาจากฝ้ายเพราะเนื้อสัมผัสจะค่อนข้างนุ่มนวล ใช้แล้วอ่อนโยนมากกว่า
  • เลือกทิชชูเปียกทารกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทิชชูเปียกนั้นมีขนาดและจำนวนที่บรรจุต่อหนึ่งห่อแตกต่างกันออกไป ซึ่งมีทั้งแบบที่มีฝาล็อกบรรจุทิชชูในปริมาณมาก (80-100 แผ่น) และแบบพกพาที่เหมาะสำหรับใช้งานนอกบ้าน (10-20 แผ่น)

ในครั้งนี้ทีมกองบรรณาธิการจึงเลือก 10 อันดับทิชชู่เปียกทำความสะอาดผิวเด็ก ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองแพ้ต่อผิวเด็ก มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ ซึ่งจะมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง เราตามมาอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ

  1. Karisma

Baby Water Wipes ผ้าเปียกหรือทิชชูเปียกที่มีส่วนผสมของน้ำมากกว่า 99% แถมยังไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ปราศจากสารกันเสียและพาราเบน ที่สำคัญใช้แล้วไม่เหนียวเหนอะหนะแน่นอน เหมาะกับเจ้าตัวน้อยตั้งแต่แรก 0 – 3 ปี เก็บรักษาได้ 2 ปี จากวันที่ผลิต

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://karisma.co.th/

รีวิวทิชชู่เปียก

ขอขอบคุณภาพจาก https://karisma.co.th/

 

  1. Pigeon

ทิชชูเปียกสูตรผสมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ถนอมผิว เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดและทารกอายุไม่เกิน 6 เดือนมีส่วนผสมน้ำมันลาโนลินธรรมชาติ-ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเกราะป้องกันจากอาการระคายเคือง พื้นผิวหมากรุกพิเศษ-ทำความสะอาดอุจจาระแบบเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่ายด้วยมือข้างเดียว ไม่มีแอลกอฮอล์ ผ่านการทดสอบ Microbiologically tested

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://pigeon.co.th/th/baby-wipes.php       

รีวิวทิชชู่เปียก

ขอขอบคุณภาพจาก https://pigeon.co.th/th/baby-wipes.php

 

  1. Pureen

Pureen ผ้าเช็ดทำความสะอาด สูตรเซนซิทีฟ เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด และผิวบอบบางแพ้ง่าย มีส่วนผสมของคาโมมายด์ ป้องกันการระคายเคืองผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน คลอรีน และน้ำหอม จึงอ่อนโยนปลอดภัยต่อผิวทารกและผิวแพ้ง่าย เนื้อผ้ามีความหนานุ่ม ชุ่มชื่น ผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิกทางการแพทย์ผิวหนัง ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองผิว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.pureen.co.th/baby/

ทิชชู่เปียก

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.pureen.co.th/baby/

 

  1. HUGGIES

ฮักกี้ส์ เพียว คลีน เบบี้ ไวพ์ หนาหนุ่มเหมือนใช้สำลี ทำความสะอาดได้มากถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับกระดาษเปียกใยสังเคราะห์ทั่วไป 4 แผ่น ผลิตโดยใช้น้ำบริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการกรองให้บริสุทธิ์ 8 ขั้นตอน ทำความสะอาดได้หมดจดและอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย โดยผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแม้ผิวบอบบางของเด็กแรกเกิด สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า มือ และก้นของลูกน้อย ไม่มีการเติมน้ำหอมและแอลกอฮอล์ (เอทานอล & ไอโซโพรพานอล แอลกอฮอล์)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.huggies.co.th/

ทิชชู่เปียก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.huggies.co.th/

อ่านต่อ.. รีวิวทิชชู่เปียก สำหรับเด็ก สะอาด อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ประกันสำหรับเด็ก

ประกันสำหรับเด็ก เลือกอย่างไรให้คุ้มครองครอบคลุม

Alternative Textaccount_circle
event
ประกันสำหรับเด็ก
ประกันสำหรับเด็ก

ช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่จำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครองเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัยที่ยังไม่สามารถดูแลตนเองได้ รวมไปถึงมีภูมิต้านทานและสมรรถภาพของร่างกายที่ยังมีไม่เทียบเท่าผู้ใหญ่ ส่งผลให้เด็ก ๆ มักจะไม่สบายหรือเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าปกติ ยิ่งเป็นวัยที่ต้องเข้าเรียนมีการพบปะกับผู้คนมากขึ้นทั้งเพื่อน ๆ และคุณครูอาจ จะทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสติดเชื้อโรคแล้วไม่สบายได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าหากเด็ก ๆ ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ ไม่ใช่แค่สุขภาพจิตใจของคุณพ่อคุณแม่จะย่ำแย่ หากแต่ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็อาจจะแย่ไปตาม ๆ กัน เพราะเหตุนี้การทำ ประกันสำหรับเด็ก จึงสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องค่ารักษาตรงนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะประกันสุขภาพเด็กจะครอบคลุมทั้งค่ารักษาโรค ค่ายา หรือแม้แต่หากเด็กป่วยจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล ดังนั้นเพื่อเป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่ดีของครอบครัว รวมไปถึงความสบายใจของทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และเจ้าตัวน้อย จึงเป็นเหตุผลที่เราควรทำประกันสุขภาพเด็กนั่นเอง

ประกันสำหรับเด็ก เลือกอย่างไรให้คุ้มครองครอบคลุม

ประกันสำหรับเด็ก

วิธีการเลือกประกันสุขภาพเด็ก

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนจะซื้อประกันสุขภาพเพื่อลูกน้อย ทีมกองบรรณาธิการขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ดังนี้

  • เลือกเบี้ยประกันสุขภาพเด็กที่เหมาะสม โดยเราควรเลือกเบี้ยประกันสุขภาพให้สอดคล้องและเหมาะสมกับทุนทรัพย์หรือสถานะทางการเงินด้วย ทั้งนี้ เบี้ยประกันจะสอดคล้องกับทุนประกัน หากเราเลือกทุนประกันสูง เบี้ยก็จะสูงตามไปด้วย เราแนะนำให้หาประกันที่สามารถผ่อนชำระเป็นรายงวดได้ ก็จะช่วยให้เรามีสภาพคล่องที่ดี ภายใต้ทุนประกันที่มากพอนั่นเอง
  • พิจารณาทุนประกันสุขภาพเด็กและค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งทุนประกันที่ดีควรที่จะครอบคลุมการรักษาต่าง ๆ อย่างครบครัน ครอบคลุมค่าห้อง ค่ายา ค่าธรรมเนียม ค่าผ่าตัดจำนวนเท่าไร ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบสถานพยาบาลใกล้บ้านด้วยว่า สามารถใช้กับประกันสุขภาพเด็กของที่ไหนได้บ้าง แล้วมีรายละเอียดค่ารักษาต่าง ๆ เท่าไร
  • ตรวจสอบอายุขั้นต่ำที่รับประกันสุขภาพเด็ก โดยแต่ละบริษัทประกันก็จะมีอายุขั้นต่ำที่รับประกันไม่เท่ากัน สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเพิ่งจะคลอด อย่าลืมตรวจสอบเรื่องนี้เป็นอันดับแรก เพราะถ้าอายุไม่ครบกำหนด จะได้สามารถเตรียมพร้อมหรือมองหาแบบประกันอื่นๆ ได้ทันที
  • ตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ และข้อยกเว้นในการเคลมประกัน โดยสำหรับประกันสุขภาพเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้ดีว่า ประกันมีความคุ้มครองโรคยอดฮิตในเด็ก เช่น โรคมือเท้าปาก โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ฯลฯ หรือไม่ รวมถึงมีเงื่อนไขใดที่ประกันจะไม่จ่ายค่าชดเชยบ้างด้วย ทั้งนี้ อย่าลืมตรวจสอบระยะเวลาที่ประกันจะเริ่มคุ้มครอง เพราะบางประกันก็จะมีระยะเดินเรื่องที่ทำให้ช่วงนั้นจะไม่ได้รับสิทธิ์การคุ้มครองจากประกันสุขภาพด้วย

นอกจากนี้ประกันสุขภาพเด็กบางบริษัทยังมาในรูปแบบของการออมเงินด้วย กล่าวคือ ทำประกันไว้แล้วมีเงินออมคืนให้เมื่อถึงกำหนดอายุที่ลูกของเราโตขึ้นในรูปแบบของปันผล รวมไปถึงประกันสุขภาพเด็กบางประเภทที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีของผู้ปกครองได้อีกด้วย ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในเรื่องการวางแผนทางการเงินของครอบครัวนั่นเอง

ดังนั้น เพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองทั้งหลายที่กำลังมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัว ทีมกองบรรณาธิการ ขอนำเสนออีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับลูกก็คือ ประกันสุขภาพเด็ก ที่ออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ โดยเฉพาะ โดยเราจะมานำเสนอวิธีการเลือกประกันสุขภาพเด็ก พร้อมคำแนะนำบริษัทประกันสำหรับสุขภาพเด็กที่เราคัดสรรมาแนะนำแก่ทุกครอบครัวด้วยค่ะ

 

  1. Aetna

แผนประกันเด็กที่มอบความคุ้มครองในวงเงินสูงถึง 5 ล้านบาทต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งการรักษาต่อปี ให้ความคุ้มครองค่าห้อง ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลสูงสุดถึงคืนละ 12,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั่วไปสูงสุดถึง 200,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก) ให้ความคุ้มครองสำหรับการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Major Medical) (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก) ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุสูงถึง 100,000 บาท ให้ความคุ้มครองทั้งการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก (ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาจะให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น) สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับความคุ้มครองผู้ป่วยนอก สูติกรรม และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มเติมได้ อุ่นใจกับเครือข่ายสถานพยาบาลกว่า 400 แห่งทั่วประเทศไทย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.aetinsure.com/our-product/

ประกันสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/aetnathailand/

 

  1. กรุงเทพประกันชีวิต

ประกันสุขภาพ แวลู เฮลธ์ (คิดส์) รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 1 เดือน – 10 ปี คุ้มครองครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน ค่าแพทย์ผ่าตัด และค่าหัตถการ สูงสุด 400,000 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุ 24 ชม. รับเงินชดเชยรายวัน สามารถเลือกแผนความคุ้มครองแบบ มี/ไม่มี ความรับผิดส่วนแรก ความรับผิดส่วนแรก คือ ความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับภาระตามข้อตกลงของสัญญาประกันภัย ทั้งนี้ แผนความคุ้มครองแบบมีความรับผิดส่วนแรก จะให้ความคุ้มครองจนถึงก่อนวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 11 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.bangkoklife.com/th/products/detail/239

ประกันสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.bangkoklife.com/online/th

 

  1. TOKIO MARINE

ประกันสุขภาพเด็ก โตเกียวมารีน ประกันสุขภาพสำหรับเด็ก ช่วงอายุ 0-15 ปี มีหลายแผนที่ครอบคลุมผลประโยชน์ผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) รวมทั้งการรักษา ค่ายา ค่าห้องค่าแพทย์ ฯลฯ ซื้อประกันสุขภาพต่อเนื่อง 10 ปี คุ้มครองชีวิต 1 ล้านบาท มาตรฐานใหม่ตลอดสัญญาไม่เพิ่มเบี้ยประกัน ไม่บอกเลิกสัญญา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tmm-insurance.com/

ประกันสุขภาพ

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.tmm-insurance.com/

 

  1. เมืองไทยประกันชีวิต

โครงการ ดี คิดส์ พลัส จากเมืองไทยประกันชีวิต เหมาจ่ายในวงเงินเดียวสูงสุด 5 ล้านบาท ที่ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ทั้ง ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู) มั่นใจทุกการรักษาคุ้มครองค่ารักษาตอนแอดมิท รวมถึงการรักษาฟื้นฟูต่อเนื่องแบบ OPD สมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 10 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี เมื่อโตขึ้นอายุ 11-15 ปีหรือ ถึงวัยเกษียณ ระหว่างอายุ 55 – 65 ปี ให้สิทธิ์เลือกปรับลดความรับผิดส่วนแรก รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องแถลงสุขภาพใหม่ การชำระเบี้ยแบ่งจ่ายรายเดือนได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.muangthai.co.th/th/

ประกันสุขภาพ

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.muangthai.co.th/th

อ่านต่อ.. ประกันสำหรับเด็ก เลือกอย่างไรให้คุ้มครองครอบคลุม ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ตกขาวแบบไหนท้อง

ตกขาวแบบไหนท้อง !! สัญญาณเตือนนี้น่าเชื่อไหมนะ

Alternative Textaccount_circle
event
ตกขาวแบบไหนท้อง
ตกขาวแบบไหนท้อง

ตกขาวแบบไหนท้อง ประจำเดือนไม่มา แต่มีตกขาว แบบนี้กำลังตั้งครรภ์หรือเปล่านะ ตกขาวลักษณะแบบใดที่เป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีข่าวดี จะแม่นไหมดูเลย!!

ตกขาวแบบไหนท้อง !! สัญญาณเตือนนี้น่าเชื่อไหมนะ

สำหรับสาว ๆ ที่กำลังลุ้นว่าจะมีข่าวดี อยากตั้งครรภ์ เมื่อไหร่นะจะได้มีเด็กน่ารัก ๆ มาเรียกว่า “แม่” คงจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเจ้าตัวเล็กมาอยู่ในท้องกันอย่างใจจดใจจ่อกันแล้ว ใช่ไหม?? เรามาลองเช็กอาการกันดูสักหน่อยดีไหมว่า คุณเข้าข่าย อาการคนท้อง หรือยังนะ

ตกขาวแบบไหนท้อง สัญญาณเตือน
ตกขาวแบบไหนท้อง สัญญาณเตือน

สัญญาณเตือน อาการคนท้อง แบบนี้จะท้องแล้วหรือยังนะ??

  • ประจำเดือนไม่มา

สาเหตุของการที่คุณ ประจำเดือนไม่มา นั้นก็มีสาเหตุหลากหลาย มีปัจจัยมากที่จะทำให้การมาของประจำเดือนคลาดเคลื่อน ลองเช็กกันดูเสียหน่อยว่าช่วงนี้กำลังมีความเครียด ความวิตกกังวลสูงหรือเปล่า หรือเป็นช่วงเวลาไม่สบาย ใกล้กับรอบวันของการมีประจำเดือน ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ ประจำเดือนไม่มา หรือเลื่อนไปไม่ตรงกำหนดก็เป็นได้ แต่หากว่าไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวมา แต่ประจำเดือนก็ยังคงไม่มาเสียที ชักเริ่มมีลุ้นแล้วละ ในบางรายที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ หากประจำเดือนของคุณขาดไป ก็แสดงว่าคุณอาจตั้งครรภ์ เพราะหลังจากปฏิสนธิ ประจำเดือนจะไม่มา แต่มีในบางรายที่ ตั้งครรภ์แล้ว อาจจะมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดในช่วงเวลาที่ครบรอบประจำเดือน ที่มักจะเรียกกันว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก”

  • ปัสสาวะบ่อย และมีสีเข้มขึ้น

อาการคนท้องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมดลูกที่โตกดกระเพาะปัสสาวะ และฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น ระหว่างตั้งครรภ์มีผลทำให้เลือดมาคั่งในเชิงกรานมาก เพื่อไปหล่อเลี้ยง ตัวอ่อนมากขึ้น ระบบปัสสาวะที่ต่อเนื่องถึงกันจึงได้รับผลกระทบไปด้วย กระเพาะปัสสาวะ จึงระคายเคือง และบีบตัวบ่อยขึ้น ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย รวมทั้งต้องลุกมาเข้าห้องน้ำใน ตอนกลางคืนบ่อย ๆ ด้วย ลองกลับไปสังเกตปริมาณการเข้าห้องน้ำกันดูนะสาว ๆ

  • คัดเต้านม เจ็บ ตึงเต้านม

ในช่วงเวลาประจำเดือนใกล้มา ผู้หญิงบางคนอาจมีความรู้สึกคัดตึง เต้านมใหญ่ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม กดแล้วเจ็บ แต่อาการเช่นนี้ก็มักพบได้ในคนตั้งครรภ์เช่นกัน เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของไขมัน และต่อมน้ำนม เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขยายใหญ่ขึ้นจนสังเกตเห็นได้ หัวนมเจ็บ และไวต่อสิ่งสัมผัส มีเส้นเลือดดำสีเขียว ๆ ปรากฎขึ้นที่บริเวณผิวหนังรอบเต้านม หัวนมมีสีคล้ำขึ้น และตั้งชู

  • มีการท้องผูกกว่าปกติ

สาเหตุเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อตั้งครรภ์ เช่น การบีบตัวของลำไส้ลดลง มดลูกทับลำไส้ใหญ่ การแก้ไขภาวะท้องผูกในคนท้องที่ดีที่สุด คือ การพยายามรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายพอเหมาะ ก็จะช่วยในการแก้ไขอาการท้องผูกได้

  • เหนื่อยง่าย และง่วงนอนบ่อย

ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณผู้หญิงจะสังเกตได้ว่า เราจะมีอาการเหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย เพราะร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน เป็นอาการที่เกิดจาก ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมา อาการเช่นนี้ดีสำหรับคุณแม่ เพราะเท่ากับช่วยลดกิจกรรมต่างๆ ลง จะได้พบปะเจอะเจอผู้คนน้อยลง หรือไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนมาไหน ช่วยให้คุณแม่ได้รับเชื้อโรคและสารพิษจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษน้อยลง อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่กำลังจะมาถึง

แบบนี้เรียกว่าจะมีข่าวดี ตั้งครรภ์หรือเปล่านะ
แบบนี้เรียกว่าจะมีข่าวดี ตั้งครรภ์หรือเปล่านะ
  • รู้สึกขมๆ เฝื่อนๆ มีรสชาติแปลกๆ ในปาก

เป็นอาการของโรคกรดไหลย้อน เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์มักเป็นโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ทำให้หูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลง รวมทั้งเมื่อตั้งครรภ์ในช่วงท้าย ๆ มดลูกที่ขยายตัวขึ้น จะไปเพิ่มแรงกดต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งหากคุณมีอาการของโรคกรดไหลย้อนในขณะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์

  • รู้สึกเหม็นกับกลิ่นบางอย่างที่ไม่เคยไม่ชอบมาก่อน

หลาย ๆ คนคงเคยเห็นนางเอกในละครที่เวลาตั้งครรภ์จะรู้สึกเหม็นกลิ่นตัวพระเอกบ้าง เหม็นกลิ่นอาหารที่เคยชอบบ้าง หรือเหม็นของที่แปลก ๆ ดมแล้วอยากอาเจียน อาการเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ในละครนะ เพราะหากคุณกำลังจะมีข่าวดี กับการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ทำให้มีปฎิกิริยากับสิ่งที่สัมผัสได้ ทั้งกลิ่น รส เสียง สัมผัส คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หลายรายจึงมักจะมีอาการแพ้ท้องเมื่อได้กลิ่นเหล่านั้น เพราะว่าระบบธรรมชาติได้พยายามปกป้องร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังพัฒนาและเจริญเติบโต เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดเลยทีเดียว ดังนั้นหลายๆ คนที่แพ้ท้องมากๆ ก็อาจจะต้องหยุดพัก ได้แต่กิน นอน และอาเจียนกันเลยทีเดียว

  • อารมณ์แปรปรวน อ่อนไหวง่าย

ผลมาจากฮอร์โมนใน่างกายที่เปลี่ยนแปลง บางครั้งได้ยิน ได้ฟังเรื่องเศร้า ๆ ก็ร้องไห้ น้ำตาซึม ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้เสียใจอย่างสุดซึ้ง โดยที่เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้ ผู้หญิงบางรายอาจไม่มีอาการดังกล่าวนี้เลยก็เป็นไปได้เช่นกัน

  • มีไข้ต่ำตอนเย็น

หากคุณแม่มือใหม่รู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะมีไข้ อาการนี้ไม่ถือว่าผิดปกติ เพียงแต่ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการก็จะดีขึ้นเอง

  • ปวดหลัง 

ปวดหลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโดยจะปวดบริเวณหลังล่าง ร่วมถึงมีตะคริวร่วมด้วย ซึงมีสาเหตุมาจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อหลังส่วนกลาง แนะนำว่าให้ปรับท่านอน นอนตะแคงหรือใช้หมอนข้างสำหรับรองขา หากปวดจนทนไม่ไหว ไม่ควรซื้อยากินเอง ให้รีบพบแพทย์จะดีที่สุด

อ่านต่อ >>ตกขาวแบบไหนท้อง สัญญาณเตือนนี้เชื่อถือได้ไหมนะ คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

hydrocele คือ โรคถุงน้ำอัณฑะ ในเด็ก

hydrocele คือ ถุงน้ำลูกอัณฑะจะเป็นอย่างไรเมื่อลูกไข่บวม

Alternative Textaccount_circle
event
hydrocele คือ โรคถุงน้ำอัณฑะ ในเด็ก
hydrocele คือ โรคถุงน้ำอัณฑะ ในเด็ก

hydrocele คือ ถุงน้ำลูกอัณฑะ ที่อาจเกิดอาการบวม ทำให้แม่ตกใจเหตุใด ลูกไข่บวม มารู้จัก โรคถุงน้ำอัณฑะในเด็ก จะอันตรายกับลูกไหมหากเป็นทำอย่างไร

hydrocele คือ ถุงน้ำลูกอัณฑะจะเป็นอย่างไรเมื่อลูกไข่บวม!!

ช่วยด้วย !! ลูกไข่บวม เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นลูกชาย มีลูกอัณฑะบวม มีลูกอัณฑะลูกเดียว สร้างความกังวลใจอย่างมาก และเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา ลูกเราจะเป็นอะไรไหม ความผิดปกตินี้จะส่งผลต่อลักษณะทางเพศลูกหรือไม่ หรือ ลูกเราเป็น มะเร็งอัณฑะ หรือเปล่า คำถามล้านแปดผุดขึ้นในหัวของคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน แต่ความจริงเป็นเช่นไร วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน

Hydrocele คือ อะไร??

ถุงน้ำในอัณฑะ (hydrocele) เป็นภาวะที่มีปริมาณของเหลวอยู่ในถุงอัณฑะมากเกินไป อาการนี้พบได้ในทุกวัยแต่พบได้บ่อยที่สุดในทารกแรกเกิดโดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด ส่วนใหญ่ภาวะถุงน้ำในอัณฑะในทารกแรกเกิดเพศชายจะดีขึ้นด้วยตัวเอง หากไม่สามารถหายได้เองจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด และสบายใจได้ว่าถุงน้ำในอัณฑะบวมนี้ไม่มีผลกระทบระยะยาว ไม่ส่งผลกระทบต่อลูกอัณฑะหรือภาวะเจริญพันธุ์ของเด็กชายในอนาคต โล่งใจขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหม แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งวางใจ ยังมีส่วนที่ต้องระวังกันอีกสักนิด หากพบลูกไข่บวม

hydrocele คือ โรคถุงน้ำอัณฑะ ในเด็ก
hydrocele คือ โรคถุงน้ำอัณฑะ ในเด็ก

ลูกไข่บวม แบบไหนถึงต้องระวัง!!

Hydrocele จะไม่ส่งผลกระทบต่อการมีบุตร แต่อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ถุงอัณฑะขยายใหญ่ขึ้น การติดเชื้อหรือเนื้องอกที่อาจส่งผลต่อการผลิตและการทำงานของอสุจิ ภาวะอัณฑะบิดขั้ว และโรคไส้เลื่อนที่ขาหนีบที่อาจเป็นอันตรายจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

เมื่อลูกไข่บวม อัณฑะบวม อาจเกิดได้จาก

  • อัณฑะบิดขั้ว เกิดอาการปวดทันทีเมื่ออัณฑะบิดขั้วบริเวณส่วนปลายของหลอดอสุจิซึ่งประกอบไปด้วยเลือดที่เลี้ยงอัณฑะ และเมื่อเกิดการบิดขั้วเลือดจะไม่สามารถมาเลี้ยงอัณฑะทำให้ขาดเลือดและเซลล์ตายได้ อัณฑะบิดขั้วเกิดในชายอายุ 12-20ปี และเด็กทารก เป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษา มีอาการปวดบริเวณอัณฑะทันทีร่วมกับอาจจะมีปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนด้วย อัณฑะจะบวมและกดเจ็บและถูกดึงกลับในช่องท้อง
  • ไส้เลื่อนขาหนีบ (Inguinal hernia) เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาแต่กำเนิดในเพศชาย และถูกกระตุ้นด้วยกิจกรรมที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของหน้าท้อง เช่น การออกกำลังกาย การยกของหนัก และปัญหาการขับถ่าย นอกจากนี้ยังพบว่าหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงโรคนี้ด้วยเช่นกัน หากปล่อยไว้จะเสี่ยงไส้เน่า หรือลำไส้อุดตัน สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด จะพบมีก้อนบวมที่อัณฑะเวลายืน นั่ง หรือไอ และยุบหายเวลานอนราบ คลำดูมีลักษณะนิ่ม ไม่เจ็บ แต่ถ้าเกิดภาวะแทรกซ้อน กลายเป็นไส้เลื่อนชนิดติดคา ก็จะทำให้มีอาการเป็นก้อนบวมและมีอาการปวดได้
  • อัณฑะอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคคางทูม หรือเชื้อแบคทีเรียที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม อาการคือ ปวดเจ็บอัณฑะ อัณฑะบวม ปวดหรือเจ็บเวลาปัสสาวะหรือหลั่งน้ำอสุจิ น้ำอสุจิเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด มีหนองตรงปลายท่อปัสสาวะ เป็นต้น
  •  มะเร็งอัณฑะ (Testicular Cancer) เป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่พบในเพศชายอายุระหว่าง 15-35 ปี สาเหตุเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของลูกอัณฑะซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ภายในถุงอัณฑะ บริเวณด้านหลังอวัยวะเพศชายหรือองคชาต มีภาวะลูกอัณฑะไม่ลงถุง ซึ่งเป็นภาวะที่ลูกอัณฑะหนึ่งหรือสองข้างไม่เข้าไปอยู่ในถุงอัณฑะตั้งแต่เป็นทารกก่อนคลอด ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศชายและสเปิร์มที่ใช้ในการสืบพันธุ์ อาการบ่งชี้ คือมีก้อนนูนที่รู้สึกเจ็บบริเวณลูกอัณฑะ ลูกอัณฑะบวม เจ็บปวดภายในถุงอัณฑะ หรือรู้สึกหนักภายในถุงอัณฑะ ซึ่งมะเร็งอาจเกิดขึ้นกับลูกอัณฑะเพียงข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง โดยเซลล์มะเร็งอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่นของร่างกายได้

Hydrocele สามารถเกิดได้กับเพศชายทุกวัย แต่พบได้บ่อยในเด็กแรกเกิด โดยอาการบวมที่เกิดขึ้นอาจหายไปเองภายในอายุ 1 ปี โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดนำของเหลวออกจากถุงอัณฑะ นอกจากนี้ Hydrocele จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรืออันตรายใด ๆ หากไม่เกิดการติดเชื้อ การอักเสบ หรือเกิดภาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย

ส่องไฟฉายที่ไข่ลูก !! ลองดูมีแบบนี้หรือเปล่า??

ลูกไข่บวม
ลูกไข่บวม

เนื่องจากโรคถุงน้ำในอัณฑะ hydrocele คือ โรคที่พบได้บ่อยในทารก และไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ ดังนั้นหากลูกทารกไม่สามารถพูดบอกอาการได้ และไม่สามารถสังเกตจากความเจ็บปวดของลูกได้ อาการเดียวที่คุณจะสังเกตได้ คือ ลูกอัณฑะของลูกชายของคุณบวม มีลูกอัณฑะลูกเดียว มีลักษณะเป็นก้อนนุ่มที่ลูกอัณฑะข้างหนึ่งข้างใดโดยไม่ยุบหาย และหากมีอาการเหล่านี้ เราจะสามารถแยกว่า อาการบวมของอัณฑะลูกนั้นเกิดจากน้ำ หรือเป็นอาการไส้เลื่อน ไฟฉาย คือ อุปกรณ์ช่วยให้เราสังเกตได้ หากว่าเมื่อใช้ไฟฉายส่องเห็นว่าก้อนบวมในอัณฑะนั้น โปร่งแสง แสดงว่าเกิดถุงน้ำในอัณฑะ แต่หากเป็นทึบแสง อาจเกิดจากภาวะไส้เลื่อน ไส้ที่ไหลลงมาจึงทำให้เมื่อใช้ไฟฉายส่องจึงเห็นเป็นทึบ ไม่เหมือนกับน้ำ

สาเหตุของถุงน้ำในอัณฑะในเด็ก

Hydrocele ในเด็กเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงเดือนที่เจ็ดของการพัฒนาของทารกในครรภ์ ตามปกติแล้วร่างกายจะสร้างถุงน้ำหุ้มล้อมรอบลูกอัณฑะ หลังจากนั้นถุงอัณฑะจะปิดตัว และของเหลวดังกล่าวจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายในช่วง 1 ปีแรกหลังคลอด แต่เด็กที่มีภาวะ Hydrocele จะเกิดความผิดปกติภายในถุงอัณฑะ โดยแบ่งออกตามสาเหตุดังนี้

  • ถุงน้ำอัณฑะชนิดไม่ติดต่อกับช่องท้อง เป็นภาวะที่มีของเหลวค้างอยู่ในถุงอัณฑะหลังจากที่ถุงปิด แต่ของเหลวดังกล่าวไม่ถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย
  • ถุงน้ำอัณฑะชนิดมีทางติดต่อกับช่องท้อง เกิดขึ้นเนื่องจากถุงน้ำที่ล้อมรอบลูกอัณฑะยังคงเปิดอยู่ ส่งผลให้ของเหลวสามารถเข้าและออกภายในถุงดังกล่าวได้ มักพบในทารกที่คลอดก่อนกำหนด

สำหรับ Hydrocele ในวัยผู้ใหญ่มักมีสาเหตุจากถุงอัณฑะปิดตัวไม่สนิท โดยอาจเกิดจากการอักเสบที่ถุงอัณฑะ การได้รับบาดเจ็บบริเวณถุงอัณฑะ หรือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ส่งผลให้ของเหลวบริเวณท้องสามารถไหลเข้าสู่ถุงอัณฑะได้ ส่วนมากมักพบในผู้ชายที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

เด็กชาย กับ อัณฑะบวม สาเหตุจากอะไร
เด็กชาย กับ อัณฑะบวม สาเหตุจากอะไร

ลูกอัณฑะจะย้ายจากช่องท้องไปยังถุงอัณฑะ เมื่อลูกอัณฑะเคลื่อนตัวลงมันจะนำเยื่อบุที่คล้ายถุงของช่องท้องไปด้วย ซึ่งโดยปกติเยื่อหุ้มของถุงอัณฑะจะมีอยู่ 2 ชั้นและจะมีของเหลวเล็กน้อยเพื่อหล่อลื่น และถุงนี้มักปิดก่อนคลอดป้องกันไม่ให้ของเหลวเพิ่มขึ้นจากช่องท้องเข้าไปในถุงอัณฑะ

อ่านต่อ>> ประสบการณ์จริง!! เมื่อลูกต้องผ่าตัด โรคถุงน้ำในอัณฑะ คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

keyboard_arrow_up