Lactadherin แลคตาเดริน

มารู้จัก Lactadherin แลคตาเดริน สารอาหารสำคัญในนมแม่

คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินสารอาหารที่ชื่อว่า Lactadherin แลคตาเดริน กันไหมคะ ขอบอกว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญกับลูกมากค่ะ โดยเฉพาะในช่วงวัย 1-3 ปี ควรได้รับอย่างต่อเนื่อง กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จะพาทุกครอบครัวยุคใหม่ ไปรู้จักกับสารอาหารที่ชื่อว่าแลคตาเดรินกันค่ะ

รู้ไหม.. นมแม่ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง  

เรารู้กันอยู่แล้วว่า “น้ำนมแม่” สุดยอดอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด น้ำนมแม่ เป็นอาหารบริสุทธิ์ที่กลไกธรรมชาติของร่างกายสร้างผลิตมาเพื่อลูกน้อย องค์การอนามัยโลกแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึง 6 เดือน และให้ลูกกินนมแม่เสริมควบคู่ไปกับอาหารที่หลากหลายด้วยคุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ที่ได้จาก เนื้อสัตว์ ข้าว ผัก ผลไม้  ไปจนถึง 1 ขวบปี  นมแม่ อุดมด้วยคุณค่าโภชนาการสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลาย

  • ภูมิคุ้มกัน น้ำนมช่วงแรกหลังคลอดที่เรียกกว่า “น้ำนมเหลือง” หรือ Colostrums น้ำนมในระยะนี้จะมีปริมาณสารภูมิคุ้มกันสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดโอกาสการติดเชื้อของทารกแรกเกิดได้ มีเม็ดเลือดขาวเป็นส่วนประกอบ 2,000-3,000 เซลล์/มิลลิลิตร มีปริมาณไลโซไซม์ ซึ่งเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรียทำให้เชื้อตาย สูงกว่านมอื่น ๆ ถึง 5,000 เท่า จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ได้รับการเปรียบเปรยว่านมแม่เปรียบเสมือนวัคซีนแรกของลูก
  • โปรตีน น้ำนมแม่มีโปรตีนมากกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งกว่า 60% เป็นโปรตีนชนิดที่เรียกกันว่า “เวย์โปรตีน” มีคุณสมบัติย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และป้องกันการติดเชื้อได้ดี
  • น้ำตาล น้ำนมแม่มีน้ำตาลเชิงซ้อนกว่า 200 ชนิดที่เรียกว่าโอลิโกแซ็กคาไรด์ 6 ซึ่งทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกในลำไส้ ช่วยป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและลดความเสี่ยงของการอักเสบของสมอง
  • ไขมัน นมแม่จะมีปริมาณไขมันอยู่ที่ 4 กรัมต่อน้ำนม 100 มิลลิลิตร เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของลูก และกรดไขมันส่วนใหญ่ในน้ำนมแม่จะเป็นกรดไขมันสายยาวและไม่อิ่มตัว ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง และยังช่วยในการดูดซึมวิตามิน กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานอย่างสมบูรณ์
  • วิตามินและแร่ธาตุ ในน้ำนมแม่จะมีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี แต่ปริมาณวิตามินจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินที่แม่ได้รับ คุณแม่ที่ให้นมลูก ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ นมแม่ยังมีธาตุเหล็ก และแคลเซียม เพียงพอกับลูกวัยแรกเกิด – 6 เดือน1

Lactadherin แลคตาเดริน

นมแม่มี Lactadherin แลคตาเดริน คืออะไร ทำไมถึงมีประโยชน์กับลูก

ความมหัศจรรย์ของน้ำนมแม่ ไม่ได้มีแค่คุณค่าสารอาหารที่ครบถ้วนดีมีประโยชน์ต่อพัฒนาการการเจริญเติบโต และพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่ดีสมวัยเท่านั้นนะคะ แต่ใน “นมแม่” ยังมีสารอาหารภูมิต้านทานช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพดีแข็งแรงค่ะ

ในนมแม่จะมีสารภูมิต้านทานชนิดหนึ่งชื่อว่า Lactadherin แลคตาเดริน เป็นไกลโคโปรตีน ที่ออกฤทธิ์ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้า ช่วยให้การอักเสบลดลง และช่วยรักษาการอักเสบของลำไส้ทำให้สภาพของลำไส้ดีขึ้น

ลำไส้เปรียบเสมือนสมองที่สองของร่างกาย หากดูแลให้ลูกน้อยมีสุขภาพลำไส้แข็งแรง ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะจะช่วยลดการอาการเจ็บป่วย ไม่สบายลงได้ค่ะ เมื่อลูกมีสุขภาพดี พัฒนาการต่าง ๆ ก็ย่อมดีด้วยเช่นกันค่ะ

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัย 1 ขวบขึ้นไป หากกำลังหานมเสริมให้ลูก ที่ช่วยในเรื่องพัฒนาการการเจริญเติบโตดีสมวัย มีพัฒนาการสมองการเรียนรู้ดี และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำว่าอาจต้องเลือกนมเสริมที่มีแลคตาเดริน และมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์หลากหลายอาทิเช่น…

  • ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ ปริมาณต่อ 1 หน่วยบริโภค = 53 ก.
  • นิวคลีโอไทด์ ปริมาณต่อ 1 หน่วยบริโภค = 9 มก.
  • ดีเอชเอ ปริมาณความต้องการ DHA ที่ใช้โดยทั่วไปในแต่ละวัน เด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปี รับประทานปริมาณ 10-12 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ส่วนเด็กอายุ 2 ปี ขึ้นไปอาจรับประทานปริมาณไม่เกิน 250 มิลลิกรัม/วัน
  • แคลเซียม จำเป็นในการซ่อมแซมในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • เหล็ก มีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบินตามปกติ และมีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และมีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น
  • วิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก และมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินดี มีส่วนช่วยคงสภาพปกติกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • วิตามินอี มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
  • กรดโฟลิค มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงตามปกติ

นมแม่แน่ที่สุด อยากให้ลูกได้รับสารอาหารดี ๆ ในนมแม่ อย่างแลคตาเดรินอย่างต่อเนื่อง คุณแม่ต้องมีตัวช่วยเสริมให้ลูกกันนะคะ ข้อมูลเพิ่มเติมแลคตาเดรินในนม คลิก !  

นมแม่มี Lactadherin แลคตาเดริน

 

 

เครดิตข้อมูล : 1รพ.พญาไท เปิดส่วนประกอบ “นมแม่” ใน 1 หยดมีสารอาหารอะไรบ้างนะ , พบแพทย์

 

    Infolife Fiber

    Infolife Fiber ใยอาหารพรีไบโอติกส์จากผักในรูปแบบผง หมดห่วงเรื่องท้องผูกของลูกน้อยที่แม่ๆ หลายบ้านเลือกเป็นตัวช่วยอันดับ 1

    ถ้าพูดถึงปัญหา “ลูกท้องผูก” เป็นปัญหาสามัญประจำบ้านของหลาย ๆ ครอบครัวเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ จะต้องพบเจอปัญหานี้ไม่มากก็น้อย จากที่ลูกขับถ่ายปกติดี อยู่ ๆ ก็เริ่มทำหน้าบึ้งตึงเวลาขับถ่าย บางครั้งร้องไห้งอแงเลยก็มี แบบนี้คนเป็นแม่จะอยู่เฉยได้อย่างไร

    ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถเลือกทานผักหรือผลไม้ เป็นทางเลือกเพื่อเสริมไฟเบอร์ได้ แต่กับลูกน้อยที่รักแค่เห็นสีเขียวก็เมินหน้าหนีแล้ว คุณแม่จะมีตัวช่วยดี ๆ บ้างไหมนะ…?

    Infolifefiber (อินโฟไลฟ์ไฟเบอร์) จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณแม่หลายคนไว้วางใจ เพราะเขาใส่พรีไบโอติกส์จากธรรมชาติมาให้ถึง 4 ชนิด ซึ่งพรีไบโอติกส์เหล่านี้เป็นสารอาหารที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบขับถ่าย ช่วยให้จุลินทรีย์ที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยลดจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย

    ด้วยการพัฒนาไฟเบอร์ให้อยู่ในรูปแบบผง คุณแม่ยุคใหม่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความยุ่งยาก เพราะเพียงแค่ “ฉีกซอง” และ “ผสมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มที่ลูกชอบ” ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปข้างนอก ก็เสริมใยอาหารดี ๆ ให้ลูกได้ทุกที่ทุกเวลา ผสมนมหรือน้ำผลไม้ หรือแม้แต่อาหารมื้อหนักเช่น พาสต้าที่ลูกโปรดปราน ก็ทานร่วมกันได้อย่างแฮปปี้

    ** ทางแบรนด์แอบกระซิบมาว่า เด็กทารก 6 เดือนขึ้นไปที่มีปัญหาท้องผูกจากการทานนมผง แนะนำใช้ผสมนมผงได้เลย ช่วยลดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

     Infolifefiber (อินโฟไลฟ์ไฟเบอร์)

    ทำไมถึงต้องใช้ อินโฟไลท์ ไฟเบอร์

    อินโฟไลฟ์ ไฟเบอร์ อุดมไปด้วยโอลิโกฟรุคโตส หรือฟลุคโตโอลิโลเเซคคาไรด์ (FOS) ใยอาหารซึ่งเป็นอาหารของโพรไบโอติกที่อาศัยอยู่ส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ พร้อมทั้งสารอินนูลิน (Inulin) ใยอาหารซึ่งเป็นอาหารของโพรไบโอติกที่อาศัยอยู่ส่วนปลายลำไส้ใหญ่

    เมื่อโพรไบโอติกส์ทั้งสองส่วนในบริเวณลำไส้ใหญ่ได้รับพรีไบโอติกส์ที่ดี จุลินทรีย์จะสามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเข้าไปยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค สร้างเอนไซม์ที่กระตุ้นการย่อยอาหาร ปรับให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    อีกทั้งยังมีเบต้ากลูเเคนจากผนังเซลของยีส ซึ่งเป็นเเหล่งที่ดีที่สุด ที่มีงานวิจัยออกมาแล้วว่าช่วยฟื้นฟูให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างสมดุล  และ วิตามินบีรวมจากต้นอ่อนควินัว Organic Quinoa ที่เป็นเมล็ดธัญพืชตระกูลเดียวกับข้าว โปรตีนและไฟเบอร์สูง ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มกากใยและลดการอักเสบของลำไส้ได้

    เพราะสารอาหารที่อัดแน่นในทุกๆซอง เทียบเท่าการการได้รับใยอาหารจากผักเป็นกิโล ทำให้อาการท้องผูกของหนูน้อยลดลงจนหายขาดไปในที่สุด คุณพ่อคุณแม่หลายคนจึงมั่นใจที่จะกลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ จนทำให้อินโฟไลฟ์เป็นที่ 1 ในใจของหลายครอบครัวไปแล้วค่ะ

    และที่สำคัญที่สุดในการที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม ต้องดูที่มาตรฐานเป็นสำคัญ แบรนด์อินโฟไลท์เขาก็ไม่ละเลยในจุดนี้ มีการส่งตรวจสารที่อาจจะก่อให้เกิด

    ภูมิเเพ้ที่เเม่ๆรู้จักกัน 8 ชนิด ซึ่งเด็กที่เเพ้ นม ไข่ ปลา อาหารทะเล ถั่วพีนัท ถั่วลิสง ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ก็สามารถทานได้ มาตรฐาน อย. , GMP, HACCP, GRAS ครบ คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้เลยว่าปลอดภัยต่อลูกน้อยแน่นอน

    constipation ท้องผูก

    นอกจากท้องผูก ปัญหาที่ตามมาคือลูก เบื่ออาหารทานน้อย ไม่สบายตัว INFOLIFE VEGGIE+ LYSINE อินโฟไลท์ เวกกี้พลัส ไลซีน ตัวช่วยเปลี่ยนลูกกินยาก ให้เป็นเด็กกินเก่ง ด้วยใยอาหารผสมไลซีน

    คุณแม่เคยเจอเหตุการณ์นี้ไหมคะ ทำอาหารให้ลูกสุดฝีมือ ผัก ผลไม้ สารอาหารครบถ้วนแบบจัดเต็ม แต่สุดท้ายลูกเขี่ยออก เลือกทานแต่สิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น จนเริ่มจะต้องบังคับมากขึ้น สุดท้ายแม้ลูกไม่อยากแต่ก็ต้องกินทั้งน้ำตาเพราะกลัวแม่ดุ สัญญาณว่าเขาเป็น “เด็กกินยาก/เลือกกิน” ได้ออกมาเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ผลเสียของการเป็นเด็กเลือกกินนอกจากจะทำให้เขากลายเป็นเด็กที่มีน้ำหนักน้อยและตัวเล็กแล้ว ลูกรักจะกลายเป็นเด็กโตช้า มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกันด้วยค่ะ

    ทางอินโฟไลฟ์ที่เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้พัฒนาใยอาหารผงผักและผลไม้รวม เวกกี้พลัส ไลซีน ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและกากใยอาหาร พร้อมกรดอะมิโนจำเป็นอย่าง “ไลซีน” ที่สำคัญต่อร่างกายอย่างมากในการสร้างโปรตีนเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ อีกทั้งไลซีนช่วยในการเจริญเติบโต เสริมภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความอยากอาหารให้ลูกรัก

    ลูกท้องผูก

    ผงผักและผลไม้รวม เวกกี้พลัสไลซีน ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีรสชาติ และละลายได้กับทุกเมนูอาหาร  ไม่มีการพองตัวหรือทำให้น้ำข้นหรือหนืด  หมดกังวลลูกจับได้แน่นอน

    Infolife Fiber

    ต้องบอกเลยว่าทั้งอินโฟไลฟ์ไฟเบอร์และเวกกี้พลัสไลซีน ตอบโจทย์ในปัญหายาก ๆ ด้วยวิธีที่แสนง่าย พร้อมทั้งช่วยให้คุณแม่ประหยัดเงินและเวลาได้อีกด้วย แล้วคุณแม่ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ พร้อมจะพิสูจน์ผลลัพธ์เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกหรือยังคะ

    หากคุณแม่คนไหนสนใจ สามารถสั่งซื้อหรือปรึกษาปัญหาลูกท้องผูก ลูกทานข้าวยาก และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://infolifefiber.com/

    สั่งซื้อได้เลยที่ :

    Hotline : 094-239-4488

    Line ID : @infolife-fiber

    FB fanpage : Infolife Fiber Thailand

    Lazada : INFOLIFE FIBER

     

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี อัปเดตราคาแต่ละโรงพยาบาล 2565

      ฝากครรภ์ (Prenatal care) คือการตรวจสุขภาพเป็นระยะ ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด โดยแพทย์จะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของแม่และเด็ก คนที่กำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ ก็มักจะไปตรวจเพื่อความแน่ใจว่าตั้งครรภ์จริงไหม และหากตั้งครรภ์จริงแพทย์จะแนะนำให้ฝากครรภ์ทันที เมื่อคุณแม่รู้ว่าตั้งครรภ์ การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการฝากกครรภ์ก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับตัว ทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมกับการเติบโตของทารกในครรภ์ในแต่ละช่วงเวลา ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน เพื่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยที่แข็งแรงสมบูรณ์ การตั้งครรภ์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลปกป้องที่ไม่สิ้นสุด ดังนั้นการเตรียมพร้อมดูแลสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยให้สมบูรณ์จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี อัปเดตราคาแต่ละโรงพยาบาล

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี

      การฝากครรภ์เป็นสิ่งแรก ๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนควรรีบฝากครรภ์เสียแต่เนิ่น ๆ คือ ไม่ควรเกิน 3 เดือน นับจากมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่นั้นตั้งครรภ์ปกติและทารกในครรภ์แข็งแรงและสมบูรณ์ แพทย์จะตรวจสุขภาพคุณแม่ว่ามีโรคแทรกซ้อนใด ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง และกามโรค เป็นต้น

       

      บริการทั่วไปที่คุณแม่จะได้รับเมื่อฝากครรภ์

      1. คุณแม่จะได้รับการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะ
      2. แพทย์หรือพยาบาลจะซักประวัติเกี่ยวกับการขาดประจำเดือน อาการแพ้ท้อง เด็กดิ้น ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต ประวัติการตั้งครรภ์ และการคลอดครั้งก่อน ๆ ตลอดจนประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว และการแพ้ยาต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลแก่สูติแพทย์ และมีประโยชน์ในการดูแลคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์และคลอด
      3. คุณแม่จะได้รับการตรวจครรภ์ และการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจากสูติ-นรีแพทย์ รวมทั้งการคาดคะเนกำหนดคลอดให้ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะคลอดในระยะ 1-2 สัปดาห์ ก่อนหรือหลังการคาดคะเนได้
      4. สูติแพทย์จะให้คำแนะนำหรือตอบปัญหาเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตนในระหว่างตั้งครรภ์ ให้ยาบำรุงหรือยาอื่นๆ ที่จำเป็นให้และนัดวันตรวจครั้งต่อไปเป็นระยะๆ
      5. การไปรับการตรวจครั้งต่อไปจะกำหนดให้คร่าว ๆ ดังนี้  ตั้งแต่ฝากครรภ์ครั้งแรกถึงครรภ์ 7 เดือน ควรไปตรวจเดือนละครั้ง  ระหว่างครรภ์ 7 เดือน ถึง 8 เดือน ควรไปตรวจทุก 2 สัปดาห์  และครรภ์เดือนสุดท้าย ควรไปตรวจสัปดาห์ละครั้ง ถ้าการตรวจครรภ์ผิดปกติ เช่น มีโรคแทรกซ้อน แพทย์อาจจัดให้ไปตรวจบ่อยกว่าที่กำหนด

       

      หลังจากทราบแล้วว่าการฝากครรภ์สำคัญแค่ไหน ก็ควรหาโรงพยาบาลที่สะดวกในการฝากครรภ์ทันที ทีมกองบรรณาธิการจึงรวบรวม 10 โรงพยาบาลที่มีแพ็กเกจฝากครรภ์ที่สามารถเลือกแพ็กเกจฝากครรภ์ และจองวันพบแพทย์ได้เลย

      1. โรงพยาบาลเปาโล เกษตร

      โปรแกรมฝากครรภ์เหมาจ่ายไม่เกิน 13 ครั้ง ราคา 18,900 บาท สามารถแบ่งจ่ายได้ 4 ครั้ง สนใจติดต่อสอบถามโทร 02-1500-900 ต่อ 5420 แผนกสูตินรีเวช

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.paolohospital.com/th-TH/kaset/Home

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี

      ขอบคุณภาพจาก https://www.paolohospital.com/th-TH/center

       

      1. สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

      อัตราค่าบริการรับฝากครรภ์ ครั้งละประมาณ 650 บาท/ครั้ง รวมอัลตร้าซาวด์และยา จำนวน 8-10 ครั้งตลอดการตั้งครรภ์ ตรวจเลือดธาลัสซีเมีย 2,500 บาท ตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ 500 บาท สนใจติดต่อสอบถามโทร 02-839-6242-3 ต่อ 5420 หน่วยตรวจผู้ป่วยนอกสูติ-นรีเวช

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.rama.mahidol.ac.th/cnmi/th

      ฝากครรภ์ที่ไหนดี

      ขอบคุณภาพจาก https://www.rama.mahidol.ac.th/cnmi/th

       

      1. โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ

      ราคาแพ็กเกจฝากครรภ์ 13,000 บาท รวมตรวจสุขภาพ อัลตร้าซาวด์ และเจาะเลือดตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียและเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สนใจติดต่อสอบถามโทร  0-2109-3222  ศูนย์สูติ-นรีเวช

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.bpksamutprakan.com/

      ฝากครรภ์

      ขอบคุณภาพจาก https://www.bpksamutprakan.com/

       

      1. โรงพยาบาลวิภาราม

      แพ็กเกจฝากครรภ์คุณภาพ มีให้เลือกหลากหลายโปรแกรมราคาตั้งแต่ 17,900 – 22,900 บาท สามารถดูรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ สนใจติดต่อสอบถามโทร 02-0322-550 ต่อ 2419, 2420 แผนกสูติ-นรีเวช

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://vibharam.com/package-detail.php?pack_id=124

      ฝากครรภ์

      ขอบคุณภาพจาก https://vibharam.com/

       

      1. โรงพยาบาลพญาไท 3

      ฝากครรภ์ค่าใช่จ่ายแต่ละครั้งประมาณ 3,000 บาท/ครั้ง หากมีการเจาะเลือดร่วมด้วยราคาประมาณ 10,000 บาท/ครั้ง สนใจติดต่อสอบถามโทร 02-4671-111 ต่อ 3264-65 ศูนย์สุขภาพหญิง

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://phyathai3hospital.com/home/

      ฝากครรภ์

      ขอบคุณภาพจาก https://phyathai3hospital.com/home/

       

      อ่านต่อ.. ฝากครรภ์ที่ไหนดี อัปเดตราคาแต่ละโรงพยาบาล ..ได้ที่หน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก

        10 อันดับ แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก คลานได้ เล่นด้วย ปลอดภัย เซฟลูกน้อยวัยคลาน

        ไอเทมเกี่ยวกับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะยังนึกไม่ถึงตอนลูกน้อยยังเป็นทารก แต่พอเข้าสู่วัยคลาน เชื่อว่าหลายคนคงต้องมองหา แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก ที่เหมาะกับลูกน้อยกัน เพราะการที่ลูกน้อยเริ่มคลานได้ คือก้าวนึงที่สำคัญของพัฒนาการ แต่จะให้เค้าคลานไปบนพื้นบ้านคงไม่เหมาะกับผิวและสรีระบอบบางแน่ ๆ การปูพื้นด้วยแผ่นรองคลานจึงช่วยให้พื้นผิวสัมผัสอ่อนโยนขึ้น และยังป้องกันอันตรายหากลูกน้อยล้มคะมำด้วย คราวนี้ทีมแม่จึงขอแนะนำแผ่นรองคลานพร้อมคุณสมบัติ ให้ลองเลือกกันดูค่ะ

        10 อันดับ แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก คลานได้ เล่นด้วย ปลอดภัย เซฟลูกน้อยวัยคลาน

        แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก

        แผ่นรองคลาน คือแผ่นรองพื้นสำหรับลูกน้อยวัยคลานเพื่อช่วยป้องกันมือ เข่า และส่วนอื่น ๆ เสียดสีกับพื้นโดยตรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง หรือบาดเจ็บจากการล้มกระแทกได้ แผ่นรองคลานจึงผลิตจากวัสดุที่มีความนุ่มนวลกว่าพื้นผิวทั่วไป นอกจากนี้แผ่นรองบางแบบยังเพิ่มการเรียนรู้เข้าไปเพื่อเสริมพัฒนาการด้วย

         

        เลือกแผ่นรองคลานแบบไหนดี

        • ควรเลือกแผ่นรองคลานที่มีความหนามากกว่า 1 เซนติเมตร เพื่อให้มีความหนาเพียงพอปกป้องลูกน้อยหากเกิดการล้ม หรือจากแรงกระแทกเวลาคลาน 
        • เลือกขนาดแผ่นรองคลานให้เข้ากับขนาดพื้นที่ที่ต้องการ เป็นไปได้ควรเลือกแผ่นรองคลานขนาดใหญ่ ข้อดีของแผ่นรองคลานขนาดใหญ่คือทำความสะอาดง่าย ไม่มีซอกหลืบเก็บฝุ่นหรือสะสมเชื้อโรค
        • เลือกวัสดุที่ปราศจากสารอันตราย เช่น พลาสติก EVA และ PE ควรเป็นวัสดุที่ระบายอากาศหรือทนต่อความร้อนได้ดี ทำความสะอาดได้ง่าย ไปจนถึงมีความยืดหยุ่น กันน้ำ และกันกระแทกได้ดี 
        • เลือกแผ่นรองคลานที่มีลายเกมปริศนา ทายศัพท์ จับคู่ หรือจิ๊กซอว์ ให้ลูกน้อยได้ฝึกพัฒนาไปในตัว

         

        1. Bebeplay แผ่นรองคลาน XPE รุ่น Rolling Mat 

        ให้ลูกน้อยเพลินกับการคลานด้วยแผ่นรองคลานลายการ์ตูนน่ารักๆจาก Babeplay รุ่นนี้ ที่เคลือบลายการ์ตูนสดใส ด้วยเทคโนโลยีพริ้นติ้งพิเศษทั้งสองด้าน สลับด้านใช้ได้ ผลิตจากวัสดุ XPE (Closed Cell Chemical Cross-Linked Polyethylene) เกรดอาหาร และยังใช้สี NON Toxic ปลอดสารพิษ ไม่มีสารตกค้าง ปลอดภัยสำหรับเด็กด้วย เพิ่มความปลอดภัยด้วยปุ่มกันลื่นหน้าหลัง ให้ความฝืดที่เหมาะสม ทำให้เด็กฝึกคลาน ฝึกเดิน ได้อย่างมั่นคง แผ่นรองหนา 1.5 เซนติเมตร เก็บของแบบ Round Edge เพื่อป้องกันความคม และยังกันน้ำ ทำความสะอาดได้ง่าย  

        แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก

        ข้อมูลเพิ่มเติม https://bebeplay.co/products/xpe-mat?variant=39520902185117

         

        1. Fin Babiesplus แผ่นรองคลานผ้าโพลีเอสเตอร์

        แผ่นรองรุ่นนี้จะใช้คลานหรือจะรองนอนก็ได้ และยังเพิ่มพัฒนาการในการทรงตัวด้วย ผลิตจากผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% สีปลอดสารพิษ Non-Toxic ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย มีความหนานุ่ม ใส้ในบุด้วยเส้นใยอย่างดี ขนาดใหญ่ 5 ฟุต ให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวได้อิสระ แผ่นรองด้านล่างมีปุ่มกันลื่น ป้องกันแผ่นรองลื่นไถล และยังเย็บเก็บขอบเรียบร้อย ทนทาน สวยงาม ซักทำความสะอาดได้ พกพาสะดวก ส่วนลวดลายมีทั้งตัวการ์ตูนสัตว์ต่างๆ และเกมตัวเลขให้ฝึกพัฒนาการเพลิน ๆ  

        แผ่นรองคลาน

        ข้อมูลเพิ่มเติม FIN BABIESPLUS แผ่นรองคลาน ผ้าโพลีเอสเตอร์

         

        1. Dodolove แผ่นรองคลานแบบจิ๊กซอว์

        เพิ่มความสนุกให้กับลูกน้อยวัยคลานด้วยแผ่นรองคลานแบบจิ๊กซอว์คละลายการ์ตูนสุดน่ารัก 2 ด้าน พิมพ์แบบพิเศษ ป้องกันรอยขีดข่วน แผ่นปูเป็นโฟมหนา 2 ซม. ยืดหยุ่นสูง นุ่ม ลดแรงกระแทกได้ดี คืนตัวได้เยี่ยม ทำจากวัสดุ XPE ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดสารอันตรายกับเด็กทุกชนิดเคลือบกันน้ำ หมดปัญหาเรื่องความชื้น เชื้อรา และสิ่งสกปรกต่าง และยังทำความสะอาดง่ายมาก เพียงแค่ใช้ผ้าหมาดๆเช็ดก็ขจัดสิ่งสกปรกได้ทันที ในหนึ่งแพ็คมี 6 แผ่น ขนาดใหญ่ นอกจากต่อเป็นแผ่นรอง ยังสามารถนำมาต่อเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการได้ด้วย

        แผ่นรองคลาน

        ข้อมูลเพิ่มเติม DodoLove แผ่นรองคลาน

         

        1. Parklon แผ่นรองคลาน รุ่น Air Bubble Mat

        แผ่นรองคลานแบรนด์คุณภาพจากเกาหลี การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ซึ่งรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาจากรุ่นก่อนให้มีพื้นที่มากขึ้น และหนานุ่มขึ้น ทั้งขนาด 150×230 ซม. และหนาจุใจถึง 4 ซม. มั่นใจในความปลอดภัยจากการรับรองโดยผลแล็บว่าสามารถลดแรงกระแทกได้ถึง 73% มาพร้อม Air Hole Technology ลิขสิทธิ์เฉพาะ Parklon ที่ให้ความรู้สึกหนานุ่มขึ้น รวมทั้งเคลือบ Antibacterial & Waterproof Coating จึงกันน้ำ กันเชื้อรา ไร้กลิ่นกวนใจแน่นอน 

        แผ่นรองคลาน

        ข้อมูลเพิ่มเติม แผ่นรองคลาน Parklon Air Bubble Mat

         

        1. Babiesplus แผ่นรองคลาน รุ่น TCN-376

        คลานไปพร้อมกับเสริมพัฒนาการลูกน้อยแบบทูอินวัน จิ๊กซอว์แต่ละตัวสามารถถอดและประกอบเป็นรูปร่างต่างๆได้ จึงช่วยเสริมทักษะเด็ก ฝึกพัฒนาการในเรื่องการนับและหยิบจับ นอกจากนี้ยังปลอดภัยด้วยวัสดุ EVA Non Toxic เกรด A เนื้อหนาแน่ ไม่ฉีดขาดง่าย ไม่เปื่อย ไม่ขึ้นรา มีกลิ่นหอม ไม่ฉุน น้ำหนักเบา ใช้สี NON Toxic ปลอดสารพิษ ไม่มีสารตกค้าง ทำความสะอาดง่าย แห้งเร็ว แผ่นโฟมยังช่วยลดแรงกระแทกระหว่างลูกน้อยกับพื้นเวลาล้มหรือหงายหลัง โดยใน 1 ชุดมี 18 ชิ้น ลายให้เลือก เช่น Animal Train, Animal Circle, Build a House เป็นต้น 

        แผ่นรองคลาน

        ข้อมูลเพิ่มเติม Babiesplus แผ่นรองคลาน

         

        อ่านต่อ.. 10 อันดับ แผ่นรองคลานสำหรับเด็ก คลานได้ เล่นด้วย ปลอดภัย เซฟลูกน้อยวัยคลาน ..ได้ที่หน้า 2

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง เช็กอาการบ่งบอกว่าคุณท้องแน่ๆ

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง เมื่อการคุมกำเนิดผิดพลาด และไม่มีวิธีไหนได้ผล 100% โอกาสที่คุณจะตั้งครรภ์ย่อมมีเสมอ มาเช็กอาการคนท้องในวันเมนไม่มา

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง เช็กอาการบ่งบอกว่าคุณท้องแน่ ๆ!!

          หลังมีเพศสัมพันธ์ คุณกำลังกลุ้มใจอยู่หรือเปล่า  กำลังกังวลเกี่ยวกับประจำเดือนที่คลาดเคลื่อนอยู่หรือไม่ มาลองเช็กอาการเหล่านี้กันก่อนว่าคุณมีอาการแสดงต่าง ๆ เหล่านี้กันกี่ข้อ

          คุณกำลังมีอาการ…

          • คัดตึงเต้านม หน้าอกบวม อาจรู้สึกเจ็บเต้านมและรู้สึกไม่สบายเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และรอบ ๆ หัวนมอาจมีสีเข้มขึ้น
          • คลื่นไส้และอาเจียน เป็นอาการแบบพะอืดพะอม ไม่สบายท้อง
          • เหนื่อยล้า เหนื่อยง่าย เหนื่อยแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
          • อารมณ์แปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ไวเกิน จนคุณเองยังรู้สึกได้ว่าไม่ปกติ
          • วิงเวียนศีรษะ รู้สึกมึน ๆ โงนเงน แบบบอกไม่ถูก
          • ปวดปัสสาวะบ่อย แบบไม่ใช่อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ไม่มีอาการปวดแสบร่วม

          หากคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ นั่นคือ สัญญาณของคนท้อง!!

          ประจำเดือนไม่มากี่วันถึงท้อง เป็นคำถามคาใจ วนเวียน สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางอนามัยขาด ลืมกินยาคุม เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่า การคุมกำเนิดแม้ไม่ได้เกิดความผิดพลาด ก็ยังไม่ได้ให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 100%

          ยาเม็ดคุมกำเนิด
          ยาเม็ดคุมกำเนิด

          วิธีคุมกำเนิดที่คุณใช้นั้น มีโอกาส เสียงตั้งครรภ์ กี่เปอร์เซ็นต์ ?

          1.ห่วงอนามัย (Intrauterine device)

          เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของสตรี เพื่อทำให้สภาพในโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน จึงใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ชั่วคราวได้ดี โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้

          • ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง (IUD with copper) ในปัจจุบันที่ใช้กันอยู่จะมี 2 ชนิด คือ มัลติโหลด (มีอายุการใช้งานได้ 3 ปี สำหรับ Cu250 และ 5 ปี สำหรับ Cu375) และคอปเปอร์ที (มีอายุการใช้งาน 10 ปี)
          • ห่วงอนามัยเคลือบฮอร์โมน (IUD with progestogen) มีอยู่ด้วยกัน 2 ขนาด คือ LNg14 (Skyla®) ที่ใช้คุมกำเนิดได้นาน 3 ปี และ LNg20 (Mirena®) ที่ใช้คุมกำเนิดได้นาน 5 ปี

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียง 0.01-1%

          2.ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptives: COC)

          คือ ยาเม็ดคุมกำเนิดที่เป็นแผง มีส่วนประกอบของฮอร์โมนรวมสองชนิด ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสติน ซึ่งยับยั้งการตกไข่และทำให้อสุจิเคลื่อนที่ยากขึ้น บางยี่ห้อมีเพียง 21 เม็ดแล้วเว้นไป 7 วันค่อยเริ่มกินแผงใหม่ แต่ส่วนใหญ่มี 28 เม็ด ซึ่ง 7 เม็ดสุดท้ายเป็นแป้งหรือวิตามินเพื่อป้องกันการลืมกินยา

          วิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด:  ให้เริ่มต้นกินยาในวันแรกที่ประจำเดือนมาหรือภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน จากนั้นต้องกินยาวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันของทุกวัน จึงแนะนำให้กินก่อนนอน และไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีการอื่น

          อย่างไรก็ตาม ยาเม็ดคุมกำเนิดมีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคบางโรค เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด จึงควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์ 1-9 %

          3.ถุงยางอนามัย(ชาย) (Male latex condom)

          คือ อุปกรณ์ที่ใช้คุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง (หากใช้อย่างถูกวิธี) สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดต่าง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเอดส์ นอกจากจะใช้เพื่อคุมกำเนิดแล้วยังป้องกันโรคได้ด้วย

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์ 2-18 %

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง
          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง

          4.ยาฝังคุมกำเนิด (Contraceptive implant)

          โดยเป็นการใช้ฮอร์โมนชนิดเดียว คือ โปรเจสติน (Progestin) ที่บรรจุเอาไว้ในหลอดหรือแท่งพลาสติกเล็ก ๆ ขนาดเท่าไม้จิ้มฟันชนิดกลม นำมาฝังเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนจะค่อย ๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกาย และไปยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ ส่งผลทำให้ไม่มีการตกไข่ตามมา จึงช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียง 0.01%-0.5%

          5.ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable contraceptive)

          คือ วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวแบบหนึ่ง โดยจะเป็นการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อของสตรีในระยะเวลาตามที่แพทย์กำหนด หลังจากฉีดตัวยาจะค่อย ๆ ขับฮอร์โมนออกมา เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในรายที่ต้องการเว้นระยะการมีบุตร เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง ทำได้ง่าย สะดวก และมีราคาถูก โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้

          • ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งเป็นยาฉีดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) เพียงอย่างเดียว คือ ยา Depot Medroxyprogesterone acetate (DMPA) ขนาด 150 มิลลิกรัม (ใช้ฉีดเข้ากล้ามทุก 3 เดือน) เป็นตัวยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีชื่อทางการค้าว่า Depo-Provera® และอีกชนิดคือยา Norethisterone Enanthate (NET-EN) ขนาด 200 มิลลิกรัม มีชื่อทางการค้าว่า Noristerat® (ใช้ฉีดเข้ากล้ามทุก 2 เดือน)
          • ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นยาฉีดคุมกำเนิดแบบใหม่ที่ผลิตมาเพื่อลดอาการผิดปกติของประจำเดือน ในยาฉีดจะมีทั้งฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) และฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ชนิดนี้มีชื่อทางการค้าว่า Cyclofem® และ Lunelle™ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อด้อยของยาฉีดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวและเพื่อเป็นการเลียนแบบฮอร์โมนของร่างกาย (ใช้ฉีดเข้ากล้ามทุก ๆ 1 เดือน)

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์ 1-9%

          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง
          ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง

          6.การนับระยะปลอดภัย (safety period)

          “หน้า 7 หลัง 7” เป็นระยะปลอดภัย โดยนับจากวันแรก ที่มีประจำเดือน คือ 7 วันก่อน ‘หน้า’ ที่จะมีประจำเดือนวันแรก และ 7 วัน ‘หลัง’ จากวันแรกที่มีประจำเดือนแล้ว เพราะในระยะนี้จะยังไม่มีไข่ตก จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์ ได้โดยไม่ตั้งครรภ์  แต่วิธีการนี้ไม่เหมาะกับคนที่ประจำเดือนมาไม่แน่นอน หรือมีรอบเดือนรอบสั้นที่สุดกับรอบยาวที่สุดต่างกันมากกว่า 10 วัน (จะต้องจดบันทึกประวัติประจำเดือนมาแล้วหนึ่งปี) หรือช่วงที่มีอารมณ์เครียด ก็สามารถทำให้การตกไข่เปลี่ยนแปลงไปได้

          ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์สูงถึง 24% จึงไม่ควรใช้เป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด

          จะเห็นได้ว่า วิธีการคุมกำเนิดทุกวิธีที่กล่าวมานั้น ไม่มีวิธีไหนที่ให้ผล ให้ประสิทธิภาพได้ถึง 100% เต็ม เมื่อคุณมีเพศสัมพันธ์แม้จะป้องกัน หรือไม่ป้องกัน หรือเกิดการผิดพลาดก็ตาม โอกาสที่คุณจะตั้งครรภ์จึงมีอยู่ โดยปกติหากมีเพศสัมพันธ์แล้วประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนดประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจเป็นไปได้ว่ากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีนี้อาจใช้ได้สำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาตรงกำหนดทุกเดือน แต่สำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ และสงสัยว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจควรใช้ชุดตรวจครรภ์เพื่อยืนยันผล อย่างไรก็ตาม ประจำเดือนไม่มาอาจเกิดสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ความเครียด วัยหมดประจำเดือน ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นต้น

           

          อ่านต่อ >>ประจำเดือนไม่มากี่วันท้อง ?? กลุ้มใจจัง ต้องทำอย่างไรดี คลิกหน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3

            แจก แบบฝึกหัดอนุบาล 3 แบบฝึกการพัฒนาทักษะการคิด

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3 แบบฝึกพัฒนาทักษะการคิดในเรื่องต่าง ๆ สำหรับเด็กวัยอนุบาล เตรียมความพร้อมลูกได้ทั้งกล้ามเนื้อ สมอง ความคิด เติมทักษะให้พร้อม

            แจกฟรี!! แบบฝึกหัดอนุบาล 3 แบบฝึกการพัฒนาทักษะการคิด

            งานวิจัยของ Center on Developing Child แห่ง Harvard University กล่าวว่า คนสองคนที่มีต้นทุนชีวิตเท่ากันทั้งฐานะของครอบครัว และได้รับการศึกษามาเหมือนกันแต่เหตุผลที่คนหนึ่งประสบความสำเร็จมากกว่าอีกคนหนึ่งนั้นเกิดจากคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่านั้นได้รับการฝึกทักษะสมอง EF มามากกว่าอีกคนหนึ่งนั่นเอง และ EF บ่มเพาะได้ดีที่สุดในช่วงวัย 3 – 6 ขวบ (วัยอนุบาล)  และทักษะสมอง EF จะพัฒนาอย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อมนุษย์มีอายุครบ 25 ปี

            EF คืออะไร??

            EF ย่อมาจาก Executive Functions เป็นชื่อเรียกหน้าที่ของสมองส่วนหน้า (Pre-frontal Cortex) ซึ่งสมองส่วนหน้านี้มีหน้าที่บริหารจัดการชีวิตของมนุษย์แต่ละคน เป็นที่อยู่ของทักษะการคิดวิเคราะห์ วางแผน แก้ปัญหา ความจดจ่อ ไหวพริบ การควบคุมตัวเองให้อยู่ในขอบเขต การควบคุมอารมณ์ ทัศนคติ บุคลิกภาพและลักษณะนิสัยซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

            ทักษะสมอง EF แบ่งออกเป็น 9 คุณลักษณะ และเด็กทุกคนควรได้รับการบ่มเพาะให้มีทั้ง 9 ด้านนี้เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้ด้วยตนเอง

            1. Working Memory ความจำเพื่อใช้งาน เมื่อจำข้อมูลใดได้แล้วต้องนำไปประยุกต์ใช้เป็น เมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่ต้องใช้ข้อมูลนั้น ไม่ใช่จำเพื่อสอบ มีความรู้แค่ในตำรา แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง
            2. Cognitive Flexibility  มีความหมายเดียวกับ Flexible Thinking หมายถึง ไม่ยึดติดกับวิธีคิดแบบใดแบบหนึ่ง ยืดหยุ่นเป็น
            3. Inhibitory Control  ควบคุมตัวเองให้อยู่ในขอบเขตที่ควรทำ ควรเป็น ควรมีได้
            4. Focus / Attention  มีความจดจ่อใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่หยิบโหย่งทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
            5. Planning & Organizing  วางแผนเป็น จัดลำดับเป็น รู้ว่าควรทำอะไรก่อน หลัง วางระบบระเบียบให้กับชีวิตเป็น
            6. Initiative  เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ
            7. Goal-directed Persistence  ไม่ย่อท้อ เรียนรู้สิ่งที่ทำอยู่จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ไม่ยกเลิกกลางคัน
            8. Emotional Control  มี EQ ที่ดี จัดการบริหารอารมณ์ตัวเองได้ สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นให้เหมาะสมได้ ไม่ให้เกิดปัญหา
            9. Self-Monitoring  คอยติดตามดูผลของการกระทำของตนเองเสมอ ปรับปรุงงาน พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น

            ***ในเด็กปฐมวัย 3 – 8 ขวบ ขอให้พ่อแม่สร้าง 3 ข้อแรกก่อนแล้วจึงค่อยเขยิบออกมายังข้อที่ 4 – 9 ***

            การพัฒนาทักษะเด็กปฐมวัย
            การพัฒนาทักษะเด็กปฐมวัย

            แบบฝึกหัดอนุบาล พัฒนาลูกน้อยอย่างไร??

            การให้เด็กได้ฝึกเชาวน์ปัญญาในหัวข้อการเรียนรู้ต่าง ๆ ผ่าน แบบฝึกหัดอนุบาล 3 เป็นการกระตุ้นให้สมองส่วนหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และธรรมชาติของเชาวน์ที่ดีต้องอาศัยคุณลักษณะของ EF นำพาเสมอ

            ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

            ฝึกให้เด็กสังเกตภาพเหมือน – ภาพต่าง เป็นการพัฒนา EF เด็กในด้านใดบ้าง

            • Focus / Attention : เด็กต้องจดจ่อใส่ใจสังเกตความเหมือน – ความต่างของภาพที่อยู่ตรงหน้า
            • Goal – directed Persistence : เด็กต้องมีความพยายามในการหาจุดที่แตกต่างให้ครบตามที่กำหนด
            • Emotional Control : แม้ยากลำบากในการหาแต่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ดูแลใจของตนเองไม่ให้หงุดหงิด เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็มาทำต่อ
            ที่มา : PlayAcademy

            แจกฟรี! แบบฝึกหัดอนุบาล 3 ฝึกพัฒนาทักษะครบทุกด้าน โหลดเลย…

            การกระตุ้นให้เด็กมีเชาวน์ปัญญาที่ดี คือ การฝึกให้เด็กช่างสังเกต คิดวิเคราะห์ วางแผน แก้ปัญหาซึ่งเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นสมองส่วน EF นั่นเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถหา แบบฝึกหัดอนุบาล 3 ที่เป็นแบบฝึกหัดสำหรับเด็กที่มีภาพสวยงาม และสอดแทรกเนื้อหาการเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาทักษะแก่เด็กในหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้เขาได้เตรียมความพร้อม ฝึกฝนทักษะได้อย่างเต็มที่ ในช่วงวัยที่ EF บ่มเพาะได้ดีที่สุดวัยนี้

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3 ฝึกทักษะการสังเกต ความจำ

            นิวแมน (Neuman 1978: 26)  ได้เสนอหลักสำคัญไปสู่การสังเกตสำหรับเด็กปฐมวัย ดังนี้

            1. ความรู้ที่ได้จากการสังเกตต้องเกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัสทั้งห้า
            2. ควรใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการสังเกตอย่างละเอียดละออ
            3. ต้องใช้ความสามารถของร่างกาย โดยเฉพาะประสาทสัมผัสทั้งห้าในการสังเกตอย่างระมัดระวัง และจากประสบการณ์ที่ได้รับจะทำให้การสังเกตของเด็กพัฒนาขึ้น การสังเกตสามารถกลายเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่มีคุณค่า

            การสังเกตที่สำคัญที่ควรฝึกให้แก่เด็ก มี 3 ทางคือ

            1. การสังเกตรูปร่างลักษณะและคุณสมบัติทั่วไป คือ ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่าง สังเกตสิ่งต่าง ๆ แล้วรายงานให้ผู้อื่นเข้าใจได้ถูกต้อง คือ การใช้ตาดูรูปร่าง ลักษณะ หูฟังเสียง ลิ้นชิมรส จมูกดมกลิ่น และการสัมผัสจับต้องดูว่าเรียบ ขรุขระ แข็ง นิ่ม เป็นต้น
            2. การสังเกตควบคู่กับการวัดเพื่อทราบปริมาณ เช่น การใช้เทอร์โมมิเตอร์ ตาชั่ง ไม้บรรทัด กระบอกตวง ช้อน ลิตร ถัง เป็นต้น ใช้เครื่องมือเหล่านี้วัดสิ่งต่าง ๆ แล้วรายงานออกมาเป็นปริมาณ เป็นจำนวน
            3. การสังเกตเพื่อรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง เช่น สังเกตการเจริญเติบโตของต้นพืช การเจริญเติบโตของสัตว์ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงขนาดของผลึก การกลายเป็นไอของน้ำ เป็นต้น

            ตัวอย่าง แบบฝึกหัดอนุบาล เรื่องการสังเกต

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3 beginning sound

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3

                             ใบงานอนุบาล

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3        แบบฝึกหัดอนุบาล

             

            แบบฝึกหัดอนุบาล 3 ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์

            เด็กอนุบาลจะสามารถคิดวิเคราะห์ได้จริงหรือ?? เด็กนั้นสามารถคิดวิเคราะห์แยกแยะ และตัดสินใจได้จริง โดยอาศัยประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้อย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ถ้าเด็กสามารถสั่งสมประสบการณ์การเรียนรู้ในด้านต่างๆ ไว้ได้จำนวนมาก เด็กจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เพราะเด็กจะรู้จักคิดเชื่อมโยงเหตุ และผลได้เป็นอย่างดี ซึ่งทักษะนี้จะนำไปต่อยอดสู่กระบวนการคิดในด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย

            วิธีที่จะช่วยให้เด็กรู้จักการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล

            1. ฝึกตั้งคำถามปลายเปิดให้เด็กคิด เพื่อหาคำตอบตามมุมมอง และความคิดของเด็กเอง เมื่อได้คำตอบแล้วก็ลองพูดคุยร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุดในเรื่องนั้น
            2. นำผลที่เกิดจากเหตุการณ์รอบๆ ตัว เข่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 มาให้เด็กลองค้นคว้าหาสาเหตุว่าทำไมจึงเกิดการระบาดนี้ได้ และถ้าเป็นตัวเด็กเองจะมีวิธีป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อีกในอนาคต เป็นต้น
            3. กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กให้ทำงานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเด็กเกิดคำถาม อย่าปล่อยผ่าน ให้ช่วยกันหาคำตอบ เช่น ถ้าเด็กอยากรู้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ทำไมถึงกินอาหารไม่เหมือนกัน เช่น แมวก็ต้องกินอาหารแมว สุนัขก็ต้องกินอาหารสุนัข หรือปลาก็ต้องกินอาหารปลา เราก็ลองให้เด็กเข้าไปสืบค้นข้อมูลแล้วเอามาแชร์ร่วมกันเพื่อหาข้อสรุป แล้วก็อาจตั้งคำถามเชื่อมโยงต่อไปด้วยเลยว่า ถ้าสัตว์กินอาหารที่ไม่ใช่ของตนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
            4. สร้างนิสัยการช่างสังเกตให้เด็กตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยการชวนพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้มรอบตัวทุกเรื่อง เพื่อกระตุ้นสมองให้มีพัฒนาการสม่ำเสมอ
            5. ให้ทำแบบฝึกหัด ที่ออกแบบมาสำหรับการคิดวิเคราะห์ เนื้อหาในหนังสือจะเป็นแบบฝึกที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กรู้จักคิดอย่างมีเหตุและผล เมื่อใช้แบบฝึกเหล่านี้อย่างม่ำเสมอ เด็กจะเรียนรู้การตั้งคำถามด้วยตนเองเพื่อค้นคว้าให้ได้คำตอบ และข้อสรุปเก็บเป็นองค์ความรู้เข้าคลังสมองอย่างต่อเนื่อง

             

            อ่านต่อ>> แบบฝึกหัดอนุบาล 3 ฝึกทักษะให้ลูกเก่งรอบด้าน คลิกหน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              ฝันเห็นแม่

              ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่มาหา แม่จ๋าให้โชคใหญ่ลูกเต็มๆ

              ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่มาหา ทำนายฝันว่าอย่างไร แม่จ๋าจะมาหาให้โชคใหญ่ลูกใช่ไหม เลขเด็ด เลขโดนงวดนี้มาแน่ไหม เปิดดวงพร้อมล่วงรู้เบื้องลึกในจิตใจ

              ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่มาหา แม่จ๋าให้โชคใหญ่ลูกเต็มๆ!!

              ความฝัน กับคำทำนายฝัน เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันไม่สิ้นสุด กับการนำสองสิ่งมาเกี่ยวโยงกัน ทั้งในศาสตร์สมัยใหม่ และตำราโบราณ ก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยว่าของทั้งสองสิ่งนั้นมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่

              การตีความความฝันในทางจิตวิทยา มักจะสนใจความฝัน ว่าเป็นกลไกทางจิตอย่างหนึ่งที่จะพยายามแสดงออกถึงสิ่งที่กังวล หรือสิ่งที่เราคิดแต่ไม่สามารถยอมรับมันได้ กลไกป้องกันทางจิตของเราจึงได้เก็บกดมันไว้อยู่ลึกภายใต้จิตใต้สำนึก ดังนั้น ความฝันกับจิตวิทยา จึงมิใช่เรื่องที่ไร้สาระไปเสียทีเดียว การตีความความฝันตามตำราโบราณก็เช่นกัน เป็นการนำสัญลักษณ์ในความฝันนั้นมาวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เรากำลังเผชิญในชีวิต ณ ช่วงเวลานั้น ๆ แล้วนำมาตีความถึงสิ่งที่จะเป็นไปได้ จึงมักจะพบอยู่เสมอ ๆ ว่า คำทำนายฝันมักจะตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเรา อย่างน้อยก็บางส่วน

              ด้วยเหตุเช่นนี้ทำให้การทำนายความฝัน จึงมิใช่เรื่องที่ไร้สาระกันไปเสียทีเดียว การที่เราสามารถล่วงรู้ความกังวลภายใต้จิตใจของเราได้นั้น ก็จะช่วยให้เราสามารถเตรียมการ เตรียมตัว เตรียมใจและพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่ตัวเราเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจได้ไม่น้อย

              ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว
              ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว

              ฝันเห็นคนตาย ฝันเห็นความตาย ฝันเห็นแม่

              ในบทนี้เราจะมากล่าวถึง ความฝันชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นความฝันที่พบเห็น พบเจอได้บ่อยครั้ง นั่นคือ การฝันเห็นแม่ ฝันเห็นญาติ ฝันเห็นบุคคล ซึ่งมีทั้งได้ล่วงลับไปแล้ว และตายในความฝันของเราเอง มาลองดูคำวิเคราะห์ การทำนายฝันกันดูว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร

              แยกแยะ อะไรคือความฝันทำนาย อะไรคือความระลึกถึง??

              หากคุณฝันถึงญาติ ฝันถึงแม่ หรือเพื่อนที่เสียชีวิตไปนานแล้วสิ่งนี้สามารถพูดถึงสาเหตุได้มากมาย คุณต้องแยกแยะ นึกถึงช่วงเวลาในตอนตื่นว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไรกับบุคคลที่คุณฝันถึงหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากคุณเพิ่งจำได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือดูรูปถ่ายเก่า ๆ ของบุคคลนั้น ความฝันนั้นก็ไม่ต้องวิเคราะห์ หรือทำนาย เพราะเป็นความฝันที่เกิดจากการระลึกถึงเสียมากกว่า

              ในทางกลับกัน ถ้าคุณจำคนๆ นั้นไม่ได้ และจู่ๆ เขาก็ปรากฎตัวในความฝัน แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงที่ร้ายแรงในชีวิตรอคุณอยู่ บางทีสิ่งที่คุณคุ้นเคยอาจเปลี่ยนไปตลอดกาล และตอนนี้โลกใหม่และเส้นทางใหม่จะเปิดขึ้นต่อหน้าคุณ หรือหากฝันว่าญาติหรือคนที่คุณรักซึ่งยังมีชีวิตอยู่และสบายดีได้ตายไปแล้ว ความฝันเช่นนี้เป็นสัญญาณว่าคุณอาจจะได้โยกย้าย ในหน้าที่การงาน หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ซึ่งใด ๆ ก็แล้วแต่ คำทำนายฝันนั้นยังคงมีรายละเอียดปลีกย่อย ให้เราได้ทำนายให้ตรงหรือใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในชีวิตของคุณอีกมาก ในจุดนี้เพียงคุณต้องแยกแยะให้ได้เสียก่อนว่าความฝันนั้น ไม่ได้เกิดจากห้วงความคิดถึงที่คุณมีต่อแม่ ญาติ หรือบุคคลนั้น ๆ จึงเกิดความฝัน

              ทำนายฝัน : ฝันเห็นแม่

              ฝันเห็นแม่

              ตามตำราทำนายความฝันโบราณ ระบุว่า คุณจะถูกโกง อันนี้เขียนไว้ข้างเตียง หรือจดเอาไว้และเซฟเป็นวอลเปเปอร์ในมือถือคุณแน่ ว่าให้ระวังเรื่องคนใกล้ชิดจะมาทำเลวใส่เรา หรือว่าขี้โกง โดยอาศัยความไว้ใจ หรือทำต่อหน้าเราอย่างลับหลังอีกอย่าง แต่ก็มีข่าวดีอยู่บ้านเรื่องการเงินที่กำลังขัดสน ไม่ไหลลื่น หรืองานถูกหักหลัง คุณมีเกณฑ์ได้เริ่มต้นงานใหม่ๆ และประสบผลสำเร็จสูงเสียด้วย

              ความรัก

              ตามตำราทำนายความฝันโบราณ ระบุว่า ข่าวดีถ้าคุณชอบสลับรางรถไฟ เพราะคุณจะมีกิ๊กนั่นเอง แต่ถ้าคุณสลับรางไม่เก่งแนะนำให้ทำใจให้หนักแน่น เพราะว่าจะมีคนที่ถูกใจ น่ารัก หน้าตาดี เข้ามาทำให้ใจหวั่นไหวแต่ดันเป็นช่วงที่คุณมีแฟนนั่นแหละคือปัญหา ดังนั้น ทำใจให้หนักแน่น คนที่เจอใหม่ๆ จากสถานที่สาธารณะ ห้าง ฟิตเนส หรือในสายงาน ก็คิดซะว่านี่คืองาน แบ่งแยกกันให้ชัดเจน ปัญหาเรื่องรักสามเส้าก็จะไม่เกิด

              เลขเด็ด 

              ตามตำราทำนายความฝันโบราณ ระบุว่า เลข 2 เลข 6 เลข 9 หรือเลข 24 เลข 65 เลข 91 อย่าลืมสลับกลับจะโชคดี

              ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว

              ทำนายฝัน – ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ทำนายว่าคุณมีเกณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสูงมาก เตรียมตัวรับการเลื่อนขั้นได้เลย ด้านการเงินจะมีขัดข้องเป็นครั้งคราว หากทำธุรกิจควรดูฤกษ์งามยามดีเสียก่อน

              ความรัก

              ส่วนความรักไม่มีเกณฑ์ที่จะสมหวังกับคนที่ชอบ ด้านคนมีคู่พบอาจจะต้องแยกกันอยู่ ขอให้เตรียมใจกันไว้ด้วย

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว: ควรมีเลข 2 6 และ 4
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 26 24 62 64 46 42
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 264 462 246 642

              ฝันว่าแม่เสียชีวิต

              ทำนายฝัน ฝันว่าแม่เสียชีวิต ความฝันลักษณะนี้สามารถทำนายได้ว่าอาจจะถูกโยกย้ายสถานที่ทำงาน เพราะถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมงาน ส่วนการเงินจะมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ก็แลกมากับรายรับที่สูงตามด้วยเช่นกัน

              ความรัก

              ด้านความรักจะได้สมหวังกับคนที่รอคอยมานาน ลองไปบอกความในใจดูกันได้เลย

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันว่าแม่เสียชีวิต: ควรมีเลข 6 3 และ 8
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 63 68 36 38 83 86
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 638 863 368 836

                ฝันเห็นแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว คิดถึงแม่ หรือลางบอกเหตุ
                ฝันเห็นแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว คิดถึงแม่ หรือลางบอกเหตุ

              ฝันเห็นแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว

              ฝันเห็นแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ความฝันลักษณะนี้สามารถทำนายได้ว่าคุณมีเกณฑ์ที่จะพบเจอคู่ค้าคนสำคัญ ขอให้มองคนนอกให้ออกว่าเขาเข้ามาเพื่อสิ่งใด ด้านการเงินจะมีรายรับจำนวนมหาศาลที่คุณคาดเดาไม่ได้เลยทีเดียว

              ความรัก

              ทำนายว่าจะพบคู่ชีวิตที่เป็นคนในใจของคุณ เตรียมสละโสดกันได้เลย ส่วนคนมีคู่ก็รอฉลองการลั่นระฆังวิวาห์กันได้เลย

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันเห็นแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว: ควรมีเลข 5 6 และ 8
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 56 58 65 68 85 86
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 568 856 658 865

              ฝันเห็นแม่บังเกิดเกล้า

              ทำนายฝันเห็นแม่บังเกิดเกล้า ความฝันลักษณะนี้สามารถทำนายได้ว่าคุณกำลังถูกจับตามองจากคนที่มีอำนาจมากกว่า ควรระมัดระวังในสถานที่ทำงานไว้ให้ดี ส่วนการเงินจะมีปัญหาเล็กน้อยจากความสุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายเกินตัวของคุณเอง

              ความรัก

              ด้านความรักทำนายว่าคนโสดจะเจอเนื้อคู่ในเร็ววันนี้ ส่วนคนมีคู่อาจเกิดการทะเลาะกันก็ขอให้เตรียมใจรับมือให้พร้อม

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันเห็นแม่บังเกิดเกล้า: ควรมีเลข 2 7 และ 8
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 27 28 72 78 87 82
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 278 782 872 287

              ฝันเห็นแม่ตัวเอง

              ฝันเห็นแม่ตัวเอง ทำนายว่าคุณมีเกณฑ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากผู้อุปถัมภ์ช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ด้านการเงินทำนายว่าคนรอบข้างคุณจะพาโชคลาภกลับเข้าสู่ตัวคุณ ลองเสี่ยงทายรางวัลต่าง ๆ ดูก็ไม่เสียหาย

              ความรัก

              ส่วนความรักนั้นขอให้พักเรื่องนี้ไปก่อนนะครับ

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันเห็นแม่ตัวเอง: ควรมีเลข 7 9 และ 1
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 79 71 97 91 19 17
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 791 197 719 971
              ฝันเห็นแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่
              ฝันเห็นแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่

              ฝันเห็นแม่ ที่ยังมีชีวิตอยู่

              ทำนายฝัน ฝันเห็นแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำนายว่าคุณจะพบเจอกับมิตรภาพในที่ทำงานที่ดี สภาพแวดล้อมทำให้คุณก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ ส่วนการเงินจะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะการไม่วางแผนเรื่องเงินที่จะใช้ในอนาคต

              ความรัก

              ส่วนด้านความรักทำนายว่าจะได้ครองคู่กับคนในปัจจุบันจนนิรันดร์ ส่วนคนโสดก็ขอให้อยู่กับความโสดไปเสียก่อน

              เลขเด็ด

              • เลขเด็ด ฝันเห็นแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่: ควรมีเลข 6 3 และ 4
              • เลขเด็ด 2 ตัว : 63 64 34 36 43 46
              • เลขเด็ด 3 ตัว : 634 463 436 364

               

              อ่านต่อ>> ทำนายฝันแม่น ๆ ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้ว ดวงดี เลขเด็ด มาครบที่นี่ คลิกหน้า 2

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

                ลูกป่วยติดเชื้อบ่อย อาจป่วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พ่อแม่ต้องระวัง!

                ภูมิคุ้มกันบกพร่อง – ระบบภูมิคุ้มกันเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะที่มีหน้าที่คอยป้องกัน เตือนร่างกาย และกำจัดการติดเชื้อ ภายในร่างกายมนุษย์ ผู้ที่มีความบกพร่องในส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกันอาจมีความบกพร่องในการทำหน้าที่เหล่านี้ และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ ในผู้ใหญ่ ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันมักเกิดขึ้นจากการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือการใช้ยาที่กดระบบภูมิคุ้มกัน และเราเรียกว่า “โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องทุติยภูมิ” ในทางตรงกันข้าม เด็กมักประสบกับ “ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ” ซึ่งเป็นคำที่ใช้ระบุผู้ป่วยที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน

                ลูกป่วยติดเชื้อบ่อย อาจป่วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พ่อแม่ต้องระวัง!

                ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร?

                ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่ค้นหาและโจมตีเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ระบบภูมิคุ้มกันประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวหลายชนิด เซลล์เม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะ ตัวอย่างเช่น นิวโทรฟิลมีความสำคัญในการต่อสู้กับแบคทีเรียและเชื้อรา ในขณะที่ลิมโฟไซต์โดยทั่วไปต่อสู้กับไวรัส ทีลิมโฟไซต์บางตัวสามารถฆ่าเซลล์อื่นๆ ที่ติดเชื้อไวรัสได้ และบีลิมโฟไซต์ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี ซึ่งเป็นโปรตีนที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ โดยปกติแล้ว เซลล์เม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อทุกชนิด ดังนั้น ระบบภูมิคุ้มกันจึงเป็นระบบที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์  ปัญหาในส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบอาจทำให้การติดเชื้อเล็กน้อยกลายเป็นโรคร้ายแรงได้

                โรค ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ปฐมภูมิ คืออะไร?

                โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ  หรือ (PIDDs) คือ โรคที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น หลายคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหลักเกิดขาดการป้องกันภูมิคุ้มกันของร่างกายบางส่วนหรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ซึ่งทำให้พวกเขาไวต่อเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ จนถึงตอนนี้ นักวิจัยได้ระบุความผิดปกติของภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิมากกว่า 300 รูปแบบ บางรูปแบบนั้นไม่รุนแรงจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้จนถึงวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดในเด็กทารกหรือเด็กเล็กจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างมาก

                โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกเกิด ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กที่เป็นโรค PIDD จะทำงานไม่ถูกต้องและไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ เนื่องจากปัญหาในเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่น T Lymphocytes หรือ B Lymphocytes

                ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจทำให้เด็กป่วยเร็วขึ้นและนานขึ้นจากการติดเชื้อในวัยเด็กตามปกติ เด็กๆ เหล่านี้ยังไวต่อการติดเชื้อจากสิ่งมีชีวิตปกติที่ไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม PIDDs ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ยังมีความสำคัญที่จะต้องวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายถึงชีวิต

                เด็กบางคนที่เป็นโรค PIDD นั้นเกิดมาไม่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด ตัวอย่างเช่น เด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมกันอย่างรุนแรงจะไม่มีเซลล์เม็ดเลือดขาว T Lymphocytes ผู้ที่เป็นโรค Kostmann อาจไม่มีนิวโทรฟิล เด็กที่มีความผิดปกติอื่นๆ เช่น โรค Wiskott-Aldrich syndrome อาจมีจำนวนลิมโฟไซต์ปกติแต่ลิมโฟไซต์ของพวกเขาอาจทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ เป็นต้น

                โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
                โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

                แม้ว่าสาเหตุของการมีภูมิคุ้มกันบกพร่องแบบปฐมภูมิจะเป็นแต่กำเนิด แต่ผู้ป่วยไม่จำเป็นจะต้องมีอาการแสดงตั้งแต่แรกเกิด อาจมีอาการแสดงออกเมื่อมีอายุมากขึ้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของแต่ละโรค จึงมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุมากขึ้น หรือเมื่อพ้นวัยเด็กไปแล้ว

                โดยทั่วไป โรค PIDDs มี ประเภทหลัก ๆ ตามส่วนของระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับผลกระทบ

                1. ภูมิคุ้มกันบกพร่องแบบรวม

                2. ข้อบกพร่องของแอนติบอดีส่วนใหญ่ (B-cell)

                3. ขาด T-cell เป็นหลัก

                4. ภูมิคุ้มกันบกพร่องร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ

                5. ฟาโกไซติกบกพร่อง

                6. คอมพลีเมนต์บกพร่อง

                อ่านต่อ…ลูกป่วยติดเชื้อบ่อย อาจป่วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พ่อแม่ต้องระวัง! คลิกหน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                ตั้งชื่อเล่นลูกสาว

                100 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูกสาว น่ารัก ความหมายดี

                ตั้งชื่อเล่นลูกสาว น่ารัก ความหมายดี ใครได้ยินเป็นต้องรักใคร่ มีมาให้เป็นไอเดียตั้งชื่อลูกที่นี่แล้ว ห้ามพลาดกับ 100 ตัวอย่างชื่อลูกสาวโดนๆ

                100 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูกสาว น่ารัก ความหมายดี!!

                ลูกสาว น่ารัก อ่อนโยน ขี้อ้อน น่าทะนุถนอม นิยามของสาวตัวน้อยในอ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกสาว ใคร ๆ ก็อยากตั้งชื่อลูกสาวให้ออกมาดี มีความหมายมงคล และสื่อถึงความน่ารัก สดใส ให้ชื่อสมตัวกับความสวย ออร่าแรงของเจ้าหญิงน้อย ๆ กันใช่ไหม?

                วันนี้เรามาดูไอเดียในการตั้งชื่อลูก โดยเฉพาะชื่อของลูกสาวตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่กันดูว่า จะมีหลักการ ข้อเสนอแนะ และเป็นแนวทางไอเดียให้กับคุณพ่อคุณแม่อย่างไรในการเลือกชื่อให้กับเจ้าหญิงน้อย ๆ ของเรากัน

                ไอเดียเบื้องต้นในการ ตั้งชื่อเล่นลูกสาว…

                1. ตั้งชื่อลูกสาว ที่มาจากชื่อของพ่อแม่ เป็นอีกเคล็ดลับที่สามารถใช้ได้ตลอดกาล ด้วยการนำชื่อพ่อแม่มาตั้งเป็นชื่อของลูกของคุณ ไม่ว่าจะเป็น การนำตัวอักษรมาตั้งเป็นชื่อใหม่ หรือใช้ตัวอักษรที่เหมือนกัน เช่น ลูกชายตั้งชื่อตามอักษรของแม่ และ ชื่อเล่นลูกสาวทันสมัย ใช้ชื่ออักษรตามชื่อของพ่อ เป็นต้น เป็นเคล็ดลับที่ทันสมัย และสร้างความผูกพันให้กับสมาชิกในครอบครัวได้ไม่น้อยอีกด้วย เพราะเรามีสายใยผูกพันกันแม้กระทั่งชื่อด้วยเชียวนะ
                2. ตั้งชื่อลูกสาว ที่เกิดจากความชอบของพ่อแม่ หากเป็นชื่อที่คุณพ่อคุณแม่มีอยู่ในใจอยู่แล้วก็สามารถนำมาตั้งชื่อเป็นชื่อของหนูน้อยของคุณได้เลย เพราะว่าหลายท่านอาจจะมีชื่อดารา ชื่อตัวละครดัง หรือชื่อการ์ตูนที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก มาเป็นชื่อให้กับลูกของคุณได้เช่นกัน เรียกได้ว่านำสิ่งที่ชอบมาอยู่ในตัวลูกสาว ให้ความสำคัญกับเจ้าหญิงน้อยสุด ๆ ไปเลย
                3. ตั้งชื่อลูกสาวด้วยการใช้ตัวอักษรมงคล บางครั้งการตั้งชื่อลูกอาจจะไม่สามารถเตรียมการได้มากหากต้องการตั้งชื่อให้มีความเป็นมงคลตามวันเกิดของลูก ง่ายที่สุดอาจจะหลีกเลี่ยงชื่อที่เป็นกาลกิณีต่อวันเกิดต่าง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่พอจะประมาณการชื่อได้ว่าลูกที่จะเกิดมานั้น ควรมีวันเกิดเป็นวันไหน

                  ตั้งชื่อเล่นลูกสาว
                  ตั้งชื่อเล่นลูกสาว

                อักษรกาลกิณี ตามวันเกิด มีอะไรบ้าง รู้ด่วน!!

                ตั้งชื่อลูกสาว ตามวันเกิด อักษรที่ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ อย่างที่เราได้แนะนำไปว่าการ ตั้งชื่อเล่นลูกสาว นั้น จะมีชื่อที่ให้เลือกมากมายแต่สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือ การหลีกเลี่ยงอักษรที่ไม่เหมาะสมกับคนที่เกิดวันนั้น ๆ เพราะว่าเป็นอักษรที่สร้างความไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตของลูกสาวคุณได้ โดยคุณสามารถนำไปให้หลวงพ่อหรือพระที่ท่านนับถือ ช่วยตั้งให้ได้เช่นกัน แต่เราสามารถศึกษาถึงตัวอักษรเหล่านี้ไว้ก่อน เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงได้ และตัวอักษรกาลกิณีที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังต่อไปนี้

                •  ลูกสาวที่เกิดวันอาทิตย์ ควรเลี่ยงตัวอักษร ศ ษ ส ห ฬ ฮ
                • ลูกสาวที่เกิดวันจันทร์ ควรเลี่ยง สระ ทั้งหมด
                • ลูกสาวที่เกิดวันอังคาร ควรเลี่ยงตัวอักษร ก ข ค ฆ ง
                • สาวที่เกิดวันพุธกลางวัน ควรเลี่ยงตัวอักษร จ ฉ ช ซ ฌ ญ
                • สาวที่เกิดวันราหูวันพุธกลางคืน ควรเลี่ยงตัวอักษร บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
                • ลูกสาวที่เกิดวันพฤหัสบดี ควรเลี่ยงตัวอักษร ด ต ถ ท ธ น
                • สาวที่เกิดวันศุกร์ ควรเลี่ยงตัวอักษร ย ร ล ว
                • ลูกสาวที่เกิดวันเสาร์ ควรเลี่ยงตัวอักษร ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

                100 ไอเดีย!! ตั้งชื่อเล่นลูกสาว น่ารัก เสริมมงคล

                ชื่อเล่นลูกสาวขึ้นต้นด้วย ศ ษ ส ห ฬ ฮ (ไม่เหมาะกับสาววันอาทิตย์)

                1. สกาย แปลว่า ท้องฟ้า
                2. สโนว์ แปลว่า หิมะ
                3. สมายด์ แปลว่า รอยยิ้ม
                4. สรัล แปลว่า ผู้ซื่อตรง
                5. แสตมป์ แปลว่า ดวงตราไปรษณียากร
                6. สายรุ้ง แปลว่า แสง 7 สีที่ขึ้นบนท้องฟ้าหลังฝนตก
                7. แสนดี แปลว่า ผู้ที่แสนดี
                8. สมายล์ แปลว่า รอยยิ้ม
                9. เหม่ยลี่ แปลว่า สวยงาม
                10. หยก แปลว่า หินเนื้อละเอียด แข็ง หลายสี ถือเป็นของมีค่าและมงคล
                11. เหม่ยเหมย แปลว่า สวยงาม
                12. หว่าหวา แปลว่า ตุ๊กตา
                13. หลัน แปลว่า ดอกกล้วยไม้
                14. ฮันนา แปลว่า โปรดปรานในภาษาฮีบรู
                15. ฮานะ แปลว่า ดอกไม้
                16. ฮารุ แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ
                17. ฮาร์ท แปลว่า หัวใจ
                18. ฮันนี่ แปลว่า น้ำผึ้ง
                19. ฮาร์โมนี่ แปลว่า ความกลมกลืนกัน
                20. แฮปปี้ แปลว่า มีความสุข
                21. ฮานิ แปลว่า มีความสุข
                22. ฮานา แปลว่า หนึ่ง
                23. ฮันนาห์ แปลว่า ความรักจากพระเจ้า
                24. ฮาย แปลว่า สวัสดี
                ตั้งชื่อเล่นลูกสาว เสริมมงคล
                ตั้งชื่อเล่นลูกสาว เสริมมงคล

                ชื่อเล่นลูกสาวที่ขึ้นต้นด้วยอักษร ก ข ค ฆ ง (ไม่เหมาะกับสาววันอังคาร)

                1. กันตา แปลว่า สาวสวย เป็นสุข
                2. ไกอา แปลว่า ชื่อของเทพเจ้ากรีกผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
                3. เกรซ แปลว่า ความงดงาม ความสง่า
                4. แก้วตา แปลว่า สิ่งที่รักยิ่ง
                5. กานต์แก้ว แปลว่า ดวงแก้วอันเป็นที่รัก
                6. ของขวัญ แปลว่า สิ่งที่ให้แก่กัน เพื่อแสดงความยินดี
                7. ขวัญเนตร แปลว่า เรียกหญิงที่รัก
                8. ขอบฟ้า แปลว่า แนวที่เห็นเสมือนฟ้าจดกับแผ่นดินหรือทะเล
                9. ข้าวขวัญ แปลว่า ข้าวบายศรี
                10. ข้าวตู แปลว่า ชื่อขนมไทยอย่างหนึ่ง
                11. โคลอี้ แปลว่า ใบอ่อนสีเขียวหรือยอดอ่อนมาจากภาษากรีก
                12. คุณ แปลว่า ประโยชน์ ความดี
                13. คะขา แปลว่า คำขานรับของผู้หญิง
                14. คนโปรด แปลว่า ผู้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูมากเป็นพิเศษ
                15. ควีน แปลว่า เทพธิดา สิ่งที่เลิศที่สุด

                อ่านต่อ>> 100 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูกสาว น่ารัก เสริมมงคล คลิกหน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  ทักษะในศตวรรษที่ 21

                  เด็กยุคใหม่กับ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ทักษะใดบ้างที่จำเป็นต้องมี?

                  การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 – ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเราพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับทักษะในศตวรรษที่ 21 และเรามั่นใจว่าคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะเหล่านี้มามากแล้ว (วลีนี้กลายเป็นคำศัพท์ไปแล้ว) แต่ทักษะในศตวรรษที่ 21 คืออะไร และอะไรสำคัญที่สุด คำตอบสั้นๆ ก็คือ ทั้งหมดมีความสำคัญ แต่เราจะเจาะลึกเพิ่มเติมลงไปในแต่ละข้อที่นี่ ตลอดจนแนะนำวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างทักษะที่สำคัญให้แก่เด็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                  เด็กยุคใหม่กับ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ทักษะใดบ้างที่จำเป็นต้องมี?

                  สำหรับพ่อแม่ทุกคน แน่นอนว่าต่างต้องการเตรียมลูกๆ ให้พร้อมสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เนื่องจากโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราในฐานะพ่อแม่จะทำอย่างไรให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพื่อประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 ในขณะที่เทคโนโลยียังคงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเร็วขึ้น มีอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้น และอาชีพเก่าๆ ก็เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา ด้วยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรูปแบบของอาชีพในโลกอนาคต เราจึงจำเป็นต้องให้เด็กๆ ได้รับการสอนชุดทักษะต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ว่าอนาคตของสังคมโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อทางดิจิทัลจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ตาม

                  ทักษะและการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คืออะไร?

                  ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของโอกาสที่ไม่สิ้นสุด นวัตกรรมต่างๆ ก้าวหน้ากว่าอดีตที่เคยเป็นมา ส่วนหนึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการศึกษาทั่วประเทศ ทักษะและความรู้เพื่อการเอาชีวิตรอดอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในโลกอนาคตที่กำลังมาถึง ดังนั้นเด็กๆ จำเป็นต้องมีทักษะพิเศษซึ่งต้องได้รับการสอนและปลูกฝังตั้งแต่เนิ่นๆ แม้วิธีการศึกษาแบบดั้งเดิมจะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถอยู่รอดได้ในโลก แต่ในศตวรรษที่ 21 เป็นที่รู้กันว่าทักษะพิเศษที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เด็กๆ มีความเชี่ยวชาญในทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่ทักษะชีวิตไปจนถึงทักษะดิจิทัลเพื่อให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายของความน่าจะเป็นที่ไม่แน่นอนในอนาคต

                  คำว่า “ทักษะในศตวรรษที่ 21” โดยทั่วไปใช้เพื่ออ้างถึงความสามารถหลักบางอย่าง เช่น การทำงานร่วมกัน ความรู้ทางดิจิทัล การคิดเชิงวิพากษ์ และการแก้ปัญหา ซึ่งทั้งครูและผู้ปกครองจำเป็นต้องสอนเพื่อช่วยให้เด็กๆ ประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในความหมายที่กว้างขึ้น แนวคิดที่ว่าการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ควรมีลักษณะอย่างไรนั้นคอ่นข้างเปิดกว้างสำหรับการตีความและการโต้เถียง

                  ปัจจุบันโรงเรียนมีส่วนสำคัญในการสอนเด็ก ๆ ให้มีทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองยังสามารถมีบทบาทของในการสอนทักษะที่จำเป็นเหล่านี้แก่เด็ก ๆ ได้เพื่อสนับสนุนโรงเรียน เนื่องจากพ่อแม่เปรียบเสมือนครูคนแรกๆ ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เกิดการเรียนรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมตั้งแต่ยังเล็ก

                  ทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่จำเป็นสำหรับเด็กยุคใหม่

                  • การสื่อสาร
                  การสื่อสารเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญสำหรับเด็กในศตวรรษที่ 21 การรู้วิธีพูดไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะรู้วิธีในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ วัยเด็กเป็นช่วงที่เราสามารถวางรากฐานสำหรับทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมให้แก่เด็กได้ การสื่อสารช่วยให้เราแก้ปัญหา แสดงอารมณ์ และเชื่อมต่อกับผู้อื่น ทารกเริ่มสำรวจการสื่อสารได้อย่างไร? คำตอบคือ ท่าทาง สีหน้า และเสียง ต่อมาพวกเขาเริ่มพัฒนาคำศัพท์ซึ่งจะสะสมต่อไปตลอดวัยเด็ก ซึ่งพ่อแม่สามารถพูดคุยกับลูกน้อยเพื่อช่วยในการพัฒนานี้ได้ การสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณมีกับลูกของคุณจะปลูกฝังทักษะในการสื่อสารของพวกเขาให้พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
                  • การทำงานร่วมกัน

                  การอธิบายความหมายของการทำงานร่วมกันให้เด็กๆ ฟังอาจเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเข้าใจ แต่คุณสามารถสอนลูกของคุณได้ด้วยการฝึกฝน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กที่จะเข้าใจว่าทุกสิ่งบนโลกไม่ได้หมุนรอบตัวพวกเขา แต่ชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้นด้วยการเรียนรู้ร่วมกันและแบ่งปันความสนุกด้วยกัน เด็กบางคนเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าโรงเรียน บางคนอาจเข้าใจความหมายของการทำงานร่วมกันตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ตัวอย่างเช่น เราสามารถแสดงให้ลูกๆ เห็นวิธีการช่วยทำงานบ้านง่ายๆ เช่น การจัดระเบียบและเก็บของเล่นหลังจากเล่นกับพวกเขา หรือถ้าหากคุณมีลูกหลายคน เด็กๆ ทั้งหมดจะสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ การทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งในทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราได้รู้จักเพื่อน รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และได้คิดจากมุมมองใหม่ๆ นอกกรอบ

                  การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
                  การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
                  • การคิดอย่างมีวิจารณญาณ

                  การคิดเชิงวิพากษ์ หรือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณสำหรับเด็ก หมายถึงการถามคำถามและกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น เด็กๆ สามารถเริ่มด้วยคำถามง่ายๆ แล้วค่อยซับซ้อนขึ้น  เมื่อเด็กๆ ถามเรา เป็นความคิดที่ดีที่ผู้ใหญ่จะตอบทุกคำถามของพวกเขาด้วยใจที่เปิดกว้าง ลูกของคุณเคยถามคุณไหมว่าทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า? หรือเด็กทารกมาจากไหน? นี่แหละค่ะ คือตัวอย่างของการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

                  ว่าแต่เราจะช่วยให้เด็กๆ เกิดความอยากรู้อยากเห็นและทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ได้อย่างไร?  คำตอบคือ การแก้ปัญหาร่วมกันเล็กๆ น้อยๆ กับลูกจะมีความสำคัญเมื่อลูกของคุณถามคำถาม นอกจากนี้คุณสามารถลองถามคำถามลูกของคุณเพื่อเริ่มการสนทนาที่น่าสนใจ และเปิดโอกาสให้พวกเขาคิด เช่น ถ้าพวกเขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ พวกเขาอยากได้พลังวิเศษอะไร? นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักกับลูกของคุณมากขึ้น และโดยปกติแล้วคำตอบจะสนุกและน่ารัก บทสนทนาเหล่านี้จะช่วยสร้างความทรงจำร่วมกับลูกของคุณอีกด้วยค่ะ

                  อ่านต่อ…เด็กยุคใหม่กับ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ทักษะใดบ้างที่จำเป็นต้องมี? คลิกหน้า 2

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล ตั้งชื่อลูก

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล ไอเดียตั้งชื่อเท่ ๆ เสริมบารมี

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล ชื่อดีเป็นหน้าตา เกียรติยศ ประจำตัวยิ่งลูกชายยิ่งต้องคิดชื่อให้ดี เสริมมงคล เพิ่มบารมี เป็นเจ้าคนนายคน แถมเท่ได้ตรงตามยุค

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล ไอเดียตั้งชื่อเท่ ๆ เสริมบารมี!!

                  สำหรับพ่อแม่ที่กำลังต้อนรับสมาชิกใหม่ นอกจากข้าวของเครื่องใช้ และความพร้อมด้านจิตใจที่เตรียมพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตประจำวัน เมื่อมีสมาชิกตัวน้อยคนใหม่เข้ามา ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ทุกคนกำลังจัดเตรียมกันอย่างพิถีพิถัน นั่นคือ ชื่อของลูก

                  การตั้งชื่อลูก จะว่าไปดูเหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายก็ไม่ง่าย จะว่ายากก็ไม่ยาก แต่ด้วยความที่ ชื่อเป็นเสมือนด่านแรกของการบ่งบอกตัวตนของคน ๆ นั้น ดังนั้นการตั้งชื่อลูกจึงมีความสำคัญต่อผู้ที่เป็นพ่อแม่อย่างมาก ในขนบธรรมเนียมของไทยเรา มักจะให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคล ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง หรือชื่อเล่นก็ตาม เรามาศึกษาหลักการตั้งชื่อลูกกันไปทีละขั้นตอน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะรู้ว่าหลักการตั้งชื่อของลูกนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริงมงคล ชื่อเล่นลูกชายมงคล ชื่อเล่นลูกสาว ก็ล้วนมีหลักการเดียวกัน

                  หลักการตั้งชื่อมงคล

                  8 ลำดับทักษาประจำวัน ที่ควรคำนึงในการตั้งชื่อ

                  การตั้งชื่อลูกทั้งลูกชายและลูกสาว สำหรับเด็กแรกเกิดจะมีความสำคัญอยู่ทั้งหมด 8 เรื่องด้วยกันที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำความเข้าใจสิ่งที่เราต้องรู้จักก็คือ “ลำดับทักษาประจำวัน” การตั้งชื่อเล่นตามวันเกิดนั้นต้องเลือกใช้อักษรที่ตรงกับบริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ และมนตรีของเด็กที่เกิดแต่ละวัน ไม่จำเป็นต้องมีทุกตัวอักษรในลำดับทักษา เช่น อาจจะมีแค่อักษรที่อยู่ในทักษาอายุกับมูละก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ใช่ตัวอักษรที่เป็นกาลกิณี เรามาดูความหมายของทั้ง 8 ลำดับกันเสียก่อน

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล เพื่ออนาคตลูกน้อย
                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล เพื่ออนาคตลูกน้อย
                  1. บริวาร หมายถึง คนภายในครอบครัวและคนใกล้ชิดในชีวิต
                  2. อายุ หมายถึง การเป็นอยู่ การใช้ชีวิต และสุขภาพ
                  3. เดช หมายถึง อำนาจ บารมี การได้ลาภยศ การมีชื่อเสียง และตำแหน่งหน้าที่การงาน หน้าตาทางสังคม
                  4. ศรี หมายถึง เรื่องของโชคลาภและความสำเร็จ รวมไปถึงเรื่องของเสน่ห์ มีคนรักและเอ็นดู
                  5. มูลละ หมายถึง การมีทรัพย์สิน มีมรดกเงินทอง และความมั่นคงทางการเงิน
                  6. อุตสาหะ หมายถึง การทำงาน ความขยันหมั่นเพียร การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตที่มีความกระตือรือร้น
                  7. มนตรี หมายถึง  การมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ช่วยเหลือ ค้ำจุนเกื้อกูลด้วยความเอ็นดู ทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ครู อาจารย์ เจ้านาย ผู้ที่อาวุโสกว่า
                  8. กาลกิณี หมายถึง ตัวอักษรที่ไม่เหมาะสมต่อชื่อและวัน-เดือน-ปีเกิดของตัวผู้ที่ถูกตั้งชื่อ เพราะจะนำมาซึ่งความอัปมงคล ความทุกข์ ความทรมาน เคราะห์ร้าย และเรื่องราวที่ไม่ดีต่างๆ

                  อักษรกาลกิณีของคนแต่ละวัน

                  ขั้นตอนต่อจากการเลือกชื่อให้เข้ากับเรื่องที่เราต้องการให้เด่น ให้เลี่ยงกันไปแล้ว หลักการต่อมาของการตั้งชื่อนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาถึง อักษรกาลกิณีของแต่ละคนว่ามีอักษรใดบ้างที่ไม่เข้ากับดวงของลูกเรา โดยยึดหลักประจำวันเกิดของลูก ดังนี้

                  1. ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ศ ษ ส ห ฬ ฮ
                  2. ผู้ที่เกิดวันจันทร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ อ
                  3. ผู้ที่เกิดวันอังคาร มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ก ข ค ฆ ง
                  4. ผู้ที่เกิดวันพุธ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี (กลางวัน) คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ
                  5. ผู้ที่เกิดวันพุธ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี (กลางคืน) คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
                  6. ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ด ต ถ ท ธ น
                  7. ผู้ที่เกิดวันศุกร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ย ร ล ว
                  8. ผู้ที่เกิดวันเสาร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

                  เมื่อเราได้หลักการในการตั้งชื่อกันแล้ว มาลองดูตัวอย่างของชื่อมงคลกันดูดีกว่าว่า จะมีชื่อไหนถูกอกถูกใจคุณพ่อคุณแม่บ้าง เพราะนอกจากความหมายอันเป็นมงคลแล้ว ยังเป็นตัวอย่าง ชื่อเล่นเท่ ๆ แบบไม่ตกยุค ล้าสมัยอีกด้วยนะ

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล สำหรับคนวันอาทิตย์

                  วันอาทิตย์มีอักษรที่เป็นกาลกิณีคือ ศ ษ ส ห ฬ ฮ

                  ชื่อเล่นความหมาย
                  กระจ่างชัดเจน, แจ่มแจ้ง
                  กระบี่ดาบมีฝักประเภทหนึ่ง
                  กระวีนักปราชญ์
                  ก้าวก้าวเดิน
                  กำปั่นเรือเดินทะเล ส่วนใหญ่บรรทุกของมีค่า
                  กิจจาเรื่องราว, ข้อความ
                  กิตคำสรรเสริญ
                  ค้ำคูณเพิ่มพูน, งอกงาม
                  คำนึงความคิดคำนึง
                  ค้ำฟ้ามั่นคง, เนิ่นนาน
                  จาวพืชที่งอกในผลไม้ เป็นของหายาก
                  จินตาความคิด
                  เจตสิ่งที่ใจคิด
                  เจ้าขุนตำแหน่งขุนนาง, ยศสมัยโบราณ
                  เจ้านายผู้มีอำนาจ, เป็นเจ้าคนนายคน
                  เจียขัดเกลาผิวโลหะให้เรียบ สื่อถึงการขัดเกลาอุปนิสัยตนเอง
                  ชัดชัดเจน, แจ่มชัด
                  ชาตการเกิด
                  ซันไชน์แสงสว่างของพระอาทิตย์
                  เฌอต้นไม้
                  ชื่อเล่นลูกชาย
                  ชื่อเล่นลูกชาย

                  ชื่อเล่นลูกชายมงคล สำหรับคนวันจันทร์

                  วันจันทร์มีอักษรที่เป็นกาลกิณีคือ สระทั้งหมด แต่หากเลี่ยงไม่ได้ก็อนุโลมให้ใช้ไม่เกิน 1 ตัว

                  ชื่อเล่น                  ความหมาย
                  ชวัญส่องแสง, รุ่งเรือง
                  ชลน้ำ
                  ตงต้นไผ่ตง
                  ตันหยงดอกพิกุล
                  นนท์ความสนุก, ความยินดี
                  นพนพเก้า อัญมณีทั้งเก้าของไทย
                  นัดพบการพบเจอ
                  นัยน์ดวงตา
                  บัวดอกบัว
                  ปัดปัดกวาด สื่อถึงการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากชีวิต
                  ปันการแบ่งปัน
                  ฝนน้ำฝน
                  พลัสบวกเพิ่ม สื่อถึงการเพิ่มพูน
                  รภัสความรุ่งเรือง
                  รันวิ่ง การวิ่งไปข้างหน้า
                  รัมย์ความยินดี, ความรื่นรมย์
                  ลพการตัด, การเก็บเกี่ยว
                  หงส์นกชนิดหนึ่ง ตามความเชื่อคือเป็นสัตว์ที่สวย สง่างาม
                  หยกหินเนื้อละเอียด เป็นของมีค่าและเป็นมงคล
                  หลันดอกกล้วยไม้

                  อ่านต่อ>> ตัวอย่างชื่อเล่นลูกชายมงคล ความหมายดี ชื่อเท่โดนใจ คลิกหน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                    การใช้เงินอย่างฉลาด สอนลูกเรื่องเงิน

                    สอนลูก การใช้เงินอย่างฉลาด สอนอย่างไรโตไปไม่ขัดสน

                    การใช้เงินอย่างฉลาด เป็นเรื่องที่พ่อแม่สอนลูกได้ตั้งแต่ยังเด็ก หากเขาสนใจหรือเราจูงใจลูกได้ด้วยการเล่นที่ทั้งสนุก ได้เรียนรู้เรื่องการเงิน

                    สอนลูก การใช้เงินอย่างฉลาด สอนอย่างไรโตไปไม่ขัดสน!!

                    การสอนลูกเรื่องนิสัยการใช้เงินที่ดีคืองานของเราในฐานะพ่อแม่ หากเราสอนแนวคิดเรื่องเงินขั้นพื้นฐานแก่พวกเขาตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะง่ายกว่าสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจแนวคิดทางการเงินขั้นสูงในภายหลัง เช่น วิธีการใช้บัตรเครดิต บัญชีออมทรัพย์ และบัตรเดบิต เป็นต้น

                    การสอนลูกเรื่องเงิน การใช้เงินอย่างฉลาด ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก อย่างที่หลาย ๆ คนคิด วิธีที่ง่ายและสนุกในการสอนเรื่อง การเงิน กับเด็กเช่นนั้นคือการเล่น จัดสรรเวลาทุกสัปดาห์เพื่อเล่นกับลูกของคุณ และสอนพวกเขาเกี่ยวกับเงิน มีหลายวิธีในการเล่น ตั้งแต่เกมกระดานไปจนถึงการเล่นที่สร้างสรรค์ เลือกวิธีที่คุณชอบ และสนุกไปกับมัน เมื่อคุณเล่นเกมการเงินกับลูกของคุณ คุณกำลังให้การศึกษาทางการเงินตลอดชีวิต

                    สอนลูกเรื่องเงิน การใช้เงินอย่างฉลาด
                    สอนลูกเรื่องเงิน การใช้เงินอย่างฉลาด

                    สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับหมอประเสริฐ !!

                    ในบทความนี้ขออนุญาตหยิบหยกบทความของคุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ที่กรุณาแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการสอนลูกเรื่องเงินมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มหาวิธีสอนเรื่องการเงินให้กับลูก ดังนี้

                    Q: สอนลูกใช้เงินให้เป็น ควรสอนตอนอายุเท่าไหร่ สอนอะไร และอย่างไร

                    เริ่มสอนได้ตั้งแต่ลูกเริ่มถือเงินไปโรงเรียนเองครับ พ่อแม่ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ส่วนตัวผมกำหนดเป้าหมายจะสอนลูกว่า “ในแต่ละวัน เขามีเงินเท่านั้น เขาไม่มีสิทธิใช้เงินมากกว่านี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

                    พอกำหนดเป้าหมายแล้วก็คำนวณงบประมาณว่า วันหนึ่งๆ ลูกต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง ค่าข้าวกลางวัน ค่าขนม ตกลงกันให้ชัดว่า ลูกจะซื้อขนมได้วันละกี่บาท และต้องตั้งกฎกติกาหลักๆ ได้แก่

                    1. ใครเป็นคนจ่ายเงิน เช่น ถ้าได้เงินประจำวันจากแม่แล้ว ก็ไม่ควรไปอ้อนขอพ่อเพิ่ม
                    2. ไม่มีสิทธิ์ขอเพิ่ม ลูกต้องรู้จักบริหารชีวิตด้วยเงินในงบประมาณที่ได้รับ ถ้าทำเงินหายก็ต้องรับผิดชอบเอง
                    3. ควรใช้เงินให้ถูกต้อง ถ้าเป็นเงินสำหรับซื้อข้าวกลางวัน ก็ควรนำไปซื้ออาหารที่มีประโยชน์กิน ไม่ใช่อดข้าวเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อของเล่นหรือขนม
                    4. ให้น้อยดีกว่าให้มาก การให้เงินน้อย ดีกว่าให้เงินมากจนเหลือ ‘เผื่อ’ เพราะเมื่อมีเงินมากเกินความจำเป็น เด็กก็มีโอกาสที่จะควบคุมตนเองไม่ได้ และนำเงินไปใช้ในทางที่ผิด
                    5. รู้จักเก็บออม เปิดโอกาสให้ลูกจัดการเงินที่เหลือเก็บในแต่ละวันตามที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเก็บไว้ซื้อของที่อยากได้, เอามาฝากพ่อแม่(ควรจดบัญชีให้เขาดูอย่างชัดเจน) หรือนำเงินไปฝากธนาคารในชื่อของเขาเอง(แต่ไม่ควรทำบัตรเอทีเอ็ม)

                    ส่วนจะให้เงินลูกเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนนั้น ต้องดูจากความสามารถในการบริหารเงินของลูก ถ้าเขาทนแรงยั่วยวนของขนม เกม ฯลฯ ได้น้อย เงินต่อวันไม่เคยเหลือ ก็ไม่ต้องมาพูดกันเรื่องขอเงินรายสัปดาห์ โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยแนะนำใครให้เงินเด็กมัธยมเป็นรายเดือนครับ

                    บทความโดย: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์ แผนกจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

                    ลูกยังเล็ก สอนเรื่องเงินได้จริงหรือ??

                    อย่าเพิ่งไปคิดเอาเสียเองว่า เด็กจะไม่สามารถรู้เรื่องเกี่ยวกับการเงิน เราสามารถเริ่มต้นสอนลูกเรื่องเงินได้เร็วที่สุดเท่าที่ลูกของคุณเต็มใจที่จะมีส่วนร่วม แต่อย่าใช้วิธีการบังคับให้เรียนรู้จนกว่าลูกของคุณจะพร้อม

                    สอนลูกเรื่องเงิน ได้ตั้งแต่ยังเด็ก
                    สอนลูกเรื่องเงิน ได้ตั้งแต่ยังเด็ก

                    6 วิธีสอนเด็กก่อนวัยเรียนเกี่ยวกับเงินอย่างไร?

                    ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับทั่วไป 6 ข้อสำหรับวิธีสอนเรื่องเงินให้กับเด็กก่อนวัยเรียน ที่จะช่วยให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น และเป็นพื้นฐานของการสอน การใช้งินอย่างฉลาด ได้ในวัยต่อ ๆ ไป

                    1. สอนให้รู้จักมูลค่าของเงิน

                    การเรียนรู้วิธีการซื้อของในร้านค้าเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านการเล่นบทบาทสมมติ ตลอดจนการซื้อและจ่ายจริงเป็นเงินสด การเล่นเหล่านี้จะทำให้เด็ก ๆ เริ่มเรียนรู้คุณค่าของเหรียญ และธนบัตรรวมไปถึงราคาของสิ่งของต่าง ๆ แต่อย่าไปจดจ่ออยู่กับการจำมูลค่าของเหรียญ และธนบัตรมากเกินไป จะทำให้เด็กเบื่อได้ แค่พูดต่อไปว่า “ราคาเท่าไหร่” และ “มาดูกันว่าเราพอไหม” เป็นต้น หากฝึกฝนบ่อย ๆ ลูกก็จะสามารถจำมูลค่าของเงินได้เร็วขึ้นตามลำดับ ๆ ไป

                    ตัวอย่างการสอนมูลค่าของเงิน

                    • เอาขนมที่มูลค่าต่างกัน เช่น ชิ้นเล็ก ราคา 5 บาท ชิ้นใหญ่ 10 บาท แล้วฝึกให้ลูกหยิบเงินให้ตรงกับราคา
                    • เมื่อลูกโตขึ้น อาจฝึกให้เขาหยิบเงินให้แม่ 27 บาท โดยให้เหรียญและธนบัตรแก่เขา
                    • เมื่อเขาบวกลบเลขได้ ให้เขาหยิบธนบัตร 20 บาท ถามเขาว่าถ้าซื้อของ 15 บาท แม่ค้าต้องทอนกี่บาท หรือถ้าเขามีเงิน 5 บาท แม่ให้เพิ่ม 20 บาท เขาจะมีเงินกี่บาท

                    2. สอนรูปแบบต่างๆ ของเงิน

                    รูปแบบของเงินในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างมาก มีรูปแบบเกิดขึ้นมากมาย ไม่เฉพาะเพียงแค่เงินในรูปแบบที่จับต้องได้ หากเราสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับเงินจริงในรูปของเหรียญและธนบัตร พวกเขาจะรู้สึกสับสนที่จะดูเราทำธุรกรรมออนไลน์หรือชำระค่าสินค้าด้วยการรูดบัตรเครดิต แม้จะมีความซับซ้อนในการอธิบายแนวคิดต่าง ๆ เช่น การทำงานของเงินในรูปแบบบัตรเครดิต หรือโมบายแบงกิ้ง แต่การให้เด็กได้ลองเล่นบทบาทสมมติในการฝากเงินเข้าแบงก์ แล้วใช้จ่ายผ่านบัตร ก็จะช่วยให้เราอธิบายถึงขั้นตอนการทำงานของรูปแบบต่าง ๆ ของเงินได้ง่ายขึ้น

                    3. สอนลูกเกี่ยวกับนิสัยการใช้เงินที่ดี

                    อีกแง่มุมหนึ่งของการสอนลูกเรื่องเงิน คือนิสัยในการใช้เงิน โดยเป็นเรื่องที่ควรเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย คุณสามารถพัฒนานิสัยที่ดีต่อสุขภาพทางการเงินของเขา เพื่อให้ลูกได้เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต พวกเขาสามารถเรียนรู้ที่จะประหยัดเงินส่วนตัว จัดลำดับความสำคัญของความต้องการ ในการใช้เงินด้วยตนเอง

                    สอนลูกเรื่องเงิน ผ่านการเล่นเกมออนไลน์
                    สอนลูกเรื่องเงิน ผ่านการเล่นเกมออนไลน์

                    4. สอนถึงค่านิยมที่ดีของสังคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน

                    การสอนให้ลูกเห็นคุณค่าของเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมากเกินไปจะทำให้เขาบูชาเงินได้ การสอนให้ลูกเห็นถึงค่านิยมทางสังคมที่ดี ที่เราสามารถใช้เงินเป็นปัจจัยช่วยให้สำเร็จได้ เช่น การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส การไม่สุรุ่ยสุร่ายพัฒนานิสัยแห่งความกตัญญู การปฏิบัติต่อผู้คนทุกฐานะทางเศรษฐกิจด้วยความเคารพ เป็นต้น

                    5. สอนวิธีหาเงิน

                    สอนเด็กๆ ถึงวิธีหาเลี้ยงชีพของผู้คนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย คุณทำงานแล้วคุณจะได้เงิน และมีรายได้ เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ว่าอาชีพต่างๆ จะได้รับค่าตอบแทนต่างกัน และระดับการศึกษาอาจมีผลต่อค่าตอบแทนที่ได้รับ

                    พวกเขายังต้องเรียนรู้ด้วยว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ย่อมมีภูมิหลังหลากหลายในการทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลวมาก่อน

                    6. สอนแนวคิดในแนวทางปฏิบัติ

                    แม้ว่าคุณจะสามารถและควรพูดคุยกับบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับแนวคิดและแนวคิดเกี่ยวกับเงินทั้งหมดเหล่านี้ แต่หากเป็นเพียงคำพร่ำสอน ย่อมทำให้ลูกเกิดความเข้าใจได้ยาก นอกจากการพูดคุยกับพวกเขาแล้ว การให้ประสบการณ์ในชีวิตจริง และโอกาสในการเข้าใจแนวคิดของเงินในทางปฎิบัติ เมื่อโตขึ้นจะสามารถเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

                    อ่านต่อ>> สอนลูก การใช้เงินอย่างฉลาด ผ่านการเล่น!! คลิกหน้า 2

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      ยาแก้ไอเด็ก

                      ระวัง! อันตรายของ ยาแก้ไอเด็ก ควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูก

                      ยาแก้ไอเด็ก – ผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก ๆ อาจรู้สึกว่าลูกป่วยบ่อย โดยทั่วไปเด็กเล็ก สามารถเป็นหวัดได้มากถึง 6-8 ครั้งต่อปี และเด็กส่วนใหญ่จะเป็นหวัด 8-10 ครั้งก่อนจะอายุครบ 2 ขวบ อาการหวัดอาจรวมถึงน้ำมูกไหล จาม มีไข้ต่ำๆ และไอ แม้ว่าอาการไอที่เกิดจากหวัดอาจทำให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองกังวลใจได้ แต่การรักษาอาการไอนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนการให้ยาเสมอไป แม้ว่าจะมียาแก้ไอสำหรับเด็กจำหน่ายในท้องตลาด แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนไม่แนะนำให้ใช้

                      ระวัง! อันตรายของ ยาแก้ไอเด็ก ควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูก

                      สำนักงานคณะกรรมการยาแห่งชาติ (FDA) ในสหรัฐอเมริกา ไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้ไอและยาแก้หวัดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ โดยให้เหตุผลว่าอาจทำให้เกิด “ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้” ยาแก้ไอสำหรับเด็กที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์มีไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไอ คัดจมูก และมีเสมหะ ซึ่งองค์การอาหารและยาไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้ไอและยาแก้หวัดสำหรับเด็ก เนื่องจากยาแก้ไอที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ตามที่ American Academy of Pediatrics (AAP) ไม่ควรกำหนด แนะนำ หรือใช้ยาแก้หวัดและไอสำหรับโรคหวัดในเด็กเล็ก

                      นอกจากนี้ โรงพยาบาลเด็กส่วนใหญ่ยังแนะนำว่าไม่ควรให้ยาแก้หวัดและไอแก่เด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี  ซึ่งคุณควรถามแพทย์ของคุณก่อนที่จะให้ยาแก่เด็กอายุระหว่าง 4 ถึง 6 ปี และเด็กอายุมากกว่า 7 ปีสามารถรับยาแก้ไอสำหรับเด็กได้ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับในปริมาณที่ถูกต้อง

                      โดยทั่วไป คำสัญญาของผู้ผลิตยาแก้ไอสำหรับเด็กจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตลาดมากกว่ายา นพ ผู้ปกครองไม่ควรให้ยาแก้ไ แม้ว่ายาแก้ไอในเด็กอาจบรรเทาอาการหวัดได้ แต่ยาแก้ไอไม่ได้ช่วยรักษาให้หายขาด สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรพูดคุยกับกุมารแพทย์หรือแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก่อนให้ยาแก้ไอแก่เด็ก ไม่ว่าลูกของคุณจะมีอายุเท่าใด

                      ประเภทของ ยาแก้ไอเด็ก ที่พบในท้องตลาด

                      ยาแก้ไอสำหรับเด็กอาจประกอบด้วยส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคหวัดที่ทำให้เกิดอาการไอ 

                      1. ยาลดอาการคัดจมูก (Decongestants) 

                      ยาลดอาการคัดจมูก มีไว้เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก ยาแก้คัดจมูกส่วนใหญ่มีการบรรยายสรรพคุณว่าช่วยให้ร่างกายสร้างเสมหะน้อยลง ซึ่งควรทำให้ไอน้อยลง เมื่อเด็กเป็นหวัดหลอดเลือดและเนื้อเยื่อในจมูกจะบวม ทำให้เกิดอาการคัดแน่นจมูก ยาลดอาการคัดจมูกทำงานเพื่อทำให้หลอดเลือดในจมูกแคบลงเพื่อให้รู้สึกคัดจมูกน้อยลง อย่างไรก็ตาม American Academy of Family Physicians ไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีใช้ยาลดน้ำมูก เนื่องจากยาหลายชนิดมีส่วนผสมของ ฟีนิลเอฟรีนหรือซูโดอีเฟดรีน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเด็ฏได้ เนื่องจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น พ่อแม่มักจะต้องสอบถามเภสัชกรเพื่อซื้อยาลดอาการคัดจมูกที่มีซูโดอีเฟดรีนทุกครั้ง นอกจากนี้ ไม่แนะนำให้ใช้ ซูโดอีเฟดรีน ในเด็กที่อาจเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไทรอยด์ เบาหวาน หรือปัสสาวะลำบาก เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้

                      2. ยากดอาการไอ (Antitussive/Cough suppressant)

                      เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ระงับอาการไอ ทำงานโดยการปิดกั้นการสะท้อนการไอของร่างกาย บางครั้งยาระงับจะใช้ร่วมกับยาขับเสมหะเพื่อรักษาทั้งอาการไอและอาการต่างๆ เช่น มีเสมหะ  บางครั้งยาระงับความรู้สึกจะมีโคเดอีนอยู่ในตัว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 ยาระงับโคเดอีนได้กลายเป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น Dextromethorphan เป็นส่วนประกอบทั่วไปที่มีให้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา แต่อาจมีผลเสียหากบริโภคมากเกินไป เป็นเหตุผลหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงการให้เด็กเล็ก รายงานปี 2014 ที่ดูยาแก้ไอ OTC สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ไม่พบหลักฐานว่ายาเหล่านี้ใช้ได้ผลจริงกับอาการไอเฉียบพลัน งานวิจัย 19 ชิ้นพบผลข้างเคียงเชิงลบจากยาเหล่านี้ รวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และง่วงนอน
                      ลูกไอมีเสมหะ
                      ลูกไอมีเสมหะ

                      3. ยาขับเสมหะ (Expectorants) 

                      ยาประเภทนี้มีสรรพคุณที่ทำให้เสมหะบางและมีไว้เพื่อขับเสมหะออกจากทางเดินหายใจ ของผู้ที่ป่วยด้วยโรคหวัด ซึ่ง สารออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ Guaifenesin  ซึ่งโดยทั่วไปมักพบในยาที่ขายตามเคาน์เตอร์ เช่นยา Robitussin และ Mucinex เป็นต้น แม้ตัวยา Guaifenesin จะได้ผลในลดอาการไอในผู้ป่วยหวัดให้ลดน้อยลงได้จริง อย่างไรก็ตามก็ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับรักษาอาการไอในเด็กเล็กโดยไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

                      อ่านต่อ…ระวัง! อันตรายของ ยาแก้ไอเด็ก ควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูก คลิกหน้า 2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      การเรียนรู้ด้วยตัวเอง

                      ทักษะ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คืออะไร? สำคัญแค่ไหนสำหรับเด็ก

                      การเรียนรู้ด้วยตัวเอง – คือ ความสามารถอันล้ำค่าสำหรับเด็ก หากบุตรหลานของคุณสนุกกับการเรียนด้วยตัวเอง พวกเขาจะมีความมั่นใจในทักษะและสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ การเรียนรู้ด้วยตนเองถูกมองว่าเป็นความสามารถในการรับข้อมูล ประมวลผล รักษา และทำความเข้าใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณครูในชั้นเรียนเสมอไป

                      ทักษะ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คืออะไร? สำคัญแค่ไหนสำหรับเด็ก

                      เมื่อเด็กๆ มีทักษะและความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โลกของพวกเขาจะรายล้อมไปด้วยการเรียนรู้ แม้ว่าการสอนในชั้นเรียนปกติสามารถเป็นรากฐานที่เด็กๆ ใช้เมื่อพวกเขาก้าวผ่านวัยเด็ก แต่เด็กที่สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ จะมีเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เป็นเครื่องมือที่จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต ที่สำคัญพ่อแม่สามารถช่วยลูกให้เรียนรู้ด้วยตนเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อยค่ะ

                      การเรียนรู้ด้วยตัวเอง หรือ Self-Learning คืออะไร?

                      แน่นอนว่าเด็กทุกคนคุ้นเคยกับห้องเรียนแบบดั้งเดิม ที่มีคุณครูยืนอยู่หน้าห้องทำหน้าที่เป็นผู้นำบทเรียนที่ออกแบบมาสำหรับนักเรียนทุกคน (โดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการเรียนรู้ส่วนตัว) ซึ่งจะจดบันทึกและรวบรวมบทเรียน ในที่สุด เด็กทั้งหมดได้รับการคาดหวังให้แสดงทักษะผ่านการมอบหมายและการทดสอบ นี้เรียกว่าการเรียนรู้แบบ Passive ซึ่งการเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นแตกต่างออกไปอย่างมาก  เมื่อเด็กมีโอกาสได้เรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กจะเกิดความกระตือรือร้น มีส่วนร่วม ซึ่งการเรียนรู้ด้วยตนเองสร้างขึ้นจากจุดแข็งทางวิชาการที่มีอยู่ของเด็ก และขอให้พวกเขาใช้สิ่งที่พวกเขารู้ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างอิสระ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เด็กที่มีทักษะการเรียนด้วยตนเองนั้นจะสามารถจัดการกับเนื้อหาใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง ทำให้ให้มีทักษะในการแก้ปัญหาที่ช่วยในการทำการบ้านและสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง รวมถึงสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครองด้วย

                      ความสำคัญของการศึกษาด้วยตัวเอง

                      การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่เด็กๆ สามารถใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของตนได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนสำหรับหลักสูตรหรือการเรียนรู้หัวข้อต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน ด้วยการใช้วิธีศึกษาเรียนรู็ด้วยตนเอง เด็กจะสามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่การเรียนรู้ในตำราเรียนและผู้สอนในชั้นเรียนสอน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสำรวจหัวข้อที่สนใจเพิ่มเติม พัฒนาทักษะการเรียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ข้อดีหลักประการหนึ่งของการศึกษาด้วยตนเองคือนักเรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้ และเมื่อเด็กควบคุมการเรียนรู้ของตัวเองได้ พวกเขาก็สนใจการเรียนรู้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

                      วิธีช่วยให้ลูกของคุณเป็นผู้ เรียนรู้ด้วยตัวเอง

                      ช่วยให้บุตรหลานของคุณกลายเป็นนักเรียนที่มีทักษะการเรียนรู้เองอย่างมีประสิทธิภาพนั้นสามารถทำได้ด้วยเทคนิคหลายข้อต่อไปนี้

                      1. ช่วยค้นหาแหล่งข้อมูล

                      ช่วยลูกของคุณหาแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่เขาหรือเธอกำลังเรียนรู้หรือสนใจเป็นพิเศษ หนังสือ บทความ และวิดีโอเพื่อการศึกษาล้วนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มความเข้าใจในแนวคิดใหม่ๆ

                      2. พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกของคุณกำลังเรียนรู้

                      พูดคุยกับบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังเรียนรู้ ดูว่าหัวข้อใดที่ลูกของคุณรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด การพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกของคุณกำลังเรียนรู้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับบุตรหลานของคุณในการเพิ่มความเข้าใจและแรงจูงใจในการเรียนรู้เพิ่มเติม

                      3. ใช้วิธีการศึกษาที่แตกต่างกัน

                      นักเรียนทุกคนมีวิธีการเรียนที่ตนเองชอบ และนั่นก็ไม่ต่างกันเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการศึกษาด้วยตนเองคือ ลูกของคุณจะสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้ ส่งเสริมให้บุตรหลานลองใช้เทคนิคการเรียนต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ ดูวิดีโอ การสร้างแผนที่ความคิด หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยให้บุตรหลานของคุณประมวลผลข้อมูลเองได้

                      4. มีเครื่องมือที่จำเป็น

                      การเตรียมตัวเป็นความลับอันดับหนึ่งในการเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเองที่ดี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณมีเครื่องมือการเรียนทั้งหมดที่ต้องการหรือจำเป็นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการเรียนด้วยตนเองในแต่ละครั้ง เครื่องมือที่บุตรหลานของคุณจะต้องใช้สำหรับการเรียนด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่

                      พื้นที่อ่านหนังสือ — เช่น โต๊ะอ่านหนังสือดีๆ ที่คล้ายกับโต๊ะเรียนที่กว้างขวาง ปราศจากสิ่งรบกวนและความยุ่งเหยิง
                      คอมพิวเตอร์ — เพื่อให้บุตรหลานอ่าน ดู และฟังแหล่งข้อมูลออนไลน์ได้เท่าที่ต้องการ
                      เครื่องมือการเรียน —รวมถึงปากกา ปากกาเน้นข้อความ และกระดาษ เพื่อให้ลูกของคุณสามารถสร้างการศึกษาที่เป็นระเบียบ

                      ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
                      ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

                      ขั้นตอนเพิ่มเติม สู่การฝึกลูกให้เป็นผู้ เรียนรู้ด้วยตัวเอง

                      การเรียนรู้ด้วยตนเองสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเด็กเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งจะไม่สร้างความแตกต่างระหว่างการเล่นและการเรียนรู้ พวกเขาจะเรียนรู้ได้อย่างเพลิดเพลินราวกับการได้เล่นสนุก ซึ่งต่อไปนี้เป็นวิธีกระตุ้นให้บุตรหลานของคุณเรียนรู้ด้วยตนเองได้

                      เริ่มต้นเร็ว : ด้วยกิจกรรมที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ อย่างเช่น การร้องเพลงและอ่านหนังสือให้ลูกเล็กๆ ฟัง ช่วยเพิ่มคำศัพท์ ทักษะการท่องจำ และทักษะสมาธิ รากฐานที่แข็งแกร่งที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยังเป็นทารกจะช่วยพัฒนาความจำ การควบคุมแรงกระตุ้น และ ความยืดหยุ่น (Resilience)

                      ใช้ตัวอย่างในชีวิตจริง : คณิตศาสตร์นั้นง่ายต่อการรวมเข้าไว้กับชีวิตประจำวัน และสิ่งนี้สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย คุณสามารถเริ่มด้วยการนับทุกๆอย่าง ตั้งแต่สิ่งของบนจานของบุตรหลานไปจนถึงจำนวนใดๆ 1 ชิ้น ที่พวกเขาเห็นในป้าย หรือป้ายทะเบียนรถเมื่อคุณอยู่บนท้องถนน

                      ฝึกเด็กๆ ให้คิดถึงเลขตัวถัดไป : การเรียนรู้ด้วยตนเองเกิดขึ้นเมื่อเด็กต่อยอดจากสิ่งที่เขาหรือเธอรู้อยู่แล้วและก้าวไปสู่ขั้นต่อไป ในกรณีของคณิตศาสตร์ ให้ถามลูกของคุณว่าตัวเลขถัดไปคืออะไร? การรู้ว่าตัวเลขใดที่อยู่หลัง 1 นั้นเป็นเพียงการกระโดดสั้นๆ ไปที่ 1 + 1 = 2 เมื่อทักษะของบุตรหลานของคุณเติบโตขึ้น ให้คุณส่งเสริมการสำรวจทางคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เช่น การจัดกลุ่มตัวเลขเข้าด้วยกัน ตัวอย่างในชีวิตจริงในโจทย์คณิตศาสตร์ที่ใช้การได้  เช่น “นี่คือข้าวโพดห้าชิ้นบนจานของคุณ ถ้าเราบวกสาม มีเท่าไหร่? เป็นต้น

                      สนับสนุนเกมการออกเสียง : สำหรับผู้อ่านล่วงหน้า คุณสามารถช่วยสร้างคำศัพท์ให้คุ้นปาก ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเรียนรู้วิธีการอ่าน โดยมีส่วนร่วมในเกมการออกเสียง เกมคำคล้องจองเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะสามารถช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองที่สำคัญเหล่านั้น และเพิ่มพลังสมองของลูกคุณ ต่อไปขอให้บุตรหลานของคุณดำเนินการตามคำขอหลายขั้นตอน แม้ในตอนแรกอาจทุกลักทุเล แต่ในที่สุดพวกเขาจะสามารถจดจำและทำทุกอย่างตามลำดับได้อย่างแน่นอน

                      สร้างตัวอย่างปัญหา : เมื่อถึงจุดที่ลูกนำการบ้านมาที่บ้านแล้ว คุณสามารถส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างตัวอย่างปัญหาให้ลูกของคุณ ลองทำโจทย์หรือคำถามข้อแรกร่วมกันกับลูก และใช้สิ่งนั้นเป็นแนวทางเพื่อให้ลูกของคุณมีสิ่งที่ต้องทำตามมา แต่ละแนวคิดใหม่ๆ จะนำเสนอพร้อมกับปัญหาตัวอย่างเพื่อให้เด็กๆ ได้ศึกษาก่อนที่จะจัดการกับส่วนที่เหลือด้วยตัวเองได้

                      ช่วยเติมเต็มในช่องว่าง : บางครั้งวิธีการแบบ one-size-fits-learning แบบ passive ทำให้เกิดช่องว่างเล็กน้อยระหว่างทาง และอาจเป็นเรื่องยากที่จะไปยังแนวคิดถัดไปหากพื้นฐานนั้นยังไม่แน่น ลองช่วยให้บุตรหลานของคุณระบุช่องว่างในการเรียนรู้และทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น “การเติมคำในช่องว่าง จะสร้างกำลังใจ และช่วยให้เด็กๆ บรรลุความรู้สึกว่า ‘ฉันก็ทำได้’ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จด้านวิชาการ

                      พิจารณาโปรแกรมเสริมทักษะคณิตศาสตร์ : และการอ่านหลังเลิกเรียน เพราะเด็กๆ จะได้สัมผัสกับเนื้อหาที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะพวกเขาเข้าใจแนวคิดเหล่านี้แล้ว จากพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้ พวกเขาสามารถสร้างสมาธิและทักษะในการทำงาน จากจะสามารถนั้นก้าวไปสู่ความท้าทายทางคณิตศาสตร์และการอ่านขั้นสูงที่เพิ่มพูนความสามารถของพวกเขาต่อไป เป็นเหมือนการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองในขณะที่นักเรียนดำเนินการต่อผ่านเนื้อหาที่ท้าทายมากขึ้น โดยค่อยๆ สร้างแนวคิดหนึ่งไปสู่อีกแนวคิดหนึ่ง

                      อ่านต่อ…ทักษะ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คืออะไร? สำคัญแค่ไหนสำหรับเด็ก คลิกหน้า2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก นอนที่ไหน ราคาเท่าไหร่

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก นอนที่ไหน ราคาเท่าไหร่

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก คือ หนึ่งในค่าใช้จ่ายเมื่อลูกเจ็บป่วยแล้วจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลนั้น ๆ โดยคิดราคาค่าห้องเป็นรายวัน แล้วรวมเข้าไปในใบเสร็จค่ารักษาซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ค่ายารับประทาน ยาฉีด น้ำเกลือ การใช้อุปกรณ์ยาพ่นจมูก ค่าแพทย์เยี่ยม ฯลฯ โดยค่าห้องจะเป็นหมวดค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนวันที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก นอนที่ไหน ราคาเท่าไหร่

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก นอนที่ไหน ราคาเท่าไหร่

                      การที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวและศึกษาค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก รวมถึงสภาพแวดล้อมไว้ก่อน จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลาที่ลูกเจ็บป่วยหรือจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

                      ประเภทห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก

                      เนื่องจากเด็กทารกและเด็กโตมีขนาดร่างกาย พัฒนาการ และความต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน  ทางโรงพยาบาลจึงมีห้องสำหรับเด็กที่แตกต่างกันไปเมื่อมาเข้ารับการรักษา ดังต่อไปนี้

                      • ห้องทารกแรกเกิด-ทารกปกติ เป็นห้องที่ดูแลรับผิดชอบทารกแรกคลอดจากห้องคลอดและห้องผ่าตัดคลอด โดยได้รับการดูแลอยู่ในตู้อบเพื่อปรับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับทารก เน้นความปลอดภัยให้ทารกและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ห้องนี้จะเป็นห้องส่วนใหญ่ที่คุณแม่หลังคลอดและคุณพ่อไปเยี่ยมดูทารกแรกเกิด
                      • ห้องทารกแรกเกิด-ทารกป่วย เป็นห้องที่ดูแลทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน เจ็บป่วยเล็กน้อย ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
                      • ห้องอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต (NICU) เป็นห้องที่ดูแลทารกที่อยู่ในภาวะวิกฤต เช่น ทารกที่คลอดก่อนกำหนด มีความผิดปกติจากการคลอด หรือติดเชื้อ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อน มีทีมเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ทั้งนี้ไม่ได้มีห้องอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤตในทุกโรงพยาบาล จะมีในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลที่มีการรักษาเฉพาะด้านของเด็กเท่านั้น
                      • ห้องวอร์ดเด็ก (ห้อง Ward เด็ก, ห้องเด็กโต) เป็นห้องเพื่อผู้ป่วยเด็กโตโดยเฉพาะ (เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี)  บรรยากาศห้องจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านเมื่อต้องมาใช้บริการรักษาตัวนอนพักที่โรงพยาบาล ใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อเด็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักที่ครอบคลุมการใช้งานเพื่อผู้ปกครองที่ต้องมาดูแลเด็ก อุปกรณ์ทางการแพทย์มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็กประกอบด้วยอะไรบ้าง

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก ซึ่งเรียกค่าห้องเฉย ๆ นั้นมีอยู่หลายราคา ขึ้นอยู่กับลักษณะของห้อง เช่น เป็น ห้องรวม ห้องเดี่ยว ห้องพิเศษ ห้อง VIP ฯลฯ รวมทั้งการวางตำแหน่งทางการตลาดของโรงพยาบาล ทำให้โรงพยาบาลบางแห่งมีราคาสูงกว่าโรงพยาบาลทั่วไป โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เป็นองค์ประกอบหลักของค่าห้อง มีดังนี้

                      • ค่าห้อง ในโรงพยาบาลจะมีหลายแบบ ทั้งห้องพักรวมที่มีหลายเตียงนอนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ห้องเดียว ใช้ห้องน้ำและห้องอาบน้ำร่วมกัน และห้องพักพิเศษที่แยกเป็นสัดส่วนออกจากผู้อื่น เป็นห้องส่วนตัวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า สำหรับห้องพักเด็กของโรงพยาบาลเอกชนจะเน้นห้องพักพิเศษ เพื่อความสะดวกของเด็กและครอบครัว อาจจะมีห้องพักรวมบ้างในบางโรงพยาบาล แต่เป็นห้องรวมไม่เกิน 2 คน/ห้อง โดยค่าใช้จ่ายค่าห้องจะคิดตามจำนวนวันนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
                      • ค่าอาหาร ให้บริการครบทั้ง 3 มื้อ บางโรงพยาบาลมี 5 มื้อ (เพิ่มของว่าง) ต่อวัน จะเป็นอาหารที่เด็กรับประทานได้ง่าย และไม่มีฤทธิ์ต่ออาการป่วย โดยในบางโรงพยาบาลถ้าเด็กป่วยแล้วแพทย์อนุญาตให้รับประทานอาหารที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมมาให้ได้ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ (ตามเงื่อนไขที่ทางโรงพยาบาลกำหนด)
                      • ค่าบริการโรงพยาบาล หรือ ค่าบริการทางการแพทย์ เป็นค่าใช้จ่ายเสริมภายในห้องพัก เช่น ค่าทำความสะอาด ค่าบริการชงนม และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากค่ารักษา คิดตามจำนวนวันนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล บางโรงพยาบาลไม่ได้คิดรวมในค่าห้อง คิดเป็นหมวดค่าบริการโรงพยาบาล หรือ ค่าบริการทางการแพทย์ แยกต่างหาก
                      • ค่าบริการพยาบาล เป็นบริการของพยาบาลและบุคลากรสนับสนุนทางการพยาบาล (เช่น ผู้ช่วยพยาบาล) ที่ครอบคลุมงานดูแล บริบาลผู้ป่วยเด็กตามมาตรฐานวิชาชีพ คิดตามจำนวนวันนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล บางโรงพยาบาลไม่ได้คิดรวมในค่าห้อง คิดเป็นหมวดค่าบริการพยาบาลแยกต่างหาก

                      โดยค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก ในหลายโรงพยาบาลจะแจกแจงรายละเอียดหมวดหมู่ตามข้างต้น แต่ในบางโรงพยาบาลก็จะแจ้งรวมรายการข้างต้นเป็นค่าห้องอย่างเดียว ดังนั้นถ้าเลือกรับบริการที่โรงพยาบาลใด ให้สอบถามรายละเอียดดังกล่าวกับทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจนในการเข้ารับบริการ

                      แนะนำ 10 โรงพยาบาลมีสำหรับเด็กให้บริการ

                      1. โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์ รามอินทรา
                      • ห้อง Newborn ราคา 1,900 บาท
                      • ห้อง Newborn with condition ราคา 1,800 บาท
                      • ห้อง Newborn ICU ราคา 3,100 บาท

                      เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ย่านรามอินทรา พร้อมให้บริการตรวจและรักษาโรคเด็ก โดยกุมารแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐานการรักษาระดับโลก มีพื้นที่การให้บริการแยกเด็กป่วยที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเด็กที่มารับบริการอื่น ๆ แยกออกจากกัน โรงพยาบาลมีศักยภาพและความพร้อม สามารถดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยได้แทบทุกระบบในร่างกายเด็ก รองรับตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงเด็กโต 

                      เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.synphaet.co.th/children-ramintra/rooms/

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก

                      ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก

                      ค่าห้องโรงพยาบาล

                      อ้างอิงรูปภาพ: https://www.synphaet.co.th/children-ramintra/rooms/

                       

                      1. โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
                      • ห้องเตียงเด็กอ่อน Level 1 (เด็กปกติ) ราคา 2,600 บาท
                      • ห้องเตียงเด็กอ่อน Level 2 (เด็กป่วย) ราคา 3,600 บาท
                      • ห้องเตียงเด็กอ่อน Level 3 (NICU) ราคา 5,900 บาท

                      เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ตั้งอยู่พระราม 6  ในส่วนของทารกแรกเกิดมีการดูแลและให้บริการที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด ชั้น 18 อาคารศูนย์การแพทย์ โดยให้การดูแลทารกที่มีภาวะปกติและภาวะแทรกซ้อน จนถึงการดูแลทารกภาวะวิกฤตโดยมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ครบครัน ทันสมัย ภายใต้การดูแลจากทีมสหวิชาชีพและกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาทารกแรกเกิด

                      เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.vichaiyut.com/th/services/rooms/

                      ค่าห้องโรงพยาบาล

                      ค่าห้องโรงพยาบาล

                      ค่าห้องโรงพยาบาล

                      ค่าห้องโรงพยาบาล

                      อ้างอิงรูปภาพ: https://www.vichaiyut.com/th/services/rooms/baby-room

                       

                      1. โรงพยาบาลนนทเวช
                      • ห้อง Nursery (เด็กดี) ราคา 3,600 บาท
                      • ห้อง Nursery (เด็กป่วย) ราคา 4,200 บาท
                      • ห้อง NICU ราคา 7,000 บาท

                      เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดนนทบุรี บริการตรวจวินิจฉัยดูแลรักษาโรคทั่วไปของเด็กและความผิดปกติของระบบต่างๆ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น  โดยทีมกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและพยาบาลที่มีประสบการณ์ได้รับการฝึกอบรมมาเฉพาะในการดูแลเด็ก ครบวงจรด้วยบริการเฉพาะทาง 21 สาขาเชี่ยวชาญของเด็ก รวมถึงการดูแลและรักษาพยาบาลผู้ป่วยเด็กภาวะวิกฤตตลอด 24 ชั่วโมง ตัวโรงพยาบาลตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เดินทางสะดวก ที่จอดรถกว้างขวาง การบริการจัดการดูแลผู้ป่วยรวดเร็ว และทันสมัย

                      เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.nonthavej.co.th/room-services.php

                      ค่าห้องพยาบาลเด็ก

                      อ้างอิงรูปภาพ: https://www.nonthavej.co.th/Nursery.php

                       

                      1. โรงพยาบาลซีจีเอช ลำลูกกา
                      • ห้องบริบาลทารกแรกเกิด (ปกติ) ราคา 1,350 บาท
                      • ห้องบริบาลทารกแรกเกิด (ป่วย) ราคา 1,650 บาท
                      • ห้องบริบาลทารกแรกเกิด (วิกฤต/NICU) ราคา 2,400 บาท

                      เป็นโรงพยาบาลใหม่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่คลอง 8 ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ติดถนนใหญ่เดินทางสะดวก ที่จอดรถกว้างขวาง สะดวก มีกุมารแพทย์และทีมบุคลากรที่มากประสบการณ์ด้านการดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต มีการแยกบริเวณเด็กสุขภาพดี และโซนเด็กที่มีภาวะเจ็บป่วยออกจากกัน ให้บริการตรวจรักษาเฉพาะทางสำหรับเด็ก ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีน รวมถึงให้บริการเสริมสร้างศักยภาพและการเรียนรู้ของเด็กพิเศษโดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง

                      เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.cgh.co.th/lamlukka/room.php?menu_id=78

                      ค่าห้องพยาบาลเด็ก

                      อ้างอิงรูปภาพ 1: https://www.cgh.co.th/lamlukka/room-detail.php?menu_id=78&id=46

                      ค่าห้องพยาบาลเด็ก

                      อ้างอิงรูปภาพ 2: https://www.cgh.co.th/lamlukka/room-detail.php?menu_id=78&id=47

                      ค่าห้องพยาบาลเด็ก

                      อ้างอิงรูปภาพ 3: https://www.cgh.co.th/lamlukka/room-detail.php?menu_id=78&id=48

                       

                      อ่านต่อ.. ค่าห้องโรงพยาบาลสำหรับเด็ก นอนที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ..ได้ที่หน้า 2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน ฝันว่าสามีนอกใจ

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน เรื่องเศร้าหรือต้องฉลอง คำทำนายฝันแม่นๆ

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน ฝันว่าเลิกกับสามี ทำนายฝัน ทั้งทางจิตวิทยา และทำนายอนาคต จะตรงกันไหม ทำนายเรื่องในใจ หรือรู้ล่วงหน้า มาเช็กความแม่นยำกันเลย

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน !! เรื่องเศร้าหรือต้องฉลอง คำทำนายฝันแม่นๆ

                        เมื่อพูดถึงความฝันกันแล้ว นับว่ายังคงเป็นเรื่องเร้นลับแม้เราจะเข้าสู่ยุคความเฟื่องฟูแห่งวิทยาศาสตร์แล้วก็ตาม เพราะการตีความความฝัน การหาสาเหตุแห่งความฝันของมนุษย์นั้น ยังคงมีความไม่ชัดเจน แน่นอน มีหลากหลายทฤษฎีที่เข้ามาร่วมอธิบายเกี่ยวกับความฝัน ทั้งความเห็นที่สอดคล้อง หรือความเห็นที่ขัดแย้ง แต่อย่างไรก็ตาม ความฝันก็อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่เราคิด เรามาดู 8 ความจริงเกี่ยวกับความฝัน เพื่อทำความรู้จักกับมันก่อนที่จะกล่าวถึงกันต่อไป

                        8 ความจริงเกี่ยวกับความฝัน!!

                        1. มนุษย์ฝันทุกคืน ทุกคน สมองของเราทำงานตลอดทั้งคืน มันเป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายให้มนุษย์ได้พักผ่อน และไม่ตื่นขึ้นมา โดยใช้ความฝันเป็นเครื่องมือ แต่หลังจากที่เราตื่นนอน เรามักจะจำควาามฝันของเราได้ไม่มาก จึงทำให้บางคนคิดว่าไม่ได้หลับแล้วฝัน
                        2. Rapid Eye Movement (REM) เป็นช่วงเวลาที่ฝันชัดเจนที่สุดของมนุษย์  การนอนหลับ REM เกิดขึ้นในตอนสั้น ๆ ในแต่ละคืนโดยห่างกันประมาณ 90 นาที บางส่วนของเรามีความคิดที่ชัดเจนและมีโครงสร้าง หรือที่เรียกว่าความฝัน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างระยะการนอนหลับที่เรียกว่า REM sleep
                        3. ร่างกายมีระบบที่ทำให้ร่างกายไม่ขยับตามความฝัน ในระหว่างการนอนหลับช่วง REM กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของเราจะคลายตัวอย่างสมบูรณ์ และนี่จะขัดขวางไม่ให้เราขยับตามสิ่งที่เราฝัน หากระบบนี้ทำงานไม่ถูกต้อง ก็อาจจะพบได้ว่าเราขยับร่างกายไปมาตามฝันในขณะที่นอนหลับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความฝันเกี่ยวข้องกับอารมณ์รุนแรง
                        4. เหตุที่ความฝันมักแปลกประหลาด ไม่เป็นเหตุเป็นผล เนื่องจากเมื่อเราตื่นขึ้น สมองส่วนหน้าจะควบคุมวิธีที่เราเข้าใจโลก ทำให้เกิดความคิดที่ปกติ เป็นเหตุเป็นผล สิ่งนี้จะปิดลงระหว่างคุณฝัน ด้วยเหตุนี้ความฝันจึงเป็นเรื่องราวประหลาด ๆ เพราะสมองส่วนเหตุผลนี้ปิดลง

                          ความฝัน บ่งบอกความกังวลของคู่รัก
                          ความฝัน บ่งบอกความกังวลของคู่รัก
                        5. ความฝันมักเชื่อมโยงกับชีวิตจริง ความฝันส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของชีวิต โดยปกติสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุการณ์หรือความคิดตั้งแต่หนึ่งถึงสองวันก่อนฝัน
                        6. ความฝันเป็นภาพ ประมาณสองในสามของความฝันส่วนใหญ่เป็นภาพ โดยมีจำนวนน้อยลงที่เกี่ยวข้องกับเสียง การเคลื่อนไหว รส หรือกลิ่น สีเป็นเพียงหนึ่งในสามของความฝันทั้งหมด ว่ากันว่าเมื่อเราตื่นนอนเราคิดในความคิด แต่เมื่อหลับไปเรานึกคิดเป็นภาพ
                        7. เราสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมความฝันของเรา หลายคนมีฝันร้ายหรือฝันร้าย สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผู้คนสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ในความฝันเหล่านี้ให้น่ากลัวน้อยลงได้ ขั้นแรกให้เขียนความทรงจำเกี่ยวกับความฝันที่น่ากลัว หลังจากนี้ลองคิดดูว่ามันจะจบลงอย่างไร
                        8. นักวิทยาศาสตร์ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับความหมายของความฝัน บางคนบอกว่าความฝันของเราไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาบอกว่าเรามีมันเพียงเพราะสมองบางส่วนถูกกระตุ้นเมื่อเราหลับ คนอื่นบอกว่าความฝันมีค่า พวกเขาบอกว่ามันเป็นการบำบัดเมื่อเรารู้สึกแย่ การมีและจดจำความฝันที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เครียดในชีวิตของเราอาจช่วยจัดการกับความเครียดได้ หลายคนคิดว่าความฝันเป็นลางบอกเหตุ หรือมีความหมาย แต่หลักฐานสำหรับสิ่งนี้ยังอ่อนแอ

                        ความฝัน กับ คำ ทำนายฝัน !!

                        แม้ว่าจะยังคงไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอที่จะฟันธงได้ว่า เราสามารถหาคำทำนาย หาความหมาย จากฝันได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็พบความสอดคล้องกันระหว่างความฝัน กับคำทำนายฝัน ไม่น้อยเลยทีเดียว และมากพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่า บางทีความฝันของเราก็เป็นเหมือนสิ่งคอยเตือนล่วงหน้าของเหตุการณ์ของชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้เกิดการ ทำนาย ความฝันในเรื่องต่าง ๆ ออกมาเป็นคำเตือน ความหมาย หรือแม้แต่เลขเด็ด

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน กับการตีความทางจิตวิทยา

                        บ่อยครั้งที่คนเราฝันร้ายมักมีสาเหตุมาจากความเครียด คิดมาก และความกลัว ยิ่งเราคิดเรื่องอะไรหรือกลัวสิ่งใด จิตใต้สำนึกของเราก็ยิ่งจะสะท้อนเรื่องนั้นออกมาเป็นภาพความฝัน ซึ่งนักจิตวิทยาก็ยังคงค้นหาสาเหตุของความฝันและความหมายของมันอย่างต่อเนื่อง แต่หลายทฤษฎีล้วนระบุว่าความฝันไม่อาจตีความได้ตรงตัว เพราะมักจะมีความหมายแฝงเป็นเชิงสัญลักษณ์ด้วย

                        Cathy Pagano นักจิตอายุรเวทและโค้ชชีวิตที่ได้รับการฝึกฝนจาก Jungian กล่าวว่าสมองใต้สำนึกของเราอาจกำลังถ่ายทอดข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ และอารมณ์ของเราที่จิตสำนึกของเราอาจไม่รับรู้ เธออธิบายความฝันว่าเป็น “สมองซีกขวาที่ประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันหรือในชีวิตของคุณ”

                        “สมองซีกขวาเป็นสมองส่วนจินตนาการมากกว่า มันพูดกับเราด้วยความรู้สึก” เธออธิบาย “เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีหนึ่ง แต่เรากำลังรับข้อมูลเพิ่มเติมมากมาย นอกจากนี้ เราอาจรับรู้ บางอย่างอย่างมีสติ แต่มีอารมณ์เกิดขึ้นซึ่งเราไม่ต้องการใส่ใจ ดังนั้นความฝันจึงแสดงให้เราเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น สิ่งหนึ่งที่เรามักพูดกันในจิตวิทยาจุงเกียนคือความฝันชดเชยทัศนคติที่ใส่ใจของเรา”

                        เพื่อตอบคำถามที่กำลังทำให้คุณร้อนใจอยู้ในขณะนี้ Pagano ยืนยันการตีความที่ว่าความฝันที่ที่เกี่ยวกับการเลิกรากับคนรัก อาจหมายความว่าความสัมพันธ์ของคุณมีปัญหา อาจเป็นไปได้ว่าคุณต้องการมีเซ็กส์โดยไม่รู้ตัวหรือคุณรับรู้โดยไม่รู้ตัวว่าคู่ของคุณกำลังแสดงสัญญาณของการไม่เหมือนเดิม นอกใจ หมดรัก คุณอาจคิดว่าคุณมีความสุขด้วยกันในตอนนี้ แต่บางส่วนของตัวคุณเองก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน
                        ฝันว่าเลิกกับแฟน

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน แบบไหนเป็นสัญลักษณ์ของลางร้าย !!

                        หากฝันว่าเลิกกับแฟนในระหว่างที่ทะเลาะกันหรือมีปัญหาในความรัก ส่วนใหญ่จะเป็นลางร้ายซึ่งหมายความว่าคุณกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ เครียดสะสม รวมทั้งบางคนอาจมีโรคภัยเข้ามากะทันหันด้วย ทำอะไรก็ตามระวังตัวเองให้มาก แต่ถ้าหากเป็นคนโสดแล้วฝันว่าเลิกกับแฟน แปลว่าคุณสามารถตัดขาดความรักแย่ ๆ ครั้งก่อนได้แล้ว ต่อจากนี้จะมีสิ่งดี ๆ เข้ามา เป็นช่วงเวลาที่คุณมีโฟกัสเรื่องงานได้ดีขึ้น จะมีเงินมีงานเข้ามาต่อเนื่องรับทรัพย์รัว ๆ

                        ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ

                        ฝันว่าแฟนนอกใจแล้วบอกเลิก หรือฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ แปลว่า ช่วงนี้มีเรื่องกังวลหลายอย่าง บางคนกังวลและชอบคิดมากไปเอง ทำอะไรก็ตามควรปรึกษาคนรอบข้าง ถามความเห็นคนอื่นก่อนตัดสินใจ จะช่วยแก้ปัญหาจากร้ายให้ดีขึ้นได้

                        เลขเด็ด ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ คือ 21 41 81 814 481

                        ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะเรานอกใจ

                        ฝันว่าเรานอกใจแฟน หรือฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะเรานอกใจ แปลว่า ช่วงนี้คุณมีงานเข้ามาหลายทาง มีสิ่งให้เลือกให้ตัดสินใจ จนบางครั้งทำให้เกิดความเครียด ด้านความรักอาจมีความกังวลเพราะช่วงนี้ห่างกับแฟน ควรเปิดใจคุยกันและแสดงความห่วงใยกันและกัน

                        เลขเด็ด ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะเรานอกใจ คือ 23 32 52 523 325

                        ฝันว่าเลิกกับคนรัก ฝันว่าเลิกกับแฟน
                        ฝันว่าเลิกกับคนรัก ฝันว่าเลิกกับแฟน

                        ฝันว่าเลิกกับแฟน เพราะมือที่สาม

                        ฝันว่าแฟนแอบคบคนอื่น หรือฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะมือที่สาม แปลว่า คุณกังวลเรื่องที่ทำงาน มีหน้าที่ให้รับผิดชอบหลายอย่าง หรือกดดันตัวเองกลัวว่าคนอื่นจะทำได้ดีกว่า ดังนั้นควรมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น เรื่องเสี่ยงโชคก็สามารถเสี่ยงได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนเลขไปมา

                        เลขเด็ด ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะมือที่สาม คือ 19 69 96 91 961 916

                        ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนเก่า

                        ฝันว่ากลับไปคบกับแฟนเก่า หรือฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนเก่า แปลว่า ช่วงนี้คุณมักคิดย้อนกลับไปในอดีตอยู่บ่อยครั้ง มักเสียดายสิ่งที่เคยเกิดขึ้น หรือเรื่องราวที่ผ่านมา ทางที่ดีควรอยู่กับปัจจุบัน นั่งสมาธิบ่อย ๆ จะทำให้มีสติและโฟกัสได้ดียิ่งขึ้น

                        เลขเด็ด ฝันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนเก่า คือ 57 97 79 975 759

                        อ่านต่อ>> ฝันว่าเลิกกับแฟน แบบไหนเป็นลางดี มีโชค ต้องฉลอง!! คลิกหน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน

                          โรงเรียนรัฐบาล ข้อแตกต่าง ความน่าเรียนเทียบกับเอกชน

                          โรงเรียนรัฐบาล หรือโรงเรียนเอกชน คำถามยอดฮิตสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกวัยกำลังเข้าเรียน เมื่อการศึกษาลูกเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงมาหาข้อมูลเพื่อเลือกกัน

                          โรงเรียนรัฐบาล ข้อแตกต่างและความน่าเรียน เทียบกับเอกชน!!

                          การศึกษาของลูก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ยอมลงทุนเพื่อหวังถึงอนาคตที่ดีของลูก ทำให้หลาย ๆ ครอบครัว มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเล่าเรียนของลูก สูงถึงเกือบครึ่งของรายได้ครอบครัว!!

                          เมื่อเทรนด์ในปัจจุบันที่ขนาดของครอบครัวเล็กลง โดยอ้างอิงได้จากอัตราการเกิดของประชากรไทยในปี 2564 ที่มีอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย โดยจำนวนคนตาย คือ 5.6 แสนคน ในขณะที่จำนวนเด็กเกิดใหม่อยู่ที่ 5.44 แสนคน พ่อแม่จำนวนมากจึงเพิ่มการใช้จ่ายเพื่ออนาคตของสมาชิกตัวน้อยมากกว่าเมื่อครั้งตัวเองได้รับ และในบางครอบครัวก็สามารถมีผู้ใหญ่หลายคนเลี้ยงดู ส่งเสีย ต่อเด็ก 1 คน เช่น ปู่ย่า ตายาย ช่วยออกค่าเลี้ยงดูหลานได้ เป็นต้น

                          การศึกษาของเด็ก : เมื่ออนาคตที่ดีไม่ได้มาฟรี ๆ !!

                          ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อเดือน ม.ค. 2561 ประเมินว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของเด็ก 1 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับปริญญาตรีที่ศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาล อยู่ที่ราว 1.6 ล้านบาท และหากเป็นโรงเรียนเอกชน อยู่ที่ราว 4 ล้านบาท และโรงเรียนนานาชาติจะสูงถึง 20.1 ล้านบาท

                          สำรวจอัตราค่าเทอมของโรงเรียนแต่ละประเภท 

                          หากจะกล่าวถึง ระบบการศึกษาของไทย จะขอกล่าวถึงประเภทของโรงเรียนที่เป็นหลัก ๆ ได้แก่ โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งนับว่าเป็นโรงเรียนที่มีอัตราการเข้าเรียนในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เรามาสำรวจถึงค่าใช้จ่าย ค่าเทอม ของโรงเรียนแต่ละประเภทกันดูว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

                          โรงเรียนรัฐบาล…

                          เริ่มกันที่โรงเรียนรัฐบาลกันก่อน โรงเรียนรัฐบาลคือตัวเลือกแรกของผู้ปกครองส่วนมาก เพราะอาจจะเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน หรือโรงเรียนที่ไม่มีความยุ่งยากในการรับสมัครมากมาย โดยเฉลี่ยแล้วโรงเรียนรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษา โดยคร่าว ๆ ดังนี้

                          โรงเรียนรัฐบาล ดียังไง
                          โรงเรียนรัฐบาล ดียังไง
                          1. ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล หรือค่าบำรุงการศึกษา อยู่ระหว่าง 2,000 – 4,000 บาท โดยช่วงระยะห่างในอัตราค่าเทอมนี้ ขึ้นอยู่กับว่า โรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่เลือกนั้น เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียง หรือเป็นโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป เพราะโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจะมีค่าเทอมที่แพงกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรภาษาอังกฤษเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ปกครองในบางโรงเรียน ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยค่าเทอมที่พุ่งขึ้นไปถึงหลักหมื่นบาท
                          2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดลูกเสือ-เนตรนารี กระเป๋า รองเท้า โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ประมาณ 3,000 -5,000 บาท
                          3. ค่าหนังสือเรียน ค่าสมุดเรียน จะอยู่ระหว่าง 1,000 – 2,000 บาท

                          โรงเรียนเอกชน…

                          หมายถึง สถานศึกษาเอกชนที่จัดการศึกษาไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในระบบหรือโรงเรียนนอกระบบ ที่มิใช่เป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล โดยเฉลี่ยคร่าว ๆ ดังนี้

                          1. ค่าเทอมโรงเรียนเอกชน หรือ ค่าบำรุงการศึกษา อยู่ที่ประมาณ  20,000 – 40,000 บาท สำหรับการเรียนในระดับปกติทั่วไป แต่ถ้าเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษค่าเทอมก็จะไปอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 70,000 บาท
                          2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดลูกเสีอ-เนตรนารี กระเป๋า รองเท้า โดยส่วนมากมักเป็นเครื่องแบบที่ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละโรงเรียน จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเครื่องแบบของโรงเรียนรัฐบาล และราคาตามแต่โรงเรียนจะจัดจำหน่าย
                          3. ค่าหนังสือเรียน ค่าสมุดเรียน โดยมากมักจะรวมอยู่ในค่าเทอมแล้วในบางโรงเรียน
                          4. ค่ากิจกรรมนอกห้องเรียน ค่าบริจาคพิเศษ ทางโรงเรียนมักให้ผู้ปกครองมีส่วนในการสนับสนุนเงินบริจาค หรือค่ากิจกรรมนอกห้องเรียนนี้

                            การเรียนของลูก สำคัญแค่ไหน
                            การเรียนของลูก สำคัญแค่ไหน

                          โรงเรียนนานาชาติ…

                          International School คือโรงเรียนที่มีระบบการเรียนการสอนที่ใช้หลักสูตรต่างประเทศที่ได้รับมาตรฐานและอยู่ภายใต้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ภาษาต่างประเทศในการเรียนการสอน นักเรียนที่เข้าร่วมโรงเรียนนานาชาติมักจะมาจากหลากหลายประเทศและศาสนา เชื้อชาติ โดยสามารถสรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ดังนี้

                          1. ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ หรือค่าบำรุงการศึกษา ประมาณเทอมละ 300,000 – 500,000 บาท
                          2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าหนังสือเรียน ค่ากิจกรรมนอกห้องเรียน แล้วแต่ทางโรงเรียนจัดจำหน่าย และจัดกิจกรรม

                          ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่รวมค่าเรียนพิเศษ ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายระหว่างวัน ที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ปกครองสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายจากนโยบายสนับสนุนการศึกษาของรัฐบาลได้บางส่วนในบางโรงเรียน จะเห็นได้ว่า จำนวนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการให้ลูกได้รับการศึกษานั้นไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเลือกโรงเรียนประเภทใดก็ตาม ย่อมมีค่าใช้จ่ายมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีความรู้ที่ได้มาฟรี ๆ ผู้ปกครองจำเป็นต้องจ่าย และคิดหวังกันว่าเป็นการลงทุนแห่งอนาคตที่ต้องใช้เวลารอคอยผลตอบแทน และอาจไม่ได้การันตีต่อผลที่ออกมาอีกด้วย

                          แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ⇒⇒ ค่าเทอมอนุบาล 2565 อัปเดตล่าสุด เตรียมตัวลูกให้พร้อมก่อนเข้าเรียน

                          แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ⇒⇒ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ รวมไว้ให้ครบ

                          3 ประเภทโรงเรียน กับ 3 ข้อดี!!

                          3 ข้อดีเรียนโรงเรียนรัฐบาล

                          1. เลือกโรงเรียนเพราะค่าเทอมที่ไม่แพง
                          2. ความมีชื่อเสียงของโรงเรียนที่เปิดมานาน ศิษย์เก่าที่จบออกไปมีชื่อเสียง
                          3. ถ้ามีโรงเรียนรัฐเปิดใกล้บ้านก็จะสะดวกต่อการเดินทาง และมีเงินสนับสนุนช่วยเหลือจากรัฐบาล สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้

                          3 ข้อดีเรียนโรงเรียนเอกชน

                          1. มีหลักสูตรต่างประเทศได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
                          2. การดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างทั่วถึง ด้วยจำนวนนักเรียนต่อห้องที่น้อยกว่าโรงเรียนรัฐบาล
                          3. สภาพแวดล้อมในโรงเรียน และสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ด้วยจำนวนนักเรียน และจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกันมากกว่า

                            โรงเรียนของลูก
                            โรงเรียนของลูก

                          3 ข้อดีเรียนโรงเรียนนานาชาติ

                          1. พูดได้หลายภาษา เด็กๆ ควรเรียนรู้ภาษาอื่นนอกจากภาษาแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งยังมีภาษาที่ 3 ให้ได้เลือกเรียน ช่วยให้เด็กมีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน ได้หลากหลายภาษา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตนั่นเอง
                          2. รู้จักเคารพความแตกต่างผู้คน เด็กจะมีโอกาสได้เจอกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ และวัฒนธรรมในชั้นเรียนเดียวกัน ทำให้เส้นแบ่งพรมแดนหายไป ทั้งเรื่องของภาษา สีผิว เชื้อชาติ และอื่นๆ นำไปสู่การเปิดใจกว้างในการยอมรับและเคารพผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย
                          3. มีความคิดสร้างสรรค์ และกล้าแสดงออก วัฒนธรรมของชาวต่างชาติจะมีความแตกต่างจากวัฒนธรรมของไทย ทั้งวิธีการสื่อสาร การแสดงออก และอื่นๆ ทำให้เด็กที่เรียนโรงเรียนนานาชาติจะได้เรียนรู้และซึมซับทักษะต่างๆ ที่แตกต่างออกไป ทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก และมีกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดกว้าง พัฒนาให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์

                          อ่านต่อ>> คำถามสำคัญที่พ่อแม่ควรหาคำตอบก่อนเลือกโรงเรียน คลิกหน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่