โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน

โรงเรียนรัฐบาล ข้อแตกต่าง ความน่าเรียนเทียบกับเอกชน

Alternative Textaccount_circle
event
โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน
โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน

โรงเรียนรัฐบาล หรือโรงเรียนเอกชน คำถามยอดฮิตสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกวัยกำลังเข้าเรียน เมื่อการศึกษาลูกเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงมาหาข้อมูลเพื่อเลือกกัน

โรงเรียนรัฐบาล ข้อแตกต่างและความน่าเรียน เทียบกับเอกชน!!

การศึกษาของลูก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ยอมลงทุนเพื่อหวังถึงอนาคตที่ดีของลูก ทำให้หลาย ๆ ครอบครัว มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเล่าเรียนของลูก สูงถึงเกือบครึ่งของรายได้ครอบครัว!!

เมื่อเทรนด์ในปัจจุบันที่ขนาดของครอบครัวเล็กลง โดยอ้างอิงได้จากอัตราการเกิดของประชากรไทยในปี 2564 ที่มีอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย โดยจำนวนคนตาย คือ 5.6 แสนคน ในขณะที่จำนวนเด็กเกิดใหม่อยู่ที่ 5.44 แสนคน พ่อแม่จำนวนมากจึงเพิ่มการใช้จ่ายเพื่ออนาคตของสมาชิกตัวน้อยมากกว่าเมื่อครั้งตัวเองได้รับ และในบางครอบครัวก็สามารถมีผู้ใหญ่หลายคนเลี้ยงดู ส่งเสีย ต่อเด็ก 1 คน เช่น ปู่ย่า ตายาย ช่วยออกค่าเลี้ยงดูหลานได้ เป็นต้น

การศึกษาของเด็ก : เมื่ออนาคตที่ดีไม่ได้มาฟรี ๆ !!

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อเดือน ม.ค. 2561 ประเมินว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของเด็ก 1 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับปริญญาตรีที่ศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาล อยู่ที่ราว 1.6 ล้านบาท และหากเป็นโรงเรียนเอกชน อยู่ที่ราว 4 ล้านบาท และโรงเรียนนานาชาติจะสูงถึง 20.1 ล้านบาท

สำรวจอัตราค่าเทอมของโรงเรียนแต่ละประเภท 

หากจะกล่าวถึง ระบบการศึกษาของไทย จะขอกล่าวถึงประเภทของโรงเรียนที่เป็นหลัก ๆ ได้แก่ โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งนับว่าเป็นโรงเรียนที่มีอัตราการเข้าเรียนในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เรามาสำรวจถึงค่าใช้จ่าย ค่าเทอม ของโรงเรียนแต่ละประเภทกันดูว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

โรงเรียนรัฐบาล…

เริ่มกันที่โรงเรียนรัฐบาลกันก่อน โรงเรียนรัฐบาลคือตัวเลือกแรกของผู้ปกครองส่วนมาก เพราะอาจจะเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน หรือโรงเรียนที่ไม่มีความยุ่งยากในการรับสมัครมากมาย โดยเฉลี่ยแล้วโรงเรียนรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษา โดยคร่าว ๆ ดังนี้

โรงเรียนรัฐบาล ดียังไง
โรงเรียนรัฐบาล ดียังไง
  1. ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล หรือค่าบำรุงการศึกษา อยู่ระหว่าง 2,000 – 4,000 บาท โดยช่วงระยะห่างในอัตราค่าเทอมนี้ ขึ้นอยู่กับว่า โรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่เลือกนั้น เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียง หรือเป็นโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป เพราะโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจะมีค่าเทอมที่แพงกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรภาษาอังกฤษเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ปกครองในบางโรงเรียน ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยค่าเทอมที่พุ่งขึ้นไปถึงหลักหมื่นบาท
  2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดลูกเสือ-เนตรนารี กระเป๋า รองเท้า โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ประมาณ 3,000 -5,000 บาท
  3. ค่าหนังสือเรียน ค่าสมุดเรียน จะอยู่ระหว่าง 1,000 – 2,000 บาท

โรงเรียนเอกชน…

หมายถึง สถานศึกษาเอกชนที่จัดการศึกษาไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในระบบหรือโรงเรียนนอกระบบ ที่มิใช่เป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล โดยเฉลี่ยคร่าว ๆ ดังนี้

  1. ค่าเทอมโรงเรียนเอกชน หรือ ค่าบำรุงการศึกษา อยู่ที่ประมาณ  20,000 – 40,000 บาท สำหรับการเรียนในระดับปกติทั่วไป แต่ถ้าเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษค่าเทอมก็จะไปอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 70,000 บาท
  2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดลูกเสีอ-เนตรนารี กระเป๋า รองเท้า โดยส่วนมากมักเป็นเครื่องแบบที่ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละโรงเรียน จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเครื่องแบบของโรงเรียนรัฐบาล และราคาตามแต่โรงเรียนจะจัดจำหน่าย
  3. ค่าหนังสือเรียน ค่าสมุดเรียน โดยมากมักจะรวมอยู่ในค่าเทอมแล้วในบางโรงเรียน
  4. ค่ากิจกรรมนอกห้องเรียน ค่าบริจาคพิเศษ ทางโรงเรียนมักให้ผู้ปกครองมีส่วนในการสนับสนุนเงินบริจาค หรือค่ากิจกรรมนอกห้องเรียนนี้

    การเรียนของลูก สำคัญแค่ไหน
    การเรียนของลูก สำคัญแค่ไหน

โรงเรียนนานาชาติ…

International School คือโรงเรียนที่มีระบบการเรียนการสอนที่ใช้หลักสูตรต่างประเทศที่ได้รับมาตรฐานและอยู่ภายใต้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ภาษาต่างประเทศในการเรียนการสอน นักเรียนที่เข้าร่วมโรงเรียนนานาชาติมักจะมาจากหลากหลายประเทศและศาสนา เชื้อชาติ โดยสามารถสรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ดังนี้

  1. ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ หรือค่าบำรุงการศึกษา ประมาณเทอมละ 300,000 – 500,000 บาท
  2. ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าหนังสือเรียน ค่ากิจกรรมนอกห้องเรียน แล้วแต่ทางโรงเรียนจัดจำหน่าย และจัดกิจกรรม

ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่รวมค่าเรียนพิเศษ ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายระหว่างวัน ที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ปกครองสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายจากนโยบายสนับสนุนการศึกษาของรัฐบาลได้บางส่วนในบางโรงเรียน จะเห็นได้ว่า จำนวนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการให้ลูกได้รับการศึกษานั้นไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเลือกโรงเรียนประเภทใดก็ตาม ย่อมมีค่าใช้จ่ายมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีความรู้ที่ได้มาฟรี ๆ ผู้ปกครองจำเป็นต้องจ่าย และคิดหวังกันว่าเป็นการลงทุนแห่งอนาคตที่ต้องใช้เวลารอคอยผลตอบแทน และอาจไม่ได้การันตีต่อผลที่ออกมาอีกด้วย

แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ⇒⇒ ค่าเทอมอนุบาล 2565 อัปเดตล่าสุด เตรียมตัวลูกให้พร้อมก่อนเข้าเรียน

แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ⇒⇒ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ รวมไว้ให้ครบ

3 ประเภทโรงเรียน กับ 3 ข้อดี!!

3 ข้อดีเรียนโรงเรียนรัฐบาล

  1. เลือกโรงเรียนเพราะค่าเทอมที่ไม่แพง
  2. ความมีชื่อเสียงของโรงเรียนที่เปิดมานาน ศิษย์เก่าที่จบออกไปมีชื่อเสียง
  3. ถ้ามีโรงเรียนรัฐเปิดใกล้บ้านก็จะสะดวกต่อการเดินทาง และมีเงินสนับสนุนช่วยเหลือจากรัฐบาล สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้

3 ข้อดีเรียนโรงเรียนเอกชน

  1. มีหลักสูตรต่างประเทศได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
  2. การดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างทั่วถึง ด้วยจำนวนนักเรียนต่อห้องที่น้อยกว่าโรงเรียนรัฐบาล
  3. สภาพแวดล้อมในโรงเรียน และสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ด้วยจำนวนนักเรียน และจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกันมากกว่า

    โรงเรียนของลูก
    โรงเรียนของลูก

3 ข้อดีเรียนโรงเรียนนานาชาติ

  1. พูดได้หลายภาษา เด็กๆ ควรเรียนรู้ภาษาอื่นนอกจากภาษาแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งยังมีภาษาที่ 3 ให้ได้เลือกเรียน ช่วยให้เด็กมีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน ได้หลากหลายภาษา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตนั่นเอง
  2. รู้จักเคารพความแตกต่างผู้คน เด็กจะมีโอกาสได้เจอกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ และวัฒนธรรมในชั้นเรียนเดียวกัน ทำให้เส้นแบ่งพรมแดนหายไป ทั้งเรื่องของภาษา สีผิว เชื้อชาติ และอื่นๆ นำไปสู่การเปิดใจกว้างในการยอมรับและเคารพผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย
  3. มีความคิดสร้างสรรค์ และกล้าแสดงออก วัฒนธรรมของชาวต่างชาติจะมีความแตกต่างจากวัฒนธรรมของไทย ทั้งวิธีการสื่อสาร การแสดงออก และอื่นๆ ทำให้เด็กที่เรียนโรงเรียนนานาชาติจะได้เรียนรู้และซึมซับทักษะต่างๆ ที่แตกต่างออกไป ทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก และมีกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดกว้าง พัฒนาให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์

อ่านต่อ>> คำถามสำคัญที่พ่อแม่ควรหาคำตอบก่อนเลือกโรงเรียน คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up