ประจาน ให้จำ เมื่อ ลูกทำผิดซ้ำ ๆ

รับมืออย่างไรเมื่อลูกทำผิดซ้ำๆ ประจาน ให้จำหรือซ้ำแผลใจลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ประจาน ให้จำ เมื่อ ลูกทำผิดซ้ำ ๆ
ประจาน ให้จำ เมื่อ ลูกทำผิดซ้ำ ๆ

ประจาน วิธีที่ผู้ใหญ่มักใช้ให้เด็กกลัวและจำ เมื่อเขาทำผิด เป็นวิธีที่ส่งผลดีจริงหรือ บาดแผลที่ทำผิดพลาดว่าใหญ่แล้วหากถูกทำให้อับอาย บาดแผลในใจลูกจะขนาดไหนนะ

รับมืออย่างไรเมื่อลูกทำผิดซ้ำๆ ประจาน ให้จำหรือซ้ำแผลใจลูก?

เด็กกับการทำผิด คงเป็นเรื่องปกติ ก็เพราะว่าเด็ก คือ วัยแห่งการเรียนรู้ การทำผิดของเด็กจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่หากเป็นการเรียนรู้ของพวกเขานั่นเอง แต่การเรียนรู้นั้นจะเป็นการต่อยอดความคิด ให้เขาได้ศึกษา และเปลี่ยนแนวทางการกระทำ เรียนรู้จากความผิดพลาด หรือความผิดพลาดนั้น จะเป็นการเรียนรู้ให้เด็กเข้าใจว่า การทำผิดเป็นเรื่องไม่ดี และไปลดทอนการเห็นคุณค่าในตัวเอง จนเกิดความกลัว และกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความกล้าแสดงออก ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา ผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนนั้น นั่นอยู่ที่เราพ่อแม่ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตของเด็กว่าจะทำให้ออกมาเป็นแบบใด

ทฤษฎีการลองผิดลองถูก ของธอร์นไดค์ : ทำผิด = เรียนรู้

Thorndike ธอร์นไดค์ ได้กล่าวว่า การเรียนรู้ คือ การที่ผู้เรียนสามารถสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหว่างสิ่งเร้า การตอบสนอง และการได้รับความพึงพอใจจะทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น โดยทฤษฎีของเขาเป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ในการทดลอง เอาแมวที่หิวใส่ในกรง ข้างนอกกรงมีอาหารทิ้งไว้ให้ แมวเห็นในกรงมีเชือกที่ปลายข้างหนึ่งผูกกับบานประตูไว้ ส่วนปลายอีกข้างหนึ่ง เมื่อถูกดึงจะทำให้ประตูเปิด ธอร์นไดค์ได้สังเกตเห็นว่าในระยะแรก ๆ แมวจะวิ่งไปมา ข่วนโน่นกันนี่ เผอิญไปถูกเชือกทำให้ประตูเปิด ออกไปกินอาหารได้ เมื่อจับแมวใส่กรงในครั้งต่อไป แมวจะดึงเชือกได้เร็วขึ้นจนกระทั่งในที่สุดแมวสามารถดึงเชือกได้ในทันที

ธอร์นไดค์ ได้สรุปว่า การลองผิดลองถูกจะนำไปสู่การเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า และการตอบสนอง การเรียนรู้ ก็คือการที่มีการเชื่อมโยง (Connection) ระหว่างสิ่งเร้า (Stimuli) และการตอบสนอง (Responses)

เด็กกับการ ลองผิดลองถูก
เด็กกับการ ลองผิดลองถูก

Trial and Error

การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกมีใจความที่สำคัญว่า เมื่ออินทรีย์กระทบสิ่งเร้า อินทรีย์จะลองใช้วิธีตอบสนองต่อสิ่งเร้าหลาย ๆ วิธี จนพบกับวิธีที่เหมาะสม และถูกต้องกับเหตุการณ์ และสถานการณ์ เมื่อได้รับการตอบสนองที่ถูกต้องก็จะนำไปต่อเนื่องเข้ากับสิ่งเร้านั้น ๆ มีผลให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น

ที่มา : จิตวิทยาสำหรับครู รศ.มัณฑรา ธรรมบุศย์

การตอบสนองของพ่อแม่…เมื่อลูกทำผิดซ้ำ ๆ 

เป็นความจริงที่ว่า เมื่อเด็กทำผิดนั่นเพราะเขาได้ลงมือทำ การได้ลงมือทำก็ย่อมเกิดการเรียนรู้ แต่ผู้ใหญ่จะมีวิธีการสอน หรือตอบสนองอย่างไรเมื่อเด็กทำผิด เพื่อให้การลองผิดลองถูกของเขาเป็นไปอย่างมีทิศทาง ไม่สะเปะสะปะกันไปเสีย ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า เด็กไม่ได้อยากทำผิดซ้ำ ๆ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงควรหาสาเหตุของการที่ลูกทำผิดบ่อย ๆนั้นก่อน เพราะบางครั้งพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูก อาจเป็นการสื่อถึงปัญหาบางอย่างที่ลูกกำลังประสบ

สาเหตุที่ลูกทำผิดซ้ำ ๆ 

  1. เด็กอาจมีปัญหาทางด้านพัฒนาการของเขา เช่น ปัญหาสมาธิสั้น เด็กบางคนมีพัฒนาการที่ล่าช้าทางด้านร่างกาย ภาษา สติปัญญา เด็กเป็นแอลดี (Learning disorder) หรือ ภาวะบกพร่องทางการเรียนเฉพาะด้าน(อ่าน/เขียน/คำนวน) เป็นต้น จึงเป็นสาเหตุให้ลูกทำผิดซ้ำ ๆ สิ่งสำคัญ คือ เมื่อเด็กมีปัญหา พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ต้องหาสาเหตุ ไม่มองว่าเป็นความผิดของเด็ก หากเรามองเด็กในแง่ลบ ตำหนิเด็ก และยิ่งใช้อารมณ์กับลูก จะยิ่งทำให้เขาต่อต้าน หรืออาจเกิดปัญหาทางด้านจิตใจด้านอื่นได้ เด็กที่มีปัญหาเหล่านี้ เขาอาจจะควบคุมตัวเองได้ยากลำบากกว่าเด็กคนอื่น พ่อแม่ควรให้ความช่วยเหลือ พาลูกไปพบจิตแพทย์ หรือแพทย์พัฒนาการ เพื่อประเมิน และบำบัดในแนวทางที่เหมาะสม ก็จะสามารถทำให้ลูกกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และไม่เกิดบาดแผลทางใจอีกด้วย
  2. ลูกอาจกำลังเรียกร้องความสนใจ การที่เด็กเลือกทำผิดเพราะเมื่อเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผู้ใหญ่มักมองไม่เห็นในสิ่งที่เขาทำ แต่เมื่อเขาทำผิด มักจะได้รับความสนใจจากพ่อแม่มากกว่า เด็กจึงทำผิดเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่การเรียกร้องความสนใจของลูกมันยังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณเตือนที่ลูกส่งผ่านมายังพ่อแม่ ว่าเขากำลังประสบกับปัญหาอะไรบางอย่าง และต้องการความช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น
    • ต้องการเวลาจากพ่อแม่บ้าง ในยุคปัจจุบันที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ต้องออกไปทำงาน จนบางครั้งเรามัวแต่ทำตามหน้าที่จนอาจละเลยเวลาร่วมกันของครอบครัว เด็กอาจทำเพื่อเรียกร้องให้พ่อแม่จัดสรรเวลาให้แก่เขาบ้าง เวลาที่จะมอบให้แก่ลูกไม่จำเป็นแต่มากมาย ขอแค่เป็นเวลาคุณภาพสำหรับพวกเขา เช่น อ่านนิทานด้วยกันก่อนนอน เล่น ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำงานบ้านด้วยกัน เป็นต้น เป็นช่วงเวลาที่เรามอบให้แก่ลูก ด้วยความใส่ใจจริง ๆ
    • ลูกกำลังประสบปัญหาที่โรงเรียน หรือกับเพื่อน การทำผิดอาจเป็นสัญญาณที่กำลังบอกพ่อแม่ว่าเขากำลังถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน ซึ่งลูกอาจไม่สามารถบอกเล่าได้ตรง ๆ พ่อแม่ควรมีเวลานั่งฟัง พูดคุยให้ลูกได้ระบายออกมา หรือหากลูกไม่ยอมบอก อาจต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา ให้ช่วยได้
    • เกิดเหตุการณ์ หรือสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่ลูกยังไม่คุ้นเคย จึงทำให้เขายังไม่สามารถจัดการกับชีวิตได้อย่างลงตัว เช่น มีสมาชิกใหม่ในบ้าน พ่อแม่มีน้องใหม่ รับปู่ย่าตายายมาอยู่ด้วย เป็นต้น
    • ถูกคาดหวังมากเกินไป บางครั้งพ่อแม่ก็อาจพูด หรือแสดงความคาดหวังกับลูกในเรื่องที่เกินวัย หรือความสามารถของเขา การเปรียบเทียบคนอื่นกับลูก หรือการกล่าวชื่นชมคนอื่น อาจเป็นการกดดันให้ลูกรู้สึกว่ากำลังแบกรับความคาดหวังของพ่อแม่อยู่ ทำให้เขายิ่งทำยิ่งผิด ไม่เป็นไปดั่งที่พ่อแม่หวังเสียที
ปรับพฤติกรรมด้วยการลงโทษ หรือ ประจาน ดีจริงหรือ
ปรับพฤติกรรมด้วยการลงโทษ หรือ ประจาน ดีจริงหรือ

ดังนั้น พ่อแม่ควรมองให้ลึกไปกว่าแค่ลูกทำผิด แต่การทำผิดซ้ำๆ มักบ่งบอกปัญหาอะไรบางอย่างที่เด็กไม่สามารถบอกเราได้ตรงๆ ในบางครั้ง สาเหตุของการเรียกร้องความสนใจของลูกจากพ่อแม่ อาจแตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะของครอบครัว พ่อแม่มีหน้าที่คอยสังเกตพฤติกรรมของลูกว่าผิดปกติหรือไม่ และควรทำตัวให้เด็กรู้สึกว่า เราเป็นพื้นที่ safe zone ของเขาได้ นั่นจะทำให้เราสามารถเข้าไปรับรู้ และช่วยลูกแนะนำแนวทางแก้ไขปัญหาของลูกได้

วิธีการตอบสนองเมื่อลูกทำผิดซ้ำ ๆ 

  1. ลงมือทำไปพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าลูกทำผิดซ้ำ ๆ นั่นแสดงว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ พ่อแม่ควรชวนลูกมาลงมือทำไปพร้อม ๆ กัน ทีละขั้นตอน ให้เขาได้เรียนรู้ และรู้สึกอุ่นใจว่าไม่ได้โดนจับผิดอยู่ เมื่อเราทำไปด้วยกัน
  2. ไม่พูดจาตำหนิ พ่อแม่บางคนแม้ว่าในใจจะหวังดีกับลูก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเชิงตำหนิ ให้ลูกอับอาย เพราะคิดว่าจะช่วยให้ลูกจำ เข็ดหลาบ และจะได้ไม่ทำอีก แต่นั่นกลับเป็นการผลักไส และฝากรอยบาดแผลไว้ในใจลูก ในใจเด็กมากเสียกว่า ควรใช้คำพูดสั้น เป็นกลาง ไม่ใส่คำตัดสิน และบอกสิ่งที่เราต้องการให้เขากระทำชัดเจน เช่น ทำไมสอนไม่รู้จักจำ เปลี่ยนเป็น ลูกกำลังทำอะไรอยู่? แม่อยากให้ลูกเอาของไปเก็บเข้าที่หลังเล่นเสร็จแล้ว เป็นต้น
  3. บอกว่าพ่อแม่รักลูกเสมอ  เด็กจะอยากทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะพ่อแม่ก็รักเขาและเขาก็รักพ่อแม่เช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขากลัวพ่อแม่ตำหนิ
  4. งานบ้านช่วยได้ เด็กที่ทำผิด คือ เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ การแก้ปัญหาที่ตรงไปตรงมาที่สุด คือ การให้เด็กทำงานที่ต้องควบคุมตัวเอง งานบ้านจึงเป็นงานที่เหมาะสมให้เด็กทำเพื่อฝึกฝนตัวเอง
  5. เปลี่ยนสภาพแวดล้อม บ้านที่ขาดวินัย ไม่เป็นระเบียบ อาจส่งผลต่อการทำผิดซ้ำ ๆ ของลูก  พ่อแม่ควรทำให้บ้านมีกติกาที่ชัดเจน และจัดตารางเวลาที่แน่นอน ช่วยให้ลูกจัดระเบียบชีวิตของตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น ลูกชอบลืมทำการบ้าน หากเขามีตารางเวลาที่แน่นอน จะช่วยลดปัญหาตรงนี้ไปได้ เป็นต้น

อ่านต่อ>> ผลเสียของการ ประจาน ให้อับอายร้ายแรงกว่าที่คิด คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อาการตัวเหลือง

ทำความเข้าใจ Jaundice อาการตัวเหลือง ในทารก สาเหตุ และวิธีรับมือ

Alternative Textaccount_circle
event
อาการตัวเหลือง
อาการตัวเหลือง

อาการตัวเหลือง – หรือโรคดีซ่านในทารกแรกเกิด เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อทารกมีระดับบิลิรูบินซึ่งเป็นเม็ดสีเหลืองที่ผลิตขึ้นในระหว่างการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงตามปกติซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย อย่างไรก็ตามทารกบางรายอาจตัวเหลืองนานผิดปกติ  หากคุณพ่อคุณแม่รู้เท่าทันภาวะตัวเหลือง ย่อมช่วยให้สังเกตอาการและความผิดปกติต่างๆ  ได้อย่างทันท่วงทีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของลูกน้อยในระยะยาว

ทำความเข้าใจ Jaundice อาการตัวเหลือง ในทารก สาเหตุและวิธีรับมือ

อาการตัวเหลืองของทารก คือ การเปลี่ยนสีของผิวหนังและดวงตาของทารกแรกเกิด ภาวะตัวเหลืองในทารกเกิดขึ้นเนื่องจากเลือดของทารกมีบิลิรูบิน (bil-ih-ROO-bin) มากเกินไป ซึ่งเป็นเม็ดสีเหลืองของเซลล์เม็ดเลือดแดง อาการตัวเหลืองในทารกเป็นอาการทั่วไป โดยเฉพาะในทารกที่เกิดก่อนตั้งครรภ์ 38 สัปดาห์ (ทารกคลอดก่อนกำหนด) และทารกที่กินนมแม่บางส่วน ภาวะตัวเหลืองในทารกมักเกิดขึ้นเนื่องจากตับของทารกยังทำหน้าที่ได้ดีพอที่จะกำจัดบิลิรูบินในกระแสเลือด

การผลิตบิลิรูบิน (bil-ih-ROO-bin)ในทารกแรกเกิด

บิลิรูบิน เป็นสารประกอบสีเหลืองที่เกิดขึ้นในกระบวนการขั้นสุดท้ายของการสลายตัว  (Catabolism) ของเซลล์เม็ดเลือดแดง ทารกแรกเกิดผลิตบิลิรูบินในอัตราประมาณ 6 ถึง 8 มก. ต่อกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นอัตราการผลิตที่มากกว่าผู้ใหญ่ถึงสองเท่า สาเหตุหลักมาจากภาวะเม็ดเลือดแดงมากเกินไป และการหมุนเวียนของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เพิ่มขึ้นในทารกแรกเกิด ซึ่งโดยปกติแล้วการผลิตบิลิรูบินจะลดลงถึงระดับผู้ใหญ่ภายใน 10 ถึง 14 วันหลังคลอด

สาเหตุหลักของ อาการตัวเหลือง ในเด็กแรกเกิด

ทารกที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการตัวเหลือง ได้แก่

  • ทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ก่อน 37 สัปดาห์)
  • ทารกที่ได้รับนมแม่หรือนมผงไม่เพียงพอ
  • ทารกที่กรุ๊ปเลือดไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือดของแม่

ทารกที่มีกรุ๊ปเลือดไม่เข้ากันกับของมารดาสามารถพัฒนาแอนติบอดีสะสมที่สามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงและทำให้ระดับบิลิรูบินเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันได้

สาเหตุอื่นๆ ของ อาการตัวเหลือง ในเด็กแรกเกิด ได้แก่:

  • มีเลือดออกภายในร่างกาย
  • ปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ
  • การขาดเอนไซม์บางชนิด
  • ความผิดปกติในเซลล์เม็ดเลือดแดงของทารก
  • โรคท่อน้ำดีตีบ ทารกจะมีอาการตัวเหลืองร่วมกับอุจจาระสีซีด
  • ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน
  • การติดเชื้อในกระแสเลือด

ประเภทต่างๆ ของ อาการตัวเหลือง ในทารกแรกเกิดสามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

1. อาการตัวเหลือง ทางสรีรวิทยา (Physiological jaundice)

เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด อาการตัวเหลืองชนิดนี้เป็นเรื่องปกติของทารกแรกเกิด เนื่องจากอาการดีซ่านทางสรีรวิทยานั้นเกิดขึ้นในทารกแรกเกิดส่วนใหญ่ภายในวันที่สองหรือสามหลังคลอด หลังจากที่ตับของทารกพัฒนาจะเริ่มกำจัดบิลิรูบินส่วนเกิน ซึ่งอาการดีซ่านทางสรีรวิทยามักไม่ร้ายแรงและสามารถหายไปเองได้ภายในสองสัปดาห์

2. อาการตัวเหลือง ทางพยาธิวิทยา (๋Jaundice pathological)

ภาวะตัวเหลืองทางพยาธิวิทยา เป็นประเภทที่ร้ายแรงที่สุด มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หลังคลอด และระดับบิลิรูบินของทารก จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การเกิดภาวะเลือดแม่และเลือดลูกไม่เข้ากันในระบบหมู่เลือด ABO หรือโรคตับ ซึ่งจำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที และอาจจำเป็นต้องถ่ายเลือด ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถดำเนินต่อไปได้ในระหว่างการรักษา

3. อาการตัวเหลือง จากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีปัญหา

ในช่วงสองสามวันแรกของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เมื่อปริมาณน้ำนมของแม่เหลือน้อยและทารกมีปัญหาในการดูดนม ทารกอาจเกิดภาวะขาดน้ำ เนื่องจากบิลิรูบินถูกขับออกในปัสสาวะและอุจจาระ ส่งผลให้ปัสสาวะลดลงและอุจจาระไม่บ่อย จึงเกิดการสะสมของบิลิรูบิน แม้ว่าอาจพบได้ในทารกที่คลอดครบกำหนดแต่ก็พบได้น้อยกว่าในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีปัญหาในการดูดนมแต่เมื่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีประสิทธิภาพปัญหานี้จะหมดไป

ทารกแรกเกิดตัวเหลือง
ทารกแรกเกิดตัวเหลือง

4. ตัวเหลือง จากน้ำนมแม่

บางครั้ง สารในน้ำนมแม่อาจส่งผลต่อการที่ตับของทารกสลายบิลิรูบิน ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมของบิลิรูบิน อาการตัวเหลืองจากน้ำนมแม่อาจปรากฏขึ้นหลังจากทารกอายุได้ 1 สัปดาห์ และอาจใช้เวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นจึงจะหายไป

ทารกที่กินนมแม่ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ จะมีภาวะตัวเหลืองหลังจากสัปดาห์แรก สูงสุดประมาณสองสัปดาห์ และสามารถคงอยู่ได้นานถึงสามถึงสิบสองสัปดาห์ โรคดีซ่านของน้ำนมแม่เกิดจากสารในน้ำนมแม่ที่เพิ่มการดูดซึมของบิลิรูบินผ่านทางเดินลำไส้ การให้นมแม่มักจะดำเนินต่อไปหรือถูกขัดจังหวะเพียงช่วงสั้นๆ

5 . ตัวเหลืองจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตก

โรคดีซ่านอาจเกิดขึ้นได้หากมีการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น (ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก) เช่น ที่เห็นได้เมื่อมีกลุ่มเลือดของมารดาและทารกในครรภ์ไม่ตรงกัน ส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกันของ ABO หรือโรคที่ทำให้เม็ดเลือดแตกในทารกแรกเกิด (โรค Rh) ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกที่เพิ่มขึ้นอาจเกิดขึ้นได้หากทารกมีรอยฟกช้ำหรือมีเลือดออกในระหว่างคลอด

อ่านต่อ….ทำความเข้าใจ Jaundice อาการตัวเหลือง ในทารก สาเหตุ และวิธีรับมือ ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ใช้ต่างกันอย่างไร

หมอแนะ ยาแก้แพ้ ยาคัดจมูก ยาลดน้ำมูกใช้ต่างกันอย่างไร

Alternative Textaccount_circle
event
ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ใช้ต่างกันอย่างไร
ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ใช้ต่างกันอย่างไร

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ยาสำหรับเด็กทั้งสามชนิดรักษาอาการใกล้เคียงกัน แต่จะมีข้อบ่งใช้ต่างกันหรือไม่ สิ่งไหนควรระวัง มาพบคำตอบได้จากคุณหมอกันดีกว่า

หมอแนะ!! ยาแก้แพ้ ยาคัดจมูก ยาลดน้ำมูกใช้ต่างกันอย่างไร

หน้าฝน ดูแลสุขภาพดีอย่างไร ก็ไม่พ้นเด็ก ๆ ต้องมีอาการป่วยกันได้ ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ต่างพากันป่วยบ่อย สารพัดโรค แต่ที่พบกันมากเห็นจะเป็นหวัด คัดจมูก มีน้ำมูก แม้จะเป็นโรคทั่วไปที่พบกันได้บ่อย แต่อาการของโรคหวัดนี้ก็ทำเอาคุณพ่อคุณแม่ปวดหัวไปตาม ๆ กัน นอกจากการดูแลรักษาลูกน้อยตามอาการเมื่อป่วยแล้ว ยาก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีตัวหนึ่งที่ทำให้ลูกลดอาการทรมานลงได้ แต่การใช้ยาในกลุ่มโรคหวัดนั้น อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดการสับสนได้ เพราะจะมียาที่คล้ายคลึงกัน มีสรรพคุณในการลดอาการไม่พึงประสงค์ใกล้เคียงกันมาก เช่น การใช้ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หรือยาแก้คัดจมูก เราควรใช้ตัวไหนกับอาการแบบไหนกัน

โรคที่มากับหน้าฝน
โรคที่มากับหน้าฝน

น้ำมูก เกิดจากอะไร??

เมื่อลูกเป็นหวัด อาการหนึ่งที่มักพบควบคู่กันเสมอ คือ น้ำมูก ทำให้เกิดอาการหายใจได้ไม่สะดวก โดยอาการมีน้ำมูกที่พบได้บ่อยในเด็ก เกิดจาก 2 สาเหตุใหญ่ ๆ คือ โรคภูมิแพ้ และเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ทำให้มีน้ำมูก

โรคภูมิแพ้ 

ภูมิแพ้ เป็นโรคที่แสดงอาการได้หลายระบบในร่างกาย ได้แก่

  • โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เกิดโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือทำให้เกิดโรคหืด มีอาการไอ แน่นหน้าอก เหนื่อย หอบ หายใจมีเสียงหวีด
  • ภูมิแพ้อาหารและยา ทำให้เกิดผื่นคันแบบลมพิษ หน้าบวม ปากบวม แน่นคอ แน่นหน้าอก เป็นลมหมดสติ ความดันโลหิตต่ำ และมีโอกาสเสียชีวิตได้
  • โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นแดงคันเรื้อรัง ผิวแห้งลอก ส่วนใหญ่มักเป็นตามข้อพับแขนขาและลำคอ
  • ภูมิแพ้ตา ทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการคันตา เคืองตา ตาแดง ขยี้ตาเยอะผิดปกติ ตาบวม

ทำความรู้จักกับ “โรคภูมิแพ้”

โรคภูมิแพ้ เกิดจากภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity) ทำให้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ไรฝุ่น ละอองเกสร ซึ่งในคนทั่วไปจะไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเหล่านี้ อาการของโรคอาจเกิดขึ้นกับระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย หรือเกิดขึ้นพร้อมกันหลายระบบ มักจะเป็นเรื้อรัง ความรุนแรงมีตั้งแต่รบกวนชีวิตประจำวันเล็กน้อยไปจนถึงขั้นที่อันตรายถึงแก่ชีวิต

ภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดน้ำมูกนั้น จะเป็นอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้ที่จมูก เรียก โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ซึ่งจะมีอาการคันจมูก จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก เมื่อเกิดปฏิกิริยาอักเสบจากภูมิแพ้ ร่างกายจะหลั่งสาร ชื่อ ฮีสตามีน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆ ของโรคภูมิแพ้ มีหลายวิธีในการรักษาโรคภูมิแพ้ เช่น การหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการแพ้ การใช้ยาบรรเทาอาการ การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ เป็นต้น

ไข้หวัด มีอาการไอ น้ำมูกไหล ใช้ ยาแก้แพ้ อย่างไรดี
ไข้หวัด มีอาการไอ น้ำมูกไหล ใช้ ยาแก้แพ้ อย่างไรดี

ไข้หวัด

เด็กป่วยเป็นไข้หวัดได้บ่อย มีการศึกษาระบุว่าสามารถป่วยได้ถึงปีละ 10 -12 ครั้ง ไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ อาการของโรคหวัดทั่วไปก็ได้แก่ คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ มีเสมหะ เจ็บคอ ไอ จาม เสียงแหบ อาจมีอาการไข้และปวดศีรษะเล็กน้อย การรักษาก็จะเป็นไปในลักษณะประคับประคองอาการ การให้ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ ยาแก้ไอ-เจ็บคอ ร่วมกับการดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มน้ำเย็น รักษาร่างกายให้อบอุ่น ก็จะทำให้เด็กส่วนใหญ่หายเป็นปกติในไม่กี่วัน ในเด็กเล็กและคนสูงอายุ อาจติดไข้หวัดได้ง่าย และมีอาการรุนแรงกว่าในช่วงอายุอื่นๆ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อลูกเป็นหวัด

โดยทั่วไปเมื่อลูกเป็นหวัด ควรให้ความอบอุ่นให้เพียงพอ และดูแลรักษาตามอาการ ดังนี้

  • มีอาการไอให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อย ๆ หากมีไข้ต่ำควรลดไข้ โดยเช็ดตัวลูกด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิห้อง หากไข้ยังไม่ลด ให้เช็ดตัวร่วมกับการรับประทานยาลดไข้ ตามน้ำหนักตัว เช่น Paracetamol ให้ขนาด 10 มิลลิกรัม/น้ำหนัก 1 กก. ทุก 4 – 6 ชม. เวลามีไข้
  • หากมีอาการน้ำมูกถ้ามีไม่มาก ใช้สำลีพันปลายไม้ชุบน้ำอุ่นหรือน้ำเกลือเช็ดในรูจมูก หรือถ้ามีน้ำมูกมากให้ใช้ลูกยางแดงดูดน้ำมูกออก หรือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (0.9% NSS) ในเด็กโต

การใช้ยา ในกรณีที่การรักษาเบื้องต้นไม่ดีขึ้น 

ถ้าลูกยังมีอาการน้ำมูกแน่น หรือคัดจมูกมาก คุณพ่อคุณแม่สามาถให้ลูกรับประทานยาแก้หวัดได้ โดยต้องคำนึงถึงน้ำหนักตัวของลูก ยารักษาอาการน้ำมูกไหล หรือยาลดน้ำมูก มี 2 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มของยาแอนติฮีสตามีน ไม่นิยมให้ในเด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดรับประทาน ยากลุ่มนี้จะทำให้น้ำมูกแห้ง และจามน้อยลง
  • ยาลดการคั่งของน้ำมูก ไม่นิยมในเด็กเล็กเช่นกัน ในกรณีแน่นจมูกมาก หายใจไม่ออก อาจให้ยาเช็ดจมูกช่วยยุบบวมในจมูกได้ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็วช่วยให้โล่งจมูกทันที แต่ไม่ควรจะใช้นานเกิน 3 วัน ถ้าใช้แล้ว 3 วัน จะต้องหยุดยาก่อน ถ้าเป็นใหม่ครั้งต่อไปสามารถนำมาใช้อีกได้ ยานี้ถ้าใช้ติดกันนานจะเกิดผลข้างเคียงต่อจมูกทำให้เยื่อบุจมูกเกิดการอักเสบ และบวมเพิ่มขึ้นได้

ส่วนยาปฏิชีวนะที่เรียกกันทั่วไปว่ายาฆ่าเชื้อ หรือยาแก้อักเสบนั้นไม่ควรให้ผู้ป่วยหวัดทั่วไป เนื่องจากโรคไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส จะนำมาใช้ในกรณีมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรือกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องภูมิต้านทานอยู่เดิมเท่านั้น ยาฆ่าเชื้อไวรัส ยังไม่มียาที่นำมาใช้เฉพาะสำหรับโรคนี้ เนื่องจากอาการไม่รุนแรงและอาจมีผลข้างเคียงด้วย ยกเว้นในกรณีไข้หวัดใหญ่ มีการใช้ยา Oseltamivir ในการรักษา

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ต่างกันอย่างไร
ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ต่างกันอย่างไร

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ใช้ต่างกันอย่างไร??

ยาแก้แพ้ หรือยาแอนติฮีสตามีน หรือยาต้านฮีสตามีน ยาจะไปป้องกันไม่ให้ฮิสตามีนจับกับตัวรับฮิสตามีนที่อวัยวะต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ ปัจจุบันยาต้านฮีสตามีน แบ่งเป็น 3 รุ่น 

  • ยารุ่นที่ 1 เช่นยา chlorpheniramine, diphenhydramine, cyproheptadine, hydroxyzine ยากลุ่มนี้มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง  ทำให้ง่วงซึม ทำให้เกิดอาการปากแห้ง  คอแห้ง  เสมหะและน้ำมูกเหนียวข้นได้ ยาออกฤทธิ์สั้น ต้องทานวันละ 3-4 ครั้ง
  • รุ่นที่ 2 เช่น loratadine, cetirizine ยากลุ่มนี้มีข้อดี คือ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ออกฤทธิ์ได้นาน และไม่ค่อยง่วงซึม
  • ตัวยารุ่นที่ 3 เช่น fexofenadine,  desloratadine, levocetirizine ยากลุ่มนี้มีข้อดี คือ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ออกฤทธิ์ได้นาน รับประทานเพียงวันละครั้ง  และไม่ง่วงซึม

อ่านต่อ >>หมอแนะ การใช้ยากลุ่มลดน้ำมูก คัดจมูก แก้แพ้ ใช้ต่างกันอย่างไร คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แบบฝีกหัด อนุบาล

แจกฟรี!!! แบบฝึกหัด อนุบาล หลากหลายหมวดหมู่

Alternative Textaccount_circle
event
แบบฝีกหัด อนุบาล
แบบฝีกหัด อนุบาล

แบบฝึกหัด อนุบาล แจกฟรี เตรียมความพร้อมสำหรับเด็กอนุบาล พัฒนาการเขียน เสริมเชาว์ปัญญา ฝึกคัดลายมือ ฝึกอ่าน ฝึกเขียน ฝึกนับเลข ฝึกระบายสี

แจกฟรี!!! แบบฝึกหัด อนุบาล หลากหลายหมวดหมู่

การขีด เขียน ระบายสี วาดรูป ช่วยเสริม พัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก ของเด็กวัยอนุบาล หรือปฐมวัย และการทำ แบบฝึกหัด ก็ยังช่วยเสริมพัฒนาการด้านสมอง และสติปัญญาอีกด้วย ทีมกองบรรณาธิการ ABK จึงได้รวบรวมแบบฝึกหัด เด็กอนุบาล ในหมวดต่าง ๆ มาฝากคุณแม่ เพื่อนำไปให้ลูก ๆ ได้ฝึกทำกันค่ะ

ใบงาน อนุบาล
ใบงาน อนุบาล

แจกฟรี!!! แบบฝึกหัด อนุบาล หลากหลายหมวดหมู่

วัยอนุบาล หรือปฐมวัย วัยนี้จะมีพัฒนาการที่รวดเร็ว เป็นเวลาทองแห่งการพัฒนาทางสมอง ภาษา สังคม อารมณ์ และาการเคลื่อนไหว เป็นวัยแห่งการสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตต่อไป เริ่มต้นเรียนรู้การใช้ชีวิตนอกบ้าน การมีสังคม การมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น โดยพัฒนาการของเด็กวัยอนุบาล เริ่มจากอายุ 2-5 ปี ระยะนี้เป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงของบุคลิกภาพมากที่สุด เช่น ต้องการเป็นตัวของ ตัวเองค่อนข้างดื้อ ซุกซนมาก ในบางครั้งความคิดและการกระทำของเด็กจะไม่ตรงกับความเป็นจริง

แบบฝึกหัดเสริมเชาวน์ปัญญา

การจำแนกและจัดกลุ่ม

การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 1                         การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 6

การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 2                         การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 7

การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 3                         การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 8

การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 4                         การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 9

การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 5                         การจำแนกและจัดกลุ่ม ชุดที่ 10

การเรียงลำดับ

การเรียงลำดับ ชุดที่ 1                                        การเรียงลำดับ ชุดที่ 6

การเรียงลำดับ ชุดที่ 2                                        การเรียงลำดับ ชุดที่ 7

การเรียงลำดับ ชุดที่ 3                                        การเรียงลำดับ ชุดที่ 8

การเรียงลำดับ ชุดที่ 4                                        การเรียงลำดับ ชุดที่ 9

การเรียงลำดับ ชุดที่ 5                                        การเรียงลำดับ ชุดที่ 10

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 1            การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 6

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 2           การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 7

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 3           การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 8

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 4           การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 9

การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 5           การเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ ชุดที่ 10

การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว

การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 1               การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 6

การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 2               การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 7

การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 3               การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 8

การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 4               การเปรียบเทียบความสั้น-ยาว ชุดที่ 9

การสังเกตรูปทรง

การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 1                                    การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 6

การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 2                                   การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 7

การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 3                                   การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 8

การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 4                                   การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 9

การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 5                                   การสังเกตรูปทรง ชุดที่ 10

แบบฝึกหัดพัฒนาการเขียน

ตัวอักษรภาษาไทย

ชุด:   ก-ซ                                                           ชุด:   ท-ม 

ชุด:   ฌ-ถ                                                           ชุด:   ย-ฮ 

ตัวอักษรภาษาอังกฤษ

ชุด:   A-F                                                            ชุด:    M-S 

ชุด:   G-L                                                            ชุด:    T-Z 

ลากเส้นลีลามือ

ชุดที่:   1                                                              ชุดที่:   6 

ชุดที่:   2                                                              ชุดที่:   7 

ชุดที่:   3                                                              ชุดที่:   8 

ชุดที่:   4                                                              ชุดที่:   9 

ชุดที่:   5                                                              ชุดที่:  10 

หัดเขียนภาษาไทยชุด มานี-มานะ

ชุดที่:   1                                                               ชุดที่:   6 

ชุดที่:   2                                                               ชุดที่:   7 

ชุดที่:   3                                                               ชุดที่:   8 

ชุดที่:   4                                                               ชุดที่:   9 

ชุดที่:   5                                                               ชุดที่:   10 

 

อ่านต่อ…แจกฟรี!!! แบบฝึกหัด อนุบาล หลากหลายหมวดหมู่

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ร้านชุดคู่แม่ลูก

10 ร้านชุดคู่แม่ลูก ชวนลูกมาแต่งตัวคู่กัน

Alternative Textaccount_circle
event
ร้านชุดคู่แม่ลูก
ร้านชุดคู่แม่ลูก

คุณผู้หญิงหลาย ๆ ท่าน หรือคุณแม่ที่มีลูกน้อยคงเคยรู้สึกว่าเวลาไปเที่ยว โอกาสพิเศษ งานเทศกาลต่าง ๆ หรือมีกิจกรรมที่ต้องทำเป็นครอบครัว หากเราใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน หรือใส่เสื้อธีมเดียวกัน จะรู้สึกอบอุ่นน่ารัก มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เวลาถ่ายรูปออกมาก็คุมโทน รูปดูสวยงาม สำหรับคนเป็นคุณแม่เองก็อยากมีโมเมนต์ดี ๆ กับลูกน้อย เพราะอีกหน่อยโอกาสที่ลูกจะอยู่กับพ่อแม่แล้วทำกิจกรรมร่วมกันแบบนี้ก็จะยิ่งน้อยลงเมื่อลูกโตขึ้น วันนี้ทีมกองบรรณาธิการจึงรวบรวม ร้านชุดคู่แม่ลูก มาฝากคุณแม่กันค่ะ จะมีร้านไหน เพจใด น่าสนใจบ้าง ตามไปกดสั่งซื้อกันได้เลยค่ะ

10 ร้านชุดคู่แม่ลูก ชวนลูกมาแต่งตัวคู่กัน

ร้านชุดคู่แม่ลูก

  1. little_tigers_byboo

ร้านนี้เป็นเสื้อผ้าชุดคู่แม่ลูกที่ออกแบบและตัดเย็บเอง เป็นงานตัดเกรดบูติกการันตีคัตติ้งเนี้ยบ ใช้ผ้าคอตตอน 100% โดยสินค้าเป็นรูปแบบพรีออเดอร์ใช้เวลา 20 วัน มีรูปแบบให้เลือกมากมายที่สำคัญสามารถสั่งตัดเป็นชุดครอบครัวได้อีกด้วย

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://instagram.com/little_tigers_byboo?igshid=YmMyMTA2M2Y

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ขอขอบคุณภาพจาก https://instagram.com/little_tigers_byboo?igshid=YmMyMTA2M2Y

 

  1. adverb_shop

ทางร้านนี้จะเป็นเสื้อผ้าแนวชุดคู่รักหรือชุดครอบครัว สามารถสั่งตัดเลือกผ้าเลือกแบบชุดได้ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ หรือสามารถเลือกรูปแบบชุดได้จากหน้าร้านมีสินค้าพร้อมส่งให้กับลูกค้าได้เลย เสื้อผ้าจะเป็นสไตล์ชุดครอบครัวใส่สบาย เหมาะกับการไปเที่ยวพักผ่อนวัดหยุด

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.instagram.com/adverb_shop/

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่ ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.instagram.com/adverb_shop/

 

  1. สวยเหมือนแม่ จำหน่ายชุดคู่แม่ลูก ชุดครอบครัว

เป็นร้านชุดคู่แม่ลูกสุดน่ารัก มีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ มีหลากหลายคอลเลคชั่น ทั้งชุดเดรสใส่สบาย รวมถึงเซ็ทเสื้อ กางเกง ที่ให้ลุคทะมัดทะแมง ให้เป็น everyday ลุคกับคุณลูก มีทั้งชุดใส่ไปเที่ยวรวมทั้งชุดออกงาน

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th-th.facebook.com/likemotherlikedaughter2021/

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ขอขอบคุณภาพจาก https://th-th.facebook.com/likemotherlikedaughter2021/

 

  1. Cuddie

เป็นร้านที่นอกจากจะรวมชุดเด็กและสินค้าเด็กอ่อนแล้ว ชุดคู่แม่ลูกก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรส ชุดแนวครอบครัว ก็สามารถหยิบมาใช้ในทุกโอกาสเพื่อจะได้พร้อมเที่ยวกันแบบชิค ๆ ได้ทั้งครอบครัว

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://shopee.co.th/cuddie?categoryId=100633&itemId=9712472693

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ขอขอบคุณภาพจาก https://shopee.co.th/cuddie?categoryId=100633&itemId=9712472693

 

  1. ชุดคู่แม่ลูก เสื้อผ้าเด็กน่ารัก by MaePan

เป็นร้านชุดคู่แม่ลูกที่มีสินค้าพร้อมส่ง ไม่ต้องรอคิวนาน ไซส์ชุดวัดจากสินค้าจริงทุกแบบ งานสวยตรงปกแน่นอน ส่วนใหญ่งานของทางร้านจะเน้นชุดคู่คุณแม่กับลูกสาวก็จะออกแนวชุดเดรสน่ารัก ๆ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK เพจ ชุดคู่แม่ลูก เสื้อผ้าเด็กน่ารัก by MaePan

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ชุดเด็ก ชุดคุณแม่ เสื้อคู่

ขอขอบคุณภาพจาก FACEBOOK เพจ ชุดคู่แม่ลูก เสื้อผ้าเด็กน่ารัก by MaePan

 

อ่านต่อ… 10 ร้านชุดคู่แม่ลูก ชวนลูกมาแต่งตัวคู่กัน ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คุณหมอเด็ก

แนะนำ 10 คุณหมอเด็ก กุมารแพทย์คนเก่งที่คุณแม่วางใจ

Alternative Textaccount_circle
event
คุณหมอเด็ก
คุณหมอเด็ก

คงเป็นเรื่องปกติของคุณพ่อคุณแม่ที่จะพาลูก ๆ ไปตรวจสุขภาพตามกำหนด หรือพาไปหา คุณหมอเด็ก หรือ กุมารแพทย์เวลาที่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งคุณหมอแต่ละคนก็มีความชำนาญเฉพาะด้านที่แตกต่างกัน และอาจมีวิธีที่จะเข้าหาเด็กแตกต่างกันด้วย เนื่องจากคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะกลัวคุณหมอ หรือกลัวการไปโรงพยาบาลในช่วงแรก เพราะอาจติดภาพจำตอนที่ตัวเองที่ป่วยหนัก หรือบาดเจ็บจึงต้องมายังที่แห่งนี้ ซึ่งถ้าหากพูดถึงคุณหมอแต่ละคนที่มีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันและมีสามารถเฉพาะที่แตกต่างกัน ทำให้การเลือกกุมารแพทย์นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งความสามารถเฉพาะทางและความสามารถในการเข้ากับลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง

ไม่เพียงแค่เท่านั้น การเลือกคุณหมอที่มีความเหมาะสมกับตัวของเด็ก จะทำให้เด็กมีแนวคิด และทัศนคติที่ดีเวลาที่ต้องมาคลินิก หรือโรงพยาบาล และความกดดันที่ต้องเข้าหาหมอก็สามารถลดลงได้ ส่งผลต่อในอนาคตด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่คุ้นชินกับการมาโรงพยาบาลตั้งแต่เด็กจนโต บางคนอาจกลัวการมาโรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นการเลือกกุมารแพทย์ที่มีความเหมาะสมกับเด็กจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ด้วย

แนะนำ 10 คุณหมอเด็ก กุมารแพทย์คนเก่งที่คุณแม่วางใจ

คุณหมอเด็ก

เรื่องสุขภาพของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนต่างตระหนัก และคำนึงถึงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยามที่ลูกมีอาการป่วย และต้องไปหาหมอ แน่นอนว่าก็ต้องอยากเลือกคุณหมอเฉพาะด้านที่มีความชำนาญ และสามารถเข้ากับเด็กได้เป็นอย่างดี วันนี้ทีมแม่ ABK จึงจะมาแนะนำ กุมารแพทย์เก่ง ๆ ที่เราคัดเลือกมาให้ถึง 10 คน รับรองว่าต้องถูกใจครอบครัวสายสุขภาพอย่างแน่นอน

  1. พญ. กนกแก้ว วีรวรรณ

แพทย์เฉพาะทางด้านกุมารเวชศาสตร์ทั่วไป อเมริกันบอร์ดกุมารเวชศาสตร์ General Pediatrition สำเร็จการศึกษา แพทยศาสตร์บัณฑิตจาก Medical University of South Carolina, SC, USA ตำแหน่งปัจจุบันกุมารแพทย์  โรงพยาบาลอินทรารัตน์

สอบถามข้อมูลตารางออกตรวจ https://www.intrarathospital.co.th/

กุมารแพทย์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.intrarathospital.co.th/doctor-profile/kanokkaew-viravan/

 

  1. พญ. มธุรส ดีสวัสดิ์มงคล

แพทย์เฉพาะทางด้านกุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ สำเร็จการศึกษากุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ, โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ตำแหน่งปัจจุบันกุมารแพทย์  โรงพยาบาลกรุงเทพ

สอบถามข้อมูลตารางออกตรวจ https://www.bangkokhospital.com/doctor/dr-maturos-deeswasmongkol

กุมารแพทย์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.bangkokhospital.com/doctor/dr-maturos-deeswasmongkol

 

  1. นพ. วิชาญ บุญสวรรค์ส่ง

กุมารแพทย์เฉพาะทาง ด้านโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืดและวิทยาภูมิคุ้มกัน จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งปัจจุบันกุมารแพทย์ โรงพยาบาลวิภาราม

สอบถามข้อมูลตารางออกตรวจ https://vibharam.com/doctor-detail.php?list_id=54

คุณหมอเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://vibharam.com/doctor-detail.php?list_id=54

 

  1. นพ. ปรีชา เลาหคุณากร

กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจเด็ก จบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฉพาะทางด้าน Cardiac Arrhythmia, Syncope and Invasive Electrophysiology ตำแหน่งปัจจุบันกุมารแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

สอบถามข้อมูลตารางออกตรวจ https://www.bumrungrad.com/doctors/Preecha-Laohakunakorn?lang=th

กุมารแพทย์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.bumrungrad.com/doctors/Preecha-Laohakunakorn?lang=th

 

  1. นพ. ชัยยศ คงคติธรรม

กุมารเวชศาสตร์สาขาประสาทวิทยา จบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1), โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเฉพาะโรคลมชัก โรคกล้ามเนื้อและเส้นประสาท โรค myasthenia โรคการอักเสบของสมองและไขสันหลังจากภูมิคุ้มกัน รวมถึงการผ่าตัดรักษาโรคลมชัก ตำแหน่งปัจจุบันกุมารแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และหัวหน้าสาขาวิชาประสาทวิทยาคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล

สอบถามข้อมูลตารางออกตรวจ https://www.bumrungrad.com/th/doctors/Chaiyos-Khongkhatithum

กุมารแพทย์

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.bumrungrad.com/th/doctors/Chaiyos-Khongkhatithum

 

อ่านต่อ… แนะนำ 10 คุณหมอเด็ก กุมารแพทย์คนเก่งที่คุณแม่วางใจ ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน บำรุงครรภ์ ไตรมาสแรก

Alternative Textaccount_circle
event
เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน
เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอะไร อาหารชนิดไหนดีต่อสุขภาพทั้งคุณแม่และคุณลูก บำรุงครรภ์ไตรมาสแรก อาหารชนิดไหนควรหลีกเลี่ยง

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน บำรุงครรภ์ ไตรมาสแรก

คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรได้รับโภชนาการที่ดีและครบถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณแม่และลูกในครรภ์ อาหารประเภทไหนที่ช่วยบำรุงครรรภ์ อาหารประเภทไหนที่ไม่ควรรับประทาน ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวมข้อมูล เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน มาฝากคุณแม่ตั้งครรภ์ รายละเอียดมีดังนี้

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน
เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน บำรุงครรภ์ ไตรมาสแรก

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าหญิงตั้งครรภ์ควรกินอาหารให้ครบ 5 กลุ่ม คือ กลุ่มข้าวแป้ง กลุ่มเนื้อสัตว์ กลุ่มผัก กลุ่มผลไม้ และกลุ่มนมเพื่อให้ได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอ สำหรับการเจริญเติบโตของลูกในครรภ์

หญิงตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสต้องการสารอาหารแตกต่างกันไป ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก (อายุครรภ์ 0-3 เดือน) เป็นช่วงที่ทารกมีการสร้างอวัยวะ ยังไม่มีการขยายขนาดของร่างกายมากนัก น้ำหนักตัวคุณแม่อาจเพิ่มขึ้นเพียง 1-2 กิโลกรัม แต่ถ้ามีอาการแพ้ท้อง ก็อาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปบ้าง พลังงานสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับในระยะนี้ใกล้เคียงกับก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกอาการที่แสดงออกคือ การแพ้ท้อง หากแพ้ท้องมากทำให้กินอาหารได้น้อย ควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อย ๆ กินให้บ่อยขึ้น ซึ่งช่วงไตรมาสนี้แนะนำอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เน้นกลุ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์และเกลือแร่ เช่น ผัดผักใส่หมูสับ ต้มจืดตำลึง เป็นต้น กินอาหารให้ครบ 5 กลุ่ม ควบคู่กับการดื่มนมรสจืด 2-3 แก้วทุกวัน เพื่อให้ได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอ สำหรับการเจริญเติบโตของลูกใน

ความต้องการพลังงานและสารอาหารของหญิงตั้งครรภ์

หญิงตั้งครรภ์จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีพลังงาน และสารอาหารสูงกว่าคนปกติคือ

  • พลังงาน ในช่วงไตรมาสแรก หญิงตั้งครรภ์มีความต้องการพลังงานเท่าเดิม

แหล่งอาหาร : ร่างกายได้รับพลังงานส่วนใหญ่จากอาหารกลุ่มข้าวแป้ง เช่น ข้าว เผือก มัน ธัญพืช
ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ วุ้นเส้น ซึ่งให้คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก และกลุ่มไขมันจากพืชและสัตว์เช่น น้ำมันพืช กะทิเนย เป็นต้น

  • โปรตีน มารดาและทารกในครรภ์ต้องการโปรตีนคุณภาพในปริมาณสูง เพื่อสร้างเซลล์และอวัยวะ ทั้งของทารกและของมารดา เช่น การขยายตัวของผนังมดลูก การสร้างรกและสายสะดือ จึงควรได้รับโปรตีนเพิ่มขึ้นจากก่อนตั้งครรภ์ตั้งแต่มีการปฏิสนธิ

แหล่งอาหาร : โปรตีนได้จาก เนื้อสัตว์นม ไข่ ถั่วต่างๆ เต้าหู้ น้ำเต้าหู้

  • แคลเซียม มีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์และการรักษาปริมาณมวลกระดูกของมารดา
    นอกจากนั้นยังช่วยการพัฒนาระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจ หลอดเลือดและช่วยในการแข็งตัวของเลือดควบคุมการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีแคลเซียมสูงได้แก่ นม เป็นแหล่งอาหารที่ดีของแคลเซียมทั้งในด้านปริมาณ
และคุณภาพ แคลเซียมจากน้ำนมถูกดูดซึมได้ดีนอกจากนม ยังมีจากอาหารอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์นม ปลาเล็กปลาน้อย
ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กุ้งฝอย กุ้งแห้ง คะน้า ใบยอ ผักกวางตุ้ง เป็นต้น

  • เหล็ก ความต้องการธาตุเหล็กในระยะตั้งครรภ์เพิ่มมากในช่วงปลายไตรมาสที่1 เนื่องจากมีความต้องการสูงเกินกว่าธาตุเหล็กที่ได้จากอาหารประจำวัน จึงจำเป็นต้องได้รับการเสริมธาตุเหล็กในรูปของยาเม็ดธาตุเหล็กเสริมวันละ 60 มิลลิกรัม นอกจากนั้น หญิงตั้งครรภ์ ที่มีธาตุเหล็กสะสมในร่างกายน้อย จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางอย่างรวดเร็วตั้งแต่ระยะแรกๆของการตั้งครรภ์

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และดูดซึมได้ดีได้แก่ ตับ เลือด เนื้อสัตว์สีแดงเช่น เนื้อหมู
เนื้อวัว เป็นต้น และควรกินร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม เป็นต้น จะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี

  • ไอโอดีน การขาดไอโอดีนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดภาวะพร่องธัยรอยด์ฮอร์โมน เป็นผลให้ทารกในครรภ์
    เกิดความผิดปกติของระดับสติปัญญา การเจริญเติบโตของเซลล์สมองไม่สมบูรณ์ และการพัฒนาระบบประสาทและกล้ามเนื้อบกพร่อง ร่างกายผิดปกติตัวเตี้ย พิการ เป็นใบ้หูหนวก กล้ามเนื้อเกร็ง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โรคเอ๋อ” (Endemic cretinism) ซึ่งเป็นความผิดปกติอย่างถาวรและไม่สามารถแก้ไขได้ถ้าขาดไอโอดีนไม่รุนแรง จะมีผลต่อระดับสติปัญญา และลดความสามารถในการใช้มือและตาของเด็ก ฉะนั้น หญิงตั้งครรภ์จึงควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ และใช้เกลือเสริมไอโอดีน (iodized Salt) รวมทั้งเครื่องปรุงรสเค็มที่เสริมไอโอดีนเช่น น้ำปลา ซอสปรุงรส ซีอิ๊วในการปรุงอาหาร ก็จะเป็นการแน่นอนว่าไม่ขาดไอโอดีน

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีสารไอโอดีนตามธรรมชาติได้แก่ พืชและสัตว์ทะเล

ปลาทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 25-70 ไมโครกรัม

สาหร่ายทะเลแห้ง 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 200-400 ไมโครกรัม

  • วิตามินเอ มีความสำคัญต่อการมองเห็น การเจริญเติบโตของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันการสร้างเม็ดเลือด การเจริญพันธุ์ฯลฯ ถ้าขาดจะทำให้ทารกตายในครรภ์แท้งบุตรได้

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีวิตามินเอสูงเป็นอาหารที่ได้จากสัตว์ ได้แก่ ตับของสัตว์ต่างๆ แหล่งของวิตามินเอจากพืชที่ดีคือพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม และสีเหลืองส้ม เช่น ผักตำลึง ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ฟักทอง มะเขือเทศ มะม่วงสุก มะละกอสุก เป็นต้น

  • วิตามินบี2 (ไรโบฟลาวิน) ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์(coenzyme) ของเอนไซม์หลายชนิด ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ทำให้ร่างกายเติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม ช่วยส่งเสริมระบบประสาท ผิวหนังและตา ช่วยป้องกันเซลล์ถูกทำลาย

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีวิตามินบี2 เช่น ตับไก่ ตับหมูไข่ เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อ ปลา นม ผักหวาน เห็ดหอมสด เป็นต้น

  • วิตามินบี6 (ไพริดอกซีน) มีความสำคัญโดยทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในปฏิริยาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์และการเผาผลาญกรดอะมิโน การสลายไกลโคเจนในกล้ามเนื้อและการสังเคราะห์กลูโคสจากกรดอะมิโนใน กล้ามเนื้อการสังเคราะห์ฮีม (heme)ซึ่งเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงการสังเคราะห์ไนอาซิน (niacin) จากกรดอะมิโนทริปโตเฟน รวมทั้งการสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท เช่น ซีโรโทนิน (serotonin) ทอรีน (taurine) โดปามีน (dopamine) นอร์เอพิเนฟฟริน (norepinephrine) และกรดแกมมาอะมิโนบิวไทริก(GABA)

แหล่งอาหาร : อาหารที่มีวิตามินบี6 เช่น เนื้อสัตว์กล้วย ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่แดง เป็นต้น

  • วิตามินบี12 ร่างกายต้องการวิตามินบี12 สำหรับเผาผลาญสารอาหาร การสังเคราะห์ RNA และ DNA รวมทั้งการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดแดง วิตามิน บี12 มีผลต่อการดูดซึมและการใช้โฟเลตในร่างกายด้วย

แหล่งอาหาร : วิตามินบี12 มีมากในอาหารพวกเครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ต่างๆ หอยนางรม น้ำนมสด ไข่สาหร่าย ถั่วหมัก และซีอิ๊ว เป็นต้น

 

อ่านต่อ…เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน บำรุงครรภ์ ไตรมาสแรก คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อารมณ์คนท้อง

อารมณ์คนท้อง สวิงไปมาเป็นเพราะอะไร คลอดแล้วจะหายหรือเปล่า?

Alternative Textaccount_circle
event
อารมณ์คนท้อง
อารมณ์คนท้อง

อารมณ์คนท้อง – อารมณ์แปรปรวนระหว่างตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย รวมถึงฮอร์โมนคนท้องที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเมื่อตั้งครรภ์ อีกทั้งความรู้สึกไม่สบายตัวและความกังวลโดยทั่วไปเมื่อต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต หากคุณพบว่ามีความผิดปกติของอารมณ์เกิดขึ้น เช่น เดี๋ยวก็รู้สึกมีความสุขแต่สักพักก็รู้สึกอยากร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ แสดงว่าคุณได้เข้าสู่โหมดของอารมณ์ที่แปรปรวนในระหว่างตั้งครรภ์แล้วค่ะ วันนี้เราจะมาดูถึงสาเหตุที่ทำให้คุณอาจประสบกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างตั้งครรภ์ พร้อมวิธีรับมือที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาหม่นหมองเหล่านี้ไปได้ค่ะ

อารมณ์คนท้อง สวิงไปมาเป็นเพราะอะไร คลอดแล้วจะหายหรือเปล่า?

หากคุณเคยสับสนระหว่างความสุขที่แท้จริงและความหดหู่สิ้นหวัง แสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับอารมณ์แปรปรวนระหว่างตั้งครรภ์ แน่นอนสำหรับคุณแม่ที่เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว คงรู้ดีว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่ท้วมท้นไปด้วยความสุขและความเศร้า แต่บรรดาว่าที่คุณแม่ที่ต้องเผชิญกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จากความสุข ไปสู่ความเศร้า ความกลัว หรือความโกรธ จะต้องเรียนรู้ที่จะก้าวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ได้ค่ะ

ข่าวดีสำหรับคุณแม่ที่ต้องรับมือกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยทั่วไปแล้วอารมณ์แปรปรวนระหว่างตั้งครรภ์มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ในที่สุดคุณจะรู้สึกว่าตัวเองกลับมามีอารมณ์ที่สงบอีกครั้งหลังคลอด ในระหว่างนี้ หากคุณอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงรู้สึกหงุดหงิด เกรี้ยวกราด หรือเย็นชาในช่วงเวลาใดๆ ก็ตาม เรามีคำตอบพร้อมเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณจัดการกับสิ่งที่ต้องพบเจอได้ค่ะ

อารมณ์แปรปรวนระหว่างตั้งครรภ์เกิดจากอะไร?

มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้คุณอารมณ์แปรปรวนในระหว่างตั้งครรภ์ ทั้ง ฮอร์โมน การอดนอน และความกลัว ความวิตกกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มีคำอธิบายที่แท้จริงทางร่างกาย สรีรวิทยาและจิตใจ สำหรับพฤติกรรมที่ดูเหมือนเอาแน่เอานอนไม่ได้ คุ้มดีคุ้มร้ายต่างๆ ดังนี้ค่ะ

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน

แน่นอนว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้อารมณ์แปรปรวนในการตั้งครรภ์ คือ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคุณ โดยเฉพาะ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ และสามารถเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 100 เท่า จากระดับปกติ

ฮอร์โมนเอสโตรเจนเกี่ยวข้องกับการสร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin)  หรือ สารแห่งความสุขสงบ คุณอาจรู้ว่าเซโรโทนินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยทำให้คุณรู้สึก “มีความสุข” อย่างไรก็ตาม เซโรโทนิน ไม่ได้เชื่อมโยงกับความสุขโดยตรง แต่ความไม่สมดุลและความผันผวนของสารสื่อประสาทนี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ได้

เอสโตรเจนและเซโรโทนินมีปฏิกิริยาต่อกันอย่างไร ยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะชัดเจนที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกค้นพบ คือ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดความไม่สมดุลทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความวิตกกังวลและความหงุดหงิด มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ในขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนมักจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกมีพลัง ในทางกลับกัน ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผ่อนคลาย

สิ่งที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ส่งผลกระทบต่อร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ คือ มันจะบอกให้กล้ามเนื้อบางส่วนของคุณคลายตัว เพื่อป้องกันการหดตัวของมดลูกก่อนเวลาที่เหมาะสม การผ่อนคลายของกล้ามเนื้อยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้หญิงมีอาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากโปรเจสเตอโรนไม่ได้ทำหน้าที่แค่ในกล้ามเนื้อมดลูกเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อระบบลำไส้ด้วย และเมื่อลำไส้ของคุณทำงานได้ช้าลง อาจส่งผลให้คุณมีอาการท้องผูกได้

คนท้องอารมณ์แปรปรวน
คนท้องอารมณ์แปรปรวน

สำหรับผู้หญิงบางคน ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนทำให้รู้สึก “ผ่อนคลาย” มากเกินไป นี่อาจหมายถึงความรู้สึกเซื่องซึมเหนื่อยล้าและรู้สึกหดหู่ ที่สำคัญโปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่ทำให้คุณร้องไห้ฟูมฟายได้กับเรื่องสะเทือนใจแม้เพียงเล็กน้อย

  • ความเหนื่อยล้าและการอดนอน

ในช่วงไตรมาสแรกและโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ การอดนอนสามารถเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับอารมณ์ที่ไม่แน่นอนและทำให้ทุกอย่างระเบิดอารมณ์ออกมาได้ ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์คุณจะรู้สึกเหนื่อยและเพลียมากกว่าปกติ แม้ว่าจะนอนเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกเพลีย ผลกระทบของการพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้ง ร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพยายามจัดการภาระผูกพันในชีวิตที่ต้องเจอทั้งหลาย

  • แพ้ท้อง

อาการแพ้ท้อง ทำให้เกิดอาการทางร่างกายที่รุนแรง แต่ก็สามารถส่งผลทางจิตใจได้เช่นกัน  การวิ่งหาห้องน้ำหรือถุงเปล่าไม่ใช่เรื่องน่าสนุก และความกังวลที่คุณอาจต้องอาเจียนอย่างกะทันหันในที่ที่มีผู้คนอยู่มากมาย หรือระหว่างการเดินทาง อาจส่งผลต่ออารมณ์ของคุณได้เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำๆ ความเครียดจากความกังวลว่าอาการคลื่นไส้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่สามารถขัดขวางความคิดที่สงบสุขของคุณและทำให้ความเครียดและความเศร้าเพิ่มขึ้นได้

  • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

ร่างกายที่เปลี่ยนไปของคุณอาจทำให้คุณน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกยินดีหรือโกรธ แม้บางคนจะชอบดูพุงที่ขยายออกและโตขึ้นอย่างมีความสุขในแต่ละไตรมาส แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่อาจรู้สึกท้อแท้เมื่อมองดูร่างกายของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปมากจนบางครั้งคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ ว่าหุ่นสวยๆ ของตัวเองจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกไหม

  • ความวิตกกังวลและความเครียด

คุณอาจกำลังประสบกับความวิตกกังวลโดยทั่วไปเกี่ยวกับการต้องเป็นแม่คน ความเครียดเกี่ยวกับการปรับชีวิตและเรื่องเงินๆ ทองๆ  ตลอดจนคำพูดของคนรอบข้างที่มากระทบจิตใจ  เช่นทำไมท้องเล็กจัง โอยผมร่วงเยอะเลยนะเธอ อาจทำให้คุณรู้สึกกังวล หรือหงุดหงิดใจได้เช่นกัน ที่สำคัญความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการคลอดอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเครียดได้ ความกลัวเกี่ยวกับการคลอดบุตรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและมีเหตุผล แต่ก็อาจบานปลายจนเป็นเรื่องใหญ่โตได้ เป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกว่าตัวเองคุ้มดีคุ้มร้าย ในขณะที่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดจากการหดตัวหรืออนาคตของแผลฝีเย็บของคุณตลอดไป  บ้างก็คิดว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นให้กังวลใจได้ไม่รู้จบ โดยเฉพาะคุณแม่ท้องแรกที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน

นอกจากนี้ หากคุณเคยประสบกับภาวะแทรกซ้อนหรือการแท้งบุตรในอดีต ความวิตกกังวลของคุณไม่เพียงเป็นที่เข้าใจได้เท่านั้น แต่ยังต้องเสียภาษีทางอารมณ์อีกด้วย การพูดคุยกับ OB ของคุณเมื่อมีข้อกังวลปรากฏขึ้นจะช่วยบรรเทาความกระวนกระวายใจเหล่านี้ได้

ปกติหรือไม่ที่จะรู้สึกเกรี้ยวกราด ระหว่างตั้งครรภ์?

ผู้หญิงบางคนรู้สึกหงุดหงิดและถึงกับระเบิดอารมณ์ได้อย่างรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างที่ทราบกันว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อารมณ์แปรปรวน เช่นเดียวกับที่ผู้หญิงบางคนรู้สึกหงุดหงิดก่อนมีประจำเดือนทุกเดือน ซึ่งผู้หญิงคนเดียวกันนี้อาจต้องต่อสู้กับความรู้สึกหงุดหงิดและโมโหและฉุนเฉียวระหว่างตั้งครรภ์

นอกจากนี้ เมื่อคุณรู้สึกไม่สบาย ความสามารถในการสงบสติอารมณ์ก็จะลดลง ผลที่ตามมาคือ ความเหนื่อยล้าของการตั้งครรภ์และความรู้สึกไม่สบายทางร่างกายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความโกรธขณะตั้งครรภ์ การต้องคอยควบคุมอารมณ์เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ท้าทายเสมอ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความรู้สึกหงุดหงิดเป็นครั้งคราวอาจเป็นเรื่องปกติของคนท้อง แต่อย่าเพิกเฉยต่อความโกรธเหล่านี้หากว่ามันเกิดขึ้นบ่อยเกินไปจนรบกวนความสามารถในการรับมือกับชีวิตประจำวันของคุณ ที่สำคัญมีงานวิจัยบางชิ้นพบว่าความโกรธระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าอารมณ์เครียดและอารมณ์โกรธก่อนคลอดมีความเชื่อมโยงกับอัตราการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ที่ลดลง นั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของการที่ใครๆ ก็ตามบอกคุณตอนตั้งครรภ์ว่าพยายามอย่าเครียดกับชีวิตให้มากนักนั่นเองค่ะ

อ่านต่อ…อารมณ์คนท้อง สวิงไปมาเป็นเพราะอะไร คลอดแล้วจะหายหรือเปล่า? ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565

ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ รวมไว้ให้ครบ

Alternative Textaccount_circle
event
ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565
ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565

อัปเดต ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนเด็กประถม คือ สถานที่ให้ความรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับลูกหลานของเหล่าผู้ปกครอง ซึ่งเมื่อกฎหมายกำหนดอายุเข้าศึกษาภาคบังคับ ดังนั้นค่าเทอมโรงเรียนประถมจึงเป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับทุกครอบครัว ยกเว้นแต่ว่าครอบครัวจะวางแผนการศึกษาแบบทางเลือกอย่างโฮมสคูลที่เน้นการเรียนรู้จากที่บ้านไว้ให้แก่ลูกหลาน

ปัจจุบัน หลักสูตรสำหรับการศึกษามีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากโรงเรียนที่มีการสอนแบบไทย ๆ มีวิชาบังคับที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกชื่อวิชาคุ้น ๆ และมีเนื้อหาสาระที่ตนเคยได้ผ่านการเรียนรู้มาก่อนแล้ว ยังมีหลักสูตรนานาชาติ หรือหลักสูตรทางเลือกที่เน้นการเล่นหรือการทดลอง เพื่อมาเป็นตัวเลือกให้ในการฝากฝังบุตรหลานเพื่อการเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่นที่ดี

ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ รวมไว้ให้ครบ

ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565

ทำไมต้องทราบค่าเทอมก่อน

ค่าเทอมสำหรับบุตรหลานเป็นค่าใช้จ่ายประเภทหนึ่ง ซึ่งหากไม่มีการวางแผนที่ดีอาจจะทำให้สภาพคล่องในการหมุนเวียนเงินของผู้ปกครองมีปัญหาได้ และทำให้ความสุขในครอบครัวลดลงจากความกดดันและความเครียดที่เกิดกับผู้ปกครองที่ต้องพยายามหาเงินมาชำระค่าเทอม

ค่าเทอมจัดเป็นค่าใช้จายจำเป็น ซึ่งควรคำนวณแล้วอยู่ในมูลค่าใช้จ่าย 50% ต่อเดือนสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นทั้งหมด ปกติแล้วค่าเทอมจะมีเงื่อนไขให้ชำระ 2-3 ครั้งต่อปี และเป็นไปได้ที่ทางโรงเรียนอาจมีการประกาศปรับเพิ่มในภายหลัง การวางแผนค่าเทอมจึงอาจทำจากรายได้ประมาณการณ์ต่อปี แล้วเทียบกับค่าเทอมที่ชำระรายปี

ตั้งแต่ก่อนมีลูก หรือลูกยังเป็นทารก หลาย ๆ คนมองข้ามการตรวจสอบตัวเลขค่าเทอมโรงเรียนเด็กประถม แต่จริง ๆ แล้วควรทำไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะช่วยในการเตรียมเงินเก็บตามงบประมาณไว้ล่วงหน้า รวมไปถึงเข้าใจรายละเอียดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจมีมาพร้อมกับค่าเทอม เช่น ค่าเดินทาง ค่าเรียนพิเศษ ค่าอาหารกลางวัน ซึ่งบางโรงเรียนบังคับเก็บ

 

ปัจจัยสำคัญในการเลือกโรงเรียนเด็กประถม

  • คุณภาพการศึกษา

โรงเรียนต้องได้รับการรับรองหลักสูตรอย่างถูกต้อง คุณครูผ่านการอบรมในสาขาวิชาที่สอน อาจมีรายละเอียดข้อมูลคะแนนสอบต่าง ๆ หรือการสอบเข้าศึกษาต่อในเว็บไซด์หรือตามสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปกครองตรวจสอบได้ถึงผลสัมฤทธิ์ในการสอนทางด้านวิชาการที่เป็นผลมาจากการดูแลของโรงเรียน นอกจากนี้ อาจมองหาผลงานนักเรียนในลักษณะวัตถุ เช่น งานประดิษฐ์ หรืองานศิลปะ ที่แสดงถึงการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรม

  • ความปลอดภัย

ภายในโรงเรียนหรือพื้นที่บริเวณรอบโรงเรียนไม่ควรมีจุดเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เช่น สระว่ายน้ำที่ไม่มีคนดูแลหรือประตูที่กั้นคนเข้าออกตอนไม่มีเรียน บันไดที่สูงชันเกินไป ถังเก็บน้ำที่สามารถเข้าถึงได้ เครื่องเล่นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ในการผ่านเข้าออก หรือรับส่งลูก ควรจะต้องมีมาตรการที่ทำให้เด็กปลอดภัยจากบุคคลแปลกหน้า หรือการหลงออกไปจากโรงเรียนเสียเฉย ๆ โดยไม่มีคนรับรู้ แต่ละชั้นเรียนควรมีบุคคลติดต่อประสานงานหรือระบบข้อมูลที่ทำให้ตามตัวเด็กในโรงเรียนหรือรู้ว่าออกจากโรงเรียนแล้ว

  • การส่งเสริมกิจกรรม

กิจกรรมแสดงถึงการพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ นอกจากความรู้ทางวิชาการ ทั้งทักษะงานฝีมือ ทักษะการเข้าสังคม ทักษะการทำงานเป็นทีม กิจกรรมทำให้เด็กสามารถค้นหาตัวเองเจอได้เร็ว มีความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเอง และทำให้ผู้ปกครองเห็นแนวทางที่จะช่วยพัฒนาเด็กต่อไปตามแต่ทักษะที่เขามี  

  • การเดินทาง

เด็กประถมในช่วงวัยเริ่มต้นเข้าเรียนในโรงเรียนประถม มักจะง่วงนอนตอนกลางวันอยู่บ้าง และเหนื่อยง่ายในช่วงเช้าหรือเย็นหากชั่วโมงเรียนนาน หรือมีการเรียนพิเศษในตอนท้าย เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี อีกทั้งช่วยให้ควบคุมหรือดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ดี ควรเลือกโรงเรียนที่สามารถไปกลับได้สะดวก โดยปัจจุบันการเดินทางในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถเลือกเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้าที่ทำให้หลบเลี่ยงรถติดได้ดี และปลอดภัยสำหรับเด็กบางคนที่ผู้ปกครองจะฝึกให้ไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียนเองในอนาคต

  • สภาพแวดล้อม

ตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ต้องทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย มีการบูรณะให้ดูดีและอุปกรณ์ทุกอย่างใช้งานได้ ห้องน้ำสะอาด โต๊ะและเก้าอี้มีขนาดและทำจากวัสดุที่เหมาะสม มีการระบายอากาศที่ดีในห้องเรียน มีเส้นทางที่ใช้หนีไฟในกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ มีความร่มรื่นและพื้นที่สำหรับให้เด็กทำกิจกรรม รวมไปถึงอาจมีสถานที่จอดรถ หรือจุดจอดรถเพื่อรับส่งที่เข้าถึงได้อย่างสะดวก

 

10 โรงเรียนประถมยอดนิยมของผู้ปกครอง

บทความนี้ขอนำเสนอโรงเรียนยอดนิยม และมีผลการสอบวัดระดับประเทศอยู่ในระดับแนวหน้า โดยมีทั้งโรงเรียนที่รับนักเรียนเข้าแบบสห (ทั้งหญิงและชาย) โรงเรียนหญิงล้วน และโรงเรียนชายล้วน

  • เซนต์โยเซฟคอนแวนต์

โรงเรียนหญิงล้วนเก่าแก่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี ในระดับชั้นประถมศึกษาได้มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น สังคมเพื่อน ๆ ในโรงเรียนอบอุ่น คุณครูดูแลนักเรียนดี กฎระเบียบมีความเข้มงวด เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่ในระดับประถมผลิตเด็กดีและเก่ง ค่าเล่าเรียนรวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ ประมาณ 80,000 บาทต่อปีตอนเข้าชั้น ป. 1 และชำระประมาณ 70,000 บาทต่อปีเมื่อศึกษาระดับชั้น ป.2-6

เว็บไซต์โรงเรียน: http://www.sjc.ac.th/

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-631-0085

ค่าเทอมประถม

ที่มารูปภาพ: http://sjc.ac.th/

 

  • ราชินี

อีกหนึ่งโรงเรียนเก่าแก่สำหรับเด็กผู้หญิง เป็นโรงเรียนที่บ่มเพาะลักษณะนิสัยและมารยาทที่ดี มีกิจกรรมเสริมสร้างความมั่นใจและสนับสนุนการลงมือปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้สำเร็จอย่างหลากหลายตลอดทั้งปี ค่าเทอมประมาณ 30,000 บาทต่อเทอม หรือ 60,000 บาทต่อปี

เว็บไซต์โรงเรียน: www.rajini.ac.th

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-221-1501

ค่าเทอมประถม

ที่มารูปภาพ: https://th.wikipedia.org/

 

  • สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม)

โรงเรียนสหที่มีศิษย์เก่าชื่อดังหลายแขนง สร้างคนอย่างต่อเนื่องให้มีความพร้อมทางวิชาการและคุณธรรม ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายจิปาถะประมาณปีละ 30,000 – 40,000 บาท 

เว็บไซต์โรงเรียน: https://satite.chula.ac.th/

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-2182746

ค่าเทอมประถม

ที่มารูปภาพ: https://satite.chula.ac.th/

 

อ่านต่อ… ค่าเทอมโรงเรียนประถม 2565 โรงเรียนไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ รวมไว้ให้ครบ ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

วิตามินซีสำหรับเด็ก

10 วิตามินซีสำหรับเด็ก เสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคหวัด

Alternative Textaccount_circle
event
วิตามินซีสำหรับเด็ก
วิตามินซีสำหรับเด็ก

ร่างกายของคนเราสามารถรับสารอาหารและวิตามินได้จากการรับประทานอาหาร แต่ในช่วงวัยเด็ก การได้รับสารอาหารในแต่ละมื้ออาหารนั้น อาจไม่เพียงพอหรือได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน เพราะเด็กแต่ละคนอาจรับประทานอาหารมากน้อยแตกต่างกัน จึงทำให้การได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่างกายของเด็กขาดสารอาหารที่จำเป็นได้ ดังนั้นตัวเลือกวิตามินเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพิ่มเติมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเกราะป้องกันโรคหวัด ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในช่วงฤดูฝนนี้ โดย วิตามินซีสำหรับเด็ก เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย

10 วิตามินซีสำหรับเด็ก เสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคหวัด

วิตามินซีสำหรับเด็ก

ประโยชน์ของวิตามินซี

วิตามินซี เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสร้างกระดูกและฟัน นอกจากนี้ หากเด็กได้รับวิตามินซีไม่เพียงพออาจส่งผลต่อพัฒนาการ เจ็บป่วยง่าย เป็นโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดวิตามินซี มีเลือดออกตามไรฟัน และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งแต่ละวัน เด็กควรได้รับวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 50-100 มิลลิกรัม ถ้าเด็กที่บ้านเลือกกิน กินยาก ไม่ชอบกินผักผลไม้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงกังวลกลัวว่าลูกจะขาดสารอาหาร เพราะฉะนั้นการเลือก วิตามินซีสำหรับเด็ก ถือเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่จะปกป้องเขาไม่ให้เกิดภาวะขาดวิตามินซี

 

  1. Biopharm vitamin C gummy

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรสส้มและรสสตรอเบอร์รี่  ป้องกันหวัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมวิตามินซี กลิ่นหอมผลไม้อร่อยมีประโยชน์ รับประทานง่าย 1 เม็ดมีวิตามินซี 30 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัวที่ไม่ชอบรับประทานอาหารเสริมชนิดเม็ด เพราะมาในรูปแบบเม็ดเคี้ยว การรับประทานเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนทุกครั้ง และควรทานแต่พอดี ไม่ควรทานเกินวันละ 4 ชิ้น เนื่องจากมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม

วิตามินซีสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://biopharm.co.th/product/gummy-vit-c/

 

  1. HICEE 100

เป็นวิตามินซีชนิดเม็ด มีรสเปรี้ยวอมหวานรับประทานง่าย ในแต่ละเม็ดประกอบด้วยวิตามินซี 100 มิลลิกรัม ในเด็กรับประทานวันละ 1 เม็ด ใช้ในคนที่มีภาวะขาดวิตามินซี โรคเลือดออกตามไรฟันและโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดวิตามินซี

วิตามินซีสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.hicee.co.th/product2.php

 

  1. Nature care (Bio C)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร superfruit ตระกูลเบอร์รี่ เอลเดอร์เบอร์รี่ อะเซโรล่า เซอร์รี่ รวมสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง Beta Glucan สกัดจากยีสต์ ช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ อาการหวัด ปรับสมดุลของระดับอินซูลินและคอเลสเตอรอล Citrus Bioflavonoid พืชตระกูลส้มช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนโลหิตให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง Vitamin B1 B6 B12 เสริมสร้างการเจริญเติบโต การย่อยอาหาร และเสริมสร้างการรู้สึกอยากอาหาร  มาในรูปแบบเม็ดเคี้ยวรับประทานง่าย

วิตามินซีสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://bscnaturecare.com/

 

  1. Mega (NAT C yummy gummy)

ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซี มาในรูปแบบเจลาตินเคลือบน้ำตาลเคี้ยวหนึบกลิ่นส้ม ใช้เคี้ยวและกลืน เพื่อเสริมวิตามินซี วันละ 2 ชิ้น ใน 1 ชิ้นมีวิตามินซี 30 มิลลิกรัม รับประทาน 2 ชิ้นต่อวัน

วิตามินซีสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.megawecare.co.th/product/23439-22029/nat-c-yummy-gummyz

 

อ่านต่อ… 10 วิตามินซีสำหรับเด็ก เสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคหวัด ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

วิธีเอาตัวรอด การแก้ปัญหา

3 วิธีเอาตัวรอด จากภัยร้ายที่พบบ่อยสำหรับ “เด็กเล็ก”

Alternative Textaccount_circle
event
วิธีเอาตัวรอด การแก้ปัญหา
วิธีเอาตัวรอด การแก้ปัญหา

วิธีเอาตัวรอด เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน จะดีไหมหากเราสอนลูกให้มีทักษะเหล่านี้ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้ช่วยเหลือตัวเองได้หากต้องไปประสบกับภัยร้ายเข้า

3 วิธีเอาตัวรอด จากภัยร้ายที่พบบ่อยสำหรับ “เด็กเล็ก”

ทักษะการแก้ปัญหาในเด็ก เป็นทักษะที่มีความจำเป็นอย่างมากในโลกยุคปัจจุบัน ในยุคที่เด็กต้องก้าวออกสู่สังคม และการเผชิญชีวิตด้วยตนเองเร็วขึ้นกว่าเด็กในสมัยก่อนมากนัก ในยุคก่อน เด็กจะเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเมื่ออายุครบ 7 ปีบริบูรณ์ (เด็กประถม) แม้ว่าในปัจจุบัน ข้อกำหนดยังคงเป็นเงื่อนไขเดิม แต่ค่านิยมของสังคมกลับก้าวเร็วไปกว่าข้อกำหนด กฎเกณฑ์นั้น ๆ ทำให้เรามักจะพบว่า เด็กต้องเข้าเรียนในชั้นอนุบาลกันแทบทุกคน ซึ่งทำให้เด็กอายุเพียง 3-6 ขวบ ก็ต้องออกมาเผชิญโลกกว้างกันเสียแล้ว และในเด็กบางคนที่ต้องดูแลตัวเองให้ได้ เพราะความจำเป็นเรื่องเวลาที่พ่อแม่ไม่อาจดูแลลูกได้ตลอดเวลาเหมือนดั่งแต่ก่อน

ดังนั้นโอกาสที่เด็กเล็กจะได้เผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ จึงมีความเป็นไปได้สูง เช่น การที่เด็กเล็กต้องนั่งรถโรงเรียนมาโรงเรียนเองแต่เช้า เด็กมีโอกาสที่ต้องอยู่ลำพัง หรือพบปะกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมากกว่าเด็กสมัยก่อนที่อยู่บ้าน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้การสอนให้ลูกมีทักษะติดตัว ในเรื่องของการแก้ปัญหาจึงเป็นทักษะที่จำเป็นที่เราพ่อแม่ ควรสอนให้ลูกมีความฉลาดแก้ปัญหา (AQ: Adversity Quotient) ทำให้ลูกรู้จัก วิธีเอาตัวรอด ได้เมื่อเกิดภัยร้ายมาถึงตัวด้วยตนเอง

เด็กเล็ก เก่งกว่าที่พ่อแม่คิด สอน วิธีเอาตัวรอด เมื่อยามภัยมาได้
เด็กเล็ก เก่งกว่าที่พ่อแม่คิด สอน วิธีเอาตัวรอด เมื่อยามภัยมาได้

3 ทักษะ วิธีเอาตัวรอด ที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็ก !!

พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสมอง การเรียนรู้ และพัฒนาการเด็ก แนะพ่อแม่ควรสอนลูกถึงทักษะที่จำเป็น 3 ทักษะในปัจจุบันที่เอาไว้ใช้ในการเอาตัวรอดจากภัยร้ายได้ ในการให้สัมภาษณ์ ดังนี้

กุมารแพทย์ แนะ 3 ทักษะจำเป็นของเด็กเล็ก เอาตัวรอดและป้องกันความสูญเสียจากเหตุจมน้ำ ถูกลืมในรถ และป้องกันถูกลักพาตัว

วันนี้ (1 ก.ย.2565) พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสมอง การเรียนรู้ และพัฒนาการเด็ก ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ ในประเด็นทักษะที่ลูกต้องมี เอาตัวรอดเมื่อมีภัยเข้ามาใกล้ตัว

ก่อนพาลูกเข้าโรงเรียนนอกจากสอนเรื่องการช่วยเหลือตัวเอง กินข้าว เข้าห้องน้ำเองแล้ว ปัจจุบันอาจต้องสอนทักษะเอาตัวรอดด้วย นั้นเพราะอันตรายใกล้ตัวลูกกว่าที่คิด ฉะนั้นพ่อแม่จำเป็นต้องเสริมเกราะป้องกันภัยให้ลูก

ที่มา : https://news.thaipbs.or.th

ทักษะแรก : ทักษะ วิธีเอาตัวรอด “บนรถโรงเรียน”

อย่างที่เห็นในข่าวให้บ่อย ๆ ในเรื่องการ ลืมเด็กบนรถ นั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่ามักเกิดเหตุการณ์ให้เราได้สะเทือนใจกันซ้ำซาก!! ความสูญเสียบน ความประมาท เผลอเรอ เรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ก็กลับพบสถิติของการลืมเด็กในรถไม่น้อยเลยทีเดียว ย้อนไปดูคดีต่าง ๆ  ที่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา พบว่า ตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงเคสล่าสุดนี้ กรณีเด็ก 7 ขวบที่ชลบุรีที่เสียชีวิตในรถ มีเคสที่เคยเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยอีก 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2555-2559 เป็นเด็กหญิง 2 คน เด็กชาย 2 คน (อายุ 3 ขวบ – อายุ 4 ขวบ) เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ทั้ง สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช กาฬสินธุ์ และชลบุรี

ทักษะการเอาตัวรอดบนรถโรงเรียน จึงเป็นทักษะที่พ่อแม่ควรสอนลูกเอาไว้ให้ได้ใช้ในยามที่เกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้า อย่างน้อยอาจเป็นการหยุดการสูญเสียชีวิตเด็กได้ โดยไม่ต้องมานั่งเฝ้ารอมาตรการใด ๆ จากผู้ใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะมีมาตรการที่ชัดเจน เป็นระบบให้สามารถหยุดข่าวเศร้านี้ได้เมื่อไหร่

รถโรงเรียน เด็กติดในรถ
รถโรงเรียน เด็กติดในรถ

อย่าลืมสอนลูกให้….เมื่อครูลืม เหลือหนูไว้คนเดียวบนรถ

  • สอนลูกให้ปลดล็อกประตูให้เป็น แม้ว่ารถแต่ละคันจะมีลักษณะของตัวล็อกประตูหน้าตาไม่เหมือนกันนัก แต่การสอนให้ลูกรู้จักวิธีการปลดล็อกไว้บ้าง ก็เป็นการช่วยให้ลูกรู้วิธีที่จะออกจากรถได้ ทางที่ดีหากสามารถสอนลูกปลดล็อกประตูรถตู้ที่ตนเองนั่งประจำได้จะเป็นการดีที่สุด แต่การสอนแบบนี้จะช่วยให้ลูกสามารถรู้ วิธีเอาตัวรอด ได้ในทุกสถานการณ์ไม่เพียงแต่รถโรงเรียน
  • ให้ลูกรู้จักเปิดหน้าต่างรถ หน้าต่างรถก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เด็กจะสามารถเปิดออกจากภายในรถได้ เมื่อถูกลืม ทำให้สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือ และยังเป็นการระบายอากาศที่ร้อนอบอ้าวหากในระหว่างนั้นยังไม่มีผู้ใหญ่มาพบเห็นได้อีกด้วย
  • หากเป็นเด็กเล็ก ไม่สามารถเปิดประตูรถตู้บานใหญ่ด้านหลังได้ สอนให้เขารู้จักปีนมาข้างหน้าส่วนคนขับ เพื่อเปิดประตูหน้าที่เป็นประตูที่เปิดง่ายกว่า แต่อย่าลืมกำชับลูกว่าห้ามทำขณะรถวิ่ง และใช้ในกรณีฉุกเฉินที่ถูกลืมไว้ในรถเท่านั้น
  • ให้ลูกสังเกตรูปแตรรถ หรือให้รู้ว่าเมื่อถูกลืมในรถให้กดแตรรถให้เสียงดัง ๆ กดค้างไว้เลยยิ่งดี เพราะแตรรถเป็นส่วนที่หากดับเครื่องยนต์แล้วก็ยังสามารถทำงานได้ หากเป็นเด็กเล็กที่ไม่มีแรงพอ อาจสอนให้เขาใช้ข้อศอก หรือกดสองมือเพื่อช่วยให้มีแรงได้ อย่าลืมให้ลูกได้ลองทำด้วย พ่อแม่จะได้ดูว่าเขาสามารถมีแรงพอในการกดแตรรถไหม และตำแหน่งแตรของรถแต่ละคันอาจไม่เหมือนกัน
  • มีเครื่องมือสื่อสาร หรือติดตามตัวให้ลูกพกไว้ ถ้าพ่อแม่สามารถให้ลูกพกโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาโทรศัพท์ได้ หรือจีพีเอสติดตามตัวได้ อย่าลืมสอนให้ลูกรู้จักวิธีการใช้งาน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน สอนให้เขารู้จักโทรศัพท์มาหาพ่อแม่ และต้องเตรียมเบอร์ฉุกเฉินสำรองไว้ให้ลูกด้วยเผื่อกรณีที่พ่อแม่ไม่ทันได้รับสาย หรือติดธุระ เด็กจะได้โทรหาได้

สังคมเรียกร้อง ขอระบบป้องกันการลืมเด็กในรถที่ดี

พญ.พรนิภา ยังได้ยกตัวอย่างระบบสาธารสุข การผ่าตัด ที่ได้ปรับเปลี่ยน นำระบบการตรวจเช็กที่ดีเข้ามาเสริมเพื่อป้องกันปัญหาการลืมผ้าก๊อซ อุปกรณ์การแพทย์ไว้ในท้องคนไข้ โดยใช้ระบบการขาน จด ให้คนที่มีหน้าที่นับจำนวนผ้าก๊อซที่แกะใช้ และนับอีกครั้งหลังจบการผ่าตัว ก่อนปิดช่องท้อง ถ้าผ้าก๊อซไม่ครบต้องหาให้ครบถึงจะเย็บปิดช่องท้องได้ ทำให้ปัจจุบันไม่ค่อยเจอกรณีลืมผ้าก๊อซ หรืออุปกรณ์การแพทย์ไว้ในท้องคนไข้เท่าสมัยก่อน  ดังนั้นจึงเชื่อว่า “ทุกอย่างสามารถป้องกันได้ หากมีระบบที่ดี และทุกคนปฎิบัติตาม การป้องกันไว้ก่อนจึงสำคัญ”

จากเหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นหลายครั้ง เรามาดูมาตรการป้องกันของแต่ละโรงเรียนกันว่า ได้เพิ่มมาตรการเพื่อลดความสูญเสียเรื่อง การลืมเด็กในรถโรงเรียน กันอย่างไร หากโรงเรียนที่ลูกเราเรียนอยู่ยังไม่พบมาตรการในลักษณะนี้จะได้เรียกร้องขอเพิ่มมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ โดยดูตัวแบบจากโรงเรียนตัวอย่างดังต่อไปนี้ได้ ใส่ใจสักนิดเพื่อความปลอดภัยของลูกเรา

ตัวอย่างมาตรการของโรงเรียนสอนเด็กเมื่อถูกลืมในรถโรงเรียน

โรงเรียนอนุบาลโรจน์จิราภา กับกิจกรรมซ้อมบีบแตรในรถโรงเรียน 

กิจกรรมซ้อมบีบแตรในรถโรงเรียน
กิจกรรมซ้อมบีบแตรในรถโรงเรียน

 

เทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า กับการสอนวิธีเด็กเอาตัวรอด เมื่อติดในรถ ป้องกันเหตุสลดซ้ำรอย
จากข่าวสะเทือนใจ กรณีเด็กติดอยู่ในรถตู้โรงเรียน แล้วเสียชีวิต เหตุเกิดที่ จ.ชลบุรี ทางเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้ตระหนักถึงเหตุการณ์ดังกล่าวและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก จึงได้จัดการอบรมสอนเด็กๆ ถึงวิธีฝึกเด็กเอาตัวรอด เมื่อติดอยู่ในรถ โดยสอนให้เด็กได้รู้ว่า ตำแหน่งของแตรรถอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะได้กดหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แม้ว่ารถจะไม่ได้ติดเครื่อง เพื่อให้คนได้ยินและเข้าช่วยเหลือ

 

โรงเรียนเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า ซักซ้อมเด็กนักเรียนหากเกิดเหตุการณ์ ลืมเด็กในรถ
โรงเรียนเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า ซักซ้อมเด็กนักเรียนหากเกิดเหตุการณ์ ลืมเด็กในรถ ที่มาภาพ 3PlusNews

โรงเรียนบริบูรณ์วิทยา กับมาตรการเปิดประตูรถโรงเรียนหลังส่งนักเรียนเสร็จ

หลังจากรับนักเรียนเข้ามาในโรงเรียนในตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว คุณลุงขับรถตู้จะเปิดประตูรถ และทำความสะอาดรถทุกคัน เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับนักเรียนทุกคน ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด…หลายปีที่ผ่านมาและจะรักษากฎระเบียบเช่นนี้ตลอดไป

ขอขอบคุณภาพจาก รร.บริบูรณ์วิทยา
ขอขอบคุณภาพจาก รร.บริบูรณ์วิทยา

อ่านต่อ>> ทักษะเอาตัวรอดจากคนแปลกหน้า และการจมหน้า และวิธีสอนลูกรู้จักการแก้ปัญหา คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ของใช้เด็กแรกเกิด

10 ไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ฟังก์ชั่นครบตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่

Alternative Textaccount_circle
event
ของใช้เด็กแรกเกิด
ของใช้เด็กแรกเกิด

คุณแม่ยุคนี้ที่ต้องเลี้ยงลูกน้อยวัยแบเบาะ อาจจะมีความกังวลสารพัดเรื่อง ไหนจะป้อนนม ไหนจะกล่อมนอน ไหนจะพาออกนอกบ้าน ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวนี้ไอเทมดูแลลูกน้อยที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยจะเป็นตัวช่วยคุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ 10 ไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ให้คุณแม่ลองเก็บไว้เป็นช้อปปิ้งลิสต์ บอกเลยว่าฟังก์ชั่นแน่น ช่วยเบาแรงเบาใจคุณแม่ขึ้นเยอะแน่นอน และที่สำคัญยังได้รับการันตีคุณภาพรางวัล จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยค่ะ

ของใช้เด็กแรกเกิด ถุงเก็บน้ำนม Cleanimom

1. ถุงเก็บน้ำนม Cleanimom

ตัวช่วยคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยวัยกำลังดื่มนมจากอก คือต้องมีถุงเก็บน้ำนมคุณภาพดีไว้ใช้นะคะ ถุงเก็บนมแม่ Cleanimom โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการผลิตและฆ่าเชื้อโรคที่ทันสมัย มาในรูปแบบถุงทึบแสงแบบซิปล็อก 2 ชั้น ที่ล็อกน้ำนมให้อยู่ในถุง เก็บคุณภาพของน้ำนม ป้องกันไม่ให้น้ำนมไหลออกมา และปิดสนิทไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปด้านใน ผลิตจากวัสดุฟู้ดเกรด ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง ที่สำคัญคือหนาเป็นพิเศษถึง 90 Micron ซึ่งมากกว่าถุงน้ำนมทั่วไป จึงสามารถป้องกันอากาศและความชื้นได้ดี ใช้งานได้ในอุณหภูมิตั้งแต่ -20 ถึง 110 องศาเซลเซียส จึงสามารถอุ่นด้วยเครื่องอุ่นนมได้เลย นอกจากนี้ยังพิมพ์ลายน่ารักน่าใช้ด้วยนะ คุณแม่ที่ตั้งใจอยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ของใช้เด็กแรกเกิด ชิ้นนี้แนะนำให้ซื้อเตรียมไว้สำหรับพร้อมใช้หลังคลอดลูกกันนะคะ ถุงเก็บนมแม่ Cleanimom ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids 2021 ด้วยรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BREAST MILK STORAGE BAGS

ข้อมูลเพิ่มเติม ถุงเก็บน้ำนม Cleanimom

รถเข็นเด็ก Cooper

2. รถเข็นเด็ก Cooper

พาลูกน้อยออกจากบ้านไปเจอกับโลกกว้างได้อย่างสบายใจ ต้องมองหารถเข็นเด็กฟังค์ชั่นตอบโจทย์การใช้งานซักคันนะคะ สำหรับแบรนด์ Cooper ตัวนี้เป็นรุ่นคลาสสิค ที่ดูเรียบหรูด้วยดีไซน์จากเยอรมนี หลังคาปรับได้ 3 ระดับ มีช่องมองเด็กด้านบน ลูกจึงมองเห็นหน้าคุณแม่ได้ตลอดเวลา ด้านหลังมีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เข็นลื่นไม่สะดุด ล้อหน้าหมุน 360 องศา ระบบเบรคอยู่ล้อหลังเหยียบทีเดียว ส่วนที่นั่งภายในมีเข็มขัดนิรภัยล็อค 5 จุด พร้อม Anti Slip ตรงเป้า กันลื่นตกแม้ไม่รัดเข็มขัด พกไปไหนก็ง่าย สามารถพับกางง่ายใน 3 วิ พับแล้วลากได้ไม่ต้องยก สะดวกมากค่ะ จะซื้อของเตรียมคลอด ต้องไม่ลืม ของใช้เด็กแรกเกิด รถเข็นเด็กไอเทมนี้แนะนำให้มีไว้ใช้กันค่ะ รถเข็นเด็ก Cooper ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY STROLLER

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.cooperthailand.com

คาร์ซีท Britax รุ่น Endeavours

3. คาร์ซีท Britax รุ่น Endeavours

สิ่งสำคัญเมื่อมีลูกน้อยและต้องพานั่งรถออกไปนอกบ้านก็คือคาร์ซีทค่ะ สำคัญในระดับที่กฎหมายระบุไว้ว่าต้องมีติดรถนะคะ ของแบบนี้จึงต้องเลือกให้ดีเลยค่ะ แนะนำคาร์ซีท จากแบรนด์ Britax โดยรุ่น Endeavours เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด สำหรับติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเท่านั้น เรื่องความปลอดภัยผ่านการทดสอบและผลิตจากสหรัฐอเมริกา มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยี SafeCell Impact Protection มีทั้งระบบดูดซับแรงกระแทกจากด้านข้าง 2 ชั้น ฐานรองช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้ดี สายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการแข่งรถสูตร 1 หรือฟอร์มูล่าวันช่วยลดอาการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงกรณีที่รถพลิกคว่ำด้วย นอกจากนี้ยังปรับการเอนนอนได้ถึง 3 ระดับ ทำให้เปลี่ยนระดับความสูงของสายรัดได้ง่ายถึง 6 ระดับ เนื้อผ้าให้ความเย็นสบายตลอดการเดินทาง แถมยังถอดได้ง่ายด้วยนะคะ คาร์ซีทคือหนึ่งในลิสต์ ของใช้เด็กแรกเกิด ที่ย้ำว่าต้องมีติดไว้ในรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย คาร์ซีท Britax รุ่น Endeavours ได้รับการันตีคุณภาพคุ้มค่าต่อการใช้งานจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST CAR SEAT

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.britaxthailand.com/product/Endeavours

ของใช้เด็กแรกเกิด เป้อุ้มเด็ก BABYGROOVE

4. เป้อุ้มเด็ก BABYGROOVE

ช่วยคุณแม่ผ่อนแรงยามอุ้มลูกน้อย ด้วยเป้อุ้มเด็ก Baby Groove รุ่น Hip seat 6 in 1 เป็นเป้อุ้มเด็กที่ประสิทธิภาพคุ้มราคา สามารถปรับเปลี่ยนท่าอุ้มได้ถึง 6 ท่าเลยทีเดียว โดยใช้การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้เด็กอยู่ในท่าที่ถูกต้องและสบายตัวที่สุด นั่งง่าย นั่งสบาย สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 30 กิโลกรัม ใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติมาเป็นวัสดุหลักในการผลิตจึงอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ระบายอากาศดี ไม่อับชิ้น ใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึง 2 ขวบ แถมรุ่นนี้มาพร้อมกับผ้าคลุมหัวกันแดด และผ้าเช็ดน้ำลายตรงที่รองคอด้วย เพื่อเป็นการผ่อนแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการอุ้มลูก แนะนำว่ายังไงก็ต้องเตรียมซื้อเป้อุ้ม ของใช้เด็กแรกเกิด ไอเทมนี้ต้องมีไว้ใช้กันนะคะ เป้อุ้มเด็กแบรนด์ BABYGROOVE ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล  MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY CARRIER

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/BabyGrooveCompany/?_rdc=1&_rdr

ของใช้เด็กแรกเกิด ที่นอนกันกรดไหลย้อน PAPA BABY

5. ที่นอนกันกรดไหลย้อน PAPA BABY

เลือกที่นอนดี ๆ สำหรับลูกน้อยโดยเฉพาะจะช่วยให้เค้าหลับสบาย ได้พัฒนาการอย่างเต็มที่นะคะ ซึ่งชุดเครื่องนอนของ Papa Baby นี้ทำจาก Cotton 100% กันน้ำป้องกันไรฝุ่น และแบคทีเรีย ตัวที่นอนผลิตจากวัสดุอย่างดี ไม่ยุบตัวเวลานอน ด้านบนเป็นผ้ากันน้ำเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสูง ปลอดสารพิษ ช่วยกันปัสสาวะ ส่วนด้านล่างเป็นโครงตาข่ายจากไมโครไฟเบอร์ ระบายอากาศได้ดี ในหนึ่งชุดมีทั้งที่นอน หมอนหลุม และตุ๊กตาหมอนข้าง ลายน่ารัก สีสดใส เข้าชุดกัน จะทำความสะอาดก็ง่ายเพราะมีซิปสามารถดึงถอดซักได้ด้วย ที่นอนสำหรับเด็กเป็นไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ที่ต้องซื้อเตรียมไว้ให้พร้อมใช้หลังคลอดลูก ที่นอนกันกรดไหลย้อน PAPA BABY ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY BEDDING PRODUCTS

ข้อมูลเพิ่มเติม เครื่องนอนสำหรับทารก Papa Baby

คอกกั้นเด็ก BABY SELFY

6. คอกกั้นเด็ก BABY SELFY

ลูกน้อยวัยกำลังเรียนรู้ หัดคลาน หัดเดิน ควรสร้างพื้นที่ให้เขาได้มีอาณาจักรส่วนตัวเพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สะดุด แต่ถึงจะสะดุด คุณแม่ก็ยังเบาใจหายห่วงด้วยคอกกั้นเด็กแบรนด์ BABY SELFY คอกกั้นเด็กกันกระแทกที่มีบาร์ 1 ด้าน เป็นเบาะกันกระแทกรอบด้าน หุ้มหนัง PVC ที่ปลอดจากสารเคมีอันตราย 100% อัดฟองน้ำหนา 2 นิ้วด้านใน ช่วยซับแรงกระแทกได้ดี ส่วนด้านบาร์จับไว้สำหรับพยุงตัวลูกน้อยเวลาเค้าหัดเดิน ทำจากท่อ PVC ประกอบงานไม้ และยังหุ้มด้วยกันกระแทกแบบหนา จึงหมดห่วงเรื่องบาดเจ็บจากความอยากรู้อยากเห็น นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังรับสั่งทำแบบ Custom Made มีให้เลือกทั้งลายและสีพื้นกว่า 10 สี คอกกั้นเป็น ของใช้เด็กแรกเกิด ที่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มีไว้สำหรับลูกน้อย เพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัย และยังให้ประโยชน์ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย คอกกั้นเด็ก BABY SELFY  ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัลRISING STAR สาขา BEST BABY PLAYPEN

ข้อมูลเพิ่มเติม https://babyselfy.in.th/#product

รถยนต์สำหรับครอบครัว Hyundai

7. รถยนต์สำหรับครอบครัว Hyundai

สำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งพ่อแม่ ลูกน้อย และญาติๆ รถครอบครัวซักคันเหมาะมากที่จะพากันไปไหนมาไหนได้ยกบ้าน แนะนำ Hyundai H-1 ขึ้นชื่อว่าฮุนไดก็วางใจได้กับคุณภาพส่งตรงจากเกาหลี ยิ่งรุ่นล่าสุดของ H-1 ยังมีการปรับรูปลักษณ์ให้โฉบเฉี่ยวทันสมัยและหรูหราไปพร้อมกัน ภายในกว้างขวางนั่งสบายถึง 11 ที่นั่ง ส่วนสมรรถนะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว CRDI พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 175 แรงม้า เร่งแซงไม่มีปัญหา มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 11-12 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับขนาดรถ มั่นใจด้วยระบบ Smart View System จากกล้องทั้ง 4 ตัว ช่วยทั้งเวลาขับขี่ และเวลาที่ต้องการจอดรถ แสดงผ่านจอขนาด 8 นิ้วภายใน จึงขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไอเทมชิ้นนี้เหมาะสำหรับเป็นของขวัญของทุกครอบครัวรถโดยเฉพาะถ้ามีลูกเล็ก ๆ แนะนำเลยค่ะ เพราะพากันไปได้ทั้งครอบครัว เป็นรถยนต์ที่ปลอดภัย Hyundai รถยนต์สำหรับครอบครัว ได้รับรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 EDITOR’s CHOICE สาขา BEST FAMILY CAR รถครอบครัวของ HYUNDAI ที่แตกต่างด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย ขยายมุมมองให้โล่งกว่าเดิมด้วยบานกระจกใบใหญ่  มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.hyundai.co.th/h-1/th/highlights.html

เครื่องนึ่งขวดนม NANNY

8. เครื่องนึ่งขวดนม NANNY

เครื่องนึ่งขวดนมหนึ่งในของใช้เด็กสำหรับคุณแม่ใช้เพื่อทำความสะอาดขวดนมแบบ 3 in 1 ของแบรนด์ NANNY ซึ่งฆ่าเชื้อขวดนมด้วยไอน้ำ พร้อมอบแห้งในเครื่องเดียว จึงสามารถกำจัดเชื้อได้ซึ่งคุณแม่มั่นใจได้ว่าไร้สารเคมีเจือปนในทุกขั้นตอน เครื่องนึ่งขวดนม NANNY ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST BABY BOTTLE STERILIZER

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.nannyproducts.com

ของใช้เด็กแรกเกิด เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker UV Sterilizer

9. เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker UV Sterilizer

เป็นเครื่องฆ่าเชื้อขวดนมเกรดพรีเมี่ยมที่ผ่านการทดสอบจากสถาบันระดับโลกว่าฆ่าเชื้อโรคได้ 99.999% ด้วยหลอด UVC ที่ดีที่สุดจาก Philips มาพร้อมเทคโนโลยีอบแห้งรุ่นใหม่ล่าสุด Airflow-S/D 360 องศา ให้ลมร้อนแบบอ่อนโยน รอบทิศ ใช้ระบบความร้อนแบบสะสมที่ 40-60 องศา จึงไม่ทำลายสิ่งของ มีระบบไหลเวียนอากาศ กระจายได้ทั่วทั้งเครื่อง ไม่มีมุมอับ แห้งสนิท แห้งไวกว่าเดิม ระบบทำงานแบบ 3 in 1 ในปุ่มเดียว คืออบแห้ง ฆ่าเชื้อ และระบายกลิ่นอับ หรือจะเลือกโหมดใดโหมดหนึ่งก็ได้เช่นกัน จัดเป็นไอเทมสำหรับคุณแม่ที่ต้องการยกระดับสุขอนามัยลูกน้อยไปอีกขั้นอย่างแท้จริง ของใช้เด็กแรกเกิด ที่ขอแนะนำให้ซื้อเตรียมไว้ให้พร้อมใช้ ก็ต้องนี่เลยค่ะ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker UV Sterilizer ที่ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BABY BOTTLE STERILIZER

ข้อมูลเพิ่มเติม เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker UV Sterilizer

เครื่องปั๊มนม SPECTRA

10. เครื่องปั๊มนม SPECTRA

เครื่องปั๊มนมรุ่นพกพา Dual Compact ตัวเครื่องเล็ก น้ำหนักเบา ดีไซน์เรียบหรูน่าใช้ โดดเด่นด้วยระบบ 2 มอเตอร์ แยกการทำงานซ้ายขวาอย่างอิสระ โหมดเด่นของเครื่อง คือ Stimulate เเละ Sucking Mode ทำให้เพิ่มปริมาณน้ำนมได้อย่างรวดเร็ว และยังถนอมหัวนม เพราะเลียนแบบการดูดของทารกตามธรรมชาติ คือ ดูด ปล่อย และพัก ช่วยให้รีดน้ำนมได้หมด กรวยปั๊มนมมีเทคโนโลยี Patented Technology “Spectra Back-Flow Protect Function” เพื่อความสะอาดปลอดภัย ลิขสิทธิ์เฉพาะสเปคตร้าเท่านั้น นอกจากนี้ยังการันตีคุณภาพจากสถาบันชั้นนำระดับโลกทั้งในยุโรปและอเมริกา เครื่องปั๊มนม Spectra ได้รับการันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ด้วยรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST ELECTRIC BREAST PUMP

ข้อมูลเพิ่มเติม SPECTRA Dual Compact

ฝันว่าโดนงูกัด

ฝันว่าโดนงูกัด จะเจอเรื่องร้ายหรือดี ความหมาย เลขเด็ด!!

Alternative Textaccount_circle
event
ฝันว่าโดนงูกัด
ฝันว่าโดนงูกัด

ฝันว่าโดนงูกัด ฝันว่าโดนงูกัดที่แขนซ้าย ฝันว่าโดนงูกัดที่แขนขวา ฝันว่าโดนงูกัดที่เท้าซ้าย ฝันว่าโดนงูกัดที่เท้าขวา ฝันว่างูกัดที่มือ ฝันเห็นงู ฝันว่างูกัด

ฝันว่าโดนงูกัด จะเจอเรื่องร้ายหรือดี ความหมาย เลขเด็ด!!

คนไทยส่วนมากมีความเชื่อในเรื่อง ความฝัน มักเชื่อว่าความฝันเป็นการส่งสัญญาณบอกบางอย่างที่จะกำลังจะเกิดขึ้น วันนี้ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำเรื่อง ฝันว่าโดนงูกัด ในแบบต่าง ๆ พร้อมคำทำนาย และเลขเด็ด มาฝากทุกท่าน มาดูกันเลยค่ะ

ฝันว่าโดนงูกัด 2 ตัว
ฝันว่าโดนงูกัด 2 ตัว

ฝันว่าโดนงูกัด จะเจอเรื่องร้ายหรือดี ความหมาย เลขเด็ด!!

ฝันว่าโดนงูกัด

ทำนายว่า เป็นความฝันที่เตือนสติให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น ศัตรูจะคิดทำร้าย หรือขัดขวางในเรื่องต่างๆ ให้เกิดอุปสรรค ให้ระวังเคราะห์จากเพื่อนบ้าน หรือจะมีคนใกล้ตัวนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ ในช่วงนี้ให้ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การเงินอาจติดขัดบ้าง แต่จะผ่านไปได้ในที่สุด หากในความฝันว่าโดนงูกัดในบริเวณส่วนบนของร่างกาย ก็อาจหมายความว่าจะได้รับเคราะห์หนัก มีปัญหาสุขภาพ หรือการเดินทางมีอุบัติเหตุ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ความรัก

คนโสดมีเกณฑ์ได้พบกับการเริ่มต้นใหม่ในเรื่องความสัมพันธ์กับมิตรต่างเพศ ใครที่ชอบมีความรักแบบปิดบังซ่อนเร้น ช่วงนี้จะรู้สึกร้อนรุ่ม เพราะกลัวความลับถูกเปิดเผย คุณจะได้พบรักกับคนต่างวัย แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า

ดวงการเงิน การงาน

ระวังจะมีมือดีมาล้วงกระเป๋าเอาได้ง่ายๆ ต้องระมัดระวังมากขึ้นจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่รู้จัก หรือคนใกล้ชิด แต่มีดวงจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เสียเงินทองไปกับเรื่องคดีความ คนทำธุรกิจอิสระจะมีโอกาส เจริญก้าวหน้า เป็นอย่างดี

เลขมงคล เด่นนำโชค

2 5 6

เลขมงคล เด่นรอง

36

513 899 307

ฝันว่าโดนงูกัด 2 ตัว

ทำนายว่า การเสี่ยงโชค จงแสวงโชคจากที่ที่คุณยังไม่เคยไป มีโอกาสเจ็บป่วยหรือเลือดตกยางออกได้ คุณมีเกณฑ์ได้เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

ความรัก

คนโสดจับพลัดจับผลูอาจได้เพื่อนรู้ใจมาเป็นแฟน คุณจะพบคนต่างเพศที่มีลักษณะต้องตาต้องใจ ไม่ว่าคุณยังโสดหรือไม่ก็ตาม ชอบใคร รักใคร ให้ลุยเลย เพราะช่วงนี้มีโอกาสที่จะสมหวัง

ดวงการเงิน การงาน

การทำงานร่วมกับพรรคพวกต้องใช้สติกับมิตรภาพมากเป็นพิเศษ และงานจะลุล่วงผ่านพ้นไปด้วยดี การงานเรียกได้ว่ารุ่งเรือง สดใส เป็นช่วงโอกาสทองของคุณเลยทีเดียว การเงินอาจต้องลำบากใจจากการขอหยิบขอยืมอยู่บ้าง แต่ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทต่างเพศเป็นอย่างดี

เลขมงคล เด่นนำโชค

3 7

เลขมงคล เด่นรอง

47

06 96 094

ฝันว่าโดนงูกัดขา

ทำนายว่า การพบปะคนจำนวนมากมักเจอเหตุการณ์หรือคำพูดที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก สิ่งที่คุณหวังไว้จะได้สมหวังดังคิด เหมือนเนรมิตได้ดังตาเห็น คุณจะเจอเรื่องเครียด และแรงกดดัน ต้องรับภาระหลายอย่าง

ความรัก

ท่านที่ยังโสดยังม่ายจะตกอยู่ในความสนใจของเพศตรงข้ามอย่างน้อยก็ 2 คน ขอให้วางตัวให้ดีๆ คุณมีแววได้คนอายุน้อยกว่ามาเป็นเพื่อนสนิทและอาจพัฒนาไปเป้นแฟนได้ในอนาคต ความรักของคุณค่อนข้างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าคุณจะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งแฟนหรือกิ๊กกันแน่

ดวงการเงิน การงาน

มีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนงาน ออกจากงาน บางทีถึงขั้นตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพเลยก็เป็นได้ งานราชการดำเนินไปโดยปกติ มีปัญหาบ้างประปรายตามธรรมดาของการทำงาน โดยมากเกิดจากเพื่อนร่วมทีมงานหรือบริวารทำงาน ระวังจะมีคนคิดอยากจะก๊อปปี้งานในแบบของคุณ แล้วนำไปเสนอหัวหน้าแล้วแอบอ้างว่าเป็นผลงานของเค้า

เลขมงคล เด่นนำโชค

0 1 2 3 5 6

เลขมงคล เด่นรอง

18 31 59

ฝันว่าโดนงูกัดเท้าซ้าย

ทำนายว่า ใครที่คิดจะซื้อของหรือขยับขยายธุรกิจก็ให้รีบทำเพราะโอกาสกำลังดี ระวังเรื่องอารมณ์ของคุณให้ดี เพราะมันจะนำมาซึ่งความเลวร้าย เพื่อนหรือผู้ที่คุณคุ้นเคยเป็นอย่างดีจะทำตัวห่างเหิน

ความรัก

ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นในกันและกันทั้งสองฝ่าย ความสุขจะบังเกิดกับคุณทันที ความรักหากมีปัญหากันก็ต้องค่อยๆพูด ค่อยๆจา อย่าด่วนตัดสินใจพูดอะไรโดยไม่คิด เพราะจะทำให้คุณมานั่งเสียใจภายหลัง ช่วงนี้คนรักของคุณมีอาการแอบงอน ให้คุณอดทนและควรจะคุยกันดีๆ

ดวงการเงิน การงาน

ช่วงนี้งานที่ทำหรือได้รับมอบหมายจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่ติดขัดอะไร แต่มีดวงจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เสียเงินทองไปกับเรื่องคดีความ คนทำธุรกิจอิสระจะมีโอกาส เจริญก้าวหน้า เป็นอย่างดี

เลขมงคล เด่นนำโชค

0 3 5 7

เลขมงคล เด่นรอง

35 41 50 94

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ลูกแหวะนม

ลูกแหวะนม สำรอกนม ทำอย่างไรดีที่สุด

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกแหวะนม
ลูกแหวะนม

หลังลูกน้อยคลอดออกมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้องรับมือกับเรื่องจุกจิกมากมายที่มากวนใจจนทำให้เกิดความกังวล โดยเฉพาะช่วง 4 เดือนแรก ที่ลูกมักจะมีอาการแหวะนม หรือที่เรียกว่า สำรอกนม !! อยากรู้ไหมว่าทำไม ลูกแหวะนม กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีคำตอบ และตัวช่วยในการลดแหวะนม มาฝากค่ะ

 

ลูกแหวะนม สาเหตุ อาการ

เป็นปกติของพ่อแม่มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมาก่อน เวลาเห็นลูกมีอะไรผิดปกติมักจะตกใจ กังวลกันมาก ซึ่งเราก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนค่ะ อย่างเรื่อง ลูกแหวะนม เป็นอะไรที่ตื่นตระหนกจนต้องโทรหาคุณหมอเด็กของลูก

ก่อนอื่น อยากให้คุณพ่อคุณแม่ทำความเข้าใจในเรื่องของ “กระเพาะอาหารทารก” เป็นอันดับแรก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอาการลูกแหวะนม ออกมา

กระเพาะทารกหลังคลอด…

วันที่ 1 ขนาดกระเพาะจะเท่ากับลูกแก้ว หรือ ผลเชอรี่ (5-7 ซีซี)

วันที่ 3 ขนาดกระเพาะจะเท่ากับลูกวอลนัท (22-27 ซีซี)

วันที่ 7 ขนาดกระเพาะจะเท่ากับผลแอปปริคอต (45-60 ซีซี)

วันที่ 30 ขนาดกระเพาะจะเท่ากับไข่ไก่ (80-150 ซีซี)

จากข้อมูลจะเห็นว่ากระเพาะเด็กทารกมีขนาดเล็ก มีพื้นที่จุน้ำนมได้ปริมาณไม่มาก ที่สำคัญคือในส่วนหูรูดกระเพาะอาหารยังไม่แข็งแรง ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาลูกกินนมอิ่มแล้วคุณแม่ให้นอนทันที ก็จะมีโอกาสทำให้แหวะนม (Regurgitation) ออกมาได้ค่ะ ยิ่งถ้าให้ลูกนอนหงายทันทีหลังกินนมอิ่ม ปัญหาสุขภาพที่จะตามมาคือเสี่ยงเป็น กรดไหลย้อน (GERD) ที่มาจากกรดหรือของเหลวในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก ท้องอืด แน่นท้อง อาเจียน ลูกจะรู้สึกไม่สบายตัว ร้องงอแงตลอดเวลาค่ะ

การสังเกตดูว่าลูกมีอาการแหวะนมหรือเปล่า ง่าย ๆ เลยค่ะ คือ หลังกินนมอิ่ม ลูกจะสำรอก อ๊อกน้ำนมที่กินเข้าไปออกมาทันที ซึ่งก็ไม่ควรปล่อยให้ ลูกแหวะนม ออกมาปล่อย ๆ นะคะ ฉะนั้นเพื่อสุขภาพ และพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย โดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนแรก เป็นช่วงที่ต้องใส่ใจดูแลประคมประหงมลูกให้ดีที่สุด หากสังเกตเห็นความผิดปกติของลูกต้องรีบแก้ไขทันที หรือหากไม่แน่ใจว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดกับลูกวัยทารกนั้นปกติ หรือเป็นอันตราย ควรพาไปพบคุณหมอเด็กทันทีค่ะ

 วิธีป้องกันไม่ให้ ลูกแหวะนม

ไม่อยากให้ลูกแหวะนมออกมา มีวิธีช่วยที่ง่ายมากค่ะ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ นำ 2 วิธีนี้ไปปรับใช้ควบคู่กัน

วิธีป้องกันไม่ให้ ลูกแหวะนม

1. จับเรอ หลังจากลูกกินนมอิ่ม ให้อุ้มลูกพาดบ่า แล้วเอามือลูบหลัง (ลูบลงเพื่อไล่ลม) ลูบจนกว่าจะได้ยินเสียงเรอออกมา หรือหากไม่อุ้มลูกพาดบ่า คุณแม่จับให้ลูกนั่งลงตัก โดยให้หันหน้าลูกออกด้านนอก จากนั้นก็ลูบหลัง (ลูบลงเพื่อไล่ลม) ลูบจนกว่าจะได้ยินเสียงเรอออกมา

2. หมอนกันแหวะนม ไอเทมที่นอนเด็กชิ้นนี้ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กได้ใช้กันค่ะ แนะนำมากๆ เพราะเป็นตัวช่วยชั้นดีในการนอนที่เหมาะกับสรีระของทารก ลดปัญหาการแหวะนม และป้องกันกรดไหลย้อนในเด็กด้วยค่ะ

หมอนกันแหวะนม VEVA Kids The Donut Pillow

หมอนกันแหวะนม VEVA Kids The Donut Pillow ที่นอนเด็ก เพื่อการนอนที่ดีของเด็กทารก

จะซื้อที่นอนเด็กให้ลูกแรกเกิด เรามักจะนึกถึงหมอน 1 ใบ เบาะนอน 1 ชิ้นกันใช่ไหมคะ แต่ปัจจุบันนี้ดีสุด ๆ รับรองว่าต้องถูกใจคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ค่ะ เพราะเราสามารถเลือกที่นอนเด็กให้ครบจบในหนึ่งเดียวด้วยที่นอนเด็กจากแบรนด์ VEVA Kids นั่นก็คือ หมอนกันแหวะนม The Donut Pillow  เป็นที่นอนเหมาะกับเด็กทารกแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 2 ปี ที่ทางแบรนด์ VEVA Kids ให้ความสำคัญใส่ใจในเรื่องการนอนของเด็กทารกเป็นพิเศษ จึงได้คิดค้นออกแบบหมอนนอนมาเพื่อให้เหมาะกับสรีระ และท่านอนของทารกโดยเฉพาะค่ะ หมอน The Donut Pillow มีคุณสมบัติเด่นคือ ช่วยลดปัญหาการแหวะนม และป้องกันการเกิดกรดไหลย้อน

หมอนกันแหวะนม VEVA Kids The Donut Pillow ผ่านการรับรองมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 ว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก และผลิตจากโรงงานผู้ผลิตที่ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015

VEVA KIDS The Donut Pillow

ที่นอนเด็ก The Donut Pillow ดีอย่างไร ?

  • รูปแบบหัวหมอนออกแบบให้ลาดเอน 30 องศา ทำให้นมไหลลงสู่กระเพาะได้ดี ไม่ไหลย้อนกลับ
  • ออกแบบตามสรีระศาสตร์ของเด็ก ให้สัมผัสที่คล้ายอ้อมกอดแม่ ทำให้ลูกน้อยหลับสบาย ลดการสะดุ้งตื่น และยังเป็นองศาที่ช่วยให้สายตาลูกน้อยสบตากับคุณแม่ได้ง่าย
  • ใช้วัสดุสุดพรีเมียม เป็นนวัตกรรมจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกเช่น Oeko-tex Confidence in Textiles Standard 100 และ EPA (USA) ว่าสามารถป้องกันไรฝุ่น ทำลายแบคทีเรีย ไม่มีสารพิษและสารเคมีตกค้าง
  • ปลอกมีซิป สามารถถอดซัก ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ระบายอากาศได้ดีไร้กลิ่นอับชื้น

เลือกที่นอนเด็ก ที่เหมาะกับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด นอกจากจะช่วยให้การนอนมีคุณภาพและปลอดภัย ลูกน้อยนอนหลับสบาย หมดปัญหาลูกแหวะนม ไม่สบายตัวจากอาการกรดไหลย้อน ยังช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายกังวล และอุ่นใจได้ด้วยค่ะ

คุณพ่อคุณแม่ที่อยากได้ หมอนกันแหวะนม VEVA Kids The Donut Pillow สามารถเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…

INBOX : https://m.me/vevakids/

FB page : VEVA kids pillow

Line : https://lin.ee/YcnZg1F

IG : veva.kids

หรือจะสั่งซื้อหมอนกันแหวะนม VEVA Kids The Donut Pillow ตามช่องทางช้อปออนไลน์ด้านล่างนี้ค่ะ

Shopee : VEVA.KIDS

Lazada : VEVA.KIDS

JD Central : Veva Kids Pillow

VEVA Kids The Donut Pillow

 

 

เครดิตข้อมูล : แหวะนมในทารก Vichaiyut Hospital  , ลูกสำรอกนม แหวะนม มูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทยฯ  ,  ความจุของกระเพาะอาหารทารก พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

 

ชื่อจริงลูกสาว

ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ ความหมายดี ชีวิตรุ่งเรือง

Alternative Textaccount_circle
event
ชื่อจริงลูกสาว
ชื่อจริงลูกสาว

ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ อ่อนหวาน อ่อนโยน มั่นใจ ชื่อมงคล ความหมายดี ชื่อตามวันเกิด ชื่อขึ้นต้นด้วยพยัญชนะเดียวกับชื่อพ่อหรือแม่

ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ ความหมายดี ชีวิตรุ่งเรือง

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะมีลูกสาวคงตื่นเต้น รอวันคลอด และเตรียมการต้อนรับสมาชิกใหม่ ทั้งซื้อของใช้ เตรียมสถานที่ และแน่นอนว่าต้องเตรียม ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ ไว้ตั้งให้ลูกอย่างแน่นอน มาลองเลือกชื่อที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำฝากกันนะคะ

ชื่อจริงลูกสาว
ชื่อจริงลูกสาว

ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ ความหมายดี ชีวิตรุ่งเรือง

ชื่อ อ่านว่า ความหมาย
กัญจนญากิตติ์ กัน-ยา-กิด ความรู้ชื่อเสียงดั่งทองคำ
ตฤมปตี ตริม-ปะ-ตี ยินดี,พอใจ
เทียนกัลยาภัค เทียน-กัน-ยา-พัก หญิงผู้โชคดีมีแสงเทียนนำทาง
ธมปภาญา ทม-ปะ-พา-ยา ความรู้ยิ่งใหญ่และเจริญ
ธัญนิศญาน์ ทัน-นิด-สะ-ยา มีโชคยิ่งใหญ่และมีความรู้ดี
นันทิภาคย์ นัน-ทิ-พาก ยินดีในโชคลาภ
นาถสุรีย์วิภา นาด-สุ-รี-วิ-พา มีแสงอาทิตย์เป็นที่พึ่ง
ปรีย์สุนาเรศ ปรี-สุ-นา-เรด นางผู้ยิ่งใหญ่ดีงามและเป็นที่รัก
พิมพ์ภัทรพร พิม-พัด-ทะ-ระ-พอน แบบแห่งความดีงามและสิริมงคล
ภิสรินธันญ์ พิด-สะ-ริน-ทัน ร่ำรวยและเป็นใหญ่เหนือผู้อื่น
มนท์วรัทชา มน-วะ-รัด-ทะ-ชา การสดุดีในสิ่งประเสริฐ
รัญชน์สุรัตนิ รัน-สุ-รัด มีความรู้อันน่าปลาบปลื้มยินดียิ่ง
วิมลสรากร วิ-มน-สะ-รา-กอน สร้างความดีงามและไร้มลทิน
ศรีวริทธิ์รดา สี-วะ-ริด-ระ-ดา มงคลอันประเสริฐและน่ายินดี
ศรีอักษรินท์ สี-อัก-สะ-ริน อักษรอันยิ่งใหญ่และเป็นมงคล
ศศิเพ็ญชญา สะ-สิ-เพ็ญ-ชะ-ยา มีความรู้เปี่ยมเต็มดุจพระจันทร์
อัจฉรียสา อัด-ฉะ-รี-ยา มียศและสติปัญญาเลิศ
กัญญธนัฏฐ์ กัน-ยะ-ทะ-นัด หญิงผู้ร่ำรวย
กาญจน์ณัฏฐา กาน-นัด-ถา ปราชญ์ผู้มีค่าดั่งทองคำ
กาญจน์สิเนห์ กาน-สิ-เน รักใคร่เสน่หาเท่าทองคำ
เขษมบุษป์ ขะ-เสม-บุด เป็นดั่งดอกไม้ที่นำความสบายใจมาให้
คุณัญญา คุ-นัน-ยา ผู้รู้ธรรม, ผู้รู้ความดี
ชนม์ณกานต์ ชน-นะ-กาน อายุมั่นและเป็นที่รัก
ธัญนันทน์ณิศา ทัน-ยะ-นัน-นิ-สา ยินดีในโชคและความรู้อันยิ่งใหญ่
ธิบดิ์ณญานันท์ ทิบ-นะ-ยา-นัน ยินดีในความรู้และยิ่งใหญ่
นภัสชิชญาณ์ นะ-พัด-ชิด-ชะ-ยา มีความรู้กว้างขวางดั่งท้องฟ้า
พัทธ์ธนามาศ พัด-ทะ-นา-มาด ผูกพันกับความมั่งคั่งและทองคำ
โศภีพัทธ์ญาดา โส-พี-พัด-ยา-ดา ปราชญ์ผู้มีความงาม
สิฏฐิณิศา สิด-ถิ-นิ-สา เจ้าแห่งความรู้และความร่ำรวย
อธิกัญญ์ภัค อะ-ทิ-กัน-พัก หญิงผู้มีโชคยิ่งใหญ่
อนงค์ศุภิษดา อะ-นง-สุ-พิด-สะ-รา หญิงผู้งดงามน่าปรารถนา
กรวีร์วิริยา กอ-ระ-วี-วิ-ริ-ยา กล้าหาญในการทำความเพียร
กัลญญ์กุลณัช กัน-กุน-ละ-นัด หญิงที่มีความรู้เชิดชูวงศ์ตระกูล
จิณณ์วรัชญา จิน-วะ-รัด-ชะ-ยา มีความรู้ประเสริฐตลอดไป
ฐิยาภัณณ์ ทิ-ยา-พัน มั่นคงมีความรู้และคำพูดดี
ปพิชญ์ชฎาพร ปะ-พิด-ชะ-ดา-พอน มีความรู้และมีพรอันสูงส่ง
ปัญญ์วณิชยา ปัน-วะ-นิด-ชะ-ยา มีปัญญาด้านการค้าขาย
ปัณฑารีย์ ปัน-ดา-รี ประเสริฐด้วยปัญญา
ผลัฏฐา ผะ-ลัด-ถา ยินดีในมรรคผล
พริฏฐภา พะ-ริด-ถะ-พา ประเสริฐที่สุด
พิชญาภาส์ พิด-ชะ-ยา-พา แสงสว่างแห่งนักปราชญ์
พรหมาณฑ์รชา พรม-มาน-ระ-ชา ดี, เก่ง ในจักรวาล
ภัคภัสร์ปภา พัก-พัด-ปะ-พา มีโชคอันรุ่งเรืองงดงาม
ภัคศิณีพิชญ์ พัก-สิ-นี-พิด มีโชคที่มีความรู้เป็นที่พึ่งแห่งตน
ภิญญ์สุประภา พิน-สุ-ประ-พา ปัญญาดุจดวงอาทิตย์
มณิฐชญาณ์ มะ-นิด-ชะ-ยา มีความรู้ดั่งแก้วมณี
วรัชญ์สรากร วะ-รัด-สะ-รา-กอน ความรู้อันประเสริฐและมีความสามารถดี
เสฏฐิกัลยา เสด-ถิ-กัน-ยา หญิงผู้ร่ำรวยดั่งเศรษฐี
สุภิญญ์ยุพา สุ-พิน-ยุ-พา ดีงามมีความรู้และแสนสวย
อัฏฐภิญณา อัด-ถะ-พิน-นา มีความรู้ยิ่ง ๘ ประการ
อรลภัสญา ออน-ละ-พัด-สะ-ยา หญิงผู้มีลาภอันยิ่งใหญ่
อัจฉราภัสส์ อัด-ฉะ-รา-พัด นางฟ้าผู้รุ่งเรือง
อาฒยวรรณ อาด-ทะ-ยะ-วัน มีเชื้อสายของผู้ร่ำรวย, ร่ำรวยด้วยทองคำ

 

อ่านต่อ…ชื่อจริงลูกสาว เพราะๆ ความหมายดี ชีวิตรุ่งเรือง คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

กัญชากับคนท้อง

กัญชากับคนท้อง กัญชากับแม่ให้นม อันตรายต่อเด็กหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
event
กัญชากับคนท้อง
กัญชากับคนท้อง

กัญชากับคนท้อง –  เมื่อกัญชาได้รับการปลดออกจากรายชื่อในบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5  และสามารถจัดหาได้ง่าย ส่งผลให้มีการซื้อ-ขายกัญชาอย่างแพร่หลายขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้กัญชาจะมีประโยชน์ต่อการใช้ในทางการแพทย์ ตามเจตนารมย์ในการออกกฎหมาย แต่ในกรณีของคนท้องและแม่ให้นม หากได้รับสารต่างๆ ในกัญชา อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์และการเจริญเติบโตของเด็กที่กำลังกินนมแม่ได้ ดังนั้นวันนี้เรามาติดตามในประเด็นกัญชากับคนท้องและแม่ให้นมกันค่ะ

กัญชากับคนท้อง กัญชากับแม่ให้นม อันตรายต่อเด็กหรือไม่?

ผลิตภัณฑ์กัญชากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกวัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการออกกฎหมายสำหรับการใช้ส่วนตัวและทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะใช้งานส่วนตัวหรือทางการแพทย์ไม่ว่ากัญชาในปริมาณเท่าใดก็ไม่ปลอดภัยที่จะใช้ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมลูก นอกจากนี้ยังไม่มีวิธีที่ปลอดภัยในการใช้กัญชาหากคุณกำลังคิดที่จะใช้กัญชาเพื่อช่วยแก้อาการแพ้ท้อง ดังนั้นให้พูดคุยกับผู้ให้บริการของคุณเกี่ยวกับการรักษาอื่นๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยของคุณ

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ใช้กัญชารวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสมของสารกัญชาในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร  เนื่องจากในกัญชา มีสารออกฤทธิ์มากกว่า 400 ชนิด ซึ่งสารเคมีออกฤทธิ์หลัก ได้แก่  delta-9-tetrahydrocannabinal (THC) และ cannabidiol (CBD) ทั้ง THC และ CBD สามารถซึมเข้าสู่รกระหว่างการตั้งครรภ์ ส่วนผสมในกัญชาที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม  คือ  THC สามารถส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อทารกในครรภ์ได้ ซึ่งทารกจะได้รับสารต่างๆ จากการซึมผ่านรก ซึ่งเป็นอวัยวะที่หล่อเลี้ยงทารกด้วยออกซิเจนและสารอาหาร ยังไม่ชัดเจนว่าต้องใช้ THC มากเพียงใดในการสร้างความเสียหายต่อสมองที่กำลังพัฒนาของทารก แต่กัญชาในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมี THC มากกว่าเมื่อหลายปีก่อน

ไม่ว่าจะใช้กัญชาอย่างไร (เช่น สูบ รับประทาน) การพัฒนาของทารกอาจได้รับผลกระทบจากกัญชาได้

กัญชากับคนท้อง และแม่ให้นม

กัญชาอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยของคุณไม่ว่าคุณจะใช้มันอย่างไร นั่นเป็นเพราะว่าในกัญชามีสารเคมีมากกว่า 400 ชนิด และสามารถส่งผ่านรกไปยังทารกที่กำลังพัฒนาการเจริญเติบโตของคุณได้  ความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่ก็เช่นกัน การศึกษาหลายชิ้นทั้งในและต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าการกินหรือสูบกัญชาในขณะตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารกและทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อปัญหาต่างๆ ได้แก่

  • ปัญหาการพัฒนาสมองก่อนคลอด
  • ภาวะตายคลอด
  • คลอดก่อนกำหนด
  • น้ำหนักแรกเกิดน้อย
  • โรคโลหิตจาง
  • เพิ่มโอกาสที่เด็กอาจพูดได้ช้า
  • เพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติของสุขภาพจิตต่างๆ
  • ปัญหาด้านพฤติกรรมและความสนใจ
การใช้กัญชาระหว่างตั้งครรภ์
การใช้กัญชาระหว่างตั้งครรภ์

แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมอีกมากเกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาต่อทารกในครรภ์  แต่ THC ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในกัญชา อาจส่งผลกระทบต่อตัวรับในสมองที่มีอยู่ตั้งแต่อายุครรภ์ 14 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดของไตรมาสแรก มันสามารถข้ามรกและไปถึงทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนา ซึ่งทารกในครรภ์อาจได้รับ THC ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่แม่รับเข้าไป ไม่ว่าจะโดยการกินของที่กินหรือสูบไอ การศึกษาได้เชื่อมโยงการใช้กัญชาระหว่างตั้งครรภ์กับความบกพร่องทางระบบประสาทที่เป็นไปได้ ข้อมูลจากการศึกษาพบว่าโดยทั่วไปเด็กที่มารดาใช้กัญชาในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อโตขึ้นจะมีอัตราความยากลำบากในการพูดและการรับรู้ที่สูงขึ้น คะแนนคณิตศาสตร์ และ คะแนนการสะกดคำที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ตลอดจนอัตราในการโฟกัสและการมีปัญหาด้านสมาธิที่สูงมากขึ้น นอกจากนี้ THC ยังเชื่อมโยงกับน้ำหนักแรกเกิดที่ลดลง (ตัวบ่งชี้สุขภาพที่สำคัญสำหรับทารกแรกเกิด) และกล้ามเนื้อและความตื่นตัวที่ลดลงในทารกแรกเกิด

นอกจากนี้ความเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ที่เป็นผู้ใช้กัญชาในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและคุณภาพในการตั้งครรภ์ ซึ่งการใช้กัญชาเพิ่มความเสี่ยงของ:

  • หกล้มเพราะเวียนหัว
  • ได้รับบาดเจ็บจากการตัดสินใจที่บกพร่อง
  • ร่างกายมีออกซิเจนน้อย อาจทำให้หายใจลำบาก
  • ปัญหาปอดในกรณีสูบกัญชา

นอกจากนี้ การได้รับกัญชาในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร อาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองตามปกติของทารก เนื่อง จากองค์ประกอบของกัญชาถูกเก็บไว้ในไขมันในร่างกายโดยเฉพาะในนมแม่และสามารถส่งต่อให้ลูกน้อยได้โดยตรงทางน้ำนมแม่  หากคุณให้นมลูกเด็กอาจได้รับสาร  THC และสารเคมีอื่นๆ ผ่านทางน้ำนม  อาจทำให้ลูกน้อยของคุณมีแนวโน้มที่จะมีปัญหากับการพัฒนาสมอง นอกจากนี้ กัญชาอาจส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนมแม่ที่ร่างกายผลิต

อ่านต่อ…กัญชากับคนท้อง กัญชากับแม่ให้นม อันตรายต่อเด็กหรือไม่? ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

รถโรงเรียน ลืมเด็กในรถ

รถโรงเรียน ลืมเด็กอีกแล้ว!! สลดเด็ก7ขวบเสียชีวิตทรมาน

Alternative Textaccount_circle
event
รถโรงเรียน ลืมเด็กในรถ
รถโรงเรียน ลืมเด็กในรถ

รถโรงเรียน ลืมเด็กในรถจนเสียชีวิต เหตุการณ์ซ้ำซากที่คร่าชีวิตเด็กน้อย ที่คนเป็นพ่อแม่สุดช้ำใจ ไม่อยากให้เกิด ควรหยุดเหตุร้ายนี้กันได้หรือยัง

รถโรงเรียน ลืมเด็กอีกแล้ว!! สลดเด็ก 7 ขวบเสียชีวิตทรมาน

ครูลืมเด็กในรถตู้รับส่งนักเรียน สุดสลด น้องจีฮุน วัย 7 ขวบเสียชีวิตทรมาน ย่าใจสลาย เอาเรื่องถึงที่สุด ล่าสุด ผลชันสูตร ออกแล้ว

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม 65 พ.ต.ต.ประเสริฐ กุลบุตรดี สว.(สอบสวน) สภ.พานทอง ได้รับแจ้งมีเหตุเด็กนักเรียนเสียชีวิตภายในรถตู้รับ-ส่ง ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 10 ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งรีบไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลพานทองและหน่วยกู้ภัยว่างอุทยานพานทอง

ในที่เกิดเหตุเป็นภายในลานจอดรถของโรงเรียนดังกล่าว พบรถตู้รับส่งนักเรียน เบอร์ 3 ยี่ห้อโตโยต้าทะเบียน 1 นข 5421 กทม. จอดอยู่ ภายในรถตู้หลังเบาะคนขับรถพบร่างของ น้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2/2 ของโรงเรียนดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพคว่ำหน้า มีเลือดออกปากตัวซีด จากการตรวจสอบบนเบาะพบกระเป๋าเป้สะพายสีดำและแก้วน้ำดื่มวางอยู่

จากการสอบถามครูที่โรงเรียน เบื้องต้นได้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจและทีมแพทย์ฟังว่า เมื่อเช้าได้ขับรถเข้ามาจอดแล้วก็รับเด็กนักเรียนลงจากรถ พอเห็นคนหมดก็ได้ขยับรถไปจอดที่ลานจอดรถของโรงเรียนเพื่อรอรับเด็กกลับช่วงเย็น แต่พอเวลา 16.00 น.ได้เตรียมเอารถมาจอดรอรับเด็กเพื่อจะส่งกลับบ้าน แต่พอเปิดประตูรถออกก็พบว่าน้องจีฮุนนอนอยู่

จากนั้นได้ทำการเรียกน้อง โดยการจับขาแต่น้องไม่มีการตอบรับ ตอนนั้นยอมรับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และก็ได้จับขาน้องแล้วเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบรับหรือขยับตัว จึงรีบไปแจ้งครูคนขับรถและครูคนอื่นๆ ให้มาช่วยตรวจสอบพบว่าน้องไม่หายใจแล้ว

ข่าวเด็ก 7 ขวบถูกลืมใน รถโรงเรียน เสียชีวิต
ข่าวเด็ก 7 ขวบถูกลืมใน รถโรงเรียน เสียชีวิต

ต่อมาทางพ่อแม่น้องจีฮุนได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.พานทอง เพื่อเป็นหลักฐานเหตุประมาททำให้ลูกของตนต้องมาเสียชีวิตเพราะความไม่รอบคอบในครั้งนี้

ความคืบหน้าล่าสุด 31 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่โรงเรียนดังกล่าว พบบรรยากาศเงียบเหงา มีผู้ปกครองบางส่วนมาส่งลูกหลานด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีครูหรือทางผอ.ออกมาพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างได

ต่อมาได้เดินทางไปยังบ้านย่าของน้องจีฮุน คุณย่าได้เปิดเผยว่า วานนี้ตอนเย็นลูกชายโทรมาบอกว่ามีครูมาหาที่บ้าน มากัน 3 คน มีครูประจำชั้น ครูขับรถรับส่งและครูพี่เลี้ยง ที่นั่งมากับเด็กๆ บนรถ เมื่อมาถึงบ้านเพื่อมาบอกว่าน้องจีฮุนเสียแล้ว ตนได้ข่าวจึงรีบตามไปที่โรงเรียนก็พบว่าน้องจีฮุนนอนเสียชีวิตอยู่ ตนก็อยากเข้าไปกอดหลานเพราะคิดว่าหลานยังมีชีวิต แต่หมอไม่ให้เข้าเพราะกลัวว่าจะทำอะไรกับศพ ทำให้ชันสูตรยาก ตนจึงได้นั่งดูและได้แต่เสียใจเพราะหลานคนเดียว ตนรักมากเลี้ยงมาแต่เด็ก ทำให้ทุกอย่างและยอมจ่ายค่าเทอมแพงๆ เพื่อให้หลานเรียนดีๆ และมีคนดูแลดีๆ เพราะตนเห็นตอนมารับเดินลงมาถึงบ้านและตอนส่งก็ส่งให้ถึงมือ คิดว่าดีแล้ว แต่สุดท้ายพ้นสายตาตนก็ไม่รู้จะดูแลแค่ไหน

ตนอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองหลายๆ คน ให้เคสของหลานตนเป็นกรณีตัวอย่าง ตนไม่อยากให้ไปเกิดกับครอบครัวใครอีก และอยากให้ไปส่งลูกหลานด้วยตัวเองจะดีกว่า อย่าไปไว้ใจใครมากเพราะไม่ใช่ลูกหลานของเขา และตนยันยืนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบกับชีวิตของหลานตนยังไง ตนจะเรียกร้องความยุติธรรมให้หลาน จนกว่าจะได้ความเป็นธรรม

ทางด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจและเก็บพยานหลักฐานจากรถตู้เพื่อเอาไปประกอบสำนวนทางคดี ผลชันสูตรเบื้องต้นทางแพทย์ระบุว่า ขาดอากาศหายใจ ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดต้องรอผลจากทางแพทย์อีกครั้ง ประมาณ 3-7 วัน

ที่มา : https://www.amarintv.com

เปิดสาเหตุเด็กเสียชีวิตจากอะไร เมื่อลืมลูกในรถ

สาเหตุการเสียชีวิตของเด็กที่ถูกลืมไว้ในรถส่วนใหญ่เกิดจากที่ร่างกายของเด็กมีความร้อนสูงเกินขนาด คือมีความร้อนสูงถึง 42 องศา หากถูกลืมไว้ในรถนานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป จากนั้นเซลล์ในร่างกายจะเริ่มตาย เลือดในร่างกายจะเริ่มเป็นกรด ต่อมาสมองก็จะบวมจนไปทับก้านสมองในส่วนการควบคุมในระบบการหายใจ

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ได้แนะนำ ให้ผู้ปกครองห้ามทิ้งลูกไว้ในรถขณะที่จอดรถไว้ที่กลางแจ้ง ถ้าไม่จำเป็นที่ต้องทิ้งลูกไว้ ก็ให้นำลูกลงจากรถไปด้วยในทุกๆครั้ง ไม่เพียงเท่านี้ ไม่ควรที่จะแง้มหน้าต่างรถและทิ้งลูกไว้ เพราะไม่ได้ป้องกันความร้อนภายในรถได้ เพราะสาเหตุหลักที่เด็กเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการขาดอากาศหายใจ แต่เพราะเกิดความร้อนในรถที่สูงเกินกว่าร่างกายเด็กจะรับไหว ถึงแม้จะจอดรถไว้ในที่ร่มก็ตามเด็กก็สามารถเสียชีวิตจากความร้อนสูงได้เช่นกัน

วิธีป้องกันการลืมเด็กนักเรียน ใน รถโรงเรียน
วิธีป้องกันการลืมเด็กนักเรียน ใน รถโรงเรียน

วิธีการป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถ

การป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถมีด้วยกัน 4 ข้อ ดังนี้

  • ไม่ว่าจะทำธุระเร็วหรือช้า ไม่ควรทิ้งเด็กไว้ตามลำพังโดยเด็ดขาด ควรนำเด็กลงไปด้วยทุกครั้ง ถึงแม้เด็กจะหลับอยู่ก็ตามก็ต้องเอาลงจากรถ ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกงอแง ควรนึกถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ ไม่เพียงเท่านี้ยังเป็นการฝึกลูกในรู้ว่าการจอดรถต้องลงจากรถ
  • แง้มหน้าต่าง แล้วทิ้งลูกไว้ได้ เป็นความเข้าใจผิด เพราะสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กที่ถูกทิ้งไว้ไม่ได้เกิดจากการขาดอากาศหายใจแต่เกิดจากความร้อนที่สูงมากเกินกว่าร่างกายเด็กรับไหว ดังนั้น ทำความเข้าใจใหม่ ไม่ควรแง้มหน้าต่างแล้วทิ้งลูกเอาไว้ ควรให้ลูกลงจากรถทุกครั้ง
  • ในกรณีที่ไปกับรถคนอื่นควรหมั่นตรวจสอบสอบถามเป็นระยะว่าตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ลงจากรถแล้วหรือยัง เพราะการที่เราต้องหมั่นตรวจสอบเพราเพื่อความปลอดภัยของลูก เพราะผู้ที่ไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงลูกอาจมีการเผลอลืมเด็กไว้ในรถเป็นได้
  • ในกรณีที่ลูกไปโรงเรียนกับรถโรงเรียน ก่อนใช้บริการควรตรวจสอบมาตรฐานการรับส่งของผู้ให้บริการว่าดีหรือไม่ เพื่อความมั่นใจ โดยมีคำแนะนำว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรใช้บริการของรถโรงเรียน เพราะด้วยความต้องรับผิดชอบหลายชีวิต อาจมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นได้บ่อยเสมอ ดังนั้นช่วงเด็กอายุประมาณนี้ พ่อแม่ควรเป็นคนรับส่ง แต่หากจำเป็นจริงๆ พ่อแม่ต้องดูถึงมาตรการความปลอดภัยของรถโรงเรียนด้วย ไม่ใช่ดูเฉพาะสภาพรถว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น แต่ต้องดูถึงเรื่องผู้ที่ต้องเป็นคนไปรับส่งลูกว่ามีใครบ้าง คนขับรถเป็นอย่างไร คนที่ติดรถเป็นคุณครูระดับปฐมวัย มีความเข้าใจเรื่องเด็กเล็กไหม เวลารับส่งเด็กขึ้นรถลงรถมีการเช็คชื่อเด็กหรือไม่ แล้วมาตรการของโรงเรียนเป็นอย่างไร เมื่อเด็กถึงโรงเรียนแล้วมีการดับเบิ้ลเช็คอีกครั้งหรือไม่

ดังนั้น สิ่งที่ต้องตระหนักอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยก็คือ ผู้ที่ใกล้ชิดเด็กเล็กทั้งหลายต้องมีความระมัดระวังมากกว่าปกติหลายเท่า เพราะต้องคิดเสมอว่าเด็กเล็กยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเรื่องความปลอดภัยได้ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องไม่ประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาที

ที่มา : https://www.thaichildcare.com

สอนลูกวิธีช่วยเหลือตัวเองเมื่อติดในรถ!! 

ล่าสุด เพจ หมอแล็บแพนด้า โพสต์ แนะพ่อแม่สอนลูกเอาตัวรอดจากการถูกลืมไว้ในรถโรงเรียนเบื้องต้น นับว่าเป็นข้อแนะนำที่คุณพ่อคุณแม่น่าลองนำไปสอนลูกกันดู เมื่อการแก้ไขที่ต้นเหตุยังไม่มีให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ดังนั้นเพื่อชีวิต และความปลอดภัยของลูกเรา คงต้องสอน และฝึกลูกของเราให้มีทักษะในการแก้ปัญหาด้วยตนเองกันให้ได้เสียก่อน เรียกได้ว่าฝึกให้ลูกมี ความฉลาดแก้ปัญหา (AQ : Adversity Quotient)

อ่านข่าวลืมเด็กไว้ในรถโรงเรียนจนเสียชีวิตแล้วรู้สึกหดหู่จริงๆ และขอแสดงความเสียใจกับผู้ปกครองด้วยครับ ที่จริงรถโรงเรียนจะต้องมีมาตรการความปลอดภัยที่มากกว่านี้ แสดงว่าไม่มีการตรวจสอบซ้ำเลยว่าเด็กลงครบมั้ย
.
เพื่อช่วยกันป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดกับลูกหลานเรา อย่าลืมโทรสอบถามคุณครูเป็นระยะ หรือคนขับรถว่าลูกถึงที่หมายยัง จะได้มั่นใจว่า ลูกของเราได้ลงจากรถแล้วจริงๆ
.
และที่สำคัญ อย่าลืมหารายละเอียดของรถโรงเรียนที่เราใช้บริการให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นคนขับ เบอร์โทรอะไร มีใครไปกับลูกเราบ้าง
เวลารับส่งเด็กขึ้นรถ ลงรถมีการเช็คชื่อเด็กมั้ย แล้วพอถึงโรงเรียนแล้วมีการตรวจสอบอีกรอบมั้ย
.
พอเราตรวจสอบฝั่งรถโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว มาดูฝั่งผู้ปกครองบ้าง สิ่งสำคัญที่เราทำได้ก็คือ ‘การสอนให้ลูกเอาตัวรอด’ ซึ่งมีหลายวิธีที่พอช่วยได้ก็คือ
.
สอนลูกบีบแตรรถที่อยู่ตรงพวงมาลัย บอกลูกอย่าหยุดบีบแตรจนกว่าจะเห็นคนเดินมาหาที่รถ จะได้มีคนมาช่วยเหลือได้ทัน

เพจหมอแล็บแพนด้า แนะวิธีเอาตัวรอดเมื่อเด็กติดอยู่ในรถ
เพจหมอแล็บแพนด้า แนะวิธีเอาตัวรอดเมื่อเด็กติดอยู่ในรถ

.
สอนให้ลูกรู้เรื่องปุ่ม เปิด-ปิด ปุ่มล็อกประตูอยู่ตรงไหนของรถ ทำแบบไหน เด็กจะได้เปิดเป็น
.
ส่วนใหญ่เด็กที่ติดอยู่ในรถไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ แต่เสียชีวิตเพราะความร้อนจัดที่อยู่ในรถ ยิ่งนานเกิน 10 นาที ร่างกายของเด็กจะแย่ลง
เราควรสอนให้ลูกให้รู้จักวิธีเปิดกระจกรถ เพื่อระบายอากาศ และลูกยังสามารถตะโกนขอความช่วยเหลือได้ด้วยครับ
.
ถ้าไปหลายคน ควรสอนให้ลูกนั่งข้างๆ เพื่อน และบอกเพื่อนเสมอว่าถ้าจะลงรถให้เรียกและจับมือลงพร้อมกัน
.
ถ้าลูกมีโทรศัพท์มือถือ อย่าลืมสอนโทรสายด่วน 1669 จะได้มีคนมาช่วยอย่างปลอดภัย
.
อย่าลืมลองเอาไปใช้นะครับ ลูกหลานเราจะได้ปลอดภัย ไม่เกิดเหตุการณ์น่าสลดซ้ำอีกครับ

ที่มา : หมอแล็บแพนด้า

อ่านต่อ >>มาตรการรถโรงเรียน ระดับนโยบายของไทยเป็นอย่างไร คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ความประมาท อุบัติเหตุ ในเด็ก

ความประมาท อันตรายกว่าที่คิดเปิดวินาทีช็อกที่นอนทับลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ความประมาท อุบัติเหตุ ในเด็ก
ความประมาท อุบัติเหตุ ในเด็ก

ความประมาท เพียงชั่วครู่อันตรายกว่าที่คิด เปิดอุทาหรณ์วินาทีช็อก เมื่อที่นอนใหญ่ล้มทับลูกน้อย ในเวลาที่แม่ไม่อยู่เพียงไม่นาน เกือบเกิดเหตุร้ายที่น่าเศร้า

ความประมาท อันตรายกว่าที่คิด เปิดวินาทีช็อกที่นอนทับลูก!!

อุทาหรณ์จากพ่อแม่ที่ต้องการนำมาเป็นข้อเตือนใจ ให้พ่อแม่ทุกคนที่มีลูกเล็กอย่าประมาท ความประมาท อาจก่อให้เกิดอันตรายกับลูกมากกว่าที่คิด อย่างในกรณีตัวอย่างนี้ เพียงแค่แม่ปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพัง เพียงชั่วเวลาไปเข้าห้องน้ำ เกือบเกิดเรื่องน่าเศร้า ที่จะทำให้เสียใจไปตลอด

วินาทีช็อก ความประมาท ทำที่นอนล้มทับลูก
วินาทีช็อก ความประมาท ทำที่นอนล้มทับลูก

พ่อแม่ใจแทบขาด นาทีที่นอนล้มทับลูก เจตนาให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิด

ภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีที่นอนล้มทับลูก ช่วงเกิดเหตุเป็นจังหวะเข้าห้องน้ำ ลูกสาวคนโตกำลังเล่นกับแมว ซึ่งปีนอยู่บนฟูกที่พิงกำแพงอยู่ ก่อนจะล้มทับลูกสาวคนเล็ก โชคดีที่ลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ที่มา : https://www.thairath.co.th

อุบัติเหตุ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว!!

สำหรับบางคนคำว่าอุบัติเหตุอาจทำให้คิดไปถึงได้เพียง อุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ความเป็นจริงแล้วคำว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา หากเราเกิด ความประมาท แม้เพียงเล็กน้อย

อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดหวัง และไม่ตั้งใจในเวลาและสถานที่แห่งหนึ่ง เกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งบอกเหตุล่วงหน้า แต่มีสาเหตุและส่งผลกระทบที่สามารถชี้วัดได้ อุบัติเหตุเป็นผลเชิงลบของความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ซึ่งควรจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันไว้แต่แรก โดยพิจารณาจากปัจจัยสาเหตุต่างๆ อันที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ

ดังนั้นแม้ว่าอุบัติเหตุ จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่ทุกเหตุการณ์สามารถป้องกันได้ โดยเฉพาะ อุบัติเหตุในเด็ก เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ควรจัดการ และหาวิธีการป้องกันก่อนเกิดเหตุที่จะทำให้ต้องเสียใจ การจัดให้เด็กได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุในเด็กได้ดีกว่าการที่เรา พ่อแม่ต้องมีนั่งเฝ้าลูกไว้ตลอดเวลา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำได้ตลอดอย่างแน่นอน เหมือนดั่งเรื่องอุทาหรณ์ตัวอย่างข้างต้น ที่แม้เพียงคลาดสายตาจากลูกไปเข้าห้องน้ำเพียงชั่วครู่ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ได้

อุบัติเหตุรอบตัวในเด็กมีอะไรได้บ้าง??

น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ไฟฟ้าดูด

  • อย่าทิ้งเด็กเล็กไว้ตามลำพัง
  • อย่าให้เด็กเล่นไม้ขีด หรือไฟ
  • อย่าเล่นใกล้บริเวณเตาไฟ
  • อย่าวางกระติกน้ำร้อนในที่ที่เด็กคว้าง่าย และควรปิดจุกให้แน่นเสมอ
  • ไม่ควรใช้ผ้าปูโต๊ะปล่อยชายให้เด็กคว้าถึง
  • ติดปลั๊กไฟให้สูง หรือ ป้องกันไม่ให้เด็กเอากิ๊บหรือโลหะแหย่เล่น
  • อย่าให้เด็กเข้าใกล้เมื่อต้มน้ำ หรือ รีดผ้า
  • ดึงปลั๊กไฟฟ้าออกทุกครั้ง เมื่อใช้งานเสร็จ
จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย สำหรับเด็ก
จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย สำหรับเด็ก เครื่องมือของมีคม

อุบัติเหตุบนถนน

  • อุ้มหรือจูงมือเด็กเล็กให้แน่น ขณะข้ามถนน สอนให้เด็กโตข้ามถนนในทางม้าลาย หรือ ใช้สะพานลอย
  • ถ้านั่งรถยนต์ ควรล็อคประตูขณะนั่งรถ เด็กควรใช้เก้าอี้นิรภัยจนกว่าจะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้โดยตรง
  • พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้เด็กซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์

การพลัดตกจากที่สูง

  • อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ในที่สูงตามลำพัง
  • อย่าให้เด็กเล่นใกล้ประตูและบันได
  • ควรดูแลอย่างใกล้ชิดขณะเด็กขึ้นหรือลงบันได

    อุบัติในห้องน้ำ ความประมาท ระวังให้ดี
    อุบัติในห้องน้ำ ความประมาท ระวังให้ดี

จมน้ำ

  • ควรทำฝาปิดบ่อ หรือ ภาชนะกักน้ำบริเวณบ้าน
  • อย่าปล่อยให้เด็กเล่นน้ำตามลำพัง หัดให้เด็กว่ายน้ำ เพื่อให้ช่วยเหลือตัวเองได้
  • เลือกสีชุดว่ายน้ำสีสันสดใส เพื่อให้เป็นที่สังเกตได้ง่ายเวลาเด็กจมน้ำ

กินสารพิษ

  • ขวดยา / ผงซักฟอก /  น้ำยาเคมี / น้ำมันก๊าด / สารพิษอื่นๆ ควรปิดฝาให้แน่น เก็บไว้ในที่ปลอดภัยให้พ้นมือเด็ก
  • เมื่อให้ยาเด็ก อย่าลืมอ่านฉลากก่อนให้ทุกครั้ง
  • ทิ้งยาที่ไม่ต้องการให้พ้นมือเด็ก
  • ห้ามนำขวดเครื่องดื่ม หรือ ภาชนะที่ทานหมดแล้วมาใส่สารพิษ หรือยาเพราะจะทำให้เด็กเข้าใจผิดนำมาดื่มกิน ซึ่งเป็นอันตรายได้

ข้อควรระวังอื่นๆ

  • อย่าให้เด็กเล่นใกล้ถนน
  • อย่าให้เล่นของมีคม รวมทั้งเก็บอาวุธ หรือ วัตถุอันตรายให้พ้นมือเด็ก
  • ไม่ชวนให้เด็กพูด วิ่ง หัวเราะขณะมีอาหารอยู่ในปาก เพราะอาจทำให้สำลักได้

อ่านต่อ >> 8 วิธีลดอุบัติเหตุภายในบ้าน คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

keyboard_arrow_up