ติดเชื้อแบคทีเรีย

แหล่งเพาะเชื้อ ทำเด็กเสี่ยงป่วย ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อไวรัส จะป้องกันได้อย่างไร?

Alternative Textaccount_circle
event
ติดเชื้อแบคทีเรีย
ติดเชื้อแบคทีเรีย

ติดเชื้อแบคทีเรีย –  สำหรับเด็กๆวัยกำลังซน แน่นอนว่าย่อมขึ้นชื่อเรื่องการไม่ปล่อยให้ความกลัวเชื้อโรคร้ายมาขัดขวางการเล่นสนุกของพวกเขา ของเล่นมากมายก่ายกองที่เด็กๆ เล่นอยู่ทุกวัน รวมถึงจุดต่างๆ ภายในบ้าน หรือ ในสนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นนอกบ้านสามารถเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็น และอาจทำให้เด็กๆ ป่วยได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยของลูกเป็นพิเศษ ด้วยโรคติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถติดต่อได้โดยตรงจากการสัมผัส

แหล่งเพาะเชื้อ ทำเด็กเสี่ยงป่วย ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อไวรัส

ตามรายงานของ สมาคมจุลชีววิทยา Society for General Microbiology  พบว่าแบคทีเรียบางชนิด สามารถแบ่งตัวทุกๆ 20 นาทีในอุณหภูมิที่เหมาะสมและสารอาหารที่เหมาะสม จากการศึกษาวัตถุที่มีการปนเปื้อนมากที่สุดภายในบ้าน พบแบคทีเรียมากกว่า 340 ชนิดซึ่งเชื้อบางชนิดสามารถพบได้ทั่วบ้านของคุณและทำให้ลูกคุณป่วย และอาจเกิดการติดเชื้อในรูปแบบต่างๆ เช่น ที่ผิวหนัง บาดแผล ระบบปัสสาวะ ปอด กระแสเลือด โดยเชื้อโรคส่วนใหญ่ที่สามารถพบได้บ่อย ได้แก่

  • สแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
  • ยีสต์และรา (Candida and Fungus)
  • ซัลโมเนลลา (Salmonella)
  • อีโคไล (E. coli)
  • บาซิลลัส (Bacillus)

นอกจากนี้ ไวรัส SARS-CoV-2 หรือ ไวรัสโคโรน่า ที่ยังคงไม่หยุดการแพร่ระบาดสามารถพบได้บนพื้นผิวหลายแห่ง เชื้อต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเพราะอยู่ได้หลายชั่วโมงหรือหลายวันบนพื้นผิวบางชนิด จากการศึกษาพบว่า coronavirus สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมและพื้นผิวต่อไปนี้:

  • ในอากาศ : นานถึง 3 ชั่วโมง
  • พลาสติกและสแตนเลส : สูงสุด 72 ชั่วโมง
  • กระดาษแข็ง : สูงสุด 24 ชั่วโมง
  • ทองแดง : นานถึง 4 ชั่วโมง

ทั้งสถานที่นอกบ้าน และภายในบ้านของคุณ สามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง ต่อไปนี้เป็นจุดเสี่ยงทั้งนอกบ้าน และภายในบ้าน ที่อาจทำให้เด็กติดเชื้อต่างๆ ทั้งแบคทีเรียและไวรัสได้

1. สนามเด็กเล่น เสี่ยง ติดเชื้อแบคทีเรีย

นอกจากสนามเด็กเล่นจะเป็นพื้นที่แห่งความสุข สำหรับเด็กๆ แต่เชื่อว่ายังเป็นสถานที่ที่ผู้ปกครองคงอดกังวลเรื่องการเจ็บป่วยของลูกไม่ได้เช่นกัน สนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ก็ย่อมมีโอกาสจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค บางครั้งก่อนที่พวกเขาจะสัมผัสกับเครื่องเล่น หรือ สัมผัสกันและกัน เป็นที่รู้กันว่าเด็ก ๆ ไอจามอย่างอิสระและมักเช็ดจมูกด้วยมือของพวกเขา การล้างมือหลังจากใช้ห้องน้ำอาจใช้เวลานานเกินไปสำหรับเด็กที่ต้องการกลับไปสนุกสนาน นอกจากนี้เด็กวัยหัดเดินที่สวมผ้าอ้อมที่รั่วซึมอาจนั่งบนสไลเดอร์และชิงช้า ดังนั้นสนามเด็กเล่นหลายแห่งจึงมีเชื้อโรคที่น่าวิตกรวมทั้งเชื้อโรคที่พบในอุจจาระ

อุปกรณ์สนามเด็กเล่น โดยเฉพาะสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง แทบไม่เคยได้รับการทำความสะอาด หรือ นานๆ ครั้ง เชื้อโรคที่เป็นอันตราย เช่น เชื้อโรคในน้ำมูกที่เด็กๆ เช็ดออกจากจมูก สามารถคงอยู่ได้หลายวัน นอกจากนี้ ทรายในสนามเด็กเล่นก็มีความเสี่ยงที่กระรอกและนกสามารถทิ้งอุจจาระไว้ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคกระเพาะและการติดเชื้อที่ผิวหนังในเด็กเล็ก

สนามเด็กเล่นทั้งในร่ม และ กลางแจ้งบางแห่ง ให้ผลลัพธ์ที่น่าตกใจ คือ มีการตรวจพบเชื้อแกรมบวก (PYOGENIC GRAM POSITIVE COCCI) ซึ่งเป็นสาเหตุทั่วไปของการติดเชื้อที่ผิวหนัง และอื่นๆ นอกจากนี้ ในสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง ยังสามารถพบเชื้อบาซิลลัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มักพบในดินที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก ซึ่งเชื่อมโยงกับการติดเชื้อที่ผิวหนังและโรคอื่นๆ ได้

อย่างไรก็ตาม แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะกำจัดเชื้อโรคทั้งหมดได้ ดังนั้นควรสอนบุตรหลานของคุณว่าอย่าจับปาก จมูก หรือตา เมื่ออยู่ที่สนามเด็กเล่น วิธีที่ดีที่สุดที่คุณสามารถช่วยให้พวกเขาปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ คือ การทำความสะอาดมือของเด็กๆ ด้วยเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก่อนออกจากสนามเด็กเล่นทุกครั้ง นอกจากนี้สำหรับบ้านที่มีกระบะทรายเด็ก ควรปิดไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือเปิดตากแดดในบางโอกาส

ลูกติดเชื้อแบคทีเรีย
ลูกติดเชื้อแบคทีเรีย

2. กระโถน / ฝารองนั่งชักโครก

เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจสำหรับพ่อแม่เสมอเมื่อลูกๆ เริ่มใช้กระโถนพลาสติกหรือที่นั่งชักโครก การฝึกขับถ่ายเป็นสิ่งจำเป็นและไม่สามารถละเลยได้ แต่กระโถนพลาสติกสำหรับฝึกและที่นั่งชักโครกเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ขณะที่นั่งบนกระโถนสำหรับฝึกหัดหรือที่นั่งชักโครกลูกของคุณอาจสัมผัสกับสิ่งสกปรกจำนวนมากและอาจเอาเข้าปากได้

3. มือจับลิ้นชักและลูกบิดประตู

ไม่ว่าจะที่บ้านหรือนอกบ้าน ลูกของคุณต้องสัมผัสลูกบิดประตู ที่จับประตู หรือราวบันได พื้นผิวเหล่านี้มีหลายคนที่ต้องสัมผัสได้เช่นเดียวกัน บางคนอาจมือสกปรก บางคนอาจไอจาม ซึ่งอาจเกิดการแพร่เชื้อได้

4. เบาะคาร์ซีท / เบาะรถยนต์

คาร์ซีท หรือ เบาะในรถยนต์ ต้องผ่านเรื่องราวดราม่ามากมายในแต่ละการเดินทาง และมักเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกหลากหลาย เช่น อาเจียน น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ อาหารที่หกเลอะเทอะ ขณะเดินทางออกไปเที่ยวเล่นในที่ต่างๆ เด็กๆ อาจนั่งอยู่ในจุดที่เปื้อนดินหรือโคลน ลูกของคุณต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกจำนวนมาก หากเบาะไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อต่างๆ ได้

5. สวิตช์ไฟ

เด็ก ๆ โดยเพาะเด็กเล็กมักหลงใหลในสวิตช์ไฟ และชอบที่จะเปิดและปิดสวิตช์เหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เราอาจมองข้ามว่าสวิตซ์ไฟไป แต่ความจริงแล้ว มันเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถพบเชื้อโณคได้มากที่สุด  สวิตช์ไฟมีสิ่งสกปรกและแบคทีเรียจำนวนมากเนื่องจากมือที่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกไปสัมผัส ดังนั้นหากเป็นไปได้ คุณควรเช็ดทำความสะอาดสวิตซ์ไฟด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคบ้าง

6. รองเท้า

ไม่ว่าลูกของคุณจะไปที่ไหน รองเท้าก็ตามไปด้วยทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหาร พื้นรองเท้าและเชือกผูกรองเท้าเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุดที่ลูกของคุณอาจสัมผัสได้ในแต่ละวัน และโดยส่วนใหญ่แล้ว เด็ก ๆ มักจะไม่ล้างมือหลังจากสัมผัสมันและอาจเอามือเข้าปากได้ทุกเมื่อ

7. อุปกรณ์กีฬา

บุตรหลานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยเตาะแตะหรือเด็กโต การใช้อุปกรณ์กีฬา เช่น ไม้ตี ลูกบอล สนับเข่า หมวกกันน็อค สนับศอก ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อและสิ่งสกปรกทำให้เกิดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังและโรคต่างๆในภายหลัง เราอาจมองข้ามพวกมัน แต่ด้วยสิ่งสกปรกและแบคทีเรียเพียงเล็กน้อย ก็สามารถพัฒนาเป็นเชื้อโรคที่น่ากลัวได้ เหนือสิ่งอื่นใด การรักษาสุขอนามัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ลูกน้อยของคุณปลอดจากเชื้อโรคสกปรกที่อาจนำไปสู่การเจ็บป่วย

8. ห้องน้ำในบ้าน

ไม่น่าแปลกใจที่สถานที่ที่คุณใช้ในการชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากร่างกายของคุณจะมีแบคทีเรียสะสมอยู่ และสำหรับบ้านที่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ความชื้นจากการอาบน้ำอุ่นในห้องน้ำสามารถเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยจุดที่คุณควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในห้องน้ำ ได้แก่ :

  • อ่างอาบน้ำ
  • ท่อระบายน้ำ
  • ก๊อกน้ำ
  • พื้นที่รอบห้องน้ำ
  • ผ้าเช็ดตัว
  • แปรงสีฟัน

อ่านต่อ…แหล่งเพาะเชื้อ ทำเด็กเสี่ยงป่วย ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อไวรัส ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

นมก้อน Meiji EZcube

Protected: ฉีกกฎวิธีชงนมแบบเดิม ๆ กับ“นมก้อน Meiji EZcube” ใหม่จากญี่ปุ่น ชงง่าย ไม่ต้องตวง

Alternative Textaccount_circle
event
นมก้อน Meiji EZcube
จดหมายถึงผู้ปกครอง ผลการเรียนลูก

จดหมายถึงผู้ปกครอง ผลการเรียน ลูกไม่ใช่ทุกสิ่งคนแห่ชื่นชมรร.

Alternative Textaccount_circle
event
จดหมายถึงผู้ปกครอง ผลการเรียนลูก
จดหมายถึงผู้ปกครอง ผลการเรียนลูก

จดหมายถึงผู้ปกครอง โรงเรียนสิริรัตนาธรสุดเจ๋ง สะกิดเตือนค่านิยม ผลการเรียน ของลูกไม่ใช่ตัวตัดสินเด็ก โลกโซเซียลชื่นชม มาสร้างเป้าหมายให้ลูกโดยไม่บังคับกัน

จดหมายถึงผู้ปกครอง ผลการเรียน ลูกไม่ใช่ทุกสิ่ง คนแห่ชื่นชมรร.!!

เมื่อโลกคนบนออนไลน์ แห่ชื่นชม จดหมายถึงผู้ปกครอง ของโรงเรียนสิริรัตนาธร ที่แสดงความห่วงใยถึงผู้ปกครองต่อความคาดหวังในผลการเรียนของลูก ที่จะมาถึงในการสอบปลายภาคปีการศึกษานี้ โดยให้ข้อคิดแก่ท่านผู้ปกครองทุกคนไว้ ดังนี้

เรียน ผู้ปกครองระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ทุกท่าน

ด้วยโรงเรียนสิริรัตนาธร สังกัดสำหนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ขอแจ้งการสอบของนักเรียนในความปกครองของท่านใกล้จะมาถึงแล้ว โรงเรียนทราบว่าการสอบในครั้งนี้อาจจะทำให้ท่านวิตกกังวล ว่านักเรียนของท่านจะทำข้อสอบได้หรือไม่

แต่โปรดเข้าใจไว้ว่าในกลุ่มนักเรียนที่นั่งสอบอยู่นี้ มีนักธุรกิจที่ไม่สนใจเรื่องประวิติศาสตร์ หรือการประพันธ์ภาษาอังกฤษ มีนักคอมพิวเตอร์ที่ไม่สนใจเรื่องคะแนนสอบวิชาเคมี มีศิลปินที่ไม่มีความจำเป็นที่จะรู้เรื่องคณิตศาสตร์ มีนักกีฬาที่สนใจเรื่องความสามารถทางร่างกายมากกว่าวิชาฟิสิกส์ มีนักการเมืองที่สนใจเรื่องข่าวสารบ้านเมืองมากกว่าวิชาศิลปะ ถ้านักเรียนใสความปกครองของท่านทำคะแนนได้สูงสุด นั้นหมายถึงเป็นที่หนึ่งหรือยืนหนึ่ง แต่ถ้าลูกทำไม่ได้โปรดอย่าทำลายความเชื่อมั่น และความนับถือตัวเองของลูกไป บอกลูกว่ามันดีมากแล้ว มันแค่การสอบ มันยังมีอะไรอีกมากมายในชีวิต บอกลูกท่านว่า ไม่ว่าคะแนนสอบออกมาแบบไหนคุณก็รักเขา และจะไม่ตัดสินเขา

โรงแรียนขอความอนุเคราะห์ท่านโปรดทำตามนี้ และเมื่อคุณได้ทำมันแล้ว เฝ้าดูลูกของคุณเพื่อพิชิตความฝันเขา และโลกนี้ การสอบเพียงครั้งเดียว หรือคะแนนสอบที่ไม่ดี จะไม่สามารถช่วงชิงความฝัน และพรสวรรค์ของเขาไป และได้โปรดรับทราบด้วยว่า คนที่จะมีความสุขในโลกนี้ ไม่จำเป็นต้องจบหมอ หรือวิศวะเท่านั้น ในการนี้ โรงเรียนสิริรัตนาธร ขอแจ้งกำหนดการสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2565 ขอให้ท่าน และนักเรียนเตรียมตัวในการสอบนี้อย่างมุ่งมั่น และตั้งใจให้เต็มที่ที่สุด ครูที่ปรึกษา และครูประจำวิชาทุก ๆ วิชา จะช่วยสร้างฝัน และพรสวรรค์ของนักเรียนให้ไปถึงจุดที่ตั้งหวังต่อไป

ที่มา : Sirirattanathorn School – Home | Facebook
จดหมายถึงผู้ปกครอง เตือนผลคะแนนสอบ ไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต
จดหมายถึงผู้ปกครอง เตือนผลคะแนนสอบ ไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต

ผลการเรียน ไม่ใช่ทุกสิ่ง!!

ในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ซึ่งเข้าไปมีบทบาทในแทบจะทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมคนทำงาน สังคมเพื่อน และอีกหลาย ๆ สังคมที่มนุษย์มีการรวมกลุ่มกัน หากแต่การแข่งขันนั้นจะเป็นไปอย่างพอดี ไม่มากจนเกินไปนัก การแข่งขันกันก็นับว่าเป็นประโยชน์ในการช่วยให้เกิดความกระตือรือร้น การมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวเองประสบผลสำเร็จ ในทางกลับกันหากมีมากเกินไป นั่นจะเป็นความกดดันที่มหาศาล แทนที่จะกลายเป็นแรงผลักดัน กลับนำไปสู่ปัญหาทางจิต ความเครียด และอาจส่งผลกระทบไปยังสุขภาพจิตที่ก่อเกิดปัญหาตามมาในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย
ความกดดันทางการเรียน เริ่มแสดงออกให้เห็นถึงปัญหาในสังคมไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะเห็นได้จากข่าวที่มีออกมามากมาย ที่เด็กคิดสั้นจบชีวิต เพียงเพราะไม่สามารถทำคะแนนสอบได้ดี หรือไม่สามารถทำตามที่พ่อแม่คาดหวังให้เป็นได้ ทั้ง ๆ ที่หากเรามองเข้าไปดูข้อมูลที่มีแล้ว จะพบว่าเด็กเหล่านั้น ไม่ใช่เด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน หรือเรียนไม่เก่ง แต่กลับเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี เป็นเด็กเก่งเสียด้วยซ้ำไป อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้ากับพวกเขากัน
เด็กมีแนวคิดฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น !!
สถานการณ์ความกดดันจากสังคม ส่งผลให้จำนวนของเยาวชนที่คิดฆ่าตัวตายมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลสถานการณ์โรคซึมเศร้าจากกรมสุขภาพจิต พบว่า ปี 2560 กลุ่มเยาวชนอายุ 20-24 ปี มีอัตราการฆ่าตัวตาย 4.94 ต่อประชากรแสนคน ส่วนในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 5.33 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ในปี 2561 มีการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ทั้งสิ้น 70,534 ครั้ง แบ่งเป็นกลุ่มเด็กอายุ 11-19 ปี 10,298 ครั้ง หรือร้อยละ 14.6 และเป็นอายุ 20-25 ปี 14,173 ครั้ง หรือร้อยละ 20.1 สัดส่วนของเด็กและเยาวชน ที่มีปัญหาความเครียดหรือวิตกกังวล ปัญหาความรัก ซึมเศร้า และมีความคิดหรือความพยายามฆ่าตัวตายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

เรียนหนักไป ใช่ว่าจะสำเร็จ!!

นักวิจัยสาธารณสุขแห่งชาติ สนับสนุนโดยสำนักงานส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่าเด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลกรองจากประเทศญี่ปุ่นและส่งผลให้มีเด็กนักเรียนลาออกกลางคันปีละ 900,000 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้งส่งผลให้เด็กนักเรียน 386,250 คนเลือกทำอาชีพผิดกฎหมายเพื่อหาค่าเล่าเรียน นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กไทยเรียนวันละ 8-10 คาบต่อวันและยังมีนักเรียนบางส่วนรู้สึกเบื่อจนไม่อยากเรียน และที่น่าเป็นห่วง คือ เด็กไทยร้อยละ 87 มีเวลาพูดคุยกับพ่อแม่เพียงวันละ 10 นาที

แม้ว่าเด็กไทยจะเป็นเด็กที่อยู่ในช่วงเกณฑ์เด็กที่เรียนหนักประเทศหนึ่ง แต่กลับพบว่าเด็กทุกคนที่เรียนหนัก ไม่ได้เป็นเด็กที่ประสบความผลสำเร็จทุกคนไป ค่านิยมของคนไทยมักให้ความสำคัญของเด็กเก่ง โดยดูที่ผลการเรียน คะแนนสอบ ซึ่งไม่อาจแย้งได้ว่า เป็นการวัดผลการเรียนรู้ที่ง่าย และทำให้เราทราบว่าเด็กเข้าใจในเนื้อหาจริงหรือไม่ แต่คะแนนสอบที่วัดจากการสอบเพียงครั้งเดียวนี้ ไม่สามารถชี้ชัดถึงระดับความสามารถของเด็ก ได้อย่างแท้จริง เพราะคะแนนสอบวัดเพียงเนื้อหาในวิชานั้น ๆ แต่ในขณะที่เด็กแต่ละคนมีความถนัด ความสามารถแตกต่างกันไป หลากหลายเรื่อง

การชื่นชมแต่เด็กเก่งที่มีคะแนนสอบสูง โดยทิ้งเด็กที่มีคะแนนสอบกลาง ๆ หรือไม่ดี ไว้โดยไม่ได้สนใจในรายละเอียดของเด็กว่าจริง ๆ แล้วเด็กเหล่านี้ถึงแม้จะมีคะแนนสอบไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เก่ง เด็กอาจมีทักษะด้านอื่น ๆ ที่เด่น และสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ การประเมินผลเป็นสิ่งที่ทำให้ครูรู้จักเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อสอน และหาวิธีการที่เหมาะสมให้นักเรียนพัฒนาตนเองต่อไปได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ คุณภาพของครู

อย่ามองแต่ คะแนนสอบลูก ข้อคิดเตือนใจใน จดหมายถึงผู้ปกครอง
อย่ามองแต่ คะแนนสอบลูก ข้อคิดเตือนใจใน จดหมายถึงผู้ปกครอง

บทบาทของพ่อแม่ ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของลูก

จากงานวิจัยเรื่องปัจจัยทางครอบครัวที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น    ศึกษาปัจจัยด้านกระบวนการในครอบครัว ในปี 2553 พบว่า ครอบครัวมีการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน 3 รูปแบบ คือ การเลี้ยงดูแบบมีเหตุผลร้อยละ 96  เลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยร้อยละ 42 และ เลี้ยงดูแบบเข้มงวดร้อยละ 32

จากผลการวิจัย จึงทำให้เราพบว่า บทบาทของพ่อแม่นั้น ส่งผลต่อการเรียนของลูก แต่กลับพบว่า การเลี้ยงดูแบบเข้มงวดนั้น ให้ผลดีต่อผลสัมฤทธิ์ทางเรียนของลูกน้อยที่สุด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหันกลับมาคิดทบทวนกันเสียแล้วว่า การบังคับ กดดัน หรือการคาดหวังต่อผลคะแนนสอบของลูกนั้น ยิ่งทำให้ลูกได้คะแนนดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่

อย่าปล่อยให้ลูกต้องเครียดจากการเป็นเด็กกลุ่ม Perfectionism !!

ไม่ว่าใครต่างก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คาดหวังไว้ แต่สำหรับบางคนกลับคิดว่าความพยายามของตัวเองหรือคนที่คาดหวังไม่เคยดีพอ และกลัวว่าจะเกิดความล้มเหลวในสิ่งที่ทำ คนกลุ่มนี้เรียกว่า Perfectionist ซึ่งเป็นผู้ที่ชอบตั้งมาตรฐานของการกระทำและผลลัพธ์ไว้สูงมากจนอาจเกินความเป็นจริง และพยายามทำทุกทางจนกว่าผลลัพธ์จะออกมาไร้ที่ติ 

ความมุ่งมั่นและตั้งใจเป็นแรงผลักดันให้เราไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้นได้ แต่นิสัยรักความสมบูรณ์ของ Perfectionist มักนำไปสู่ความเครียด และบั่นทอนความสุขในชีวิตได้มากกว่า จนอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า พฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ หรือแม้แต่การทำร้ายตัวเอง และในท้ายที่สุดแนวคิดและผลกระทบเหล่านี้อาจกลายเป็นสิ่งกีดขวางที่ทำให้เราหยุดพยายามในการมุ่งสู่ความสำเร็จ

Perfectionist มีลักษณะอย่างไร?

ผู้ที่มีความเป็น Perfectionist มักมีแรงผลักดันจากอุปนิสัยส่วนตัวที่ไม่ต้องการเผชิญความล้มเหลวหรือได้รับคำตำหนิ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกอย่างแรงกดดันจากการอยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง และอิทธิพลของการใช้โซเชียลมีเดีย (Social Media) ทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนมีแนวโน้มที่จะเป็น Perfectionist สูงขึ้น เนื่องจากต้องการการยอมรับจากผู้อื่น

ที่มา : https://www.pobpad.com

เด็กกลุ่ม “Perfectionism” หรือ กลุ่มเด็กเก่งที่ไม่ได้แบกแค่ความคาดหวังของครอบครัวอย่างเดียว แต่ต้องแบกความคาดหวังของคนรอบข้างไว้ด้วยทั้งโรงเรียน ครู และเพื่อน ชีวิตของเขามีแต่การเรียนจนขาดทักษะชีวิตที่จะสามารถจัดการกับความผิดหวัง จัดการกับความเครียดของตัวเอง สุดท้ายก็ตัดสินใจด้วยอารมณ์และความรู้สึกหรือแก้ปัญหาแบบโศกนาฏกรรมในที่สุด

บทบาทของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากเราจะไม่แสดงท่าที หรือคำพูด รวมถึงทัศนคติที่จะเป็นการกดดันลูกในเรื่องของคะแนนสอบ และการเรียนแล้ว พ่อแม่ยังต้องมีจิตวิทยาในการเลี้ยงลูก โดยการเรียนรู้นิสัยเดิมของลูก ศึกษาวิธีรับมือ และแนะนำเมื่อลูกเกิดความเครียด พร้อมรับฟังปัญหาของเขา ไม่ว่ากล่าว หรือตัดสินลูกไปเสียก่อนที่เขาจะเล่าถึงปัญหาของตัวเองจบ

อ่านต่อ>> 9 ไอเดียการสร้างแรงจูงใจใฝ่เรียนรู้ให้ลูก คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

กิจกรรม Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22

รวม กิจกรรม Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22 ลูกเรียนรู้เพลิน..แม่เดินช้อปฟิน

event
กิจกรรม Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
กิจกรรม Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22

❤️👍แน่นๆ จุกๆ อีกแล้วจ้าแม่จ๋าาาาาาาาา 🚨 รวม กิจกรรม Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22 😍ลูกเรียนรู้เพลิน แม่เดินช้อปฟิน✨️งานนี้จะมีอะไรบ้าง..มาดูกัน

🚨วันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย. 65🚨
😘ต้อนรับเด็กๆ ด้วยขบวนพาเหรด จาก พี่ๆ Mascot นำทีมโดย พี่จ๋อจ๋า และผองเพื่อน
⏰พบกันได้เวลา 11.00-11.50 น. และ 17.00-17.50 น.

😘 เสวนา หัวข้อที่แม่ให้นมควรรู้! By Attitude Mom Let’s Share >> เวลา 13.00-14.00 น.

😘 จิตวิทยาการเลี้ยงลูกน้อยอย่างมีความสุข โดย อาจารย์ ดร.นิปัทม์ พิชญโยธิน >> เวลา 15.00-15.50 น.

😘 Workshop จาก Plantoys ประกอบ+ตกแต่ง ของเล่นไม้ >> เวลา 17.10-18.00 น.

——————————–

💙วันศุกร์ที่ 9 ก.ย. 65💙
😘ต้อนรับเด็กๆ ด้วยขบวนพาเหรด จาก พี่ๆ Mascot นำทีมโดย พี่จ๋อจ๋า และผองเพื่อน
⏰พบกันได้เวลา 11.00-11.50 น. และ 17.00-17.50 น.

😘 Workshop จาก Plantoys ประกอบ+ตกแต่ง ของเล่นไม้ >> เวลา 17.10-18.00 น.

——————————–

💜วันเสาร์ที่ 10 ก.ย. 65💜
😘ต้อนรับเด็กๆ ด้วยขบวนพาเหรด จาก พี่ๆ Mascot นำทีมโดย พี่จ๋อจ๋า และผองเพื่อน
⏰พบกันได้เวลา 10.30-11.20 น. และ 17.30-18.30 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzee แข่งไถจักรยานรุ่น ต่ำกว่า 2 ขวบ >> เวลา 11.00-12.10 น.

😘 Workshop จาก Plantoys ประกอบ+ตกแต่ง ของเล่นไม้ >> เวลา 12.10-13.00 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzee แข่งไถจักรยานรุ่นผสม และรุ่น girl 2-3 ขวบ >> เวลา 13.00-14.10 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzee แข่งรุ่น 3-4 ขวบ. ผสมชายหญิงและหญิง >> เวลา 15.00-16.00 น.

😘 ฟังเสวนาฟรี! หัวข้อ “ให้ลูกเรียนว่ายน้ำสำคัญยังไง จะดูแลป้องกันยังไงไม่ให้ลูกจมน้ำ” By Swimming Kids School >> เวลา 16.20-17.20 น.

——————————–

❤️วันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. 65❤️
😘ต้อนรับเด็กๆ ด้วยขบวนพาเหรด จาก พี่ๆ Mascot นำทีมโดย พี่จ๋อจ๋า และผองเพื่อน
⏰พบกันได้เวลา 10.30-11.20 น. และ 17.30-18.30 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzeeแข่งไถจักรยานรุ่น ต่ำกว่า 2 ขวบ >> เวลา 11.00-12.10 น.

😘 Workshop จาก Plantoys ประกอบ+ตกแต่ง ของเล่นไม้ >> เวลา 12.10-13.00 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzee : Duathlon แข่งวิ่ง + ไถจักรยาน รุ่น 4-5 ขวบ ผสม และ girl 13.00-14.10 น.

😘 Wonderkids พบกับความน่ารักและความพิเศษของน้องๆ ที่มีความสามารถล้นเหลือเกินวัย บนเวที >> เวลา 14.10-15.00 น.

😘 กิจกรรมการแข่งขันขาไถ Balance Bike Cup By Cruzee : Duathlon แข่งวิ่ง + ไถจักรยาน แข่งรุ่น 5-6 ขวบ และรุ่น 2-3 ขวบ >> เวลา 15.00-16.00 น.

😘 Workshop จาก Plantoys ประกอบ+ตกแต่ง ของเล่นไม้ >> เวลา 16.10-17.00 น.

😘 Workshop CPR & First Aid ฟรี!! จัดคราสสอนแน่นๆ แบบพิเศษโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก รพ.พระรามเก้า >> เวลา 17.10-18.10 น.

📌 ลงทะเบียนสำรองที่นั่งร่วมกิจกรรมฟรี https://forms.gle/F6KZjPczfpoB8yZC7


🚨✨️ABK Fair ใจป้ำ จัดโปร “ถุงตัก..หนักมากแม่!!” Toy Buffet By Plantoys 499.- ✨️
(ตักได้ตลอดเวลาจนกว่าของจะหมดในแต่ละวัน) คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! ให้เด็กๆ มาหอบของเล่นกลับบ้านจัดเต็ม 4 วัน
⏰ ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย. 65 เวลา 10.00-20.00 น.

 

🚨✨️และทุกวัน เวลา 11.30 – 12.30 น. ชมไลฟ์สด พ่อเป้-แม่กร (วันที่ 8-9 ก.ย. 65) และ แม่เบญ-แม่หยก #ทีมแม่ABK พาทัวร์ เที่ยวงานแฟร์ แบบ Exclusive ส่องโซนไฮไลท์สุดว้าว😍เจาะบูธขายของสุดปัง พร้อมซูมโปรโมชั่นสุดจึ้ง!👍


☺️ รับของสมนาคุณ สุดพิเศษ เพียงละทะเบียนก่อนเข้างาน คลิกที่นี่ >> https://cooll.ink/abk21register
✅️🚩 มาที่นี่ครบ จบที่เดียว ครบทุกสิ่ง ครบทุกอย่าง ที่คุณต้องการ ✅️🚩
———————————
❤️ แม่จ๋ากำเงินไว้..อย่าเพิ่งไปช้อปที่ไหน มาช้อปแหลกเพื่อแม่ลูก ครบ ถูก ดี ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง❗️
💛 ลดจัดหนัก ไม่มีกั๊ก 4 วันรวด 🔥
💚 ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดัง ดีลสุดโดน 🔥
💙 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม รับสิทธิพิเศษเพียบ!!🔥
📌ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 22
.
🚩 พบกัน วันที่ 8-11 ก.ย. 65 Hall 98-99 ไบเทค บางนา
⏰ งานเริ่ม 10.00 – 20.00 น.
🌱 ครบทุกสิ่ง❗️ ครบทุกอย่าง❗️ ที่คุณต้องการ❗️
#ABK22 #AmarinBabyAndKidsFair22 #ไบเทคบางนา

นมผงสำหรับเด็ก

นมผงสำหรับเด็ก แต่ละแบรนด์มีสารอาหารอะไรบ้าง

Alternative Textaccount_circle
event
นมผงสำหรับเด็ก
นมผงสำหรับเด็ก

ผลิตภัณฑ์ นมผงสำหรับเด็ก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมแคลเซียมให้แก่ลูกน้อยได้ทุกวัย รวมถึงผู้ใหญ่ทุกคนในครอบครัวก็ดื่มด้วยได้ ในนมผงยังมีสารอาหารอื่น ๆ วิตามินและแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การดื่มนมที่ชงจะเสริมสร้างทั้งระบบประสาทและสมอง ประสิทธิภาพความทรงจำ ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน ฯลฯ เป็นผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ การซื้อนมผงมาดื่มกันทั้งครอบครัวยังมีข้อดีอย่างอื่นด้วย นั่นคือปริมาณที่มากับบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องหรือถุงนั้นมีมาก ชงดื่มได้หลายหน คุ้มค่ากว่าการซื้อนมแบบเป็นกล่องมาดื่ม อีกทั้งยังปรุงรสชาติได้ชอบใจสำหรับผู้ใหญ่ หรือนำไปดัดแปลงเป็นเมนูอย่างอื่นให้ลูกน้อยหรือให้ตัวผู้ปกครองเองเพลิดเพลินไปกับรสชาติของนมขณะที่ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนไปพร้อมกัน

นมผงสำหรับเด็ก แต่ละแบรนด์มีสารอาหารอะไรบ้าง

นมผงสำหรับเด็ก

การเลือก นมผงสำหรับเด็กทารก

คุณแม่และสมาชิกในครอบครัวอาจกำลังมองหานมผงสำหรับทารกแรกเกิด ตลาดนมผงในปัจจุบันพบการจำหน่ายนมผงสำหรับทารกอายุน้อยกว่าหนึ่งปีลดลง เมื่อเทียบกับก่อนปี พ.ศ. 2560 หลังจากภาครัฐสนับสนุนให้นมแม่เป็นทางเลือกหลักเพราะดีต่อสุขภาพของทารกที่สุด อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทั้งนี้ภาครัฐได้ออก พรบ. ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก เป็นเหตุผลที่ทำให้ในหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ของทางแบรนด์ที่มีการจำหน่ายนมผงจะไม่ปรากฏข้อมูลนมผงสำหรับทารกแรกเกิด

อย่างไรก็ตาม เป็นที่เข้าใจดีถึงการไม่พร้อมของบางครอบครัวที่คุณแม่จะให้นมแม่กับลูกน้อย อาจเพราะปัญหาสุขภาพ หรือความจำเป็นอื่น ๆ การขายในตลาดจึงมีอยู่ โดยการจัดจำหน่ายมีการวางสินค้านมผงสำหรับเด็กอ่อนในห้างสรรพสินค้า หรือซุปเปอร์มาเก็ตหลายสาขา โดยเฉพาะสาขาที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่และมีลูกค้าจำนวนมาก รวมถึงสามารถตรวจสอบหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อสั่งซื้อแบบออนไลน์ได้ 

การเลือกนมผงสำหรับเด็กทารก คุณแม่หรือสมาชิกในครอบครัว ลองค้นหาด้วยชื่อแบรนด์ที่พบว่ามีการขายนมผงทั่วไป และระบุหา สูตร 1 จะเป็นทางออกสำหรับการค้นหาผลิตภัณฑ์นมผงของทารกที่ยังมีจำหน่ายในท้องตลาด

 

ผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป และทุกคนในครอบครัว

สำหรับเด็กทารกอายุเพิ่งพ้นหนึ่งปี นมผงเป็นตัวช่วยสำคัญของคุณแม่เพื่อให้มั่นใจว่าลูกน้อยอิ่มท้องและได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างครบถ้วน เพราะการหย่านมในทันทียังเป็นเรื่องยาก หรืออาจจะใช้คำว่าแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะในวัยหนึ่งปี เด็กยังเรียนรู้การรับประทานอาหารแข็งแบบผู้ใหญ่อยู่ และกระเพาะยังไม่เหมาะกับอาหารทุกชนิด 

การให้เพียงนมแม่หลังเด็กพ้นวัยหนึ่งปี ปัญหาที่ผู้คนถกเถียงกันคือเริ่มมีสารอาหารไม่เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย เพราะเด็กพ้นวัยหนึ่งปีต้องการวิตามินและเกลือแร่เสริมเพิ่มขึ้นมาอีก รวมถึงต้องการโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นด้วย การเติบโตขึ้น กิจกรรมมากขึ้น แคลอรีที่ต้องการเพิ่มสูงตาม นมแม่ยังดื่มได้หากคุณแม่ต้องการให้นมต่อ แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายที่จะยิ่งเติบโตเร็วขึ้นอีกโดยเฉพาะในช่วงห้าปีแรก

ด้วยความที่นมผงสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป เน้นการพัฒนาร่างกายที่ใช้งานระบบต่าง ๆ อย่างเต็มที่ สูตรนมสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปจึงเป็นสูตรที่ดีกับทุกเพศทุกวัย ซึ่งจริง ๆ แล้วนมผงสำหรับเด็กนั้น ต่อให้เป็นนมผงสำหรับทารก ทุกคนก็ชงดื่มได้ ไม่เป็นอันตราย แต่นมผงสำหรับเด็กโตคือเป็นสูตรที่ตอบโจทย์ร่างกายของผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน 

3 สินค้านมผงตัวเด่นสำหรับทารกแรกเกิด

  • Enfalac 1 สมาร์ทพลัส นมผงดัดแปลงสำหรับทารก

นมผงยอดแบรนด์ในดวงใจของคุณแม่หลายคนในอดีตมาเนิ่นนาน ได้รับการบอกต่อกันปากต่อปาก มีแคลเซียม แร่ธาตุกับวิตามินครบถ้วน เพื่อการพัฒนาสมอง และระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเด็กทารก ดื่มแล้วอิ่ม ยิ่งดื่มเสริมกับนมแม่ยิ่งเพิ่มความแข็งแรงแก่สุขภาพลูกน้อย เหมาะเป็นหนึ่งในนมผงตัวแรก ๆ ที่มอบให้กับลูกรักด้วยความรักและปรารถนาดี

เว็บไซต์จัดจำหน่าย: https://www.bigc.co.th/enfa-milk-powder-smart-plus-formula-1-1-65-kg.html

นมผงสำหรับเด็ก

ที่มารูปภาพ: https://static.bigc.co.th/media/catalog/product/8/8/8850024106026_7.jpg

 

  • NAN OPTIPRO HA 1

สินค้าคุณภาพภายใต้ผู้ผลิตหัวเรือใหญ่อย่าง เนสท์เล่ อุดมด้วยคุณประโยชน์อย่างมากมาย สูตรนี้เหมาะสำหรับทารกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะภูมิแพ้ หากคุณแม่เป็นคนที่แพ้นมวัวอยู่แล้ว อาจปรึกษากับคุณหมอเพื่อการให้นมนี้เสริมกับนมแม่ ในนมผงตัวนี้มี OPTIPRO HA ซึ่งทำให้นมที่ดื่มย่อยง่าย นมตัวนี้ดีต่อการเสริมสร้างระบบคุ้มภูมิกันของเด็กทารกให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก มีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน 

เว็บไซต์ข้อมูล: https://www.bigc.co.th/nestle-nan-h-a-1-bl-700-g.html

นมผง

ที่มารูปภาพ: https://static.bigc.co.th/media/catalog/product/7/6/7613033023354.jpg

 

  • DUMEX ดูแลค นมผงดัดแปลงทำสำหรับทารก ช่วงวัยที่ 1

นมผงตัวนี้เสริมธาตุเหล็กให้ลูกน้อยร่วมกับนมแม่ เพื่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบิน ลดความเสี่ยงโลหิตจางที่จะสร้างปัญหาแก่การพัฒนาการของสมองในด้านเชาว์ปัญญาและไหวพริบ นอกจากนี้นมผงตัวนี้ยังเสริมกับไอโอดีน สนับสนุนการทำงานของต่อมไทรอยด์ ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาท พร้อมด้วยสารอาหารอื่น ๆ มากมายที่ครบถ้วน ไม่บกพร่อง เพิ่มความมั่นใจว่าคุณแม่หรือสมาชิกในครอบครัวมอบสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่งให้กับเด็กน้อย

เว็บไซต์ข้อมูล: https://www.bigc.co.th/dulac-super-mix-infant-formula-step-1-320-g.html

นมผงสำหรับเด็ก

ที่มารูปภาพ: https://static.bigc.co.th/media/catalog/product/8/8/8851359910111_7.jpg

 

นอกเหนือจากสินค้าตัวเด่นทั้ง 3 แล้ว หากคุณแม่ต้องการมองหาสินค้าตัวอื่นเพื่อเปรียบเทียบ แนะนำให้หาข้อมูลจากแบรนด์นมผงสำหรับเด็กโตซึ่งมักผลิตนมผงสูตร 1 ควบคู่ไปด้วย โดยข้อมูลของนมผงสูตรต่าง ๆ ที่ไม่ปรากฏในเว็บไซต์ของผู้ผลิต สามารถตรวจสอบจากเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ได้ ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏจะเป็นข้อมูลส่วนประกอบสำคัญโดยไม่มีภาพหรือเนื้อหาเพื่อการโฆษณา

เว็บไซต์นี้สนับสนุนการดูแลทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปีด้วยนมแม่ และหวังว่าจะส่งต่อสิ่งดี ๆ แก่คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ลูกอ่อนและสมาชิกในครอบครัวอย่างดีที่สุด

อ่านต่อ… นมผงสำหรับเด็ก แต่ละแบรนด์มีสารอาหารอะไรบ้าง ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

ดีวานา Divana Thai Med

ดีวานา คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (Divana Thai Med)

Alternative Textaccount_circle
event
ดีวานา Divana Thai Med
ดีวานา Divana Thai Med

ใครที่กำลังมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวอาการของออฟฟิศซินโดรม กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จะพาไปนวดรักษากันที่ ดีวานา (Divana Thai Med) คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งจะให้การรักษาอาการโดยตรงกับคุณหมอแพทย์แผนไทยประยุกต์

โรคออฟฟิศซินโดรม หนึ่งในความเจ็บปวดยอดฮิตของคนเมือง ด้วยวิถีชีวิตของคนเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันกับเวลา ภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบมากมาย การทำงานหนัก  การพักผ่อนน้อยหรือขาดการดูแลตนเองเป็นเวลานาน ๆ  ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มคนเหล่านี้โดยตรง เป็นปัญหาสุขภาพแอบแฝงอยู่ในร่างกายคนเมืองโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว

ดีวานา คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

คนส่วนใหญ่มักมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่นการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน การนั่งทำงานอยู่กับที่โดยไม่ได้ลุกขึ้นยืดเหยียดร่างกายเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ หรือบางคนก้มทำงานเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหดเกร็ง ปวดตึงอาการเหล่านี้หากปล่อยเอาไว้นาน ๆ จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกและกล้ามเนื้อที่รุนแรงมากขึ้น

ดังนั้นเรามาปรับพฤติกรรมต่าง ๆ เสียใหม่ หมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือลุกขึ้นเดินระหว่านั่งทำงานติดต่อกันเป็นชั่วโมง พักสายตาจากหน้าจอโดยมองต้นไม้ธรรมชาติ หรือมองไปไกล ๆ เพื่อลดการทำงานหนักของสายตาและกล้ามเนื้อรอบดวงตา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้หากทำเป็นประจำจะช่วยแก้ปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรมอย่างได้ผล

Divana Thai Med

หากปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น นั่นแสดงว่าคุณกำลังมีอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งตัว ทำให้มีอาการปวดเรื้อรัง ส่วนใหญ่มักมี “จุดกดเจ็บ”(Trigger point) ที่กล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อพังผืด ควรปรึกษาแพทย์ทางเลือกเพื่อตรวจประเมินกล้ามเนื้อและรับการรักษาอย่างตรงจุด

ดีวานา คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (Divana Thai Med) ได้ออกแบบโปรแกรม สำหรับการบำบัดรักษา ร่างกายด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยผสานการใช้ธรรมชาติในการรักษา ควบคู่ไปกับโปรแกรมที่ถูก ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพหลักของคนเมือง พร้อมการ consult และรักษาอาการโดยตรงกับคุณ หมอแพทย์แผนไทยประยุกต์

ราคา Medical Recovery Therapy 100 mins  (3,150 บาท)

แช่ Benja Kesorn Herbal Bath 20 นาที เป็นการบำบัดร่างกายด้วยสมุนไพรกลิ่นหอมทั้ง 5 ช่วยประทินผิวให้ชุ่มชื่น ลดอาการอักเสบของผิวหนังและกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลร่างกาย บำรุงกำลังและหัวใจ กลิ่นหอมละมุนช่วยลดอาการตึงเครียดของเซลล์ภายในร่างกาย

ราคา 1,600 บาท

รวมทั้งโปรแกรมราคา 4,750 บาท

ติดต่อ Divana Thai Med  คลิก!!  https://www.divanaspa.com/branches 

ดีวานา สปา

ไม่ได้ขอมาเกิด กับขอบเขตความหมาย กตัญญูหมายถึง

เมื่อ กตัญญูหมายถึง สิ่งกดดันลูก”ไม่ได้ขอมาเกิด”จึงอุบัติขึ้น

Alternative Textaccount_circle
event
ไม่ได้ขอมาเกิด กับขอบเขตความหมาย กตัญญูหมายถึง
ไม่ได้ขอมาเกิด กับขอบเขตความหมาย กตัญญูหมายถึง

กตัญญูหมายถึง คุณธรรมที่ทำด้วยใจหรือหนี้บุญคุณที่ลูกต้องมีต่อพ่อแม่ที่ชอบทวงบุญคุณ เมื่อกตัญญูกตเวทีมาพร้อมความกดดัน วาทะกรรม ไม่ได้ขอมาเกิด จึงอุบัติขึ้น

เมื่อ กตัญญูหมายถึง สิ่งกดดันลูก”ไม่ได้ขอมาเกิด”จึงอุบัติขึ้น!!

สังคมไทยเป็นสังคมที่เคารพ และยึดถือต่อความกตัญญูกตเวที เป็นเรื่องสำคัญ บุคคลใดไม่มีความกตัญญูแล้วไซร้ บุคคลนั้นย่อมมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้ยาก คำกล่าวนี้คงเป็นที่ยอมรับกันได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของคำกล่าวนี้นั้น ไม่ได้อยู่ที่คำสอน แต่หากเป็นขอบเขตของความหมายของคำว่า “กตัญญู” ต่างหากเล่า ที่ทำให้สังคมในปัจจุบันเกิดอาการ ทวงบุญคุณ กันให้วุ่นวายไปเสียหมด

กตัญญูหมายถึง อะไร??

ความกตัญญูในภาษาบาลี แปลว่า รู้บุญคุณ อันผู้ใดกระทำให้แล้ว มักใช้คู่กับคำว่า กตเวที ที่แปลว่า ตอบแทนบุญคุณอันผู้นั้นกระทำให้แล้ว รวมเป็นคำว่า กตัญญูกตเวที

นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตัญฺญูกตเวทิตา แปลว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี 

พระพุทธศาสนา ได้จัดให้คนที่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นหนึ่งในสองของอรรถบุคคลผู้หาได้ยากสองอย่าง คือ

  • บุพการี ผู้ทำอุปการะก่อน
  • กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะ และตอบแทน
พ่อแม่มีบุญคุณ กตัญญูหมายถึง กว้างแค่ไหนกัน
พ่อแม่มีบุญคุณ กตัญญูหมายถึง กว้างแค่ไหนกัน

Gratitude ,Thankfulness หรือ Gratefulness ความกตัญญู ในความหมายสากล แปลว่า ความพอใจ ความรู้คุณ เป็นความรู้สึกชื่นชมยินดี (หรือผลตอบรับเชิงบวก) ของผู้ที่ได้รับความเมตตา ของขวัญ ความช่วยเหลือ ความเอื้ออาทรอื่น ๆ ต่อผู้ให้สิ่งนั้น

ในความหมายของทั้งทางศาสนา และทางสากลนั้น ความกตัญญูคือการรู้คุณในสิ่งที่ได้รับ ซึ่งสิ่งที่ได้รับจะเป็นอะไรก็ได้ ที่ทำให้เรารู้สึกเชิงบวก รู้สึกมีความสุข ไม่ได้หมายรวมเพียงแค่วัตถุสิ่งของ ของมีค่า

ความกตัญญูในด้านจิตวิทยา

การศึกษาความกตัญญูในด้านจิตวิทยาอย่างเป็นระบบเริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ.1998 เมื่อมาติน เซลิกมาน ก่อตั้งจิตวิทยาสาขาใหม่ที่มีชื่อว่า จิตวิทยาเชิงบวก ที่มุ่งเน้นถึงการเสริมสร้างลักษณะเชิงบวก การศึกษาความกตัญญูภายในสาขาจิตวิทยาเรียกความรู้สึกกตัญญูในรูปแบบของคำว่า ความรู้สึกขอบคุณ เมื่อเรารับรู้ถึงการพอใจที่บุคคลหนึ่งทำให้แก่เรา มนุษย์ย่อมเกิดความรู้สึกอยากขอบคุณต่อการกระทำนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตอบแทนด้วยสิ่งของใด หรือวิธีการใด ๆ ก็ตาม เหล่านี้เรียกว่า ความรู้สึกขอบคุณ

จิตวิทยาเชิงบวกเป็นศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในโลกตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งศาสตราจารย์มาร์ติน เซลิกแมน ผู้เปรียบได้ว่าเป็นบิดาของศาสตร์ดังกล่าว ได้ให้ความหมายว่าเป็นจิตวิทยาของชาวตะวันตกสมัยใหม่ที่ยึดเอาจุดแข็งของมนุษย์เป็นจุดหลักของการพัฒนา เช่น การพัฒนาด้านคุณค่า สติรับรู้ในการปฏิบัติกิจต่าง ๆ การมองโลกในแง่ดี การมีความหวัง และการมีความสุข จิตวิทยาเชิงบวกจึงเป็นศาสตร์ใหม่ที่เน้นการพัฒนาบุคลิกภาพของมนุษย์ให้มีความสุข โดยมีพื้นฐานมาจากการพัฒนาตนเอง เป็นคนดี และมองโลกในแง่ดี ทั้งยังเป็นศาสตร์ที่อาศัยสถิติและวิธีการทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้ ตลอดจนมีแนวทางปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน

ที่มา : https://th.wikipedia.org
  • ประโยชน์ของ “ความกตัญญู” ในเชิงจิตวิทยา

มีการศึกษาความกตัญญูในเชิงจิตวิทยา พบว่ามันมีประโยชน์ในแง่ช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตใจ ภาวะทางอารมณ์ให้ดีขึ้น และส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นอย่างสอดคล้องกัน

โดย Robert Emmons จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย และ Michael McCullough จากมหาวิทยาลัยไมอามี พวกเขาได้ศึกษาและทดลองในประเด็น “จิตวิทยาเชิงบวกของความกตัญญู” พวกเขาทำการทดสอบกับอาสาสมัครจำนวนหนึ่งโดยให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งเขียนขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เจอมาในชีวิตประจำวันลงในไดอารีเป็นเวลา 13 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่เขียนเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกโกรธ

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่เขียนขอบคุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ โดยพบว่าเมื่อเกิดความรู้สึกขอบคุณ (หรือกตัญญูต่อสิ่งรอบตัว – ตามบริบทของงานวิจัยชิ้นนี้) ร่างกายของคนเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่ลึกซึ้ง เช่น ความเครียดลดลง, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน, การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น, อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ,  หายใจลึกขึ้น, ปริมาณออกซิเจนในเส้นเลือดและเนื้อเยื่อเพิ่มมากขึ้น ฯลฯ

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลให้อารมณ์ดี การตัดสินใจมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างการคิดในแง่บวกแม้ขณะที่เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ ซึ่งเป็นกลไกของจิตใต้สำนึกที่ช่วยให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ดีขึ้น

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com
พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมา สามารถบังคับชีวิตลูกได้จริงหรือ
พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมา สามารถบังคับชีวิตลูกได้จริงหรือ

หนี้แห่งความกตัญญู!!

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า ความกตัญญูนั้นเป็นคุณธรรมที่ทำให้มนุษย์เจริญ เป็นเครื่องหมายของคนดี กตัญญูไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ แต่การตีความขอบเขตความหมายของคำว่า “กตัญญู” ของมนุษย์ต่างหากที่ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันว่า ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจะถือว่าเป็นหนึ้บุญคุณต่อผู้ให้ การไม่ตอบแทนบุญคุณนั้นถือว่า อกตัญญู เช่น ลูกไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตามพ่อแม่ เป็นลูกอกตัญญู จริงหรือ??

ความกตัญญูถูกพูดถึงทั้งในแง่สังคมวิทยา ปรัชญา และหลักจริยธรรมในหลายๆ ศาสนาทั่วโลก โดยเป็นหัวข้อที่นักปรัชญายุคโบราณ ยุคกลาง และยุคใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ความหมายไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นคุณธรรมที่แสดงถึงพฤติกรรมที่ดี

  • ความกตัญญู ไม่เท่ากับ การเป็นหนี้

ทั้งนี้ การแสดงออกถึงความกตัญญู ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจะถือว่าเป็นหนี้บุญคุณต่อผู้ให้ ยืนยันจากงานวิจัยเรื่อง “หนี้แห่งความกตัญญู : การแยกแยะความกตัญญูและการเป็นหนี้” จากทีมนักวิจัย (Watkins, Scheer, Ovnicek & Kolts) ของหลักสูตรปริญญาเอก สาขาปรัชญา มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (The Chinese University of Hong Kong)

พวกเขาได้เผยแพร่ผลการศึกษาไว้ว่า แม้การเป็น “หนี้” และ “ความกตัญญู” ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่มีฝ่ายหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย แต่ก็มีความแตกต่างกันในความรู้สึกและพฤติกรรมโต้ตอบ  กล่าวคือ.. การเป็น “หนี้” เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ลูกหนี้จะรับรู้และตระหนักว่าพวกเขามีภาระผูกพันที่จะต้องชดใช้ให้กับเจ้าหนี้ และการเป็นหนี้จะกระตุ้นให้ลูกหนี้มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้เสมอ

ขณะที่ “ความกตัญญู” ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะมีอารมณ์และความรู้สึกที่นำไปสู่พฤติกรรมที่ดีในเชิงบวก คือ ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ มักอยากจะค้นหาผู้มีพระคุณเพื่อตอบแทนบุญคุณ และช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีให้ทั้งสองฝ่าย พร้อมส่งต่อพฤติกรรมการเกื้อกูลนี้สู่อนาคตต่อๆ ไปด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com

เราเป็นพ่อแม่ ที่เรียกได้ว่าเป็น บุพการี หรือไม่??

พุทธสอนเรื่องความกตัญญูควบคู่กับคำว่า “บุพการี” ซึ่งแปลว่า ผู้ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และพุทธเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า “บุคคลที่หายาก” นั่นเพราะคนทั่วไปมักทำความดี และตอบแทนผู้อื่นเพราะหวังผลทั้งสิ้น ดังนั้นเราผู้ซึ่งเป็นพ่อเป็นแม่ ลองมาสำรวจตัวเองกันเสียก่อนว่า เราได้เป็นบุพการีของลูกกันแล้วหรือยัง หรือเรายังมีคำเหล่านี้ในใจ

“มีลูกเพื่ออยากให้มีคนเลี้ยงดูเมื่อยามแก่เฒ่า”

“ความกตัญญู คือ การที่ลูกหาเลี้ยง หรือตอบสนองความต้องการของพ่อแม่ได้อย่างเต็มที่”

บุพการี และ กตัญญูหมายถึง ตอบแทนด้วยใจ
บุพการี และ กตัญญูหมายถึง ตอบแทนด้วยใจ

ในวัฒนธรรมพุทธได้แบ่งบุญคุณของผู้มีอุปการะได้ 5 อย่างด้วยกัน คือ

  1. อุปัตติคุณ บุญคุณที่ให้กำเนิด ให้ชีวิตและร่างกาย
  2. อุปถัมภคุณ บุญคุณที่เลี้ยงดู ให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่
  3. อารักขคุณ บุญคุณที่เฝ้าปกป้องรักษา ไม่ให้เกิดอันตราย หาหมอยามเจ็บ ห้ามกระทำที่จะทำให้เราเกิดอันตราย และห้ามไม่ให้เราทำสิ่งผิดที่ให้เราเดือดร้อนในภายหลัง
  4. สาสคุณ บุญคุณที่ให้การสั่งสอน ให้ความรู้
  5. ปิยคุณ บุญคุณที่ให้ความรัก

พ่อแม่จัดว่ามีบุญคุณครบทั้ง5ประการ ส่วนครูอาจารย์จัดว่ามีบุญคุณข้อที่3 ข้อที่4 และข้อที่5 แต่ถ้าบุพพการีไม่มีข้อไหนก็ถือว่าไม่มีข้อนั้น เช่น พ่อแม่ให้กำเนิดแต่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย ก็ถือว่ามีแค่ข้อแรกข้อเดียว เป็นต้น และบุญคุณทั้ง 5 ข้อนั้น หากจะเรียกได้ว่าเป็นบุพการีต้องไม่หวังผลตอบแทนอีกด้วย เมื่อเป็นดังนี้แล้ว จึงกล่าวได้อย่างชัดเจนเลยว่า ความกตัญญูนั้น ไม่เท่ากับการเป็นหนี้ บุคคลที่ได้รับความรู้สึกดีจากเราและต้องการการตอบแทน เป็นความรู้สึกที่อยากให้เราผู้ให้ ได้รับความสุขเหมือนดั่งที่เขาได้รับจากเราต่างหาก มิใช่การเรียกร้อง ทวงบุญคุณจากเขา เพื่อให้เขาตอบแทนต่อเรา

อ่านต่อ >>ไม่ได้ขอมาเกิด ตรรกะวิบัตของเด็กยุคใหม่ หรือถูกกดดัน และมุมมองของหมอเวชศาสตร์วัยรุ่น คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ร้านตัดผมสำหรับเด็ก

7 ร้านตัดผมสำหรับเด็ก เสริมความหล่อ เพิ่มความสวย ให้ลูกรัก

Alternative Textaccount_circle
event
ร้านตัดผมสำหรับเด็ก
ร้านตัดผมสำหรับเด็ก

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกังวลถึงเรื่องการพาลูกน้อยเข้าร้านตัดผมเด็กครั้งแรก ว่าเด็ก ๆ จะงอแงไม่อยากตัดผมหรือไม่ แล้วร้านตัดผมแบบไหนที่เหมาะสำหรับเด็ก สามารถพาลูกไปเสริมหล่อ เสริมสวย กันได้อย่างสบายใจ ทีมแม่ ABK ก็มีเทคนิคเตรียมความพร้อมก่อนพาลูกน้อยไปร้านตัดผมเด็กมาฝากกันด้วยค่ะ

10 ร้านตัดผมสำหรับเด็ก เสริมความหล่อ เพิ่มความสวย ให้ลูกรัก

ร้านตัดผมสำหรับเด็ก

  • วางแผนให้การเข้าร้านตัดผมเด็กครั้งแรกเป็นประสบการณ์ที่ดี คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำการนัดหมายเวลากับทางร้านล่วงหน้า ควร booking เวลาที่ไม่ใช่เวลานอนและเวลาทานอาหารของลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเกิดร้องงอแง เพราะการเข้าร้านตัดผมครั้งแรกของลูก เป็นเรื่องสำคัญและควรเป็นประสบการณ์ที่ดีด้วย
  • เตรียมของเล่นไปให้ลูกด้วย เพราะเด็ก ๆ จะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการตัดผม ตัวช่วยสำคัญอย่างของเล่นจะช่วยให้ลูกอยู่ในความสงบ แล้วหันไปสนใจของเล่นในมือแทน แบบนี้ช่างก็จะตัดผมได้สะดวกมากขึ้น
  • สร้างความคุ้นเคย บอกเล่าเรื่องการตัดผมให้ลูกฟัง อย่าลืมที่จะอธิบายขั้นตอนให้ลูกรู้ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะลูกยังไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ อาจทำให้เกิดความกลัวได้ อาจสาธิตด้วยการใช้ตุ๊กตา จำลองสถานการณ์ขึ้นมา หรือพาไปดูผู้ใหญ่ตัดผมก่อน เพื่อให้เขาเข้าใจว่าเป็นมันเรื่องปกติ หรืออาจสร้างความคุ้นชินให้กับลูกน้อยด้วยของเล่นที่มีเสียงคล้ายเครื่องตัดผมเพื่อลดอาการกลัวเสียงที่เกิดจากเครื่องตัดผม
  • เลือกร้านตัดผมเด็กที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งร้านเหล่านี้มักจะมีช่างที่เข้าใจและมีเทคนิคที่สามารถทำให้เด็ก ๆ เพลิดเพลินกับการตัดผมได้อย่างง่าย ๆ มีประสบการณ์และความชำนาญที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้เยอะเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ทางร้านตัดผมเด็กเฉพาะก็จะมีเก้าอี้สำหรับนั่งตัดผมรูปแบบดึงดูดใจเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยทางทีมแม่ ABK ก็ได้จัดหาร้านตัดผมเด็กมาให้คุณพ่อคุณแม่เป็นตัวเลือกเพื่อช่วยเสริมหล่อเพิ่มสวยให้กับลูกน้อยของคุณ

 

  1. Kids Salon

ร้านตัดผมเด็ก ตั้งอยู่ในห้างสะดวกในการเดินทาง การตกแต่งที่สุดน่ารักด้วยการตกแต่งด้วยของเล่นมากมาย เก้าอี้ตัดผมเด็กสุดน่ารัก ทำให้เป็นสถานที่ที่เด็ก ๆ เห็นแล้วต้องชอบ และตื่นเต้นที่ได้เข้ามาใช้บริการภายในร้าน และที่สำคัญร้านตัดผมแห่งนี้ ช่างตัดผมมีฝีมือ มีความสามารถและประสบการณ์ในการตัดผมสำหรับเด็กอีกด้วย

ร้านตัดผมเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://th-th.facebook.com/kidssalon.thewalk/

 

  1. Little Redfox

Little Redfox เกิดขึ้นจากกลุ่มคนเล็กๆ ที่หลงใหลในความสดใส ความร่าเริง รอยยิ้มของเด็กๆทางร้านใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ลึกไปถึงการคัดสรรผ้า เน้นผ้าเส้นใยธรรมชาติและการออกแบบ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่จะสวมใส่สบายที่สุด หัวใจสำคัญของเรา นอกจากแพทเทิ่นที่เรียบง่าย มีกลิ่นไอวินเทจเบาๆ แต่ยังแอบแฝงความขี้เล่น บางครั้งก็คุณหนู บางครั้งก็ซนๆ สิ่งเหล่านี้คือ Little Redfox ที่อาจเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่

  • สาขา Little Redfox
  • Mega Bangna ชั้น 2ใกลักับ Toy R Us
  • Central EastVille ชั้น 2 ใกล้กับ B2S
  • Marketplace Nanglinchee ชั้น 2
  • The Emquatier ชั้น 2 โซน Emjoy

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://th-th.facebook.com/littleredfoxkids/

ร้านตัดผมสำหรับเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://aboutmom.co/place/3rd-place/3rdplace_little-red-fox/6967/

 

  1. Milk Kids Salon & Nails

เป็นร้านที่โดดเด่นในเรื่องของ ความสะอาด เนื่องจากที่นี่ มีการใส่ใจรายละเอียดของความสะอาดเป็นอย่างดี ที่นั่งตัดผม และสถานที่มีความสะอาด เหมาะสำหรับเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก บรรยากาศในร้านตกแต่งโทนสีน่ารัก สดใส และการบริการนั้นใส่ใจทุกขั้นตอน มีช่างฝีมือระดับมืออาชีพ มีบริการตัดผม ทำเล็บ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมรสาขาให้เลือกมากมายหลายสาขาแล้วแต่ความสะดวกในการเดินทาง

  • สาขา Milk Kids Salon & Nails
  • สาขา CentralwOrld
  • สาขา Bambini Villa
  • สาขา The Promenade
  • สาขา Organika Cafe & Play
  • สาขา CentralPlaza Rama II
  • สาขา The Racquet Club
  • สาขา The Crystal Ratchapruek
  • สาขา Sammakorn Place
  • สาขา Iconsiam
  • สาขา Wisdom Valley Pataya

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://th-th.facebook.com/MilkKidsSalonNails/

ร้านตัดผมเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.thepromenade.co.th/shops/milk-kids-salon/

 

  1. For Kids Salon

ร้านนี้เกิดการทราบปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกชายและลูกสาวตัวน้อยๆ ที่มักจะเจอปัญหาทุกครั้ง ที่พาลูกไปตัดผมร้านตัดผม จึงเป็นร้านที่เข้าใจเด็ก ๆ มีการออกแบบทรงผม และแบบทรงผมให้เลือกมากมาย ร้านนี้ตอบโจทย์ปัญหาในการตัดผมของลูกน้อย จึงออกแบบร้านให้เหมาะกับเด็ก ๆ และศึกษาความเข้าใจของเด็กอย่างแท้จริง สไตล์การตกแต่งใช้สีสันสดใส เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ พร้อมทั้งมีของเล่นมากมายให้เลือก

  • สาขา For Kids Salon
  • สาขา Future park รังสิต ชั้น 3 (โซนเซ็นทรัล)
  • สาขา Seacon square ชั้น 4 (ใกล้ โยโย่แลนด์)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม http://www.forkidssalon.com/

ร้านตัดผมเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/SeaconSquareFanPage/posts/10153190386615003/

 

  1. Kiddy-Cutz kids hair salon

ร้านตัดผมเด็กที่ถือกำเนิดขึ้น จากการที่คุณแม่คนหนึ่ง (เจ้าของร้าน) ได้พาลูกชายตัวเล็กไปตัดผม แต่ไม่สามารถหาร้านที่เหมาะสมกับลูกได้ เนื่องจากร้านผู้ใหญ่มักจะปฏิเสธที่จะตัดให้เด็กเล็ก เพราะเด็กเล็กอยู่ไม่นิ่ง เสียเวลาตัด และลูกเรานั่งอยู่เฉยๆ ได้น้อยมาก จะต้องมีอะไรดึงดูดความสนใจจึงจะยอมตัดผมแต่โดยดี ดังนั้นคุณแม่ท่านนี้จึงได้เปิดร้าน Kiddy-Cutz ขึ้นมา เพื่อบริการคุณแม่ที่มีลูกเล็กเช่นกัน และคาดหวังว่า คุณแม่และลูกทุกคนจะต้องมีความสุขที่ใช้บริการตัดผมของทางร้าน ร้านตั้งอยู่ที่ The Paseo Mall ลาดกระบัง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://th-th.facebook.com/kiddycutz/

ร้านตัดผมเด็ก

ขอขอบคุณภาพจาก https://th-th.facebook.com/kiddycutz/

 

อ่านต่อ… 10 ร้านตัดผมสำหรับเด็ก เสริมความหล่อ เพิ่มความสวย ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

ท้อง6เดือน

ท้อง6เดือน ข้อห้าม ข้อควรทำ เมนูแนะนำ มีอะไรบ้าง? มาเกินครึ่งทางแล้ว!

Alternative Textaccount_circle
event
ท้อง6เดือน
ท้อง6เดือน

ท้อง6เดือน – เมื่อการตั้งครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 6 ถ้าเทียบเป็นสัปดาห์ คือ คุณอุ้มท้องเจ้าตัวเล็กมาได้ 26 สัปดาห์ ซึ่งเข้าสู่โค้งสุดท้ายของไตรมาสที่สองแล้วค่ะ เรียกได้ว่าก่อนหน้านี้คุณได้ผ่านความยากลำบากทุกอย่างที่ขวางหน้ามาในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองช่วงแรกได้แล้ว เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และความเหนื่อยล้าต่างๆ  อย่างไรก็ตามยังมีอาการในไตรมาสที่สามที่ใกล้เข้ามาแล้วรอคุณอยู่ เช่น นอนไม่หลับ ท้องผูก ปวดหลัง และอื่นๆ สำหรับช่วงนี้อาการคลื่นไส้ของคุณจะดีขึ้น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนต่อจากนี้ คือ คุณจะรู้สึกหิวบ่อยขึ้น เนื่องจากในระยะนี้เป็นช่วงที่ลูกน้อยของคุณต้องการสารอาหารมากขึ้นเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ดังนั้นความรู้สึกอยากกินตลอดเวลาเป็นเรื่องปกติของช่วงที่กำลังย่างเข้าไตรมาสที่สาม ที่สำคัญ ยังคงมีข้อควรระวังต่างๆ และสิ่งที่คุณควรปฏิบัติในช่วงนี้ ตลอดจนเรื่องของโภชนาการที่ต้องให้ความสำคัญ วันนี้มาดูกันค่ะว่า ข้อห้าม ข้อควรทำ และเมนูแนะนำของคนท้อง 6 เดือนมีอะไรบ้าง?

ท้อง6เดือน ข้อห้าม ข้อควรทำ เมนูแนะนำ มีอะไรบ้าง? มาเกินครึ่งทางแล้ว!

ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แปลว่าใกล้จะสิ้นสุดไตรมาสที่สองแล้ว เชื่อว่าช่วงนี้คุณอาจรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและเริ่มตื่นเต้นกับการใกล้มาถึงของลูกน้อยในอีกไม่กี่เดือนแล้วใช่มั้ยละคะ ในช่วงนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม เพราะอาการอ่อนเพลียคลื่นไส้ในช่วงเริ่มตั้งครรภ์จะลดลงจนเกือบกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามคุณจะต้องเตรียมรับมือกับ อาการตั้งครรภ์ ใหม่ๆ  ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า แต่เรื่องที่น่าชื่นใจของคนเป็นแม่ คือที่แน่ๆ ในช่วงนี้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการในการเจริญเติบโตค่อนข้างรวดเร็ว ลักษณะของเด็กทารกจะดูคล้ายคนตัวเล็กมากขึ้น ปอดและปฏิกิริยาการดูดนมของเขาเกือบจะพร้อมแล้วเพื่อเตรียมก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไป ช่วงนี้ คุณอาจไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว เว้นแต่คุณจะเป็นหนึ่งในผู้หญิงส่วนน้อยที่โชคร้ายที่อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ตลอดทั้ง 9 เดือนที่อุ้มท้อง 

เช็คเลย! รวมอาการ ท้อง6เดือน ที่อาจเกิดขึ้นได้

คราวนี้มาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ เมื่อคุณเดินทางมาถึง เดือนที่ 6 หรือสัปดาห์ที่ 26 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ได้ อาจมีดังต่อไปนี้ค่ะ 

  • รู้สึกปวดเมื่อย : โดยเฉพาะบริเวณหลัง สะโพก และอุ้งเชิงกราน (เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นของลูกน้อยในครรภ์) 
  • รู้สึกคัน : โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณท้อง เนื่องจากผิวหนังของคุณมีการยืดขยายออกเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ซึ่งคุณสามารถใช้ครีมทาป้องกันผิวแตกลายได้
  • ปวดซี่โครง ลูกน้อยของคุณโตขึ้นและใช้พื้นที่ในช่องท้องมากขึ้น คุณอาจรู้สึกถึงการเตะและกระทุ้งในบริเวณต่างๆ รวมทั้งซี่โครงของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของทารก นอกจากนี้ฮอร์โมนที่เพิ่มปริมาณ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในร่างกายและทรวงอก และอาการอื่นๆ เช่น อาการเสียดท้อง อาจทำให้เกิดอาการเจ็บซี่โครงได้เช่นเดียวกัน
  • รู้สึกเวียนหัวบ่อย : เนื่องจากการไหลเวียนโลหิตของคุณเพิ่มขึ้น เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังมดลูกของคุณได้มากขึ้น
  • ขาบวมหรือเป็นตะคริวที่ขา :  รวมถึงข้อเท้า เนื่องจากเส้นเลือดทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เลือดส่วนเกินทั้งหมดไหลผ่านร่างกายของคุณ
  • หิวตลอดเวลา :  เป็นเพราะร่างกายต้องการพลังงานที่มากขึ้น สำหรับคน 2 คน นอกจากนี้ ความรู้สึกหิวบ่อยยังเกิดได้จากความไม่สมดุลของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น : ในช่วงนี้น้ำหนักของคุณจะเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยปัจจัยหลายๆ อาทิ น้ำหนักของทารกในครรภ์ที่เพิ่มขึ้น น้ำคร่ำ มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น หรือ ปริมาณเลือดที่เพิ่มมากขึ้น และของเหลวอื่นๆ 
  • ยังรู้สึกเหนื่อย : ช่วงนี้ร่างกายของคุณจะทำงานเพื่อฟูมฟักลูกน้อยของคุณมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยได้แม้ว่าจะไม่มากเหมือนช่วงแรกของการตั้งครรภ์
  • มีอาการท้องผูก : ฮอร์โมนการตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ นอกจากนี้ แรงกดจากการขยายตัวของมดลูกอาจทำให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงเกิดอาการท้องผูกได้
  • เป็นกรดไหลย้อน : ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ความดันที่สูงขึ้นที่มดลูกออกสู่ท้องจะดันน้ำย่อยเข้าไปในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือที่เรียกว่า ฮาร์ทเบิร์น หรือ กรดไหลย้อน ได้
  • ท้องอืดจากแก๊ส : เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนทำให้กล้ามเนื้อลำไส้คลายตัว กระบวนการย่อยอาหารทำงานได้ช้าลงและสร้างแก๊สในปริมาณมากขึ้น
  • คัดแน่นจมูก : การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลให้เกิดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้เกิดความรู้สึกคัดแน่นจมูกได้
  • เลือดกำเดาไหล :  การไหลเวียนโลหิตที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กในจมูกขยายตัว ความดันที่กระทำต่อหลอดเลือดอาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้
  • เลือดออกตามไรฟัน : การเพิ่มขึ้นของการไหลเวียนของเลือดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นสาเหตุของเหงือกบวมและมีเลือดออกในระหว่างตั้งครรภ์
  • ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น : เนื่องจากอาการแพ้ท้องมีน้อยในเดือนนี้ ความอยากอาหารจึงสูงขึ้น
  • ข้อเท้าบวม : การกักเก็บน้ำในร่างกายและแรงกดของมดลูกที่กำลังเติบโตบนเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ หรือ ข้อเท้าบวม
  • ปวดเมื่อยที่เท้า : อาการบวมน้ำ เช่นเดียวกับการเพิ่มน้ำหนักตัวจากการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดแรงกดที่เท้าเพิ่มเติมทำให้รู้สึกปวดเมื่อยที่เท้าได้
  • ตกขาวสีขาว : ปากมดลูกและผนังช่องคลอดจะอ่อนตัวลงระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิดตกขาว ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าสู่มดลูกผ่านทางช่องคลอด
  • อึดอัดหายใจไม่สะดวก : มดลูกที่กำลังเติบโตสร้างแรงกดดันต่อกระบังลมซึ่งอาจทำให้รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกได้
  • ปวดหลัง : มดลูกยังกดบริเวณหลังส่วนล่างของคุณอีกด้วย นอกจากนี้การตั้งครรภ์ยังส่งผลให้เกิดการยืดของเอ็นข้อต่อในบริเวณอุ้งเชิงกรานและหลังส่วนล่าง ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้นำไปสู่อาการปวดหลัง
  • นอนไม่หลับ : การต้องลุกไปห้องน้ำบ่อยครั้ง ตลอดจนอาการปวดหลัง คัดจมูก และอื่นๆ ที่มารบกวน อาจส่งผลให้คุณนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทได้บ่อยในช่วงนี้
  • ท้องแข็ง เจ็บท้องหลอก :  เนื่องจากมดลูกบีบรัดตัว อาจทำให้รู้สึกตึงหรือแน่นที่บริเวณท้อง และอาจจะมีอาการปวดท้องได้ทุก ๆ 5-10 นาที ได้
  • ท้องแตกลาย : พบได้บ่อยในสตรีมีครรภ์และปรากฏขึ้นระหว่าง 55% ถึง 90% ของหญิงตั้งครรภ์ แม้ว่ารอยแตกลายจะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็อาจทำให้ระคายเคืองและทำให้เกิดอาการคันหรือแสบร้อนได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป อาการเหล่านี้และลักษณะที่ปรากฏมักจะจางลง บริเวณอื่นๆ นอกจากท้องที่มักจะเกิดรอยแตกลายระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่ หน้าอก สะโพก และต้นขา
  • เส้นเลือดขอด : เส้นเลือดขอดเกิดขึ้นได้เนื่องจากเส้นเลือดต้องดันเลือดส่วนเกินไปยังมดลูกของคุณเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการทางโภชนาการของทารกที่กำลังเติบโต เส้นเลือดเหล่านี้ซึ่งมีอาการบวมและเป็นสีม่วงบริเวณต้นขาและใต้เข่าจะเรียกว่าเส้นเลือดขอด

ข้อห้าม! ข้อควรระวัง! คนท้อง6เดือน

มาถึงข้อควรระวัง และสิ่งที่ไม่ควรทำในช่วงนี้ค่ะ 

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

เมื่อคนตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมผ่านรกและอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดอาการทารกในครรภ์ได้รับแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นอาการที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและความผิดปกติทางร่างกายของเด็กหลังคลอดแล้วได้ดังต่อไปนี้  เกิดความบกพร่องทางสติปัญญา มีปัญหาด้านพฤติกรรม และ พัฒนาการล่าช้า

  • ไม่ควรดื่มกาแฟ (คาเฟอีน) มากเกินไป 

เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ คาเฟอีนสามารถดูดซึมผ่านรกและส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการบริโภคคาเฟอีนจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่การวิจัยชี้ให้เห็นว่าควรจำกัดการบริโภคคาเฟอีนไว้ที่ 200 มิลลิกรัม ต่อวัน (กาแฟประมาณ 1.5 ถ้วย)  ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าปริมาณที่มากกว่านี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการสูญเสียการตั้งครรภ์และน้ำหนักแรกเกิดต่ำ

  • งดสูบบุหรี่ 

การสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งคนมีครรภ์และทารกในครรภ์ได้ นอกเหนือจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและมะเร็งปอดแล้ว การสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ยังสามารถทำให้เกิดปัญหา อีกหลายอย่าง เช่น คลอดก่อนกำหนด ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ กลุ่มอาการทารกเสียชีวิตกะทันหัน ปัญหาเกี่ยวกับรก เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด สตรีมีครรภ์ควรเลิกสูบบุหรี่ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่มือสอง บุคคลที่มีปัญหาในการเลิกบุหรี่สามารถพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความช่วยเหลือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่มีได้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางชนิด 

เป็นเรื่องปกติสำหรับสตรีมีครรภ์ที่จะหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากความรู้สึกของกลิ่นที่เปลี่ยนไปหรือเพราะอาหารทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบาย อย่างไรก็ตาม มีอาหารบางอย่างที่คนตั้งครรภ์ทุกคนควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน ได้แก่

เนื้อสัตว์และอาหารสำเร็จรูป : เช่น สลัดไก่สำเร็จรูป อาจมีเชื้อ ลิสเทอเรีย (Listeria) เป็นแบคทีเรียที่สามารถส่งผ่านเชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับทารกในครรภ์
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ล้างให้สะอาด : ผลไม้หรือผักที่ไม่ได้ล้างสามารถติดเชื้อลิสเทอเรียได้ นอกจากนี้ยังสามารถแหล่งที่เชื่อถือได้มีปรสิตที่เรียกว่า toxoplasma ซึ่งเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
น้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ : เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์สำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์อาจมีลิสเทอเรียและแบคทีเรียอื่นๆ ที่อาจทำให้อาหารเป็นพิษได้
ปลาที่มีสารปรอทสูง : ปลานาก ปลาฉลาม และปลาแมคเคอเรลเป็นปลาที่มีสารปรอทในระดับสูง แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้แสดงให้เห็นว่าหากทารกในครรภ์ได้รับสารปรอทอาจทำให้สมองเสียหายหรือมีปัญหาด้านการได้ยินและการมองเห็นหลังคลอดได้
เนื้อดิบและปลาดิบ : เนื้อและปลาดิบ รวมทั้งซูชิและหอยนางรมดิบ สามารถมีได้ทั้งเชื้อซัลโมเนลลาและทอกโซพลาสโมซิส หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคที่เกิดจากอาหารจากเชื้อโรคเหล่านี้ การเจ็บป่วยที่เกิดจากอาหารอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ มีไข้ และภาวะติดเชื้อในมดลูก ซึ่งเป็นการติดเชื้อในเลือดที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
ไข่ดิบ : ไข่ดิบอาจมีเชื้อซัลโมเนลลา สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจมีไข่ดิบ เช่น แป้งคุกกี้ที่ยังไม่อบหรือน้ำสลัดซีซาร์แบบโฮมเมด เป็นต้น

  • งดทำความสะอาดกระบะทราย

สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยน หรือทำความสะอาดกระบะทราย การทำความสะอาดอาจกระบะทราย เช่น กระบะอุจจาระและปัสสาวะแมว อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ทอกโซพลาสโมซิส หรือที่ในบ้านเราเรียกว่า “โรคขี้แมว” ได้  หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสอาจส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์ ส่งผลให้ทารกอาจมีความผิดปกติรุนแรงหลังคลอด ได้แก่ ตาบอด ความบกพร่องทางสติปัญญา สมองเสียหาย มีปัญหาทางการได้ยิน เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการทานยาบางชนิด

สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) และยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ โดยแพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาต่อไปนี้ ไอบูโพรเฟนและยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาลดความดันโลหิต (ACE inhibitors) ยาแก้หวัดและไข้หวัดใหญ่ที่มีส่วนประกอบเฉพาะ ยารักษาสิวบางชนิด หากสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อการให้คำแนะนำเกี่ยวกับยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงทางเลือกอื่นหากบุคคลนั้นไม่สามารถใช้ยาตามปกติได้ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรหลายชนิดที่คนตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ ตัวอย่าง ได้แก่  โสม หรือ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น

  • ระมัดระวังการใช้น้ำมันหอมระเหยบางกลิ่น

แม้ว่าการใช้น้ำมันหอมระเหย จะช่วยปรับสมดุลกายและใจช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เช่น ช่วยคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้จิตใจสงบ อย่างไรก็ตาม หนึ่งข้อควรระวังในช่วงไตรมาสที่ 3 คือ การใช้น้ำมันหอมระเหยบางกลิ่นที่อาจส่งผลเสียต่อแม่และเด็กได้ ดังนั้นก่อนเลือกที่จะใช้การบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหยควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อที่จะได้ทราบลักษณะการใช้ที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายทั้งกับแม่และเด็กในภายหลัง

  • งดออกกำลังกายบางประเภท

แพทย์แนะนำให้คนท้องส่วนใหญ่ออกกำลังกาย สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจจำเป็นต้องจำกัดการออกกำลังกาย หากแพทย์ให้ไฟเขียว หญิงตั้งครรภ์ควรตั้งเป้าออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 20-30 นาทีต่อวันเกือบทุกวันในสัปดาห์ อาจมีการออกกำลังกายบางอย่างที่ไม่เหมาะสมในระหว่างตั้งครรภ์ แต่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แพทย์สามารถให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเกี่ยวกับประเภทของการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่อาจทำให้เสี่ยงที่จะเสียการทรงตัว หรือหกล้ม

ข้อห้ามต่างๆ เบื้องต้นทั้งหมดที่กล่าวไป อาจทำให้ทั้งคุณและทารกเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งระหว่างและหลังคลอดได้ การระมัดระวังตัวปฏิบัติตัวอย่างไม่ประมาท ตลอดจนการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรับการตรวจติดตามอย่างรอบคอบ จะทำให้คุณสามารถลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

ตั้งครรภ์6เดือน
ตั้งครรภ์6เดือน

ท้อง6เดือน อาการแบบไหน? ที่ควรรีบไปพบแพทย์

มาเกินครึ่งทางของการตั้งครรภ์แล้ว คุณต้องใส่ใจกับทุกสัญญาณเตือนทางร่างกายตลอดการตั้งครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน อาการผิดปกติ และที่น่าสงสัยต่างๆ อาจเป็นปัญหาร้ายแรงได้ ดังนั้นควรตรวจอาการบางอย่างเพื่อทำความเข้าใจว่าเมื่อใดที่คุณควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของการคลอดก่อนกำหนดได้

  • มดลูกบีบตัวมากกว่าห้าครั้งต่อชั่วโมง
  • มีเลือดแดงสดออกจากช่องคลอด
  • บวมที่ใบหน้าหรือมือ
  • ปวดขณะถ่ายปัสสาวะ
  • ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดท้องรุนแรงหรือเป็นเวลานาน
  • อาเจียนเฉียบพลันหรือต่อเนื่อง
  • การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ช้าลงหรือไม่มีเลย
  • มีของเหลวใสไหลออกมาจากช่องคลอดอย่างกะทันหัน

อ่านต่อ…ท้อง6เดือน ข้อห้าม ข้อควรทำ เมนูแนะนำ มีอะไรบ้าง? มาเกินครึ่งทางแล้ว! ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ของใช้เด็ก

ช้อปปิ้งลิสต์ 10 ของกิน ของใช้เด็ก การันตีคุณภาพ

Alternative Textaccount_circle
event
ของใช้เด็ก
ของใช้เด็ก

ได้เวลาช้อปปิ้งค่ะคุณแม่ ! ออกไปเดินเลือกซื้อของกิน ของใช้เด็ก เข้าบ้านให้ลูกน้อยกันดีกว่า เดินเล่นผ่อนคลายเพลินๆ แล้ว ใครที่อยากหาผลิตภัณฑ์ดี ๆ ให้ลูกมาดูลิสต์นี้เลย กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จัดไว้ให้แล้ว 10 อย่าง เซฟไว้เป็นช้อปปิ้งลิสต์ จะกดสั่งออนไลน์ก็ได้ ออกไปซื้อก็ลองมองหาดู มีแต่ของดีการันตีคุณภาพรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 ทุกชิ้นค่ะ

10 แบรนด์ ของใช้เด็ก ของกิน แนะนำทุกบ้านต้องมี

นม UHT Enfagrow A+

1. นม UHT Enfagrow A+ Superior สูตร 3

ของกินที่ขาดไม่ได้ของลูกน้อยวัยกำลังโตก็คือนมนั่นเอง สำหรับวัยกำลังโตและเลยช่วงดื่มนมจากอกคุณแม่แล้ว แนะนำนม UHT Enfagrow A+ Superior สูตร 3 สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว มีสารอาหารที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการเรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น MFGM และ DHA ที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญา นอกจากนี้ยังมีทั้งวิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง วิตามินบี 6 โคลีน ไอโอดีน แคลเซียม ฯลฯ นอกจากดื่มนมมีคุณภาพแแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเสริมสร้างพัฒนาการของลูกให้สมวัยด้วยนะคะ นมกล่อง UHT Enfagrow A+ Superior สูตร 3 ได้รับการการีนตีคุณภาพ เป็นนมที่ดีสำหรับเด็กวัยกำลังโตที่แม่ทั่วประเทศโหวตให้แบรนด์ที่ 1 ในดวงใจ ด้วยรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา UHT MILK AWARD จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม นม UHT Enfagrow A+ Superior สูตร 3

อาหารเสริมสำหรับเด็ก BAMBOLINA

2. อาหารเสริมสำหรับเด็ก BAMBOLINA

คุณแม่อยากเสริมสารอาหารให้ลูกน้อยได้รับประโยชน์มากขึ้น อาหารเสริมสำหรับเด็กก็น่าสนใจ อย่างแบมโบลิน่า เป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ที่มีส่วนผสมเป็นผลไม้ล้วน 100% คัดสรรแต่ผลไม้ที่มีประโยชน์ มีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร เน้นความเป็นธรรมชาติจากวัตถุดิบ ไม่ปรุงแต่งรสชาติ และไม่มีส่วนผสมใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ของลูกน้อย แถมยังย่อยง่าย เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทานอาหาร มาในรูปแบบถุงบีบรูปพี่หมีน่ารัก จับถนัดมือ มีให้เลือกหลายรสชาติผลไม้ อร่อยถูกใจลูกน้อยแน่นอน BAMBOLINA อาหารเสริมสำหรับเด็ก อีกหนึ่งไอเทมของกิน ของใช้เด็ก ที่อยากแนะนำค่ะ เพราะนอกจากจะคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้ประโยชน์กับลูกน้อย คุรแม่ยังมั่นใจในคุณภาพ เพราะได้รับการการันตีด้วยรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST BABY FOOD AND SNACKS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม อาหารเสริมสำหรับเด็ก Bambolina

ของใช้เด็ก JUST GENTLE

3. น้ำยาล้างทําความสะอาด ของใช้เด็ก JUST GENTLE

ของใช้ต่าง ๆ ของลูกน้อยหลายอย่างผลิตด้วยวัสดุซึ่งมีความบอบบางกว่าของใช้ผู้ใหญ่ การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจึงควรช่วยทะนุถนอมของใช้เหล่านั้นและยังปลอดภัยกับลูกด้วยเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ของ Just Gentle ตัวนี้เป็นสูตรที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายกับลูกน้อย ขณะเดียวกันก็ช่วยขจัดคราบต่าง ๆ ได้หมดจด ทั้งคราบนม คราบอาหาร และสิ่งสกปรก ใช้ทำความสะอาดได้ทั้งขวดนม จุกนม จาน ชาม ของเล่น และของใช้อื่น ๆ เหมาะสำหรับของใช้เด็กแรกเกิดที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ JUST GENTLE น้ำยาล้างทําความสะอาด ของใช้เด็กได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ ด้วยรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST BABY BOTTLE AND NIPPLE CLEANSER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม น้ำยาล้างทําความสะอาดของใช้เด็ก Just Gentle

วิตามินเพิ่มภูมิคุ้มกันในเด็ก MUNO POWDER

4. วิตามินเพิ่มภูมิคุ้มกันในเด็ก MUNO POWDER

หากลูกน้อยป่วยง่าย หายช้า มีภูมิคุ้มกันต่ำ นอกจากให้เค้ากินอาหารครบห้าหมู่แล้ว ตัวช่วยชั้นดีที่จะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้อีกทางก็คือวิตามินเสริมนั่นเอง ซึ่งตัวนี้แตกต่างจากในท้องตลาดเพราะมาในรูปแบบผง วิตามินจึงคงตัวดีและอยู่ยาวนานกว่า และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้รวดเร็วกว่าวิตามินไซรัปทั่วไปด้วย ประกอบด้วยวิตามิน 9 ชนิดสำคัญ มีส่วนผสมของ SAMBUCUS Bio-Matrix Elderberry Extract สารสกัดเอลเดอร์เบอร์รี่จากเดนมาร์ค ปริมาณสูงถึง 5,760 mg จึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทันที กระตุ้นการสร้างแอนตี้บอดี้ ช่วยให้หายป่วยเร็วขึ้น 3 เท่า ช่วยลดโอกาสติดเชื้อ ปลอดภัยด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% แถมยังทานง่าย หอมเบอร์รี่ด้วย เป็นอีกหนึ่งไอเทมในการดูแลสุขภาพของเด็ก ๆ คุณแม่ต้องมีติดบ้านไว้นะคะ MUNO POWDER วิตามินเพิ่มภูมิคุ้มกันในเด็ก ได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัล RISING STAR สาขา KIDS DIETARY SUPPLEMENT AWARD จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02jwkjiDMVuMFMqXenkg4hBBJ83VoMNTboxaWHokS6dnvtDWtUayQBwAP1BMfVSGHYl&id=101444878680110

ของใช้เด็ก โลชั่นกันยุง WHITE PAPEL

5. ผลิตภัณฑ์โลชั่นกันยุง WHITE PAPEL

ผลิตภัณฑ์กันยุงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์กันยุง WHITE PAPEL เป็นโลชั่นกันยุงออร์แกนิค คิดค้นเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะด้วยสูตรปกป้องผิวจากยุงและแมลงรบกวน จากประสิทธิภาพของดอกลาเวนเดอร์ และตะไคร้หอม ผสมผสานคุณค่าของสารสกัดออร์แกนิก เช่น Shea Butter น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และว่านหางจระเข้ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิว จึงช่วยถนอมผิวลูกน้อย เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังปราศจากสาร DEET และสารที่เป็นอันตราย จนยังได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิคจาก USDA Organic สหรัฐอเมริกา WHITE PAPEL โลชั่นกันยุง เป็นหนึ่งไอเทม ของใช้เด็ก ที่แนะนำให้คุณแม่ซื้อติดบ้าน พกใส่กระเป๋า พร้อมใช้ปกป้องยุงให้กับลูกน้อยได้ตลอดเวลา และยิ่งมั่นใจในคุณภาพเพราะได้รับการันตีคุณภาพด้วยรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST MOSQUITO SOLUTION FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.whitepapel.com/%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b9%89%e0%b8%b2/

ของใช้เด็ก Aviiday

6. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเด็ก Aviiday Amy Facial moisture & Sun Protection SPF25

ผิวลูกน้อยเป็นผิวบอบบาง ต้องปกป้องเมื่อเจอกับแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์นี้จึงควรมีไว้เพื่อช่วยบำรุงและปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะ รังสี UVA/UVB รวมทั้งแสงสีฟ้าจากจออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ด้วย เหมาะกับเด็กยุคนี้ที่เรียนออนไลน์ และใช้หน้าจอนาน ๆ เนื้อครีมประกอบจากออร์แกนิคนานาชนิด เช่น Arabian Cotton, Organic Rose Water, Aquaxyl อุดมด้วยสารสกัด Esodin ที่ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและรักษาความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวให้ยาวนานขึ้น ปกป้องผิวก่อนออกไปเรียนรู้โลกภายนอกได้อย่างมั่นใจ AVIIDAY ครีมบำรุงผิวผสมกันแดด ไอเทมที่ควรมีใช้ที่บ้าน และพกติดกระป๋าไว้ใช้ ของใช้เด็ก คุณภาพดีแบบนี้มีการันตีคุณภาพด้วยรางวัล  100 % ORGANIC สาขา BEST SKINCARE FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม https://aviiday.com/avii-amyfacialmoisturesunprotectionspf25

ซักผ้าเด็กออแกนิค BOTANIKA

7. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กออแกนิค BOTANIKA

เสื้อผ้าลูกก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกันค่ะ BOTANIKA เป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรออร์แกนิคที่อ่อนโยน มีสารสกัดจากสัปปะรดและมะนาว สามารถขจัดทั้งคราบฝังแน่น คราบนม คราบอาหาร คราบอาเจียน และคราบเลอะเปรอะเปื้อนต่าง ๆ ให้หลุดออกได้โดยง่าย ซึ่งสารสกัดจากผลไม้รสเปรี้ยวยังทำให้ผ้าอ่อนนุ่มโดยไม่ต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย ส่วนสารสกัดจากส้มขม จะช่วยต้านแบคทีเรียและเชื้อราบนเสื้อผ้า มีสารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์และวนิลา ช่วยให้ผ้าหอมตามธรรมชาติ ที่สำคัญคือปลอดสารเคมี ฟองน้อย ล้างออกง่าย เหมาะทั้งซักมือและซักเครื่อง และยังอ่อนโยนต่อผิวเด็กแรกเกิดและผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย BOTANIKA น้ำยาซักผ้าเด็กจากส่วนผสมธรรมชาติ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก  Ecocert Cosmetic กลุ่ม Natural & Organic มาถึง 90 % สามารถขจัดคราบสกปรกได้หมดจด และอ่อนโยนกับผิว ของใช้เด็ก ชิ้นนี้ต้องมีไว้ใช้ที่บ้านกันนะคะ ที่สำคัญคุณแม่มั่นใจในคุณภาพได้ค่ะ เพราะการันตีคุณภาพด้วยรางวัล NATURAL & ORGANIC สาขา BEST BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กออแกนิค Botanika

ทิชชู่เปียก Tiny Nose Saline Wipes

8. ทิชชู่เปียก Tiny Nose Saline Wipes

ผ้าเปียกสำหรับเช็ดทำความสะอาด จัดเป็นผู้ช่วยในหลายสถานการณ์เลย ตัวนี้มีน้ำเกลือธรรมชาติ เป็นส่วนผสมหลัก จึงสามารถใช้เช็ดจมูก ใบหน้า และร่างกาย โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง จึงไม่ทำให้จมูกลูกน้อยเจ็บหรือแดง และด้วยคุณสมบัติของนํ้าเกลือ ทำให้สามารถลดการสะสมของแบคทีเรียได้ถึง 99.9% เนื้อผ้านุ่มพิเศษ 100% Chlorine Free Cloth มี pH Balanced สมดุลไม่ทำให้แสบผิว พร้อมปกป้องความชุ่มชื่นด้วยสารสกัดจากอโวคาโด ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางแม้แต่ผิวของทารก ของใช้เด็ก ชิ้นนี้ใช้ดีมาก ๆ อยากให้ทุกบ้านที่ลูกเล็กได้ใช้กันค่ะ TINY NOSE ทิชชู่เปียก ได้การันตีคุณภาพด้วยรางวัล EDITOR’s CHOICE สาขา BEST BABY WIPES จาก Amarin Baby & Kids Awards 2021

ข้อมูลเพิ่มเติม http://tinynosebaby.com/products

ของใช้เด็ก PIPPER STANDARD

9. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์จากธรรมชาติ PIPPER STANDARD

ทำความสะอาดบ้านที่มีลูกน้อยยิ่งต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษนะคะ น้ำยาทำความสะอาดเอนกประสงค์ตัวนี้จะช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายและสะดวกกว่าที่เคย เพียงสเปรย์ผลิตภัณฑ์ลงบนพื้นผิวที่ต้องการแล้วเช็ดออกโดยไม่ต้องเช็ดน้ำซ้ำ พื้นผิวจะมันเงา สะอาดปราศจากคราบสกปรก ไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตราย มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ และยังปลอดภัยต่อสุขภาพ เพราะผ่านการทดสอบการระคายเคือง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จนได้รับสิทธิบัตรเทคโนโลยีด้านสารทำความสะอาดจากสหรัฐอเมริกาด้วย น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดของ PIPPER STANDARD แบบหัวสเปรย์ ใช้สะดวก สามารถทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว ของใช้ หรือของเล่นลูกก็เอาอยุ่ เพราะทำจากส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองผิว และยังได้การันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 กับรางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST HOUSEHOLD DISINFECTANT CLEANER

ข้อมูลเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด Pipper Standard

ของใช้เด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป BabyLove Playpants Premium

10. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป BabyLove Playpants Premium

สำหรับคุณแม่ดูแลแลูกน้อย สำคัญไม่แพ้ของกินก็ต้องผ้าอ้อมนี่แหละ ผ้าอ้อมที่ดีจะช่วยให้ลูกน้อยสบายตัว ทำกิจกรรมอะไรก็คล่องแคล่ว เบบี้เลิฟเป็นอีกแบรนด์ที่คุณแม่คุ้นเคย โดยเฉพาะรุ่นเพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ที่เพิ่มประสิทธิภาพการซึมซับ ขอบเอวยืดหยุ่นได้ 2.5 เท่า สวมใส่สบาย ขยับเล่นได้แบบไม่สะดุด ผิวสัมผัสนุ่มทั้งด้านในและด้านนอก เคลื่อนไหวแค่ไหนก็ไม่เสียดสี มีขอบขาล๊อคป้องกันการซึมเปื้อน ป้องกันของเหลวไม่ให้ไหลย้อนกลับ แห้งสบายผิวยาวนาน 10 ชม. ผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิก ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้โดย Dermscan Asia มาพร้อมลวดลายน่ารัก และไซส์ XXXL ยังเพิ่มเทปพันทิ้งหลังใช้ ไม่เลอะเทอะด้วย  ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในดวงใจ คุณแม่ทั่วประเทศยกให้แบรนด์ BABYLOVE มาเป็นอันดับหนึ่งด้วยเทคโนโลยีล็อกการรั่วซึม เนื้อผ้านิ่ม รูปทรงกระชับตัว สวมใส่สบายเหมาะกับพัฒนาการของลูกทุกช่วงวัย และยังได้การันตีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards 2021 รางวัล MOMMY’s CHOICE สาขา BEST DISPOSABLE DIAPERS

ข้อมูลเพิ่มเติม https://babylove.co.th/products/play-pants.php?gclid=Cj0KCQjw_viWBhD8ARIsAH1mCd6UCOy-hNDrrs0DNmnn7bRiAEtlls7EnFo8mE-vMtxINXH4qYXHUL8aAqLuEALw_wcB#

ไอเทมของกิน ของใช้เด็ก ทั้ง 10 แบรนด์นี้ แนะนำให้กับทุกครอบครัวได้หาซื้อมาใช้กันค่ะ เพราะแต่ชิ้นใช้ดี มีคุณภาพได้การันตีจากคุณแม่ ๆ และทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ด้วยค่ะ

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม มีสรรพคุณอย่างไร ปลอดภัยหรือเปล่า

Alternative Textaccount_circle
event
คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม
คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

คุณแม่ตั้งครรภ์มักถนอมร่างกายและใส่ใจกับการดื่มหรือรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก เพราะทราบดีว่าทุกอย่างที่ผ่านเข้าไปยังในร่างกายนั้นต้องแบ่งปันให้กับลูกน้อยด้วย เป็นธรรมชาติที่คุณแม่อยากบำรุงให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ และต้องการหลีกเลี่ยงของกินใด ๆ ก็แล้วแต่ที่ไม่น่าไว้ใจว่าจะเป็นผลดีกับลูกน้อยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยความห่วงใย คุณแม่มือใหม่จึงมีคำถามประจำตัวในการรับประทานอาหารหลาย ๆ ว่า คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม มีสรรพคุณอย่างไร ปลอดภัยหรือเปล่า

น้ำขิงที่มีฤทธิ์ร้อน ดื่มแล้วให้ความรู้สึกวูบวาบ แสบร้อนที่ท้อง แม้ปกติจะให้ความอบอุ่นในตอนที่ร่างกายรู้สึกเย็น แต่นี่คือหนึ่งในน้ำสมุนไพรยอดนิยมที่คุณแม่เกิดคำถามกันอยู่เสมอ เพราะความแสบร้อนเบา ๆ ที่รู้สึกนั้น น่าเป็นห่วงว่าจะทำให้เด็กในครรภ์ร้อนไปด้วยมากน้อยแค่ไหน คุณแม่คิดห่วงและคิดไปได้ไกลหากไม่มีความกระจ่าง ดังนั้นจึงต้องมีผู้ให้สาระดี ๆ เพื่อจะให้สบายใจ และกล้าตามใจปาก อีกทั้งสร้างสุขภาพดี ๆ ทั้งแก่ตนเองและลูกน้อยด้วย

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

บทความนี้ขอสรุปความสั้น ๆ ให้เข้าใจตรงกันว่า “คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถดื่มน้ำขิงได้อย่างแน่นอน” มาดูสรรพคุณของน้ำขิงที่ทำให้คุณแม่ไว้ใจเครื่องดื่มสมุนไพรชนิดนี้กันได้ก่อน

 

สรรพคุณของน้ำขิง

  1. น้ำขิงลดอาการคลื่นไส้ รวมถึงการคลื่นไส้ที่เป็นมาจากการแพ้ท้องด้วย 
  2. ลดการปวดตามข้อ 
  3. ช่วยขับลม แก้อาหารท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย
  4. ลดการติดเชื้อหวัดผ่านช่องปาก ลดการติดเชื้อในลำคอ
  5. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวดเมื่อย
  6. ช่วยลดคลอเลสเตอรอลสูงระหว่างการตั้งครรภ์

ด้วยสรรพคุณดังที่กล่าวไป จะเห็นว่าน้ำขิงนั้นมีคุณอย่างยิ่งต่อร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่การค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองในอินเทอร์เน็ต คุณแม่อาจพบข้อเท็จจริงที่เป็นความเสี่ยงของการดื่มน้ำขิงอยู่ด้วย ส่วนหนึ่งนั้นเพราะการดื่มหรือรับประทานอะไรก็แล้วแต่ การรับประทานที่มากไป หรือเลือกช่วงเวลารับประทานที่ไม่เหมาะสมย่อมทำให้เสื่อมจากประโยชน์ หรือพบกับโทษของสิ่งที่รับประทานลงไปได้

 

ข้อจำกัดของการดื่มน้ำขิง

หากคุณแม่ต้องการมั่นใจว่าการดื่มน้ำขิงจะไม่ส่งผลเสีย ควรทราบข้อเท็จจริงเรื่องการดื่มน้ำขิงไว้กำกับตนเองให้ชงน้ำขิงดื่มได้อย่างเหมาะสม

  1. ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดื่มน้ำขิง เพราะอุณหภูมิร่างกายที่ต่ำหลังจากตื่นนอน เมื่อได้ดื่มน้ำขิงและเลือดลมเดินดี จะทำให้กระปรี้ประเปร่า  
  2. ห้ามดื่มน้ำขิงและปล่อยให้ท้องว่าง เพราะอาจจะทำให้แสบร้อนกระเพาะอาหารได้ ควรดื่มน้ำขิงก่อนรับประทานอาหารเช้า
  3. ห้ามดื่มน้ำขิงก่อนนอน เพราะน้ำขิงกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต จนทำให้ร่างกายตื่นตัวราวกับได้รับคาเฟอีน ในกลุ่มคนที่ไม่ไวต่อคาเฟอีนหรือมีสุขภาพแข็งแรงมาก อาจจะสามารถหลับลงได้ตามปกติ แต่ไม่ใช่กับทุกคน ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ คุณแม่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรดื่มน้ำขิงเกินวันละ 3 แก้วต่อวัน (ผงขิงเป็นสัดส่วน 1 ช้อนชาต่อ 1 แก้ว) และควรดื่มวันเว้นวัน หรือเว้นระยะระหว่างวัน คนโดยทั่วไปนั้นสามารถรับประทานน้ำขิงได้ถึง 6 แก้วต่อวัน 
  4. ผงขิงสำเร็จรูปที่มีน้ำตาลผสม มีแนวโน้มที่จะไม่ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะระดับน้ำตาลอาจสร้างปัญหาให้แก่สุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ในภายหลังได้
  5. ไม่ควรต้มน้ำขิงทิ้งค้างคืนไว้ดื่มหลาย ๆ วัน เพราะน้ำขิงสูญเสียประโยชน์และรสชาติที่ดี

 

ด้วยข้อจำกัดในการดื่มที่ไม่ควรมากไป ไม่ควรดื่มบ่อยไป ไม่ควรหวานไป ไม่ควรดื่มแล้วปล่อยให้ท้องว่าง ดังนั้นสำหรับคุณแม่ที่ต้องการดื่มน้ำขิงเพื่อสุขภาพ อาจลองพิจารณานำน้ำขิงมาทำให้เกิดประโยชน์กับร่างกายมากขึ้นอีกด้วยการผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบอื่น 

 

10 เมนูน้ำขิงร้อน ๆ เสริมสร้างสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์

  • ไข่หวานน้ำขิง

ขนมไทยโบราณ ใช้ไข่เป็ดล้างน้ำให้สะอาด เตรียมน้ำสะอาด เกลือ น้ำตาล ใบเตย และขิงเอาไว้ การทำให้เริ่มต้นทุบขิงให้แตก ให้กลิ่นของขิงอวลออกมา แล้วนำไปต้ม ใส่เกลือเล็กน้อยกับใบเตย ต้มประมาณ 5-10 นาทีให้รสชาติของขิงออก จากนั้นนำไปกรองกับผ้าขาวบาง แล้วนำไปต้มอีก ปรุงหวานด้วยน้ำตาลทราบตามชอบใจ คนไปเรื่อย ๆ ให้น้ำตาลละลาย จากนั้นเอาไข่ที่ตอกไว้ใส่ถ้วย มาเทใส่ทีละฟอง ไม่คนแล้ว แต่เบาไฟลง รอจนไข่มองเห็นจากด้านบนเป็นสีขาว กลับด้านไข่ที่ลอยอยู่ พอเห็นว่าสุกได้ที่ก็ตักกินได้เลย

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

ที่มาภาพ และ VDO การทำ: https://www.youtube.com/watch?v=lx7QMMd5FU8

 

  • มันในน้ำขิง

ใช้มันแครอทหรือว่ามันส้ม นำมาล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกให้เรียบร้อย จากนั้นให้เตรียมน้ำเปล่า ใส่เกลือพอประมาณ เอามันที่ล้างและปอกเปลือกแล้วมาหั่น เอาไปใส่แช่น้ำเกลือ พักไว้สักครู่ จากนั้นหั่นขิงเป็นแว่น ๆ จำนวนตามต้องการ ใช้มากก็หอมมากเผ็ดมาก ไม่ต้องหั่นชิ้นหนามาก จากนั้นให้นำน้ำสะอาดมาต้ม ถ้าชอบซดน้ำก็ใส่น้ำเยอะ ถ้าชอบกินเนื้อมันก็อาจจะลดน้ำลงไปหรือต้มให้งวดในภายหลัง ใส่เนื้อมันและขิง ต้มโดยใช้ไฟแรงได้แต่แรก พอน้ำเริ่มเดือดค่อยลดไฟเป็นแรงปานกลางหรือไฟอ่อน ลองใช้ส้อมจิ้มดูว่าเนื้อมันได้ที่นิ่มดี แล้วค่อยใส่น้ำตาลในตอนท้ายตามชอบใจ หากไม่ชอบกินร้อน อาจจะเอาไปแช่ให้เย็นในภายหลัง  

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

ที่มาภาพ และ VDO การทำ: https://www.youtube.com/watch?v=lx7QMMd5FU8

 

  • เต้าฮวยน้ำขิง

เริ่มจากการทำเต้าฮวย ใช้ถั่วเหลืองซีกนำมาแช่น้ำ 3-4 ชั่วโมง แล้วล้างจนน้ำใส และวางให้สะเด็ดน้ำ นำน้ำสะอาดมาปั่นกับถั่วเหลืองซีกและกรองกับผ้าขาว บีบคั้นน้ำจากถั่วเหลืองซีกให้หมด จะได้นำเต้าหู้ออกมา เอาไปต้มโดยคนอยู่ตลอด ใช้เวลา 15-20 นาที ผงเจี๊ยกอให้ละลายกับแป้งมันและน้ำเปล่าก่อนหน้านั้นด้วยและวางพักทิ้งไว้ระหว่างที่ต้มน้ำเต้าหู จากนั้นเทน้ำเต้าหูไปใส่จานที่ผสมผงเจี๊ยกอเอาไว้ และพักเอาไว้สองชั่วโมง ระหว่างรอ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะกลายเป็นเต้าฮวย นำขิงแก่มาต้มทำน้ำขิงใช้ระดับไฟกลางค่อนแรง ประมาณ 10 นาที ให้ชิมรส และปรุงใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสีกับน้ำตาลทรายแดงตามชอบใจ แล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน พอได้ที่แล้วก็ตักน้ำขิง ตามด้วยไปตักเต้าฮวยที่พักไว้มาใส่รับประทานได้เลย

คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม

ที่มาภาพ และ VDO การทำ: https://www.youtube.com/watch?v=YQYQIeQ2i9g

 

  • ฟองเต้าหู้น้ำขิง

การทำฟองเต้าหู ขั้นตอนคล้าย ๆ การทำเต้าฮวย ใช้ถั่วเหลืองซีกนำมาแช่น้ำ แล้วล้างจนน้ำใส และวางให้สะเด็ดน้ำ นำน้ำสะอาดมาปั่นกับถั่วเหลืองซีกและกรองกับผ้าขาว บีบคั้นน้ำจากถั่วเหลืองซีกให้หมด จะได้น้ำเต้าหู้ออกมา เอาไปต้มกับไฟอ่อน ๆ ต้มไปเรื่อย ๆ ผิวหน้าของน้ำเต้าหู้จะแข็งกลายเป็นฟองเต้าหู้ เอาไม้ยาวทรงตะเกียบเกี่ยวเอาฟองเต้าหู้ขึ้นมา แล้วเอาไปผึ่งตากแดดให้แห้ง ปล่อยน้ำเต้าหู้ที่เหลือไว้ตั้งไฟอ่อน ๆ ให้กลายเป็นแผ่นฟองเต้าหู้อีก เอาตะเกียบเกี่ยวขึ้นมาอีก ต้มไปเรื่อย ๆ ทำแบบเดิมซ้ำ ๆ จะได้แผ่นฟองเต้าหู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นนำฟองเต้าหู้ไปใส่น้ำขิงรับประทานได้เลย

คนท้องดื่มน้ำขิง

ที่มาภาพ และ VDO การทำ: https://www.youtube.com/watch?v=aEJ2bYMZUqo

 

  • บัวลอยงาดำน้ำขิง

ส่วนผสมมีงาดำ น้ำตาลมะพร้าว เนยขาว เกลือ แป้งขาวเหนียว น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายแดง เริ่มทำโดยคั่วงาก่อนจนหอม พอคั่วเสร็จ พักไว้ให้เย็น แล้วก็เอาไปตำหรือปั่นให้ละเอียดตามชอบใจ จากนั้นเปิดไฟอ่อน ใส่เนยขาวลงไปตามด้วยงาดำ ปรุงรสด้วยเกลือ ใส่น้ำตาลมะพร้าว กวนให้เข้ากัน และนำไปพักต่อบนจาน พอเย็นแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น ระหว่างนั้นให้เตรียมน้ำขิง ปรุงรสน้ำขิงตามชอบใจ แล้วมาทำต่อโดยผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำ นวดวนไปจนแป้งนุ่มเนียนและพักไว้สักครู่ หาพิมพ์มาช่วยปั้นก้อนงาเป็นไส้ แช่พิมพ์ในตู้เย็น พอแข็งได้ที่ แกะออก นำแป้งมาปั้นแล้วแผ่แป้ง ใส่ไส้ หุ้มแป้งกับไส้และคลึงเป็นก้อนกลม นำก้อนบัวลอยมาต้มในไฟอ่อน พอสุกแล้วแป้งจะลอย ตักมาใส่กับน้ำขิงรับประทานได้เลย

คนท้องดื่มน้ำขิง

ที่มาภาพ และ VDO การทำ: https://www.youtube.com/watch?v=DKScYamlojY

 

อ่านต่อ.. คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม มีสรรพคุณอย่างไร ปลอดภัยหรือเปล่า ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

การนับอายุครรภ์

การนับอายุครรภ์ คาดการณ์วันคลอดได้ ง่ายนิดเดียว

Alternative Textaccount_circle
event
การนับอายุครรภ์
การนับอายุครรภ์

สำหรับผู้ที่วางแผนครอบครัว ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเป็นคุณแม่ นอกจากการเตรียมกายให้พร้อมกับการตั้งครรภ์ด้วยการดูแลสุขภาพและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สาระอย่างหนึ่งที่ควรศึกษาไว้ให้รู้ก่อน คือทราบการคำนวณอายุครรภ์แบบง่าย ๆ เพราะเมื่อประจำเดือนขาดไป และค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งครรภ์แล้ว เมื่อต้องฝากครรภ์ก็จะเจอกับคำถามจากคุณหมอ และคนใกล้ตัวว่ากี่เดือนแล้ว 

คำถามเรื่องอายุครรภ์ เกิดจากคนรอบข้างล้วนห่วงใยในสุขภาพของว่าที่คุณแม่ และอายุครรภ์เป็นข้อมูลที่จำเป็นที่ทำให้ตรวจสอบในขั้นตอนต่อไปว่า การตั้งครรภ์แต่ละครั้งนั้นเด็กทารกมีความสมบูรณ์แข็งแรง รวมไปถึงทำให้คาดการณ์วันคลอดได้อย่างคร่าว ๆ ด้วย

การนับอายุครรภ์ คาดการณ์วันคลอดได้ ง่ายนิดเดียว

การนับอายุครรภ์

 

อายุครรภ์ช่วง 6 สัปดาห์ กับความสมบูรณ์ของการตั้งครรภ์

ในช่วงอายุครรภ์เดือนแรกถึงเดือนที่สอง ทารกจะเป็นตัวอ่อน อยู่ในช่วงเริ่มพัฒนาอวัยวะสำคัญทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้คุณแม่หลายท่านอาจจะยังไม่แน่ใจดีว่าตนเองตั้งครรภ์แล้ว เพราะอาจไม่มีอาการแพ้ท้อง มีแค่เพียงประจำเดือนขาดไป แต่คุณแม่บางท่าน โดยเฉพาะท่านที่ทราบการนับอายุครรภ์ไว้ก่อน มักจะเอะใจเร็วและรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลในช่วงประมาณหกสัปดาห์ 

ด้วยการตรวจอัลตราซาวน์ช่วงหกสัปดาห์ ในบางกรณีหลายคนอาจจะยังไม่เห็นตัวอ่อนในครรภ์และเกิดความตกใจ แต่จริง ๆ แล้วการไม่เห็นตัวอ่อนในครรภ์อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หรือก็เป็นไปได้เช่นกันว่าเป็นสัญญาณเตือนเรื่องความสมบูรณ์ของการตั้งครรภ์

คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ประมาณหกสัปดาห์ หากอัลตราซาวน์แล้วไม่พบถุงน้ำการตั้งครรภ์ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งจะต้องปรึกษากับคุณหมอต่อไปในประเด็นดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่ากังวลเช่นนั้นเสมอไป คุณแม่หลายท่านมีภาวะไข่ตกช้า ซึ่งจุดสังเกตหนึ่งจะเป็นการมีประจำเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าอายุครรภ์ที่นับว่าถึงหกสัปดาห์นั้น แท้ที่จริงยังไม่ถึงหกสัปดาห์ ควรรออีกประมาณ 2-3 อาทิตย์เพื่อจะทำการอัลตราซาวน์ใหม่อีกครั้ง

 

จะเห็นแล้วว่า ถ้าคอยสังเกตหาสัญญาณการตั้งครรภ์ จดบันทึกการมาและหมดของประจำเดือน และคำนวณวันตกไข่ไว้ด้วย จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคุณแม่และคุณหมอในการดูแลสังเกตสุขภาพการตั้งครรภ์  

นิสัยที่ต้องทำสม่ำเสมอของว่าที่คุณแม่

  1. จดวันที่ประจำเดือนมาวันแรกของทุกเดือน
  2. จดวันที่ประจำเดือนหมด
  3. ทราบความยาวรอบเดือน หรือทราบความผิดปกติของภาวะประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  4. คำนวณวันไข่ตก และจดวันไข่ตก

คุณแม่ที่วางแผนการตั้งครรภ์ ควรจดบันทึกวันที่ประจำเดือนมาทุกเดือน หาความยาวรอบเดือนโดยเฉลี่ย (ระยะห่างระหว่างวันแรกของประจำเดือนแต่ละครั้ง)  นำมาหักลบกับระยะที่ไข่ตกที่ 14 วัน และเมื่อเอาค่าวันที่คำนวณได้ไปนับถัดจากวันที่มีประจำเดือนครั้งล่าสุด ก็จะได้วันที่น่าจะเป็นกำหนดไข่ตกมา

ตัวอย่างการคำนวณ หากทราบว่าความยาวรอบเดือนคือ 30 วัน ให้นำมาหักลบกับระยะไข่ตกที่ 14 วัน หากประจำเดือนมาวันที่ 3 มีนาคม วันที่ไข่ตกจะเท่ากับนับไปอีก 30-14 = 16 วัน หรือวันที่ 18 มีนาคม 

 

อ่านต่อ… การนับอายุครรภ์ คาดการณ์วันคลอดได้ ง่ายนิดเดียว ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ค่าเทอมอนุบาล 2565

ค่าเทอมอนุบาล 2565 อัปเดตล่าสุด เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาลูกเข้าเรียน

Alternative Textaccount_circle
event
ค่าเทอมอนุบาล 2565
ค่าเทอมอนุบาล 2565

อัปเดต ค่าเทอมอนุบาล 2565 เมื่อเด็กอายุ 3-6 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งลูกไปเรียนรู้และใช้เวลาในช่วงกลางวันร่วมกับเด็กวัยเดียวกันได้ที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งชั้นอนุบาลไม่ได้เป็นการศึกษาภาคบังคับ แต่ถือเป็นแค่โอกาสในการเตรียมตัวเด็กให้ดีก่อนเข้าสู่ห้องเรียนที่จริงจังขึ้นในระดับประถมศึกษา

เด็กส่วนใหญ่ที่เข้าสู่วัยอนุบาลจะเคยชินกับการอยู่กับครอบครัว หากรอไปเข้าโรงเรียนตอน ป. 1 เลยอาจจะงอแงอย่างมากตอนไปส่งที่โรงเรียนในตอนเช้า และทำให้คุณพ่อคุณแม่ลำบากใจหรือทุกข์ใจกับท่าทีร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย

ในช่วง 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือนแรกของการเริ่มส่งเด็กเข้าโรงเรียนอนุบาล  คุณพ่อหรือคุณแม่อาจจะอึดอัดใจอยู่บ้างกับท่าทีอยากกลับบ้านตามประสาเด็กน้อย แต่ก็มีเด็กจำนวนหนึ่งก็อาจสนใจโรงเรียนอนุบาลของตนเองอย่างมากและยอมปลีกตัวไปโดยไม่งอแงอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าท่าทีคุณลูกจะเป็นแบบไหน การเรียนอนุบาลก็ส่งผลดีกับพวกเขาเองหากโรงเรียนที่ผู้ปกครองเลือกเป็นสถานที่ที่ดูแลพวกเขาอย่างดี

ค่าเทอมอนุบาล 2565 อัปเดตล่าสุด เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาลูกเข้าเรียน

ค่าเทอมอนุบาล

 

ทำไมต้องเข้าอนุบาล

อนุบาลมีการสอนทักษะง่าย ๆ และทำให้เด็กเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นสม่ำเสมอ ซึ่งทำให้เด็กสามารถพัฒนาต่อยอดทักษะตัวเองได้ง่ายเมื่อเข้าสู่ระดับประถมศึกษา และการเรียนต่อในชั้นสูงขึ้นไปก็เผชิญกับแรงกดดันน้อยกว่าในเรื่องพัฒนาตนเองให้เท่าทันกับเด็กคนอื่น

การให้เข้าอนุบาลเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กที่ได้ผลในระยะยาว

ด้วยสังคมมีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน นอกจากโรงเรียนอนุบาลแล้ว คุณพ่อและคุณแม่หลายท่านมีการส่งลูกน้อยวัยอนุบาลไปเรียนพิเศษ ซึ่งโรงเรียนสอนพิเศษสำหรับเด็กนั้นจะเน้นให้เด็กได้สนุกสนาน แต่กิจกรรมสนุกสนานเหล่านั้นทำให้เด็กมีไหวพริบปฏิภาณที่ค่อนข้างดี และมีโอกาสมากกว่าเด็กคนอื่นในการศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่มีการคัดเลือกโดยแบบทดสอบเชาว์ หรือความสามารถพิเศษ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหากลูกไม่ได้เรียนในชั้นสอนพิเศษเหล่านั้น และยังขาดการเรียนชั้นอนุบาล เด็กอาจเสียความมั่นใจตอนเรียนชั้นประถม เกิดคำถามกับความพยายามของตนเองที่ได้ผลไม่เท่าผู้อื่น และพลาดไม่ชอบการเรียน หลังพบว่าเมื่อมีการแข่งขันแล้วตนทำได้ด้อยกว่าเด็กหลาย ๆ คนที่ผ่านการเรียนอนุบาลหรือผ่านชั้นสอนพิเศษมา 

กิจกรรมของโรงเรียนอนุบาล

มือใหม่ในการเลี้ยงลูก อาจไม่ทราบมาก่อนว่าเด็ก ๆ ทำอะไรกันที่โรงเรียนบ้าง และแม้ว่าการเรียนอนุบาลจะให้ผลดีเรื่องการฝึกทักษะ แต่มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบการเรียนที่เคร่งครัดเกินไป และกังวลไปว่าการส่งเด็กไปเรียนอนุบาลจะทำให้เด็กขาดอิสรภาพ

โรงเรียนอนุบาลมักเข้าใจธรรมชาติของเด็กที่ต้องการการเล่นและต้องนอนระหว่างวันเป็นอย่างดี การที่มีโรงเรียนอนุบาลที่พูดกันปากต่อปากว่าเด็กเป็นคนเก่งเมื่อออกมานั้น มาจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาแล้วว่าเป็นประโยชน์กับพัฒนาการเด็ก 

กิจกรรมที่เด็กอนุบาลทำในโรงเรียนอนุบาล

  1. ร้อง เล่น เต้นระบำ
  2. เล่นของเล่น
  3. หัดท่องจำตัวอักษร การสะกดคำ และการนับตัวเลข 
  4. ฝึกการใช้เหตุผลแบบง่าย ๆ 
  5. การฝึกช่วยเหลือตัวเองผ่านสถานการณ์สมมติ หรือของเล่น เช่น การฝึกจัดโต๊ะอาหาร การเก็บล้างจาน การพับผ้าเช่นหน้า ฯลฯ
  6. การเรียนรู้มารยาทอย่างการเข้าแถว หรือการต่อคิว
  7. การดูภาพยนตร์ และสนุกไปกับเรื่องราว 
  8. การนอนกลางวัน หรือเรียนไม่เต็มวันเพื่อให้เด็กได้กลับไปนอนที่บ้าน
  9. การใช้เวลากับเพื่อนและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น 

10 โรงเรียนอนุบาลที่ครองใจเหล่าผู้ปกครอง

สำหรับโรงเรียนที่มีผู้คนพูดถึงกันบ่อย และเป็นตัวเลือกลำดับต้นในใจของผู้ปกครอง บทความนี้ยกรายชื่อมาให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ปกครองที่กำลังการมองหาโรงเรียนอนุบาลให้กับลูกหลาน อย่างไรก็ตาม แต่ละโรงเรียนมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ เช่น ค่าสมัคร ค่าแรกเข้า ค่าเครื่องแบบ ค่าเรียนซัมเมอร์ ค่าธรรมเนียมรายปี ฯลฯ ที่แยกจากค่าเทอมหรือเงินค่าเล่าเรียนแตกต่างกันไป ผู้ปกครองควรสอบถามยืนยันกับทางโรงเรียนก่อนด้วยตนเองในภายหลังถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เพราะอาจคลาดเคลื่อนจากค่าใช้จ่ายต่อเทอมโดยประมาณดังที่แสดงไว้ข้างล่างต่อไปนี้

  • อนุบาลเด่นหล้า (เพชรเกษม)

โรงเรียนที่ตั้งใจสื่อสารกับทั้งผู้ปกครองและเด็ก มีสถานที่และอุปกรณ์ในการเรียนที่ทันสมัย เป็นโรงเรียนอนุบาลที่เน้นการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับพัฒนาการแต่ละช่วงวัย รวมไปถึงมีโปรแกรมดูแลเด็กพิเศษอย่างเข้าใจและอบอุ่น ค่าธรรมเนียมการศึกษาประมาณ 66,000 บาท/เทอม

เว็บไซต์โรงเรียน: www.denlaschool.ac.th/

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-809-1793

ค่าเทอมอนุบาล

ที่มารูปภาพ: https://pantip.com/topic/39628656

 

  • เลิศหล้า (เพชรเกษม)

โรงเรียนที่มีหลักสูตรการสอนและกระบวนการเรียนรู้ในวิชาภาษาอังกฤษที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งเห็นผลสัมฤทธิ์ด้านการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กเมื่อศึกษาต่อขึ้นไปในระดับสูง ได้รับความนิยมจากผู้ปกครองที่มุ่งเน้นทักษะภาษาอังกฤษให้แก่ลูกหลาน  การเรียนการสอนยังปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม มีกิจกรรมออกกำลังกายและเสริมพัฒนาการตามวัย ค่าธรรมเนียมการศึกษาประมาณ 66,000 บาท/เทอม

เว็บไซต์โรงเรียน: www.lertlah.com/

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-894-5400

ค่าเทอมอนุบาล

ที่มารูปภาพ: https://www.lertlah.com/th/images/about/img-building-phetchakasame.jpg

 

  • สารสาสน์วิเทศนิมิตใหม่

ทักษะทางวิชาการ และทักษะการดำรงชีพ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศนิมิตใหม่เน้นทักษะทั้งสองด้านให้เติบโตคู่กัน ทำให้เด็กสามารถช่วยตัวเองได้เร็ว และเรียนรู้การมีวินัยขณะที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สภาพแวดล้อมของโรงเรียนได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างดีตลอดเวลา มีทั้งความปลอดภัย ทันสมัย และใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ค่าธรรมเนียมการศึกษาประมาณ 30,000 บาท/เทอม

เว็บไซต์โรงเรียน: www.swm.ac.th/

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ: 02-543-6921

ค่าเทอมโรงเรียนอนุบาล

ที่มารูปภาพ:https://www.facebook.com/nimitmaischool/photos/a.544106782270695/1022237077790994/

 

อ่านต่อ… ค่าเทอมอนุบาล 2565 อัปเดตล่าสุด เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาลูกเข้าเรียน ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

ฤกษ์คลอดปลายปี

ฤกษ์คลอดปลายปี เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2565

Alternative Textaccount_circle
event
ฤกษ์คลอดปลายปี
ฤกษ์คลอดปลายปี

อนาคตกำหนดได้หากคนเรามีความใฝ่ฝัน นั่นคือสิ่งที่ว่าที่คุณแม่หลายคนเชื่ออยู่ในใจ และความใฝ่ฝันประการหนึ่งเพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ดีมีความสุข คือการได้เห็นลูกน้อยเติบโตขึ้นมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง และเขาได้ประสบความสำเร็จโดยไม่มีสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคมาหยุดเขาได้ ในภาพรวม หากลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา จะได้มีชีวิตแบบสมบูรณ์พูนสุขราวกับอยู่ในเทพนิยาย ว่าที่คุณแม่คงจะโล่งอกและปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก เรื่องของ “ฤกษ์คลอด” จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านให้ความสนใจ วันนี้ทีมกองบรรณาธิการจึงมี ฤกษ์คลอดปลายปี มากฝากทุกคนกันค่ะ

ฤกษ์คลอดปลายปี เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2565

 

อนาคตที่กำหนดเองได้

เมื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน จะวาดฝันไว้เพียงใด โลกของความเป็นจริงก็ทำให้เราต้องตั้งคำถามอย่างเป็นกังวลว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นดังฝันละจะเป็นอย่างไร แต่คนเรากำหนดได้แต่สิ่งที่เป็นปัจจุบัน และคงมีแต่ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อจะหวังผลบั้นปลายให้เกิดสิ่งดี ๆ ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ว่าที่คุณแม่หลายท่านจึงเลือกที่จะกำหนดวันคลอดด้วยตนเอง เพื่อกำหนดแม้กระทั่งดวงชะตาให้ส่งเสริมชีวิตของลูกไปในทิศทางที่คาดหวังในอนาคต

เรื่องดวงและโชคอาจเป็นความเชื่อที่บางคนไม่เชื่อถือ หรือมองว่างมงาย แต่การไม่มองข้ามความเชื่อก็สร้างความสบายใจและความมั่นใจให้กับว่าที่คุณแม่ได้ รวมถึงส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อลูกน้อยในอนาคต ไม่ว่าใครก็ตาม หากได้ลองตรวจดูดวงชะตาตนเองไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ถ้าพบว่าการเกิดของตนอยู่ในฤกษ์ดี ตำราโหราศาสตร์ว่าดี ก็ย่อมมีความกังวลน้อย และมั่นใจในตัวเองมาก หรือเชื่อว่าในอนาคตว่าจะเกิดเรื่องดี ๆ ขึ้นกับตัวเอง 

การกำหนดฤกษ์คลอดถือว่าช่วยสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้แก่บุตรหลานในระยะยาว เด็กน้อยจะทำสิ่งใด  ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและมองโลกในแง่ดี ก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ หรือแม้ล้มเหลวในเรื่องใดก็มีกำลังใจลุกขึ้นก้าวต่อไป เรื่องของฤกษ์คลอดเป็นการกำหนดอนาคตที่ใกล้ และหวังผลในระยะยาวโดยไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

ทั้งนี้ หากต้องการกำหนดวันและเวลาคลอด ต้องปรึกษากับหมอก่อน เพราะในโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมีการจัดบริการตามความต้องการ แต่บางโรงพยาบาลก็ไม่มีบริการผ่าตลอดในวันและเวลาที่คุณแม่และหมอเห็นพ้องกัน ทั้งนี้เน้นเลือกวันที่ฤกษ์ดีใกล้กับกำหนดคลอดจริงมากที่สุด เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของเด็กทารก หลีกเลี่ยงการเข้าตู้อบ  

 

ฤกษ์ดีหาได้ที่ไหน มีที่มาอย่างไร

ผู้ที่สามารถบอกกับว่าที่คุณแม่ได้ คือคนที่ได้ร่ำเรียนตำราโหราศาสตร์ และมีความชำนาญเรื่องฤกษ์ยามที่ส่งอิทธิพลต่อชีวิตผู้คน หลายคนอาจจะคิดว่าไปขอฤกษ์จากที่วัดจะเป็นเรื่องดี นั่นเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วการดูฤกษ์ได้อย่างแม่นยำ หากเป็นผู้ศึกษาโดยตรงตามที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทยให้การยอมรับ ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจคัมภีร์สุริยยาตร์เพื่อหาสมผุสดาวจันทร์ ตรียางค์ นวางค์จักร นักษัตรฤกษ์ ตลอดจนฤกษ์ใหญ่ หรือผู้เข้าใจตำราศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะใช้ในการอ่านคำพยากรณ์จากฤกษ์กำเนิด

ในเว็บไซต์พลังจิต บริษัท Click Here จำกัด ได้สรุปรายชื่อผู้ใช้วิชาโหราศาสตร์ที่ให้คำปรึกษาการดูฤกษ์ผ่าคลอดซึ่งได้รับความนิยมไว้ ตามรายนามต่อไปนี้

  • อาจารย์ อู๋ สมการ

ศาสตร์พยากรณ์ วัน เดือน ปีเกิด แบบโหราศาสตร์จีน

เบอร์โทร: 086-918-9898

Email: [email protected]

Facebook: ซินแสอู๋ หมากรุก สูตรคูณดวงจีน

 

  • อาจารย์ บุศรินทร์ ปัทมาคม

เบอร์โทร: 086-366-5945

Facebook: โรงเรียนโหราศาสตร์ อ.บุศรินทร์ ปัทมาคม

ที่อยู่โรงเรียนโหราศาสตร์: ใกล้วัดเสมียนนารีครับ เลขที่ 5/89 ซอย4 หมู่บ้านกลางเมืองมอนติคาร์โล แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. 10900

 

  • อาจารย์ สมเจตน์

ศาสตร์พยากรณ์: วัน เดือน ปีเกิด โหราศาสตร์จีน

เบอร์โทร: 083-665-5566, 081-999-6362

เว็บไซต์: https://somjade.com/

Facebook: somjade.com

ที่อยู่สำนักงาน: บริษัท สมเจตน์ดอทคอม จำกัด 110 ถ.พุทธมณฑลสาย1 เขตตลิ่งชัน กรุงเทพ

 

นอกจากอาจารย์ทางโหราศาสตร์เหล่านี้แล้ว ยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่ได้รับความนิยม ทางว่าที่คุณแม่อาจค้นหาผ่านทางเว็บไซต์ หรือสอบถามให้คนรู้จักแนะนำ โดยรายละเอียดฤกษ์หรือดวงเฉพาะตัวหรือครอบครัว ทางผู้ใช้วิชาโหราศาสตร์จะดูลัคนาสมพงษ์ระหว่างพ่อแม่ลูกด้วย เพื่อให้เกิดความเกื้อกูลกัน 

  • ฤกษ์จากหมอมีน อาจารย์อรรถพล

ในฐานะหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการออกฤกษ์ อาจารย์อรรถพล น้อยวงศ์ ได้เสนอผ่านทางไทยรัฐออนไลน์ถึงฤกษ์คลอดกรกฎาคม ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2565 (ดู https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2387391)  

หากต้องการติดต่ออาจารย์อรรถพล เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเป็นการส่วนตัว

เบอร์โทร: 089-999-4554

เว็บไซต์: http://mormeen.com/

Line: @mastermeen

ที่อยู่สำนักงาน: ตลาดบองมาร์เช่ (วัดเสมียนนารี) ถ.ประชานิเวศน์ ห้อง D105 อยู่ด้านในสุดของตลาด หลังอาคารจอดรถ ห้องแรกขวามือ

ฤกษ์คลอดปลายปี ที่น่าสนใจเบื้องต้น อาจารย์อรรถพลดูไว้แล้ว มีดังต่อไปนี้

 

สิงหาคม พ.ศ. 2565

เด็กผู้ชาย:

  • วันจันทร์ ที่ 1 สิงหาคม 2565 (00.11-13.30 น.) มหัทธโนฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 6 สิงหาคม 2565 (13.30-00.24 น.) ราชาฤกษ์ 
  • วันเสาร์ ที่ 13 สิงหาคม 2565 (02.42-21.45 น.) เทวีฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 20 สิงหาคม 2565 (04.18-22.45 น.) ภูมิปาโลฤกษ์
  • วันพุธ ที่ 24 สิงหาคม 2565 (13.06-00.15 น.) ราชาฤกษ์
  • วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม 2565 (05.56-20.42 น.) มหัทธโนฤกษ์

เด็กผู้หญิง:

  • วันจันทร์ ที่ 1 สิงหาคม 2565 (00.11-13.30 น.) มหัทธโนฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 13 สิงหาคม 2565 (02.42-21.45 น.) เทวีฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 20 สิงหาคม 2565 (04.18-22.45 น.) ภูมิปาโลฤกษ์
  • วันพุธ ที่ 24 สิงหาคม 2565 (13.06-00.15 น.) ราชาฤกษ์ 

 

กันยายน พ.ศ. 2565

เด็กผู้ชาย:

  • วันเสาร์ ที่ 3 กันยายน 2565 (06.45-20.42 น.) ราชาฤกษ์ 
  • วันพุธ ที่ 14 กันยายน 2565 (09.06-23.14 น.) มหัทธโนฤกษ์
  • วันศุกร์ ที่ 16 กันยายน 2565 (11.30-20.15 น.) ภูมิปาโลฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 24 กันยายน 2565 (03.30-22.15 น.) มหัทธโนฤกษ์
  • วันพุธ ที่ 28 กันยายน 2565 (06.18-23.15 น.) เทวีฤกษ์  

เด็กผู้หญิง:

  • วันเสาร์ ที่ 3 กันยายน 2565 (06.45-20.42 น.) ราชาฤกษ์ 
  • วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน 2565 (11.06-00.14 น.) เทวีฤกษ์ 
  • วันพุธ ที่ 14 กันยายน 2565 (09.06-23.14 น.) มหัทธโนฤกษ์
  • วันศุกร์ ที่ 16 กันยายน 2565 (11.30-20.15 น.) ภูมิปาโลฤกษ์
  • วันเสาร์ ที่ 24 กันยายน 2565 (03.30-22.15 น.) มหัทธโนฤกษ์ 
  • วันพุธ ที่ 28 กันยายน 2565 (06.18-23.15 น.) เทวีฤกษ์  

 

อ่านต่อ… ฤกษ์คลอดปลายปี เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2565 ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ราคาแพคเกจคลอด 2565

ราคาแพคเกจคลอด 2565 ฝากครรภ์ที่ไหน ทำคลอดที่ไหนดี

Alternative Textaccount_circle
event
ราคาแพคเกจคลอด 2565
ราคาแพคเกจคลอด 2565

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการฝากครรภ์ ก่อนจะไปหาหมอเพื่อให้ตนเองอยู่ในการดูแลและเฝ้าระวังครรภ์ในการดูแลของหมอเป็นเรื่องเป็นราว จะเป็นการตีในการทำการบ้านเกี่ยวกับ ราคาแพคเกจคลอด ไว้เสียก่อน เพราะจะได้ไม่มีประเด็นอยากย้ายโรงพยาบาลในภายหลังเพราะเรื่องค่าใช้จ่ายหรือความถูกใจในคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล 

ราคาแพคเกจคลอด 2565 ฝากครรภ์ที่ไหน ทำคลอดที่ไหนดี

ราคาแพคเกจคลอด

แพคเกจคลอดประกอบด้วยการบริการอะไร

จากข้อมูลทั่วไปของโรงพยาบาลต่าง ๆ ใน ราคาแพคเกจคลอด จะรวมบริการอื่น ๆ นอกเหนือจากการทำคลอดไปด้วยตามรายการดังที่ปรากฏด้านล่างนี้ แต่ไม่ใช่ทุกรายการที่ว่าจะมีให้บริการในทุกโรงพยาบาล หรือมีพร้อมในแพคเกจเดียว สำหรับโรงพยาบาลที่มีบริการครบหรือมีแพคเกจที่ให้บริการครบ ค่าใช้จ่ายของการบริการรวมหรือแพคเกจจะสูงขึ้นมากกว่าการขาดบางรายการไปโดยเปรียบเทียบ 

ทางคุณแม่อาจเลือกบริการที่ต้องการไว้ก่อน และตรวจสอบค่าใช้จ่าย แล้วจึงค่อยเพิ่มตัวเลือกหรือตัดตัวเลือกบริการบางอย่างออกไป หรือเลือกแพคเกจที่ครบถ้วนตอบสนองความต้องการที่สุด

  1. บริการทำคลอดและพักฟื้นหลังคลอด โดยวิธีการทำคลอดจะสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายหลัก โดยแบ่งเป็น
    – การคลอดปกติ (โดยทั่วไปครอบคลุมระยะเวลาพักฟื้น 3 วัน 2 คืน)
    – 
    การผ่าตัดคลอด (โดยทั่วไปครอบคลุมระยะเวลาพักฟื้น 4 วัน 3 คืน)
  2. ค่าห้องสำหรับคุณแม่พักฟื้นหลังคลอด
  3. บริการตรวจประเมินสุขภาพของลูกน้อย
  4. วัคซีนเข็มที่ 1 ป้องกันวัณโรคและไวรัสตับอักเสบบี
  5. บริการเอกสารแจ้งเกิด และสูติบัตร
  6. ภาพถ่ายแรกของลูก
  7. อัดกรอบรูปรอยเท้า
  8. ชุดของขวัญสำหรับคุณแม่และลูกน้อย
  9. การให้คำปรึกษาเรื่องการฟื้นฟูหลังคลอด
  10. บริการนวดหรือฟื้นยกกระชับผิวหลังคลอด
  11. การดูแลความงามอื่น ๆ หลังคลอด

 

ปัจจัยในการเลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์และคลอด

  1. รับมือกับค่าใช้จ่ายได้ เป็นโรงพยาบาลที่แพคเกจคลอดอยู่ในงบประมาณที่สามารถจัดการได้
  2. แพทย์ที่น่าไว้ใจ มีฝีมือในการทำคลอด อาจได้รับการแนะนำจากผู้อื่นด้วยการรับรองถึงคุณภาพในการดูแลใส่ใจ และฝีมือการเย็บที่ประณีต 
  3. ไม่ใกล้จากที่พักเกินไป จะได้เดินทางไปมาสะดวกโดยตลอด
  4. ใช้สิทธิบางอย่างของประกันหรือที่ทำงานเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายบางประการได้ หรือไม่คำนึงถึงสิทธิเหล่านั้น หากมีสิทธิประโยชน์จากการบริการของโรงพยาบาลที่คุณแม่ตั้งครรภ์คิดว่าคุ้มค่ากับตนมากกว่า
  5. ห้องพักฟื้นและพื้นที่รับรองแขกให้ความสะดวกสบาย ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เตรียมเอาไว้สำหรับแพ็คเกจคลอดด้วย 

10 โรงพยาบาลกับแพคเกจคลอดแนะนำ

หากคุณแม่กำลังมองหาโรงพยาบาลสำหรับฝากครรภ์ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการทำคลอดในอนาคต สามารถเลือกค้นหาข้อมูลจากหนึ่งในโรงพยาบาลตามรายการด้านล่างนี้ หรือนำข้อมูลด้านล่างนี้ไปไว้เปรียบเทียบกับข้อมูลของโรงพยาบาลอื่นประกอบการตัดสินใจ

 

  1. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

ราคาตามข้อมูลของโรงพยาบาล เป็นราคาอ้างอิงจนถึง 31 ธันวาคม 2565 โดยมี 3 ระดับแพ็กเกจให้เลือก คือ Platinum Exclusive และ Elite หากเลือกและชำระเงินแล้วไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแพ็คเกจอื่น ผู้ใช้บริการสามารถผ่อนนาน 4-10 เดือน (ดอกเบี้ย 0%) ตามเงื่อนไขบัตรเครดิตของธนาคาร

คลอดธรรมชาติ: Platinum – 89,900 บาท/ Exclusive – 148,000 บาท/ Elite – 305,000 บาท

ผ่าตัดคลอด: Platinum – 119,000 บาท/ Exclusive – 198,000 บาท/ Elite – 325,000 บาท

ติดต่อโรงพยาบาล: 

ที่อยู่ 133 ซอย Sukhum Vit 49, Khlong Tan Nuea, Watthana, Bangkok 10110

โทรศัพท์เบอร์ 02-022-2222 เว็บไซต์ www.samitivejhospitals.com/th

แพคเกจคลอด

ที่มารูปภาพ: https://www.facebook.com/samitivejsukhumvit/

 

  1. โรงพยาบาลกรุงเทพ

สมัครแพคเกจคลอด สามารถรับฟรี 2 ต่อได้ในปี 2565 คือรับบัตรชีววัฒนะจูเนียร์ ซึ่งให้สิทธิพิเศษส่วนลดค่ารักษาพยาบาลกับการทำทันตกรรมของลูกน้อย และอัลตราซาวด์เปิดท่อน้ำนมซึ่งเป็นบริการเพิ่มเติมหลังคลอดสำหรับคุณแม่ได้ 1 ครั้ง

คลอดธรรมชาติ: 82,500 บาท

ผ่าตัดคลอด: ปกติ 115,500 บาท แต่พิเศษ 1 เมษายน ถึง 31 ธันวาคม 2565 เหลือเพียง 100,000 บาท

ติดต่อโรงพยาบาล:

ที่อยู่ 2 ซ.ศูนย์วิจัย 7 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ ฯ 10310

โทรศัพท์เบอร์ 02-310-3000 เว็บไซต์ www.bangkokhospital.com/

แพคเกจคลอด

ที่มารูปภาพ: https://www.bangkokinternationalhospital.com/

 

  1. โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

แพ็คเกจราคาไม่แรงพร้อมให้บริการคุณแม่ มีพยาบาลวิชาชีพดูแลอย่างดีใในการคลอดและการพักฟื้น คุณหมอเชี่ยวชาญและใส่ใจให้คำแนะนำเกี่ยวกับการคลอด ตลอดจนการดูแลตัวเองของคุณแม่หลังคลอด

คลอดธรรมชาติ: 50,000 บาท

ผ่าตัดคลอด: 77,000 บาท

ติดต่อโรงพยาบาล:

ที่อยู่ 27 ถนนสทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพ ฯ 10120

โทรศัพท์เบอร์ 02-838-5555 เว็บไซต์ www.saintlouis.or.th/

แพคเกจคลอด

ที่มารูปภาพ: https://scontent.fbkk28-1.fna.fbcdn.net/

 

อ่านต่อ… ราคาแพคเกจคลอด 2565 ฝากครรภ์ที่ไหน ทำคลอดที่ไหนดี ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

(more…)

ปักชื่อนักเรียน ลักพาตัวเด็ก

ยกเลิกเลยไหม? ปักชื่อนักเรียน เมื่อชื่อนำไปสู่คดี ลักพาตัว

Alternative Textaccount_circle
event
ปักชื่อนักเรียน ลักพาตัวเด็ก
ปักชื่อนักเรียน ลักพาตัวเด็ก

ปักชื่อนักเรียน กับ การลักพาตัวเด็ก เกี่ยวข้องกันอย่างไร เมื่อการปักชื่อบนเสื้อ ให้ผลร้ายมากกว่าที่คิด ถึงเวลายกเลิกหรือยัง หาคำตอบของคุณจากข้อดีข้อเสียกัน

ยกเลิกเลยไหม? ปักชื่อนักเรียน เมื่อชื่อนำไปสู่คดี ลักพาตัว!!

ประเทศไทยได้เริ่มมีชุดนักเรียนขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยการแต่งเครื่องแบบนักเรียนมีพื้นฐานมาจากการแต่งตัวให้เข้ากับกาลเทศะของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา เครื่องแบบของนักเรียนชายส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยกางเกงขาสั้นหรือขายาวสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวและอาจมีเนคไทด้วย ส่วนเครื่องแบบของนักเรียนหญิง ส่วนใหญ่แล้วประกอบไปด้วยเสื้อครึ่งตัวและกระโปรง ในบางประเทศอนุญาตให้นักเรียนหญิงใส่กางเกงขายาว การใช้เสื้อสูทเหมือนเสื้อแจ็กเกตทั้งนักเรียนหญิงและนักเรียนชายนั้นถือเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะในประเทศที่อากาศหนาว ในขณะที่บางประเทศมีเครื่องแบบนักเรียนที่เป็นมาตรฐานให้ใช้สำหรับทุกโรงเรียน และบางประเทศมีเครื่องแบบนักเรียนแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน ในหลายโรงเรียนก็มีการจัดทำเข็ม ตราสัญลักษณ์ หรือ ปักชื่อนักเรียน ติดหน้าอกด้วย

ปัจจุบันเครื่องแบบนักเรียนไทย มีรูปแบบการแต่งกายของผู้เข้าศึกษาในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ในสถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ประกอบกับระเบียบปฏิบัติของโรงเรียนต่าง ๆ เอง

สำหรับการ ปักชื่อนักเรียน บนอกเสื้อนั้น ถ้าสังเกตุจากประวัติความเป็นมาของชุดนักเรียนที่กล่าวมาขั้นต้นนั้น จะพบว่ามีการกำหนดให้ปักอักษรย่อนามจังหวัด และหมายเลขประจำตัวนักเรียนมาตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบัน การปักอักษรย่อก็ยังมีการดำเนินการกันอยู่ และยังเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องแบบชุดนักเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 แต่สำหรับการปักชื่อนักเรียนนั้น ไม่ได้มีระเบียบระบุไว้ แต่น่าจะเป็นรูปแบบที่แต่ละโรงเรียนหรือต้นสังกัดกำหนดขึ้นมาเอง เพื่อความเหมาะสมนอกเหนือจากระเบียบที่กำหนด

ที่มา : https://skm.ssru.ac.th
ปักชื่อนักเรียน ควรไปต่อหรือไม่
ปักชื่อนักเรียน ควรไปต่อหรือไม่

รณรงค์เลิก ปักชื่อนักเรียน บนชุดนักเรียน

จากการที่มีข่าวของผู้หญิงคนหนึ่งได้ซื้อหนังสือจากร้านขายหนังสือมือสอง โดยที่หนังสือเล่มนั้นมีรูปติดบัตรนักเรียนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งติดมาด้วย เมื่อเธอลองนำเอาชื่อเจ้าของรูป จากอกเสื้อนักเรียนในรูปดังกล่าวไปค้นหาในโปรแกรมสืบค้น จนเจอเรื่องน่าขนลุก เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้น ปัจจุบันคือคนร้ายในคดีสะเทือนขวัญ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือ ปัจจุบันเราสามารถค้นหาใครก็ได้บนโลกอินเตอร์เน็ต ว่าเขามีประวัติ หรือข้อมูลส่วนตัวอะไรบ้างที่หลุดมาไว้บนโลกไซเบอร์นี้ โดยมีข้อมูลเพียงชื่อบนเสื้อนักเรียนในรูป!!

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้โลกออนไลน์ต่างรณรงค์ให้เลิกปักชื่อนักเรียนบนชุดนักเรียน ซึ่งมีหลายคนที่เห็นด้วย และหนึ่งในนั้นคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่กำลังพิจารณาในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน อย่างไรก็ดี ทางรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ระบุถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในนโยบายของกระทรวงศึกษา เพราะทาง ผอ.ของแต่ละโรงเรียนสามารถตัดสินใจเองได้เลย เนื่องจากกระทรวงศึกษาไม่มีกฎบังคับให้ต้องปักชื่อบนชุดอยู่แล้วตั้งแต่ต้น

ชื่อ-นามสกุล นั้นสำคัญไฉน??

จากการที่ทางรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการได้ให้อำนาจกับทางโรงเรียนแต่ละโรงเรียนตัดสินใจเกี่ยวกับการ ปักชื่อนักเรียน บนเสื้อนักเรียน ไม่มีกฏบังคับนั้น ทำให้เกิดทางเลือกขึ้นว่าจะอยู่ทีมไหน ระหว่าง ทีมปักชื่อบนเสื้อ กับทีมยกเลิกการปักชื่อบนเสื้อ ก่อนตัดสินใจใด ๆ เราคงต้องมาศึกษาข้อดี ข้อเสียของการปักชื่อนักเรียนบนเสื้อ กันดีกว่า

ฝ่ายที่สนับสนุนให้ยกเลิก หยิบยกข้อดีมาดังนี้

  • เพียงชื่อ นามสกุล นำไปสู่การตีสนิทอย่างแนบเนียน : ป้องกันเหตุลักพาตัว เหตุร้ายอื่น ๆ

นางกัสมาภรณ์ บัวภิบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านกล้วย จังหวัดชัยนาท ได้ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ปกปครอง และนักเรียนในโรงเรียนให้ระวังชายแปลกหน้าต้องสงสัยว่าจะเข้ามาลักเด็ก หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีแปลกหน้าเข้ามาทำทีตีสนิทนักเรียนหญิงรายหนึ่งที่บริเวณหน้าโรงเรียน โดยอ้างว่าพ่อแม่ให้มารับแทน แต่โชคดีที่ผู้ปกครองท่านอื่นรู้จักกับพ่อแม่ของเด็กนักเรียนรายนี้ จึงถามว่ารู้จักชายคนแปลกหน้าคนดังกล่าวหรือไม่ แต่เด็กนักเรียนบอกไม่รู้จัก จึงไม่ยอมให้ไปด้วย ขณะที่ชายแปลกหน้าคนดังกล่าวได้รีบเดินหนีไป

ที่มา : https://www.tnews.co.th

เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่น ได้คุมตัวชายวัย 23 ปี ต้องสงสัยว่าลักพาตัวหญิงสาวไปกักขังนาน 2 ปี โดยเด็กสาวเปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปีก่อน คนร้ายอ้างตัวเป็นทนายความส่วนตัวของพ่อแม่ของเธอ และให้มารับตัวเธอที่บ้านในจังหวัดไซตามะ ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว โดยบอกให้เธอขึ้นรถของเขา หลังจากกุเรื่องว่าพ่อแม่ของเธอกำลังจะแยกทางกัน หลังจากนั้นก็ขังเธอไว้ในอพาร์ตเมนต์ตลอดเวลา

ที่มา : BBCnewsThai

นอกจากคดีการลักพาตัวที่ได้หยิบยกขึ้นมาดังกล่าวแล้ว ยังมีคดีอีกมากมายที่เด็กถูกลักพาตัวไป เมื่อมีการจับคนร้ายได้ จึงได้ทราบว่าวิธีการของคนร้ายมักใช้การตีสนิทกับเด็ก โดยดูชื่อ – นามสกุล ของเด็ก จากชุดนักเรียน หรือกระเป๋า และสืบค้นจนพบที่อยู่บ้าน หรือใช้ทริคในการตีสนิทด้วยการเรียกชื่อเด็ก เมื่อเด็กเข้าใจว่าคน ๆ นี้รู้จัก ก็หลงเชื่อใจ จนนำไปสู่การลักพาตัวเด็กได้โดยง่าย ในเรื่องนี้นอกจากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว ยังมีข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงา พบว่าปัญหาเด็กหาย มักจะอยู่ในลักษณะ ดังต่อไปนี้

  1. จุดที่พบว่าเด็กถูกลักพาตัวมากที่สุด คือ หน้าบ้าน และหน้าโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อแม่คิดว่าปลอดภัยจนชะล่าใจ
  2. การลักพาตัวเด็กส่วนใหญ่จะไม่มีการฉุดกระชากลากถู หรือทำร้ายเด็ก แต่จะใช้วิธีการหลอกล่อเด็ก เช่น การตีสนิท การให้ขนม ชวนไปซื้อของเล่น อ้างว่าพ่อแม่ให้มารับ  เป็นต้น เมื่อเป็นการตามไปแต่โดยดีจึงไม่มีพิรุธใด ๆ ให้คนรอบข้าง ใกล้เคียงสังเกต และช่วยเหลือได้
  3. บางรายเข้ามาร่วมเล่นกับเด็กบ่อย ๆ ทำตีสนิท เพื่อให้เด็กวางใจก่อนลงมือลักพาตัว

    เด็กถูกลักพาตัว
    เด็กถูกลักพาตัว

ดังนั้น การปักชื่อนักเรียน ลงบนเสื้อให้เห็นเด่นชัด จึงเป็นจุดอันตรายที่มิจฉาชีพสามารถนำข้อมูลส่วนตัวของเด็กมาใช้ประโยชน์ได้โดยง่ายดาย โดยพบได้ในหลาย ๆ กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง ในประเทศญี่ปุ่นมีการรณรงค์กันในเรื่องนี้ ลามไปถึงการติดป้ายชื่อพนักงานบริการหลายแห่งให้เริ่มยกเลิก เพราะการติดชื่อทำให้เกิดคดี Stalker (พวกติดตามคนที่ชื่อชอบอย่างโรคจิต) โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มีการสืบค้นจากชื่อจนตามไปถึงบ้าน เกิดคดีต่าง ๆ นานา

  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการปักเสื้อ 

การยกเลิกการ ปักชื่อนักเรียน บนเสื้อนักเรียน ช่วยในเรื่องการประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในการปักเสื้อ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง นอกจากจะต้องซื้อเครื่องแบบนักเรียนแล้ว ยังต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการปักชื่ออีกด้วย มากไปกว่านั้น การไม่ปักชื่อบนเสื้อ ทำให้สามารถส่งต่อเสื้อที่ไม่ใช้แล้วให้กับผู้อื่นได้ง่าย โดยไม่ต้องไปเลาะชื่อเดิมออก หรือบางคนไม่สะดวกใจที่จะส่งเสื้อผ้าต่อโดยมีชื่อของลูกติดไปด้วย ถึงแม้ว่าจะทำการเลาะออกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีร่องรอยให้เห็น

ฝ่ายไม่สนับสนุน หยิบยกข้อเสียของการไม่ปักชื่อบนเสื้อ ดังนี้

  • ช่วยระบุตัวตน กรณีฉุกเฉิน

กรณีที่เกิดอุบัติเหตุชื่อที่ปักบนขุดนักเรียนจะช่วยระบุตัวตนของผู้ประสบเหตุ ทำให้สามารถติดต่อโรงเรียนหรือผู้ปกครองได้ และยังช่วยในกรณีที่นักเรียนหลงทางได้อีกด้วย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เด็กอนุบาล

  • ความเสี่ยงที่จะมีบุคคลภายนอกแอบอ้างเข้ามาภายในโรงเรียน

บุคคลภายนอกจะปลอมแปลงเป็นนักเรียน เพื่อเข้ามาก่อเหตุไม่หวังดีในโรงเรียนได้ เพราะไม่มีชื่อบนชุดนักเรียน ทำให้ผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามาได้ง่าย และตรวจสอบได้ยากขึ้น

  • ช่วยให้ครูจดจำนักเรียนได้ง่าย

เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความสะดวกในการดูแลเด็กของคุณครู การปักชื่อลงบนเสื้อก็ทำให้ครูจำเด็ก ๆ ได้

AMBER Alert ฟีเจอร์ช่วยแจ้งเตือน ค้นหา เด็กหาย
AMBER Alert ฟีเจอร์ช่วยแจ้งเตือน ค้นหา เด็กหาย

จากเหตุผลข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างที่เรานำมาหยิบยกให้ได้คิดพิจารณากันว่า การปักชื่อนักเรียน ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวให้แก่สาธารณะเห็นได้โดยง่ายนั้น เป็นสิ่งที่ยังคงต้องรักษาไว้ หรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสังคมปัจจุบัน เพราะการลักพาตัวเด็ก คดีเด็กหาย คนหาย นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม จากสถิติที่มีอยู่สูงในปัจจุบัน โดยขอเสนอสถิติเด็กหายในประเทศไทย จากฟีเจอร์ AMBER Alert ซึ่งเป็นฟีเจอร์ในการช่วยแจ้งเตือน ค้นหา เด็กหาย โดยมีวัตถุประสงค์ในการแจ้งเตือนเด็กหายให้ได้ไวที่สุด เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ได้แสดงสถิติไว้ ดังนี้

ในช่วง 4 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2562 – 2565 ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเด็กหายกว่า 130 ราย โดยเจอเด็กที่หายจำนวน 72 ราย (56%) และอยู่ระหว่างการติดตาม จำนวน 58 ราย (44%) ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เด็กหายนั้นมีหลายสาเหตุ ทั้งสมัครใจหนีออกจากบ้านเอง หนีปัญหาจากเศรษฐกิจ (หนีหนี้) มีอาการป่วย หรือถูกลักพาตัวหรือล่อลวงไปค้ามนุษย์ เป็นต้น โดยการหายที่เกิดจากการถูกลักพาตัวหรือล่อลวงไปค้ามนุษย์ จะอยู่ที่ประมาณ 5% ของเด็กสูญหายทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามองแค่สถิติ เราอาจจะคิดว่าตัวเลขคดีมันไม่ได้เยอะ แต่หากเรามาดูที่เนื้อหาเคสเด็กถูกลักพาตัวในไทยแล้ว เราจะเห็นว่า เคสเหล่านี้อาจจะเกิดน้อยก็จริง แต่เวลาเกิดแล้ว มันกระทบจิตใจของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายครั้งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นได้ แต่ก็มีบางเคสที่เราไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน นำมาซึ่งความสูญเสีย เช่น เคสน้องการ์ตูน ในปี พ.ศ.2556 หรือน้องชมพู่ ในปี พ.ศ. 2563

ที่มา : https://thaiamber.org/
ลูกถูกลักพาตัว โดนตีสนิทจากชื่อ ปักชื่อนักเรียน บนเสื้อ
ลูกถูกลักพาตัว โดนตีสนิทจากชื่อ ปักชื่อนักเรียน บนเสื้อ

10 บทเรียนลักพาตัวเด็ก จากสถิติร้องเรียนเด็กหายปี 2546 – 2564 โดยมูลนิธิกระจกเงา

  1. ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ลักเด็กเพื่อกระทำทางเพศ
  2. วัตถุประสงค์รองลงมาเพื่อนำไปเลี้ยงดูด้วยความเสน่หา
  3. เด็กถูกลักพาตัวมีตั้งแต่อายุแรกเกิดถึง 12 ปี
  4. กลุ่มเสี่ยงที่สุดคือเด็ก ช่วงอายุ 3-8 ปีทั้งชายและหญิง
  5. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะกลุ่มแก๊งค์ขบวนการ
  6. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะแก๊งค์รถตู้
  7. ไม่พบการลักพาตัวในลักษณะลักพาเพื่อนำเด็กไปขายต่อ
  8. ผู้ก่อเหตุมีได้ทั้งคนที่เด็กรู้จักและคนแปลกหน้า
  9. จุดที่เด็กถูกลักพาตัวมากที่สุด คือ บริเวณใกล้บ้านที่เด็กวิ่งเล่นลำพัง
  10. หลายคดีตอนเกิดเหตุ ประเมินว่าเป็นการลักพาตัวเด็ก แต่พอข้อเท็จจริงปรากฏอาจเป็นเรื่องอื่น เช่น เด็กพลัดหลงด้วยตัวเอง, ปกปิดการเกิดความรุนแรงในครอบครัวหรือสร้างการสถานการณ์

อ่านต่อ>> วิธีสอนให้ลูกรู้เท่าทัน คนแปลกหน้า และเทคนิคแก้ปัญหาปักชื่อนักเรียนฉบับคนญี่ปุ่น คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

หนังสือเด็ก

หนังสือเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัย

Alternative Textaccount_circle
event
หนังสือเด็ก
หนังสือเด็ก

หนังสือเด็ก นิทานอีสป นิทานพื้นบ้าน นิทานเจ้าหญิง นิทานแฟนตาซี นิทานพจญภัย หนังสือเชาว์ปัญญา หนังสือคณิตศาสตร์ หนังสือวิทยาศาสตร์ เลือกแบบไหนให้ลูกอ่านดี

หนังสือเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัย

เด็กแต่ละคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน แม้แต่พี่น้องกันก็ยังมีนิสัยไม่เหมือนกัน ความชอบก็แตกต่างกัน หนังสือเด็ก มีหลายประเภท แล้วคุณพ่อคุณแม่จะเลือกหนังสือประเภทไหนที่เหมาะกับวัยและความชอบให้กับลูก วันนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้คัดสรรวิธีเลือกมาฝากแล้วค่ะ

หนังสือเด็ก เลือกแบบไหนเหมาะกับลูก
หนังสือเด็ก เลือกแบบไหนเหมาะกับลูก

หนังสือเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัย

“เด็กๆ มีแนวโน้มที่จะอ่านและชอบหนังสือที่พวกเขาเลือกเอง”

แคร์โรล รอสโก้ ประธานและซีอีโอ Reading is Fundamental (RIF) องค์กรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือของเด็กที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกากล่าวขึ้น เขาเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังสือสำหรับเด็กมาอย่างยาวนาน เป็นผู้คัดเลือกหนังสือให้เหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัยมาหลายหมื่นเล่ม เขาได้ค้นพบเคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการเลือกหนังสือให้กับลูก ๆ

เขากล่าวว่า เด็กแต่ละช่วงวัยมีความสนใจหนังสือที่แตกต่างกัน หากคุณพ่อคุณแม่สามารถค้นพบได้ว่า ลูกสนุกและมีความสนใจหนังสือประเภทไหน ลูกคุณอาจกลายเป็นหนอนหนังสือคนนึงเลยก็ได้

หนังสือสำหรับเด็กอายุ 0 – 1 ปี

ในวัยนี้ควรเป็นหนังสือเกี่ยวกับความรัก ความผูกผันในภาพเหมือนรูปสัตว์ ผัก ผลไม้ สิ่งของในชีวิตประจำวัน และเขียนเหมือนภาพของจริง มีสีสวยงาม ขนาดใหญ่ชัดเจน  รูปเล่มอาจทำด้วยผ้าหรือพลาสติก หนานุ่มเพื่อให้เด็กหยิบเล่นได้

หนังสือสำหรับเด็กอายุ 2 – 3 ปี

ในวัยนี้ควรเป็นหนังสือนิทานภาพ ที่เด็กสนใจ เช่น หนังสือภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน สัตว์ และสิ่งของ เด็กวัยนี้มีประสาทสัมผัสทางการได้ยินดีมาก  หากมีประสบการณ์ด้านภาษาและเสียงที่ดี จะสามารถพัฒนาศักยภาพด้านภาษาและดนตรีได้ดี

หนังสือสำหรับเด็กอายุ 3 – 5 ปี หรือเด็กปฐมวัย

ในวัยนี้จะชอบหนังสือที่ทบทวนความรู้ และความคิดพื้นฐานเป็นหลัก เช่น เรื่องรูปทรง สีต่าง ๆ ตัวเลข ตัวอักษร ซึ่งทำให้เด็กได้ย้อนนึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มา และเชื่อมโยงถึงสิ่งได้ได้เห็นรอบ ๆ ตัว เด็กในวัยนี้ยังชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน พร้อมกับตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกรอบตัวเขา เช่น สัตว์ในฟาร์ม เมฆบนฟ้า เป็นต้น

หากเป็นนิทานที่มีภาพประกอบ เด็กจะชอบหนังสือที่ภาพคมชัม มีสีสัน และน่าสนใจ ตัวละครอาจเป็นรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นที่สูงกว่าหน่อยก็ได้ ถ้าตัวละครเป็นสัตว์ที่ร่าเริง สนุกสนาน จะยิ่งทำให้เด็กสนใจมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่ควรรู้คือ เด็กวัยนี้ไม่สามารถอยู่กับอะไรได้นาน ๆ ฉะนั้น เนื้อเรื่องควรสั้น กระชับ หนังสือภาพ เป็นตัวเลือกที่ดี มีสัดส่วนของภาพมากกว่าตัวหนังสือ จะมีภาพอยู่ประมาณ 70 – 80 % ของหน้ากระดาษ เด็กจะดูภาพได้ชัดเจน หนังสือภาพอาจจะเป็นนิทาน หนังสือประเภทเสริมความรู้ ให้ความคิดรวบยอดสำหรับเด็ก หนังสือเพื่อการเรียนรู้ภาษา หรือคณิตศาสตร์ เป็นต้น

เด็กจะสร้างจินตนาการจากรูปภาพในหนังสือ และเสียงที่เล่าหรืออ่านให้เขาฟัง การใช้เสียงสูง ต่ำ เสียงต่าง ๆ เชื่อมโยงกับรูปภาพในหนังสือ สร้างเป็นเรื่องราวในความคิด เติมเต็มจินตนาการของเด็ก อาจตั้งคำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง หรือตัวละคร ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษา นอกจากนี้ การที่คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือ หรือนิทานให้ลูกฟัง ยังช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับลูก และสร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย

การเลือกหนังสือ ควรเลือกเล่มที่กระดาษหนา แข็งแรง หรือแบบฉีกไม่ขาด เพราะเด็กวัยนี้อาจจะมีซนบ้าง อาจมีการแย่งหนังสือ ขว้าง จับ หรือฉีกหนังสือได้

หนังสือสำหรับเด็กอายุ 6 – 11 ปี หรือวัยประถม

ในวัยนี้เด็กเริ่มอ่านหนังสือได้เอง แต่การอ่านหนังสือให้ลูกฟังยังสามารถทำได้อยู่ ศัพท์บางคำยังยากเกินไปสำหรับเด็กบางคน เด็กจะได้เรียนรู้คำศัพท์จากการอ่านของคุณพ่อคุณแม่ การอ่านให้ลูกฟังสามารถทำได้จนกว่าลูกจะอ่านเองได้ สนใจสิ่งแปลกใหม่ อยากเรียนรู้โลกกว้าง หนังสือสำหรับเด็กวัยนี้ จะเริ่มเปลี่ยนเป็นหนังสือที่มีข้อความมากกว่าภาพประกอบ แต่ภาพประกอบก็ยังต้องเป็นภาพที่มีสีสัน ดึงดูดใจเด็ก ส่วนข้อความจะเริ่มสอดแทรกคำใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความสงสัย แล้วมีคำถาม จากนั้นก็มีการอธิบาย เช่น หนังสือสอนพับกระดาษ หนังสือวาดรูป หนังสือสอนทำอาหารง่าย ๆ หนังสือประดิษฐ์ของเล่น เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะตัวเอง

หากเป็นเรื่องแต่ง เด็กอายุ 6 – 11 ปี จะเริ่มมีความชอบเฉพาะตัว เช่น หนังสือที่มีตัวละครโปรดของเด็ก ๆ หนังสือจากนักเขียนและนักวาดภาพประกอบที่ตนเองชื่นชอบ เด็กจะเริ่มมีคำถามมากขึ้น หนังสือส่งเสริมการพูดคุยและอภิปราย เป็นหนังสือที่เหมาะกับวัยนี้ เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เห็ดเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมรับมือกับการตั้งคำถามลูกให้ดี

เด็กในวัยนี้มีจินตนาการสร้างสรรค์เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เริ่มเข้าใจความแตกต่างระหว่างความจริงกับเรื่องสมมุติ  ช่วยสร้างจินตนาการซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของพลังการเรียนรู้จากการอ่านหนังสือ

 

อ่านต่อ…หนังสือเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัย คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

amber-alert คนหาย เด็กหาย แจ้งเตือน

คนหาย เด็กหาย AMBER Alert ฟีเจอร์ช่วยหาก่อนเกิดเหตุร้าย

Alternative Textaccount_circle
event
amber-alert คนหาย เด็กหาย แจ้งเตือน
amber-alert คนหาย เด็กหาย แจ้งเตือน

คนหาย เด็กหาย จากแค่อุบัติเหตุพลัดหลงกัน อาจกลายเป็นเหตุร้ายน่าสลดใจ มาร่วมกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสก่อนเกิดเหตุ ด้วยฟีเจอร์ AMBER Alert กันดีกว่า

คนหาย เด็กหาย AMBER Alert ฟีเจอร์ช่วยหาก่อนเกิดเหตุร้าย!!

“ในหนึ่งวันมีเด็กหายไม่น้อยกว่า 3 คน โดยที่ 2 ใน 3 ของเด็กที่หายไป มีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ซึ่งตัวเลขนี้ นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก และอายุเฉลี่ยของเด็กที่หายไปหรือถูกลักพาตัวออกจากบ้านคือ 4 ขวบ” 

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา

ลูกหาย เด็กหาย เป็นข่าวคราวให้เราได้พบเห็นกันบ่อยครั้ง ดังสถิติที่ทางมูลนิธิกระจกเงาได้ให้ไว้ ข่าวเด็กหาย มีบ่อยครั้งเสียจนบางคนอาจเข้าใจไปว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องร้ายอาจเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นการระวัง ป้องกัน ไม่ให้ลูกพลัดหลงจากพ่อแม่ หรือการสอนลูกว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดหลงทาง หาพ่อแม่ไม่เจอ จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรคำนึงถึง และเตรียมการไว้ อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้ลูกมีทักษะความฉลาดที่ควรมีในยุคปัจจุบัน AQ (ADVERSITY QUOTIENT) ฉลาดเผชิญปัญหา 

ข่าว คนหาย เด็กหาย
ข่าว คนหาย เด็กหาย ขอขอบคุณภาพจาก www.sanook.com

สอนลูกทำอย่างไร เมื่อพลัดหลงกับพ่อแม่!!

การป้องกันก่อนเกิดเหตุเป็นสิ่งสำคัญ และพ่อแม่ควรจะสอนลูกถึงวิธีปฎิบัติตัวเมื่อเกิดพลัดหลงกันไว้ เพื่อให้ลูกได้รู้จักวิธีไม่ตื่นตระหนก โดยมีวิธีป้องกันเบื้องต้น ดังนี้

  1. สอนให้ลูกจดจำเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครอง พ่อหรือแม่ให้ได้ ไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินที่เกิดการพลัดหลงกันจริง ๆ จะได้ติดต่อกันได้
  2. สอนให้เด็กระมัดระวังคนแปลกหน้า อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่หลงเชื่อกับสิ่งล่อลวงที่คนร้ายอาจนำมาเป็นเหยื่อล่อ
  3. พ่อแม่อย่าประมาท ปล่อยให้เด็กคลาดสายตา หรือปล่อยให้อยู่คนเดียว
  4. ถ่ายภาพลูก ๆ ไว้เป็นประจำ เพื่อใช้สำหรับแจ้งรูปพรรณสัณฐานได้ตรงกับปัจจุบันมากที่สุด เวลาต้องการภาพให้คนอื่นช่วยกันหา
  5. ติดตั้งระบบติดตามตัวไว้ในเครื่องมือถือ สมาร์ทโฟน หรือใช้นาฬิกาสมาร์ทวอทช์
  6. หากออกไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ควรมีข้อตกลงกันไว้ว่า หากเกิดการพลัดหลงกัน ต้องไปรอพบกันที่จุดไหน ลูกต้องรู้ถึงจุดนัดหมายในสถานที่นั้น ๆ เช่น สถานีตำรวจ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น

เรื่องราวของแอมเบอร์ ( Amber Hagerman) 

ในปี 1996 ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ด.ญ. แอมเบอร์ ดอนน่า วิตสัน อายุเพียง 9 ขวบ กำลังขี่จักรยานกลับบ้าน จู่ ๆ เธอก็หายตัวไป เมื่อสอบถามจึงพบพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นแอมเบอร์กำลังขี่จักรยานกลับบ้าน ระหว่างทางก็มีรถบรรทุกจอดริมทาง ฉุดแอมเบอร์ขึ้นไปบนรถแล้วจากไป แม้ว่าพลเมืองดีที่เห็นจะรีบแจ้งตำรวจทันที แต่ก็ตามหาตัวเธอไม่พบ แม้ครอบครัวของแอมเบอร์ และตำรวจจะรีบออกตามหากันทั่วเมืองแล้วก็ตาม โดยตำรวจได้รูปพรรณคนร้าย เป็นชายผิวขาว อายุประมาณ 20-30 ปี สูงประมาณหกฟุต

amber เด็กหญิงผู้เป็นจุดเริ่มต้น AMBER Alert
amber เด็กหญิงผู้เป็นจุดเริ่มต้น AMBER Alert

สี่วันหลังจากการลักพาตัวเธอ ใกล้เที่ยงคืน ชายคนหนึ่งกำลังเดินสุนัขของเขา เมื่อเขาค้นพบร่างเปลือยเปล่าของแอมเบอร์ในลำธารหลังอพาร์ตเมนต์ที่มีบาดแผลฉีกขาดรุนแรงที่คอของเธอ สถานที่ค้นพบอยู่ห่างจากจุดที่เธอถูกลักพาตัวไปไม่ถึง 5 ไมล์ (8 กม.) การฆาตกรรมของเธอยังไม่คลี่คลายในปี 2022 และคดีนี้ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้

หลังเหตการณ์ในครั้งนั้น พ่อแม่ของแอมเบอร์และเพื่อนๆเศร้าเสียใจกับเหตการณ์นี้มาก และช่วยกันรณรงค์ให้มีการตั้งเครือข่ายระบบเตือนภัย แจ้งเด็กหายขึ้นมา จนในที่สุดก็มีการผลักดันกฏหมาย และออกระบบ AMBER Alerts ที่จะช่วยแจ้งข่าวให้ประชาชนรับทราบเมื่อมีเด็กหาย และสงสัยว่าเด็กคนนั้นอาจกำลังอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต โดยระบบจะแจ้งเข้ามือถือของประชาชนในพื้นที่ ขึ้นข้อมูลไปยังบิลบอร์ดรอบ ๆ ไฮเวย์ในรัศมีเมืองที่เกิดเหตุ และในพื้นที่ที่ต้องสงสัยว่าเด็กอาจถูกลักพาตัวไป เพื่อให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา และแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยเด็กให้ไวที่สุด

จุดเริ่มต้นการพัฒนาโปรแกรมการแจ้งเตือน คนหาย

ภายในไม่กี่วันหลังจากการเสียชีวิตของแอมเบอร์ ได้มีการเรียกร้องให้มีกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นซึ่งควบคุมผู้ลักพาตัวและผู้กระทำความผิดทางเพศ พ่อแม่ของแอมเบอร์ได้ก่อตั้ง People Against Sex Offenders (PASO) ขึ้นในไม่ช้า พวกเขารวบรวมลายเซ็นโดยหวังว่าจะบังคับให้สภานิติบัญญัติเท็กซัสผ่านกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อปกป้องเด็ก

คริสตจักรนานาชาติ God’s Place บริจาคพื้นที่สำนักงานแห่งแรกให้กับองค์กร และในขณะที่การค้นหาฆาตกรของแอมเบอร์ยังคงดำเนินต่อไป PASO ได้รับการรายงานเกือบทุกวันในสื่อท้องถิ่น บริษัทบริจาคเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ รวมทั้งบริการคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต สภาคองเกรสMartin Frostด้วยความช่วยเหลือของ Marc Klaas ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กของ Amber Hagerman พ่อแม่ของ Hagerman ทั้งคู่ปรากฏตัวเมื่อประธานาธิบดี Bill Clinton ลงนามในกฎหมายเพื่อสร้างทะเบียนผู้กระทำความผิดทางเพศระดับชาติ จากนั้น Whitson และ Richard Hagerman เริ่มรวบรวมลายเซ็นในเท็กซัส ซึ่งพวกเขาวางแผนที่จะนำเสนอต่อผู้ว่าการGeorge W. Bush ในขณะนั้น เป็นสัญญาณว่าผู้คนต้องการกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับผู้กระทำความผิดทางเพศ

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2539 บรูซ เซย์เบิร์ต (ซึ่งมีลูกสาวเป็นเพื่อนสนิทของแอมเบอร์) และริชาร์ด ฮาเกอร์แมนเข้าร่วมการประชุมสัมมนาด้านสื่อในอาร์ลิงตัน แม้ว่า Hagerman ได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว แต่ในวันจัดงาน ผู้จัดงานได้ขอให้ Seybert พูดแทน ในการปราศรัย 20 นาที เขาพูดเกี่ยวกับความพยายามที่ตำรวจท้องที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยตามหาเด็กหาย และวิธีที่สื่อจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับความพยายามเหล่านั้น CJ Wheeler นักข่าวจากสถานีวิทยุ KRLD ได้ติดต่อ หัวหน้าตำรวจ ดัลลัสหลังจากนั้นไม่นานด้วยแนวคิดของ Seybert และเปิดตัว Amber Alert เป็นครั้งแรก

ที่มา : https://en.wikipedia.org
AMBER Alert ฟีเจอร์แจ้งเตือนเด็กหาย คนหาย
AMBER Alert ฟีเจอร์แจ้งเตือนเด็กหาย คนหาย

AMBER Alerts

หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการช่วยค้นหาเด็กถูกลักพาตัวในต่างประเทศ คือ ระบบการแจ้งเตือนฉุกเฉิน (Rapid emergency child alert system) โดยระบบแจ้งเตือนระบบแรก คือ AMBER Alerts ก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2539 ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่น้อง Amber Hagerman ระบบ AMBER Alerts ได้ช่วยเด็กไปแล้ว มากกว่า 1,114 คน

ข่าวดี !! AMBER Alerts ในประเทศไทย

ฟีเจอร์แจ้งเตือนเหตุเด็กถูกลักพาตัว เป็นระบบแจ้งเตือนที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้คน ภายในชุมชนช่วยกันดูแลสอดส่อง และตามหาเด็กหาย หรือเยาวชนที่สูญหายภายในพื้นที่ของพวกเขา บนแพลตฟอร์ม Facebook  และ Instagram ในประเทศไทย โดยจะใช้กรณีเด็กถูกลักพาตัว หรือมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บสาหัสอันจะนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กให้กลับมาอย่างปลอดภัย

ฟีเจอร์ AMBER Alerts บน Facebook และ Instagram เริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2565 ทาง Meta (Facebook ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับสอบสวนกลาง (CIB) ช่วยตามหาเด็กหาย โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดได้รับการแจ้งเตือนจากฟีเจอร์ AMBER Alerts บนหน้าฟีดของพวกเขา เมื่อมีเด็กหรือเยาวชนถูกลักพาตัว และสอบสวนกลาง (CIB) ได้ประกาศแจ้งเตือน ซึ่งการแจ้งเตือนจะถูกแสดงทั้งบนฟีด Facebook และ Instagram ของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ และมีโอกาสในการให้ความช่วยเหลือได้มากที่สุดในการค้นหาเด็กหรือเยาวชนสูญหาย โดยพื้นที่การแจ้งเตือนนี้จะถูกกำหนดโดยหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่จะไม่ใช่การส่งข้อความแจ้งเตือนโดยตรง (notification) การแจ้งเตือนบนฟีดดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนที่หายตัวไป เช่น รูปภาพ คำบรรยาย ตำแหน่งที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัว และข้อมูลที่มีอื่น ๆ ทำให้สามารถแชร์การแจ้งเตือนเหล่านี้กับเพื่อน ๆ ของคุณบนแพลตฟอร์มในเครือของ Meta จะช่วยให้ผู้คนสามารถกระจายข้อมูลข่าวสาร และช่วยกระตุ้นให้ผู้คนในชุมชนช่วยกันสอดส่องได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีเด็กหรือเยาวชนหายตัวไป สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดที่เราจะสามารถทำได้ คือการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และจากการเผยแพร่ข้อมูลที่เหมาะสม สู่ผู้คนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ผ่านฟีเจอร์ AMBER Alerts บน Facebook และ Instagram พวกเราหวังว่าจะสามารถช่วยให้เด็กที่สูญหายได้พบกับครอบครัวของพวกเขาได้เร็วยิ่งขึ้น

ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 27 ที่มีการเปิดตัวระบบ AMBER Alerts ในระดับโลก และนับเป็นประเทศที่ 6 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เว็บไซต์ : Amber Alert Thailand (thaiamber.org)

สายด่วน : โทร 1195

อ่านต่อ >> การแจ้งเตือน ABER Alert ทำงานอย่างไร จะรบกวนผู้ใช้งานหรือไม่ คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

keyboard_arrow_up