Page 107 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

วัคซีน Pfizer

ทำความรู้จัก!! วัคซีน Pfizer ป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็ก

รัฐบาลเผย!! วัคซีน Pfizer 30 ล้านโดส ทยอยเข้าไทยตุลาคมนี้ ทยอยฉีดให้เด็ก 12-18 ปี ประมาณ 4 ล้านคน ก่อนรัฐบาลเปิดให้เด็ก ๆ ได้ฉีด เรามาทำความรู้จักกับวัคซีนไฟเซอร์กันเถอะ!!

ทำความรู้จัก!! วัคซีน Pfizer ป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็ก

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุเกิน 12 ปีขึ้นไป ตามข่าวดังนี้

รัฐบาล เผยไฟเซอร์ 30 ล้านโดส ทยอยเข้าไทย ต.ค.นี้ จะทยอยฉีดให้เด็ก 12-18 ปี ประมาณ 4 ล้านคน ย้ำผู้ปกครองไม่ต้องกังวล ดูแลทุกกลุ่มแน่นอน

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ”แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุเกิน 12 ปีขึ้นไป ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 7 โรค และขณะนี้รัฐบาลลงนามจัดซื้อวัคซีนวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส โดยจะทยอยเข้ามาในเดือน ต.ค.นี้ และจะทยอยฉีดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ที่จะต้องไปโรงเรียนและรวมกลุ่มทางสังคม เนื่องจากได้รับการยอมรับให้ฉีดในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้

โดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ จะบริหารจัดการวัคซีนให้เด็กอายุระหว่าง 12- 18 ปี ที่มีประมาณ 4 ล้านคน และวันนี้ได้ฉีดให้เด็กอายุ 12-18 ปี ที่อยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงแล้วเหมือนกับประชาชนทั่วไป ฉะนั้นผู้ปกครองไม่ต้องกังวลเพราะรัฐบาลดูแลคนทุกกลุ่มอย่างแน่นอน

ขอบคุณข่าวจาก : ข่าวสด

สำหรับแม่ ๆ ที่มีลูกอายุ 12 – 18 ปี อาจจะกังวลถึงอาการข้างเคียงและอยากรู้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ วัคซีน Pfizer เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้ลูกเมื่อถึงเวลาที่จะได้รับวัคซีน ทีมแม่ ABK จึงขอรวบรวมข้อมูล วัคซีน Pfizer มาให้ได้อ่านกันค่ะ

วัคซีนไฟเซอร์
วัคซีนไฟเซอร์

รู้จักวัคซีนโควิดชนิดต่าง ๆ

เราทราบกันดีว่าวัคซีนโควิดนั้นมีหลากหลายชนิด มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ก่อนอื่น มาทำความรู้จักวัคซีนโควิดชนิดต่าง ๆ กันก่อนค่ะ วัคซีนโควิดในขณะนี้มีอยู่ 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่

  1. วัคซีนชนิด mRNA คือ การใช้สารพันธุกรรม RNA ไวรัส ส่วนที่สร้างโปรตีนหนามแหลมแล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อให้เชลล์ของเราสร้างหนามแหลม (Spike) โปรตีนมากระตุ้นการสร้างภูมิต้านทาน วัคซีนชนิดนี้ เช่น ไฟเซอร์ – ไอโอเอ็นเทค (Pfizer – BioNTech) และโมเดอร์นา (Moderna)
    • วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูง
    • ในอดีตยังไม่มีวัคซีนที่ผลิตด้วยกระบวนการนี้ใช้ในมนุษย์มาก่อน
    • ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ -70 ํC ถึง -20 ํC ทำให้ขนส่งได้ยากราคาแพง
  2. วัคซีนชนิดไวรัสเวคเตอร์ คือ การใช้พันธุกรรมส่วนหนามแหลมของไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ฝากไว้ในไวรัสชนิดอื่นที่ไม่ก่อโรคในมนุษย์ ในการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย วัคซีนชนิดนี้ เช่น ออกซ์ฟอร์ด-แอสทราเซเนกา (Oxford-AstraZeneca) สปุตนิก-ไฟว์ (Sputnik V) แคนซีโน ไบโอโลจิกส์ (CanSino Biologics)
    • เป็นวัคซีนที่สามารถผลิตได้จำนวนมากอย่างรวดเร็ว
    • ราคาถูกกว่า
    • เก็บรักษาได้ง่ายในอุณภูมิเย็นธรรมดา 2-8ํ ํC
  3. วัคซีนชนิดเชื้อตาย เพาะเลี้ยงไวรัสในเซลล์เพาะลี้ยงจำนวนมาก ทำให้ตายด้วยสารเคมีทำให้บริสุทธิ์ และใส่รวมเข้ากับสารกระตุ้นภูมิ (Adjuvant) วัคซีนชนิดนี้ เช่น ซิโนแวค (Sinovac) ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีน
    • วัคซีนนี้ใช้ได้คนที่มีภูมิต้นทานต่ำได้ พราะเป็นเชื้อที่ไม่ก่อโรค
    • มีความยากลำบากในการผลิต ที่ต้องใช้สถานที่ที่ปลอดภัยสูงทำให้มีราคาแพง
วัคซีนโควิด
วัคซีนโควิด

วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer Vaccine Covid) คืออะไร?

วัคซีนโควิดไฟเซอร์ คือ วัคซีนสำหรับฉีดเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด SARS-CoV-2 มีชื่อทางการค้าตามเอกสารกำกับยาภาษาไทยว่า โคเมอร์เนตี (COMIRNATYTM) ปัจจุบัน มีการอนุมัติใช้กับเด็กอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ภายในประเทศไทยเป็นชนิดแรก (ณ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564) โดยมีข้อมูลการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัย ดังต่อไปนี้

ประสิทธิภาพของวัคซีน Pfizer ในเด็ก

  1. วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการ เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพการป้องกันในผู้ใหญ่
  2. วัคซีน Pfizer สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็ก ระดับใกล้เคียงกับผู้ใหญ่อายุ 16-25 ปี โดยมีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก

ผลข้างเคียงของวัคซีน Pfizer ในเด็ก

  1. ผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น เจ็บบริเวณตำแหน่งที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
  2. อาการข้างเคียงเฉพาะที่ ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เช่น บวม แดงในตำแหน่งที่ฉีด
  3. อาการข้างเคียงทั้งระบบ เช่น ไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
  4. และอาการข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเป็นอาการข้างเคียงที่พบรายงานในอัตราต่ำมาก

นอกจากนี้ยังมีอาการที่พบไม่บ่อย ดังนี้

  1. ผื่น คัน ลมพิษ ปฏิกิริยาภูมิไวเกิน (Angioedema)
  2. นอนไม่หลับ
  3. ภาวะต่อมน้ำเหลืองโต (Lymphadenopathy)
  4. ปวดตามแขนขา
  5. คัน หรือ รู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีดยา

คำแนะนำจากแพทย์

จากภาพรวมข้อมูลด้านประสิทธิภาพของวัคซีน Pfizer ที่มีการฉีดในเด็กพบว่า มีผลดีมากกว่าผลข้างเคียง ซึ่งพบได้ในอัตราที่ต่ำ ปัจจุบันในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ป่วยเด็กที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงซึ่งขณะนี้มีเพียงวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีน Pfizer ที่มีข้อแนะนำให้สามารถฉีดในเด็กได้ ส่วนวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่น วัคซีนชนิดเชื้อตาย หรือชนิดไวรัสเวกเตอร์ ยังไม่มีคำแนะนำการฉีดในเด็ก

ข้อควรระวังเมื่อต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer)

  • วัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) หรือวัคซีนโคเมอร์เนตี ไม่ควรใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ตัวยา หรือส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคซีน
  • หากมีรายงานพบการแพ้แบบ Anaphylaxis ควรเตรียมความพร้อมการแพ้ยาขั้นรุนแรง (Anaphylactic Reaction) หลังจากฉีดวัคซีน ด้วยการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดหลังฉีดวัคซีน 30 นาที
  • พบรายงานการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหลังจากฉีดวัคซีนเข็ม 2 ภายใน 14 วัน ในผู้รับวัคซีนเพศชายวัยหนุ่ม แต่อาการไม่แตกต่างจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในสภาวะปกติ

ผู้ที่มีอาการต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัย

  • อาการที่เป็นผลจากความวิตกกังวล ปฏิกิริยาของเส้นประสาทวากัส (หมดสติ) ภาวะหายใจถี่กว่าปกติ หรือปฏิกิริยาอันเนื่องมาจากความเครียด
  • มีไข้สูงเฉียบพลัน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน
  • ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ควรฉีดวัคซีนด้วยความระมัดระวังในผู้ที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ยังไม่มีการทำการประเมินประสิทธิผล ความปลอดภัย และความสามารถในการสร้างภูมิในผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่ในเอกสารกำกับยาระบุว่า ประสิทธิผลของวัคซีนโควิดโคเมอร์เนตีอาจลดลง

ข้อจำกัดของวัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer)

การฉีดวัคซีนโควิดไฟเซอร์ ไม่ได้ป้องกันโรคในผู้รับวัคซีนทุกราย เช่นเดียวกับวัคซีนอื่น และยังไม่ทราบระยะเวลาป้องกันโรคที่ชัดเจน เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการศึกษาผลวิจัย

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ผู้เชี่ยวชาญคาด อนาคตโควิดจะกลายเป็น โรคระบาดในเด็กเล็ก

รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

แยกให้ออก ภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่กับโควิด -19 อาการ ต่างกันยังไง?

แม่แชร์ เมื่อลูกติดโควิด! วิธีรักษา – Home Isolation เด็ก

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : ศ. พญ.ธนินี สหกิจรุ่งเรือง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, ไทยรัฐ ออนไลน์, สำนักคณะกรรมการอาหารและยา, pfizer.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย

    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย เรื่องใหญ่ไหม?สวนก้นเลยดีไหม?

    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย แบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ ไม่ถ่าย 1-2วันปกติไหม ปัญหาสุขภาพที่พ่อแม่ควรรู้และสังเกต เพราะเป็นอาการที่ไร้สัญญาณเตือน รู้เร็วช่วยลูกได้

    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย เรื่องใหญ่ไหม? สวนก้นเลยดีไหม?

    ลูกน้อยวัยทารก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ด้วยแล้ว คงเกิดคำถามในใจว่า

    “จะทราบได้อย่างไรว่าลูกกำลังสุขภาพดี สบายตัว ไม่เจ็บป่วย?”

    สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถประเมินได้ว่า ลูกน้อยวัยทารกแข็งแรงสมบูรณ์ดี หรือมีความผิดปกติหรือไม่นั้น คือ การสังเกตการขับถ่ายของลูก ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ หรืออุจจาระ โดยสังเกตจากความถี่ในการเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือสังเกตลักษณะของของเสียที่ลูกถ่ายออกมาเปื้อนบนผ้าอ้อม นั่นเอง

    ลูกไม่ถ่าย ทารกไม่ถ่าย ไม่สบายตัว งอแง
    ลูกไม่ถ่าย ทารกไม่ถ่าย ไม่สบายตัว งอแง

    ความถี่ในการขับถ่าย

    ความถี่ในการเปลี่ยนผ้าอ้อม นั่นแสดงถึงความถี่ในการขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระของทารก คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกต และนับจำนวนในการขับถ่ายของลูก เพราะสิ่งนี้สามารถบ่งบอกถึงภาวะการขาดน้ำ และอาการท้องผูกของทารกได้

    • ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 3 เดือน อาจถ่ายวันละประมาณ 2-3 ครั้ง หรือสัปดาห์ละ 5-40 ครั้ง
    • ทารกอายุ 3-6 เดือน จะถ่ายวันละ 2-4 ครั้ง
    • ทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป อาจถ่ายวันละประมาณ 1-2 ครั้ง หรือสัปดาห์ละ 5-28 ครั้ง

    ทั้งนี้ ทารกอาจไม่ได้ถ่ายทุกวัน ซึ่งการที่ทารกไม่ถ่ายนั้นไม่ได้บ่งบอกว่ามีอาการท้องผูกเสมอไป หากสงสัยว่าลูกท้องผูก ควรสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมกับลักษณะอุจจาระว่าแข็งหรือมีเลือดปนออกมาด้วยหรือไม่

     แบบไหนเรียกว่าท้องผูกกันนะ? 

    ทารกแต่ละคนมีความถี่ในการขับถ่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเด็กดื่มนมแม่ หรือนมชง หัดกินอาหารได้หรือยัง และกินอาหารอะไรไปบ้าง พ่อแม่ควรหมั่นสังเกตอาการหรือความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่าย อาการแบบไหนที่เรียกว่าท้องผูกกันนะ

    1. ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย ติดต่อกันนานกว่า 2-3 วัน
    2. ออกแรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติ หรือร้องไห้ขณะขับถ่าย
    3. อุจจาระมีเลือดปน มีลักษณะก้อนแข็งคล้ายเม็ดกระสุน
    4. อิ่มเร็ว ไม่กินอาหาร
    5. ท้องแข็ง

      เด็กท้องผูก ถ่ายยาก
      เด็กท้องผูก ถ่ายยาก

    แก้ได้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ (สาเหตุทารกไม่ถ่าย)

    หากลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มักมีอาการถ่ายไม่ออกบ่อย ๆ หรือท้องผูกเป็นประจำ เราควรหันมาสังเกตถึงพฤติกรรม และต้นเหตุที่แท้จริงว่า สาเหตุที่ทารกไม่ถ่ายเกิดจากเหตุอะไร ซึ่งสาเหตุที่ทารกท้องผูก ลูกไม่ถ่ายอาจแบ่งได้เป็น 2 ช่วงวัย ดังนี้

    ทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน

    • ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หากทารกอายุน้อยกว่า 1 เดือน และมีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายควรรีบปรึกษากุมารแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอาการของภาวะลำไล้ใหญ่โป่งพองแต่กำเนิด แต่อย่าพึ่งกังวลมากไป เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 1 ใน 5,000 คน ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์จะเป็นการดีที่สุด
    • แพ้นม ทารกที่รับประทานนมแม่มักไม่เกิดปัญหาท้องผูก หรือถ่ายยาก เนื่องจากน้ำนมแม่มีไขมัน และโปรตีนที่ช่วยให้อุจจาระไม่แข็งตัว จึงมีปัญหาเรื่องลูกไม่ถ่าย น้อยกว่าเด็กที่รับประทานนมชง แต่หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตได้ว่าลูกเริ่มมีอาการถ่ายไม่ออก ท้องผูก อาจเป็นไปได้ว่าลูกแพ้นมสูตรนั้น ๆ สำหรับเด็กที่รับประทานนมชง หรือแพ้อาหารบางอย่างที่คุณแม่รับประทานเข้าไป และส่งผ่านน้ำนมแม่ไปสู่ลูกได้
    • คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากระบบย่อยอาหารยังเจริญไม่เต็มที่ ส่งผลให้อาหารที่รับประทานเข้าไปเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารช้า และย่อยได้ไม่สมบูรณ์ อุจจาระจึงมีลักษณะแห้ง และแข็ง ทำให้ลูกถ่ายไม่ออก

    การดูแลเมื่อทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย ท้องผูก

    สำหรับเด็กที่รับประทานนมแม่ คุณแม่ที่ให้นมบุตรจึงควรเลี่ยงอาหารที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของลูก โดยการหมั่นสังเกต และจดบันทึกอาหารที่รับประทานในแต่ละวันที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของลูกว่าสอดคล้องกันหรือไม่

    ทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป

    เมื่อทารกอายุมากกว่า 6 เดือน เริ่มเข้าสู่การรับประทานอาหารเสริม นอกเหนือจากนมในบางบ้าน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่ภาวะท้องผูกได้

    • นมชง เด็กที่ดื่มนมชงเพียงอย่างเดียวเสี่ยงเกิดท้องผูกได้มาก อีกทั้งยังต้องคอยปรับสูตรนมตามวัยของลูกอีกด้วยทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการแพ้มากขึ้น และเนื่องจากนมชงมีส่วนผสมที่อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากขึ้น  ส่งผลให้อุจจาระเป็นก้อน นอกจากนี้ หากทารกแพ้โปรตีนในน้ำนมก็อาจเกิดอาการท้องผูกได้

      กล้วย กับข้าว ทำให้ ลูกไม่ถ่าย ทารกไม่ถ่าย ท้องผูก
      กล้วย กับข้าว ทำให้ ลูกไม่ถ่าย ทารกไม่ถ่าย ท้องผูก
    • อาหารเสริม เมื่อเด็กเริ่มรับประทานอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่ อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับของเหลว หรือน้ำในปริมาณเท่าเดิม และอาหารบางอย่างมีเส้นใยต่ำ ทำให้เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
    • ภาวะขาดน้ำ อุจจาระ คือสิ่งหนึ่งที่เราสามารถสังเกตภาวะขาดน้ำของทารกได้ หากทารกประสบภาวะขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายจะดูดซึมน้ำจากอาหารที่กินเข้าไป รวมถึงน้ำจากกากของเสียในร่างกาย ส่งผลให้อุจจาระแห้งและแข็งจนขับถ่ายลำบาก
    • อาการป่วยและยา อาการท้องผูกในทารกอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ไฮโปไทรอยด์ โบทูลิซึม (Botulism) อาการแพ้อาหารบางชนิด โรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญอาหาร เป็นต้น รวมถึงอาการป่วยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เด็กกินอาหารหรือดื่มน้ำน้อยลง ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ และนำไปสู่ปัญหาท้องผูก นอกจากนี้ การใช้ยาระงับปวดชนิดเสพติดหรือธาตุเหล็กในปริมาณสูงก็ทำให้เกิดท้องผูกได้

    การดูแลเมื่อทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย ท้องผูก

    ปรับอาหารการกินของลูก การขับถ่ายมักสัมพันธ์กับอาหารการกินเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงควรเริ่มจากการปรับอาหารที่ลูกรับประทานในแต่ละมื้อ ดังนี้

    • เปลี่ยนการให้นม ทารกที่ดื่มนมชงอาจแพ้ส่วนผสมบางอย่างของนมผง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยี่ห้อนม รวมทั้งสังเกตว่าเด็กแพ้ส่วนผสมใดในนมผง
    • เติมน้ำผลไม้ในนม น้ำผลไม้อาจบรรเทาอาการท้องผูกได้หากบริโภคในปริมาณเล็กน้อย โดยควรผสมน้ำแอปเปิ้ล น้ำลูกแพร์ หรือน้ำลูกพรุนลงไปในนมชง หรือน้ำนมแม่วันละประมาณ 30-60 มิลลิลิตร
    • เสริมใยอาหาร ด้วยอาหารที่มีเส้นใยมาก เช่น บร็อคโคลี่ ลูกพรุน ลูกแพร์ แอปเปิ้ล ลูกพีช ธัญพืช เป็นต้น
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงทำให้ท้องผูก ลดข้าว กล้วย แครอทสุก ที่สำคัญควรเลี่ยงไม่ให้ลูกกินข้าวกับกล้วย เนื่องจากข้าวและกล้วยจะจับตัวเป็นก้อนได้ง่าย ทำให้ย่อยยาก
    • ดื่มน้ำเยอะขึ้น เพราะน้ำเปล่า และนมจะช่วยให้ร่างกายของเด็กชุ่มชื้น และขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ
    • ดื่มน้ำลูกพรุนหรือน้ำลูกแพร์เพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ โดยควรผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางความเข้มข้นของน้ำผลไม้ไม่ให้หวานจนเกินไป

    อ่านต่อ 12 เมนูอาหารเด็ก 6 เดือน กับสูตรอร่อยเพื่อลูกวัยเริ่มกิน

    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย สังเกตจากลักษณะอุจจาระ
    ทารกไม่ถ่าย ลูกไม่ถ่าย สังเกตจากลักษณะอุจจาระ

    ลูกไม่ถ่ายหลายวัน สวนทวารทารกเลยดีไหม?

    ก่อนอื่นเมื่อลูกไม่ถ่ายหลายวัน ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตพฤติกรรมการรับประทานนมว่า ลูกได้รับนมในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายหรือไม่

    ทารกนมแม่

    หากทารกนมแม่ถ่ายน้อยลง เพราะนมไม่พอ จะรู้ได้จากการชั่งน้ำหนัก เพราะเราไม่สามารถรู้ปริมาณน้ำนมที่ลูกได้รับแบบชัดเจนเหมือนดั่งทารกที่เลี้ยงด้วยนมชง ถ้าน้ำหนักเคยเพิ่มเฉลี่ย 5 วัน 150 กรัม ก็แสดงว่านมแม่ไม่พอ ลูกจึงไม่ถ่าย เพราะเด็กกินน้อยลง ก็ถ่ายน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกไม่ถ่ายเพราะท้องผูกเสมอไป ต้องดูองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย

    ทารกนมชง

    ถ้าลูกกินนมครั้งละ 100 cc. วันละ 7 ครั้ง นมที่ได้ถือว่าเพียงพอ หากลูกอายุต่ำกว่า 6 เดือนยังไม่ควรให้ดื่มน้ำ เพราะจะทำให้เขาอิ่มเร็วก่อนที่จะได้รับปริมาณน้ำนมที่เพียงพอ

    ทารกนมชง มีโอกาสท้องผูกมากกว่าทารกนมแม่
    ทารกนมชง มีโอกาสท้องผูกมากกว่าทารกนมแม่

    ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่สังเกตพฤติกรรมลูกน้อยดังกล่าวแล้วพบว่าลูกไม่ได้ไม่ถ่าย เพราะรับปริมาณนมไม่เพียงพอ ยังคงกินได้ปกติ ทารกยังคงดูดนมได้ดี น้ำหนักขึ้นปกติ แต่ลูกไม่ถ่ายทุกวัน อันนี้ก็ต้องขอทำความเข้าใจว่าคนเราทุกคนไม่จำเป็นต้องถ่ายอุจจาระทุกวัน ถ้าเด็กถ่ายอุจจาระตามความถี่ปกติของวัยที่กล่าวมาข้างต้น และลักษณะอุจจาระไม่แข็ง ก็ไม่เรียกว่า ท้องผูก แต่หากลักษณะอุจจาระแข็งมีเลือดปน เด็กร้องทรมานทุกครั้งที่เบ่ง แสดงว่า ท้องผูก ต้องทำให้เด็กถ่ายอุจจาระออกมาให้ไว อย่าปล่อยไว้จนแข็งขึ้นไปอีก

    ยาสวนทวาร กับทารก

    ในเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่แนะนำให้ใช้ยาสวนทวารที่ซื้อมาเอง ควรปรึกษาแพทย์ในการรักษา เพราะการสวนก้น ลูกน้อยจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุลำไส้ และกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอาจเป็นแผลทำให้เกิดความเจ็บปวด ยิ่งส่งผลให้ลูกไม่ยอมเบ่ง เพิ่มพฤติกรรมกลัวการถ่ายอุจจาระ และยิ่งทำให้ท้องผูกมากยิ่งขี้น และส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กในระยะยาวได้

    ยาถ่าย กับทารก

    หากใช้บ่อยเกินไป จะส่งผลให้ลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้ทารกเป็นโรคลำไส้กลืนกันได้

    สรุปได้ว่า หากทารกเกิดอาการท้องผูก ไม่ถ่ายหลายวัน ควรปรึกษาแพทย์ในการรักษา จะได้ทำการรักษาอาการท้องผูกให้ตรงจุด ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงแก่ลูกน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้หากเราแก้ปัญหาท้องผูกของลูกไม่ตรงกับต้นเหตุที่แท้จริง

    ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
    รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร อาจารย์พิเศษภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย /
    รศ.นพ. เสกสิต โอสถากุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์

    หมัดเด็ด…เคล็ดลับ

    วิธีการกระตุ้นการขับถ่ายของทารก

    นอกจากการดูแลทารกเรื่องอาหารการกินที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอาการท้องผูกของลูกน้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถใช้เคล็ดลับในการช่วยกระตุ้นร่างกายของเจ้าตัวน้อยให้สามารถขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้นได้อีกด้วย ดังนี้

    • ขยับบ่อย ๆ จะดีที่สุด

    การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยเร่งการย่อยอาหาร ส่งผลให้ร่างกายลำเลียงของเสียออกไปได้เร็ว โดยพ่อแม่อาจฝึกทารกที่ยังเดินไม่ได้ให้ถีบจักรยานกลางอากาศ หรือหากทารกยังคลานไม่ได้ อาจช่วยนวดกระตุ้นขา

    นวดท้องกระตุ้นการขับถ่าย
    นวดท้องกระตุ้นการขับถ่าย
    • นวดท้องกระตุ้น สัมผัสรักจากแม่

    วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่าย โดยเริ่มจากการนวดท้องส่วนล่างด้านซ้ายของลูก ซึ่งอยู่ใต้สะดือประมาณ 3 นิ้วมือ โดยใช้ปลายนิ้วกดลงไปเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอประมาณ 3 นาที และควรหมั่นนวดวันละหลายครั้งจนกว่าจะถ่ายได้ปกติ

    • ว่านหางจระเข้ช่วยได้

    หากลูกถ่ายลำบากจนมีเลือดออก หรือผิวหนังบริเวณทวารหนักฉีกขาด อาจช่วยบรรเทาด้วยการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ทาบริเวณดังกล่าวเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด

    ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com

    อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

    กินนมแม่..แต่..ลูกไม่ถ่าย..แม่ควรกินอะไร?

    อุทาหรณ์..แม่เตือน ล้างขวดนม ผิดวิธี เสี่ยงทำลูกติดเชื้อในกระเพาะอาหารได้

    5 วิธีแก้ปัญหา ลูกท้องอืดท้องเฟ้อ

    8 ตัวการทำ “น้ำนมหด น้ำนมน้อย” แม่ลูกอ่อนอย่าหาทำ!!

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      เด็กติดโควิดเสียชีวิต

      รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

      เด็กติดโควิดเสียชีวิต –  ก่อนหน้านี้การระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรก กลุ่มเด็กเล็กเป็นกลุ่มที่ไม่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากในเวลานั้นรายงานอาการของโควิดที่รุนแรงในเด็กยังพบได้น้อย และยังไม่พบเด็กที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ของเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ไป ตลอดจนตัวเลขสถิติต่างๆ ที่พบ อาจทำเราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่

      รู้ก่อนป้องกันได้! ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ เด็กติดโควิดเสียชีวิต คืออะไร?

      อย่างที่ทราบกันดีว่า สายพันธุ์เดลต้าได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักของเชื้อโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในเด็กและเยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย พบมีเด็กติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน เฉลี่ยวันละกว่า 2,000 คน มียอดเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ส.ค. รวม 109,961 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 11.21 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด และมีเด็กที่เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 10 รายแล้ว ล่าสุด ซึ่งพบเด็กชายวัย 12 ปีป่วยเป็นมะเร็งต่อมไพเนียลและติดเชื้อโควิดและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

      นอกจากนี้วิกฤตการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกพบเด็กติดโควิด-19 ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือรักษาตัวในไอซียูไปจนถึงขั้นเสียชีวิตมากขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยในอินโดนีเซียมีเด็กเสียชีวิตสูงเกินกว่า 1,200 คน ในสหรัฐอเมริกามีเด็กที่เข้ารับการรักษาและเสียชีวิตสูงเกินกว่า 1,900 ราย ด้วยเหตุนี้เองสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็ก จึงค่อนข้างน่าวิตกเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้

      ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กติดโควิดอาการรุนแรง หรือ เสียชีวิต

      ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบเด็กป่วยหนักจากโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยหนัก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเด็กที่มีโรคต่อไปนี้อยู่เดิม อาจมีความเสี่ยงสูง ที่จะป่วยรุนแรงจากโควิด-19  จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

      • โรคอ้วน
      • โรคเบาหวาน
      • โรคหอบหืด
      • โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
      • ภาวะทางระบบประสาท และพัฒนาการ
      • ภาวะทางพันธุกรรม หรือภาวะที่ส่งผลต่อการเผาผลาญอาหาร
      • โรคไตวายเรื้อรัง
      • โรคหลอดเลือดสมอง
      • โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
      เด็กติดโควิดเสียชีวิต
      เด็กติดโควิดเสียชีวิต

      ความเสี่ยงของเด็กทารกหากติดเชื้อ COVID-19

      นอกจากนี้ สำหรับเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ปี อาจมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนัก จาก COVID-19 ได้มากกว่าเด็กโต ทั้งนี้เป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ และทางเดินหายใจที่มีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจจากการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ ทารกแรกเกิดสามารถติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของ COVID-19 ในระหว่างการคลอดบุตร หรือจากการสัมผัสกับผู้ดูแลที่ป่วยหลังคลอด หากแม่ติดเชื้อโควิด-19 หรือกำลังรอผลการทดสอบเนื่องจากอาการ ขอแนะนำว่าในระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังคลอดบุตร ควรต้องสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือให้สะอาดในการดูแลทารกแรกเกิด

      การวางเปลของทารกแรกเกิดไว้ข้างเตียงในขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลสามารถทำได้ แต่ขอแนะนำว่าคุณควรรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากลูกน้อยของคุณ เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ความเสี่ยงที่ทารกแรกเกิดจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต่ำ อย่างไรก็ตาม หากคุณป่วยหนักด้วย COVID-19 คุณอาจต้องแยกจากทารกแรกเกิดเป็นการชั่วคราว

      เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ตัวการแพร่เชื้อในเด็กเพิ่มสูงขึ้น

      ไวรัสสายพันธุ์เดลต้า เป็นไวรัสกลายพันธุ์ ที่สามารถแพร่เชื้อได้ชัดเจนกว่าไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) ที่มีการระบาดมาก่อนหน้านี้ ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายพื้นที่ของโลก สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่า แต่ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้มีผลกระทบต่อเด็กในทางที่แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ อัตราสูงสุดของการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าพบได้ในวัยรุ่น และผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว การแพร่เชื้อส่วนใหญ่ยังคงเกิดขึ้นในครัวเรือน อย่างไรก็ตามอัตราการติดเชื้อโควิดวิด-19 สายพันธุ์ในเด็กเล็กยังคงต่ำกว่ากลุ่มอายุอื่นแม้ว่าจะยังไม่มีการฉีดวัคซีนในเด็กเล็กก็ตาม

      ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าเด็กอาจจะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจาก COVID-19 เหมือนผู้ใหญ่ เนื่องจากมีเชื้อโคโรนาไวรัสชนิดอื่นๆ ที่แพร่กระจายในชุมชน ซึ่งทำให้เกิดโรค ประจำถิ่น เช่น ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ เมื่อเด็กติดเชื้อไวรัสเหล่านี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กอาจได้รับการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าผู้ใหญ่ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของเด็กมีปฏิสัมพันธ์กับไวรัสแตกต่างจากระบบภูมิคุ้มกันของผู้ใหญ่  ผู้ใหญ่บางคนป่วยเพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำปฏิกิริยากับไวรัสมากเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นในเด็ก

      สามารถฉีดวัคซีน COVID-19 ให้เด็กได้หรือไม่?

      ปัจจุบัน วัคซีน Pfizer เป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่มีการอนุมัติใช้กับเด็กอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ภายในประเทศไทยเป็นชนิดแรก (ณ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564)  ซึ่งล่าสุด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เปิดลงทะเบียน “ฉีดวัคซีน” ป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) เฉพาะผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยเด็ก เท่านั้น

      โดยผู้ป่วยเด็กที่สามารถลงทะเบียนรับวัคซีนได้ ต้องเป็นผู้ป่วยเด็ก อายุ 12-18 ปี ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2552 ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื่อรัง รวมทั้งหอบหืดที่อาการปานกลางหรือรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ และเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง ที่มีพัฒนาการช้า

      เด็กติดโควิดเสียชีวิต

      จะป้องกันไม่ให้ลูกติด COVID-19 ได้อย่างไร?

      ปัจจุบันเครื่องมือเดียวที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการติดเชื้อในเด็กส่วนใหญ่ที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก คือ การลดการติดเชื้อในผู้ใหญ่ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เด็กเล็กที่ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้จะได้รับการคุ้มครองจากการฉีดวัคซีนของผู้ใหญ่ในครอบครัวที่อยู่รอบตัวพวกเขา นอกจากนี้ การเว้นระยะห่างทางสังคม และสุขอนามัยของมือ และระบบทางเดินหายใจล้วนเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถทำได้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ COVID-19

      นอกจากนี้ควรสอนบุตรหลานให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อยๆ และทั่วถึง (อย่างน้อย 20 วินาที) เพื่อป้องกันไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งรวมถึงหลังจากอยู่ในที่สาธารณะ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ  ไอหรือจามใส่ทิชชู่หรือข้อศอก จากนั้นล้างมือและข้อศอกให้เรียบร้อย และเอาทิชชู่ทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิด

      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : thairath.co.thmayoclinic.orgchildrens.health.qld.gov.au , springnews.co.th

      บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

      งานวิจัยชี้! เด็กป่วยโควิด ส่วนใหญ่หายเป็นปกติได้ภายในหนึ่งสัปดาห์

      คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

      จิตแพทย์แนะ 4 วิธีรับมือความเครียด ในช่วงการระบาดของโควิด-19

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม เช็คด่วน! ลูกเราเป็นไหม?

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม – อลิซในแดนมหัศจรรย์ไม่ได้เป็นเพียงชื่อของวรรณกรรมเยาวชนสุดคลาสสิคตลอดกาล หรือภาพยนตร์แนวแฟนตาซีที่โด่งดังไปทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นชื่อของอาการเจ็บป่วยทางสมองที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักอย่าง “Alice in the Wonderland Syndrome” (AIWS) ผู้ที่ป่วยโรคนี้จะมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวมีขนาดใหญ่หรือเล็กผิดปกติ ทั้งนี้เป็นเพราะความผิดปกติบางอย่างของสมองโดยสามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม เช็คด่วน! ลูกเราเป็นไหม?

        ทำความเข้าใจ Alice in the Wonderland Syndrome (AIWS)

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม (AWS)  ถูกพูดถึงครั้งแรกในปี 2495 และได้รับการตั้งชื่อในปี 2498 โดย จอห์น ทอดด์ นักจิตแพทย์ชาวอังกฤษ เป็นภาวะอาการป่วยที่พบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุ 5-10 ปี แต่สามารถเกิดในผู้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน โรคนี้ไม่ได้เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือประสาทหลอน แต่เกิดจากความผิดปกติของสมองที่ทำหน้าที่แปรเปลี่ยนสัญญาณภาพไปยังสายตา

        อาการของ AIWS มักเกิดในช่วงหัวค่ำหรือตอนกลางคืน โดยลักษณะอาการที่สำคัญ คือ

        • ภาพของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป  ผู้ป่วยจะมีการรับรู้ผิดเพี้ยนขนาดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ศรีษะ และมืออาจดูไม่สมส่วน  อาจรู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่หรือเล็กกว่าความเป็นจริง
        • มองเห็นวัตถุรอบตัวผิดเพี้ยนไป อาการที่สำคัญอีกลักษณะหนึ่งของ AIWS คือ ผู้ป่วยรับรู้ขนาดของวัตถุรอบตัวผิดเพี้ยน  เช่น อาจพบว่าห้องที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่ หรือเฟอร์นิเจอร์รอบๆ ห้อง ดูเหมือนเคลื่อนที่ได้  รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวห่างออกไป หรืออยู่ใกล้กว่าที่เป็นจริง เด็กบางคนอาจมองเห็นพ่อแม่มีขนาดศรีษะที่ใหญ่ผิดธรรมชาติซึ่งทำให้ร้องไห้ตกใจกลัว หรือเด็กบางคนอาจรู้สึกว่าหัวตัวเองเหมือนเป็นลูกโป่งที่กำลังลอยไปในอากศ
        • มองเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ผู้ป่วยบางรายมองเห็นสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ และอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์ และเหตุการณ์บางอย่าง นอกจากการรับรู้ทางสายตาจะบิดเบี้ยวแล้ว การรับรู้ทางสัมผัส และทางการได้ยินก็เช่นกัน โดยเสียงที่คนทั่วไปรู้สึกว่าเบา ผู้ป่วย AIWS จะรู้สึกว่าเสียงนั้นดังหนวกหูมาก เป็นต้น

        โดยทั้งสามลักษณะอาการ สามารถเกิดขึ้นได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดพร้อมกันได้ ในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจเสียการรับรู้เรื่องของเวลา โดยเวลาอาจดูเหมือนผ่านไปอย่างช้า ๆ หรือเร็วเกินไป

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม
        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม

        ลูกมีเพื่อนทิพย์! เพื่อนในจินตนาการ ชอบพูดคนเดียวปกติไหม?

        ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

        ลูกชอบกัดเล็บ ควรกังวลไหม ควรทำอย่างไรให้ลูกเลิกกัดเล็บ

        สาเหตุของ Alice in the Wonderland Syndrome

        ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ AIWS ยังค่อนข้างคลุมเครือ  แต่ทางการแพทย์ลงความเห็นว่า AIWS มักมีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวไมเกรน นอกจากนี้ยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ระบบการรับรู้ทางการมองเห็นผิดปกติ โรคลมบ้าหมูกลีบขมับ (TLE) เนื้องอกในสมอง ยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และการติดเชื้อ Mononucleosis ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจาก ไวรัส Epstein-Barr (EBV) ซึ่งเป็นไวรัสเริมชนิดหนึ่ง นอกจากนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับโรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลัน

        การรักษา Alice in the Wonderland Syndrome

        การวินิจฉัยโรคนี้เป็นเรื่องยาก เนื่องจากอาการที่พบของโรค อาจมีความสับสนและดูคล้ายคลึงกับอาการผิดปกติทางอารมณ์ โรคจิตเภท หรือปัญหาการรับรู้อื่นๆ  ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ให้หายขาดได้โดยตรง แต่สามารถทำให้อาการบรรเทาลงได้

        โดยทั่วไปการรักษาขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำให้เกิดการรบกวนทางสายตา ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจมีอาการเห็นภาพที่ผิดธรรมชาติได้หลายครั้งในระหว่างวัน และอาจใช้เวลาสักครู่จึงจะบรรเทาลง ผู้ป่วยอาจรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล และตื่นตระหนก แต่อาการเหล่านี้โดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย และมีแนวโน้มจะค่อยๆ จางหายไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม
        อลิซในแดนมหัศจรรย์ซินโดรม

        แม้ว่าทางการแพทย์ยังไม่มีการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ เป็นเพียงการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่พบ คือ เด็กส่วนใหญ่ที่มีอาการของโรคนี้ เมื่อโตขึ้นอาการต่างๆ จะหายไปได้เอง เนื่องจากการกระตุ้นของเยื่อหุ้มสมองลดลง และการรับรู้ทางสายตาจะโตเต็มที่การคอยสังเกตอาการของลูกจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้  การปลูกฝังให้ลูกสื่อสาร และอธิบายถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะช่วยให้เด็กๆ เกิดความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) และช่วยให้พ่อแม่รู้เท่าทันความเจ็บป่วยต่างๆ ของลูก เพื่อพาเข้าสู่กระบวนการรักษาหรือบรรเทาอาการได้อย่างทันท่วงที

        ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : healthline.com , unitedwecare.com , ncbi.nlm.nih.gov

        บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

        เคล็ด(ไม่)ลับ ลูกเป็นหวัดคัดจมูก วิธีแก้แบบไม่ใช้ยา

        แบบนี้ต้องระวัง! อาการป่วยในเด็ก อายุ 0-3 ปี ที่พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน

        หูชั้นกลางอักเสบในเด็ก หูติดเชื้อในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็กถ้าลูกป่วย!

          สอนลูกซื่อสัตย์

          เรียนออนไลน์ก็ “สอนลูกซื่อสัตย์ ไม่โกง” ได้

          เมื่อเด็กเล็กๆ ต้องนั่งเรียนออนไลน์ที่บ้าน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ลูกเรียนออนไลน์ไม่เข้าใจเท่าเรียนที่โรงเรียน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายในสิ่งที่ลูกไม่เข้าใจ เมื่อถึงเวลาลูกต้องสอบออนไลน์ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ช่วยลูกเลย ลูกเกิดคำถามว่า พ่อแม่ของเพื่อนเค้าช่วยลูกทำข้อสอบ เลยได้คะแนนเยอะกว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่ช่วยลูกจึงได้คะแนนน้อยกว่า คุณพ่อคุณแม่จะอธิบายลูกอย่างไร เมื่อต้องการ สอนลูกซื่อสัตย์ ไม่โกงข้อสอบ

          รศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้ให้คำแนะนำ ไว้ดังนี้

          โดยคุณหมอพงษ์ศักดิ์ เล่าว่า…

          คุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่มีลูกเรียนออนไลน์ในช่วงนี้ อาจเคยประสบเรื่องราวแบบนี้แล้วไม่รู้จะรับมือกันอย่างไรใช่ไหมครับ “ลูกสอบออนไลน์ บ้างก็มีแม่ช่วยลูกทำข้อสอบ บ้างก็ลอกคำตอบจากเพื่อน” เลยได้คะแนนดีกว่าเด็กที่ทำข้อสอบเอง เมื่อลูกถามคุณพ่อคุณแม่ ก็เลยมืดแปดด้านไม่รู้จะไปต่ออย่างไรดี จะว่าไปแล้ว ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังจำเรื่องของ Power BQ ได้  ก็จะเห็นได้ว่าความฉลาดทางด้านคุณธรรม (MQ) เป็นหนึ่งใน Power BQ ที่จะช่วยให้เด็กๆ สามารถเติบโตและประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตได้ครับ

          เทคนิค สอนลูกซื่อสัตย์ ไม่โกง

          วันนี้ผมจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับว่า คุณพ่อคุณแม่จะสามารถฝึกให้ลูกมีความฉลาดทางด้านคุณธรรมในสถานการณ์รอบตัวได้อย่างไร

          คุณพ่อคุณแม่หลายคงอึ้งกิมกี่ไปเหมือนกันนะครับเมื่อต้องเจอเหตุการณ์แบบข้างต้นหรือเมื่อลูกมาถามว่า คนอื่นเขาทำแบบนี้ ทำไมเราไม่ทำแบบคนอื่นบ้าง จะได้สอบได้คะแนนดีเหมือนคนอื่น ไปยังไงดีล่ะทีนี้

          1. ตั้งสติ

          อันดับแรก ผมแนะนำก่อนเลยนะครับ คุณพ่อคุณแม่ต้อง “ตั้งสติ” ให้ดีก่อน เรียกสติให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วคิดให้ได้อย่างรวดเร็วว่า สิ่งที่ลูกถามเพราะเห็นคนอื่นทำกันนั้นเป็นพฤติกรรมที่ดี หรือเป็นพฤติกรรมที่เราอยากให้ลูกเป็นหรือไม่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ตอบตัวเองว่า ใช่เลย ใครใครเขาก็ทำกัน ถ้าไม่ทำแบบนั้น ไม่บ้า ก็โง่ แล้ว ก็ไม่ยากเลยครับ ปล่อยให้เหตุการณ์พาไปแล้วลูกก็จะประพฤติแบบนั้นได้ไม่ยาก ทำไปสักพักก็จะเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนโตครับ แต่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าไม่ดีเลย พฤติกรรมแบบนี้ ไม่อยากให้มาอยู่กับลูกของเรา ลูกของเราจะต้องมีความซื่อสัตย์ไม่คดโกง นอกจากลูกจะเป็นส่วนสำคัญในการจรรโลงโลกให้น่าอยู่มากขึ้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังได้สร้างบุญบารมีให้กับตัวเองที่ได้ทำประโยชน์อันงดงามให้กับโลกผ่านลูกของเรานี่ล่ะครับ ตามอ่านกันต่อไปนะครับว่า จะทำอย่างไรดี 

          เมื่อตั้งสติได้ว่าจะเดินไปทางไหนแล้ว ก็ไม่ยากเลยครับ เราเพียงแค่ใช้หลักของการส่งเสริมและปรับพฤติกรรมที่ผมเคยเล่ามาสำหรับพฤติกรรมอื่น เอามาใช้ฝึกฝนต่อยอดกันได้เลยครับ ยิ่งฝึกยิ่งเก่งกันทั้งพ่อแม่และลูกเลยครับ

          2. อธิบายเหตุผลตามวัย ค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนเข้าไป

          อันดับที่สอง คุณพ่อคุณแม่ต้องทำอย่างนี้ครับ พูดคุยกับลูกให้เขารับรู้และเข้าใจว่า พฤติกรรมไหนเป็นพฤติกรรมที่พ่อแม่ต้องการ คุณครูต้องการ และสังคมต้องการให้ลูกมี ใช้เหตุผลให้ง่ายสั้นที่สุดที่เหมาะสมกับวัยนะครับ พูดกันคุยกันประเมินวิธีคิดของเขา ฝึกฝนทักษะในการสื่อสาร ของเขาไปพร้อมกันด้วยเลยครับ  ส่วนคุณพ่อคุณแม่เองก็พูดประมาณนี้ เช่น

          • วัยอนุบาลก็พูดง่ายๆ แค่การที่พ่อแม่ช่วยลูกทำข้อสอบ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนั้น
          • ถ้าเขาเข้าใจมากหน่อยก็อาจพูดเพิ่มเติม  “การที่พ่อแม่ช่วยลูกทำข้อสอบ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนั้น เพราะพฤติกรรมแบบนี้ เราถือว่า ไม่ซื่อสัตย์”
          • ถ้าเขาเข้าใจอะไรได้อีกมากหน่อยก็เพิ่มเป็น “การที่พ่อแม่ช่วยลูกทำข้อสอบ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนั้น เพราะพฤติกรรมแบบนี้ เราถือว่า ไม่ซื่อสัตย์ เราเรียกว่า ขี้โกง”
          • ถ้ามากขึ้นไปอีก ก็เพิ่ม “การที่พ่อแม่ช่วยลูกทำข้อสอบ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนั้น เพราะพฤติกรรมแบบนี้ เราถือว่า ไม่ซื่อสัตย์ เราเรียกว่า ขี้โกง และที่สำคัญลูกก็จะไม่ได้ฝึกที่จะทำข้อสอบด้วยตัวเองด้วย”

          พอนึกภาพออกไหมครับเพิ่มความซับซ้อนเข้าไปเรื่อยๆ ตามความสามารถในการรับรู้ของลูกเรา ไม่พูดเหมือนกันสำหรับเด็กทุกคน ให้มีความแตกต่างกัน ตามความเหมาะสมครับ

          ลูกเรียนออนไลน์

          3. บอกว่าพ่อแม่ต้องให้ลูกทำแบบไหน

          อันดับถัดไปหลังจากเราบอกให้เขาได้รับรู้แล้วว่า พฤติกรรมแบบนี้เราไม่ต้องการ แล้วที่เราต้องการให้เขาประพฤติคืออย่างไร เช่น

          • “แม่อยากให้ลูกทำเองนะคะ”
          • “แม่อยากให้ลูกทำเองนะคะ ลูกจะได้หัดทำ”
          • “แม่อยากให้ลูกทำเองนะคะ ลูกจะได้หัดทำ อีกหน่อยพอลูกเรียนยากขึ้น จะได้ทำเองได้”
          • “แม่อยากให้ลูกทำเองนะคะ ลูกจะได้หัดทำ อีกหน่อยพอลูกเรียนยากขึ้น จะได้ทำเองได้  เป็นการซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนอื่น ไม่เป็นคนคดโกงด้วย”

          4. โต้ตอบง่ายๆ สั้นๆ ตามความเป็นจริง

          เลือกเอานะครับ สั้นยาวตามความสามารถในการรับรู้ของลูกเลยครับ ทีนี้ระหว่างที่เราพูดคุยกับลูก ลูกก็คงจะพูดถึงสิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่คนอื่นทำ และสิ่งที่เขาอยากทำ ให้พูดคุยโต้ตอบกับเขาง่ายๆ สั้นๆ ตามความเป็นจริง เน้นว่า ตามความเป็นจริง ไม่พูดอะไร ที่ไม่จริงเพื่อหลอกล่อลูกให้ทำตามใจเรานะครับ เช่น ไม่พูดว่า “ใครลอกข้อสอบเพื่อน ตำรวจจะจับติดคุก”  เพราะความจริง คือ “ใครลอกข้อสอบ ถ้าคุณครูรู้  ครูจะไม่ให้สอบผ่าน ต้องเรียนซ้ำชั้น” เหมือนตัวอย่างข้างต้นนะครับ  พูดสั้นพูดยาว ตามความสามารถในการรับรู้ของลูกเลยครับ

          5. หาสาเหตุที่ลูกทำข้อสอบไม่ได้

          นอกจากคำพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องวิเคราะห์ลูกให้ได้ด้วยนะครับว่า ลูกเราทำข้อสอบที่ระดับเดียวกับเพื่อนได้หรือไม่ได้เพราะเหตุใด เพื่อหาทางช่วยให้ลูกมั่นใจในความสามารถของตนเอง จนสามารถทำข้อสอบได้เองไม่ต้องพึ่งคุณพ่อคุณแม่ หรือลอกเพื่อนครับ ตรงนี้ก็มีความสำคัญนะครับ เพราะลำพังพูดกันเพียงอย่างเดียวแต่ถ้าลูกไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ก็รังแต่จะสร้างความเครียดให้ลูกมากขึ้นจนไม่อยากทำข้อสอบครับ

          การจะรับรู้และเข้าใจลูกได้ดีไม่มีอะไรดีไปกว่า การที่เรามีเวลาอยู่ร่วมกันกับลูก ใช้เวลาสังเกต พูดคุย สอบถามครู จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจลูกมากขึ้นทั้งวิธีคิด ความสามารถ ทักษะ เพื่อจะได้รู้ว่าจะส่งเสริมเขาด้านใดมากน้อยเพียงไร  มาถึงตรงนี้ ลูกอาจสงสัยว่า แล้วทำไมเพื่อนถึงทำแบบนั้นได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ย้อนไปตอนต้นที่ผมเล่าไว้ว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติ ดึงสติกลับมาถามตัวเองว่า เรายอมรับได้หรือไม่กับการที่จะให้ลูกเราประพฤติแบบนั้น ถ้า คำตอบคือไม่ เราก็จะต้องหนักแน่นในแนวทางของเรา พูดคุยกับลูกให้รับรู้บรรทัดฐานของบ้านเรานะครับว่า  “บ้านเราจะไม่ทำแบบนี้” ให้เหตุผลยากง่ายตามความเหมาะสมกับความสามารถในการรับรู้และเข้าใจของเขาครับ

          6. ใช้เทคนิคเสริมแรง เมื่อลูกทำดี

          เมื่อลูกทำได้ดีเหมาะสมก็ให้เสริมแรงกัน เช่น ชื่นชมลูก ให้รางวัลทางใจกับเขาบ้างตามสมควรแก่เหตุนะครับ บางบ้านอาจใช้เวลาฝึกกันไม่นาน แต่บางบ้านอาจต้องนานหน่อย ยากง่ายไม่เท่ากัน ความอดทนและความตั้งใจของคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกจะสามารถช่วยให้ลูกได้ฝึกฝนและพัฒนา ความฉลาดทางด้านคุณธรรมซึ่งเป็นหนึ่งใน Power BQ ได้ไม่ยากเลยครับ เรียนออนไลน์แบบนี้ ก็ฝึกฝนต่อยอด Power BQ ได้นะครับ

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

          ลูกไม่กินข้าว ทําไงดี? หมอแนะ 10 วิธีรับมือเมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว

          เล่นอะไรให้ลูกฉลาด หมอแนะ! วิธีเล่นกับลูกตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี

          ลูกเลียนแบบพ่อแม่ พฤติกรรมเลียนแบบของเด็กสั่งจากสมอง! หนูรู้ หนูจำได้

           

            คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม

            คนท้องติดโควิด คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

            ในสถานการณ์ปัจจุบันการติดเชื้อ Covid ในประเทศไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ Covid มีกว่า 200 รายผู้เสียชีวิตกว่า 30 คนอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 1.8 ซึ่งถือว่าสูงมาก หากคนท้องติดโควิด จะรักษาตัวอย่างไร?  คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม? อาการแบบไหนควรนอนโรงพยาบาล?

            นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, กรรมการแพทยสภา เจ้าของเพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์ มาช่วยคลายสงสัยคุณแม่ท้อง ดังนี้

            จังหวัดที่พบคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อมากที่สุดคือกรุงเทพฯ รองมาคือในเขตปริมณฑล ปัญหาสำคัญ คือเตียงในโรงพยาบาล ณ ขณะนี้ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทุกคน ดังนั้นจะมีคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนนึงจำเป็นต้องรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านหรือที่เราเรียกว่า Home isolation

            คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ ที่ติดเชื้อโควิคมักจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยกว่า 90% ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้

            คนท้องติดโควิด อาการแบบไหนควรนอนโรงพยาบาล

            ส่วนข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาล เช่น

            • ตั้งครรภ์ร่วมกับมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ เบาหวาน ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะน้ำเดินก่อนกําหนด หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด เป็นต้น
            • มีไข้มากกว่า 39 องศาเซลเซียส โดยที่ทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลง
            • มีอาการรุนแรงปานกลาง เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่หายใจอยู่ในอากาศภายในห้อง หรือกำลังเดินอยู่ หายใจถี่มากกว่า 30 ครั้งต่อนาทีเป็นต้น
            • มีอาการรุนแรงมาก เช่น ระบบหายใจล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ สติสัมปชัญญะเสียไป เป็นต้น
            telemedicine
            telemedicine พบแพทย์ผ่านทางออนไลน์

            คนท้องทำ Home isolation ได้ไหม?

            คุณแม่ตั้งครรภ์ที่จะทำ Home isolation ต้องมีทั้งหมด 3 พร้อม ได้แก่ คนพร้อม ที่พร้อม ระบบพร้อม

            • คนพร้อม หมายถึง คุณแม่ตั้งครรภ์มีความพร้อมที่จะทำ Home isolation ได้ไม่มีข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาลอย่าง ที่กล่าวมาข้างต้น
            • ที่พร้อม หมายถึงที่อยู่อาศัยมีความพร้อมในการทำ Home isolation เช่นมีห้องแยกมีห้องน้ำส่วนตัวมีที่รับประทานอาหารไม่ปะปนกับท่านอื่นเพื่อลดการติดเชื้อสู่คนอื่นๆในบ้าน
            • ระบบพร้อม หมายถึง ระบบการดูแลที่บ้านเช่น มีระบบเทเลเมดิซีนติดตามอาการ มีระบบส่งยามาที่บ้าน มีระบบส่งต่อเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการแย่ลงจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบการรักษา เช่น มีรถมารับมาไปถึงโรงพยาบาลได้ เป็นต้น

            และที่สำคัญแม้ในขณะที่ไม่มีใครติดเชื้อ การใช้ชีวิตในบ้าน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการป้องกันการติดเชื้อโควิค เช่น ใส่หน้ากากตลอดเวลาขณะที่อยู่ในบ้าน แยกสำรับอาหารเพื่อทานคนเดียว ใช้ห้องน้ำเป็นคนแรก ไม่สัมผัสขยะสิ่งของจากคนอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ covid19 ให้ได้มากที่สุด

            ท่องไว้ว่า เราต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เพราะคนท้องคือสองชีวิต

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             


            Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


            ติดตามเรื่องน่ารู้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และสุขภาพสตรี กับคุณหมอโอฬาริก

            ได้ที่เพจ เค้าเรียกผมว่า หมอเมนส์

            เพจ หมอโอฬาริก

             

            บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

            แนวทางปฏิบัติตัวช่วงโควิด สำหรับ คนท้อง แม่หลังคลอด ทารกแรกเกิด

            กรมอนามัยเผย คนท้องติดเชื้อโควิด เสี่ยงป่วยหนัก แนะฉีดวัคซีนป้องกัน! หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์

             

              ลูกตกจากที่สูง

              ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น ทำยังไงดี?

              ลูกตกจากที่สูง ลูกตกเตียง ลูกตกเปล ลูกตกบันได หัวกระแทกพื้น เป็นเหตุการณ์ที่พ่อแม่ทุกบ้านไม่อยากเจอ แต่ก็อาจเกิดขึ้นทุกเวลา หากปล่อยให้ลูกคลาดสายตา พญ. ศรินพร มานิตย์ศิริกุล ทิพย์อุดม เจ้าของเพจ “หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด” มีคำแนะนำดีๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ เมื่อลูกหัวกระแทกพื้น พ่อแม่ควรทำอย่างไร ต้องสังเกตอาการยังไง เมื่อไหร่ควรพาลูกไปหาหมอ ไปติดตามกันค่ะ

              หนึ่งในคำถามที่แม่แฝดโดนปรึกษาประจำคือ “ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น ทำยังไงดี?”

              แฝดเองก็มีหลายครั้งที่ตกจากที่สูง ใจคนเป็นแม่เวลาลูกตกลงมา ก็อยากวิ่งไปอุ้มลูกเข้ามากอด มาปลอบ แต่อีกใจนึงด้วยความที่เป็นหมอ โดยเฉพาะ “หมอสมอง” ที่ต้องดูเรื่องการบาดเจ็บที่ศีรษะในคนไข้บ่อยๆ ก็ต้องพยายามดึงสติตัวเองให้ไม่ตกใจ และทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

              1. สิ่งแรกที่ต้องทำ เมื่อลูกตกจากที่สูง

              เมื่อลูกตกจากที่สูงอย่างแรกที่เราต้องดูคือ “คอและไขสันหลัง” เพราะถ้าเกิดคิดว่ามีโอกาสได้รับบาดเจ็บที่คอและไขสันหลัง
              แล้วเราไปทำการเคลื่อนย้ายโดยไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้มีโอกาสบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะทุพลภาพได้

              ถ้าแม่คิดว่าลูกตกจากที่สูงแล้วคิดว่าคอและไขสันหลังมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ แม่ต้องห้ามขยับหรือเคลื่อนย้ายลูก หรือถ้าจะขยับเคลื่อนย้ายต้องขยับอย่างถูกวิธี โดยการยกตัวลูกโดยให้ส่วนคอและไขสันหลังอยู่ในแนวตรงคล้ายท่อนซุง (log roll)

              ลูกหัวฟาดพื้น
              ลูกตกจากที่สูง พ่อแม่ต้องทำอะไรก่อนหลัง สังเกตอาการยังไง

              2. ถัดไปคือที่ ศีรษะของลูก

              ถ้าได้รับการกระแทก แล้วมีการบวมแดงช้ำ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกต้องประคบเย็น ย้ำว่าประคบเย็นนะคะ!!! เพราะว่าความเย็นจะทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดจะได้ไม่ออกมาใต้ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จะได้ไม่ช้ำบวมเพิ่มมากขึ้น

              หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง เมื่อแผลยุบบวมแล้วถึงสามารถประคบร้อนได้ เพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวดูดเลือดที่ค้างอยู่เอากลับไปทำให้ยุบบวมเร็วขึ้น

              3. สังเกตอาการใน 24 ชั่วโมง

              ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บที่ศีรษะ ถ้าแม่คิดว่าบาดเจ็บรุนแรงหรือไม่สามารถดูอาการเองได้ ให้รีบพาไปโรงพยาบาล เพื่อให้หมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดค่ะ

              แต่ถ้าการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงมาก แม่สามารถดูอาการได้เอง อาจลองสังเกตอาการเบื้องต้นดูเองที่บ้าน โดยเน้นดูอาการของลูกถี่ๆสม่ำเสมอ

              สังเกตอาการ ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น
              สังเกตอาการ ลูกตกจากที่สูง หัวฟาดพื้น

              4. อาการที่ต้องรีบพาลูกไปหาหมอ

              ถ้ามีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ แม่ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะอาจมีสาเหตุมาจากสมองได้รับกระทบกระเทือน หรือเลือดออกในสมองได้ค่ะ

              • ลูกมีซึม
              • อาเจียนพุ่ง
              • ทานได้น้อยลง
              • มีอ่อนแรงแขนขา
              • มีอาการปวดศีรษะ
              • ชักเกร็ง

              5. ตรวจร่างกายบริเวณอื่นๆ ด้วย

              หลังจากจัดการการบาดเจ็บที่ศีรษะของลูก อย่าลืมตรวจร่างกายบริเวณอื่นๆ อย่างละเอียดนะคะ

              • ดูตามข้อว่ามีบวมหรือเปล่า
              • มีแผลตามแขนหรือขาหรือเปล่า
              • ลูกเดินได้ปกติหรือเปล่า

              สรุปแบบย่อๆ สิ่งที่ควรทำ ตามลำดับ
              ดูคอ –> ประคบเย็น–>ดูอาการทางสมอง–>ตรวจร่างกายส่วนอื่นๆ

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               


              การมีความรู้ในการดูแลสุขภาพลูกน้อย เป็นส่วนสำคัญที่จะสร้าง ความฉลาดสุขภาพดี (HQ) หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ ในการสร้างเด็กยุคใหม่ที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จในชีวิต ความฉลาดสุขภาพดี การมี Health Quotient เริ่มต้นได้ที่พ่อแม่ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพตัวเองและลูกน้อย เพื่อที่จะเป็นต้นแบบให้เขาสามารถดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีได้ต่อไป เพราะสุขภาพที่ดีคือพื้นฐานสำคัญของชีวิต


              ติดตามความรู้การพัฒนาสมอง และการเรียนรู้ของเด็ก กับคุณหมอศรินพร

              ได้ที่เพจ หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด

              หมอสมองเลี้ยงลูกแฝด

              บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

              8 วิธีฝึก “สมองส่วนหน้า” ที่ให้ลูกได้มากกว่าทักษะ EF

              11 เกมฝึกสมอง สอนลูกแก้ปัญหาไม่ละความพยายามง่ายๆ

              8 ของเล่น เด็ก 4 ขวบ ฝึกสมอง สร้างสมาธิ เสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยวัยอนุบาลโดยเฉพาะ!

                ทารกกินปลาได้ไหม

                ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่?

                ตอบคำถาม ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? ว่ากันว่าต้องรอให้ลูกอายุครบ 1 ขวบถึงเริ่มทานปลาทะเลและอาหารทะเลได้ ขอบอกว่าไม่จริง!!

                ทารกกินปลาได้ไหม? ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่?

                ในช่วง 6 เดือนแรก ทารกควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอจากนมแม่หรือนมดัดแปลงสำหรับทารกในกรณีที่ไม่สามมารถให้นมแม่ได้ เพื่อให้ร่างกายของลูกเจริญเติบโต และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ตามวัย โดยนมแม่อย่างเดียวจะพอเพียงต่อการเจริญเติบโตของลูกจนถึงอายุประมาณ 6 เดือน (และควรทานนมแม่อย่างต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ) หลังจากลูกอายุ 6 เดือนแล้ว ทารกจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารบางชนิดเพิ่มเติมจากอาหารเสริมตามวัยของทารก เช่น โปรตีน เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน วิตามินเอ เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย

                การให้อาหารตามวัยสำรับทารกอย่างเหมาะสม ควรยึดหลัก 3 ประการ ดังนี้

                • สมวัย คือ ควรดูว่าทารกมีความพร้อมที่จะรับอาหารอื่น ๆ นอกจากนมได้หรือยัง กล่าวคือ เมื่อระบบทางเดินอาหาร ไต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้พัฒนาจนสามารถทำหน้าที่พร้อมแล้ว ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาหมอก่อนเริ่มให้อาหารเสริม เพื่อให้คุณหมอได้ดูถึงพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยค่ะ
                • เพียงพอ ให้อาหารที่มีพลังงานและสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของทารกในแต่ละวัน โดยสารอาหารที่ได้รับต้องมีคุณค่าทางโภชนาการและมีความหลากหลาย มีปริมาณที่เหมาะสม จำนวนมื้ออาหารเหมาะสมกับวัย
                • ปลอดภัย เตรียมและเก็บอาหารอย่างถูกหลักอนามัย อุปกรณ์ที่ใช้ต้องสะอาด ล้างมือก่อนเตรียมและป้อนอาหาร ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด

                ลูกกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? ทารกกินปลาได้ไหม?

                จะเห็นได้ว่าการให้อาหารเสริมกับลูกน้อยนั้น ควรมีความหลากหลาย และปลา (ทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล) ก็เป็นอีกเมนูหนึ่ง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของทารก แต่เรามักจะได้ยินมาว่าไม่ควรทานอาหารทะเลก่อนอายุ 1 ขวบ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดการแพ้อาหารได้ ซึ่งในต่างประเทศนั้น มีงานวิจัยว่า เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย ทารกสามารถทานปลาทะเลและปลาน้ำจืดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป (สำหรับเด็กที่มีประวัติการแพ้อาหาร ควรปรึกษาหมอก่อนเริ่มทานปลาค่ะ)

                ลูกกินปลา
                ลูกกินปลา

                ปลามีประโยชน์ต่อทารกอย่างไร? ทารกกินปลาได้ไหม?

                แม้ว่าอาหารหลักของทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีนั้นยังคงเป็นนมแม่อยู่ แต่การได้รับอาหารเสริมหลังอายุ 6 เดือนแล้ว อาหารเสริมจะเป็นตัวช่วยรองมาจากนมแม่ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อร่างกาย และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในปลาอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

                1. วิตามินดีและธาตุเหล็ก วิตามินดีมีความสำคัญต่อกระดูกที่แข็งแรงและการพัฒนาสมอง และธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมถึงการลำเลียงออกซิเจน เนื่องจากวิตามินดีและธาตุเหล็กที่มีอยู่ในนมแม่นั้นเริ่มไม่เพียงพอสำหรับเด็กทารกวัย 6 เดือนขึ้นไปแล้ว การเสริมอาหารเสริมให้ลูกน้อยโดยเน้นให้ทานอาหารที่มีวิตามินดีและธาตุเหล็กสูงจึงเป็นสิ่งที่ควรแนะนำ (อ่านต่อ วิตามินดี…ดี๊ดีกว่าที่คิด!! รวม 5 อาหารที่มีวิตามินดีสูง)
                2. โปรตีน  ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม ซึ่งโปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่สร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ในปลายังมีสังกะสีในปริมาณที่ดีต่อสุขภาพ สังกะสีเป็นแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและการเจริญเติบโตของเซลล์
                3. กรดไขมันโอเมก้า 3 ปลาบางชนิดมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการสำหรับทั้งทารกและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กทารก กรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง ดวงตา และภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง อีกด้วย (อ่านต่อ 10 ปลาไทย โอเมก้า 3 สูง! บำรุงสมองสดใส หัวใจแข็งแรง)
                4. วิตามินบี 12 และไอโอดีน เป็นสารอาหารอีก 2 ชนิดที่พบในปลาที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองที่แข็งแรงและเซลล์เม็ดเลือดแดงในทารก

                ควรให้ลูกกินปลาอะไรดี? และข้อควรระวังในการทานปลาทะเล

                แม้ปลาจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทารกจะสามารถทานปลาได้ทุกชนิดได้บ่อย ๆ อย่างปลอดภัย เนื่องจากในปลาทะเลบางชนิดนั้นมีการปนเปื้อนของสารปรอท จากแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก
                ยิ่งตัวใหญ่ก็จะยิ่งมีโอกาสมีสารปรอทสะสมในร่างกายสูง ปัจจุบัน มีคำแนะนำจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) แบ่งปลาออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

                ควรให้ลูกกินปลาอะไรดี?

                1. กลุ่ม Best Choice เป็นกลุ่มของปลาที่ปลอดภัย มีการปนเปื้อนของสารปรอทต่ำ ควรทาน 2 – 3 มื้อต่อสัปดาห์ เช่น
                  • ปลาแซลมอน
                  • ปลาจวด
                  • ปลาทู
                  • ปลากระพงขาว
                  • ปลาดุก
                  • ปลาแมกเคอเรลแอตแลนติก
                  • ปลาจาระเม็ด
                  • ปลาคอด
                  • ปลาทูน่า
                  • ปลาลิ้นหมา
                  • ปลานิล
                  • ปลากระบอก
                2. ปลากลุ่ม Good Choices ปลาที่ปลอดภัยรองลงมา ควรรับประทานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
                  • ปลาไน
                  • ปลาหิมะ
                  • ปลาเก๋า
                  • ปลาแฮลิบัต
                  • ปลาอีโต้มอญ
                  • ปลากระพงแดง
                3. กลุ่ม Choices to Avoid คือปล่ากลุ่มที่มีการปนเปื้อนของสารปรอทสูง ควรหลีกเลี่ยง
                  • ปลาฉลาม
                  • ปลาอินทรี
                  • ปลากระโทงดำ
                  • ปลากระโทงดาบ
                  • ปลาไทล์ฟิชจากอ่าวเม็กซิโก

                 >> คำแนะนำนี้สามารถใช้ได้กับแม่ท้องและแม่ให้นมบุตรด้วยนะคะ <<

                FDA ปลาทะเล
                FDA ปลาทะเล

                ข้อควรระวังในการทานปลาทะเล

                นอกจากอันตรายจากการปนเปื้อนของสารปรอทแล้ว ยังมีข้อควรระวังจากการทานปลาทะเลคือ แบคทีเรียและไวรัส ต่าง ๆ ที่อาจอยู่ในเนื้อปลาที่ปรุงไม่สุก หรือการทานปลาดิบ การปรุงเมนูปลา ควรปรุงให้สุกในอุณหภูมิ 62.8 องศาเซลเซียส เป็นอย่างน้อย และปล่อยให้เย็นอยู่ในภาชนะที่สะอาด ถึงจะนำมาให้ทารกทานได้ ปลาที่ปรุงสุกแล้ว สามารถเก็บอยู่ในตู้เย็นได้ไม่เกิน 2-3 วัน และสามารถเก็บอยู่ในช่องแช่แข็งได้ไม่เกิน 3 เดือน (หลังจากระยะเวลาที่กำหนด ไม่แนะนำให้นำกลับมาอุ่นทานค่ะ) สำหรับปลาดิบหรือปลาที่ยังไม่ได้นำมาปรุง สามารถเก็บในตู้เย็นได้ไม่เกิน 1-2 วัน และเมื่อนำออกมาละลาย ไม่ควรให้ปลาอยู่ในอุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมง

                คำแนะนำอาหารสำหรับทารกวัย 0-12 เดือน

                นอกจากนี้ ทีมแม่ ABK ขอนำคำแนะนำจากโรงพยาบาลสินแพทย์ เกี่ยวกับอาหารทารกในวัย 0 – 12 เดือนมาฝากกันค่ะ

                อายุ

                อาหารเสริมที่ควรเริ่มได้

                ปริมาณอาหารเสริมที่ควรได้รับต่อวัน

                แรกเกิดถึง 4 เดือน
                • ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมเพราะว่าน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแต่ถ้าจำเป็นจึงจะให้นมผสมรับประทาน ได้ถึง 2 ปี
                • น้ำนมแม่สามารถให้รับประทานได้ถึง 2 ปี แต่หลัง 1 ปี ต้องได้รับอาหาร  มื้อหลักครบ 3  มื้อ
                อายุครบ 4-6 เดือนเริ่มให้อาหารเสริม
                • ข้าวบดละเอียด
                • ไข่ต้มสลับกับตับบด หรือ ปลาบดเช่น ปลาทู ปลาช่อน
                • ผักสุกบด เช่น ผักกาดขาวฟักทอง
                • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
                • ผลไม้สุก เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุกส้ม กล้วยน้ำว้าสุก
                • ข้าวบดประมาณ 3ช้อนโต๊ะไข่แดงครึ่งฟอง
                • ตับบด 1 ช้อนโต๊ะ
                • ปลาบด 2 ช้อนโต๊ะ
                • ผักสุกบดครึ่งช้อนโต๊ะ
                • ผลไม้สุก 1-2 ชิ้น
                อายุครบ 7-8 เดือน
                • ข้าวบดหยาบ
                • ไข่ทั้งฟอง สลับกับเนื้อปลา เนื้อหมูหรือ เนื้อไก่
                • ผักสุกบดหยาบให้ผักหลายชนิดสลับกัน
                • น้ำต้มผักกับกระดูกหมู
                • ผลไม้สุก
                • ข้าวบดประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ
                • ไข่ทั้งฟอง
                • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
                • ผักสุกบด 1-2 ช้อนโต๊ะ
                • ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น
                • อาหารเสริม 1 มื้อ
                • ผลไม้หลังอาหาร
                อายุครบ 8-10 เดือน
                • ข้าวสุกนิ่ม
                • อาหารอย่างอื่นรับประทานเหมือนอายุครบ 7 เดือน แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
                • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
                • ไข่ทั้งฟอง
                • เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ
                • ผักสุกหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
                • ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น
                • อาหารเสริม 2 มื้อ
                • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ
                อายุครบ 10-12 เดือน
                • รับประทานเหมือนเดิมแต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
                • ข้าวสุกนิ่มประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ
                • ไข่ทั้งฟอง
                • เนื้อสัตว์ 3 ช้อนโต๊ะ
                • ผักสุกหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
                • ผลไม้สุก 4-5 ชิ้น
                • อาหารเสริม 3 มื้อ
                • ผลไม้หลังอาหารทุกมื้อ

                ได้รับคำตอบกันแล้วนะคะว่า ทารกกินปลาได้ไหม? และควรเริ่มกินปลาทะเลได้เมื่อไหร่? แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการทานปลาแล้ว คุณแม่ควรให้ลูกได้ทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารต่าง ๆ อย่างครบถ้วนนะคะ

                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                12 เมนู อาหารเด็ก 6 เดือน กับสูตรอร่อยเพื่อลูกวัยเริ่มกิน!

                รวม 60 สูตร+วิธีทำ เมนูอาหารเด็ก ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ขวบ

                หมอชี้!!ลูกขาด วิตามินซี อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงเดินไม่ได้

                10 เช็กลิสต์ 12 วินัยป้องกันลูกเป็น โรคขาดสารอาหาร!!

                 

                 

                ขอบคุณข้อมูลจาก : healthline.com, U.S. Food and Drug Administration, สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, babycenter.com, โรงพยาบาลสินแพทย์

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  ชื่ออิสลามผู้ชาย

                  100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

                  การตั้งชื่อลูก เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะลูกจะใช้ชื่อนั้น ๆ ไปจนโต สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม นิยมตั้ง ชื่อมุสลิม ให้ลูก  ทีมแม่ ABK ขอรวม ชื่ออิสลามผู้ชาย ที่มีความหมายดี ๆ มาฝากกันค่ะ

                  100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

                  คนมุสลิมมีวัฒนธรรมในการตั้ง “ชื่อมุสลิม” มาตั้งแต่เดิม เพื่อบ่งบอกให้รู้ถึงความเป็นมุสลิม และที่สำคัญคือเพื่อความบารอกัต (สิริมงคล) เพราะแต่ละชื่อที่บรรดาผู้ปกครองคัดสรรให้ลูกน้อยนั้น จะต้องเป็นชื่อที่มีความหมายดีและมีความไพเราะ แต่เดิมนั้น ปู่ ยา ตา ยาย ทวด มักจะมีชื่อเพียงชื่อเดียว เป็นชื่อสั้น ๆ เรียกง่าย ๆ และใช้ชื่อมุสลิมเป็นทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นไปในตัว แต่ในสมัยนี้ ชื่อมุสลิม มีความครีเอทเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันคนมุสลิมมักตั้งชื่อที่แปลกใหม่ขึ้น และอาจจะเป็นการใช้คำในภาษาต่างประเทศ หรือหยิบคำนั้นมาผสมกับคำนี้ ให้ดูไม่เหมือนใคร มาดูกันว่ามี ชื่ออิสลามผู้ชาย ชื่อไหนที่ถูกใจแม่ ๆ กันบ้าง

                  100+ ชื่ออิสลามผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

                  ชื่อความหมาย
                  Aaban ชื่อของ เทวดา
                  Aafiya สุขภาพ ที่ดี
                  Aahil เจ้าชาย
                  Aalee ประเสริฐ สูง
                  Aamir เจริญรุ่งเรือง
                  Aaqib สาวก
                  Aaqil ชาญฉลาด
                  Abbud ผู้ศรัทธา
                  Abdul Aalee คนรับใช้ของ ผู้สูงสุด
                  Adel ผู้พิพากษามีเกียรติคนหนึ่งที่เที่ยงธรรม
                  Afeef บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ , เคร่งศาสนา
                  Ashar คนที่มีภูมิปัญญา
                  Ashraf มีเกียรติมากที่สุด
                  Asim ผู้คุ้มครอง
                  Ata Allah ของประทานจากพระเจ้า
                  Baber กล้าหาญ , สิงโต
                  Badi มหัศจรรย์
                  Barir ซื่อสัตย์
                  Barraq ส่องแสง
                  Basel กล้าหาญ
                  Dhakiy ฉลาด สดใส
                  Dhakwan ชาญฉลาด
                  Dhiya แสง งดงาม
                  Dilawar กล้าหาญ
                  Dildar มีเสน่ห์ เป็นที่รัก
                  Diyari ของขวัญ
                  Ehsan มีอำนาจ
                  Eshan ความรักในพระเจ้า
                  Faaz ชนะ ประสบความสำเร็จ
                  Farooq งาม
                  Farrukh มีความสุข มงคล
                  Fatih ผู้พิชิต
                  Fayaaz อ่อนน้อม และ ใจกว้าง
                  Ghazawan นักรบ สหายของท่านศาสดา
                  Ghazi ผู้พิชิต
                  Ghiyath ผู้ประสบความสำเร็จ
                  Ghutayf ร่ำรวย
                  Habbab อ่อนโยน น่ารัก
                  Habib สุดที่รัก
                  Haji ผู้แสวงบุญ
                  ชื่ออิสลาม
                  ชื่ออิสลาม

                  100+ ชื่อมุสลิมผู้ชาย ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

                  ชื่อความหมาย
                  IIbrahim พระบิดาแห่งผู้คนหลากหลาย ชื่อศาสดา ( อับราฮัม )
                  Ilias ชื่อศาสดา ( เอลียาห์ )
                  Ilyas ชื่อศาสดา
                  Imran ชื่อศาสดา
                  Jasmir เข้มแข็ง
                  Jawdan คุณงามความดี
                  Jazib สวย หล่อ
                  Jibril เทวทูต ของ อัลเลาะห์ ( กาเบรียล )
                  Junayd นักรบ
                  Khurram ร่าเริง มีความสุข
                  Khursheed ดวงอาทิตย์
                  Khush Bakht โชคดี
                  Khushtar ล้อมรอบด้วยความสุข
                  Lajlaj สหายของศาสดา
                  Maimun, Maymun โชคดี
                  Marzuq พรจากพระเจ้า
                  Masarrat ความสุข
                  Mujahid นักรบ ( ในทางของ อัลเลาะห์)
                  Najeeb ชาติกำเนิดสูงส่ง
                  Omar อายุยืน
                  Owais สหาย ของท่านศาสดา ( S.A.W )
                  Qasid ทูตสวรรค์
                  Qatadah ชื่อของ สหาย ของท่านศาสดา
                  Quadir เข้มแข็ง
                  Qudamah กล้าหาญ
                  Rizq พรของพระเจ้า
                  Safeer ทูต
                  Safi บริสุทธิ์
                  Saheim นักรบ
                  Saib ที่เหมาะสม ถูกต้อง
                  Sulaiman ชื่อ ผู้เผยพระวจนะ
                  Taymullah ผู้รับใช้ของพระเจ้า
                  Taymur กล้าหาญ ที่แข็งแกร่ง
                  Tayyab สะอาด
                  Tayyib ดีหรือละเอียดอ่อน
                  Tazeem มีเกียรติ
                  Thaqib ดาวตก
                  Tharwat ความมั่งคั่ง โชคลาภ ร่ำรวย
                  Thawban ชื่อของสหายของท่านศาสดา
                  Tihami ชื่อของท่านศาสดา ( S.A.W )
                  ตั้งชื่ออิสลาม
                  ตั้งชื่ออิสลาม

                  100+ ชื่ออิสลาม ความหมายดี มีมงคลติดตัวลูก

                  ชื่อความหมาย
                  Tobias เกิดมาพร้อมกับดาว
                  TTaban รุ่งโรจน์ ระยิบระยับ
                  Ubaid ซื่อสัตย์
                  Ubaidah, Ubaydah ผู้รับใช้ของพระเจ้า
                  Ubaydullah คนรับใช้ของ อัลเลาะห์
                  Uhban ชื่อของท่านศาสดา ( S.A.W )
                  Umair ชาญฉลาด
                  Umar ชื่อของพระเจ้ากาหลิบ ที่สอง
                  Omar ชื่อของพระเจ้ากาหลิบ ที่สอง
                  Uzair ชื่อของท่านศาสดา
                  Uzayr ล้ำค่า
                  Waliy al Din ผู้รับใช้ ของพระเจ้า
                  Waliy Allah ผู้รับใช้ ของพระเจ้า
                  Waqas นักรบ
                  Waseem หล่อ
                  Wasim, Waseem สง่างาม ดูดี
                  Yasir ร่ำรวย
                  Youssef, Yusef, Yusuf ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจเซฟ )
                  Yunus ชื่อศาสดา
                  Yunus, Yoonus ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจนาห์ )
                  Yushua พระเจ้าทรงช่วย
                  Yusuf ชื่อ ผู้วิเศษ ( โจเซฟ )
                  Zafar ชัยชนะ
                  Zafir มีชัย
                  Zaheer สดใสและ ส่องแสง
                  Zahir สดใส ส่องแสง ดอกไม้
                  Zaid, Zayd การเจริญเติบโต อุดมสมบูรณ์
                  Zain, Zayn ความงาม
                  Zakar หล่อ
                  Zakariya ชื่อของศาสดา
                  Zakariyya ชื่อ ผู้เผยพระวจนะ ( Zakaria )
                  Zaki อัจฉริยะ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
                  Zaki, Zaky บริสุทธิ์
                  Zakir คนที่เชื่อในอัลลอฮ์

                  ทีมแม่ ABK หวังว่า ชื่ออิสลามผู้ชาย ทั้ง 100+ ชื่อนี้ จะมีชื่อที่ถูกใจแม่ ๆ นะคะ

                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                  300+ ชื่อผู้ชาย ความหมายดี ปี 2021-2022 ตามวันเกิด

                  200+ ชื่ออิสลามผู้หญิง ชื่อมุสลิม ความหมายดี ปี 2021

                  300+ ชื่อเล่นลูกชาย อัพเดตล่าสุด 2021!! ไม่ซ้ำ ไม่เชย เท่ล้ำไม่เหมือนใคร

                  300+ ชื่อมงคล ผู้หญิง ตามวันเกิดพร้อมความหมายดี ๆ

                   

                  ขอบคุณข้อมูลจาก : www.muslimthaipost.com, www.halallifemag.com/mulsim-name

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    dixit บอร์ดเกมใบ้คำ

                    บอร์ดเกม DiXit ชวนลูกใบ้คำ ฝึกทักษะเล่าเรื่อง โดย พ่อเอก

                    บอร์ดเกมหรือเกมที่เคยแนะนำมาทั้งหมดสามารถใช้ผู้เล่นเพียง 2 คนเล่นได้ แต่ บอร์ดเกม DiXit เป็นบอร์ดเกมแรกที่ผมนำมาแนะนำที่ต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน ถึงจะเล่นได้

                    บอร์ดเกม DiXit คืออะไร

                    DiXit Odyssey เป็นบอร์ดเกมที่เป็นเกมทายรูปภาพจากคำใบ้ ฟังดูเป็นเกมพื้นๆ ซึ่งก็จริง เพราะวิธีการเล่นง่ายมากแต่สนุกสุดๆ ยิ่งคนเล่นเยอะยิ่งสนุก และจะสนุกขึ้นถ้ามีพวกนักใบ้ที่เป็นคนคิดซับซ้อน ผสมกับนักใบ้ที่มีความมั่วเล่นอยู่ในวงเดียวกัน และ DiXit สามารถเล่นได้สูงสุด 12 คน

                    ใน website boardgamegeek.com ให้ rating ความสนุกไว้ที่ 7.4 คะแนน ถือว่าไม่น้อยเลย และ complexity 1.18 จากเต็ม 5 ก็ถือว่าเล่นไม่ยาก เกมใช้เวลาเล่นประมาณ 30 นาที และเหมาะกับอายุ 8+ แต่ก็เหมือนทุกเกมที่ทั้งปูนปั้นกับปั้นแป้งเล่นได้ทั้งที่วัยไม่ถึง ซึ่งหมายถึงเด็กๆ ทุกคนเล่นได้เช่นกัน

                    Tokyo Highway บอร์ดเกมครอบครัว ชวนลูกสร้างทางด่วน

                    ชวนลูกเล่น เกมต่อบล็อคไม้ Katamino Family

                    รีวิว Jurassic Snack บอร์ดเกมง่ายๆ สอนลูกรู้จักวางแผน

                    บอร์ดเกม dixit
                    บอร์ดเกม dixit

                    บอร์ดเกม DiXit อุปกรณ์การเล่น

                    • บอร์ดนับคะแนน 2 ชิ้น (ตอนเล่นเอามาต่อกันเป็นชิ้นเดียวกัน)
                    • การ์ดรูปภาพ 84 ใบ
                    • บอร์ดคำตอบ 12 ชิ้น (สำหรับ จำนวนผู้เล่นมากสุด 12 คน)
                    • หมุดคำตอบ 24 ชิ้น
                    • โทเคนกระต่ายไม้ 12 ตัว (สำหรับ จำนวนผู้เล่นมากสุด 12 คน)
                    การ์ดสำหรับใช้เล่าเรื่อง
                    การ์ดสำหรับใช้เล่าเรื่อง

                    การเตรียมเกม DiXit 

                    ประกอบบอร์ดนับคะแนนทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน

                    ผู้เล่นเลือกบอร์ดคำตอบสีที่ต้องการพร้อมกับโทเคนกระต่ายสีเดียวกับบอร์ดคำตอบ

                    ทุกคนนำโทเคนกระต่ายไปวางที่ช่อง 0 แต้มบนบอร์ดนับคะแนน

                    สลับการ์ดรูปภาพทั้ง 84 ใบ แจกให้ผู้เล่นคนละ 6 ใบ ที่เหลือเป็นกองจั่ว (อย่าให้ผู้อื่นเห็นไพ่บนมือเรา)

                    • ถ้ามีผู้เล่น 3-6 คน ผู้เล่นแต่ละคนได้หมุดคำตอบคนละ 1 อัน (สีไหนก็ได้)
                    • ถ้ามีผู้เล่น 7-12 คน ผู้เล่นแต่ละคนได้หมุดคำตอบคนละ 2 อัน (สีไหนก็ได้)
                    การเซ็ทเกม dixit
                    การเซ็ทเกม dixit สำหรับ 4 คน

                    บอร์ดเกม DiXit วิธีเล่น

                    ในแต่ละรอบจะมีนักเล่าเรื่อง 1 คน (ผลัดวนกันไป) ที่ทำหน้าที่ใบ้ภาพของไพ่ในมือที่เลือกไว้ (1 ใบ จาก 6 ใบในมือ แล้วนำมาคว่ำไว้ด้านหน้า) โดยการเล่าเรื่องจะเป็นการใบ้ภาพ ซึ่งใช้เป็น คำหนึ่งคำ เรื่องเล่ายาวสั้น เป็นเพลง ชื่อหนัง โคลงกลอน อะไรก็ได้ที่สื่อถึงภาพตัวเอง โดยไม่ต้องสื่อสารให้ตรงเป๊ะๆ ก็ได้

                    เมื่อนักเล่าเรื่องเล่าเสร็จ ผู้เล่นคนอื่นเลือกการ์ดในมือตนเอง ที่คิดว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่นักเล่าเรื่องเล่ามาที่สุด แล้วคว่ำการ์ดนั้นส่งให้นักเล่าเรื่อง นักเล่าเรื่องจะสลับการ์ดทุกใบที่รับมารวมกัน แล้วค่อยๆ สุ่มเปิดการ์ดวางเปิดบนบอร์ดนับคะแนนเรียงลำดับ 1-12

                    ผู้เล่นทุกคน จะเลือกว่ารูปไหนหน้าจะเป็นการ์ดของนักเล่าเรื่อง แล้วเลือกคำตอบนั้นโดยการปักหมุดบนการ์ดคำตอบของตัวเอง อย่าให้ใครเห็น

                    ปักหมุดคำตอบ
                    ปักหมุดคำตอบของตัวเอง อย่าให้ใครเห็น

                    เมื่อทุกคนเลือกเสร็จ ก็ให้ทุกคนเปิดบอร์ดคำตอบตัวเองว่าเลือกเลขใด แล้วผู้เล่าเรื่องจะทำการเฉลยว่าการ์ดใบไหนเป็นของตนเอง

                    Note :

                    1) ผู้เล่น ห้ามเลือกการ์ดตัวเอง

                    2) กรณีเล่น 7-12 คน สามารถเลือกได้ 2 คำตอบ

                    บอร์ดเกม DiXit การนับคะแนน

                    • หากผู้เล่นทุกคนทายถูกหมด หรือ ผู้เล่นทุกคนทายผิดหมด : ผู้เล่นทุกคนจะได้คนละ 2 คะแนน เว้นนักเล่าเรื่องจะได้ 0 คะแนน เพราะถือว่าเล่า ยากหรือง่ายไป
                    • หากมีผู้เล่นบางคนตอบถูก และบางคนตอบผิด : ผู้ที่ตอบถูกและนักเล่าเรื่องจะได้คนละ 3 คะแนน คนที่ตอบผิดได้ 0 คะแนน
                    • ผู้เล่นที่ไม่ใช่นักเล่าเรื่อง แต่มีคนมาเลือกการ์ดภาพตนเอง : จะได้โบนัส 1 คะแนนต่อ 1 โหวตที่มาเลือก แต่ไม่เกิน 3 คะแนนต่อรอบ
                    คะแนนบนกระดานคะแนน
                    คะแนนบนกระดานคะแนน

                    จบรอบ

                    • ผู้เล่นทุกคนจั่วไพ่ใหม่คนละใบจากกองให้บนมือกลับมาครบ 6 ใบ
                    • การ์ดที่เล่นในรอบที่ผ่านมา เก็บออกจากบอร์ดเป็นกองทิ้ง
                    • ผู้เล่นทางซ้ายของนักเล่าเรื่องคนก่อนเป็นคนเล่าคนถัดไป
                    • หากไพ่ในกองจั่วหมด ให้เอากองทิ้งมาสลับและเติมเข้าไป

                    จบเกม

                    เกมจบลงเมื่อมีผู้เล่นที่ได้ครบ 30 คะแนนก่อน

                    กฏพิเศษสำหรับการเล่น 3 คน

                    เพื่อให้สนุกขึ้นคือ ให้แจกการ์ดให้ผู้เล่นแต่ละคน 7 ใบแทนที่จะเป็น 6 ใบ และตอนส่งการ์ดรูปภาพให้นักเล่าเรื่องจะต้องส่ง 2 ใบ (แทนที่จะเป็น 1 ใบ) ทำให้จะมีการ์ด 5 ใบบนบอร์ดนับคะแนนเสมอ

                    ปั้นแป้งกำลังเล่าเรื่อง
                    ปั้นแป้งกำลังเล่าเรื่อง ยิ่งเล่นบ่อย ยิ่งใบ้คำเก่ง

                    ประโยชน์ของการ ชวนลูกเล่น บอร์ดเกม DiXit

                    เกมนี้ได้หัดเรื่องการใช้ภาษา การเล่าเรื่อง ไหวพริบปฏิภาณในการผูกโยงเรื่องที่ฟังเข้ากับภาพที่เห็น ไหวพริบในการเล่าเรื่องเพื่อให้ผู้ฟังตีความได้ยาก ยกตัวอย่างที่ผมเล่นกับลูก เช่น

                    การ์ดรูปเด็กยืนเขียนชอล์คบนกระดานดำ ผมก็เล่าว่า ตกใจแทบตาย ซึ่งลูกๆ ก็จะพยายามหาการ์ดที่สื่อถึงการตกใจ แต่ตอนเฉลย ผมก็เฉลยว่า ตกใจแทบตาย = ช็อค (shock) และพ้องเสียงกับ ชอล์ค (chalk) ก็จะเรียกเสียงฮาจากลูกๆ ได้

                    หรือ ปูนปั้นเคยได้รูปคล้ายหอไอเฟล ปูนปั้นใบ้ว่า วันนี้เป็นวันอะไร แล้วตอนเฉลยมันคือวันเสาร์ ซึ่งก็เป็นเสาร์หอไอเฟล

                    ส่วนปั้นแป้งจะยังใสซื่อไร้เดียงสา แรกๆ ก็มักจะใบ้อะไรตรงๆ ที่มีในภาพ และก็โดนทายถูกประจำ พอเล่นบ่อยขึ้นก็จะมีมุกขึ้น ก็จะเริ่มใบ้แบบ “รวยมาก” ซึ่งบางทีในภาพอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่มันเป็นของมีค่าในสายตาเด็ก พอเฉลยก็ได้ฮากันไป

                    ความสนุกมันจึงอยู่ตรงการเล่าเรื่อง ที่ยิ่งเล่นบ่อยก็จะยิ่งสลับซับซ้อนขึ้น โดยเรื่องที่เล่าจะมาผูกกับประสบการณ์ที่ได้พบเจอ และมาฮากันตอนเฉลย ที่ทำให้งงไปตามๆ กันว่า มันต้องตีความกันขนาดนั้นเลยรึนี่

                     


                    ชวนลูกเล่นบอร์ดเกมนอกจากได้ความสนุกสนาน ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวแล้ว ยังช่วยให้เกิด Power BQ หลายด้านทั้งความฉลาดจากการเล่น Play Quotient (PQ)  ความฉลาดทางสติปัญญา Intelligenct Quotient (IQ) และ Thinking Quotient (TQ) ฉลาดคิดเป็น ผ่านกการวางแผนการเล่น การวางแผนใช้ทรัพยากร ทั้งยังช่วยสร้างจินตนาการให้ลูกมี Creativity Quotient (CQ) ด้วยการตั้งคำถามจากเกม รวมถึงต่อยอดชวนลูกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดอีกด้วย


                    >แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                    หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                    ติดตามเพจหมุนรอบลูก

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                    Patchwork บอร์ดเกมยอดนิยม เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นเพลิน โดยพ่อเอก

                    รีวิว Quoridor และ Pylos เกมส์ไม้ เสริมพัฒนาการ โดยพ่อเอก

                    ชวนเล่น! Splendor จุดประกายลูก สนุกกับบอร์ดเกม โดย พ่อเอก

                     

                    Monopoly เกมเศรษฐี บอร์ดเกมยอดฮิต ฝึกลูกวางแผนการเงิน โดยพ่อเอก

                     

                      ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย ชื่อมงคล

                      ชื่อไทย ชื่อมงคลตามตำราโหราศาสตร์ไทยเพื่อลูกน้อย!

                      เกิดเป็นคนไทย อยากตั้งชื่อลูกแบบไทย ๆ ชื่อไทย เพราะๆ ความหมายดีๆ เป็นมงคล ตรงตามหลักโหราศาสตร์ไทย จัดมาให้เลือกพร้อมกันที่นี่! เพราะชื่อดีเป็นศรีแก่ตัว

                      ชื่อไทย ชื่อมงคลตามตำราโหราศาสตร์ไทยเพื่อลูกน้อย!

                      ภาษาไทย เป็นภาษาที่สวยงาม ไพเราะ แถมมีความหมายดี ๆ มงคลมากมาย การตั้งชื่อลูกเป็นชื่อไทย ชื่อมงคล จึงยังคงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไม่น้อย อีกทั้งยังมีความเข้าใจง่าย เพราะเป็นภาษาแม่ ภาษาถิ่นในเมืองเกิดนั่นเอง

                      ตำราโหราศาสตร์ไทย ตำราที่ว่าด้วยดวงดาว ฤกษ์ยาม ความมงคล พ่อแม่ที่อยากตั้งชื่อลูกให้เป็นชื่อไทย ก็ควรระลึกถึงชื่อที่เข้าตำราดังกล่าวจะเป็นการดี เพิ่มความสิริมงคล โชคลาภให้แก่ลูกน้อย โดยตำราโหราศาสตร์ไทยนั้นมีมากมายหลายวิธี แต่วันนี้ ทีมแม่ ABK ขอนำเอาวิธีที่ง่ายที่สุดในศาสตร์การตั้งชื่อ นั่นคือ ตั้งตามวันเกิด ซึ่งการนับวันตามแบบไทยนั้น จะมีวิธีการนับที่มีรายละเอียด ดังนี้

                      ตั้งชื่อลูก ตามตำราโหราศาสตร์ไทย
                      ตั้งชื่อลูก ตามตำราโหราศาสตร์ไทย

                      ทักษาประจำวันเกิด การนับเวลาเกิดตามแบบไทย

                      แบบโหราศาสตร์ไทยจะนับเริ่มต้นวันที่ 06.00 – 05.59 น. ของอีกวันเป็นวันเดียวกัน

                      เกิดวันอาทิตย์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันจันทร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันอาทิตย์
                      เกิดวันจันทร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันอังคาร เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันจันทร์
                      เกิดวันอังคารเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันพุธ เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นอังคาร
                      เกิดวันพุธเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เย็นวันพุธเวลา 17.59 (5โมง.59นาที) นับเป็นพุธกลางวัน
                      เกิดวันพุธเวลา 18.00 (6 โมงเย็น) – เช้าวันพฤหัส เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นพุธกลางคืน
                      เกิดวันพฤหัสเวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันศุกร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันพฤหัส
                      เกิดวันศุกร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันเสาร์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันศุกร์
                      เกิดวันเสาร์เวลา 6.00 (6 โมงเช้า) – เช้าวันอาทิตย์เวลา 5.59 (ตี5.59นาที) นับเป็นวันเสาร์

                      นอกจากนี้ ยังมีคำศัพท์ที่เราควรทำความเข้าใจกับความหมาย เพื่อที่ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องการเสริมดวงด้านไหนแก่ชื่อของลูกก็ควรเน้น ตัวอักษรที่ตรงตามด้านนั้นกับวันเกิดของลูกน้อย ก็จะยิ่งเสริมในจุดที่เด่น เพิ่มมงคลมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

                      บริวาร คนที่อยู่ใกล้ชิด สามี ภรรยา ลูก คนรับใช้ ญาติพี่น้อง เพื่อน ผู้อยู่ในอุปการะ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
                      อายุ ชีวิตความเป็นอยู่ วิถีทางการดำเนินชีวิต สุขภาพร่างกาย ความแข็งแรง
                      เดช อำนาจ วาสนา บารมี ลาภ ยศ สรรเสริญ เกียรติ์ ศักดิ์ศรี ชื่อเสียง อิทธิพล ตำแหน่ง หน้าที่การงานสภาพสังคม การศึกษา การทำงาน
                      ศรี โชคลาภ มงคลทั้งปวง ความสำเร็จ ความสมหวัง เสน่ห์ ความเมตตามหานิยม เงินทอง คุณงามความดีทั้งหลาย
                      มูละ เงินทอง ทรัพย์สิน มรดก หลักทรัพย์ ความมั่นคง ที่ดิน หลักทรัพย์ทางเศรษฐกิจ
                      อุตสาหะ ความขยันหมั่นเพียร อาชีพ การทำงาน ความพากเพียร เพื่อความสำเร็จของชีวิต ความคิดใหม่ๆ ความกระตือรือร้นต่างๆ
                      มนตรี การมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ช่วยเหลือ ค้ำจุนเกื้อกูลด้วยความเอ็นดู ทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ครู อาจารย์ เจ้านาย ผู้ที่อาวุโสกว่า
                      กาลกิณี ความทุกข์ระทม ความอาภัพ อัปมงคล ไร้โชค เคราะห์ร้าย ความชั่ว อุปสรรค ความเจ็บป่วย ความผิดหวัง ความทุกข์เสียใจ ความพลัดพราก ศัตรู

                      จุดที่สำคัญในการเลือกชื่อไทยของลูก ตามหลักโหราศาสตร์ไทยในแบบง่าย ๆ นี้ ให้คุณพ่อคุณแม่เน้นเลี่ยงคำที่อยู่ในช่องกาลกิณี ไม่ให้มีในชื่อของลูก ที่เกิดวันนั้น ๆ พอจะเข้าใจหลักการคร่าว ๆ กันแล้ว เรามาเริ่มต้นดูตัวอักษรที่เหมาะกับวันต่าง ๆ และตัวอย่างชื่อทั้งชาย และหญิงกันเลยดีกว่า

                      ชื่อไทย ตามวันเกิด เป็นมงคล
                      ชื่อไทย ตามวันเกิด เป็นมงคล

                       เด็กเกิดวันอาทิตย์ 

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันอาทิตย์อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮ

                      ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายเกิดวันอาทิตย์เป็นมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กันต์กันน่ารัก น่าพอใจ
                      เขมนันท์เข-มะ-นันยินดีในความปลอดภัย
                      คณาธิปคะ-นา-ทิบผู้เป็นหัวหน้า
                      คิรากรคิ-รา-กอนกระทำซึ่งถ้อยคำ พูดเก่ง พูดดี
                      คุณากรคุ-นา-กอนบ่อเกิดแห่งความดี
                      จารุวัฒน์จา-รุ-วัดผู้มีความเจริญรุ่งเรือง
                      จิรเมธจิ-ระ-เมดมีความรู้ตลอดกาลนาน มีความฉลาดนาน
                      ฉันทัชฉัน-ทัดผู้เกิดมาด้วยความพอใจ
                      ชญานนท์ชะ-ยา-นนยินดีในความรู้
                      ชนกันต์ชะ-นะ-กันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย
                      ชยพลชะ-ยะ-พนมีพลังคือชัยชนะ
                      ชัชรินทร์ชัด-ชะ-รินผู้เป็นใหญ่
                      ฐากูรถา-กูนที่เคารพ
                      ณภัทรนะ-พัดดีงามด้วยความรู้
                      เดชาธรเด-ชา-ทอนทรงไว้ซึ่งเดช
                      ภาณุภัทรพา-นุ-พัดเจริญด้วยแสงสว่าง พระอาทิตย์

                      ตัวอย่างชื่อไทย ผู้หญิงวันอาทิตย์เป็นมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กชมนกด-ชะ-มนมีใจประเสริฐเหมือนดอกบัว
                      กนกรดากะ-หนก-ระ-ดายินดีในทอง
                      กรรวีกอน-ระ-วีรัศมีแห่งพระอาทิตย์
                      เขมิกาเข-มิ-กามีความเกษมสันต์
                      จารวีจา-ระ-วีผู้งดงาม
                      จิณัฐตาจิ-นัด-ตาความเป็นผู้ฉลาดที่ได้สั่งสมมา
                      โชติมนต์โช-ติ-มนประเสริฐในความรู้
                      ญาณินยา-นินผู้มีความรู้
                      ฐิตาภาทิ-ตา-พามีรัศมีมั่นคง รุ่งเรืองนาน
                      ธนัญญาทะ-นัน-ยามีความรู้เรื่องทรัพย์
                      ธัญชนกทัน-ชะ-นกให้เกิดสิริมงคล หรือให้เกิดโชค
                      ธันยวีร์ทัน-ยะ-วีมีโชคและมีความกล้า
                      เบญญาภา เบน-ยา-พารุ่งเรืองด้วยปัญญา
                      บุณยาพรบุน-ยา-พอนดีและประเสริฐ ประเสริฐด้วยความดี
                      ปภาวีปะ-พา-วีผู้มีอำนาจ
                      รินรดาริน-ระ-ดาผู้ยินดีหรือรื่นเริงอยู่เสมอ
                      ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย เสริมดวง
                      ตั้งชื่อลูก ชื่อไทย เสริมดวง

                      เด็กที่เกิดวันจันทร์

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันจันทร์ก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศ

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันจันทร์เสริมมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กมลภพกะ-มน-ละ-พบผู้เกิดจากดอกบัว คือพระพรหม
                      กฤตกริดกระทำแล้ว
                      คมกฤชคม-กริดคมของกริช
                      ชยธรชะ-ยะ-ทอนทรงชัย
                      ชลธรชน-ละ-ทอนผู้ทรงไว้ซึ่งน้ำ คือทะเล
                      ตฤณตรินหญ้า
                      ธนกรทะ-นะ-กอนสร้างทรัพย์สิน
                      วรนนวอ-ระ-นนมีใจประเสริฐ

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงที่เกิดวันจันทร์เสริมมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กชอรกด-ชะ-ออนหญิงงามดุจดอกบัว
                      กนกพรกะ-หนก-พอนทองประเสริฐ
                      ธมนวรรณทะ-มน-วันมีผิวพรรณสวยงาม
                      พรรณปพรพัน-ปะ-พอนมีผิวพรรณประเสริฐ
                      ภคพรพะ-คะ-พอนมีโชคเป็นพร

                       เด็กที่เกิดวันอังคาร  

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันอังคารจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ ง

                      ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายที่เกิดวันอังคารเป็นมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      จรณินท์จะ-ระ-นินเป็นใหญ่เพราะความประพฤติดี
                      จารุเดชจา-รุ-เดดมีเดชงดงาม
                      จิรวินจิ-ระ-วินผู้มีอายุยืนยาวมพอใจ
                      ชฎาธรชะ-ดา-ทอนพระศิวะ
                      ชนานันท์ชะ-นา-นันยินดีในหมู่คน
                      ชยพัทธ์ชะ-ยะ-พัดเกี่ยวเนื่องกับความชนะ
                      ณพิชญ์นะ-พิดนักปราชญ์
                      ณัฐพลนัด-ถะ-พนพลังแห่งนักปราชญ์
                      เดชาธรเด-ชา-ทอนทรงไว้ซึ่งเดช
                      เตโชดมเต-โช-ดมมีเดชสูงสุด
                      ธนดลทะ-นะ-ดนบันดาลทรัพย์
                      ธนเดชทะ-นะ-เดดมีทรัพย์เป็นอำนาจ
                      ชื่อไทย เด็กผู้หญิงที่เป็นมงคล
                      ชื่อไทย เด็กผู้หญิงที่เป็นมงคล

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงวันอังคารเสริมมงคล

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      ชฎารัตน์ชะ-ดา-รัดมงกุฎแก้ว
                      ญาณิดายา-นิ-ดามีความรู้
                      ฐปนีย์ถะ-ปะ-นีผู้มีความตั้งมั่น
                      ฐิติภาถิ-ติ-พาแสงสว่าง
                      ธวัลยาทะ-วัน-ยาบริสุทธิ์
                      นภาลัยนะ-พา-ลัยฟากฟ้า
                      นรียานะ-รี-ยาสตรี
                      ภัทรวรรณพัด-ทระ-วันมีผิวพรรณดีงาม
                      หทัยรัตน์หะ-ไท-รัดแก้วใจ
                      ธัญสิริทัน-ยะ-สิ-หริโชคดีและเป็นมิ่งขวัญ

                        เด็กเกิดวันพุธ  

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันพุธกลางวันฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญ
                      วันพุธกลางคืนย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
                      ชื่อไทย ชื่อเด็กชายหญิง ความหมายดี ๆ
                      ชื่อไทย ชื่อเด็กชายหญิง ความหมายดี ๆ

                      ตัวอย่างชื่อไทย ผู้ชายที่เกิดวันพุธกลางวัน

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กรวีร์กอ-ระ-วีกล้าหาญในการทำงาน
                      กีรติกี-ระ-ติผู้มีเกียรติ
                      ฐากูรถา-กูนที่เคารพ ผู้น่าเลื่อมใส
                      ณรงค์ฤทธิ์นะ-รง-ริดมีฤทธิ์ในการรบ
                      ตุลธรตุน-ละ-ทอนทรงไว้ซึ่งความเที่ยงตรง
                      ทัพพ์ทับทรัพย์สมบัติ
                      ปกรณ์ปะ-กอนคัมภีร์
                      ภรัณยูพะ-รัน-ยูผู้ปกป้อง

                      ตัวอย่างชื่อไทย ผู้หญิงเกิดพุธกลางวัน

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กมลเนตรกะ-มน-เนดตางามดุจดอกบัว
                      กานต์ธีรากาน-ที-รานักปราชญ์ผู้เป็นที่รัก
                      คคนางค์คะ-คะ-นางท้องฟ้า
                      ฐานิตาถา-นิ-ตาผู้มีฐานะ
                      ณัฐนรีนัด-นะ-รีหญิงสาวผู้เป็นนักปราชญ์
                      ธันยพรทัน-ยะ-พอนมีโชคอันประเสริฐ
                      นารานา-รารัศมีรุ่งเรือง
                      บัณฑิตาบัน-ดิ-ตาผู้ฉลาด ผู้มีความรู้

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายที่เกิดวันพุธกลางคืน

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กฤตยชญ์กริด-ตะ-ยดนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียน
                      โกลัญญาโก-ลัน-ยาสตรีผู้เกิดในตระกูลสูง
                      จิรกิตติ์จิ-ระ-กิดมีชื่อเสียงยืนนาน
                      ชญานนท์ชะ-ยา-นนยินดีในความรู้
                      วรัชญ์วะ-รัดผู้รู้สิ่งที่ประเสริฐ
                      ศตนันท์สะ-ตะ-นันมีความยินดีตั้งร้อย มีความยินดีมาก
                      ศิรชัชสิ-ระ-ชัดนักรบผู้ยอดเยี่ยม
                      อติวิชญ์อะ-ติ-วิดนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีตระกูลสูง

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันพุธกลางคืน

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      คันธารัตน์คัน-ทา-รัดกลิ่นแก้ว
                      จารุกัญญ์จา-รุ-กันหญิงสาว (งาม) ดังหนึ่งทอง
                      ฉันท์ชนกฉัน-ชะ-นกผู้ให้เกิดความพอใจ
                      คุณิตาคุ-ณิ-ตาผู้มีคุณงามความดี
                      จารีรัตน์จา-รี-รัดผู้ประพฤติดี
                      ชลิตาชะ-ลิ-ตาผู้รุ่งเรืองแล้ว

                        เด็กเกิดวันพฤหัสบดี  

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันพฤหัสบดีบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ น
                      ชื่อไทยเด็กหญิง เสริมดวง ความหมายอ่อนหวาน
                      ชื่อไทยเด็กหญิง เสริมดวง ความหมายอ่อนหวาน

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันพฤหัสบดี

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      ชฎายุชะ-ดา-ยุลูกแห่งครุฑ
                      ชยังกูรชะ-ยัง-กูนหน่อเนื้อเชื้อไขแห่งชัยชนะ
                      ญาณกรยา-นะ-กอนผู้สร้างความรู้ รุ่งเรืองด้วยความรู้
                      ณัฏฐากรนัด-ถา-กอนบ่อเกิดแห่งปัญญา
                      พิรัชย์พิ-รัดชัยชนะของวีรบุรุษ
                      ภูมิรพีพูม-ระ-พีผู้เป็นดุจพระอาทิตย์ในแผ่นดิน
                      ชยากรชะ-ยา-กอนบ่อเกิดแห่งชัยชนะ
                      ฐาปกรณ์ถา-ปะ-กอนตำรา

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันพฤหัสบดี

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      จุฬาลักษณ์จุ-ลา-ลักมีลักษณะเลิศโฉมงาม
                      ญาณิศายา-นิ-สาเป็นใหญ่ด้วยความรู้
                      ฐิรญาถิ-ระ-ยามีความรู้ยั่งยืน
                      ลักษิกาลัก-สิ-กาสตรีผู้มีบุญวาสนา
                      สาริศาสา-ริ-สาเจ้าแห่งแก่นสาร
                      จีรวรรณจี-ระ-วันผู้สวยนาน
                      ชญาภาชะ-ยา-พาผู้มีราศีแห่งชัยชนะ
                      อรปรียาออน-ปรี-ยานางผู้เป็นที่รัก

                        เด็กที่เกิดวันศุกร์   

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันศุกร์ส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤ

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายเกิดวันศุกร์

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      เขมินท์เข-มินมีความเกษมอันยิ่งใหญ่ ปลอดภัย
                      คณพิชญ์คะ-นะ-พิดรู้เรื่องหมู่, รู้เรื่องคณะ
                      คณุฒน์คะ-นุดประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย
                      เจตนิพัทธ์เจด-นิ- พัดมีความคิดมั่นคง
                      ชนกชนม์ชะ-นก-ชนเกิดจากบิดา
                      ปุณณัตถ์ปุน-นัดผู้สมปรารถนา สมประสงค์
                      พิชาญเมธพิ-ชาน-เมดผู้ชำนาญและมีปัญญา
                      สุทมาตม์ว่า สุด-ทะ-มาดข่มใจตนเองได้ดี, ดูแลตนเองได้ดี
                      กฤตินกริด-ตินผู้คงแก่เรียน
                      เขมทัตเข-มะ-ทัดผู้ให้ความเกษม
                      คณินคะ-นินเป็นใหญ่ในคณะ
                      ณัฐกฤตนัด-ถะ-กริดสร้างให้เป็นนักปราชญ์

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงเกิดวันศุกร์

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กชนิภากด-ชะ-นิ-พาเสมือนดอกบัว บริสุทธิ์เหมือนดอกบัว
                      คุณิตาคุ-นิ-ตาผู้มีคุณงามความดี
                      จิณณพัตจิน-นะ-พัดผู้ประพฤติตามระเบียบแบบแผน
                      ชนัญชิดาชะ-นัน-ชิ-ดาผู้ชนะคนอื่น
                      นิฏฐานิด-ถาสำเร็จ
                      เบญญาเบน-ยาฉลาด
                      มานิดามา-นิ-ดาผู้ที่คนนับถือ
                      ปณิตาปะ-นิ-ตาได้รับการสรรเสริญ ประณีต
                      พิจักขณาพิ-จัก-ขะ-นามีปัญญาเห็นประจักษ์ ผู้ฉลาดยิ่ง
                      อติกานต์อะ-ติ-กานเป็นที่รักยิ่ง
                      อติญาอะ-ติ-ยาพิเศษ
                      พ่อแม่เลือกชื่อที่ดีที่สุดแก่ลูก ชื่อไทย มงคล
                      พ่อแม่เลือกชื่อที่ดีที่สุดแก่ลูก ชื่อไทย มงคล

                        เด็กที่เกิดวันเสาร์  

                      วันเกิดบริวารอายุเดช ศรีมูละอุตสาหะมนตรีกาลกิณี
                      วันเสาร์ด ต ถ ท ธ นบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ มย ร ล ว ฤส ษ ศ ห ฬ อ ฮอะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอ โอ การันต์ ไ ใ แ ไม้หันอากาศก ข ค ฆ งจ ฉ ช ซ ฌ ญฏ ฎ ฐ ฑ ฒ ณ

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้ชายที่เกิดวันเสาร์

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      กนต์ธรกน-ทอนผู้ทรงไว้ซึ่งสิ่งที่เป็นที่รัก
                      เขมินทร์เข-มินมีความเกษมอันยิ่งใหญ่
                      ธนทัตทะ-นะ-ทัดมีทรัพย์
                      นทีบดีนะ-ที-บอ-ดีเจ้าแห่งแม่น้ำ
                      ปพนธนัยปะ-พน-ทะ-ไนแต่งความ วิธีประพันธ์
                      ธนัชทะ-นัดเกิดจากทรัพย์ คนร่ำรวย
                      เมธัสเม-ทัดผู้มีปัญญา นักปราชญ์
                      วรัชญ์วะ-รัดผู้รู้สิ่งที่ประเสริฐ
                      โยธินโย-ทินผู้ชนะ
                      ปพนธีร์ปะ-พน-ทีนักปราชญ์ผู้บริสุทธิ์
                      อริญชย์อะ-รินผู้ชนะศัตรู

                      ตัวอย่างชื่อไทยผู้หญิงที่เกิดวันเสาร์

                      ชื่อไทยอ่านว่าความหมาย
                      เขมินทราเข-มิน-ทรามีความเกษมอันยิ่งใหญ่ ปลอดภัย
                      คะนึงนิตย์ว่า คะ-นึง-นิดคิดทบทวนอยู่ตลอด คิดถึงอยู่ตลอด
                      ชนัญชิดาชะ-นัน-ธิ-ดาผู้ชนะคนอื่น
                      ดมิสาดะ-มิ-สาเจ้าเหนือความมืด พระจันทร์
                      ภคนางค์พะ-คะ-นางผู้มีร่างกายนำโชค
                      รมิตาระ-มิ-ตาผู้รื่นรมย์ ผู้มีความสุข
                      ภวิกาพะ-วิ-กามีความเจริญ
                      ชุติภาชุ-ติ-พารัศมีรุ่งโรจน์
                      ธารินันท์ทา-ริ-นันความสดชื่นรื่นเริง
                      ลัลน์ลลิตลัน-ละ-ลิดสาวสวย
                      ข้อมูลอ้างอิงจาก horo.teenee.com/wongnai.com

                      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                      โปรแกรมตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อลูกตามวันเกิด ชื่อมงคล ความหมายดี เยอะที่สุด

                      300+ ชื่อมงคล ผู้หญิง ตามวันเกิดพร้อมความหมายดี ๆ

                      คิดให้ดีก่อน ตั้งชื่อลูก เมื่อลูกโดนล้อเพราะชื่อฟรุ้งฟริ้ง!!

                      600 ไอเดีย ตั้งชื่อเล่นลูกสาว ชื่อเล่นผู้หญิง เพราะๆ น่ารักมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        อุ้ม นพรรต

                        เคล็ดลับ Happy Life สร้างพื้นที่แห่งความสุขให้ลูกน้อยโดย “คุณแม่อุ้ม นพรรต”

                        “อุ้ม นพรรต นพปศักดิ์” คุณแม่บล็อกเกอร์ เจ้าของเพจ Aum Napat สุดฮอตที่มีแฟนๆ ติดตามเธอกว่า 8 แสนคน เชื่อว่าทุกคนที่ติดตามคุณอุ้ม นอกจากจะได้เสพความสุข ได้ความรู้ไปกับเมนูอร่อย ทำง่าย ก็ยังจะได้พลังในการเลี้ยงลูกแบบ Feel Good ไปด้วย

                        คุณแม่อุ้มผู้มีความสุขกับการทำอาหาร ใส่เสื้อผ้าสวยๆ นั่งชิลตามคาเฟ่ ไลฟ์สไตล์ของเธอได้ถูกต่อยอดเป็นเพจ Aum Napat และมีธุรกิจเสื้อผ้า เปิดร้านคาเฟ่ เธอได้ทำงานที่รัก ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และเลี้ยงน้องอุนยาย ลูกสาววัย 4 ขวบให้เติบโตอย่างมีความสุข วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปเปิดเคล็ดลับในการเลี้ยงลูก และการสร้างความสุขในชีวิตของคุณแม่อุ้ม นรรพต และน้องอุนยายกันค่ะ

                        แรงบันดาลใจในการทำเพจ Aum Napat

                        คุณอุ้ม : เริ่มครั้งแรกเลยที่อินสตาแกรมมีวิดีโอ 15 วินาที วันนั้นเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านอุ้ม แล้วเราทำเมี่ยงปลาทูกินกัน เพื่อนก็แนะนำให้ถ่ายวิดีโอลงอินสตาแกรม อุ้มเลยแชร์เมนูนี้ลงอินสตาแกรมไป และจากวันนั้นก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นๆ แบบ Amazing มากค่ะ จนวันหนึ่งที่อุ้มขายของอยู่ที่จตุจักร ก็มีลูกค้าต่างชาติซึ่งประเทศเขาน่าจะใช้อินสตาแกรมไม่ค่อยได้ ก็เลยอยากให้อุ้มทำเพจ จึงเป็นที่มาของการที่อุ้มได้ทำเพจ Aum Napat ค่ะ

                        เพจ คือ ภาพสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของคุณแม่อุ้ม

                        คุณอุ้ม : คอนเทนต์ที่แชร์ในเพจของอุ้มส่วนใหญ่เป็นอาหารค่ะ จริงๆ แล้วอุ้มไม่ได้สร้างเพจขึ้นมาเพื่อทำรายได้หรือทำธุรกิจ แต่เป็นการทำเพจขึ้นมา เพื่อแชร์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งอาหารจะเป็นหลักเลยที่อุ้มแชร์บ่อย จากนั้นเป็นการเที่ยว เพราะเราขายเสื้อผ้า เราก็ไปตามร้านคาเฟ่ต่างๆ ก็เลยได้เที่ยวไปด้วย พออุ้มมีลูกก็เลยแชร์เรื่องลูกไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือคอนเทนต์ค่อนข้างไปตามไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงชีวิตของเราค่ะ

                        จุดเริ่มต้นในการให้ลูกทานแบบ BLW

                        ให้ลูกทานแบบ BLW พัฒนากล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง

                        คุณอุ้ม : อุ้มจำได้ว่าให้ลูกทานด้วยมือครั้งแรกตอนไปเที่ยวมัลดีฟส์ ตอนนั้นอุนยายอายุประมาณ 10 เดือน เราไปนั่งทานข้าวกันที่ล็อบบี้ และอุ้มก็เห็นครอบครัวฝรั่งซึ่งมีลูกอายุใกล้ๆ กับอุนยาย เขาเอาข้าววางให้ลูกกิน แล้วลูกก็กินแบบเลอะเลย ซึ่งตอนแรกอุ้มคิดว่าจะให้ลูกกิน BLW ต้องรอโตกว่านี้ แต่พอได้เห็นแบบนั้น มื้อนั้นอุ้มก็ให้ลูกกินข้าว ทำแบบฝรั่งเขาเลย ก็เลยเป็นครั้งแรกที่ให้ลูกทานด้วยมือเอง ส่วนอาหารที่อุ้มแพ็คฟรีซไปสรุปไม่ได้ใช้เลย

                        ผลที่ได้รับ อุ้มคิดว่ามันค่อนข้างชัดเจนมากๆ เพราะว่ามันเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ในการใช้กล้ามเนื้อมือของเขา อุ้มรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อของเขาแข็งแรงขึ้น เวลาเขาหยิบจับของต่างๆ เช่น ของใช้ ขวดนม แม้กระทั่งเวลาที่อุ้มเริ่มสอนเขาหัดจับช้อนส้อม หรือว่าเริ่มมาทำกับข้าวพร้อมอุ้ม เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ

                        ลูก คือ ภาพสะท้อนตัวตนของพ่อแม่          

                        คุณอุ้ม : ในการเลี้ยงลูกของอุ้ม สิ่งที่อุ้มกำหนดชัดเจนคือ กินเป็นเวลา เช้า กลางวัน เย็น บ่ายมีของว่าง ส่วนไลฟ์สไตล์การเลี้ยงลูก อุ้มปล่อยให้เขาเรียนรู้ไปตามธรรมชาติ สบายๆ อย่างเช่น พาไปเล่นนอกบ้าน เล่นเครื่องเล่นต่างๆ ก็จะไม่ค่อยห้าม อย่างแม่บางคนจะระวังนั่นนี่ ระวังล้ม แต่สำหรับอุ้มไม่กลัว ให้เขาล้มไปเอง แล้วเขาจะเรียนรู้ว่าเขาจะเจ็บนะ แต่ระหว่างนั้น เราก็ต้องดูด้วยว่าสภาพแวดล้อมตรงนั้นมันปลอดภัย พูดง่ายๆ ว่าเราเลี้ยงลูกให้เขามีประสบการณ์ด้วยตัวเองและเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน ลูกคือภาพสะท้อนของพ่อแม่จริงๆ  ยกตัวอย่างเช่น การทำอาหาร อุ้มไม่เคยบังคับให้อุนยายทำเลย แต่เขาเห็นเราทำในชีวิตประจำวัน เขาก็อยากทำตาม เวลาเขาอยู่กับคุณพ่อ คุณพ่อเขาพิมพ์คอมพิวเตอร์ เขาก็ทำท่าพิมพ์เหมือนกัน เขาเลียนแบบพฤติกรรมของเรา

                        ของใช้สำหรับลูก ต้องทดลองและเปรียบเทียบ

                        คุณอุ้ม : บ้านเราโชคดีมากๆ เลยที่มีหลายๆ ท่านส่งผลิตภัณฑ์หลายอย่างมาให้ได้ลองใช้ ก็เลยทำให้อุ้มได้เปรียบเทียบแล้วก็ได้รู้ว่าอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับอุนยาย อุนยายใช้แล้วแพ้หรือไม่แพ้นะคะ อย่างเช่น ผ้าอ้อม อุ้มใช้มาแล้วทุกยี่ห้อ สุดท้ายก็มาจบที่เมอร์รี่ส์ (Merries) เพราะว่า อย่างแรกเลย อุนยายไม่เคยแพ้เลย แล้วก็ไม่เคยมีรอยแดงในการใช้ Merries เลย

                        เมอร์รี่ส์

                        และที่อุ้มชอบก็คือ เขาซึมซับน้ำได้ดีมากเลย ไม่เลอะออกมาจากผ้าอ้อม รวมถึงสัมผัสแรกที่จับ คือมันนุ่มมาก ลูกใส่แล้วไม่เคยเกิดระคายเคืองเวลาที่ใช้ Merries เราก็รู้สึกประทับใจค่ะ

                        ผ้าอ้อมเมอร์รี่ส์

                        การได้ทำอาหารกับลูก คือความสุขแบบง่ายๆ สไตล์ อุ้ม นพรรต

                        คุณอุ้ม : ความสุขของอุ้มง่ายๆ ก็คือ การได้อยู่กับต้นไม้ ได้อยู่ในครัวค่ะ และตอนนี้ลูกได้มาทำอาหารกับอุ้มแล้ว ก็เหมือนได้ส่งต่อความสุขนี้ให้กับอุนยาย ได้ใช้เวลาด้วยกัน เพราะเรามีเวลาให้กับเขา เขาก็ Happy ค่ะ

                        ผ้าอ้อม Merries

                        เคล็ดลับสร้างความสุข เติมพลังบวกในการเลี้ยงลูกช่วงโควิด

                        คุณอุ้ม : การเลี้ยงลูกในช่วงโควิด สำหรับตัวอุ้ม คิดว่ามันเครียดในทุกๆ วัยเลยไม่ว่าจะ 1 เดือน 2 เดือน ยิ่งช่วงนั้นเราไม่มีประสบการณ์เลี้ยงลูกเลย จนมาถึงวันนี้ 4 ขวบแล้ว ก็มีประสบการณ์พอสมควรแล้ว แต่ว่าเราก็เหมือนยังอ่อนหัด เพราะฉะนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเรียนรู้ไปตลอด ก็อยากส่งต่อความสุขให้กับคุณแม่นะคะ บางทีเครียดเราก็พยายามหันไปทางอื่นบ้าง คิดว่าเราก็ไม่ใช่คนเดียว ที่ต้องติดอยู่กับสถานการณ์แบบนี้

                        อย่างเช่นครอบครัวอุ้ม อุ้มเลี้ยงกับพี่แบงค์สองคน เวลาที่เครียดเราไม่สามารถเอาลูกทิ้งไว้กับใครได้เลย ถ้าเราเครียด เราก็ผลัดกันดูลูก แต่สำหรับบ้านไหนที่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เราก็ยังมีคนช่วย อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง

                        หรือถ้าเราเครียดมากๆ เราก็หาอะไรที่เราชอบมากๆ เป็นงานอดิเรก พักผ่อนสักแป๊บนึง แป๊บเดียวแหละคุณพ่อคุณแม่ก็จะคิดถึงลูกแล้ว และก็อยากจะเสริมว่าในช่วงที่สถานการณ์โควิดระบาด เราก็มองวิกฤติให้เป็นโอกาสว่า เราได้อยู่กับลูกมากขึ้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นความสุขในความเครียด แต่ก็ทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น มากกว่าสมัยก่อนเยอะมากค่ะ

                        ผ้าอ้อมสำเร็จรูป Merries

                        จากที่ได้พูดคุยกับคุณแม่อุ้ม นพรรต ในวันนี้ เชื่อเหลือเกินว่า คุณแม่คนสวยและเก่งคนนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจ และพลังบวกให้กับคุณแม่อีกหลายๆ บ้าน ในการสร้างความสุขในแบบฉบับของตัวเอง และส่งต่อความสุขนั้น ไปยังลูกน้อยที่คอยเฝ้าดูเราอยู่ เพราะลูกน้อยก็คือกระจกสะท้อนตัวตนของพ่อแม่ที่ชัดเจนที่สุด เป็นภาพสะท้อนว่า วันนี้เราเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขแล้วหรือยัง?

                        #เพจAumNapat #ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมอร์รี่ส์

                          ลูกไม่เล่นของเล่น

                          ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

                          ลูกไม่เล่นของเล่น –  คิดว่าคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอาจเคยมีประสบการณ์ที่ซื้อของเล่นให้ลูกเล่นด้วยความตั้งใจของพ่อแม่ที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกในการเล่น แต่ความหวังพังทลายเมื่อลูกไม่เล่นตามที่เราคาดหวังไว้ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้การเล่นของเล่นของเด็กๆ ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ลูกไม่ยอมเล่นของเล่นที่ซื้อให้ ชอบเล่นกับอะไรที่ไม่ใช่ของเล่น เป็นเพราะอะไรกันนะ?

                          ไขข้อข้องใจ ทำไม ลูกไม่เล่นของเล่น ที่ซื้อให้ เล่นแต่อะไรก็ไม่รู้!?

                          เชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนใช้เวลาไม่น้อยหมดไปกับการค้นคว้าเกี่ยวกับของเล่นเด็กใหม่ ๆ ที่อินเทรนด์และคิดว่าดีที่สุด และเหมือนว่าจะเหมาะสมกับการพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ของเด็ก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งคือ ของเล่นทั้งหมดถูกทิ้งขว้างอยู่บนพื้น เพราะสิ่งที่ลูกต้องการเล่นด้วยในตอนนั้นกลายเป็น ขวดน้ำ รีโมทคอนโทรล ลังกระดาษ หรือตะกร้าผ้า!

                          ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะ ว่าสาเหตุที่ลูกชอบเล่นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของเล่น อย่างเช่น ขวดน้ำ รีโมท กุญแจ ลังกระดาษ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นเพราะว่าจินตนาการของเด็กเล็กหรือวัยเตาะแตะนั้นมีสูงมากกว่าที่พ่อแม่คิด ไม่ว่าเราหยิบยื่นอะไรให้ หรือพวกเขาคลานต้วมเตี้ยมเดินเตาะแตะไปเจออะไรเข้าพวกเขาจะสามารถจินตนาการในการเล่นสนุกกับสิ่งนั้นๆ ได้เสมอ

                          ลูกไม่เล่นของเล่น
                          ลูกไม่เล่นของเล่น

                          และนี้คือเหตุผลที่เด็กๆ ชอบเล่นกับสิ่งของต่างๆ ต่อไปนี้ที่อยู่ในบ้าน

                          • กุญแจ  ด้วยความแวววาว และ ขนาดที่พอๆ กับของเล่น เวลาหฃ่นพื้นมีเสียงที่ไพเราะ และสามารถเล่นสนุกกับการซ่อนหาในที่เล็กๆ เช่น กระเป๋าได้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงได้ชอบกุญแจ
                          • รีโมทคอนโทรล ปุ่มนุ่มๆ หลากสีสันที่แสดงไฟกะพริบเมื่อกด ทำให้รีโมทคอนโทรลเป็นของเล่นที่น่าพึงพอใจของเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถเปิดและปิดสิ่งอื่นๆ ได้! ยิ่งสร้างความรู้สึกมหัศจรรย์ขั้นสุดให้กับเด็กๆ ได้มาก
                          • กระดาษทิชชู่ การดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องสร้างความอัศจรรย์ใจให้เด็กๆ เมื่อพวกเขาพบว่ายิ่งดึงยิ่งก็ยิ่งมีอีกชิ้นหนึ่งโผล่ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แถมทิชชู่ยังนิ่มพอที่จะฉีกเอาเข้าปากได้! 
                          • ขวดน้ำ ขวดน้ำเป็นเหมือนของวิเศษสำหรับเด็กๆ ยิ่งเป็นขวดที่มีน้ำอยู่ข้างในไม่ต้องพูดถึง ด้วยลักษณะของขวดใส่ๆ บีบแล้วมีเสียงกร็อบแกร๊บ ก็เพียงพอที่จะสะกดให้เด็กสนใจได้นานหลายนาที
                          • พาชนะต่างๆ  ช้อน ไม้พาย ชาม หม้อ และกระทะ เป็นของเล่นคลาสสิกที่กลายเป็นเครื่องดนตรีแสนสนุกได้ แค่เอามือเคาะๆ จับแล้วตีๆ ก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้นได้แล้ว!
                          • ลังใส่ของ ด้วยกล่องที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ มากมาย ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับของเล่นใหม่มากมายมากองอยู่ตรงหน้า เป็นธรรมดาที่จะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้ลูกได้มาก และมักจะจบด้วยการ รื้อค้น เขวี้ยงปา ยิ่งมีเสียงต่างๆ เด็กๆ ก็จะยิ่งหัวเราะชอบใจ

                          ลูกเก็บของเล่นพัฒนาทักษะ EF ทักษะทางสมองที่จำเป็นสำหรับลูก

                          ของเล่น เสริมIQ EQลูกน้อย..ใครว่าอัจฉริยะสร้างไม่ได้!

                          ของเล่นธรรมชาติ ของเล่นเสริมพัฒนาการ ที่ไม่สำเร็จรูป แต่มหัศจรรย์ต่อลูกน้อย

                          นอกจากนี้ สาเหตุที่ลูกไม่ยอมเล่นของเล่นที่เราซื้อให้อาจมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่

                          1. มีตัวเลือกมากเกินไป

                          การมีของเล่นมากเกินไป ทำให้เด็กๆ ถูกกระตุ้นเกินขอบเขต อาจทำให้เด็กสนใจที่จะเล่นน้อยลง เพราะหมดพลังไปกับการต้องใช้สมองในการคิดไตร่ตรองมากเกินไปที่จะเริ่มต้นเล่นอะไรสักอย่าง นอกจากนี้การมีของเล่นมากเกินไปจะทำให้เด็กไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ทำให้เปลี่ยนความสนใจไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วหรือละความสนใจได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะมีของเล่นเพียงชิ้นเดียว เราก็สามารถหาวิธีการต่างๆ ให้ลูกเล่นสนุกได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ชิ้นเดียว หรือฝากาน้ำเก่าๆ สำหรับเด็กเล็กแล้วอาจเป็นของเล่นที่สนุกสนานกว่าของเล่นราคาแพงตามห้างสรรพสินค้าเสียอีก

                          2. พื้นที่ในการเล่นไม่เพียงพอ

                          การมีพื้นที่โล่งๆ สำคัญอย่างยิ่งในการที่เด็กๆ จะมีพื้นที่ในการจินตนาการ สร้างสรรค์ และสำรวจ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ แค่พื้นที่ที่พวกเขามีอิสระเพียงพอในการครอบครองและสามารถจัดแจงย้ายของเล่นไปมาเพื่อสร้างหอคอยหรือเมืองต่างๆ  พยายามรักษาพื้นที่เปิดโล่งในบ้านอย่างน้อยหนึ่งจุดให้ปลอดโปร่งเปรียบเหมือนดั่งกระดาษแผ่นใหม่ที่รองานศิลปะ หากคุณไม่มีพื้นที่ที่คิดว่าเหมาะสมในบ้าน ให้ลองสร้างพื้นที่เปิดโล่งให้มากขึ้นในห้องเพื่อส่งเสริมการเล่นปลายเปิดให้ลูก

                          ลูกไม่เล่นของเล่น

                          3. การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ 

                          บางครั้งพ่อแม่ไม่ได้มีส่วนร่วมเพียงพอ หรือในทางกลับกัน อาจมีส่วนร่วมมากเกินไป จริงอยู่ที่เราเป็นเพื่อนเล่นคนแรกของลูก แต่เราต้องให้พื้นที่พวกเขาในการเรียนรู้และเติบโตด้วย ควรให้เด็กๆได้ใช้เวลาสักสองสามนาทีในการมองหาและเล่นของเล่นด้วยตัวเองในโอกาสต่างๆ ก่อนที่เราจะเข้าไปช่วยหรือร่วมเล่นด้วยพวกเขาจะมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะเล่นด้วยตัวเอง เมื่อลูกเรียกร้องให้เรามีส่วนร่วมก็เป็นโอกาสที่เราจะสร้างบทสนทนากับลูกเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเล่น สนับสนุนให้ลูกอธิบายกระบวนการคิดของพวกเขาโดยไม่ขัดขวางจินตนาการ

                          3. สมองของเด็กเติบโตอย่างรวดเร็ว

                          เมื่อเด็กอายุ 3 ขวบ สมองของพวกเขามีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของสมองผู้ใหญ่ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ลูกของคุณอาจเบื่อของเล่นที่เราเพิ่งซื้อให้ใหม่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน หากเกิดเหตุการณ์นี้ การใช้วิธีหมุนเวียนของเล่นจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

                          4. ของเล่นไม่เหมาะสมกับวัยของลูก

                          เป็นไปได้ว่าของเล่นที่หยิบยื่นให้อาจยังไม่เหมาะกับวัยหรือพัฒนาการของลูก ความเหมาะสมกับวัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าเด็กจะชอบของเล่นมากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีควรพิจารณาช่วงอายุที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อเป็นแนวทางแต่บางครั้งก็ไม่ต้องยึดติดกับตัวเลขเสมอไป หากเรารู้จักความสามารถและพัฒนาการของลูกเป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตามการเลือกของเล่นให้ลูกต้องคำนึงถึงพัฒนาการเป็นหลัก ต้องรู้ว่าลูกพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้แล้วหรือยัง ทางที่ดีพ่อแม่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ของเด็กเล็กที่พัฒนาในแต่ละช่วงวัย ก่อนการช้อปปิ้งของเล่นในครั้งต่อไป

                          วิธีรับมือเมื่อลูกไม่เล่นของเล่น

                          • เล่นให้ดู เมื่อลูกของคุณได้ของเล่นชิ้นใหม่ ให้ทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่างว่าเล่นอย่างไร คุณควรให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแบบใช้มือ เพื่อสอนและส่งเสริมให้ลูกของคุณเล่นกับของเล่นใหม่อย่างเหมาะสม
                          • ให้เวลาลูก หากลูกของคุณไม่สนใจของเล่นทันทีหลังจากที่คุณแนะนำมัน หรือเสียสมาธิขณะเล่น ลองให้เวลากับลูกมากขึ้น เพื่อสำรวจและค้นพบของเล่นในแบบของตัวเองแทนในแบบที่คุณต้องการให้เป็น  การปล่อยให้เด็กพัฒนาความสนใจในบางสิ่งบางอย่างในเวลาของตนเองจะส่งผลให้มีการเล่นที่เป็นอิสระมากขึ้นและการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
                          • ชื่นชม เมื่อลูกของคุณเล่นกับของเล่นอย่างเหมาะสม ควรชื่นชมและบอกให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำได้ดี ตัวอย่าง เช่น  ต่อบล็อกเก่งจัง ทำได้ดีมากลูก!
                          • สร้างเรื่องราว พ่อแม่สามารถสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่เควรและไม่ควรเล่นกับของเล่น สอนวิธีการที่เหมาะสมในการเล่นกับของเล่นและเหตุผลที่เราควรเล่นกับของเล่นแต่ละชิ้นให้ลูกได้เข้าใจ
                          • ผลัดเปลี่ยนของเล่น หากลูกของคุณยังคงเพิกเฉยต่อของเล่นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ให้นำของเล่นออกจากมุมของเล่น และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือที่เก็บของที่ลูกของคุณไม่เห็นมัน แล้วลองเสนอให้ลูกเล่นอีกครั้งในสองสามสัปดาห์ถัดไป คุณอาจพบว่าของเล่นที่ก่อนหน้านี้ถูกละเลยอาจกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดชิ้นใหม่ได้ โดยที่ลูกของคุณได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ และสามารถรับมือกับความท้าทายที่ของเล่นนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น วิธีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของเล่นนี้ช่วยในการสร้างของเล่นใหม่อีกครั้ง ช่วยยืดอายุของของเล่น และช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้จากของเล่นแต่ละชิ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเล่นพร้อมแล้ว
                          • เข้าใจเมื่อลูกไม่พร้อม เด็กบางคนอาจยังไม่พร้อมสำหรับพัฒนาการที่จะเล่นกับของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แม้ว่าผู้ผลิตจะจำกัดอายุไว้ก็ตาม  ของเล่นจะสนุกยิ่งขึ้นสำหรับทั้งคุณและลูก เมื่อลูกสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกของคุณเล่นของเล่นได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง หมั่นให้ลูกฝึกฝน และชมเชยเสมอ และถ้าจำเป็นอย่าลังเลที่จะนำของเล่นออกไปเก็บไว้จนกว่าลูกของคุณจะสามารถเล่นกับมันได้อย่างเหมาะสม

                          แม้การเลือกของเล่นสำหรับเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเด็กแต่ละคนมีความสนใจที่แตกต่างกัน ไปบางครั้งของเล่นที่พ่อแม่เห็นว่าเหมาะกับลูก เด็กอาจไม่สนใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป หากเรารู้วิธีในการเลือกของเล่นที่เหมาะสมให้กับลูกด้วยความเข้าใจในพัฒนาการและความต้องการของลูกตลอดจนทักษะต่างๆ ที่ลูกมี เมื่อลูกสนุกไปกับของเล่นที่อยู่ตรงหน้า สามารถเล่นได้อย่างถูกวิธี ก็จะเป็นการเสริมสร้างทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้าน ความฉลาดในการเล่น (PQ)ได้อีกด้วยค่ะ

                          ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : parents.com , waytoplay.toys , greenpinatatoys.com , montikids.com

                          บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                          พี่น้อง แย่งของเล่น พ่อแม่ควรทำยังไง? ไม่ให้พี่น้อยใจที่ต้องเสียสละให้น้อง!

                          เทคนิค “จับ-จด” เปลี่ยนชีวิต สร้างนิสัยรู้จักคิด หยุด! ลูกงอแง ร้องซื้อของเล่น

                          ระวัง! ของเล่นอาบน้ำ เป็ดเหลือง ทำลูกติดเชื้อ เสี่ยงตาบอด

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            KHUN Organic

                            ‘KHUN Organic’ แนะนำ 2 ไอเทมใหม่ โลชั่นกันยุงออร์แกนิค และเจลทาหลังยุง-แมลงกัด ตัวช่วยครอบครัวยุคใหม่ให้ลูกน้อยปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมี

                            เข้าสู่หน้าฝนทีไร สายฝนที่ตกชุกมักจะมาคู่กับภาพน้ำขังตามพื้นที่และภาชนะต่างๆ ซึ่งเอื้อต่อการวางไข่และเพิ่มประชากรยุงที่นำมาสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะโรค (แตกต่างไปตามสายพันธุ์ของยุง) ซ้ำร้ายเมื่อผิวของเราถูกยุงกัด น้ำลายยุงจะทำให้ผิวเกิดตุ่มแดง ทำให้ผิวอักเสบ รู้สึกแสบๆ คันๆ และทิ้งรอยดำไปหลายวัน จนบางรายอาการหนักถึงขั้นต้องพบแพทย์ได้ หลายครอบครัวจึงต้องเตรียมรับมือกับเจ้ายุงร้าย ยิ่งครอบครัวไหนมีเด็กเล็กยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะลักษณะและกลิ่นของผิวเด็กดึงดูดให้ยุงบินหามากกว่าผิวผู้ใหญ่ ล่าสุด KHUN Organic (คุน ออร์แกนิค) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็ก ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจนเป็นที่ไว้วางใจหลากหลายครอบครัวมากว่า 7 ปี ได้เชื่อว่าสำหรับพ่อแม่แล้ว เพื่อลูกน้อยต้องดีที่สุด ได้สานต่อพันธกิจจึงแนะนำ 2 ไอเทมใหม่ KHUN Organic Body Lotion โลชั่นกันยุงออร์แกนิค และ KHUN Organic Soothing Gel เจลทาหลังยุงและแมลงกัด เพื่อเป็นตัวช่วยครอบครัวยุคใหม่ให้ลูกน้อยสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมี

                            KHUN Organic Body Lotion
                            KHUN Organic Body Lotion
                            โลชั่นกันยุงออร์แกนิคกลิ่นเลม่อน ขนาด 50ml. ราคา 285 บาท

                            Signature Product ของแบรนด์กับโลชั่นกันยุงออร์แกนิคกลิ่นเลม่อนและตะไคร้หอมสดชื่นเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้รับการพัฒนาสูตรมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นจากการคัดสรรวัตถุดิบเกรดคุณภาพเพื่อมอบคุณค่าการฟื้นบำรุงผิวและปกป้องผิวจากยุงสูงสุด โดยปลอดสารเคมี ผ่านเนื้อโลชั่นสูตรอ่อนโยน เนื้อเข้มข้น เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะผิว  ที่อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงจากวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิวจากส่วนผสมของ Jojoba Oil (น้ำมันจากผลโจโจบา) น้ำมันธรรมชาติช่วยให้โลชั่นสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวของลูกน้อยได้ดีขึ้น พร้อมฟื้นบำรุงและโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี ผสานกับ Shea Butters ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้กับผิวของลูกน้อยได้ดียิ่งขึ้น  และเหมาะสำหรับสภาพผิวเด็กที่มีความบอบบางและผิวแห้ง นอกจากนี้ Shea Butters ยังมีกรดซินนามิก ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อีกด้วย โลชั่นจะช่วยปกป้องผิวจากยุงได้นาน 3-5 ชม. โดยปราศจากสาร Deet (สารเคมีที่มีคุณสมบัติไล่ยุง แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ไม่เหมาะสำหรับเด็ก) จึงเหมาะสำหรับผิวทารกแรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่และผู้ที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ตอบโจทย์อิริยาบถของลูกน้อยที่ชอบเอามือเข้าปากให้ปลอดภัยกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือและเป็นตัวช่วยทางเลือกที่ดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้าน

                            วิธีใช้ : ควรล้างมือให้สะอาดก่อน จากนั้นบีบเนื้อโลชั่นลงบนฝ่ามือปริมาณเมล็ดถั่วเขียวและวอร์มบนฝ่ามือ จากนั้นทาเนื้อโลชั่นลงบนผิวหน้าและผิวกายของลูกน้อย

                             

                            KHUN Organic Soothing Gel
                            KHUN Organic Soothing Gel
                            เจลทาหลังยุงและแมลงกัด ขนาด 18ml. ราคา 295 บาท

                            เจลทาหลังยุงและแมลงกัดแบบ 3 in 1 ใช้สะดวกครบจบในขวดเดียว ที่ช่วยบรรเทาอาการคัน ระคายเคือง ลดเลือนรอยดำและขาลาย โดยใช้ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติแทนสารเคมี และปลอดภัยจากสเตียรอยด์ ด้วยคุณประโยชน์ของอโลเวร่า ผสานกับน้ำมัน Eucalyptus Oil และวิตามินบี จึงทำให้เนื้อเจลบางเบา สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมอบสัมผัสเย็นอ่อนนุ่มควบคู่กับกลิ่นหอมผ่อนคลาย ช่วยฟื้นบำรุงผิว พร้อมบรรเทาอาการระคายเคืองและลดเลือนรอยดำ ขาลาย ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังบรรเทาตุ่มบวมบนผิวลูกน้อยให้หายไปอย่างรวดเร็วเผยผิวให้ดูสุขภาพดี เจลเหมาะสำหรับทาให้กับผิวของลูกน้อยวัย 3 เดือนขึ้นไป ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่และผู้ที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่าย

                            วิธีใช้ : เมื่อพบรอยยุงกัด ควรทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นด้วยน้ำสบู่และน้ำอุ่น จากนั้นล้างมือให้สะอาดและแต้มเจลทันที หากเล็บของลูกน้อยเริ่มยาว ควรตัดเล็บเพื่อป้องกันการเกาและเกิดแผลติดเชื้อ

                             

                            ให้ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่ปลอดภัยจากยุงร้าย ห่างไกลสารเคมีกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็กคุณภาพพรีเมี่ยมจาก แบรนด์ KHUN Organic (คุน ออร์แกนิค) ที่พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งมาตลอด 7 ปี และหลายครอบครัวต่างไว้วางใจ ได้แล้ววันนี้ ที่ แผนกเด็กห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาที่ร่วมรายการ หรือช่องทางออนไลน์ผ่าน Central Online และสามารถช้อปพร้อมกับอ่านบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ที่แฟนเพจ KHUN Organic www.facebook.com/khunorganic  Instagram www.instagram.com/khunorganic เว็บไซต์ www.khunorganic.co.th และ Line : @khunorganic รวมถึง Hot Line : 094-545-6041

                             

                            ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
                            KHUN Organic Body Lotion

                            ทำไมต้องโลชั่นกันยุง #Khunorganic สำหรับลูกน้อย

                            • ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ปลอดภัยจากสารเคมี
                            • กลิ่มหอมเลม่อน ลูกน้อย Happy
                            • ปกป้องยุงประมาณ 3-5 ชม. โดยปราศจากสาร DEET
                            • บำรุงผิวด้วย Shea Butters และน้ำมันธรรมชาติหลายชนิด
                            • บ้านไหนเด็กๆชอบเอามือเข้าปาก ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือเป็นทางเลือกที่ดี
                            • สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด
                            • ทาหน้าได้ ยุงไม่กัดหน้าและแก้มนุ่มๆ ของลูกน้อย
                            • สามารถใช้ได้บ่อยตามต้องการ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
                            • สูตรอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีและไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์

                            No Petrochemicals No Paraben, formaldehyde No EDTA No Silicone No Colorant No artificial fragrance No animal testing Non GMOs

                            • สามารถใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด วัยผู้ใหญ่ และผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
                            • ขนาด ราคา 285 บาท

                             

                            KHUN Organic Soothing Gel

                            แพ้น้ำลายยุง ตุ่มบวม หายช้า ทิ้งรอยดำ ขาลาย ทำแม่กลุ้ม!!

                            ประโยชน์ดีๆ ที่ทุกครอบครัวควรมี #Khunเจลทาหลังยุงกัด ไว้ติดบ้าน

                            • บรรเทาอาการแพ้ยุง เพราะเด็กเล็กภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์จึงก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย
                            • ลดอาการคัน เท่ากับ หยุดเกา ทำให้ลดโอกาสเกิดแผล ซึ่งก่อให้เกิดรอยดำและขาลาย
                            • มีวิตามินช่วยลบเลือนรอยดำและขาลาย
                            • บ้านไหนเด็กๆชอบเอามือเข้าปาก ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่น่าเชื่อถือเป็นทางเลือกที่ดี
                            • ใช้สมุนไพรแทนการใช้สารเคมีและไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์

                            No Steroid No Paraben No Alcohol No EDTA No Colorant No artificial fragrance

                            No animal testing Non GMOs

                            • สามารถใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด วัยผู้ใหญ่ และผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
                            • ขนาด ราคา 295 บาท
                              ละมุนเบบี้

                              กลุ่มแม่ ๆ แฮปปี้ เลือกใช้ ละมุน Disney Collection Mom Magic Moment สะดวกคุณแม่ ปลอดภัยคุณลูก

                              ละมุนเบบี้ ผู้นำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็กแบรนด์ไทยรายแรกที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำ Co-Branding กับ Disney หยิบความน่ารักของคาแรกเตอร์แบมบี้ ดัมโบ้ มาทำสินค้าคอลเลคชั่นแรกในรูปแบบลายเส้นพิเศษสุดเอกซ์คลูซีฟสำหรับแม่ละมุนโดยเฉพาะ

                              ละมุน

                              โดยสินค้า Lamoon x Disney Mom Magic Moment Collection ที่กลุ่มคุณแม่ไว้วางใจเลือกใช้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

                              Mommy Moment คู่ใจแม่ให้นม ประกอบด้วย ถุงเก็บน้ำนมของละมุนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ลดการเหม็นหืนของน้ำนมแม่ เมื่อมีการฟรีซ ที่เติบโตต่อเนื่องด้วยการบอกต่อในกลุ่มแม่ระดับ Premium ที่รักถุงเก็บน้ำนมละมุน Keep &Feed รุ่นพรีเมี่ยม เป็นสื่อกลางความรักของคุณแม่และลูกน้อย ด้วยคุณสมบัติพิเศษ Keep ให้ถุงหนากว่าถุงทั่วไปถึง 30 % ป้องกันการแตก ช่วยลดกลิ่นเหม็นหืนและ Feed คุณค่าสารอาหารในนมแม่ไม่ให้ถูกทำลายจากการอุ่นนม เพียงแค่ดูจาก Indicator ที่บอกอุณหภูมิบนถุงนม 35-40 องศา ได้เลย

                              ละมุนเบบี้

                              รวมไปถึง ผ้าคลุมให้นม เนื้ออ่อนนุ่มไม่ระคายเคืองกับผิวอันบอบบาง ให้ลูกน้อยดูดนมอย่างสบายตัว รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในอ้อมอกแม่  ให้คุณแม่สะดวกในการปั้มนมทุกที่ ทุกเวลา มาพร้อมกระเป๋าเก็บอุณหภูมิลายเข้าชุดกัน  มีคุณสมบัติสามารถแยกเก็บทั้งร้อนและเย็นได้ สามารถใส่เครื่องปั้มนมได้หลากหลายรุ่น และเก็บนมเวลาที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือจะเอาไว้ใส่อาหารเป็น Lunch Bag ก็สามารถทานได้อย่างมั่นใจแบบ New Normal

                              Happy Moment สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยสินค้า 2 ชนิดที่ละมุนตั้งใจเลือกตั้งแต่ส่วนผสม และการผลิตจนออกมาเป็น Sticker และ Spray กันยุง นาน 6-8 ชั่วโมง มีผลทดสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่รับรองประสิทธิภาพป้องกันได้ทั้งยุงลายสวนและยุงลายบ้านที่ดุที่สุด
                              แต่ยังให้แม่มั่นใจว่าลูกรักปลอดภัย ปกป้องด้วยสารสกัดจากธรรมชาติแท้100% ปราศจาก DEET ที่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ พร้อมลายน่ารักๆ จาก Disney คือ Bambi Dumbo

                              เรียกได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ของ Lamoon x Disney  Mom Magic Moment Collection ใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณแม่ตั้งแต่เตรียมพร้อมการตั้งครรภ์ จนถึงคลอดลูกน้อยเลยทีเดียว สำหรับสินค้า  Lamoon Mom Magic Moment  สามารถหาซื้อได้ทั้งร้านค้าออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ www.lamoonbaby.com Facebook และ Line@ Lamoonbaby  Lazada, Shopee,  Central Robinson, Central Food Hall, Tops Market, Tops Superstore, Tops Online, Villa The Mall ร้าน Mother Care , Big C ,Home Pro ที่ร่วมรายการ

                              ละมุน Lamoon

                                ลูกพูดติดอ่าง

                                ลูกพูดติดอ่าง จะหายเองได้ไหม เป็นมากแค่ไหนต้องไปหาหมอ?

                                ลูกพูดติดอ่าง – กว่าที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเปล่งเสียงพูดที่มีความหมายออกมาได้ แน่นอนว่าคนเป็นพ่อแม่ต่างเฝ้ารอคอยเสียงที่ลูกพยายามสื่อความหมายออกจากปากได้เป็นครั้งแรก ซึ่งคำพูดแค่เพียงพยางค์เดียวที่สื่อความหมายได้ ก็พลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่หัวใจพองโต และตื่นเต้นไปตามๆ กันได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อถึงวันที่ลูกน้อยเติบโตมีพัฒนาการที่ก้าวหน้า เริ่มพูดสื่อความหมายได้มากขึ้น พูดเก่งขึ้น เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอาจเคยพบเจอลักษณะการพูดที่ผิดปกติของลูก โดยเฉพาะการที่ ลูกพูดติดอ่าง กันมาบ้างไม่มากก็น้อย หลายคนอาจเป็นกังวลและสงสัยว่าทำไมลูกถึงพูดติดอ่าง ลูกจะเลิกพูดติดอ่างได้เองไหม พูดติดอ่างแบบไหนที่ต้องพาไปรักษา วันนี้เรามาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันค่ะ

                                ลูกพูดติดอ่าง จะหายเองได้ไหม เป็นมากแค่ไหนต้องไปหาหมอ?

                                พูดติดอ่างคืออะไร?

                                การพูดติดอ่างคือ ลักษณะของการพูดตะกุกตะกัก หรือขาดความความคล่องแคล่วในการพูด เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยในเด็กอายุ 2- 6 ปี ถือว่าเป็นพัฒนาการในการพูดอย่างหนึ่งของเด็กๆ เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ที่จะพูด เด็กที่พูดติดอ่างมักรู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไรเพียง แต่มีปัญหาในการพูด ตัวอย่างเช่น อาจพูดซ้ำคำ หรือพูดลากเสียงพยัญชนะหรือเสียงสระ หรืออาจหยุดชั่วคราวระหว่างพูด ซึ่งเป็นธรรมดาของเด็กเล็กๆ แทบทุกคน ที่จะมีช่วงเวลาที่ค้นพบว่าการพูดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม คิดคำพูดไม่ทันจึงพยายามที่จะพูดซ้ำ ทำให้พูดติดๆ ขัดๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถือว่าผิดปกติ เด็กส่วนใหญ่จะหายจากการพูดติดอ่างได้เองเมื่อเริ่มโตขึ้น มีเด็กเพียง 1 ใน 100 คน ที่มีปัญหาติดอ่างอย่างต่อเนื่อง

                                สาเหตุของการพูดติดอ่าง

                                ความจริงแล้วไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า การพูดติดอ่างเกิดจากอะไร นักวิจัยยังคงศึกษาสาเหตุพื้นฐานของการพูดติดอ่างซึ่งอาจมีหลายปัจจัยร่วมด้วย โดยสาเหตุที่เป็นไปได้ของการพูดติดอ่าง ได้แก่ :

                                • พัฒนาการตามปกติของเด็กเล็ก  การพูดติดอ่างอาจเป็นลักษณะแต่กำเนิดของเด็กเอง  เด็กเล็กจำนวนมากต้องเผชิญช่วงพูดติดอ่าง โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 18 เดือนถึง 2 ปี เนื่องจากต้องฝึกฝนทักษะการพูดและภาษา เป็นการพูดตะกุกตะกักที่มักจะเกิดขึ้นชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าหรือมีปัญหาด้านการพูดอื่นๆ อาจมีแนวโน้มที่จะพูดติดอ่างได้มากกว่า
                                • ความผิดปกติของกล้ามเนื้อควบคุมการพูด รวมถึงระบบประสาท ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ว่าส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการควบคุมการเคลื่อนไหวของคำพูด มีการวิจัยพบว่าคนที่พูดติดอ่างประมวลผลภาษาแตกต่างจากผู้ที่ไม่มีความผิดปกติของคำพูด โดยจะมีปัญหาในการถ่ายทอดภาษาผ่านสมอง
                                • พันธุกรรม  ดูเหมือนว่าการพูดติดอ่างอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่สืบทอดมาและประสบการณ์การพูดติดอ่างพบได้บ่อยในคนที่อยู่ครอบครัวเดียวกัน
                                ลูกพูดติดอ่าง
                                ลูกพูดติดอ่าง

                                เดิมเคยมีการลงความเห็นว่าการพูดติดอ่างอาจเกิดจากความเครียดเพราะเด็กที่พูดติดอ่างจะมีอาการมากขึ้นเมื่อเกิดความเครียด แต่ในทางกลับกันพบว่าเด็กที่มีปัญหาความเครียดรุนแรงหลายคนก็ไม่มีปัญหาพูดติดอ่าง  นอกจากนี้พังผืดใต้ลิ้น หรือ การไม่มีลิ้นไก่ หรือ ลิ้นไก่สั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุของการพูดติดอ่างเช่นเดียวกัน

                                5 ความเข้าใจผิดเมื่อ ลูกไม่พูด..พูดช้า และ 6 วิธีฝึกลูกพูด

                                ลูกพูดช้าเกิดจากอะไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพูดช้า ผิดปกติ?

                                ให้ ลูกเล่นเลอะเทอะ บ้างสิดี! เลอะแบบนี้ ดีต่อพัฒนาการ!

                                เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครองเมื่อ ลูกพูดติดอ่าง

                                พ่อแม่เป็นผู้ที่มีอิทธิอย่างมากในการช่วยเหลือเด็กที่พูดติดอ่างเพราะพ่อแม่ควรเป็นคนที่ลูกรู้สึกสนิทใจมากที่สุดเมื่อแสดงออกทางการสื่อสาร ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนที่พ่อแม่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือ

                                1. พยายามพูดช้าๆและใจเย็นกับลูกที่พูดติดอ่าง กระตุ้นให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน
                                2. พยายามรักษาบรรยากาศที่สงบเงียบที่บ้าน
                                3. เอาใจใส่สิ่งที่ลูกพูด ไม่ใช่วิธีที่ลูกพูด นี้จะทำให้คุณต้องช้าลงและให้ความสนใจ อย่าแสดงอาการใจร้อนเมื่อลูกของคุณพยายามคุยกับคุณ
                                4. ไม่ควรบอกลูกว่า  “พูดให้ช้าลงหน่อย” หรือ “พูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหม”
                                5. ลดการถามคำถามและการขัดจังหวะเมื่อลูกกำลังพูด
                                6. อย่าเพ่งความสนใจไปที่การพูดติดอ่าง หรือความผิดปกติของคำพูดอื่นๆ ของลูกมากเกินไป
                                7. พยายามหาเวลาใกล้ชิดพูดคุยกับลูกในแต่ละวันแบบตัวต่อตัว

                                ลูกมีเพื่อนทิพย์! เพื่อนในจินตนาการ ชอบพูดคนเดียวปกติไหม?

                                วิธีพูดกับลูกด้วย ภาษาเด็กเล็ก ช่วยลูกพูดไว สื่อสารได้เร็ว!

                                7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ

                                ผลกระทบเมื่อการพูดติดอ่างไม่หายไปเมื่อเด็กโตขึ้น

                                การพูดติดอ่างสามารถนำไปสู่ :

                                • ปัญหาในการสื่อสารกับผู้อื่น
                                • กังวลเรื่องการพูดต่อหน้าคนอื่น หรือการพูดในที่สาธารณะ
                                • ไม่พูดหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องพูด
                                • สูญเสียการมีส่วนร่วมและความสำเร็จทางสังคม โรงเรียน หรือการทำงาน
                                • โดนล้อเลียนกลั่นแกล้ง
                                • ความนับถือตนเองต่ำ

                                เมื่อใดควรไปพบแพทย์ หรือนักพยาธิวิทยาภาษาพูด

                                อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การพูดติดอ่าง เป็นเรื่องปกติของเด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 6 ปี และจะดีขึ้นเอง อย่างไรก็ตามการพูดติดอ่างที่ยังคงมีอยู่ อาจต้องได้รับการรักษา เพื่อปรับปรุงความคล่องแคล่วในการพูดให้เป็นปกติพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจไม่สบายใจ หรือสะดวกใจที่จะแสวงหาการบำบัดการพูดสำหรับลูกที่พูดติดอ่าง ด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น ไม่อยากเพิ่มความประหม่าในตนเองของบุตรหลานเกี่ยวกับความผิดปกติของคำพูด ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าหากลูกของคุณอายุเกิน 3 ขวบ และพูดติดอ่างมาสามถึงหกเดือน ควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ นั่นเป็นเพราะว่าเด็กงอาจมีปัญหามากกว่าพัฒนาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งหากลูกมีปัญหาต่อไปนี้ ควรพิจารณาในเรื่องของการบำบัดรักษา

                                • พูดติดอ่างติดต่อกันนานเกินกว่าหกเดือน
                                • พูดติดอ่างบ่อยขึ้นหรือต่อเนื่องเมื่อเด็กโตขึ้น
                                • เกิดขึ้นพร้อมกับอาการกล้ามเนื้อตึงหรือพูดลำบากอย่างเห็นได้ชัด
                                • ส่งผลต่อความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
                                • ทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือปัญหาทางอารมณ์ เช่น กลัวหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องพูด

                                ลูกพูดติดอ่าง

                                หานักบำบัดการพูดที่เชี่ยวชาญเรื่องการพูดติดอ่าง นักบำบัดสามารถช่วยตัดสินใจได้ว่าลูกของคุณพร้อมที่จะเข้ารับการบำบัดรักษาหรือไม่ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ที่พูดติดอ่างเป็นเวลานานจะได้ประโยชน์จากการบำบัดด้วยการพูด และได้ผลลัพธ์ในการบำบัดรักษาที่ค่อนข้างดี  ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร การบำบัดด้วยคำพูดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบุตรหลานของคุณในขณะที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับการพูดติดอ่างและพัฒนาทักษะด้านการพูดต่อไป

                                ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : mayoclinic.org , webmd.com , healthline.com

                                บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

                                ทำไมลูกพูดไม่หยุด ลูกพูดมาก เป็นเพราะอะไร ควรกังวลไหม

                                10 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด เมื่อลูกพูดช้าเพราะแม่รู้ใจเกินไป!!

                                วิจัยชี้! แค่มองตาลูกก็กระตุ้น ทักษะด้านภาษา ได้แล้ว!

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ปั๊มน้ำนม power pumping

                                  วิธี ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                                  ปั๊มน้ำนม วิธีไหนที่สามารถเพิ่มน้ำนมแม่เป็นทวีคูณ วิธี power pumping (pp) ช่วยเพิ่มน้ำนมได้ดีกว่าแบบปกติจริงหรือ แม่น้ำนมหด น้ำนมน้อย มามุงกันได้เลยที่นี่!

                                  วิธี ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                                  มหัศจรรย์นมแม่

                                  น้ำนมแม่ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีประโยชน์มากมายต่อลูกน้อย และรู้หรือไม่ว่า ในนมแม่นั้นยังมีความจำเพาะกับแม่และลูก นมแม่ที่ผลิตขึ้นในแต่ระยะการเจริญเติบโตของลูกน้อยนั้น จะมีปริมาณสารอาหารที่แตกต่างตามความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัยของเด็ก นอกจากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่สมบูรณ์ ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโดยรับแอนติบอดี้ต่างๆ ตามที่แม่สร้างขึ้นผ่านทางนมแม่ นมแม่จึงช่วยให้ทารกสามารถปรับตัวสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปกป้องตนเองจากสภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ นมแม่จึงถือเป็นอาหารและยาที่ดีที่สุดของลูก

                                  น้ำนมแม่มหัศจรรย์
                                  น้ำนมแม่มหัศจรรย์

                                  การปั๊มน้ำนม เป็นวิธีเก็บสำรองนมแม่ที่สะดวก ประหยัดเวลาในการให้นมลูก  และยังช่วยให้คุณแม่หมดกังวลเรื่องปริมาณนมที่อาจไม่เพียงพอเมื่อให้นมจากเต้า สามารถเก็บไว้ให้ลูกได้ดื่มภายหลังช่วยให้ไม่ขาดตอน นอกจากนี้ ในกรณีที่ไม่ว่างหรือต้องไปทำงานนอกบ้าน ผู้ที่รับหน้าที่แทนก็ป้อนนมให้เด็กได้ทันที สิ่งสำคัญคือคุณแม่ควรเรียนรู้วิธีการปั๊ม และการเก็บรักษานม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกน้อยได้รับนมที่มีคุณภาพ และยังเป็นผลดีต่อสุขภาพเต้านมของตัวคุณแม่เองด้วย

                                  การปั๊มนมยังมีข้อดีอีกหลายประการ เช่น

                                  • ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม ส่งผลให้คุณแม่มีปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้น
                                  • ช่วยเก็บสำรองนมแม่ไว้ให้ทารก ในกรณีที่คลอดก่อนกำหนดหรือแม่ให้นมจากเต้าโดยตรงไม่ได้
                                  • ช่วยเก็บสำรองนมแม่ ในกรณีที่แม่อาจต้องหยุดให้นมเนื่องจากใช้ยาหรือรับการรักษาที่ส่งผลต่อคุณภาพและการปนเปื้อนของน้ำนมแม่
                                  • ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการคัดเต้านม แต่หากปั๊มนมมากเกินไปในช่วงที่คัดเต้านมอาจทำให้อาการเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้นได้

                                  ควรเริ่มปั๊มนมเมื่อใด ?

                                  การปั๊มนมควรเริ่มหลังคลอดบุตร โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอ อาจเริ่มปั๊มนมทันทีหลังคลอด เพราะจะช่วยให้น้ำนมไหลออกมามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เด็กเรียนรู้การดูดนมจากขวดเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กสับสนและติดดูดนมจากขวด ทว่าอาการนี้อาจไม่เกิดขึ้นเสมอไป เด็กบางคนปรับตัวได้ดี ทำให้ดูดนมจากเต้าและขวดนมสลับกันได้โดยไม่มีปัญหา

                                  ทั้งนี้ หากคุณแม่ไม่ได้เริ่มปั๊มนมตั้งแต่หลังคลอด และต้องกลับไปทำงานหลังครบกำหนดลาคลอด ควรเริ่มฝึกปั๊มนมอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า โดยอาจปั๊มนมหลังจากให้นมลูกเรียบร้อยแล้วหรือปั๊มระหว่างให้นมเลยก็ได้ การฝึกปั๊มนมจะช่วยให้คุณแม่เรียนรู้วิธีปั๊มนมได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการเริ่มเก็บสำรองน้ำนมไว้สำหรับลูกน้อยเมื่อถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน

                                  ข้อมูลอ้างอิงจาก pharmacy.mahidol.ac.th/pobpad.com
                                  ปั๊มน้ำนม ช่วยกระตุ้นเพิ่มนมแม่
                                  ปั๊มน้ำนม ช่วยกระตุ้นเพิ่มนมแม่

                                  Power Pumping เทคนิคกระตุ้นน้ำนม..ปั๊มแล้วพักน้ำนมเพิ่ม

                                  คุณแม่ที่น้ำนมน้อย หรือน้ำนมหดน้อยลง อาจเนื่องด้วยภารกิจที่ยุ่งเหยิงประจำวันทำให้จำใจต้องปล่อยให้เต้านมคัดอยู่บ่อยครั้ง จนปริมาณน้ำนมลดน้อยลง วันนี้ ทีมแม่ ABK ได้นำเทคนิคปั๊มนมแบบใหม่ ปั๊มแล้วพัก เป็นเทคนิคการเพิ่มน้ำนมโดยวิธีการที่เรียกว่า power pumping(pp)
                                  หลักการของ pp (power pumping) คือการเลียนแบบการดูดบ่อย ๆ ของลูกในช่วงที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งที่ลูกป่วยรับประทานอาหารอื่นไม่ได้เลย จึงเกาะเต้าแม่ดูดนมแม่ตลอดเวลา เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 2-3 วันในช่วงที่ป่วย ทำให้คุณแม่ทราบว่าหลั่งจากนั้นปริมาณน้ำนมจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน หรือเรียกได้ว่าเป็นการหลอกร่างกายให้ผลิตน้ำนมด้วยการปั๊มน้ำนมนั่นเอง
                                   5 วิธีการเพิ่มน้ำนมแบบ PP  
                                  การทำ pp มีหลายวิธี  หลายสูตร ซึ่งทั้งหมดก็อาศัยหลักการคือ ทำการปั๊มน้ำนมบ่อย ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งของวัน ปั๊มแล้วพัก เพื่อกระตุ้นน้ำนม

                                  วิธีที่ 1 ปั๊มสองข้าง วันละรอบ สูตร 20:10:10:10:10

                                  วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อาจเพราะระยะเวลาในการปั๊มน้ำนมเพียงวันละหนึ่งรอบ แต่คุณแม่ต้องมีอุปกรณ์ปั๊มนม 2 เครื่อง เพื่อใช้ในการปั๊มทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน โดยมีวิธีการทำ ดังนี้
                                  1. เตรียมเครื่องปั๊มนม 2 เครื่อง โดยทำการปั๊มน้ำนมสองข้างพร้อมกัน
                                  2. รอบในการปั๊มใช้สูตร ปั๊ม 2 ข้างปั๊มนาน 20 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที รวมเป็นเวลา 60 นาทีต่อการทำ pp 1 รอบ เพียงวันละรอบ
                                  3. จำเป็นต้องปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า ป้องกันการเกิดท่อน้ำนมอุดตัน อาจใช้มือบีบให้เต้าเกลี้ยง และยังเป็นการช่วยให้สร้างน้ำนมใหม่ได้อย่างเต็มที่ในครั้งต่อไป
                                  4. ทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน ประมาณ 3-7 วัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำนมมาเพิ่มขึ้น

                                    ปั๊มน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้ลูกมีกินไม่ขาดตอน
                                    ปั๊มน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้ลูกมีกินไม่ขาดตอน

                                  วิธีที่ 2  ปั๊มสูตร 10:10:10 x 2 รอบ

                                  วิธีนี้จะดีต่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่มีเวลาต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง แบบวิธีแรก โดยการแบ่งปั๊มเป็น 2 รอบ ครั้งละเพียง 30 นาที ดังนี้
                                  1. เตรียมเครื่องปั๊มน้ำนม 2 เครื่อง โดยทำการปั๊มทั้งสองข้างพร้อมกัน
                                  2. ปั๊มน้ำนมเป็นรอบ โดยปั๊มรอบหนึ่งแล้วพัก หรือเริ่มปั๊มอีกรอบตามเวลาที่สะดวก
                                  3. รอบในการปั๊มใช้สูตร ปั๊ม 2 ข้างโดยปั๊ม 10 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที รวมเป็นเวลา 30 นาทีต่อการทำ pp 1 รอบ
                                  4. ทำแบบนี้ 2 รอบต่อวัน ทำต่อเนื่องทุกวัน

                                  วิธีที่ 3 ปั๊มพร้อมนำลูกเข้าเต้า

                                  สำหรับวิธีนี้เหมาะกับบ้านไหนที่มีเครื่องปั๊มนมเพียงเครื่องเดียว หรือคุณแม่ที่มีเวลาอยู่กับลูก สามารถนำลูกเข้าเต้าได้ ก็สามารถใช้วิธีปั๊มข้างหนึ่ง ขณะที่ให้ลูกดูดนมอีกหนึ่งข้าง ปั๊มนานเท่าเวลาที่ลูกดูดจนอิ่มเกลี้ยงเต้า ทำต่อเนื่องทุกวัน หากคุณแม่ที่กลัวลูกดูดนมข้างเดียวไม่อิ่ม หรือน้ำนมน้อย ก็สามารถให้ลูกดูดนมข้างแรกก่อน เมื่อสลับไปอีกข้างจึงค่อยนำเครื่องปั๊มนมมาปั๊มข้างที่ลูกดูดไปแล้วก็ได้เช่นกัน

                                  วิธีที่ 4 เครื่องปั๊ม+ ขวดสูญญากาศ

                                  เป็นวิธีสำหรับคุณแม่ที่มีเครื่องปั๊มเพียงเครื่องเดียว และไม่ได้อยู่กับลูก ไม่สามารถนำลูกเข้าเต้าได้ตลอด ก็ยังสามารถเพิ่มน้ำนมด้วยวิธี ppนี้ได้เช่นกัน โดยการปั๊มข้างขวา 10 นาทีส่วนข้างซ้ายเอาขวดสูญญากาศมาแปะเอาไว้ ต่อมาย้ายมาปั๊มข้างซ้ายนาน 10 นาทีย้ายขวดสูญญากาศมาแปะไว้ที่ด้านขวา ต่อมาย้ายกลับมาปั๊มที่ข้างขวา รวมทั้งสิ้นหกรอบ รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง

                                  ปั๊มน้ำนม วิธี pp ช่วยเพิ่มน้ำนม
                                  ปั๊มน้ำนม วิธี pp ช่วยเพิ่มน้ำนม

                                  วิธีที่ 5 ปั๊มน้ำนมปกติ แต่เพิ่มความถี่

                                  เป็นเรื่องปกติที่แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะต้องทำการปั๊มน้ำนมเก็บไว้ให้ลูกได้มีน้ำนมตลอด วิธีการปั๊มนมวิธีนี้จะคล้ายการปั๊มนมปกติ แต่ทำถี่ขึ้น จากทุก 3-4 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นทุก 1-2 ชั่วโมง เป้าหมายคือปั๊มให้ได้ 10 ครั้งต่อวัน ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 วันโดยมีวิธีการ ดังนี้
                                  1. ถ้าเลือกปั๊มนมทุก 1 ชั่วโมง ให้ปั๊มนาน 10 นาที
                                  2. ถ้าเลือกปั๊มนมทุก 2 ชั่วโมง ให้ปั๊มนาน 15 นาที
                                  จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณแม่จะเลือกวิธีแบบไหน เป้าหมายหลักของการเพิ่มน้ำนมด้วยวิธี pp นี้ คือการกระตุ้น ปั๊มนมให้ได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปั๊มนมแบบ pp ไม่ได้ใช้เวลาทั้งวัน คุณแม่บางคนอาจเลือกเวลาที่สะดวก ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป เช่น เวลาที่ลูกหลับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนหรือตอนเช้ามืด หรือบางคนใช้วิธีมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเพื่อทำ pp หรือบางคนใช้เวลาพักเที่ยง 1 ชั่วโมงทำ pp ไปด้วยทานข้าวกลางวันไปด้วย เป็นต้น
                                  power pumping เพิ่มน้ำนม?
                                  power pumping เพิ่มน้ำนม?

                                  ปั๊มน้ำนม แบบ power pumping เพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ?

                                  กับระยะเวลาในการปั๊มน้ำนม 1 ชั่วโมงต่อรอบ ถือว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ทำให้คุณแม่อยากรู้ว่าวิธีนี้จะเพิ่มน้ำนมได้จริงไหม? ก่อนอื่นเรามาดูปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการเพิ่มน้ำนม ดังนี้

                                  • เด็กอายุเกิน 5 เดือน ปริมาณน้ำนมแม่มักจะอยู่ตัว อาจส่งผลให้การเพิ่มน้ำนมไม่ชัดเจนเท่ากรณีที่ลูกอายุน้อยกว่านี้ แต่มิได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเพิ่มน้ำนมแม่ด้วยวิธีนี้เลย เพียงแต่โอกาสในการสำเร็จจะน้อยลงเท่านั้น
                                  • พยายามทำให้น้ำนมออกมาได้เกลี้ยงเต้า หลังการปั๊มนมทุกครั้งควรใช้มือบีบไล่น้ำนมออกให้เกลี้ยงเต้า ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ดีกว่า
                                  • หลักการสำคัญของการกระตุ้นเพิ่มน้ำนมวิธีนี้อยู่ที่การทำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยที่สุดควรมีเวลาทำติดต่อกัน 3 วัน ส่วนมากจะเห็นผลในการทำติดต่อกัน 7 วันขึ้นไป
                                  • หากคุณทำทุกวิธีการแล้วยังคงไม่สามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมจากเดิมได้ คุณแม่อาจอยู่ใน 5% ของผู้หญิงที่มีปริมาณต่อมน้ำนมน้อย แต่การกระตุ้นน้ำนมด้วยวิธี pp ก็สามารถช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมเต็มขีดความสามารถของร่างกายแล้ว คิดเสียว่าการที่ลูกได้รับนมแม่บ้าง แม้ต้องเสริมด้วยนมผง ก็ยังดีกว่าการที่ลูกไม่ได้รับนมแม่เลย

                                  นอกจากปัจจัย และวิธีการที่ถูกต้องในการกระตุ้นเพิ่มน้ำนมแม่ด้วยวิธี power pumping ที่เราได้มอบให้คุณแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ทางทีมแม่ ABK ขอเป็นกำลังใจแก่คุณแม่ทุกท่านที่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกน้อย ให้สามารถทำได้ประสบความสำเร็จสมดั่งตั้งใจ และนอกจากกำลังใจที่มีให้แล้ว เรายังมีเคล็ดลับดี ๆ จากคุณหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด มากฝากกัน เพื่อให้การทำ power pumping เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายขึ้น

                                  แม่จ๋า อย่าพึ่งเครียด อาจทำให้น้ำนมหด
                                  แม่จ๋า อย่าพึ่งเครียด อาจทำให้น้ำนมหด
                                  เคล็ดลับทำให้ pp เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายขึ้น
                                  1. หากตารางการปั๊มนมเป็นการปั๊มแบบปกติ การล้างและนึ่งอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้ เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ถ้าเป็นการทำ pp ซึ่งเป็นการปั๊มทุก 10 นาที อนุโลมให้ล้างและนึ่งเหมือนปกติ เวลาที่ไม่ได้ใช้ ให้เก็บในภาชนะสะอาดและเข้าตู้เย็นหรือกระเป๋าเก็บความเย็น และล้างมือทุกครั้งก่อนทำการปั๊มนมหรือให้นมลูก

                                  2. ใช้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบ 2 ข้าง ถึงแม้ว่าการมีแบบข้างเดียวก็ทำ pp ได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ดีเท่า 2 ข้าง

                                  3. ใช้เสื้อในแบบให้นมโดยไม่ต้องจับ จะทำงานอื่นไปด้วยได้

                                  4. หลังทำ pp ควรบีบด้วยมือต่อให้เกลี้ยงเต้า

                                  5. ก่อนปั๊มทุกครั้ง ควรทาลาโนลินบางๆเคลือบลานนมหัวนม เพื่อป้องกันไม่ให้บาดเจ็บจากการใช้งานหนัก

                                  6. เวลาปั๊มอย่ามองปริมาณน้ำนมในขวด จะได้ไม่เครียด ความเครียดจะทำให้น้ำนมลด!!! ให้ดูซีรีย์หรืออ่านหนังสือที่ชอบ

                                  7. การเลือกเวลาที่ทำ pp ให้เลือกเวลาที่ลูกหลับหรือมีคนอื่นอยู่คอยดูแลลูกแทน จะได้ไม่ถูกขัดจังหวะแผนการปั๊มตามเวลา

                                  8. จำไว้ว่า pp คือการเลียนแบบพฤติกรรมทารกที่บางครั้งขอกินตลอดเวลา เช่น ช่วง growth spurt หรือช่วงป่วยแล้วทานอาหารอื่นไม่ได้เลย คุณแม่แต่ละท่านจะเลือกวิธีใดก็ได้ที่เหมาะสมกับบริบทของตัวเอง หรือจะลองทำทุกๆวิธีแล้วเปรียบเทียบดูว่า วิธีไหนเหมาะกับตัวเอง

                                  9. อย่าสูญเสียความหวัง บางคนน้ำนมเพิ่มขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน บางคนนานถึง 2 สัปดาห์ ขอให้ทำต่อเนื่อง ดื่มน้ำและทานอาหารให้ครบ

                                  10. ชื่นชมตัวเองว่า คุณเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณทำดีที่สุดแล้ว คุณรักลูกไม่น้อยกว่าคุณแม่ท่านอื่นที่มีน้ำนมให้ลูกกินมากมาย

                                  ข้อมูลอ้างอิงจาก FB: สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

                                  อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                                  4 วิธีกระตุ้นนมแม่ อย่างได้ผลดี ไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ

                                  ตารางความถี่ในการให้นมลูก คัมภีร์ป้อนนม เพื่อแม่มือใหม่โดยเฉพาะ!

                                  ทำอย่างไรดี ? ท่อน้ำนมอุดตันเพราะ “ไวท์ดอท (white dot)” !!

                                  9 ผลไม้เพิ่มน้ำนม แม่หลังคลอดน้ำนมน้อย ต้องกิน!

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    Shizenlabs Innogro™

                                    ชิเซนแลบ อินโนโกร (Shizenlabs Innogro™) ผสานคุณค่าธรรมชาติกับวิทยาศาสตร์ เป็นเซรั่มและแชมพู ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น

                                    สิงหาคม 2564 – ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) เซรั่มและแชมพู ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท บอดี้ เวิร์คส์ จำกัด ผู้เชี่ยวด้านผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะประเทศไทย นำเสนอคอนเซ็ปต์  ชิเซนแลบ ไม่เคยทิ้งผม …ผมก็จะไม่ทิ้งคุณ” โดยเปิดตัว นักแสดงหนุ่ม “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด เพื่อตอกย้ำผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเยี่ยม ที่ช่วยเสริมบุคลิกและสร้างความมั่นใจในทุกกิจกรรมของผู้ชาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีเส้นผมหนา ดกดำ สุขภาพดีนั้น เป็นส่วนหนึ่งให้เขายืนหนึ่งในตำแหน่งพระเอกตลอดกาล

                                    จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ‘ชิเซนแลบ’ (Shizenlabs) คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ‘ชิเซน’ (Shizen) หมายถึง ‘ธรรมชาติ’ ในภาษาญี่ปุ่น เมื่อหลอมรวมกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ‘อินโนโกร’ Innogro™ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตจนกลายมาเป็น ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) ผลิตภัณฑ์จากความมุ่งมั่น พิถีพิถันสร้างสุขภาพจากภายใน สู่ภายนอก เพราะมนุษย์เรานั้น ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีพลัง สุขภาพที่ดีอย่างสมบูรณ์ยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้คนล้วนต้องการสิ่งที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก เพราะปราศจากผลกระทบจากสารเคมี

                                    ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะสุดพรีเมียม ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)  ยึดหลักแนวคิด ‘อินโนโกร’ (Innogro™) ผสานคุณค่าทางวิทยาศาสตร์จากฝั่งตะวันตก และสมุนไพรจากฝั่งตะวันออกเพื่อที่จะขจัดต้นตอต่างๆของปัญหาผมหลุดร่วงผมบาง นอกจากนี้ Shizenlabs ยังได้คัดสรรสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด นำมาสกัดคุณค่าบริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านมาตรฐานการผลิตของญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่า ‘ประสิทธิภาพต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยเสมอ’ จึงเกิดเป็นนวัตกรรมสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งคุณค่าจากธรรมชาติแต่ละหยด ในระดับโมเลกุลที่ลงลึก จะช่วยปรับสมดุล ผลัดเซลล์ และแก้ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                    นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ ‘ชิเซนแลบส์ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)  ยังถ่ายทอดศิลปะธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์บ่งบอกถึงสุนทรียศาสตร์ และความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งาน เช่น หัวลูกกลิ้งของเซรั่ม ที่จะช่วยให้สะดวกขึ้นเวลาใช้ โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องนวด ดูดซึมเซรั่มเข้าสู่หนังศีรษะอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งมอบคุณค่าจากเมล็ดพันธุ์แห่งธรรมชาติที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และสร้างความรู้สึกดีทุกครั้งที่สัมผัส

                                    ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) แชมพูและเซรั่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ได้นำส่วนผสมหลักสุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ ปาล์มเลื่อย (Saw Palmetto) มีคุณสมบัติป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ช่วยแก้ปัญหาการหดตัวของรูขุมขน โสม (Panax Ginseng Root) เพิ่มการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอรโมนเพศชายเป็น DHT สำหรับ สึบากิ (Tsubaki) สารต้านอนุมูลอิสระ ให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะลดการอักเสบ ทำความเส้นผมให้สะอาดสดชื่น และถั่วเหลือง (Soyamine) อุดมด้วยสารไอโซฟลาโวน กระตุ้นการสร้างเซลล์เส้นผม ป้องกันการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT นอกจากส่วนผสมหลักแล้วยังมีสมุนไพรสุดพรีเมี่ยมอีก 14 ชนิด เช่น น้ำมันเมล็ดทานตะวัน, เมนทอล, เมล็ดกาแฟ, น้ำมันเปลือกส้ม, น้ำมันมะกรูด, น้ำมันอาร์แกน, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันแมคคาเดเมีย, น้ำมันมะกอก, มดยอบ, ใบโรสแมรี่, พุดแสงอุษาและไบโอติน

                                    *** DHT – Dihydrotestosterone ฮอร์โมนเพศชาย มีหน้าที่พัฒนาลักษณะทางเพศของผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นการมีขนบริเวณต่างๆ ของร่างกาย การมีเสียงที่ทุ้มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และที่สำคัญทำให้เกิดอาการศีรษะล้าน-เถิกขึ้นได้

                                     

                                    ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™)

                                    3 ผลิตภัณฑ์ลดผมร่วง ผมบาง ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น

                                     

                                     

                                    Shizenlabs Innogro™

                                    Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Serum for Men

                                    ขนาด 40 มล. ราคา 1,590 บาท

                                    ชิเซนแลบ อินโนโกร เซรั่มบำรุงผม ลดผมร่วง ผมบางสำหรับผู้ชาย โดยนวัตกรรมการผลิตจากญี่ปุ่น อุดมสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด อาทิ ปาล์มเลื่อย, โสม และส่วนผสมสมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดปัญหาผมหลุดร่วงและเร่งการเจริญเติบโต เซรัมมาในบรรจุภัณฑ์รูปแบบของโรลเลอร์บอล จึงตรงเข้าสู่หนังศีรษะและแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดี

                                     

                                     

                                    Shizenlabs Innogro™

                                    Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Serum for Women

                                    ขนาด 40 มล. ราคา 1,590 บาท

                                    เซรั่มบำรุงผม ลดผมร่วง ผมบางสำหรับผู้หญิง โดยนวัตกรรมการผลิตจากญี่ปุ่น พร้อมสารสกัดธรรมชาติจากแหล่งที่ดีที่สุด  อาทิ ปาล์มเลื่อย, โสม และส่วนผสมสมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดปัญหาผมหลุดร่วงและเร่งการเจริญเติบโต มาในรูปแบบของโรลเลอร์บอล จึงตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะได้ง่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดี

                                     

                                     

                                    Shizenlabs Innogro™

                                    Shizenlabs Innogro™ Anti-Hair Loss Shampoo

                                    ขนาด 200 มล. ราคา 590 บาท

                                    แชมพู ลดผมร่วง สำหรับทุกสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยนวัตกรรมการผลิตสุดทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมสารสกัดที่ให้คุณประโยชน์สูงสุด อาทิ สึบากิ, ถั่วเหลือง และสมุนไพร 14 ชนิด จึงช่วยให้ผมนุ่มสลวย หวีง่าย ไม่ชี้ฟู  ปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้สุขภาพแข็งแรง ที่สำคัญช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม ป้องกันไม่ให้เส้นผมถูกทำลายและเสียสมดุล พร้อมกลิ่นหอมและเย็นสดชื่นทันทีที่ใช้

                                    สามารถซื้อ ‘ชิเซนแลบ อินโนโกร’ (Shizenlabs Innogro™) เซรั่มและแชมพู สุดพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่นได้แล้ววันนี้ที่ ห้ามสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) และช่องทางออนไลน์ www.shizenlabs.com , Shopee และ Lazada