สร้างสุขอนามัย หยุดยั้งไวรัส ด้วยการใช้น้ำยาซักผ้าขาวฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ผ่านข้อมูลวิชาการที่เข้าใจง่าย ทำตามได้จริง

จากสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก สร้างความหวาดวิตก และโน้มน้าวให้ผู้คนตระหนักในการดูแลสุขอนามัยกันมากขึ้น โดยองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงาน (ฉบับที่ WHO/2019-nCoV/IPC/v2020.2) แนะนำถึงวิธีป้องกันและควบคุมสุขอนามัยในช่วงเวลาที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาด ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า 

It is important to ensure that environmental cleaning and disinfection procedures are followed consistently and correctly. Thoroughly cleaning environmental surfaces with water and detergent and applying commonly used hospital level disinfectants (such as sodium hypochlorite) are effective and sufficient procedures. Medical devices and equipment, laundry, food service utensils and medical waste should be managed in accordance with safe routine procedures.

 สิ่งสำคัญคือต้องทำความสะอาดสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ให้สะอาดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ด้วยน้ำเปล่า และน้ำยาฆ่าเชื้อ ตามมาตรฐานที่ใช้ในโรงพยาบาล (ตัวอย่างเช่น น้ำยาที่มีสารโซเดียม ไฮโปคลอไรต์) ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการฆ่าเชื้อเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม สามารถใช้วิธีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคดังกล่าวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม, และชุดเครื่องครัวอุปกรณ์การทำอาหารต่างๆ

และจากข้อมูลการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย อ.ดร.พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 (ปรับปรุงจาก เวทีจุฬาฯ เสวนา ครั้งที่ 23 เรื่อง “ตระหนัก ดีกว่าตระหนก เรียนรู้และป้องกันโคโรนาไวรัส 2019”) ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนของผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินหายใจ (ไข้, ไอ, น้ำมูก, จาม, เจ็บคอ) ให้ทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสร่วม เช่น เตียง โต๊ะ ห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว (5% โซเดียมไฮโปคลอไรต์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 99 ส่วน)

โดยได้ยกตัวอย่างหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค คือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ ที่มีคุณสมบัติของการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 99.9% ประกอบด้วยสารสำคัญ คือ สารโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 0.1-0.5% ซึ่งปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาว มีข้อมูลของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินที่ระบุการเตรียมทำความสะอาด ดังนี้

(*ข้อมูลปริมาณการใช้งาน อ้างอิงจาก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ฉบับที่ 8.1 ปรับปรุงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563)

ข้อมูลดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกโซเชียล และเกิดการบอกต่อกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการนำไปใช้จริงของผู้บริโภค จึงมีข้อแนะนำสำหรับการนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวไปใช้ขจัดเชื้อโรคในชีวิตประจำวันอย่างถูกวิธี สามารถปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้

  • สำหรับขวดบรรจุขนาด 250 มิลลิลิตร หรือ 600 มิลลิลิตร ใช้น้ำยาซักผ้าขาว 5 ฝาต่อน้ำ 1 ลิตร และ สำหรับขวดบรรจุขนาด 1.5 หรือ 2.5 ลิตร ใช้น้ำยาซักผ้าขาว 2.5 ฝา ต่อน้ำ 1 ลิตร
  • นำผ้าชุบน้ำที่ผสมและไปเช็ดจุดสัมผัสร่วมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทิ้งไว้ 1 นาที และเช็คตามด้วยน้ำเปล่า

(*สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วิดีโอแนะนำการใช้งาน)

ส่วนพื้นผิวที่สัมผัสร่วมกันที่แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของสารโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ได้แก่ โต๊ะ, ลูกบิดประตู, รีโมท, ราวบันได, พื้น, ชักโครก เป็นต้น

ข้อควรระวัง 

  • ควรสวมถุงมือทุกครั้งที่ใช้ไฮเตอร์ทำความสะอาด
  • ห้ามใช้ไฮเตอร์ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยแอมโมเนีย หรือ กรด เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ,   ผลิตภัณฑ์ขจัดสนิม, น้ำส้มสายชู
  • ห้ามเช็ดทำความสะอาดบนพื้นผิว โลหะ ไม้ อลูมิเนียม

    Tags

    ฟรีสแลนด์คัมพิน่าได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการกลุ่มอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

    ดร.โอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการกลุ่มอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (The Federation of Thai Industries : FTI) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ณ. อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ เขตสาทร กรุงเทพฯ

    โดยกรรมการกลุ่มอาหารที่ได้รับแต่งตั้งจะมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2563 -2565 และมีหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายบริหารงานของสภาฯ รวมถึงประสานงานกับภาครัฐและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีส่วนส่งเสริมและวางแผน รวมทั้งนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขที่สอดคล้องเหมาะสมต่อภาครัฐบาล อันจะนำสู่การกำหนดนโยบายตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบวิธีการปฏิบัติต่างๆให้มีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ

      Tags

      ตุนอาหาร

      นักโภชนาการแนะวิธี ตุนอาหาร ให้หลากหลาย ได้สารอาหาร ครบ 5 หมู่

      สถานการณ์โควิด-19 ไม่น่าไว้ใจ ต้องเลี่ยงการออกไปพื้นที่สาธารณะ หลายคนสงสัย ควร ตุนอาหาร แบบไหนเก็บไว้ทำให้ลูกกินได้หลายวัน ที่ไม่ใช่มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป –ปลากระป๋อง มีอะไรบ้าง Amarin Baby & Kids นำข้อข้องใจของคุณพ่อคุณแม่มาหาคำตอบจากคุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ มาตอบให้รู้ชัดๆ กันเลย

      “เพราะลูกฉันต้องได้กินครบ 5 หมู่” คือความคิดของคุณแม่ที่ไม่ว่าการะบาดของไวรัสโควิต-19 หนักหนาเพียงใด แต่ลูกต้องได้กินอาหารมีประโยชน์ ซึ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการของในทุกด้าน ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลใจกับสถานการณ์ และเลือกที่จะลดการออกไปจับจ่ายสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดนัด ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้คนจำนวนมาก และเสี่ยงต่อการกระจายของเชื้อโรค เปลี่ยนมาเป็นการซื้อส่วนผสม ตุนอาหาร แทน อาหารแบบไหนล่ะที่ควรซื้อ

      นักโภชนาการแนะ ตุนอาหาร หนีโควิด-19 ต้องกินให้ครบทั้ง 5 หมู่

      เมื่อนึกถึงอาหารที่เก็บไว้ได้นาน คงหนีไม่พ้นสินค้าจำพวก อาหารกระป๋อง หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป แต่อาหารเหล่านี้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะลูกน้อยทุกวัย และแม่ท้องซึ่งต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ คุณแววตา ได้แนะนำหลักการเตรียมอาหารในหัวข้อ “อ่านก่อน …..ถ้าต้องตุนอาหารเพื่อหลบภัยโควิด -19”  ว่า

      ตุนอาหาร
      คุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

      พลิกวิกฤตโควิดให้เป็นโอกาส  สร้างสุขภาพดี ด้วยการ เตรียมพร้อมกักตุนอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ไว้ปรุงอาหารง่ายๆ ที่บ้าน    ทั้งได้สุขภาพดี แถมไม่ต้องแย่งชิง!! โดยแบ่งออกเป็น 5 หมู่ตามหลักโภชนาการดังต่อไปนี้

      อาหาร 5 หมู่ ดูให้ดี เลือก ตุนอาหาร แบบไหนเก็บไว้กินดี

      อาหารจำพวกข้าวหรือแป้ง

      มีคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ยังต้องออกไปทำงานนรอกบ้าน ลูกน้อยวัยซนยังมีกิจกรรมเล่นสนุก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับพลังงานให้เพียงพอ เพราะสมองต้องการกลูโคส ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยจนเล็กที่สุด ดูดซึมได้ง่าย

      ข้าวซ้อมมือ  คาร์โบไฮเดรตสูง อิ่มอยู่ท้องได้นาน แถมใช้ปริมาณไม่มาก  ข้าวสารดิบ 1 ขีด หรือ 100 กรัม สามารถหุงได้ข้าวสวยประมาณ 4 ทัพพี  กะปริมาณให้พอดีกับคนในครอบครัว ก็ไม่ต้อง ตุนอาหาร เยอะเกินจำเป็น

      ข้าวเหนียว   บ้านไหนไม่มีหวดนึ่งข้าวเหนียวแบบดั้งเดิม สามารถใช้หม้อหุงข้าว หรือหุงด้วยไมโครเวฟได้ แช่น้ำทิ้งไว้ 5 – 6 ชั่วโมงให้ข้าวนิ่มสักหน่อย กินคู่กับหมูทอด ลูกน้อยต้องปลื้มแน่นอน

      ข้าวโอ๊ต   อีกทางเลือกแทนแป้ง ที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตและกากใยอาหาร หาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป นำมาทำเป็นเมนูโจ๊กข้าวโอ๊ตไก่ฉีก   ข้าวโอ๊ตผสมนมใส่ผลไม้แห้ง ก็อร่อยแก้เบื่อได้ดี

      เส้นหมี่แห้ง  ถ้าวันไหนเบื่อเมนูข้าว เก็บเส้นหมี่แห้งไว้ จะเป็นบะหมี่ หรือเส้นเล็ก ก็เอามาทำได้หลายเมนู อย่าง ผัดซีอิ๊ว   เส้นหมี่น้ำไก่ฉีก

      วุ้นเส้น (ไม่ฟอกสี)  ทำจากถั่วเขียว จัดว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตดี  เลือกวุ้นเส้นที่ไม่ผ่านกระบวนการ ปลอดภัยกับลูกน้อย จะเอามาทำแกงจืดวุ้นเส้น  วุ้นเส้นอบฟองเต้าหู้  หรือเมนูยำวุ้นเส้นแซ่บๆ สำหรับผู้ใหญ่ก็อร่อยได้ทั้งบ้าน

      ถั่วเขียว ธัญพืชมากประโยชน์ เป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นาน นำมาทำเมนูถั่วเขียวต้มน้ำตาล เพียงแช่ถั่วเขียวให้นิ่มก่อน แล้วนำไปต้มกับน้ำตาลหรือเข้าเตาไมโครเวฟ  กินแก้ร้อนใน และเพิ่มธาตุเหล็กให้ลูกน้อย

      วิธีเก็บให้ยืดอายุได้นาน

      ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท แห้ง ไม่ชื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา และควรแบ่งมาปรุงอาหารตามจำนวนบริโภคจะดีกว่าการแบ่งออกมาทำครั้งละมากๆ  แล้วแช่เย็นไว้ เพื่อให้ได้รับประทานอาหารที่สดใหม่อยู่เสมอ

      อาหารจำพวกไขมัน  

      มีกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งแม้จะต้องการไม่มากแต่ก็ขาดไม่ได้ ควรเลือกรับไขมันจากพืช ซึ่งมีวิตามินอีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งนี้ไม่ควรรับน้ำมันมากเกิน 9 ช้อนชาต่อวัน เพื่อไม่ให้สะสมในร่างกาย

      ถั่วลิสง    เลือกซื้อขนิดดิบที่ลอกเปลือกออกแล้ว เก็บเป็นของแห้งติดบ้านได้นาน กินเป็นขนมโดยนำไปอบด้วยเตาไมโครเวฟจนสุก ได้น้ำมันธรรมชาติจากถั่วโดยไม่ผ่านกระบวนการผลิตใดๆ

      น้ำมันพืช  ใช้ได้ทุกชนิด ควรเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้และปริมาณเหมาะสมกับขนาดครอบครัว

      วิธีเก็บให้ยืดอายุได้นาน

      หากเป็นของแห้งควรเก็บในพื้นที่แห้ง ไม่ชื้น เพื่อป้องกันเชื้อรา ส่วนของเหลวเมื่อเกิดใช้แล้วควรปิดฝากให้สนิท

      อ่าน อาหารที่ควรเลือกซื้อ เก็บไว้กินได้นาน หน้า 2

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        เพิ่มความสูงให้ลู

        5 วิธี เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่เตี้ย!

        หากอยาก เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่ไม่สูง แต่จะทำยังไงให้ลูกสูง เพราะนอกจากปัจจัยเรื่องกรรมพันธุ์แล้ว ก็ยังมีเรื่องของการกิน การนอน และการออกกำลังกายที่ถูกวิธีและสมวัยประกอบกันด้วย

        เติ้ล ตะวัน เผยวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก
        หลัง
        หมอบอกให้ทำใจ
        “น้องมียา”
        อาจสูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม.

        ความสูงของลูก อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ยุคนี้หลายบ้านต้องการให้กับลูก ซึ่งความสูงในเด็กบางคนก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสูงถึงขนาดไหน อาจมีบางบ้านที่ลูกอยู่ในช่วงวัย 2-3 ขวบ พ่อแม่ก็กังวลแล้วว่ากลัวลูกจะตัวเตี้ย เพราะมักมองเปรียบเทียบจากเด็กคนอื่นในช่วงอายุเดียวกัน เมื่อสังเกตร่างกายของลูกแล้วเห็นถึงความผิดปกติที่อาจจะเตี้ยกว่าเพื่อน พ่อแม่จึงคิดมากวิตกกังวลกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในครอบครัวเลยทีเดียว

        Must read >> ลูกเตี้ย เพราะขาดโกรทฮอร์โมน จากการนอนดึก จริงหรือ ?

        Must read >> วิธีคำนวณ ส่วนสูงเด็ก ทำได้ด้วย 2 วิธี

        เช่นเดียวกับคุณเติ้ล ตะวัน และคุณแม่กระแต เสาวคนธ์ ที่แอบมีความเครียดไม่น้อย เมื่อไปปรึกษาคุณหมอที่รพ.แห่งหนึ่ง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าให้ทำใจ “น้องมียา” ลูกสาวอาจมีสิทธิ์สูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม.

        โดยคุณเติ้ล กล่าวถึงประเด็นเรื่องสุขภาพในระยะยาวของลูกสาวว่า “เขาต้องสูงกว่าแม่”
        ซึ่งคุณแม่กระแต ก็ได้กล่าวเสริมว่า “เรากลัวเขาตัวเล็ก ซึ่งเคยพาลูกไปหาหมอภูมิแพ้ เสร็จเห็นห้องหนึ่งเห็นหมอดูเก่ง คือคิดเองก็เลยไปถามพยาบาลว่าหมอท่านนี้ตรวจอะไร พยาบาลก็บอกว่า หมอดูเกี่ยวกับฮอร์โมนพัฒนาการ กระดูกเราก็เลยบอกพยาบาลว่าเอาๆ ขอจองต่อเลยได้ไหม ขอไปหาหมอภูมิแพ้ก่อนเดี๋ยวออกมาเจอหมอคนนี้ พยาบาลก็ทำคิวให้ ก็เข้าไปกัน 2 คน หมอก็บอกว่า เขาเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักเท่านี้ พ่อสูงเท่านี้ แม่สูงเท่านี้ ลูกสูง 140

        เมื่อคุณเติ้ล ได้ยินแบบนั้นจึง ถามหมอว่าต้องทำอย่างไรที่จะ เพิ่มความสูงให้ลูก สูงกว่านี้ แต่หมอบอกว่าให้ทำใจ (คำถามคือแล้วจะไปหาทำไม : หัวเราะ) ด้านคุณแม่กระแต ก็บอกว่าเครียด เพราะอยากให้น้องมียาเขาสูงกว่า มันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว แต่พอเราฟังหมอแล้วหมอบอกว่าเขาจะสูง 140 เราคิดว่าไม่ใช่

        คุณเติ้ล จึงตัดสินใจไปหมอคนใหม่ เพราะตอนนี้น้องมียาเข้าเกณฑ์แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกจะมีความสูงเฉลี่ย 155 คือสูงที่สุดของเขาคือ 164 เตี้ยสุดก็ 140 เราก็รอดูความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยับเขาให้สูงขึ้นไปอีกได้ไหม

        https://www.instagram.com/p/B9gAkZppHRS/

        เผยวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก

        โดยคุณแม่กระแต ก็กล่าวอีกว่า กระบวนการ เพิ่มความสูงให้ลูก คือ กินกับนอน เรื่องนอนสำคัญ เพราะคุณหมอบอกว่าอยากให้เขาหลับสนิทเลย พอหลัง 3 ทุ่มฮอร์โมนจะหลั่งทันที เขาถึงไม่อยากให้เด็กตื่นขึ้นมาดื่มนมกลางดึก เพราะเขาตื่นปุ๊บ ฮอร์โมนเขาจะหยุดหลั่งทันที

        อ่านต่อ >> “วิธีเพิ่มความสูงตามเกณฑ์ให้ลูกแบบง่ายๆ
        แม้พ่อแม่เตี้ยลูกก็สูงได้” คลิกหน้า 2


        ขอบคุณภาพจาก IG @tletawan , @katare

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

          เผย “ความในใจคนเป็นแม่” หลัง ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

          แม่ลิเดีย ได้ประกาศ ลงในอินสตาแกรมของตนเองแล้วว่า ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลตรวจเป็นบวก พร้อมทั้งเผยความในใจของคนเป็นแม่ที่ต้องห่างลูก รวมทั้งให้ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไว้ว่า

          สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้ดีที่สุดในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ต้องรับมือและสู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือการร่ำลาครอบครัวและลูกๆ ต้องให้ลูกๆ ทั้งสองคนอยู่โดยที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไปอีกไม่รู้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีคุณยายคุณตาที่ยังอยู่กับเขา หวังว่าเดมี่จะไม่ลืมแม่ หวังว่าดีแลนจะไม่โกรธที่พ่อแม่อยู่ๆก็หายไป เดี๋ยวหม่ามี๊กับแดดดี๊จะกลับมานะลูก ห้ามร้องไห้เพราะน้ำตาอาจมีไวรัส #covid19 #โควิดเราต้องรอด

          ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคน:

          1.สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเดียติดจากพี่แมท ส่วนใหญ่ทุกเคสที่ติดCoVid19 คนใกล้ชิดอย่างสามีภรรยามีโอกาศติดสูงมาก เดียไม่ได้ออกไปไหน เดียติดจากในบ้าน ดีแลนผลคือ undetectable เดมี่ไม่ได้เอาไปตรวจเพราะกลัวว่าอาจไปรับเชื้อจากข้างนอก ตอนนี้ทั้งสองคนอาการปกติ ร่าเริง เล่น กิน นอน แข็งแรงดีค่ะ รอเฝ้าดูอาการต่อไป

          2. คนอื่นๆที่ใกล้ชิด (ครอบครัว, เพื่อน, พนักงานร้านอาหารและค่ายมวย) ผลลบ undetectable แต่ถึงแม้จะลบ ข้อแนะนำคือเฝ้าดูอาการ ถ้ามีอาการเหมือนจะเริ่มเป็นหวัด หรือมีไข้ให้ไปตรวจซ้ำ ระหว่างนี้การปฏิบัติของคนในบ้านที่เฝ้าระวังอยู่คือ ให้คิดซะว่าทุกคนเป็นพาหะโรคนี้ ป้องกันให้มากที่สุด ควบคุมวิธีการแพร่ให้น้อยที่สุด ใส่หน้ากาก ล้างมือ อย่าใช้ช้อนร่วมกัน ระวังน้ำตา น้ำลาย คือคุณต้องมีไวรัสในจำนวนที่วัดได้ถึงจะมีผลว่าบวก ขอย้ำว่าการตรวจได้ผล undetectable ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีไวรัส คนที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

          3.อาการแรกของเดียคือ คัดจมูก ไอแห้งๆไม่มีเสมหะ ไข้ 38 แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่รู้สึกเหมือนจะเริ่มเป็นหวัดหรือเป็นภูมิแพ้ ทั้งหมดนี้เริ่มเมื่อคืนวันที่ 13 และตลอดทั้งวันที่14 ตอนนี้ทานยาลดไข้และวิตามินต่างๆ ระหว่างที่รอผลกลับมา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด

          ตอนนี้ยังไม่มียาป้องกันหรือว่ารักษาโควิดอย่างเป็นทางการเพราะมันยังใหม่มากๆแนวทางรักษาคือถ้าอาการไม่หนักมากก็พยายามปล่อยให้ร่างกายขับไล่มันออกไปเอง แต่ถ้าเกิดใครเริ่มมีปัญหาเช่นปอดบวมหรือ ปัญหาอื่นๆหมอจะให้ยาทันทีซึ่งยาที่จะใช้ก็แล้วแต่สูตรของหมอและโรงพยาบาล

          4.อาการของพี่แมทตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่มีไข้แล้ว มีการ X-ray ปอดเพราะตัวเค้าเป็นภูมิแพ้และหอบ. ซึ่งหมอบอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ยังไงต้องคอยเช็กตลอด

          5.ตอนนี้การหาเตียงสำหรับการรักษาไม่ง่ายค่ะ ถ้าใครตรวจแล้วพบเชื้อ คอยโทรถามกับทางสปคม ว่าเค้ากำลังประสานงาน และหาโรงพยาบาลให้อยู่

          #ทีมแม่ABK ขอส่งกำลังใจให้พ่อแมทธิว และแม่ลิเดีย ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวในเร็ววันนะคะ

          View this post on Instagram

          สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้ดีที่สุดในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ต้องรับมือและสู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือการร่ำลาครอบครัวและลูกๆ ต้องให้ลูกๆทั้งสองคนอยู่โดยที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไปอีกไม่รู้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีคุณยายคุณตาที่ยังอยู่กับเขา หวังว่าเดมี่จะไม่ลืมแม่ หวังว่าดีแลนจะไม่โกรธที่พ่อแม่อยู่ๆก็หายไป เดี๋ยวหม่ามี๊กับแดดดี๊จะกลับมานะลูก ห้ามร้องไห้เพราะน้ำตาอาจมีไวรัส #covid19 #โควิดเราต้องรอด ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคน: 1.สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเดียติดจากพี่แมท ส่วนใหญ่ทุกเคสที่ติดCoVid19 คนใกล้ชิดอย่างสามีภรรยามีโอกาศติดสูงมาก เดียไม่ได้ออกไปไหน เดียติดจากในบ้าน ดีแลนผลคือ undetectable เดมี่ไม่ได้เอาไปตรวจเพราะกลัวว่าอาจไปรับเชื้อจากข้างนอก ตอนนี้ทั้งสองคนอาการปกติ ร่าเริง เล่น กิน นอน แข็งแรงดีค่ะ รอเฝ้าดูอาการต่อไป 2. คนอื่นๆที่ใกล้ชิด (ครอบครัว, เพื่อน, พนักงานร้านอาหารและค่ายมวย) ผลลบ undetectable แต่ถึงแม้จะลบ ข้อแนะนำคือเฝ้าดูอาการ ถ้ามีอาการเหมือนจะเริ่มเป็นหวัด หรือมีไข้ให้ไปตรวจซ้ำ ระหว่างนี้การปฏิบัติของคนในบ้านที่เฝ้าระวังอยู่คือ ให้คิดซะว่าทุกคนเป็นพาหะโรคนี้ ป้องกันให้มากที่สุด ควบคุมวิธีการแพร่ให้น้อยที่สุด ใส่หน้ากาก ล้างมือ อย่าใช้ช้อนร่วมกัน ระวังน้ำตา น้ำลาย คือคุณต้องมีไวรัสในจำนวนที่วัดได้ถึงจะมีผลว่าบวก ขอย้ำว่าการตรวจได้ผล undetectable ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีไวรัส คนที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด 3.อาการแรกของเดียคือ คัดจมูก ไอแห้งๆไม่มีเสมหะ ไข้ 38 แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่รู้สึกเหมือนจะเริ่มเป็นหวัดหรือเป็นภูมิแพ้ ทั้งหมดนี้เริ่มเมื่อคืนวันที่ 13 และตลอดทั้งวันที่14 ตอนนี้ทานยาลดไข้และวิตามินต่างๆ ระหว่างที่รอผลกลับมา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด ตอนนี้ยังไม่มียาป้องกันหรือว่ารักษาโควิดอย่างเป็นทางการเพราะมันยังใหม่มากๆแนวทางรักษาคือถ้าอาการไม่หนักมากก็พยายามปล่อยให้ร่างกายขับไล่มันออกไปเอง แต่ถ้าเกิดใครเริ่มมีปัญหาเช่นปอดบวมหรือ ปัญหาอื่นๆหมอจะให้ยาทันทีซึ่งยาที่จะใช้ก็แล้วแต่สูตรของหมอและโรงพยาบาล 4.อาการของพี่แมทตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่มีไข้แล้ว มีการ X-ray ปอดเพราะตัวเค้าเป็นภูมิแพ้และหอบ. ซึ่งหมอบอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ยังไงต้องคอยเช็กตลอด 5.ตอนนี้การหาเตียงสำหรับการรักษาไม่ง่ายค่ะ ถ้าใครตรวจแล้วพบเชื้อ คอยโทรถามกับทางสปคม ว่าเค้ากำลังประสานงาน และหาโรงพยาบาลให้อยู่

          A post shared by Lydia Sarunrat Deane (@lydiasarunrat) on

          ลิเดีย
          ขอบคุณภาพจาก IG : lydiasarunrat
          แม่ลิเดียและครอบครัว
          ขอบคุณภาพจาก IG : lydiasarunrat

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            ก๊าซโอโซนหน้าร้อน

            ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มลพิษใกล้ตัวลูก

            ช่วงต้นปีผ่านมา เรามักพบเจอกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีในอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทั้งกับคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อย ยิ่งตอนนี้เริ่มเข้าสู่หน้าร้อน อากาศเริ่มร้อนขึ้น ส่งผลให้เกิด ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มีผลเสียต่อทางเดินหายใจ เพราะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ยากขื้น

            Continue reading “ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มลพิษใกล้ตัวลูก”

              การเขียนบันทึกประจำวัน

              5 ข้อดีของ การเขียนบันทึกประจำวัน ยิ่งเขียน ยิ่งฉลาด โดย พ่อเอก

              วันนี้ผมมีไอเดียที่อยากนำมาแชร์เรื่อง การเขียนบันทึกประจำวัน เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุให้ทางโรงเรียนที่ปูนปั้นกับปั้นแป้งเรียนอยู่ ประกาศหยุดเรียน 14 วัน โดยจัดให้มีการเรียนรู้จากที่บ้านแทน และหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ การเขียนบันทึกประจำวัน นั่นเอง

              ต้องเท้าความก่อนว่า สาเหตุก็เพราะทางโรงเรียนทราบมาว่า มีคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งบางครอบครัวก็แจ้งให้ทางโรงเรียนทราบพร้อมกับผลตรวจ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ยอมแจ้ง ทางโรงเรียนจึงต้องสั่งหยุดเรียน 14 วันตามเกณฑ์การกักโรค เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการที่คุณไม่รับผิดชอบครอบครัวเดียวก็ทำให้ต้องเดือดร้อนไปหมดทุกครอบครัวจริงๆ ซึ่งผมเองก็เพิ่งเขียนเรื่อง ‘11 ข้อพ่อแม่ ควรทำ ไม่ควรทำ ในช่วงโควิด-19 ระบาด’ ไปเอง ตามไปอ่านกันได้นะฮะ

              กลับมาต่อที่เรื่องสนุกๆ จากการที่โรงเรียนได้จัดให้มีการเรียนรู้จากที่บ้านโดยผ่านสื่อ on-line

              ซึ่งการสอนต่างๆ ก็ถูกจัดทำเป็น link แล้วส่งมาใน line ของกลุ่มผู้ปกครอง ซึ่งมีแบ่งเป็นห้องสนทนาตามรายวิชา เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้สื่อสารในการสอนลูกหรือก็ต้องเปิดเพื่อให้ลูกเรียนรู้ และเพื่อใช้เป็นการส่งงานเพื่อให้เห็นว่าแต่ละครอบครัวมีการสอนตามที่โรงเรียนส่งมาจริงๆ

              งานอย่างหนึ่งที่คุณครูได้ให้เด็กๆ ชั้น ป.1 อย่างปูนปั้นต้องทำทุกวัน คือ

              ‘การเขียนบันทึกประจำวัน’

              ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก และมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กในด้านต่างๆ เช่น

              1. การหัดเล่าเรื่อง

              การเขียนบันทึกประจำวัน เด็กต้องนั่งนึกเองว่าในแต่ละวันได้ไปทำอะไรมาบ้าง แล้วมาเขียนเป็นเรื่องราวปะติดปะต่อเอง โดยเราพยายามให้ลูกคิดเองผูกเรื่องเอง เพราะการเล่าเรื่องเป็น skill ที่สำคัญเมื่อต้องศึกษาในชั้นสูงขึ้นและในการทำงาน

              2. การหัดเรียงลำดับเหตุการณ์

              เราจะเห็นว่าแบบฝึกหัดเด็กเล็กอย่างหนึ่งคือมีรูปมาแล้วให้เด็กดูว่าเหตุการณ์ไหนมาลำดับแรกหรือหลัง แต่ การเขียนบันทึกประจำวัน เป็นการเรียนลำดับเหตุการณ์จริงๆ ซึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหนๆ

              3. การเขียน การสะกดคำ

              ถ้าให้หัดคัดลายมือหรือหัดสะกดคำตามแบบฝึกหัด เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนุกไปกับมัน แต่การเขียนบันทึกเป็นการฝึกหัดทั้งการเขียน การสะกดคำ คัดลายมือ การเว้นวรรคตอน ไปถึงการใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ ตามธรรมชาติ

              4. การบอกอารมณ์ความรู้สึก

              โจทย์ที่ดีมากๆ ที่คุณครูให้เพิ่มมาก็คือ ให้บอกอารมณ์ว่ารู้สึกอย่างไร ในการกระทำต่างๆ ที่เขียนลงในบันทึก ซึ่งทำให้รู้จักตัวเอง รู้จักอารมณ์ตนเอง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญที่จะทำให้เด็กรู้เท่าทันอารมณ์ มองเห็นอารมณ์ตัวเอง เพื่อจัดการตัวเองได้ถูกต้องในสถานการณ์ต่างๆ

              5. การวาดรูป

              นอกจากนั้นหากเด็กที่อาจจะเขียนไม่เก่งมากแต่ชอบวาดรูป ก็สามารถใช้ การวาดรูปเป็นการบันทึก หรือ เด็กที่เขียนแล้วก็ให้วาดรูปประกอบได้หากต้องการ

              การหัดเขียนบันทึกประจำวัน จริงๆ แล้ว ไม่ต้องรอคุณครูให้เป็นการบ้านก็ได้ ทุกครอบครัวก็น่าจะหัดฝึกให้ลูกเขียนเรื่องราวประจำวันเป็น ไดอารี่ ของตัวเอง ครอบครัวเราเองได้ฝึกให้พี่ปูนปั้นหัดเขียนมาก่อนแล้ว เมื่อได้เป็นการบ้านก็จึงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่

              บันทึกของปูนปั้น
              บันทึกประจำวัน ของปูนปั้น

              สิ่งสำคัญ! ในการฝึกลูกเขียนบันทึกประจำวัน

              คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยให้กำลังใจ นั่งเป็นเพื่อน ช่วยสะกดคำบ้างเมื่อเขาติดขัด กล่าวชื่นชมผลงาน และเอาผลงานของเขาให้คนอื่นในครอบครัวดูเพื่อให้เขาภูมิใจว่ามีคนชื่นชม

              และการบันทึกไม่จำเป็นต้องรอให้เขียนหนังสือเป็นแล้วค่อยเริ่ม เพราะปั้นแป้งเอง เราก็หัดให้เล่าเรื่องหลังกลับมาจากโรงเรียนว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วเราก็เขียนบันทึกตามที่ปั้นแป้ง ลูกก็สนุกไปด้วย แม้เรื่องราวของเด็กอนุบาลอาจจะวนไปมา แต่เขาก็สามารถเล่าเรื่องราวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ทำอย่างสม่ำเสมอ

              บันทึกประจำวันของปั้นแป้ง
              บันทึกประจำวัน ของปั้นแป้ง

              แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืม คือ การเคารพสิทธิ์ของลูก ก่อนเราจะอ่านบันทึก ที่เขาเขียนเสร็จ เราจะขออนุญาตก่อนว่าให้เราอ่านมั้ย ให้อ่านออกเสียงหรืออ่านในใจ … การทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้เขาเรียนรู้การเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคล ยังทำให้เขารู้จักรักษาสิทธิ์ของตนเองด้วย

              บทความน่าสนใจอื่นๆ

              “ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ” โดย พ่อเอก

              “ลูกช่างถาม” รับมืออย่างไร ไม่ขัดพัฒนาการลูก โดย พ่อเอก

              ชวนลูกทำอาหาร “สร้างความมั่นใจ” ติดตัวไปจนโต โดย พ่อเอก

              เลี้ยงลูกเชิงบวก คุยกับลูกแบบนี้ ไม่ต้องตี ลูกก็เชื่อฟัง โดย พ่อเอก


              >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

              หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

              ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
              ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก

                ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี? ปี 2563

                วัยเด็ก เป็นวัยที่ร่างกายยังสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างไม่เต็มที่ ทำให้มีความเสี่ยงในการเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ อย่างโรคฮิต เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม มือเท้าปาก ท้องเสีย หลอดลมอักเสบ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง แม่น้องเล็กจึงมีทางเลือก ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก  ประกันสุขภาพเด็ก มาฝากค่ะ

                Continue reading “ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี? ปี 2563”

                  ลูกถูกบูลลี่

                  7 วิธีสร้างเกราะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่ และไม่ให้ลูกบูลลี่คนอื่น

                  การบูลลี่ในโรงเรียน ไม่ว่า ลูกถูกบูลลี่ หรือ ลูกไปบูลลี่คนอื่น ต่างก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะผลของการบูลลี่ทั้งต่อคนที่ถูกกระทำและตัวผู้กระทำเอง อาจสร้างแผลทางใจฝังลึกจนยากเยียวยาได้

                  วิธีสร้างเกราะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่
                  และไม่ให้ลูกบูลลี่คนอื่น

                  ปัจจุบันข่าวเรื่อง การ Bully (พฤติกรรมรุนแรง กลั่นแกล้ง รังแกผู้อื่นทั้งทางวาจาและร่างกาย) เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในสังคมไทย ซึ่งไทยเราตกอยู่ในอันดับ 2 ของโลก ที่มีสัดส่วนนักเรียนถูกรังแกจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันสูงถึงร้อยละ 40 รองจากญี่ปุ่น ทั้งนี้ผลร้ายที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่เฉพาะกับคนที่ถูกบูลลี่ แต่คนที่ไปบูลลี่คนอื่น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องได้รับาดเจ็บทั้งกายและใจจากการกระทำเหล่านนั้นไปด้วย ดังเช่นข่าวที่มีออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง … และเช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งที่ผูกคอตาย โดยมีสาเหตุมาจากการถูกเพื่อนบูลลี่ต่างๆ สารพัด ซึ่งหนูน้อยคนนี้ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้ด้วย

                  Must read >> แพทย์เผย! เด็กไทย ชอบแกล้งเพื่อน ติดอันดับ 2 ของโลก!

                   

                  โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ จัสมิน มะลิ ได้มาโพสต์ข้อความว่า “วันที่ 5 มีนาคม เวลา 17.30 น. น้องมาร์ค ผูกคอตายเพราะถูกเพื่อนบูลลี่ ต่างๆ นานาอยากถามว่าการบูลลี่ แล้วสุดท้ายได้อะไร คุณอาจจะได้ความสุขแต่อีกหลายๆ คนต้องจมอยู่กับความทุกข์ของการบูลลี่ ของคุณ คุณคิดได้หรือเปล่าว่าการกระทำแบบนี้ส่งผลดีหรือผลเสียความสุขของใครหลายๆ คน คือความทุกข์ของคนๆ หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการติด #หยุดบูลลี่” ทิ้งท้าย

                  ทั้งนี้ญาติได้เล่าว่าเด็กชายผู้เสียชีวิต น้องอาศัยอยู่กับตาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนพ่อและแม่นั้นแยกทางกันตั้งแต่น้องยังไม่คลอด อีกทั้งน้องยังเป็นเด็กเรียนเก่ง และเป็นหัวหน้าห้องด้วย แต่มีหลายครั้งที่น้องกลับมาจากโรงเรียนก็มักจะบ่นว่าถูกเพื่อนแกล้งสารพัด จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุน้องขาดเรียนหลายวัน ไม่ไปโรงเรียน สุดท้ายจึงเกิดเรื่องสุดเศร้าขึ้น ซึ่งทางทีมแม่ ABK ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมา ณ ที่นี้ด้วย

                  Must read >> ลูกโดนแกล้ง พ่อแม่ช่วยได้ ป้องกันก่อนสายใช้กำลัง- ฆ่าตัวตาย

                  จะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่ ได้อย่างไร

                  อย่างไรก็ตามทั่วโลกได้มีการรณรงค์มาตลอดเกี่ยวกับเรื่องของการต่อต้านการบูลลี่ เพราะสังคมปัจจุบันทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและตอนนี้เข้าสู่ปี 2020 แล้ว ก็ไม่ควรที่จะเอาปมด้อย รูปลักษณ์ ฯลฯ โดยผู้โพสต์ได้นำเรื่องนี้มาเล่าต่อก็เพื่อจะให้เป็นเคสตัวอย่าง และไม่ให้เกิดขึ้นกับใครอีกต่อไปด้วย

                  ทั้งนี้คำว่า “บูลลี่” คือพฤติกรรมกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่าและมักเกิดขึ้นในโรงเรียนเกือบทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเราอาจจะจะได้ยินคำว่า “Bully” บ่อยครั้ง เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนสื่อสารกันผ่านโลกไซเบอร์กันมาก จนคิดว่าเป็นแค่การบูลลี่ในโลกไซเบอร์ แต่ในความจริงแล้วการบูลลี่เกิดขึ้นได้ทุกที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในสถานศึกษา หรือที่ทำงาน และเกิดขึ้นมานานแล้ว

                  การรับมือ ลูกถูกบูลลี่ คือ มีสติ เงียบเฉย ตอบโต้ ชี้แจงให้ถูกจังหวะ ไม่คิดแค้น เครียด หรือวิตกกังวลเกินไป รวมถึงเลือกที่จะใช้ชีวิตในสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดี ปิดรับเรื่องราวทางโซเชียลฯ บ้าง หากหาทางออกไม่ได้ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

                  อ่านต่อ >> “7 วิธีสร้างเกราะป้องกันลูกโดนบูลลี่
                  และไม่ให้ลูกไปบูลลี่คนอื่น” คลิกหน้า 2


                  ขอบคุณเฟซบุ๊ก : จัสมิน มะลิ

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา

                    คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม

                    ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด – 19 นี้ คงไม่มีใครที่ไม่เกิดความกังวล โดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ และให้นมลูก กลัวว่าลูกน้อยจะได้รับเชื้อโรค หรือหากคุณแม่ติดเชื้อแล้วคงไม่ดีแน่ แม่น้องเล็ก จึงมี คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา มาฝากค่ะ

                    Continue reading “คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม”

                      คริสปี้ ครีม (Krispy Kreme)

                      เย้ายวน เกินห้ามใจ ไปกับ โดนัท คริสปี้ ครีม ชีส เค้ก ระดับพรีเมี่ยม

                      คริสปี้ ครีม (Krispy Kreme) โดนัทสูตรลิขสิทธิ์อันดับ 1 ที่ครองใจคนทั่วโลก ส่งโดนัท 4 รสชาติใหม่ ให้คนรัก ชีสเค้กต้องใจสั่น กับความเย้ายวนของ “นิว ชีสเค้ก โอเวอร์โหลด โดนัท” (New Cheesecake Overload Doughnut) ที่ทั้งหอม เนียน นุ่ม ละมุน ทุกสัมผัส

                       

                      คริสปี้ ครีม (Krispy Kreme) กับ 4 รสชาติใหม่ ซัมเมอร์นี้ !!

                      เริ่มด้วย ไลม์ ชีสเค้ก โดนัทออริจินัล เกลซ ซิกเนเจอร์ สอดไส้ด้วยไลม์ครีมชีส หอม มัน อมเปรี้ยว ความอร่อยแน่นเต็มๆ วง หรือจะเพิ่มความเปรี้ยวขึ้นไปอีกระดับกับ ดัมเบิ้ล บลูเบอร์รี่ ครีม โดนัทฟิลริง สอดไส้บูลเบอร์รี่ ครีมชีส แล้วราดด้วยซอสบลูเบอร์รี่เข้มข้น เคี้ยวเพลิน ไปพร้อมกับเนื้อบลูเบอร์รี่แสนอร่อย ตามด้วย   ออเรนจ์ ชีสเค้ก โดนัทนุ่ม สอดไส้ครีมชีสรสส้ม หอมๆ เคลือบด้วยแยมส้ม ที่มีเกล็ดส้มเพิ่มความสดชื่นให้อร่อยแบบทวีคูณ และสำหรับคนรักสตรอว์เบอร์รี่ ฟินกันให้ขีดสุดไปกับ สตรอว์เบอร์รี่ ครีม ชีส โดนัทนุ่มสอดไส้สตรอว์เบอร์รี่     ครีม ชีส แน่นๆ เคลือบโดนัทด้วยสตรอว์เบอร์รี่ กามัวส์  หวานอมเปรี้ยว ตัดรสชาติ เพิ่มความอร่อยให้กับทุกคำที่ลิ้มรสแบบสุดๆ ด้วยสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตปิดท้าย

                       

                      อร่อยไปกับความเย้ายวนใจแบบพรีเมี่ยมของ 4 รสชาติใหม่ นิว ชีสเค้ก โอเวอร์โหลด โดนัท” (New Cheesecake Overload Doughnut)  ได้ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม – 5 เมษายน 2563 ณ ร้านคริสปี้ ครีม ทั้ง 39 สาขา  ใกล้บ้านคุณ ในราคาเพียงชิ้นละ 35 บาท หรือแบบเซ็ต ในราคา 296 บาท (ราคาดังกล่าว ยกเว้นสาขาสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง)

                       

                      ติดตามความเคลื่อนไหวของคริสปี้ ครีม โดนัทสุดโปรดของคุณได้ที่ www.krispykreme.co.th  หรือ FB Fanpage: krispykremethailandfanpage หรือ #Krispykremethailand

                        ผ้ามัสลิน

                        วิธีทำหน้ากากผ้าง่ายๆ ให้ลูก จาก “ผ้ามัสลิน” กันโควิด-19 ดีสุด!

                        กรมวิทย์ฯ เผยผลการทดสอบประสิทธิภาพของ หน้ากากผ้า พบว่า ผ้ามัสลิน มีความเหมาะสมในการนำมาใช้ทำหน้ากากผ้ามากกว่าผ้าชนิดอื่น!

                        ทดสอบแล้ว! หน้ากากจาก ผ้ามัสลิน
                        ป้องกันโควิด-19 ได้ดีสุด!

                        จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรค COVID-19 ทำให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ใช้ใส่เพื่อป้องกันเชื้อโรค ขาดแคลนและมีราคาสูง อีกทั้งยังมีข่าวกรณีความสับสนถึงหน้ากากผ้าที่ไม่เหมาะกับการใช้ป้องกันโรคว่า คนทั่วไปสุขภาพปกติไม่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยในพื้นที่ปกติ แต่สิ่งที่ควรทำคือลดการสัมผัสต่างๆ ซึ่งความเป็นจริงทำได้ยากที่จะไม่หยิบจับอะไร ดังนั้น ต้องล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และสิ่งที่จะช่วยได้มาก คือ การสวมหน้ากากผ้าเมื่อเข้าสถานที่คนจำนวนมากหรือแออัด

                        ผ้ามัสลิน
                        หน้ากากผ้า ก็ป้องกันโควิด-19 ได้

                        ซึ่งกรมอนามัยได้วิเคราะห์สถานการณ์ทบทวนเอกสารต่างๆ พบข้อมูลยืนยันแล้วว่า “หน้ากากผ้า” เป็นทางเลือกของคนไม่ป่วยที่จะช่วยสังคมไทยให้ผ่านวิกฤตไวรัสโคโรนา 2019 ไปได้ ซึ่งหน้ากากที่มีคุณสมบัติดี คือ ผ้าฝ้าย ผ้ามัสลิน และผ้าสาลู ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนรู้จักดี เพราะเป็นผ้าที่นำมาใช้ทำผ้าอ้อมสำหรับเด็ก หาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งสามารถนำมาผลิตหน้ากากผ้าได้ เพราะตัวผ้ามีช่องว่างระหว่างเส้นด้ายขนาดเล็ก ยิ่งซักยิ่งเล็ก

                        Must read >> รีวิว ผ้าอ้อมสาลู ผ้าฝ้าย และผ้าสำลี เลือกแบบไหนให้ลูกดี!

                        โดยเรื่องการใช้หน้ากากผ้า มาเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ป่วยและมีความเสี่ยงต่ำกว่าบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสามารถทำเองได้ ทำให้หลายหน่วยงานในภาครัฐสนับสนุนให้ประชาชนตัดเย็บหน้ากากผ้าขึ้นใช้เอง ดังนั้นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ทำการศึกษาชนิดของผ้าต่างๆ ที่น่าจะมีความเหมาะสมในการนำมาใช้ โดยการทดสอบ 4 หลัก ดังนี้

                        1. ทดสอบโดยการส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อศึกษาเส้นใยผ้าในการกันอนุภาค
                        2. ทดสอบประสิทธิภาพการซึมผ่านของละอองน้ำ ละอองฝอย
                        3. ทดสอบการเป็นขุยด้วยวิธีการซักหลาย ๆ ครั้ง 50-100 ครั้ง
                        4. ทดสอบโดยใช้ผ้าที่มีราคาถูก หาซื้อได้ตามท้องตลาด สามารถทำกันได้ในชุมชน

                        โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบผ้าหลายรูปแบบ เช่น ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้าสาลู ผ้านาโน และผ้ายืด ผลการทดสอบพบว่า…

                        1. การป้องกันอนุภาคขนาดเล็กโดยมีผ้า 3 ชนิดคือ ผ้าฝ้ายดิบ ผ้ามัสลิน และผ้านาโน เมื่อนำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ เส้นใยผ้าสามารถกันอนุภาคได้ได้ดีพอสมควรแต่ดีที่สุดคือผ้าฝ้ายมัสลิน และ ผ้านาโน และพบว่า ยิ่งเป็นผ้า 2 ชั้นประกบกันก็ยิ่งดีประสิทธิภาพกล้เคียงกับหน้ากากอนามัย
                        2. การป้องกันการซึมผ่านของน้ำ พบว่า ผ้าสาลู ที่ใช้ทำผ้าอ้อมเด็ก สามารถกันน้ำได้ดี รวมถึงผ้ามัสลินก็ป้องกันได้ดี
                        3. การซักทำความสะอาด พบว่า ผ้านาโนซักได้ประมาณ 10 ครั้ง เส้นใยก็ก็เริ่มเสื่อมสภาพ แต่ ผ้าฝ้ายมัสลิน ซัก 100 ครั้งคุณสมบัติยังดีอยู่
                        ผ้ามัสลิน
                        ขอบคุณภาพจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

                         

                        >> ดูภาพสรุปผลการการทดสอบ
                        ประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า คลิกหน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          กิจกรรมหลังเลิกเรียน

                          7 กิจกรรมหลังเลิกเรียน เล่นสนุกกับลูกที่บ้าน เสริมพัฒนาการให้ลูกนอกห้องเรียน

                          ถึงแม้ที่โรงเรียนเด็ก ๆ จะมีกิจกรรมให้ทำเยอะตลอดทั้งวัน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านลูก ๆ ของคุณอาจจะมีพลังเหลือเฟือ กิจกรรมหลังเลิกเรียน คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดสรรไว้เพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้ใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์และปลดปล่อยพลังอีกครั้ง และกิจกรรมหลากหลายยังมีส่วนที่จะฝึกฝนทักษะในด้านต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ที่อยู่นอกเหนือจากในห้องเรียน มีอะไรน่าสนุกบ้าง มาดูกันค่ะ

                          7 กิจกรรมหลังเลิกเรียน เล่นสนุกกับลูกที่บ้าน เสริมพัฒนาการให้ลูกนอกห้องเรียน

                          ทำของว่างกับคุณพ่อคุณแม่

                           

                          อาหารหลังเลิกเรียน

                           

                          หลังจากเรียน เล่น ที่โรงเรียนมาทั้งวัน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เมื่อกลับมาถึงบ้านเด็ก ๆ มักจะหิว นอกจากจะเตรียมของว่างเพิ่มพลังให้ลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถชวนเด็ก ๆ มาช่วยกันทำของว่างด้วยกันได้ ด้วยการเตรียมส่วนผสมง่าย ๆ ให้ของว่างกลายเป็น Snack Art อย่างเช่น การเตรียมผลไม้มาช่วยกันตกแต่งบนหน้าขนมปังให้กลายเป็นท๊อปปิ้งชวนกินขึ้นมาอีกเลเวล หรือจะชวนมา DIY ไอศกรีมง่าย ๆ จากน้ำผลไม้แล้วใส่ผลไม้ลงไปเพิ่ม นำไปแช่ตู้เย็นรอไว้กินหลังอาหารเย็นก็ได้ ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วเจ้าตัวเล็กก็จะได้แฮปปี้กับของว่างแสนอร้อยกับฝีมือตัวเองด้วย

                          ศิลปะสร้างสรรค์

                           

                          กิจกรรมลูกน้อย

                           

                          จะมีอะไรดีกว่าปล่อยให้เด็ก ๆ ได้เล่นกับกิจกรรมศิลปะ เพิ่มเติมความสนุกเล็กน้อยด้วยการชวนกันไปนอกบ้านแล้วเก็บรวบรวมใบไม้ ดอกไม้ ก้อนหิน หรือสิ่งต่าง ๆ จากธรรมชาติ ที่จะมาช่วยเพิ่มจินตนาการให้กับเจ้าตัวเล็กได้ ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ว่าวัตถุต่าง ๆ สามารถสร้างสรรค์ผลงานให้แตกต่างกันได้ ยิ่งเด็ก ๆ ได้ทำสิ่งนี้บ่อยเท่าไหร่ก็จะทำให้พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น กิจกรรมศิลปะยังมีอีกหลากหลายรูปแบบ ที่ล้วนจะมีส่วนช่วยเสริมจินตนาการ และช่วยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลาย สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้สิ่งรอบตัวมาสร้างสรรค์ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ลองยื่นดินสอ สี พู่กัน กระดาษ กรรไกร หรือกาว เท่านี้นเจ้าตัวเล็กก็ครีเอทอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาให้เราได้ดูกันแล้วละค่ะ

                          แต่งตัวและเล่นบทบาทสมมุติ

                           

                          เล่นบทบาทสมมติ

                           

                          เชื่อว่าในตู้เสื้อผ้าของเด็ก ๆ ทุกบ้าน ต้องมีชุดเจ้าหญิง ชุดตำรวจ ชุดทหาร ชุดนางพยาบาล ฯลฯ อย่างน้อยติดตู้ไว้คนละหนึ่งชุด หลังกลับมาถึงบ้านลองชวนเจ้าตัวเล็กมาเปลี่ยนชุดแล้วเล่นบทบาทสมมุติซักเรื่องกันดีมั้ย คุณพ่อคุณแม่ลองกระตุ้นให้ลูกเลือกแต่งตัวเป็นตัวละครอะไรก็ได้ เพราะการเล่นบทบาทสมมุติเป็นการเล่นอย่างอิสระ (Free Play) ที่ทำให้เด็ก ๆ ได้เป็นตัวของตัวเอง มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก เพราะระหว่างที่กำลังสนุกกับการเล่นสมมุตินั้น ร่างกาย จิตใจ และสมองของเด็ก ๆ กำลังทำงานประสานกัน ซึ่งทำให้เกิดทักษะและพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน เช่น สติปัญญา อารมณ์ การเข้าสังคม ,ฯลฯ หลังลูกเลิกเรียนกลับมาลองชวนลูกมาแต่งตัวเล่นสนุก ๆ กันซักเรื่องดูนะคะ

                          เกมล่าเลโก้

                          นอกจากเลโก้จะเป็นของเล่นเด็กที่ช่วยเสริมจินตนาการและทักษะได้ดีแล้ว ลองเปลี่ยนจากการนั่งต่ออยู่กับที่มาเป็นเกมสนุก ๆ ให้เจ้าตัวเล็กเล่นกันดีมั้ยค่ะ กติกาง่าย ๆ ก็คือ คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้กระดาษสี 4 แผ่นและบล็อกเลโก้ที่มีสีต่างกันให้ตรงกับสีกระดาษสำหรับกิจกรรมนี้ และเริ่มต้นด้วยการซ่อนเลโก้ไว้ที่ไหนสักแห่งในบ้าน จากนั้นให้เด็ก ๆ ไปหาชิ้นเลโก้แล้วนำมาวางลงกระดาษสีที่เข้าชุดกันจนกว่าจะพบชิ้นส่วนทั้งหมด ลองจับเวลาดูว่าพวกเขาใช้เวลานานแค่ไหน ครั้งต่อไปลองเพิ่มความท้าทายด้วยการให้คะแนนกันดูค่ะ เกมนี้นอกจากจะสร้างความสนุกตื่นเต้นท้าทานให้กับเด็ก ๆ แล้ว ยังช่วยเผาผลาญพลังงานที่ยอดเยี่ยม กระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายเคลื่อนไหวเสริมพัฒนาการร่างกายได้ดีอีกด้วย

                          สร้างด่านอุปสรรค

                          เด็ก ๆ ทุกวัยล้วนชอบวิ่ง ปีนป่าย มุด กระโดด และท้าทายกับสิ่งกีดขวาง คุณพ่อคุณแม่สามารถหาอุปกรณ์หรือสร้างด่านอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มันง่ายหรือซับซ้อนได้เท่าที่ต้องการให้เหมาะกับวัยของลูก เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ลองคิดแก้ปัญหาและฝ่าอุปสรรคด้วยตัวเอง ถือว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นให้ลูกได้ออกกำลังเคลื่อนไหว และช่วยกระตุ้นให้ลูกได้ใช้สมองมากขึ้นด้วย

                          ออกกำลังกาย

                           

                          ออกกำลังกาย

                           

                          แม้ว่าที่โรงเรียนเด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่น มีกิจกรรมพละ หรือออกกำลังกายมาบ้างแล้ว แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน การชวนเด็ก ๆ มาออกกำลังกายร่วมกัน อย่างการขี่จักรยาน วิ่งไล่จับ เล่นซ่อนแอบ ฯลฯ นอกจากเป็นการใช้เวลาร่วมกับกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว ยังช่วยให้เด็ก ๆ ลดความตึงเครียด อารมณ์ดี สุขภาพสมองดี และทำให้ลูกนอนหลับสบาย ซึ่งเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตและการเพิ่มความสูงของลูก รวมถึงการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลให้ลูกมีสุขภาพที่ดี และมีพัฒนาการที่ดีตามมาด้วย

                          ช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ

                           

                          หลังเลิกเรียน

                           

                          งานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างรองน้ำ รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน ล้างจาน เก็บของเล่น หรือแม้แต่ชวนลูกมาช่วยกันทำกับอาหาร ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่สร้างสรรค์และเสริมทักษะที่ดีให้กับลูกได้ เด็ก ๆ จะได้มีทักษะชีวิต ช่วยฝึกความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน เป็นการสอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือและดูแลตัวเอง และจะได้เรียนรู้ว่างานบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อลูกทำเสร็จคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถให้คำชื่นชม เป็นกำลังใจให้ลูก ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองด้วยค่ะ และที่สำคัญกิจกรรมนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณแม่ได้ไม่น้อยเลยค่ะ

                          จะเห็นได้ว่ากิจกรรมที่เตรียมพร้อมให้เจ้าตัวเล็กกลับมาทำหลังเลิกเรียน เป็นเรื่องที่พ่อแม่สร้างให้ลูกได้ และสามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับวัยของลูกได้ตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อม นอกจากเป็นกิจกรรมที่ทำให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและทักษะในด้านต่าง ๆ ให้กับเจ้าตัวเล็ก และที่สำคัญคือ พ่อแม่ลูก จะได้มีเวลาทำร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวโดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มเติมอีกด้วยนะคะ

                          ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.care.com, www.happyschoolbreak.com

                            สอนลูกให้มีระเบียบวินัย

                            How to สอนลูกให้มีระเบียบวินัย ต้องไม่ตี ไม่ขู่ ไม่เกิดผลเสียในระยะยาว

                            สอนลูกให้มีระเบียบวินัย คุณพ่อคุณแม่สามารถปลูกฝังให้ลูกรักได้ตั้งแต่เล็กกันเลยละคะ เมื่อมี “วินัย” ติดตัวก็จะทำให้เป็นผลดีต่อชีวิตของลูก

                            การเลี้ยงลูกจัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ละบ้านต้องปรับการเลี้ยงลูกให้เหมาะกับครอบครัวของตัวเอง การฝึกวินัยให้ลูกก็เช่นกัน ถ้าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงแบบเร่งรัด คาดหวังว่าลูกจะต้องทำตามสิ่งที่สอนให้ได้ จึงทำให้เกิดการบังคับ ลงโทษด้วยการตี ขู่ ดุด่า ใช้อารมณ์รุนแรงกับลูก เพื่อหวังจะให้เกิดประสิทธิภาพ ให้เด็กรู้ถูกผิด เชื่อฟัง และให้เคารพผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่พ่อแม่ทำเหล่านี้กลับส่งผลให้มีปัญหาพฤติกรรมในด้านลบต่อตัวลูกได้ เช่น รู้สึกต่อต้าน แทนที่จะเชื่อฟังกลับดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ชอบทำตามกติกา เสียความภูมิใจในคุณค่าของตนเอง กลายเป็นว่าสิ่งที่ต้องการจะฝึกระเบียบวินัยที่ดีให้กับลูกกลับทำให้เกิดผลเสียระยะยาวในการดำเนินชีวิต เกิดปัญหาต่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมตามมาได้ ซึ่งถ้าหากขาดวินัย เด็กก็ไม่เข้าใจความสำคัญของการควบคุมตนเอง ดังนั้น การสอนลูกให้มีระเบียบวินัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อพฤติกรรมที่ดีของลูกทั้งในวันนี้และในอนาคต ทีมแม่ ABK เลยมีเทคนิคดี ๆ สำหรับการสอนลูกเรื่องนี้กันค่ะ

                            How to สอนลูกให้มีระเบียบวินัย ต้องไม่ตี ไม่ขู่ ไม่เกิดผลเสียในระยะยาว

                            1. พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีของลูก

                            การสอนลูกให้เป็นคนมีระเบียบวินัยสิ่งแรกไม่ได้เริ่มจากตัวลูก แต่เป็นการเริ่มต้นจากคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเป็นคนมีวินัย เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เนื่องจากเด็กในวัยเล็กนั้นชอบเลียนแบบพฤติกรรม โดยเฉพาะคนใกล้ตัว และเมื่อคุณพ่อคุณแม่แสดงความเป็นระเบียบ มีวินัย ที่เริ่มต้นได้จากภายในบ้าน เช่น การเก็บของอย่างเป็นระเบียบ การยืนต่อคิว ฯลฯ ลูกก็จะซึมซับความมีวินัยได้จากพ่อแม่

                            2.ฝึกลูกให้มีวินัยในกิจวัตรประจำวัน

                            การฝึกลูกไม่ใช่การบังคับขู่เข็ญให้ทำตามที่พ่อแม่สั่ง แต่เป็นการสอนและชักจูงให้เข้าใจและทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยความเต็มใจ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มฝึกลูกให้มีระเบียบวินัยจากภายในบ้าน เช่น การเก็บที่นอน เก็บของเล่นที่เล่นเสร็จให้เข้าที่ ช่วยงานบ้าน ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน และอธิบายให้เห็นถึงผลดีในสิ่งที่ทำ ซึ่งการบอกเหตุผลเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยชักจูงให้ลูกเข้าใจและเกิดความสมัครใจที่จะทำเองได้ในทุกวัน ๆ จนกลายเป็นวินัยติดตัว สิ่งสำคัญคือต้องค่อย ๆ ฝึกให้ โดยไม่ต้องมีการบังคับ

                            บทความแนะนำ : สอนลูกให้มีวินัย สนุกและง่าย ด้วย “การล้างจาน”

                            3.ตั้งกฏกติกาภายในบ้าน

                            ฝึกวินัยให้ลูก
                            ฝึกวินัยให้ลูก

                            คุณพ่อคุณแม่ควรมีกฏระเบียบของบ้านเพื่อให้ลูกได้ฝึกวินัยด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เช่น ถอดรองเท้าวางให้เป็นระเบียบก่อนเข้าบ้าน การปิดไฟห้องน้ำทุกครั้งหลังใช้ การช่วยทำงานบ้านตามวัยที่เหมาะสม ฯลฯ ควรระบุไว้อย่างชัดเจนและมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของทุกคนในบ้าน เพื่อทำให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบ และซึมซับความมีวินัยติดตัวที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

                            อ่านต่อ 7 ข้อสอนลูกให้มีระเบียบวินัย ฝึกวินัยให้ลูกติดตัวเป็นผลดีในอนาคต คลิกหน้า 2

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              มดลูกแข็งแรง

                              5 เคล็ดลับดูแล “มดลูกแข็งแรง” ก่อนตั้งครรภ์

                              มดลูกแข็งแรง มดลูกไม่แข็งแรง จะรู้ได้ยังไง ? มีคุณแม่สาวๆ ถามกันเข้ามา วันนี้ทีมแม่ABK เลยหาคำตอบ พร้อมมีเคล็ด ลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้มดลูกแข็งแรงก่อนตั้งครรภ์ มาให้ผู้หญิงทุกคนได้ดูแลมดลูกให้พร้อมสมบูรณ์กันค่ะ

                              มดลูก เป็นอวัยวะสำคัญของผู้หญิง เพราะเป็นอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน มีขนาดโดยปกติยาวประมาณ 3  นิ้ว มดลูกจะมีไว้เพื่อใช้ในการตั้งครรภ์ ความพิเศษของมดลูกคือสามารถขยายตัวใหญ่ขึ้นได้ตามขนาดการเจริญเติบโต ร่างกายของทารก และหลังจากคุณแม่คลอดลูก มดลูกก็จะหดตัวกลับคืนสู่สภาพปกติ

                              มดลูกแข็งแรง จะรู้ได้ยังไง ?  

                              เชื่อว่าคุณแม่ สาวๆ ส่วนใหญ่เลยที่สงสัยว่าเราจะรู้ หรือสังเกตได้จากอะไรถึงรู้ว่า มดลูกแข็งแรง สำหรับมดลูกที่สมบูรณ์ แข็งแรง

                              • มีประจำเดือนตรงกันในทุกรอบเดือน(ของทุกเดือน) เช่น ทุก 28 วัน
                              • ประจำเดือนที่มาต่อรอบจะต้องไม่เกิน 7 วัน
                              • ปริมาณประจำเดือนที่ออกทั้งหมดประมาณครั้งละ 30-100 มิลลิลิตร
                              • ไม่มีอาการปวดประจำเดือน หรือหากมีอาการปวดประจำเดือน(ถือเป็นเรื่องปกติ) แต่ระดับความปวดจะต้องอยู่ใน เกณฑ์ที่สม่ำเสมอ ไม่ปวดเพิ่มขึ้นในการมีประจำเดือนครั้งต่อๆไป

                               

                              มดลูกไม่แข็งแรง จะรู้ได้ยังไง ?

                              ผู้หญิงที่มดลูกไม่ค่อยแข็งแรงมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์มากค่ะ เพราะทำให้ตั้งท้องยาก หรือตั้งท้องแล้วมักจะเกิดภาวะ แท้ง เป็นต้น สำหรับลักษณะที่บอกว่ามดลูกไม่แข็งแรง

                              • มีประจำเดือนมาไม่ปกติ มาบ้างไม่มาบ้าง (มีรอบประจำเดือนไม่ตรงกันในทุกเดือน)
                              • ประจำเดือนที่มาต่อรอบมาน้อยกว่า 7 วัน (1-2 วัน) หรือ ประจำเดือนมามากกว่า 7 วัน
                              • ปริมาณประจำเดือนที่ออกทั้งหมดมีปริมาณน้อยกว่า 30 มิลลิลิตร
                              • มีอาการปวดประจำเดือนที่มากกว่าปกติ ปวดจนเป็นไข้ และมีการปวดร้าวไปด้านหลัง หรือปวดลงไปตรงหัวหน่าว เป็นต้น
                              • ผนังมดลูกบาง
                              • ปากมดลูกผิดปกติ ทำให้เชื้ออสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่ไม่ได้

                              พอจะสังเกตร่างกายตัวเองกันได้ในเบื้องต้น ในการเช็กว่ามีมดลูกที่แข็งแรงกันหรือไม่ ทีนี้เพื่อให้คุณผู้หญิงที่อยากมีลูกได้ตั้งครรภ์กันได้ง่ายขึ้น การดูแลมดลูกให้มีสุขภาพดี แข็งแรง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์มากขึ้นได้ค่ะ ทีมแม่ABK มีเคล็ดลับมาบอกให้ค่ะ

                              มดลูกแข็งแรง

                              5 เคล็ดลับวิธีดูแล “มดลูกแข็งแรง” มีลูกง่าย

                              มดลูกที่แข็งแรง ย่อมเป็นเหมือนประตูที่จะพาให้การตั้งครรภ์สำเร็จ สมบูรณ์ เป็นครรภ์คุณภาพ ดังนั้นต้องดูแลบำรุงให้มีสุขภาพดี แข็งแรง พร้อมอยู่ตลอดเวลานะคะ

                              1. กินอะไร มดลูกแข็งแรง

                              การดูแลสุขภาพมดลูกอย่างง่ายๆ เลยก็คือปรับการกินค่ะ แนะนำว่าควรลดหวาน ลดเค็ม ของทอด อาหารหมักดอง อาหารมันๆ ไขมันสูง ลดเลิกไปค่ะ รวมถึงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ อาหารที่ควรกินเพื่อช่วยในการบำรุงมดลูกแข็งแรง แนะนำเป็น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลาทะเล (แซลมอล ทูน่า ซาร์ดีน) เนื้อไก่ เนื้อหมู ผัก ผลไม้ เป็นต้น

                              2. มีเพศสัมพันธ์ที่สะอาด

                              ไม่ว่าก่อนแต่งงาน หรือหลังแต่งงาน ควรมีคู่นอนคนเดียว เพราะการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการติดโรคทาง เพศสัมพันธ์ เช่น การติดเชื้อ HPV, เริม และ HIV การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อาจเสี่ยงทำให้มดลูกอักเสบได้

                              3. ตรวจสุขภาพ ตรวจภายในทุกปี

                              การตรวจสุขภาพ การตรวจภายในเฉพาะกลุ่มที่ผู้หญิงเสี่ยงที่จะเป็นได้ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จะช่วยให้คุณแม่ และสาวๆ ได้ รู้เท่าทันสุขภาพของตัวเอง และหากมีอาการใดผิดปกติขึ้นมาจะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที

                              4. ออกกำลังกายบริหารมดลูก

                              ว่ายน้ำ จ๊อกกิ้ง แอโรบิก หรือโยคะ เป็นการออกกายบริหารที่เหมาะกับผู้หญิง ซึ่งถ้าได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน ร่วมกับบริหารอุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงด้วยการขมิบเป็นประจำ จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้มดลูก และอุ้งเชิงกรานด้วยเช่นกันค่ะ

                              5. ไม่ยกของหนัก

                              สาวๆ หรือคุณแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง แล้วชอบยกของหนัก ขอบอกเลยว่าพฤติกรรมนี้ไม่ควรทำแล้วนะคะ เพราะการยกของหนักเสี่ยงทำให้มดลูกต่ำ ซึ่งการที่มดลูกต่ำเป็นปัญหาทางสุขภาพทำให้ผู้หญิงมีลูกยากได้ค่ะ สำหรับอาการมดลูกต่ำ (Pelvic Organ Prolapse) ลักษณะคือ มดลูกที่อยู่ภายในอุ้งเชิงกราน โดยมีกล้ามเนื้ออยู่ระหว่างกระดูกก้นกบกับกระดูกหัวเหน่าที่ทำหน้าที่ยึดมดลูก ขาดความแข็งแรงจนส่งผลกระทบทำให้มดลูกหย่อนหรือหลุดต่ำลงมาที่ช่องคลอดนั่นเองค่ะ

                              ว่าที่คุณแม่ และสาวๆ ที่เตรียมตัวจะมีลูก อย่าลืมเอาคำแนะนำที่จะช่วยดูแลบำรุงให้มดลูกแข็งแรงไปใช้กันนะคะ สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ …ด้วยความห่วงใย 

                               


                              บทความอื่นที่น่าสนใจ

                              มดลูกอักเสบ ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิง

                              ปากมดลูกหลวม เสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด

                              ระวัง! คุณผู้หญิง กินฟาสต์ฟู้ด บ่อย เสี่ยงมีลูกยาก

                               

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                               

                              เครดิต : paolohospital

                                เชื้อไวรัสโคโรนา

                                10 สถานที่เสี่ยงแพร่กระจาย “เชื้อไวรัสโคโรนา”

                                เชื้อไวรัสโคโรนา (novel coronavirus 2019) หรือเรียกกันว่า COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสที่เพิ่งจะประกาศอย่างเป็นทางการว่า เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ในประเทศไทย ซึ่งเพื่อให้ทุกครอบครัวได้ใช้ชีวิตประจำวันกันได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ทีมแม่ABK มีสถานที่เสี่ยงต่อการรับแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมวิธีป้องกันดูแลตัวเองมาฝากค่ะ

                                 

                                เชื้อไวรัสโคโรนา เสี่ยงแพร่กระจายในสถานที่ไหนบ้าง ?  

                                ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่กระจายของ เชื้อไวรัสโคโรนา ยังน่าเป็นห่วงอยู่ แต่เราทุกคนก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตในทุกๆ วันกันอยู่เหมือนเดิม ไม่จะออกไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ต้องเดินทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคน ทุกครอบครัวหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้การทำกิจวัตรประจำวันยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี ทีมแม่ABK จึงได้สรุปสถานที่ที่เป็นสาธารณะ ทุกคนต้องใช้บริการ ต้องผ่าน ต้องสัมผัสทุกวัน แน่นอนว่าเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ไปดูกันค่ะว่า 10 สถานที่นี้ ถ้าเราต้องใช้บริการ หรือต้อไปทำงาน จะมีวิธีป้องกันเชื้อโรคโคโรนา ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

                                1. สถานที่ราชการ / ที่ทำงาน

                                คุณพ่อคุณแม่อาจต้องไปทำงาน หรือต้องไปติดต่อทำธุระ แน่นอนว่าทั้งสถานที่ราชการ หรือออฟฟิศที่ทำงานตลอด 5 วัน ล้วนเป็นสถานที่ที่มีคนจำนวนมากมาอยู่ร่วมกัน

                                วิธีป้องกันสุขภาพ : ทำความสะอาดที่สัมผัสบ่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่นโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์  อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน ที่จับประตู ห้องสุขา

                                2. เรือโดยสาร

                                เชื่อว่ามีคนใช้บริการการเดินทางด้วยเรือโดยสารกันมากในทุกวัน ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

                                วิธีป้องกันสุขภาพ : สำหรับท่าเทียบเรือโดยสาร ตามที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแนะนำคือ ให้นำแอลกอฮอล์เจลล้างมือไว้ที่ส่วนกลาง เช่น ห้องจำหน่ายตั๋ว และหมั่นทำความสะอาดราวจับ เก้าอี้นั่งในเรือ ที่เท้าแขน ราวบันได ท่าเทียบเรือ ใครใช้บริการเดินทางด้วยเรือ ก็อย่าลืมกดใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือกันด้วยนะคะ

                                3. ห้างสรรพสินค้า / ฟิตเนส / โรงแรม

                                ทั้ง 3 สถานที่นี้เป็นสถานที่มีคนไปใช้บริการกันมาก และก็รวมถึงชาวต่างชาติด้วย

                                วิธีป้องกันสุขภาพ : เจ้าของกิจการที่ให้บริการต้องมีแอลกอฮอล์เจลไว้บริเวณประตูทางเข้า-ออก บริเวณหน้าลิฟท์ และหมั่นทำความสะอาดที่จับประตู ห้องสุขา เพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการได้มั่นใจถึงความใส่ใจเรื่องความสะอาด และก็มีอุปกรณ์ทำความสะอาดมือให้ใช้อย่างเข้าถึงได้ง่าย

                                4. โรงพยาบาล

                                ช่วงนี้ไม่อยากป่วย ไม่อยากไปโรงพยาบาลกันใช่ไหมคะ แต่ถ้าไม่สบายไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม การไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ

                                วิธีป้องกันสุขภาพ : โดยปกติแล้วทุกโรงพยาบาลจะมีการนำแอลกอฮอล์วางไว้บริเวณที่มีผู้ใช้บริการอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนสามารถใช้ได้ และก็เป็นวิธีปกป้องสุขภาพเบื้องต้นที่ดีมากๆ ด้วยค่ะ

                                5. ปั๊มน้ำมัน

                                คุณพ่อคุณแม่ที่ขับรถไปทำงาน หรือไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน แน่นอนว่าต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันรถกัน ซึ่งตามปั๊มน้ำมันต่างๆ เขาก็มีจุดให้บริการสาธารณะ อย่างห้องน้ำ

                                วิธีป้องกันสุขภาพ : เพื่อให้ผู้มาใช้บริการมั่นใจถึงความสะอาด กรมอนามัยแนะนำว่า ให้หมั่นทำความสะอาดห้องสุขา ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เน้นที่จับสายฉีดชำระ บริเวณพื้นห้องสวม ที่รองนั่งโถส้วม ที่กดโถ้สวม โถปัสสาวะ ที่เปิดก๊อกอ่างล้างมือ และกลอนประตูหรือลูกบิด ทีมแม่ABK แนะนำเพิ่มเติมว่าทุกคนควรพกแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อขวดเล็กๆ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทิชชู่ติดใส่กระเป๋าไปด้วย เพื่อฉุกเฉินได้มีใช้ตลอดค่ะ

                                อ่านต่อ 10 สถานที่เสี่ยงแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา คลิกหน้า 2

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  การหั่นอาหาร blw

                                  “ฝึกลูกกินเอง” การหั่นอาหาร blw หั่นกินแบบไหนไม่ติดคอ?

                                  หากอยากฝึกลูกกินอาหารเอง ไม่บด ไม่ป้อน การเตรียมอาหาร blw จะมีอะไรบ้าง หรือ การหั่นอาหาร blw ต้องหั่นแบบไหน! เพื่อลูกกินแล้วไม่สำลัก ทีมแม่ ABK มีคำตอบให้ค่ะ

                                  “ฝึกลูกกินเอง” การหั่นอาหาร blw
                                  หั่นแบบไหน! กินแล้วไม่สำลัก

                                  การฝึกลูกกินอาหารด้วยตัวเอง หรือ การให้ ลูกกินแบบ blw (Baby Led Weaning) “แม่ไม่เหนื่อยป้อน สอนลูกให้กินเอง”  คุณแม่สามารถให้ลูกอายุตั้งแต่ 6 เดือนเริ่มฝึกได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟันขึ้นก็สามารถให้กินได้ เพราะลูกจะใช้เหงือกในการบดเคี้ยวอาหาร และวิธีนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ ฝึกการเคี้ยว ควบคุมลิ้นเอง การใช้กล้ามเนื้อมือ ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก

                                  Must read >> รู้จัก BLW ฝึกลูกกินอาหารเอง หยิบเอง แม่ไม่ต้องป้อนตั้งแต่มื้อแรก

                                  การกินแบบ blw คุณแม่จัดการอาหารให้ลูก โดย การหั่นอาหาร blw ให้ถูกวิธี อาหารแต่ละอย่างก็จะมีการหั่นที่ไม่เหมือนกัน ทั้งผัก เนื้อสัตว์ ผลไม้ จะหั่นแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้พ่อแม่ควรนำเสนออาหารให้ลูกให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเจเมนูใดเมนูหนึ่งจนเกินไป

                                  โดยลูกสามารถกินได้ทั้งเมนูข้าว เมนูเส้นและอื่นๆ แรกๆ ลูกอาจยังแค่สำรวจอาหาร ไม่กินเลย กินนิดเดียว กินเยอะ ซึ่งเด็กแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป อาจจะโปรยทิ้งบ้าง กว้างปาทิ้งเลอะเทอะ พ่อแม่ไม่ต้องตกใจไป ลูกจะค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเอง

                                  Must read >> ฝึกลูกกินข้าวเอง ช่วยพัฒนาการอะไรบ้าง?

                                  การหั่นอาหาร blw

                                  ทั้งนี้ในวัยที่ลูกเริ่มหัดกินอาหาร ก็มีอาหารหลายอย่างที่แม่ควรเลี่ยง เพื่อไม่ให้เสี่ยงติดคอ และเสี่ยงแพ้อาหาร … โดยสิ่งสำคัญคือ กินแบบ BLW จะไม่มีการแยกอาหารตามวัย และลูกสามารถกินได้เหมือนคุณแม่ แต่จะแยกกระบวนการทำคือ ไม่ปรุง ไม่บด และต้องหั่นให้ถูกต้องตามวัยเท่านั้น

                                  Must read >> แม่ควรรู้! Gagging หนึ่งในอาการปกติของเด็กที่กินแบบ BLW

                                  Must read >> การปฐมพยาบาลและทำ CPR เมื่อ อาหารติดคอ ลูกน้อย

                                  การหั่นอาหาร blw

                                  ซึ่งการหั่นแบบ blw ต้องหั่นให้ถูกต้อง ดังนี้

                                  • ต้องไม่หั่นเป็่นแว่น หรือมีหน้าตัดเป็นวงกลม เพราะจะขวางหลอดลมได้
                                  • ควรหั่นเป็นแท่งยาว เพื่อให้ลูกหยิบจับถนัดมือ เพราะลูกจะได้เรียนรู้การกัดเคี้ยวที่ถูกต้องและปลอดภัยก่อนกลืน
                                  • การหั่น คือ ให้หนาเท่านิ้วก้อย ชิ้นยาวเท่านิ้วชี้ (เท่านิ้วของแม่) แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน หรือ 4 ส่วน ซึ่งลูกจะสามารถกัดอาหารออกจากกันได้ เรียนที่จะเคี้ยวได้
                                  • แต่ถ้าหั่นชิ้นเล็กๆ ลูกอาจกลืนไปเลย ไม่ได้ฝึกการกัดเคี้ยวให้ชำนาญ
                                  • พ่อแม่ควรเช็กให้ดี แต่ละวัย หั่นแบบ blw ต้องหั่นแบบไหนถึงเหมาะสม

                                  หมายเหตุ: แม้ลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไปแล้ว แต่ถ้าเริ่ม กิน BLW ครั้งแรก ควรหั่นเหมือนเด็ก 6 เดือน เพื่อให้ลูกหัดเคี้ยวก่อน

                                  การหั่นอาหาร blw

                                  อ่านต่อ “วิธีการหั่นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์
                                  สำหรับเด็กกิน
                                  BLW” คลิกหน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    สีเสื้อมงคล 2563

                                    สีเสื้อมงคล 2563 เสริมดวง 12 ราศี ใส่แล้วงานดี เงินเริ่ดตลอดปี

                                    สีเสื้อมงคล 2563 แต่ละราศีในปีนี้จะมี สีเสื้อมงคล สีใดบ้างที่ใส่แล้วงานจะดี เงินจะเริ่ด เฮงตลอดปี มีชีวิตที่ราบรื่น ตามมาดูคำแนะนำจากหมอนุช แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง กันค่ะ

                                    สีเสื้อมงคล กับ การเสริมดวง

                                    “ดวง” ถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน เพราะคนไทยมีความเชื่อมากมายกับทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องสีของเสื้อผ้าที่ใส่ ซึ่งความเชื่อเรื่อง “สี” มีอิทธิพลต่อชีวิตคนเราในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงการส่งเสริมในเรื่องต่างๆ ได้ ทำให้หลายคนที่มีความเชื่อนี้เกิดคำถามว่า แล้วจะใส่ชุดสีไหนดี เสื้อตัวดีใส่มาจะเฮงไหม?

                                    Must read >> สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563 สีไหนดี?
                                    เสริมดวงสุดปัง เงินเข้าไม่ขาดมือ

                                    ทีมแม่ ABK จึงมี สีเสื้อมงคล 2563 มาฝาก ซึ่งได้คำแนะนำจากพี่หมอนุช – นุชนัดดา วัฒนบุตร แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด และเจ้าของเพจ Tarot of the day ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ตะวันตก และอักษรรูน ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มาดูกันเลยค่ะว่า สีเสื้อมงคล ประจำปี 2563 ใส่แล้ว งานดี เงินเริ่ด เฮงตลอดปี แต่ละราศีจะมีสีเสื้อมงคล สีใดกันบ้าง

                                    สีเสื้อมงคล 2563
                                    พี่หมอนุช – นุชนัดดา วัฒนบุตร แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด และเจ้าของเพจ Tarot of the day

                                    Must read >> ช่วยพ่อแม่เลือก สีรถถูกโฉลก ขับแล้วเฮง เสริมสิริมงคล

                                    Must read >> สีเสื้อประจำวันเกิด เสริมดวงสิริมงคลให้ลูกน้อย

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563 สีนี้ดี ใส่แล้วปังตลอดปี ทั้ง 12 ราศี

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีมังกร (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม – 20 มกราคม)

                                    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีเหลือง และ สีน้ำตาล”
                                    ช่วยเสริมเสน่ห์ เรียกทรัพย์ ดึงดูดความเมตตา  ผู้ใหญ่เอ็นดู

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกุมภ์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์)

                                    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีเหลือง และ สีส้ม”
                                    ช่วยเสริมพลังความคิด ไอเดียใหม่ๆ ส่งเสริมธุรกิจใหม่

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีมีน (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ – 21 มีนาคม)

                                    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีแดง และ สีดำ”
                                    ช่วยเสริมเรื่องการขจัดอุปสรรค เสริมสภาวะจิตใจให้เข้มแข็งเด็ดเดียว เสริมพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันภัย

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีเมษ (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 21 เมษายน)

                                    สีเสื้อมงคล 2563และ ราศีพฤษภ (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม)

                                    สีเสื้อมงคล ปี 63 ของทั้ง 2 ราศีนี้ คือ “สีขาว และ สีแดง”
                                    ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ, เสริมการเงินที่เกี่ยวกับการลงทุน,ช่วยให้สภาวะจิตใจผ่อนคลาย มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือสนุบสนุน

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีเมถุน (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน)

                                    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีทอง และ สีบรอนด์”
                                    ช่วยเสริมเรื่องความสามารถพิเศษ,ความมั่งคั่ง,ความสำเร็จ

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกรกฏ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน – 21 กรกฎาคม)

                                    สีเสื้อมงคล คือ สีแดง,สีเหลือง”
                                    ช่วยเสริมความโชคดี,โชคลาภ,รอดพ้นอุปสรรค

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีสิงห์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม – 21 สิงหาคม)

                                    สีเสื้อมงคล 2563 คือ สีฟ้า,สีน้ำเงิน”
                                    ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ เพิ่มความเมตตามหานิยม,ส่งเสริมเรื่องภาพลักษณ์ ช่วยให้สิ่งที่คิดสำเร็จโดยสมบูรณ์

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกันย์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 21 กันยายน)

                                    สีเสื้อมงคล คือ สีส้ม,สีน้ำตาล”
                                    ช่วยให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย สร้างความจดจำในสิ่งที่ทำ ช่วยให้การเจรจาในเรื่องยุ่งยาก จบลงด้วยดี

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีตุลย์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 กันยายน – 21 ตุลาคม)

                                    สีเสื้อมงคล 2563 คือ “สีเหลือง,สีเขียว”
                                    ช่วยเสริมเรื่องการเติบโต,ขยับขยาย ส่งเสริมเรื่องมิตรภาพ

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีพิจิก (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน)

                                    สีเสื้อมงคล คือ “สีเขียว,สีฟ้า”
                                    ช่วยเสริมเรื่องการลงทุน หุ้นส่วน การเดินทาง สุขภาพ

                                     

                                    สีเสื้อมงคล 2563ราศีธนู (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)

                                    สีเสื้อมงคล 2563 คือ สีดำ”
                                    ช่วยเสริมเรื่องการป้องกันภัย คุ้มครองจิตใจ ขจัดความกลัว

                                     

                                    อย่างไรก็ตาม ทีมแม่ABK เชื่อว่า เรื่องดวงกับสีเสื้อ ก็เหมือนกับความเชื่อเรื่องอื่นๆ ถ้าถามว่าใส่เสื้อสีมงคลประจำวันแล้วจะโชคดีจริงมั้ย อันนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่หนึ่งเหตุผลที่หลายๆ คนเลือกหยิบชุดที่ตรงกับสีมงคลประจำวัน ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน ทั้งยังเป็นการปรับทัศนคติ ให้คิดในแง่บวกว่า “วันนี้ใส่เสื้อสีมงคล วันนี้จะต้องเป็นวันที่ดี” เมื่อขจัดความคิดเชิงลบหรือความประหม่าออกไป และมีความมั่นใจก่อนเริ่มต้นวันใหม่ ก็สามารถช่วยให้วันเหล่านั้นกลายเป็นวันที่ดีได้ไม่ยาก

                                    ดังนั้นหากอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือมีเงินทองใช้ไม่ขาดสาย มีความรักที่สมหวัง และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ฯลฯ นอกจากเราจะต้องเป็นคนที่ขยัน มีความอดทน เก่ง และมีความสามารถรอบด้านแล้วนั้น อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่มีความเชื่อ เพื่อช่วยเสริมดวงความเฮง นั่นก็คือ การเลือกใส่ สีเสื้อมงคล ให้ตรงกับราศีเกิด ก็จะสามารถช่วยได้อีกทางหนึ่งนั่นเองค่ะ

                                     

                                    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่