Page 188 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

มิวเซียมสยาม

พาลูกไปกัน! มิวเซียมสยาม ชวนเที่ยวนิทรรศการ พระนคร ออน เดอะ มูฟ

มิวเซียมสยาม ชวนชมนิทรรศการหมุนเวียนชุดใหม่ “พระนคร ออน เดอะ มูฟ” ปลุกกระแสพื้นที่ย่าน “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด” เรียนรู้อดีตของศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฯ  ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากสังคมจารีต สู่โลกสมัยใหม่แบบตะวันตก

พาลูกไปกัน! มิวเซียมสยาม
ชวนเที่ยวนิทรรศการ “พระนคร ออน เดอะ มูฟ”

มิวเซียมสยาม จัดนิทรรศการหมุนเวียนชุดใหม่ ที่จะพาน้องๆ หนูๆ ทุกคนไปรู้จักกับย่าน “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด” ที่ในอดีต ที่เคยได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์กลาง” แห่งใหม่ของพระนคร ในช่วงที่อาณาจักรสยามต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามจากโลกตะวันตก พื้นที่แห่งนี้จึงเปรียบเหมือนสถานบ่มเพาะการปรับตัวสู่โลกสมัยใหม่ ให้สยามอยู่รอดและผสานรอยต่อ พร้อมเข้าสู่สังคมตะวันตกอย่างเต็มตัวเช่นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ย่าน สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัดถือเป็นย่านการค้าสำคัญในอดีต  เป็นศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากสังคมจารีต สู่โลกสมัยใหม่แบบตะวันตก

มิวเซียมสยาม

มิวเซียมสยาม

โดยเริ่มมีบทบาทมาตั้งแต่สมัย ร.4 ที่ ทรงให้ตัดถนนเจริญกรุงขึ้นมา เกิดการก่อสร้างสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่และผังเมืองที่ขยายตัวอย่างมาก นิทรรศการ พระนคร on the Move”: “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด” ก้าวย่างบนเส้นทางอย่างตะวันตก จึงเป็นการคลี่ให้เห็นความรุ่งเรืองหลากหลายของชุมชนเก่าแห่งหนึ่งในพระนคร ที่ปัจจุบันอาจจะโรยราไปด้วยความเจริญย้ายออกไปยังถิ่นอื่น แต่นับจากสถานีรถไฟฟ้ามาเยือน ความเปลี่ยนแปลงในย่านนี้ จะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ปลุกย่านการค้าเก่าให้คนไทยหวนคิดถึงกัน”

ภายใน มิวเซียมสยาม จัดนิทรรศการชุดนี้ แบ่งออกเป็น 7 โซนด้วยกัน ประกอบด้วย

โซนที่ 1 มีอะไรในแผนที่

บอกเล่าเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของย่านการค้าแห่งนี้ นับตั้งแต่ถนนเจริญกรุงตัดขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ความเปลี่ยนแปลงของเมืองบางกอกที่เชื่อมโยงถนนสายต่าง ๆ เชื่อมผู้คนจากต่างถิ่นให้เข้ามาหากัน ผ่านเทคนิคการ Mapping

โซนที่ 2 ช่างฝรั่ง กับวังสยาม

โซนที่จะพาผู้ชมไปรู้จักกับ “ช่างฝรั่ง” นายโจอาคิม แกรซี เบื้องหลังงานออกแบบของสถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างในย่านนี้ ที่พลิกพระนครให้เป็นฝรั่งได้ด้วยสายตา

โซนที่ 3 ช่างฝรั่ง โรงชักรูป

การเข้ามาของช่างชักรูปชาวต่างชาติ ที่หมุนเวียนกันเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ก่อให้เกิดกระแสของการบันทึกภาพของชนชั้นนำชาวสยามและการถือกำเนิดขึ้นของสตูดิโอชักภาพในตำนานห้างโรเบิร์ต เลนซ์

มิวเซียมสยาม

โซนที่ 4 หมอยาฝรั่ง ห้างบีกริม

บอกเล่าเรื่องราวของห้างสุดโอ่อ่า ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมย่านประตูสามยอด ภายใต้การดูแลหมอยาฝรั่ง นายอดอล์ฟ ลิงค์ ได้นำพาสินค้านานาชนิดมาสู่พระนคร พร้อมการเกิดขึ้นของ “ร้านขายยาสยาม” และต้นกำเนิดของย่านขายเครื่องจักร, กล้อง และปืน

โซนที่ 5 ห้างสรรพสินค้า พ่อค้านานาชาติ

จุดเริ่มต้นของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น ราวปลายรัชกาลที่ 6 คือ ช่วงเวลาเดียวกันของกระแส “เห่อของนอก” จากการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้านานาชาติทั้งจีน, ฝรั่ง, แขกมุสลิมดาวูดี โบห์รา และแขกสิกข์ขายผ้า เข้ามาขายในพระนครจนติดอกติดใจชาวสยาม

โซนที่ 6 มหรสพฝรั่ง โรงหนังนำสมัย

เรื่องราวของรูปแบบความบันเทิงจากตะวันตก ที่เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของชาวพระนคร ให้เรียนรู้เรื่องฝรั่ง และความเป็นไปของโลกผ่านภาพยนตร์

โซนที่ 7 ก้าวย่างอย่าง “สามยอด”

การมาถึงของรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) กับเรื่องราวบทต่อไปของย่านนี้ กับความเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้ง “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด”

มิวเซียมสยาม

โดยความพิเศษของนิทรรศการชุดนี้ นอกจากผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินกับนิทรรศการแล้ว ยังสามารถร่วมกิจกรรมพิเศษในชื่อกิจกรรม พระนคร On Foot” คู่มือท่องย่านชุดพิเศษที่ชวนผู้ชมร่วมก้าวย่างบนเส้นทางการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้า กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) จากสถานี “สนามไชย” เดินทางสู่สถานี “สามยอด”ท่องย่าน “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด” ที่ให้ผู้ชมได้ได้ แชะ ชิม ช้อป พร้อมสร้างประสบการณ์จริงผ่าน 34 จุด และ 36 Hashtag แบ่งปันประสบการณ์กันต่อบนโลกออนไลน์ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งผู้ชมทุกท่านที่ได้เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแผนที่ “พระนคร On Foot” หลังจากชมนิทรรศการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับนิทรรศการ “พระนคร on the Move”: “สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด” ก้าวย่างบนเส้นทางอย่างตะวันตก เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ วันนี้ ถึง 1 มีนาคม 2563 วันอังคาร – วันอาทิตย์ (พิพิธภัณฑ์ปิดให้บริการวันจันทร์) เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ มิวเซียมสยาม ท่าเตียน กรุงเทพฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษา ที่มีความประสงค์จะนำนักเรียน นักศึกษาเข้าชมนิทรรศการ เป็นหมู่คณะสามารถทำหนังสือแสดงความจำนงขอเข้าใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย … หากคุณพ่อคุณแม่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777  หรือ www.MuseumSiam.org | www.facebook.com/MuseumSiamFan

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    AQ (Adversity Quotient)

    4 ข้อที่บอกว่า ลูกมี AQ (Adversity Quotient) ฉลาดแก้ปัญหา เอาชนะอุปสรรค รู้จักเอาตัวรอด

    ในยุคที่ลูกจะต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงรอบด้านที่รวดเร็ว ทั้งสังคมใกล้ตัว การแข่งขัน การเรียน ฯลฯ การส่งเสริมลูกให้มีเพียงไอคิวดีอีคิวได้ติดตัวคงไม่เพียงพอ เพราะอีกหนึ่ง Q ที่เด็กควรมี นั่นคือ AQ (Adversity Quotient)

    มีหลายคนดังที่เป็นตัวอย่างในเรื่องความพยายาม อดทน และแก้ปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า ฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบความสำเร็จ หนึ่งในนั่นคือ ทอมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ผู้ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย และผ่านการทดลองต่าง ๆ ฟันฝ่า แก้ไข แก้ปัญหามากมายด้วยตัวเองกว่า 20 ปี ที่มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว และถ้าหากเขาถอดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ล้มเหลวก็คงไม่ได้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งความสามารถในการแก้ไขปัญหา เป็นความฉลาดด้านหนึ่งของมนุษย์ นี่อาจเป็นลักษณะของคนที่มี AQ หรือ ความฉลาดในการแก้ปัญหา นั่นเอง

    เช็กลิสต์ 4 ข้อที่บอกว่า ลูกมี AQ (Adversity Quotient)
    ฉลาดในการแก้ปัญหา เอาชนะอุปสรรค รู้จักเอาตัวรอด

    aq adversity quotient

    AQ (Adversity Quotient) เป็นทฤษฎีที่ Dr. Paul G. Stoltz คิดค้นขึ้น หมายถึง ความฉลาดในการแก้ปัญหา หลักการของทฤษฎีนี้คือ การเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยการทำให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไม่ท้อแท้หรือหยุดยั้งกลางทาง แม้จะเหนื่อยยากแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกจนกว่าจะพบกับความสำเร็จ มีความพยายามควบคุมสถานการณ์ และสามารถแก้ไขปัญหา แก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่ง Q ตัวนี้จึงเป็นคามฉลาดอีกด้านที่คุณพ่อคุณแม่ควรเสริมสร้างให้ลูกมีติดตัว

    Adversity Quotient เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเลี้ยงดูและสอนให้ลูกได้รู้จักกับความอดทนตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อที่จะพยายามแก้ปัญหา ฝ่าฟันกับอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จ ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง (Self-Esteeming) ซึ่งถ้าสามารถฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ ไปได้ ก็สามารถเอาตัวเองรอดจากปัญหาอุปสรรค และจะพบกับความสำเร็จ และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้

    เด็กที่มี AQ หรือความฉลาดในการแก้ปัญหา มีลักษณะดังนี้

    aq ลักษณะ

    1.เป็นเด็กที่เข้าใจปัญหา

    มองว่าปัญหาเป็นสิ่งที่แก้ไขและต้องผ่านไปให้ได้ เด็กที่มีลักษณะนี้จะมีบุคลิกที่มั่นใจในตัวเองและมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะเมื่อพบเจออุปสรรคก็จะพยายามหาทางแก้ไข แม้ครั้งแรกยังแก้ไม่ได้แต่ก็จะไม่ท้อถอย และจะพยายามจนกว่าจะแก้ปัญหานั้นลงได้ และเมื่อแก้ปัญหาได้แล้วก็จะนำสิ่งที่เป็นปัญหามาทบทวนวิธีการแก้ปัญหาของตนต่อไป เพื่อปรับปรุงสิ่งที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือแก้ไขได้รวดเร็วขึ้น

    2.เป็นเด็กมองโลกในแง่ดี

    เด็กที่ได้รับการปลูกฝังหรือฝึกฝนให้เรียนรู้จักการพยายามแก้ไขปัญหา มักเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ โดยไม่ได้มองว่าปัญหานั้นเกี่ยวข้องกับดวงไม่ดี เป็นความโชคร้าย แต่มองว่าปัญหาคือบททดสอบหนึ่ง ซึ่งก็พร้อมที่จะยอมรับและหาทางออกของปัญหา และเมื่อแก้ไขปัญหาได้ก็จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมากด้วย

    adversity quotient

    3.เป็นเด็กที่ใจเย็น ยิ้มเก่ง สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม

    เด็กที่มี AQ ดีเกิดจากมี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ที่ดีด้วย เพราะคนที่สามารถจัดการกับอารมณ์และควบคุมความคิดของตนเองได้จะเรียนรู้ว่า การทำสิ่งใดด้วยอารมณ์จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จได้ง่าย ดังนั้นส่วนใหญ่เด็กที่มี AQ จึงมักจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี ใจเย็น มีความละเอียดลออในการคิด ความสัมพันธ์ของ Q ทั้งสองที่มีในตัวเด็กจะส่งผลทำให้เป็นเด็กที่มีความสุข ทั้งการแก้ไขปัญหา และสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่นได้ดีอีกด้วย

    อ่านต่อ เทคนิคเสริม AQ ให้ลูกมีความฉลาดในการแก้ปัญหา คลิกหน้า 2

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      โรงแรมที่มี kid club พัทยา

      8 โรงแรมที่มี kid club พัทยา เอาใจลูก ถูกใจแม่ เหมาะสำหรับแฟมิลี่ที่แท้ทรู

      จะดีแค่ไหนถ้าโรงแรมที่ไปพักผ่อน มีห้องกิจกรรมสำหรับเจ้าตัวเล็ก มีสระว่ายน้ำ ที่มีเครื่องเล่นเหมาะกับเด็ก ๆ โดยเฉพาะ ให้ได้ฟิน ได้สนุกกับตลอดทั้งวัน ถ้าครอบครัวไหนมีแพลนมาเที่ยว “พัทยา” นี่คือ โรงแรมที่มี kid club พัทยา ที่จะสร้างความทรงจำดี ๆ ให้หนูน้อยได้สนุกสนานในวันหยุดสุดหรรษา รวมถึงสร้างวันพักผ่อนของครัวได้อย่างเต็มอิ่ม เรามีตัวเลือกให้คุณแล้ว!

      8 โรงแรมที่มี kid club พัทยา เอาใจลูก ถูกใจแม่ เหมาะสำหรับแฟมิลี่ที่แท้ทรู

      1. Amari PATTAYA

      Amari PATTAYA
      Credit Photo https://th.amari.com/pattaya/

      โรงแรมอมารี พัทยา โรงแรมสุดหรูที่ติดชานหาด นอกจากได้พักชมวิวบรรยากาศที่สวยงามแล้ว ยังเป็นโรงแรมแฟมิลี่ ที่มี Kids Club “ทรีเฮ้าส์ คิดส์ คลับ” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจที่น่าจดจำสำหรับนักเดินทางตัวน้อยที่เข้าพัก โดยอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสำหรับคุณหนูมากมาย อาทิเช่น วาดรูป ระบายสี กิจกรรมล่าสมบัติ เล่านิทานร้องเพลง เต้นรำ ดูหนัง หรือเล่นเกมส์ พร้อมทั้งมุมหนังสือเด็กและเครื่องเล่น ของเล่นมากมาย ทั้งเก้าอี้โยกของเล่นตุ๊กตานุ่มๆ เต็นท์ ชุดรถไฟ ฯลฯ โดยใน Kids Club จะมีพี่เลี้ยงค่อยดูแลน้อง ๆ อย่างใกล้ชิด ให้เด็ก ๆ สนุกสนานได้เต็มที่ คุณพ่อคุณแม่สบายใจไม่ต้องห่วง พักผ่อนชาร์ตแบตกันได้อย่างเต็มที่เลยละคะ

      โรงแรมอมารี พัทยา
      โทร. 038 418 418
      ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://th.amari.com/pattaya/

      2.Centara Grand Mirage Beach Resort

      โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา

      โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา เป็นรีสอร์ทระดับห้าดาว ที่มีคอนเซ็ปต์ความสนุกสนานทั้งครอบครัว คู่รัก และคู่ฮันนีมูน ที่จะทำให้ทุกคนได้รับความประทับใจในการมาพักผ่อนครั้งนี้ นอกจากห้องพักหลายรูปแบบทั้งห้องสวีทและแฟมิลี่เรสซิเดนซ์ที่หันหน้าสู่ทะเล ยังมีกิจกรรมที่รองรับสำหรับการมาพักผ่อนครั้งนี้อีกมากมายทั้งกีฬาทางน้ำและสวนน้ำ ที่กว้างใหญ่ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่หรือจะเรียกว่าเป็นสวนน้ำย่อม ๆ เลยก็ได้ค่ะ เพราะมีมีเครื่องเล่นสีสันสดใส Colorful อุโมงค์น้ำหลากสี น้ำพุ เห็ดพ่นน้ำ สไลด์เดอร์ใหญ่ สไลด์เดอร์เด็ก สระน้ำวนที่นั่งลอยไปกับโดนัทขนาดใหญ่ หาดทรายจำลอง ฯลฯ

      โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา
      Credit Photo : www.centarahotelsresorts.com

      และที่ขาดไม่ได้คือ Kids Club สำหรับเจ้าตัวน้อยที่มีบ้านบอลขนาดยักษ์ เครื่องเล่นเด็กเล็ก สไลเดอร์ เครื่องเล่นเกมส์ ของเล่น การ์ตูน ให้คุณหนูเล่นกันแบบเพลิน ๆ เรียกว่าเป็นที่พักและแหล่งรวมความสนุกไว้ที่เดียวครบสมคอนเซ็นต์เลยค่ะ

      โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา
      โทร. 038 301 234
      ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.centarahotelsresorts.com

      3.Grand Center Point PATTAYA

      โรงแรม Grand Center Point PATTAYA
      โรงแรม Grand Center Point PATTAYA

      โรงแรม Grand Center Point PATTAYA โรงแรมสุดหรูบนความสูงเหนือเมืองพัทยาถึง 32 ชั้น ที่สามารถชมวิวทะเลได้กว้างไกล พร้อม Facility ครบครัน รวมถึงห้องคิดส์ คลับ สวรรค์ของเด็กน้อย ที่ตกแต่งในธีมการผจญภัยของเรือโจรสลัด ภายในมีเรือสำเภาลำใหญ่ ให้เด็ก ๆ ได้ขึ้นไปเล่น สร้างจินตนาการเหมือนโลดแล่นบนท้องทะเล นอกจากนี้ยังมีเกมส์ ของเล่น หนังสือนิทาน และกิจกรรมต่างๆ สลับสับเปลี่ยนกันไป ทั้งเล่นเกม ระบายสี

      โรงแรม Grand Center Point PATTAYA
      Credit Photo : www.grandecentrepointpattaya.com

      นอกจากห้องคิดส์ คลับ แล้วไฮไลท์เด็ดอีกอย่างของที่นี่คือ สวนน้ำขนาดใหญ่ ที่มาในธีมยานอวกาศ สุดล้ำ อลังการ มีสไลด์เดอร์ อุโมงค์น้ำ น้ำพุ ให้คุณหนูๆ ได้เล่นสนุกชุ่มฉ่ำกับเครื่องเล่นโดนใจกันตลอดวัน ฟินไม่มีเบื่อกันเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เป็นสวรรค์สำหรับเด็กๆ เลยค่ะโดยทุกพื้นที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่วางใจได้และพักผ่อนเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล

      โรงแรม Grand Center Point PATTAYA
      โทร. 033 168 999

      ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.grandecentrepointpattaya.com

      4.Holiday Inn PATTAYA Hotel

      โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา
      โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา

      โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา โรงแรมที่เหมาะสำหรับครอบครัวพร้อมด้วยห้องพักแบบ Family Suite ที่มีระเบียงส่วนตัวมองเห็นวิวทะเล ภายในห้องมีห้องพักสำหรับหนูน้อยธีมปลาวาฬแสนน่ารัก ผนังตกแต่งลวดลายปลาวาฬ ท้องฟ้าสดใส ท้องทะเลสีคราม เข้ากับบรรยากาศมาเที่ยวที่ทะเล และ Kids Club สำหรับคุณหนู ๆ ห้องที่ออกแบบมาสุดคิ้วท์ ภายในห้องมีการตกแต่งสีสันสวยงามเหมาะสำหรับเด็ก ๆ ให้ได้เพลินเพลินกับกิจกรรมมากมาย เกมคอนโซล การ์ตูน ความบันเทิงจากดีวีดี อุปกรณ์ศิลปะ และอื่น ๆ อีกมากมายที่จะมีพนักงานคอยดูแลในทุกวัน

      โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา
      Credit Photo : www.holidayinn-pattaya.com

      นอกจากนี้เพิ่มความสนุกแบบเอ้าท์ดอร์ ด้วยสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆ สนุกสนานไปกับสไลเดอร์ในสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก บนดาดฟ้าชั้น 4 ที่มีวิวทะเล Sea View ให้มองเห็น รับกลิ่นไอของลมทะเล ให้คุณลูกและคุณพ่อคุณแม่ได้เพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนในวันฮอลิเดย์ที่ Holiday Inn Pattaya Hotel  ได้ดีทีเดียวค่ะ

      Holiday Inn Pattaya Hotel
      โทร. 038 725 555
      ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.holidayinn-pattaya.com

      5. Mercure Pattaya Hotel

      โรงแรมเมอร์เคียวพัทยา
      credit Photo : www.facebook.com/MercureHotelPattaya

      โรงแรมเมอร์เคียวพัทยา เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เหมาะกับการมาพักผ่อนของครอบครัวในวันหยุด เพราะที่นี่มีห้องพักสวีทที่เตรียมพร้อมสำหรับครอบครัวถึง 12 ห้อง ซึ่งภายในแต่ละห้องจะตกแต่งด้วยลายการ์ตูนสำหรับเด็กๆ และมีสไลด์เดอร์อยู่ในตัวที่จะทำให้เด็ก ๆ เพลินอยู่ในห้องได้ตลอดทั้งวันแม้ใจวันที่ฝนจะตกก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเบื่อที่จะเล่นอยู่ในห้องทางโรงแรมก็จัดพื้นที่สร้างความบันเทิงให้กับเด็ก ๆ ที่มีกิจกรรมแสนสนุกสำหรับเด็กทุกเพศทุกวัยมากมายครอบคลุมทั้งในและนอกอาคาร อาทิเช่น เปตอง วอลเลย์บอล กอล์ฟ โรงภาพยนต์กลางแจ้ง ฯลฯ

      ห้อง Aqua Kids Club อาคารหน้าต่างบานใหญ่ที่มีทุกอย่างที่เป็นสวรรค์สำหรับเด็กอยู่ภายในห้อง ไม่ว่าจะเป็นบ้านบอล มี PS4s รุ่นใหม่ล่าสุด บอร์ดเกมส์ ของเล่นเสริมพัฒนาการ และกิจกรรมศิลปะ เช่น  Play-Doh หรือแม้แต่การวาดภาพ ฯลฯ ทั้งหมดนี้จัดเต็มมาให้คุณหนู ๆ ได้เล่นอย่างไม่มีเบื่อ รวมถึงห้องสมุดที่เต็มรูปแบบและมีหนังสือให้เลือกอ่านมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือจะออกมาเล่นน้ำในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งจัดเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ที่ให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจและสนุกไปกับเครื่องเล่น Water Slides ขนาดใหญ่ อุโมงค์น้ำ ซึ่งแต่ละจุดก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และที่พิเศษเข้าไปอีก คือที่นี่ยังเป็นโรงแรมที่อนุญาตให้น้องหมา น้องแมว มาเข้าพักได้ด้วยจ้า จัดว่าเป็นโรงแรมที่เข้าถึงความต้องการของครอบครัวอย่างแท้ทรู

      โรงแรมเมอร์เคียวพัทยา
      โทร. 03842-5050
      ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.mercurepattaya.com

      อ่านต่อ 8 โรงแรมสำหรับครอบครัว มี Kids Club เอาใจลูก คลิกหน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        งานอดิเรกที่มีประโยชน์

        นี่แหละ! 8 งานอดิเรกที่มีประโยชน์ และดีต่อลูก ช่วยให้สมองไบรท์ ทำให้มีความสุข

        นอกจากการเรียนหนังสือแล้ว สิ่งที่จะช่วยผ่อนคลายให้เด็ก ๆ อารมณ์ดี สนุกสนาน สมวัย คือการให้ลูกได้ทำกิจกรรมตามความชอบ งานอดิเรกที่มีประโยชน์ จะมีส่วนช่วยทำให้ลูกฉลาด เพิ่มทักษะ ส่งเสริมความรู้ และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็กได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วก็ยิ่งพัฒนาความฉลาดและทำให้มีความสุขด้วย

        นี่แหละ! 8 งานอดิเรกที่มีประโยชน์ และดีที่สุดสำหรับเด็ก
        ช่วยให้สมองไบรท์ ทำให้มีความสุข

        งานอดิเรก ผ่อนคลาย

        1.เล่นดนตรี

        ดนตรีนับว่าเป็นงานอดิเรกที่มีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการและทักษะความสามารถด้านต่าง ๆ ของเด็กได้มาก มีผลจากการทดสอบที่ได้รับการยืนยันออกมาว่า เสียงดนตรีหรือเสียงเพลงสามารถกระตุ้นสมองของมนุษย์ได้ดี  ส่งผลดีกับระบบความคิดและอารมณ์ของมนุษย์ ประโยชน์ของการได้แล่นหรือเรียนดนตรี เป็นงานอดิเรก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีแบบดีด สี ตี เป่า จะส่งผลโดยตรงต่อสมอง ช่วยเพิ่มทักษะไอคิวได้ ดนตรีสามารถช่วยกล่อมเกลาให้เด็กรู้สึกสงบ ลดอาการฉุนเฉียว ก้าวร้าวของเด็ก และทำให้ลูกเป็นเด็กเข้าใจง่าย สอนง่าย และมีนักวิจัยหลายคนได้แสดงผลงานวิจัยที่บ่งบอกว่า ผู้ที่ทั้งฟังดนตรีและเป็นผู้เล่นเอง จะมีพื้นที่หน่วยความจำที่มากขึ้น ดนตรีจึงมีส่วนช่วยพัฒนาความจำ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทักษะการจำอื่นๆ ได้อีกมากมาย นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กมีสมาธิ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกที่ดี มีความมั่นใจในตัวเองด้วยค่ะ

        งานอดิเรก อ่านหนังสือ

        2.อ่านหนังสือ

        การชวนลูกให้อ่านหนังสือ ถือเป็นงานอดิเรกที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่มีประโยชน์สูง แม้จะเป็นการอ่านหนังสือในช่วงเวลาสั้น ๆ 15-20 นาที ก็เปิดโลกจินตนาการอีกใบให้ลูกได้ การมีสมาธิจดจ่อกับหนังสือดี ๆ ที่ได้อ่าน จะมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษาให้กับลูกได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์จากการได้อ่านหนังสือ จะช่วยให้สมองของลูกมีวงจรประสาทนับล้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง เกิดการกระตุ้นวงจรประสาทในสมองให้ทำงาน ทำให้เกิดความคิด จินตนาการที่มากมายไร้ขีดจำกัดด้วย กระบวนการนี้สมองของเด็กจะพัฒนาความสามารถในการคิด มีผลต่อทักษะการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ และทำให้มีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือในสถานการณ์หลากหลาย ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ได้ปลูกฝังนิสัยให้ลูกได้รักการอ่านตั้งแต่เล็กก็จะมีผลดีต่อพัฒนาการที่ดีในอนาคตมากขึ้น

        บทความแนะนำ : โหลดฟรี! 100 นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก อ่านให้ลูกฟังทุกคืนมีแต่ได้กับได้

        3.เล่นกีฬา ออกกำลังกาย

        การให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำมีประโยชน์แน่นอนทั้งได้ร่างกายที่แข็งแรงและเป็นเครื่องการันตีว่าสุขภาพสมองดี อารมณ์ดี ช่วยลดความตึงเครียด และทำให้ลูกนอนหลับง่าย ทำให้ร่างกายมีระดับโกรทฮอร์โมนที่สูง เป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตและการเพิ่มความสูงของลูก รวมถึงการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลให้ลูกมีสุขภาพที่ดี และมีพัฒนาการที่ดีตามมา นอกจากนี้ยังมีผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายสามารถสร้างเซลล์สมองใหม่ และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของสมองดีขึ้น การชวนลูกมาออกกำลังกายเบา ๆ เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ ฯลฯ ถือเป็นงานอดิเรกที่จะได้ประโยชน์ดี ๆ กันทั้งครอบครัวเลยนะคะ

        งานอดิเรก ท่องเที่ยว

        4.ท่องเที่ยว

        การเดินทางท่องเที่ยวก็จัดเป็นงานอดิเรกสำหรับครอบครัวที่ช่วยเพิ่มความสนุก ความสุข และสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับเจ้าตัวเล็กได้ การพาลูกออกไปเที่ยวก็เหมือนได้เรียนรู้นอกบ้านที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ ของลูก ทำให้รู้จักสังเกต ช่างสงสัยสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ได้ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ทั้งผู้คน อาหาร วัฒนธรรม และสังคม และที่สำคัญที่สุดก็คือการได้ใช้เวลาร่วมกันระหว่างครอบครัว สร้างความสัมพันธ์อันดี ทำให้ลูกได้รับความรัก ความอบอุ่น และทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย

        งานอดิเรก วาดรูป

        5.วาดภาพระบายสี

        มีการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การได้มองงานศิลปะสักชิ้นก็ส่งผลต่อความสุขและความเพลิดเพลินได้ ดังนั้นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะก็ส่งผลไม่แตกต่างกัน การวาดภาพระบายสีจึงเป็นงานอดิเรกที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ อีกหนึ่งอน่างที่จะช่วยทำให้ลูกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการในแบบของตัวเอง ที่จะช่วยฝึกและพัฒนาสมองไปโดยไม่รู้ตัว และช่วยฝึกฝนให้ลูกมีสมาธิได้ดีอีกด้วย

        อ่านต่อ 8 งานอดิเรกที่ดีต่อลูก ช่วยให้สมองไบรท์ ทำให้ความสุข คลิกหน้า 2

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย

          รายชื่อ โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย และ 6 โรงเรียนสาธิตยอดนิยมในกรุงเทพ!

          โรงเรียนสาธิต เป็นโรงเรียนอีกหนึ่งประเภทที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกเข้าเรียนและสอบเข้าได้ เพราะเชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะส่งผลต่ออนาคต จึงมุ่งแสวงหาโรงเรียนที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับลูก โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย จึงเป็นอีกหลักสูตรที่พ่อแม่หลายบ้านอยากสนับสนุนให้เข้าเรียน มีโรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัยไหนกันบ้าง มาดูกันค่ะ

          โรงเรียนสาธิตคือ

          โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่อยู่ในสังกัด จัดการเรียนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยม ในกำกับของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้เป็นสถานฝึกปฏิบัติการทางการศึกษาและเป็นสถานที่ฝึกการปฏิบัติงานของนักศึกษาหรือเด็กฝึกงานเพื่อที่จะเป็นคุณครูในอนาคต หรือเพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยงานต่างๆ และเป็นสถานที่ฝึกการปฏิบัติงานของคณะศึกษาศาสตร์หรือคณะครุศาสตร์ก่อนที่นิสิตนักศึกษาจะสำเร็จการศึกษา มีการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ๆ และวิธีคิดนอกกรอบ มีกิจกรรมในโรงเรียนให้เข้าร่วมมากมาย และสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการแก่เด็กอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย

          โรงเรียนสาธิต
          โรงเรียนสาธิต

          อัพเดทรายชื่อ โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย

          โรงเรียนสาธิต ในประเทศไทย แบ่งเป็น 5 กลุ่ม

          โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐ มีทั้งหมด 4 แห่ง ดังนี้

          สังกัด มหาวิทยาลัยนครพนม

          • โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยนครพนม พนมพิทยพัฒน์

          สังกัด มหาวิทยาลัยนครพนม

          • โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร

          สังกัด มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) สังกัด มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

          สังกัด มหาวิทยาลัยรามคำแหง

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายประถม)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม)

          โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มีทั้งหมด 24 แห่ง ดังนี้

          สังกัด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

          • โรงเรียนอนุบาลคหกรรมศาสตร์เกษตร ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          • โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

          โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

          สังกัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฝ่ายอนุบาล)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (มอดินแดง)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายมัธยมศึกษา (มอดินแดง)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายมัธยมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายการศึกษาพิเศษ (ศูนย์วิจัยออทิสติก
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคา

          สังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          • โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม)
          • โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม)

          สังกัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

          สังกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

          • โรงเรียนดรุณสิกขาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

          สังกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ

          • โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ

          สังกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

          • โรงเรียนสุรวิวัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

          สังกัด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

          • โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

          สังกัด มหาวิทยาลัยบูรพา

          • โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา

          สังกัด มหาวิทยาลัยพะเยา

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา

          สังกัด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

          สังกัด มหาวิทยาลัยมหิดล

          • โรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

          สังกัด มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)
          • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์
          • โรงเรียนสาธิตชุมชนการเรียนรู้สมเด็จย่า วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แม่แจ่ม

          อ่านต่อ รายชื่อโรงเรียนสาธิตทั้งหมดในประเทศไทย คลิกหน้า 2

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            ปิดเทอม ให้ลูกเรียนอะไรดี

            ปิดเทอม ให้ลูกเรียนอะไรดี 7 กิจกรรมปิดเทอม เปิดประสบการณ์ เติมทักษะ ใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์

            ปิดเทอม ให้ลูกเรียนอะไรดี มองหากิจกรรมให้ลูกได้ทำ ห่างจากหน้าจอ มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียน เพิ่มทักษะและพัฒนาการให้ลูกรักกันดีกว่า มีค่ายและกิจกรรมดี ๆ จากหลายสถาบันและหน่วยงานที่จัดขึ้นมาให้เด็ก ๆ ใช้เวลาช่วงปิดเทอมมาเรียนรู้อย่างเป็นประโยชน์  ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมกิจกรรมดี ๆ จากหลายที่มาให้คุณพ่อคุณแม่รีบสมัครให้เจ้าตัวเล็กกันเลยค่า

            ปิดเทอม ให้ลูกเรียนอะไรดี 7 กิจกรรมปิดเทอมแสนสนุก
            เปิดประสบการณ์ ใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์

            #1 กิจกรรมปิดเทอมเติมประสบการณ์ ที่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 “จตุจักร”

            พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร)
            ขอบคุณภาพจาก facebook.com/bkkchildrensmuseum

            พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 “จตุจักร” ขอเชิญชวนน้อง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม “ปิดเทอมเติมประสบการณ์”
            ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 17 พฤษภาคม 2563 ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) สามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป “ฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

            เด็ก ๆ จะได้สนุกกับกิจกรรมและทักษะต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมสันทนาการ ศิลปะและงานประดิษฐ์ ทำอาหาร การแสดงออก ฯลฯ โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น รุ่นพี่โต 7-12 ปี และรุ่นน้องเล็ก 4-6 ปี กิจกรรมรุ่นละ 2 วัน ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น.

            *หมายเหตุ สามารถลงเรียนได้คนละ 1 รุ่น เท่านั้น

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
            Facebook : พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) หรือ
            เว็บไซต์ www.cdm-bangkok.com
            โทร. 02-272-4500

            #2 Mephoom Summer Camp

            สถาบันมีภูมิ เชิญชวนเหล่าฮีโร่ตัวน้อยทั้งหลายมาร่วมกันพิทักษ์โลกของเราให้น่าอยู่ขึ้น กับแคมป์ปิดเทอมในธีม “Little heros save the planet” ซึ่งภายในแคมป์นี้น้องๆจะได้สนุกสนานกับการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมการเรียนดนตรี ศิลปะ การแสดง และคลาสเต้น

            สิ่งที่น้องๆจะได้รับในกิจกรรมครั้งนี้

            • ได้เรียนรู้พื้นฐานดนตรีเรื่องของตัวโน้ตและจังหวะ ผ่านกิจกรรมดนตรีสร้างสรรค์ ที่จะส่งเสริมและกระตุ้นให้น้อ งๆ นำดนตรีมาสร้างสรรค์ผลงานด้านดนตรีแนวใหม่ได้
            • น้อง ๆ จะได้ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ตัวเองออกมาผ่านงานศิลปะ ทั้งการวาดภาพ ระบายสี และงานประดิษฐ์ แบบไร้ขอบเขตและเป็นตัวของตัวเอง
            • น้อง ๆ จะได้เรียนรู้พื้นฐานการแสดงที่จะส่งเสริมความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก และปรับบุคลิกภาพ เพื่อให้น้องๆสามารถนำไปปรับใช้ในนำเสนองานในการเรียน และชีวิตประจำวันได้
            • น้อง ๆ จะได้เรียนเรียนพื้นฐานเต้นแนว Street Dance กับครูที่มากประสบการณ์
            Mephoom Summer Camp
            ขอบคุณภาพจาก www.mephoomschool.com

            เปิดรับน้อง ๆ อายุ 5-12 ปี
            วันเวลากิจกรรม :
            รอบที่ 1 : วันอังคารที่ 3 – วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2020
            รอบที่ 2 : วันอังคารที่ 10 – วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2020
            รอบที่ 3 : วันอังคารที่ 17 – วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2020
            รอบที่ 4 : วันอังคารที่ 24 – วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2020
            รอบที่ 5 : วันอังคารที่ 31 มีนาคม – วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2020
            เวลา : 09.30 – 15.30 น.

            แต่ละรอบเนื้อหาไม่เหมือนกัน รีบจองกันเข้ามานะคะ รับจำนวนจำกัดค่ะ
            สำหรับน้องๆที่ลงเรียน 2 รอบ ลดทั้นที 5% สำหรับน้องๆที่ลงเรียนตั้งแต่ 3 รอบขึ้นไปลดทันที 10%
            และแคมป์นี้น้อง ๆ จะได้เรียนดนตรี 1 เครื่องที่น้อง ๆ สนใจโดยมีให้เลือกเรียนทั้งลักษณะเรียนกลุ่มและเรียนเดี่ยว

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
            Line ID : @mephoom (มี@นำหน้า)
            Tel. 095-553-9224
            รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/Mephoomschool/

            #3 Stargazing and Birding Camp

            ค่าย “กลางคืนดูดาวเช้าดูนก” สำหรับน้อง ๆ ในช่วงปิดเทอม เด็ก ๆ จะได้สัมผัสกับห้องเรียนธรรมชาติอันน่าตื่นเต้น และทำกิจกรรมต่าง ๆ กันอย่างสนุกสนาน แถมได้รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ต่าง ๆ ของตัวเอง เช่น ทานอาหารเสร็จแล้วก็แยกเศษขยะและล้างจานกันเองที่ “บ้านซันเสร่” ระหว่างวันที่ 21 – 22 มี.ค. 2563

            Stargazing and Birding Camp
            ขอบคุณภาพจาก : www.facebook.com/BAAN-Sunsaray

            รายละเอียดกิจกรรม
            – ที่พักนอนดอร์มแยกชายหญิงภายใต้การดูแลของครู
            – กิจกรรมเริ่ม 14.00 น. ของวันเสาร์และเสร็จสิ้น 16.00 น. ของวันอาทิตย์
            – เหมาะสำหรับน้องๆ 7 -14 ปี
            – ค่ากิจกรรม 4,500 บาท รวมค่า อาหาร 3 มื้อ 2 วัน (เย็นวันเสาร์และเช้า+เที่ยงวันอาทิตย์) รวมของว่าง
            – ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมด้วย สามารถดรอปน้องได้ในวันเสาร์แล้วมารับกลับในวันอาทิตย์หลังจบกิจกรรม
            – ทีมวิทยากร: กลุ่มดูนกและดาวจาก Bird Conservation Society of Thailand (BCST)
            – สิ่งที่ต้องเตรียมมา: ยาประจำตัว กระบอกน้ำ หมอน ผ้าห่ม สบู่ แชมพู ของใช้ส่วนตัว

            สถานที่ : บ้านซันเสร่ สัตหีบ จ.ชลบุรี
            โทร.090 076 2336
            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : คลิก

            อ่านต่อ 7 กิจกรรมปิดเทอม เปิดประสบการณ์ คลิกหน้า 2

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              แอร์ฟอกอากาศ

              แอร์ฟอกอากาศ ช่วยทุกคนในบ้านสุขภาพดีได้อย่างไร ?

              1. หลายๆ ครอบครัวเลือกที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่บ้าน ทำกิจกรรมกับลูกๆ เพราะกลัวว่าถ้าพากันออกไปนอกบ้าน จะต้องไปเจอกับอากาศด้านนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM2.5 ควัน มลพิษต่างๆ แต่รู้ไหมคะว่าอยู่บ้านก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% จากอากาศแย่ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM2.5 และนี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเราต้องมีแอร์ฟอกอากาศติดไว้ภายในบ้านค่ะ

              อากาศภายในบ้านที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าสะอาดปลอดภัย ก็อาจมีพวกเชื้อโรค แบคทีเรีย ฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ละอองเกสร ดอกไม้ปะปนมากับกับอากาศ ฯลฯ ที่สำคัญคือไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามเปล่าค่ะ ซึ่งเมื่อเราสัมผัสเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจสะสมมากๆ เข้า สามารถกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว ที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย  ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และหลอดเลือด  เป็นต้น

               

              แอร์ฟอกอากาศ

              แอร์ฟอกอากาศ ตัวช่วยเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว

              ปัจจุบันนี้มีเครื่องปรับอากาศที่ให้ทั้งความเย็น และฟอกอากาศไปในตัว นั่นก็คือ แอร์ฟอกอากาศ พานาโซนิค แอร์นาโนอี  ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยล่าสุดเรียกว่า เทคโนโลยีนาโนอี ( Technology nanoeTM) )  ซึ่งเทคโนโลยี nanoeTM เป็นระบบฟอกอากาศที่สามารถช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และไวรัส ที่สำคัญยังช่วยกำจัดฝ่นละอ องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทุกวันที่คุณแม่เปิดใช้แอร์นาโนอี nanoeTM จะทำให้อากาศภายในบ้านเย็นสดชื่น และสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นค่ะ

              คุณสมบัติและประสิทธิภาพ 7 ประการของ nanoe™

              1. ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยภายในบ้าน เช่น กลิ่นเหม็นอับจากเสื้อผ้า กลิ่นอาหาร กลิ่นจากสัตว์ เลี้ยง กลิ่นขยะ กลิ่นจากหนังศีรษะ และกลิ่นบุหรี่ เป็นต้น
              2. ช่วยยับยั้งการทำงานของแบคทีเรีย และไวรัสที่เกาะแน่นอยู่ในอากาศ เช่น ไข้หวัดนก H5N1 / H9N2, ไข้หวัดใหญ่ และโคโรนาไวรัสในแมว
              3. ช่วยยับยั้งการทำงานของเชื้อราในอากาศ และเชื้อราฝังแน่น
              4. ช่วยยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากสัตว์เลี้ยง และสารก่อภูมิแพ้ทั่วไป
              5. ช่วยยับยั้งละอองเกสรดอกไม้จากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี
              6. ช่วยยับยั้ง สารอันตรายที่ที่มีอนุภาคเล็กเพียง 5
              7. ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และเส้นผมตรงเป็นเงางาม

              แอร์ฟอกอากาศ

              ครอบครัวไหนที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนมาเป็นแอร์ฟอกอากาศเพราะไม่ใช่ได้แค่ความเย็นสบาย แต่ยังให้ในเรื่องอากาศที่บริสุทธิ์ ช่วยให้สุขภาพที่ดีขึ้นด้วยนะคะ

              ดังนั้นเพื่ออากาศภายในบ้านที่ดี และสะอาด ปราศจากฝุ่นละอองที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน อย่างฝุ่น PM2.5 ขอบอกว่าต้องเป็นแอร์พานาโซนิค แอร์นาโนอี รุ่น CS-XU13VKT ค่ะ ที่มีคุณสมบัติ

              1. ฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ขณะที่ปิดระบบทำความเย็น
              2. มีระบบ Inverter ช่วยควบคุมอุณหภูมิของระบบทำความเย็น และระบบฟอกอากาศได้อย่างแม่นยำ
              3. เย็นเร็ว และเย็นสบายคงที่ตลอดเวลา
              4. ช่วยประหยัดพลังงานด้วยระบบ Inverter
              5. สารทำความเย็นมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

               

              การมีสุขภาพดีเริ่มได้จากที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ ง่ายๆ ด้วยการติดตั้งแอร์ฟอกอากาศ แอร์นาโนอี เพื่อคุณภาพอากาศภายในบ้านที่สะอาดยิ่งขึ้น

              ดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม Panasonic แอร์นาโนอี  , แอร์นาโนอี รุ่น CS-XU13VKT 

               

              แอร์ฟอกอากาศ

              แอร์ฟอกอากาศ

                โควิด-19

                เพจดังเตือน กลับจากประเทศเสี่ยง โควิค-19 อย่าเลี่่ยงตรวจ ปิดบังข้อมูล อันตรายติดทั้งครอบครัว

                โควิค-19 ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็น “โรคติดต่ออันตราย” แนะหยุดเดินทางประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือกลับมาจากประเทสดังกล่าวต้อง “แยกตัว 14 วัน” พบอาการ ไข้สูง ไอ จาม  พบแพทย์ทันที ห้ามปกปิด เสี่ยงอันตรายครอบครัว เพิ่มผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว

                (เมื่อวันที่ 25 กพ 63) ประเทศไทยพบผู้ป่วยไวรัส โควิค-19 เพิ่มใหม่อีก 2 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 37 ราย และมีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 1,580 ราย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ขณะเดียวกันได้ประกาศขยายเฝ้าระวังครอบคลุมผู้เดินทางมาจาก 7 พื้นที่เสี่ยง ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน  พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชน “เลี่ยง เลื่อน การเดินทาง” ไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค

                หากเลี่ยงไม่ได้ขอให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่มีคนหนาแน่น สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ สำหรับทุกคน ทุกวัย ที่เดินทางกลับจากจากประเทศเสี่ยงให้แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัว สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อ หากมีไข้ ไอ จาม ให้พบแพทย์ทันที

                อย่างไรก็ตาม เพจดัง Drama-Addict ได้เผยแพร่ประกาศชี้แจงจากโรงพยาบาลบี. แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ โดยมีข้อความโดยสรุปว่า หลังมีผู้ป่วยชายตรวจพบว่าเป็นปอดอักเสบ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่จากการซักประวัติกลับ “ปฏิเสธว่าไม่ได้ไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง” ซึ่งกลับมายอมรับภายหลังว่า “เดินทางไปจริง” สุดท้ายก็ตรวจพบว่าผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัส โควิค-19 จึงส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐเรียบร้อยแล้ว

                โควิค-19

                โควิค-19

                จากการปกปิดและปฏิเสธประวัติการเดินทาง ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ใกล้ชิดผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อจำนวน 30 คน โดยทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนของทางสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)  กรมควบคุมโรคติดต่อต่อไป

                ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้ออกประกาศขอความร่วมมือผู้รับบริการทุกท่าน แจ้งประวัติที่เป็นจริง เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง การวินิจฉัย และแยกโรคตามมาตรฐาน ดังนี้

                1. หากท่านมีประวัติการเดินทางไปจต่างประเทศในกลุ่มเส่ยงตามประกาศของกรมควบคุมโรค หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มดังกล่าว ร่วมกับมีอาการไข้ ไอ จาม อ่อนเพลียให้ แจ้งที่จุดคัดกรองของโรงพยาบาล ซึ่งได้จัดให้มีทุกประตูเข้าออกของโรงพยาบาล
                2. โรงพยาบาลจะนำท่านไปยังห้องตรวจแยกโรค แรงดันลบ (Negative Pressure) ทันที และติดต่อประสาน สปคม. เพื่อพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง หรือไม่
                3. หากเข้าเกณฑ์ ท่านจะได้รับการตรวจ PCR for COVID-19 และพักรักษาตัวในห้องความดันลบของโรงพยาบาล เพื่อรอผลตรวจ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
                4. หากผลตรวจพบเชื้อ ทาง สปคม. จะดำเนินการรับตัวท่านไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลภาครัฐต่อไป

                “การปดปิดข้อมูลเป็นผลเสีย มีผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ต่อผู้อื่น และต่อครอบครัวของท่านเอง”

                ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนโรคไปยังครอบครัว ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยในวงกว้างเพื่อกักกันโรคไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดและเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 อยู่ในขณะนี้ โดยพบว่ามีสมาชิกในบ้านติดเชื้อรวม 4 ราย

                อ่าน รู้ทันอย่างมีสติ ป้องกันลูกน้อยและครอบครัวจากโควิค-19 หน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  ปัญหาการให้นมแม่

                  5 ปัญหาการให้นมแม่ ที่แม่ต้องเจอ พร้อมวิธีแก้ปัญหา

                  ปัญหาการให้นมแม่ ไม่ว่าจะเป็นท่อน้ำนมอุดตัน เต้านมอักเสบ หัวนมบอด น้ำนมน้อย หัวนมแตก ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็น ปัญหาที่คุณแม่มักเจอกันอยู่บ่อยๆ ในช่วงที่ต้องให้นมลูก ดังนั้นเพื่อให้คุณแม่ได้เลี้ยงลูกน้อยด้วยน้ำนมแม่อย่างสบายใจ ไร้ปัญหากวนใจ เรามีวิธีแก้ไข้ปัญหาทั้งหมดนี้มาฝากกันค่ะ  

                   

                  ปัญหาการให้นมแม่ จัดการได้แค่รู้วิธี !

                  อยากที่รู้ๆ กันค่ะว่าในช่วงเวลาของการให้นมลูก คุณแม่มักจะต้องเจอกับสารพัด ปัญหาการให้นมแม่ จนทำให้ท้อและเลิก ให้นมลูกไปเลยก็มี ซึ่งนั่นน่าเสียดายมากค่ะ เพราะน้ำนมแม่มีประโยชน์อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ  ภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ต่างๆ มากมาย ที่ดีต่อพัฒนาการการด้านร่างกาย พัฒนาการสมอง สติปัญญา ฯลฯ  เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้  เสียเวลา เรามาเริ่มแก้ปัญหาการให้นมแม่ กับ 5 ปัญหานี้ ที่พบว่าเกิดขึ้นกับแม่ให้นมลูกกันค่ะ

                  1. ท่อน้ำนมอุดตัน

                  สาเหตุ : มาได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ลูกดูดนมแม่ไม่เกลี้ยงเต้า , ปล่อยให้น้ำนมค้างอยู่ในเต้านมนาน(ลูกไม่ได้ดูด  หรือไม่ได้ปั๊มนมออก) , กินอาหารที่มีไขมันมาก , ใส่เสื้อชั้นในคับแน่นเกินไปทำให้น้ำนมไหลเวียนไม่สะดวก ฯลฯ ทำให้ลูกดูดนมแม่ไม่ออก คุณแม่รู้สึกเจ็บ คัดเต้านมมาก

                  แก้ไข : ก่อนที่คุณแม่จะให้นมลูกในทุกๆ รอบ แนะนำให้ประคบเต้านมด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นจัดประมาณ 5-10 นาที เมื่อเต้านม นิ่มลง ค่อยให้ลูกเข้าเต้าดูดนม ที่สำคัญเพื่อไม่ให้ท่อน้ำนมอุดตัน คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมบ่อยๆ อย่างน้อย 8-12 ครั้ง / วัน  และดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที

                  2. เต้านมอักเสบ

                  สาเหตุ : เกิดจากการที่มีน้ำนมเก่าคั่งค้างในเต้านม โดยไม่ได้ระบายน้ำนมออกให้หมด (ลูกดูดนมออกไม่หมดจากเต้า) คุณแม่สังเกตอาการได้คือ เวลาที่คลำตรงเต้านมๆ จะแข็งตึง กดแล้วรู้สึกเจ็บ และปวดไปทั่วบริเวณเต้านม เต้านมร้อน บวมแดง เป็นต้น

                  แก้ไข : แนะนำคุณแม่ว่าถึงแม้จะรู้สึกเจ็บเต้านม ก็ยังต้องให้ลูกดูดนมจากเต้าให้ตรงตามช่วงรอบการให้นม เพราะถ้าคุณแม่หยุดให้ลูกดูดนม เต้านมจะยิ่งเกิดปัญหา เช่น หัวนมเป็นไต หรือท่อน้ำนมอุดตัน ฯลฯ  ฉะนั้นอย่าหยุดให้นม และควรให้ลูกดูดจากเต้าที่มีปัญหาก่อน เพื่อช่วยทำให้น้ำนมระบายออกได้มากที่สุด คุณแม่ต้องให้ลูกดูดนมอย่างน้อย 8-12 ครั้ง / วัน และ ดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที หลังให้นมลูกเสร็จแล้ว ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวมของเต้านม

                  3. หัวนมบอด

                  สาเหตุ : หัวนมบอด ฟังดูแล้วน่ากลัวใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้ว หัวนมบอดไม่ใช่โรคหรืออาการอันตรายแต่อย่างใด สาเหตุ เกิดจากความผิดปกติของลักษณะหัวนมที่ไม่มีหัวนมขึ้นมา โดยเกิดได้จากท่อนมสั้นหรือพังผืดรัด ซึ่งลักษณะนมเช่นนี้นั้นไม่มีอันตรายใดๆ เพราะสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายคน โดยส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นกันตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ   

                  แก้ไข : เบื้องต้นคือขอให้คุณหมอหรือคุณพยาบาลช่วยตรวจเช็กดูหลังคลอดลูกได้ค่ะ หากพบว่าหัวนมบอดจะได้รับ คำแนะนำในการให้นมลูกอย่างถูกวิธีตามลักษณะหัวนมที่บอดค่ะ ซึ่งก่อนให้นมลูกคุณแม่สามารถดูแลเต้านมเพื่อให้มีหัวนมขึ้นมา อาจใช้อุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์กดลานนมที่เรียกว่า ปทุมแก้ว เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้คุณแม่ที่มีหัวนมแบนหรือบุ๋ม  แรงกดของปทุมแก้วจะช่วยนวดผิวหนังบริเวณรอบลานนมให้นุ่มและทำให้หัวนมยื่นออกมาค่ะ  หรือจะใช้เป็นที่ปั๊มนมไฟฟ้า เพื่อช่วยดึงหัวนมให้ยื่นออกมาก่อนจะให้นมลูกก็ได้เช่นกันค่ะ

                  4. น้ำนมน้อย

                  สาเหตุ : มาได้จากหลายปัจจัยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกังวลหลังคลอดลูก หรือการที่ไม่ได้ให้ลูกเข้าเต้าดูดนมบ่อยๆ การดูดนมคือการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนม ยิ่งดูดยิ่งกระตุ้นน้ำนมให้มีมาก

                  แก้ไข : อย่างแรกให้คุณแม่ตัดเรื่องที่กังวลต่างๆ ออกให้หมด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดให้มากเพียงพอในทุกวัน และให้ลูกดูดนมอย่างน้อย 8-12 ครั้ง / วัน และ ดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที หรือใช้เป็นเครื่องป๊มนมไฟฟ้า ปั๊มนมแม่สลับกับให้ลูกดูดจากเต้าก็ได้ค่ะ การใช้เครื่องปั๊มนมจะช่วยกระตุ้นนมแม่ได้ด้วยค่ะ

                  5. หัวนมแตก

                  สาเหตุ : อาจเกิดจากท่าทางในการกินนมและการดูดนมที่ไม่ถูกต้องของลูกน้อย คือขณะที่ลูกดูดนมแม่ แล้วปากของลูกอยู่ตื้น ขอบปากไม่ถึงลานนม ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกดูดนมได้ไม่เต็มที่ ก็ยังทำให้หัวนมแตกได้

                  แก้ไข :  หัวนมแตกสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการปรับท่าให้นม และวิธีการอมหัวนมและลานนมของลูกให้ถูกต้อง คือปากลูกต้องครอบคลุมเต็มบริเวณลานนม ลิ้นจะอยู่ในลักษณะที่พอดีกับเต้านม ทำให้มีแรงในการดันดูดนมออกมาได้อย่างถนัด และหลังลูกกินนมอิ่ม ให้คุณแม่เอาน้ำนมแม่ทาหัวนมที่แตก หรืออาจใช้เป็นออยเม้นท์ หรือครีมที่คุณหมอแนะนำว่าสามาถใช้ทาที่บริเวณหัวนมได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของลูกน้อย

                   

                  กระตุ้นน้ำแม่ให้ผลิตน้ำนมได้ปริมาณมากเพียงพอ ทำได้อย่างไรบ้าง ?

                  เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หากอยากจะให้ประสบความสำเร็จ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงพร้อมในทุกวัน และที่คือต้องกระตุ้นน้ำนมแม่ ซึ่งวิธีง่ายๆ ก็คือ

                  1. ให้ลูกกินนมจากเต้าบ่อยๆ อย่างน้อย 8-12 ครั้ง / วัน และต้องดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที
                  2. ให้ปั๊มนมแม่ออก ซึ่งน้ำนมที่ปั๊มออกมาคุณแม่สามารถเก็บเป็นสต็อกน้ำนมแม่ไว้ให้ลูกน้อยกินในมื้อถัดไปได้ค่ะ สำหรับการปั๊มนม ยังเป็นการกระตุ้นนมแม่ให้ตรงรอบกินนมของลูกน้อยอีกด้วย ในกรณีที่ลูกหลับยังไม่ตื่น แต่ถึงเวลาที่ต้องเข้าเต้า คุณแม่สามารถใช้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า ปั๊มนมแม่ออกมาได้เลยค่ะ เพราะถ้าปล่อยนมให้แน่นเต้า อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ค่ะ

                   

                  ทำไมต้องใช้เครื่องปั๊มนม ?

                  การปั๊มนมแม่ด้วยเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า จะช่วยทุ่นแรงให้คุณแม่สะดวก สบาย ประหยัดเวลา และได้น้ำนมคุณภาพที่ปลอดจากเชื้อโรคขณะปั๊มนมค่ะ

                  ปัญหาการให้นมแม่

                  เครื่องปั๊มนม Attitude Mom ผู้ช่วยคนสำคัญของคุณแม่ให้นมลูก

                  จริงๆ การจะเลือกใช้เครื่องปั๊มนมสักเครื่อง ก็ต้องให้ประโยชน์ครอบคลุมการใช้งานถูกไหมคะ เพราะนอกจากใช้ปั๊มนมแม่ที่บ้านแล้ว เวลาออกนอกบ้านไปทำงานก็ต้องพกพาง่าย หยิบใช้สะดวกค่ะ ซึ่งเครื่องปั๊มนม Attitude Mom ตอบโจทย์คุณแม่มากค่ะ

                  เครื่องปั๊มนม Attitude Mom มีทั้งหมด 4 รุ่น คือ…

                  Attitude Mom

                  รุ่น Galaxy ระบบ 2 มอเตอร์ น้ำหนัก 475 กรัม แรงดูด 900 มิลลิเมตรปรอท (ข้างละ 450 มิลลิเมตรปรอท)

                  • Hospital Grad
                  • 2 มอเตอร์ แยกการทำงานอย่างอิสระ ทนทาน
                  • 4 โหมดการปั๊มนม ดูด/2in1/รีด/กระตุ้น
                  • แรงปั๊มแยกซ้าย/ขวา ข้างละ 450 mmHg
                  • เกลี้ยงเต้าเร็วมากขึ้น
                  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน กว่า 250 นาที
                  • น้ำหนักเบาเพียง 475 g.
                  • เสียงการทำงานตัวเครื่องเบา ไม่รบกวน
                  • รองรับการปั๊มนมอย่างหนัก ทุกสถานการณ์

                  Attitude Mom

                  รุ่น Mirror Light ระบบ 1 มอเตอร์ น้ำหนัก 240.5 กรัม แรงดูด 450 มิลลิเมตรปรอท

                  • พกพาสะดวก น้ำหนักเบาเพียง 5 g.
                  • 5 โหมดการปั๊มนม Spin/ดูด/2in1/รีด/กระตุ้น
                  • มาพร้อมมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่แข็งแกร่ง
                  • เสียงเครื่องเงียบมากขึ้น
                  • หน้าจอมีไฟ LED เพิ่มแสงสว่าง เมื่อปั๊มตอนกลางคืน
                  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน กว่า 180 นาที
                  • แรงดูดสูงสุด 450 mmHg
                  • พร้อมกับกรวยซิลิโคน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Attitude Mom

                  Attitude Mom

                  รุ่น Little plus Pro ระบบ 1 มอเตอร์ มีแบตเตอรี่ในตัว แรงดูด 380 มิลลิเมตรปรอท

                  • มี 4 โหมดการทำงาน ครบครับต่อการใช้งานในการปั๊ม โหมดดูด/โหมด2in1/โหมดรีด/โหมดกระตุ้น
                  • มีฟังก์ชั่น Turbo Mode เพิ่มประสิทธิภาพการดูดให้มากขึ้น
                  • เครื่องปั๊มนมสามารถแยกเป็นปั๊มคู่หรือเดี่ยวได้
                  • แรงดูดสูงสุด 380 mmHg
                  • น้ำหนักเบาเพียง 5 กรัม พกพาสะดวก
                  • ภายในกล่อง เป็นชุดกรวยซิลิโคนแท้ 100% ไซซ์ 24 ซ.ม. (หากต้องการไซซ์อื่นๆ สามารถซื้อเพิ่มเติมได้)รับประกัน 1 ปี ทั้งมอเตอร์ และ แบตเตอรี่
                  • หน้าจอระบบ Touch Screen มีระบบล็อคหน้าจออัตโมมัติ

                   

                  ปัญหาการให้นมแม่

                  รุ่นปั๊มด้วยมือ รุ่น Compact  สะดวก ปั๊มด้วยมือเดียว ออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ หรือ Power bank สามารถควบคุมแรงดูดได้ด้วยตัวเอง

                  • อุปกรณ์ทุกชิ้น ได้จดทะเบียนสถานประกอบการเครื่องมือแพทย์ผ่านมาตรฐานทั้งไทยและสากลได้รับหนังสือรับรองจากสำนักงานอาหารและยากระทรวงสาธารณะสุขของไทย
                  • ตัวเกรดของผลิตภัณฑ์ยังเป็นเกรดเดียวกับโรงพยาบาลชั้นนำ และปราศจากสาร BPA ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
                  • สามารถควบคุมจังหวะการดูด ได้ด้วยตัวเอง โดยลักษณะการดูดของอุปกรณ์ยังคงความนุ่มนวลในการดูด
                  • ชุดอุปกรณ์ส่วนของข้อต่อกรวย ถูกออกแบบใหม่ เพื่อรองรับการปั๊มด้วยมือ และยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
                  • ชุดอุปกรณ์ส่วนที่จับสำหรับการปั๊ม ถูกออกแบบมาให้รองรับกับมือ กระชับ และง่ายต่อการบีบกด
                  • สามารถวางมือการปั๊มได้หลายลักษณะ เพราะตัวจับไม่ได้ติดอยู่กับชุดอุปกณ์ มีสายปั๊มยาว 50 ซม. ทำให้ไม่เมื่อย มือขณะปั๊ม
                  • ขณะปั๊ม ไม่มีเสียงการทำงานของชุดอุปกณ์ดังรบกวน

                  ซึ่งทุกรุ่นของเครื่องปั๊มนม Attitude Mom ผ่านการรับรองมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ได้รับการันตีจาก RoHs  มาตรฐานสำหรับสิ่งแวดล้อม  FDA (USA) องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา  FCC ศูนย์ทดสอบผลิดตภัณฑ์ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์  ISO 13485 เป็นระบบมาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ พัฒนา ผลิต และ ขาย เครื่องมือทางการแพทย์ (มาตรฐาน ISO 13485 ระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์) และ BPA FREE ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

                  ว่าที่คุณแม่มือใหม่ และคุณแม่ที่กำลังให้นมลูก แล้วอยากได้เครื่องปั๊มนมคุณภาพดีอย่าง เครื่องปั๊มนม Attitude Mom ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ www.attitudemombreastpump.com รับรองไม่ผิดหวัง คุณแม่ต้องชอบแน่นอนค่ะ

                  ปัญหาการให้นมแม่

                   

                   

                    ดนตรีพัฒนาสมอง

                    ดนตรีพัฒนาสมอง เพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้ลูกน้อย

                    ดนตรี เป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เป็นสิ่งที่สามารถรับฟังได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักภาษานั้นเลยก็ตาม นั่นคือสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ทั้งยังส่งผลดีต่อสมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ แล้ว ดนตรีพัฒนาสมอง ได้อย่างไร แม่น้องเล็กมีความรู้ดีๆ มาฝาก

                    Continue reading “ดนตรีพัฒนาสมอง เพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้ลูกน้อย”

                      โรงเรียนวัดบวรนิเวศ

                      เด็กๆ เฮลั่น! โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน”

                      น่าพาลูกไปเรียนมากแม่!! โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน” สอนครบจบในห้อง เน้นเพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้องเรียน เริ่มปีการศึกษา 2563 นี้

                      โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน”

                      เรียกว่าสร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลได้เป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 63 ทางเพจโรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ (Wat Bowonniwet School) โรงเรียนชายล้วนชื่อดัง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ประกาศข่าวดีสำหรับเด็กนักเรียน คือ ทางโรงเรียนเตรียมออกนโยบาย “โรงเรียนปลอดการบ้าน No Homework School” และเน้นทำแบบฝึก กิจกรรมต่างๆ จบในห้องเรียน โดยระบุข้อความว่า… “เป้าหมายที่เรากำลังจะทำ #โรงเรียนปลอดการบ้าน #บวรนิเวศเกรียงเดชเกริกก้องเกรียงไกร #โรงเรียนชายล้วนหกแผ่นดิน ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำในปีการศึกษา 2563 และก็มีชาวเน็ตบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่บางส่วนกลับเห็นด้วย

                      โรงเรียนวัดบวรนิเวศ
                      โพสต์ประกาศจากทางเพจ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ประกาศเป็น “โรงเรียนปลอดการบ้าน”
                      ทั้งนี้ ผอ.เขษมชาติ อารีมิตร ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ได้กล่าวถึงแนวคิดของ “โรงเรียนปลอดการบ้าน” ว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาแนวทาง รูปแบบของการเรียน แต่จะเกิดขึ้นแน่นอนในปีการศึกษา 2563 นี้
                      โดยจะใช้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน ของอเมริกา (Flipped Classroom) คือ เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองตามทักษะและความสามารถของแต่ละคน และใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนมากขึ้นแทนการใช้กระดาน ให้นักเรียนเรียนน้อยลง มีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อทำกิจกรรม ซึ่ง โรงเรียนบวรนิเวศ พร้อมสนับสนุนกิจกรรมหลากหลายรูปแบบของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านกีฬา ดนตรี หรือแม้กระทั่งกีฬา E-sport
                      สำหรับเรื่องการยกเลิกการบ้านนั้น ผอ.เขษมชาติ กล่าวว่า “การบ้านเยอะมีปัญหากับนักเรียนทุกระดับ ครูหนึ่งวิชาสั่งการบ้านทั้งเทอม นักเรียนต้องทำการบ้านทุกวิชา ยังไม่รวมงานกลุ่ม งานชิ้น ดังนั้นเราควรเคลียร์การบ้านให้เสร็จตั้งแต่ในห้องเรียนและใช้เวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สนใจ คนเก่งไม่ได้มีแค่เก่งวิชาการ เราควรมองว่าเด็กทุกคนมีความเก่งอยู่ในตัว อยู่ที่ว่าเก่งด้านไหน และจะดันให้เด็กเก่งขึ้นได้อย่างไร ซึ่งทางโรงเรียนต้องการเด็กแบบนี้ ได้ส่งเสริมในสิ่งที่เขาชอบ และ เก่ง ดี มีสุข ที่แท้จริงตาม พระราชบัญญัติการศึกษาไทย”
                      ด้านการค้นหาความสามารถของนักเรียน จะมีขึ้นตั้งแต่การสอบเข้า โรงเรียนจะมีแบบทดสอบความถนัดเพื่อทดสอบความสามารถแฝง คุณครูต้องปรับตัวจากการสอนแบบเดิมมาเป็น “โค้ช” เพื่อแนะนำวิธีการศึกษาให้นักเรียนหาข้อมูลด้วยตนเองมากขึ้น และกลับมาทำแบบฝึกหัดไปพร้อมกับการอธิบาย
                      วิธีนี้นักเรียนจะไม่มีการบ้านและได้เรียนรู้จากการทำแบบฝึกหัดไปในตัว การดูแลนักเรียนรายบุคคลเป็นเรื่องสำคัญมาก ครูต้องรู้จักชื่อนักเรียน ประวัติ รวมถึงความสามารถพิเศษด้วย
                      ด้านการวัดผล จะเป็นการสอบ และวัดผลโดยใช้วิธีประเมินตามสภาพจริง สามารถให้โอกาสนักเรียนสอบใหม่หรือค้นคว้าทำงานที่เกี่ยวข้องมาส่ง เพราะเชื่อว่านักเรียนทุกคนมีความแตกต่าง เขาอาจตอบไม่เก่ง แต่สามารถนำเสนอความรู้ความเข้าใจด้วยวิธีอื่นได้
                      ที่มา : ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จากทีมงานเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม www.dek-d.com

                      อ่านต่อ >> “ข้อดีและข้อเสียของการเป็นโรงเรียนปลอดการบ้าน” คลิกหน้า 2

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        วินัยเชิงบวก

                        [สร้างวินัยเชิงบวก] ชวนพ่อแม่สำรวจ เรา “สั่ง” หรือ “สอน” ลูกอยู่นะ

                        สั่งแบบนี้ ไม่ดีแน่ >> สอนแบบนี้สิ ใช่เลย! มาสร้าง วินัยเชิงบวก ให้ลูกด้วย “การสอน” กันดีกว่าค่ะ เพราะบางครั้งการออกคำสั่งก็ไม่ได้ช่วยให้ลูกเชื่อฟัง แต่อาจทำให้ต่อต้านกว่าเดิมด้วย

                        การสร้าง “วินัยเชิงบวก” ถือเป็นเรื่องที่คุรพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องรู้จัก เพราะหลายคนอาจไม่คุ้นเคยว่าการสร้าง วินัยเชิงบวก คืออะไร ทั้งนี้ การสร้างวินัยเชิงบวก คือการสอนและการฝึกฝนเด็กให้มีพฤติกรรมตามที่เราคาดหวัง ด้วยการใช้การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพตรงกับธรรมชาติการรับรู้และการเรียนรู้ของเด็ก กล่าวคือ

                        1. เด็กจะรับรู้สิ่งที่เราสื่อสารได้ดีเมื่อเราตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางร่างกายและจิตใจของเด็กก่อน แล้วสมองของเด็กจึงจะเปิดรับสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร
                        2. เด็กจะเรียนรู้สิ่งที่เราสื่อสารได้ดีเมื่อเราสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กก่อน แล้วสมองของเด็กจะพร้อมทำความเข้าใจ

                        ดังนั้นเทคนิคการสร้าง วินัยเชิงบวก จึงเป็นการสื่อสารที่ช่วยให้เด็กฟังและเข้าใจสิ่งที่เราสอนได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยจูงใจให้เด็กอยากทำตามในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนด้วยตัวเขาเอง

                        เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวก
                        เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวก

                        ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดจะมีการสื่อสารกับลูกหลานของเราอยู่ตลอดเวลา และอาจเคยใช้เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกไปบ้างโดยไม่รู้ตัว แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้สลับกันไปมากับการสร้างวินัยเชิงลบทำให้การสื่อสารไม่ค่อยได้ผลจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบางวันลูกเรามีพฤติกรรมดี น่ารักมาก แต่บางวันกลับงอแงและดื้อรั้น (โดยเฉพาะเด็ก Gen ใหม่ที่รู้จักใช้เทคโนโลยี)

                        ทีมแม่ ABK จึงชวนมาคุณพ่อคุณแม่ตรวจสอบตนเองว่าในแต่ละวันที่เราดูแลลูกนั้น เรา “สั่ง” หรือ “สอน” มากกว่ากัน หากใช้การสั่งมากกว่าการสอนแสดงว่าใช้การสร้างวินัยเชิงลบมากกว่า แต่หากใช้การสอนมากกว่าการสั่งก็หมายความว่า คุณพ่อคุณแม่ใช้การสร้าง วินัยเชิงบวก มากกว่านั่นเองค่ะ

                         

                        ติดตามอ่าน สร้างวินัยเชิงบวก
                        ชวนพ่อแม่สำรวจ เรา “สั่ง” หรือ “สอน” ลูกอยู่นะ ต่อที่หน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          Tags

                          วิธีสร้างเวลาคุณภาพ

                          วิธีสร้างเวลาคุณภาพ ให้ลูกฉลาดไม่สิ้นสุด

                          ศักยภาพในการเรียนรู้ และพัฒนาของเด็กแต่ละคนนั้นมีไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น กรรมพันธุ์ ความตั้งใจ ความขยัน และอีกหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้น “เวลา” เป็นตัวกำหนด แม่น้องเล็กจึงมีเคล็ดลับ วิธีสร้างเวลาคุณภาพ เพื่อให้ลูกน้อยเรียนเก่งขึ้น

                          Continue reading “วิธีสร้างเวลาคุณภาพ ให้ลูกฉลาดไม่สิ้นสุด”

                            ค่าเทอมลูกดารา

                            ส่อง ค่าเทอมลูกดารา เรียนที่ไหนกัน แม่ต้องจ่ายเท่าไหร่บ้าง?

                            แอบส่อง ค่าเทอมลูกดารา กัน เมื่อซุปตาร์ตัวน้อยเริ่มโตถึงวัยเรียน คุณพ่อคุณแม่ดาราพาลูกไปเรียนที่ไหน และต้องจ่ายค่าเทอมปีละเท่าไหร่กันบ้าง ตามไปดูกันเลยค่า

                            ลูกดาราเรียนที่ไหน
                            ส่อง  ค่าเทอมลูกดารา พ่อแม่จ่ายเท่าไหร่กันบ้าง

                            เพราะการศึกษาของลูก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก บรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่มีความพร้อมด้านทุนทรัพย์และอยากให้ลูกได้รับสภาพแวดล้อมที่ดี มีพื้นฐานทางด้านภาษาที่แน่น จึงมักจะวางแผนให้ลูกเข้าเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลในโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ หรือโรงเรียนที่เน้นสอนมากกว่า 2 ภาษา

                            ว่าแต่ถ้าเป็นครอบครัวดาราที่เหล่าทายาทตัวน้อย เริ่มโตขึ้นและต้องเข้าโรงเรียนกันแล้ว ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ จะเลือกส่งเด็ก ๆ ลูกดาราเรียนที่ไหน เข้าเรียนที่โรงเรียนอะไร และมีค่าเทอมแต่ละปีเท่าไหร่กันบ้าง ตามไปส่องโรงเรียนของ 8 ลูกดาราไทย พร้อมค่าเทอมสุดอลังการกันค่ะ ทีมแม่ ABK ไปแอบเช็กมาให้แล้ว ขอบอกว่าทะลุหลักหมื่น หลักแสนกันทั้งนั้นเลยจ้า

                             

                            น้องชูใจ : โรงเรียนสาธิตพัฒนา

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ส่ขอบคุณภาพจาก IG @belleinsmile

                            มากันที่คนแรก ด.ญ.ณอร ศรีหมอก หรือ น้องชูใจ ลูกสาวสุดที่รักของพ่อกอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ และแม่เบลล์ ยุภาพร สำหรับแฟนคลับที่อยากรู้ น้องชูใจ เรียนที่ไหน ซึ่งทั้งครอบครัวนี้ก็ไม่ได้พาน้องไปเรียนที่เชียงรายใหม่บ้านเกิดของคุณพ่อ แต่ส่งน้องชูใจเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาลที่ โรงเรียนสาธิตพัฒนา โรงเรียนเดียวกับ น้องข้าวหอม ทายาทหมื่นล้าน ลูกชายสุดหล่อของแม่ตั๊ก บงกช

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ขอบคุณภาพจาก IG @belleinsmile

                            โดย โรงเรียนสาธิตพัฒนา เป็นโรงเรียนแนวบูรณาการ : ความหวังให้ลูกมีความสุข ไม่เร่งรัดเรื่องเรียนมากเกินไป เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติและกิจกรรม มีอัตราค่าเล่าเรียนอยู่ที่เทอมละ 53,500 บาท (ชั้นเตรียมอนุบาล-อนุบาลปีที่ 3) และอัตราค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งน้องชูใจเองก็ดูมีความสุขกับชีวิตวัยเรียนเป็นอย่างดี เห็นได้จากวีรกรรมที่สาวน้อยมักจะหยิบมาเล่าให้แฟนคลับฟังบ่อย ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโรงเรียนสาธิตพัฒนา คลิกที่นี่ >> www.satitpattana.ac.th

                             

                            น้องปีใหม่ : โรงเรียนทอสี

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ขอบคุณภาพจาก IG @aff_taksaorn

                            สำหรับ ค่าเทอมลูกดารา คนที่ 2 คือ ที่ทีมแม่ ABK ไปแอบส่งมาคือ ด.ญ. เอวาริณ เตชะณรงค์ ลูกสาวสุดหวงของแม่แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแม่แอฟและคุณพ่อสงกรานต์ เตชะณรงค์  ได้ปูพื้นฐานให้กับน้องปีใหม่ ซึ่งอายุได้หนึ่งขวบครึ่ง โดยให้เข้าเรียนชั้นเตรียมอนุบาลที่ Ivy Bound International School  แต่เมื่อแม่แอฟกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว จึงตัดสินใจให้น้องปีใหม่ เข้าเรียนระดับชั้นอนุบาลที่ โรงเรียนทอสี ซึ่งมีค่าเล่าเรียนอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาทต่อปี นับเป็น ค่าเทอมลูกดารา อีกคนที่ค่าใช้จ่ายไม่ใช่เล่น ๆ แต่จัดว่าเหมาะกับน้องปีใหม่มากจริง ๆ เพราะโรงเรียนนี้ขึ้นชื่อเรื่องวิชาการ มารยาท และหลักการสอนวิถีพุทธนั่นเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโรงเรียนทอสี คลิกที่นี่ >> thawsischool.com

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ขอบคุณภาพจาก IG @aff_taksaorn

                             

                            น้องบีลีฟ : โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ขอบคุณภาพจาก IG @elsiedreamer

                            ถัดมา คือ ด.ญ. บีลีฟ จันทร์เรือง หรือน้องบีลีฟ ลูกสาวสุดที่รักของ พ่อตั๊ก บริบูรณ์ และแม่เอลซี่ ก็ได้ส่งน้องเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่ Bromsgrove International School Thailand โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ซึ่งอิงระบบการเรียนการสอนของประเทศอังกฤษ ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุคสมัยและโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้จะรับมือกับการดูแลน้องบีลีฟที่พูดได้หลายภาษาได้เป็นอย่างดี โดยมีค่าเทอมระดับอนุบาล ปีละ 322,560 ค่าสมัคร 5,000 บาท ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 20,000 – 50,000 บาท (แล้วแต่ระดับชั้น) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ คลิกที่นี่ >> www.bromsgrove.ac.th

                            ค่าเทอมลูกดารา
                            ขอบคุณภาพจาก IG @elsiedreamer

                             

                             

                            อ่านต่อ  >> “ค่าเทอมลูกดารา น้องเป่าเปา,
                            น้องพลอยเจ, น้องเรซซิ่ง พ่อแม่จ่ายเท่าไหร่กันบ้าง” คลิกหน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                              นิสัยกินน้อย กินยาก ทำเด็กวัย 1-3 ปีมีโอกาสขาดสารอาหารมากกว่าวัยอื่น

                              เด็กเล็กในช่วงวัย 1-3 ปีมีโอกาสขาดสารอาหารจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ  ลองสังเกตดูสักนิดว่าลูกรักที่อยู่ในวัยเด็กเล็กกำลังมีพฤติกรรมกินยาก เลือกกิน และชอบปฏิเสธอาหารที่คุณแม่จัดให้กินบ่อยๆ หรือเปล่า

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                              แพทย์หญิงกิติมา ยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ผลิตอาหารทารกและเด็กเล็ก  ให้คำตอบว่า ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการกินของเด็กในวัยนี้ที่เริ่มไม่เป็นไปตามที่คุณแม่คาดหวัง จากเดิมที่ในช่วงก่อนขวบ ไม่ว่าคุณแม่จะจัดอาหารตามวัยแบบไหนให้ ลูกมักจะไม่ปฏิเสธเพราะว่ายังกินเองไม่ค่อยได้ คุณแม่ยังต้องคอยป้อน คอยกระตุ้นให้กินอาหารดีมีโภชนาการ กินผักกินผลไม้ แต่พอช่วงหนึ่งขวบไปแล้วไปจนครบสองขวบ เป็นช่วงวัยที่ลูกเริ่มมีความเป็นตัวเอง รู้จักเลือก รู้จักปฏิเสธ อะไรชอบจะกิน อะไรไม่ชอบก็ส่ายหน้า เลือกกินแต่เมนูที่ชอบซ้ำๆ แม้แต่ผักที่เคยกินกลับไม่กิน และไม่ค่อยยอมลิ้มลองรสชาติอาหารใหม่ๆ

                              ด้วยวัยที่สามารถกินอาหารได้คล้ายผู้ใหญ่เกือบทุกอย่าง อาหารที่เด็กวัย 1-3 ปีกินได้จึงมีมาก ทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ถ้าหากคุณแม่ยึดหลักการจัดอาหารมื้อหลัก 3 มื้อที่มีคุณค่าโภชนาการครบห้าหมู่ ให้กินนมรสจืดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน ขนมกรุบกรอบ  น้ำอัดลม ฯลฯ ก็วางใจได้ว่าจะไม่ประสบปัญหาการขาดสารอาหารในช่วงวัยนี้ คุณแม่จึงต้องใส่ใจเรื่องกินของลูกวัยเด็กเล็ก 1-3 ปีให้มาก ควรฝึกนิสัยการกินที่ดี สร้างวินัยเรื่องกินหากเริ่มสังเกตพบว่าลูกกำลังมีพฤติกรรมกินยาก ปฏิเสธอาหารมีคุณค่าที่คุณแม่จัดให้

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                              “การขาดสารอาหารในที่นี้หมายถึงปริมาณสารอาหารที่ช่วงวัยของลูกควรได้รับนั้น เขาได้รับไม่พอในแต่ละวัน โดยเฉพาะสารอาหารกลุ่มรอง (Micronutrient) จำพวกวิตามินแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งพบในเด็กที่มีภาวะโภชนาการขาด เช่น ผอมมาก เตี้ยมาก และเด็กที่มีภาวะโภชนาการเกินคือ เริ่มมีน้ำหนักมากและเด็กอ้วน” แพทย์หญิงกิติมากล่าว

                              สอดรับกับข้อมูลสำรวจพฤติกรรมการกินและภาวะโภชนาการเด็กไทยจากแหล่งอ้างอิง เช่น SEANUTS โดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และ Thailand MICS 20152016 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับสปสช.และองค์การยูนิเซฟ ที่ให้ข้อสรุปถึงปัญหาโภชนาการเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปีพบว่าขาดสารอาหารในกลุ่มไมโครนูเทรียนต์ซึ่งเป็นสารอาหารกลุ่มรองจำพวกวิตามินและแร่ธาตุ โดยสารอาหารที่พบว่าเด็กเล็กประสบภาวะขาดหรือพร่องไปมาก ได้แก่ แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ  วิตามินซี และสังกะสี ในผลสำรวจ SEANUTS ยังพบว่าเด็กไทยขาดวิตามินดีอีกด้วย

                               

                              สารอาหารกลุ่มรอง..ต้องการไม่มากแต่ขาดไม่ได้

                              นางสาวเพชรนภา องค์ตระกูลกิจ นักกำหนดอาหาร สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารอาหารกลุ่มรองซึ่งจำเป็นสำหรับวัยเด็กเล็ก 1-3 ปีว่า เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตในช่วงวัยที่ร่างกายและสมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต สารอาหารกลุ่มวิตามินแร่ธาตุเป็นโภชนาการที่ร่างกายเด็กเล็กต้องการในแต่ละวันไม่มากนักแต่ก็จะขาดไม่ได้ หากไม่ได้รับสารอาหารกลุ่มนี้บ่อยๆ เป็นเวลานาน จะมีผลต่อการพัฒนาทั้งด้านร่างกายและสมอง

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                              สารอาหารไมโครนูเทรียนต์หลายชนิดจะทำงานร่วมกัน เช่น แคลเซียมทำงานร่วมกับฟอสฟอรัสและวิตามินดี ร่างกายจึงจะสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดี กระดูกและฟันจะเติบโตแข็งแรง เช็คความสูงของลูกเมื่ออายุครบสองขวบคูณด้วยสอง ก็จะบอกได้ว่าหากลูกโตเต็มศักยภาพ เขาจะมีความสูงเท่าใด การเติบโตได้เต็มศักยภาพนั้นคุณแม่ต้องดูแลเรื่องโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วยตลอดระยะเวลาช่วงวัยเด็กเล็กไปจนถึงวัยรุ่น

                              ธาตุเหล็กทำงานร่วมกับแมงกานีสและสังกะสี เป็นสารอาหารกลุ่มรองที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาสมอง ระบบความคิด  ความจำ และสติปัญญา

                              “โดยทั่วไปหากเด็กได้รับอาหารมื้อหลักครบคุณค่าห้าหมู่ ก็จะได้รับสารอาหารไมโครนูเทรียนต์ร่วมด้วยอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่คุณแม่มักจะมาปรึกษาก็คือ ลูกกินผักผลไม้น้อยมากหรือแทบจะไม่กินเลย จึงทำให้กังวล สิ่งที่จะแนะนำได้ก็คือ พยายามใช้วัตถุดิบอาหารที่มีความหลากหลายมาปรุงอาหารให้ลูก ไม่ควรทำเมนูซ้ำๆ หรือให้ลูกกินอะไรเหมือนเดิมทุกมื้อเพียงเพราะลูกชอบ

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                              ตรงนี้เป็นภารกิจคุณแม่ที่ต้องใช้ความพยายามและอดทนที่จะปรับเปลี่ยนอาหารและฝึกนิสัยการกินที่ดีให้ลูก เพราะหากลูกกินอย่างมีโภชนาการ รู้จักเลือกอาหารมีคุณค่า มีวินัยการกิน เขาจะไม่มีปัญหาสุขภาพและโภชนาการเมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่น”   นักกำหนดอาหาร กล่าวและเสริมว่า การให้ลูกกินนมเสริมสารอาหารที่มีการเติมสารอาหารกลุ่มไมโครนูเทรียนต์เพิ่มเติม เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน วิตามินต่างๆ ก็ถือเป็นตัวช่วยคุณแม่ให้คลายกังวล ให้ลูกกินนมรสจืดวันละ 2-3 แก้วเพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารจำเป็นต่อการเจริญเติบโตครบถ้วนและสมดุล

                              นิสัยกินน้อย กินยาก

                                โควิด-19

                                โควิด-19 พ่อแม่ติดเชื้อส่งผลกระทบถึงลูกน้อย

                                โควิด-19 คือชื่อเรียกใหม่ของไวรัสโคโรนาที่คุณพ่อ คุณแม่อาจจะเริ่มคุ้นเคยกันบ้างแล้ว จากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และขยายวงกว้างไปทั่วเอเชีย สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผลกระทบที่สำคัญต่อเด็กน้อย ตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนถึงเด็กเล็กที่ต้องระวัง

                                Continue reading “โควิด-19 พ่อแม่ติดเชื้อส่งผลกระทบถึงลูกน้อย”

                                  ประชาธิปไตย

                                  ปลูกฝังประชาธิปไตยให้ลูก เริ่มต้นได้ที่บ้าน

                                  ประชาธิปไตย คือคำที่ถูกเรียกระบอบการปกครองสุดท้ายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก หมายถึง สิทธิ และหน้าที่ที่มนุษย์ทุกคนต้องปฏิบัติตามเสียงข้างมาก เพื่อความเสมอภาคของทุกคนในสังคม การปลูกฝังเรื่องประชาธิปไตยให้ลูกตั้งแต่ยังเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

                                  Continue reading “ปลูกฝังประชาธิปไตยให้ลูก เริ่มต้นได้ที่บ้าน”

                                    สนามเด็กเล่น

                                    5 ภัยอันตรายใน สนามเด็กเล่น ต้องสอนลูกให้ระวัง!

                                    อุทาหรณ์! เด็กชายถูกม้ากระดกใน สนามเด็กเล่น กระแทกอกเสียชีวิต หมอบอกไม่เป็นอะไรมาก กลับมานอนรักษาอาการอยู่บ้านได้ 3 วัน สุดท้ายเสียชีวิตคาอ้อมกอดแม่

                                    สุดเศร้า! เด็กชายวัย 12 ถูกม้ากระดกใน สนามเด็กเล่น
                                    กระแทกอกเสียชีวิต

                                    เรียกได้ว่าเป็นอุทาหรณ์สุดเศร้าอีกหนึ่งเรื่อง กับเหตุการณ์เสียชีวิตที่เกิดจาก ภัยอันตรายใน สนามเด็กเล่น ของเด็กชายอายุ 12 ปี ที่ไปเล่นม้ากระดก ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะเล่นกับเพื่อน และถูกยกกระดกไปอยู่ด้านบนสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตรเศษ แต่เพื่อนที่เล่นด้วยกันได้ลุกออกจากที่นั่งอย่างกะทันหัน ทำให้ม้ากระดกตกกระแทกพื้นอย่างแรง และราวเหล็กคล้ายตัว T ที่ทำไว้สำหรับเป็นที่จับกระแทกเข้าหน้าอกอย่างแรง

                                    สนามเด็กเล่น

                                    เมื่อพาไปโรงพยาบาล หมอบอกไม่เป็นอะไรมาก จึงกลับมานอนรักษาอาการปวดท้องอยู่บ้าน สุดท้ายเสียชีวิตคาอ้อมกอดแม่ และต้องรีบจัดการเผาศพเพราะเอาไว้นานไม่ได้ เพราะไม่มีเงินค่าใช้จ่าย อีกทั้งประกันชีวิตหมู่ที่ทางโรงเรียนทำให้บอกว่าจะช่วยค่าทำศพเพียง 10,000 บาท เพราะแพทย์ระบุในใบมรณะบัตรว่า เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

                                    ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้คุณแม่ของเด็กชายผู้เสียชีวิตได้เล่าให้กับนักข่าวอมรินทร์ทีวีว่า..

                                    เธอและลูกชายได้ไปชมและเชียร์กีฬาของหมู่บ้านที่สนามกีฬาของ อบต. โดยลูกชายก็ได้ไปเล่นที่สนามเด็กเล่นห่างออกไปประมาณ 100 เมตร ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. ลูกชายเดินเอามือกุมท้องเข้ามาหา พอถึงก็นอนหงายลงกับพื้นสนามหญ้า แม่จึงสอบถามได้ความว่าถูกที่จับม้ากระดกกระแทกเข้าที่ท้อง ตนจึงได้เอายาหม่องทาให้
                                    จนรุ่งเช้าของวันใหม่ ลูกชายก็ยังบ่นว่าปวดท้องอยู่และมีอาการอาเจียนร่วมด้วยหลายครั้ง จึงได้ไปลาครูให้แล้วตัดสินใจพาไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอก็สอบถามอาการและตรวจเบื้องต้น พร้อมได้ฉีดยาให้ 1 เข็มและให้ยามากิน โดยบอกว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอักเสบ ให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน
                                    จนกระทั่งในเช้าอีกวันตนได้ต้มโจ๊กจะเอาไปป้อนลูกซึ่งนอนอยู่ในห้อง แต่พอไปถึงกลับก็พบว่าลูกมีอาการเบิกตาโพรงและหายในรวยริน จึงรีบเข้าไปอุ้มลูกเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วลูกก็เสียชีวิต
                                    เบื้องต้น ครอบครัวเชื่อว่าน้องน่าจะเสียชีวิตจากแรงกระแทก ซึ่งอาจทำให้อวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือน ถึงขั้นแตกหัก ซึ่งทางคุณแม่เองก็ไม่ได้ผ่าชันสูตรศพเนื่องจากไม่อยากให้น้องเจ็บไปกว่านี้ และฐานะยากจนไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งนี้คุณแม่จึงได้ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ใน สนามเด็กเล่น ให้พ่อแม่คอยดูและระวังลูกให้ดีเพราะอาจจะได้รับอันตรายได้

                                    ขอบคุณข้อมูลและคลิปข่าวจาก AMARIN TVHD

                                     

                                    จากข่าวการเสียชีวิตของเด็กชายวัย 12 ที่ถูกเครื่องเล่นม้ากระดกใน สนามเด็กเล่น กระแทกหน้าอกจนเสียชีวิต ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องคอยสอดส่องดูแลและระมัดระวังลูกน้อยทุกครั้งที่ปล่อยให้ไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ในสนามเด็กเล่น ซึ่งถ้าเป็นเด็กเล็กสำคัญมากว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นตามลำพัง และต้องตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในสนามเด็กเล่นก่อนทุกครั้งว่าจะปลอดภัยกับลูกรึเปล่า ไม่ว่าจะเป็น พื้นสนาม เครื่องเล่นอยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคงไม่ และแต่ละอย่างตั้งไว้ห่างกันหรือดีหรือเปล่า นอกจากนี้ เสื้อผ้าของ ลูกก็เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะเล่นได้

                                    ทั้งนี้อย่าลืมสำรวจบริเวณโดยรอบว่าปลอดภัยรึเปล่า เช่น มีเศษแก้วเหล็กแหลม ขวด กระป๋อง หรือไม่ สถานที่เล่นใกล้ถนนหรือไม่ มีรั้วกั้นหรือไม่ และสถานที่ควรจะอยู่ในร่มเพื่อป้องกันลูกผิวไหม้จากแดดด้วย

                                    อ่านต่อ >> “ภัยอันตรายในสนามเด็กเล่นที่พ่อแม่ต้องสอนลูกให้ระวัง”
                                    คลิกหน้า
                                    2

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่