การหั่นอาหาร blw

“ฝึกลูกกินเอง” การหั่นอาหาร blw หั่นกินแบบไหนไม่ติดคอ?

หากอยากฝึกลูกกินอาหารเอง ไม่บด ไม่ป้อน การเตรียมอาหาร blw จะมีอะไรบ้าง หรือ การหั่นอาหาร blw ต้องหั่นแบบไหน! เพื่อลูกกินแล้วไม่สำลัก ทีมแม่ ABK มีคำตอบให้ค่ะ

“ฝึกลูกกินเอง” การหั่นอาหาร blw
หั่นแบบไหน! กินแล้วไม่สำลัก

การฝึกลูกกินอาหารด้วยตัวเอง หรือ การให้ ลูกกินแบบ blw (Baby Led Weaning) “แม่ไม่เหนื่อยป้อน สอนลูกให้กินเอง”  คุณแม่สามารถให้ลูกอายุตั้งแต่ 6 เดือนเริ่มฝึกได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟันขึ้นก็สามารถให้กินได้ เพราะลูกจะใช้เหงือกในการบดเคี้ยวอาหาร และวิธีนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ ฝึกการเคี้ยว ควบคุมลิ้นเอง การใช้กล้ามเนื้อมือ ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก

Must read >> รู้จัก BLW ฝึกลูกกินอาหารเอง หยิบเอง แม่ไม่ต้องป้อนตั้งแต่มื้อแรก

การกินแบบ blw คุณแม่จัดการอาหารให้ลูก โดย การหั่นอาหาร blw ให้ถูกวิธี อาหารแต่ละอย่างก็จะมีการหั่นที่ไม่เหมือนกัน ทั้งผัก เนื้อสัตว์ ผลไม้ จะหั่นแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้พ่อแม่ควรนำเสนออาหารให้ลูกให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเจเมนูใดเมนูหนึ่งจนเกินไป

โดยลูกสามารถกินได้ทั้งเมนูข้าว เมนูเส้นและอื่นๆ แรกๆ ลูกอาจยังแค่สำรวจอาหาร ไม่กินเลย กินนิดเดียว กินเยอะ ซึ่งเด็กแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป อาจจะโปรยทิ้งบ้าง กว้างปาทิ้งเลอะเทอะ พ่อแม่ไม่ต้องตกใจไป ลูกจะค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเอง

Must read >> ฝึกลูกกินข้าวเอง ช่วยพัฒนาการอะไรบ้าง?

การหั่นอาหาร blw

ทั้งนี้ในวัยที่ลูกเริ่มหัดกินอาหาร ก็มีอาหารหลายอย่างที่แม่ควรเลี่ยง เพื่อไม่ให้เสี่ยงติดคอ และเสี่ยงแพ้อาหาร … โดยสิ่งสำคัญคือ กินแบบ BLW จะไม่มีการแยกอาหารตามวัย และลูกสามารถกินได้เหมือนคุณแม่ แต่จะแยกกระบวนการทำคือ ไม่ปรุง ไม่บด และต้องหั่นให้ถูกต้องตามวัยเท่านั้น

Must read >> แม่ควรรู้! Gagging หนึ่งในอาการปกติของเด็กที่กินแบบ BLW

Must read >> การปฐมพยาบาลและทำ CPR เมื่อ อาหารติดคอ ลูกน้อย

การหั่นอาหาร blw

ซึ่งการหั่นแบบ blw ต้องหั่นให้ถูกต้อง ดังนี้

  • ต้องไม่หั่นเป็่นแว่น หรือมีหน้าตัดเป็นวงกลม เพราะจะขวางหลอดลมได้
  • ควรหั่นเป็นแท่งยาว เพื่อให้ลูกหยิบจับถนัดมือ เพราะลูกจะได้เรียนรู้การกัดเคี้ยวที่ถูกต้องและปลอดภัยก่อนกลืน
  • การหั่น คือ ให้หนาเท่านิ้วก้อย ชิ้นยาวเท่านิ้วชี้ (เท่านิ้วของแม่) แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน หรือ 4 ส่วน ซึ่งลูกจะสามารถกัดอาหารออกจากกันได้ เรียนที่จะเคี้ยวได้
  • แต่ถ้าหั่นชิ้นเล็กๆ ลูกอาจกลืนไปเลย ไม่ได้ฝึกการกัดเคี้ยวให้ชำนาญ
  • พ่อแม่ควรเช็กให้ดี แต่ละวัย หั่นแบบ blw ต้องหั่นแบบไหนถึงเหมาะสม

หมายเหตุ: แม้ลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไปแล้ว แต่ถ้าเริ่ม กิน BLW ครั้งแรก ควรหั่นเหมือนเด็ก 6 เดือน เพื่อให้ลูกหัดเคี้ยวก่อน

การหั่นอาหาร blw

อ่านต่อ “วิธีการหั่นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์
สำหรับเด็กกิน
BLW” คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    สีเสื้อมงคล 2563

    สีเสื้อมงคล 2563 เสริมดวง 12 ราศี ใส่แล้วงานดี เงินเริ่ดตลอดปี

    สีเสื้อมงคล 2563 แต่ละราศีในปีนี้จะมี สีเสื้อมงคล สีใดบ้างที่ใส่แล้วงานจะดี เงินจะเริ่ด เฮงตลอดปี มีชีวิตที่ราบรื่น ตามมาดูคำแนะนำจากหมอนุช แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง กันค่ะ

    สีเสื้อมงคล กับ การเสริมดวง

    “ดวง” ถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน เพราะคนไทยมีความเชื่อมากมายกับทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องสีของเสื้อผ้าที่ใส่ ซึ่งความเชื่อเรื่อง “สี” มีอิทธิพลต่อชีวิตคนเราในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงการส่งเสริมในเรื่องต่างๆ ได้ ทำให้หลายคนที่มีความเชื่อนี้เกิดคำถามว่า แล้วจะใส่ชุดสีไหนดี เสื้อตัวดีใส่มาจะเฮงไหม?

    Must read >> สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563 สีไหนดี?
    เสริมดวงสุดปัง เงินเข้าไม่ขาดมือ

    ทีมแม่ ABK จึงมี สีเสื้อมงคล 2563 มาฝาก ซึ่งได้คำแนะนำจากพี่หมอนุช – นุชนัดดา วัฒนบุตร แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด และเจ้าของเพจ Tarot of the day ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ตะวันตก และอักษรรูน ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มาดูกันเลยค่ะว่า สีเสื้อมงคล ประจำปี 2563 ใส่แล้ว งานดี เงินเริ่ด เฮงตลอดปี แต่ละราศีจะมีสีเสื้อมงคล สีใดกันบ้าง

    สีเสื้อมงคล 2563
    พี่หมอนุช – นุชนัดดา วัฒนบุตร แม่หมอสุดอารมณ์ดีจากแอป a ดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด และเจ้าของเพจ Tarot of the day

    Must read >> ช่วยพ่อแม่เลือก สีรถถูกโฉลก ขับแล้วเฮง เสริมสิริมงคล

    Must read >> สีเสื้อประจำวันเกิด เสริมดวงสิริมงคลให้ลูกน้อย

     

    สีเสื้อมงคล 2563 สีนี้ดี ใส่แล้วปังตลอดปี ทั้ง 12 ราศี

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีมังกร (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม – 20 มกราคม)

    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีเหลือง และ สีน้ำตาล”
    ช่วยเสริมเสน่ห์ เรียกทรัพย์ ดึงดูดความเมตตา  ผู้ใหญ่เอ็นดู

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกุมภ์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์)

    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีเหลือง และ สีส้ม”
    ช่วยเสริมพลังความคิด ไอเดียใหม่ๆ ส่งเสริมธุรกิจใหม่

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีมีน (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ – 21 มีนาคม)

    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีแดง และ สีดำ”
    ช่วยเสริมเรื่องการขจัดอุปสรรค เสริมสภาวะจิตใจให้เข้มแข็งเด็ดเดียว เสริมพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันภัย

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีเมษ (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 21 เมษายน)

    สีเสื้อมงคล 2563และ ราศีพฤษภ (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม)

    สีเสื้อมงคล ปี 63 ของทั้ง 2 ราศีนี้ คือ “สีขาว และ สีแดง”
    ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ, เสริมการเงินที่เกี่ยวกับการลงทุน,ช่วยให้สภาวะจิตใจผ่อนคลาย มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือสนุบสนุน

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีเมถุน (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน)

    สีเสื้อมงคล ปี 63 คือ “สีทอง และ สีบรอนด์”
    ช่วยเสริมเรื่องความสามารถพิเศษ,ความมั่งคั่ง,ความสำเร็จ

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกรกฏ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน – 21 กรกฎาคม)

    สีเสื้อมงคล คือ สีแดง,สีเหลือง”
    ช่วยเสริมความโชคดี,โชคลาภ,รอดพ้นอุปสรรค

     

    สีเสื้อมงคล 2563

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีสิงห์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม – 21 สิงหาคม)

    สีเสื้อมงคล 2563 คือ สีฟ้า,สีน้ำเงิน”
    ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ เพิ่มความเมตตามหานิยม,ส่งเสริมเรื่องภาพลักษณ์ ช่วยให้สิ่งที่คิดสำเร็จโดยสมบูรณ์

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีกันย์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 21 กันยายน)

    สีเสื้อมงคล คือ สีส้ม,สีน้ำตาล”
    ช่วยให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย สร้างความจดจำในสิ่งที่ทำ ช่วยให้การเจรจาในเรื่องยุ่งยาก จบลงด้วยดี

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีตุลย์ (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 กันยายน – 21 ตุลาคม)

    สีเสื้อมงคล 2563 คือ “สีเหลือง,สีเขียว”
    ช่วยเสริมเรื่องการเติบโต,ขยับขยาย ส่งเสริมเรื่องมิตรภาพ

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีพิจิก (ผู้เกิดระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน)

    สีเสื้อมงคล คือ “สีเขียว,สีฟ้า”
    ช่วยเสริมเรื่องการลงทุน หุ้นส่วน การเดินทาง สุขภาพ

     

    สีเสื้อมงคล 2563ราศีธนู (สำหรับคนเกิดระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)

    สีเสื้อมงคล 2563 คือ สีดำ”
    ช่วยเสริมเรื่องการป้องกันภัย คุ้มครองจิตใจ ขจัดความกลัว

     

    อย่างไรก็ตาม ทีมแม่ABK เชื่อว่า เรื่องดวงกับสีเสื้อ ก็เหมือนกับความเชื่อเรื่องอื่นๆ ถ้าถามว่าใส่เสื้อสีมงคลประจำวันแล้วจะโชคดีจริงมั้ย อันนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่หนึ่งเหตุผลที่หลายๆ คนเลือกหยิบชุดที่ตรงกับสีมงคลประจำวัน ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน ทั้งยังเป็นการปรับทัศนคติ ให้คิดในแง่บวกว่า “วันนี้ใส่เสื้อสีมงคล วันนี้จะต้องเป็นวันที่ดี” เมื่อขจัดความคิดเชิงลบหรือความประหม่าออกไป และมีความมั่นใจก่อนเริ่มต้นวันใหม่ ก็สามารถช่วยให้วันเหล่านั้นกลายเป็นวันที่ดีได้ไม่ยาก

    ดังนั้นหากอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือมีเงินทองใช้ไม่ขาดสาย มีความรักที่สมหวัง และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ฯลฯ นอกจากเราจะต้องเป็นคนที่ขยัน มีความอดทน เก่ง และมีความสามารถรอบด้านแล้วนั้น อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่มีความเชื่อ เพื่อช่วยเสริมดวงความเฮง นั่นก็คือ การเลือกใส่ สีเสื้อมงคล ให้ตรงกับราศีเกิด ก็จะสามารถช่วยได้อีกทางหนึ่งนั่นเองค่ะ

     

    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      วิธีซักหน้ากากผ้า

      7 วิธีซักหน้ากากผ้า ที่ถูกต้อง ใส่ซ้ำได้หลายครั้ง!

      หน้ากากแบบผ้า ซักยังไงให้สามารถนำกลับมาใส่ซ้ำได้อีก ตามมาดู 7 ขั้นตอนง่ายๆ กับ วิธีซักหน้ากากผ้า ช่วยให้มีไว้ใส่ซ้ำ ป้องกันเชื้อโรคได้ มาดูกัน!

      แนะ วิธีซักหน้ากากผ้า ที่ถูกต้อง
      สามารถนำกลับมาใส่ซ้ำได้หลายครั้ง!!

      จากสถานการณ์แพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิค-19 (Covid-19) ตัวเชื้อโรคนี้จะมาในรูปแบบละอองฝอยที่พุ่งออกมาจากผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งการใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (surgical face mask) ที่เห็นกันคุ้นตาที่มีสีเขียว สีฟ้าหรือสีขาว สามารถป้องกันการกระจายตัวของโรคนี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่สบายมีการไอ จาม ควรต้องใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคในตัวกระจายไปยังผู้อื่น สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วย แต่ต้องอยู่ในที่ชุมชนที่มีคนจำนวนมาก ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองเช่นกัน

      Must read >> 8 วิธีป้องกันไวรัสโคโรนา ฉบับประชาชน จากกระทรวงสาธารณสุข

      วิธีซักหน้ากากผ้า

      ทั้งนี้หากสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ทำไม่ถูกวิธีก็อาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เช่นกัน โดย วิธีสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง!! สามารถทำได้ดังนี้

      1. ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมหน้ากากอนามัย

      2. ใช้มือสองข้างดึงสายหน้ากากอนามัยออกพร้อมกันในแนวตรง

      3. หันด้านสีเขียวหรือสีฟ้าออก และให้แผ่นโลหะอยู่ด้านบน

      4. ใส่หน้ากาก โดยดึงสายรัดทั้งสองข้าง คล้องบริเวณใบหู

      5. กดแผ่นโลหะให้แนบกับสันจมูก

      6. ดึงหน้ากากอนามัยให้คลุมปิดทั้งจมูกและปาก

      7. เมื่อใช้เสร็จควรดึงหน้ากากอนามัยออกในแนวตรง และไม่ควรจับด้านหน้าของหน้ากาก เพราะอาจมีเชื้อโรคอยู่

      และการเลือกซื้อหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธีก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน เพราะหน้ากากแต่ละประเภท มีออกแบบ การใช้วัสดุ และการใช้งานให้เหมาะสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกซื้อหน้ากากให้ถูกประเภท โดยหน้ากากอนามัยที่สามารถกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ และหาได้ในท้องตลาด มีประมาณ 3 แบบคือ

      1. หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา หรือ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ = เป็นหน้ากากที่มีตัวกันของเหลวสำหรับกันละอองน้ำลายและเสมหะของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอหรือจามได้
      2. หน้ากาก N95 = เป็นหน้ากากที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับกันฝุ่น PM 2.5 เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดาสามารถกันฝุ่นได้เพียง 30 % เท่านั้น แต่หากนำมาใส่กันไวรัสโควิด-19 อาจไม่เหมาะนักเพราะหน้ากากแบบนี้มีการใช้เส้นใยที่แน่นหนามาก ทำให้เมื่อสวมใส่จะรู้สึกอึดอัด เมื่อต้องสวมใส่เป็นระยะเวลานาน และหากสวมใส่ไม่ถูกวิธีประสิทธิภาพในการป้องกันอาจต่ำกว่าการใส่หน้ากากแบบธรรมดาด้วยซ้ำ
      3. หน้ากากอนามัยแบบผ้า = เป็นหน้ากากที่ต้องดูให้ดีว่าเป็นผ้าที่มีความหนาแน่นของเส้นใยที่พอเหมาะหรือไม่และที่สำคัญต้องมีการตัดเย็บที่จะต้องมีขนาดที่พอเหมาะ กระชับใบหน้า เพื่อการป้องกันที่ดีที่สุด

      วิธีซักหน้ากากผ้า

      Must read >> วิธีทำหน้ากากอนามัย ใช้เองได้ง่ายนิดเดียว

      ซึ่งตอนนี้ หน้ากากอนามัย ก็ถือเป็นของใช้ที่จำเป็น และนอกจากจะหาซื้อยากแล้วยังมีราคาที่แพงกว่าปกติอีกด้วย สำหรับคนที่ไม่มีหน้ากากอนามัยสวมใส่ สามารถใช้ หน้ากากผ้า แทนได้ … โดย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวว่า “คนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ สามารถใช้หน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้า มาทดแทนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ได้ เพราะหน้ากากอนามัยแบบผ้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน นั่นก็เพื่อป้องกันน้ำลายกระเด็นเป็นหลัก เหมือนอย่างสมัยตอนไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีการทำหน้ากากผ้ากันเอง หรือทำหน้ากากผ้าแบบแฟชั่น ซึ่งก็สามารถนำมาสวมใส่ป้องกันได้สำหรับคนปกติทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”

      อ่านต่อ “วิธีซักแมสผ้าที่ถูกต้อง” คลิกหน้า 2


      ขอขอบคุณข้อมูลจาก  www.gettgo.com

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        ตรวจรักษาโควิด

        ตรวจรักษาโควิด ด้วยสิทธิบัตรทองและประกันสังคม

        ข่าวการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิค-19 สร้างความตื่นกลัวให้คนในสังคม ทุกคนต่างใส่หน้ากากอนามัย พกแอลกอฮอล์เจล เพื่อป้องกันเชื้อดังกล่าว เพราะหากติดเชื้ออาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่ไม่น้อย สปสช. และกระทรวงแรงงาน จึงมีการอนุมัติ ตรวจรักษาโควิด ด้วยสิทธิบัตรทอง และสิทธิประกันสังคม

        Continue reading “ตรวจรักษาโควิด ด้วยสิทธิบัตรทองและประกันสังคม”

          PQ (Play Quotient)

          “ยิ่งเล่น ยิ่งฉลาด “ พัฒนา PQ (Play Quotient) สร้างลูกให้ฉลาดแข็งแรงจากการเล่นแสนสนุก

          คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะ ว่าการให้ลูกได้เล่น “ยิ่งเล่น ยิ่งฉลาด” หมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ได้กล่าวไว้ว่า “งานของเด็กคือการเล่น” และการเล่นของเด็กนั้นนำไปสู่การพัฒนา PQ (Play Quotient) ความฉลาด ที่เกิดจากการเล่นได้ดีอีกด้วย

          สำหรับเด็กในวัย 2-7 ขวบ “การเล่น” ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เกิดขึ้นออกมาได้หลายทาง เป็นการปูพื้นฐานทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม การแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์  ฝึกสมาธิ  ให้กับเด็กได้ ดังนั้น ความฉลาดหรือ PQ ที่เกิดจากการเล่นของลูกสร้างได้ไม่ยาก แค่คุณพ่อคุณแม่เพียงปล่อยให้ลูกได้เล่น และส่งเสริมด้วยการสอนลูกเล่นอย่างถูกวิธีตามวัย เช่น ฝึกให้ลูกหัดเดิน ฝึกให้ลูกหัดพูด ให้ลูกได้เล่นกับของเล่นเสริมพัฒนาการที่หลากหลาย พอลูกเข้าเรียนก็ให้เล่นกับเพื่อน ฯลฯ เท่านี้ก็ทำให้ลูกได้เพลิดเพลิน มีความสุขกับการเล่น และมีส่วนช่วยพัฒนาการ มี PQ ที่ดี ส่งผลให้เกิดคุณสมบัติที่ดีในตัวเองคือ เป็นได้ทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดี เป็นหลักสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่มีประสิทธิภาพได้

          PQ (Play Quotient) สร้าง “ความฉลาด” ให้ลูกที่เกิดจากการเล่น

          play quotient

          การเล่นสำหรับเด็กก็คือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง สำหรับวัยเด็กพ่อแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดหรับลูก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาสมอง และเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพสมอง ยิ่งเล่นมากยิ่งฉลาดมาก มี PQ สูง เมื่อลูกโตขึ้นอยู่ในวัยเรียน กิจกรรมการเล่นก็ย่อมมีมากขึ้นตามวัย แต่พ่อแม่บางคนมุ่งหวังให้ลูกได้เรียนหนังสือเก่ง มุ่งให้ลูกใช้เวลาไปกับการเรียนพิเศษ โดยให้เวลาการเล่นของลูกลดน้อยลง ซึ่งก็อาจทำให้ลูกมีความกดดัน ขาดทักษะชีวิต ความสุขในชีวิตลดน้อยลง ส่งผลต่ออารมณ์ซึมเศร้าในเด็ก ดังนั้นหากลองเพิ่มโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้จากการเล่น ใช้ชีวิตวัยเด็กให้สมดุล ก็จะทำให้ลูกได้พัฒนาการ ได้ทักษะทางสังคม รู้จักการปรับตัว การช่วยเหลือกัน การเข้ากับผู้อื่น ใช้ชีวิตในสังคม และมีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้น

          6 ประโยชน์จาก “งานเล่น” ช่วยสร้าง PQ ต่อเด็กอย่างไร

          เพราะ “การเล่น” คืองานของเด็กที่สามารถส่งเสริมพัฒนาการให้เด็ก ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น

          • การเล่นช่วยพัฒนาทักษะหลากหลายและกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ ๆ และมีส่วนเชื่อมโยงต่อการพัฒนา CQ (ความฉลาดด้านความคิดสร้างสรรค์) เช่น การเล่นเลโก้ต่อเป็นรูปทรงต่าง ๆ การวาดภาพ การเล่นโดว์ เล่นจิกซอว์ การเล่นบทบาทสมมุติ ฯลฯ ก็จะก่อให้เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างกลยุทธ์ การแก้ปัญหา การเล่นซ้ำ ๆ ทำให้เกิดการฝึกฝน เมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะสามารถคิดวางแผน มีวิธี สามารถแก้ปัญหาต่ออุปสรรคได้

          play quotient คือ

          • การเล่นมีส่วนเชื่อมโยงต่อการพัฒนา SQ (ความฉลาดในการเข้าสังคม) ช่วยให้เด็กมีทักษะทางสังคม จากการได้เล่นกับเพื่อน กับพี่น้อง รู้จักการปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดี รู้จักแบ่งปัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย การแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันในระหว่างเล่น ทำให้ลูกรู้จักวางตัวได้อย่างเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ รู้จักคิดวิเคราะห์ต่อการเข้าสังคมในอนาคตได้ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากคนหมู่มากอีกด้วย
          play quotient
          play quotient
          • การเล่นทำให้ลูกรู้จักกับการที่จะพยายามคิดแก้ปัญหา ฝ่าฟันกับอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ เป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่เชื่อมโยงกับการพัฒนา AQ (ความฉลาดในการแก้ปัญหา) ด้วยเช่นกัน เมื่อโตขึ้นแล้วหากต้องประสบความผิดหวังก็ไม่คิดย่อท้อ มีความพยายามควบคุมสถานการณ์ และสามารถแก้ไขปัญหา แก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเองได้ และเมื่อลูกผ่านด่านอุปสรรคสำเร็จ ก็ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

          การเล่นดนตรี

          • การเล่นทำให้ลูกได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ สิ่งใหม่ ๆ รู้จักการกล้าแสดงออก เช่น การเล่นดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ ส่งผลทำให้เด็ก ๆ ได้รับความสนุกสนานเพลินเพลิน และมีความสุข ซึ่งมีส่วนทำให้สมองเจริญเติบโต นำไปสู่การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีด้วย

          การเล่นกับลูก

          • การเล่นที่ใช้ร่างกายเคลื่อนไหว สิ่งที่ลูกจะได้รับก็คือพัฒนาการในส่วนต่าง ๆ เช่น พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่จากการขยับแขน ขา เคลื่อนไหวเดิน วิ่ง ปีนป่าย กระโดดไปมา ฯลฯ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจากการใช้นิ้วจับของเล่น การทำงานประสานระหว่างมือ สายตา ได้อย่างแม่นยำ การเล่นกีฬาต่าง ๆ จะมีส่วนดีต่อสุขภาพแข็งแรง ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี และทำให้ลูกได้เรียนรู้กติกาในการเล่นร่วมกับผู้อื่น
          • การเล่นนอกจากมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาด มีพัฒนาการด้านสมอง ยังนำไปสู่พัฒนาการด้าน Executive Function หรือ EF ร่วมถึงมีส่วนเชื่อมโยงต่อพัฒนาการด้าน EQ (ความฉลาดทางอารมณ์) ที่จะส่งผลอารมณ์และจิตใจของลูก ทำให้เป็นเด็กที่มีความสุข

          วิธีเล่นเสริม PQ มีวิธีการเล่นและเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การเล่นกับพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน เล่นของเล่นเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย เช่น ของเล่นสำหรับเด็กในวัย 3-5 ขวบ ได้แก่ เลโก้ จิกซอว์ บอร์ดเกม แป้งโดว์ แฟลชการณ์ด เครื่องดนตรี ชุด DIY สมุดภาพระบายสี หนังสือนิทาน ตุ๊กตา หุ่นยนต์ เป็นต้น แม้แต่กิจกรรมที่เป็นงานอดิเรกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี เต้นรำ กีฬา ฯลฯ ก็มีส่วนช่วยเพิ่ม PQ ทำให้ลูกฉลาด เพิ่มทักษะ ส่งเสริมความรู้ และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในตัวเด็กได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วก็ยิ่งพัฒนาความฉลาดและทำให้มีความสุขควบคู่ด้วย

          จะเห็นได้ว่า ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น ส่งเสริมให้ลูกได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ นายแพทย์ประเสริฐยังกล่าวถึงเรื่องนี้อีกด้วยว่า “การเล่นไม่มีข้อเสีย เพราะการเล่นคือภารกิจ การเล่นคือการทำงาน และเด็กสร้างโลกด้วยการเล่น ไม่แม้กระทั่งเสียเวลา การใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุดกับเด็ก คือการเล่น” ดังนั้นการปล่อยให้ลูกได้เล่น และคุณพ่อคุณแม่ควรมีเวลาได้เล่นกับลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้จากการเล่นไปพร้อมกับได้รับรู้ความรักความอบอุ่น ก็จะทำให้ลูกได้เติบโตเป็นเด็กที่ฉลาด แข็งแรง และมีจิตใจที่เข้มแข็งเมื่อเติบโตขึ้นมาในอนาคต.

          ขอบคุณข้อมูลจาก : www.gotoknow.org

          อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ :

          8 วิธีเลี้ยงลูก ให้มี OQ (Optimist Quotient) ฉลาดมองโลกในแง่ดี ส่งผลดีต่อชีวิต

          4 ข้อที่บอกว่า ลูกมี AQ (Adversity Quotient) ฉลาดแก้ปัญหา เอาชนะอุปสรรค รู้จักเอาตัวรอด

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            หมอเด็ก โรคภูมิแพ้

            ลูกเป็นภูมิแพ้ หาหมอที่ไหนดี? 20 หมอเด็ก โรคภูมิแพ้ เก่งๆ ที่แม่ควรรู้จักไว้

            ในปัจจุบัน โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบได้มากในเด็ก ไม่ว่าโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากอาหาร หรือโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม มาทำความรู้จักกับ หมอเด็ก โรคภูมิแพ้ เมื่อมีปัญหาหรือมีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็ก จะได้พาไปรักษาหรือปรึกษากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญได้ตรงจุดกันค่ะ

            ลูกเป็นภูมิแพ้ หาหมอที่ไหนดี? 20 หมอเด็ก โรคภูมิแพ้ เก่งๆ ที่แม่ควรรู้จักไว้

            กุมารแพทย์
            กุมารแพทย์

            1.พญ. วรรณนิภา วงศ์รัศมี

            คุณหมอเด็กเชี่ยวชาญด้าน อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน, สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว & สาขากุมารเวชศาสตร์

            อยู่ที่ : โรงพยาบาลสมิติเวช

            ตารางแพทย์ออกตรวจ :
            วันจันทร์-ศุกร์ 09:00 – 12:00 น.
            วันเสาร์ 09:00 – 12:00 น. / 13:00 – 16:00

            นัดหมายคุณหมอ : www.samitivejhospitals.com

            2.นพ. กัลย์ กาลวันตวานิช

            คุณหมอเด็กเชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน และโรคระบบการหายใจ

            อยู่ที่ : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

            ตารางแพทย์ออกตรวจ :
            วันจันทร์-พฤหัส 08:30 – 16:30 น.
            วันศุกร์ 08:30 – 13:00
            วันเสาร์  08:30 – 16:30 น.

            นัดหมายคุณหมอ : www.bumrungrad.com

            3.พญ. ปารวี พรตตะเสน

            คุณหมอเด็กเชี่ยวชาญพิเศษด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน (Pediatrics, Allergy and Immunology)

            อยู่ที่ : โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

            ตารางแพทย์ออกตรวจ : (ศูนย์เด็กทั่วไป)
            วันจันทร์ 13:00 – 20:00 น.
            วันพุธ 12:00 – 20:00 น.
            วันพฤหัสบดี 07:00 – 08:00 น./ 08:00 – 12:00 น.
            วันอาทิตย์ 09:00 – 12:00 น.

            นัดหมายคุณหมอ : www.siphhospital.com

            4.พญ.โสมรัชช์ วิไลยุค

            คุณหมอเด็กเชี่ยวชาญภูมิแพ้และโรคข้อในเด็ก

            อยู่ที่ : ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี

            ตารางแพทย์ออกตรวจ :
            วันจันทร์-วันอังคาร 16.30 – 20.00 น.
            วันพุธ 13.30 – 15.30 น.
            วันอาทิตย์ 09.00 – 12.00 น.

            5.นพ.วิชาญ บุญสวรรค์ส่ง

            คุณหมอเด็กผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน

            อยู่ที่ : โรงพยาบาลวิภาราม คลินิกกุมารเวช ชั้น 4

            ตารางแพทย์ออกตรวจ :
            วันจันทร์-วันพุธ 08.00 – 12.00 น.
            วันพฤหัสบดี 08.00 –  16.00  น.
            วันศุกร์ 08.00 – 14.00 น.
            วันเสาร์ 08.00 –  17.00  น.

            นัดหมายคุณหมอ :  www.vibharam.com

            6.ผศ.พญ.วิภารัตน์ มนุญากร

            คุณหมอเด็กผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชศาสตร์ สาขาวิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันในเด็ก

            อยู่ที่ : โรงพยาบาลรามาธิบดี

            ตารางแพทย์ออกตรวจ :
            วันจันทร์ /  เช้า
            วันพุธ / เย็น
            วันเสาร์ / บ่าย

            นัดหมายคุณหมอ : สาขาวิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โทร: 0-2201-1494

            อ่านต่อ 10 รายชื่อหมอเด็กรักษาโรคภูมิแพ้ คลิกหน้า 2

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              โรงเรียนอนุบาล

              เผยเหตุผล..ทำไมพ่อแม่ควร เลือกโรงเรียนอนุบาล ที่วันๆ เอาแต่เล่นให้กับลูก?

              ลูกถึงวัยต้องเข้าเรียนแล้วจะ เลือกโรงเรียนอนุบาล ให้ลูกอย่างไรดี? ถามคนใกล้ตัวก็ได้คำแนะนำจนมึน ที่สุดแล้วต้องดูที่อะไร และเด็กๆ เริ่มเรียนอนุบาลเลย ไม่ต้องไปเนิร์สเซอรี่ก็ได้ใช่ไหม

              หมอเผย..เหตุผลที่พ่อแม่ควร เลือกโรงเรียนอนุบาล
              ที่วันๆ เอาแต่เล่นให้กับลูก!!

              Q. ผมไปดูแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะ เลือกโรงเรียนอนุบาล ให้ลูกอย่างไรดีครับ ถามคนใกล้ตัวก็ได้คำแนะนำจนมึน ที่สุดแล้วต้องดูที่อะไร เป็นหลักที่ใช้ดูไปถึงชั้นโตกว่านี้ได้ก็จะดีครับ และเด็กๆ เริ่มเรียนอนุบาลเลย ไม่ต้องไปเนิร์สเซอรี่ก็ได้ใช่ไหม

              ซึ่งปัญหาการส่งลูกเข้าเรียนชั้นอนุบาลเรื่องนี้ นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้ให้คำตอบไว้ว่า…

              A.  ขอแลกเปลี่ยนกันก่อนนะครับ เมื่อยี่สิบปีก่อน ผมเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกโดยดู 3 ข้อ

              ข้อแรก พ่อแม่ลูกเดินไปกลับโรงเรียนด้วยกันได้

              ข้อสอง โรงเรียนมีสนามหญ้ากว้างมาก

              ข้อสาม คุณครูไม่สอนอะไร วันๆ เอาแต่เล่นกับเด็กๆ

              Must read >> มาทำความรู้จัก โฮมสคูล ทางเลือกสอนลูกของพ่อแม่ยุคใหม่กันเถอะ

              เลือกโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนแรก เข้าอนุบาล

              พ่อแม่ลูกเดินไปด้วยกันได้ทุกเช้าและเดินกลับด้วยกันได้ทุกเย็นเป็นอะไรที่สวรรค์มากๆ ในต่างจังหวัดคงยังทำได้อยู่ ในเมืองใหญ่คงยากขึ้น ประเด็นคือ วัยอนุบาลยังเป็นวัยที่พ่อแม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กับลูกมากที่สุด

              เรื่องสนามหญ้ามีประเด็นเรื่อง การพัฒนากล้ามเนื้อทั้งใหญ่และเล็ก ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาสมองในระดับพื้นฐาน กล่าวคือ สมองดีกล้ามเนื้อก็ดีแต่พัฒนาการเป็นไปในทางตรงข้ามด้วย นั่นคือกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ดีสมองก็ดีด้วย จำได้ว่าโรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อเสียงในจังหวัดที่ผมอยู่มีแต่ตึกและมีเพียงลานคอนกรีตตรงกลาง

              ข้อสามสำคัญที่สุด หน้าที่ของเด็กอนุบาลคือเล่น ถ้าเล่นสนุกเขาจะเรียนรู้ระหว่างเล่น ถ้าเล่นไม่สนุกเขาเรียนรู้ได้น้อย ถ้าบังคับ “เรียน” เขาไม่ “เรียนรู้” อะไรเลย

              ผลจากการเลือกโรงเรียนแบบนี้ทำให้ลูกคุณหมอประเสริฐเป็นลูกคุณหมอที่เรียนโรงเรียนระดับล่าง เล่นร่วมกับลูกชาวบ้าน นั่นแปลว่าเราก็จะไม่สนใจการเปรียบเทียบหรือแข่งขันอะไรกับใคร ผมถูกถามกึ่งต่อว่าเสมอ เวลาผ่านมายี่สิบปี ผมนั่งดูลูกสองคนเวลานี้ครั้งใดผมก็มีข้อสรุปส่วนตัวว่าเขาเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจของการวางรากฐานที่ดีในชั้นอนุบาล ซึ่งเป็นพระคุณของคุณครูทุกคนและโรงเรียนที่ดูแลเขาในชั้นอนุบาลนั่นเอง

              อ่านต่อ >> “ทำไมต้องเลือกโรงเรียนอนุบาลที่ให้เด็กเล่นทั้งวัน
              แบบอิงหลักวิชาการ” คลิกหน้า 2

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                โฮมสคูล

                มาทำความรู้จัก โฮมสคูล ทางเลือกสอนลูกของพ่อแม่ยุคใหม่กันเถอะ

                “โฮมสคูล” หรือเรียกอีกชื่อกันว่า “บ้านเรียน” เป็นระบบการศึกษาอีกทางเลือกหนึ่งที่พ่อแม่หลายในคนยุคนี้ได้ให้ความสนใจ มาทำความรู้จักแนวการสอนแบบ โฮมสคูล และขั้นตอนการทำโฮมสคูล ที่พ่อแม่อยากรู้กันค่ะ

                ทำความรู้จัก โฮมสคูล ทางเลือกของพ่อแม่ยุคใหม่

                ในปัจจุบันการสอนลูกในแบบ “โฮมสคูล” ได้รับความนิยมมากขึ้น พ่อแม่ยุคใหม่ได้มองเห็นการจัดการรูปแบบการเรียนให้กับลูกด้วยตัวเอง หรือที่เรียกว่าอีกชื่อว่า “บ้านเรียน” คือการให้เด็กเป็นศูนย์กลางเรียนรู้อย่างแท้จริง ตอบโจทย์ที่ว่า “ลูกต้องการอะไรและเหมาะสมกับความคิดหรือไม่” โดยไม่พึ่งพาระบบการเรียนการสอนกระแสหลัก

                การเรียนการสอนแบบ Home School คือการจัดการศึกษาทางเลือก ที่พ่อแม่ได้วางแผนเนื้อหาขึ้นเพื่อที่จะสอนลูก ๆ ตามแนวคิดของตัวเอง ซึ่งได้มีการรับรองให้เปิดสอนในไทยได้อย่างถูกกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และยังให้สิทธิ์ที่จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ สำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอีกด้วย รวมถึงมีการเทียบโอนผลการศึกษาได้ การศึกษาในระบบโฮมสคูลนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้พ่อแม่จะต้องมีเวลาและมีส่วนร่วมในการเรียนกับเด็กเป็นสำคัญ

                homeschool

                การเรียนการสอนแบบโฮมสคูลนั้น สามารถจัดรูปแบบการศึกษาได้เองอย่างเสรี  โดยเน้นตามความสนใจของเด็กเป็นสำคัญ เลือกรายวิชาหรือความถนัดที่ลูกชอบ โดยทำให้บ้านกลายเป็นบ้านเรียน มีคุณพ่อคุณแม่เป็นเสมือนครู ที่คอยส่งเสริมสนับสนุน และสร้างบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้ และร่วมเรียนรู้ไปกับลูก หรือกำกับดูแลกิจกรรมที่จัดขึ้นให้กลายเป็น “บ้านเรียนและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ” ของลูก ทั้งยังสามารถพาลูกออกไปทำกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์นอกบ้าน เป็นการเรียนที่เด็กจะได้เรียนรู้จริง เห็นถึงวิถีชีวิต ประสบการณ์ เกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่แค่ในบ้านเพียงอย่างเดียว

                นอกจากนี้อาจไปเรียนกับบุคคลหรือครูที่มีความชำนาญ มีความรู้ เรียนรู้วิถีชีวิต การใช้ชีวิต จนไปถึงความสนใจเฉพาะและลงลึกไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ลูกสนใจ เช่น ถ้าเด็กชอบงานด้านศิลปะ วาดรูป ก็สนับสนุนให้ลูกได้วาดภาพ ได้ใช้จินตนาการของตัวเอง และขยายความรู้เพิ่มเติมไปตามแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ เช่น หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ ได้พบปะกับศิลปินที่มีประสบการณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือถ้าลูกเริ่มมีความสนใจอะไร พ่อแม่ก็เปิดโอกาสให้ได้ทดลองทำ คอยหาข้อมูลให้ เพื่อให้เกิดการต่อยอดไปสู่ความรู้เรื่องใหม่ ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ

                Home School เริ่มยังไง สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมตัวและมีความพร้อมดังต่อไปนี้

                1.คุณพ่อคุณแม่มีเป้าหมายชัดเจนในการจัดการเรียนการสอนให้ลูกแบบ Home School และเตรียมความพร้อมโดยหาข้อมูลความรู้ให้สอดคล้องกับระดับพัฒนาการ และความสนใจพิเศษของลูก

                2.สำรวจความพร้อมของตัวคุณพ่อคุณแม่เองว่า พร้อมที่จะให้เวลาคุณภาพและมีส่วนร่วมไปในการเรียนรู้กับลูกอย่างเต็มที่ มีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ครูของลูก ในการอบรมบ่มนิสัยลูก สอดแทรกผ่านกิจกรรมการเรียนรู้หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น งานบ้าน ฝึกให้ลูกรู้จักหน้าที่ของตัวเองตามวัย รู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อส่วนร่วมในบ้าน รวมถึงความพร้อมที่จะศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล แหล่งเรียนรู้ ทั้งสถานที่และบุคคลอื่น ๆ ที่มีความชำนาญ มีความรู้ มาสนับสนุนการเรียนของลูกตลอดเวลาเพื่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง เพื่อให้เด็กได้พัฒนาตัวเองทุกแง่มุมทั้งวิชาการ ทักษะชีวิต มีความมั่นคงทางความคิด ทางอารมณ์ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมปรับตัวเข้าสังคมได้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของลูกต่อการใช้ชีวิตในอนาคต

                home school in thailand

                3.เมื่อคิดจะทำโฮมสคูล คุณพ่อคุณแม่ต้องเขียนแผนการจัดการเรียนการสอน เพื่อยื่นแผนให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามที่อาศัยอยู่อนุมัติ สามารถเลือกจัดได้ว่าเป็นแบบกลุ่มประสบการณ์ชีวิต หรือแบบผสมผสานบูรณาการและวิชาการ โดยครอบครัวยื่นแผนกับสำนักงานเขตตามวิถีชีวิตครอบครัว และการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นหลัก พร้อมขอยื่นจดทะเบียนการศึกษาบ้านเรียน เมื่อเขตอนุมัติ ใน 1 ปีจะต้องสรุปการเรียนรู้ตามแผนที่เสนอไป

                อ่านต่อ วิธีการจัดทำโฮมสคูลให้ลูกและการยื่นจดทะเบียนบ้านเรียน คลิกหน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  อาการครรภ์เป็นพิษ

                  รู้ทัน อาการครรภ์เป็นพิษ พร้อมวิธีป้องกัน ดูแลดีปลอดภัยทั้งแม่ลูก

                  อาการครรภ์เป็นพิษ หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่แม่ท้องอาจเจอได้ จะหายก็ต่อเมื่อคลอดลูกแล้ว แต่หากตรวจเจอและแม่ท้องดูแลตัวเองไม่ดีก็เสี่ยงทำให้เสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก

                  แม่ท้องต้องรู้!! สัญญาณ อาการครรภ์เป็นพิษ
                  ดูแลดีปลอดภัยได้ทั้งแม่ลูก

                  ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) เป็นภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่งที่เกิดกับแม่ตั้งครรภ์ คือ กลุ่มอาการสัญญาณ 3 อย่างสำคัญ ที่ตรวจพบได้ในคุณแม่ท้อง อันได้แก่

                  1. น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายบวมน้ำ เช่น มีอาการบวมตามใบหน้า มือ ข้อเท้า เท้า เป็นต้น
                  2. มีความดันโลหิตสูง ตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป โดยตรวจพบระดับความดันนี้ 2 ครั้งในระยะห่างอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
                  3. ตรวจพบโปรตีนหรือไข่ขาวส่วนเกินในปัสสาวะ หรือพบอาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าไตมีปัญหา

                  โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าทุกๆปี มีผู้หญิงกว่า 70,000 คนที่เสียชีวิตจากภาวะครรภ์เป็นพิษ และ ทารกเสียชีวิตภาวะดังกล่าวถึง 50,000 คนทั่วโลก1 ขณะที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐฯ (NIH) ระบุว่า 2-8% ของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะมีภาวะครรภ์เป็นพิษ จึงต้องรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักว่าภาวะครรภ์เป็นพิษมีอันตรายถึงชีวิต

                  อ้างอิง : 1 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4354613/ Risk factors and effective management of preeclampsia

                  Must read >> ครรภ์เป็นพิษ ภัยใกล้ตัว! อันตรายต่อคุณแม่และลูกในท้อง

                   

                  อาการครรภ์เป็นพิษเกิดจาก

                  ครรภ์เป็นพิษ เกิดจากความผิดปกติของการฝังตัวของรก ซึ่งโดยธรรมชาติรกจะฝังบริเวณเยื่อบุผนังมดลูก แต่ในกรณีที่แม่ครรภ์เป็นพิษ รกจะฝังตัวได้ไม่แน่น ส่งผลให้รกบางส่วนเกิดการขาดออกซิเจน ขาดเลือด เมื่อเลือดไปเลี้ยงรกได้น้อยลง จะเกิดการหลั่งสารที่เป็นสารพิษเข้าสู่กระแสเลือดของแม่ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อถึงจุดหนึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

                  ทั้งนี้สาเหตุของ อาการครรภ์เป็นพิษ ที่เกิดยังไม่รู้แน่ชัด เพราะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน และโดยทั่วไปภาวะครรภ์เป็นพิษมักเกิดหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์จนถึง 48 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนใหญ่จะพบภาวะนี้หลังอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ทั้งนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะ อาการครรภ์เป็นพิษ จึงอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดในคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่ ชัก การทำงานของไตผิดปกติหรือไตวาย ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด มีเลือดออกในระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะเลือดออกในสมอง น้ำท่วมปอด ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับทารก ได้แก่ ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกแรกคลอดน้ำหนักตัวน้อย ทารกคลอดก่อนกำหนด และทารกเสียชีวิตในครรภ์

                  หาก เกิดภาวะ eclampsia คือ ครรภ์เป็นพิษชนิดที่รุนแรงมาก ๆ จะทำให้แม่และลูกเสี่ยงอันตราย ทำให้แม่เสียชีวิตได้ ส่วนทารกในครรภ์ ถ้าอายุครรภ์ใกล้คลอดเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 เด็กอาจคลอดก่อนกำหนด กรณีที่อายุครรภ์ยังน้อยอาจต้องยุติการตั้งครรภ์ ถ้าครรภ์เป็นพิษรุนแรงนาน ๆ อาจทำให้ทารกเติบโตช้า ตัวเล็ก และขาดออกซิเจน

                  Must read >> ประสบการณ์จริง เมื่อฉัน ครรภ์เป็นพิษ!

                  Must read >> แม่แชร์ประสบการณ์! ครรภ์เป็นพิษเฉียบพลัน ต้องคลอดลูกที่ไม่มีลมหายใจ

                  Must read >> มาร์กี้แอดมิทเตรียมคลอดก่อนกำหนด! เหตุเสี่ยง “ภาวะครรภ์เป็นพิษ”

                   

                  ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้แม่มี อาการครรภ์เป็นพิษ

                  1. ตั้งครรภ์ครั้งแรก หรือตั้งครรภ์หลังแต่เป็นครรภ์แรกกับสามีคนใหม่ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อยครั้งมีโอกาสครรภ์เป็นพิษมากกว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ และเชื่อว่าครรภ์เป็นพิษอาจเกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานเชื้ออสุจิ
                  2. ตั้งครรภ์ลูกแฝด / ครรภ์ไข่ปลาอุก
                  3. การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการปฏิสนธินอกร่างกาย เช่น IVF
                  4. ตั้งครรภ์ที่อายุไม่เหมาะสม เช่น อายุมากกว่า 35 ปี หรือ อายุน้อยกว่า 20 ปี
                  5. อ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน
                  6. ครอบครัวเคยเกิดปัญหานี้ และคุณแม่เคยเกิดภาวะนี้เมื่อตั้งครรภ์ครั้งที่ผ่านมา
                  7. มีโรคประจำตัวอยู่เดิม เช่น ความดันสูง เบาหวาน โรคไต
                  8. ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะก่อนตั้งครรภ์
                  9. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ

                   

                  ลักษณะ อาการครรภ์เป็นพิษ

                  1. ปวดศีรษะ ตามัว
                  2. บวมตาม เท้ามือ ใบหน้า หรือน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
                  3. คลื่นไส้ อาเจียน
                  4. ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่
                  5. ถ้าเป็นชนิดรุนแรง อาจถึงขั้นมีน้ำคั่งในปอด มีเลือดออกในสมอง
                  6. ชัก
                  7. ลูกในท้องดิ้นน้อย ตัวเล็ก โตช้า

                  อาการครรภ์เป็นพิษ

                  Must read >> ครรภ์เป็นพิษ กับอาการสำคัญที่แม่ควรรู้! เพื่อรับมืออันตรายต่อตัวเองและลูกน้อย

                  อันตรายแค่ไหนถ้าเกิดครรภ์เป็นพิษ

                  1. ภาวะนี้จะกระทบกับการทำงานเกือบทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เกิดความเสียหาย บกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไต ตับ หัวใจ ระบบการแข็งตัวของเลือดเสียไป
                  2. ถ้ารุนแรงมาก ๆ เกิดการชักเลือดออกในสมอง
                  3. คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากแพทย์จำเป็นต้องกระตุ้นให้คลอดเพื่อช่วยเหลือมารดา ทารกที่คลอดออกมามีปัญหาเรื่องการหายใจ และสุขภาพอื่น ๆ
                  4. รกลอกตัวก่อนกำหนด รกลอกจากโพรงมดลูกก่อนทารกคลอด มีเลือดออกอย่างมาก อันตรายทั้งแม่และลูก
                  5. HELLP เป็นกลุ่มอาการที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ค่าตับอักเสบสูงขึ้น ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ซึ่งรุนแรงมากเพราะเป็นสัญญานของความเสียหายของอวัยวะในหลาย ๆ ระบบ
                  6. ครรภ์เป็นพิษส่งผลเสียต่อแม่และลูก ถ้ารุนแรงมาก ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

                  Must read >> แม่ท้อง ลูกตายได้ จากภาวะ ครรภ์เป็นพิษรุนแรง HELLP Syndrome

                  อาหารลด อาการครรภ์เป็นพิษ

                  มีงานวิจัยบางชิ้นสนับสนุนว่าสารอาหารที่มีแร่ธาตุหรือวิตามินต่อไปนี้จะช่วยลดการเกิด ภาวะครรภ์เป็นพิษ ได้ เช่น อาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม วิตามินบี 6 แคลเซียม ธาตุสังกะสี  และโอเมก้า3 ซึ่งพบมากในผักใบเขียว นม ผลไม้สด ธัญพืช ถั่ว และอาหารทะเล

                  วิธีรักษาและป้องกันไม่ให้เกิด อาการครรภ์เป็นพิษ

                  การรักษาเบื้องต้น คือ ให้ยาลดความดัน และยากันชัก ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดครรภ์เป็นพิษอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีการตรวจคัดกรองประเมินความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถพยากรณ์โรคและดูแลรักษาได้ตั้งแต่เริ่มเกิดภาวะนี้ ส่งผลต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดต่อทั้งมารดาและทารกได้ ซึ่ง อาการครรภ์เป็นพิษ เกิดเพราะมีการตั้งครรภ์ ดังนั้นวิธีดีที่สุดคือ “การคลอด” เท่านั้น (ยุติการตั้งครรภ์)

                  ทั้งนี้การจะให้คลอดหรือไม่นั้น คุณหมอจะพิจารณาจากอายุครรภ์เป็นหลัก หากอายุครรภ์น้อยเกินไปคุณหมอก็จะให้ยากระตุ้นปอดแล้วพิจารณาว่าสามารถประคับประคองให้อยู่ในครรภ์แม่ได้นานที่สุดกี่วัน แต่หากอายุครรภ์สามารถทำคลอดได้ คุณหมอจะผ่าคลอดหรือเร่งให้คลอดทางช่องคลอดเพื่อหยุดความรุนแรงของโรค

                  Must read >> เทคโนโลยีใหม่ ตรวจครรภ์เป็นพิษ รวดเร็ว แม่นยำ

                  การป้องกันครรภ์เป็นพิษด้วยตัวเอง

                  ถ้าแม่ท้องไม่อยากให้ตัวเองเกิดครรภ์เป็นพิษอย่างน้อย คือ ควรปรึกษาคุณหมอ ถ้าวางแผนที่จะมีลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าว่าที่แม่ท้องอยู่ใน “กลุ่มเสี่ยง” และควรไปฝากท้องตั้งแต่เนิ่น ๆ และไปตรวจตามนัดทุกครั้ง สุดท้ายหมั่นสังเกตตัวเองให้ดีถ้ามีอาการผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจให้รีบไปพบหมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปวดหัว ปวดตรงลิ้นปี่ บวมตามขาและมือ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรละเลยและใส่ใจสังเกตตนเองอยู่เสมอ หากเกิดความผิดปกติแพทย์จะรักษาได้ทันท่วงที

                  อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


                  ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือคู่มือคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยแพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข , siamrath.co.thwww.bumrungrad.com

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    รายชื่อหมอเด็ก

                    10 รายชื่อหมอเด็ก ที่เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์และเฉพาะทางโรคเด็ก ที่แม่บอกต่อ

                    “หมอเด็ก” หรือกุมารแพทย์ เป็นผู้เข้ามารับช่วงดูแลทารกแรกเกิดต่อจากคุณหมอสูติฯ ที่ทำคลอดคุณแม่ทันทีค่ะ โดยคุณหมอจะทำหน้าที่ตรวจสุขภาพทารกตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงการให้วัคซีนตามตาราง สำหรับบางบ้านก็อาจจะให้ลูกได้มาตรวจสุขภาพและรักษาเมื่อป่วยกับคุณหมอคนเดิมเป็นประจำต่อเนื่อง แต่นอกจากการรักษาในเด็กเล็ก เด็กโต ยังรวมไปถึงการรักษาตามสาเหตุอาการที่เด็กป่วย นี่คือ รายชื่อหมอเด็ก ที่เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์และเฉพาะทางโรคเด็ก ที่แม่ ๆ บอกต่อกันค่ะ

                    10 รายชื่อหมอเด็ก ที่เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์และเฉพาะทางโรคเด็ก

                    นพ. กันย์ พงษ์สามารถ

                    1.นพ. กันย์ พงษ์สามารถ

                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้าน กุมารเวชศาสตร์ – โรคภูมิแพ้ และ อิมมูโนวิทยา

                    อยู่ที่ : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

                    ตารางเวลาของแพทย์ :

                    วันจันทร์ 13.00 – 16.00 คลินิกโรคภูมิแพ้
                    วันอังคาร 13.00 – 16.00 คลินิกโรคภูมิแพ้
                    วันศุกร์ 13.00 – 16.00 คลินิกอายุรกรรมทั่วไป

                    นัดหมายคุณหมอ : www.childrenhospital.go.th

                    พญ. กนกแก้ว วีรวรรณ

                    2.พญ. กนกแก้ว วีรวรรณ

                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ทั่วไป  และเป็นหัวหน้าแผนกกุมารเวชศาสตร์

                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลไทยนครินทร์

                    ตารางเวลาของแพทย์ :

                    วันจันทร์ 09:00-14:00 น.
                    วันอังคาร 09:00-14:00 น.
                    วันพฤหัส 09:00-14:00 น.
                    วันศุกร์ 09:00-14:00 น.

                    นัดหมายคุณหมอ : www.thainakarin.co.th

                    พญ.มธุรส ดีสวัสดิ์มงคล

                    3.พญ. มธุรส ดีสวัสดิ์มงคล

                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ

                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลกรุงเทพ

                    ตารางเวลาของแพทย์ :

                    วันจันทร์ 07:00-12:00 น. / 13:00-14:45 น.
                    วันอังคาร 07:00-12:00 น. / 13:00-14:45 น.
                    วันพุธ 07:00-12:00 น. / 13:00-14:45 น.
                    วันพฤหัส 07:00-12:00 น. / 13:00-14:45 น.
                    วันศุกร์ 07:00-12:00 น. / 13:00-14:45 น.
                    วันเสาร์ 07:00-11:45 น.
                    วันอาทิตย์ 08:45-11:45 น.

                    นัดหมายคุณหมอ : www.bhqdoctors.bdms.co.th

                    นพ.วิชาญ บุญสวรรค์ส่ง

                    4.นพ.วิชาญ บุญสวรรค์ส่ง

                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ เฉพาะทาง ด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน หากเจ้าตัวเล็กมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ หรือระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ สามารถมาปรึกษาและรักษากับคุณหมอได้ค่ะ

                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลวิภาราม

                    ตารางเวลาของแพทย์ :

                    วันจันทร์ 08.00 – 12.00 น.
                    วันอังคาร 08.00 – 20.00 น.
                    วันพุธ 08.00 –  20.00  น.
                    วันพฤหัสบดี 08.00 –  16.00  น.
                    วันศุกร์ 08.00 – 14.00 น.
                    วันเสาร์ 08.00 –  17.00  น.

                    นัดหมายคุณหมอ : www.vibharam.com

                    5.พญ. สุธีรา ฉัตรเพริดพราย

                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์

                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลบางปะกอก1

                    ตารางเวลาของแพทย์ : วันอังคาร 17:00 – 20:00 น.

                    นัดหมายคุณหมอ : www.bangpakok1.com

                    อ่านต่อ 10 รายชื่อหมอเด็กที่แม่บอกต่อ คลิกหน้า 2

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      ลูกเป็นเริม

                      ลูกเป็นเริม อันตรายจากการจูบของแม่

                      เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวน่าสะเทือนใจจากเว็บไซต์ต่างประเทศ The Sun พร้อมรูปภาพของเด็กทารกที่เป็นโรคเริมอย่างน่ากลัว แม่น้องเล็ก จึงอยากจะเตือนถึงอันตรายจากการจูบเด็กทารกแรกเกิดไปจนถึงเด็กเล็ก เพราะการจูบของแม่ อาจทำให้ ลูกเป็นเริม แม้ว่าจะจูบเพียงแค่ครั้งเดียว

                      Continue reading “ลูกเป็นเริม อันตรายจากการจูบของแม่”

                        โอรีโอชวนร่วมมหกรรมความสนุก ผ่านแคมเปญสุดครีเอทีฟ “ฉลองวันเกิดโอรีโอครบ 108 ปี” พร้อมแจกฟรี! คุกกี้โอรีโอกว่า 108,000 ชิ้น 

                        กรุงเทพฯ – 6 มีนาคม 2563  – บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้าน
                        ขนมและของว่างระดับโลก ชวนแฟนๆ โอรีโอชาวไทยมาร่วมเฉลิมฉลองมหกรรมความสนุกกับแคมเปญระดับภูมิภาค “ฉลองวันเกิดโอรีโอครบรอบ 108 ปี” ผ่านกิจกรรมทางการตลาดสุดสร้างสรรค์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล พร้อมจับมือพันธมิตรผู้นำในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อย่าง Lazada / JD Central / Shopee แจกฟรี! คุกกี้โอรีโอจำนวนกว่า 108,000 ชิ้น พร้อมส่วนลดพิเศษมากมาย   ดีเดย์เฉพาะวันที่ 6-8 มีนาคม 2563 นี้

                        โอรีโอ แบรนด์คุกกี้อันดับหนึ่งของโลก ที่ครองใจแฟนๆ ทุกเพศทุกวัยกว่า 41 ล้านคนทั่วโลก ที่กำลังจะมีอายุครบ 108 ปี ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ จัดแคมเปญระดับภูมิภาคสุดยิ่งใหญ่ “ฉลองวันเกิดโอรีโอครบรอบ 108 ปี” ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘ชีวิตสนุกได้ในทุกวัน’ (Stay Playful) ชวนแฟนๆ ชาวไทยมาร่วมเฉลิมฉลองมหกรรมความสนุกในวันเกิดของโอรีโอ ผ่านกิจกรรมการตลาดดิจิทัล เซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วย Pop-up แบนเนอร์
                        ที่จะทำให้ทุกคนลืม Cookies Alert Pop-up หรือ การเปิดใช้คุกกี้บนเว็บไซต์แบบเดิม ๆ พิเศษไปกว่านั้น
                        Pop-up แบนเนอร์สุดน่ารักยังมาพร้อมโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย แจกฟรี! คุกกี้โอรีโอกว่า 108,000 ชิ้น พร้อมส่วนลดแบบจัดเต็ม ซึ่งโอรีโอเตรียมปูพรมกระจายความสุขด้วยการจับมือกับ 50 เว็บไซต์ชั้นนำ ให้สาวกคุกกี้โอรีโอได้คร่วมสนุกง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว เพียงคลิกไปที่ปุ่ม “กดรับ โปรโมชั่นโดนๆ กับ OREO ได้เลย!” บน Pop-up แบนเนอร์ ที่หน้าเว็บไซต์ ก็จะได้เปิดประสบการณ์ความอร่อยผ่านการสั่งซื้อทางออนไลน์กับ
                        3 พันธมิตรอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ได้แก่ Lazada / JD Central / Shopee เฉพาะวันที่ 6-8 มีนาคม 2563 นี้เท่านั้น! มาเปิดประสบการณ์ความอร่อยพร้อมเพิ่มช่วงเวลาแห่งความสนุกในทุกวันกับโอรีโอได้ทาง

                        • Lazada: ทุกการสั่งซื้อ* รับฟรีคุกกี้ 1 แพ็ค ขนาดบรรจุ 3 ชิ้นและฟรีค่าขนส่ง จุใจกับส่วนลด
                          คุกกี้โอรีโอสูงสุด 22% พิเศษ! สำหรับสำหรับลูกค้า 108 รายแรก รับส่วนลดเพิ่ม 50 บาท เมื่อซื้อสินค้าของบริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ครบ 250 บาท (ไม่รวมสินค้า 1 แถม 1) 
                        • JD Central: ทุกการสั่งซื้อ* รับฟรีคุกกี้ มินิโอรีโอ 1 แพ็ค พิเศษ! ส่วนลดสูงสุด 30% กับ
                          คุกกี้โอรีโอหลากหลายรสชาติ พบกับส่วนลด 1 แถม 1 สุดโดน! ของโอรีโอ และริทซ์ เวเฟอร์ โรล 
                        • Shopee: ฟรีค่าจัดส่งทุกการสั่งซื้อ* โดนใจกับส่วนลดจากโอรีโอสูงสุด 22% พิเศษ! สำหรับสำหรับลูกค้า 108 รายแรก รับส่วนลดเพิ่ม 50 บาท เมื่อซื้อสินค้าของบริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ครบ 250 บาท (ไม่รวมสินค้า 1 แถม 1)

                                 * เมื่อซื้อสินค้าใดก็ได้ในร้านค้าของบริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด 

                        อย่าลืม! มาร่วมเฉลิมฉลองมหกรรมความสนุกและเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิตสนุกได้ในทุกๆ วันกับโอรีโอ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษอีกมากมายได้ทาง www.facebook.com/OREO

                          Tags

                          COVID-19

                          11 ข้อพ่อแม่ควรทำ & ไม่ควรทำ รับมือ COVID-19 โดย พ่อเอก

                          ในตอนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรน่ากังวลไปกว่า COVID-19 แล้ว ในโลกที่เชื่อมต่อกันได้เร็วมากๆ ข้อดีก็คือเราถึงข่าวสารข้อมูลได้เร็ว ข้อเสียคือข้อมูลที่เร็วและมากเกินไปก็ก่อให้เกิดการตื่นตระหนก หรือ ไม่มีการกรองข่าวลือทั้งหลาย โดยเฉพาะเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกยังเล็กและเรียนอยู่จะยิ่งกังวล เพราะลูกต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนหมู่มาก

                          พ่อแม่ควรทำ & ไม่ควรทำ รับมือโรคระบาด COVID-19

                          การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรจะ

                          • ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ข้อมูลที่ forward กันทาง line ทาง FB มันเร็วมากแต่ถ้าไม่มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือชัดเจน อย่าส่งต่อเลย
                          • อย่าติดตามอ่านตลอดเวลา มันจะทำให้เราเสียสุขภาพจิต โดยเฉพาะ line group ของผู้ปกครอง ขอให้รอข่าวสารที่ชัดเจนจากทางโรงเรียน อย่าไปโหมกันเอง

                          ในช่วงที่ COVID-19 ระบาดนี้ ต้นเหตุที่เราได้เห็นจากข่าวทั้งในไทยและต่างประเทศคือ

                          • การไม่ยอมยกเลิกการเดินทางไปในประเทศที่มีความเสี่ยง
                          • การไม่ยอมกักตัวเองเพื่อดูอาการ เมื่อกลับมาจากสถานที่มีความเสี่ยง
                          • และที่ร้ายสุดคือ เมื่อป่วยแล้วปกปิดว่าไม่ได้เดินทางไปในประเทศที่มีความเสี่ยง

                          เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว ในครอบครัวที่มีเด็ก ขอวิงวอนให้ยกเลิกการเดินทางไปในประเทศที่มีความเสี่ยง เพราะได้ไม่คุ้มเสีย

                          คุณพ่อคุณแม่ตั้งคำถามก่อนตัดสินใจไปว่า

                          • กลับมาแล้วท่านพร้อมที่จะกักตัวอยู่ในบ้านเพื่อดูอาการหรือไม่ เพราะท่านต้องหยุดงานและลูกต้องหยุดเรียนอย่างน้อย 14 วัน
                          • ถ้าไม่พร้อมจะหยุดแต่ดื้อจะออกไปทำงานปกติ แล้วหากท่านมีเชื้อในตัวแต่ยังไม่แสดงอาการ ท่านได้เห็นข่าว super spreader ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งที่เกาหลีและที่ไทยแล้ว ท่านอยากจะเป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่ถูกจดจำเช่นนั้นหรือ
                          • โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลูกไปโรงเรียนแล้วไปทำให้เพื่อนติดเกิดมีเด็กคนอื่นเสียชีวิตขึ้นมาไม่มีใครรับผิดชอบชีวิตนั้นได้ไหว หรือแม้จะโชคดีไม่มีใครติดไปแต่โรงเรียนก็ต้องหยุดการสอนไปทั้งหมดอย่างน้อย 14 วันจากครอบครัวเดียว

                          โควิด-19 พ่อแม่ติดเชื้อส่งผลกระทบถึงลูกน้อย

                          ในระหว่างนี้ เลี่ยงไปที่มีคนแน่นได้ก็ควรเลี่ยง และสิ่งที่ควรจะทำตลอดเวลาทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่คือ

                          • สวมหน้ากากกันไว้ตลอด ไม่ต้องเช็คค่า pm 2.5 แล้ว สวมตลอด
                          • พกเจลล้างมือไว้ ล้างให้พร่ำเพรื่อดีที่สุด พกกับตัวล้างตลอดเวลา ขึ้นรถ ลงเรือ กดลิฟท์ เข้าห้องน้ำ ซื้อของ ล้างให้หมด
                          • เตือนคนรอบข้าง ครอบครัวรอบข้างให้ทำเช่นกัน ในที่ทำงานก็อย่าเกรงใจกัน ช่วยกันเตือน

                          วิธีทำหน้ากากอนามัย ใช้เองได้ง่ายนิดเดียว

                          วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ไว้ใช้เองที่บ้าน

                          สุดท้ายถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ทั้ง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ทำร่างกายให้แข็งแรง เมื่อทำครบแล้ว อย่าลืมทำจิตใจให้สดใสเพราะจิตที่ดีกายจะดี และก็ช่วยกันสวดมนต์หรือขอพรสิ่งศักสิทธิ์ของแต่ละศาสนาที่ท่านนับถือเพราะในยามที่ใจหวั่นไหว การให้ใจมีที่พึ่งเพื่อให้มีสติ เป็นสิ่งที่สำคัญ …. เป็นกำลังใจให้กันนะครับ

                          บทความน่าสนใจอื่นๆ

                          สอนลูกให้เป็น พลเมืองแบบ active citizen โดยพ่อเอก

                          แชร์เทคนิค”สอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ”ตั้งแต่เด็ก โดย พ่อเอก

                           


                          >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                          หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                          ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
                          ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            โรงแรมที่มี kid club ภูเก็ต

                            7 โรงแรมที่มี kid club ภูเก็ต ดี๊ดี เอาใจลูกทุกวัย ถูกใจยกครอบครัว

                            บ้านไหนจัดทริปพาเด็ก ๆ ไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ถึง “ภูเก็ต” ลองมองหา โรงแรมที่มี kid club ภูเก็ต ที่พักที่ตอบโจทย์สำหรับแฟมิลี่ทริปได้เป็นอย่างดี ให้คุ้มค่ากับการเดินทางไกลมาพักผ่อนกันหน่อยค่า เพราะที่ภูเก็ตมีที่พักที่มี “คิดส์คลับ” เอาใจเด็ก ๆ ทุกวัย เพื่อเติมเต็มวันพักผ่อนของคุณหนู ๆ ให้ได้มีความสุขในการท่องเที่ยว แถมยังช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เอนจอยกับการพักผ่อนในบรรยากาศดี ๆ ได้อย่างเต็มที่ มีที่ไหนบ้างมาดูกันเลยค่า

                            7 โรงแรมที่มี kid club ภูเก็ต ดี๊ดี เอาใจลูกทุกวัย ถูกใจยกครอบครัว

                            1.Centara Grand Beach Resort Phuket

                            Centara Grand Beach Resort Phuket
                            Centara Grand Beach Resort Phuket

                            โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต ทำเลที่ตั้งอยู่บนชายหาดกะรน ด้านหลังเป็นเนินเขาสีเขียวขจี และที่พักล้อมรอบสวนน้ำส่วนตัว ออกแบบเป็นแนวสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสคลาสสิกที่เป็นลักษณะเฉพาะของตัวเมืองภูเก็ต  นอกจากสถานที่พักอันได้บรรยากาศสุขสบาย ได้สัมผัสกับธรรมชาติเต็มร้อย และผ่อนคลายสำหรับทุกคน ทางรีสอร์ทยังมีกิจกรรมยามว่างที่สนุกสนาน เพื่อรองรับความสนุกของเด็ก ๆ ทุกวัย ทั้งกีฬาทางน้ำและสวนน้ำ

                            Centara Grand Beach Resort Phuket
                            Credit Photo : www.centarahotelsresorts.com

                            รวมถึงห้องคิดส์คลับ ที่เข้าใจว่าความสนใจของเด็ก ๆ แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน จึงมีทางเลือกที่หลากหลาย สำหรับเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นเกมส์ ที่นี่มี E-zone ซึ่งมีเกมส์หลากชนิดให้เลือก ทั้งตู้เกมส์ เกมส์หยอดเหรียญ หรือเกมส์เพลย์สเตชั่น เด็ก ๆ ที่รักการอ่านก็มีมุมนิทาน มีมุมของเล่น ตุ๊กตา ในโซน Camp Zafari มีบ่อบอลหลากสีสัน รวมทั้งมีกิจกรรมที่หลากหลายที่ชวนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ความเป็นไทยมากขึ้น ทั้งวัฒนธรรมไทย การไหว้ การเรียนภาษาไทย สารพัดงานประดิษฐ์ โดยเฉพาะการเพ้นท์ผ้าบาติกบนผ้าเช็ดหน้าหรือเสื้อยืด การทำเทียนเจล และอื่น ๆ ที่ทำเสร็จแล้วจะได้ผลงานกลับไปเป็นที่ระลึกด้วยนะ

                            สำหรับโซนเอ้าท์ดอร์ มีพื้นที่สนามเด็กเล่น แป้นบาสเล็ก ๆ โต๊ะปิงปอง และสระว่ายน้ำที่มีสไลเดอร์หลายขนาดให้เด็ก ๆ ไถลเล่นลงสระกันอย่างสนุกสนานแน่นอน จัดเป็นคิดส์คลับอีกที่ที่ตอบโจทย์สำหรับเด็กทุกวัยจริง ๆ จ้า

                            Centara Grand Beach Resort Phuket

                            ที่ตั้ง : 683 หาดกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83100
                            โทร : 076 201 234
                            ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.centarahotelsresorts.com

                            2.Dusit Thani Laguna Phuket Hotel

                            Dusit Thani Laguna Phuket Hotel
                            Dusit Thani Laguna Phuket Hotel
                            Dusit Thani Laguna Phuket Hotel
                            Credit Photo : www.dusit.com

                            โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต อยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีที่เต็มไปด้วยสนพื้นเมือง และทิวต้นมะพร้าว อาคารที่พักโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-โคโลเนียลผสมผสานกับสไตล์ไทยประยุกต์ พร้อมด้วยบรรยากาศหาดทราย สายลม ทำให้การมาพักผ่อนของครอบครัวลงตัวสุด นอกจากจะเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำระดับโลกมากมาย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกเพศทุกวัย อาทิเช่น สระว่ายน้ำ คอร์ทเทนนิส ลู่วิ่งจ๊อกกิ้ง ศูนย์กีฬาทางน้ำ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สปา และคิดส์คลับ ที่มีเกมส์ ศิลปะ งานฝีมือ และสนามเด็กเล่นให้เด็ก ๆ ได้สนุกในทริปนี้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

                            Dusit Thani Laguna Phuket Hotel

                            ที่ตั้ง : 390 อาคาร หาดบางเทา ถนนศรีสุนทร ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง ภูเก็ต
                            โทร : 076362999
                            ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.dusit.com

                            3.Club Med Phuket

                            โรงแรมคลับเมดจัดว่ามีชื่อเสียงด้านโรงแรมสำหรับครอบครัวแห่งหนึ่งของโลก นอกจากที่พักสวยงาม หรูหรา และดูดี คลัดเมด ภูเก็ต ยังจัดเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีกิจกรรมครบทุกอย่างให้ทุกคนในครอบครัวได้สนุกตามความชอบทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย โยคะ เทนนิส ดำน้ำชมปะการัง บาสเกตบอล ทำอาหาร และกิจกรรมที่สนุกอีกหลากหลาย

                            คลัดเมด ภูเก็ต
                            Credit Photo : www.facebook.com/ClubMedPhuket
                            คลัดเมด ภูเก็ต
                            Credit Photo : www.clubmed.co.th

                            ในส่วนของเด็ก ๆ ที่นี่มี Kids Club ได้แบ่งออกเป็นกิจกรรมตามวัย ได้แก่ Baby Club Med: สำหรับเด็กอายุ 4-23 เดือน โดยจะมีพี่เลี้ยงส่วนตัวที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเด็กได้อยู่กับเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด Petit Club Med: สำหรับเด็กอายุ 2-3 ปี ที่มีกิจกรรมทั้งกีฬา งานฝีมือ การแสดงออก และเกม ฯลฯ ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเช่นกัน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ มีความสนุกสนาน และได้ประสบการณ์ความประทับใจในการมาพักผ่อนครั้งนี้ สร้างความทรงจำที่ดีสำหรับครอบครัว อย่างมีความสุขไม่รู้ลืมกันเลยละคะ

                            Club Med Phuket

                            ที่ตั้ง : ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
                            โทร : 
                            076-330-455

                            ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.clubmed.co.th

                            4.Jw Marriott Phuket Resort And Spa

                            เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา
                            เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา

                            โรงแรม เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา ตั้งอยู่บนทำเลริมชายหาดไม้ขาวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของทะเลอันดามัน นอกจากการได้เดินเล่นและให้เจ้าตัวเล็กได้วิ่งเล่นสัมผัสกับหาดทรายขาวสุดลูกหูลูกตา ภายในรีสอร์ทยังมีกิจกรรมที่จะชวนทั้งครอบครัวเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน ทั้งสระว่ายน้ำ และ “Kid’s Pavilion” คิดส์คลับที่มีกิจกรรมศิลปะ งานประดิษฐ์ รวมทั้งกิจกรรมกลางแจ้งที่เด็ก ๆ จะได้กระโดดโลดเต้น ยืดเส้นยืดสาย เช่น กิจกรรม Mini Ninja Training มวยไทย วอลเล่ย์บอล โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมการดูแลเด็กและมีความถนัดในด้านต่างๆ ทั้งกีฬา ศิลปะ งานประดิษฐ์ คอยให้คำแนะนำดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด

                            เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา
                            เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา

                            ไม่เพียงแต่กิจกรรมเฉพาะเด็ก ๆ เท่านั้น ยังมีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับครอบครัว อาทิเช่น ห้องชมภาพยนตร์ ห้องเล่นเกม โต๊ะพูล คาราโอเกะเครื่องเล่มเกมเพลย์เตชั่น โต๊ะปิงปอง โยคะ ทำขนมไทย ดำน้ำขั้นพื้นฐาน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Kids Turtle Warriors ที่จะพาเด็กๆ ออกไปเรียนรู้ชีวิตเต่าทะเล ซึ่งทำเลของโรงแรม เคยเป็นจุดวางไข่ของเต่าทะเล ทำให้ที่นี่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์เต่าทะเล และปํนโอกาสในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เด็กๆ จะได้ลองให้อาหารเต่า ทำความสะอาดหลังเต่า ได้เห็นเต่าทะเลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่ามาพักผ่อนที่นี่ทั้งที่ ได้สัมผัสกับกิจกรรมหลากหลายที่มีให้บริการสำหรับทุกช่วงวัย ทำให้สมาชิกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวันพักผ่อนอย่างเพลิดเพลินทุกคนเลยละคะ

                            เจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปา
                            Credit Photo : www.marriott.com

                            Jw Marriott Phuket Resort And Spa

                            ที่ตั้ง : 231 หมู่3 อาคาร หาดไม้ขาว ถนนเทพกระษัตรี ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง ภูเก็ต
                            โทร : 0-7633-8000
                            ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.marriott.com

                            อ่านต่อ 7 ที่พักภูเก็ตดี๊ดี มี Kids Club คลิกหน้า 2

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              OQ (Optimist Quotient)

                              8 วิธีเลี้ยงลูก ให้มี OQ (Optimist Quotient) ฉลาดมองโลกในแง่ดี ส่งผลดีต่อชีวิต

                              วัยเด็กเป็นช่วงวัยที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน รวมถึงด้านความคิด สอนให้ลูกได้คิดบวก เป็นเด็กที่มี OQ (Optimist Quotient) ความฉลาดในการมองโลกในแง่ดี ซึ่งก็จะทำให้เป็นมีสุขภาพจิตดี เมื่อเกิดปัญหาก็มีสติตั้งรับที่จะแก้ไข ไม่เครียดจนเกินไป ทำให้สามารถเรียนรู้ที่จะเอาชนะอุปสรรคและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง นอกจากการส่งเสริมให้ลูกมี IQ และ EQ ดี ยังมีอีก Q อีกหนึ่งตัวที่จะทำให้ลูกเก่ง ดี และมีความสุข นั่นคือการสร้าง OQ หรือ ความฉลาดด้านการมองโลกแง่ดี

                              เด็กที่มี “OQ” นั้นจะทำให้มองเห็นคุณค่าในตัวเองและรู้จักให้คุณค่าต่อผู้อื่นด้วย ซึ่งผลต่อความคิดในทางบวกในระยะยาวก็จะมีผลต่อจิตใจและร่างกาย ทำให้เป็นเด็กที่ร่าเริง แจ่มใส จิตใจดี กล้าที่จะยอมรับผิดเพื่อที่จะแก้ไขให้ดีและถูกต้อง โดยรวมแล้วเป็นการมองทุกสิ่งในแง่ดีมากกว่าแง่ร้ายนั่นเอง และนี่คือเคล็ดลับ วิธีสร้างความฉลาดในการมองโลกในแงดี ที่จะช่วยพัฒนามุมมองที่สดใสและมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันให้กับเจ้าตัวเล็ก

                              8 วิธีเลี้ยงลูก ให้มี OQ (Optimist Quotient)
                              ฉลาดมองโลกในแง่ดี คิดบวก มีผลดีต่อชีวิต

                              1.พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดในการมองโลกในแง่ดี

                              เด็ก ๆ จะมองเห็นทัศนคติและเรียนรู้ที่จะมองโลกในแง่ดี มีความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่เหมาะสมจากคุณพ่อคุณแม่ที่แสดงให้เห็นและสอนลูก ไม่ขี้บ่นหรือโวยวายในสถานการณ์แย่ ๆ ให้ลูกฟัง พยายามรับมือกับสถานการณ์อย่างสงบ ใช้คำพูดที่เป็นกำลังใจมากกว่าในด้านลบ เช่น ถ้าลูกกลับมาด้วยผลสอบที่ต่ำกว่า แทนที่คุณแม่จะโกรธและต่อว่า ก็ให้ใช้วิธีคิดบวกมากขึ้น เพื่อให้มองเห็นเรื่องดี ๆ มากกว่าเรื่องแย่ อาจจะเป็นคำพูดว่า “คราวหน้าพยายามกันใหม่นะ” หากคิดถึงแต่สิ่งแย่ ๆ ก็จะทำให้ไม่พอใจ ซึ่งลูกก็จะเรียนรู้ทัศนคติเหล่านี้ผ่านประสบการณ์จากคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง ดังนั้นในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ การปลูกฝังให้ลูกมี OQ ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างต่อชีวิตลูกได้ในระยะยาว

                              OQ Optimist Quotient

                              2.สอนลูกให้รู้จักแบ่งปัน มีน้ำใจ

                              การได้ช่วยเหลือใครบางคนหรือมีความเอื้อเฟื้อแบ่งปันต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคสิ่งของที่ไม่ใช่แล้ว การพาลูกเป็นจิตอาสา การแบ่งขนม ผลัดกันเล่นของเล่นกับเพื่อน ฯลฯ การได้ทำในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จะทำให้เด็ก ๆ เกิดความภาคภูมิใจ มีความสุข ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้จากความคิดบวกนั่นเอง

                              3.กระตุ้นให้ลูกได้ลองทำหรือกล้าทำในสิ่งที่แปลกใหม่

                              เด็กทุกคนล้วนอยู่ใน comfort zone ของพ่อแม่ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ปกป้องโอ๋เจ้าตัวน้อยมากเกินไป ไม่กล้าให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะกลัวลูกจะเจ็บ กล้วลูกจะอาย ก่อนที่จะได้ทำ ผลของการให้ลูกอยู่แต่ในโซนที่ปลอดภัยของพ่อแม่ ก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตที่ทำให้ลูกไม่มีความมั่นใจ เป็นการให้ลูกได้มองโลกในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี ดังนั้น ควรปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างมีอิสระ กระตุ้นให้ลูกได้ลองทำ พิชิตสถานการณ์ที่ยากลำบาก  โดยมีคำพูดเสริมกำลังใจ ในขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ก็คอยดูลูกอยู่ในสายตา และเริ่มที่จะให้เด็ก ๆ ได้ลองรับมือกับความเสี่ยงหรือกิจกรรมที่ตื่นเต้นบ้าง เช่น การไปทัศนศึกษา/ การเข้าค่ายพักแรมกับโรงเรียน โดยไม่ตามไปดู ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลหากลูกอยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่รับรองความปลอดภัย หากลูกได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ด้วยตัวเองก็เท่ากับช่วยให้ลูก “ทำได้” สร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง

                              มองโลกในแง่ดี

                              4.สอนให้ลูกรักรู้จักช่วยเหลือตนเองในแต่ละกิจวัตรประจำวันได้

                              ลูกในวัยตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ต่างก็มีพัฒนาการตามวัยที่พร้อมจะช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เริ่มต้นตั้งแต่การแต่งตัวตัว การล้างหน้า แปรงฟัน เก็บที่นอน รู้จักเปิด ปิด ไฟในห้องนอน ช่วยงานบ้านของคุณแม่ Tamar Chansky, Ph.D. นักจิตวิทยาเด็กและนักเขียน กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ พ้นจากความคิดในเชิงลบ คือ การได้ทำในบ้านงานที่พ่อแม่มอบหมายให้อย่างเหมาะสมกับวัยของเด็ก เช่น เด็กอายุ 2 ขวบสามารถเก็บของเล่นให้ถูกที่ เด็กอายุ 3 ขวบสามารถถอดเสื้อที่สกปรกของเขาใส่ลงตะกร้าผ้า เด็กอายุ 4ขวบ สามารถนำจานอาหารไปใส่ไว้ที่อ่างล้างจาน เด็กอายุ 5 ขวบสามารถเอาขยะไปทิ้งได้ เด็กอายุ 6 ขวบสามารถแยกประเภทผ้าได้ เมื่อภารกิจทำอย่างเรียบร้อย คุณพ่อคุณแม่ควรชื่นชมทุกครั้ง เพื่อให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจ และสร้างทัศนคติที่ดี โดยปลูกฝังให้คิดว่า “ทำได้” ลูกก็จะมองโลกในแง่ดี และสามารถเอาชนะอุปสรรคผ่านพ้นไปได้

                              อ่านต่อ 8 วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาดมองโลกในแง่ดี คลิกหน้า 2

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                พาลูกเที่ยว อยุธยา

                                ห้ามพลาด! 7 ที่ พาลูกเที่ยว อยุธยา ลัดเลาะเมืองเก่า กิน เล่น เที่ยวสนุกครบรส

                                จังหวัดอยุธยา เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ แต่มีแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้มากมายที่คุณพ่อคุณแม่จะ พาลูกเที่ยว อยุธยา ได้แบบสนุกครบรส เดินทางมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้สบาย ๆ ทริปนี้ทีมแม่ ABK คัดไฮไลท์ที่เที่ยวเด็ดกรุงศรีฯ มาให้ทุกคนไปเช็กอินกันค่ะ มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย

                                ห้ามพลาด! 7 ที่ พาลูกเที่ยว อยุธยา ลัดเลาะเมืองเก่า กิน เล่น เที่ยวสนุกครบรส

                                1.พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์

                                พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์ เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของ รศ. เกริก ยุ้นพันธ์ อาจารย์เกริกผู้เป็นเจ้าของพิพิธภัณธ์แห่งนี้ได้ใช้เวลาร่วมกว่า 30 ปีสะสมของเล่นต่าง ๆ หลายประเภททั้งของเล่นไทยยุคเก่าสมัยต่าง ๆ และของเล่นจากต่างประเทศ อาทิ ของเล่นแบบสังกะสีสารพัดรูปแบบ ของเล่นจำพวกที่ทำจากดิน ไม้ ผ้า โมเดลการ์ตูนขนาดใหญ่ซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย อุลตร้าแมน ซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน เจ้าหนูอะตอม ยืนเท่ ๆ มาให้เด็ก ๆ ยืนเก๊กถ่ายรูปคู่กับฮีโร่ตัวโปรดกันไปเลย นอกจากนี้ยังมีของใช้ ของเก่า ของสะสมในสมัยก่อน ที่มีให้เพลิดเพลินเดินดูกันถึงสองชั้นกันเลยทีเดียว

                                พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์
                                พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์

                                พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นฯ จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดเป็นสวนเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ ร่มรื่น มีสนามหญ้าให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่น แถมมีของเล่นเป็นม้าโยกตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้า

                                ส่วนที่สองคืออาคารพิพิธภัณฑ์หลังสีขาว ซึ่งเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังใหญ่ 2 ชั้น มีประตู หน้าต่าง แบบบ้านสมัยเก่าทาสีฟ้าดูสดใส สะอาดสะอ้าน เมื่อก้าวเข้าไปสู่ตัวพิพิธภัณฑ์ด้านใน เชื่อว่าเด็ก ๆ ต้องร้องว้าวกับบรรดาของเล่นมากมาย ภายในอาคารแบ่งเป็น 2 ชั้น

                                • ชั้นแรก จัดแสดงของเล่นไทยยุคเก่าในสมัยสุโขทัย อยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ มีทั้งของเล่นโบราณที่มีอายุ 50-150 ปี เช่น ของเล่นไม้ ดิน ตะกั่ว สังกะสี เซลลูลอยด์ เหล็ก และพลาสติกที่ผลิตจากประเทศเยอรมนี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส จีน อเมริกา และไทย และมีพวกข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน อาทิ เครื่องเงิน ภาพพิมพ์โบราณ วิทยุโบราณ หนังสือเก่า โปสการ์ด จดหมายในยุคแรกที่เริ่มมี การไปรษณีย์ จัดแสดงใส่ตู้โชว์อย่างเป็นระเบียบสวยงาม
                                พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์
                                ขอบคุณภาพจาก : FB Milllion Toy Museum by Krirk Yoonpun
                                • ชั้นที่สอง เดินบันไดขึ้นไปก็จะพบกับโมเดลการ์ตูนขนาดใหญ่ถูกใจคุณหนู ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุลตร้าแมน ซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน เจ้าหนูอะตอม และอีกหลากหลายตัวที่คอยยืนต้อนรับ และของเล่นจำนวนมากชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกจัดแสดงไว้ในตู้กระจกวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นหมวดหมู อาทิ ตุ๊กตาสารพัดแบบ ของเล่นสังกะสีสารพัดรูปแบบ มีทั้งหุ่นยนต์สังกะสีที่มีกลไก รถยนต์ เรือ รถไฟสังกะสี ของเล่นที่ใช้ถ่าน และอีกล้านของเล่น่ที่หาดูได้ยาก ตั้งแตของเล่นสมัยเก่าไปจนถึงของเล่นสมัยใหม่ และยังมีโซนจัดแสดงนิทรรศการงานสะสมเกี่ยวกับวิถีไทยที่มีอายุหลายร้อยปี ได้แก่ เครื่องกระเบื้อง, เครื่องแก้ว, ข้าวของเครื่องใช้, เงินตรา, เครื่องเงิน, เครื่องถม, เครื่องเขิน, งานลงยา, เครื่องประดับ, งานแกะสลักงาช้าง, งานประดับมุก, เครื่องดนตรีโบราณ ที่จะชวนให้เด็ก ๆ ได้เดินชมกับแบบเพลิดเพลิน และก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ถึงเรื่องราวสมัยวัยเด็กขึ้นมาได้กันเลยทีเดียวเชียว

                                สำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังมีกิจกรรมศิลปะที่น่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ ด้วย ได้แก่ ชั่วโมงนิทาน กิจกรรมสร้างสรรค์ วาดรูป ภาพพิมพ์ ปั้นดิน และศิลปะประดิษฐ์ เรียกว่าพาลูกมาคุ้ม ได้ความรู้ ความสนุก ในที่เดียวกันเลยค่ะ

                                ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาท/ เด็ก 20 บาท
                                เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์
                                โทรศัพท์ : 035-328949-50 , 081-890 5782

                                2.ตลาดโก้งโค้ง

                                ตลาดโก้งโค้ง เป็นตลาดย้อนยุคโบราณอีกแห่งในจังหวัดอยุธยา จุดเด่นของที่นี่คือชื่อ “โก้งโค้ง” ที่มาจากสมัยก่อนพ่อค้าแม่ค้าจะวางสิ่งของบนพื้นหรือในลำเรือ ผู้คนที่มาซื้อสินค้าจึงต้องโก้งโค้งดูสินค้าบนพื้นนั่นเอง ภายในตลาดก็จัดให้เป็นแบบวิถีชีวิตไทย ๆ คงความเป็นสถาปัตยกรรมไทยโบราณ ที่ในแบบบรรยากาศสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

                                เสน่ห์ของที่นี่คือเราจะได้เห็นพ่อค้าแม่ค้าทุกคนใส่ชุดไทยสีม่วงเปลือกมังคุด ภายในตลาดมีทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึกที่เน้นสินค้าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น งานฝีมือ งานศิลปะ และนอกจากนี้เวลาเปิดตลาด สิบโมงเช้าของทุกวัน จะมีการรำกลองยาวถวายพ่อปู่แสงโส และมีการทำบุญตักบาตรเหรียญทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีประจำของที่นี่ที่ให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ บรรยากาศดี มีกิจกรรมที่น่าสนใจ แบบนี้มีแพลนมาเที่ยวอยุธยาลองมานะคะ

                                เวลาทำการ : วันพฤหัส-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.00-16.00 น.
                                โทรศัพท์ : 035 703 700

                                3.ตลาดน้ำอโยธยา

                                ตลาดน้ำอโยธยา
                                ตลาดน้ำอโยธยา

                                ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำอีกแห่งในอยุธยามีพื้นที่ประมาณกว่า 80 ไร่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่จะพาเจ้าตัวเล็กได้มาเรียนรู้แบบจำลองวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนในสมัยก่อน ในตลาดย้อนยุคแบบโบราณ ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาทั้งด้านการแต่งกายของพ่อแม่ค้า มีการแสดงพื้นบ้าน การละเล่นให้ชม ได้เห็นของกินของใช้ในยุคเก่า ทัศนียภาพความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ที่เรียบง่าย ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ  ที่จะสามารถบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นเมืองกรุงเก่าของอยุธยาได้เป็นอย่างดี

                                ภายในจัดแบ่งเป็นโซน ๆ มีร้านค้าที่ตั้งอยู่เรียงรายภายในเรือนไทยอันงดงามรอบตลาดน้ำมากมาย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือมาขายรอบตลาดน้ำ มีทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึก และสินค้าอีกมากมายหลากหลายชนิด บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติแบบไทยพื้นบ้าน มีสะพานเดินข้ามริมแม่น้ำ ที่นั่งกินและพักผ่อนริมน้ำหลายจุดให้เลือกนั่งได้อย่างสะดวกสบาย

                                ตลาดน้ำอโยธยา
                                ขอบคุณภาพจาก : ayothayafloatingmarket.in.th

                                กิจกรรมที่น่าสนใจในตลาดน้ำอโยธยา นอกจากเลือกซื้อของกินอร่อย ๆ ให้อิ่มท้องแล้ว ก็สามารถพากันเดินสำรวจบรรยากาศในตลาดที่เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศย้อนยุคแบบไทย ๆ ภายในตลาดน้ำอโยธยามีมุมสวย น่ารัก ให้เลือกมากมายหลายจุดให้แชะถ่ายรูปเก็บภาพกันไป ไฮไลท์คือบริเวณทางเข้าด้านหน้ากับป้ายชื่อ ตลาดน้ำอโยธยา ที่จำลองกำแพงเมืองเก่ามาตั้งไว้ที่นี่ รูปปั้นเด็กไทยโบราณตัวใหญ่ และสะพานไม้ข้ามร่องน้ำ และพลาดไม่ได้คือนั่งเรือชมตลาดที่จะได้เห็นทุกมุมของตลาดน้ำได้อย่างทั่วถึงและได้บรรยากาศไปอีกแบบ หรือกิจกรรมขี่ช้างชมโบราณสถานรอบวัดมเหยงค์ รวมถึงมีโชว์การแสดงพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ โขน รำไทย เพลงฉ่อย เพลงละคร ที่จัดมาให้ชมกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

                                เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น

                                อ่านต่อ 7 ที่เที่ยวอยุธยา พาลูกลัดเลาะเมืองเก่า กิน เที่ยว เล่น สนุกครบรส คลิกหน้า 2

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  Tags

                                  สอนลูกเก่งคณิต

                                  7 เคล็ดลับง่ายๆ สอนลูกเก่งคณิต นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย

                                  ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องตัวเลขหรือ “คณิตศาสตร์” มีความสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตในประจำวันขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน และยังมีความจำเป็นสำหรับหลายอาชีพในอนาคตของเจ้าตัวน้อย ถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เด็กที่มีพื้นฐานความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ที่ดีนั้น จะสามารถประสบความสำเร็จในด้านการเรียน และการ วางแผนชีวิตในอนาคตได้ดีด้วยเช่นกัน พ่อแม่ส่วนใหญ่จึงอยากให้ลูกได้มีพื้นฐานความรู้คณิตศาสาตร์ติดตัว เพื่อพัฒนาให้เก่งขึ้นไป มาเริ่มปูพื้นฐาน สอนลูกเก่งคณิต ให้ลูกรู้สึกดีและสนุกกับตัวเลข ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ กันค่ะ

                                  7 เคล็ดลับง่ายๆ สอนลูกเก่งคณิต นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย

                                  1.เริ่มต้นด้วยการนับ 1

                                  การสอนคณิตศาสตร์เริ่มต้นจากการที่ให้ลูกได้รู้จักตัวเลข คุณพ่อคุณแม่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กได้เริ่มต้นรู้จักกับเลข 1-10 ด้วยการหากิจกรรมหรือนับเลขจำนวนเหล่านี้ทุกวันซ้ำ ๆ เด็กๆ สามารถจดจำตัวเลขได้หากได้ยินใครนับเลขหรือได้ยินเพลงที่มีตัวเลขประกอบ และต่อไปก็จะทำให้ลูกเริ่มสังเกตเห็นตัวเลขในชีวิตประจำวันและเข้าใจประโยชน์การนับเลขมากขึ้น เมื่อลูกจดจำและเริ่มนับได้แล้ว ก็เป็นสัญญานที่พร้อมจะเริ่มต้นหลักคณิตศาสตร์พื้นฐานในขั้นต่อไปแล้วล่ะ

                                  2.ทำตัวเลขให้อยู่ในชีวิตประจำวันของลูก

                                  เมื่อลูกพอจะเริ่มต้นนับเลขได้แล้ว กิจกรรมบางอย่างในชีวิตประตำวันก็สามารถให้ลูกได้เริ่มต้นฝึกนับและทำความเข้าใจกับคณิตศาสตร์ได้ ไม่ว่าวัตถุอะไรรอบตัวก็สามารถชวนนับจำนวนได้หมดเลย ซึ่งจะทำให้ลูกได้เห็นถึงความสำคัญและเข้าใจความหมายได้มากขึ้น เช่น จำนวนขั้นบันไดในบ้านที่ก้าวขึ้น นับจำนวนผลไม้ที่กำฃลังกิน หรือระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน มีตัวเลขมากมายระหว่างทางให้ได้เห็น ลองชวนเจ้าตัวเล็กมองหาตัวเลขแล้วแข่งกันบอก แม้แต่การพาลูกไปซื้อของด้วยกันก็สามารถให้ลูกได้ลองช่วยคำนวณตัวเลขแบบง่าย ๆ ฯลฯ เท่านี้ก็เป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องตัวเลขมากกว่า 1-10 ได้เพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว แค่เริ่มนับก็สนุกแล้วละคะ

                                  บทความแนะนำ : เกมส์ตัวเลขมหาสนุก

                                  วิธีสอนเลขลูก

                                  3.เล่นบอร์ดเกมคณิตศาสตร์

                                  มีบอร์ดเกมหรือเกมกระดานมากมายที่เป็นของเล่นเสริมทักษะและพัฒนาการเกี่ยวกับด้านคณิตศาสตร์ เช่น เกมเศรษฐี ที่นอกจากจะมีความสนุกแล้วยังแฝงไปด้วยการฝึกให้ลูกได้รู้จักบวกลบเลขจากการซื้อขาย เกมอูโน่ เป็นการ์ดเกมเล่นง่าย อายุที่แนะนำคือ 7 ขวบขึ้นไป โดยมีการ์ดตัวเลข การ์ดคำสั่ง ซึ่งนอกจากทำให้เด็กได้รู้ตัวเลขแล้ว ยังรู้จักใช้สี และคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากคำสั่งในการ์ดด้วย เกมบันไดงู การทอยลูกเต๋าเพื่อดูแต้มและเดินตัวเบี้ยตามแต้ม เกมบิงโก การหยิบและขานตัวเลข สังเกตตัวเลขในการ์ดของตัวเอง เป็นต้น เท่านี้การเล่มเกมก็เป็นการฝึกฝนตัวเลขให้เด็ก ๆ ได้รู้จักอย่างสนุกสนานเลยค่ะ

                                  บทความแนะนำ : 8 บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมสุดฮิตต้องมีติดบ้านช่วยเพิ่มทักษะรอบด้านให้ลูก

                                  เทคนิคการสอนเลข

                                  4.ฝึกเล่นลูกคิด

                                  ลูกคิด จัดเป็นเครื่องมือสำหรับใช้คำนวณที่จะช่วยฝึกทักษะคณิตศาสตร์ของเด็ก ๆ ได้ ตั้งแต่การบวก การลบ การคูณ และการหาร นอกจากนี้ประโยชน์ของลูกคิดยังช่วยเพิ่มจินตนาการ พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ฝึกให้มีการคิดโดยอัตโนมัติ เพิ่ม/ฝึก สมาธิ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ ลูกคิด ได้ออกแบบมาเป็นเครื่องมือคิดเลขที่มีขนาดเหมาะสำหรับมือเล็ก ๆ ลองให้ลูกได้สัมผัสดูลูกอาจจะชอบตัวลูกคิดกลม ๆ ที่สามารถเลื่อนขึ้นลงและปัดไปปัดมาตามแกนดูก็ได้นะคะ

                                  5.เล่นแฟลชการ์ด

                                  แฟลชการ์ด (Flash Card) หรือบัตรคำ บัตรภาพ บัตรขนาดใหญ่ที่มีคำศัพท์ รูปภาพ ตัวเลข หรือจำนวน เป็นเครื่องมือช่วยจำ และช่วยกระตุ้นสมองซีกขวา แฟลชการ์ดจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แถมยังเป็นกิจกรรมที่ดีสนุกสนานอีกกิจกรรมหนึ่งอีกด้วย

                                  บทความแนะนำ : โหลดฟรี! แฟลชการ์ด – บัตรคำ กระตุ้นการเรียนรู้ของลูก

                                  6. รู้จักคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์

                                  เพื่อปูพื้นฐานคณิตศาสตร์ให้เจ้าตัวเล็ก คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยให้ลูกเข้าใจคำศัพท์และสัญลักษณ์ที่ใช้ เช่น บวก ลบ มากกว่า น้อยกว่า เท่ากับ หน้าตาเป็นอย่างไร ความหมายของแต่ละอันคืออะไร โดยเริ่มแรกคุณพ่อคุณแม่อาจใช้อุปกรณ์ช่วยเป็น บัตรคำมาเล่น สอนให้ลูกเข้าใจความจริงพื้นฐาน เช่น การบวกลบเลข คือ 1 + 1 = 2,  2 – 2 = 0 เป็นต้น โดยชูภาพให้ลูกดู และให้ลูกหาคำตอบได่อย่างรวดเร็ว หรือเล่าประกอบนิทาน เพื่อค่อย ๆ อธิบายความหมายและการใช้งานให้ลูกเข้าใจแบบง่าย ๆ ไปพร้อมกับความสนุกที่จะไม่ทำให้ลูกเบื่อหรือไม่ชอบตัวเลขได้ เพราะถ้าหากลูกไม่เข้าใจคำศัพท์คณิตศาสตร์ก็จะไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาได้ในขั้นต่อ ๆ ไปได้

                                  ฝึกเลข

                                  7. ฝึกแก้โจทย์ปัญหา

                                  วิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ต้องเข้าใจโจทย์ปัญหา อยากให้ลูกเก่งคณิตศาสตร์ ควรให้ลูกได้มีการแก้โจทย์ปัญหาบ่อย ๆ ฝึกให้ลูกทำแบบฝึกหัดนอกเวลามากกว่าการบ้านที่ครูให้ อาจเป็นทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจเป็นโจทย์ที่แปลกไปจากการบ้าน เพื่อเพิ่มพูนทักษะที่หลากหลาย โดยเริ่มจากให้ลูกอ่านโจทย์และทำความเข้าใจ แก้โจทย์ตัวเลขง่าย ๆ จนคล่องก่อนแล้วค่อยพัฒนาเพิ่มระดับความยากขึ้นตามระดับความเข้าใจของเด็ก อาจสอนให้ลูกตีความจากโจทย์เป็นภาพเพื่อให้เข้าใจโจทย์มากยิ่งขึ้น หากลูกเข้าใจโจทย์ก็จะสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง เพิ่มความมั่นใจและมีทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ให้ลูกยิ่งขึ้นด้วย

                                  แม้คณิตศาสตร์อาจจะดูเป็นเรื่องยาก และยิ่งโตความยากของเลขจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่คณิตศาสตร์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการเรียนและหน้าที่การงานขั้นสูงขึ้นในอนาคตด้วย การสอนให้ลูกได้ซึมซับตั้งแต่เด็ก ๆ ฝึกฝนให้ลูกคิดเป็นประจำ สร้างความเข้าใจให้มากกว่าการท่องจำ ผ่านแบบฝึกหัดบ้าง ผ่านกิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกได้ด้วยตัวเอง สอดแทรกความสนุกและไม่กดดันลูก ก็จะทำให้ คณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย และจะทำให้ลูกชอบตัวเลข ชอบเรียนรู้ และเก่งเลขได้ดีในที่สุด

                                  ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thoughtco.comwww.trueplookpanya.com

                                  อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                                  5 วิธีแก้เมื่อ ลูกไม่ชอบเรียนเลข

                                  รวมไฟล์โหลดฟรี! แบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    รายชื่อหมอสูติ

                                    10 รายชื่อหมอสูติ หมอฝากครรภ์ฝีมือดี ที่แม่ท้องบอกต่อ

                                    อีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ให้ความสำคัญ นอกจากการดูแลเรื่องอาหารการกิน สุขภาพของตัวคุณแม่เองเพื่อส่งผ่านไปถึงลูกน้อยในท้องแล้ว การมองหาโรงพยาบาลและคุณหมอเพื่อฝากครรภ์ก็สำคัญไม่น้อย สิ่งแรกที่สูติแพทย์และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำก็คือ ควรไปฝากท้องกับคุณหมอทันทีที่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะต้องตรวจสอบว่าเป็นภาวะตั้งครรภ์ผิดปกติ เช่น ท้องนอกมดลูก หรือครรภ์ไข่ปลาอุกหรือไม่ คุณหมอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลครรภ์ และสั่งวิตามินและแร่ธาตุเสริมที่จำเป็นให้ด้วย วันนี้ทีมแม่ ABK นำ รายชื่อหมอสูติ จากโรงพยาบาลชั้นนำมาฝากสำหรับแม่ท้องกันค่า

                                    หมอสูตินารี ที่ไหนดี
                                    หมอสูตินารี ที่ไหนดี

                                    10 รายชื่อหมอสูติ หมอฝากครรภ์ชื่อดัง จาก รพ. ชั้นนำ พร้อมตารางเวลาทำงานของคุณหมอ

                                    1.รศ.นพ.บุญชัย เอื้อไพโรจน์กิจ

                                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้าน สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา, เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ และเริ่มต้นแนะนำให้คุณแม่ได้คลอดแบบธรรมชาติ แม่ ๆ คนไหนตั้งใจคลอดแบบธรรมชาติลองไปฝากครรภ์หรือขอคำแนะนำจากคุณหมอดูนะคะ

                                    อยู่ที่ :

                                    • โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

                                    เวลาออกตรวจ : อังคาร 09:00 – 12:00 น./ พุธ 17.00-20.00 น./ เสาร์ 11.00-16.00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bumrungrad.com

                                    • โรงพยาบาล BNH

                                    เวลาออกตรวจ : เสาร์ 07:00 – 10:30 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bnhhospital.com

                                    • ศูนย์การแพทย์นวบุตร

                                    เวลาออกตรวจ : อาทิตย์ 8.00-12.00 น

                                    นัดหมายแพทย์ : www.nawabutr.com

                                    2.นาวาอากาศโท นายเเพทย์ ทรงพล สนธิชัย

                                    คุณหมอมีความเชี่ยวชาญพิเศษด้าน ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ผ่าตัด ทางนรีเวชที่ซับซ้อน การส่องกล้องที่ปากมดลูก

                                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต

                                    เวลาออกตรวจ :  วันอังคาร  08:00 – 17:00 น./ วันพุธ 07:00 – 16:00 น./  วันพฤหัสบดี  08:00 – 16:00 น./ วันศุกร์   08:00 – 18:00 น. (งดออกตรวจ ศุกร์ที่ 2 ของเดือน)

                                    นัดหมายแพทย์ : www.ch9airport.com

                                    3.ศ.นพ.เยื้อน ตันนิรันดร์

                                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้าน สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา, เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

                                    อยู่ที่ :

                                    • โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

                                    ตารางออกตรวจ : จันทร์. 16:00 – 20:00 น./ อังคาร 16:00 – 20:00 น./ พุธ 14:00 – 20:00 น./ เสาร์ 14:00 – 18:00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bumrungrad.com

                                    • โรงพยาบาล BNH

                                    ตารางออกตรวจ : พฤหัส 15:30 – 19:00 น./ เสาร์ 09:00 – 11:00 น./ อาทิตย์  09:00 – 15:00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bnhhospital.com

                                    4.รศ.ดร.นพ.บุญศรี จันทร์รัชชกูล

                                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการรักษา ในกรณีที่แม่ท้องมีความเสี่ยง เช่น อายุ 35 ปีขึ้นไปหรือเคยมีประวัติแท้ง จะแนะนำการ ตรวจคัดกรองทารกในครรภ์เพื่อดูว่ามีความผิดปกติอย่างไรหรือไม่ เพื่อวางแผนในการรักษาและให้คำปรึกษาแนะนำ การดูแลตนเองสำหรับแม่ท้องเพื่อครรภ์คุณภาพ

                                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลสมิติเวช

                                    เวลาออกตรวจ : ทุกวัน 08:00 – 12:00 น. และ  13:00 – 16:00 น.

                                    นัดหมายแพทย์www.samitivejhospitals.com

                                    5.รศ.นพ.ตวงสิทธิ์ วัฒกนารา

                                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ การผ่าตัดด้วยกล้อง นอกจากฝากครรภ์แล้วคุณหมอดูแลคัดกรองทารกในครรภ์เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น สามารถรักษาทารกขณะอยู่ในครรภ์เนื่องจากภาวะตัวบวมได้สำเร็จ และคุณหมอยังมีความชำชาญด้านภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ ภาวะวัยทอง

                                    อยู่ที่ :

                                    • โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

                                    ตารางออกตรวจ : พุธ 16:30 – 20:00  น./ เสาร์ 08:00 – 12:00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bumrungrad.com

                                    • โรงพยาบาลกรุงเทพ

                                    ตารางออกตรวจ : พฤหัสบดี 17:00 – 19:00 น. เสาร์ 13:00 – 17:00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.bhqdoctors.bdms.co.th

                                    • โรงพยาบาลศิริราช

                                    ตารางออกตรวจ : พุธ 09.00-12.00 น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.si.mahidol.ac.th

                                    6.นพ.ชรินทร์ วิทย์วิบูลย์รัตน์

                                    คุณหมอเชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช เป็นหมอสูตินรีแพทย์ชื่อดังของโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญในเรื่องฝากครรภ์ คลอด

                                    อยู่ที่ : โรงพยาบาลคามิลเลียน

                                    เวลาออกตรวจ : จันทร์ 09.00 – 16.00 น./ อังคาร 09.00 – 13.00 น./ พุธ 09.00 – 16.00 น./พฤหัสบดี 09.00 – 16.00 น./ ศุกร์ 09.00 – 16:00  น.

                                    นัดหมายแพทย์ : www.camillianhospital.org

                                    อ่านต่อ 10 รายชื่อหมอฝากครรภ์ ที่แม่ท้องบอกต่อ คลิกหน้า 2

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่