กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก

จับ หนีบ เล่น 20+ กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เล่นกับลูกในบ้านง่ายๆ

การฝึกพัฒนาการกล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ จัดเป็นการเตรียมความพร้อมที่สําคัญอย่างหนึ่งสําหรับเจ้าตัวเล็ก ในส่วนของ กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาการกล้ามเนื้อนิ้วมือของเจ้าตัวเล็กให้แข็งแรง และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความสามารถในการใช้สายตากับมือให้สัมพันธ์กันด้วย ซึ่งจะเป็นทักษะของการเขียน หยิบ จับ และช่วยเหลือตัวเองได้ดีในลำดับต่อไป

การฝึกทักษะให้ลูกได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก คือกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วแต่ละนิ้ว ฝ่ามือ ไปจนถึงข้อมือ ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก และสิ่งที่พ่อแม่ส่งเสริมให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กก็คือ ส่งเสริมให้ลูกได้ใช้กล้ามเนื้อมือผ่านการเล่น ที่เป็นการจัดประสบการณ์ตรงให้เด็กได้ลงมือทำจริง โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น การขีดเขียน ฉีก ตัด ปะ พับ ปั้น ฯลฯ มาดูตัวอย่างกิจกรรมเหล่านี้แล้วชวนเจ้าตัวเล็กมาเล่นกันค่ะ

20+  กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เล่นกับลูกในบ้านง่าย ๆ

#กิจกรรมหยิบจับสิ่งของที่มีขนาดเหมาะกับมือ การจับคว้าสิ่งของระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง และเรียนรู้ลักษณะรูปทรงสิ่งของ

ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก

1.ช่องหยอดฝา

สื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก

2.วางบล็อกตามรูปทรงที่พ่อแม่ร่างเอาไว้

ของเล่นพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก

3.หยอดไม้จิ้มฟันลงรู

กล้ามเนื้อมัดเล็ก ปฐมวัย

4.วางรูปทรงให้ถูกที่

กล้ามเนื้อมัดเล็ก

5.อันไหนวงกลม สามเหลี่ยม สีเหลี่ยมกันนะ

กิจกรรม กล้ามเนื้อมัดเล็ก

6.ติดคลิปให้รอบกระดาษ

กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก

7.หยอดฝาให้ถูกช่องนะจ๊ะ

อ่านต่อ 20+ กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    ปิดห้างสรรพสินค้า

    ปิดห้างสรรพสินค้า ร้านไหนปิด ไม่ปิด? เช็คตรงนี้!

    จากที่กทม. มีมติสั่ง ปิดห้างสรรพสินค้า นานถึง 22 วัน ตั้งแต่ 22 มี.ค.-12 เม.ย. เพื่อสกัดกั้นการระบาดของเชื้อโควิด-19 มาเช็คกันเลยว่า ห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้าใกล้บ้าน เปิด-ปิดในส่วนไหน และที่ไหนเปลี่ยนแปลงเวลาเปิด-ปิดบ้าง หากยังซื้อของไม่ครบ จะไปที่ไหนได้บ้าง

    ท็อปส์และเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ในกรุงเทพฯ ขยายเวลาการให้บริการเป็น 8.00 นถึง 23.00 น.

    Tops Supermarket

    แม็คโครเปิดให้บริการตามปกติทุกสาขาทั่วประเทศ

    makro

    Foodland เปิดให้บริการตามปกติตลอด 24 ชั่วโมง

    foodland

    ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิดให้บริการชั่วคราวยกเว้นชั้น Supermarket

    central

    ศูนย์การค้าสยามพารากอน ปิดบริการยกเว้น ชั้น Ground ทั้งหมดรวมธนาคาร เปิดบริการทุกวัน 10.00-22.00 น.

    สยามเซ็นเตอร์  ปิดบริการ ยกเว้น ร้าน 7-ELEVEN เปิด 24 ชม.

    ไอคอนสยาม ปิดบริการ ยกเว้น ชั้น G-Dear Tummy Supermarket เปิดบริการทุกวัน 11.00-20.00 น.

    Siam Paragon

    ศูนย์การค้าเมกาบางนา ปิดบริการยกเว้น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา เปิดบริการตั้งแต่ 10.00-22.00 น.

    mega bangna

    ร้านบู๊ทส์ เปิดให้บริการตามเวลาปกติ

    boots

    โฮมโปร ปิดให้บริการสาขาในกรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ , สมุทรสาคร

     

    Homepro
    Homepro

    Terminal21 ปิดให้บริการชั่วคราว ยกเว้น Gourmet Market, ร้านขายยา, Watson, Boots, ร้านอาหารชั้น LG (เฉพาะสั่งกลับบ้าน) เปิดให้บริการตามปกติ 10.00-22.00 น.

     

    Terminal21

    อ่านต่อ สั่งปิดห้าง ร้านไหนเปิดบ้าง คลิกหน้า 2

      วิธีประหยัดเงิน

      แม่ขอแชร์ 8 ไอเดีย วิธีประหยัดเงิน ในกระเป๋า ช่วย save cost สู้วิกฤติในยามนี้

      ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างเผชิญวิกฤต ปัญหาเรื่องการเงิน ถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ทำยังไงถึงจะประหยัด และให้เหลือเงินมากที่สุด ลดรายจ่ายได้มากที่สุดในสถานการณ์ช่วงนี้ มาดูไอเดียจากแม่ ๆ ที่แชร์ วิธีประหยัดเงิน แบบไหนที่ช่วย save cost ได้บ้าง

      แม่ขอแชร์ 8 ไอเดีย วิธีประหยัดเงิน ในกระเป๋า สู้วิกฤติในยามนี้

      วิธีประหยัดเงิน

      1.ทำอาหารกินเองที่บ้าน

      ค่าอาหารเป็นหนึ่งค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดก่อนหนึ่งในชีวิตประจำวัน วิธีที่จะช่วยลดรายจ่ายในเงินก้อนนี้ก็คือ กินข้าวที่บ้านและทำกับข้าวเองให้ได้บ่อยขึ้น ลดค่าใช้จ่ายจากการซื้ออาหารถุงหรือการไปกินข้าวนอกบ้านด้วยการซื้อ อาหารสด ผักสด มาทำกินเอง ที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวได้รับสารอาหารครบถ้วนมากกว่าคุณค่าจากอาหารกระป๋องหรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าเป็นครอบครัวหลายคน

      บทความแนะนำ : นักโภชนาการแนะวิธี ตุนอาหาร ให้หลากหลาย ได้สารอาหาร ครบ 5 หมู่

      2.ช่วยกันประหยัดพลังงานภายในบ้าน

      บอกทุกคนในครอบครัวช่วยกันประหยัดน้ำและไฟในบ้าน เช่น เปิดไฟเฉพาะส่วนที่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟให้หมดทั้งบ้าน ปิดไฟทุกครั้งในส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน น้ำสุดท้ายของการซักผ้านำไปรดน้ำต้นไม้ หรือล้างรถได้ ปิดก๊อกน้ำให้สนิท ควบคุมอุณหภูมิแอร์ไม่ให้ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส หรือลดชั่วโมงการดูทีวีให้น้อยลง เป็นต้น ถ้าคนในครอบครัวช่วยกันนิด ๆ หน่อย ๆ รายจ่ายในส่วนนี้ก็คงลดลงไปได้อีกพอสมควร ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและมีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น

      3.ลดการช้อปเสื้อผ้า

      หลายคนมีเสื้อผ้าเยอะมาก บางคนก็จัดว่าเสื้อล้นตู้ แต่ในช่วงนี้แม่ ๆ ควรตัดใจไม่เปิดแคทตาล็อกเสื้อผ้าในแอพออนไลน์ เพื่อเซฟเงินเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ หรือถ้าหากเบื่อกับไอเดียแต่งตัวไปทำงานแบบเดิม ๆ ก็ลองมิกซ์แอนด์แมทช์จับเสื้อผ้ากับกางเกงหรือกระโปรงที่ยังไม่เคยมาจับคู่ดี ๆ ก็ทำให้คุณแม่มีเสื้อผ้าในลุคใหม่ ๆ ไปทำงานได้เหมือนกัน

      บทความแนะนำ : แฟชั่นชุดคู่แม่ลูกสุดน่ารัก พร้อมเทคนิคเลือกเสื้อผ้าตามวันเสริมราศี

      วิธีประหยัดเงินในกระเป๋า

      4.ฉลาดช้อปออนไลน์

      ทางออกที่จะจับจ่ายซื้อของในช่วงนี้ที่หลายคนพยายามไม่ออกจากบ้านก็คือการซื้อของออนไลน์ แต่ในยามที่จะต้องประหยัดเงินในช่วงนี้ แม่ ๆ อย่าเพิ่งตาลุกวาวเพียงเพราะโปรโมชั่นที่กำลังลดราคา ในยามนี้คุณแม่ควรคิดให้รอบคอบว่า สิ่งไหนมีความจำเป็นมากแค่ไหน หากไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าเพิ่งกดซื้อตอนนี้ เก็บเงินไว้ก่อนดีกว่า หรือหากจำเป็นต้องซื้อควรเปรียบเทียบราคาสินค้าและราคาส่งกับเจ้าบริการที่ใช้เป็นประจำกับสินค้าบริการจากเจ้าอื่น ๆ ดู การลดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ เมื่อมองในระยะยาวก็ช่วยให้ประหยัดได้ไม่น้อยเลยนะคะ

      อ่านต่อ 8 ไอเดีย วิธีประหยัดเงินสู้วิกฤติ คลิกหน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ฟ้าทะลายโจร

        ฟ้าทะลายโจร ป้องกันโควิดได้หรือไม่?

        ช่วงนี้ข่าวการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพ่อ คุณแม่ ที่มีลูกน้อย กังวลไปเสียหมดว่าลูกของตัวเองจะมีความเสี่ยงติดเชื้อบ้างหรือไม่ จึงสรรหาวิธีการต่างๆ มาป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเจ็บไข้ได้ป่วยไปด้วย เช่น การหาสมุนไพรอย่าง ฟ้าทะลายโจร เพราะเชื่อว่าช่วยป้องกันได้

        Continue reading “ฟ้าทะลายโจร ป้องกันโควิดได้หรือไม่?”

          วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า

          8 วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า COVID-19 ฉบับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กโดยเฉพาะ!

          แนะ วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า สำหรับพ่อแม่ที่มี “ลูกเล็ก” โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันลูกน้อยจากเชื้อไวรัสโควิด–19 ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง พ่อแม่ต้องทำยังไงบ้างมาดูกัน

          แนะ วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า COVID-19
          ฉบับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กโดยเฉพาะ!

          เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโรคระบาดร้ายแรงที่อยู่คู่คนไทยและหลายประเทศทั่วโลกไปแล้ว สำหรับ ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ซึ่งสถานการ์การระบาดโควิด-19 เริ่มตั้งแต่ปี 2019 จนถึง ปี 2021 ล่าสุดตอนนี้อยู่ในการระบาดระลอกที่ 3 ที่เริ่มหวนกลับมาเล่นงานในหลายประเทศของชาติตะวันตก ที่มีระดับการติดต่อง่ายกระจายเร็วรุนแรง “ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่” เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จนต้องประกาศใช้ “มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่” เพื่อควบคุมการกระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว

          ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยจาก “ไวรัสกลายพันธุ์” ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ และสายพันธุ์แอฟริกา ผสมผสานปัจจัย “หย่อนยานมาตรการป้องกัน” ที่เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งรับการฉีดวัคซีนแล้วทำให้คนอีกกลุ่มประมาทไม่ป้องกันตัวเอง กลายเป็นชนวนช่วยหนุนส่งเสริมให้ “เชื้อโควิด-19 ระบาดเร็วยิ่งขึ้นนี้

          ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่ไทยพบเด็กวัย 6 เดือน ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายครอบครัว โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก และลูกน้อยวัยทารกอยู่ก็ยิ่งมีความกังวลเป็นอย่างมากสำหรับการที่จะป้องกันไม่ให้มีการติดไวรัส โควิด – 19 … ดังนั้นทางทีมแม่ ABK จึงมีข้อมูลความรู้และแนวทางป้องกัน รวมไปถึง วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า COVID-19 ให้กับคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองซึ่งสามารถเอาไปเป็นทางในการป้องกันโรคโควิด – 19 ให้กับทารกตัวน้อยปลอดภัยจากสถานการณ์โรคระบาดในตอนนี้

          Must read >> โควิดขยายวงจู่โจมทารก-เด็กเล็ก สหรัฐพบ เด็กติดโควิด19 แตะ 2 ล้านคน

          Must read >> แม่ต้องระวัง! โรคแทรกซ้อนโควิด-19 ในเด็ก ทำลูกป่วยหนัก

          Must read >> แม่ไทยในอิตาลีแชร์ วิธีรับมือ COVID-19 ในวันที่ต้องปิดประเทศ

          พ่อแม่ควรรู้ ไวรัสโคโรน่า ‘สายพันธุ์ใหม่’ คืออะไร

          ก่อนจะรู้ถึง วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า พ่อแม่ควรรู้ก่อนว่า ไวรัสโคโรน่า คืออะไร COVID-19 หรือ Severe acute respiratory syndrome coronavirus (SARs-CoV-2) คือ เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มีชื่อว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) – ‘CO’ มาจากคำว่า Corona, ‘VI’ มาจาก Virus, และ ‘D’ มาจาก Disease ที่แปลว่า ‘โรค’  ซึ่งเจ้าไวรัสโควิด-19 นี้ถือเป็นไวรัสชนิดใหม่ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับตระกูลของไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome – SARS) หรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง รวมทั้งโรคหวัดธรรมดาบางประเภท

          Must read >> โควิด-19 พ่อแม่ติดเชื้อส่งผลกระทบถึงลูกน้อย

          วิธีรับมือไวรัสโคโรน่า

          การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19

          เชื้อไวรัส โควิด-19 จะถ่ายทอดผ่านการสัมผัสโดยตรงกับฝอยละอองจากลมหายใจของผู้ติดเชื้อ (ที่เกิดจากการไอและจาม) การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน ไวรัส COVID-19 อาจอยู่รอดบนพื้นผิวเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ก็ถูกทำลายได้ด้วยสารฆ่าเชื้อทั่วไป

          อาการโรคไวรัสโคโรน่า

          ที่มีรายงานอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ มีไข้ ไอ และหายใจหอบ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีโรคปอดอักเสบ หรือหายใจลำบากร่วมด้วย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตแต่พบไม่บ่อยนัก

          ทั้งนี้อาการดังกล่าวเบื้องต้นจะมีลักษณะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคหวัดธรรมดาซึ่งพบได้บ่อยกว่าโควิด-19 และนี่คือเหตุผลที่จะต้องทำการทดสอบเพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ทั้งนี้โรคเหล่านี้ใช้หลักเดียวกันในการป้องกัน นั่นก็คือการล้างมือบ่อย ๆ และดูแลสุขอนามัยทางเดินหายใจ (ไอ-จามใส่ข้อพับแขนด้านใน หรือบนกระดาษทิชชูและทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด)  ซึ่งปัจจุบันก็มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว คุณและลูกจึงควรได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนอยู่เสมอ แต่สำหรับ ไวรัสโคโรน่า นี้ยังไม่มีวัคซีนออกมา

          อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

          อ่านต่อ >> “วิธีป้องกันลูกจากไวรัส COVID-19
          พ่อแม่ต้องรับมืออย่างไรบ้าง?” คลิกหน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            ติดเชื้อโควิด-19

            ให้ลูกกินน้ำนมได้ไหม ถ้าแม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ติดเชื้อโควิด-19

            ถ้าแม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง กังวลว่าหาก ติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา ยังให้ลูกกินนมแม่ได้ไหม  ต้องทำอย่างไรให้ลูกกินนมได้ปลอดภัย หรือต้องตัดใจให้ลูกหย่านม เพื่อป้องกันไว้ดีที่สุด

            แม่เสี่ยง ติดเชื้อโควิด-19 ยังให้นมได้หรือเปล่า

            ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่การแพร่ระบาดมากขึ้น คุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ  หรือมีโอกาสพบปะกับผู้เสี่ยงติดเชื้อ ทำให้รู้สึกกลัวว่าถ้าตัวเองติดเชื้อขึ้นมา จะทำให้ลูกป่วยไปด้วยหรือไม่

            ติดเชื้อโควิด-19

            เชื้อโควิด-19 ผ่านนมแม่ได้หรือไม่

            สำหรับคุณแม่ให้นมอาจรู้สึกกังวลเป็นพิเศษว่า หากติดเชื้อโควิด-19 เชื้อจะส่งผ่านน้ำนมไปถึงลูกน้อย ณ.ปัจจุบัน ยังไม่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในน้ำนม จึงยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าถ่ายทอดผ่านน้ำนมได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม โควิด-19 สามารถแพร่กระจายจากละอองฝอยจากการไอ หรือจามได้

            MUST READ : คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม

            แม่เสี่ยง ติดเชื้อโควิด-19 ยังให้นมได้หรือไม่

            ช่วงการให้นมลูก ที่คุณแม่ต้องโอบกอด หรือนอนใกล้ชิดกับลูกเป็นเวลานาน หากคุณแม่ติดเชื้อก็มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้ลูกได้ ดังนั้นหากคุณแม่ได้รับการยืนยันว่าได้รับ ติดเชื้อ โควิด – 19  มีความเสี่ยง หรือเข้าข่าย ควรใช้มาตรการป้องกันที่เป็นไปได้ทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อไวรัสไปสู่เด็กทารก

            ในอีกมุมหนึ่ง น้ำนมแม่เป็นเกราะชั้นดีที่ช่วยป้องกันโรคภัย และเป็นแหล่งอาหารดี่ที่สุดสำหรับทารก สำหรับคุณแม่ในกลุ่มเสี่ยง หรือเข้ารับการตรวจแล้วรอการยืนยันผลตรวจ อาจจำเป็นต้องอยู่ห่างลูกน้อยไปก่อน โดยไม่จำเป็นต้อง “หย่านม” แต่ให้เปลี่ยนวิธีการให้นม  ด้วยการปั๊มนมใส่ขวด  ให้คนในบ้านที่ไม่เสี่ยงติดเชื้อ  เป็นผู้ป้อนนมแทน เป็นต้น

            ติดเชื้อโควิด-19

             3 ขั้นตอนแม่ควรทำ ก่อนให้นมลูก

            • ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำสบู่ให้สะอาดก่อนและหลังสัมผัสลูก (ควรล้างตามหลัก 7 ขั้นตอนการล้างมือที่ถูกต้อง)
            • สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาให้นมลูก (แม้ไม่ใช่การเข้าเต้า)
            • ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดก่อนสัมผัสตัวลูก
            • ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าอ้อม และเครื่องนอนของลูกน้อยให้สะอาดปลอดเชื้อ
            • ทำความสะอาดอุปกรณ์การให้นม เช่น เครื่องปั๊มนม ถุงเก็บน้ำนม เป็นต้น

            อ่าน เมื่อแม่จำใจต้องให้ลูกหย่านม ต้องทำอย่างไร หน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

              COVID-19

              แม่ไทยในอิตาลีแชร์ “วิธีรับมือ COVID-19” ในวันที่ต้องปิดประเทศ

              ท่ามกลางความกังวลของผู้คนที่มีต่อสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ว่าประเทศไทยเราจะเข้าเฟส 3 หรือยัง? จะประกาศปิดประเทศไหม? ถ้าปิดประเทศต้องอยู่แต่ในบ้าน แล้วเราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร?

              แชร์ประสบการณ์ จาก “อิตาลี” ถึง “ไทย” เตรียมพร้อมอย่างไร หากต้องปิดประเทศ

              ทีมแม่ABK จึงอยากแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ของ “แม่มะเดื่อ” คุณแม่ไทยที่ใช้ชีวิตในอิตาลีกับสามีและลูกน้อย ว่าเธอมีการวางแผนเตรียมพร้อมตัวเองและครอบครัวอย่างไร ให้อยู่อย่างปลอดภัย มีสติ และมีความสุข ในประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในเวลานี้

              สถานการณ์เป็นอย่างไรในอิตาลี?

              พอคืนวันที่อิตาลีพบผู้ป่วย COVID-19 รายแรก และได้ปิดเขตถึง 11 เขต เป็นพื้นที่เสี่ยงห้ามคนเข้าออก

              เช้าวันต่อมาในขณะที่ผู้คนในแคว้นที่ยังไม่ได้เป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ก็ตื่นตะหนก

              ออกบ้านไปตามหาซื้อเจลแอลกอฮอลล์ ไปตามหาซื้อหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ซึ่งหมดอย่างรวดเร็วหรือไม่มีขายแล้ว แล้วคนออกไปเบียดกันแย่งซื้ออาหารกักตุนซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยกัน ก็เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อและติดเชื้อ รวมถึงความตึงเครียดต่างๆ ถึงกับมีการต่อสู้ทะเลาะทำร้ายร่างกายกันขึ้น

              จนสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

              จนรัฐบาลสั่งปิดประเทศ! ร้านอาหาร คาเฟ่ถูกปิด

              มีซุปเปอร์มาเก็ตที่ยังเปิดให้บริการ แต่การจะเข้าไปซื้อยากมาก คิวยาว เว้นระยะห่างในการรอต่อคิว และมีเวลาจำกัดแค่ 15 นาทีในการซื้อสินค้า สินค้ามีไม่พอตามความต้องการ และหากจะสั่งซื้อออนไลน์ก็ถูกจองเต็มจนหมด

               

              แม่มะเดื่ออยู่อย่างไร?

              บ้านเราโชคดีตรงที่มีอุปนิสัยซื้ออาหารหรือซื้อข้าวของต่างๆ เข้าบ้านเป็นจำนวนเยอะๆ อยู่แล้ว ซื้ออาหารเป็นรายอาทิตย์ ซื้อเรื่อยๆ ก็กลายเป็นสะสม เลยทำให้ไม่ต้องออกไปแย่งซื้อของกับใคร

              รวมถึงยาสามัญประจำบ้าน แอลกอฮอล์ และเจลแอลกอฮอล์ที่มีติดบ้าน เราเลยไม่ได้ออกบ้านไปชุลมุนวุ่นวายตรงนั้น เพราะมีทุกอย่างครบแล้ว

              อีกทั้งเพราะปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เราป้องกันตัวเองมาตลอด เลยทำให้เรามีหน้ากากอนามัยครบทุกคนในบ้าน

              และการติดตามข่าวสารต่างประเทศ Corona virus ตั้งแต่ต้นปี  และการดูแลสุขภาพอนามัยอยู่เสมอ เลยทำให้เราพร้อมกว่าคนอื่นไปหลายก้าว เราวิเคราะห์ว่าเชื้อไวรัสน่าจะแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว เพราะคนเดินทางท่องเที่ยวเยอะในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ ไม่ใช่เฉพาะแต่คนจีน! ที่คนส่วนใหญ่ระแวงแค่กลุ่มเดียว เราเลยระวังตัวมาตลอด โดยใส่หน้ากากมาตลอดอยู่แล้ว และไม่เดินทางไปแหล่งชุมชนเลย และเราเดินทางด้วยรถส่วนตัว

              ลูกก็ไม่ได้ไปเรียนอยู่บ้านกับแม่ และเราก็งดไม่ให้ลูกไปสนามเด็กเล่น ไม่ให้ใกล้ชิดเด็กคนอื่นที่เราก็ไม่รู้พ่อแม่เค้าไปไหนกันมาบ้าง

              ไม่ต้องกังวลการเข้าสังคม ณ เวลานี้ อีกอย่างเด็กวัย 0-6 ขวบ คนที่ลูกต้องการมากที่สุดคือพ่อแม่ เรื่องเล่นกับเด็กคนอื่นตัดออกไปได้เลย

              เล่นในบ้าน
              เล่นในบ้าน เลี่ยง COVID-19

              ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวด้วยเครื่องบินก่อนที่จะมีการปิดประเทศ เรามีทั้งหน้ากาก อนามัยทั้งเจล เรามีพร้อมและปฎิบัติตัวในทางที่เราป้องกันตัวเอง เราใส่หน้ากากอนามัยตลอด เราใส่ใจในอนามัยของตัวเอง มากกว่าจะใส่ใจว่าคนอื่นมองเรายังไง

              เราต้องเตรียมตัว คำว่าโรคระบาด มันสามารถแพร่ไปได้ทั่วโลก .. เรื่องเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องอนามัยส่วนตัว ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน

              และปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสนี้ ถูกยกให้เป็น Pandemia แปลว่า ปัญหาระดับโลก ที่ไม่มีพื้นที่ไหนปลอดภัย 100% อีกต่อไป

              ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เกิดขึ้นก่อน หรือเกิดขึ้นช้า ยังไงก็ต้องเกิด

              ในทางกลับกัน ในเมื่ออิตาลีเกิดขึ้นก่อนในยุโรป ถือว่าดี เราจะได้เตือนประเทศอื่น เตือนคนอื่นให้เตรียมตัว ให้เรียนรู้จากความผิดพลาด อย่าเดินตาม แต่ให้ข้ามขั้นไปขั้นสุดท้าย ณ ปัจจุบันเลย คือปิดประเทศ … อย่าลังเล

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              สอนลูกอย่างไร?

              รัฐบาลแนะนำว่าควรอยู่บ้าน ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นต้องออกบ้าน ก็ไม่ควรออก ยิ่งออกมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมาก

              แต่อย่าหมกมุ่นอยู่กับข่าว ให้สร้างความสุขภายในบ้าน

              คนสำคัญคือลูก สุขภาพกายดีแล้ว สุขภาพจิตต้องดีด้วย พ่อแม่เล่นกับลูกให้มาก ทำกิจกรรมร่วมกัน

              ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ดี ที่เราจะสอนให้ลูกรู้จักชีวิต รู้จักโลก ให้ความรู้กับลูก เรื่องไวรัส

              ให้ลูกเข้าใจทำไมถึงออกบ้านไม่ได้ 

              เราดูข่าวในทีวี ชี้ให้ลูกเห็น ด้านนอกคนใส่หน้ากากอนามัย หมอแต่งตัวกันเชื้อเหมือนมนุษย์อวกาศ คนป่วยนอนบนเตียง รวมทั้งคนเสียชีวิต เพราะเชื้อไวรัสนี้มันร้ายแรง ยังไม่มีวัคซีนรักษา นี้คือโลกแห่งความจริงที่ลูกต้องระวังตัว เรามีความหวังว่าจะมียารักษา เมื่อเราผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ เมื่อลูกโต

              ลูกจะสามารถเล่าให้ใครๆ ฟังได้ว่าพ่อแม่ดูแลและสอนลูกดีแค่ไหน ณ เวลาที่เราหลีกเลี่ยงไวรัสและลดภาระการทำงานของหมอ พยาบาลอยู่บ้าน เป็นการสร้างวินัย กฎของสังคมให้ลูก ไม่ฝ่าฝืน การใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มันจะเป็นสิ่งที่ติดตัวลูกไปตลอด

              อ่านต่อ หากปิดประเทศ แม่ไทยควรเตรียมตัวอย่างไร? คลิกหน้า 2

                ประกัน ไวรัสโคโรน่า

                ชี้เป้า! 10 ประกัน ไวรัสโคโรน่า เบี้ยขั้นต่ำแค่ 99 บาท ที่ไหนคุ้มสุดดูเลย!

                ประกัน ไวรัสโคโรน่า ซื้อที่ไหน คุ้มสุด แม้หากตรวจเจอโรคก็สามารถรับเงิน ประกันโควิด ได้เลย ทีมแม่ ABK ได้รวบรวม ประกันโควิด-19 สุดคุ้มมาให้แล้ว เบี้ยขั้นต่ำเริ่มแค่ 99 บาท

                ควรทำ ประกัน ไวรัสโคโรน่า หรือไม่!
                ประกันโควิดเหมาะกับใคร?

                เรียกได้ว่าตอนนี้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด 19 (COVID-19) ที่ยังเกิดขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และตอนนี้ประเทศไทยก็มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 รายต่อวัน (โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรคได้แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ เพิ่ม 60 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 272 ราย อ้างอิงจาก www.bangkokbiznews.com)

                โดยการติดเชื้อมาจากกลุ่มเสี่ยงก้อนเดิม เช่น การเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง สนามบิน สถานบันเทิง สนามมวย และในภาวะเช่นนี้การป้องกันตัวเองยังทำได้แค่ระดับหนึ่ง เนื่องจากปัญหาหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ล้างมือที่หายากแล้ว ดูเหมือนว่า “การประกันภัย” ก็เริ่มจะมีส่วนสำคัญในการช่วยบริหารความเสี่ยง เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้ จึงถือเป็นตัวเร่งให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีความกังวลและความสุ่มเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แห่กันทำ ประกันไวรัสโคโรน่า ซื้อประกันโควิด กันเป็นจำนวนมากประกัน ไวรัสโคโรน่า

                ซึ่งผู้ที่จำเป็นต้องทำ ประกัน ไวรัสโคโรน่า

                คือ ผู้ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องใช้พื้นที่สาธารณะบ่อยๆ และผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็ก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ส่วนผู้ที่อาจไม่จำเป็นต้องทำ คือ ผู้ที่มีแผนประกันสุขภาพเดิมที่คุ้มครองค่ารักษาและโรคร้ายแรงอยู่แล้ว (แม้ว่าจะเป็นโรคอุบัติใหม่ก็ตาม)

                โดย ประกันโคโรน่าไวรัส สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องทำ หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่หลายคนสนใจ คือ แบบเจอจ่ายจบ (ประกันโควิดเจอจ่ายจบ) หมายถึง ประกันที่ครอบคลุมการจ่ายเงินชดเชยเป็นเงินก้อน เมื่อถูกตรวจเจอว่าติดโรค “โควิด-19” ซึ่งก็มีบริษัทประกันหลายเจ้า ที่ออกประกันโควิด-19 และให้จ่ายแค่ค่าเบี้ยราคาหลักร้อย มาเป็นทางเลือกให้กับคุณพ่อคุณแม่อย่างมากมาย ดังนั้นทีมแม่ ABK จึงได้ รวบรวม ประกันไวรัสโคโรน่า ที่ครอบคลุมอาการป่วย เจอโรคปั๊บรับเงินเลย และการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโควิด 19 มาฝาก จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย

                ประกัน ไวรัสโคโรน่า

                ชี้เป้า! ประกัน ไวรัสโคโรน่า เบี้ยขั้นต่ำแค่ 99 บาท ที่ไหนคุ้มสุดดูเลย!

                1. กรุงเทพประกันภัย + TQM

                ประกัน ไวรัสโคโรน่า

                เป็นการคุ้มครองคู่ ราคาไม่แรง ทำได้ตั้งแต่อายุ แรกเกิด – 99 ปี

                คุ้มครอง  1 ปี (ทั้งไวรัสโคโรน่า และ ประกันอุบัติเหตุ) มีให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ

                • เบี้ย ประกัน 99 บาทต่อปี = คุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รับทันที 20,000 บาท
                • เบี้ย ประกัน 299 บาทต่อปี = คุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รับทันที 50,000 บาท
                • เบี้ยประกัน 499 บาทต่อปี = คุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รับทันที 100,000 บาท
                • เบี้ยประกัน 799 บาทต่อปี = เจ็บป่วยด้วยภาวะหรือโรคร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รับทันที 1,000,000 บาท
                • เบี้ย ประกัน 999 บาทต่อปี = เจ็บป่วยด้วยภาวะหรือโรคร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รับทันที 2,000,000 บาท

                โดยลูกค้าสามารถทำประกันได้เลย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่มีระยะรอคอย แต่คุ้มครองเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อหลังวันที่มีผลบังคับใช้เท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมประกัน >>  www.tqm.co.th

                2. สินทรัพย์ประกันภัย

                ประกัน ไวรัสโคโรน่า

                ตรวจเจอปุ๊บ รับเงินปั๊บ คุ้มครอง 1 ปี (ประกัน ไวรัสโคโรน่า และ ประกันอุบัติเหตุ) เบี้ยประกันที่ไม่เกิน 500 บาท มีอยู่ 4 แพ็คเกจ ได้แก่

                • เบี้ย ประกัน 99 บาทต่อปี ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับเงินก้อน 15,000 บาท
                • เบี้ย ประกัน 199 บาทต่อปี ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับเงินก้อน 30,000 บาท
                • เบี้ยประกัน 299 บาทต่อปี ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับเงินก้อน 50,000 บาท
                • เบี้ยประกัน 499 บาทต่อปี ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับเงินก้อน 100,000 บาท

                นอกจากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองกรณีประสบอุบัติเหตุเพิ่มเติมด้วย หากเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพ จะได้รับเงินประกันภัย และ ค่าปลงศพ 2,000 – 8,000 ตามข้อกำหนดของแต่ละกรมธรรม์

                โดยเงื่อนไขสำหรับผู้เอาประกันภัย ต้องมีอายุระหว่าง 1-99 ปี แต่จะไม่คุ้มครองสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย (Pre-Existing Condition) ดูรายละเอียดประกัน >>  www.asset.co.th

                >> ดูต่ออีก 8 ประกันโคโรน่าที่ไหนคุ้มสุด! ⇒ คลิกหน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  โยคะคนท้อง

                  โยคะคนท้อง 15 สิ่งที่ควรรู้ Do&Don’t เล่นโยคะระหว่างตั้งครรรภ์

                  ประโยชน์ของการได้ออกกำลังกายตอนท้องนั้นดีต่อสุขภาพของแม่ท้องและทารกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง ซึ่งคนท้องนั้นสามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมได้เหมือนตอนปกติทั่วไป เพียงแต่ควรหาวิธีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมพอดี และระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์ “ โยคะคนท้อง ” ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกในการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ เบา ๆ ในช่วงเวลาตั้งครรภ์ นอกจากทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสุขภาพดี ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากสำหรับคุณแม่ที่เลือกฝึกโยคะในช่วงตั้งครรภ์

                  ประโยชน์ของการได้ฝึกโยคะของแม่ท้อง

                  • บรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดข้อ อาการคลื่นไส้ตอนเช้า ฯลฯ การฝึกโยคะจะช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เหล่านี้ลงได้ ช่วยให้ร่างกายได้ยืดเหยียด ทำให้สบายเนื้อสบายตัว
                  • การฝึกโยคะช่วยให้มีสมาธิ ช่วยในเรื่องการฝึกหายใจ ช่วยปรับอารมณ์และจิตใจ ทำให้อารมณ์ของแม่ท้องคงที่ ลดอาการซึมเศร้า ลดความเครียด ลดความวิตกกังวลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ได้

                  โยคะคนท้อง ประโยชน์

                  • หากมีโอกาสได้ฝึกโยคะรวมเป็นกลุ่มก็จะทำให้ได้เจอแม่ ๆ ตั้งครรภ์คนอื่น ทำให้ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ต่าง ๆ เตรียมรับมือกับการเป็นคุณแม่มือใหม่
                  • การเล่นโยคะจะทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและผ่อนคลาย ช่วยยืดเส้นเอ็นและข้อต่อต่าง ๆ ทำให้ลดการแข็งตึงของกล้ามเนื้อระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยให้คลอดลูกได้ง่าย
                  • ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดได้เร็ว ทำให้ร่างกายกลับมามีรูปร่างที่กระชับขึ้นได้เร็ว เพราะการได้ฝึกโยคะระหว่างท้องจะช่วยรักษารูปร่างให้อยู่ในสัดส่วนคงที่ ช่วยลดหน้าท้องหลังคลอดได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยปรับระบบขับถ่าย และระบบหมุนเวียนเลือดให้กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วอีกด้วย
                  • เมื่อได้ออกกำลังกายแล้ว จะช่วยทำให้แม่ท้องนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

                  โยคะคนท้อง 15 สิ่งที่ควรรู้ Do&Don’t เล่นโยคะระหว่างตั้งครรรภ์

                  Do : สิ่งที่ควรทำเมื่อเล่นโยคะระหว่างตั้งครรภ์

                  1.แม่ท้องที่สนใจการเล่นโยคะในเบื้องต้นควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินารีแพทย์ก่อนเล่น เพราะหากมีอายุครรภ์ใกล้คลอดหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ก็ไม่อาจฝึกเล่นโยคะได้

                  2.สำหรับแม่ท้องที่ไม่เคยเล่นโยคะมาก่อน หรือมีประสบการณ์การเล่นน้อยมากตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ คุณแม่ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลาสโยคะคนท้องและอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจ เช่น ชนิดของโยคะ แนวทางการสอนของผู้สอน ขนาดของห้องเรียน จำนวนผู้เรียน และสภาพแวดล้อมโดยรวม เป็นต้น เพื่อให้เรียนได้อย่างสบายใจไม่อึดอัดระหว่างเรียน

                  3.เลือกครูฝึกสอนโยคะที่มีประสบการณ์ในโยคะคนท้อง และแจ้งให้ครูฝึกทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับข้อควรระวังและการปรับเปลี่ยนใด ๆ ที่จำเป็น

                  โยคะคนท้องง่ายๆ

                  4.แม่ท้องสามารถเลือกเรียนคลาสโยคะคนท้องได้หลายรูปแบบ เช่น ฝึกโยคะก่อนคลอด หลังจากนั้นควรเริ่มเรียนรู้การทำท่าทางต่าง ๆ ให้ถูกต้องภายใต้การดูแลของผู้สอนอย่างใกล้ชิด

                  5.การเล่นโยคะระหว่างตั้งครรภ์ ควรฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป ฝึกการหายใจช้าๆ อย่างต่อเนื่องในระหว่างเล่นโยคะ ขยับเปลี่ยนท่าอย่างช้า ๆ ระมัดระวังการเคลื่อนไหวท่าทางต่าง ๆ ให้มาก กำหนดจังหวะของตัวเองและรักษาให้อยู่ในระดับที่รู้สึกสบาย ไม่เล่นท่าที่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้

                  6.ระหว่างเล่นโยคะสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายหักโหมจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ถ้ารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยหรือรู้สึกไม่สบาย ให้หยุดเล่นทันที

                  7.สำหรับแม่ท้องที่เคยฝึกโยคะมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรรภ์ มีความคุ้นเคยกับการเล่นโยคะมากพอสมควร อาจศึกษาการเล่นโยคะคนท้องด้วยตนเองที่บ้านจากหนังสือหรือวิดีโอที่มีคำอธิบายอย่างละเอียดชัดเจน เพื่อให้เหมาะสมและปลอดภัย

                  8.ทำการปรับเปลี่ยนท่าอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส ปรับท่าให้อ่อนโยนขึ้นและง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น

                  9.การเล่นโยคะหรือออกกำลังกายตอนท้องจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หากเล่นอย่างเหมาะสม และคุณแม่ควรตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายให้ได้สม่ำเสมอซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

                  Don’t : สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเล่นโยคะขณะตั้งครรภ์

                  10.การฝึกท่าโยคะที่ไม่ปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ท่าโยคะหรือการยืดเหยียดที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ท่าโยคะกลับหัว ท่าสุนัขก้มหน้า ท่ายืนขาเดียวหรือท่ายากที่เสี่ยงต่อการล้ม ท่านอนราบหรือคว่ำหลัง โดยเฉพาะช่วงหลังจากไตรมาสแรก เพราะท้องที่ใหญ่ขึ้นอาจกดทับเส้นเลือดที่เข้าสู่หัวใจ ทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือหายใจไม่เต็มที่

                  11.ห้ามทำท่าที่ต้องทรงตัวโดยใช้ศีรษะและหัวไหล่ การทรงตัวในแนวตั้งที่ใช้ศีรษะและมือทั้งสองข้างดันพื้นเพื่อรับน้ำหนักตัวแทนขา จะเสี่ยงต่อการเป็นลมหรือล้มลง จนอาจเกิดอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์ได้

                  12.ไม่ยืดเหยียดในท่าที่อาจทำให้เจ็บกล้ามเนื้อ หลีกเลี่ยงท่าที่ต้องยืดกล้ามเนื้อหน้าท้องมาก เช่น การเคลื่อนไหวบิดลำตัวที่รุนแรง การโค้งตัวไปข้างหน้าและข้างหลัง ระวังอย่าให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นตึงเกินไป เนื่องจากร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูกเนื้อเยื่ออ่อนจะยืดหยุ่นขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์

                  13.การเล่นโยคะในท่าก้มลงต่ำมาก อาจกดทับหลอดเลือดและเส้นประสาทในมดลูก

                  14.ไม่ควรเล่นโยคะในห้องร้อน หรือเล่นโยคะคนท้องในห้องที่มีอุณหภูมิสูง เสี่ยงต่อการขาดน้ำ หรือร่างกายร้อนเกินไปอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพ

                  15.หลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้ไม่สบายตัวหรือท่ายากเกินความสามารถ อย่าหักโหมจนเกินขีดจำกัดของคนท้อง ควรเริ่มต้นเล่นโยคะคนท้องอย่างช้า ๆ หากมีอาการเจ็บปวดหรือสัญญาณอันตรายต่าง ๆ ระหว่างเล่นโยคะ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือมดลูกหดรัดตัว ฯลฯ  ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

                  อ่านต่อ ท่าแนะนำสำหรับการเล่นโยคะคนท้อง คลิกหน้า 2

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ

                    9 คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ สวดได้ทุกวันทั้งครอบครัว

                    สวดมนต์ปัดเป่าภัยพิบัติและโรคร้าย ไม่ผิด! แต่จะช่วยได้จริงหรือ? มาไขข้อสงสัย กับ คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ บทสวดเหล่านี้ช่วยขจัดโรค ป้องกันภัยได้จริงหรือไม่?

                    แนะนำ 9 คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ
                    พ่อแม่ลูกพากันสวดได้ทุกวัน!

                    การสวดมนต์ ตามความหมายในภาษาไทย หมายถึงกิจกรรมที่มีการเปล่งเสียง เป็นทำนองในภาษาบาลี ซึ่งนับถือกันว่า เป็นภาษาของพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้า แต่ละพระองค์ที่เคยมีมาในอดีตทั้งหมด หรือที่จะมีมาในอนาคต ความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสากลของภาษาบาลีนี้ทำให้ การสวดมนต์ เป็นกิจกรรมที่มีเอกลักษณ์พิเศษของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท

                    ประโยชน์ของการสวดมนต์

                    การสวดมนต์จึงถือเป็นการภาวนาชนิดหนึ่ง เป็นการทำให้จิตเป็นสมาธิได้ และเมื่อทำอธิษฐานภาวนามากเข้า ด้วยความเชื่อจิตย่อมเข้าถึงสมาธิระดับต่าง ๆ และส่งผลสำเร็จให้เกิดขึ้นได้

                    ข้อดีของการสวดมนต์ (อานิสงส์ของการสวดมนต์)

                    • ทำให้มีปัญญา
                    • ทำให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยได้
                    • ทำให้จิตไม่เศร้าหมอง
                    • มีสุขคติเป็นที่ไป
                    • เป็นการเผยแผ่ และสืบทอดพระพุทธศาสนา

                    คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ

                    นอกจากนี้การสวดมนต์ยังเป็นทางมาแห่งบุญ เรียกว่า ภาวนามัย คือบุญที่เกิดจากการทำภาวนา ใครก็ตามที่สวดมนต์บ่อย ๆ เวลาจะเจอเหตุร้าย ก็จะแคล้วคลาดไป และสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น โบราณบอกว่าเทวดาจะลงรักษา เพราะเทวดาเขาก็อยากได้บุญ แต่เขาอยู่ในภาวะที่เป็นกายละเอียด ทำบุญเองไม่สะดวก ดังนั้นถ้าเขาอยากได้บุญ เขาจะดูว่าใครทำความดี เขาจะลงรักษา พอลงรักษาแล้วเวลาคนนั้นไปทำความดี เขาจะได้ส่วนบุญด้วยในฐานะเป็นผู้สนับสนุน

                    สวดมนต์ตอนไหนดี

                    ในแต่ละวันจะมีช่วงเวลาที่ไร้สาระเยอะมาก ถ้าเอาเวลาเหล่านี้มาสวดมนต์ก็จะได้หลายรอบ แทนที่จะปล่อยใจไปคิดเรื่องอื่น อาบน้ำอยู่ก็สวดได้ ไม่บาป เพราะการระลึกถึงพระรัตนตรัยคือการแสดงความเคารพ ล้างหน้า แปรงฟัน สวดได้หมด กินข้าวยังสวดได้เลย สรุปคือ สามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ

                    Must read >> สวดมนต์ ก่อนนอน ช่วย ฝึกสมาธิเด็ก

                    ทั้งนี้ บทสวดมนต์ หากแปลความหมายออกมาก็จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นคำสวดบูชาเพื่อรำลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย อันได้แก่พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แทบทั้งสิ้น จึงเป็นอุบายในการเจริญสติอย่างหนึ่ง ที่เรียก พุทธานุสติ ธรรมานุสติ และสังฆานุสติ นั่นเอง ดังนั้นการสวดมนต์ทุกครั้ง จึงเริ่มด้วยคำบูชาพระบรมศาสดาว่า “นโม ตสฺสะ ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส” แปลโดยรวมว่า “ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น”

                    โดยบทสวดแต่ละบท เรียกว่า พระปริตร แปลว่า เครื่องคุ้มครองอันประเสริฐ ในบทสวดมนต์แต่ละบทนั้นประกอบไปด้วย บทพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีเป็นบทสรรเสริญคุณแห่งพระรัตนตรัยก็มี และเป็นบทอวยชัยให้พรก็มี บางบทได้นำมาจากพระไตรปิฎก บางบทเป็นบทที่ท่านได้แต่งขึ้นใหม่ในภายหลัง

                    ในแต่ละบท แต่ละบาท แต่ละคาถานั้น ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากพระโอษฐ์ อันประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเกิดจากสติปัญญา อันบริสุทธิ์ยิ่งของเหล่าพระอรหันตสาวก ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น และด้วยความเชื่อนับตั้งแต่สมัยพุทธกามองว่า คาถา บทสวดอันประกอบด้วยคำ และความอันเป็นมงคล อ้างอิงตกทอดมาจากครั้งโบราณอย่างน้อยก็ทำให้จิตใจสงบ เป็นขวัญและกำลังใจ ช่วยเพิ่มพูนสติพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง

                    แม้ยามเจ็บป่วย แสนทุกข์ใจ ถึงจะรักษาดูแลร่างกายอย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่หาย การสวดมนต์ร่าย คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ซึ่งคุณประโยชน์ของการสวดมนต์ สามารถช่วยรักษาโรคภัยผลแห่งการวิจัย ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ดี ทางการแพทย์ก็ดี ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ กับผู้ที่ปฏิบัติแล้วเห็นผลก็มีต่างสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า การสวดมนต์นั้นสามารถช่วยบำบัด ช่วยรักษา ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ยิ่งโรคที่เกี่ยวเนื่องด้วยกับสภาพจิตใจยิ่งได้ผลดีมาก แม้กระทั่งอุปสรรค เคราะห์กรรม ปัญหาชีวิตก็ช่วยให้ผ่านพ้นได้ด้วยดี

                    อันจะสังเกตได้จากคนที่ชอบสวดมนต์อยู่เป็นประจำนั้นเวลามีทุกข์ ประสบปัญหาชีวิต มักจะมีทุกข์ มีปัญหาอยู่ไม่นานนัก ทุกข์และปัญหาที่เกิดขึ้นมักจะจบลงคลี่คลายลง มีทางแก้ไข ทางออกได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากคนที่ไม่ชอบสวดมนต์ทุกข์ก็จะทุกข์อยู่นานหาทางออกไม่ได้

                    อ้างอิงจาก หนังสือสวดมนต์และสมาธิบำบัดเพื่อการรักษาโรค thaicam.go.th

                    และด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ที่กำลังเกิดโรคระบาดใหญ่ทั่วโรค ของไวรัสโควิด 19 (Covid 19) วิธีการป้องกันที่ดีสุดก็คือ การดูแลตัวเองตามวิธีการต่างๆ ที่ได้มีการเผยแพร่ออกไปตามสื่อต่างๆ แล้ว เช่น การใส่หน้ากากอนามัยเวลาที่เราออกนอกบ้าน กินร้อนช้อนกลาง และหมั่นล้างมือให้สะอาดถูกต้องบ่อยๆ หลังสัมผัสสิ่งของต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้การเสริมสร้างพลังกายพลังใจให้กับตัวเราเอง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การสวดมนต์ และบท คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยในการบำบัดรักษาโรค ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ รวมถึงสามารถช่วยให้ชีวิตของคนป่วยให้ดีขึ้นมาได้ … ทีมแม่ ABK จึงมี 9 บทสวด คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ มาฝาก จะมีคาถาบทสวดป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ อะไรบ้างที่สามารถสวดได้ทุกวันทั้งครอบครัว ตามมาดูกัน

                    >> ดู 9 บทสวดคาถากันโรคภัยไข้เจ็บ คลิกหน้า 2

                    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      ลูกปอดติดเชื้อ

                      แม่แชร์ประสบการณ์สำลักนม ทำลูกปอดติดเชื้อ มีไข้สูงชักตัวเกร็ง

                      แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกปอดติดเชื้อ หมอบอกเพราะสำลักนม .. เตือนพ่อแม่ควรดูแลลูกน้อยให้ดี และหากลูกป่วยเพราะปอดติดเชื้อ มีไข้สูง อย่าปล่อยให้ชัก เพราะอาจเป็นซ้ำได้อีก

                      เพราะสำลักนม!! ทำ ลูกปอดติดเชื้อ มีไข้สูง ชักตาเหลือก ตัวเกร็ง

                      การสำลัก ไม่ว่าจะสำลักน้ำ สำลักอาหาร หรือ ลูกสำลักนม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการสำลัก คือ การกระจายของเชื้อตามกระแสเลือดไปสู่ปอด เด็กส่วนใหญ่ปอดติดเชื้อโดยการสูดสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอเข้าไปในหลอดลมส่วนปลายหรือถุงลม เชื้อเกิดการแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบตามมา

                      ลูกปอดติดเชื้อ

                      ทั้งนี้ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ระบุไว้ว่า..  โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบในเด็ก เป็นการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันของเนื้อปอด รวมทั้งหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้ความสามารถในการทำงานของทางเดินหายใจลดลง เป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง บางครั้งอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กที่เกิดมีน้ำหนักตัวน้อยอายุต่ำกว่า 1 ปี มีโรคขาดอาหาร โรคเรื้อรัง หรือความพิการแต่กำเนิด ซึ่งจากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่า โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุของการตายเป็นอับดับ 1 ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี

                      โดยสาเหตุของโรคดังนี้ โรคปอดอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อโรคที่ก่อนให้เกิดโรคปอดอักเสบเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศเข้าไปโดยตรง การสำลัก การกระจายของเชื้อตามกระแสเลือดไปสู่ปอด เด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยการสูดสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอเข้าไปในหลอดลมส่วนปลายหรือถุงลม เชื้อเกิดการแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบตามมา

                      ทั้งนี้หนึ่งในอาการของเด็กที่ป่วยปอดติดเชื้อนี้ถ้าเป็นเพราะจากเชื้อไวรัสมักมีอาการไข้หวัดนำมาก่อนสัก 2-3 วัน ได้แก่ มีไข้ น้ำมูก ไอมีเสมหะ ตามมาด้วยอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว จมูกบาน ส่วนมากถ้าอาการไม่รุนแรงอาจดีขึ้นได้เอง

                      แต่หากลูกมีไข้สูง ก็อาจทำให้ชักได้ โดยภาวะชักจากไข้ คือ อาการชักแบบเกร็ง หรือกระตุกทั้งตัว เกิดขึ้นขณะที่มีไข้สูง โดยทั่วไปจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส …  เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ป่วยของลูกน้อยวัย 3 เดือนว่า ลูกปอดติดเชื้อ (คุณหมอแจ้งว่าอาจเป็นเพราะสำลักนม) จนทำให้ลูกมีไข้สูง และมีอาการชักตาเหลือก ตัวเกร็ง จนต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล

                      Must read >> ปรอทวัดไข้มีกี่แบบ ? เลือกแบบไหนวัดไข้ลูกแม่นยำที่สุด!

                      โดยคุณแม่ได้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ NuFew Babyz ออกมาโพสต์พร้อมภาพลูกน้อย มีใจความว่า…

                      ฝากแชร์ประสบการณ์ให้แม่ๆ นะคะ
                      ลูกเรามีไข้ ตั้งแต่เช้า เช็ดตัวตลอดทั้งวันไข้ก็ขึ้นๆ ลงๆ ก็นึกว่าเขาไม่เป็นอะไร แต่พอตกเย็น ไข้ขึ้นสูง 39 องศา แล้วเขานอนซมเลย เราก็พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่พอมาถึงโรงพยาบาล รอหมอนานมาก พอพบหมอ หมอตรวจหาไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัส rsv ก็ไม่พบ เลยเช็ดตัวให้และให้กินยาแล้วกลับบ้านได้
                      พอกลับไปถึงบ้าน ไม่ถึง 10 นาที น้องมีอาการ ตัวสั่น ตาเหลือก ตัวเกร็ง ตอนแรกเราก็ไม่รู้นึกว่าลูกหนาว ถามแม่แฟน แฟนรีบให้พาไปโรงพยาบาล (อีกโรงพยาบาลนึง)​ พอไปถึงหมอบอก #น้องชักแล้วยังได้ไปชักซ้ำที่โรงพยาบาลอีก 1 รอบ หมอเลยให้ยาระงับชัก หมอเอ็กซเรย์ปอดดู หมอบอกว่าคาดว่าน้องน่าจะปอดติดเชื้อ สาเหตุน่าจะมาจากสำลักนม น้องเลยได้แอดมิทในคืนวันที่ 1 มี.ค. 63 ตอนตี 2
                      น้องโดนเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ โดนเจาะไขสันหลังเอาน้ำที่ไขสันหลังไปตรวจอาการชักและตรวจเยื่อบุสมองว่าอักเสบหรือเปล่า ให้ยาฆ่าเชื้อทุก 4 ชม. ดูดเสมหะและพ่นยาทุก 4 ชม. แล้วหมอบอกว่า ถ้าน้องเคยชักแล้ว น้องสามารถชักซ้ำได้อีกถ้ามีไข้ เราเห็นลูกแล้วสงสารลูกมากๆ น้อง 3 เดือน 25 วัน
                      ฝากแม่ๆ ทุกคนนะคะ ถ้าน้องมีไข้สูง พยายามเช็ดตัวบ่อยๆ อย่าให้น้องชักได้ เพราะสมองน้องจะขาดออกซิเจน แล้วต่อไปน้องก็จะสามารถกลับมาชักอีกได้
                      ตอนนี้หมอให้แอดมิท 7 วัน ตอนนี้ที่โรงพยาบาลมีเด็กชักมาหลายคนมาก ฝากแม่ๆ ดูแลเด็กๆ กันด้วยนะคะ

                      ลูกปอดติดเชื้อ

                       

                      Must read >> เมื่อลูกทารกชัก เรื่องใหญ่ที่พ่อแม่ควรรู้

                      อย่างไรก็ตามจากเรื่องราวที่คุรแม่ได้แชร์ประสบการณ์ให้ฟังนี้ ทีมแม่ ABK หวังว่าคงจะมีประโยชน์แกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในการดูแลลูกน้อย ซึ่งใจความของเรื่องมีทั้งการสำลักนม ลูกปอดติดเชื้อ และการมีภาวะจากไข้สูง ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เราจะขออธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจและรู้ถึงวีป้องกันรักษาในหน้าถัดไปค่ะ

                      ชมคลิปคำอธิบายเหตุลูกเสี่ยงปอดติดเชื้อได้
                      เพราะสำลักนม จริงหรือ? คลิกหน้า 2

                      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


                      ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คุณแม่ NuFew Babyz

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        ทำความสะอาดของใช้

                        แนะ 4 วิธี ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

                        สถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที จนคุณแม่อาจเกิดความกังวลว่า ของใช้ใกล้ตัวที่เราต้องจับสัมผัสทุกวัน อย่างโทรศัพท์ ธนบัตร ลูกบิดประตู ตู้เย็น โถส้วม ฯลฯ อาจมีเชื้อไวรัสโควิด-19 ปนเปื้อนอยู่ แล้วจะมีวิธี  ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว อย่างไร? ต้องทำบ่อยแค่ไหน? ถึงจะปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 #ทีมแม่ABK รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่แล้วค่ะ

                        คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แนะนำ วิธีทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ และสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันโรคไวรัสโคโรนา ดังนี้

                        4 วิธี ทำความสะอาดของใช้ ป้องกันไวรัสโคโรนา

                        1. สิ่งของเครื่องใช้ที่สัมผัสบ่อย อาทิ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต

                        ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70 – 90% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง

                        1. พื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ของใช้รอบตัว รวมไปถึงห้องน้ำ

                        ให้ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว ( 3 – 6% โซเดียมไฮโปคลอไรท์) ผสมกับน้ำยา 1 ส่วน ต่อน้ำ 49 ส่วน ยกตัวอย่าง ไฮเตอร์ 1 ฝาขวด (ประมาณ 10 ซีซี) ผสมน้ำครึ่งลิตร เช็ดหรือแช่ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยน้ำสะอาด *

                        1. พื้นผิวโลหะ

                        ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70 – 90% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง *  ห้ามใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว เพราะมีฤทธิ์กร่อนโลหะ

                        1. ผ้า เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง หรือ ผ้าขนหนู

                        สามารถซักได้ตามปกติ (ใช้ผงซักฟอกธรรมดาและน้ำ) หรือ ซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 – 90 องศาเซลเซียส

                        *หากหาแอลกอฮอล์ไม่ได้ สามารถใช้เดทตอล – น้ำยาฆ่าเชื้อโรค (รุ่นที่มีมงกุฎ ตัวยาคลอโรไซลีนอล) ผสมน้ำยา 1 ฝาขวด กับน้ำ 2 แก้วน้ำดื่ม และเช็ดหรือแช่ทิ้งไว้ 10 นาที

                        ข้อควรระวัง: โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่จะมีการเคลือบสารป้องกันรอยขีดข่วน หากสัมผัสกับแอลกอฮอล์บ่อย ๆ อาจทำให้สารเหล่านี้หลุดไป ถ้าไม่ได้ติดฟิล์มหรือกระจกกันรอยไว้

                        วิธีทำความสะอาดของใช้
                        วิธี ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว

                        เชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานแค่ไหน?

                        ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 จะเกาะบนสิ่งของได้นานแค่ไหน แต่มีผลการวิเคราะห์ตัวอย่างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นๆ เช่น ซาร์ส (SARS) หรือเมอร์ส (MERS) ที่เผยแพร่ผ่านวารสารด้านการแพทย์เมื่อไม่นานนี้ สรุปว่าไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดจากคนจะยังคงติดเชื้อและอยู่รอดได้นานถึง 9 วัน หากเกาะอยู่บนพื้นผิววัสดุต่างๆ ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง แต่ไม่แน่ชัดว่าสำหรับโควิด-19 จะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ 

                        ไวรัสอยู่ได้นานแบบนี้ ก็ทำให้เกิดความกังวลอีกว่า การจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันนั้น ต้องสัมผัสเหรียญหรือธนบัตรที่ผ่านมือใครมาบ้างก็ไม่รู้ แล้วเราจะป้องกันอย่างไรเมื่อต้องสัมผัสกับธนบัตร

                        อ่านต่อ วิธีป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 บนธนบัตร คลิกหน้า 2

                          เอลเดอร์เบอร์รี่

                          มารู้จัก “เอลเดอร์เบอร์รี่” ซุปเปอร์ฟู้ดสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัสได้

                          ช่วงนี้ไวรัสโคโรนา (Covid-19) แพร่ระบาดหนักจริงๆ ค่ะ บวกกับตอนนี้กำลังเข้าสู่หน้าร้อน อากาศเปลี่ยนแบบนี้ ครอบครัวที่มีลูกเล็กต้องระวังรักษาสุขภาพกันให้มากเป็นพิเศษ เพราะเด็กๆ อาจป่วยไม่สบายเป็นไข้หวัดกันได้ค่ะ และเพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกายของลูก อยากให้คุณแม่ได้รู้จักกับ “เอลเดอร์เบอร์รี่  Elderberry” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ ผลไม้ชนิดนี้จะมีสรรพคุณดีต่อร่างกายอย่างไร? ไปหาคำตอบพร้อมกันค่ะ

                           

                          เอลเดอร์เบอร์รี่ ผลไม้ซุปเปอร์ฟู้ด

                          อยากให้คุณแม่ได้รู้จักกับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นซุปเปอร์ฟู้ดกันค่ะ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) เป็นผลไม้ขนาดเล็ก ลูกกลมๆผิวของผลออกไปทางสีดำ หรือสีม่วงเข้ม มีถิ่นกำเนิดมาจากป่าสนในอเมริกาเหนือ และทวีปยุโรป สำหรับผลไม้ชนิดนี้นะคะ ถูกจัดว่าเป็นผลไม้สุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังมีวิตามินซีที่มากกว่าส้มอีกด้วย

                          ประโยชน์ของเอลเดอร์เบอร์รี่

                          มีรายงานถึงประโยชน์มากมายของเอลเดอร์เบอร์รี่ ที่ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยเพิ่มการสร้างสาร Cytokine ซึ่งมีผลกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ให้สามารถต่อสู้กับอาการหวัด (Common cold)  และไข้หวัดใหญ่ (Influenza)  ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพดี และช่วยลดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อจากไวรัสต่างๆ ได้อีกด้วย

                          กิน “เอลเดอร์เบอร์รี่” ได้สารอาหารที่มีประโยชน์อะไรบ้าง ?

                          ขอบอกว่าผลไม้ชนิดนี้มีคุณค่าทางสารอาหารสูงมากค่ะ ให้แคลอรีต่ำ และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และยังให้…

                          • วิตามินซีสูง ในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ 100 กรัม ให้วิตามินซีถึง 6-35 มิลลิกรัม
                          • ใยอาหารสูง ในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ 100 กรัม จะให้ใยอาหาร (Fiber) ถึง 7 กรัม
                          • กรดฟีนอลิก (phenolic acids) เป็นสารธรรมชาติที่พบในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยลด เสียหายจากความเครียด ที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative stress) ในร่างกาย คือ  การที่อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกาย
                          • อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ (Flavonols) ผลเอลเดอร์เบอร์รี่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์ ที่เป็นสารธรรมชาติมากถึง 10 เท่า ซึ่งสูงกว่าผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ มีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Powerful antioxidant) ช่วยชะลอการ เติบโตของเชื้อไวรัส ในระบบทางเดินหายใจ
                          • อุดมด้วยสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารประกอบที่ทำให้ผลไม้มีลักษณะเป็นสีดำ ม่วงเข้ม สำหรับแอนโธไซยานินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบได้

                          เอลเดอร์เบอร์รี่

                          ปัจจุบันได้มีการนำผล Elderberry มาสกัดใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นยาต้านหรือยับยั้งเชื้อไวรัสต่างๆ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

                          เอลเดอร์เบอร์รี่

                          มีผลวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหวัดของเอลเดอร์เบอร์รี่

                          จากการวิจัยในกลุ่มตัวอย่าง 60 คนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ พบว่าในกลุ่มที่ทานยาน้ำจากเอลเดอร์เบอร์รี่วันละ 4 ครั้งต่อวัน อาการของไข้หวัดใหญ่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่ไม่ได้ทาน ที่ต้องใช้เวลาถึง 7-9 วัน อาการจึงจะดีขึ้น*

                          และในงานวิจัยอีกฉบับหนึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่าง 64 คนที่ทานสารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ 175 มล.ก. เป็นเวลา 2 วัน มีผลทำให้อาการของหวัดอย่างเช่น อาการไข้ ปวดหัว คัดจมูก ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถเห็นผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง*

                          ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสบ่อยครั้ง และมีฝุ่น และสารเคมีในอากาศมาก การเลี่ยงไม่ให้ลูกป่วยเลยอาจทำได้ยาก ฉะนั้นหากลูกไม่สบาย มีอาการหวัด การเลือกยาให้ลูกรับประทานต้องเป็นยาเด็กที่ได้คุณภาพ

                          ยาน้ำบรรเทาอาการหวัดสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมจากเอลเดอร์เบอร์รี่

                          ยาน้ำเด็กที่ดีต้องปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีสารเคมี และต้องมีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ อย่างยาน้ำบรรเทาอาการเนื่องจากหวัดสำหรับเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บมีส่วนผสมจากสมุนไพร 100% ปราศจากแอลกอฮอล์ สารเคมี และกลิ่นสังเคราะห์ มีส่วนประกอบสำคัญ คือ เอลเดอร์เบอร์รี่ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อไวรัสไข้หวัด และ ไข้หวัดใหญ่ ช่วยบรรเทาอาการหวัด และสร้างภูมิคุ้มกันโรคระบบทางเดินหายใจ

                          เอลเดอร์เบอร์รี่

                          เด็กๆ บ้านไหนที่กินยายาก  ถ้าได้กินยาน้ำบรรเทาอาการหวัด มิสเตอร์เฮิร์บ รสเอลเดอร์เบอร์รี่ รับรองว่าจะต้องชอบ เพราะ เป็นยาน้ำเด็กรสชาติอร่อย กินง่ายมากๆ ค่ะ

                          คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อยาน้ำเด็กบรรเทาอาการหวัด มิสเตอร์เฮิร์บ (MR.HERB) ได้ที่ร้านขายยาชั้นนำทั่วไป หรือซื้อได้ที่ https://bit.ly/2x9hN24  พิเศษสุดลด 10% เมื่อใส่โค้ด OFF10 ค่ะ และถ้าซื้อสินค้าครบ 500 บาท มีโปรฟรีค่าส่งด้วยนะคะ จัดส่งให้ถึงบ้านไม่ต้องออกจากบ้านให้เสี่ยงไวรัสค่ะ


                          เครดิต :
                          https://www.healthline.com/nutrition/elderberry 
                          *https://www.mothermag.com/elderberry-for-kids/
                          http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/5603/oxidative-stress-ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน
                          http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2585/phenolic-compounds-สารประกอบฟีนอล

                            รวมหนังดี สารคดีน่าดู ซีรีส์ netflix คัดเฉพาะสำหรับคุณแม่

                            ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดมาหลายเดือน ทำเอาแม่นอยด์ ห่วงลูกติด  ห่วงสามีออกไปทำงานเอาเชื้อไวรัสกลับมาฝาก เหนื่อยนักก็พักก่อน ! ชวนแม่ปลดปล่อยความเครียด ความกังวลใจง่ายๆ แบบไม่ต้องออกนอกบ้าน Amarin Baby & Kids จัดมาให้ รวมลิสต์หนังดี สารคดีน่าตามกับ ซีรีส์ netflix  ฟีลกู้ด  คนเป็นแม่ดูแล้วอิน ฟินลืมเครียด

                            รวมหนังดี ซีรีส์ netflix คัดให้โดนใจแม่ ดูจนตาแฉะ เลี่ยงโควิด-19

                            แม่ฟูลไทม์ แม่ทำงานที่ต้องwork from home ตามมาตรการลดการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19  ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันโรคได้ดี แถมยังมี “อิสระเรื่องเวลา “มากขึ้น สามารถแบ่งเวลาทำงาน แบ่งเวลาเล่นกับลูก และยังเหลือเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนกาย ผ่อนคลายจิตใจจากสถานการณ์รอบตัว

                            การดูหนังสือ ซีรีส์เรื่องโปรดเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แม่ยุคใหม่ชื่นชอบ แค่มีอินเตอร์เน็ต มือถือหรือทีวีในเวลาที่พักจากการเลี้ยงลูก ก็สนุกได้แบบไม่ต้องออกจากบ้าน ในช่วงที่ต้องอยู่บ้านกันยาวๆแบบนี้ ขอแนะนำภาพยนต์ และ ซีรีส์ netflix จาก แอพลิเคชั่นความบันเทิงยอดฮิต ซึ่งมีเรื่องราวที่เข้าถึง “หัวอกคนเป็นแม่” ให้เลือกชมอยู่หลายเรื่อง ทั้งแนวตลก แนวครอบครัว ดูแล้วอมยิ้ม และสารคดีที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น มีเรื่องอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

                            ชวนแม่มาดู  7 ซีรีส์ netflix หนังดี คลายเครียด

                             

                             

                            บ๊ายบายแม่จ๋า   Hi Eye. MaMa

                            ซีรีย์ Romantic Comedy ที่คุณแม่สายเกาต้องไม่พลาด เป็นเรื่องราวของชายูริ (รับบทโดย คิมแทฮี) หญิงสาวที่กลายเป็นผี หลังจากเสียชีวิตมา 5 ปี แล้วได้โอกาสในการกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่มีเวลาอยู่บนโลกที่จะได้กลับไปอยู่กับลูกสาวและสามีเพียง 49 วันเท่านั้น ขณะที่สามีของเธอ โจคังฮวา ได้แต่งงานใหม่ไปแล้วต้องกลับมาเจอกับภรรยาที่เสียชีวิตไปอีกครั้ง

                            แม่ๆจะได้ลุ้นกับภารกิจกลับมาพิชิตใจสามีอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกสาวที่เธอเฝ้าคิดถึง รับรองว่า ดูแล้วอิน น้ำตาซึมๆ แน่นอน

                            รู้ก่อนดู

                            • ซีรีส์ใหม่เอี่ยม ดูตอนใหม่ไปพร้อมๆกับประเทศเกาหลีใต้
                            • ความยาวเฉลี่ยตอนละ 1ชั่วโมง 10
                            • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
                            • มีคำบรรยายภาษาไทย

                             

                            MUST READ : 5 ซีรีส์เกาหลีงานดี ดูกี่ทีก็ฟิน

                            สายลับข้างบ้าน  Terius Behind Me

                            ซีรีย์ Romantic Thriller จากเกาหลี ที่เล่าเรื่องราวของ โกแอริน คุณแม่ลูกแฝดต้องสูญเสียสามีอย่างลึกลับและกะทันหัน  ในช่วงเวลายากลำบากนี้ เธอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน คิมบอม ชายหนุ่มลึกลับที่มาอาศัยอยู่ข้างบ้าน ซึ่งเคยสายลับจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ที่เลือกเก็บตัวเงียบๆหลังต้องเสียคนรักไป แต่เขายื่นมือเข้ามาช่วยแม่ม่ายแสนสวยนี้เพราะอะไร จะสามารถคลี่คลายปริศนาการตายได้หรือไม่ แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเป็นไปได้หรือไม่

                            งานนี้ แม่ๆคงต้องลุ้นกันตัวโก่ง นอกจากปลื้มกับพระเอกสุดหล่อ มาดเท่ห์ แล้วยังต้องเอาใจช่วยคุณแม่ลูกสองให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปพร้อมกัน  สนุกลุ้นระทึกแบบนี้ คุณแม่สายเกาต้องไม่พลาดนะคะ

                            รู้ก่อนดู

                            • เรื่องนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2561 มีทั้งหมด 32 ตอน แต่ ซีรีย์ Netflix มีให้ชมในซีซั่น  1 ทั้งหมด 16 ตอน
                            • ความยาวเฉลี่ยตอนละ 1ชั่วโมง
                            • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
                            • มีคำบรรยายภาษาไทย

                             

                            MUST READ :3 ข้อดีของ การกอดลูก สิ่งอุ่นใจที่สุดที่พ่อแม่ควรมอบให้

                            เวิร์คกิ้งมัม ยอดคุณแม่มือใหม่ Workin Moms

                            ซีรีส์แนว Comedy หาดูยากที่นำเสนอชีวิตของ “แม่ทำงาน” ผ่านมุมมองของแม่ 4 คนในเมืองโทรอนโตแสนวุ่นวาย ที่ต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงาน กับการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด พวกเธอจะต้องพบเจอกับสถานการณ์คับขันต่างๆ ทั้งการปั๊มนนมในห้องน้ำออฟฟิศ ความผิดหวังต่อสามี หรือความพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อการเติบโตด้านการงาน ซึ่งสร้างทั้งความผิดหวัง เหน็ดเหนื่อย และเจ็บปวดให้กับคนเป็นแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ กับคำถามว่าทั้งหมดที่ “แม่ทำงาน” ทำนี้เพื่อใคร?

                            “ชีวิตจริงบนหน้าจอ” ของคุณแม่หลายๆคน ที่ดูแล้วถึงกับลุกมาตะโกนว่า “นี่แหละชีวิตฉัน” พร้อมกับดื่มด่ำกับความสุขของ “การเป็นแม่” ที่คนเป็นแม่เท่านั้นจะได้สัมผัส

                            รู้ก่อนดู

                            • ซีรีย์เรื่องนี้มีทั้งหมด 13 ตอน
                            • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
                            • มีคำบรรยายภาษาไทย

                             

                             

                            อ่าน หนัง- ซีรีส์ Netfilx เอาใจแม่ เซฟไว้ดูคลายเครียด ต่อหน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              ตรวจโควิดฟรี

                              ตรวจโควิดฟรี ทุกรพ. แต่ต้องมีอาการเข้าข่าย เช็กเองได้ที่นี่!

                              ตรวจโควิดฟรี หากคุณกำลังกังวลว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือไม่ ถ้าอยากจะไปตรวจโดยไม่เสียเงินก็สามารถไปได้ แต่ต้องมีอาการเข้าข่ายดังนี้!

                              ข่าวจริงเชื่อได้แม่! ตรวจโควิดฟรี ทุกรพ.
                              แต่ต้องมีอาการเข้าข่าย?

                              จากสถานการณ์าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก และในประเทศไทยบ้านเราก็พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ณ วันที่ 17 มีนาคม 2563 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ เพิ่มสะสมเป็น 177 ราย) ซึ่งข่าวนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในความเสี่ยงหวั่นวิตก ทั้งพื้นที่ การสัมผัสใกล้ชิด หรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ป่วย จึงอยากจะเข้ารับการตรวจวินิจฉัยความเสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 เพื่อรับรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของตนเอง ตลอดจนหาแนวทางในการรักษา หรือกักกันโรคต่อไป

                              ซึ่งล่าสุดก็ได้มีข่าวปรากฎออกมาทางสื่อออนไลน์ ในประเด็นเรื่อง ตรวจโควิดฟรี 18 โรงพยาบาล อันได้แก่ 1. รพ. จุฬาลงกรณ์ 2. รพ. ราชวิถี 3. รพ. รามาธิบดี 4. รพ. วิชัยยุทธ 5. รพ. บางปะกอก 9 อินเตอร์แนชั่นแนล 6. รพ. พญาไท 2 7. รพ. พญาไท 3 8. รพ. แพทย์รังสิต 9. รพ. ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ 10. สถาบันบำราศนราดูร 11. รพ. กรุงเทพคริสเตียน 12. รพ. พระราม 9 13. รพ. เปาโลเมโมเรียล 14. รพ. เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4 15. รพ. เปาโลเมโมเรียลสมุทรปราการ 16. รพ. เปาโลเมโมเรียลรังสิต 17. รพ. เปาโลเมโมเรียลเกษตร และ 18. รพ. เปาโลเมโมเรียลพระประแดง

                              >> สำหรับข่าว ตรวจโควิด 19 ฟรี นี้ ด้านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น มีข้อมูลบิดเบือน โดยได้ออกมาระบุข้อความว่า “บริการตรวจไวรัส COVID-19 ฟรี 18 โรงพยาบาล” ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการตรวจ รักษาฟรี!! >> จะต้องเป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ PUI (Patient Under Investigation) ซึ่งกรมควบคุมโรคได้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อคัดกรองหาผู้ป่วย และเกณฑ์ล่าสุดที่มีการปรับแก้ไข เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 63 คือ

                              1. ผู้ป่วยที่มีอาการร่วมกับประวัติเสี่ยง
                              2. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบร่วมกับประวัติเสี่ยง และ
                              3. ผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน (cluster) ที่มีอาการ และตรวจไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหากผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ก็จะเข้าสู่ ‘การตรวจวินิจฉัย’ ในขั้นตอนต่อไป

                               

                              Must read >> เผย “ความในใจคนเป็นแม่” หลัง ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

                              Must read >> คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม

                              ตรวจโควิดฟรี
                              ขอบคุณภาพจากเพจ รู้กัน ทันโลก

                              เกณฑ์ตรวจ ตรวจโควิดฟรี มีอะไรบ้าง ?

                              อาการที่เข้าเกณฑ์ คือ มีอุณหภูมิร่างกายตั่งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือประวัติว่ามีไข้ ในการป่วย ร่วมกับมีอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก รวมถึงผู้ป่วยปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้

                              ส่วนประวัติเสี่ยง คือ 14 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย อย่างใดอย่างหนึ่ง มีประวัติเดินทางไปยัง หรือมาจาก หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่มีรายงานการระบาดของโรค COVID-19 และมีอาชีพสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งมีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ

                              หากคุณเป็น ‘ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์’ = อาการ + กลุ่มเสี่ยง ถึงจะได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งสามารถไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ ทั้งสิทธิบัตรทอง และสิทธิประกันสังคม หรือโรงพยาบาลของรัฐ กรณีที่เดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ

                              Must read >> ตรวจรักษาโควิด ด้วยสิทธิบัตรทองและประกันสังคม

                              ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย และวิธีการป้องกันตนเอง ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.moph.go.th หรือโทร. 1422 ได้ตลอด 24 ชม.

                               

                              อ่านต่อ >> ตรวจโควิดที่ไหน พร้อมค่าใช้จ่ายในการตรวจ COVID-19
                              ของแต่ละรพ. กรณีที่เป็นผู้ป่วยที่ไม่เข้าเกณฑ์
                              คลิกหน้า 2

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                การ์ตูน Netflix

                                12 การ์ตูน Netflix สำหรับเจ้าตัวเล็ก ดูสนุกอยู่กับบ้านเพลินๆ ทั้งครอบครัว

                                การ์ตูน Netflix ความบันเทิงสำหรับเด็ก ๆ ที่มาพร้อมกับเสริมความรู้ในเวลาเดียวกัน เพราะใน Netflix เต็มไปด้วยการ์ตูนหนังและซีรีย์มากมายสำหรับเด็กทุกวัย เหมาะแก่การใช้เวลาในวันหยุดนั่งดูร่วมกันทั้งครอบครัว ทีมแม่ ABK ได้คัดเลือกการ์ตูนจาก Netflix มาฝากกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

                                12 การ์ตูน Netflix สำหรับเจ้าตัวเล็ก ดูสนุกอยู่กับบ้านเพลินๆ ทั้งครอบครัว

                                บาร์บี้ โลมา มหัศจรรย์

                                barbie

                                ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนตั้งแต่ในวัยเด็กไม่รู้จักตุ๊กตาสุดสวยที่ชื่อ “บาร์บี้” การ์ตูนบาร์บี้ตอนนี้จะพาเด็ก ๆ ไปผจญภัยในโลกใต้น้ำอันสวยงามสุดมหัศจรรย์ และได้พบกับเพื่อนใหม่ พร้อมเหล่าโลมาอัญมณีที่บาร์บี้ เคน และน้อง ๆ วางแผนช่วยออกมาจากคนร้าย

                                คลิกชม บาร์บี้โลมามหัศจรรย์ บน Netflix

                                โบลท์ ซูเปอร์โฮ่ง ฮีโร่หัวใจเต็มร้อย

                                bolt

                                พบกับเรื่องราวของโบลท์สุนัขเยอรมันเชพเพิร์ด นักแสดงดังในวงการคุณตูบที่เผอิญจะต้องเดินทางผจญภัยไกลจากที่เดิมและเจ้าของ หลังถูกส่งจากฮอลลีวู้ดไปสู่นิวยอร์กโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างทางโบลท์ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และพยายามที่จะหาหนทางกลับบ้าน

                                คลิกชม โบลท์ ซูเปอร์โฮ่ง ฮีโร่หัวใจเต็มร้อย บน Netflix

                                Justin time

                                Justin time

                                จัสตินฝันว่าเขาและเพื่อน ๆ ในจินตนาการของเขา นั่นคือโอลีฟและสควิดกี้ ท่องเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและวัฒนธรรมอื่นๆ

                                คลิกชม Justin time บน Netflix

                                Peppa Pig 

                                Peppa Pig

                                ออกผจญภัยไปกับลูกหมูน้อยสีชมพู เป๊ปป้า และครอบครัว ที่ประกอบไปด้วย Daddy pig พ่อหมูตัวใหญ่แต่ใจดี Mommy pig แม่หมูที่คอยจัดการทุกเรื่องในบ้าน และ Gorge น้องหมูเล็กของบ้าน รวมถึงเพื่อนๆ ของเธอทุกวัน เพื่อพิสูจน์ว่ามีการเรียนรู้และเสียงหัวเราะอยู่ทุกหนทุกแห่ง Peppa Pig เป็นการ์ตูนที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ทุกวัยและครอบครัวที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยในเนื้อเรื่องจะสอดแทรกการสอนในเรื่องต่าง ๆ และวิธีการแก้ปัญหาไว้ อย่างเช่น การทำกิจวัตรประจำวัน พี่น้องดูแลกัน การทำกิจกรรมในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความมีระเบียบวินัย การใช้เงินอย่างรู้คุณค่า รวมไปถึงการสะท้อนมุมมองต่าง ๆ ของเด็กให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจ และการแสดงความรักความอบอุ่นอยู่ในทุกตอน ดูแล้วฟีลกู๊ดกันทั้งครอบครัว นอกจากนี้การ์ตูนมีการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้คำศัพท์แบบง่าย ๆ เป็นการให้ลูกได้ดูแลเพื่อฝึกการฟังไปในตัวได้ดีทีเดียว

                                คลิกชม Peppa Pig บน Netflix

                                เดอะ สเมิร์ฟ

                                เดอะ สเมิร์ฟ

                                พบเรื่องราวของเหล่าคนตัวเล็กสีฟ้าที่ใส่หมวกสีขาวที่จะทำให้ทุกคนหลงรักกับความน่ารักของเหล่าสเมิร์ฟที่จะต้องคอยเผชิญกับพ่อมดการ์กาเมลผู้ชั่วร้ายที่คอยคิดจะจับตัวเอาส่วนผสมไปปรุงเพื่อเป็นพลังวิเศษ และเหล่าสเมิร์ฟก็ต้องระหกระเหินจากบ้านในป่าใหญ่ โดยวาร์ปผ่านประตูวิเศษก่อนจะไปติดอยู่ในมหานครนิวยอร์กที่ต้องมาลุ้นว่าเหล่าสเมิร์ฟจะรอดจากเงื้อมมือพ่อมดการ์กาเมลได้หรือไม่ ชวนเด็ก ๆ มาดูกันค่ะ

                                คลิกชม เดอะ สเมิร์ฟ บน Netflix

                                เมืองหลากสีของชาร์ลี

                                เมืองหลากสีของชาร์ลี

                                เป็นการ์ตูนซีรีย์ที่แต่งเรื่องโดยใช้รูปทรงต่าง ๆ สอดแทรกความสนุกไปพร้อมกับความรู้ให้กับเด็ก โดยตัวเอกคือชาร์ลีผู้น่ารักและเปี่ยมอารมณ์ขัน จะนำเด็ก ๆ ไปสนุกกับเรื่องราวการเดินทางที่เต็มไปด้วยรูปทรงต่าง ๆ แบบเหนือจินตนาการ พร้อมเพื่อนพ้องตัวละครหลากสีสัน

                                คลิกชม เมืองหลากสีของชาร์ลี บน Netflix

                                อ่านต่อ การ์ตูนน่าดูบน Netflix คลิกหน้า 2

                                  เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้

                                  10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีสุข ฉลาดทันคน เอาตัวรอดได้

                                  คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต่างก็อยากให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่ฉลาด แข็งแรง และมีความสุข  แต่การ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ครู คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในตัวเด็กเองด้วย

                                  เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ความฉลาดทางสมอง 50% อาจจะมาจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ฉลาดลูกก็มักจะฉลาด แต่เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม การกระตุ้น และบุคลิกเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเป้าหมายของพ่อแม่แต่ละคน คือมีหลักในการเลี้ยงลูกอย่างถูกต้อง กระตุ้นให้ลูกรู้สึกมีความสามารถและมีความมั่นใจ ก็จะมีส่วนในการช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กที่ฉลาด เก่ง มากขึ้น มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยพัฒนาความฉลาดและให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันค่ะ

                                  10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีความสุข เติบโตมาแล้วทันคน

                                  การเลี้ยงลูกให้ฉลาดสมวัย

                                  1.สอนลูกให้รู้จักเข้าสังคม

                                  ในขณะที่พ่อแม่มุ่งเน้นสร้างความฉลาดให้ลูกจากการเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่การเข้าสังคมก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เด็ก ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะผูกมิตร สร้างมิตรภาพกับเพื่อน ๆ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกมีกิจกรรมและวิธีคิดอื่น ๆ ที่อาจไม่เคยคิดมาก่อน แต่มิตรภาพยังช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาอารมณ์และพัฒนาทักษะทางสังคมที่สำคัญด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสังคมได้ เพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในอนาคต และส่งให้ผลให้เป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มารยาทดี มีความอ่อนน้อม ให้ความร่วมมือ และรู้รับผิดชอบอีกด้วย

                                  2.สนับสนุนความอยากรู้

                                  ความสงสัยอยากรู้ในตัวเด็กจัดเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดของลูก เมื่อเด็ก ๆ กลายเป็น “เจ้าหนูจำไม” ชอบสังเกต คิด และถามคำถาม ความสงสัยนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด การที่ลูกตั้งคำถาม “ทำไม” “อย่างไร” นั้นเป็นเพราะลูกกำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและพยายามบันทึกสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นลงไปในสมอง การที่คุณพ่อคุณแม่พยายามตอบคำถาม และชวนช่วยกันหาคำตอบ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดของลูกได้อีกทาง เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเด็กจะช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกลัวจากความไม่รู้ ทำให้พวกเขากล้าที่จะคิดและอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้น

                                  เลี้ยงลูกให้ฉลาด

                                  3.เปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเอง

                                  คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้ ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อลูกแสดงให้เห็นถึงความสนใจในสิ่งที่ชอบและอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การเปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเองจะช่วยเสริมพัฒนาการและเติมทักษะในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปิดกั้นหรือจำกัดพัฒนาการของลูกด้วยคำว่า “อย่า” “ไม่” “ห้าม” หรือบังคับให้ลูกทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะจะทำให้ลูกไม่กล้าที่จะออกจาก comfort zone ไม่พร้อมที่รับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ มีความคิดลังเล ตรงกันข้ามกับเด็กที่มีการตอบสนองจากการที่พ่อแม่สนับสนุน จะมีผลต่อพัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคตได้

                                  วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

                                  4.ฉลาดจากการได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย

                                  การได้ออกไปวิ่งเล่น ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เพียงแต่ทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ยังช่วยให้เลือดเกิดการหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี เมื่อสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ความเร็วในการคิดวิเคราะห์ และกระบวนคิดอย่างมีเหตุผลของลูกจะได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การออกไปเล่นหรือออกกำลังกายของเจ้าตัวเล็ก ยังส่งผลดีต่อเด็กเล็กเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการด้านอื่น ๆ เช่น ด้านภาษาที่จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ที่จะออกเสียงคำใหม่ ๆ ด้านสังคมที่เด็กเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนอื่นอีกด้วย

                                  เล่นกับลูกให้ฉลาด

                                  5.ให้ลูกได้เล่น

                                  “การเล่น” ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เกิดขึ้นออกมาได้หลายทาง เป็นการปูพื้นฐานทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม รวมถึงฉลาดในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ก็มีส่วนช่วยสร้างความฉลาดในการเล่น (PQ) ให้กับลูกเพิ่มขึ้นได้ แค่คุณพ่อคุณแม่เพียงปล่อยให้ลูกได้เล่น และส่งเสริมให้ลูกเล่นอย่างถูกวิธีตามวัย เช่น ฝึกให้ลูกหัดเดิน ฝึกให้ลูกหัดพูด ให้ลูกได้เล่นกับของเล่นเสริมพัฒนาการที่หลากหลาย ทำกิจกรรมหรือศิลปะสร้างสรรค์ เล่นเกม เล่นดนตรี พอลูกเข้าเรียนก็ให้เล่นกับเพื่อน ฯลฯ การให้ลูกได้เล่นนอกจากจะช่วยกระตุ้นความฉลาดรอบรู้แล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ฝึกการเรียนรู้ภาคปฏิบัติที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้นด้วย

                                  6.ส่งเสริมให้ลูกได้มีประสบการณ์ที่หลากหลาย

                                  ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ลูกได้ทำในกิจกรรมที่ชอบ งานอดิเรก โดยให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสทดลองทำในสิ่งที่หลากหลาย พวกเขาก็จะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูง ต้องการสิ่งใหม่ ๆ ที่จะคอยจูงใจพวกเขาเสมอ การเพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้กับลูก จะช่วยให้พวกเขารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมั่นอกมั่นใจขึ้น และเป็นการค้นหาความสามารถของตัวเองอันนำไปสู่ความเชี่ยวชาญที่จะสร้างอาชีพได้ในอนาคต

                                  เลี้ยงลูกให้เก่งและฉลาด

                                  7.อย่าเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์

                                  พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ หมายถึง การเป็นพ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูก คอยเฝ้ามองสอดส่อง ดูแลลูก และควบคุมทุกการกระทำของลูกตลอดเวลาแบบ “มากเกินไป” ไม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระไม่ว่าจะเป็นการเล่น การเรียน การกิน การนอน จนทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อทั้งตัวเด็ก พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเองได้ พ่อแม่ที่ปกป้องลูกมากเกินไป ความหวังดี และความห่วงใย กลายเป็นทำร้ายลูกทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว ยิ่งในยุคที่ความสำเร็จของลูกเปรียบเสมือนความสำเร็จของพ่อแม่ ยิ่งลูกเก่ง ฉลาดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตัวเองมีความสุขและภาคภูมิใจขึ้น แต่อย่าลืมว่า เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็เติบโตและมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกเป็นห่วงและอยากปกป้องเจ้าตัวเล็กไปตลอด แต่การปล่อยให้เด็กได้มีอิสระจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ การปล่อยให้ลูกได้สะดุด ล้มเหลว ผิดพลาด จะทำให้พวกเขาเรียนรู้ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดด้วยตนเอง รู้จักที่จะแก้ปัญหา ปรับปรุง และมีความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายอื่น ๆ ได้

                                  (ข้อมูลอ้างอิงจาก : www.kidjarak.com)

                                  8.เป็นพลังบวกให้ลูก

                                  การให้กำลังใจและการแสดงความรักทั้งภาษาพูดและภาษากาย จากคำชื่นชมเมื่อลูกประสบความสำเร็จ คำปลอบใจเมื่อลูกท้อแท้ หรือการโอบกอด หอมแก้ม ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกมีความสุข เมื่อลูกมีความสุขดีก็จะมีแรงจูงใจต่อการที่จะเรียนรู้ การคิดหรือการตอบสนองเชิงบวก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสมองของลูกได้ ส่งผลทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์

                                  การเลี้ยงลูกให้ฉลาด

                                  9.ให้เวลากับลูก

                                  การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดเริ่มต้นได้ที่บ้าน ที่สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนรู้ของลูก มีอุปกรณ์ที่หาง่าย ๆ รอบบ้าน สร้างสรรค์กิจกรรมภายในครอบครัว ทั้งหมดนี้คือการที่คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมไปกับลูกด้วย เมื่อแบ่งเวลาและจัดการได้ดี คุณพ่อคุณแม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ รวมไปกับลูกได้ ก็จะเป็นปัจจัยด้านอารมณ์และสังคมที่ส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น เพราะเมื่อเวลาที่เด็ก ๆ มีความสุขนั้น ก็จะตั้งใจและสนใจในสิ่งกำลังทำอยู่ได้ดีขึ้น มีความมุ่งมั่นที่จะเรียน มีความอยากรู้มากขึ้น ตรงกันข้ามกับครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร่วมกัน ก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจและส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ ดังนั้น “การให้เวลากับลูก” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรจัดสรรเวลาครอบครัว อันจะช่วยส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้นะคะ

                                  10.ไม่เครียด ไม่กดดัน

                                  แน่นอนว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดและมีความสุข แต่เมื่อลูกโตขึ้นก็อาจจะต้องเจอกับภาวะกดดัน ความเครียดจากการเรียน การสอบ ไปจนถึงเรื่องเพื่อน กิจกรรม ฯลฯ ในฐานะพ่อแม่เป้าหมายก็คือการช่วยสนับสนุนความสามารถและความมั่นใจ ช่วยพัฒนาจุดแข็งของลูก มากกว่าที่จะสร้างความกดดันใด ๆ รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่จะต้องไม่เครียด ไม่คาดหวัง จนเกิดอารมณ์โมโห ดุด่า ว่ากล่าวลูก ลงโทษลูกอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพยายามที่จะการเรียนรู้ของลูกไม่ว่าจะเป็นการเรียน ความสนใจต่อสิ่งที่ชอบดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปะ ฯลฯ มากกว่าที่จะจดจ่อกับผลลัพธ์หรือการแข่งขัน เท่านี้ก็จะส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น

                                  การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็นเด็กฉลาด เป็นเรื่องที่พ่อแม่มีส่วนช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้ลูกได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเคล็ดลับความฉลาดที่สร้างให้ลูกได้นั้น ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้พัฒนาความสามารถให้ลูกได้เติบโตขึ้นมาอย่างชาญฉลาด ทันคน เอาตัวรอดได้ ทำให้พ่อแม่หายห่วงด้วยนะคะ

                                  ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :

                                  www.popsugar.comwww.bbc.com

                                  อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :

                                  3 เคล็ดลับ “เลี้ยงลูกให้พัฒนาการดี” ฉบับแม่มือโปร!!

                                  เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้ลูกมี พัฒนาการด้านอารมณ์ ที่ดี

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    การกอดลูก

                                    3 ข้อดีของ การกอดลูก สิ่งอุ่นใจที่สุดที่พ่อแม่ควรมอบ!

                                    ทำไม การกอดลูก อ้อมกอดจากแม่ จึงเป็นสิ่งที่อุ่นใจที่สุดของลูกน้อย และเด็กที่ไม่เคยได้รับการกอดจากพ่อแม่จะเป็นอย่างไร นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ มีคำตอบของเรื่องนี้มาฝาก

                                    การกอดลูก สำคัญไฉน?

                                    Q: มีข้อสงสัยว่า เพราะอะไรลูกถึงไม่ค่อยยอมให้อุ้ม อุ้มแล้วร้องไห้ แต่ตอนให้นมแม่ไม่ร้องค่ะ พอลูกร้องบ่อยๆ แม่เริ่มใจไม่ดี ตอนนี้ลูกอายุ 1 ขวบแล้ว ตัวเองเป็นคุณแม่เต็มเวลา มีพี่เลี้ยงช่วยค่ะ

                                    A: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้ให้คำแนะนำเรื่อง การกอดลูก ว่า…

                                    เด็กอายุขวบปีแรกทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น และอิ่ม สามอย่างนี้สำคัญเท่าๆ กัน แม้จะมีหลักฐานให้เห็นเสมอๆ ว่าไม่เท่ากัน

                                    ลูกลิงที่ไม่มีแม่ลิงอุ้มเลย แม้ว่าจะได้อาหารทางสายยางหรือป้อนเพียงพออย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่าลูกลิงจะผอมลงเรื่อยๆ จนตายไปในที่สุด ปรากฏการณ์นี้พบในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกัน ทารกหนึ่งขวบปีแรกที่อาหารพอเพียงแต่ขาดคนอุ้ม ในที่สุดก็จะโตช้าหรือไม่โตเอาเสียเลย หลายคนผอมลงเรื่อยๆ และไม่มีพัฒนาการ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสมัยใหม่จึงเรียกร้องให้มีอาสาสมัครเข้าไปช่วยอุ้มทารก เล่นกับเด็ก และคอยอ่านหนังสือให้เด็กเล็กฟัง

                                    ข้อดีของ การกอดลูก

                                    จะเห็นว่าเรื่องอิ่มท้องนั้นสำคัญแน่แต่ก็อาจจะไม่สำคัญเท่ากับความอบอุ่น ความอบอุ่นเกิดได้จากผ้าห่มและการอุ้มกอด ความอบอุ่นจากผ้าห่มเป็นเรื่องสำคัญ เด็กอายุขวบปีแรกมีหน้าที่สำคัญคือเรียนรู้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นที่ไว้ใจได้ ทำให้ท้องอิ่มและปลอดภัย ท้องอิ่มหมายความว่ายามหิวก็มีนมมาให้ ปลอดภัยหมายความว่ายามร้อนก็มีพัดลมมา ยามหนาวก็มีผ้าห่มคลุม เวลามดกัดก็มีคนหยิบมดออกไป นี่คือสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย

                                    1. ทารกหนึ่งขวบปีแรกจำเป็นต้องมั่นใจว่าสิ่งแวดล้อมปลอดภัย เมื่อมั่นใจแล้วจึงจะยอมพัฒนาการต่อไป

                                    นั่นคือคว่ำ แล้วก็คลานไปข้างหน้า ตามด้วยนั่ง ยืนและเดินตอนต้นของขวบปีที่สอง ในทางตรงข้ามสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยย่อมทำให้มนุษย์คนหนึ่งพร้อมจะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรและไม่ไปไหน ทารกก็มิใช่ข้อยกเว้น

                                    ความอบอุ่นจากผ้าห่มว่าสำคัญแล้ว ความอบอุ่นจากการอุ้มกอดยิ่งสำคัญกว่า ผ้าห่มนั้นอุ่นกาย แต่อ้อมกอดแม่นั้นอุ่นใจ มีรายงานวิจัยทางการแพทย์ชี้ให้เห็นว่าพ่อหรือแม่ที่เปลือยท่อนบนอุ้มกอดทารกที่เปลือยเช่นกันสามารถสงบทารกลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ  กล่าวคือ พื้นที่ที่เนื้อของพ่อหรือแม่สัมผัสกับเนื้อของลูกจะแปรผันตรงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

                                    2. การกอดลูก ช่วยให้จิตใจของทารกสงบลง

                                    3. ส่งผลให้พฤติกรรมเลี้ยงยาก ร้องไห้งอแง แม้กระทั่งเด็กเล็กที่ดื้อมากสามารถสงบพฤติกรรมของตนเองลงได้เสมอ

                                    การอุ้มกอดที่มีประสิทธิภาพคือการอุ้มกอดที่อุ่นใจ ผมคงให้ความมั่นใจแก่คุณแม่ได้ว่าการกอดเป็นการกระทำที่ทรงคุณค่าและไม่มีปัญหาอะไรหากเป็นการกอดที่ทำให้อุ่นใจ เคยเห็นคลิปคู่สมรสกอดกันแต่มือข้างหนึ่งเช็คสมาร์ทโฟนอยู่บ้างมั้ยครับ การกอดที่ใจเราอยู่ที่อื่นย่อมทำให้ความอุ่นใจที่อีกฝ่ายได้รับลดลงไม่มากก็น้อย

                                    ผมได้แต่เชียร์คุณแม่ให้สำรวจตนเองสักครั้งว่าใจของเราเองสงบพอสำหรับการเลี้ยงลูกหรือเปล่า เวลาเราอยู่กับลูก เล่นกับลูก รวมทั้งอุ้มกอดลูก ใจของเราอยู่ที่เขาพอเพียงหรือไม่ หรือที่แท้แล้วใจของเราไปอยู่ที่อื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญมากน้อยไม่เท่ากันในแต่เด็กแต่ละคน เด็กบางคนพอใจเพียงแค่คุณพ่ออุ้มเดินไปมา ส่วนเรื่องคุณพ่อจะอุ้มไปดูฟุตบอลไปโดยไม่กอดเลยเขาไม่ว่า ในขณะที่เด็กบางคนไม่พอใจเท่านั้น เขาต้องการการอุ้มกอดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเด็กคนอื่น คุณพ่อจะอุ้มด้วยดูหนังด้วยไม่ได้ ต้องอุ้มด้วยกอดด้วยร้องเพลงด้วยและทุ่มใจให้เขาด้วยถึงจะเพียงพอ

                                    ผมแนะนำว่าให้อุ้มกอดต่อไปเรื่อยๆ อาจจะต้องสละเวลาอุ้มกอดเขามากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป อย่าปล่อยให้ความรู้สึก “ใจไม่ดี” มาทำให้ท้อถอยหรือเสียความมั่นใจ  เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วจะยิ่งทำให้คุณภาพของการอุ้มการกอดลดลง ขอให้มั่นใจได้ครับว่าการอุ้มการกอดของคุณแม่สำคัญและดีที่สุด ชนะแน่นอน

                                    ขอบคุณบทความโดย: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์
                                    แผนกจิตเวชโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

                                    อ่านต่อ >> “7 วิธีสร้างสัมพันธ์หากลูกเบบี๋ไม่ให้กอด” คลิกหน้า 2

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่