Page 185 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกปอดติดเชื้อ

แม่แชร์ประสบการณ์สำลักนม ทำลูกปอดติดเชื้อ มีไข้สูงชักตัวเกร็ง

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกปอดติดเชื้อ หมอบอกเพราะสำลักนม .. เตือนพ่อแม่ควรดูแลลูกน้อยให้ดี และหากลูกป่วยเพราะปอดติดเชื้อ มีไข้สูง อย่าปล่อยให้ชัก เพราะอาจเป็นซ้ำได้อีก

เพราะสำลักนม!! ทำ ลูกปอดติดเชื้อ มีไข้สูง ชักตาเหลือก ตัวเกร็ง

การสำลัก ไม่ว่าจะสำลักน้ำ สำลักอาหาร หรือ ลูกสำลักนม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการสำลัก คือ การกระจายของเชื้อตามกระแสเลือดไปสู่ปอด เด็กส่วนใหญ่ปอดติดเชื้อโดยการสูดสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอเข้าไปในหลอดลมส่วนปลายหรือถุงลม เชื้อเกิดการแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบตามมา

ลูกปอดติดเชื้อ

ทั้งนี้ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ระบุไว้ว่า..  โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบในเด็ก เป็นการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันของเนื้อปอด รวมทั้งหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้ความสามารถในการทำงานของทางเดินหายใจลดลง เป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง บางครั้งอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กที่เกิดมีน้ำหนักตัวน้อยอายุต่ำกว่า 1 ปี มีโรคขาดอาหาร โรคเรื้อรัง หรือความพิการแต่กำเนิด ซึ่งจากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่า โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุของการตายเป็นอับดับ 1 ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี

โดยสาเหตุของโรคดังนี้ โรคปอดอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อโรคที่ก่อนให้เกิดโรคปอดอักเสบเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศเข้าไปโดยตรง การสำลัก การกระจายของเชื้อตามกระแสเลือดไปสู่ปอด เด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยการสูดสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอเข้าไปในหลอดลมส่วนปลายหรือถุงลม เชื้อเกิดการแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบตามมา

ทั้งนี้หนึ่งในอาการของเด็กที่ป่วยปอดติดเชื้อนี้ถ้าเป็นเพราะจากเชื้อไวรัสมักมีอาการไข้หวัดนำมาก่อนสัก 2-3 วัน ได้แก่ มีไข้ น้ำมูก ไอมีเสมหะ ตามมาด้วยอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว จมูกบาน ส่วนมากถ้าอาการไม่รุนแรงอาจดีขึ้นได้เอง

แต่หากลูกมีไข้สูง ก็อาจทำให้ชักได้ โดยภาวะชักจากไข้ คือ อาการชักแบบเกร็ง หรือกระตุกทั้งตัว เกิดขึ้นขณะที่มีไข้สูง โดยทั่วไปจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส …  เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ป่วยของลูกน้อยวัย 3 เดือนว่า ลูกปอดติดเชื้อ (คุณหมอแจ้งว่าอาจเป็นเพราะสำลักนม) จนทำให้ลูกมีไข้สูง และมีอาการชักตาเหลือก ตัวเกร็ง จนต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล

Must read >> ปรอทวัดไข้มีกี่แบบ ? เลือกแบบไหนวัดไข้ลูกแม่นยำที่สุด!

โดยคุณแม่ได้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ NuFew Babyz ออกมาโพสต์พร้อมภาพลูกน้อย มีใจความว่า…

ฝากแชร์ประสบการณ์ให้แม่ๆ นะคะ
ลูกเรามีไข้ ตั้งแต่เช้า เช็ดตัวตลอดทั้งวันไข้ก็ขึ้นๆ ลงๆ ก็นึกว่าเขาไม่เป็นอะไร แต่พอตกเย็น ไข้ขึ้นสูง 39 องศา แล้วเขานอนซมเลย เราก็พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่พอมาถึงโรงพยาบาล รอหมอนานมาก พอพบหมอ หมอตรวจหาไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัส rsv ก็ไม่พบ เลยเช็ดตัวให้และให้กินยาแล้วกลับบ้านได้
พอกลับไปถึงบ้าน ไม่ถึง 10 นาที น้องมีอาการ ตัวสั่น ตาเหลือก ตัวเกร็ง ตอนแรกเราก็ไม่รู้นึกว่าลูกหนาว ถามแม่แฟน แฟนรีบให้พาไปโรงพยาบาล (อีกโรงพยาบาลนึง)​ พอไปถึงหมอบอก #น้องชักแล้วยังได้ไปชักซ้ำที่โรงพยาบาลอีก 1 รอบ หมอเลยให้ยาระงับชัก หมอเอ็กซเรย์ปอดดู หมอบอกว่าคาดว่าน้องน่าจะปอดติดเชื้อ สาเหตุน่าจะมาจากสำลักนม น้องเลยได้แอดมิทในคืนวันที่ 1 มี.ค. 63 ตอนตี 2
น้องโดนเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ โดนเจาะไขสันหลังเอาน้ำที่ไขสันหลังไปตรวจอาการชักและตรวจเยื่อบุสมองว่าอักเสบหรือเปล่า ให้ยาฆ่าเชื้อทุก 4 ชม. ดูดเสมหะและพ่นยาทุก 4 ชม. แล้วหมอบอกว่า ถ้าน้องเคยชักแล้ว น้องสามารถชักซ้ำได้อีกถ้ามีไข้ เราเห็นลูกแล้วสงสารลูกมากๆ น้อง 3 เดือน 25 วัน
ฝากแม่ๆ ทุกคนนะคะ ถ้าน้องมีไข้สูง พยายามเช็ดตัวบ่อยๆ อย่าให้น้องชักได้ เพราะสมองน้องจะขาดออกซิเจน แล้วต่อไปน้องก็จะสามารถกลับมาชักอีกได้
ตอนนี้หมอให้แอดมิท 7 วัน ตอนนี้ที่โรงพยาบาลมีเด็กชักมาหลายคนมาก ฝากแม่ๆ ดูแลเด็กๆ กันด้วยนะคะ

ลูกปอดติดเชื้อ

 

Must read >> เมื่อลูกทารกชัก เรื่องใหญ่ที่พ่อแม่ควรรู้

อย่างไรก็ตามจากเรื่องราวที่คุรแม่ได้แชร์ประสบการณ์ให้ฟังนี้ ทีมแม่ ABK หวังว่าคงจะมีประโยชน์แกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในการดูแลลูกน้อย ซึ่งใจความของเรื่องมีทั้งการสำลักนม ลูกปอดติดเชื้อ และการมีภาวะจากไข้สูง ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เราจะขออธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจและรู้ถึงวีป้องกันรักษาในหน้าถัดไปค่ะ

ชมคลิปคำอธิบายเหตุลูกเสี่ยงปอดติดเชื้อได้
เพราะสำลักนม จริงหรือ? คลิกหน้า 2

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คุณแม่ NuFew Babyz

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    ทำความสะอาดของใช้

    แนะ 4 วิธี ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

    สถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที จนคุณแม่อาจเกิดความกังวลว่า ของใช้ใกล้ตัวที่เราต้องจับสัมผัสทุกวัน อย่างโทรศัพท์ ธนบัตร ลูกบิดประตู ตู้เย็น โถส้วม ฯลฯ อาจมีเชื้อไวรัสโควิด-19 ปนเปื้อนอยู่ แล้วจะมีวิธี  ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว อย่างไร? ต้องทำบ่อยแค่ไหน? ถึงจะปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 #ทีมแม่ABK รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่แล้วค่ะ

    คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แนะนำ วิธีทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ และสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันโรคไวรัสโคโรนา ดังนี้

    4 วิธี ทำความสะอาดของใช้ ป้องกันไวรัสโคโรนา

    1. สิ่งของเครื่องใช้ที่สัมผัสบ่อย อาทิ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต

    ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70 – 90% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง

    1. พื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ของใช้รอบตัว รวมไปถึงห้องน้ำ

    ให้ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว ( 3 – 6% โซเดียมไฮโปคลอไรท์) ผสมกับน้ำยา 1 ส่วน ต่อน้ำ 49 ส่วน ยกตัวอย่าง ไฮเตอร์ 1 ฝาขวด (ประมาณ 10 ซีซี) ผสมน้ำครึ่งลิตร เช็ดหรือแช่ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยน้ำสะอาด *

    1. พื้นผิวโลหะ

    ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70 – 90% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง *  ห้ามใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว เพราะมีฤทธิ์กร่อนโลหะ

    1. ผ้า เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง หรือ ผ้าขนหนู

    สามารถซักได้ตามปกติ (ใช้ผงซักฟอกธรรมดาและน้ำ) หรือ ซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 – 90 องศาเซลเซียส

    *หากหาแอลกอฮอล์ไม่ได้ สามารถใช้เดทตอล – น้ำยาฆ่าเชื้อโรค (รุ่นที่มีมงกุฎ ตัวยาคลอโรไซลีนอล) ผสมน้ำยา 1 ฝาขวด กับน้ำ 2 แก้วน้ำดื่ม และเช็ดหรือแช่ทิ้งไว้ 10 นาที

    ข้อควรระวัง: โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่จะมีการเคลือบสารป้องกันรอยขีดข่วน หากสัมผัสกับแอลกอฮอล์บ่อย ๆ อาจทำให้สารเหล่านี้หลุดไป ถ้าไม่ได้ติดฟิล์มหรือกระจกกันรอยไว้

    วิธีทำความสะอาดของใช้
    วิธี ทำความสะอาดของใช้ ใกล้ตัว

    เชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานแค่ไหน?

    ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 จะเกาะบนสิ่งของได้นานแค่ไหน แต่มีผลการวิเคราะห์ตัวอย่างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นๆ เช่น ซาร์ส (SARS) หรือเมอร์ส (MERS) ที่เผยแพร่ผ่านวารสารด้านการแพทย์เมื่อไม่นานนี้ สรุปว่าไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดจากคนจะยังคงติดเชื้อและอยู่รอดได้นานถึง 9 วัน หากเกาะอยู่บนพื้นผิววัสดุต่างๆ ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง แต่ไม่แน่ชัดว่าสำหรับโควิด-19 จะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ 

    ไวรัสอยู่ได้นานแบบนี้ ก็ทำให้เกิดความกังวลอีกว่า การจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันนั้น ต้องสัมผัสเหรียญหรือธนบัตรที่ผ่านมือใครมาบ้างก็ไม่รู้ แล้วเราจะป้องกันอย่างไรเมื่อต้องสัมผัสกับธนบัตร

    อ่านต่อ วิธีป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 บนธนบัตร คลิกหน้า 2

      เอลเดอร์เบอร์รี่

      มารู้จัก “เอลเดอร์เบอร์รี่” ซุปเปอร์ฟู้ดสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัสได้

      ช่วงนี้ไวรัสโคโรนา (Covid-19) แพร่ระบาดหนักจริงๆ ค่ะ บวกกับตอนนี้กำลังเข้าสู่หน้าร้อน อากาศเปลี่ยนแบบนี้ ครอบครัวที่มีลูกเล็กต้องระวังรักษาสุขภาพกันให้มากเป็นพิเศษ เพราะเด็กๆ อาจป่วยไม่สบายเป็นไข้หวัดกันได้ค่ะ และเพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกายของลูก อยากให้คุณแม่ได้รู้จักกับ “เอลเดอร์เบอร์รี่  Elderberry” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ ผลไม้ชนิดนี้จะมีสรรพคุณดีต่อร่างกายอย่างไร? ไปหาคำตอบพร้อมกันค่ะ

       

      เอลเดอร์เบอร์รี่ ผลไม้ซุปเปอร์ฟู้ด

      อยากให้คุณแม่ได้รู้จักกับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นซุปเปอร์ฟู้ดกันค่ะ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) เป็นผลไม้ขนาดเล็ก ลูกกลมๆผิวของผลออกไปทางสีดำ หรือสีม่วงเข้ม มีถิ่นกำเนิดมาจากป่าสนในอเมริกาเหนือ และทวีปยุโรป สำหรับผลไม้ชนิดนี้นะคะ ถูกจัดว่าเป็นผลไม้สุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังมีวิตามินซีที่มากกว่าส้มอีกด้วย

      ประโยชน์ของเอลเดอร์เบอร์รี่

      มีรายงานถึงประโยชน์มากมายของเอลเดอร์เบอร์รี่ ที่ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยเพิ่มการสร้างสาร Cytokine ซึ่งมีผลกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ให้สามารถต่อสู้กับอาการหวัด (Common cold)  และไข้หวัดใหญ่ (Influenza)  ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพดี และช่วยลดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อจากไวรัสต่างๆ ได้อีกด้วย

      กิน “เอลเดอร์เบอร์รี่” ได้สารอาหารที่มีประโยชน์อะไรบ้าง ?

      ขอบอกว่าผลไม้ชนิดนี้มีคุณค่าทางสารอาหารสูงมากค่ะ ให้แคลอรีต่ำ และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และยังให้…

      • วิตามินซีสูง ในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ 100 กรัม ให้วิตามินซีถึง 6-35 มิลลิกรัม
      • ใยอาหารสูง ในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ 100 กรัม จะให้ใยอาหาร (Fiber) ถึง 7 กรัม
      • กรดฟีนอลิก (phenolic acids) เป็นสารธรรมชาติที่พบในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยลด เสียหายจากความเครียด ที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative stress) ในร่างกาย คือ  การที่อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกาย
      • อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ (Flavonols) ผลเอลเดอร์เบอร์รี่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์ ที่เป็นสารธรรมชาติมากถึง 10 เท่า ซึ่งสูงกว่าผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ มีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Powerful antioxidant) ช่วยชะลอการ เติบโตของเชื้อไวรัส ในระบบทางเดินหายใจ
      • อุดมด้วยสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารประกอบที่ทำให้ผลไม้มีลักษณะเป็นสีดำ ม่วงเข้ม สำหรับแอนโธไซยานินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบได้

      เอลเดอร์เบอร์รี่

      ปัจจุบันได้มีการนำผล Elderberry มาสกัดใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นยาต้านหรือยับยั้งเชื้อไวรัสต่างๆ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

      เอลเดอร์เบอร์รี่

      มีผลวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหวัดของเอลเดอร์เบอร์รี่

      จากการวิจัยในกลุ่มตัวอย่าง 60 คนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ พบว่าในกลุ่มที่ทานยาน้ำจากเอลเดอร์เบอร์รี่วันละ 4 ครั้งต่อวัน อาการของไข้หวัดใหญ่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่ไม่ได้ทาน ที่ต้องใช้เวลาถึง 7-9 วัน อาการจึงจะดีขึ้น*

      และในงานวิจัยอีกฉบับหนึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่าง 64 คนที่ทานสารสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ 175 มล.ก. เป็นเวลา 2 วัน มีผลทำให้อาการของหวัดอย่างเช่น อาการไข้ ปวดหัว คัดจมูก ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถเห็นผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง*

      ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสบ่อยครั้ง และมีฝุ่น และสารเคมีในอากาศมาก การเลี่ยงไม่ให้ลูกป่วยเลยอาจทำได้ยาก ฉะนั้นหากลูกไม่สบาย มีอาการหวัด การเลือกยาให้ลูกรับประทานต้องเป็นยาเด็กที่ได้คุณภาพ

      ยาน้ำบรรเทาอาการหวัดสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมจากเอลเดอร์เบอร์รี่

      ยาน้ำเด็กที่ดีต้องปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีสารเคมี และต้องมีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ อย่างยาน้ำบรรเทาอาการเนื่องจากหวัดสำหรับเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บมีส่วนผสมจากสมุนไพร 100% ปราศจากแอลกอฮอล์ สารเคมี และกลิ่นสังเคราะห์ มีส่วนประกอบสำคัญ คือ เอลเดอร์เบอร์รี่ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อไวรัสไข้หวัด และ ไข้หวัดใหญ่ ช่วยบรรเทาอาการหวัด และสร้างภูมิคุ้มกันโรคระบบทางเดินหายใจ

      เอลเดอร์เบอร์รี่

      เด็กๆ บ้านไหนที่กินยายาก  ถ้าได้กินยาน้ำบรรเทาอาการหวัด มิสเตอร์เฮิร์บ รสเอลเดอร์เบอร์รี่ รับรองว่าจะต้องชอบ เพราะ เป็นยาน้ำเด็กรสชาติอร่อย กินง่ายมากๆ ค่ะ

      คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อยาน้ำเด็กบรรเทาอาการหวัด มิสเตอร์เฮิร์บ (MR.HERB) ได้ที่ร้านขายยาชั้นนำทั่วไป หรือซื้อได้ที่ https://bit.ly/2x9hN24  พิเศษสุดลด 10% เมื่อใส่โค้ด OFF10 ค่ะ และถ้าซื้อสินค้าครบ 500 บาท มีโปรฟรีค่าส่งด้วยนะคะ จัดส่งให้ถึงบ้านไม่ต้องออกจากบ้านให้เสี่ยงไวรัสค่ะ


      เครดิต :
      https://www.healthline.com/nutrition/elderberry 
      *https://www.mothermag.com/elderberry-for-kids/
      http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/5603/oxidative-stress-ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน
      http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2585/phenolic-compounds-สารประกอบฟีนอล

        รวมหนังดี สารคดีน่าดู ซีรีส์ netflix คัดเฉพาะสำหรับคุณแม่

        ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดมาหลายเดือน ทำเอาแม่นอยด์ ห่วงลูกติด  ห่วงสามีออกไปทำงานเอาเชื้อไวรัสกลับมาฝาก เหนื่อยนักก็พักก่อน ! ชวนแม่ปลดปล่อยความเครียด ความกังวลใจง่ายๆ แบบไม่ต้องออกนอกบ้าน Amarin Baby & Kids จัดมาให้ รวมลิสต์หนังดี สารคดีน่าตามกับ ซีรีส์ netflix  ฟีลกู้ด  คนเป็นแม่ดูแล้วอิน ฟินลืมเครียด

        รวมหนังดี ซีรีส์ netflix คัดให้โดนใจแม่ ดูจนตาแฉะ เลี่ยงโควิด-19

        แม่ฟูลไทม์ แม่ทำงานที่ต้องwork from home ตามมาตรการลดการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19  ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันโรคได้ดี แถมยังมี “อิสระเรื่องเวลา “มากขึ้น สามารถแบ่งเวลาทำงาน แบ่งเวลาเล่นกับลูก และยังเหลือเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนกาย ผ่อนคลายจิตใจจากสถานการณ์รอบตัว

        การดูหนังสือ ซีรีส์เรื่องโปรดเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แม่ยุคใหม่ชื่นชอบ แค่มีอินเตอร์เน็ต มือถือหรือทีวีในเวลาที่พักจากการเลี้ยงลูก ก็สนุกได้แบบไม่ต้องออกจากบ้าน ในช่วงที่ต้องอยู่บ้านกันยาวๆแบบนี้ ขอแนะนำภาพยนต์ และ ซีรีส์ netflix จาก แอพลิเคชั่นความบันเทิงยอดฮิต ซึ่งมีเรื่องราวที่เข้าถึง “หัวอกคนเป็นแม่” ให้เลือกชมอยู่หลายเรื่อง ทั้งแนวตลก แนวครอบครัว ดูแล้วอมยิ้ม และสารคดีที่จะทำให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น มีเรื่องอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

        ชวนแม่มาดู  7 ซีรีส์ netflix หนังดี คลายเครียด

         

         

        บ๊ายบายแม่จ๋า   Hi Eye. MaMa

        ซีรีย์ Romantic Comedy ที่คุณแม่สายเกาต้องไม่พลาด เป็นเรื่องราวของชายูริ (รับบทโดย คิมแทฮี) หญิงสาวที่กลายเป็นผี หลังจากเสียชีวิตมา 5 ปี แล้วได้โอกาสในการกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่มีเวลาอยู่บนโลกที่จะได้กลับไปอยู่กับลูกสาวและสามีเพียง 49 วันเท่านั้น ขณะที่สามีของเธอ โจคังฮวา ได้แต่งงานใหม่ไปแล้วต้องกลับมาเจอกับภรรยาที่เสียชีวิตไปอีกครั้ง

        แม่ๆจะได้ลุ้นกับภารกิจกลับมาพิชิตใจสามีอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกสาวที่เธอเฝ้าคิดถึง รับรองว่า ดูแล้วอิน น้ำตาซึมๆ แน่นอน

        รู้ก่อนดู

        • ซีรีส์ใหม่เอี่ยม ดูตอนใหม่ไปพร้อมๆกับประเทศเกาหลีใต้
        • ความยาวเฉลี่ยตอนละ 1ชั่วโมง 10
        • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
        • มีคำบรรยายภาษาไทย

         

        MUST READ : 5 ซีรีส์เกาหลีงานดี ดูกี่ทีก็ฟิน

        สายลับข้างบ้าน  Terius Behind Me

        ซีรีย์ Romantic Thriller จากเกาหลี ที่เล่าเรื่องราวของ โกแอริน คุณแม่ลูกแฝดต้องสูญเสียสามีอย่างลึกลับและกะทันหัน  ในช่วงเวลายากลำบากนี้ เธอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน คิมบอม ชายหนุ่มลึกลับที่มาอาศัยอยู่ข้างบ้าน ซึ่งเคยสายลับจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ที่เลือกเก็บตัวเงียบๆหลังต้องเสียคนรักไป แต่เขายื่นมือเข้ามาช่วยแม่ม่ายแสนสวยนี้เพราะอะไร จะสามารถคลี่คลายปริศนาการตายได้หรือไม่ แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเป็นไปได้หรือไม่

        งานนี้ แม่ๆคงต้องลุ้นกันตัวโก่ง นอกจากปลื้มกับพระเอกสุดหล่อ มาดเท่ห์ แล้วยังต้องเอาใจช่วยคุณแม่ลูกสองให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปพร้อมกัน  สนุกลุ้นระทึกแบบนี้ คุณแม่สายเกาต้องไม่พลาดนะคะ

        รู้ก่อนดู

        • เรื่องนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2561 มีทั้งหมด 32 ตอน แต่ ซีรีย์ Netflix มีให้ชมในซีซั่น  1 ทั้งหมด 16 ตอน
        • ความยาวเฉลี่ยตอนละ 1ชั่วโมง
        • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
        • มีคำบรรยายภาษาไทย

         

        MUST READ :3 ข้อดีของ การกอดลูก สิ่งอุ่นใจที่สุดที่พ่อแม่ควรมอบให้

        เวิร์คกิ้งมัม ยอดคุณแม่มือใหม่ Workin Moms

        ซีรีส์แนว Comedy หาดูยากที่นำเสนอชีวิตของ “แม่ทำงาน” ผ่านมุมมองของแม่ 4 คนในเมืองโทรอนโตแสนวุ่นวาย ที่ต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงาน กับการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด พวกเธอจะต้องพบเจอกับสถานการณ์คับขันต่างๆ ทั้งการปั๊มนนมในห้องน้ำออฟฟิศ ความผิดหวังต่อสามี หรือความพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อการเติบโตด้านการงาน ซึ่งสร้างทั้งความผิดหวัง เหน็ดเหนื่อย และเจ็บปวดให้กับคนเป็นแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ กับคำถามว่าทั้งหมดที่ “แม่ทำงาน” ทำนี้เพื่อใคร?

        “ชีวิตจริงบนหน้าจอ” ของคุณแม่หลายๆคน ที่ดูแล้วถึงกับลุกมาตะโกนว่า “นี่แหละชีวิตฉัน” พร้อมกับดื่มด่ำกับความสุขของ “การเป็นแม่” ที่คนเป็นแม่เท่านั้นจะได้สัมผัส

        รู้ก่อนดู

        • ซีรีย์เรื่องนี้มีทั้งหมด 13 ตอน
        • เสียงต้นฉบับภาษาเกาหลี ไม่มีพากษ์ภาษาไทย
        • มีคำบรรยายภาษาไทย

         

         

        อ่าน หนัง- ซีรีส์ Netfilx เอาใจแม่ เซฟไว้ดูคลายเครียด ต่อหน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          ตรวจโควิดฟรี

          ตรวจโควิดฟรี ทุกรพ. แต่ต้องมีอาการเข้าข่าย เช็กเองได้ที่นี่!

          ตรวจโควิดฟรี หากคุณกำลังกังวลว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือไม่ ถ้าอยากจะไปตรวจโดยไม่เสียเงินก็สามารถไปได้ แต่ต้องมีอาการเข้าข่ายดังนี้!

          ข่าวจริงเชื่อได้แม่! ตรวจโควิดฟรี ทุกรพ.
          แต่ต้องมีอาการเข้าข่าย?

          จากสถานการณ์าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก และในประเทศไทยบ้านเราก็พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ณ วันที่ 17 มีนาคม 2563 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ เพิ่มสะสมเป็น 177 ราย) ซึ่งข่าวนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ในความเสี่ยงหวั่นวิตก ทั้งพื้นที่ การสัมผัสใกล้ชิด หรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ป่วย จึงอยากจะเข้ารับการตรวจวินิจฉัยความเสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 เพื่อรับรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของตนเอง ตลอดจนหาแนวทางในการรักษา หรือกักกันโรคต่อไป

          ซึ่งล่าสุดก็ได้มีข่าวปรากฎออกมาทางสื่อออนไลน์ ในประเด็นเรื่อง ตรวจโควิดฟรี 18 โรงพยาบาล อันได้แก่ 1. รพ. จุฬาลงกรณ์ 2. รพ. ราชวิถี 3. รพ. รามาธิบดี 4. รพ. วิชัยยุทธ 5. รพ. บางปะกอก 9 อินเตอร์แนชั่นแนล 6. รพ. พญาไท 2 7. รพ. พญาไท 3 8. รพ. แพทย์รังสิต 9. รพ. ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ 10. สถาบันบำราศนราดูร 11. รพ. กรุงเทพคริสเตียน 12. รพ. พระราม 9 13. รพ. เปาโลเมโมเรียล 14. รพ. เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4 15. รพ. เปาโลเมโมเรียลสมุทรปราการ 16. รพ. เปาโลเมโมเรียลรังสิต 17. รพ. เปาโลเมโมเรียลเกษตร และ 18. รพ. เปาโลเมโมเรียลพระประแดง

          >> สำหรับข่าว ตรวจโควิด 19 ฟรี นี้ ด้านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น มีข้อมูลบิดเบือน โดยได้ออกมาระบุข้อความว่า “บริการตรวจไวรัส COVID-19 ฟรี 18 โรงพยาบาล” ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการตรวจ รักษาฟรี!! >> จะต้องเป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ PUI (Patient Under Investigation) ซึ่งกรมควบคุมโรคได้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อคัดกรองหาผู้ป่วย และเกณฑ์ล่าสุดที่มีการปรับแก้ไข เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 63 คือ

          1. ผู้ป่วยที่มีอาการร่วมกับประวัติเสี่ยง
          2. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบร่วมกับประวัติเสี่ยง และ
          3. ผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน (cluster) ที่มีอาการ และตรวจไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหากผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ก็จะเข้าสู่ ‘การตรวจวินิจฉัย’ ในขั้นตอนต่อไป

           

          Must read >> เผย “ความในใจคนเป็นแม่” หลัง ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

          Must read >> คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม

          ตรวจโควิดฟรี
          ขอบคุณภาพจากเพจ รู้กัน ทันโลก

          เกณฑ์ตรวจ ตรวจโควิดฟรี มีอะไรบ้าง ?

          อาการที่เข้าเกณฑ์ คือ มีอุณหภูมิร่างกายตั่งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือประวัติว่ามีไข้ ในการป่วย ร่วมกับมีอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก รวมถึงผู้ป่วยปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้

          ส่วนประวัติเสี่ยง คือ 14 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย อย่างใดอย่างหนึ่ง มีประวัติเดินทางไปยัง หรือมาจาก หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่มีรายงานการระบาดของโรค COVID-19 และมีอาชีพสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งมีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ

          หากคุณเป็น ‘ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์’ = อาการ + กลุ่มเสี่ยง ถึงจะได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งสามารถไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ ทั้งสิทธิบัตรทอง และสิทธิประกันสังคม หรือโรงพยาบาลของรัฐ กรณีที่เดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ

          Must read >> ตรวจรักษาโควิด ด้วยสิทธิบัตรทองและประกันสังคม

          ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย และวิธีการป้องกันตนเอง ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.moph.go.th หรือโทร. 1422 ได้ตลอด 24 ชม.

           

          อ่านต่อ >> ตรวจโควิดที่ไหน พร้อมค่าใช้จ่ายในการตรวจ COVID-19
          ของแต่ละรพ. กรณีที่เป็นผู้ป่วยที่ไม่เข้าเกณฑ์
          คลิกหน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            การ์ตูน Netflix

            12 การ์ตูน Netflix สำหรับเจ้าตัวเล็ก ดูสนุกอยู่กับบ้านเพลินๆ ทั้งครอบครัว

            การ์ตูน Netflix ความบันเทิงสำหรับเด็ก ๆ ที่มาพร้อมกับเสริมความรู้ในเวลาเดียวกัน เพราะใน Netflix เต็มไปด้วยการ์ตูนหนังและซีรีย์มากมายสำหรับเด็กทุกวัย เหมาะแก่การใช้เวลาในวันหยุดนั่งดูร่วมกันทั้งครอบครัว ทีมแม่ ABK ได้คัดเลือกการ์ตูนจาก Netflix มาฝากกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

            12 การ์ตูน Netflix สำหรับเจ้าตัวเล็ก ดูสนุกอยู่กับบ้านเพลินๆ ทั้งครอบครัว

            บาร์บี้ โลมา มหัศจรรย์

            barbie

            ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนตั้งแต่ในวัยเด็กไม่รู้จักตุ๊กตาสุดสวยที่ชื่อ “บาร์บี้” การ์ตูนบาร์บี้ตอนนี้จะพาเด็ก ๆ ไปผจญภัยในโลกใต้น้ำอันสวยงามสุดมหัศจรรย์ และได้พบกับเพื่อนใหม่ พร้อมเหล่าโลมาอัญมณีที่บาร์บี้ เคน และน้อง ๆ วางแผนช่วยออกมาจากคนร้าย

            คลิกชม บาร์บี้โลมามหัศจรรย์ บน Netflix

            โบลท์ ซูเปอร์โฮ่ง ฮีโร่หัวใจเต็มร้อย

            bolt

            พบกับเรื่องราวของโบลท์สุนัขเยอรมันเชพเพิร์ด นักแสดงดังในวงการคุณตูบที่เผอิญจะต้องเดินทางผจญภัยไกลจากที่เดิมและเจ้าของ หลังถูกส่งจากฮอลลีวู้ดไปสู่นิวยอร์กโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างทางโบลท์ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และพยายามที่จะหาหนทางกลับบ้าน

            คลิกชม โบลท์ ซูเปอร์โฮ่ง ฮีโร่หัวใจเต็มร้อย บน Netflix

            Justin time

            Justin time

            จัสตินฝันว่าเขาและเพื่อน ๆ ในจินตนาการของเขา นั่นคือโอลีฟและสควิดกี้ ท่องเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและวัฒนธรรมอื่นๆ

            คลิกชม Justin time บน Netflix

            Peppa Pig 

            Peppa Pig

            ออกผจญภัยไปกับลูกหมูน้อยสีชมพู เป๊ปป้า และครอบครัว ที่ประกอบไปด้วย Daddy pig พ่อหมูตัวใหญ่แต่ใจดี Mommy pig แม่หมูที่คอยจัดการทุกเรื่องในบ้าน และ Gorge น้องหมูเล็กของบ้าน รวมถึงเพื่อนๆ ของเธอทุกวัน เพื่อพิสูจน์ว่ามีการเรียนรู้และเสียงหัวเราะอยู่ทุกหนทุกแห่ง Peppa Pig เป็นการ์ตูนที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ทุกวัยและครอบครัวที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยในเนื้อเรื่องจะสอดแทรกการสอนในเรื่องต่าง ๆ และวิธีการแก้ปัญหาไว้ อย่างเช่น การทำกิจวัตรประจำวัน พี่น้องดูแลกัน การทำกิจกรรมในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความมีระเบียบวินัย การใช้เงินอย่างรู้คุณค่า รวมไปถึงการสะท้อนมุมมองต่าง ๆ ของเด็กให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจ และการแสดงความรักความอบอุ่นอยู่ในทุกตอน ดูแล้วฟีลกู๊ดกันทั้งครอบครัว นอกจากนี้การ์ตูนมีการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้คำศัพท์แบบง่าย ๆ เป็นการให้ลูกได้ดูแลเพื่อฝึกการฟังไปในตัวได้ดีทีเดียว

            คลิกชม Peppa Pig บน Netflix

            เดอะ สเมิร์ฟ

            เดอะ สเมิร์ฟ

            พบเรื่องราวของเหล่าคนตัวเล็กสีฟ้าที่ใส่หมวกสีขาวที่จะทำให้ทุกคนหลงรักกับความน่ารักของเหล่าสเมิร์ฟที่จะต้องคอยเผชิญกับพ่อมดการ์กาเมลผู้ชั่วร้ายที่คอยคิดจะจับตัวเอาส่วนผสมไปปรุงเพื่อเป็นพลังวิเศษ และเหล่าสเมิร์ฟก็ต้องระหกระเหินจากบ้านในป่าใหญ่ โดยวาร์ปผ่านประตูวิเศษก่อนจะไปติดอยู่ในมหานครนิวยอร์กที่ต้องมาลุ้นว่าเหล่าสเมิร์ฟจะรอดจากเงื้อมมือพ่อมดการ์กาเมลได้หรือไม่ ชวนเด็ก ๆ มาดูกันค่ะ

            คลิกชม เดอะ สเมิร์ฟ บน Netflix

            เมืองหลากสีของชาร์ลี

            เมืองหลากสีของชาร์ลี

            เป็นการ์ตูนซีรีย์ที่แต่งเรื่องโดยใช้รูปทรงต่าง ๆ สอดแทรกความสนุกไปพร้อมกับความรู้ให้กับเด็ก โดยตัวเอกคือชาร์ลีผู้น่ารักและเปี่ยมอารมณ์ขัน จะนำเด็ก ๆ ไปสนุกกับเรื่องราวการเดินทางที่เต็มไปด้วยรูปทรงต่าง ๆ แบบเหนือจินตนาการ พร้อมเพื่อนพ้องตัวละครหลากสีสัน

            คลิกชม เมืองหลากสีของชาร์ลี บน Netflix

            อ่านต่อ การ์ตูนน่าดูบน Netflix คลิกหน้า 2

              เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้

              10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีสุข ฉลาดทันคน เอาตัวรอดได้

              คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต่างก็อยากให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่ฉลาด แข็งแรง และมีความสุข  แต่การ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ครู คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในตัวเด็กเองด้วย

              เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ความฉลาดทางสมอง 50% อาจจะมาจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ฉลาดลูกก็มักจะฉลาด แต่เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม การกระตุ้น และบุคลิกเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเป้าหมายของพ่อแม่แต่ละคน คือมีหลักในการเลี้ยงลูกอย่างถูกต้อง กระตุ้นให้ลูกรู้สึกมีความสามารถและมีความมั่นใจ ก็จะมีส่วนในการช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กที่ฉลาด เก่ง มากขึ้น มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยพัฒนาความฉลาดและให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันค่ะ

              10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีความสุข เติบโตมาแล้วทันคน

              การเลี้ยงลูกให้ฉลาดสมวัย

              1.สอนลูกให้รู้จักเข้าสังคม

              ในขณะที่พ่อแม่มุ่งเน้นสร้างความฉลาดให้ลูกจากการเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่การเข้าสังคมก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เด็ก ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะผูกมิตร สร้างมิตรภาพกับเพื่อน ๆ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกมีกิจกรรมและวิธีคิดอื่น ๆ ที่อาจไม่เคยคิดมาก่อน แต่มิตรภาพยังช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาอารมณ์และพัฒนาทักษะทางสังคมที่สำคัญด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสังคมได้ เพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในอนาคต และส่งให้ผลให้เป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มารยาทดี มีความอ่อนน้อม ให้ความร่วมมือ และรู้รับผิดชอบอีกด้วย

              2.สนับสนุนความอยากรู้

              ความสงสัยอยากรู้ในตัวเด็กจัดเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดของลูก เมื่อเด็ก ๆ กลายเป็น “เจ้าหนูจำไม” ชอบสังเกต คิด และถามคำถาม ความสงสัยนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด การที่ลูกตั้งคำถาม “ทำไม” “อย่างไร” นั้นเป็นเพราะลูกกำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและพยายามบันทึกสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นลงไปในสมอง การที่คุณพ่อคุณแม่พยายามตอบคำถาม และชวนช่วยกันหาคำตอบ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดของลูกได้อีกทาง เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเด็กจะช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกลัวจากความไม่รู้ ทำให้พวกเขากล้าที่จะคิดและอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้น

              เลี้ยงลูกให้ฉลาด

              3.เปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเอง

              คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้ ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อลูกแสดงให้เห็นถึงความสนใจในสิ่งที่ชอบและอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การเปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเองจะช่วยเสริมพัฒนาการและเติมทักษะในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปิดกั้นหรือจำกัดพัฒนาการของลูกด้วยคำว่า “อย่า” “ไม่” “ห้าม” หรือบังคับให้ลูกทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะจะทำให้ลูกไม่กล้าที่จะออกจาก comfort zone ไม่พร้อมที่รับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ มีความคิดลังเล ตรงกันข้ามกับเด็กที่มีการตอบสนองจากการที่พ่อแม่สนับสนุน จะมีผลต่อพัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคตได้

              วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

              4.ฉลาดจากการได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย

              การได้ออกไปวิ่งเล่น ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เพียงแต่ทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ยังช่วยให้เลือดเกิดการหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี เมื่อสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ความเร็วในการคิดวิเคราะห์ และกระบวนคิดอย่างมีเหตุผลของลูกจะได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การออกไปเล่นหรือออกกำลังกายของเจ้าตัวเล็ก ยังส่งผลดีต่อเด็กเล็กเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการด้านอื่น ๆ เช่น ด้านภาษาที่จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ที่จะออกเสียงคำใหม่ ๆ ด้านสังคมที่เด็กเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนอื่นอีกด้วย

              เล่นกับลูกให้ฉลาด

              5.ให้ลูกได้เล่น

              “การเล่น” ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เกิดขึ้นออกมาได้หลายทาง เป็นการปูพื้นฐานทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม รวมถึงฉลาดในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ก็มีส่วนช่วยสร้างความฉลาดในการเล่น (PQ) ให้กับลูกเพิ่มขึ้นได้ แค่คุณพ่อคุณแม่เพียงปล่อยให้ลูกได้เล่น และส่งเสริมให้ลูกเล่นอย่างถูกวิธีตามวัย เช่น ฝึกให้ลูกหัดเดิน ฝึกให้ลูกหัดพูด ให้ลูกได้เล่นกับของเล่นเสริมพัฒนาการที่หลากหลาย ทำกิจกรรมหรือศิลปะสร้างสรรค์ เล่นเกม เล่นดนตรี พอลูกเข้าเรียนก็ให้เล่นกับเพื่อน ฯลฯ การให้ลูกได้เล่นนอกจากจะช่วยกระตุ้นความฉลาดรอบรู้แล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ฝึกการเรียนรู้ภาคปฏิบัติที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้นด้วย

              6.ส่งเสริมให้ลูกได้มีประสบการณ์ที่หลากหลาย

              ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ลูกได้ทำในกิจกรรมที่ชอบ งานอดิเรก โดยให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสทดลองทำในสิ่งที่หลากหลาย พวกเขาก็จะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูง ต้องการสิ่งใหม่ ๆ ที่จะคอยจูงใจพวกเขาเสมอ การเพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้กับลูก จะช่วยให้พวกเขารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมั่นอกมั่นใจขึ้น และเป็นการค้นหาความสามารถของตัวเองอันนำไปสู่ความเชี่ยวชาญที่จะสร้างอาชีพได้ในอนาคต

              เลี้ยงลูกให้เก่งและฉลาด

              7.อย่าเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์

              พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ หมายถึง การเป็นพ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูก คอยเฝ้ามองสอดส่อง ดูแลลูก และควบคุมทุกการกระทำของลูกตลอดเวลาแบบ “มากเกินไป” ไม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระไม่ว่าจะเป็นการเล่น การเรียน การกิน การนอน จนทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อทั้งตัวเด็ก พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเองได้ พ่อแม่ที่ปกป้องลูกมากเกินไป ความหวังดี และความห่วงใย กลายเป็นทำร้ายลูกทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว ยิ่งในยุคที่ความสำเร็จของลูกเปรียบเสมือนความสำเร็จของพ่อแม่ ยิ่งลูกเก่ง ฉลาดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตัวเองมีความสุขและภาคภูมิใจขึ้น แต่อย่าลืมว่า เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็เติบโตและมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกเป็นห่วงและอยากปกป้องเจ้าตัวเล็กไปตลอด แต่การปล่อยให้เด็กได้มีอิสระจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ การปล่อยให้ลูกได้สะดุด ล้มเหลว ผิดพลาด จะทำให้พวกเขาเรียนรู้ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดด้วยตนเอง รู้จักที่จะแก้ปัญหา ปรับปรุง และมีความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายอื่น ๆ ได้

              (ข้อมูลอ้างอิงจาก : www.kidjarak.com)

              8.เป็นพลังบวกให้ลูก

              การให้กำลังใจและการแสดงความรักทั้งภาษาพูดและภาษากาย จากคำชื่นชมเมื่อลูกประสบความสำเร็จ คำปลอบใจเมื่อลูกท้อแท้ หรือการโอบกอด หอมแก้ม ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกมีความสุข เมื่อลูกมีความสุขดีก็จะมีแรงจูงใจต่อการที่จะเรียนรู้ การคิดหรือการตอบสนองเชิงบวก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสมองของลูกได้ ส่งผลทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์

              การเลี้ยงลูกให้ฉลาด

              9.ให้เวลากับลูก

              การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดเริ่มต้นได้ที่บ้าน ที่สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนรู้ของลูก มีอุปกรณ์ที่หาง่าย ๆ รอบบ้าน สร้างสรรค์กิจกรรมภายในครอบครัว ทั้งหมดนี้คือการที่คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมไปกับลูกด้วย เมื่อแบ่งเวลาและจัดการได้ดี คุณพ่อคุณแม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ รวมไปกับลูกได้ ก็จะเป็นปัจจัยด้านอารมณ์และสังคมที่ส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น เพราะเมื่อเวลาที่เด็ก ๆ มีความสุขนั้น ก็จะตั้งใจและสนใจในสิ่งกำลังทำอยู่ได้ดีขึ้น มีความมุ่งมั่นที่จะเรียน มีความอยากรู้มากขึ้น ตรงกันข้ามกับครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร่วมกัน ก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจและส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ ดังนั้น “การให้เวลากับลูก” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรจัดสรรเวลาครอบครัว อันจะช่วยส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้นะคะ

              10.ไม่เครียด ไม่กดดัน

              แน่นอนว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดและมีความสุข แต่เมื่อลูกโตขึ้นก็อาจจะต้องเจอกับภาวะกดดัน ความเครียดจากการเรียน การสอบ ไปจนถึงเรื่องเพื่อน กิจกรรม ฯลฯ ในฐานะพ่อแม่เป้าหมายก็คือการช่วยสนับสนุนความสามารถและความมั่นใจ ช่วยพัฒนาจุดแข็งของลูก มากกว่าที่จะสร้างความกดดันใด ๆ รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่จะต้องไม่เครียด ไม่คาดหวัง จนเกิดอารมณ์โมโห ดุด่า ว่ากล่าวลูก ลงโทษลูกอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพยายามที่จะการเรียนรู้ของลูกไม่ว่าจะเป็นการเรียน ความสนใจต่อสิ่งที่ชอบดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปะ ฯลฯ มากกว่าที่จะจดจ่อกับผลลัพธ์หรือการแข่งขัน เท่านี้ก็จะส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น

              การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็นเด็กฉลาด เป็นเรื่องที่พ่อแม่มีส่วนช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้ลูกได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเคล็ดลับความฉลาดที่สร้างให้ลูกได้นั้น ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้พัฒนาความสามารถให้ลูกได้เติบโตขึ้นมาอย่างชาญฉลาด ทันคน เอาตัวรอดได้ ทำให้พ่อแม่หายห่วงด้วยนะคะ

              ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :

              www.popsugar.comwww.bbc.com

              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :

              3 เคล็ดลับ “เลี้ยงลูกให้พัฒนาการดี” ฉบับแม่มือโปร!!

              เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้ลูกมี พัฒนาการด้านอารมณ์ ที่ดี

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                การกอดลูก

                3 ข้อดีของ การกอดลูก สิ่งอุ่นใจที่สุดที่พ่อแม่ควรมอบ!

                ทำไม การกอดลูก อ้อมกอดจากแม่ จึงเป็นสิ่งที่อุ่นใจที่สุดของลูกน้อย และเด็กที่ไม่เคยได้รับการกอดจากพ่อแม่จะเป็นอย่างไร นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ มีคำตอบของเรื่องนี้มาฝาก

                การกอดลูก สำคัญไฉน?

                Q: มีข้อสงสัยว่า เพราะอะไรลูกถึงไม่ค่อยยอมให้อุ้ม อุ้มแล้วร้องไห้ แต่ตอนให้นมแม่ไม่ร้องค่ะ พอลูกร้องบ่อยๆ แม่เริ่มใจไม่ดี ตอนนี้ลูกอายุ 1 ขวบแล้ว ตัวเองเป็นคุณแม่เต็มเวลา มีพี่เลี้ยงช่วยค่ะ

                A: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้ให้คำแนะนำเรื่อง การกอดลูก ว่า…

                เด็กอายุขวบปีแรกทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น และอิ่ม สามอย่างนี้สำคัญเท่าๆ กัน แม้จะมีหลักฐานให้เห็นเสมอๆ ว่าไม่เท่ากัน

                ลูกลิงที่ไม่มีแม่ลิงอุ้มเลย แม้ว่าจะได้อาหารทางสายยางหรือป้อนเพียงพออย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่าลูกลิงจะผอมลงเรื่อยๆ จนตายไปในที่สุด ปรากฏการณ์นี้พบในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกัน ทารกหนึ่งขวบปีแรกที่อาหารพอเพียงแต่ขาดคนอุ้ม ในที่สุดก็จะโตช้าหรือไม่โตเอาเสียเลย หลายคนผอมลงเรื่อยๆ และไม่มีพัฒนาการ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสมัยใหม่จึงเรียกร้องให้มีอาสาสมัครเข้าไปช่วยอุ้มทารก เล่นกับเด็ก และคอยอ่านหนังสือให้เด็กเล็กฟัง

                ข้อดีของ การกอดลูก

                จะเห็นว่าเรื่องอิ่มท้องนั้นสำคัญแน่แต่ก็อาจจะไม่สำคัญเท่ากับความอบอุ่น ความอบอุ่นเกิดได้จากผ้าห่มและการอุ้มกอด ความอบอุ่นจากผ้าห่มเป็นเรื่องสำคัญ เด็กอายุขวบปีแรกมีหน้าที่สำคัญคือเรียนรู้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นที่ไว้ใจได้ ทำให้ท้องอิ่มและปลอดภัย ท้องอิ่มหมายความว่ายามหิวก็มีนมมาให้ ปลอดภัยหมายความว่ายามร้อนก็มีพัดลมมา ยามหนาวก็มีผ้าห่มคลุม เวลามดกัดก็มีคนหยิบมดออกไป นี่คือสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย

                1. ทารกหนึ่งขวบปีแรกจำเป็นต้องมั่นใจว่าสิ่งแวดล้อมปลอดภัย เมื่อมั่นใจแล้วจึงจะยอมพัฒนาการต่อไป

                นั่นคือคว่ำ แล้วก็คลานไปข้างหน้า ตามด้วยนั่ง ยืนและเดินตอนต้นของขวบปีที่สอง ในทางตรงข้ามสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยย่อมทำให้มนุษย์คนหนึ่งพร้อมจะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรและไม่ไปไหน ทารกก็มิใช่ข้อยกเว้น

                ความอบอุ่นจากผ้าห่มว่าสำคัญแล้ว ความอบอุ่นจากการอุ้มกอดยิ่งสำคัญกว่า ผ้าห่มนั้นอุ่นกาย แต่อ้อมกอดแม่นั้นอุ่นใจ มีรายงานวิจัยทางการแพทย์ชี้ให้เห็นว่าพ่อหรือแม่ที่เปลือยท่อนบนอุ้มกอดทารกที่เปลือยเช่นกันสามารถสงบทารกลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ  กล่าวคือ พื้นที่ที่เนื้อของพ่อหรือแม่สัมผัสกับเนื้อของลูกจะแปรผันตรงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

                2. การกอดลูก ช่วยให้จิตใจของทารกสงบลง

                3. ส่งผลให้พฤติกรรมเลี้ยงยาก ร้องไห้งอแง แม้กระทั่งเด็กเล็กที่ดื้อมากสามารถสงบพฤติกรรมของตนเองลงได้เสมอ

                การอุ้มกอดที่มีประสิทธิภาพคือการอุ้มกอดที่อุ่นใจ ผมคงให้ความมั่นใจแก่คุณแม่ได้ว่าการกอดเป็นการกระทำที่ทรงคุณค่าและไม่มีปัญหาอะไรหากเป็นการกอดที่ทำให้อุ่นใจ เคยเห็นคลิปคู่สมรสกอดกันแต่มือข้างหนึ่งเช็คสมาร์ทโฟนอยู่บ้างมั้ยครับ การกอดที่ใจเราอยู่ที่อื่นย่อมทำให้ความอุ่นใจที่อีกฝ่ายได้รับลดลงไม่มากก็น้อย

                ผมได้แต่เชียร์คุณแม่ให้สำรวจตนเองสักครั้งว่าใจของเราเองสงบพอสำหรับการเลี้ยงลูกหรือเปล่า เวลาเราอยู่กับลูก เล่นกับลูก รวมทั้งอุ้มกอดลูก ใจของเราอยู่ที่เขาพอเพียงหรือไม่ หรือที่แท้แล้วใจของเราไปอยู่ที่อื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญมากน้อยไม่เท่ากันในแต่เด็กแต่ละคน เด็กบางคนพอใจเพียงแค่คุณพ่ออุ้มเดินไปมา ส่วนเรื่องคุณพ่อจะอุ้มไปดูฟุตบอลไปโดยไม่กอดเลยเขาไม่ว่า ในขณะที่เด็กบางคนไม่พอใจเท่านั้น เขาต้องการการอุ้มกอดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเด็กคนอื่น คุณพ่อจะอุ้มด้วยดูหนังด้วยไม่ได้ ต้องอุ้มด้วยกอดด้วยร้องเพลงด้วยและทุ่มใจให้เขาด้วยถึงจะเพียงพอ

                ผมแนะนำว่าให้อุ้มกอดต่อไปเรื่อยๆ อาจจะต้องสละเวลาอุ้มกอดเขามากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป อย่าปล่อยให้ความรู้สึก “ใจไม่ดี” มาทำให้ท้อถอยหรือเสียความมั่นใจ  เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วจะยิ่งทำให้คุณภาพของการอุ้มการกอดลดลง ขอให้มั่นใจได้ครับว่าการอุ้มการกอดของคุณแม่สำคัญและดีที่สุด ชนะแน่นอน

                ขอบคุณบทความโดย: นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์
                แผนกจิตเวชโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

                อ่านต่อ >> “7 วิธีสร้างสัมพันธ์หากลูกเบบี๋ไม่ให้กอด” คลิกหน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  สร้างสุขอนามัย หยุดยั้งไวรัส ด้วยการใช้น้ำยาซักผ้าขาวฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ผ่านข้อมูลวิชาการที่เข้าใจง่าย ทำตามได้จริง

                  จากสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก สร้างความหวาดวิตก และโน้มน้าวให้ผู้คนตระหนักในการดูแลสุขอนามัยกันมากขึ้น โดยองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงาน (ฉบับที่ WHO/2019-nCoV/IPC/v2020.2) แนะนำถึงวิธีป้องกันและควบคุมสุขอนามัยในช่วงเวลาที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาด ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า 

                  It is important to ensure that environmental cleaning and disinfection procedures are followed consistently and correctly. Thoroughly cleaning environmental surfaces with water and detergent and applying commonly used hospital level disinfectants (such as sodium hypochlorite) are effective and sufficient procedures. Medical devices and equipment, laundry, food service utensils and medical waste should be managed in accordance with safe routine procedures.

                   สิ่งสำคัญคือต้องทำความสะอาดสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ให้สะอาดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ด้วยน้ำเปล่า และน้ำยาฆ่าเชื้อ ตามมาตรฐานที่ใช้ในโรงพยาบาล (ตัวอย่างเช่น น้ำยาที่มีสารโซเดียม ไฮโปคลอไรต์) ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการฆ่าเชื้อเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม สามารถใช้วิธีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคดังกล่าวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม, และชุดเครื่องครัวอุปกรณ์การทำอาหารต่างๆ

                  และจากข้อมูลการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย อ.ดร.พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 (ปรับปรุงจาก เวทีจุฬาฯ เสวนา ครั้งที่ 23 เรื่อง “ตระหนัก ดีกว่าตระหนก เรียนรู้และป้องกันโคโรนาไวรัส 2019”) ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนของผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินหายใจ (ไข้, ไอ, น้ำมูก, จาม, เจ็บคอ) ให้ทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสร่วม เช่น เตียง โต๊ะ ห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว (5% โซเดียมไฮโปคลอไรต์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 99 ส่วน)

                  โดยได้ยกตัวอย่างหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค คือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ ที่มีคุณสมบัติของการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 99.9% ประกอบด้วยสารสำคัญ คือ สารโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 0.1-0.5% ซึ่งปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาว มีข้อมูลของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินที่ระบุการเตรียมทำความสะอาด ดังนี้

                  (*ข้อมูลปริมาณการใช้งาน อ้างอิงจาก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ฉบับที่ 8.1 ปรับปรุงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563)

                  ข้อมูลดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกโซเชียล และเกิดการบอกต่อกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการนำไปใช้จริงของผู้บริโภค จึงมีข้อแนะนำสำหรับการนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวไปใช้ขจัดเชื้อโรคในชีวิตประจำวันอย่างถูกวิธี สามารถปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้

                  • สำหรับขวดบรรจุขนาด 250 มิลลิลิตร หรือ 600 มิลลิลิตร ใช้น้ำยาซักผ้าขาว 5 ฝาต่อน้ำ 1 ลิตร และ สำหรับขวดบรรจุขนาด 1.5 หรือ 2.5 ลิตร ใช้น้ำยาซักผ้าขาว 2.5 ฝา ต่อน้ำ 1 ลิตร
                  • นำผ้าชุบน้ำที่ผสมและไปเช็ดจุดสัมผัสร่วมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทิ้งไว้ 1 นาที และเช็คตามด้วยน้ำเปล่า

                  (*สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วิดีโอแนะนำการใช้งาน)

                  ส่วนพื้นผิวที่สัมผัสร่วมกันที่แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของสารโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ได้แก่ โต๊ะ, ลูกบิดประตู, รีโมท, ราวบันได, พื้น, ชักโครก เป็นต้น

                  ข้อควรระวัง 

                  • ควรสวมถุงมือทุกครั้งที่ใช้ไฮเตอร์ทำความสะอาด
                  • ห้ามใช้ไฮเตอร์ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยแอมโมเนีย หรือ กรด เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ,   ผลิตภัณฑ์ขจัดสนิม, น้ำส้มสายชู
                  • ห้ามเช็ดทำความสะอาดบนพื้นผิว โลหะ ไม้ อลูมิเนียม

                    Tags

                    ฟรีสแลนด์คัมพิน่าได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการกลุ่มอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

                    ดร.โอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการกลุ่มอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (The Federation of Thai Industries : FTI) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ณ. อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ เขตสาทร กรุงเทพฯ

                    โดยกรรมการกลุ่มอาหารที่ได้รับแต่งตั้งจะมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2563 -2565 และมีหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายบริหารงานของสภาฯ รวมถึงประสานงานกับภาครัฐและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีส่วนส่งเสริมและวางแผน รวมทั้งนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขที่สอดคล้องเหมาะสมต่อภาครัฐบาล อันจะนำสู่การกำหนดนโยบายตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบวิธีการปฏิบัติต่างๆให้มีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ

                      Tags

                      ตุนอาหาร

                      นักโภชนาการแนะวิธี ตุนอาหาร ให้หลากหลาย ได้สารอาหาร ครบ 5 หมู่

                      สถานการณ์โควิด-19 ไม่น่าไว้ใจ ต้องเลี่ยงการออกไปพื้นที่สาธารณะ หลายคนสงสัย ควร ตุนอาหาร แบบไหนเก็บไว้ทำให้ลูกกินได้หลายวัน ที่ไม่ใช่มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป –ปลากระป๋อง มีอะไรบ้าง Amarin Baby & Kids นำข้อข้องใจของคุณพ่อคุณแม่มาหาคำตอบจากคุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ มาตอบให้รู้ชัดๆ กันเลย

                      “เพราะลูกฉันต้องได้กินครบ 5 หมู่” คือความคิดของคุณแม่ที่ไม่ว่าการะบาดของไวรัสโควิต-19 หนักหนาเพียงใด แต่ลูกต้องได้กินอาหารมีประโยชน์ ซึ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการของในทุกด้าน ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลใจกับสถานการณ์ และเลือกที่จะลดการออกไปจับจ่ายสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดนัด ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้คนจำนวนมาก และเสี่ยงต่อการกระจายของเชื้อโรค เปลี่ยนมาเป็นการซื้อส่วนผสม ตุนอาหาร แทน อาหารแบบไหนล่ะที่ควรซื้อ

                      นักโภชนาการแนะ ตุนอาหาร หนีโควิด-19 ต้องกินให้ครบทั้ง 5 หมู่

                      เมื่อนึกถึงอาหารที่เก็บไว้ได้นาน คงหนีไม่พ้นสินค้าจำพวก อาหารกระป๋อง หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป แต่อาหารเหล่านี้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะลูกน้อยทุกวัย และแม่ท้องซึ่งต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ คุณแววตา ได้แนะนำหลักการเตรียมอาหารในหัวข้อ “อ่านก่อน …..ถ้าต้องตุนอาหารเพื่อหลบภัยโควิด -19”  ว่า

                      ตุนอาหาร
                      คุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ

                      พลิกวิกฤตโควิดให้เป็นโอกาส  สร้างสุขภาพดี ด้วยการ เตรียมพร้อมกักตุนอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ไว้ปรุงอาหารง่ายๆ ที่บ้าน    ทั้งได้สุขภาพดี แถมไม่ต้องแย่งชิง!! โดยแบ่งออกเป็น 5 หมู่ตามหลักโภชนาการดังต่อไปนี้

                      อาหาร 5 หมู่ ดูให้ดี เลือก ตุนอาหาร แบบไหนเก็บไว้กินดี

                      อาหารจำพวกข้าวหรือแป้ง

                      มีคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ยังต้องออกไปทำงานนรอกบ้าน ลูกน้อยวัยซนยังมีกิจกรรมเล่นสนุก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับพลังงานให้เพียงพอ เพราะสมองต้องการกลูโคส ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยจนเล็กที่สุด ดูดซึมได้ง่าย

                      ข้าวซ้อมมือ  คาร์โบไฮเดรตสูง อิ่มอยู่ท้องได้นาน แถมใช้ปริมาณไม่มาก  ข้าวสารดิบ 1 ขีด หรือ 100 กรัม สามารถหุงได้ข้าวสวยประมาณ 4 ทัพพี  กะปริมาณให้พอดีกับคนในครอบครัว ก็ไม่ต้อง ตุนอาหาร เยอะเกินจำเป็น

                      ข้าวเหนียว   บ้านไหนไม่มีหวดนึ่งข้าวเหนียวแบบดั้งเดิม สามารถใช้หม้อหุงข้าว หรือหุงด้วยไมโครเวฟได้ แช่น้ำทิ้งไว้ 5 – 6 ชั่วโมงให้ข้าวนิ่มสักหน่อย กินคู่กับหมูทอด ลูกน้อยต้องปลื้มแน่นอน

                      ข้าวโอ๊ต   อีกทางเลือกแทนแป้ง ที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตและกากใยอาหาร หาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป นำมาทำเป็นเมนูโจ๊กข้าวโอ๊ตไก่ฉีก   ข้าวโอ๊ตผสมนมใส่ผลไม้แห้ง ก็อร่อยแก้เบื่อได้ดี

                      เส้นหมี่แห้ง  ถ้าวันไหนเบื่อเมนูข้าว เก็บเส้นหมี่แห้งไว้ จะเป็นบะหมี่ หรือเส้นเล็ก ก็เอามาทำได้หลายเมนู อย่าง ผัดซีอิ๊ว   เส้นหมี่น้ำไก่ฉีก

                      วุ้นเส้น (ไม่ฟอกสี)  ทำจากถั่วเขียว จัดว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตดี  เลือกวุ้นเส้นที่ไม่ผ่านกระบวนการ ปลอดภัยกับลูกน้อย จะเอามาทำแกงจืดวุ้นเส้น  วุ้นเส้นอบฟองเต้าหู้  หรือเมนูยำวุ้นเส้นแซ่บๆ สำหรับผู้ใหญ่ก็อร่อยได้ทั้งบ้าน

                      ถั่วเขียว ธัญพืชมากประโยชน์ เป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นาน นำมาทำเมนูถั่วเขียวต้มน้ำตาล เพียงแช่ถั่วเขียวให้นิ่มก่อน แล้วนำไปต้มกับน้ำตาลหรือเข้าเตาไมโครเวฟ  กินแก้ร้อนใน และเพิ่มธาตุเหล็กให้ลูกน้อย

                      วิธีเก็บให้ยืดอายุได้นาน

                      ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท แห้ง ไม่ชื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา และควรแบ่งมาปรุงอาหารตามจำนวนบริโภคจะดีกว่าการแบ่งออกมาทำครั้งละมากๆ  แล้วแช่เย็นไว้ เพื่อให้ได้รับประทานอาหารที่สดใหม่อยู่เสมอ

                      อาหารจำพวกไขมัน  

                      มีกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งแม้จะต้องการไม่มากแต่ก็ขาดไม่ได้ ควรเลือกรับไขมันจากพืช ซึ่งมีวิตามินอีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งนี้ไม่ควรรับน้ำมันมากเกิน 9 ช้อนชาต่อวัน เพื่อไม่ให้สะสมในร่างกาย

                      ถั่วลิสง    เลือกซื้อขนิดดิบที่ลอกเปลือกออกแล้ว เก็บเป็นของแห้งติดบ้านได้นาน กินเป็นขนมโดยนำไปอบด้วยเตาไมโครเวฟจนสุก ได้น้ำมันธรรมชาติจากถั่วโดยไม่ผ่านกระบวนการผลิตใดๆ

                      น้ำมันพืช  ใช้ได้ทุกชนิด ควรเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้และปริมาณเหมาะสมกับขนาดครอบครัว

                      วิธีเก็บให้ยืดอายุได้นาน

                      หากเป็นของแห้งควรเก็บในพื้นที่แห้ง ไม่ชื้น เพื่อป้องกันเชื้อรา ส่วนของเหลวเมื่อเกิดใช้แล้วควรปิดฝากให้สนิท

                      อ่าน อาหารที่ควรเลือกซื้อ เก็บไว้กินได้นาน หน้า 2

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        เพิ่มความสูงให้ลู

                        5 วิธี เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่เตี้ย!

                        หากอยาก เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่ไม่สูง แต่จะทำยังไงให้ลูกสูง เพราะนอกจากปัจจัยเรื่องกรรมพันธุ์แล้ว ก็ยังมีเรื่องของการกิน การนอน และการออกกำลังกายที่ถูกวิธีและสมวัยประกอบกันด้วย

                        เติ้ล ตะวัน เผยวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก
                        หลัง
                        หมอบอกให้ทำใจ
                        “น้องมียา”
                        อาจสูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม.

                        ความสูงของลูก อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ยุคนี้หลายบ้านต้องการให้กับลูก ซึ่งความสูงในเด็กบางคนก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสูงถึงขนาดไหน อาจมีบางบ้านที่ลูกอยู่ในช่วงวัย 2-3 ขวบ พ่อแม่ก็กังวลแล้วว่ากลัวลูกจะตัวเตี้ย เพราะมักมองเปรียบเทียบจากเด็กคนอื่นในช่วงอายุเดียวกัน เมื่อสังเกตร่างกายของลูกแล้วเห็นถึงความผิดปกติที่อาจจะเตี้ยกว่าเพื่อน พ่อแม่จึงคิดมากวิตกกังวลกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในครอบครัวเลยทีเดียว

                        Must read >> ลูกเตี้ย เพราะขาดโกรทฮอร์โมน จากการนอนดึก จริงหรือ ?

                        Must read >> วิธีคำนวณ ส่วนสูงเด็ก ทำได้ด้วย 2 วิธี

                        เช่นเดียวกับคุณเติ้ล ตะวัน และคุณแม่กระแต เสาวคนธ์ ที่แอบมีความเครียดไม่น้อย เมื่อไปปรึกษาคุณหมอที่รพ.แห่งหนึ่ง ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าให้ทำใจ “น้องมียา” ลูกสาวอาจมีสิทธิ์สูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม.

                        โดยคุณเติ้ล กล่าวถึงประเด็นเรื่องสุขภาพในระยะยาวของลูกสาวว่า “เขาต้องสูงกว่าแม่”
                        ซึ่งคุณแม่กระแต ก็ได้กล่าวเสริมว่า “เรากลัวเขาตัวเล็ก ซึ่งเคยพาลูกไปหาหมอภูมิแพ้ เสร็จเห็นห้องหนึ่งเห็นหมอดูเก่ง คือคิดเองก็เลยไปถามพยาบาลว่าหมอท่านนี้ตรวจอะไร พยาบาลก็บอกว่า หมอดูเกี่ยวกับฮอร์โมนพัฒนาการ กระดูกเราก็เลยบอกพยาบาลว่าเอาๆ ขอจองต่อเลยได้ไหม ขอไปหาหมอภูมิแพ้ก่อนเดี๋ยวออกมาเจอหมอคนนี้ พยาบาลก็ทำคิวให้ ก็เข้าไปกัน 2 คน หมอก็บอกว่า เขาเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักเท่านี้ พ่อสูงเท่านี้ แม่สูงเท่านี้ ลูกสูง 140

                        เมื่อคุณเติ้ล ได้ยินแบบนั้นจึง ถามหมอว่าต้องทำอย่างไรที่จะ เพิ่มความสูงให้ลูก สูงกว่านี้ แต่หมอบอกว่าให้ทำใจ (คำถามคือแล้วจะไปหาทำไม : หัวเราะ) ด้านคุณแม่กระแต ก็บอกว่าเครียด เพราะอยากให้น้องมียาเขาสูงกว่า มันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว แต่พอเราฟังหมอแล้วหมอบอกว่าเขาจะสูง 140 เราคิดว่าไม่ใช่

                        คุณเติ้ล จึงตัดสินใจไปหมอคนใหม่ เพราะตอนนี้น้องมียาเข้าเกณฑ์แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกจะมีความสูงเฉลี่ย 155 คือสูงที่สุดของเขาคือ 164 เตี้ยสุดก็ 140 เราก็รอดูความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยับเขาให้สูงขึ้นไปอีกได้ไหม

                        https://www.instagram.com/p/B9gAkZppHRS/

                        เผยวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก

                        โดยคุณแม่กระแต ก็กล่าวอีกว่า กระบวนการ เพิ่มความสูงให้ลูก คือ กินกับนอน เรื่องนอนสำคัญ เพราะคุณหมอบอกว่าอยากให้เขาหลับสนิทเลย พอหลัง 3 ทุ่มฮอร์โมนจะหลั่งทันที เขาถึงไม่อยากให้เด็กตื่นขึ้นมาดื่มนมกลางดึก เพราะเขาตื่นปุ๊บ ฮอร์โมนเขาจะหยุดหลั่งทันที

                        อ่านต่อ >> “วิธีเพิ่มความสูงตามเกณฑ์ให้ลูกแบบง่ายๆ
                        แม้พ่อแม่เตี้ยลูกก็สูงได้” คลิกหน้า 2


                        ขอบคุณภาพจาก IG @tletawan , @katare

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

                          เผย “ความในใจคนเป็นแม่” หลัง ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19

                          แม่ลิเดีย ได้ประกาศ ลงในอินสตาแกรมของตนเองแล้วว่า ลิเดียติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลตรวจเป็นบวก พร้อมทั้งเผยความในใจของคนเป็นแม่ที่ต้องห่างลูก รวมทั้งให้ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไว้ว่า

                          สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้ดีที่สุดในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ต้องรับมือและสู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือการร่ำลาครอบครัวและลูกๆ ต้องให้ลูกๆ ทั้งสองคนอยู่โดยที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไปอีกไม่รู้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีคุณยายคุณตาที่ยังอยู่กับเขา หวังว่าเดมี่จะไม่ลืมแม่ หวังว่าดีแลนจะไม่โกรธที่พ่อแม่อยู่ๆก็หายไป เดี๋ยวหม่ามี๊กับแดดดี๊จะกลับมานะลูก ห้ามร้องไห้เพราะน้ำตาอาจมีไวรัส #covid19 #โควิดเราต้องรอด

                          ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคน:

                          1.สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเดียติดจากพี่แมท ส่วนใหญ่ทุกเคสที่ติดCoVid19 คนใกล้ชิดอย่างสามีภรรยามีโอกาศติดสูงมาก เดียไม่ได้ออกไปไหน เดียติดจากในบ้าน ดีแลนผลคือ undetectable เดมี่ไม่ได้เอาไปตรวจเพราะกลัวว่าอาจไปรับเชื้อจากข้างนอก ตอนนี้ทั้งสองคนอาการปกติ ร่าเริง เล่น กิน นอน แข็งแรงดีค่ะ รอเฝ้าดูอาการต่อไป

                          2. คนอื่นๆที่ใกล้ชิด (ครอบครัว, เพื่อน, พนักงานร้านอาหารและค่ายมวย) ผลลบ undetectable แต่ถึงแม้จะลบ ข้อแนะนำคือเฝ้าดูอาการ ถ้ามีอาการเหมือนจะเริ่มเป็นหวัด หรือมีไข้ให้ไปตรวจซ้ำ ระหว่างนี้การปฏิบัติของคนในบ้านที่เฝ้าระวังอยู่คือ ให้คิดซะว่าทุกคนเป็นพาหะโรคนี้ ป้องกันให้มากที่สุด ควบคุมวิธีการแพร่ให้น้อยที่สุด ใส่หน้ากาก ล้างมือ อย่าใช้ช้อนร่วมกัน ระวังน้ำตา น้ำลาย คือคุณต้องมีไวรัสในจำนวนที่วัดได้ถึงจะมีผลว่าบวก ขอย้ำว่าการตรวจได้ผล undetectable ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีไวรัส คนที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

                          3.อาการแรกของเดียคือ คัดจมูก ไอแห้งๆไม่มีเสมหะ ไข้ 38 แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่รู้สึกเหมือนจะเริ่มเป็นหวัดหรือเป็นภูมิแพ้ ทั้งหมดนี้เริ่มเมื่อคืนวันที่ 13 และตลอดทั้งวันที่14 ตอนนี้ทานยาลดไข้และวิตามินต่างๆ ระหว่างที่รอผลกลับมา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด

                          ตอนนี้ยังไม่มียาป้องกันหรือว่ารักษาโควิดอย่างเป็นทางการเพราะมันยังใหม่มากๆแนวทางรักษาคือถ้าอาการไม่หนักมากก็พยายามปล่อยให้ร่างกายขับไล่มันออกไปเอง แต่ถ้าเกิดใครเริ่มมีปัญหาเช่นปอดบวมหรือ ปัญหาอื่นๆหมอจะให้ยาทันทีซึ่งยาที่จะใช้ก็แล้วแต่สูตรของหมอและโรงพยาบาล

                          4.อาการของพี่แมทตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่มีไข้แล้ว มีการ X-ray ปอดเพราะตัวเค้าเป็นภูมิแพ้และหอบ. ซึ่งหมอบอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ยังไงต้องคอยเช็กตลอด

                          5.ตอนนี้การหาเตียงสำหรับการรักษาไม่ง่ายค่ะ ถ้าใครตรวจแล้วพบเชื้อ คอยโทรถามกับทางสปคม ว่าเค้ากำลังประสานงาน และหาโรงพยาบาลให้อยู่

                          #ทีมแม่ABK ขอส่งกำลังใจให้พ่อแมทธิว และแม่ลิเดีย ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวในเร็ววันนะคะ

                          View this post on Instagram

                          สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้ดีที่สุดในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ต้องรับมือและสู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือการร่ำลาครอบครัวและลูกๆ ต้องให้ลูกๆทั้งสองคนอยู่โดยที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไปอีกไม่รู้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ยังมีคุณยายคุณตาที่ยังอยู่กับเขา หวังว่าเดมี่จะไม่ลืมแม่ หวังว่าดีแลนจะไม่โกรธที่พ่อแม่อยู่ๆก็หายไป เดี๋ยวหม่ามี๊กับแดดดี๊จะกลับมานะลูก ห้ามร้องไห้เพราะน้ำตาอาจมีไวรัส #covid19 #โควิดเราต้องรอด ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อทุกคน: 1.สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเดียติดจากพี่แมท ส่วนใหญ่ทุกเคสที่ติดCoVid19 คนใกล้ชิดอย่างสามีภรรยามีโอกาศติดสูงมาก เดียไม่ได้ออกไปไหน เดียติดจากในบ้าน ดีแลนผลคือ undetectable เดมี่ไม่ได้เอาไปตรวจเพราะกลัวว่าอาจไปรับเชื้อจากข้างนอก ตอนนี้ทั้งสองคนอาการปกติ ร่าเริง เล่น กิน นอน แข็งแรงดีค่ะ รอเฝ้าดูอาการต่อไป 2. คนอื่นๆที่ใกล้ชิด (ครอบครัว, เพื่อน, พนักงานร้านอาหารและค่ายมวย) ผลลบ undetectable แต่ถึงแม้จะลบ ข้อแนะนำคือเฝ้าดูอาการ ถ้ามีอาการเหมือนจะเริ่มเป็นหวัด หรือมีไข้ให้ไปตรวจซ้ำ ระหว่างนี้การปฏิบัติของคนในบ้านที่เฝ้าระวังอยู่คือ ให้คิดซะว่าทุกคนเป็นพาหะโรคนี้ ป้องกันให้มากที่สุด ควบคุมวิธีการแพร่ให้น้อยที่สุด ใส่หน้ากาก ล้างมือ อย่าใช้ช้อนร่วมกัน ระวังน้ำตา น้ำลาย คือคุณต้องมีไวรัสในจำนวนที่วัดได้ถึงจะมีผลว่าบวก ขอย้ำว่าการตรวจได้ผล undetectable ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีไวรัส คนที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด 3.อาการแรกของเดียคือ คัดจมูก ไอแห้งๆไม่มีเสมหะ ไข้ 38 แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่รู้สึกเหมือนจะเริ่มเป็นหวัดหรือเป็นภูมิแพ้ ทั้งหมดนี้เริ่มเมื่อคืนวันที่ 13 และตลอดทั้งวันที่14 ตอนนี้ทานยาลดไข้และวิตามินต่างๆ ระหว่างที่รอผลกลับมา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด ตอนนี้ยังไม่มียาป้องกันหรือว่ารักษาโควิดอย่างเป็นทางการเพราะมันยังใหม่มากๆแนวทางรักษาคือถ้าอาการไม่หนักมากก็พยายามปล่อยให้ร่างกายขับไล่มันออกไปเอง แต่ถ้าเกิดใครเริ่มมีปัญหาเช่นปอดบวมหรือ ปัญหาอื่นๆหมอจะให้ยาทันทีซึ่งยาที่จะใช้ก็แล้วแต่สูตรของหมอและโรงพยาบาล 4.อาการของพี่แมทตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่มีไข้แล้ว มีการ X-ray ปอดเพราะตัวเค้าเป็นภูมิแพ้และหอบ. ซึ่งหมอบอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ยังไงต้องคอยเช็กตลอด 5.ตอนนี้การหาเตียงสำหรับการรักษาไม่ง่ายค่ะ ถ้าใครตรวจแล้วพบเชื้อ คอยโทรถามกับทางสปคม ว่าเค้ากำลังประสานงาน และหาโรงพยาบาลให้อยู่

                          A post shared by Lydia Sarunrat Deane (@lydiasarunrat) on

                          ลิเดีย
                          ขอบคุณภาพจาก IG : lydiasarunrat
                          แม่ลิเดียและครอบครัว
                          ขอบคุณภาพจาก IG : lydiasarunrat

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            ก๊าซโอโซนหน้าร้อน

                            ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มลพิษใกล้ตัวลูก

                            ช่วงต้นปีผ่านมา เรามักพบเจอกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีในอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทั้งกับคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อย ยิ่งตอนนี้เริ่มเข้าสู่หน้าร้อน อากาศเริ่มร้อนขึ้น ส่งผลให้เกิด ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มีผลเสียต่อทางเดินหายใจ เพราะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ยากขื้น

                            Continue reading “ก๊าซโอโซนหน้าร้อน มลพิษใกล้ตัวลูก”

                              การเขียนบันทึกประจำวัน

                              5 ข้อดีของ การเขียนบันทึกประจำวัน ยิ่งเขียน ยิ่งฉลาด โดย พ่อเอก

                              วันนี้ผมมีไอเดียที่อยากนำมาแชร์เรื่อง การเขียนบันทึกประจำวัน เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุให้ทางโรงเรียนที่ปูนปั้นกับปั้นแป้งเรียนอยู่ ประกาศหยุดเรียน 14 วัน โดยจัดให้มีการเรียนรู้จากที่บ้านแทน และหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ การเขียนบันทึกประจำวัน นั่นเอง

                              ต้องเท้าความก่อนว่า สาเหตุก็เพราะทางโรงเรียนทราบมาว่า มีคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งบางครอบครัวก็แจ้งให้ทางโรงเรียนทราบพร้อมกับผลตรวจ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ยอมแจ้ง ทางโรงเรียนจึงต้องสั่งหยุดเรียน 14 วันตามเกณฑ์การกักโรค เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการที่คุณไม่รับผิดชอบครอบครัวเดียวก็ทำให้ต้องเดือดร้อนไปหมดทุกครอบครัวจริงๆ ซึ่งผมเองก็เพิ่งเขียนเรื่อง ‘11 ข้อพ่อแม่ ควรทำ ไม่ควรทำ ในช่วงโควิด-19 ระบาด’ ไปเอง ตามไปอ่านกันได้นะฮะ

                              กลับมาต่อที่เรื่องสนุกๆ จากการที่โรงเรียนได้จัดให้มีการเรียนรู้จากที่บ้านโดยผ่านสื่อ on-line

                              ซึ่งการสอนต่างๆ ก็ถูกจัดทำเป็น link แล้วส่งมาใน line ของกลุ่มผู้ปกครอง ซึ่งมีแบ่งเป็นห้องสนทนาตามรายวิชา เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้สื่อสารในการสอนลูกหรือก็ต้องเปิดเพื่อให้ลูกเรียนรู้ และเพื่อใช้เป็นการส่งงานเพื่อให้เห็นว่าแต่ละครอบครัวมีการสอนตามที่โรงเรียนส่งมาจริงๆ

                              งานอย่างหนึ่งที่คุณครูได้ให้เด็กๆ ชั้น ป.1 อย่างปูนปั้นต้องทำทุกวัน คือ

                              ‘การเขียนบันทึกประจำวัน’

                              ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก และมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กในด้านต่างๆ เช่น

                              1. การหัดเล่าเรื่อง

                              การเขียนบันทึกประจำวัน เด็กต้องนั่งนึกเองว่าในแต่ละวันได้ไปทำอะไรมาบ้าง แล้วมาเขียนเป็นเรื่องราวปะติดปะต่อเอง โดยเราพยายามให้ลูกคิดเองผูกเรื่องเอง เพราะการเล่าเรื่องเป็น skill ที่สำคัญเมื่อต้องศึกษาในชั้นสูงขึ้นและในการทำงาน

                              2. การหัดเรียงลำดับเหตุการณ์

                              เราจะเห็นว่าแบบฝึกหัดเด็กเล็กอย่างหนึ่งคือมีรูปมาแล้วให้เด็กดูว่าเหตุการณ์ไหนมาลำดับแรกหรือหลัง แต่ การเขียนบันทึกประจำวัน เป็นการเรียนลำดับเหตุการณ์จริงๆ ซึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหนๆ

                              3. การเขียน การสะกดคำ

                              ถ้าให้หัดคัดลายมือหรือหัดสะกดคำตามแบบฝึกหัด เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนุกไปกับมัน แต่การเขียนบันทึกเป็นการฝึกหัดทั้งการเขียน การสะกดคำ คัดลายมือ การเว้นวรรคตอน ไปถึงการใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ ตามธรรมชาติ

                              4. การบอกอารมณ์ความรู้สึก

                              โจทย์ที่ดีมากๆ ที่คุณครูให้เพิ่มมาก็คือ ให้บอกอารมณ์ว่ารู้สึกอย่างไร ในการกระทำต่างๆ ที่เขียนลงในบันทึก ซึ่งทำให้รู้จักตัวเอง รู้จักอารมณ์ตนเอง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญที่จะทำให้เด็กรู้เท่าทันอารมณ์ มองเห็นอารมณ์ตัวเอง เพื่อจัดการตัวเองได้ถูกต้องในสถานการณ์ต่างๆ

                              5. การวาดรูป

                              นอกจากนั้นหากเด็กที่อาจจะเขียนไม่เก่งมากแต่ชอบวาดรูป ก็สามารถใช้ การวาดรูปเป็นการบันทึก หรือ เด็กที่เขียนแล้วก็ให้วาดรูปประกอบได้หากต้องการ

                              การหัดเขียนบันทึกประจำวัน จริงๆ แล้ว ไม่ต้องรอคุณครูให้เป็นการบ้านก็ได้ ทุกครอบครัวก็น่าจะหัดฝึกให้ลูกเขียนเรื่องราวประจำวันเป็น ไดอารี่ ของตัวเอง ครอบครัวเราเองได้ฝึกให้พี่ปูนปั้นหัดเขียนมาก่อนแล้ว เมื่อได้เป็นการบ้านก็จึงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่

                              บันทึกของปูนปั้น
                              บันทึกประจำวัน ของปูนปั้น

                              สิ่งสำคัญ! ในการฝึกลูกเขียนบันทึกประจำวัน

                              คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยให้กำลังใจ นั่งเป็นเพื่อน ช่วยสะกดคำบ้างเมื่อเขาติดขัด กล่าวชื่นชมผลงาน และเอาผลงานของเขาให้คนอื่นในครอบครัวดูเพื่อให้เขาภูมิใจว่ามีคนชื่นชม

                              และการบันทึกไม่จำเป็นต้องรอให้เขียนหนังสือเป็นแล้วค่อยเริ่ม เพราะปั้นแป้งเอง เราก็หัดให้เล่าเรื่องหลังกลับมาจากโรงเรียนว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วเราก็เขียนบันทึกตามที่ปั้นแป้ง ลูกก็สนุกไปด้วย แม้เรื่องราวของเด็กอนุบาลอาจจะวนไปมา แต่เขาก็สามารถเล่าเรื่องราวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ทำอย่างสม่ำเสมอ

                              บันทึกประจำวันของปั้นแป้ง
                              บันทึกประจำวัน ของปั้นแป้ง

                              แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืม คือ การเคารพสิทธิ์ของลูก ก่อนเราจะอ่านบันทึก ที่เขาเขียนเสร็จ เราจะขออนุญาตก่อนว่าให้เราอ่านมั้ย ให้อ่านออกเสียงหรืออ่านในใจ … การทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้เขาเรียนรู้การเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคล ยังทำให้เขารู้จักรักษาสิทธิ์ของตนเองด้วย

                              บทความน่าสนใจอื่นๆ

                              “ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ” โดย พ่อเอก

                              “ลูกช่างถาม” รับมืออย่างไร ไม่ขัดพัฒนาการลูก โดย พ่อเอก

                              ชวนลูกทำอาหาร “สร้างความมั่นใจ” ติดตัวไปจนโต โดย พ่อเอก

                              เลี้ยงลูกเชิงบวก คุยกับลูกแบบนี้ ไม่ต้องตี ลูกก็เชื่อฟัง โดย พ่อเอก


                              >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                              หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                              ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
                              ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก

                                ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี? ปี 2563

                                วัยเด็ก เป็นวัยที่ร่างกายยังสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างไม่เต็มที่ ทำให้มีความเสี่ยงในการเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ อย่างโรคฮิต เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม มือเท้าปาก ท้องเสีย หลอดลมอักเสบ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง แม่น้องเล็กจึงมีทางเลือก ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก  ประกันสุขภาพเด็ก มาฝากค่ะ

                                Continue reading “ซื้อประกันสุขภาพให้ลูก ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี? ปี 2563”

                                  ลูกถูกบูลลี่

                                  7 วิธีสร้างเกราะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่ และไม่ให้ลูกบูลลี่คนอื่น

                                  การบูลลี่ในโรงเรียน ไม่ว่า ลูกถูกบูลลี่ หรือ ลูกไปบูลลี่คนอื่น ต่างก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะผลของการบูลลี่ทั้งต่อคนที่ถูกกระทำและตัวผู้กระทำเอง อาจสร้างแผลทางใจฝังลึกจนยากเยียวยาได้

                                  วิธีสร้างเกราะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่
                                  และไม่ให้ลูกบูลลี่คนอื่น

                                  ปัจจุบันข่าวเรื่อง การ Bully (พฤติกรรมรุนแรง กลั่นแกล้ง รังแกผู้อื่นทั้งทางวาจาและร่างกาย) เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในสังคมไทย ซึ่งไทยเราตกอยู่ในอันดับ 2 ของโลก ที่มีสัดส่วนนักเรียนถูกรังแกจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันสูงถึงร้อยละ 40 รองจากญี่ปุ่น ทั้งนี้ผลร้ายที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่เฉพาะกับคนที่ถูกบูลลี่ แต่คนที่ไปบูลลี่คนอื่น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องได้รับาดเจ็บทั้งกายและใจจากการกระทำเหล่านนั้นไปด้วย ดังเช่นข่าวที่มีออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง … และเช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งที่ผูกคอตาย โดยมีสาเหตุมาจากการถูกเพื่อนบูลลี่ต่างๆ สารพัด ซึ่งหนูน้อยคนนี้ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้ด้วย

                                  Must read >> แพทย์เผย! เด็กไทย ชอบแกล้งเพื่อน ติดอันดับ 2 ของโลก!

                                   

                                  โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ จัสมิน มะลิ ได้มาโพสต์ข้อความว่า “วันที่ 5 มีนาคม เวลา 17.30 น. น้องมาร์ค ผูกคอตายเพราะถูกเพื่อนบูลลี่ ต่างๆ นานาอยากถามว่าการบูลลี่ แล้วสุดท้ายได้อะไร คุณอาจจะได้ความสุขแต่อีกหลายๆ คนต้องจมอยู่กับความทุกข์ของการบูลลี่ ของคุณ คุณคิดได้หรือเปล่าว่าการกระทำแบบนี้ส่งผลดีหรือผลเสียความสุขของใครหลายๆ คน คือความทุกข์ของคนๆ หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการติด #หยุดบูลลี่” ทิ้งท้าย

                                  ทั้งนี้ญาติได้เล่าว่าเด็กชายผู้เสียชีวิต น้องอาศัยอยู่กับตาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนพ่อและแม่นั้นแยกทางกันตั้งแต่น้องยังไม่คลอด อีกทั้งน้องยังเป็นเด็กเรียนเก่ง และเป็นหัวหน้าห้องด้วย แต่มีหลายครั้งที่น้องกลับมาจากโรงเรียนก็มักจะบ่นว่าถูกเพื่อนแกล้งสารพัด จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุน้องขาดเรียนหลายวัน ไม่ไปโรงเรียน สุดท้ายจึงเกิดเรื่องสุดเศร้าขึ้น ซึ่งทางทีมแม่ ABK ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมา ณ ที่นี้ด้วย

                                  Must read >> ลูกโดนแกล้ง พ่อแม่ช่วยได้ ป้องกันก่อนสายใช้กำลัง- ฆ่าตัวตาย

                                  จะป้องกัน ลูกถูกบูลลี่ ได้อย่างไร

                                  อย่างไรก็ตามทั่วโลกได้มีการรณรงค์มาตลอดเกี่ยวกับเรื่องของการต่อต้านการบูลลี่ เพราะสังคมปัจจุบันทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและตอนนี้เข้าสู่ปี 2020 แล้ว ก็ไม่ควรที่จะเอาปมด้อย รูปลักษณ์ ฯลฯ โดยผู้โพสต์ได้นำเรื่องนี้มาเล่าต่อก็เพื่อจะให้เป็นเคสตัวอย่าง และไม่ให้เกิดขึ้นกับใครอีกต่อไปด้วย

                                  ทั้งนี้คำว่า “บูลลี่” คือพฤติกรรมกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่าและมักเกิดขึ้นในโรงเรียนเกือบทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเราอาจจะจะได้ยินคำว่า “Bully” บ่อยครั้ง เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนสื่อสารกันผ่านโลกไซเบอร์กันมาก จนคิดว่าเป็นแค่การบูลลี่ในโลกไซเบอร์ แต่ในความจริงแล้วการบูลลี่เกิดขึ้นได้ทุกที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในสถานศึกษา หรือที่ทำงาน และเกิดขึ้นมานานแล้ว

                                  การรับมือ ลูกถูกบูลลี่ คือ มีสติ เงียบเฉย ตอบโต้ ชี้แจงให้ถูกจังหวะ ไม่คิดแค้น เครียด หรือวิตกกังวลเกินไป รวมถึงเลือกที่จะใช้ชีวิตในสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดี ปิดรับเรื่องราวทางโซเชียลฯ บ้าง หากหาทางออกไม่ได้ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

                                  อ่านต่อ >> “7 วิธีสร้างเกราะป้องกันลูกโดนบูลลี่
                                  และไม่ให้ลูกไปบูลลี่คนอื่น” คลิกหน้า 2


                                  ขอบคุณเฟซบุ๊ก : จัสมิน มะลิ

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา

                                    คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม

                                    ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด – 19 นี้ คงไม่มีใครที่ไม่เกิดความกังวล โดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ และให้นมลูก กลัวว่าลูกน้อยจะได้รับเชื้อโรค หรือหากคุณแม่ติดเชื้อแล้วคงไม่ดีแน่ แม่น้องเล็ก จึงมี คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา มาฝากค่ะ

                                    Continue reading “คำแนะนำในการรับมือไวรัสโคโรนา สำหรับแม่ท้องและให้นม”