Page 189 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

นาฬิกาโทรศัพท์

เตือนภัยแม่ซื้อ นาฬิกาโทรศัพท์ สมาร์ทวอทช์เด็ก ให้ลูกยังไม่ทันใช้ ชาร์จเสร็จไฟลุก (มีคลิป)

เตือนภัย! แม่โพสต์คลิป นาฬิกาโทรศัพท์ สมาร์ทวอทช์เด็ก ไฟลุก!! หลังซื้อมาให้ลูกยังไม่ทันใช้ คาด..ได้ของปลอมเพราะราคาถูก นักวิทย์ชี้เกิดจากแบตลัดวงจร!

แม่โพสต์เตือนซื้อ นาฬิกาโทรศัพท์ ราคาถูกให้ลูก
ยังไม่ทันได้ใช้ ไฟลุก เครื่องระเบิด!

บ้านไหนที่ลูกกำลังร้องอยากได้ นาฬิกาโทรศัพท์ (kid smart watch) ต้องอ่านเรื่องนี้ด่วน! เลยค่ะ เพราะทีมแม่ ABK ไปเจออุทาหรณ์ซึ่งคุณแม่ท่านหนึ่งได้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “Pimnarakul Pimmy” เตือนให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองระวัง หลังที่ตัวเองได้สั่งซื้อ นาฬิกาโทรศัพท์ หรือ  สมาร์ทวอทช์เด็ก ราคาถูกมาจากเพจหนึ่ง ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดความร้อนสูง หลังชาร์จไฟเสร็จและกำลังจะใส่ซิม ก็มีควันและเกิดประกายไฟ เสี่ยงระเบิด แต่โชคดีที่ยังไม่ได้ให้ลูกเอาไปใส่ก่อน โดยมีเนื้อหาโพสต์ว่า..

“ช่วงนี้เห็นคนถามหากันเยอะ เด็กๆ หลายคนอยากได้ ลูกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราสืบหาข้อมูลดูก็พบว่ามันมีข้อดีพอสมควร สามารถเช็กโลเกชันลูกได้ โทร.เข้าออกได้ ก็เลยซื้อให้ตามใจลูก โดยการสั่งซื้อผ่านทางเพจเพจหนึ่ง (ขอไม่เปิดเผยชื่อเพจ) หลังจากได้สินค้ามา ก็ชาร์จแบตให้ลูกเรียบร้อยและไปหาซื้อซิมมาใส่ แต่จังหวะนี้แหละค่ะ ที่จู่ๆ สมาร์ทวอตช์มันก็เกิดประกายไฟขึ้นที่ด้านในตัวเครื่อง มีไฟลุกเล็กน้อย ตอนนั้นเราจึงรีบเอาผ้ามาห่อแล้วโยนออกไปนอกบ้าน รอจนทุกอย่างสงบดีแล้ว ก็พบว่าตัวเครื่องมีการหลอมละลายออกจากทางด้านใน สายซิลิโคนทั้งสองข้างหลุดออกตามภาพ จึงได้ติดต่อทางเพจที่ซื้อสินค้าไป ซึ่งเขาก็รับผิดชอบโดยการคืนเงินเราเต็มจำนวน เราลองสืบค้นดูก็พบว่าสมาร์ทวอตช์รูปร่างนี้ ทรงนี้มีขายในหลายๆ เพจ รวมไปถึงพวกแอปชอปปิ้งออนไลน์ก็มี โดยเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากจีน จากสาเหตุของการระเบิดก็ยังไม่ทราบเช่นกันค่ะ แต่คิดว่าน่าจะเกิดจากการผลิตไม่ได้มาตรฐาน ถ้าใครอยากได้ ก็ลองหายี่ห้อดีๆ ที่มีคุณภาพนะคะ จะได้ไม่ต้องเจอแบบเรา”

นาฬิกาโทรศัพท์

 

โดยคุณแม่ยังได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ลูกชายอยากได้นาฬิกาสมาร์ตวอตช์ เพราะเห็นเพื่อนใส่ ตนจึงสั่งซื้อทางเพจเฟซบุ๊ก โดยไม่รู้ว่าเป็นของลอกเลียนแบบยี่ห้ออื่นหรือไม่ คนขายบอกว่าราคาเต็ม 2,000 บาท ลดราคาให้ 50% รวมค่าส่งแล้ว เหลือประมาณ 1,000 บาท ตนจึงสั่งซื้อ

 

นาฬิกาโทรศัพท์

นาฬิกาโทรศัพท์

หลังจากได้นาฬิกาแล้ว ตนก็ถ่ายวิดีโอตอนลูกแกะกล่อง ซึ่งลูกชายดีใจมาก จากนั้น ตนจึงเอานาฬิกามาชาร์จแบต และไปซื้อซิมมาใส่ ขณะใส่ซิมเกิดเสียงดัง “เปรี๊ยะ” จนไฟลุกควันโขมง ตนจึงรีบเอาผ้าห่อไว้ก่อนจะโยนไปนอกบ้าน เพราะกลัวว่าจะระเบิด โชคดีลูกไม่ได้ใส่ไว้ที่ข้อมือจึงไม่บาดเจ็บ ก่อนจะไปดูซากและเห็นว่าสายโทรศัพท์ละลายด้วยจากความร้อนของไฟ

 

ชมคลิป >> วินาที นาฬิกาโทรได้ สมาร์ทวอทช์ไฟลุก เครื่องระเบิด
พร้อมสาเหตุจากนักวิทย์ผู้เชี่ยวชาย คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ตารางวัคซีน 2563

    เซฟไว้ดูเลย! ตารางวัคซีน 2563 อัปเดตจากสมาคมโรคติดเชื้อฯ

    มาแล้ว! ตารางวัคซีน 2563 จาก สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย การให้วัคซีนในเด็กไทย 2020 ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 12 ปี ลูกต้องได้รับวัคซีนอะไร ตอนอายุเท่าไหร่บ้าง พ่อแม่เช็กเลย!

    ตารางวัคซีน 2563
    จากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย

    ประโยชน์ของวัคซีน

    จาก ตารางวัคซีน 2563 อาจมีหลายคนสงสัยว่า จำเป็นหรือไม่ และ ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีน??  นั่นก็เพราะ การฉีดวัคซีน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรค ซึ่งก่อนที่จะมีวัคซีนใช้ คนส่วนใหญ่จะเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อ และโรคระบาด แต่ปัจจุบันโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เคยคร่าชีวิตเด็กๆ ไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว เพราะมีวัคซีนป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง และมีวัคซีนป้องกันเชื้อใหม่ๆ พัฒนาขึ้นใหม่ทุกวัน

    Must read >> วัคซีนภูมิแพ้ คืออะไร? ราคาเท่าไหร่? ฉีดแล้วหายขาดไหม?

    Must read >> 6 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูก ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย

    … แต่ก็มีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนสงสัยว่า แล้วลูกของเราต้องได้รับวัคซีนอะไรบ้าง? วัคซีนของลูกน้อยตัวไหนควรฉีดก่อน! ตัวไหนฉีดหลัง! ลูกวัยนี้…ถึงเวลาต้องฉีดตัวนี้แล้วรึยัง? หรือ ตัวนี้ต้องฉีดห่างจากเข็มแรกนานแค่ไหน กับคำถามที่เกิดขึ้นร้อยแปดพันข้อที่เกี่ยวกับเรื่อง การฉีดวัคซีนของทารก

    ทั้งนี้การให้วัคซีนแก่เด็ก จะมีกำหนดออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข เป็นวัคซีนพื้นฐานที่ได้จัดหาให้ฟรี ซึ่งเด็กไทยทุกคนสามารถรับวัคซีนเหล่านี้ได้จากสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานีอนามัยทุกแห่ง ดังนั้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะพาลูกไปรับวัคซีน ก็ควรจะรู้ว่าวัคซีนที่ควรต้องได้รับมีอะไรบ้าง?

    ทีมแม่ ABK จึงมี ตารางวัคซีน 2563 จาก สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย มาแนะนำ ซึ่งได้ข้อมูลมาจาก เพจ Infectious ง่ายนิดเดียว เพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ใช้ดูและเช็ก ก่อนพาลูกน้อยวัยแรกเกิด – 12 ปี ไปรับวัคซีน vaccine 2020 ดูได้จาก ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย ด้านล่างนี้ได้เลย

    ตารางวัคซีน 2563
    ขอบคุณภาพ ตารางวัคซีน 2563 จาก เพจ Infectious ง่ายนิดเดียว

    ตารางวัคซีน 2563

    ตารางวัคซีน 2563 สำหรับเด็กไทย

    แนะนำโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

    ดาวน์โหลดไฟล์แนบแบบภาพใหญ่ชัดๆ ได้ที่นี่!

    ประเด็นสำคัญ vaccine 2020

    (1) บรรจุวัคซีนโรต้าในวัคซีนหลักฟรี (EPI)
    – หยอดที่อายุ 2,4,6 เดือน
    – ครั้งแรกอายุ 6-15 สัปดาห์ ครั้งสุดท้ายไม่เกิน 8 เดือน
    – แต่ละครั้งต้องห่างมากกว่า 4 สัปดาห์
    – อาจให้อายุมากกว่าที่กำหนด แต่อายุไม่เกิน 2 ปี (องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำ)

    Must read >> กทม.ชวนแม่ รับ วัคซีนไวรัสโรต้า ฟรี ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข

    (2) MMR

    • เข็ม 1 อายุ 9 – 12 เดือน
    • เข็ม 2 อายุ 18 เดือน – 5 ปี

    (3) Tdap ที่ให้อายุ 11 ปี สามารถให้ทุก 10 ปี หรืออายุที่ลงท้ายด้วย เลข 0 ได้

    (4) สุกใส

    • เข็ม 1 (หรือ MMRV1) อายุ 12 – 18 เดือน
    • เข็ม 2 อายุ 2 – 4 ปี

    (5) JE

    • เข็ม 1 อายุ 9 – 12 เดือน
    • เข็ม 2 อายุ 2 – 5 ปี

     

    ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่ดูตารางแล้วยังไม่เข้าใจ สามารถอ่านดูสรุปคำอธิบายประเด็น ตารางฉีดวัคซีน 2020 ซึ่งอัปเดตจากงานประชุมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยจากคุณหมอ เพจ Infectious ง่ายนิดเดียว ได้ที่หน้าถัดไปกันเลยค่ะ

     

    ดูสรุปประเด็น ตารางการให้วัคซีน 2563 คลิกหน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      คาเฟ่เด็ก

      10 คาเฟ่เด็ก แบ่งโซนให้เลือกร้านดีลูกสนุกพ่อแม่ฟิน!

      รวม คาเฟ่เด็ก Kid Cafe คาเฟ่ครอบครัว บรรยากาศน่ารัก เหมาะสำหรับใช้เวลากินอาหารปาร์ตี้สังสรรค์ร่วมกัน พ่อแม่นั่งสบาย ลูก ๆ ไม่เบื่อแบ่งมาให้แล้วตามโซนกันเลย

      10 คาเฟ่เด็ก แบ่งโซนให้เลือกร้านดีลูกสนุกพ่อแม่ฟิน!

      ปัจจุบัน คาเฟ่ ร้านอาหารสไตล์ธรรมชาติ หรือร้านที่มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกร่วมด้วยนั้น กำลังเป็นที่นิยม ในยุคที่การท่องเที่ยวไม่จำกัดแค่การเดินห้างสรรพสินค้า หรือ การไปชมบรรยากาศธรรมชาติในสถานที่ไกล ๆ กันอีกแล้ว อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์กับปัญหาหนักอกของคุณพ่อคุณแม่ที่ว่า “ตั้งแต่มีลูก ก็ไม่เคยได้กินข้าวสบายๆ เลย”  คาเฟ่เด็ก คาเฟ่สำหรับครอบครัว เป็นอีกสถานที่ที่น่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ เพราะหนึ่งในปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเล็ก เมื่อต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน นอกจากจะต้องคอยมองหาร้านอาหารที่เหมาะสม มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ลูกน้อยร่วมโต๊ะกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างไม่เป็นภาระของคนรอบข้างแล้ว หากเจอปัญหาลูกน้อยทำเลอะเทอะ ร้องไห้งอแง หรือแผลงฤทธิ์ขณะอยู่ในร้านอาหารขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะกินอาหารไม่อร่อย เพราะเกรงใจทั้งพนักงานและคนอื่นๆ ในร้าน

      แต่ร้านอาหาร คาเฟ่เด็ก จะเป็นร้านที่ทำมาเพื่อรองรับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ของตกแต่ง กิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องเล่นที่มีพร้อม จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถพักผ่อนกินอาหารได้อย่างสบายใจ ดังนั้น ทีมแม่ ABK จึงได้รวบรวม คาเฟ่เด็ก คาเฟ่สำหรับครอบครัว มาฝาก หากบ้านไหนมีแพลนอยากพาเจ้าตัวน้อยไปเที่ยวกินเที่ยวเล่น หากิจกรรมทำนอกบ้าน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดี ต้องห้ามพลาด คาเฟ่สำหรับเด็ก หรือ Kid Cafe ที่เราหามาให้ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง โดยได้แบ่งโซนตำแหน่งที่ตั้งร้านมาไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกกันได้อย่างสะดวก มาดูกันเลย

      โซนกรุงเทพฯ ใจกลางเมือง

      Monkey & MeMonkey & Me ตั้งอยู่ที่ The UP พระราม 3 ชั้น 3 ตึก A, 54 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เบอร์ติดต่อ 084-929-2999 เปิดวันจันทร์ – ศุกร์ (10.00 – 19.00 น.) ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ (09.00 – 20.00 น.)

      อีกหนึ่ง Kid Cafe ที่ห้ามพลาด เพราะเจ้าของบอกเองว่า เป็นคาเฟ่สำหรับเด็กแห่งแรกในประเทศไทย เหมาะที่คุณพ่อคุณแม่จะพาลูกน้อยมาเที่ยวกินและเล่นได้สนุกสนาน หรือจัดงานปาร์ตี้ของเด็ก ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งภายในร้าน แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่สนามเด็กเล่นในร่มที่มี แทรมโพลีนขนาดใหญ่ และโซนเครื่องเล่นเหมาะสำหรับเด็ก 1 – 9 ปี ส่วนที่สอง เป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว ซึ่งมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟสด และ ของหวานสำหรับเด็ก ๆ และผู้ปกครอง ราคาอาหารเฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 90 บาท

      ขอบคุณภาพจากเพจ Monkey & Me
      ขอบคุณภาพจากเพจ Monkey & Me

      นอกจากนี้ยังมีลานกิจกรรม เช่น เกมส์แต่งหน้าสำหรับเด็ก ลูกโป่ง มายากล ฯลฯ  อีกด้วย หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาสถานที่เพื่อให้ลูก ๆ เเสดงความสามารถหรือเสริมทักษะต่าง ๆ ต้องห้ามพลาดที่ Monkey & Me เลย

      ค่าเข้า : เด็ก เเละผู้ใหญ่อีก 1 คน  ราคา 200 บาท แต่ถ้ามีผู้ใหญ่มากกว่า 1 ต้องเพิ่มอีกคนละ 50 บาท

      Mari go round

      Mari go round อยู่ในตึก RQ Residence ชั้น 1 (ด้านใน Racquet Club) ซอยสุขุมวิท 49/9 เขตวัฒนา เปิดทุกวัน เวลา 10.00 -19.00 น. เบอร์ติดต่อโทร 088-778-9899 (ควรสอบถามก่อนไปเพราะบางครั้งปิดเพื่อจัดปาร์ตี้ส่วนตัว)

      ที่นี่ก็เป็น คาเฟ่เด็ก สไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งภายในมีสนามเด็กเล่นในร่มขนาดกะทัดรัด แถมทุกตารางนิ้วก็สามารถปล่อยให้ลูกน้อยวิ่งเล่นได้แบบไม่มีเบื่อกันเลย เหมาะสำหรับเด็กอายุ 0-6 ปี โดยบรรยากาศภายในร้านมีหลายโซน แต่ละโซนก็จะมีของเล่นเสริมทักษะให้เด็ก เช่น โซนสำหรับเด็กอ่อน โซนบ่อทราย โซนสไลเดอร์ โซนบ้านตุ๊กตา และโซนห้องครัวจำลองเป็นต้น บอกได้เลยว่าแต่ละโซนถูกใจน้องๆ หนูๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ระว่างที่ผู้ปกครองรอลูกน้อยเล่นสนุกสนานก็สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มทานได้ ราคาเมนูเริ่มต้นที่ 60 บาทขึ้นไป

      ขอบคุณภาพจากเพจ Mari go round
      ขอบคุณภาพจากเพจ Mari go round

      ค่าเข้า : ค่าบริการสำหรับเด็ก อายุ 1-6 ขวบ ราคา 300 บาท / 3 ชั่วโมง ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 40 บาท และ เด็กอายุ 0-1 ขวบ ราคา 100 บาท / วัน ส่วนผู้ใหญ่ ราคา 80 บาท / วัน (มีเสียค่าจอดรถชั่วโมงละ 40 บาท แสตมป์บัตรจอดรถที่คาเฟ่ได้ฟรี 2 ชั่วโมง)

      Kiddies’ House Playground & Café

      Kiddies’ House ตั้งอยู่ที่ 199/88 อาคาร B หมู่ 8 ซอยโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว เปิดให้บริการวันอังคาร​-อาทิตย์ เวลา​8:00 -18:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) เบอร์ติดต่อ 091-885-8138

      คาเฟ่เด็ก สวนสนุกในร่ม สุดกว้างขวาง​ โปร่งสบาย ภายในแบ่งเป็นโซนกินอาหาร และโซนเล่นที่ชัดเจน​ โดยโซนที่เล่นจะแบ่งเป็น​ 3 ส่วน​ คือ​ โซนบ่อบอล​สไลเดอร์​ โซนห้องครัว และซุปเปอร์มาร์เก็ท​ และโซนชั้นลอยก็จะมีของเล่นรองรับมากมายเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน เสริมพัฒนาการ ให้กับเด็กๆ

      ขอบคุณภาพจากเพจ Kiddies’ House
      ขอบคุณภาพจากเพจ Kiddies’ House

      นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เหมาะสำหรับจัดงานวันเกิด จัดงานเลี้ยงสังสรรค์สำหรับน้องๆ หนูๆ ทุกคน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาใช้เวลากับครอบครัวได้อย่างสนุกสนาน

      ค่าเข้า : Kiddies’ House จะเสียค่าเข้า สำหรับเด็กต่ำ 1 ขวบ 100 บาท อายุ 1-6 ปี ราคา 300 บาท ส่วนผู้ใหญ่ราคา 50 บาท

      Bambini Villa

      ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ใกล้กับ Funarium และบิ๊กซีพระราม 4  เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 -22.00 น. เบอร์ติดต่อโทร 090-969-9559 ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามได้ที่นี่ www.bambinivilla.com หรือ Facebook: Bambini Villa และ Line: @bambinivilla

      คอมมูนิตี้มอลล์ ธีมอาร์ท สำหรับเด็กและครอบครัว เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบ City Family Lifestyle ของคนยุคใหม่ เพื่อตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว ครบทุกมิติ ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง

      พร้อมด้วยพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เน้นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กๆ มาใช้เวลาเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน มีทั้งสนามเด็กเล่นที่เด็กๆ สามารถเข้าไปเล่นได้แบบฟรีๆ แปลงผักสาธิต รวมไปถึง play corner ต่างๆ ทั่วโครงการ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่น่ารักๆสำหรับเด็กๆ และครอบครัว และร้านขนมสุดเก๋ในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าเป็นการเติมเต็มการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในวันพักผ่อนที่เหมาะกับสมาชิกทุกวัยในครอบครัว

      นอกจากนี้หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาสถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้ แบมบีนี่ วิลล่า ก็ยังเป็นแหล่งรวมสถาบันชื่อดัง อาทิ สถาบันสอนดนตรี PlaySound สถาบันสอนภาษา Sky Rocket สถาบันพัฒนาเด็กเล็ก Julia Gabriel Centr

      ขอบคุณภาพจากเพจ Bambini Villa
      ขอบคุณภาพจากเพจ Bambini Villa

      นอกจากนี้ยังมีวันเสาร์ อาทิตย์ ยังมีลานกิจกรรม สำหรับกิจกรรมเวิร์คช้อป สัมมนา งานออกร้าน และกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ผลัดเปลี่ยนมาสร้างความเพลิดเพลินอยู่ตลอด

      คาเฟ่เด็ก kid cafe โซนนนทบุรี

      Organika Cafe and Play

      ตั้งอยู่ที่ โครงการม้าไม้การ์เด้น ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ นนทบุรี เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น. เบอร์โทร. 096-905-6662

      อีกหนึ่ง คาเฟ่เด็กสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งชื่อ “ออกานิก้า” นั้นก็มาจากความตั้งใจของทางร้าน ที่เลือกใช้แต่ผักและวัตถุดิบต่างๆที่ปลอดสารเคมี หรือออร์แกนิคนั่นเอง เมนูหลักๆของทางร้านมักจะมีผักเป็นส่วนประกอบ ที่สดใหม่ ดีต่อสุขภาพ พร้อมกินได้ตลอดเวลา

      คาเฟ่เด็ก ขอบคุณภาพจากเพจ Organika Cafe and Play
      คาเฟ่เด็ก ขอบคุณภาพจากเพจ Organika Cafe and Play

      Organika มีการตกแต่งและบรรยากาศโปร่งๆ เน้นความสะอาดของพื้นที่ อุปกรณ์ และการได้ทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ผ่านการเรียนรู้จากการเล่นด้วยของเล่นเสริมพัฒนาการ มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันอย่าง การปลูกผัก โยคะแม่และเด็ก การเรียนดนตรี หรือการกินอาหารพร้อมหน้ากัน โดยแก่นหลักของกิจกรรม จะใช้อุปกรณ์ และ กิจกรรม ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดแทรกความรู้ต่างๆ เพื่อที่จะปลูกฝังให้เด็กๆ มีความรู้ ความเข้าใจ รัก และใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ยังเล็กไปด้วย นับว่าเป็นร้านอาหารและคาเฟ่สำหรับครอบครัว ที่มีทั้งอาหารอร่อยๆ ดีต่อสุขภาพ และกิจกรรมดีๆ ส่งเสริมการเรียนรู้ สามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้อย่างคุ้มค่าจริง ๆ

      ค่าเข้า : อัตราค่าบริการในส่วนของ Play Zone คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี 100 บาท / 3 ชั่วโมง ส่วนเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป 250 บาท / 3 ชั่วโมง และหลัง 17.00 น. ค่าเข้าเล่นเหลือ 100 บาท สำหรับผู้ปกครองให้เข้าฟรี

      Little Barn Kids Café

      Little Barn Kids Cafe ตั้งอยู่ในโครงการเลอ จา แดง (Le Jadin) ถนนประชาชื่น ย่านคลองประปา อ.ปากเกร็ด นนทบุรี Search google map: little barn (เลือกที่อยู่ปากเกร็ด) เบอร์ติดต่อโทร 080-555-9222 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 19:00 น. (หยุดวันพุธ)

      เด็กมาเล่น ผู้ใหญ่มาชิล ฟาร์มคาเฟ่สุด เป็น คาเฟ่เด็ก คาเฟ่สำหรับครอบครัว เหมาะสำหรับให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกๆ มาแฮงค์เอาท์นอกบ้าน (เหมาะกับเด็กวัย 3 ขวบขึ้นไป) ซึ่งที่นี่มีโซนเล่นของเด็กๆ ทั้ง Indoor ที่จะมีของเล่นเสริมพัฒนาการมากมาย เช่น ตัวต่อ ของเล่นไม้ หนังสือภาพ มีสะพานไม้หุ้มเบาะให้เด็กๆ ได้ปีนป่ายตามจินตนาการ พร้อมห้องกิจกรรมพิเศษให้เด็กๆ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับครอบครัวใหญ่ มาเป็นแก๊งค์ หรือจัดงานปาร์ตี้สนุกๆและ โซน Outdoor กับสนามหญ้า ลานทราย และเครื่องเล่นอย่างชิงช้า สไลเดอร์สีเหลือง และบ้านไม้ ให้เด็กๆ ได้ปล่อยพลังงานอย่างเต็มที่ เล่นสนุกแล้วยังได้เจอเพื่อนใหม่ ฝึกการเข้าสังคมไปในตัว นอกจากนี้เมนูอาหารก็มีให้เลือกทั้งขนมหวาน เครื่องดื่ม และเมนูอาหารสำหรับเด็กๆ อีกด้วย

      ขอบคุณภาพจากเพจ Little Barn Kids Cafe
      ขอบคุณภาพจากเพจ Little Barn Kids Cafe

      ค่าเข้า : ทางร้านไม่เก็บค่าเข้า เพียงแค่สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มขั้นต่ำคนละ 150 บาทก็สามารถเข้าเล่นได้เลย

      โซนปทุมธานี..ใกล้แค่เนี้ยะ!!

      Pumpkin Art Town

      ที่ตั้ง 11 หมู่ 1 ซอยกระแชง 5 ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 โทร. 065 536 6691 เปิดวันพุธ-อาทิตย์ 9:00-20:00 น. [หยุดจันทร์-อังคาร]

      ขอบคุณภาพจาก Pumpkin Art Town
      ขอบคุณภาพจาก Pumpkin Art Town

      Pumpkin Art Town เมืองศิลปะเล็กๆที่อยู่ติดริมน้ำ อำเภอสามโคก ปทุมธานี ภายในบริเวณจะมีโซนร้านอาหาร โซนคาเฟ่ริมน้ำ และ โซนร้านขายของ และสนามเด็กเล่น คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูก ๆ ไปสร้างสรรค์จินตนาการไปกับงานศิลปะ ที่ทางร้านมีจัด workshop มากมายหลากหลาย สามารถเช็คกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์ได้จากทางเพจ www.pumpkin-art-town.com  จากนั้นยังสามารถรับประทานเค้ก ดื่มกาแฟ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจ กับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเรียบง่าย…..ฟินเว่อร์ ส่วนที่น่าสนใจ คือ โซนบ้านต้นไม้สร้างขนาดใหญ่ให้เด็ก ๆ ที่ชอบได้ปีนป่ายไปมา สถานที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว

      ค่าเข้า : ไม่คิดค่าเข้าบริการ แต่หากสนใจในงานศิลปะ (งานปั้น งานปัก งานทอ) จะมีค่าอุปกรณ์

      บ้าน ๑,000 ไม้ cafe’& farm

      ที่ตั้ง 48/8 หมู่ 6 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160 โทร. 091 998 2466 เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์ -วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น.

      เป็นคาเฟ่สไตล์แนวการเรียนรู้ ร้านสวย ๆ ต้นไม้ร่มรื่น เป็นร้านที่มีกิจกรรมเน้นกิจกรรมกลางแจ้ง ภายในร้านจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว โดยมีหลังคาที่ใช้ต้นไม้เป็นที่ให้ความร่มรื่นแก่ผู้มาเยือน บรรยากาศสุดฟิน ไม่ร้อน ลมพันเย็นสบาย ๆ กิจกรรมมีให้เลือกสนุกมากมาย ทั้งกิจกรรมดำนาปลูกข้าว กิจกรรมทำไข่เค็ม ปลูกผักปลอดสารพิษ รดน้ำดูแล เป็นต้น หรือกิจกรรมสำหรับผู้รักแนวผจญภัย ก็มี กิจกรรมพายเรือคายัค และมุมศิลปะให้ได้ทดสอบฝีมือกัน ไม่ว่าจะเป็นการระบายสี แต่งหน้าคัพเค้ก แต่งหน้าไอศกรีม แต่งเครื่องประดับ และอีกมากมายไม่ซ้ำ

      ขอบคุณภาพจาก บ้าน 1000ไม้ cafe'&farm
      ขอบคุณภาพจาก บ้าน 1000ไม้ cafe’&farm

      ค่าเข้า : ไม่คิดค่าเข้าบริการ มีบริการนั่งเรือไปเที่ยวตลาดอิงน้ำวัดสามโคก โดยให้บริการเป็นรอบ คิดราคาคนละ 50 บาท

      โซนต่างจังหวัด…ก็มีนะ!!

      Little Splash Kids Café

      Little Splash Kids Café ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหร่ ตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 39/14, 39/15 หมู่ 6 ต.วังตะกู อ.เมือง จ.นครปฐม เปิดให้เข้าวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00 – 20.00 น. ปิดทุกวันอังคาร (ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์) ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. เบอร์โทรติดต่อ 096-326-2951

      คาเฟ่เด็ก คาเฟ่สวนน้ำ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม คอมมูนิตี้แห่งความสนุกสำหรับเด็กๆ ตั้งแต่อายุ 0-9 ขวบ ถือเป็นสถานที่ที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ดื่มกาแฟชิลๆ พร้อมให้เจ้าตัวเล็กได้มาปล่อยพลังอย่างเต็มที่ ซึ่งที่นี่จะมีสวนน้ำน่ารักๆ ขนาดกะทัดรัดสร้างขึ้นในรั้วบ้าน ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองแบบครอบครัว สามารถเล่นได้น้ำได้ทั้งกลางแจ้งในโซน Water Playground เป็นระบบน้ำเกลือ หรือจะเล่นสนุกในร่มในโซน Play space indoor ที่มีทั้งห้องบ่อบอล ของเล่นเด็กต่างๆอีกมากมาย ให้น้องๆได้สนุกสนามเต็มที พร้อมอิ่มท้องกับอาหารเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ

      ขอบคุณภาพจากเพจ  Little Splash Kids Cafe
      ขอบคุณภาพจากเพจ  Little Splash Kids Cafe

      Baby Calm Café

      สถานที่ตั้งอยู่ จ.นครราชสีมา ใน ซอยมุขมนตรี 23 (ตรงกับมิตรภาพ 21) เบอร์ติดต่อโทร 082-871-8211 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> https://babycalmcafe.site123.me/ เปิดทุกบริการวัน ตั้งแต่เวลา 09.30 – 19.30 น.

      คาเฟ่แม่และเด็ก สไตล์ญี่ปุ่น แห่งแรกในไทย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่เกิดมาเพื่อคุณพ่อคุณแม่โดยเฉพาะ เพราะหลายครั้งที่อยากพาลูกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ก็กลัวว่าลูกจะร้อง ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น แต่สำหรับ Baby Calm Cafe เป็นคาเฟ่ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนั่งกินข้าวได้ โดยที่ดูแลลูกอยู่ใกล้ ๆ และยังเม้าท์มอยกับเพื่อน ๆ พ่อแม่ได้เต็มที่

      ขอบคุณภาพจากเพจ Baby Calm Cafe - คาเฟ่เด็ก สไตล์ญี่ปุ่น แห่งแรกในไทย
      ขอบคุณภาพจากเพจ Baby Calm Cafe – คาเฟ่เด็ก สไตล์ญี่ปุ่น แห่งแรกในไทย

      Baby Calm Café มีทั้งโซนเด็กเล็กที่มีของเล่น เครื่องเล่นที่ผ่านการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อทุกวัน ด้านนอกก็มีโซนสนามเด็กเล่น ให้วิ่งเล่นกันได้ แต่ที่เด็ดคือ ที่นี่มีกิจกรรมแสนสนุก ให้เด็กๆได้แสดงฝีมือหนูเอง อีกทั้งยังมีเมนูอาหาร สำหรับเด็กเล็กด้วย ซึ่งเป็นอาหารบดที่ไม่เคยเห็นร้านไหนทำมาก่อน เรียกได้ว่าโดนใจทั้งแม่และลูกแน่นอน

      ค่าเข้า : ไม่เก็บค่าเข้าเพิ่ม สามารถเข้าได้ฟรี

      ขอบคุณข้อมูลจาก : www.gedgoodlife.com , www.ryoiireview.com

      อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

      เอาใจคนมีลูก 5 โรงแรมที่มี kids club ใน 5 จังหวัดท่องเที่ยว

      เช็กอิน 5 ที่เที่ยวธรรมชาติใกล้กรุงเทพ ปลูกฝังให้ลูกรักสัตว์ รักธรรมชาติตั้งแต่เล็ก

      Tokyo Highway บอร์ดเกมครอบครัว ชวนลูกสร้างทางด่วน โดยพ่อเอก

      เปิดแล้ว ! ฮาร์เบอร์แลนด์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Lost World”

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        บอร์ดเกมเด็ก

        8 บอร์ดเกมเด็ก ต้องมีติดบ้าน ช่วยเพิ่มทักษะรอบด้านให้ลูก

        รวม Board Game บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมส์สำหรับครอบครัว บอร์ดเกมฝึกสมอง เกมกระดาน เสริมปัญญา เพิ่มพูนทักษะชีวิตรอบด้านให้ลูก เล่นสนุกได้ทั้งบ้าน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

        8 บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมสุดฮิตต้องมีติดบ้าน
        ช่วยเพิ่มทักษะรอบด้านให้ลูก

        เกมเศรษฐี, เกมบันไดงู ถือเป็น 2 ใน บอร์ดเกม สุดฮิต!! ที่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องเคยเล่นกันมาก่อน ซึ่ง บอร์ดเกม หรือในภาษาไทยเรียกกันว่า เกมกระดาน เป็นเกมรูปแบบหนึ่ง ที่มีความซับซ้อนในการเล่น มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งระบบการเล่นของบอร์ดเกมยุคใหม่นี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทอยลูกเต๋า และเอาตัวหมากของเราเดิมตามช่องอีกแล้ว แต่มีการออกแบบตัวเกมให้ต้องใช้ความคิดมากขึ้น และมักจะให้ทรัพยากรเริ่มต้นเรามาจำนวนหนึ่ง โดยให้เอาทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดนั้นไปเปลี่ยนเป็นคะแนน จึงจำเป็นที่ผู้เล่นต้องวางแผนให้รอบคอบ … และปัจจุบันก็มีการนำบอร์ดเกมไปใช้ในทางการศึกษา เสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ในโรงเรียน เพื่อใช้ฝึกภาษา การคำนวณ และประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย

        ทั้งนี้จุดเด่นของ บอร์ดเกม ที่แตกต่างจากการเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากความสนุกเพลิดเพลินแล้ว ก็คือการที่ได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น ได้เรียนรู้นิสัยใจคอ เป็นการละลายพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ดีเลยทีเดียว จึงถือว่า บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมฝึกสมอง เป็นกิจกรรม ที่ช่วยเสริมทั้งพัฒนาการด้านสมอง ร่างกาย เเถมยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกไกลห่างจอมือถือ หรือห่างไกลจากเกมคอมพิวเตอร์ การชวนหันเล่นบอร์ดเกม ก็สามารถช่วยให้ลูกสนุกจนลืมเทคโนโลยีเหล่านั้นไปได้

        และเพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา บอร์ดเกมเด็ก ไว้สำหรับเล่นกันในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นยามว่าง หรือตอนออกไปเที่ยวค้างคืนนอกบ้าน ก็สามารถพกไปเล่นกันได้ ทีมแม่ ABK จึง มี 8 บอร์ดเกมเด็ก แสนสนุกมาแนะนำ ซึ่งเป็น บอร์ดเกมฝึกสมอง ประลองปัญญา ชิงไหวชิงพริบ บอร์ดเกมส์สำหรับครอบครัว Board Game สุดฮิตที่ต้องมีติดบ้าน เล่นง่ายๆ แถมช่วยเพิ่มทักษะรอบด้านให้ลูกได้เป็นอย่างดี เหมาะกับวัยเด็กเล็กตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป ก็เล่นได้…ว่าแต่จะมี บอร์ดเกมเด็ก อะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

         

        Spot It!

        บอร์ดเกมเด็ก

        บอร์ดเกมเด็ก หรือการ์ดเกมแบบแรกที่แนะนำนี้เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับเด็กจริงๆ โดยอายุที่เหมาะสมเพียงแค่ 3 ขวบก็สามารถเล่นได้ และจะมีเปลี่ยนไปตามธีมจนถึงอายุ 10 ขวบทีเดียว ซึ่งผู้ใหญ่เองก็สนุกกับเกมส์นี้ได้ เพราะมีธีมให้เลือกเยอะมาก ทั้งธีมแบบ Classic ธีมตั้งแคมป์ Gone Camping ที่เน้นรูปภาพเกี่ยวกับการตั้งแคมป์ หรือ ธีม Numbers & Shapes สำหรับเด็กเล็กก่อนวัยเรียน เป็นต้น

        Spot It สามารถเล่นได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เกมส์นี้สามารถให้เด็กๆ เล่นได้เลย โดยไม่ต้องปรับกฏใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องรู้จักรูปภาพและคำที่อยู่ในการ์ดชุดนั้นๆ เช่น รูปภาพสิ่งของ สัตว์ สี ตัวเลข รูปทรง คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ฯลฯ และวิธีการเล่นก็ง่ายมาก คือ หารูปที่เหมือนกันในการ์ดแต่ละใบ และเก็บสะสมการ์ดไปเรื่อยๆ โดยสามารถจัดเรียงกองการ์ดได้ 3 แบบ

        • แบบแรก เอากองการ์ดไว้ตรงกลาง และแข่งกันหารูปเหมือนกับการ์ดใบของตัวเอง พอได้มาให้ทับไว้บนสุดของกองตัวเองและหารูปเหมือนจากใบที่เพิ่งได้มา เกมส์จบเมื่อกองกลางหมด ใครมีการ์ดเยอะที่สุดเป็นผู้ชนะ
        • แบบที่ 2 แบ่งการ์ดออกให้ทุกคน คนละเท่ากันๆ และวางใบเปิดไว้ตรงกลาง แข่งกันหารูปเหมือนและวางการ์ดของตัวเองทับกองกลางไปเรื่อยๆ ใครการ์ดหมดก่อนเป็นผู้ชนะ
        • และแบบที่ 3 เอากองการ์ดไว้ตรงกลาง และแข่งกันหารูปเหมือนกับการ์ดใบของคนข้างๆ พอได้มาให้ทับไว้บนสุดของกองคนข้างๆ และหารูปเหมือนจากใบที่เพิ่งได้มา เกมส์จบเมื่อกองกลางหมด ใครมีการ์ดน้อยที่สุดเป็นผู้ชนะ

        บอร์ดเกมเด็ก

        บอร์ดเกมเด็ก นี้ช่วยพัฒนาทักษะที่สำคัญหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการให้รู้จักตัวเลข สี และรูปทรง จับคู่ภาพเหมือน มีความช่างสังเกต เพิ่มสมาธิ และการเคารพกฏ กติกา นอกจากนี้แล้ว ยังช่วยพัฒนะทักษะเล็กๆน้อยๆ เช่นการจัดการอารมณ์ของตัวเองเมื่อหารูปภาพได้ช้ากว่าคนอื่น หรือเมื่อเล่นแพ้คนอื่นนั่นเอง

         

        Halli Galli

        บอร์ดเกมเด็ก

        หรือ “เกมกระดิ่งการ์ดผลไม้” บอร์ดเกมเด็ก สำหรับวัย 5 ขวบขึ้นไป ที่เรียกเสียงหัวเราะในกลุ่มผู้เล่นได้เป็นอย่างดี กติกาการเล่นง่ายๆ แค่สลับกันเปิดการ์ดผลไม้ โดยหากผู้เล่นคนไหนมีการ์ดเหมือนกันให้รีบ “กดกระดิ่ง” ให้เร็วที่สุด การ์ดเป็นภาพผลไม้ 4 ประเภท แต่ละใบจะมีจำนวนแตกต่างกัน (1 – 5 ผลต่อใบ) แจกการ์ดให้ผู้เล่นทุกคนจำนวนเท่ากัน เริ่มโดยการเปิดการ์ดและวางหน้ากองของตัวเอง ผู้เล่นสลับกันเปิดการ์ดทีละคน หากเห็นว่าผลไม้นับจำนวนได้ครบ 5 ผล และกดกริ่งที่อยู่ตรงกลางก่อนจะได้การ์ดทั้งหมดที่เปิดไป ใครได้การ์ดทั้งหมดเป็นผู้ชนะ

        วิธีเล่น คือ คนที่กดกริ่งก่อนจะได้กองการ์ดไป กติกาในการกดกริ่งต่อเมื่อ

        1. การ์ดผลไม้มีจำนวนเท่ากัน
        2. เมื่อไม่เห็นช้าง และสตอเบอรรี่
        3. เมื่อไม่มีลิงและมะนาว
        4. เมื่อเปิดเจอการ์ดหมู

        ประโยชน์ที่จะได้รับจาก Halli Galli – ปาร์ตี้ผลไม้ประลองความไว อันดับแรกเลยคือ ฝึกเรื่องความเร็ว การเคลื่อนไหวของร่างกาย เสริมสมาธิ ฝึกความอดทน และเรียนรู้มารยาทสังคม พัฒนา EQ (รอคอยจนถึงคิวตัวเอง แบ่งปัน ทำตามกฎกติกา รู้แพ้รู้ชนะ ยินดีเมื่อคนอื่นชนะ ยอมรับกับความผิดหวัง)

         

        Ghost Blitz Junior

        บอร์ดเกมเด็ก
        Cr : www.tottybook.com

        เกมจับผีฉบับเด็กน้อย เป็น บอร์ดเกมเด็ก สำหรับฝึกไหวพริบแข่งขันช่วงชิงไอเท็ม ลูกน้อยวัย 4 ขวบขึ้นไปก็สามารถเล่นได้ ซึ่งถือเป็นเกมยอดฮิตในดวงใจเด็กๆ เพราะด้วยกฏกติกาที่ง่าย กล่องเกมก็เล็กพกพาสะดวก แถมมีตุ๊กตาให้แข่งกันคว้าเป็นที่สนุกสนาน เล่นได้ตั้งแต่ 2-6 คน

        วิธีเล่น Ghost Blitz Junior ในนำ token หรือ ตุ๊กตา ทั้ง 4 ตัวมาวางกลางโต๊ะในระยะที่ทุกคนจะเอื้อมคว้าได้ง่าย สลับการ์ดให้เรียบร้อยแล้ววางกองคว่ำไว้ข้างๆ ควรมีผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นคนคอยให้จังหวะที่เด็กๆ ทุกคนพร้อม และเปิดการ์ดกลางวงที่ทุกคนจะเห็นได้ชัด

        เมื่อเปิดการ์ดขึ้นมา ให้มองหาตัวที่มีสีตรงกันกับ token (ผีสีขาว หมูสีชมพู ไก่สีเหลือง และกบสีเขียว) ซึ่งอาจมีได้มากกว่า 1 ตัวในการ์ด 1 ใบ พยายามคว้าให้ได้มากที่สุด คนที่คว้า token ได้ถูกต้อง จะได้รับการ์ด 1 ใบแทน 1 คะแนน โดยจะได้การ์ดที่หงายอยู่ หรือถ้าได้มากกว่า 1 ให้หยิบการ์ดใบบนจากกองจั่วให้ไป โดยไม่ต้องหงายการ์ดใบนั้นมาเล่นก่อน สะสมการ์ดคะแนนที่ได้กองไว้ข้างๆ ตัว

        ถ้าหยิบ token ผิด จะไม่ได้การ์ดคะแนน และไม่ถูกหักคะแนนที่มีอยู่ กรณีที่หยิบ token ทั้งถูกและผิด ก็ไม่ได้คะแนนสำหรับตัวที่ถูกเช่นกัน ดังนั้นเด็กๆ ต้องคิดดีๆ ก่อนจะหยิบ จะสุ่มคว้ามาไม่ได้เพราะจะไม่ได้คะแนน

        ถ้าไม่มีใครคว้าถูกเลย ให้สลับการ์ดใบนั้นกลับเข้ากอง (คนเปิดการ์ดจึงควรเป็นผู้ใหญ่ เพราะจะได้ดูแลเด็กๆ ให้ไม่แย่งกัน และคอยสลับกองการ์ดด้วย) เกมจบเมื่อกองการ์ดหมดลง คนที่ได้การ์ดคะแนนมากที่สุดเป็นผู้ชนะ ถ้าได้เท่ากันก็ชนะทั้งคู่แต่ถ้าตาสุดท้ายมีการ์ดให้คะแนนไม่พอ เช่น มีตัวที่สีถูก 2 หรือ 3 ตัว สามารถใช้ token แทนคะแนนได้

         

        Aquarius

        บอร์ดเกมเด็ก
        Cr : www.thegameaisle.com

        บอร์ดเกมเด็ก อันนี้เป็นเกมคล้ายๆ Domino ที่ทุกคนคุ้นเคยกันมานาน เหมาะสำหรับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป เล่นได้ 2 – 5 คน
        เวลาที่ใช้ในการเล่น 20 นาที

        Aquarius เป็นบอร์ดเกมการ์ดสีสันสวยงาม แต่ต่างจาก Domino แบบเก่าคือมีการใส่กติกาอย่าง การ์ด Goal เป้าหมายลับซึ่งต้องแอบต่อไม่ให้คนอื่นจับได้ หรือการ์ดที่สามารถทำลายการ์ดที่เพื่อนลงไป

        วิธีการเล่น คือ ผู้เล่นทุกคนจะได้การ์ดเป้าหมายคนละ 1 ใบ โดยที่ให้เก็บไว้เป็นความลับรู้เฉพาะตัวเองเท่านั้นและจะได้การ์ดจากกองกลางเริ่มต้นคนละ 3 ใบ เริ่มเกมสุ่มการ์ด 1 ใบ เปิดไว้ที่กลางกระดาน ในแต่ละเทิร์นผู้เล่นจะต้องจั่วการ์ด 1 ใบจากกอง จากนั้นลงเล่นการ์ดบนมือต่อภาพที่กระดาน 1 ใบหรือใช้การ์ด Action 1 ใบ โดยที่ภาพต้องเหมือนกับภาพบนกระดานและวางในแนวเดียวกัน และสามารถข้ามการเล่นการ์ดได้ เป้าหมายของเกม คือ ใครต่อการ์ดรูปภาพได้ตามการ์ดเป้าหมายของตัวเองครบ 7 ใบ จะเป็นผู้ชนะ

        ความน่าสนใจของ Aquarius นอกจากจะเป็นเกมที่ใช้กติกาเรียบง่ายที่เราคุ้นเคยแล้ว กลไกของเกมที่ใช้การต่อลำดับนั้น ยังสร้างการเรียนรู้ในการวางแผน และคิดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน รวมถึงการกำหนดเป้าหมายใส่ไว้ในการ์ด Goal พร้อมกับการสลับสับเปลี่ยนผ่านการ์ดแกล้งต่าง ๆ ก็ทำให้ผู้เล่นต้องฝึกรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งเรียนรู้ที่จะสังเกตผู้เล่นคนอื่น และประเมินความเป็นไปได้ระหว่างที่เล่นเพื่อหาหนทางไปสู่การชนะอีกด้วย

         

        Sleeping Queen

        บอร์ดเกมเด็ก
        Cr : shopee.co.th

        เป็นหนึ่งใน บอร์ดเกมเด็ก ที่ใช้ฝึกบวกเลขได้เป็นอย่างดี มีกฎการชนะง่ายๆ เพียงเราเก็บรวบรวมการ์ดราชา เพื่อปลุกการ์ดราชินีที่หลับอยู่ขึ้นมาให้ครบตามจำนวนที่กำหนด หรือได้แต้มตามที่ต้องการ ก็ถือว่าจบเกม ตัวเกมประกอบไปด้วยการ์ดหลากหลายแบบ โดยแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยเป้าหมายของการ์ดเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็คือการ์ดที่ขัดขวางผู้เล่นคนอื่นๆ ไม่ให้สามารถปลุกราชินีได้ครบตามที่กำหนด หรือเป็นตัวช่วยสำหรับเรา ในการเก็บรวบรวมการ์ดราชีนีได้เร็วยิ่งขึ้น ใช้เวลาเล่นไม่นาน ประมาณ 20 นาที เล่นได้ 2-5 คน อายุที่แนะนำคือ 8 ขวบขึ้นไป เป็นเกมที่ใช้เล่นคั่นเวลา พกพาไปเที่ยวได้ง่าย

        วิธีเล่น คือ ให้ผู้เล่นดูการ์ดในมือตัวเอง เลือกทิ้งการ์ดอย่างน้อย 1 ใบลงในกองการ์ดใช้แล้ว และจั่วการ์ดจากกองกลางมาเพิ่มให้ครบ 5 ใบ วนเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนจบเกมส์ เป้าหมายของเกมส์ สำหรับผู้เล่น 2-3 คน คือต้องปลุกราชินีให้ครบ 5 คน หรือสะสมแต้มจากการ์ดราชินีให้ครบ 50 แต้ม สำหรับผู้เล่น 4-5 คน ให้ปลุกราชินีให้ครบ 4 คน หรือสะสมแต้มจากการ์ดราชินีให้ครบ 40 แต้ม หรือ มีแต้มสะสมเยอะที่สุด ในกรณีที่ราชินีตื่นหมดแล้ว แต่ยังไม่มีใครสะสมราชินีได้ครบ บอร์ดเกมเด็ก นี้เป็นเกมส์ง่ายๆ ที่ช่วยสอนให้เด็กเข้าใจการบวกเลข ในรูปแบบตัวเลข และสมการ ซึ่งจะยากกว่าการเพิ่มจำนวนชื้นสิ่งของของเกมส์อื่นๆ เหมาะกับเด็กที่รู้จักและเข้าใจตัวเลข 1-10 และการเพิ่มจำนวนสิ่งของแล้ว และต้องการต่อยอดไปสู่การเรียนเลขแบบที่มีแต่ตัวเลข

         

        UNO

        บอร์ดเกมเด็ก
        UNO เป็นหนึ่งใน 8 บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมสุดฮิตต้องมีติดบ้าน
        ช่วยเพิ่มทักษะรอบด้านให้ลูก

        เกมอูโน่ ถือเป็น บอร์ดเกมเด็ก บอร์ดเกมพื้นฐาน เป็นการ์ดเกมเล่นง่าย อายุที่แนะนำคือ 7 ขวบขึ้นไป เล่นได้ 2-10 คน ใช้เวลาการเล่นประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้สำรับไพ่เพียง 1 กองก็สามารถเล่นได้ โดยตัวเกมมีกฎการเล่น เพียงทิ้งไพ่เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือไพ่บนมือเท่านั้น แต่เมื่อใดที่ผู้เล่นไม่มีไพ่ที่จะทิ้งต่อได้ ผู้เล่นคนนั้นจะต้องจั่วไพ่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีไพ่ในมือที่ทิ้งได้ อีกทั้งยังมีไพ่พิเศษ ที่แกล้งผู้เล่นคนนั้นๆ เช่น ถูกสั่งให้ข้ามตา จั่วเพิ่มสองใบ หรือถูกสลับให้เล่นหมุนวนไปอีกทางเป็นต้น และสุดท้ายใครมีไพ่ในมือเหลือจนสามารถทิ้งจนจบได้ ต้องพูดคำว่าอูโน่ออกมา และเมื่อไม่มีไพ่ในมือแล้ว จะเป็นผู้ชนะทันที

        Battle Sheep

        บอร์ดเกมเด็ก
        Cr : FB Excellent Stores

        บอร์ดเกมการวางแผนหักเหลี่ยมชิงไหวพริบ ที่มาในคราบของแกะน้อยน่ารักที่เล่นได้ตั้งแต่ 2-4 คน เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 7 ขวบขึ้นไป บอร์ดเกมเด็ก Battle Sheep นี้ เป็นเรื่องราวการต่อสู้ชิงพื้นที่ทุ่งหญ้าของบรรดาแกะแต่ละสี โดยทุ่งหญ้านั้นมีความพิเศษตรงที่เด็กๆ สามารถประกอบเป็นหน้าตาแบบใดก็ได้ ช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี

        วิธีเล่นคือ ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องเลือกฝูงแกะของตัวเองหนึ่งแถวใหญ่ และเคลื่อนไหวไปบนทุ่งหญ้าเพื่อยึดครองพื้นที่ให้ได้มากที่สุด จนเมื่อเจ้าแกะตัวสุดท้ายไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้ว เกมก็จะจบลง และแกะฝูงใดที่ยึดพื้นที่ทุ่งหญ้าได้มากที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ชนะในเกมนี้

        กติกาของ บอร์ดเกมเด็กนี้ถือว่าไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่มากนักต่อหนึ่งรอบ แต่มีเสน่ห์ดึงดูดที่ทำให้อยากเล่นซ้ำเพื่อแก้มืออยู่เสมอ เหมาะสำหรับคนที่ชอบการแข่งขัน การวางแผน แถมยังเปิดโอกาสให้แกล้งกันนิดหน่อย ถือเป็นเกมที่ช่วยสร้างสีสันในครอบครัว และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันได้เป็นอย่างดี

         

        Patchwork 

        บอร์ดเกมเด็ก
        Cr : www.kotaku.com.au

        เป็น บอร์ดเกมเด็ก ธีมเย็บผ้า ที่ออกแบบชื้นส่วนได้สวยงามสดใสจนครองใจเด็กผู้หญิงแทบทุกคน โดยผู้เล่นจะต้องซื้อเศษผ้าแล้วค่อยๆ เย็บติดกันให้กลายเป็นผ้าผืนสวย เล่นเพลินๆ และต้องใช้หัวคิดพอประมาณ เล่นได้ 2 คน ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที อายุที่แนะนำคือ 8 ขวบขึ้นไป  กฎของเกมนี้คือ ผู้เล่นจะใช้กระดุมแทนหน่วยเงินในการซื้อชื้นเศษผ้ามาเย็บประกอบเข้าด้วยกันทีละชิ้นๆ ในแผ่นกระดานของตัวเอง เศษผ้าบางชิ้นจะให้กระดุมกลับคืนเมื่อเดินผ่านช่องที่กำหนด ผู้เล่นสามารถใช้กระดุมที่ได้มาไปซื้อเศษผ้าชิ้นต่อไปมาวางให้เต็มพื้นที่มากที่สุด

        วิธี บอร์ดเกมเด็ก Patchwork นี้การเล่นคือจะมีแผ่นผ้าเปล่าสองอันให้ผู้เล่นแต่ละคนเก็บไว้กันคนละชิ้น ส่วนตรงกลางเป็นตารางผ้าไว้เดินหมาก จะมีกระดุมแทนเงินไว้ซื้อผ้าไปเย็บในแผ่นเปล่าที่มีอยู่ แล้วผ้าที่ต้องซื้อก็คือกองผ้าที่เป็นเหมือนบล็อกเกมเททริสที่วางรอบๆ ซึ่งจะมีหมากอีกตัววางไว้ตรงกองผ้า ถ้าหมากตรงกองผ้าอยู่ตรงไหนในตาใคร ก็เลือกซื้อผ้าได้ 3 อันด้านหน้าหมาก หากมีกระดุมพอก็ซื้อไปและต้องดูนาฬิกาทรายตรงกองผ้าด้วย จากนั้นต้องเดินหมากในกระดานตาม เมื่อจบเกม กระดุมจะถูกหักออกตามจำนวนช่องว่างที่เหลืออยู่ หลังจากนั้น ใครมีกระดุมเหลือเยอะที่สุดคือผู้ชนะ ซึ่งในการเล่น บอร์ดเกมเด็ก Patchwork นี้ จะผสมผสานระหว่างการวางแผนการเล่น และการบริหารจัดการทรัพยากร (กระดุม) สำหรับเด็กที่เริ่มเล่นแรกๆ อาจจะต้องมีผู้ใหญ่ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

         

        อย่างไรก็ดีจาก 8 บอร์ดเกมเด็ก ข้างต้นที่ทีมแม่ ABK ได้แนะนำไปนั้น หากคุณพ่อคุณแม่หาซื้อไม่ได้ หรือยังไม่อยากซื้อ ก็สามารถพาลูกน้อยไปลองเล่นที่ร้านบอร์ดเกมได้ เพราะสมัยนี้ คาเฟ่บอร์ดเกม อยู่หลายที่ โดยสร้างมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจเล่นบอร์ดเกม การ์ดเกม สามารถเข้าไปเล่นได้ทุกคน ซึ่งที่ร้านเหล่านี้จะมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีชื่อตำแหน่งคือ Game Master (GM) เป็นคนมาบริการเราตั้งแต่การเลือกเกมที่เหมาะกับความชอบ หรือ เล่นได้ดี ไปจนถึง สอน อธิบายกติกา และ นำเราเล่นในรอบแรกเพื่อให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ แถมยังให้คำแนะนำต่าง ๆ ตลอดช่วงเวลาที่เราใช้บริการอยู่ในร้าน ซึ่งในร้านก็มักจะมีะบอร์ดเกมขายไปด้วยในตัว หากคุณพ่อคุณแม่คิดจะซื้อเกมอะไรแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะชอบไหม บอร์ดเกมคาเฟ่จัดเป็นสถานที่ในการทดลองเล่นเกมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ให้ลองพาลูกน้อยไปเล่นดูก่อนด้วยเพียงแค่การจ่ายค่าชั่วโมงเพียงแค่ไม่กี่สิบบาทเท่านั้น

        ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.sansanook.com , boardgamesbymint.wordpress.com , www.tmbbank.com

          แชร์ประสบการณ์แม่น้องอิงฟ้า หนูน้อย BLW ฝึกลูกกินเอง ตั้งแต่ 6 เดือน!

          ฝึกลูกกินเอง ตั้งแต่มื้อแรกตอน 6 เดือน จะทำได้อย่างไร  หรือ อยากให้ลูกกินเองได้ แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทำเมนูอะไรดี มาฟังคุณแม่สาย BLW ตัวจริงมาบอกเล่าประสบการณ์อย่างละเอียด ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มให้กิน พร้อมเทคนิคครีเอทเมนูอร่อยไมซ้ำใคร

          พอเข้าสู่วัย 6 เดือน ลูกน้อยเบบี๋ก็พร้อมจะแปลงร่างเป็นนักสำรวจคนเก่ง อยากไปเรียนรู้และสัมผัสโลกรอบตัวให้มากขึ้น จุดเริ่มต้นมาจาก “การกิน” สังเกตได้จากพฤติกรรมของเด็กวัยนี้ที่หยิบจับของอะไรก็เอาเข้าปาก เวลาใครเคี้ยวอะไรก็ทำปากจ็อบแจ๊บอยากกินบ้าง

          แชร์ประสบการณ์ แม่น้องอิงฟ้า ฝึกลูกกินเอง ทำอย่างไรให้ลูกกินได้ อร่อยทุกมื้อ

          นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์ชื่อดัง ได้อธิบายถึงพฤติกรรมดังกล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า “เด็กยุคนี้พบเจอกับข้อมูลที่หลากหลาย รวดเร็ว มีทั้งด้านที่ถูกและผิด สมองของพวกเขาจึงไม่ใช่แค่รับข้อมูล และท่องจำเท่านั้น แต่ต้องมีทักษะสมองเพื่อให้ชีวิตสำเร็จ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากเรื่องพื้นฐานอย่างการ ควบคุมตัวเอง (Salf Control) ทั้งความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

          การกินเป็นปฐมบทของการสำรวจโลกและพัฒนาด้านอื่นๆ หากเด็กควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กให้ประสานกับ ตา กับปากได้อย่างการกินอาหารด้วยตัวเอง เด็กจะค้นพบว่าเขาทำอะไรได้สารพัด ฉะนั้นหากเด็กคุมการกินได้ ก็จะคุมอย่างอื่นได้งายขึ้นตามลำดับ

           

          ฝึกลูกกินเอง

          สำหรับการฝึกลูกกินเองแบบ BLW เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการกินอาหารของเด็ก ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจรสชาติ รูปลักษณ์อาหาร ลูกได้เลือก ตัดสินใจเองว่าชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร และเรียนรู้วิธีการบดเคี้ยว กลืนอาหารไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นองค์ความรู้ใหม่สำหรับแม่คนไทย ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร อาหารแบบไหนที่ลูกจะกินได้  Amarin Baby & Kids จึงได้สัมภาษณ์คุณแม่อีฟ จอมใจ ไตรพร เจ้าของเพจ กินพาเพลิน อาหารเด็ก 6 เดือน+ และคุณแม่ของน้องอิงฟ้า ลูกสาววัย 8 เดือน ที่อัพเดทเมนูน่าหม่ำของหนูน้อย BLW  สุดสร้างสรรค์ให้เห็นกันหลากหลาย

          ความผิดพลาด ทำให้แม่กล้าลอง

          แม่อีฟเล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจ ฝึกลูกกินเอง ว่า “เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารตอนน้องอิงฟ้าใกล้ 6 เดือน แล้วไปเจอเพจเกี่ยวกับ BLW แล้วได้ดูคลิปของแม่คนหนึ่ง ลูกเขานั่งกินอาหารเองได้ กินดูน่าอร่อย ดูมีความสุขที่กินโดยไม่ต้องบังคับ เลยอยากให้อิงฟ้ากินแบบนี้บ้าง บางครั้งไปเห็นเด็กแถวบ้าน โตสัก 7- 8 ขวบแล้ว แม่ยังต้องตามป้อนข้าวอยู่เลย เราไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น

          แต่มื้อแรกๆก็ยังไม่ได้ให้กินแบบ  BLW นะคะ เริ่มจากข้าวบด ซื้อเครื่องบดข้าวมาแล้วทำแช่เย็นเหมือนแม่คนอื่นๆ แต่ในใจก็รู้สึกว่า เราเลี้ยงลูกเอง มีเวลาพอ แล้วจะให้ลูกกินข้าวแช่แข็งทำไม

          หลังจากป้อนข้าวบดแล้ว น้องอิงฟ้าอึเหนียวมาก ลูกร้องเบ่ง ตอนนั้นแม่ยังไม่รู้ว่าลูกกินแค่ไหนอิ่ม ข้าวตักไว้เท่าไร ก็ป้อนจนหมด พอเห็นลูกถ่ายไม่ออก ตัดสินใจเปลี่ยนมากิน BLW เลย ยอมทิ้งข้าวบดที่แช่แข็งไว้ทั้งหมดเลย”

          อ่านต่อฝึกลูกกิน BLW ต้องเริ่มอย่างไร หน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            ฝึกลูกกินข้าวเอง

            ฝึกลูกกินข้าวเอง ช่วยพัฒนาการอะไรบ้าง?

            ความสุขของพ่อแม่คือการได้เห็นลูกมีพัฒนาการที่ดีสมวัย ยิ่งเมื่อลูกอายุได้ 9 เดือนเขาจะเริ่มหยิบ จับ ถือสิ่งของที่น้ำหนักไม่มากได้แล้ว เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กมีความแข็งแรงขึ้น  ดังนั้นหากจะ ฝึกลูกกินข้าวเอง ในช่วงนี้ก็จะดีต่อพัฒนาการของลูก ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปหาคำตอบพร้อมกันว่า ฝึกลูกกินข้าวเอง แล้วจะได้พัฒนาการในเรื่องใดกันค่ะ

            ฝึกลูกกินข้าวเอง พ่อแม่ต้องส่งเสริมให้ลูก

            หลังจากที่ลูกได้กินนมแม่อาหารที่ดีที่สุดมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน หลังจากนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่แม่จะต้องเตรียมอาหาร ป้อนเสริมให้ลูกเพิ่มจากการกินนมแม่เพียงอย่างเดียว อาหารเสริมที่ป้อนให้ลูกแม่ต้องเตรียมอย่างพิถีพิถัน และต้องให้ทีละอย่าง  เพื่อดูว่าลูกจะมีอาการแพ้อาหารที่ป้อนให้หรือไม่ ซึ่งส่วนมากแล้ว ถ้าแม่เริ่มป้อนข้าวบดไข่แดงก็ควรป้อนเสริมให้ลูกวันละมื้อ  โดยที่ลูกจะกินนมแม่เป็นอาหารหลักอยู่   จนกว่าลูกมีอายุครบ 1 ขวบ จะเปลี่ยนจากการกินนมแม่ เป็นอาหารเสริม   ส่วนอาหารเสริมจะเปลี่ยนมาเป็นอาหารมื้อหลัก 3 มื้อแทนค่ะ

            การป้อนอาหารเสริม เพื่อดูว่าลูกจะแพ้อาหารที่ป้อนให้หรือไม่ ให้ทำแบบนี้ค่ะ คือ ข้าวบดไข่แดง ป้อนลูกประมาณ 1 สัปดาห์  ถ้าลูกกินแล้วไม่มีอาหารผื่นแดงขึ้น แสดงว่าให้กินได้ปกติ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นข้าวบดกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น หรือบดกับผัก ต่างๆ แต่หากว่าลูกมีอาการผื่นแดงขึ้นที่หน้า ลำตัว และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ถ่ายปนเลือด อาเจียน แสดงว่าลูกมี อาการแพ้อาหารที่ป้อน อาจเป็นเนื้อปลา เนื้อหมู แพ้ข้าวโพด แพ้นมวัว เป็นต้น ซึ่งแม่ควรหยุดให้อาหารที่ทำให้ลูกแพ้นั้นลง

             

            Must Read >> พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ตั้งแต่ลูกแรกเกิด จนกระโดดได้

             

            ตอนลูกเริ่มกินอาหารเสริมได้ พ่อแม่จะสนุกกับการป้อนข้าวลูกมาก และยิ่งถ้าลูกกินข้าวที่ป้อนให้หมด ปลื้มใจสุดๆ กันเลยใช่ไหมคะ แต่พ่อแม่จะสนุกมากขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ลูกเริ่มถือช้อนข้าวเอง หรือใช้มือหยิบอาหารเข้าปากได้เอง ซึ่งลูกจะเริ่มใช้มือถนัดมากขึ้นก็ตอนที่อายุได้ 9 เดือนขึ้นไป  ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น พ่อแม่ต้องไม่ปิดกั้นพัฒนาการลูกกันนะคะ  ลูกใช้มือหยิบอาหาร หรือถือช้อนตักข้าวเข้าปากแล้วหกเลอะเทอะก็อย่าไปดุลูกค่ะ

            อ่านต่อ >> ให้ลูกกินข้าวเองได้พัฒนาการอะไรบ้าง? หน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              เงินอุดหนุนบุตร 2563

              รวมข้อมูล เงินอุดหนุนบุตร 2563 ครบตั้งแต่วิธีสมัคร จนถึง การรับเงิน

              เงินอุดหนุนบุตร 2563 สมัครเมื่อไหร่ ใช้เอกสารอะไร เช็คสิทธิ์ยังไง ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ทางไหน และเงินจะเข้าบัญชีวันไหนบ้าง ABK รวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 2563 ไว้ให้แล้วที่นี่ที่เดียวครบ!

              รวมข้อมูล เงินอุดหนุนบุตร 2563 ครบทุกเรื่อง!!

              โครงการเงินอุดหนุนทารกแรกเกิด เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเด็กแรกเกิดของคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในครอบครัวยากจน เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย รวมทั้งเป็นหลักประกันให้เด็กได้รับสิทธิด้านการอยู่รอดและการพัฒนาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งรัฐได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรโดยจะจ่ายให้ทุกเดือนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ คนละ 600 บาทต่อเดือน

              ใครสามารถได้สิทธิ์รับ เงินอุดหนุนบุตร 2563 บ้าง?

              • คุณแม่ท้อง คุณแม่ที่มีลูก ผู้ลงทะเบียนรายเก่าที่มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุน (รายเดิม)
              • ผู้ที่มาให้ข้อมูลรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02) เพิ่มเติม ภายหลังวันที่ 30 กันยายน 2561
              • และผู้ลงทะเบียนรายใหม่ที่ผ่านการพิจารณาแล้ว และมีการบันทึกข้อมูลสมบูรณ์อยู่ในระบบฐานข้อมูลของโครงการเงินอุดหนุนฯ ภายในวันที่กำหนด

              ลงทะเบียนอุดหนุนเด็กแรกเกิดปี 2563 ได้อย่างไร ?

              สำหรับคุณแม่ที่ต้องการ ลงทะเบียนเงินอุดหนุนบุตรปี 63 ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เปิดให้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดปีงบประมาณ 2563 (1 ตุลาคม 62 – 30กันยายน 63) แล้ว ซึ่งใครที่เคยลงทะเบียนไว้แล้วในปีก่อนหน้า ไม่ต้องมาลงทะเบียนใหม่ โดยจะได้รับโอนเงินต่อเนื่องจนบุตรมีอายุ 6 ขวบ แต่กรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน หรือ เพิ่งคลอดลูกในช่วงปลายปี 2562 ก็สามารถมาลงทะเบียนได้เลยที่

              >> สำนักงานเขตในพื้นที่ที่พักอาศัยอยู่ (กรุงเทพฯ)
              >> เมืองพัทยาลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
              >> ในส่วนภูมิภาค (ต่างจังหวัด) ไปลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเทศบาล หรือ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลตามภูมิลำเนา หรือ เทศบาลใกล้บ้าน

              ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน ได้ที่นี่ >> https://csg.dcy.go.th/th/support/how-to-register

              เอกสารประกอบการ ลงทะเบียนเงินอุดหนุนบุตรปี 63 ประกอบด้วย

              1. แบบคำร้องขอลงทะเบียน (ดร.01)
              2. แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02)

              >>> ข้อ 1 และ 2 ขอรับได้ที่ ที่ลงทะเบียน <<<

              1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง
              2. สูติบัตรเด็กแรกเกิด
              3. สมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครอง (บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย บัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน หรือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
              4. สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก เฉพาะหน้าที่ 1 ที่มีชื่อของหญิงตั้งครรภ์ (ในกรณีที่สมุดสูญหายให้ใช้เฉพาะสำเนาหน้าที่ 1 พร้อมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบันทึกข้อมูลและรับรองสำเนา)
              5. กรณีที่ผู้ยื่นคำร้องขอลงทะเบียนและสมาชิกในครัวเรือนของผู้ยื่นคำร้องขอลงทะเบียน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัท ต้องมีเอกสาร ใบรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ของทุกคนที่มีรายได้ประจำ (สลิปเงินเดือน หรือเอกสารหลักฐานที่นายจ้างลงนาม)
              6. สำเนาเอกสาร หรือบัตรข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรแสดงสถานะหรือตำแหน่ง หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงตนของผู้รับรองคนที่ 1 และผู้รับรองคนที่ 2

              เงินอุดหนุนบุตร 2563

              ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูล

               

              อ่านต่อ “วิธีเช็คสิทธิผลการลงทะเบียนด้วยตัวเอง
              และตารางการจ่ายเงินอุดหนุนบุตร ปี 2563” คลิกหน้า 2

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                โรงเรียนสาธิต

                แชร์ 11 เคล็ด(ไม่)ลับ เตรียมลูกสอบเข้า โรงเรียนสาธิต ด้วยตนเอง!

                โรงเรียนสาธิต เป็นโรงเรียนอีกหนึ่งประเภทที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกเข้าเรียน สอบติด เพราะเชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะส่งผลต่ออนาคต จึงมุ่งแสวงหาโรงเรียนที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับลูก

                โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน โดยอยู่ภายใต้การดูแลของคณะศึกษาศาสตร์หรือคณะครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีครูที่มีคุณวุฒิรวมถึงนักศึกษาจากคณะดังกล่าวมาเป็นครูฝึกสอน จึงเป็น สถานฝึกปฏิบัติการทางการศึกษาเพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยงานต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนห้องทดลองทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจมีวิธีการเรียนการสอนใหม่ ๆ และวิธีคิดที่นอกกรอบ แต่ก็ยังคงไว้ในด้านโครงสร้างการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชาการที่ได้มาตรฐานซึ่งได้รับการยอมรับ แบ่งเป็น

                • สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐ
                • สังกัดมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
                • โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏ
                • โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
                • โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยเอกชน

                คุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกได้เข้าโรงเรียนสาธิตตั้งแต่อนุบาลสามารถเรียนต่อเนื่องได้จนถึงมัธยม นักเรียนจะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างครบครันในการเข้ามหาวิทยาลัยภายใต้กำกับดูแล โรงเรียนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่วางแผนด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว ซึ่งโรงเรียนสาธิตได้มีการสอบเข้าเพื่อจำกัดการรับนักเรียนเข้าเรียน เนื่องจากจำนวนโรงเรียนที่มีคุณภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง มีจำนวนเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ละแห่งก็รับนักเรียนได้จำนวนจำกัด ดังนั้นวิธีการที่ใช้คัดเลือกนักเรียนก็คือ “การสอบแข่งขัน”

                แชร์ 11 เคล็ด(ไม่)ลับ เตรียมลูกสอบเข้า โรงเรียนสาธิต ด้วยตนเอง!

                ในสนามสอบเข้าโรงเรียนสาธิตนั้นถือเป็นการสนามสอบที่มีการแข่งขันสูง เด็กที่มีความรู้และเตรียมความพร้อมมาดีย่อมมีโอกาสสอบติด การสอบเข้าโรงเรียนสาธิตจึงไม่ใช่แค่การเตรียมตัวลูกให้พร้อมเท่านั้น แต่พ่อแม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมไปกับลูกด้วย เว็บไซต์ www.kidsmystic.com ได้แชร์ประสบการณ์ “กว่าจะเข้าสาธิต” ที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่รุ่นต่อ ๆ ไปสามารถนำประสบการณ์เหล่านี้ไปใช้ในการเตรียมตัวให้ลูกสอบเข้าสาธิตกันค่ะ

                สอบเข้าโรงเรียนสาธิต

                1.ตั้งเป้าเข้าโรงเรียนสาธิต

                เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความมุ่งมั่นให้ลูกเข้าสาธิต ขอให้มีความเชื่อว่าลูกคุณสามารถเข้าสาธิตได้ อย่าให้สภาพแวดล้อมไม่ว่าจะคู่แข่งที่เก่งกว่าลูกเรา การที่ลูกอายุน้อยกลัวสู้คนอื่นไม่ได้ หรือแม้แต่คิดว่าลูกสอบไม่ได้คือแล้วแต่ดวง มาทำลายความฝันที่จะให้ลูกเข้าสาธิต แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่หนักแน่นมีความเชื่อว่าลูกจะต้องสอบเข้าสาธิตได้

                2.เตรียมตัวเพื่อไปให้ถึงสาธิต

                หลายบ้านที่ตั้งเป้าให้ลูกเข้าสาธิตแล้ว จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวลูกก่อนสอบเพื่อให้พร้อมด้วยความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น ซึ่งพ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญที่จะเป็นโค้ช เป็นที่ปรึกษา และคอยหาเทคนิคมาสนับสนุนลูกทุกด้านเพื่อให้เด็กได้รับองค์ประกอบ 100 % เช่น ให้ลูกลองทำเนื้อหาง่ายใน 1 วันควรทำประมาณ 10 – 15 หน้า  เนื้อหายากนิดหน่อยควรอยู่ 7 – 8 หน้า  เนื้อหายากที่สุด ควรอยู่ 3 – 5 หน้า เป็นต้น ตลอดระยะเวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นในระหว่างที่เตรียมเข้าสู่สาธิต ลูกจะต้องตั้งใจกับการอ่านหนังสือติวมากมาย เพื่อเตรียมสอบ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กันและกันมาก ๆ อย่าท้อแท้และค่อย ๆ ทำตามเป้าหมายที่วางไว้

                ติวลูกเข้าสาธิตเอง

                3.กำหนดไทม์ไลน์

                เด็กก็ยังเป็นเด็ก ในบางครั้งลูกชอบเล่นสนุกจนเพลิน คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสรรเวลา อาจทำกำหนดตารางเวลาให้เหมาะสมกับลูก สำหรับการเล่น การพักผ่อน และการมุ่งอ่านตำราให้ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป เช่น ในช่วงเวลา 2 เดือนแรกควรจะติวให้ลูกวันละ 15 นาที หลังจาก 2 เดือนถัดไปควรเพิ่มเวลาอีก 15 นาทีเพื่อฝึกเด็กให้นั่งนิ่งมีสมาธิมากขึ้น ทุก 2 เดือนเพิ่มเวลา 15 นาที จนครบ1 ชั่วโมง วันธรรมดาเวลาเหมาะสม 16.00 – 17.00  หรือ 19.00 – 20.00 วันเสาร์อาทิตย์เวลาเหมาะสม 9.00 – 10.00 และ 19.00 – 20.00 หากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำแบบนี้ได้ทุกวันขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลย

                อ่านต่อ เคล็ดลับติวลูกสอบเข้าสาธิตด้วยตนเอง คลิกหน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  Gagging

                  แม่ควรรู้! Gagging หนึ่งในอาการปกติของเด็กที่กินแบบ BLW

                  Gagging คือ หนึ่งในอาการปกติของเด็กที่กินแบบ BLW และ Gagging & Choking ต่างกันอย่างไร แล้วหากลูกมีอาการ gag reflex จะอันตรายหรือไม่ พ่อแม่ควรทำอย่างไร ตามมาดูกัน

                  แม่ควรรู้! Gagging หนึ่งในอาการปกติของเด็กที่กินแบบ BLW

                  Baby Led Weaning คือ

                  เรียกสั้นๆ ว่า BLW เป็นการให้ลูกน้อยหัดกินอาหารด้วยตัวเอง ใช้มือในการควบควมหยิบจับ เอาอาหารเข้าปากเอง ซึ่งอาหารที่กินมีลักษณะคล้ายของผู้ใหญ่ (ไม่ปรุงรสในขวบปีแรก) ไม่บด ไม่ปั่น ไม่ใช้ช้อน พ่อแม่ไม่ต้องป้อน ให้อิสระในการกินอาหารตั้งแต่ทารก (เริ่ม 6 เดือนขึ้นไป) เพื่อให้ลูกรู้จักสัมผัสของอาหารนั้นๆ เรียนรู้วิธีการจัดการอาหารที่เป็นของแข็ง การเคี้ยวอาหารก่อนกลืน ก่อนใช้ช้อนเป็น และได้กำหนดความต้องการการกินได้ด้วยตัวเอง

                  ทั้งนี้การให้ลูกน้อยได้ฝึกหยิบอาหารกินเอง ก็มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว การฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ความสนุกกับการกิน และยังลดเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้อีกด้วย

                  Must read : [แม่อุ้มแชร์ประสบการณ์] Baby-led Weaning หนูกินเองได้จ้ะ… แม่ไม่ต้องป้อน

                  ลูกกินแบบ blw ติดคอ

                  ทั้งนี้ การกินแบบ blw  อาจทำให้ลูกน้อยมีอาการขย้อน (gag reflex) ซึ่งเป็นกลไกป้องกันปกติของร่างกายเพื่อไม่ให้อะไรหลุดลงไปติดคออุดทางเดินหายใจ ถือเป็นเรื่องปกติ!! นั่นก็เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับอาหาร ว่าจะกัด เคี้ยว กลืนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และสามารถกลืนลงไปได้อย่างปลอดภัย

                  ซึ่งอาการของ gag reflex คือ ไอ อ้วก ขย้อน สำรอก หน้าจะออกแดงๆ น้ำตาอาจไหลได้ขณะมีอาการ เด็กสามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้ เพราะทางเดินหายใจไม่ได้มีอะไรมาขวาง

                  คลิปตัวอย่างอาการ gag reflex ของเด็กที่กินแบบ BLW

                  ขอบคุณคลิปน้องอิงฟ้าวัย 9 เดือน จากแม่อีฟ เพจ กินพาเพลิน อาหารเด็ก6เดือน+

                  ซึ่งแตกต่างจาก choking หรือ  (ความเสี่ยงอาหารติดคอ) สามารถเกิดได้กับทุกวัย สามารถเกิดได้กับอาหารที่แม้จะกินมาก่อนแล้วและไม่เคยมีปัญหา และสามารถเกิดขึ้นได้แม้เราจะอยู่ตรงนั้นกับลูก ซึ่งหากมีอาหารติดคอจริงๆ ลูกจะมีอาการคือจะไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เลย และจะทำท่าเอามือกำรอบๆ คอ ดิ้นทุรนทุราย หน้าจะออกเขียวๆ ดังนั้นไม่ว่าจะให้ลูกกินอาหารแบบไหน แม้พ่อแม่จะป้อนให้เองเด็กก็สามารถอาหารติดคอได้ แต่ gagging ไม่ใช่อาการนำของ choking สิ่งสำคัญคือทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการของลูกให้ดีเสมอ หากสีหน้าเปลี่ยนไปให้รีบช่วยเหลือทันที ทั้งนี้คุณหมอยังชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าเรานั่งดูอยู่ตลอดและเลือกอาหารให้เหมาะสม นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ จะเกิดอาการ Choke (อาหารติดคอ) หรือ สำลักอาหารได้น้อยมาก

                  อ่านต่อ >> “วิธีปฏิบัติเมื่อลูกมีอาการ Gagging” คลิกหน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                    SQ (Social Quotient)

                    สร้างลูกให้มี SQ (Social Quotient) ไม่ก้าวร้าว ไม่เอาเปรียบ ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตอย่างมีความสุข

                    ในยุคที่สังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และทำให้พฤติกรรมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของเราก็เปลี่ยนตามไปด้วย พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งเน้นการพัฒนา IQ และ EQ ให้ลูกน้อย เพื่อหวังให้อนาคตได้เติบโตเป็นคนเก่งและดีในสังคม แต่รู้หรือไหมคะ กุญแจขับเคลื่อนให้ลูกประสบผลสำเร็จในชีวิตอย่างมีความสุขอีกตัวคือ SQ (Social Quotient)

                    สร้างลูกให้มี SQ (Social Quotient) ความฉลาดทางสังคม
                    ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตอย่างมีความสุข

                    SQ หรือ Social Quotient คือ ความฉลาดทางสังคม เป็นความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของผู้คนและสังคมรอบข้างได้เป็นอย่างดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เข้าใจที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ และสามารถปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข ซึ่งจะรวมไปถึงกายภาพในการเข้าสังคม เช่น การวางตัวในสถานการณ์ต่างๆ การแต่งตัวมีกาลเทศะ มีบุคลิกภาพที่ดี พูดจาไพเราะ เหล่านี้ถือว่าเป็นคนมีความฉลาดทางสังคมสูง

                    sq social quotient

                    การส่งเสริมและพัฒนาให้เด็ก ๆ มี SQ จะช่วยให้ลูกปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสังคมได้ เพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในอนาคต และส่งให้ผลให้เป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมารยาทดี มีความอ่อนน้อม ให้ความร่วมมือ และรู้รับผิดชอบ ซึ่งมีการวิจัยออกมาแล้วว่า คนที่มี SQ ดีนั้นจะสามารถเข้าใจและบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เข้ากับคนอื่นได้ดี ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากคนหมู่มากอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม หากมี SQ น้อยก็จะปรับตัวได้น้อย ไม่รู้ควรทำอะไรเมื่อไหร่ กับใคร อย่างไร หรือรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นด้วยความยากลำบาก ก็จะทำให้ชีวิตไม่เกิดความสุขขึ้นได้

                    มีข้อมูลของสถาบันเทคโนโลยีคาร์เนกี้ ในการติดตามสถิติของคนที่มีไอคิวดี ที่มีการฝึกอบรมทางด้านสมอง รวมทั้งมีทักษะความสามารถในการทำงานดี พบว่าคุณสมบัติดังกล่าวทำให้คนประสบความสำเร็จเพียง 15% เท่านั้น แต่อีก 85% มาจากปัจจัยด้านบุคลิกภาพ และการปฏิบัติต่อผู้อื่น หรือที่เรียกว่าการพัฒนาทักษะความฉลาดทางสังคมที่ดี SQ จึงจัดเป็นหนึ่งใน Q ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่า มีความสำคัญต่อการประสบความสำเร็จและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางไอคิวและอีคิวที่ดีแล้ว ก็ควรส่งเสริมให้ลูกมีเอสคิวที่ดีควบคู่กันไปด้วย

                    ซึ่งการเสริมสร้างและพัฒนา SQ หรือทักษะความฉลาดทางสังคมนั้นสามารถพัฒนากันได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสร้าง SQ ให้เหมาะสมตามวัย เช่น

                    ความฉลาดทางสังคม

                    • เด็กแรกเกิด-6 เดือน เด็กในวัยนี้หากลูกน้อยได้รับการตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสมและทันที ก็จะทำให้เด็กเกิดความไว้วางใจ
                    • วัย 6-12 เดือน เด็กช่วงวัยนี้พยายามแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย เช่น อยากได้อะไร ก็ต้องอดทน รอคอยได้ ไม่ต้องตอบสนองทันที
                    • วัย 1-3 ปี เด็กวัยนี้สามารถรู้จักการปรับตัว สร้างความคุ้นเคยกับคนที่ไม่คุ้นเคย การพาลูกออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นเพื่อฝึกให้ลูกเรียนรู้ความต่างจากคนรอบข้าง รู้จักสิทธิ์ในการเล่นของเล่นที่อาจต้องใช้ร่วมกัน ทำให้เด็กรู้จักการแบ่งปัน
                    • วัย 3-5 ปี หรือวัยก่อนวัยเรียน เด็กในช่วงวัยนี้เริ่มมีสังคม ทั้งสังคมในโรงเรียนและจากที่อื่น พร้อมที่เล่นร่วมกับเด็กคนอื่น และเริ่มพัฒนา SQ ได้อย่างเหมาะสม

                    อ่านต่อ 4 เคล็ดลับเสริมสร้างทักษะความฉลาดทางสังคมให้แก่ลูกน้อย คลิกหน้า 2

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      พาลูกเที่ยวสมุทรปราการ

                      เช็กอิน! 7 พิกัด พาลูกเที่ยวสมุทรปราการ แบบฟิน ๆ ทั้งวัน กิจกรรมแน่น ได้ประสบการณ์เพียบ!

                      ถ้าคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ง่ายกว่าเข้าไปกลางใจเมือง พาลูกเที่ยวสมุทรปราการ ถือว่าตอบโจทย์กับการหาที่ให้เจ้าตัวเล็กไปทำกิจกรรมในวันหยุดนี่กันค่ะ ห่างจากกรุงเทพฯ ไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร จังหวัดสมุทรปราการก็มีแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เพียบ มาดูที่เช็กอินกันค่ะว่ามีที่ไหนกันบ้าง

                      เช็กอิน! 7 พิกัด พาลูกเที่ยวสมุทรปราการ กิจกรรมแน่น ได้ประสบการณ์เพียบ!

                      1.พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

                      พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
                      ขอบคุณภาพจาก : https://www.muangboranmuseum.com

                      พาเจ้าตัวเล็กไปดูช้างเอราวัณโลหะขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ กันค่ะ โดยรูปปั้นช้าง 3 เศียรเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ถูกสร้างขึ้นโดยด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่เคาะตกแต่งลวดลายเรียงต่อกันหลายแสนชิ้นด้วยความประณีตสวยงามตระการตา ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ควรพลาดของจังหวัดสมุทรปราการ ตัวช้างรวมทั้งอาคารรองรับมีความสูงเทียบเท่าตึก 14 ชั้น

                      อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  จัดแบ่งพื้นที่หลักออกเป็นสามส่วน ชั้นล่างสุดเป็นใต้ดินหรือบาดาล เรียกชื่อชั้นนี้ว่า “ชั้นสุวรรณภูมิ” จัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุต่างๆ ชั้นที่สองเป็นส่วนอาคารที่รองรับตัวช้างคือ “ชั้นโลกมนุษย์” และชั้นสามคือส่วนในตัวช้างเป็นส่วนที่อยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไปตามคติในไตรภูมิส่วนนี้ เรียกชื่อชั้นว่า “ชั้นจักรวาล” ที่ภายในแสดงให้เห็นความสวยงามของวิจิตรศิลป์และปะติมากรรม จัดว่าที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะทำเด็ก ๆ รู้จักความเป็นไทยได้อีกที่หนึ่งเลยล่ะค่ะ

                      พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

                      พิกัด : 99/9 หมู่1 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270
                      โทร.  02-371-3135-6
                      วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน
                      เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 19.00 น.
                      อัตราค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 250 บาท / เด็ก 125 บาท  (พร้อมดอกไม้ ธูป สามารถเดินชมบริเวณสวนได้โดยรอบ)

                      2.Get Growing Community Farm

                      GET GROWING Community Farm

                      GET GROWING Community Farm จัดเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่คุ้งบางกะเจ้า สนามเด็กเล่นกลางแจ้งที่สร้างโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด เป็นห้องเรียนป่ากลางเมืองของเด็ก ๆ ที่จะมาเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตด้วยการเรียนรู้คู่กับธรรมชาติ ให้ได้เข้าใจและสัมผัสถึงคุณค่าธรรมชาติอย่างแท้จริง ช่วยกระตุ้นให้เด็กมีความกล้าคิดกล้าลงมือเล่นด้วยจินตนาการของตัวเองผ่านของเล่นที่สร้างออกมาเป็นรูปทรงต่าง ๆ มีเสน่ห์ที่ชวนดึงดูดใจเด็ก ๆ ไม่น้อย เช่น ม้าไม้ทรอยตัวโตที่ด้านในตัวม้าที่มีให้เด็ก ๆ ได้ปีนป่าย สไลด์เดอร์ตัวเงินตัวทอง (หรือสุดแท้แต่เด็กจะจินตนาการว่าเป็นตัวอะไร) ด้านในสามารถปีนป่ายจากปากไปถึงส่วนหาง มีทางเชือกให้ไต่ไปบ้านต้นไม้ ของเล่นสุดโปรดอย่าง Zip line ที่จะพาเด็ก ๆ โหนข้ามฝั่งเป็นระยะทางหลายเมตร

                      GET GROWING Community Farm
                      ขอบคุณภาพจาก www.facebook.com/getgrowingcommunityfarm

                      อีกโซนที่เป็นไฮท์ไลท์คือ โซนเล่นน้ำที่มีทั้งเเพ ทางเดินเชือก ที่โหน ปีนป่าย โรยตัว รวมถึงสไลด์โคลนด้วย เรื่องเลอะ ๆ เปรอะๆ นี่คือเป็นประสบการณ์ชั้นยอดของลูกเลยก็ว่าได้ เป็นอีกโซนที่เด็ก ๆ จะได้เอ็กซ์ตรีม ปล่อยพลัง เล่นเเบบอิสระไร้ขีดจำกัด เรียกว่าเครื่องเล่นแต่ชนิดทำให้เด็ก ๆ ได้ปีนป่ายเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่อย่างเต็มที่กันเลย

                      กิจกรรมส่วนใหญ่เหมาะสำหรับน้อง ๆ วัย 5 ขวบขึ้นไป ในส่วนของน้องเล็กที่ยังไม่กล้าแอดเวนเจอร์เท่าพี่โต ยังมีโซนบ่อทรายที่มีอุปกรณ์เล่นทรายให้น้อง ๆ นั่งเล่น หรือจะเลือกทำกิจกรรมเก็บไข่ไก่ที่เพิ่งออกไข่สด ๆ ร้อน ๆ เเละกิจกรรมให้อาหารสัตว์ และขึ้นชื่อว่าเป็นฟาร์มที่มีนี่พื้นที่ปลูกผักให้เช่าด้วย ตารางเมตรละ 80 บาทต่อเดือน (ขั้นต่ำ 20 ตารางเมตร) ที่เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้การเป็นฟาร์มเมอร์ได้จากไร่เล็ก ๆ ของตัวเอง ที่จะต้องมาปลูกเเละเก็บผลผลิตเอง เเต่ทางฟาร์มจะคอยดูเเละรดน้ำใส่ปุ๋ยให้ และยังมีโซน workshop ที่เน้นกิจกรรมครอบครัว ประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ ที่ชวนให้คุณพ่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กมา DIY สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ ใช้เวลาทองร่วมกันอย่างสนุกสนาน และนอกจากความสนุกแล้ว การได้พาลูกมาที่นี่ยังช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคม การแก้ปัญหาด้วยตัวเองอีกด้วย ถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะทำให้วันหยุดของเด็ก ๆ มีความสุขได้อีกหนึ่งวันเต็ม ๆ กันไปเลย

                      Get Growing Community Farm

                      พิกัด : ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
                      โทร. 083 136 5004
                      วันเวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร
                      เวลา : 09.00-17.30 น.
                      ค่าเข้า ( เฉพาะโซนเครื่องเล่น ) : วันธรรมดา เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ 150 บาท เด็กสูงกว่า 5 ขวบ 350 บาท เด็ก 0-3 ขวบฟรี ผู้ใหญ่ 50 บาท/ วันหยุด เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ 250 บาท เด็กสูงกว่า 5 ขวบ 450 บาท เด็ก 0-3 ขวบ ฟรี ผู้ใหญ่ 100 บาท

                      3.สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกะเจ้า

                      พาลูกไปเที่ยวบางกะเจ้า และเข้าไปเรียนรู้ธรรมชาติที่สวนสาธารณะสวนศรีนครเขื่อนขันธ์กันค่ะ บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็นปอดกลางเมือที่ดีที่สุดในเอเชีย ภายนสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ มีเนื้อที่กว่า 148 ไร่ สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชน และเป็นที่ศึกษาระบบนิเวศของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ภายในยังมีหอดูนกที่ได้รับความนิยมจากนักดูนกที่ไม่ต้องการออกไปต่างจังหวัดไกล ๆ อีกด้วย นอกจากการเดินชมธรรมชาติ วิ่งออกกำลังกาย กิจกรรมที่นิยมอีกอย่างคือการปั่นจักรยานตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พาลูกมาเที่ยวที่นี้จะทำให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับสภาพธรรมชาติของสวนที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ในสวนสาธารณะ พร้อมสูดอากาศดี ๆ กันให้เต็มปอดกันไปเลย

                      สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์

                      พิกัด : 73 ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ บางกระเจ้า พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
                      เวลาทำการ : เปิดทุกวัน
                      เวลา : 05:00 – 19:00 น.
                      โทร. 02 461 0972

                      4.ตลาดน้ำโบราณบางพลี

                      ตลาดน้ำโบราณบางพลี
                      ขอบคุณภาพจากเพจ : FB ตลาดน้ำโบราณบางพลี

                      พาเจ้าตัวเล็กเดินเที่ยวตลาดน้ำ แวะชิมของเด็ดซื้อขนมไปฝากคุณตาคุณยายที่ ตลาดน้ำโบราณบางพลี กันค่ะ ที่นี่เป็นตลาดริมน้ำเก่าแก่ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ที่อยู่คู่กับชาวบางพลีมานาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2400 อายุอานามก็กว่า 100 ปีกันเลย ตลาดอยู่ใกล้กับวัดบางพลีใหญ่ใน สามารถเข้ามาจอดรถในวัดได้ บรรยากาศภายในตลอด เป็นบ้านไม้ริมน้ำที่เปิดเป็นร้านมีทั้งของหวาน ของคาว ของใช้ ของฝากให้เลือกซื้อมากมาย มาถึงช่วงกลางวันหิว ๆ ก็แวะมาฝากท้องหาของอร่อยกินที่นี่กันเลย นั่งชิลกันชมบรรยากาศริมน้ำ ให้อาหารปลา อากาศไม่ร้อน ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ อีกแห่งของจังหวัดสมุทรปราการเลยก็ว่าได้

                      ตลาดน้ำโบราณบางพลี

                      พิกัด : บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ 10540
                      เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 06:00-16:30 น.

                      อ่านต่อ 7 พิกัดที่เที่ยวสมุทรปราการ คลิกหน้า 2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        ออกกำลังกาย

                        3 เหตุผลที่พ่อแม่ควรหมั่น ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ โดย พ่อเอก

                        สมัยเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย ผมชอบ ออกกำลังกาย เล่นกีฬามากและฟุตบอลคือกีฬาโปรด การได้เหรียญทองตอน ม.5 ผมดีใจไม่น้อยกว่าการเอ็นทรานซ์ (สมัยนั้นเรียกเช่นนี้) เข้าวิศวะได้เลย และการที่ได้แชมป์ ของเฟรชชี่คณะ ก็ทำให้ผมไม่เศร้าเสียใจไปกับเกรดเห่ยๆ ในเทอมแรกของการเรียนได้

                        จบมาทำงานใหม่ๆ แม้จะไม่ได้เล่นสม่ำเสมอแต่ก็ถือว่าบ่อย เรียกได้ว่าเล่นเกือบทุกสัปดาห์ แต่พอทำงานนานเข้ายิ่งมีครอบครัวและลูก ผมก็ห่างหายจากการ เล่นกีฬา และ ออกกำลังกาย ไปเลย

                        ภรรยาผมก็เช่นกัน ก่อนแต่งงานเธอจะเล่นฟิตเนสสม่ำเสมอ พอแต่งงานปุ๊บ เธอตั้งครรภ์ในเดือนแรก (อันนี้ไม่ได้โม้ ไม่อยากจะบอกว่าแทบจะ อาทิตย์แรกเลยมั้งฮะ เพราะแต่งเสร็จเราไปฮันนีมูนที่หัวหิน แล้วก็นั่นแหละครับ) ดังนั้นเธอก็แทบจะห่างหายจากการออกกำลังกายไปเลยเช่นกัน

                        3 เหตุผลที่พ่อแม่ควรหมั่น ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ

                        ตอนที่ปูนปั้นออกมาเป็นสมาชิกครอบครัวเรา การออกกำลังกาย ของเราก็คือการเลี้ยงลูกนั่นแหละ แต่พอเรามีปั้นแป้งเป็นคนที่ 2 ผมก็เริ่มคิดเรื่องสภาพร่างกายในตอนที่ลูกโตขึ้นมา เราจะอายุมากขึ้นไปอีก (ผมแต่งงานช้า แต่งในวัย 39 ปี) แม้ภรรยาจะอ่อนกว่าผมเกือบรอบ แต่เธอก็มีแนวคิดเหมือนกันว่า

                        1. เราอยากเที่ยวกับลูกตอนที่เขาวัยรุ่นให้สนุก

                        ช่วงปี​ 2017 ผมเริ่มนึกถึงการกลับมา ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมออีกครั้ง เพราะหลังจากผ่าตัดเอ็นเข่าขวาขาดจากการเตะบอลเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ผมก็แทบไม่ได้ ออกกำลังกาย ต่อเนื่องเลย ตอนนั้นผมนึกถึงตอนอุ้มปูนปั้นในวัยขวบกว่าไปเที่ยวเป็น​ backpacker ที่รัสเซีย ตอนนั้นเหนื่อยเอาเรื่อง อืมมมม … แล้วกว่าปั้นแป้งจะโต ผมจะเที่ยวกับลูกไหวมั้ย หัวใจน่ะพร้อมเสมอ… ร่างกายน่ะสิ

                        ผมจึงเริ่มออกมาวิ่ง..ที่สวนเบญจฯ ฝั่งตรงข้ามออฟฟิศ เริ่มจาก​ 3 กม. เป็น​ 4 กม. วิ่งช้าๆ ไปเรื่อยๆ วิ่งแบบมีคาถาท่องในใจว่า ‘ฉันไม่รีบๆๆๆๆๆ’ วิ่งช้าแบบโดนอาแปะท่านนึงน็อครอบก็ผ่านมาแล้ว แล้ววันหนึ่ง​ เพื่อนผมสมัยมัธยม ก็ชวนไปวิ่ง fun run 5 กม​ ที่โรงเรียนตอนต้นปี​ 2018 นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้น… จากนั้นผมมาลงวิ่ง​ 5 กม.​ 2 งาน แล้วการวิ่งออกกำลังปกติก็เพิ่มระยะขึ้นเป็น 6.. 7.. 8.. 9 กม.ตามลำดับ

                        แล้วภรรยาก็เห็นว่าผลสุขภาพและร่างกายผมดูแข็งแรงขึ้นมาก เธอก็เลยมาวิ่งด้วย เราก็เริ่มสนุกจากการวิ่งตามงานเพราะมันสร้างวินัยแล้วผมลง mini เธอลง fun run พอผมขยับเป็น half เธอก็เป็น mini ล่าสุดที่ Buriram Marathon 2020 ผมลง full marathon แรก เธอก็ขยับมาเป็น half marathon แรกเช่นกัน

                        2. การที่เราลงวิ่ง ออกกำลังกาย เช่นนี้มันเป็นตัวอย่างให้ลูกมองมา

                        และทั้งปูนปั้นและปั้นแป้งเองก็ผ่านการวิ่ง fun run ระยะขำขำ 3.5 กม. มาแล้ว 3 งานและเราก็จะให้เขาค่อยๆ เพิ่มเป็น 5 กม. ในไม่ช้านี้ มีเด็กตัวเล็กๆ ในวัยปูนปั้นวิ่งระดับ mini กับ half ให้เราพบเห็นเป็นประจำ ซึ่งก็อาจจะเป็นตัวอย่างจากคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน

                        3. การจะดูแลลูกต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพตัวเอง

                        และการไปวิ่งมันเป็นกิจกรรมที่ไปกันได้ทั้งครอบครัว เพราะงานวิ่งต่างจังหวัดอย่างที่เราพาลูกไปร่วมวิ่งที่กาญจนบุรี เราก็ไปถึงก่อนวันหนึ่งพาเขาเที่ยว เช้าวิ่งเสร็จเราก็พาเขาเที่ยวก่อนกลับบ้าน หรือ อย่างงานที่บุรีรัมย์เราก็พาเขาไปเที่ยวด้วย แม้ภรรยาและผมจะลงระยะวิ่งที่ลูกไม่ได้ร่วมด้วยแต่เราก็พาลูกเที่ยวก่อนวันวิ่ง 1 วันเราพาลูกไปเที่ยวทั้ง ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ ซึ่งเขาก็สนุกมาก ตอนเราวิ่งเขาก็ตื่นออกมากับคุณยายมายืนหน้าโรงแรมหวังจะโบกมือให้ปะป๊าหม่ามี้ (แต่ลุกมาสายไป ป๊ากับมี้วิ่งผ่านไปแล้ว) และวันกลับเรายังแวะพาเขาขึ้นเขากระโดงเรียนรู้หินภูเขาไฟ ดูปล่องภูเขาไฟในอดีต แวะลำตะคองชมกังหันลมผลิตไฟและอ่างเก็บน้ำ ก่อนยิงยาวกลับบ้าน

                        จะเลี้ยงลูกให้ดีก็ต้องดูแลตัวเองด้วย วางกิจกรรมการออกกำลังกายดีๆ คุณจะได้ทั้งดูแลลูกและดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กัน

                        บทความน่าสนใจอื่นๆ

                        6 ข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ พาลูกท่องเที่ยว

                        แนะนำ 4 “บอร์ดเกม” ฝึกลูกสมองไว ไหวพริบดี

                        “ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ”


                        >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                        หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                        ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
                        ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          โรคยอดฮิตในเด็กแรกเกิด

                          โรคยอดฮิตในเด็กแรกเกิด ที่พ่อแม่ต้องระวัง

                          ลูกน้อยเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ เพื่อคุณแม่รู้ตัวเองว่ากำลังตั้งครรภ์ สิ่งที่คาดหวังของคนเป็นพ่อ เป็นแม่คืออยากให้ลูกน้อยมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน แม่น้องแล็กจึงมี โรคยอดฮิตในเด็กแรกเกิด ที่จะมาบอกให้คุณพ่อ คุณแม่ระมัดระวังกัน

                          Continue reading “โรคยอดฮิตในเด็กแรกเกิด ที่พ่อแม่ต้องระวัง”

                            PTSD

                            PTSD ในเด็ก วิธีรับมือ-ดูแลลูก หลังเจอเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต

                            หมอแนะ! วิธีรับมือดูแล หลังลูกประสบเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต (จากเหตุ ยิงกราดโคราช) ทำให้เกิดภาวะความเครียดผิดปกติ หรือเป็น PTSD ส่งผลต่อจิตใจ ทำพัฒนาการลูกถดถอย

                            PTSD ในเด็ก วิธีรับมือและดูแล
                            หลังลูก
                            ประสบเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต

                            เรียกได้ว่าผลกระทบจากเหตุ ยิงกราดโคราช ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 คน นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีอาการเสียขวัญตามมาไม่หาย ซึ่งในผู้ใหญ่อาจรักษาดูแลจิตใจของตัวเองได้ แต่สำหรับเด็กที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์รุงแรงในครั้งนี้ อาจเป็นการสร้างรอยแผลในใจ แน่นอนว่าเด็กไม่สามารถรับมือ หรือควบคุมจิตใจและร่างกายของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้เหมือนผู้ใหญ่!

                            นั่นหมายถึง…แม้เหตุการณ์จะจบลงแล้ว และตัวเด็กเองอาจไม่ได้รับการบาดเจ็บอะไรที่ร่างกาย แต่จิตใจของลูกนั้นได้รับการบาดเจ็บอย่างรุนแรงแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือเสียงปืน ซึ่งลูกจะจำและฝังใจไว้ >>> ดังนั้นหากลูกน้อยของคุณกำลังประสบภาวะนี้อยู่ หรือเคยเจอเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องรู้เท่าทัน หมั่นสังเกตอาการลูกน้อยให้ดี รับมือให้เป็น ที่สำคัญควรดูแลรักษาจิตใจที่บาดเจ็บของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด … แต่จะต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูคำแนะนำดีๆ จาก แพทย์หญิงโสรยา ชัชวาลานนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กันค่ะ

                            ซึ่งทางทีมแม่ ABK ก็ได้ต่อสายตรงถึงคุณหมอโสรยา เพื่อขอคำแนะนำและวิธีรับมือ ภาวะ PTSD ในเด็ก เนื่องจากเราได้ไปเจอเรื่องในทวิตเตอร์แอคเค้าท์หนึ่งซึ่งเล่าถึง

                            คุณแม่และลูกน้อยวัย 4 ขวบที่หลบอยู่ในห้องน้ำในเหตุการณ์ กราดยิงโคราช จนได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง เหตุดังกล่าวทำให้ น้องไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ คือ จากที่โต 4 ขวบไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้ว กลายเป็นตอนนี้น้องควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ มีอาการผวา กรีดร้องตอนกลางคืน กลัวห้องน้ำ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้จบลง น้องมีอาการข้างต้น จนคุณแม่ต้องพาไปพบจิตแพทย์

                            PTSD

                            โดยเรื่องนี้คุณหมอโสรยา ก็ได้อธิบายกับทีมแม่ ABK ว่า…

                            เด็กมีภาวะ PTSD หรือ สภาวะป่วยทางจิตใจ หลังเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างมาก

                            >> กรณีการกราดยิงที่โคราช ถือเป็นภยันตรายที่มีความรุนแรงสูงมากต่อร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็เกิดความเครียดสูงตามหลังเหตุการณ์ได้  อาการทางจิตใจตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ในระยะแรก จัดเป็นปฎิกิริยาที่เรียกว่า Acute Stress Disorder ซึ่งจะแสดงอาการได้หลายอย่าง เช่น ฝันร้าย กลัว รู้สึกว่าตนเองกลับไปอยู่เหตุการณ์ดังกล่าว ตกใจง่าย ไม่กล้าออกนอกบ้าน เป็นต้น อาการที่เกิดในระยะแรก หากได้รับการประคับประคองที่ดี จะค่อยๆ หายไปได้ แต่ถ้าอาการยังคงอยู่หลังเกิดเหตุการณ์นานกว่า 1 เดือน ในทางจิตเวชจัดเป็นภาวะที่เรียกว่า  Posttraumatic stress disorder (PTSD)

                            กรณีที่เป็นเด็กซึ่งไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกได้มากนัก มักจะแสดงออกโดยมีพฤติกรรมถดถอย อย่างในกรณีนี้เคยควบคุมการปัสสาวะได้แล้ว ก็กลับกลายไปเป็นเด็กเล็กอีกครั้ง โดยเด็กไม่ได้ตั้งใจทำ ในบางรายอาจแยกตัว หรือบางคนกลับมาเล่นได้ดีเป็นปกติ แต่แสดงการเล่นสมมติที่แฝงความรุนแรงของเหตุการณ์

                            Must read : ระวังภัยเกินไปทำให้ลูกกลัว

                            Must read : รับมือความกลัวของ เด็กก่อนวัยเรียน พ่อแม่ช่วยแก้ได้เมื่อหนู “ขี้กลัว”

                             

                            เด็กเล็กที่การสื่อสารไม่ดี จะแสดงออกทางพฤติกรรม!

                            ผลกระทบต่อจิตใจ พฤติกรรม และการดำเนินชีวิตประจำวันของเด็ก หลังประสบเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง >> ซึ่งในประสบการณ์เด็กแต่ละคน ย่อมพบเรื่องสะเทือนใจ แต่กรณีที่พบเรื่องสะเทือนใจที่รุนแรงเช่นนี้ เป็นความเครียดที่คนทั่วไปไม่ได้พบเจอเป็นปกติ จะทำให้เกิดผลกระทบได้มาก ในแง่จิตใจ เด็กจะมีความวิตกกังวลสูง โดยเฉพาะกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเองและคนที่ตัวเองรัก รวมถึงบางคนยังเสียบุคคลที่รักในเหตุการณ์อีกด้วย

                            อย่างที่กล่าวไปแล้ว เด็กเล็กๆ ที่การสื่อสารไม่ดีนัก จะแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น พฤติกรรมถดถอยไปเป็นเด็กเล็กอีกครั้ง บางรายแยกตัว เด็กอาจแสดงออกผ่านการเล่น เกี่ยวกับความกังวลและความรุนแรง  ตกใจง่าย แสดงอาการหวาดกลัวถ้าต้องเผชิญกับ ภาพ สิ่งของ สถานที่ ที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ บางรายไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้

                             

                            อ่านต่อ >> “วิธีสังเกต PTSD ในเด็ก และการดูแลเมื่อลูกมีจิตใจบอบช้ำ
                            จากการพบเจอเหตุร้ายแรงในชีวิต
                            ” คลิกหน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              #EatPlayLove

                              UNICEF ชวนแม่ร่วมงาน #EatPlayLove มหัศจรรย์ พลังครอบครัว

                              UNICEF ชวนคุณแม่ร่วมงานเอ็กซ์โป #EatPlayLove มหัศจรรย์ พลังครอบครัว สร้างรากฐานการพัฒนาลูกน้อยด้วยการกิน การเล่น และความรัก ที่ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ระหว่างวันที่ 12-19 กุมภาพันธ์ 2563 และจะเวียนไปจัด ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมากกว่า 11 แห่งทั่วประเทศ

                              มุมกิจกรรมภายในงาน #EatPlayLove มหัศจรรย์ พลังครอบครัว 

                              โตขึ้นหนูอยากเป็น
                              โซนกิจกรรม โตขึ้นหนูอยากเป็น

                               

                              โซนความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการ
                              โซนความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการ

                               

                              การใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ
                              โซนความรู้เรื่อง การใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

                               

                              มุมอ่านหนังสือ
                              มุมอ่านหนังสือสำหรับครอบครัว

                               

                              โซนสมองดีมี EF
                              โซนสมองดีมี EF

                               

                              มุมถ่ายภาพครอบครัวกับหนังสือเล่มยักษ์ เป็นสัญลักษณ์ของงาน
                              มุมถ่ายภาพครอบครัวกับหนังสือเล่มยักษ์ เป็นสัญลักษณ์ของงาน

                              โดยงานดังกล่าวเป็นการจับมือกันของ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย  และ กลุ่มเซ็นทรัล เพื่อสร้างสรรค์โครงการ Central-UNICEF Together for Every Child” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ผ่านการจัดนิทรรศการภายใต้แนวคิด #EatPlayLove กินให้เป็น เล่นให้สุด ไม่หยุดรัก ตอน “มหัศจรรย์ พลังครอบครัว” เน้นย้ำความสำคัญของครอบครัวที่มีผลต่อพัฒนาการของลูกน้อย ทั้งในด้านของการเจริญเติบโตทางร่างกายและด้านจิตใจ พร้อมเชิญ พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน มาพูดคุยเรื่องการเข้าใจและเลี้ยงดูลูกน้อย ร่วมด้วยตัวแทนครอบครัวรุ่นใหม่อย่าง คุณแม่แฝดสอง นานา ไรบีนา และ พอลล่า เทย์เลอร์ บัทส์เทอรี่ ที่พาหนูน้อย ลูเอลล่า มาร่วมเผยการสร้างพลังแห่งครอบครัวท่ามกลางความท้าทายในยุคดิจิทัล พร้อมแชร์แนวทางการสร้างรากฐานการพัฒนาลูกน้อยด้วยการกิน การเล่น และความรัก ที่ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

                              ีeat play love
                              คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ และนายโธมัส ดาวิน

                              คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลใส่ใจเรื่องการพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง จึงมุ่งมั่นสนับสนุนโครงการ ‘Central-UNICEF Together for Every Child’  ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ ‘เซ็นทรัลทำ’ หรือกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มเซ็นทรัล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่พนักงานและคนทุกเพศวัยในสังคม โดยเฉพาะเด็ก สตรี คนชรา และผู้พิการ ทางกลุ่มเซ็นทรัลภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการที่ส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการพัฒนาเด็กในช่วงปฐมวัยอย่างถูกวิธี เพื่อให้เด็กได้เติบโตขึ้นอย่างเต็มศักยภาพต่อไป”

                              ด้านนายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยสภาพสังคมที่เร่งรีบในปัจจุบัน ครอบครัวยุคใหม่อาจจะไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยอย่างเต็มที่ บวกกับความรุดหน้าทางเทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลา จนอาจทำให้การใช้เวลากับลูกน้อยลงกว่าเดิม และส่งกระทบต่อการสร้างเสริมพัฒนาการของเด็ก ผลสำรวจพบว่าเกือบ 1 ใน 5 ของเด็กไทยที่อายุน้อยกว่า 4 ปี ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่เป็นวัยที่ต้องการดูแลอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน พ่อแม่จำนวนมากอาจยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลี้ยงลูก โดยยังมีพ่อแม่และผู้ดูแลเด็กเกือบครึ่งที่เห็นว่าการลงโทษทางร่างกายถือเป็นการฝึกวินัยที่ดีให้กับเด็ก ดังนั้น หนึ่งในภารกิจหลักของยูนิเซฟ คือการรณรงค์ให้ความรู้พ่อแม่ผู้ดูแลเด็กถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปฐมวัย เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเนื่องจากสมองพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเป็นโอกาสที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะสามารถวางรากฐานการเรียนรู้ให้กับเด็กไปตลอดชีวิตได้”

                              พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
                              พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน

                              พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน กล่าวว่า “พ่อแม่ผู้ปกครองควรเข้าใจเรื่องการทำงานของสมองของเด็กและธรรมชาติของเด็กว่า สมองของเด็กจะมีการพัฒนาส่วนอารมณ์เร็วกว่าส่วนของเหตุผล  หน้าที่ของพ่อแม่ คือการช่วยให้เด็กใช้สมองส่วนเหตุผลมากขึ้น ช่วยให้เขารู้จักควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นผ่านการเลี้ยงลูกเชิงบวก ซึ่งมีหลักการอยู่ 4 ข้อ ได้แก่
                              1) การเข้าใจธรรมชาติของเด็ก
                              2) การมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก เช่น ให้เวลาคุณภาพ กับเด็ก เล่น และทำกิจกรรมกับลูก รับฟังลูก
                              3) การสื่อสารเชิงบวก การคุยกับลูกอย่างใจเย็นให้ลูกรู้สึกตนเองเป็นที่รัก มีพ่อและแม่อยู่เคียงข้าง และ 
                              4) การฝึกวินัยเชิงบวกเพื่อให้ลูกรู้จักกติกาและรู้ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ แทนที่จะลงโทษด้วยวิธีรุนแรง เช่น ตี ดุด่า ขู่ให้กลัว หรือเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งวิธีการเชิงลบนี้ จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองและอาจส่งผลต่อพฤติกรรมในระยะยาว”

                              พอลล่า เทย์เลอร์ บัทส์เทอรี่ และลูกน้อยลูเอลล่า
                              พอลล่า เทย์เลอร์ บัทส์เทอรี่ และลูกน้อยลูเอลล่า

                              ในฐานะ Friend of UNICEF พอลล่า เทย์เลอร์ บัทส์เทอรี่ คุณแม่ลูกสาม  กล่าวว่า สิ่งสำคัญ 3 อย่างที่จะช่วยให้สมองของเด็กพัฒนาได้เต็มที่ คือ โภชนาการที่ดี การเล่น และความรักและความเอาใจใส่จากพ่อแม่และครอบครัว และคนสำคัญที่จะทำให้เด็กมี 3 สิ่งนี้ก็คือพ่อแม่ และพ่อแม่ก็ยังเป็นของเล่นที่ดีที่สุดของลูกอีกด้วย เวลาลูกๆ อยากเล่นอะไร พอลล่าจะลงไปเล่นกับพวกเขาด้วยกันเลย เรื่องนี้สำคัญมากและเป็นเรื่องที่ลูกๆ จะจดจำมากที่สุดตอนที่พ่อแม่มาเล่นกับเขา”

                              คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ดูแลเด็กเล็กในช่วงปฐมวัยอย่างถูกวิธี ผ่านการติดตามข้อมูลได้ที่  www.centralgroup.com และ http://www.unicef.or.th/eatplaylove

                               

                              บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                              เดนมาร์กสอนวิชา “ความเห็นใจผู้อื่น” ในชั้นเรียน

                              สิ่งที่ควรสอนลูก 10+1 ข้อ พ่อแม่ห้ามพลาด! เพื่อลูกมีความสุขไปตลอดชีวิต

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                การอ่านหนังสือให้ลูกฟังสำคัญไฉน ??

                                การอ่านหนังสือหรือนิทานเป็นกิจกรรมที่สร้างความรู้และทักษะการอ่านของเด็กๆ ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ แต่รู้ หรือไม่ว่าจากผลสำรวจที่เคยสอบถามครอบครัวต่างๆ กลับพบว่า มีพ่อแม่เพียง 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่อ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ทุกวัน และมีพ่อแม่ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เคยอ่านหนังสือให้ลูกฟังเลย ฉะนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสในการพัฒนาลูก สูญเสียไป  วันนี้เรามาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการอ่านหนังสือให้ลูกฟังกันเถอะ!

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                โดยปกติคุณพ่อคุณแม่หลายท่านมักคิดว่าควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังตอนที่ลูกอยู่ในวัยที่ฟังพ่อแม่รู้เรื่องแล้ว แต่ความเข้าใจเหล่านี้ถือว่า “ผิด” ด้านสมาคมแพทย์สหรัฐอเมริกาแนะนำว่าควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน เริ่มได้ตั้งแต่ลูกอายุ 6 เดือน  ซึ่งเป็นวัยที่เขาเริ่มสนใจสิ่งรอบตัว และมักเพลิดเพลินเมื่อได้ดูหนังสือกับคุณพ่อคุณแม่ แต่จะเริ่มเร็วกว่านั้นก็ได้ เพราะยิ่งพูดคุยกับลูกโดยตรงเท่าไรก็ยิ่งส่งผลดีต่อการเติบโตและพัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น และการอ่านยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกได้ง่ายที่สุดอีกด้วย

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                เทคนิคการอ่านหนังสือที่ดี คือคุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังตามเวลาที่เคยอ่านทุกวัน ซึ่งอาจมีวันละหลายรอบก็ได้ โดยตอนลูกน้อยยังอายุไม่กี่เดือน คุณพ่อคุณแม่จะอ่านอะไรให้ลูกฟังก็ได้ เพราะเขายังเล็กเกินที่จะเข้าใจเนื้อหา แต่สิ่งที่ลูกชื่นชอบมากเป็นพิเศษคือรูปภาพที่มีสีสันสดใส และสีที่ตัดกันของหนังสือ ซึ่งภาพลักษณะนี้มักพบในหนังสือนิทานและหนังสือภาพสำหรับเด็ก ซึ่งภาพประกอบไม่ควรซับซ้อนมากเกินไป เนื่องจากเด็กเล็กแยกไม่ได้ว่าภาพสองมิติขนาดเล็กที่เห็นในหนังสือกับของจริงที่มีสามมิติคือสิ่งเดียวกัน

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                นอกจากนี้ควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังซ้ำ ๆ เพราะลูกรักต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ต้องฟังซ้ำหลาย ๆ ครั้งจึงจะเข้าใจ และเมื่อลูกรักโตขึ้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกมีส่วนร่วมในการอ่าน โดยการอ่านตามสิ่งที่ลูกสนใจหรืออ่านตามการตั้งคำถามของลูก เพื่อช่วยให้ลูกมีส่วนร่วมในกระบวนการอ่าน ชี้ชวนดูภาพในหนังสือ พูดคุยเกี่ยวกับรูปภาพเรื่องราว และพูดทวนคำที่พบบ่อยๆ หรือเปลี่ยนเสียงตามตัวละครหรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในหนังสือ

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                อย่างไรก็ตามเรื่องของการอ่าน ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องวิชาการ หรือทำบรรยากาศให้เครียด ไม่ควรเคี่ยวเข็ญสอนเรื่องตัวอักษร การสะกดคำในช่วงวัยเด็กเล็ก เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกไม่มีความสุข ไม่สนุกกับการอ่าน จนอาจทำให้ลูกน้อยไม่ชอบการอ่านได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการสร้างบรรยากาศการอ่านให้มีความสุข สนุก และเน้นการสื่อสารพูดคุยกับลูกมากกว่า เพราะการฟังคุณพ่อคุณแม่อ่านและดูภาพในหนังสือตามจะช่วยให้ลูกค่อยๆ เชื่อมโยงการอ่านออกเสียงกับคำที่ปรากฏบนหน้ากระดาษได้เอง

                                 

                                นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังด้วยตนเอง เพราะเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูก ซึ่งดีกว่าการฟังนิทานจากซีดี ดูทีวี หรือมือถือ เพราะสื่อเหล่านี้ล้วนเป็นการสื่อสารทางเดียว  ลูกรักไม่ได้ฝึกทักษะรอบด้าน แถมยังทำให้เสียสายตา และส่งผลเสียต่อพัฒนาการลูกอีกด้วย

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจเกี่ยวกับเคล็ดลับในการอ่าน และเรื่องราวดีๆ จากการอ่านสามารถติดตามได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก thehappyread หรือ www.thehappyread.com ซึ่งจัดกิจกรรมส่งความรู้ สร้างความสุขปี 2 อยู่ โดยเป็นโครงการระหว่างบริษัทอมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่มีทั้งกิจกรรมแจกหนังสือให้แก่เด็กๆ มากกว่า 57 โรงเรียนทั่วประเทศ รวมทั้งมีกิจกรรม Book Talk แบ่งปันประสบการณ์จุดประกายรักการอ่านจากนักร้องนักแสดงชื่อดัง ให้น้องๆ เห็นความสำคัญของการอ่าน คุณพ่อคุณแม่อาจลองฟังเทคนิคดีๆ และนำมาปรับใช้กับลูกน้อย หรือท่านใดสนใจอยากส่งต่อความรู้ให้น้องๆ สามารถบริจาคหนังสือได้โดยติดต่อเว็บไซต์ด้านบนเลยค่ะ มาร่วมกันเป็นกำลังสำคัญส่งเสริมเด็กไทยรักการอ่าน เพื่ออนาคตที่ดีของชาติกันค่ะ

                                อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                                  แพคเกจคลอดลูก 2563

                                  รวม แพคเกจคลอดลูก 2563 กว่า 40 รพ.เอกชน ทั่วกทม.

                                  รวม แพคเกจคลอดลูก 2563 ค่าคลอด ทั้งแบบ ผ่าคลอด และ คลองเองแบบธรรมชาติ ค่าคลอดเหมาจ่าย แพคเกจคลอด ปี 2563 กว่า 40 รพ. ทั่วกทม. จะมีที่ไหนราคาเท่าไหร่บ้างไปดูกัน

                                  รวม แพคเกจคลอดลูก 2563
                                  ค่าคลอดเหมาจ่าย กว่า 40 รพ. ทั่วกทม.

                                  สำหรับคุณแม่ท้องใกล้คลอดที่มีกำนดคลอดลูกน้อยในปี 2020 นี้ แม่ฮันน่าห์ได้รวบรวม ค่าคลอดลูก ราคาแพ็คเกจคลอดลูก 2563 ค่าคลอดเหมาจ่าย มาฝากค่ะ กับโรงพยาบาลเอกชน กว่า 40 แห่ง ทั่วกทม. สำหรับครอบครัวไหนที่มีแพลนจะมีลูก และตั้งใจจะฝากครรภ์กับโรงพยาบาลในกทม. หากอยากทราบราคาค่าคลอดลูกด้วย ก็สามารถศึกษาดูข้อมูลที่นำมาให้ทราบนี้กันก่อนได้นะคะ

                                  ทั้งนี้ แพคเกจคลอดลูก 2020 จากตารางด้านล่าง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ดูหาชื่อโรงพยาบาลได้ง่าย แม่ฮันน่าห์จึงได้ทำการเรียงรายชื่อโรงพยาบาล ตามตัวอักษร ก-ฮ ไว้ให้นะคะ สามารถเช็กดูกันได้เลยค่ะ

                                  หมายเหตุข้อควรรู้ทำความเข้าใจเรื่องราคาค่าคลอดลูก : ทุกโรงพยาบาล จะมีหมายเหตุคือขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาแพคเกจคลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งข้อมูล แพคเกจคลอดลูก 2563 ที่ทีมแม่ ABK ได้รวบรวมของแต่ละโรงพยาบาลมานี้ จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงคลาดเคลื่อนในภายหลังได้ ตามความเหมาะสมหรือเพิ่มเติมแล้วแต่กรณี (ตั้งครรภ์ไม่ปกติ) … ดังนั้น ก่อนที่คุณแม่ๆ จะเข้ารับบริการ ควรตรวจสอบ หรือ โทรถามรายละเอียดเพิ่มเติมของ แพคเกจคลอด ปี 2563 ของแต่ละโรงพยาบาลที่ต้องการใช้บริการกันอีกครั้งด้วยนะคะ ตามข้อมูลที่ระบุไว้ด้านล่างนะคะ

                                  (หากต้องการขยายดูภาพขนาดใหญ่เต็มตาคลิกที่ภาพได้เลยค่ะ)

                                  แพคเกจคลอดลูก 2563

                                  แพคเกจคลอดลูก 2563

                                   

                                  ดูต่อ ราคาแพคเกจคลอดลูก 2563 คลิกหน้า 2

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ

                                    วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ไว้ใช้เองที่บ้าน

                                    วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ มีคุณพ่อคุณแม่ขอกันเข้ามาเยอะเลยค่ะ เนื่องจากช่วงนี้เจลล้างมืออนามัยขาดตลาด ค่อนข้างหาซื้อได้ยาก ซึ่งวันนี้ทีมแม่ABK จะมาแนะนำสูตรวิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ จากกระทรวงสาธารณสุข ขอบอกว่าทำไว้ใช้ที่บ้านได้ง่ายๆ  แถมประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคก็ดีมากๆ ด้วยค่ะ

                                    ก่อนอื่นขอเท้าความไปว่าทำไมตอนนี้สินค้าจำพวกสุขอนามัยที่มีคุณสมบัติป้องกัน และ ฆ่าเชื้อโรค antibacterial ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ทิชชูเปียก สบู่ ครีมอาบน้ำ(สูตรแอนตี้แบคทีเรีย) และเจลล้างมืออนามัย ถึงได้เป็นที่ต้องการของทุกคน จริงๆ ก็มีความต้องการใช้กันทั่วโลกแล้วล่ะตอนนนี้ ยิ่งความต้องการมาก ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ก็ผลิตออกมาไม่ทันต่อความต้องการใช้ของทุกคน ใช่ไหมคะ

                                     

                                    วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ป้องกันไวรัสโคโรนา

                                    ไวรัสโคโรนา ที่มาของความต้องการดูแล ป้องกัน รักษาความสะอาด ไวรัสโคโรนา (Novel Coronavirus 2019) เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ ผ่านระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าเป็นการหายใจรดใส่กัน การสัมผัสกับละอองน้ำลายของผู้ที่มีเชื้อไวรัสโคโรนา ตรงนี้ขอบอกว่าน่ากังวลมาก เพราะการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะออกไปทำงาน ไปซื้อของที่ตลาด ไปท่องเที่ยว หรือเดินทางโดยสารทุกรูปแบบ (เรือ รถไฟ เครื่องบิน ฯลฯ) เราอาจอยู่ใกล้ หรืออยู่ท่ามกลางคนที่กำลังป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนา เพราะคนที่ป่วยจากเชื้อไวรัสฯ นี้ จะยังไม่แสดงอาการให้รู้ตัวว่าป่วย เนื่องจากไวรัสฯ จะใช้ระยะฟักตัวอยู่ในร่างกายประมาณ 14 วัน ก่อนที่จะแสดงอาการป่วยออกมาค่ะ

                                     

                                    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามีอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ?

                                    ทีมแม่ABK มีข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้อธิบายอาการไว้อย่างชัดเจน ให้เราสามารถสังเกตตัวเราเอง คนในครอบครัว หรือคนรอบข้างใกล้กับเรา ดังนี้ค่ะ

                                    • มีไข้
                                    • ไอเจ็บคอ
                                    • มีน้ำมูก
                                    • หายใจเหนื่อยหอบ

                                    ฉะนั้นหากพบว่ามีอาการแสดง 1 ในนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ สำหรับไวรัสโคโรนา ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที และถูกวิธีตามแนวทางการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถหายป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ แต่ก็ได้ข่าวมาว่า คนที่เคยป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ก็มีโอกาสกลับมาป่วยได้อีก หากมีการได้รับเชื้อเข้ามาอีกครั้ง ทีมแม่ABK คิดว่าเราทุกคนกังวลได้ แต่ต้องตั้งสติแล้วมารับมือกับเจ้าไวรัสร้ายตัวนี้กันดีกว่าค่ะ ซึ่งวิธีง่ายๆ คือการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และรักษาความสะอาดของร่างกาย ที่ทำได้ง่ายและบ่อยๆ ตลอดวันก็คือ “การล้างมือ”

                                     

                                    อ่านต่อ วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ป้องกันไวรัสโคโรนา หน้า 2

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่