ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา

ผิดไหม? ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ พ่อแม่ควรทำไงดี!

event
ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา
ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา

ทั้งนี้ตามข้อมูลของกรรมการสิทธิมนุษยชน (ปี 2-14) ได้กล่าวว่า เด็กที่เป็นเพศทางเลือก (LGBTI) บ่อยครั้งมักได้รับความรุนแรงภายในโรงเรียน ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมและอัตลักษณ์ของเด็ก เช่นเดียวกับแรงกดดันที่เด็กได้รับจากพ่อแม่หรือสังคมที่นำไปสู่นิสัยก้าวร้าวของเด็กอีกด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กพัฒนาพฤติกรรมที่ชอบต่อต้านสังคมขึ้น

ดังนั้น จึงเชื่อว่าเพศสภาพนั้นสามารถก่อรูปขึ้นได้ผ่านจากสิ่งของ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพฤติกรรมและบุคลิกลักษณะของเด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างเหมาะสม จึงควรให้เด็กเลือกของเล่นตามที่เขาอยากจะเล่น ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ก็ได้ หรือจะแต่งกาย และทำทรงผมของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามความคาดหวังของสังคม เพราะจะช่วยทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมเชิงบวกและมีสุขภาพจิตที่ดี

ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา

เด็กควรเล่นอะไรดีที่สุด

สำหรับการเล่นของเล่น ของเด็กในยุคสมัยนี้ นักคิดแบบโพสต์โมเดิร์น (Postmodernism) หรือ ยุคสมัยใหม่ ซึ่งเป็นพวกที่ไม่เชื่อความคิดเชิงเดี่ยวหรือครอบจักรวาล คือไม่เชื่อว่าอะไรเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ควรเคารพความแตกต่างและหลากหลาย (ว่ากันโดยทฤษฎี ส่วนปฏิบัติจะทำได้มากน้อยอีกเรื่องหนึ่ง) เพศไม่ได้เป็นสิ่งที่ตายตัว ต้องไร้โครงสร้างของความคิดแบบเดิมๆ

ด้วยวิธีคิดดังกล่าว ทำให้พวกเขามองว่าเด็กในโลกยุคโพสต์โมเดิร์นควรมีสิทธิที่จะเลือกเล่นของเล่นอะไรก็ได้ตามเพศสภาพของเขา หรือจะข้ามเพศสภาพก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องไม่ลืมว่าเด็กนั้นมีสิทธิของเด็ก ในการที่จะเลือกสิ่งที่เขาชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อแม่ในยุคใหม่จะต้องพยายามทำความเข้าใจทั้งต่อตัวเด็กและความหมายที่แฝงมาพร้อมกับของเล่น

อีกข้อหนึ่งก็คือ พ่อแม่ยุคโพสต์โมเดิร์นควรจะเข้าใจต่อความหลากหลายของเพศสภาพของเด็กให้มากขึ้น ควรยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศ บทบาท หรือการแสดงออกของบุคคลที่แตกต่างไปจากบรรทัดฐานทางสังคมกระแสหลักที่มักจะยึดติดกับเพศใดเพศหนึ่งเป็นหลัก

ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ! หาก ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา ลูกสาวเล่นรถ

ซึ่งในช่วงวัยเตาะแตะ หาก ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา หรือ ลูกสาวชอบเล่นรถ คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งตกใจไป ควรปล่อยให้เขาเล่นก่อน เพราะจริงๆแล้วการดูแลตุ๊กตาเป็นการแสดงให้เห็นว่าลูกมีทักษะในการเข้าอกเข้าใจคนอื่น ส่วนการที่ลูกสาวชอบเอารถมาเล่นชนกัน ก็แค่การทดลองเพื่อเรียนรู้เรื่องเหตุและผล เท่านั้นเอง ทั้งนี้หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกรู้จักความเป็นเพศหญิงและชายให้มากขึ้น อาจหาโอกาสบอกเขาว่า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ควรทำอะไรบ้าง โดยเรื่องนี้ป้าหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า…

สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กชายอยากเป็นชาย ไม่ใช่การที่ได้ของเล่นเป็นรถหรือชุดคาวบอย หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เป็นพ่อตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ย่อมทำให้เขาอยากโตขึ้นมาเป็นแบบเดียวกับพ่อ

การที่พ่อไม่ซื้อตุ๊กตาให้ลูกชายเล่นหรือแสดงความไม่พอใจเวลาที่ลูกชายชอบเล่นแบบเด็กหญิง ไม่ได้ช่วยให้ลูกชายอยากเป็นชายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม คือ ถ้าหากพ่อเป็นพ่อที่มั่นใจและเชื่อถือในความเป็นชาย จะไม่หวั่นไหวเวลาที่เห็นลูกชายเล่นตุ๊กตาสมมติว่าเลี้ยงน้อง เพราะความเป็นพ่อก็ต้องเลี้ยงลูกด้วยเช่นกัน

เด็กหญิงจะเลียนแบบแม่ แม่ที่สนับสนุนให้ลูกสาวได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ไม่ให้ความเป็นเพศหญิงมาเป็นอุปสรรค และแม่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง จะช่วยให้ลูกโตขึ้นมาอย่างมั่นใจและเข้มแข็ง หากแม่ซื้อแต่ตุ๊กตาและชุดทำกับข้าวให้เล่น แต่งตัวให้ลูกเป็นเจ้าหญิง ชุดระบายลูกไม้ตลอดเวลา จะทำให้ลูกสาวมีความคิดเกี่ยวกับความเป็นหญิงที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นจริง

เด็กหญิงควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อ เพราะหากพ่อเพิกเฉยหรือทอดทิ้งลูกสาว ไม่ยอมเล่นบอลกับลูกสาว ไม่ให้เข้าแคมป์หรือตกปลา จะทำให้ลูกสาวรู้สึกต่ำต้อยในเพศของตัวเอง เด็กชายเล่นตุ๊กตาได้ฉันใด เด็กหญิงก็เล่นรถได้ฉันนั้น การใส่เสื้อผ้าที่เป็นยูนิเซ็กซ์ คือ ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เช่น ยีนส์ เสื้อยืด ไม่ได้มีผลเสียแต่อย่างใด

การมอบหมายงานบ้านให้ทำก็เช่นกัน ควรทำเหมือนกัน ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน เช่น จัดห้องนอน ล้างจาน ตัดหญ้า ล้างรถ หากแต่ลูกๆอยากจะแลกเปลี่ยนงานกันเองด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้เช่นกัน โดยทั้งพ่อและแม่ควรทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของเด็ก นอกเหนือจากเรื่องพันธุกรรมที่อาจจะเป็นสาเหตุแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่มักเป็นต้นเหตุของพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในเด็กก็คือ คือ เรื่องของปมชีวิตหรือการใช้ชีวิต สภาพสิ่งแวดล้อมหรือการเลี้ยงดูที่หล่อเลี้ยงเด็กมา ซึ่งนอกจากการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ที่ชัดเจนแล้วดังที่กล่าวไปข้างต้นนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญสำหรับเด็ก ๆ และเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีสำหรับการเลี้ยงดู ก็คือ การให้ความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นในครอบครัว เพราะหลายครั้งที่พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในเด็กนั้นเกิดจาก การที่เด็กขาดความอบอุ่นนั่นเอง

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.facebook.com/SuthiRaXeuxPhirocnKicwww.paolohospital.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up