ทำไมต้องผ่าคลอด ข้อบ่งชี้ที่แม่เลือกคลอดเองตามธรรมชาติไม่ได้!

Alternative Textaccount_circle
event

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อแม่ต้องผ่าคลอด

โดยส่วนใหญ่แล้วการผ่าคลอดจะมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดคุณหมอจะแนะนำให้พูดคุยกับวิสัญญีแพทย์เพื่อซักประวัติการเจ็บป่วยและโรคประจำตัว นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้คุณแม่ทำการตรวจเลือดก่อนทำการผ่าตัด เพื่อดูระดับฮีโมโกลบินและกรุ๊ปเลือดของคุณแม่ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์จัดเตรียมเลือดสำรองไว้ในกรณีทื่ให้เลือดในระหว่างการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง และหลังจากผ่าคลอดคุณแม่จำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนและการพักฟื้นอย่างมากเพื่อให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น หรือใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์เพื่อให้รอยแผลจากการผ่าตัดคลอดหายดี ดังนั้นการดูแลลูกน้อยในช่วงนี้คุณแม่จึงควรมีคนคอยช่วยเหลือดูแลทารกและเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นนะคะ

การดูแลแผลหลังผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด

หลังการผ่าคลอด คุณแม่และลูกน้อยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3-5 วัน เนื่องจากการผ่าคลอดใช้เวลาฟื้นตัวได้นานกว่าการคลอดธรรมชาติ โดยในระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล คุณหมอและพยาบาลจะคอยเฝ้าระวังการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ควบคุมอาการปวดหลังจากการผ่าตัด ซึ่งอาจต้องใช้ยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ รวมทั้งปริมาณน้ำที่ดื่มและการทำงานของกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ โดยระหว่างนี้คุณแม่อาจจะพยายามลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ ห้อง ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เพื่อป้องกันท้องอืด และทำให้ลำไส้ได้ขยับกลับมาทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น และจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย

เมื่อออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณแม่ควรดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดดังนี้

  • ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ควรพักผ่อนให้มาก ๆ
  • สามารถขยับตัวเบา ๆ บ่อย ๆ แต่ยังไม่ควรออกแรงเยอะ หลีกเลี่ยงการยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าทารก เพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานมากขึ้น ลดอาการท้องอืด ลดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบทางเดินหายใจ พร้อมกับช่วยลดพังผืดในช่องท้อง และช่วยฟื้นตัวได้เร็ว
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 สัปดาห์แรก เมื่อตรวจร่างกายหลังคลอดแล้ว มดลูกกลับเข้าสภาพปกติก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงการขับรถเอง เนื่องจากแผลผ่าคลอดนั้นจะอยู่บริเวณเข็ดขัดนิรภัย และอาจเกิดอาการบาดเจ็บที่แผลซ้ำได้หากมีการเบรครถอย่างกะทันหันหรือเกิดอุบัติเหตุ
  • ในช่วงพักฟื้นหลังคลอด คุณแม่ควรได้รับโภชนาการที่เพียงพอเพื่อให้แผลหายเร็วและเตรียมสารอาหารสำหรับสร้างน้ำนมให้ลูกน้อย ในช่วงแรก ๆ หลังการผ่าคลอดควรค่อย ๆ จิบน้ำหรือของเหลว เช่น น้ำซุป แกง ใส ๆ ที่ละนิดก่อนค่อยเพิ่มเป็นอาหารเหลว เช่นโจ๊ก และเปลี่ยนมาเป็นอาหารรสจืด ย่อยง่าย กินอาหารที่มีกากใยสูงอย่างผักและผลไม้สด ในช่วงนี้ควรงดกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ กาแฟ ชา และน้ำอัดลมหรือมีคาเฟอีน
  • การตรวจร่างกายหลังผ่าคลอดควรไปตามที่หมอนัด หากมียาก็ควรกินยาตามที่หมอกำหนดให้นะคะ

อาการหลังผ่าคลอดที่ควรรีบไปหาหมอ

ทว่าหากการกลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณแม่ควรสังเกตว่ามีไข้หลังผ่าคลอดหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบของแผลผ่าคลอด หรือจากการที่มดลูกอักเสบ และหากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

  • มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีอาการแดง บวม หรือมีของเหลวไหลออกมาจากแผลผ่าตัด
  • มีอาการปวดที่หน้าอก ร่วมกับอาการแดง หรือมีไข้
  • มีของเหลวกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากช่องคลอด
  • รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ
  • มีเลือดออกจนเต็มผ้าอนามัยภายในเวลา 1 ชั่วโมง หรือมีเลือดออกต่อเนื่องกันมากกว่า 8 สัปดาห์หลังจากผ่าคลอด

คลอดลูกธรรมชาติ

ปัจจุบันการผ่าคลอดความก้าวหน้ามากขึ้น และพบว่าประเทศไทยมีอัตราการผ่าท้องคลอดสูงมากคือประมาณร้อยละ 35-40 หรือ 1 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด ขณะที่องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าการผ่าท้องคลอดที่มีความจำเป็นตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่ควรเกินร้อยละ 15 แม้จะยอมรับว่าโดยทั่วไปว่าการผ่าตัดคลอดในปัจจุบันมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคลอดเองโดยธรรมชาติแล้วการผ่าตัดคลอดยังคงมีอันตรายและความเสี่ยงมากกว่าการคลอดทางช่องคลอด ดังนั้นหากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่มีข้อบ่งชี้หรือความจำเป็นเพียงพอในการผ่าคลอด การเบ่งคลอดลูกเองแม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่ปัจจุบันก็มีเครื่องมือทางการแพทย์มาช่วยให้คุณแม่คลอดลูกเองได้ง่ายขึ้น และยังคงได้ผลลัพธ์ดี ๆ เช่น ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถให้ลูกน้อยกินนมแม่ได้ทันที ทารกจะได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ดีมีภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกคลอด รวมถึงลดความเสี่ยงอันตรายจากการผ่าตัดโดยไม่จำเป็นด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณแม่ที่ต้องคลอดลูกด้วยวิธีไหน ทีมแม่ ABK ขอให้ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง ทั้งแม่ลูกกันทุกคนนะคะ.

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.pobpad.comwww.sanook.comwww.bangkokhospital.com

อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

การผ่าคลอด โดยไม่มีข้อบ่งชี้ เพิ่มความเสี่ยงจากการคลอด!!

ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up