เรื่องสั้น

เรื่องสั้น ตำนานไทย เรื่องเล่าแต่โบราณ

Alternative Textaccount_circle
event
เรื่องสั้น
เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ตำนานไทย
เรื่องสั้น ตำนานไทย

เรื่องตาบอดคลำช้าง

มีคนตาบอดหกคน ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันอยู่ที่บ้านจันตคาม คนตาบอดทั้งหกได้เดินออกมาคุยกันตามทางว่า

“เราจะพาไปตั้งวงดนตรีจะไปไหม?“เราก็อยากร้องเพลงแบบนั้นแบบนี้นะ”

ตาบอดคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า  “นายจะร้องได้ไหม?”

อีกคนตอบ “มันจะยากอะไร”

เมื่อคุยกันได้สักพัก ก็มีเจ้าเมืองซึ่งเป็นเจ้านายขี่ช้างมาตามทางแล้วก็ตะโกนขึ้นมาว่า

“หลบทางช้างเดินด้วย หลบท้างช้างเดินด้วย”

ตาบอดคนหนึ่งเลยพูดขึ้นมาว่า “นั่นช้างหรอ”

ตาบอดเลยอยากรู้ว่าช้างเป็นอย่างไร จึงขอเจ้าเมืองจับช้าง เจ้าเมืองจึงอนุญาตและให้คนตาบอดเข้ามาจับช้างได้ทีละคน

ตาบอดคนแรกเข้าเดินเข้าไปทางหางช้าง และเข้าไปจับที่หาง แล้วพูดขึ้นมาว่า

“โอ้โห ช้างนี่มันเหมือนไม้กวาดเลย”

คนที่สองเข้ามาไปจับโดนตรงขาช้าง แล้วก็บอกว่า

“ช้างนี่เหมือนสูบตีเหล็กนะ”

คนที่สามเข้ามาทางด้านข้างของช้าง ก็จับดูทางด้านข้าง

“โอ้ ช้างนี่เหมือนผนังยุ้งข้าวเลย”

คนที่สี่เข้ามาถึง ก็จับไปโดนหูช้าง

“โอ้ ช้างนี่เหมือนภาชนะสำหรับฝัดข้าวเลย”

พอคนที่ห้าเข้ามาถึง ก็เข้าไปจับโดนมือช้างหรืองวงช้าง ก็พูดว่า

“โอ้ช้างนี่มันเหมือนปลิงเลย ปลิงตัวใหญ่ด้วย”

พอคนที่หกเข้ามาถึง ก็ไปจับโดนตรงส่วนของงาช้าง กระดูกหรือแก่นของงาช้าง อุทานว่า

“ปัดโธ่เหมือนด้ามมีดตะขอเลย”

ตาบอดทั้งหกเข้าใจว่าช้างมีลักษณะเป็นอย่างที่ตัวเองไปจับ จากนั้นเจ้าเมืองจึงขี่ช้างเดินทางต่อไป ตาบอดทั้งหกจึงเดินไปตามทางและไปหยุดที่ใต้ต้นมะกอก เพื่อพักให้หายเหนื่อย ตาบอดคนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า

“เอ้า พวกแกว่าช้างเหมือนอะไร?”

“เราว่าช้างเหมือนปลิง” คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“มันไม่ใช่หรอกแก ไม่ใช่ช้างนี่เหมือนสูบตีเหล็ก พวกนี้ไม่รู้จักช้าง” อีกคนก็เถียง

ส่วนคนตาบอดที่จับโดนข้างช้างเลยบอกว่า

“ช้างนี้เหมือนผนังยุ้งข้าวสิ”

คนที่จับโดนหางก็บอกว่าช้างนี่เหมือนไม้กวาดที่กวาดบ้าน คนที่หกกล่าวว่าช้างเหมือนตะขอมีด ตะขอสำหรับฟันไม้

ไม่นานนักมะกอกลูกสุกก็หล่นจากต้นตกใส่หัวตาบอดคนหนึ่ง จึงบอกว่าอย่าทะเลาะกันสิ อย่าตีกันเลย อีกคนก็บอกไม่ได้ตี ไอ้ลูกนี่มันโดนหัวนี่ สักพักก็ตกใส่หัวอีก ตาบอดจึงนึกว่าเพื่อนมาทำร้ายเนื่องจากถกเถียงกันเรื่องลักษณะของช้างที่แต่ละคนไปจับมา ตาบอดทั้งหกจึงทะเลาะทุบตีกันเป็นพัลวัน

บริบทของนิทาน

นิทานเพื่อสั่งสอนเด็ก ๆ ให้เห็นให้แท้ค่อยนำมาอธิบาย

คติสอนใจ

คนที่รู้อะไรเพียงด้านเดียวหรือรู้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่รู้ความจริงถ่องแท้แต่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองรู้นั้นถูกต้องที่สุด ของคนอื่นไม่จริง ไม่ถูกต้อง

 

เรื่องตำนานกุดนางใย

ครั้งโบราณที่บริเวณแหล่งน้ำกุดนางใย(ในปัจจุบัน)

มีครอบครัวหนึ่งตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ มีแม่และลูกชาย ภายหลังลูกสะใภ้ได้มาอยู่ร่วมกัน มาวันหนึ่งลูกชายได้ไปขายของทางไกล

แม่และลูกสะใภ้อยู่บ้านเพียงสองคน คืนหนึ่งแม่ผัวสังเกตเห็นว่าห้องนอนของลูกสะใภ้จุดตะเกียงตลอดคืน

คืนหนึ่งแม่ผัวสงสัยจึงไปแอบดูว่า ลูกสะใภ้ทำอะไรอยู่ในห้อง แล้วเห็นว่าลูกสะใภ้กำลังสาวใยไหม
ออกจากปากตัวเองมาม้วนเข้าฝัก จึงเกิดความกลัว นึกว่าลูกสะใภ้เป็นภูตผีเข้าไปในห้อง ซักถาม และให้ร้ายว่าเป็นภูตผีปีศาจ ทำให้ลูกสะใภ้อับอายจนหนีออกจากบ้านไป กระโดดลงลำน้ำ(กุดนางใย) เมื่อลูกชายกลับมารู้เรื่องราวได้แต่เศร้าโศกเสียใจ

เมื่อถึงคืนเดือนหงายจะไปนั่งริมน้ำ และจ้องมองลงไปในสายน้ำเข้าไปนานๆ ก็จะมองเห็นภรรยาในน้ำนั้น และสาวใยไหมออกจากปาก ต่อมาที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า กุดนางใย (ใยมาจากใยไหม)

บริบทของนิทาน

เล่าถึงตำนานความรักของหนุ่มที่มีต่อสาวที่สามารถซักใยออกจากปาก

คติสอนใจ

อย่าด่วนตัดสินคนที่การเห็นเพียงอย่างเดียว มีแง่มุมของความรักที่มั่นคงของสามีนางใย

เรื่องสั้น ตำนานไทย เรื่องเล่าก่อนนอนสนุกๆ พร้อมคติสอนใจ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอให้เด็กๆ สนุกและมีความสุขกับเรื่องที่นำมาฝากนะคะ

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

5 นิทานพื้นบ้านสั้นๆ ภาคเหนือ สืบสานวัฒนธรรมไทย

โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน

นิทานเด็ก นิทานก่อนนอน เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมอง

นิทานภาษาอังกฤษ สนุก และได้ฝึกทักษะด้านภาษา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org, https://www.sac.or.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up