น้องมะลิ น้องณดล 2 ซุป’ตาร์รุ่นจิ๋ว ถ่ายแฟชั่น ลงปกนิตยสารแพรว

event

น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว …คู่จิ้นวัยกระเตาะโคจรมาพบกันจนได้ เมื่อ “น้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์” ลูก “พ่อปอ ทฤษฎี และ แม่โบว์ แวนดา สหวงษ์” ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารแพรวคู่กับ “น้องณดล ปุณณดล ปุณณกันต์” ลูก “แม่กบ สุวนันท์ และ คุณพ่อบรู๊ค ดนุพร ปุณณกันต์”

น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว

งานนี้ทำเอาแม่โบว์ และ แม่กบ ยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว หลังน้องมะลิ พาขวัญ และ น้องณดล ปุณณดล โชว์ลีลาการโพสท่าถ่ายแบบลงนิตยสารแพรว ในคอนเซปต์ ซุป’ตาร์ฟันน้ำนม x2 เรียกได้ว่าได้เลือดคุณพ่อคุณแม่ ๆ มาเต็ม เพราะแค่ยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ยืนกอดอกหน่อย ๆ พร้อมกับชุดไทยประยุกต์เท่ ๆ ทำเอาเหล่าบรรดาแฟนคลับฟินกระจาย กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กๆ บอกเลยว่าแต่ละช็อตนั้นน่ารักจนอดยิ้มตามไม่ได้เลยทีเดียว เรียกว่าแค่วันแรกที่หนังสือวางแผงก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ซึ่งทางนิตยสารแพรว ก็ได้มีการทยอยปล่อยภาพภาพแฟชั่นบางส่วนออกมาเรียกน้ำย่อยแฟนคลับได้ชมกัน ต้องบอกเลยว่ากว่าจะได้ภาพเหล่านี้มาก็ทำเอา แม่กบ และ แม่โบว์ ต้องหัวหมุนเพราะสองซุปตาร์ตัวน้อยซนกันสุด ๆ เหมือนจับปูใส่กระด้ง วิ่งรอบสตูดิโอกันเลยทีเดียว ว่าแล้วก็อย่ารอช้าไปชมภาพกันเลยดีกว่าค่า ^^

นิตยสารแพรวฉบับ มะลิ & ณดล ซุป’ตาร์ฟันน้ำนม x 2 วางแผงแล้วที่ร้านนายอินทร์ และร้านหนังสือชั้นนำฉบับที่ 897 ปักษ์ 10 มกราคม 2560
สอบถามสั่งซื้อนิตยสารแพรวได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
1. ฝ่ายสมาชิกนิตยสารแพรว: โทร 02-423-9889
2. ID Line : @naiinfanclub
3. Inbox FB : https://www.facebook.com/praewmagazine/messages
4. Website naiin.com : http://www.naiin.com/e-magazines/view-by-title/11

น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว
ขอบคุณภาพจาก www.praew.com
น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว
ขอบคุณภาพจาก www.praew.com
Must read : “มะลิ” กับ “ป้าแมร์” ขำอะไรกันหนักมากและพบกับ 100 เรื่อง Exclusive ของมะลิ สหวงษ์
Must read : ชมคลิปน่ารัก น้องมะลิไปโรงเรียนวันแรก
น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว
ขอบคุณภาพจาก www.praew.com

ชมภาพต่อ >> “น้องมะลิ-น้องณดล ถ่ายแบบขึ้นปกแพรว”
พร้อมเทคนิคการเลี้ยงลูกให้น่ารัก และเป็นที่รักของผู้อื่น
คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

สถานที่จัดกิจกรรมวันเด็ก 2560

รวม 20 สถานที่จัดกิจกรรมวันเด็ก 2560 เข้าฟรี!

Alternative Textaccount_circle
event
สถานที่จัดกิจกรรมวันเด็ก 2560
สถานที่จัดกิจกรรมวันเด็ก 2560

วันเด็กปีนี้ มีแหล่งเรียนรู้มากมายที่จัดกิจกรรมวันเด็กน่าสนใจ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้พาน้องไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จะมีที่ไหนกันบ้าง Amarin Baby & Kids ได้รวบรวม 20 ที่เที่ยววันเด็ก 2560 มาฝากคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ

 

  1. เที่ยวสวนสัตว์ฟรี 7 แห่ง

กิจกรรมวันเด็ก 2560 เที่ยวสวนสัตว์ฟรี

องค์การสวนสัตว์ เปิดให้เด็กเข้าฟรีสวนสัตว์ ทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สวนสัตว์ดุสิต, สวนสัตว์เปิดเขาเขียว, สวนสัตว์เชียงใหม่, สวนสัตว์นครราชสีมา, สวนสัตว์สงขลา, สวนสัตว์ขอนแก่น และสวนสัตว์อุบลราชธานี

สำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร หรือเด็กที่แสดงบัตรนักเรียน หรือใส่เครื่องแบบนักเรียน โดยมีกำหนดเปิดให้เข้าชมสวนสัตว์ฟรี วันที่ 14-15 มกราคมนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญในเทศกาลงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560

กิจกรรมไฮไลท์ที่จัดขึ้นในเทศกาลวันเด็กแห่งชาติ แต่ละสวนสัตว์มีการแสดงโชว์สัตว์ มีกิจกรรมบันเทิงบนเวที กิจกรรมเล่นเกมส์ชิงรางวัล พร้อมชมสัตว์ป่าน่ารักเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์และปลูกจิตสำนึกให้เด็กมีความรักและหวงแหนสัตว์ป่า

และสิ่งที่เด็กๆ พลาดไม่ได้ คือ ที่สวนสัตว์ดุสิตมีการจัดแสดงไดโนเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 15-22 มกราคม 2560 นี้

2. สนามเสือป่า

กิจกรรมวันเด็ก 2560 สนามเสือป่า

กระทรวงศึกษาธิการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 60 ชูแนวคิด “ดินแดนแห่งความสุข ตามรอยศาสตร์ของพระราชา” จัดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ผ่าน 6 สถานีหลัก เสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 ที่สนามเสือป่า

โดยแบ่งเป็นสถานีต่างๆ ทั้งหมด 6 สถานี ได้แก่

  • สถานีที่ 1 เวทีกลาง (Main Stage) กิจกรรมบริเวณเวทีกลาง อาทิ การสัมภาษณ์พูดคุยกับศิลปินดาราการเล่นเกมตอบคำถามการแสดงต่างๆ เช่น ร้องเพลง “พระราชาในนิทาน”การมอบของขวัญของรางวัลพร้อมทั้งการฉายภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องพระมหาชนก เป็นต้น
    สถานีที่ 2 สถานีพระอัจฉริยภาพ (King Bhumibol Adulyadej’s Talents) มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชน ได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ ๙
  • สถานีที่ 3 สถานีพอเพียง (Philosophy of Sufficiency Economy) จัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ อาทิ นิทรรศการแปลงนาเกษตรทฤษฎีใหม่ กิจกรรมจัดทำสมุดบันทึกทำมือจากกระดาษรีไซเคิล การเพาะชำต้นหญ้าแฝก และกิจกรรมงานฝีมือ
  • สถานีที่ 4 สถานีนวัตกรรม (Innovation) จัดนิทรรศการให้ความรู้เทิดพระเกียรติ กิจกรรมเยาวชนนักประดิษฐ์ ผ่านอุปกรณ์เครื่องต่อกีโก้ กิจกรรมห้องทดลอง (ทดลองทำน้ำมันไบโอดีเซล) และ กิจกรรมการเล่นเกมตอบปัญหา เป็นต้น
  • สถานีที่ 5 สถานีธรรมะจากพระราชา (King Bhumibol Adulyadej’sDhamma) กิจกรรมฝึกสมาธิจากงานฝีมือ กิจกรรมรับฟังธรรมจากพระราชา จากพระอาจารย์ประสงค์ปริปุณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก สหรัฐอเมริกา กิจกรรมเล่นเกมตอบปัญหา
  • สถานีที่ 6 สถานีอิงลิชฟอร์ ฟัน (English for Fun) กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ อาทิ เกม Crossword ภาษาอังกฤษ กิจกรรมตอบปัญหา และเล่นเกมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ กิจกรรมสนทนากับเจ้าของภาษา โดยครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดัง แอนดรูว์ บิ๊ก พร้อมกิจกรรมเวทีตำรวจ กิจกรรมจากลูกเสือ เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในงานมีไฮไลท์ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีแจกของขวัญให้เด็กๆ อาทิ ตุ๊กตา ของเล่น สมุดหนังสือ ขนม และการเขียนไปรษณียบัตร “คำสัญญา..ทำดีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9” แล้วเขียนชื่อ-ที่อยู่ ของตัวเอง ส่งกลับไปให้ตัวเองอีกด้วย 

  1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

กิจกรรมวันเด็ก 2560 หอศิลปกรุงเทพฯ

หอศิลปกรุงเทพฯ ขอเชิญเด็กๆ ร่วมงาน วันเด็กศิลป์@BACC ตอนแรงบันดาลใจจากพ่อ” วันที่ 14 มกราคม 2560 เวลา 10.30 – 18.00 น. พบกับกิจกรรมศิลปะประดิษฐ์และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจและพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยหวังว่ากิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะช่วยส่งต่อแนวทางการดำเนินชีวิตและพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านให้น้องๆ เด็กๆ และเยาวชนนำไปปรับใช้เพื่อดำเนินชีวิตอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ต่อสังคม ภายในงานมีกิจกรรมมากมายที่จะมอบทั้งความสุขและความรู้ให้กับน้องๆ

ไฮไลท์ในงาน:

  • แปลงโฉมอาคารหอศิลปกรุงเทพฯ ด้วยสิ่งประดิษฐ์จากโครงการในพระราชดำริต่างๆ ให้หอศิลปกรุงเทพฯ เป็นแผ่นที่เล่มใหญ่ที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9
  • กิจกรรมฐานศิลปะประดิษฐ์และงานสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งหมด 10 ฐาน 10 เรื่องราว
  • เวทีการแสดงที่ได้แรงบันดาลใจจากพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี และคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาสร้างสรรค์เพื่อส่งต่อสู่ผู้ชม

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ฐานกิจกรรม:

  • ข้าวปั้น เข้าปาก Thai Rice-Thai Roll (โถง ชั้น L) เรียนรู้พระราชกรณียกิจเรื่องข้าว ผ่านความสนุกจากการปั้นข้าวไทยให้เป็นซูชิแสนอร่อย
  • การ์ดเด้งดึ๋ง Pop-Up Card (ห้องสมุด ชั้น L)นำกระดาษหลากสีมาประดิษฐ์เป็นการ์ดเด้งดึ๋ง เพื่อเรียนรู้เรื่องราวในสารานุกรมสำหรับเยาวชน
  • ตามรอยสายฝน Falling Rain (ผนังโค้งชั้น 3) สนุกกับการตามรอยสายน้ำและพระราชกรณียกิจด้านชลประทาน ประดิษฐ์ให้เม็ดฝนกลายเป็นดอกไม้ เกิดเป็นงานศิลปะบนฝาผนัง
  • ดินแปลงร่าง Growing the Grass Head (ผนังโค้ง ชั้น 4) เรียนรู้พระราชกรณีกิจที่เกี่ยวกับดิน ผ่านการทำงานประดิษฐ์ แปลงร่างดินให้กลายเป็นตุ๊กตาหัวหญ้า
  • เรือ แล่น เล่น The Super Mod (ผนังโค้ง ชั้น 4) เรียนรู้พระราชกรณียกิจด้านการกีฬาจากการสร้างเรือใบจากกล่องนม เพื่อทำความรู้จักเรือใบมด เรือใบที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงออกแบบและทรงต่อด้วยพระองค์เอง
  • โด เร มี ฟา ซอล… Sweet Melody (ผนังกระจก ชั้น 5) ประดิษฐ์ฮาร์โมนิก้าจากไม้ไอติม ฝึกเป่าตัวโน๊ต เรียนรู้พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี
  • แก้มแต้มยิ้ม Fantasy Face Painting (ผนังกระจก ชั้น 5) กิจกรรมเพ้นท์หน้าแฟนซีแปลงร่างน้องๆ เป็นผัก ผลไม้ และสัตว์ชนิดต่างๆ จากโครงการหลวง
  • ฟังพ่อเล่าเรื่อง Our Father’s Story (ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5) ชมภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องพระมหาชนก บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และเรียนรู้เรื่องราวของพระองค์ผ่านการ์ตูนเบิร์ดแลนด์ ตอน ตามรอยพระราชา
  • ส่องสลับลาย Kaleidoscope (ห้องนิทรรศการ ชั้น 8) ชมนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ทัศนียมรรคา” และร่วมกิจกรรมประดิษฐ์กล้องสลับลาย พร้อมเรียนรู้เรื่องราวและพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ
  • สมุดประทับ(ใจ) Wishing Diary (มุมสามเหลี่ยม ชั้น 1) ตกแต่งสมุดบันทึกพอเพียง ของที่ระลึกที่ไม่มีใครเหมือนด้วยตัวปั๊มหลากหลายแบบที่สื่อถึงคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องความพอเพียง

**สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร 02 214 6630-8 ต่อ 519 www.facebook.com/baccpage

  1. กองทัพอากาศไทย

จัดกิจกรรมการแสดงภาคอากาศของอากาศยานประเภทต่างๆ ในวันที่ 14 มกราคม 2560 ณ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง ระหว่างช่วงเวลา ดังนี้
08.15-09.05         F 16, AU-23 (Peacemaker), Gripen
10.00-10.20         L 39
11.20-13.30         PC 9, CT 4, AU-23 (Peacemaker), Gripen, F 5
14.30-14.50         UH-1H (Huey)

นอกจากนี้ยังมีการจัดงานในพื้นที่กองทัพอากาศ ดอนเมือง ได้แก่
– พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ
– สนามกีฬา สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง
– สนามบินเล็กกองทัพอากาศ ทุ่งสีกัน
โดยมีกำหนดการจัดงานตามภาพด้านล่าง

กิจกรรมวันเด็ก 2560 กองทัพอากาศไทย

ที่มา เฟซบุ๊ก กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force

อ่านต่อ>> สถานที่จัดกิจกรรมวันเด็ก 2560 เข้าฟรี คลิกหน้า 2

12ข้อคิด กับวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นผู้มีปัญญา

event

ผู้มีปัญญา …ปัญญา (ปัญญาสิกขา) หนึ่งในการศึกษา 3 ด้านของชีวิต ที่เรียกว่า “ไตรสิกขา” ปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จิตใจเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ในอำนาจกิเลส พ้นทุกข์ พ้นปัญหา

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย เชื่อแน่ว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนเก่งด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัฒน์ เช่นปัจจุบันที่ค่านิยมของสังคมได้นำการสอบแข่งขันคัดเลือก มาเป็นตัวกำหนดความเก่งของเด็กแต่ละคนและเริ่มวัดความเก่งของเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยทีเดียว คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงต้องพยายามหาวิถีทางที่จะทำให้ลูกฉลาดขึ้น

โดยทางพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องปัญญา การสอนให้เด็กเป็นคนมีปัญญา คือ การรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร ควรคิดอะไร ไม่ควรคิดอะไร สอนเด็กให้รู้จักคิด พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะแท้จริงแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตคือการศึกษา ศึกษาและปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม

ผู้มีปัญญา

หากพ่อแม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีงาม มีความสุข ต้องการชีวิตที่มีความเจริญ ก็ต้องสอนให้ลูกมีปัญญา ปัญญาจะเกิดขึ้นสำหรับคนที่มีจิตสงบ ไม่วอกแวก วุ่นวาย ความสงบจะเกิดขึ้นกับคนที่มีศีล มีความระมัดระวังในการทำ ในการพูด มีความอดทน มีความพากเพียรพยายามในการทำความดี

12 ข้อคิด วิธีเลี้ยงลูกให้เป็น ผู้มีปัญญา

ซึ่งหากจะเลี้ยงลูกให้เป็นผู้มีปัญญา นั้นสิ่งสำคัญต้องเริ่มจากการมีสติ และปัญญาของพ่อแม่ก่อนด้วย เพราะเมื่อพ่อแม่มีสติ ที่ดี ปัญญาก็เกิด สิ่งที่พร่ำสอนลูกออกไปก็จะเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นจริงได้ ทั้งนี้ในเรื่องของการเลี้ยงลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรคุยกับลูกเหมือนคุยกับผู้ใหญ่ 1 คน ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งวิธีที่ได้ปลูกฝังสิ่งที่มีประโยชน์ต่อลูก เพราะการตั้งต้นได้เร็วมากเท่าไหร่นับว่าจะได้ผลดีมากขึ้น ทั้งนี้คุณ #พศิน อินทรวงค์ ได้ให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นผู้มีปัญญาไว้ 12 ข้อเพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปใช้ในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นผู้มีปัญญา มีจิตสงบ ไม่วอกแวก พร้อมแก้ปัญหาและเผชิญกับโลกภายนอกได้

1. ควรเข้าใจความเป็นมนุษย์ ถ้าพ่อแม่เข้าใจความเป็นมนุษย์ คุณจะเข้าใจได้เองว่า ควรปฏิบัติเช่นไรต่อลูก พ่อแม่ควรทำความเข้าใจจิตใจของตนเองให้มากกว่าสิ่งใด ความรู้สึกต่างๆ ที่มีในตัวท่าน ย่อมมีอยู่ในตัวลูกของท่าน และมีอยู่ในเพื่อนมนุษย์ทุกคนด้วย

2. ความรักกับความกลัวคือเส้นบางๆ บางครั้งความรักของพ่อแม่ก็มาพร้อมความกลัว พ่อแม่คนใดใช้ความรักเลี้ยงลูก ลูกย่อมเป็นตัวของตัวเอง พ่อแม่คนใดใช้ความกลัวเลี้ยงลูก ลูกย่อมเติบโตเป็นทาสสังคมอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้

3. ท่านสอนให้ลูกมีชีวิตเรียบง่าย แต่ท่านกลับซื้อของราคาแพงให้ ท่านสอนให้ลูกไม่แบ่งชั้นวรรณะ แต่ท่านกลับห้ามไม่ให้เขาเล่นกับเพื่อนบ้าน ท่านสอนว่า ความสุขคือสิ่งสำคัญที่สุด ขณะที่ท่านออกคำสั่งให้เขาทำสิ่งที่มีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ช่างน่าสับสนแทนลูกของท่านจริงๆ คำสั่งสอนของพ่อแม่ไม่ใช่คำสั่งสอน การกระทำของพ่อแม่เท่านั้น จะเป็นคำสั่งสอนให้ลูกได้!!!

อ่านต่อ >> ข้อคิดดีๆ กับวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นผู้มีปัญญา” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

วิธีการดูปีเกิดของลูกตามนักษัตรที่ถูกต้อง!

event

จะรู้ได้ไงว่า เกิดปีนักษัตรอะไร…นักษัตรปีเกิด หนึ่งในข้อมูลของเด็กแรกเกิดทุกคนที่ต้องระบุไว้ในสูติบัตร ซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่บางคนสงสัย และไม่ทราบว่า ลูกของเรา เกิดเดือนนี้ปีนี้ คือนักษัตรอะไรกันแน่?

การเปลี่ยนปีนักษัตร (ปีเกิด)

ในการเปลี่ยนปีนักษัตรมีหลายแบบ เช่น

  • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนอ้าย (๑) ตามปฏิทินหลวง เป็นแบบที่ใช้ในการบันทึกสูติบัตรปัจจุบัน (แนวทางปฏิบัติตาม หนังสือเวียนกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ มท 1/ว4 ออกเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539)
  • เปลี่ยนปีนักษัตรในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนห้า(๕) ตามคติพราหมณ์ (ช่วงเวลาเปลี่ยนปีนักษัตรตามสูติบัตร จะไม่ตรงกันกับแบบคติพราหมณ์)
  • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันเถลิงศก ช่วงวันที่ 15-17 เมษายน
  • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันสังขารล่อง หรือวันสงกรานต์ตามแบบทางภาคเหนือ
  • เปลี่ยนปีนักษัตรแบบจีน ซึ่งเปลี่ยนปีนักษัตรใหม่วันสารทลิบชุน/ วันตรุษจีนตามปฏิทินจันทรคติจีน หรือปฏิทินจีน
  • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 มกราคม ตามปฏิทินของ อ.ทองเจือ อ่างแก้ว
  • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 เมษายน ตามปฏิทินของ อ.เทพย์ สาริกบุตร

จะรู้ได้ไงว่า เกิดปีนักษัตรอะไร

จากการเปลี่ยนปีนักษัตรที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมีหลายแบบ จึงทำให้เกิดคำถามว่า…

Q: ดิฉันคลอดลูกเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2559 เวลา 23.19 น ซึ่งในสูติบัตรลูกระบุว่าเป็น ปีวอก อยากถามว่าถูกต้องไหมคะเพราะดิฉันดูในปฏิทินยังเป็น ปีมะแม อยู่เลย

A: ทางทะเบียนราษฎร ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องปี (นักษัตร) เกิดของการแจ้งเกิดเด็ก ไว้ดังนี้

การลงรายการในสูติบัตร นับจากปีนักษัตร คือ ชื่อรอบเวลากำหนด 12 ปี เช่น 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร โดยกำหนดให้สัตว์เป็นเครื่องหมายในปีนั้น ๆ คือ ชวด – หนู , ฉลู – วัว , ขาล – เสือ ซึ่งปีนักษัตรเป็นการนับวันเดือนปีเกิดทางจันทรคติ(ตามเวลาไทยโบราณ ซึ่งนับเดือนอ้ายเป็นเดือนหนึ่ง) โดยถือปฏิทินหลวงเป็นหลักกำหนดให้วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 เป็นวันเริ่มต้น เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ และวันแรม 15 ค่ำเดือน 12 เป็นวันสุดท้ายของปีนักษัตร

โดยปกติวันที่เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในแต่ละปีจะอยู่ในช่วงประมาณ เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เช่น หากดูตามปฏิทินแล้วใน ปี พ.ศ.2559 เป็นปีนักษัตร มะแม จะตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม 2558 (วันแรม 15 ค่ำเดือน 12) เป็นวันสุดท้าย ฉะนั้นเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 58 (วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1) ในรายการสูติบัตรก็จะลงเป็นปีวอกนั่นเอง (ตามภาพด้านล่าง)

จะรู้ได้ไงว่า เกิดปีนักษัตรอะไร

จะรู้ได้ไงว่า เกิดปีนักษัตรอะไร
ปีที่ลูกเกิด (คำถามกรณีตัวอย่าง)

อ่านต่อ >> “ไขข้อสงสัย!! วิธีดูปีเกิดนักษัตรของลูกในสูติบัตรที่ถูกต้อง” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

มดลูกเข้าอู่ช้า

มดลูกเข้าอู่ช้า และอาการผิดปกติของมดลูกหลังคลอด

Alternative Textaccount_circle
event
มดลูกเข้าอู่ช้า
มดลูกเข้าอู่ช้า

มดลูกเป็นอวัยวะมหัศจรรย์ ที่สามารถขยายตัวได้อย่างมากจนสามารถเป็นที่อยู่ของทารกได้ และเมื่อคลอดทารกออกมาแล้ว มดลูกก็หดรัดตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนกลับคืนสู่สภาพปกติ เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ แต่หากมดลูกไม่เข้าอู่ มดลูกเข้าอู่ช้า หรือมดลูกผิดปกติ จะมีวิธีสังเกตอย่างไร (more…)

อาการนอนผวาในทารก สาเหตุ และวิธีแก้ไข

Alternative Textaccount_circle
event

อาการนอนผวาในทารก  คุณพ่อแม่มือใหม่ในหลายครอบครัวมีคำถามเข้ามาว่า ทำไมเวลาที่ลูกนอนหลับมักจะมีอาการผวา? ก่อนอื่นต้องบอกว่าการนอนผวาของลูกไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อให้พ่อแม่ทุกคนได้คลายกังวลว่าเพราะเหตุใดลูกวัยทารกจึงมักนอนผวา ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบเพื่อให้สบายใจมาฝากค่ะ

 

อาการนอนผวาในทารก เกิดจากสาเหตุใด?

เด็กทารกแรกเกิดจนถึง 2-3 เดือนแรก เวลานอนไม่ว่าจะเป็นช่วงการนอนกลางวัน หรือช่วงนอนกลางคืน หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตดูจะพบว่าในบางช่วงของการนอนหลับ ลูกจะมีการสะดุ้งนอนผวา ซึ่งอาการแบบนี้เกิดจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติที่เรียกว่า Moro Reflex ที่พอมีอะไรมากระตุ้น อย่าง เสียง หรือแสงสว่าง ฯลฯ มากระทบกับลูก ก็จะทำให้เขามีอาการสะดุ้งผวาแล้วตื่นขึ้นมาได้  สำหรับอาการลูกนอนผวาในเด็กทารกถือเป็นอาการปกติ ไม่ได้ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกแต่อย่างใด

 

การนอนในทารกแรกเกิด – 6 เดือนแรก

ในช่วงแรกเกิดนี้ เด็กจะนอนค่อนข้างมาก โดยเฉลี่ย 16-20 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจะแบ่งเป็นช่วงๆ บางช่วงนาน 4-5 ช.ม.ซึ่งจะพอดีกับมื้อนม แต่ในบางครั้ง ก็อาจจะยาวกว่า 5 ช.ม. หรือสั้นเพียง 2-3 ช.ม. เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่า เป็นเกณฑ์ปกติ และเด็กจะตื่น หรือหลับไปตามความต้องการ ภายในร่างกายของเขา เช่นเมื่ออิ่มก็จะหลับได้นาน เมื่อหิวหรือมีอึ,ฉี่เปียกก็จะตื่นมาร้อง ให้คุณพ่อคุณแม่ เข้ามาดูแลป้อนนม หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขา ซึ่งถึงแม้การนอนของลูก จะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันบ้าง ในแต่ละวัน แต่ถ้าลูกแข็งแรง และเจริญเติบโตดี ก็ไม่มีสิ่งอันใด ที่จะต้องเป็นกังวล และไม่จำเป็นต้องปลุกลูก ขึ้นมาจากหลับ เพียงเพื่อให้ทานนม เพราะถึงเวลาทานนมแล้ว เมื่อลูกอายุมากขึ้น การนอนก็จะเริ่มเข้าที่มากขึ้น โดยจะเริ่มมีการนอนนานขึ้น ในช่วงกลางคืน และเริ่มจะตื่นมาเล่น นานขึ้นในช่วงเวลากลางวัน1

ถึงแม้ว่าอาการนอนสะดุ้ง นอนผวาจะไม่ได้ส่งผลต่อพัฒนาการ สุขภาพร่างกายของลูก แต่คุณพ่อคุณแม่ก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ซึ่งการที่ลูกนอนผวา หลับไม่สนิทนี้จะหายไปเมื่อลูกมีอายุ 3- 6 เดือน

 

อ่านต่อ >> “เมื่อลูกน้อยผวา ต้องทำอย่างไร?” หน้า 2

 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อากาศแปรปรวนบ่อย…หมอแนะ! เด็กเล็กเสี่ยงปอดบวม ป้องกันได้ด้วย “นมแม่”

event

เด็กเป็นปอดบวม …ช่วงนี้อากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว คุณหมอออกมาเตือน กลุ่มเด็กเล็กเสี่ยงติดเชื้อโรคปอดบวมเฉียบพลัน  ให้พ่อแม่เฝ้าระวังดูแลสุขภาพลูกน้อยอย่างใกล้ชิด และแนะนำให้เด็กดื่มนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพราะนมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กแข็งแรง

เด็กเป็นปอดบวม สาเหตุตายอันดับ 1
ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

เด็กเป็นปอดบวม

นายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคปอดอักเสบ หรือที่เรียกว่า “ปอดบวม” คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา โดยร่างกายจะได้รับเชื้อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ โดยทั่วไปโรคปอดอักเสบอาจเป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งความรุนแรงมีความแตกต่างกัน

Must readกลุ่มเสี่ยง ไข้หวัดใหญ่ ที่ควรได้รับวัคซีนทุกปี
Must readเปิดพัดลมจ่อ ลูกเสี่ยงปอดอักเสบ

ซึ่งจากข้อมูลของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบว่า โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบในเด็ก เป็นการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันของเนื้อปอด รวมทั้งหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้การทำงานของทางเดินหายใจลดลง เป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย และอายุต่ำกว่า 1 ปี

อีกทั้งยังมีโรคขาดอาหาร โรคเรื้อรังหรือความพิการแต่กำเนิด  ซึ่งจากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่า โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุการตายอับดับ 1ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ในแต่ละปีจะมีเด็กทั่วโลกที่เสียชีวิตจากปอดอักเสบปีละ 2 ล้านคน

สาเหตุของโรคปอดอักเสบ

ส่วนใหญ่เกิดจากติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ส่วนน้อยเกิดจากเชื้อรา พยาธิ หรืออาจเกิดจากการแพ้ การระคายเคืองต่อสารที่สูดดมเข้าไป ซึ่งเชื้อโรคที่ก่อนให้เกิดโรคปอดอักเสบเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศเข้าไปโดยตรง การสำลัก การกระจายของเชื้อตามกระแสเลือดไปสู่ปอด เด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยการสูดสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอเข้าไปในหลอดลมส่วนปลายหรือถุงลม เชื้อเกิดการแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบตามมา

อาการของผู้ป่วยปอดอักเสบ

อาการของผู้ป่วยโรคปอดอักเสบแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุอายุของผู้ป่วย และความรุนแรงของโรค โดยที่ผู้ป่วยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสมักมีอาการไข้หวัดนำมาก่อนสัก 2-3 วัน ได้แก่ มีไข้ น้ำมูก ไอมีเสมหะ ตามมาด้วยอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว จมูกบาน ส่วนมากถ้าอาการไม่รุนแรงอาจดีขึ้นได้เอง อัตราการเสียชีวิตต่ำเมื่อเทียบกับเชื้อแบคทีเรีย

อ่านต่อ >> “การป้องกันโรคปวดบวมในเด็กเล็ก” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ประสบการณ์ตรง! แม่เป็นภูมิแพ้ระหว่างท้อง โด๊ปแต่นม จนลูกเกิดมาแพ้นมทุกชนิด!

event

ลูกแพ้นม …ปัญหาการแพ้นมในเด็กทารกนั้นเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และบางรายก็มีอาการแพ้ที่รุนแรงมาก ซึ่งอาจอันตรายถึงขั้นรุนแรง ทำให้หายใจติดขัด ผิวหนังลอก เป็นแผล อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดได้ การแพ้อาหารของทารก เด็กบางคนเป็นตั้งแต่เกิด สาเหตุหลักคงหนีไม่พ้น เรื่องโภชนาการกินของตัวคุณแม่เองในขณะตั้งท้อง (more…)

สะดือเด็กแรกเกิด

ภาวะปกติ VS ไม่ปกติของ สะดือเด็กแรกเกิด

Alternative Textaccount_circle
event
สะดือเด็กแรกเกิด
สะดือเด็กแรกเกิด

สายสะดือเป็นส่วนที่ติดต่อระหว่างตัวเด็กกับรกของแม่ หลังคลอดแพทย์จะผูกและตัดสายสะดือให้ทารกแรกเกิดทุกคน สายสะดือซึ่งเหลือเพียงขั้วนี้จะแห้งและหลุดไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ต้องดูแลโดยทำความสะอาดรอบๆ สะดือเด็กแรกเกิด ทุกวันจนกว่าสายสะดือจะแห้งและหลุดไป หากทำความสะอาดไม่ดีก็อาจติดเชื้อจากปัสสาวะหรือสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น แป้งฝุ่นหรือยาบางอย่างที่ใช้โรยหรือทาสะดือ ทำให้บวมแดง แฉะ มีหนอง (more…)

อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก

อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก เกิดจากอะไร?

Alternative Textaccount_circle
event
อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก
อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก

อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก สุขภาพของแม่หลังคลอดยังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรก ที่คุณแม่จะต้องสังเกตถึงอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกาย สำหรับแม่หลังคลอดในบางรายมักพบว่ามี อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้ได้ทราบกันว่าอาการหนาวสั่น เกิดจากอะไร

 

อาการหนาวสั่นหลังคลอดลูก คืออะไร?

หลังคลอดลูกในคุณแม่บางคนอาจมีอาการของไข้จนทำให้ร่างกายเกิดมีอาการหนาวสั่นขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นภายหลังคลอดทันทีถึงประมาณ 1 ชั่วโมงภายหลังคลอด ที่คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าตัวเองมีอาการตัวรุมๆ หนาวสั่นคล้ายจะมีไข้ ซึ่งการหนาวสั่นหลังคลอดถือเป็นปกติ นั่นเพราะหลังจากคุณแม่คลอดลูกมาใหม่ๆ เกิดจากการเสียเลือดค่อนข้างมาก จึงทำให้ร่างกายมีการปรับตัว แต่พอร่างกายของแม่ปรับตัวได้แล้ว อาการไข้ อาการหนาวสั่นก็จะหายไป  แนะนำว่าหากคุณแม่พบว่าตัวเองมีอาการหนาวสั่น ให้ห่มผ้าอุ่นๆ นอนหลับสักพักเมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น

 

Good to know “หนาวสั่น (Chill) เป็นความรู้สึกหนาวเย็นซึ่งมักเกิดร่วมกับมีการสั่นของร่างกาย (Medical Webster’s Medical Desk Dictionary, 1996) โดยเกิดอาการขึ้นได้ทั้งๆ ที่สวมใส่เสื้อหนาวอยู่ ทั้งนี้อาการตัวสั่นที่รวมถึงแขน-ขา เกิดจากการหดตัวสลับกับการคลายตัวของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเพิ่มและรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ1

 

อ่านต่อ >> “อาการหนาวสั่นหลังคลอด มีสาเหตุจากอะไร?” หน้า 2 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อุทาหรณ์เตือนใจ ลูกจมน้ำตาย เพราะมือถือ

Alternative Textaccount_circle
event

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา พบข่าวน่าตกใจเกิดขึ้นที่เมืองจีน ซึ่งคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ เมื่อเด็กชายวัย 4 ขวบกับคุณแม่ ไปว่ายน้ำที่สระว่าน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง ในขณะนั้นเองคุณแม่ก็หันหลังเล่นโทรศัพท์ และละลายตาไปจากลูก จน ลูกจมน้ำตาย

(more…)

9 สิ่งพื้นฐานที่พ่อแม่ควรสอนลูก ให้รู้จักการใช้ชีวิต!

event

อนาคตที่ดีของลูก …คนเป็นพ่อเป็นแม่ ทุกคนย่อมอยากให้ลูกเป็นคนเก่งมีความสามารถเพื่ออนาคตที่ดีสำหรับเขา นอกจากการส่งไปเรียนดนตรี เรียนพิเศษ การพัฒนาสมองแล้ว สิ่งที่พ่อแม่ควรสอนลูก เพื่อให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นบุคคลที่มีค่า และมีความสุขกับการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้นั่นก็เป็นเรื่องสำคัญ …มาสร้างทักษะชีวิตให้ลูกน้อยรู้จักรับมือ กับการเผชิญชีวิตในอนาคตกันค่ะ (more…)

ไข้ หรือ ตัวร้อน

ไข้ หรือ ตัวร้อน เรื่องที่พ่อแม่ต้องรู้ และดูอาการลูกให้เป็น!!

Alternative Textaccount_circle
event
ไข้ หรือ ตัวร้อน
ไข้ หรือ ตัวร้อน

ไข้ หรือ ตัวร้อน บางทีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ของลูก ก็อาจทำพ่อแม่เกิดความไม่แน่ใจขึ้นได้ อย่างเวลาที่ลูกมีอาการไม่สบายเป็นไข้ ก็ไม่มั่นใจว่าลูกตัวร้อนแบบไหน? ลูกมีไข้หรือไม่? ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำในการสังเกตว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่นั้นมี ไข้ หรือ ตัวร้อน แบบไหนที่บอกถึงว่าลูกกำลังไม่สบาย มาให้ได้เข้าใจกันอีกครั้งค่ะ

 

ไข้ หรือ ตัวร้อน หมายถึงอะไร?

ไข้หรือตัวร้อน หมายถึง อุณหภูมิกายเพิ่มสูงกว่าปกติ หากเป็นอุณหภูมิที่วัดทางปากต้องสูงเกิน 37.2 องศาเซลเซียส เวลาที่มีไข้ไม่จำเป็นว่าทุกส่วนของร่างกายจะต้องร้อนเท่ากันหมด อาจร้อนที่ศีรษะ ลำตัว และแขนขา1

ทั้งนี้อุณหภูมิในร่างกายไม่ว่าจะของเด็ก หรือผู้ใหญ่ จะต้องอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียสซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิร่างกายที่ปกติ แต่หากร่างกายมีความผิดปกติและแสดงออกมาว่ามี ไข้ หรือ ตัวร้อน เมื่อวัดอุหภูมิของร่างกายแล้ว หากสูงมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ ถ้าอุณภูมิสูงไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ต่ำ แต่หากวัดแล้วร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ถือว่ากำลังมีไข้สูง และถ้าอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 41.5 องศาเซลเซียส เรียกว่ามีไข้สูงเกิน(Hyperpyrexia) ที่ถือว่าร่างกายกำลังเข้าสู่ภาวะอันตราย ควรต้องรีบไปโรงพยาบาล และได้รับการรักษาทันที

 

อ่านต่อ >> “สาเหตุของอาการ ไข้ ตัวร้อน ที่พ่อแม่ควรรู้!” หน้า 2 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เที่ยวสวนสัตว์ฟรี

วันเด็ก 2560 ลูกได้เที่ยวสวนสัตว์ฟรีทั่วประเทศ

Alternative Textaccount_circle
event
เที่ยวสวนสัตว์ฟรี
เที่ยวสวนสัตว์ฟรี

ทุกๆ ครอบครัวคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทุกวันเสาร์ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เป็นวันเด็กแห่งชาติ คุณพ่อ คุณแม่ ต่างพาลูกน้อยไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ และสถานที่ยอดนิยม ก็คือ สวนสัตว์ ซึ่งในปี 2560 นี้ ลูกน้อยจะได้ เที่ยวสวนสัตว์ฟรี ทั่วประเทศ ถึง 2 วัน คือวันที่ 14 และ 15 มกราคมนี้

(more…)

อาหารแช่แข็ง

อาหารแช่แข็ง อันตรายกับลูกน้อยจริงหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
event
อาหารแช่แข็ง
อาหารแช่แข็ง

คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวสมัยใหม่ หลายๆ บ้าน มักจะฝากท้องไว้กับอาหารกึ่งสำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อ เพราะเป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดเวลาในวันที่เร่งรีบ หลายคนจึงสงสัยว่า อาหารแช่แข็ง ที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนั้น เป็นอันตรายแค่ไหน?

(more…)

ความเชื่อคนท้อง

จริงหรือไม่? 8 ความเชื่อคนท้อง เกี่ยวกับสุขภาพแม่และลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ความเชื่อคนท้อง
ความเชื่อคนท้อง

“ความเชื่อเกี่ยวกับการตั้งครรภ์” ที่ถ่ายทอดกันมาปากต่อปากจากคนโบราณนั้น ล้วนมุ่งหวังให้ทั้งแม่ท้องและลูกน้อยสุขภาพดี แต่ ความเชื่อคนท้อง หลายๆ อย่าง เมื่อใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ กลับมีคำอธิบายที่ต่างไป เราได้พูดคุยกับคุณหมอณัฐฐิณี ศรีสันติโรจน์ สูตินรีแพทย์ มีข้อมูลน่ารู้มาฝากคุณแม่กันค่ะ (more…)

ยารักษาโรคซาง ปลอดภัยดีแล้วจริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event

มีคุณแม่หลายคน เชื่อกันว่า อาการที่ลูกน้อยเป็นเด็กขี้ร้อน มักมีเหงื่อออกท่วมจนเปียก เป็นอาการของโรคซาง และคุณพ่อ คุณแม่หลายคน อาจจะซื้อ ยารักษาโรคซาง มารับประทาน แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า ยาเหล่านั้นมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด และไม่มีผลข้างเคียงกับลูก?

(more…)

อาหารที่มีแคลเซียม

อาหารที่มีแคลเซียม สําหรับคนท้อง เมื่อแม่แพ้-ไม่ชอบดื่มนมวัว

Alternative Textaccount_circle
event
อาหารที่มีแคลเซียม
อาหารที่มีแคลเซียม

อาหารที่มีแคลเซียม สำหรับคนท้อง แม่ท้องหลายคนพยายามที่จะดื่มนม ทั้งๆ ที่ไม่ชอบเพราะต้องการเพิ่มแคลเซียมให้ร่างกาย บางคนอาจเกิดอาการแพ้ ดื่มนมทีไรอาเจียนออกมาทุกที รวมไปถึงแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมด้วย จึงทำให้เกิดความกังวลว่าลูกน้อยจะไม่แข็งแรงเพราะไม่ได้รับแคลเซียมจากแม่  Amarin Baby & Kids มีอาหารเพิ่มแคลเซียมโดยไม่ต้องดื่มนมมาฝากค่ะ

 

อาหารที่มีแคลเซียม สำหรับคนท้อง – แคลเซียมสำคัญอย่างไรกับสุขภาพร่างกาย?

ในร่างกายของเรานอกจากแคลเซียมจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน ยังเป็นสารที่จำเป็นต่อกระบวนการทางชีวเคมีที่สำคัญต่างๆ ในเซลล์ ดังนั้นร่างกายจึงผลิตฮอร์โมนหลายชนิดที่มีหน้าที่ควบคุมสมดุลแคลเซียม โดยเฉพาะให้มีระดับในเลือดที่พอเหมาะตลอดเวลา เพื่อแคลเซียมจะได้ถูกนำไปให้เซลล์ในอวัยวะต่างๆ ได้ใช้ตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งรวมถึงกระดูกด้วย เนื่องจากร่างกายสังเคราะห์แคลเซียมไม่ได้ จึงต้องรับมาจากอาหารผ่านการย่อยและดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ที่จริงแล้วความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมไม่ว่าจะในเด็กหรือผู้ใหญ่ ถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำคือประมาณ 20–25% เท่านั้น กล่าวคือถ้าในอาหารมีแคลเซียม 100 หน่วย เมื่อไปถึงลำไส้จะถูกดูดซึมเพียง 20 หน่วย ส่วนที่เหลือก็จะขับถ่ายทิ้งไปในอุจจาระ

 โดยทั่วไปเด็ก 3–10 ขวบควรได้รับแคลเซียมประมาณ 800 มิลลิกรัมต่อวัน วัยรุ่นและผู้ใหญ่ 800–1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้หญิงตั้งครรภ์และคุณแม่ที่ให้นมบุตรควรได้รับแคลเซียมเพิ่มขึ้นคือ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน1

และเพื่อให้ร่างกายจะได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เราทุกคนจึงควรรับประทานนมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น     โยเกิร์ต นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม และเนยแข็ง มีปริมาณแคลเซียมสูง แต่สำหรับแม่ท้อง และคนไม่ท้องที่ไม่สามารถดื่มนมได้ ก็ยังสามารถเพิ่มแคลเซียมให้ร่างกายได้จากแหล่งอาหารชนิดอื่นๆ ที่มีแคลเซียมมาก ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย หรือปลากระป๋องที่รับประทานทั้งกระดูก กุ้งแห้ง เต้าหู้อ่อน กะปิและผักบางชนิด เช่น ยอดแค ผักคะน้า  บร็อคโคลี และงาดำ เป็นต้น

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อาหารที่มีแคลเซียม สำหรับคนท้อง
Credit Photo : shutterstock

เพิ่มแคลเซียมให้แม่ท้อง โดยไม่ต้องดื่มนมวัว

คุณแม่ตั้งครรภ์ จำเป็นที่จะต้องได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ นอกจากจะนำไปชดเชยแคลเซียมส่วนที่สูญเสียไปแล้ว ยังต้องนำไปช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกน้อยด้วย สำหรับคุณแม่ส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการดื่มนม จึงเลือกที่จะดื่มนมเป็นหลัก เพื่อให้ได้แคลเซียมนั้นมา

สำหรับคุณแม่ที่ไม่ชอบดื่มนม หรือมีอาการแพ้นมวัว ก็ยังสามารถที่จะหาสารอาหารอย่างอื่นมาทดแทนกันได้ คุณแม่ที่ดื่มนมไม่ได้ ลองเลือกรับประทานแคลเซียมแบบเม็ด หรือแบบละลายน้ำแทนได้ ซึ่งปริมาณที่คุณแม่จำเป็นจะต้องได้รับคือ 1,200-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน

วิธีการรับประทานคือ ควรอ่านฉลากให้ดีก่อนว่า แคลเซียม 1 เม็ด มีปริมาณแคลเซียมอยู่เท่าไหร่ แล้วแบ่งรับประทานวันละ 2-3 มื้อ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี และเหมาะสม หรือคุณแม่สามารถเลือกรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีแคลเซียมได้อีกมากมาย เช่น ผักใบเขียว ไข่ไก่ ปลาเล็กปลาน้อย นมถั่วเหลือง งาดำ และธัญพืชทุกชนิด

 

อาหารที่มีแคลเซียม สำหรับคนท้อง ที่อุดมไปด้วยแคลเซียมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของคนท้อง ดังนี้

  • เต้าหู้อ่อน 5 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณแคลเซียม 150 มิลลิกรัม
  • ปลาเล็กปลาน้อยทอด 2 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณแคลเซียม 226 มิลลิกรัม
  • ปลาซาร์ดีนกระป๋อง 2 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณแคลเซียม 90 มิลลิกรัม
  • กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ 140 มิลลิกรัม
  • หอยนางรม 6 ตัว มีปริมาณแคลเซียม 300 มิลลิกรัม
  • ผักคะน้าผัด 1 ทัพพี มีปริมาณแคลเซียม 71 มิลลิกรัม
  • ยอดแค 1/2 ขีด(50 กรัม) มีปริมาณแคลเซียม 198 มิลลิกรัม
  • ใบยอ 1/2 ขีด(50 กรัม) มีปริมาณแคลเซียม 420 มิลลิกรัม
  • บร็อคโคลี 2/3 ถ้วย มีปริมาณแคลเซียม 88 มิลลิกรัม
  • ถั่วแระต้ม 1 ขีด (100 กรัม) มีปริมาณแคลเซียม 194 มิลลิกรัม
  • งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณแคลเซียม 132 มิลลิกรัม
    *ตารางที่ 1 ปริมาณแคลเซียมในอาหารชนิดต่างๆ (ข้อมูลจากตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข)

เพียงเท่านี้ คุณแม่ที่ไม่ชอบดื่มนม หรือแพ้นมวัว ก็สามารถได้รับแคลเซียมที่เพียงพอได้ จากสารอาหารที่หลากหลาย และมีประโยชน์ที่ดีกว่าแล้วค่ะ

อ่านต่อ >> “ลูกแพ้นมวัว เพราะตอนท้องแม่ดื่มนมเยอะจริงหรือ?” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

keyboard_arrow_up