แผลในปาก

แผลในปาก ลูกน้อย สาเหตุและวิธีการดูแลรักษา

Alternative Textaccount_circle
event
แผลในปาก
แผลในปาก

แผลในปาก  เป็นสิ่งที่พบได้ไม่น้อยในเด็ก มักพบพร้อมกับการติดเชื้อไวรัสหรือไข้หวัด เด็กมักงอแง ไม่อยากกินอาหาร ซึ่งบางครั้งทำให้พ่อแม่เข้าใจผิดว่าลูกเจ็บคอหรือคออักเสบ และหากตรวจในช่องปากจะพบแผล ซึ่งอาจอยู่ที่ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก หรือเหงือก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีดูแล แผลในปากของลูกน้อยมาให้ได้ทราบกันค่ะ
(more…)

น้ำคาวปลาผิดปกติ

น้ำคาวปลาผิดปกติ เรื่องที่แม่หลังคลอดไม่ควรมองข้าม !

Alternative Textaccount_circle
event
น้ำคาวปลาผิดปกติ
น้ำคาวปลาผิดปกติ

น้ำคาวปลาผิดปกติ สุขภาพหลังคลอดเป็นเรื่องสำคัญที่แม่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งหลังจากคลอดลูกคุณแม่จะพบว่าตัวเองมีน้ำคาวปลาไหลออกมา น้ำคาวปลาที่ปกติจะมีประมาณไม่เกิน 10 วัน และสีของน้ำคาวปลาจะแตกต่างกันไปตามช่วงระยะเวลาที่มี ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีการสังเกตน้ำคาวปลาที่ผิดปกติ มาให้คุณแม่ได้ทราบ เพื่อที่จะได้ดูแลรักษาสุขภาพหลังคลอดได้อย่างถูกต้อง

น้ำคาวปลาผิดปกติ – น้ำคาวปลาคืออะไร?

การคลอดลูกจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการฉีกขาด และหลุดลอกออกมา ซึ่งก็จะทำให้มีเลือดออกมา และเยื่อบุโพร่ง มดลูกที่มีเลือดปนกันแล้วไหลออกมาทางช่องคลอด ก็คือ น้ำคาวปลา

น้ำคาวปลาที่ปกติ จะได้ออกมาในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอดจะมีปริมาณค่อนข้างมาก และสีของน้ำคาวปลาจะมีสีค่อนข้างแดง และภายหลัง 3-4 วันหลังคลอด สีน้ำคาวปลาจะมีสีจางลง จากนั้นภายใน 10 วัน น้ำคาวปลาจะเริ่มไหลออกมาน้อยลง ภายในช่องคลอดจะสร้างตกขาวออกมาปนกับน้ำคาวปลา หากสังเกตดูจะพบว่าน้ำคาวปลาในระยะหลังนี้จะมีสีขาวปนเหลือง เหนียวข้น

น้ำคาวปลาหลังคลอด จะแบ่งออกมาได้ 3 ระยะ ดังนี้

1. น้ำคาวปลาแดง (lochia rubra) ออกมาตั้งแต่วันแรกหลังคลอดแล้วออกอยู่นาน 3-5 วัน มีสีแดงช้ำๆ คล้ำๆ เพราะประกอบด้วยเลือด เมือก และเศษรก

2. น้ำคาวปลาเหลืองใส (lochia serosa) ออกต่อจากน้ำคาวปลาแดงไปจนถึงประมาณวันที่ 10 หลังคลอด โดยจะจางลงและสีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหรือชมพูแล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นเหลืองใส ในน้ำช่วงนี้จะประกอบด้วยน้ำเหลือง เยื่อเมือก เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว

3. น้ำคาวปลาขาว (lochia alba) มีสีเหลืองขุ่นจนออกไปทางขาว ออกต่อจากน้ำคาวปลาเหลืองใสไปอีกจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด ในน้ำจะมีเม็ดเลือดแดงน้อยลง แต่มีเม็ดเลือดขาว ไขมัน เมือก และเซลบุผนังช่องคลอดมากขึ้น ปริมาณน้ำคาวปลาจะค่อยๆ ลดลงจนแห้งสนิท สำหรับน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นเหมือนประจำเดือนในยามปกติ หากมีกลิ่นเหม็นก็หมายความว่ามีการติดเชื้อขึ้น1

น้ำคาวปลาผิดปกติ เกิดจากอะไร?

โดยปกติแล้วน้ำคาวปลาจะไม่มีกลิ่นเหม็น แต่หากคุณแม่พบว่าตนเองนั้น น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น สีแดงขึ้นหลังจากที่จางไปแล้ว หรือมีเลือดสดๆ ออกมามากขึ้น มีไข้ มีอาการปวดมดลูกมากผิดปกติ มดลูกไม่หดตัวเล็กลง แสดงว่าน่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น มีการอักเสบในโพรงมดลูก อาจมีเศษรก หรือเศษเยื่อหุ้มรกค้างอยู่ แล้วทำให้เกิดการอักเสบในโพรงมดลูกตามมา ควรต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

การสังเกตว่าน้ำคาวปลาผิดปกติ

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าน้ำคาวปลาจะไม่มีกลิ่นเหม็น และสีของน้ำคาวปลาจากสีแดงจะค่อยๆ จางลงไปตามช่วงระยะเวลาที่มี และแห้งหมดไปในที่สุด แต่ในระหว่างที่มีน้ำคาวปลาคุณแม่สามารถสังเกตถึงความผิดปกติของน้ำคาวปลาได้ดังนี้

1. น้ำคาวปลากลับมามีสีแดงใหม่

มักเกิดจากการที่มีเศษรกค้างอยู่ในมดลูก หรือมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก สาเหตุที่ยังมีรกค้างในมดลูก อาจมาจากการที่เคยมีการอักเสบติดเชื้อในมดลูกมาก่อน หรือคุณแม่เคยมีการขูดมดลูกมาก่อนหลายครั้ง ซึ่งเป็นผลให้เกิดการอักเสบในมดลูก

2. น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น

ปกติน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย แต่ทั้งนี้หากน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นแสดงว่ามีการติดเชื้อในมดลูก ที่อาจมีสาเหตุมาจากการปล่อยให้น้ำเดินเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อโรคที่อยู่บริเวณช่องคลอดเข้าไปในมดลูก2

คุณแม่หลังคลอดควรดูแลสุขภาพหลังคลอดขณะมีน้ำคาวปลา อย่างไร?

  1. หลังคลอดลูกคุณแม่สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แนะนำให้อาบโดยใช้ฝัก บัว ไม่ควรแช่ในอ่างอาบน้ำ หรือ ว่ายน้ำ (เเม้ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำ หรือสระว่ายน้ำส่วนตัวที่บ้าน) เพราะปากมดลูกยังเปิดอยู่ อาจมีน้ำเข้าไปโพรงมดลูก ทำให้เกิดการติดเชื้อง่ายขึ้น ส่วนที่แผลฝีเย็บที่ช่องคลอดก็ชำระล้างด้วยสบู่อ่อนๆ แล้วซับให้แห้ง ไม่ต้องใส่ยาอะไร

2. คุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด ก่อนตัดไหมหน้าท้อง สามารถทำความสะอาดร่างกายได้ทุกส่วน (ยกเว้นยังต้องปิดแผลไว้) หลังจากตัดไหมหรือเปิดแผลแล้วแผลติดกันสนิทดีสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ควรแช่ในอ่างอาบน้ำหรือว่ายน้ำ

3. คุณแม่ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยที่ใช้รองซับน้ำคาวปลาปล่อยๆ ไม่ควรหมักหมม หรือปล่อยให้ชุ่มนานเกินไป

4. หากน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีสีแดงขึ้นหลังจากที่จางไปแล้ว หรือมีเลือดสดๆ ออกมามากขึ้น มีไข้ มีอาการปวดมดลูกมากผิดปกติ ควรต้องรีบไปพบแพทย์ในทันที

5. คุณแม่ควรไปตรวจหลังคลอดตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติทางสุขภาพหลัง คลอด3

 

การดูแลสุขภาพร่างกายหลังคลอดลูกแล้ว เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณแม่ควรไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง รวมทั้งควรต้องเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ …ด้วยความห่วงใยค่ะ

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก!

ซึมเศร้าหลังคลอด อาการ ที่แม่หลังคลอดควรรู้ !
9 วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด..ให้คุณแม่กลับมาสวยเป๊ะเหมือนเดิม!
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแผลฝีเย็บ หลังคลอด

 


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์. น้ำคาวปลาปกติกี่วันถึงจะหมด. Visitdrsant
2รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์. น้ำคาวปลาผิดปกติ. คู่มือตั้งครรภ์และเตรียมคลอดสำหรับคุณแม่ยุคใหม่
3รศ.พญ. ประนอม บุพศิริ. น้ำคาวปลา (Lochia). haamor

แพทย์จุฬาชี้ วิธีใช้ “ยาคุมกำเนิด” ให้ปลอดภัย ช่วยป้องกัน “โรคมะเร็ง” บางชนิดได้

event

ยาคุมกำเนิด ป้องกัน มะเร็ง ได้ …จะมีใครรู้บ้างว่า การทานยาคุมสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้หลายประเภท เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก แต่ยาคุมกำเนิดลดอัตราการเป็นมะเร็งรังไข่ และมะเร็งโพรงมดลูกได้เช่นกัน

ยาคุมกำเนิด เป็นยาที่ทานได้สะดวก ประสิทธิภาพดี และมีการกลับมาปกติของฮอร์โมนได้เมื่อเลิกทาน สิ่งเหล่านี้ทำให้ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่คุณผู้หญิงต้องคำนึงถึง นั่นคือ ความเกี่ยวข้องของฮอร์โมนในยาเม็ดคุมกำเนิดกับความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

ยาคุมกำเนิดเสี่ยงมะเร็งจริงหรือ?

ยาคุมกำเนิด ตามท้องตลาดทั่วไป จะประกอบไปด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ 2 ชนิด คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสติน  ซึ่งโดยปกติแล้วความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งของผู้หญิง ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายสูงอยู่นานๆ เช่น

– มีประจำเดือนก่อนเวลา คือ มีก่อนอายุ 12 ปี
– ประจำเดือนหมดช้ากว่ากำหนด หรือหมดหลังอายุ 55 ปี
– มีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป
– ไม่มีบุตร

ยาคุมกำเนิด ป้องกัน มะเร็งได้ จริงหรือ?

การใช้ยาคุม (ไม่ว่าจะชนิดทานหรือฉีด) จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายมากขึ้น แต่ฮอร์โมนในยาคุมอยู่ในร่างกายของเราไม่นานนัก จึงไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เป็นเพียงการเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย (ในกรณีที่ผู้ใช้ฮอร์โมนมีความเสี่ยงอยู่แล้ว) และในทางกลับกัน หากหยุดใช้ยาคุมกำเนิดมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งจะลดลงเท่ากับคนที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิดอีกครั้งเช่นกัน ทั้งนี้ มะเร็งที่อาจเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน มีดังนี้

– มะเร็งเต้านม

ยาเม็ดคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเพศหญิง จึงเป็นข้อห้ามของคนที่เป็นมะเร็งเต้านมเพราะอาจทำให้โรคกำเริบ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมแม้กินเป็นเวลานานๆ  ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดกับมะเร็งเต้านมนั้นยังไม่ชัดเจน บางการศึกษาก็ว่าไม่เกี่ยว บางการศึกษาว่าเพิ่มความเสี่ยง แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ต่อให้ไม่ทานยาคุม คุณผู้หญิงก็เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึง 1 ใน 8 อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่ายาคุมจะทำให้เป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น แต่ควรใส่ใจเกี่ยวกับการตรวจมะเร็งเต้านมเป็นประจำจะดีกว่าค่ะ

Must readมะเร็งเต้านมคร่าชีวิต!! รู้ก่อน หายก่อน
Must readลดเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม ด้วยวิธีง่ายๆ

– มะเร็งปากมดลูก

การมีโอกาส ในการเกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะทานยาคุมกำเนิดแล้วคุณก็จะไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ดังนั้นก็จะมีโอกาสได้รับเชื้อ HPV มากขึ้น เลยเสี่ยงต่อการพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าตรวจเช็กมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ ความเสี่ยงนี้ก็จะลดลง

Must read : ฉีดฟรี! “ วัคซีน HPV ” ป้องกันมะเร็งปากมดลูก เริ่มปี 60
Must read : 10 สัญญาณเตือน มะเร็งปากมดลูก

แต่ในขณะเดียวกัน ยาคุมกำเนิดก็ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิดได้เช่นกัน มะเร็งประเภทที่ว่านี้ คือ

– มะเร็งรังไข่

– มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

 

อย่างไรก็ตาม สามารถกล่าวได้ว่า ยาคุมกำเนิด ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตของมนุษย์ ที่ต้องการควบคุมอัตราการเกิดของคนในบ้านอยู่ดี อีกทั้งยังมีประโยชน์ดี ๆ มากมาย ที่คุณผู้หญิง ควรรู้

อ่านต่อ >> “ประโยชน์ของยาคุมกำเนิดที่คุณสาวๆ ควรรู้” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ประคบร้อน ประคบเย็น

ประคบร้อน ประคบเย็น จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำตอนไหน?

Alternative Textaccount_circle
event
ประคบร้อน ประคบเย็น
ประคบร้อน ประคบเย็น

ประคบร้อน ประคบเย็น เป็นหนึ่งในวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในการบรรเทาอาการปวดอักเสบ  ข้อเท้าพลิก หรือเวลาลูกๆ มีไข้ ฯลฯ แต่การเลือกประคบร้อนหรือเย็น บางครั้งพ่อแม่เองก็เกิดความสับสนว่า อาการแบบไหนที่ควรต้อง ประคบร้อน ประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บต่างๆ ทีมงาน Amarin Baby & Kds ได้หาคำตอบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องมาให้ทราบค่ะ

 

ประคบร้อน ประคบเย็น ใช้เพื่อบรรเทาอาการอะไรได้บ้าง?

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการประคบร้อนหรือเย็น เชื่อว่าเราทุกคนได้เรียนกันมาบ้าง แต่พอถึงเวลาต้องใช้งานจริง บางทีก็มีสับสนว่า เอ๊ะ!! ลูกหัวโน สามีข้อเท้าพลิก ส่วนแม่เองก็ปวดหลัง อยากจะบรรเทาอาการเหล่านี้ด้วยวิธีประคบร้อน เย็น ก็ไม่รู้ว่าอาการแบบไหนจะประคบร้อน หรือเย็นดี?

 

หลักการจำง่ายๆ ของการ “ประคบร้อน ประคบเย็น”  คือ

1. หากเกิดการบาดเจ็บเฉียบพลันร่วมกับมีการบวม ให้บรรเทาอาการด้วยความเย็น เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อย และเป็นการช่วยลดบวมของอาการบาดเจ็บ

  1. หากเป็นอาการปวดแบบเป็นๆ หายๆ เป็นมานานหรือเรื้อรัง มีการปวดร่วมกับมีอาการตึงกล้ามเนื้อ ให้บรรเทาอาการด้วยความร้อน เพราะความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนเลือดดีขึ้นจึงลดอาการปวดและตึงกล้ามเนื้อได้ดี

 

Good to know… “ควรระมัดระวังในการใช้ความร้อนในการประคบ เพราะหากร่างกายสัมผัสความร้อนเป็นเวลานานๆ ก็จะเกิดผลเสีย ทำลายเซลล์ได้ ทำให้เกิดรอยแดง กดเจ็บ และตุ่มพอง และทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น เกิดการบวมตามมาได้”

 

อ่านต่อ >> “การประคบร้อน ประคบเย็น ต้องทำกับอาการแบบใด” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก 7 ข้อดี ที่มีต่อเจ้าตัวน้อย

Alternative Textaccount_circle
event
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกขึ้นชื่อว่าดีต่อสุขภาพ ผิวหนัง และเส้นผมมาเป็นเวลาช้านานแล้ว และในครัวเรือนของคนทั่วโลกก็มักจะมีน้ำมันมะกอกติดบ้านไว้เพื่อประกอบอาหาร คุณแม่ทราบไหมว่า เบบี๋ตัวน้อยก็สามารถใช้น้ำมันมะกอกได้นะคะ มาดูกันค่ะว่า ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ต่อเจ้าตัวน้อยนั้นดีอย่างไร (more…)

เตือนพ่อแม่! ตู้ล้มทับลูก เรื่องใกล้ตัวที่ต้องระวัง

Alternative Textaccount_circle
event

คุณพ่อ คุณแม่คงทราบดีว่า ตู้เสื้อผ้าที่ทุกครอบครัวใช้กันนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบแขวน ที่ทำจากไม้ หรือเหล็ก หรือแบบลิ้นชัก ซึ่งตู้ที่ใช้จะต้องมีความแข็งแรง และปลอดภัยกับทุกคนในครอบครัว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย มาชมคลิปเหตุการณ์จริง เมื่อ ตู้ล้มทับลูก

(more…)

“ยาฝาแฝด” ภายนอกเหมือน สรรพคุณแตกต่าง พ่อแม่ระวังใช้ผิด ลูกน้อยเสี่ยง อันตรายถึงชีวิต

event

ยาฝาแฝด (ยาฉลากคล้ายกัน) มีคุณพ่อคุณแม่ และผู้ใหญ่หลายคนเข้าใจผิด เลือกซื้อยามาบริโภคโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยเรื้อรัง มีโรคแทรกซ้อน และร้ายแรงที่สุดคือ ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คุ้นชินกับชื่อเรียกนี้ เพราะที่จริงแล้ว ยาฝาแฝด ก็คือ ยารักษาโรคที่ทำฉลากคล้ายกันมาก หรือ มีชื่อเรียกที่คล้ายกัน

 

ฉลากยาเป็นเครื่องมือที่กฎหมายกำหนดให้แสดงไว้ข้างภาชนะบรรจุยา วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สั่งใช้ และผู้ที่จะต้องใช้ยา ได้อ่านเพื่อที่จะได้ใช้ยาอย่างถูกต้องปลอดภัย โดยกฎหมายจะกำหนดให้ฉลากยาต้องมีรายละเอียดที่จำเป็นครบถ้วน ได้แก่ ชื่อสามัญทางยา ชื่อทางการค้า เลขทะเบียนยา สรรพคุณของยา วันผลิตและวันหมดอายุ แต่บางครั้งเราพบว่าฉลากยาหลายรายการกลับมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกันมาก มากจนอาจเรียกได้ว่าเป็น ยาฝาแฝด จนทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนหรือเกิดความเสี่ยงในการใช้ยาอย่างผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งหากรับประทานเข้าไปผิดอาจเกิดอันตรายได้

Must readแม่ระวัง! ยาแก้ไอผสม โคเดอีน อันตรายเสี่ยงลูกเสียชีวิต

ยาฝาแฝด ยาฉลากคล้ายกันที่พ่อแม่ต้องระวัง!!

โดย ผศ.กญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเฝ้าระวัง และพัฒนาระบบยา ระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยาฝาแฝดเป็นผลมาจากการโฆษณา เนื่องจากเมืองบริษัทผู้ผลิตเสียค่าโฆษณา เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความคุ้นชินและเป็นที่รู้จักแล้ว เมื่อผลิตยาตัวใหม่จึงทำให้มีรูปแบบคล้ายคลึงกัน

พร้อมแนะนำว่า ในฐานะผู้บริโภคจำเป็นต้องเริ่มต้นจากตัวเอง ด้วยการจำชื่อยาให้ได้หรือใช้วิธีการสอบถามจากเภสัช ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อยาจากร้านขายของชำ เนื่องจากผู้ขายไม่มีความรู้ในเรื่องของยา และที่สำคัญคืออย่าหลงเชื่อคำโฆษณา

ยกตัวอย่างเช่น ยาลดไข้สำหรับเด็กที่มีหลายรสชาติ ซึ่งผู้ปกครองมักเลือกซื้อตามรสชาติที่ลูกชอบทาน โดยไม่ทราบว่าแต่ละรสชาติมีปริมาณยาที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจแตกต่างกันถึงเท่าตัวเลยทีเดียว เนื่องจากผลิตมาเพื่อใช้ในเด็กแต่ละช่วงอายุ

ทั้งนี้ ยาที่ผู้คนมักใช้ผิดกันมากคือ ‘โปลเคนเมด’ และ ‘เพนนิซิลิน วี โปแตสเซียม’ เนื่องจากเป็นยาฆ่าเชื้อกล่องสีเขียวเช่นเดียวกัน แต่ช่วยรักษาอาการแพ้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งหากทานเข้าไปผิดอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง

ยาฝาแฝด

และไม่นานมานี้ มีคนโพสต์เรื่องซื้อยาผิดขวดแล้วแชร์ต่อๆ กันไปในโลกสังคมออนไลน์พร้อมโพสต์ภาพประกอบให้เห็นความเหมือนที่ใกล้เคียงกันมากของ ‘น้ำมันนวด’ และ ‘ยาแก้ไอน้ำดำ’ ซึ่งถ้านำยาแก้ไอมานวดก็อาจไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ถ้านำน้ำมันนวดมายกดื่มแทนยาแก้ไอ ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้

อ่านต่อ >> “พ่อแม่ระวัง (ยาสำหรับเด็ก) ยาฝาแฝด หรือ ยารูปพ้อง-มองคล้าย” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง

โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง ระบาดหนักส่งต่อสู่รุ่นลูก !

Alternative Textaccount_circle
event
โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง
โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง

โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง ในปัจจุบันนี้พบว่าเด็กเยาวชนที่กำลังจะเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ เริ่มไม่เข้าใจกับผู้คนรอบข้าง ไม่รู้จักการวางตัว และการตอบสนองต่อผู้คน มองตัวเองเป็นที่ตั้งสำคัญ ไม่ยิ้ม ไม่ทักทาย ชอบอยู่กับตัวเอง ฯลฯ  ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโรคที่เรียกว่ามารยาททางสังคมบกพร่อง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

 

โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง คืออะไร?

เชื่อว่ายังมีพ่อแม่อีกหลายๆ ครอบครัว ที่ยังไม่รู้จักกับโรคนี้ และอาจไม่ทราบว่าลูกๆ ที่บ้านก็กำลังเป็นโรคมารยาททางสังคมบกพร่องกันอยู่ได้ค่ะ !!  การจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องอยู่ในคนหมู่มาก ต้องอาศัยทักษะทางสังคม หรือความฉลาดทางสังคม (Social Quotient) เป็นความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของผู้คนและสังคมรอบข้างได้เป็นอย่างดี

 

Good to know… “สถาบันเทคโนโลยีคาร์เนกี้ ได้ติดตามสถิติของคนที่มีไอคิวดี ที่มีการฝึกอบรมทางด้านสมอง รวมทั้งมีทักษะความสามารถในการทำงานดี พบว่าคุณสมบัติดังกล่าวทำให้คนประสบความสำเร็จเพียง 15%  แต่อีก 85% มาจากปัจจัยด้านบุคลิกภาพ และการปฏิบัติต่อผู้อื่น หรือที่เรียกว่า การพัฒนาทักษะความฉลาดทางสังคม1

 

แล้วอะไรคือโรคมารยาททางสังคมบกพร่อง ? หากมองให้ดีการที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากพ่อแม่ที่คอยอบรมเลี้ยงดูลูกมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ ซึ่งการใกล้ชิดของพ่อแม่ลูก จะช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักการคิด ตอบสนองกับทุกเรื่อง และกับทุกคนที่นอกเหนือจากพ่อแม่ หรือคนในครอบครัว  แต่ทางกลับกันในปัจจุบันพ่อแม่มักไม่มีเวลาที่จะอยู่ใกล้ชิดกับลูกมากเท่าที่ควร การที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกๆ มากเท่าที่ควรจะเป็นนั้น อาจด้วยความจำเป็นที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านกันทั้งสองคน และเกิดจากสภาพความห่างเหินแปลกแยกระหว่างคนในสังคมที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันโดยไม่เคยแม้แต่จะยิ้มทักทาย พูดคุยกัน  ต่างคนต่างอยู่ และมีน้ำใจให้กันน้อย ซึ่งผลพวงของปัจจัยเหล่านี้เป็นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ เป็นโรคมารยาทสังคมบกพร่องกันมาก  เราไปดูกันค่ะว่ากลุ่มอาการของโรคนี้ และวิธีการแก้ไข จะสามารถทำได้อย่างไร เพื่อให้ได้เด็กๆ ที่น่ารักกลับมาเหมือนเดิมกันค่ะ

 

อ่านต่อ >> “มารู้จักกับอาการโรคมารยาททางสังคมบกพร่อง” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ไขทารก

ไขทารก มีประโยชน์กับลูกหรือไม่ ทำไมต้องกำจัด?

event
ไขทารก
ไขทารก

ไขทารก … อีกหนึ่งเรื่องที่คุณแม่มือใหม่อดสงสัยไม่ได้ว่า  ไขทารกแรกเกิดนั้นมันคืออะไร แท้จริงแล้วมันดีหรือไม่ หรือมีประโยชน์อย่างไร แล้วทำไมคนโบราณต้องให้กินน้ำมะพร้าวเพื่อล้างไข และน้ำมะพร้าวช่วยให้ลูกผิวขาวดี จริงหรือ ไปหาคำตอบกันค่ะ

 

ช่วงหลังคลอดนอกจากความตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอหน้าลูกน้อยเป็นครั้งแรกหลังรอคอยมายาวนานแล้ว ก็เป็นช่วงที่แม่ๆ ต้องเริ่มงานการทำหน้าที่แม่อย่างเต็มตัวแล้วค่ะ ช่วงแรกคลอดอาจจะเป็นช่วงที่วุ่นวายอยู่ แม่หลายคนอาจจะตกใจที่เห็นลูกคลอดออกมามีคราบสีขาว สีเหลืองติดตัวออกมาด้วย ซึ่งเจ้าคราบไขนี้คืออะไร และจะต้องดูแลทำความสะอาดให้ลูกอย่างไร มาดูกันค่ะ

ไขทารก

ไข ตามร่างกายทารกมีเพื่ออะไร ?

พัฒนาการทารกในครรภ์ราวสัปดาห์ที่ 18 ร่างกายจะมีการผลิตไขสีขาว ที่เรียกว่า ไขหุ้มทารก หรือ vernix caseosa ออกมาปกคลุมร่างกายเพื่อป้องกันผิวหนังก่อนทารกจะคลอด ไขตามร่างกายของทารกจะเกิดขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน จะเริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณ ลำคอ หน้าอก และก้น ก่อน ไขเหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มคลุมร่างกายทารกไว้อีกชั้น ช่วยในการรักษาระดับอุณหภูมิในร่างกาย ลดการสูญเสียความอบอุ่นของร่างกายทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นและมีสุขภาพแข็งแรง และยังช่วยปกป้องผิวหนังของทารกในครรภ์ เพราะทารกต้องแช่อยู่ในน้ำคร่ำนานถึง 9 เดือน ไขจะช่วงเคลือบปกป้องผิวหนังเอาไว้ไม่ให้ผิวเปื่อย และอีกสิ่งที่จะเกิดมาพร้อมๆ กับการสร้างชั้นไข ก็คือ เส้นขน ทารกในครรภ์ 5 เดือนเริ่มมีเส้นขนขึ้นตามร่างกาย เส้นขนนี้จะช่วยยึดเกาะกับไขให้ติดกับร่างกายได้ดีขึ้น เป็นการช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายอีกส่วนหนึ่งด้วย

ประโยชน์ของ ไขทารก ที่คุณแม่ควรรู้

1. ไข หรือไขหุ้มทารกทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียน้ำ ช่วยปรับอุณหภูมิและเป็นระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องผิวร่างกายจากจากเชื้อโรค สิ่งแปลกปลอมในช่วงแรกคลอด

 

2. เป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่น ที่ทำให้ทารกสามารถคลอดผ่านช่องคลอดออกมาได้โดยไม่เจ็บปวด เมื่อคลอดออกมาแล้วไขที่ห่อหุ้มทารกนี้

 

3. ทำหน้าที่คล้ายๆ กับฉนวนปกป้อง เพื่อเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงจากอุณหภูมิที่อบอุ่นในมดลูก สู่โลกภายนอกที่เย็นกว่าของลูกน้อยอีกด้วย

 

4. เป็นเสมือนเกราะป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ของลูกน้อยได้อีกด้วย เพราะในช่วงวันแรก ๆ ที่ลูกน้อยต้องออกมาเผชิญโลกภายนอก ที่อาจเต็มไปด้วยเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ต่าง ๆ ในขณะที่ร่างกายยังอ่อนแออยู่นั่นเอง ไข ที่ติดอยู่ที่ผิวหนังของลูก จะช่วยป้องกันจากเชื้อโรคเหล่านั้น

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

การดูแลไขหุ้มทารกหลังคลอด

หลังจากคลอดเสร็จส่วนใหญ่พยาบาลจะเป็นผู้ทำความสะอาดให้โดยเฉพาะส่วนบริเวณหน้า มีบางทฤษฏีบอกว่าไม่ควรรีบล้างไขหุ้มทารกออก เพราะไขทารกทำหน้าที่ช่วยปกป้องผิวร่างกายจากจากเชื้อโรค บางทฤษฎีบอกว่าไขมันจากทารกจะทำให้หมักหมมและอาจทำให้ทารกติดเชื้อโรคได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถล้างทำความสะอาดอาบน้ำลูกน้อยได้ตามปกติเมื่อลูกปรับอุณหภูมิร่างกายได้แล้ว หรือตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาล

การทำความสะอาดไขหุ้มทารก

โดยปกติไขหุ้มทารกอาจจะค่อยๆ หลุดลอกออกไปเองใน 2-3 วัน แต่หากต้องการทำความสะอาดไขขาวๆ นี้ คุณแม่อาจใช้น้ำมันมะกอก เช็ดทำความสะอาดผิวลูกก่อนอาบน้ำล้างทำความสะอาดทารกปกติ

Must read[Baby&Kids Easy Steps] อาบน้ำเด็กแรกเกิด อย่างถูกวิธี

อ่านต่อ >> “ความเชื่อเรื่องน้ำมะพร้าวช่วยล้างไขทารก” คลิกหน้า 2

ต้อนรับปีใหม่! รอยยิ้มพิมพ์ใจ 7 เบบี๋ลูกดาราสุดน่ารัก

event

ลูกดาราสุดน่ารัก … ในปี 2016 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีของคุณพ่อ คุณแม่ ป้ายแดง วงการบันเทิงไทย ที่มีทายาทตัวน้อยออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามความน่ารักน่าเอ็นดู เห็นแล้วอบอุ่นสุดๆ แต่ละคน ฉายแววหน้าตาดี ตามคุณพ่อคุณแม่กันมาแบบติดๆ และยังเป็นขวัญใจชาวโซเชียล แจกยิ้มและความสดใส ทั้งปีเก่าและปีใหม่กันมากมาย ดูแล้วน่ารักและน่าฟัดเป็นที่สุด ว่าแต่จะมีใครบ้าง มาชมกันเลยค่ะ

7 รอยยิ้มพิมพ์ใจ ของเบบี๋ ลูกดาราสุดน่ารัก

น้องเร ลูกคุณแม่ทาทา และพ่อ หมอ หนุ่มน้อยคิ้วเข้ม หน้าคม อารมณ์ขัน เรียกได้ว่า ได้แม่มาเต็มๆ

ลูกดาราสุดน่ารัก ลูกดาราสุดน่ารัก ลูกดาราสุดน่ารัก

ขอบคุณภาพจาก : IG @tataamitayoung @tatamorray


อ่านต่อบความอื่นน่าสนใจ คลิก!

ดูต่อ >> รอยยิ้มพิมพ์ใจสุดน่ารัก
“น้องมายา ลูกสาว คุณนาตาลี เกลโบวา”
คลิกหน้า 2

5 วิธีสร้างความอบอุ่น และผูกพันในครอบครัว

Alternative Textaccount_circle
event

ครอบครัวของคนไทยในปัจจุบัน มักจะมีปัญหาเรื่องความห่างเหิน เนื่องจากเทคโนโลยี และกิจวัตรประจำวันที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อไปทำงาน และต้องกลับบ้านมาตอนค่ำๆ คุณพ่อ คุณแม่จึงให้คนอื่นเลี้ยงดูลูกน้อยแทนในระหว่างวัน จึงต้องสร้าง ความอบอุ่นในครอบครัว ขึ้นมาแทน

(more…)

ภูมิแพ้ในบ้าน

9 จุดเสี่ยงภูมิแพ้ในบ้านที่ลูกน้อยควรหลีกเลี่ยง

Alternative Textaccount_circle
event
ภูมิแพ้ในบ้าน
ภูมิแพ้ในบ้าน

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีความรู้สึกไวต่อสภาพอากาศ แค่ไรฝุ่นเพียงนิดเดียวมากระตุ้น ก็ทำให้จามได้ สำหรับครอบครัวที่ยังไม่มีอาการ ก้อย่าชะล่าใจ เพราะจุดกระตุ้น ภูมิแพ้ในบ้าน มีอยู่หลายจุด คุณพ่อ คุณแม่จึงควรช่วยกันป้องกัน และหลีกเลี่ยงจุดนั้น

(more…)

30 คำถามหลังเลิกเรียน ไขปริศนา ลูกถูกเพื่อนแกล้ง หรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
event

เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูก โดยเฉพาะลูกในวัยที่เข้าเรียนแล้ว  แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน หรือ ลูกถูกเพื่อนแกล้ง หรือไม่? จะถามตรงๆ ลูกคงไม่บอก ตามมาดู 30 คำถามหลังเลิกเรียน ที่อาจจะช่วยไขปริศนาได้

รวม 30 คำถามหลังเลิกเรียน
ไขปริศนา ลูกถูกเพื่อนแกล้ง หรือไม่?

สำหรับลูกรัก ในวัยที่เริ่มไปโรงเรียนได้เจอสังคมข้างนอกเต็มตัว คุณพ่อคุณแม่ก็มักอยากรู้ความเป็นไปหรือสุขทุกข์แต่ละวันของลูก แต่บางครั้งการถาม คำถามหลังเลิกเรียน แบบตรงๆ ว่า “วันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้างลูก” หรือ “หนูชอบโรงเรียนไหมจ๊ะ” อาจไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง เพราะแม้แต่นักเรียนใหม่ตัวน้อยเองก็ยังตอบไม่ได้ หรือไม่อยากยอมรับว่า พวกเขามีปัญหาอะไร หรือ ลูกถูกเพื่อนรังแก ที่โรงเรียนหรือเปล่า?

 

เราจึงมีข้อสังเกตบางอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปลองใช้ยามเด็กน้อยวัยเรียนไม่ยอมเปิดปาก จากศาสตราจารย์วอลลี่ ก็อดดาร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตครอบครัว จากมหาวิทยาลัยอาร์คันซอ และผู้เขียนหนังสือ “The Soft-Spoken Parent”  มาฝากค่ะ

 

  • ดูความพร้อมก่อน ไม่เร่งจะดีกว่า

เพิ่งรับขึ้นรถปุ๊บก็ถามปั๊บอาจไม่ใช่จังหวะที่ดีนัก เพราะเด็กหลายๆ คนก็ยังไม่พร้อมที่จะทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าวันนี้ได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้น การอดใจเก็บคำถามนี้ไว้ตอนเย็น เช่น หลังอาหารเย็นหรือก่อนเข้านอนที่ทั้งลูกและคุณก็สบายใจผ่อนคลายกันแล้วหรือตอนกำลังอารมณ์ดีๆ จะเข้าท่ากว่าค่ะ

  • ชวนคุยให้ตรงประเด็น

ในวันที่ลูกดูไม่อยากพูดหรืออยากช่วยให้ลูกพูดง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงคำถามกว้างที่สุดในสามโลกอย่าง “วันนี้สนุกไหม” คำถามที่เหมาะควรเป็นคำถามแสดงความใส่ใจหรือคำถามที่ลูกรู้สึกได้ว่าพูดแล้วคุณกำลังฟังเขาแน่ๆ เช่น “วันนี้ลูกผสมสีอย่างที่เราทดลองกันวันก่อนหรือเปล่า แม่เห็นลูกชอบมากเลย แม่ก็ว่าสวยดีนะ เพื่อนๆ น่าจะได้เห็น”

  • ควบคุมอารมณ์ให้อยู่ แม้ได้รู้ข้อมูลลบ

เมื่อลูกยอมเปิดปากบอกเราแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องดีเสมอไป ดังนั้นสิ่งสำคัญยามคุยกับลูกคือการควบคุมอารมณ์และการตอบกลับของคุณ แม้แต่เมื่อคุณได้รับรู้เรื่องที่ทำให้ช็อกได้หรือเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ไขโดยด่วน เช่น ลูกถูกรังแก ปฏิกิริยาแรกที่แนะนำคือ แสดงความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจรับฟังลูกในสถานการณ์นั้น และต้องให้ลูกรู้ว่าคุณพร้อมจะช่วยลูกเสมอ ส่วนการแก้ปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ ก็ค่อยว่ากันไป

ชวนลูกเล่าเรื่องที่โรงเรียน

สำหรับวิธีไขปริศนาปัญหาที่โรงเรียนของลูก ตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือ สังเกตจากอาการผิดปกติของลูก และหมั่นถามลูกอ้อมๆ ด้วยคำถามปลายเปิด หากเป็นกรณีปกติ ลูกจะเล่าให้คุณฟังอย่างคล่องแคล่ว เพราะเด็กวัยนี้ชอบพูดชอบคุยอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาหงุดหงิดหรือบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามเมื่อไร อาจหมายความว่า ลูกไม่มีความสุขจนไม่อยากพูดถึงหรือมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

  1. วันนี้หนูเรียนอะไรบ้าง?

  2. มีอะไรสนุกๆ บ้างไหม?

  3. ตอนกลางวันหนูกินอะไรบ้าง?

  4. ตอนพักกลางวันหนูเล่นอะไร?

  5. เรื่องอะไรที่ตลกที่สุดในวันนี้?

  6. มีใครทำอะไรให้หนูประทับใจบ้าง?

  7. เรื่องดีๆ ที่หนูทำให้เพื่อนวันนี้คืออะไร?

  8. ใครทำให้หนูยิ้มบ้าง?

  9. ใครโดนครูดุบ้างวันนี้? เพราะอะไร?

  10. หนูได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง?

  11. อาหารอะไรอร่อยที่สุดวันนี้?

  12. อะไรที่หนูคิดว่ายากที่สุดในวันนี้? (คำถามอาจช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ลูกถูกเพื่อนแกล้ง)

  13. อะไรที่หนูคิดว่าง่ายที่สุดในวันนี้?

  14. ไปโรงเรียนวันนี้สนุกแค่ไหน? ให้คะแนนตั้งแต่ 1-10 เพราะอะไร?

  15. ถ้าให้เลือกเพื่อนหนึ่งคนเป็นคุณครูหนึ่งวัน หนูจะเลือกใคร? เพราะอะไร? (คำถามอาจช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ลูกโดนเพื่อนแกล้ง)

  16. ถ้าพรุ่งนี้หนูได้เป็นคุณครูหนึ่งวัน หนูจะสอนอะไร? เพราะอะไร?

  17. มีใครพูดอะไรให้หนูโกรธหรือเสียใจไหม? (คำถามอาจช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ลูกโดนเพื่อนแกล้ง)

  18. ใครคือคนที่หนูอยากคุยด้วย แต่ยังไม่ได้คุยเสียที? เพราะอะไร?

  19. เพื่อน / คุณครู คนไหนที่หนูชอบที่สุด?

  20. วันนี้คุณครูประจำชั้นใส่เสื้อสีอะไร?

  21. หนูชอบทำอะไรมากที่สุดตอนพักกลางวัน?

  22. บอกชื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของหนูให้แม่รู้จักสัก 3 คนหน่อยสิจ๊ะ

 

  1. หนูเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนบ้างวันนี้?

  2. เพื่อนคนไหนในห้องที่น่ารักที่สุดในวันนี้?

  3. เพื่อนคนไหนที่ดื้อที่สุดในวันนี้? (คำถามอาจช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ลูกโดนเพื่อนแกล้ง)

  4. มีใครเกเรไหม? (คำถามอาจช่วยเคลียร์ข้อสงสัย ลูกโดนเพื่อนแกล้ง)

  5. เรื่องอะไรที่หนูภูมิใจที่สุดในวันนี้?

  6. ถ้าสัตว์ประหลาดมาที่โรงเรียน หนูอยากให้สัตว์ประหลาดจับใครไปบ้าง? เพราะอะไร?

  7. วันนี้เพื่อนคนไหนในห้องได้รับคำชื่นชมมากที่สุด?

  8. ที่ไหนในโรงเรียนที่สนุกที่สุด?

อย่างไรก็ตาม จากทั้ง 30 คำถามหลังเลิกเรียน ไขปริศนาว่า ลูกถูกเพื่อนแกล้ง หรือ ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน หรือไม่? นั้นไม่จำเป็นต้องถามทุกคำถามในวันเดียวกัน แต่ควรถามสลับสับเปลี่ยนกันไปเพื่อทราบความเป็นไปของลูก นอกจากนี้ การพูดคุยกับคุณครูก็ช่วยให้คุณแม่ทราบความเป็นไปของลูกที่โรงเรียนได้อีกทางหนึ่ง เพราะคุณครูอยู่กับลูกของคุณถึง 5 วันต่อสัปดาห์ พวกเขาอาจมองเห็นปัญหาที่คุณไม่มีทางรู้ เช่น การเข้ากลุ่มเพื่อน ปัญหาด้านการเรียน หรือแม้แต่เรื่องที่ลูกเล่นกีฬาไม่เก่ง ถ้าเป็นไปได้ โดยควรพูดคุยกับคุณครูหลายๆ คน ไม่เฉพาะคุณครูประจำชั้นค่ะ

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

วิธีการสอนลูกให้มีคุณภาพ…ของลี กาชิง เศรษฐีอันดับ 1 ของฮ่องกง

event

วิธีการสอนลูกของลีกาชิง …ลีกาชิง มหาเศรษฐี ที่เริ่มต้นจากศูนย์  ในวัยเด็กเขาต้องอพยพ เร่ร่อนด้วยสงครามในประเทศจากจีนมายังเกาะฮ่องกง เมื่ออายุ 15 ปี หัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตลงอีก ต้องเลิกเรียนกลางคัน ออกขายของหาเลี้ยงครอบครัว ด้วยความขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ทุกอย่าง

วิธีการสอนลูกของลีกาชิง

วิธีการสอนลูกของลีกาชิง

ชีวิตของ ลีกาชิง น่าศึกษาและเป็นแบบอย่างมาก ๆ  ซึ่งแทบจะทั่วทั้งเอเชีย  ไม่มีใครไม่รู้จักเขา  มังกรแห่งฮ่องกง   ลีกาชิง   ร่ำรวยครองอันดับหนึ่งของเอเชียมานานปี  แถมยังใจบุญสุด ๆ   บริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นมูลค่านับพันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เขายังคงไม่ลืมฐานะตัวเองในอดีต  ที่เคยเร่ขายนาฬิกา เขายังคงใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์  ใส่นาฬิกาเรือนเดิม  ใส่รองเท้าคู่เก่า และใช้ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เป็นบทเรียนสอนลูกสอนหลานต่อไป

ลีกาชิง เศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกง ตั้งกฏเกณฑ์ในบ้านไว้ว่า ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหน ทุกเย็นวันจันทร์ สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องมาร่วมทานข้าวเย็นด้วยกัน

มารยาทบนโต๊ะอาหารของครอบครัวนี้ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของคนตระกูลนี้ ไม่แปลกใจที่ทำไมลูกชายของเขาทั้งสองคนจึงเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทุกคนบนโต๊ะอาหารจะกล่าวขอบคุณผู้ที่นำอาหารมาเสริฟ แม้พวกเขาเป็นแค่คนรับใช้ในบ้าน

Must read : ฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหารให้กับลูก

ลองมาศึกษาดูกันค่ะว่า ทำไมเศรษฐีระดับโลกอย่างลีกาชิง จึงสามารถเลี้ยงดู สั่งสอน ลูกทั้งสองของเขาได้มีคุณภาพ

1. พาขึ้นรถสาธารณะ ยอมทำตัวเป็นคุณพ่อขี้เหนียว

ลีกาชิงเลี้ยงลูกให้ติดดิน แม้จะเรียนในโรงเรียนชั้นนำ เด็กคนอื่นมีรถรับส่ง ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ลีมักพาลูกเขาขึ้นรถรางไปโรงเรียน แต่งตัวใช้ของธรรมดาทั่วไป จนลูกๆบ่นว่าทำไมพ่อไม่ยอมให้รถที่บ้านไปรับส่งพวกเขา ลีบอกลูกๆว่า เวลาอยู่บนรถสาธารณะ ลูกจะได้สัมผัส รับรู้ และเรียนรู้กับสภาพที่แท้จริงของทุกชนชั้น แต่ถ้าอยู่ในรถส่วนตัว ลูกจะไม่เห็นอะไรเลย

ในวันหยุด เขาให้ลูกๆไปทำงานพาร์ทไทม์ ทำงานบริการ ทำงานแคดดี้ในสนามกอล์ฟ เขาดีใจที่เห็นลูกตัวเล็กๆของเขาแบกถุงกอล์ฟถุงใหญ่ๆเดินไปในสนาม และที่ทำให้เขาดีใจที่สุดคือ ลูกๆบอกจะนำรายได้ทั้งหมดไปช่วยเหลือเด็กยากลำบาก

ลีกาชิงเป็นคนบริจาคเงินมากมาย แต่นาฬิกาที่เขาใช้เป็นนาฬิกาญี่ปุ่นมูลค่าแค่ 26 เหรียญยูเอส เสื้อผ้าสิบปีที่แล้วเขาก็ยังสวมใส่อยู่จนทุกวันนี้ บ้านก็เป็นบ้านเมื่อสามสิบปีที่แล้ว สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแบบอย่างที่ทำให้ลูกจดจำตลอดไป

2. สอนลูกให้เป็นคนดี เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของคนเป็นพ่อแม่

ลีบอกว่า การศึกษาของลูกหลาน 99% ต้องสอนเขาให้รู้จักหลักการของการเป็นคนดีไว้ก่อน แม้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 2/3 ก็ยังคงต้องเน้นสอนให้เป็นคนดี ที่เหลืออีก 1/3 ถึงจะสอนวิธีการทำการค้า เขาสอนลูกเสมอว่าอย่าเห็นแก่ได้อย่างเดียว ต้องคิดถึงหัวอกคนอื่น คนจะประสบความสำเร็จ ต้องขยัน ซื่อสัตย์ และรักษาคำพูด

ลีกาชิงเกิดในครอบครัวยากจน เขาไม่จบแม้กระทั่งชั้นประถม เขาต้องพยายามศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเขาเอง โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ งานจะยุ่งแค่ไหน ทุกเย็นเขาจะนั่งศึกษาเพิ่มเติมความรู้อย่างไม่ย่อท้อ นี่เป็นรูปแบบที่ติดตาติดใจลูกๆของเขาตั้งแต่เล็กจนโต

เขามักนำเอาปรัชญา คำสอน ข้อคิดดีๆของนักปราชญ์จีนโบราณมาสอนลูกของเขาเป็นประจำ นี่คือวิธีบ่มเพาะลูกๆของเขาจนโตเป็นคนดีของสังคม

Must read7 หน้าที่พ่อแม่ เลี้ยงลูกชาย เป็นเด็กรักดี ไม่เกเร

3. จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักวิธีการวางตัวและการเผชิญหน้ากับสังคมที่เหมาะสม

ลูก ๆ ของเขามักบอกว่า พวกเขาเรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อ ที่สำคัญที่สุดที่พ่อมักเน้นย้ำ คือ ต้องเป็นนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ ต้องรู้จักวางตัวและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วน

ลีสอนลูกเสมอว่า ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ผู้อื่นเสมอ ไม่เอาเปรียบเขา ตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก เวลามีการประชุมของผู้บริหาร เขาก็จัดที่นั่งพิเศษให้ลูกๆนั่งฟังผู้ใหญ่เขาประชุมโต้เถียงหาลือกัน บางครั้งอาจมีข้อพิพาทรุนแรงในห้องประชุมจนลูกๆตกใจกลัว แต่เขาจะอธิบายให้ลูกๆฟังหลังจากนั้นว่า “ที่ต้องโต้แย้งกันก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท มันเป็นเรื่องปกติ เปรียบเหมือน ไม้ ถ้าไม่เจาะ ก็ทะลุมันไม่ได้ เหตุผลถ้าไม่ถกเถียงก็จะไม่เข้าใจกัน”

ลีบอกลูกว่า วิธีการบริหารจัดหารธุรกิจต้องศึกษาเลียนแบบโลกตะวันตก เขามีหลักการที่เป็นระบบระเบียบ แต่การวางตัวต่อสังคมต่อเพื่อนมนุษย์ ต้องศึกษาหลักปรัชญาอันลึกซึ้งของจีน เพราะสอนให้บ่มเพาะอุปนิสัยให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ขยันอดทนและสู้ไม่ถอย หากจะทำตัวให้คนอื่นเชื่อถือเรา เราต้องเป็นคนมีสัจจะรักษาคำมั่นสัญญา ก่อนจะให้คำสัญญาต้องศึกษาให้รอบคอบ เมื่อสัญญาแล้ว แม้จะเจออุปสรรคยากเย็นแค่ไหน ก็ต้องรักษาคำมั่นสัญญาให้ถึงที่สุด

อ่านต่อ >> “วิธีการสอนลูกให้มีคุณภาพของลีกาชิง” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา (ภาคสอง)

Alternative Textaccount_circle
event

เรื่องเล่าพร้อมการวิเคราะห์ปัญหาเด็กจากประสบการณ์ตรงของ น้องเชาว์ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษแอสเพอร์เกอร์ (กลุ่มออทิสติก) ปัจจุบันมีอาชีพเป็นคุณครูสอนพิเศษให้กับเด็กๆ จึงได้พบกับพฤติกรรมเด็กและพฤติกรรมพ่อแม่ ที่จะสุดแสนจะปวดหัว บางปัญหาเหมือนจะไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหาโดยไม่รู้ตัวจากการ เลี้ยงลูกดีเกินไป  (more…)

ปล่อยลูกอยู่ลำพัง

อุทาหรณ์! อย่าปล่อยลูกน้อยอยู่ลำพังข้างถนน

Alternative Textaccount_circle
event
ปล่อยลูกอยู่ลำพัง
ปล่อยลูกอยู่ลำพัง

ภาพจากกล้องวงจรปิดในเมืองลี่ฉุย มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน จับภาพเหตุการณ์ เมื่อหนูน้อยวัยประมาณ 3 ขวบ กำลังปั่นรถถีบสำหรับเด็กอยู่กลางถนนที่มีการจราจรหนาแน่น และเสี่ยงถูกรถชนหลายครั้ง จึงเป็นอุทาหรณ์ให้พ่อแม่ได้เป็นอย่างดีว่าไม่ควร ปล่อยลูกอยู่ลำพัง

(more…)

กินไข่ ลดน้ำหนัก

กินไข่ ลดน้ำหนัก อย่างไรให้แม่ลดอ้วน ?

Alternative Textaccount_circle
event
กินไข่ ลดน้ำหนัก
กินไข่ ลดน้ำหนัก

กินไข่ ลดน้ำหนัก เป็นแม่หลังคลอดลูกมาได้สักระยะแล้ว ถึงเวลารีดน้ำหนักส่วนเกินออกไปซะที แต่จะให้งดข้าว อดน้ำ ก็คงไม่ดีกับสุขภาพแม่หลังคลอดแน่ๆ เพราะถึงอย่างไรร่างกายก็ยังต้องการอาหารที่มีประโยชน์เพื่อฟื้นบำรุงสุขภาพให้ดี แต่จะกินอย่างไรให้ได้สุขภาพ แล้วผอมด้วย !? ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเคล็ดลับ กินไข่ ลดน้ำหนัก ช่วยแม่ลดอ้วน มาบอกกันค่ะ

กินไข่ ลดน้ำหนัก กับ ข.ไข่ มากมายคุณค่าสารอาหาร

“ไข่” เป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดแสนง่าย ของใครหลายๆ คน  และทุกครัวเรือนจะต้องมีไข่ติดครัว ติดตู้เย็นเอาไว้  นึกเมนูอะไรไม่ออก ก็ทอดไข่ดาวกินกับข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็อิ่มสบายท้องแล้วค่ะ   สำหรับ  “ไข่” โดยเฉพาะกับไข่ไก่ที่เรารับประทานคุ้นลิ้นกันเป็นอย่างดีนั้น ล้วนมีคุณค่าสารอาหารที่หลากหลาย  ไปดูกันค่ะว่า ไข่ 1 ฟอง ให้ประโยชน์สารอาหารกับร่างกายอะไรบ้าง

ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 50 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี โปรตีน 7 กรัม ซึ่งโปรตีนชนิด FAO ได้จัดว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีที่สุด เพราะ มีค่า Biological Value ประมาณ 100 ซึ่งเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสูงกว่าโปรตีนชนิดอื่น แถมยังมีไขมันเพียงแค่ 6 กรัมและยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี1, บี2, บี3, บี6  บี12 และธาตุเหล็ก1

 

อ่านต่อ >> “กินไข่อย่างไรให้ได้สุขภาพดีด้วย ผอมด้วย” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

4 ท่าอันตราย

ลูกไม่กลับหัว เสี่ยงตายทั้งแม่ และลูกในครรภ์?

Alternative Textaccount_circle
event
4 ท่าอันตราย
4 ท่าอันตราย

คุณพ่อ คุณแม่หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของแม่นากพระโขนง ทั้งในรูปแบบละคร และภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่สามีไปเป็นทหาร ขณะที่แม่นากกำลังตั้งครรภ์ เมื่อครบกำหนดคลอด แม่นากกลับเสียชีวิตขณะคลอด หรือตายทั้งกลม เพราะ ลูกไม่กลับหัว

(more…)

keyboard_arrow_up