ตั้งครรภ์ 5-6 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

Alternative Textaccount_circle
event

หลังจากสัปดาห์ก่อน พัฒนาการ การตั้งครรภ์ ตั้งแต่เกิดการปฎิสนธิจนถึง 4 สัปดาห์  คุณแม่หลายคนอาจยังอยู่ในภาวะยังไม่แน่ใจ หรือยังไม่รู้ตัวได้ว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 5-6 สัปดาห์ ช่วงนี้จะเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกที่ชัดเจนขึ้น จนรู้สึกเอะใจว่าคราวนี้สงสัยจะท้องชัวร์แน่ๆ แต่จะมีสัญญาณอะไร และพัฒนาการทารกในครรภ์อย่างไรบ้าง มาสำรวจกันค่ะ

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 5-6 สัปดาห์

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 5-6 สัปดาห์

อาการคนท้อง 5-6 สัปดาห์

เหนื่อยล้า จู่ๆ ก็มีอาการเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ อ่อนเพลียหรือหมดแรงง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา

คลื่นไส้ ส่วนมากมักจะมีอาการนี้เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ แต่ก็มีไม่น้อยทีเดียวที่มีอาการก่อน โชคร้ายหน่อยอาจคลื่นไส้ทั้งเช้า กลางวัน แต่บางคนก็โชคดีที่ไม่มีอาการนี้เลยจนคลอด

ปัสสาวะบ่อย เดี๋ยวก็ต้องลุกเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งปัสสาวะไปเมื่อกี้นี้ หรือต้องลุกเข้าห้องน้ำทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน

วิงเวียน หน้ามืดง่าย อาจรู้สึกวิงเวียนศีรษะบ่อยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ บางครั้งก็รู้สึกหน้ามืดร่วมด้วย

จมูกไว พักนี้รู้สึกเหมือนเป็นยอดมนุษย์ ได้กลิ่นอะไรต่อมิอะไรไวไปหมด แถมกลิ่นที่เคยชอบกลับชวนให้เวียนหัว เช่น น้ำหอม ดอกไม้ สบู่ แป้ง หรือแม้กระทั่งกลิ่นสามี

เจ็บหน้าอก รู้สึกเจ็บหน้าอกตลอดเวลา แถมอ่อนไหวง่าย โดนนิดหน่อยก็เจ็บแปลบทันที หน้าอกมีขนาดใหญ่และหนักขึ้น หรือหัวนมมีสีเข้มขึ้น

อยากอาหาร เริ่มอยากกินโน่นนี่ กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

อารมณ์แปรปรวน รู้สึกหงุดหงิดง่าย ใครทำอะไรก็ขวางหูขวางตา หรือเหวี่ยงวีนขึ้นมาจนบางทีตัวเองก็ตกใจ มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นและความรู้สึกที่สับสนปะกันกัน ระหว่างความสุข ความตื่นเต้นหรือกังวลต่างๆ คุณแม่จึงควรพยายามพักผ่อนให้มาก ไม่เครียด ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เพราะหากคุณแม่เครียดกังวลร่างกายเหนื่อยล้า จะทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้มากยิ่งขึ้น

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของแม่ท้องสัปดาห์ที่ 3-4 คลิกหน้า 2

ตั้งครรภ์ 3-4 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

Alternative Textaccount_circle
event

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว หากพัฒนาการการตั้งครรภ์ในสัปดาห์ก่อน ไข่และสเปิร์มมาเจอกัน และมีตัวอ่อนเป็นลูกน้อยเรียบร้อยแล้ว พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 3-4 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์ช่วงนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่การฝังตัวในมดลูก และเตรียมตัวนับถอยหลังอีก 9 เดือน คุณแม่ก็จะเจอหน้าลูกน้อยแล้ว

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 3-4 สัปดาห์

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 3-4

สัญญาณแรกของการตั้งครรถ์

ในสัปดาห์นี้หากคุณแม่คนไหนยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะในช่วงสัปดาห์ต้นๆ แบบนี้ สัญญาณที่บ่งบอกมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ยิ่งใครที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว ก็ยิ่งเอะใจยากหน่อย แต่สำหรับคุณแม่ที่วางแผนไว้ อาจเตรียมซื้อที่ตรวจครรภ์ไว้ได้เลย โดยสิ่งที่ทำให้ผลตรวจครรภ์เป็น 2 ขีดก็คือ ฮอร์โมนเอชซีจี (hCG) หรือ Human Chorionic Gonadotropin ซึ่งถือเป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์

ฮอร์โมนเอชซีจีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อไข่ที่ได้รับการผสมแล้วไปฝังตัวที่ผนังมดลูก โดยเซลล์ส่วนที่จะพัฒนาเป็นรกทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต เพื่อบอกร่างกายของคุณแม่ให้หยุดผลิตไข่ เพราะได้มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดแล้ว ฮอร์โมนนี้จะไปปรากฏอยู่ในเลือดและปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อคุณแม่ทำการทดสอบการตั้งครรภ์ ผลจึงออกมาเป็นบวก หรือขึ้น 2 ขีดนั่นเอง

อีกสัญญาณการตั้งครรภ์หนึ่งที่คุณแม่บางคนอาจพบได้ แต่ก็น้อยมาก นั่นคือ เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation Spotting) ชื่อฟังดูน่ากลัว แต่ไม่ใช่เรื่องน่าวิตก เพราะเป็นเรื่องปกติของกลไกในร่างกาย เกิดจากตัวอ่อนไปฝังตัวในผนังมดลูกจึงทำให้มีเลือดออก ลักษณะของเลือดคือ มีสีแดงจางๆ สีน้ำตาล หรือมูกสีชมพูออกทางช่องคลอดเล็กน้อย เรียกว่าออกน้อยมาก จนบางคนต้องใช้ทิชชู่เช็ดจึงจะรู้ว่ามี บางคนออกมาแค่ครั้งเดียวก็หายไปเลย แต่บางคนอาจเป็นนานสองวัน แต่เลือดจะไม่ออกต่อเนื่องเหมือนประจำเดือน รวมทั้งไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อ เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของแม่ท้อง คลิกหน้า 2

ประสบการณ์จริง! พ่อจน แนะเคล็ด (ไม่) ลับ สอนลูกเรียนเก่ง

event

พ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง ได้ …สำหรับบ้านไหนที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยเรียน คงมีพ่อแม่จำนวนมากที่กำลังคิดหรือมองหาวิธีว่า ทำอย่างไรให้ลูกเรียนเก่ง หรือหาวิธีสอนลูกให้เรียนเก่งขึ้น แต่เมื่อเห็นสถิติที่พ่อแม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่งลูกๆ ไปเรียนกวดวิชาอย่างต่ำก็เดือนละ 3,000 บาทต่อคน หรือสูงสุดถึง 80,000 บาทต่อปี ซึ่งเห็นจำนวนเงินแล้วก็น่าเหนื่อยแทน

แล้วหากครอบครัวที่มีรายได้น้อย แต่อยากให้ลูกเรียนเก่ง จะทำได้อย่างไร?พ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง

ซึ่งการที่เด็กจะเรียนเก่งขึ้นได้นั้น พ่อแม่ควรเลือกและสร้างแนวทางการเรียนที่เหมาะสม ที่จะเป็นไปได้ทั้งในและนอกห้องเรียน โดยเริ่มฝึกแนวทางที่ดีให้กับลูก ตั้งแต่ระดับชั้นประถมต้น พอโตขึ้นให้เด็กยึดแนวทาง นำไปใช้ต่อไป เรื่อยๆในระดับที่สูงขึ้นไป ตั้งแต่ระดับประถมปลาย มัธยมต้น มัธยมปลาย ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย

Amarin Baby & Kids จึงขอเสนอแนวทาง การสอนลูก จาก ฮันฮีซ็อก (Han Hee-Seok) คุณพ่อแดนกิมจิ เจ้าของหนังสือที่บรรจุเคล็ดลับดีๆ เรื่อง “พ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง” ให้เรียนรู้วิธีการง่ายๆ ที่เริ่มจากตัวพ่อแม่มาฝากกัน

โดย ฮันฮีซ็อก ยอดคุณพ่อคนนี้ มีภรรยา 1 ลูก 3 เขาเป็นนักเขียนนิยายอิสระ มีรายได้ไม่แน่นอน บางครั้งก็ต้องรับเหมาก่อสร้างงานไม้ งานอิฐ แต่ก็ฮึดสู้ หาวิธีฝึกสอนลูกให้มุ่งมั่นในการเรียนอย่างมีระบบ แบบไม่ต้องพึ่งโรงเรียนกวดวิชา เพราะไม่มีเงิน

Must readเปิดใจพนักงานเก็บขยะ ปลื้ม!ลูกสวมครุยกราบเท้า

ซึ่งคุณพ่อฮันฮีซ็อก ก็สามารถทำได้จริงมาแล้วในตลอด 10 ปี กับการพยายามเป็น “โค้ชการเรียนของลูก” จนกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีมอบรางวัล “ต้นแบบการฝึกสอนลูกให้เก่งโดยไม่ต้องเรียนกวดวิชา” ด้วยผลลัพธ์ที่ดีเหลือเชื่อ คือ จากลูกสาวที่เคย ได้อันดับการเรียน “เกือบที่โหล่” จนกลายเป็น “ที่ 1” ของโรงเรียนติดต่อกันตั้งแต่ ม.3-ม.6 และสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐติด แบบไม่เสียเงินกวดวิชาสักบาทเดียว

มาดูเคล็ดไม่ลับของสุดยอดโค้ชคุณพ่อฮันฮีซ็อก กันค่ะว่า จะมีวิธีการสอนลูกให้เรียนเก่งขึ้นได้อย่างไร โดยไม่ต้องพึ่งโรงเรียนกวดวิชาให้เสียเงิน

9 เคล็ดไม่ลับ ของสุดยอดโค้ช พ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง

1. ทำตัวกลมกลืนกับลูกๆ พูดภาษาเดียวกัน กินเหมือนกัน ให้ลูกๆเชื่อใจว่าเป็นพวกเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อเราสอนเราพูดอะไร ลูกๆจะเชื่อฟังเราอย่างดี อีกทั้งเรียนรู้รสนิยม พฤติกรรม การพูดจาของลูกและเพื่อน ๆ ไว้บ้างเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในครอบครัว

2. พาลูกไปเปิดหูเปิดตา เข้าชมนิทรรศการหรือกิจกรรมฟรีๆ เช่น งานแสดงภาพวาด นิทรรศการศิลปะต่างๆ ละครเวที งานแสดงดนตรี ของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มักจะให้เข้าชมฟรี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ทางศิลปะพัฒนาสมองและจิตใจลูกๆ ทำให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น

Must read7 ที่เที่ยวเสริมพัฒนาการ ไม่เกิน 100 บาท! เพื่อลูกน้อย

3. ตัดบทความจากหนังสือพิมพ์ เลือกคอลัมน์ที่เหมาะสมกับลูก ผู้เขียนแสดงทัศนะคติชัดเจน เป็นบทความสั้น ๆ อ่านจบภายใน5 นาที วันละ 1 บทความ ให้ลูกอ่านเป็นประจำช่วยสร้างมุมมองความคิดใหม่ๆ เข้าใจเหตุการณ์บนโลกอย่างลึกซึ้ง และสร้างกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุมีผล

4. เมื่อเด็กอ่านบทความจากหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ จะทำให้รู้เรื่องรอบตัวมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรหาเรื่องรอบๆตัวมาอภิปรายร่วมกับลูก เพื่อให้ทราบทัศนคติของลูก อีกทั้งช่วยสร้างเสริมให้ลูกรู้จักคิดและใช้เหตุผล

5. ให้ลูกๆ ดูโทรทัศน์ได้เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม แต่ควรวางแผนอย่างเหมาะสม ควรเลือกให้ดูเฉพาะรายการที่มีประโยชน์ เช่น สารคดี เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับลูกๆ

อ่านต่อ >> “9 เคล็ดไม่ลับ พ่อจนสอนลูกเรียนเก่งได้” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

Alternative Textaccount_circle
event

หลังจากที่เตรียมตัวตั้งครรภ์กันมานาน คราวนี้สมใจแล้ว ก็เริ่มมาดูกันสิว่า ในช่วงเริ่มแรกของ พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์ ภายในท้องของคุณแม่มีอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์

ในช่วง ตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์แรก เกิดขึ้นจากไข่ของคุณแม่ผสมเข้ากับเชื้ออสุจิของคุณพ่อ จากนั้นก็จะไปฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก เจริญเติบโตกลายเป็นตัวอ่อน ซึ่งการตั้งครรภ์ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ จะทำให้ประจำเดือนของคุณแม่ขาดหายไป เนื่องจากไม่มีการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก แต่เยื่อบุดังกล่าวจะเจริญเติบโตและทำหน้าที่เป็นผนังช่วยให้ไข่ที่ผสมแล้วมายึดเกาะและฝังตัว ไข่ที่ฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกนี้ก็จะเติบโตเป็นตัวอ่อน ซึ่งก็คือลูกน้อยทารกในครรภ์ของคุณแม่ที่กำลังจะพร้อมออกมาดูโลกในอีก 9 เดือนต่อไปนั่นเอง

ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ แต่คุณแม่อาจยังไม่รู้

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์  อาจจะยังไม่รู้เลยว่ากำลังตั้งครรภ์ เพราะยังไม่มีอาการแพ้ท้อง โดยจะมีอาการที่รู้สึกได้บ้าง เช่น  ประจำเดือนยังไม่มา ตกขาว ปัสสาวะบ่อย มีเลือดออก ฯลฯ ซึ่งคุณแม่อาจจะไม่ได้สังเกตแต่ความเป็นจริง ลูกน้อยของคุณแม่เริ่มเข้าสู่ขั้นตอน พัฒนาการ การฝังตัวและเริ่มมีการเจริญเติบโตแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงภายในจะมีการสร้างรก และถุงน้ำคร่ำรวมถึงสายสะดืออีกด้วย

ในช่วงนี้อาการเริ่มแรกอาจจะยังไม่สามารถใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจพบเจอได้ เนื่องจากฮอร์โมนตั้งครรภ์ที่กำลังสร้างยังไม่สูงเพียงพอ การตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์จึงยังไม่พบ รวมทั้งคุณแม่ส่วนใหญ่จะยังไม่รู้ตัวหรือสังเกตอาการในระยะแรกได้ค่ะ

แต่หากผ่านพ้นไปแล้วสัก 3-4 สัปดาห์ อาการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่แสดงว่ากำลังตั้งครรภ์จะมากขึ้น รวมถึงฮอร์โมนในร่างกายคุณแม่ก็จะมีสูงมากพอที่จะตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะได้แล้ว  โดยแนะนำให้ตรวจในช่วงเช้า ก่อน 10.00 น.จะเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนของการตั้งครรภ์สูงที่สุดของวันค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อ เรื่องการเปลี่ยนแปลงของแม่ท้อง คลิกหน้า 2

การปั๊มนม

เคล็ดไม่ลับ การปั๊มนม วิธีเพิ่มน้ำนม ฉบับคุณแม่มืออาชีพ

Alternative Textaccount_circle
event
การปั๊มนม
การปั๊มนม

การปั๊มนม เป็นอีกวิธีที่ช่วยกระตุ้นน้ำนมออกจากเต้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคุณแม่แรกคลอดที่ประสบปัญหาน้ำนมน้อยหรือน้ำนมไม่มา นอกจากให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ แล้ว การปั๊มนมเป็นวิธีเพิ่มน้ำนมได้อีกทางหนึ่ง แต่การปั๊มนมให้มีประสิทธิภาพก็ต้องอาศัยเทคนิคด้วยเช่นกัน มาดูเคล็ด (ไม่) ลับที่จะช่วยให้คุณแม่เพิ่มน้ำนมด้วยการปั๊มนมกันค่ะ

นมแม่ สุดยอดอาหารมหัศจรรย์สำหรับลูก

นมแม่ เป็นอาหารทารกที่วิเศษสุดสำหรับทารกวัยแรกเกิด ดังที่มีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นว่า เด็กทารกที่ได้รับนมแม่จะเป็นเด็กที่มีสุขภาพกายและใจสมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันโรคสูง พัฒนาการทางสมองดี และผลวิจัยล่าสุดยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า นมแม่ยังช่วยสร้างพัฒนาการทางด้านภาษาให้เด็กเรียนรู้การใช้ภาษาพูดได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

ยิ่งนานวันเราก็ยิ่งเห็นประโยชน์จากนมแม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้เต็มที่ เช่น คุณแม่ต้องทำงาน ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ตลอดวัน จึงไม่สามารถให้นมได้ตลอดเวลาที่ลูกต้องการ หรือในบางครั้งเกิดจากตัวคุณแม่ยังไม่มีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับการให้นมลูกหรือการปั๊มนมอย่างถูกวิธี จึงหันมาให้นมผงแทน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การให้นมหรือการปั๊มนมไม่ใช่เรื่องยาก เป็นวิธีการเรียนรู้ตามธรรมชาติที่คุณแม่ทุกคนสามารถทำได้ ในช่วงแรกอาจรู้สึกติดขัดและน้ำนมยังไม่เพียงพอสำหรับลูก แต่ขอให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้กระบวนการและเทคนิคต่าง ๆ ต่อไป

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

รู้เรื่องน้ำนม ก่อนปั๊มนม

กลไกการผลิตน้ำนมแม่

เครดิตภาพ : momjunction.com

ก่อนอื่นต้องมารู้จักกระบวนการผลิต “น้ำนม” จากเต้ากันก่อน ร่างกายจะเริ่มผลิตน้ำนมใน 3 ช่วง คือ ช่วงตั้งครรภ์ ช่วงคลอดใหม่ และช่วงให้นม ในช่วงตั้งครรภ์และช่วงคลอดใหม่ น้ำนมที่ถูกผลิตจะเป็น “หัวน้ำนม” ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนตามธรรมชาติ แต่หลังจากเกิดการกระตุ้นจากการดูด บีบ หรือปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอ น้ำนมก็จะถูกผลิตได้เองอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลาที่มีปริมาณน้ำนมมากที่สุด คือ ประมาณตี 5-7 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ดีในการให้นมและปั๊มนมเก็บไว้สำหรับคุณแม่ที่เป็น Working Mom

บทความแนะนำ กลไกการหลั่งน้ำนมที่แม่มือใหม่ควรรู้!

วิธีเพิ่มน้ำนมด้วย การปั๊มนม

  1. ปั๊มนมหลังคลอดได้เลย

คุณแม่ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาน้ำนมไม่มาหลังคลอด คุณหมอแนะนำให้เด็กดูดนมทันทีในช่วงเวลาครึ่ง ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากคลอด เพื่อเป็นการกระตุ้นเด็กและกระตุ้นการเกิดน้ำนมด้วย ในช่วงแรกคุณแม่อย่าเพิ่งตกใจที่ยังไม่เห็นน้ำนม แต่หลังจากนั้นสัก 2-3 ชั่วโมงจะมีหัวน้ำนมไหลออกมา และหากมีเวลาว่าง คุณแม่ควรปั๊มนมเพื่อกระตุ้นกระบวนการผลิตไปด้วย โดยยังไม่ต้องพะวงว่าจะมีน้ำนมไหลออกมาหรือไม่ก็ตาม และในระหว่างการปั๊มนมควรผ่อนคลาย ไม่เครียด หรือเพ่งกับเครื่องปั๊มจนมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำนมอายจนไม่ไหลออกมา

วิธีปั๊มนม, การปั๊มนม
เครดิตภาพ : http://mommystap.com
  1. ใช้เครื่องปั๊มนมแบบ 2 ข้าง

เมื่อน้ำนมข้างหนึ่งถูกกระตุ้นและไหลออกมา น้ำนมอีกข้างก็จะไหลตามมาด้วย การใช้เครื่องปั๊มนมแบบ 2 ข้าง จะช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลาในการปั๊ม ไม่รบกวนเวลาทำงาน และได้น้ำนมเก็บเป็นสต๊อกอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ จากประสบการณ์การดูแลคนไข้ของ พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ยังพบว่า คุณแม่ที่ใช้เครื่องปั๊มนมแบบ 2 ข้าง มักจะเลี้ยงลูกได้นานมากกว่าคุณแม่ที่ใช้เครื่องปั๊มนมแบบมืออีกด้วย เพราะเหนื่อยน้อยกว่า และได้ทำงานหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นไปพร้อม ๆ กัน จึงรู้สึกเพลินขณะปั๊มนม

  1. ขโมยปั๊มทุกชั่วโมง

ใน 1 วันเด็กจะดูดนม 8-10 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาทีต่อ 1 ข้าง ซึ่งถ้าเทียบกับการปั๊มนม คุณแม่ควรปั๊มนมให้ได้ 8-10 ครั้ง เท่ากับลูกดูด ถึงจะเพียงพอกับการให้นม 4-5 มื้อ ดังนั้น การขโมยปั๊มนมหลังจากลูกดูดไป 1 ชั่วโมง โดยใช้เวลาปั๊มแค่ครั้งละประมาณ 10 นาที จะเป็นการเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่อย่างดีเยี่ยม สำหรับกรณีที่ลูกขอดูดนมตลอดเวลาแทบทุกชั่วโมง จนไม่มีโอกาสขโมยปั๊มนมได้เลย ให้คุณแม่ใช้วิธีปั๊มพร้อมกับที่ลูกดูดอีกข้าง โดยถือที่ปั๊มนมนาน 10 นาที แล้วเก็บน้ำนมนั้นเป็นสต๊อกต่อไป

การปั๊มนม
เครดิตภาพ : Jerry Bunkers on flickr
  1. Working Mom ควรปั๊มนมทุก 2-3 ชั่วโมง

เพื่อเป็นการรักษาระดับการสร้างน้ำนมให้คงที่ ไม่ให้ลดลง Working Mom หรือคุณแม่ทำงานควรปั๊มนมทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง โดยปั๊มที่โต๊ะทำงาน แล้วใช้ผ้าคลุมสวมทับ เพื่อให้สามารถทำงานได้ขณะปั๊มนม เรียกว่า ได้ทั้งน้ำนม ได้ทั้งงานไปพร้อม ๆ กันเลยทีเดียว

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อ แม่ควรรู้ วิธีปั๊มนม มีกี่แบบ คลิกหน้า 2

สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่

6 สุดยอด สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ (ไทย จีน ฝรั่ง) ครบสูตร

Alternative Textaccount_circle
event
สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่
สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่

สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ลูกวัยทารกควรได้รับตั้งแต่แรกเกิดไปจนกระทั่งอย่างน้อย 6 เดือนแรก แล้วจึงให้อาหารเสริมควบคู่ไปกับการให้นมแม่จนลูกอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น ทีมงาน Amarin Baby & kids มี สุดยอด สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ ที่รวบเอาสมุนไพรทั้งไทย จีน ฝรั่ง ที่แม่ให้นมลูกทานแล้วช่วยบำรุงน้ำนมแม่ได้ดีมากมาฝากค่ะ

(more…)

เชื้อรา

เชื้อราในช่องคลอด เป็นง่าย หายยาก เรื่องที่คุณผู้หญิงต้องระวัง!

event
เชื้อรา
เชื้อรา

เชื้อราในช่องคลอด อาการ ไม่พึงประสงค์ ไม่ใช่โรคร้ายแรงเพียงแต่อาจทำให้มีอาการคัน เกิดความน่ารำคาญ และทำลายบุคลิกภาพ แต่ไม่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นอันตรายต่อรังไข่ โพรงมดลูก หรืออุ้งเชิงกรานได้ แต่ผู้หญิงต้องเข้าใจและรู้จักดูแล

เพราะเพศหญิง มีอวัยวะเพศที่บอบบางและง่ายต่อการได้รับเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากไม่มีหนังหุ้มปิดมิดชิดเหมือนเพศชาย การรักษาสุขอนามัยส่วนตัวจึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

เชื้อราในช่องคลอด อาการ ไม่พึงประสงค์

ที่คุณผู้หญิงต้องป้องกัน

เชื้อราในช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ โดยจะพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 10-30% ส่วนผู้หญิงปกติพบได้ประมาณ 10% และยังพบว่าคนที่ไม่มีอาการใดๆ เมื่อตรวจภายในบางรายก็พบว่ามีเชื้อราในช่องคลอดแอบแฝงอยู่ มีทั้งเชื้อราที่ไม่แสดงอาการคือเมื่อตรวจจะพบว่าภายในช่องคลอดมีเชื้อราส่วนใหญ่ 80-90% เป็นสายพันธุ์ Candida Albicans และแบบที่แสดงอาการอย่างชัดเจน จนทำให้ต้องไปพบแพทย์ในที่สุด

เชื้อราในช่องคลอด อาการ

เชื้อรา …ปัญหาของตกขาวคัน

เชื้อรา คือเชื้อโรคชนิดหนึ่ง มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Candida albicans เชื้อโรคตัวนี้อยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วไป แต่ชอบสภาพสิ่งแวดล้อมที่ร้อนชื้นเป็นพิเศษ ช่องคลอดของคนเราเป็นอวัยวะที่ชื้นอยู่แล้วเพราะมีตกขาวอย่างที่ว่า ส่วนเรื่องร้อนนั้นขึ้นกับหลายปัจจัยคือ

  • สภาพอากาศของบ้านเราที่ค่อนข้างร้อนจนถึงร้อนมาก
  • ใส่เสื้อผ้าที่อบมาก
  • สภาพร่างกายที่อ้วนมาก บางคนแค่ยืนเฉยๆ ขาก็มาชนกันแล้วทำให้ช่องคลอดถูกอบอยู่ตลอดเวลา

สภาพเหล่านี้แหละที่เชื้อราชอบมาก เหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงไทยเรามีการติด เชื้อราในช่องคลอด กันง่ายมาก บางทีอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็ยังเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้ ผิดกับผู้หญิงในเมืองหนาวที่มีการติดเชื้อราน้อยกว่าซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะรายที่เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคที่ต้องกินยากดภูมิต้านทานบางอย่าง เหล่านี้ทำให้เชื้อราชอบมากเช่นกัน

อ่านต่อ >> “ลักษณะอาการติดเชื้อราในช่องคลอด” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560

รวมแพ็คเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระบาด ปี 2560 (14 โรงพยาบาล ชั้นนำในกรุงเทพฯ)

Alternative Textaccount_circle
event
แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560
แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560

จากข่าวที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2) ซึ่งทางกระทรวงสาธารณะสุขได้มีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อชนิดนี้ สำหรับคุณพ่อ คุณแม่และลูกน้อย ก็จะสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน เรามาดู แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560 กันค่ะ

(more…)

อุทาหรณ์! แม่ซื้อสิ่งนี้ให้ลูกเพราะคิดว่าเป็นลูกอมหลากสี ก่อนรู้ตัวว่าทำผิดหลังป้อนลูกไปแล้ว 280 เม็ด

event

เบบี้คริสตัล อันตราย …อีกหนึ่งอุทาหรณ์เตือนใจพ่อแม่ เมื่อแม่ชาวจีนเผลอซื้อเม็ดโพลิเมอร์อุ้มน้ำ หรือดินวิทยาศาสตร์ เพราะคิดว่าเป็นลูกกวาด แล้วผู้เป็นพ่อก็ป้อนลูกเพลินลงท้องไปแล้วกว่า 200 เม็ดถึงได้รู้ความจริงที่หลัง

โดยในเว็บไซต์ shanghaiist รายงานว่า…

มีคุณแม่รายหนึ่งในเมืองเจียงซู ของประเทศจีน ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตแล้วจึงได้ หยิบเม็ดโพลิเมอร์ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงที่มีหลากสีสัน เพราะเธอคิดว่าเป็นลูกกวาดหลากสีสัน แบบที่ลูกสาววัย 3 ขวบโปรดปรานไปฝากลูก

เมื่อกลับมาถึงบ้าน… ในขณะที่เธอเริ่มทำงานบ้าน ส่วนสามีก็ไปหยิบขนมนั้นมาป้อนให้ลูกสาวชิ้นแล้วชิ้นเล่า  โดยไม่รู้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ลูกกวาด แต่เป็นโพลิเมอร์อุ้มน้ำที่จะเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณมากในรูปทรงขนาดเล็ก มักใช้ในการปลูกพืช

เบบี้คริสตัล อันตราย

เบบี้คริสตัล อันตราย

(ถาพปรียบเทียบตอนที่พองตัวแล้วกับสภาพเดิม)

Must readวิธีช่วยชีวิตลูก สิ่งแปลกปลอมติดคอ สำลักอาหาร (มีคลิป)
Must readเผยรายชื่อ 10 ของเล่นอันตราย

อ่านต่อ >> “แม่ซื้อสิ่งนี้ให้ลูกเพราะคิดว่าเป็นลูกอมหลากสี ก่อนรู้ตัวว่าทำผิด” คลิกหน้า 2

เซรั่มกระชับช่องคลอด

เซรั่มกระชับช่องคลอด ผู้หญิงจำเป็นต้องใช้จริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
เซรั่มกระชับช่องคลอด
เซรั่มกระชับช่องคลอด

เซรั่มกระชับช่องคลอด เรื่องมีอยู่ว่าทำไงให้สามีรักสามีหลง เสน่ห์ปลายจวักไหม หรือจะกราบเท้าสามีก่อนนอน แต่ถ้าจะให้เด็ดสุดต้องเก่งเรื่องบนเตียงด้วยถึงจะครบสูตร อันนี้ไม่ได้ทะลึ่งแต่เป็นเรื่องจริงนะจะบอกให้  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเรื่องที่ผู้หญิงให้ความสนใจอยู่ตอนนี้กับการใช้ เซรั่มกระชับช่องคลอด หลายคนอยากรู้ใช้แล้วได้ผล ไม่มีอันตรายจริงหรือเปล่า!?

 

เซรั่มกระชับช่องคลอด อันตรายจริงไม่โลกสวยนะ!!

คุณแม่หลังคลอด และรวมถึงสาวๆ ที่อยากให้ช่องคลอดฟิตกระชับ แล้วไปหาซื้อเซรั่มกระชับช่องคลอดมาใช้กัน เพราะสรรพคุณชวนให้น่าหลงใหล ที่บอกว่าใช้แล้วช่วยช่องคลอดกระชับ ผิวเรียบเนียน กำจัดเชื้อแบคทีเรีย  ลดอาการคัน ตกขาว รักษาเริม ฯลฯ อยากบอกว่าไม่มียาใดวิเศษไปกว่าการฝึกกระชับช่องคลอดด้วยตัวเองแล้วค่ะ

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามเฝ้าระวังการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียที่มีการโฆษณาเป็นจำนวนมาก พบมีการอ้างสรรพคุณเกินจริง และนำภาพเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปแสดงในโฆษณาขายสินค้าทางสื่อออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่า อย.รับรองสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้าง เช่น เซรั่มกระชับช่องคลอดที่ขอจดแจ้งผลิตภัณฑ์กับ อย.ว่าเป็นเครื่องสำอางประเภทโลชั่นบำรุงผิวกาย แต่โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่ามีคุณสมบัติครบในหลอดเดียว เพิ่มความฟิตกระชับ เรียบเนียนกระจ่างใสอมชมพู กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดกลิ่น คัน ตกขาว ลดการอักเสบและอาการแพ้น้ำอสุจิ ช่วยรักษาเริมและปรับสมดุลฮอร์โมนให้ปกติ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าสามารถรักษาโรคได้ ทั้งที่เป็นเพียงโลชั่นบำรุงผิวกายเท่านั้น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้เสียเวลาในการรักษา และอาจเกิดอันตรายตามมาได้(1)

 

คุณหมออกมาเตือนแล้วว่าเซรั่มกระชับช่องคลอด ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงนั้นไม่ได้มีผลในการช่วยให้ช่องคลอดฟิตกระชับแต่อย่างใด ซึ่งหากใช้แล้วอาจทำให้เกิดอันตรายต่อช่องคลอดได้  ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับสุขภาพของคุณแม่ และสาวๆ ก่อนซื้ออะไรมาใช้ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนนะคะ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ

อ่านต่อ >> “5 วิธีฝึกขมิบช่องคลอดให้ฟิต อย่างปลอดภัย” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ลูกนั่งคาร์ซีท

ลูกรอดชีวิต จากรถสิบล้อชน เพราะนั่งคาร์ซีท

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกนั่งคาร์ซีท
ลูกนั่งคาร์ซีท

จากประสบการณ์จริงของคุณแม่ที่โพสต์เอาไว้เตือนภัย เมื่อคุณแม่ พี่เลี้ยง และลูกน้อยอีก 2 คนนั่งอยู่ในรถแล้วถูกรถชน ทำให้พี่เลี้ยง และลูกคนโตสลบ รวมถึงลูกคนเล็กที่มีอาการหนักที่สุด แต่คุณแม่ให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทอยู่ที่เบาะหลัง คาร์ซีทจึงห่อตัวลูกน้อยเอาไว้ ทำให้ ลูกรอดชีวิต

(more…)

สอนลูกฉลาดทำบุญ 16 วิธี ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด!

event

ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด …หลายๆคนเมื่อนึกถึงการทำบุญมักจะนึกถึง การเข้าวัด ไหว้พระ เท่านั้น แต่วันนี้ ทีมแม่ ABK มาสายธรรมะ ขอนำเสนอวิธีการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัดมาฝากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อพาลูกๆทำบุญกันค่ะ เพียงแค่ทำเช่นข้อใดข้อหนึ่ง (หรือจะทำครบทุกข้อก็ได้) ต่อไปนี้แค่นี้ก็เป็นการทำบุญแล้วค่ะ

ความหมายของคำว่า “บุญ” ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

บุญ คือ การทำความดีด้วยวิธีการต่างๆ ที่ทำให้อิ่มเอิบเบิกบานใจโดยทั่วไป บุญ แปลว่าเครื่องชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ ชำระอย่างแรกคือชำระพฤติกรรม ให้งดงาม เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ชำระประการต่อมาก็คือชำระจิตใจ ให้หายเศร้าหมอง พ้นจากความเร่าร้อน เกิดความสว่างไสวในทางปัญญา คิดถูกคิดชอบ ไม่หลงไปตามอารมณ์ชั่วแล่น

บุญ ยังแปลว่า ความอิ่มเอิบเบิกบานใจ เพราะได้ทำความดีและได้สร้างสรรค์ความเจริญงอกงามให้เกิดขึ้น คนเราทุกคนต้องการทำความดี อยากให้ความดีภายในได้เปล่งประกายออกมา เหมือนกับดอกไม้ที่อยากเบ่งบาน สยายกลีบ โดยไม่สนใจว่าจะมีคนเห็นหรือไม่ การทำความดีช่วยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดุจเดียวดับดอกไม้ที่บรรลุความสมบูรณ์เมื่อได้สร้างความงดงามให้แก่โลก

ผู้ให้ความสุขย่อมได้ความสุข ♥

บุญนั้นเริ่มต้นด้วยการรู้จักให้ การให้ (หรือทาน) ช่วยให้เราไม่คิดจะเอาเข้าตัวอยู่ร่ำไป ชีวิตที่คิดแต่จะเอาเป็นชีวิตที่ไม่สมดุล จิตที่คิดแต่จะเอาเป็นจิตที่คับแคบ เห็นแก่ตัว ทำให้เป็นคนไม่น่ารัก และมีความสุขยาก

เด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาได้เพราะเป็นฝ่ายรับจากผู้อื่นมาตั้งแต่เกิด ทั้งน้ำนม อาหาร ความอบอุ่น ตลอดจนความรู้ แต่ถ้าไม่รู้จักให้เสียเลย ก็จะเกิดความเข้าใจผิดว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวเท่านั้น การสอนเด็กให้รู้จักให้ คือการสอนบทเรียนชีวิตข้อแรกว่า เมื่อรับแล้วต้องรู้จักให้ ต้นไม้ทุกต้นเติบโตเพราะดูดน้ำและอาหารจากพื้นดิน แต่เวลาเดียวกันเขาก็รู้จักคายน้ำและทิ้งกิ่งใบให้เป็นปุ๋ย เป็นการตอบแทนผืนดินที่หล่อเลี้ยงเขามา อีกทั้งยังให้อาหารและที่พักพิงแก่เพื่อนร่วมโลก เช่น นก กระรอก รวมทั้งมนุษย์

Must readวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กมีน้ำใจ รู้จักให้ และเสียสละ

แต่การให้มิได้หมายถึงการตอบแทน หรือเป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น การให้ยังช่วยให้เราได้รับความสุข การสอนลูกให้รู้จักให้ คือการสอนให้เขารู้จักความสุขจากการให้ “ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข” เป็นสัจธรรมที่เด็กควรรับรู้ …ด้วยเหตุนี้ ผู้ใหญ่สมัยก่อนจึงนิยมพาลูกหลานใส่บาตรตั้งแต่ยังตัวเล็ก ๆ ทีแรกก็เป็นฝ่ายเฝ้าดูพ่อแม่หรือตายายเอาอาหารหวานคาวใส่บาตร ต่อมาก็ใส่บาตรด้วยตนเอง ใส่แล้วก็พนมมือจรดหัว

Must read10 เทคนิคสอนลูกให้เป็นเด็กกตัญญู

ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

ทำบุญที่ใจ ♥

คนเราสามารถทำบุญได้ตลอดเวลา ไม่ว่าที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือบนท้องถนน ไม่มีเงินหรือไม่ใช้เงินเลย ก็ทำบุญได้แม้กระทั่งอยู่เฉย ๆ แต่ทำใจให้ถูกต้อง จนเกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมา ก็เป็นบุญ เช่น ยินดีปลาบปลื้มเมื่อเห็นคนอื่นทำความดี ไม่อิจฉา หรือค่อนแคะเขาว่าอยากดัง การสอนให้ลูกชื่นชมคนดีคือการสร้างนิสัยใฝ่ดีขึ้นมาในตัวเด็ก ขณะเดียวกัน เมื่อทำความดี ก็ไม่หวงความดีไว้คนเดียว ชักชวนหรือเปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำความดีด้วย ตลอดจนแผ่บุญกุศลจากความดีนั้นให้แก่คนอื่น ให้เขาได้รับประโยชน์ด้วย นี้ก็เป็นบุญด้วยเช่นกัน

การทำบุญที่ใจ ทำให้ใจเป็นกุศล และมีความสุข ตรงกันข้าม การอิจฉาคนอื่นที่ทำดีกว่าตน หรือถือตัวถือตน ทำให้จิตใจเร่าร้อนและเครียดง่าย แต่ถ้าอยากให้ลูกมีสุขภาพใจที่สมบูรณ์ พ่อแม่ควรสอนลูกให้รู้จักฝึกจิตฝึกใจให้มีภูมิคุ้มกันความทุกข์ ฉลาดในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบใจด้วย

Must read37 แนวทาง เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม!! ตามคำสอนพุทธ เพื่อให้ลูกเป็นคนดีและมีสุข
Must read3 เทคนิค สอนลูก เข้าใจธรรมะ
Must read16 ข้อ ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน

ขอบคุณบทความจาก : พระไพศาล วิสาโล

ทั้งนี้มีหลายๆ คนเมื่อนึกถึงการทำบุญมักจะนึกถึง การเข้าวัด ไหว้พระ เท่านั้น แต่วันนี้เราขอนำเสนอการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัดมาฝากกัน เพียง แค่ทำ 1 ใน 16 ข้อต่อไปนี้แค่นี้ก็เป็นการทำบุญแล้วค่ะ

อ่านต่อ >> “16 วิธี ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด

เตือนพ่อแม่ระวัง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด

Alternative Textaccount_circle
event
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด

จากกรณีโรงเรียนดังปิด หลังจากที่พบเด็กนักเรียนป่วยเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงประเมินความเสี่ยงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นี้ คาดว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด เพิ่มขึ้นเดือนละ 13,000 คน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นเชื้อชนิด H3N2 (ฮ่องกง)

(more…)

ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง

ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง แม่ท้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอด!

Alternative Textaccount_circle
event
ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง
ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง

ปากมดลูกเปิด เป็นสัญญาณบอกให้แม่ท้องควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ได้แล้ว แต่หลายคนคงสงสัย โดยเฉพาะคุณแม่ครรภ์แรกว่า ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะเป็นเวลาคลอดจริง ๆ แล้วถ้าปากมดลูกไม่เปิดขึ้นมา จะมีผลต่อตัวเองและลูกน้อยในท้องหรือไม่ เรื่องสำคัญอย่างนี้อย่าชะล่าใจ แม่ท้องต้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอดนะคะ

ปากมดลูก คือ เนื้อเยื่อส่วนปลายสุดของมดลูก มีลักษณะเป็นคอคอดต่อลงมาจากตัวมดลูก มีมูกเลือดปิดกั้นเพื่อป้องกันเชื้อโรค และปกป้องลูกน้อยก่อนจะออกมาสู่โลกภายนอก ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่เดือนที่ 9 ของการตั้งครรภ์ คุณหมอจะขอตรวจปากมดลูกว่าเปิดหรือยัง เพื่อกำหนดวันคลอดให้คุณแม่ได้เตรียมพบหน้าลูกน้อยค่ะ

ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง

ปากมดลูกเปิด เป็นอาการเตือนก่อนคลอดอีกอย่างหนึ่ง และบ่งบอกให้รู้ว่าคุณแม่จะคลอดง่ายหรือยากอีกด้วย เมื่อปากมดลูกเริ่มเปิด จะมีลักษณะอ่อนนุ่ม บางลง และเคลื่อนไปทางด้านหน้าของช่องคลอดจนสั้นลง เส้นเลือดบริเวณปากมดลูกจะแตกจากการขยายตัว จนทำให้มูกไหลออกมาพร้อมเลือดทางช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยพร้อมจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว

บทความแนะนำ 6 อาการใกล้คลอด ที่แม่ต้องสังเกต

คุณหมอจะรอให้ปากมดลูกเปิดจนถึง 10 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า Fully Dilatation เพื่อให้ลูกสามารถคลอดออกมาได้อย่างสะดวก ปลอดภัย แต่บางคนที่แม้มดลูกจะบีบรัดหดตัวเหมือนอาการคนใกล้คลอดแล้ว หากพบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด เพราะแข็งอยู่ คุณหมออาจเปลี่ยนไปเป็นการผ่าคลอดแทน

ปากมดลูกเปิด อาการใกล้คลอด

ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ บอกอะไรได้บ้าง

  • ปากมดลูกเปิด 1 เซนติเมตร เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า ลูกน้อยในครรภ์กำลังจะใกล้ออกมาพบหน้าคุณแม่แล้ว ให้จัดกระเป๋าเตรียมคลอดไว้เลย และขอให้ทำใจสบาย ๆ ไม่วิตกกังวล หรือเครียดมากนัก เพราะกว่าปากมดลูกจะเปิดถึง 10 เซนติเมตร คุณแม่ยังคงมีเวลาตั้งสติเตรียมความพร้อมได้อยู่ระยะหนึ่ง สำหรับคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์แล้วจะใช้เวลาไม่เกิน 13-14 ชั่วโมง ส่วนคุณแม่ครรภ์แรกจะไม่เกิน 20 ชั่วโมง ทั้งนี้ ปากมดลูกของแต่ละคนอาจเปิดช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย จิตใจ และสรีระของคุณแม่ด้วย
  • ปากมดลูกเปิด 4-8 เซนติเมตร เรียกว่า “ระยะเร่ง” เป็นระยะที่คุณแม่จะเจ็บครรภ์จริง เพราะมดลูกหดตัวทุก 15-30 นาที โดยจะหดตัวครั้งละ 45-60 วินาที จึงรู้สึกเจ็บท้องไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ช่วงนี้ปากมดลูกจะบางตัวลงจนกระทั่งเปิดหมด คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แรก ปากมดลูกจะใช้เวลาเปิดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ส่วนคุณแม่ที่มีประสบการณ์คลอดธรรมชาติมาแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นมดลูกจะบีบตัวแรงและถี่ขึ้นทุก ๆ 2-3 นาที ในระยะนี้คุณแม่ควรผ่อนคลายอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ และไม่ควรเบ่งคลอด แม้ว่าจะรู้สึกอยากเบ่งก็ตาม เพราะปากมดลูกยังเปิดไม่เต็มที่ อาจเป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกในท้องได้
  • ปากมดลูกเปิด 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความกว้างเท่ากับเชิงกราน เรียกระยะนี้ว่า “ระยะเบ่ง” ใช้เวลาประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง เป็นระยะที่ศีรษะของลูกลงมาบริเวณเชิงกรานพร้อมจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว โดยจะหมุนเอาส่วนหน้าคว่ำลงให้ศีรษะค่อย ๆ เคลื่อนลงมาจนถึงปากมดลูก ช่วงนี้คุณแม่จะเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะกล้ามเนื้อเชิงกรานยืดออกให้ลูกคลอดออกมา แต่ถ้าปากมดลูกยังเปิดไม่กว้างพอ คุณหมออาจต้องกรีดเพื่อขยายปากช่องคลอด
บทความแนะนำ วิธีเบ่งคลอดลูกที่ถูกต้อง สำหรับคุณแม่เตรียมคลอดลูก

อ่านต่อ>> ปากมดลูกเปิดช้า ต้องทำอย่างไร คลิกหน้า 2

แพ็คเกจวัคซีน ipd

แพ็คเกจวัคซีน IPD โรงพยาบาลในกทม. ปี 60

Alternative Textaccount_circle
event
แพ็คเกจวัคซีน ipd
แพ็คเกจวัคซีน ipd

คุณพ่อ คุณแม่คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไอพีดี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 โดยในแต่ละปีจะมีเด็กเสียชีวิตกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน Amarin Baby & Kids จึงรวบรวมราคา แพ็คเกจวัคซีน ipd ปี 2560 มาฝากคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ

(more…)

ส่งเสริมความฉลาดลูกง่ายๆ ด้วยธรรมชาติรอบตัว

Alternative Textaccount_circle
event

โดยทางทฤษฎี “ความฉลาด” อาจมีความสัมพันธ์กับยีน หรือพันธุกรรมที่เด็กๆ ได้รับมาตั้งแต่เกิด ซึ่งถ้าจะนับแล้วอาจจะถือว่าเป็นส่วนน้อย เพราะความฉลาดเป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยกันสร้างขึ้นมาในตัวลูกๆ ได้ด้วยสองมือเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทอง หรือค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย แค่ความเอาใจใส่ประกอบกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ก็สามารถส่งเสริมความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติให้กับลูกน้อยแล้วค่ะ

วิธีส่งเสริมความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติให้กับลูก

โภชนาการสร้างความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติ สารอาหารที่ลูกๆ ควรจะได้รับตั้งแต่แรกเกิดต้องเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งกับร่างกายและสมอง โดยในช่วงแรกเกิด “นมแม่” เป็นอาหารสำคัญที่เหมาะสมกับทารกที่สุด

เมื่อลูกเติบโตขึ้นสารอาหารต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับวัยของลูก เพื่อพัฒนาได้ทั้งร่างกายและสมอง หากเป็น “นม” ก็ต้องเป็นนมที่มีโปรตีน CPP (Casein Phosphopeptides) ที่ย่อยและดูดซึมง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น นมแพะ เพราะนอกจากนี้จะมีโปรตีนที่ย่อยและดูดซึมง่ายแล้ว ในนม“นมแพะ” ยังมีใยอาหารจากธรรมชาติ คือพรีไบโอติกส์ อย่างอินนูลิน (Inulin) และโอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ที่เป็นจุลินทรีย์ที่ดี ช่วยเรื่องการขับถ่ายในเด็ก ที่สำคัญคือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นเกราะป้องกันให้ร่างกายแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ

ประสาทสัมผัสเสริมสร้างความฉลาด ประสาทสัมผัสเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด และเป็นเหมือนเครื่องมือสำคัญที่เด็กๆ จะได้นำไปใช้เรียนรู้ เพื่อให้รับรู้เข้าใจหรือสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว เขาจะเรียนรู้ได้ดีได้เร็วแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เขามี ประสาทสัมผัสที่ไวและดีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น การได้ยิน การลิ้มรส การได้กลิ่น การสัมผัส อาจจะฝึกให้ลูกๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัสผ่านกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ การกิน การเล่นของเล่น ฯลฯ

เล่นกับธรรมชาติสร้างความฉลาด ก่อนที่จะถึงวัยที่ลูกจะสัมผัสกับเทคโนโลยี เล่นแท็บเล็ต กดมือถือ ช่วงเด็กๆ พ่อแม่ควรส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสอยู่ และเล่นกับธรรมชาติจนคุ้นเคย พาไปสวนสาธารณะ หรือสนามเด็กเล่น แทนการพาไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือดูทีวี เล่นเกม ใช้เวลาวันหยุดปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เพราะธรรมชาติที่สดชื่นจะกระตุ้นให้สมองปลอดโปร่ง เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น

ด้วยธรรมชาติรอบๆ ตัวเรานี่แหละค่ะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยเติบโตขึ้น แข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องให้ความสำคัญ และเอาใจใส่กับพัฒนาการในทุกๆ ก้าวของลูก การดูแลให้ลูกร่างกายแข็งแรงเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด เป็นเหมือนของขวัญที่จะมอบให้ลูกได้ เพื่อให้เขาเติบโตเรียนรู้โลกกว้างอย่างมั่นคง

เทคนิคดีๆสร้าง IQ EQ และ MQ ให้เจ้าตัวเล็ก

Alternative Textaccount_circle
event

พ่อแม่ยุคใหม่ไม่เพียงส่งเสริมลูกให้ฉลาดในห้องเรียนเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมทุกด้าน วันนี้เรามีวิธีส่งเสริมอัจฉริยะรอบด้านอย่างเป็นธรรมชาติ ที่พ่อแม่สามารถให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กกันเลย

เด็กน้อยในวัย 2 ขวบเป็นช่วงวัยที่สำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาการลูกควบคู่ไปกับการเจริญเติบโต พัฒนาการของลูกหยุดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะเด็กที่โตมาอย่างสมบูรณ์ไม่ใช่แค่เพียงการเรียนรู้จากในห้องเรียน การเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่รู้จักเท่านั้น เด็กๆ จะต้องได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ การเปิดโลกกว้างให้กับลูกน้อยนั้นเป็นการครอบคลุมทุกด้าน ทั้ง IQ EQ และ MQ คุณพ่อคุณแม่จะส่งเสริมอัจฉริยะให้เจ้าตัวน้อยได้อย่างไรบ้างนั้นเรามาดูกันค่ะ

IQ: Intelligence Quotient คืออะไร
IQคือ ความฉลาดทางสติปัญญา ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การคำนวณ และการใช้เหตุผล ส่วนหนึ่งได้มาจากพันธุกรรม และอีกส่วนหนึ่งสำคัญคือการสร้างจากครอบครัวโภชนาการ และสิ่งแวดล้อมที่ดี

เทคนิคสร้าง IQ
คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างไอคิวให้กับลูกได้ง่ายๆ เพียงเริ่มจากการเรียนรู้สิ่งรอบตัวในการใช้ชีวิตประจำวัน การรู้จักตั้งคำถาม รู้จักให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต ลงมือสัมผัส และลองผิดลองถูก

เช่น กระตุ้นการเรียนรู้จากการสัมผัสสิ่งต่างๆ ของเล่น อาหาร พื้นหญ้า ดอกไม้

กระตุ้นการจดจำจากการเล่น การนับจำนวน การจับสิ่งของที่เหมือนกัน

กระตุ้นการฟังเพิ่มทักษะในการเรียนรู้สิ่งที่แตกต่างจากการเปิดเพลงหลากหลายแนว หลากหลายภาษา การเรียนรู้เสียงจากธรรมชาติ เสียงรถ เสียงสัตว์ ให้ลูกได้แยกแยะและรู้จักความหมาย

กระตุ้นพัฒนาการที่ดีให้สมวัยด้วยโภชนาการที่เหมาะสมจากธรรมชาติ อย่างนมแพะที่มีระบบการให้น้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ที่เรียกว่า อะโพรไคน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณที่สูง อุดมไปด้วยโปรตีนCPP หรือ Casein Phosphopeptides ซึ่งเป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม ลูกน้อยจึงมีพัฒนาการที่ดีสมวัยนั่นเอง

EQ: Emotional Quotientคืออะไร
EQ คือ ความฉลาดทางอารมณ์ สามารถรับรู้เข้าใจอารมณ์ตนเองและคนอื่นได้ สามารถควบคุมอารมณ์และยับยั้งชั่งใจได้ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักการรอ รู้จักกฎระเบียบ มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี สามารถปรับตัวเข้ากับสังคม สถานการณ์รอบข้างได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น มีแรงจูงใจ อยากประสบความสำเร็จ เห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในตนเอง

เทคนิคการสร้าง EQ
การสร้างอีคิวให้กับลูกๆ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ รู้จักการปรับตัว รู้จักการควบคุมอารมณ์ ทำให้ลูกสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข กล้าพูด การตัดสินใจ ไม่รู้สึกกังวลหรีอทำให้ลูกเครียด การฝึกลูกให้มีอีคิวเริ่มได้ง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวันเช่นกัน

เช่น ฝึกให้ลูกรู้จักการตัดสินใจ การเปิดเผยอารมณ์ความต้องการจากการเลือกสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ อาทิการกินขนมรสชาติใหม่ การรับกลิ่นใหม่ ให้ลูกรู้จักเลือกว่าชอบหรือไม่ชอบ

ฝึกให้รู้จักแสดงความคิดเห็น กระตุ้นอิสระในการใช้อารมณ์ความรู้สึกผ่านความคิด เช่นการจิตนาการจากตัวการ์ตูนใหม่ๆ

ฝึกควบคุมอารมณ์ โกรธ โมโห ให้มีความอดทน รู้จักยอมคนอื่นและมีสมาธิ อย่างการเล่นรวมกับคนอื่น การแบ่งของที่อยู่ในมือ รู้จักการรอสิ่งที่คนอื่นเล่นอยู่

MQ: Moral Quotientคืออะไร
MQ คือ ความฉลาดทางศีลธรรม จริยธรรม มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ซึ่งจะใช้วิธีการบอกด้วยคำพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงให้เด็กเห็นอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการสอนของคุณพ่อคุณแม่ด้วย

เทคนิคการสร้าง MQ
การสร้างความฉลาดทางศีลธรรม จริยธรรมให้กับลูกในยุคนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับยุคของเทคโนโลยี เพราะตัวอย่างที่ดีและไม่ดี สามารถสอนลูดกได้จากหลายสื่อ นอกจากคุณพ่อคุณแม่และคนรอบข้างเป็นตัวอย่างให้ลูกได้เรียนรู้จากพฤติกรรมในแต่ละวันแล้ว การปลูกฝังหรือฝึกฝนลูกก็มีฝนเมื่อโตขึ้น

เช่น กระตุ้นการแบ่งปัน โดยการให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อนต่างวัย ลูกจะได้ฝึกการปรับตัว การรู้จักแบ่งปัน และมีสัมมาคารวะ

ฝึกเรื่องความรับผิดชอบ อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และมีน้ำใจ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างเช่น ช่วยกันทำงานบ้าน ช่วยการเก็บของเล่น  หรือชวนลูกเอาขนมไปให้เพื่อนบ้าน รู้จักขอโทษเมื่อทำผิด

เทคนิคการสร้าง IQ EQ และ MQ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูกน้อยนะคะ จุดเริ่มต้นที่ดีของการส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะรอบด้านก็คือการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่จากครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรใส่ใจค่ะ

พาแฟนคลับดีใจ! “ชมพู่ อารยา ท้องแล้ว” สามีเฝ้าไม่ห่าง คาดได้ลูกชาย!!

event

ชมพู่ อารยา ท้อง แล้ว …เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับแฟนคลับของเจ้าแม่แฟชั่นนิสต้า อย่างคุณ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” หลังจากที่รุ่นพี่ที่สนิทอย่าง “ม้า อรนภา” เผยข่าวดีในรายการทีวีช่องว่าตอนนี้ชมพู่ท้องแล้ว 2 เดือน คาดได้ลูกชาย เพราะตามธรรมเนียมประเพณีคนจีนลูกคนแรกน่าจะเป็นผู้ชาย

ด้านผู้จัดการส่วนตัวคุณชมพู่ ก็ได้ลงรูปที่ คุณน็อต วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์ สามีสุดที่รัก ยืนประกบข้างเตียงดูแลเมียไม่ห่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมแคปชั่น “มี ความสุขชื่นมื่นกันฝุดๆ ยินดีด้วยคร้า”

ชมพู่ อารยา ท้อง

และยังเผยว่าขณะนี้ตอนนี้ชมพู่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์แล้ว แต่เริ่มรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้จริงๆ เนื่องจากว่าช่วงหลังชมพู่มีอาการอ่อนเพลียเรื่อยๆ จึงได้ไปตรวจถึงได้รู้ว่าตั้งครรภ์ และเนื่องจากว่าที่ผ่านมาชมพู่ทำงานค่อนข้างหนัก ไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย บวกกับที่ผ่านมามีประวัติการท้องแล้วเคยหลุดมาก่อน ทำให้ช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพร่างกายอย่างดี จึงต้องแอดมิด อยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 5 ก.พ. โดยคุณหมอสั่งว่าให้นอนพัก 2 อาทิตย์

ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณชมพู่ ได้พูดกลางรายการ (ที่เป็นพิธีกรอยู่) ว่า จะมีเซอร์ไพรส์กัน ก่อนพูดติดตลกว่าตอนนี้ตนเองได้เลือกโรงเรียนไว้ให้ลูกแล้ว และสามีก็เตรียมวางแผนอยากให้ลูกเรียนวิศวะ

ชมพู่ อารยา ท้อง ชมพู่ อารยา ท้อง ชมพู่ อารยา ท้อง

ทั้งนี้ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยนะคะ

อ่านต่อ >> “คลายข้อสงสัย ชมพู่ ท้อง 2 เดือน รู้เพศลูกได้อย่างไร” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

keyboard_arrow_up