น้องเรซซิ่ง

คลอดแล้ว น้องเรซซิ่ง ลูกแม่แพท ณปภา

Alternative Textaccount_circle
event
น้องเรซซิ่ง
น้องเรซซิ่ง

น้องเรซซิ่ง ข่าวดีแต่เช้าสำหรับครอบครัวพ่อเบนซ์ แม่แพท ณปภา ที่ได้ให้กำเนิดสมาชิกลูกชายตัวน้อย เมื่อเวลา 11.01 น. ณ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

วันที่ 13 ก.พ. ที่อาคารหมอแวลส์ รพ.กรุงเทพคริสเตียน แพท-ณปภา ตันตระกูล ดาราและพิธีกรชื่อดัง ให้กำเนิดลูกชาย ‘น้องเรซซิ่ง’ ด้วยวิธีการผ่าคลอด ตามฤกษ์ที่ดูไว้คือช่วงเวลาประมาณ 11.00-11.36 น.ของวันนี้

 

น้องเรซซิ่ง
Credit Photo : ig benzracing

น้องเรซซิ่ง มีน้ำหนักตัวแรกเกิด 3,665 กรัม สุขภาพแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก โดยมี เบนซ์-อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีคุณแพท ณปภา คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างตั้งแต่ก่อนคลอดและหลังคลอด

 

ท้ายนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อเบนซ์ คุณแม่แพท ณปภา ขอให้เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ป้ายแดงที่มีความสุขมากๆ กับการเลี้ยงน้องเรซซิ่งนะคะ 

 

 

 


ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก khaosod.co.th
ขอขอบคุณข้อมูลภาพจาก benzracing

ทารกฉี่สีส้ม

ทารกฉี่สีส้ม สีอิฐ สีเลือด อันตรายหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
event
ทารกฉี่สีส้ม
ทารกฉี่สีส้ม

 

ทารกฉี่สีส้ม การสังเกตลูกวัยทารกตั้งแต่แรกเกิดเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องของสุขภาพ การนอน เสียงร้อง ระบบการขับถ่าย ฯลฯ ที่พ่อแม่จะต้องสังเกตลูกอย่างใกล้ชิด เพราะหากพบความผิดปกติจะได้แก้ไขอย่างทันท่วงที ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อสงสัยที่คุณแม่ถามกันเข้ามาว่า ทำไมลูกวัยทารกบางครั้งฉี่ออกมาเป็นสีส้ม แบบนี้อันตรายหรือไม่อย่างไร?

 

ทารกฉี่สีส้ม เป็นเพราะสาเหตุใด?

ในเด็กทารกที่ดื่มนมแม่ช่วง 3 – 4 วันแรกที่นมแม่ยังมาไม่มาก อาจพบว่าเมื่อลูกน้อยปัสสาวะออกมาจะลักษณะของสีออกเป็นสีส้มออกไปทางสีอิฐ ซึ่งภาวะนี้ไม่ใช่ปัสสาวะสีเลือด ดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องวิตกกังวลกันมากเกินไปว่าลูกจะป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า การที่ลูกวัยทารกฉี่สีส้ม เกิดจากรอยที่เกิดขึ้นเกิดเนื่องมาจากผลึกของกรดยูริคในปัสสาวะ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่ได้รับน้ำนมน้อย จนทำให้ปัสสาวะเข้มข้น สารในปัสสาวะจะตกตะกอนเป็นสีส้ม-อิฐ ซึ่งวิธีแก้ไขคือให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ เพราะยิ่งลูกดูดบ่อยจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายแม่ผลิตน้ำนมออกมาในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และหากลูกได้ดื่มนมแม่อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ลูกปัสสาวะออกมาสีใสเป็นปกติค่ะ

อ่านต่อ >> “ทารกปัสสาวะสีส้ม อาจเพราะกินนมแม่ไม่พอ!!” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เครื่อง MRI เอ็มอาร์ไอ สแกนดูทารกในครรภ์แนวใหม่ เห็นชัดเว่อร์!

event

นวัตกรรมการแพทย์สุดล้ำ การสแกนดู ทารกดิ้นในครรภ์ แนวใหม่ ที่ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นถึงรูปร่างลักษณะของทารกในครรภ์อย่างชัดเจนกว่าการอัลตร้าซาวด์ ด้วยเครื่อง MRI ซึ่งผลที่ได้ช่วยให้เห็นโครงสร้างของทารกส่วนต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ตรวจดูได้ว่าอวัยวะแต่ละส่วนของทารกมีความสมบูรณ์แค่ไหน หรือทารกกำลังทำอะไรอยู่ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เอ็มอาร์ไอ (MRI : Magnetic Resonance Imaging) เป็นเครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยสนามแม่เหล็กเป็นเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง และคลื่นวิทยุ แล้วนำสัญญาณที่ได้มาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์  ช่วยให้ได้ภาพสแกนอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เช่น สมอง กระดูกสันหลัง ตับ ไต ข้อ ที่มีความคมชัด สามารถแยกเนื้อเยื่อของร่างกายที่ปกติและที่ผิดปกติออกจากกันได้

ซึ่งผู้ป่วยไม่ต้องกลั้นหายใจไว้นานๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่กลั้นหายใจนานๆ ไม่ได้ ก็สามารถตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือนี้ได้ เพื่อนำไปสู่การรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น

สิ่งสำคัญ คือ การตรวจด้วยเครื่องสนามแม่เหล็กไฟฟ้า MRI นี้ สามารถตรวจในผู้ที่ไม่สามารถตรวจแบบใช้รังสีเอ็กซ์เรย์ และผู้ที่แพ้สารทึบรังสีได้ด้วย เช่น สตรีมีครรภ์ ผู้ที่แพ้สารทึบรังสี ผู้ที่มีภาวะไตวาย ซึ่งจะปลอดภัยและไม่มีผลแทรกซ้อน

ทารกดิ้นในครรภ์
ภาพเปรียบเทียบ การดุทารกด้วยเครื่องสแกน MRI และการ อัลตร้าซาวด์

ทารกดิ้นในครรภ์ เห็นชัดมาก ด้วยเครื่องสแกน MRI

เครื่อเอ็มอาร์ไอ(MRI) สามารถใช้ตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะใดได้บ้าง

  • ตรวจสมอง
  • หาภาวะสมองขาดเลือด
  • ดูลักษณะเส้นเลือดของสมอง(MRA)
  • หาความผิดปกติของเนื้อสมอง เยื่อหุ้มสมอง
  • หาภาวะเนื้องอกสมอง

การตรวจ MRI ทารกดิ้นในครรภ์

ทารกดิ้นในครรภ์

การพัฒนาเทคนิคการตรวจของเครื่อง MRI รุ่นใหม่มี fast imaging sequence ทำให้  มีความว่องไวมากพอที่จะตรวจทารกในครรภ์ได้โดยภาพไม่สั่นไหว ใช้ดูเด็กทารกในครรภ์ของคุณแม่ การตรวจด้วยเครื่อง MRI สามารถใช้ตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ MRI มีบทบาทในการวินิจฉัยความผิดปกติบางอย่างของทารกในครรภ์ที่การตรวจอัลตร้าซาวด์อาจให้วินิจฉัยได้ลำบาก เช่น การตรวจหาความผิดปกติของสมองส่วน  posterior fossa , การตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่มีความซับซ้อน และการตรวจหา ความพิการของทารกในครรภ์  ผลที่ได้จะช่วยให้คุณหมอหาแนวทางรักษาทารกได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ หรือ แนวทางการคลอดบุตรให้กับคุณแม่ได้

อ่านต่อ >>”ชมคลิปวีดีโอการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์แม่อย่างชัดเจน ด้วยเทคโนโลยี MRI” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ลูกนอนกัดฟัน ส่งผลเสียอย่างไร และแก้ด้วยวิธีไหน?

event

ลูกนอนกัดฟัน …หนึ่งในอาการที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลายคนเกิดความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย และอดห่วงไม่ได้ในเรื่องสุขภาพฟันของลูก

สาเหตุที่ ลูกนอนกัดฟัน

ลูกนอนกัดฟัน

การนอนกัดฟันพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการนอนกัดฟันในเด็กเป็นภาวะที่พบได้ร้อยละ 15 – 33 ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นทุกวัน และถึงแม้ว่ายังไม่สามารถหาคำอธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการนอนกัดฟันได้ แต่กลับพบปัจจัยเสี่ยงของเด็กที่ชอบนอนกัดฟัน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้

1. สภาพจิตใจ ที่เกิดจากการความตึงเครียดความวิตกกังวล ก็มีส่วนไปกระตุ้นให้เกิดอาการนอนกัดฟันได้ เช่น การมีน้องคนใหม่และการสอบ

2. พันธุกรรมในครอบครัวที่พ่อหรือแม่นอนกัดฟัน มีเด็กมีพี่หรือน้องนอนกัดฟัน ลูกจึงมีโอกาสสูงที่จะนอนกัดฟันได้เหมือนกัน

3. เกิดจากร่างกายของตัวเด็กเอง ที่สมองและระบบประสาทอัตโนมัติถูกกระตุ้นมากเกินจึงทำให้เกิดพฤติกรรมเช่นนั้นได้

4. การเจ็บป่วย การขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินบี 5 และธาตุ แคลเซียม รวมถึงการมีพยาธิ

5. ฟันใหม่จะขึ้นหรือฟันเก่าหลุด

6. การได้รับยาหรือสารบางอย่าง ที่ทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี เช่น กาเฟอีน ในชา กาแฟ น้ำอัดลม โกโก้หรือช็อกโกแลต และแอลกอฮอล์ หรือยาต้านโรคซึมเศร้าบางตัว อาจกระตุ้นการนอนกัดฟัน แต่มักเกิดกับผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมนอนกัดฟันมากกว่าในเด็ก

7. ส่วนในรายที่เป็นทุกวันอาจเป็นเพราะมีการสบฟันที่ผิดปกติ การเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ หรือเป็นความผิดปกติของการนอนรูปแบบหนึ่ง (sleep disorder)

อย่างไรก็ดี เด็กที่ชอบนอนกัดฟัน อาจพบร่วมกับโรคและพฤติกรรมที่ผิดปกติในขณะนอนหลับอื่นๆได้ด้วย เช่น นอนละเมอพูดหรือละเมอเดิน ปัสสาวะรดที่นอน นอนกรนและโรคทางเดินหายใจอุดกั้นทำให้หยุดหายใจเป็นพักๆขณะหลับ และ โรคสมาธิสั้น ซึ่งสามารถเกิดอาการควบคู่กับการนอนกัดฟันในตัวเด็กได้ ผู้ปกครองควรสังเกตด้วยว่าเด็กมีโรคอื่นๆเกิดร่วมหรือไม่และควรนำลูกไปพบแพทย์เพื่อรักษาโรคนั้นๆด้วย

เด็กที่นอนกัดฟันบางคนอาจบ่นว่าปวดตรงข้อต่อขากรรไกร ร้าวไปที่ในหู หรือปวดๆเมื่อยๆเวลาอ้าปาก เคี้ยวอาหาร บริเวณแก้มหรือขมับเพราะกล้ามเนื้อบดเคี้ยวเมื่อยล้าจากพฤติกรรมนอนกัดฟัน หรือบ่นปวดศีรษะบ่อยๆ อาการนี้อาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าลูกนอนกัดฟัน

อ่านต่อ >> “ผลเสียของการ ที่ลูกชอบนอนกัดฟัน” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

สุดนอบน้อม! “น้องกร” หนูน้อยแห่งวัดป่ามณีกาญจน์ เข้ากราบ “พระสังฆราชองค์ที่ 20” พร้อม เทคนิคการสอนธรรมะให้เด็กเล็ก

event

น้องกร กราบ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 อย่างนอบน้อม  …น้องกร หรือ ด.ช.จิรกร ศรสงคราม ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ กับความน่ารัก ท่านั่งสัปหงกระหว่างทำสมาธิ และได้บวชเณรภาคฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้ว ณ วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งปัจจุบันแม้น้องกรจะสึกจากเณรแล้ว แต่ก็ยังมาทำหน้าที่เด็กวัดเหมือนเดิม

โดยล่าสุดได้มีภาพน่าปลื้มใจเผยแพร่ออกมา เมื่อ “น้องกร” ได้เข้ากราบ “สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20” ในรัชกาลที่ 10  ด้วยความนอบน้อม สร้างความประทับใจแก่ชาวเน็ตกันมากมาย ต่างเข้ามาชื่นชมถึงความน่ารัก น่าเอ็นดูของน้องกร

น้องกร กราบ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20

ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 7 ก.พ. นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้สถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้พุทธศาสนิกชนต่างชื่นชมในวัตรปฏิบัติที่งดงาม และเรียบง่ายของพระสังฆราชองค์ใหม่ และในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นี้ จะมีการสถาปนาที่วัดพระแก้วในเวลา 17.00 น. ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะเสด็จด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้การสถานปนา สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช นักวิชาการประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นว่าเหมาะสมมากที่สุด ด้วยจริยวัตร ที่เรียบร้อย ไม่ได้มีประวัติด่างพร้อยของเจ้าประคุณสมเด็จ

น้องกร กราบ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20น้องกร กราบ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20

สำหรับ น้องกร หรือ ด.ช.จิรกร ศรสงคราม ปัจจุบันอายุได้ 4 ขวบ แล้ว ซึ่งในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ น้องกร จะใช้เวลามาอยู่ที่วัดตลอดทั้งวัน นั่งข้างๆ พระอาจารย์อำนวย จิตตสังวโร เจ้าอาวาสวัดป่ามณีกาญจน์ จ.นนทบุรี ทำหน้าที่เป็นเด็กวัด คอยช่วยเหลือเมื่อมีผู้มาทำบุญ แต่สิ่งที่เรียกรอยยิ้มและสร้างความเอ็นดูให้แก่ผู้พบเห็น คือ การให้พรที่เป็นเอกลักษณ์ของเด็กชายใฝ่ธรรมะคนนี้ ความใกล้ชิดกับวัดมาตั้งแต่เด็ก และเพิ่งผ่านการบวชเณรเมื่อปีที่แล้ว ยังส่งผลให้การสวดมนต์ที่อาจจะดูเป็นเรื่องยากในเด็กวัยเดียวกัน กลับเป็นสิ่งที่น้องกรทำได้ด้วยตัวเอง

น้องกร กราบ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20

โดยเกือบกว่า 4 ปีที่ผ่านน้องกรคลุกคลีอยู่กับวัด ซึ่ง นางวริษฐา เสือแผ้ว ผู้เป็นแม่บอกว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายอย่างเห็นได้ชัด เพราะการใช้ธรรมะช่วยขัดเกลาจิตใจ ทำให้เป็นเด็กที่มีเหตุผลขึ้น แต่ความซุกซน สดใสตามประสาเด็กก็ยังมีให้เห็น

อ่านต่อ >> “4 เทคนิคสอนธรรมะให้เด็กเล็ก” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ลูกร้องโคลิค

ลูกร้องโคลิค สาเหตุ อาการ และวิธีแก้ไข

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกร้องโคลิค
ลูกร้องโคลิค

ลูกร้องโคลิค หลังจากคลอดลูกและกลับมาบ้าน ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี แต่แล้วผ่านไปไม่กี่สัปดาห์จู่ๆ ทำไมเจ้าตัวเล็กถึงร้องนานเป็นชั่วโมงอย่างนี้นะ ตัวก็ไม่ร้อน ผ้าอ้อมก็ไม่เปียก ปัญหาอื่นก็ไม่มี ใครช่วยบอกทีลูกร้องทำไม? ทีมงาน Amarin Baby & Kids มาไขข้อสงสัยให้แล้วว่าทำไมลูกถึงร้องนานเป็นชั่วโมง ร้องซ้ำเวลาเดิม การร้องแบบนี้เรียกว่า ลูกร้องโคลิค

ลูกร้องโคลิค คืออะไร?

โคลิค หรือ โคลิก (colic) คืออาการร้องของเด็กทารก ที่มักจะเกิดขึ้นในทารกอายุ 3 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน ลักษณะการร้องของลูกจะร้องมาก ร้องนาน ร้องหน้าแดงกำหมัดแน่น ร้องจนตัวงอ เป็นต้น และมักชอบร้องช่วงเวลาเย็นๆ หรือไม่ก็ช่วงกลางคืน  เป็นการร้องที่ตรงเวลากันทุกวัน โดยจะร้องนานมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน

อาการร้องโคลิค เกี่ยวข้องกับความเชื่อได้อย่างไร?

ถ้าเป็นทางการแพทย์สมัยใหม่จะวินิจฉัยลักษณะอาการร้องของลูกอย่างนี้ว่าเป็นอาการร้องโคลิก แต่ถ้าเป็นในสมัยโบราณเวลาที่เด็กๆ ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ ร้องเสียงดัง และไม่ยอมหยุด เชื่อกันว่า เด็กมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว เช่น วิญญาณ หรือ แม่ซื้อ และเล่ากันต่อๆ มาถึงหลายๆ สาเหตุ เช่น แม่ซื้อมากวน ชวนให้เล่นด้วย, ถูกเร่งให้มาเกิด ยังไม่พร้อมที่จะมา, เด็กเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น, นมแม่เป็นพิษ ดวงไม่ถูกกับพ่อแม่, เป็นซาง (กินน้อย ไม่ยอมกิน ทั้งที่ไม่ได้เจ็บป่วย), สวรรค์กำลังทดสอบความเป็นแม่ ถ้าผ่านไปได้ จะได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่

โคลิค สาเหตุเกิดจากอะไร?

การร้องโคลิกของลูกวัยทารก ยังไม่ทราบสาเหตุของอาการที่แน่ชัด แต่ก็อาจมาจากหลายสาเหตุร่วมกันที่นำมาสู่การร้องโคลิค ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอรุณี เจตศรีสุภาพ กุมารเวชศาสตร์(1) ได้อธิบายถึงสาเหตุที่อาจนำไปสู่การร้องโคลิคของทารก ดังนี้

  1. จากพื้นฐานอารมณ์ของเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กเลี้ยงยาก
  2. เด็กกลืนอากาศขณะดูดนมเข้าไปมาก
  3. เด็กไม่ได้เรอออกมา อากาศในท้องจึงก่อให้เด็กเกิดอาการแน่นอึดอัดในท้อง
  4. เด็กอยู่ในท่านอนที่ไม่เหมาะสม
  5. เด็กกินมากเกินไป หรือกินน้อยเกินไป
  6. ครอบครัวมีความเครียด หรือความวิตกกังวลมาก (ซึ่งอาจตรงกับที่พบอุบัติการณ์โคลิดสูงในครอบครัวที่มีสถานะทางเศรษฐกิจสังคมสูง เป็นบุตรของพ่อแม่ที่มีอายุมาก ครอบ ครัวที่มีลูกน้อย และในพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูง) พบว่าความเครียดของแม่ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์มีผลให้เกิดโคลิกในเด็กได้
  7. เกิดในเด็กที่มีภาวะ/โรคกรดไหลย้อน
  8. เกิดในเด็กที่มีการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ คือมีการเคลื่อนตัวของลำไส้มากเกินไป
  9. เกิดในเด็กที่มีการกินอาหารพวกแป้งมากเกินไป ทำให้ลำไส้ย่อยแป้งไม่หมด จึงเหลือแป้งให้แบคทีเรีย (ในลำไส้) ย่อยแป้งที่เหลือ ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้มาก เด็กจึงแน่นอึดอัดท้อง
  10. ในเด็กที่มีการแพ้อาหาร หรือในเด็กที่ได้รับน้ำผลไม้บางอย่าง เช่น น้ำแอปเปิ้ล
  11. เด็กที่บิดา มารดา มีปัญหาทางอารมณ์
  12. มีการเปลี่ยนแปลงของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้เด็ก โดยเฉพาะมีแบคทีเรียบางกลุ่มสัมพันธ์กับการเกิดอาการโคลิกซึ่งเมื่อลดแบคทีเรียกลุ่มดังกล่าวอาการโคลิกก็ลดลงได้(1)

การร้องโคลิคของลูกวัยทารกจะยาวนานเพราะจะร้องติดต่อกันทุกวัน แต่อาการร้องจะค่อยดีและหายไปเองเมื่อลูกเริ่มเข้าช่วงเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ซึ่งระหว่างนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมแผนรับมือกับอาการร้องโคลิกของลูก อย่างแรกที่สุดคือพ่อแม่ต้องไม่เครียด หาเวลาพักบ้างผ่อนด้วยการสลับกันดูแลลูก ไม่ควรทิ้งภาวะการดูแลไว้ที่คนใดคนหนึ่ง เพราะจะกลายเป็นความเครียดสะสมซึ่งส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกได้

 

ลูกร้องโคลิก

จะช่วยอย่างไรเมื่อ ลูกร้องโคลิค ?

การจะรับมือกับเมื่อลูกร้องโคลิค ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องตั้งสติ ไม่คิดมากและไม่ฟุ้งซ่าน เพราะการร้องโคลิคไม่ใช่การร้องที่จะนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพของลูก แต่อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของพ่อแม่ได้บ้าง ดังนั้นแนะนำว่าพ่อแม่ต้องไม่เครียดกับเสียงร้องของลูกเด็ดขาด

หากลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่มีอาการร้องโคลิค อาจเป็นการยากที่จะทำให้ลูกหยุดร้องในทันที แต่ก็พอที่ช่วยให้อาการร้องดีขึ้น ซึ่งคุณหมอได้มีคำแนะในการดูแลเมื่อ ลูกร้องโคลิค ดังนี้

  1. ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตการร้องของลูกก่อนว่าร้องเพราะหิวนมหรือไม่ เพราะเด็กที่หิวนมมักจะร้องกวน
  2. ควรจัดสิ่งแวดล้อมรอบตัวลูก โดยเฉพาะในบ้าน ห้องนอน อย่าให้มีอะไรมากระตุ้นลูก อาทิ เสียงดังๆ หรือแสงรบกวน โดยเฉพาะแสงไฟที่จ้ามากไป
  3. การอุ้มลูกพาดบ่าเพื่อให้ลมในท้องดันเรอออกมา จะช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัวขึ้น
  4. เมื่อลูกเริ่มร้อง คุณแม่อาจใช้วิธีนวดตัวลูกเบาๆ เพื่อให้เขารู้สึกสบายขึ้น การลูบหลัง หรืออุ้มขึ้นมาแล้วเขย่าเบาๆ ก็ช่วยให้ลูกผ่อนคลายได้เช่นกัน
  5. การเปิดเพลงเบาๆ ให้ลูกฟัง สามารถช่วยทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายได้
  6. คุณพ่อคุณแม่เมื่อได้ยินลูกร้องนานมากกว่าปกติ ไม่ควรปล่อยลูกให้ร้องอยู่คนเดียว แต่ควรเข้าไปอุ้มแล้วปลอบโยกตัวลูกเบาๆ
  7. หาคนช่วยดูลูก เพื่อแม่จะได้พักบ้าง เช่น คุณพ่อช่วย หรือพี่เลี้ยงมาสลับ ไม่เช่นนั้นคุณแม่จะเครียดมาก(2)

วิิธีที่สามารถป้องกัน ลูกร้องโคลิค ได้ดีที่สุดคือขจัดต้นตอของปัญหาออกไปตั้งแต่แรก  โดยสาเหตุที่มักพบบ่อย คือ ลูกกลืนอากาศเข้าไปขณะดุูดนม แล้วไม่ได้เรอออกมา หรือเรอออกมาไม่หมด ทำให้ท้องอืด แน่นอึดอัด ไม่สบายตัว  คุณแม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกใช้ Philips Avent Anti-colic bottle ขนาด 9 ออนซ์ ขวดนมป้องอาการโคลิค มาพร้อมจุกนมควบคุมการไหลของนม ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด- 3 เดิือน

 Philips Avent Anti-colic bottle  เป็นขวดนมและจุกนมมาตรฐานระดับโลก ที่ผ่านการคิดค้นและออกแบบอย่างเข้าใจถึงสรีระช่องทางของทารก ลักษณะการดูดนมอย่างเป็นธํรรมชาติ โดยพัฒนาขวดนมให้ลักษณะพิเศษสามารถไล่อากาศออกจากท้องลูกได้  โดยมีวาล์วทำงานอัตโนมัติ ระหว่างที่ดูดนม ขวดก็จะไล่อากาศส่วนเกินออกมาด้วย ทำให้ไม่มีลมในมากเกินไป ลูกน้อยจึงสบายท้อง ไม่มีอาการท้องอืด แน่นท้องต้นเหตุของอาการโคลิค แถมยังช่วยให้ดื่มนมได้มากขึ้นด้วย

ลูกร้องโคลิค

ขวดนมทำจากวัสดุเกรดดี ไม่มีสาร BPA และ BPS  คอขวดกว้างพร้อมกับมุมขวดที่โค้งมนจึงทำความสะอาดได้ง่าย รูปทรงออกแบบให้หยิบจับถนัดมือ ส่วนจุกนมซิลิโคนไม่แข็งเกินไป ลูกดูดไม่สำลัก มีผิวเป็นร่องๆช่วยป้องกันการหดตัว ทำให้นมได้อย่างไม่ติดขัด

ด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของคุณแม่ พร้อมดูแลสุขภาพลูกไปในตัว  ขวดนม Philips Avent Anti-colic bottle จึงได้รับการการเสนอชื่อและคะแนนโหวตของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ให้ได้รับรางวัล Mommy’s Choice สาขา Best Baby Bottle & Nipple Product จาก AMARIN BABY AND KIDS AWARDS2020 ในปีนี้ 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ  Philips Avent Anti-colic bottle พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นสุดพิษ “ซื้อ 2 ขวดแถมฟรีทันที 1 ขวด” ในราคาเพียง 660 บาท จากปกติ 990 บาท คลิกที่นี่เลย https://bit.ly/2LPvWbO

อาการร้องโคลิค ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และอันตรายอย่างที่คิด ขอเพียงคุณพ่อคุณแม่มีสติและอย่าเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้ในทุกวันดูแลลูกให้ดีตามคำแนะนำจากคุณหมอ แล้วอาการร้องโคลิคจะหายไปในที่สุด …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก

ทารกขาดวิตามินบี 12 เสียชีวิต เพราะแม่รักสุขภาพกินแต่ผัก
อาการนอนผวาในทารก สาเหตุ และวิธีแก้ไข
ไขทารก มีประโยชน์กับลูกหรือไม่ ทำไมต้องกำจัด?

 

 


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1,2ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง อรุณี เจตศรีสุภาพ วว.กุมารเวชศาสตร์, อว.โลหิตวิทยา.โคลิก (Baby colic) : เด็กร้องร้อยวัน.haamor.com
รศ.นพ.ประพันธ์  อ่านเปรื่อง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. เด็กร้อง 3 เดือน (โคลิก). www.si.mahidol.ac.th

การเลือกเพศลูก

การเลือกเพศลูก เทคนิคร่วมรักช่วยได้จริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
การเลือกเพศลูก
การเลือกเพศลูก

การเลือกเพศลูก สามีภรรยาหลายคู่อยากมีลูกน้อยตามเพศที่ต้องการ ด้วยเหตุผลต่างๆ อาทิ อยากมีลูกชายเพื่อสืบสกุล อยากได้ลูกสาวเพราะมีลูกชายแล้ว ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีการร่วมรักที่ต้องใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆเพื่อให้ได้ ลูกชาย หรือ ลูกสาว จากผู้เชี่ยวชาญ มาแนะนำให้ทุกครอบครัวทราบกันค่ะ

 

การเลือกเพศลูก – เด็กผู้ชาย กับ เด็กผู้หญิง กำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร?

ตามหลักการของแพทย์จะอธิบายไว้อย่างเข้าใจว่า เพราะอะไรทำไมแม่ถึงให้กำเนิดลูกชาย หรือลูกสาวขึ้นมาได้

ซึ่งช่วงเวลาสำคัญนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ อสุจิ กับ ไข่ ได้รวมตัวกันจนเกิดการปฏิสนธิขึ้นของตัวอ่อน

“ตัวอสุจิ” จะมีโครโมโซมเพศ 2  ชนิด คือ “X”  และ  “Y”

“ไข่”  จะมีโครโมโซมชนิดเดียว คือ  “X”

หากตัวอสุจิที่มีโครโมโซม “X” เข้าผสมกับไข่ก็จะได้ผลเป็น  “XX”  คือ เพศหญิง

หากตัวอสุจิที่มีโครโมโซม “Y” เข้าผสมกับไข่ก็จะได้ผลเป็น  “XY”  คือ เพศชาย(1)

 

ดูเหมือนเป็นหลักการเข้าใจง่ายๆ ใช่ไหมคะ แต่ทว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าช่วงไหนควรให้โครโมโซมเพศลูกที่เราต้องการมาเจอกัน ฟังดูอาจจะยากมาก แต่อย่าเพิ่งท้อกันไปค่ะ เพราะการเลือกเพศลูก อาจต้องอาศัยเทคนิคหลายๆ อย่างเข้าช่วยด้วย ซึ่งก็มีทั้งใช้วิทยาการเทคโนโลยีทางการแพทย์ หรือจะเป็นเทคนิคแบบวิธีธรรมชาติ ที่สามารถใช้การมีเซ็กส์เข้าช่วย เอาเป็นว่าเรามาลองแบบไม่ต้องเสียเงินกันดูก่อนไหมคะ เพราะเห็นหลายคู่รักที่อยากได้เพศลูกตามต้องการเขาก็ทำกัน

 

อ่านต่อ >> “วิธีเลือกเพศลูกด้วยเทคนิคธรรมชาติ” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป

Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป อันตรายหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
event
Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป
Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป

Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป การป้อนนมลูกไม่ว่าจะเป็นจากอกแม่โดยตรง หรือให้ทานจากขวด ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ หากแม่ให้ลูกกินนมมากเกินไป เพราะอาจทำให้กระเพาะ ลำไส้ย่อยดูดซึมนมไม่ทัน จนทำลูกปวดท้อง อาเจียนได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเรื่องชวนให้ได้ตระหนักถึงอันตรายจาก Overfeeding ลูกกินนมมากเกินไป มาให้ทราบค่ะ

(more…)

กระทรวงสาธารณสุข ชวนคนไทยมีลูกเพื่อชาติ

Alternative Textaccount_circle
event

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวส่งเสริม โครงการสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ เพื่อเพิ่มจำนวนการเกิด ทดแทนจำนวนประชากร โดยส่งเสริมให้เกิดในผู้หญิง 20-34 ปี ที่มีความพร้อม

(more…)

โรต้าไวรัส

เสียหลานชายวัย 1 ขวบ เพราะ โรต้าไวรัส

Alternative Textaccount_circle
event
โรต้าไวรัส
โรต้าไวรัส

มีเรื่องเล่าประสบการณ์จากคุณน้าคนหนึ่ง ซึ่งมีหลานชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน ซึ่งเป็นลูกชายของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง คุณน้ายังไม่เคยพบหน้าหลานชาย อยู่ๆ วันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากพี่สาว บอกว่า หลานชายเสียแล้ว คุณน้าถึงกับงง และช็อกมาก จึงหาสาเหตุ พบว่าเกิดจาก โรต้าไวรัส

(more…)

เหตุผลดี 7 ข้อ ของการมีลูกดื้อ!

event

ว่ากันว่าเด็กในช่วง 2-12 ปี จะซนและดื้อมากที่สุด พ่อแม่พูดอะไรก็ไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมทำตาม ยิ่งถ้าบอกว่า “อย่า” เด็กก็จะยิ่งอยากทำสิ่งนั้นมากขึ้น ยิ่งบังคับมากเท่าใด เด็กก็จะต่อต้าน และอยากเอาชนะมากเท่านั้น

เด็กดื้อ ในความหมายของคนทั่วไป น่าจะหมายถึงเด็กที่ต่อต้านไม่เชื่อฟังในเด็กเล็ก เด็กอาจอาละวาดเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งอาจถือเป็นพัฒนาการปกติ และจะถือว่าผิดปกติเมื่ออาการเป็นมากและไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ทั่วไปของสังคม

ลูกดื้อควรทำอย่างไร

ลูกดื้อควรทำอย่างไร

ในเรื่องนี้ ผศ.นพ.ปราโมทย์ สุคนิชย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล มนารมย์ ให้ข้อมูลว่า การที่เด็กดื้อ หรือซนเกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ที่ตัวของเด็กเอง เพราะเด็กที่เกิดมาแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ต่างมีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ที่แตกต่างกันไปด้วย คือว่าตามลักษณะธรรมชาติของเด็กบางคนอาจจะมีจังหวะจะโคนของตัวเอง พื้นฐานโดยทั่วไปก็จะแตกต่างกัน แต่เด็กที่ดื้อจะมีลักษณะที่เลี้ยงยากสักหน่อย มักมีอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่น ไวต่อสิ่งเร้า มีการกินการนอนที่ไม่เป็นเวลา ซึ่งตรงนี้แต่ละคนก็จะมีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ของตัวเองอยู่

Good to know นักวิจัยระบุว่า เด็กดื้อ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบสร้างปัญหา เพราะเกิดมาเป็นแบบนั้น หรือกล่าวในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ว่า พฤติกรรมที่เป็นปัญหาฝังติดมากับดีเอ็นเอของเด็ก โดยนักวิจัยพบยีน monoamine oxidase A ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่อต้านสังคม

ยีนดังกล่าวมีผลอย่างมากกับพฤติกรรมของเด็ก กล่าวคือ หากยีนตัวนี้อ่อนแอ และเด็กถูกล่วงละเมิดหรือถูกปลูกฝังให้ต่อต้านสังคม มีความเป็นไปได้มากที่เด็กคนนั้นจะแสดงลักษณะนิสัยดังกล่าวออกมา แต่ถ้ายีนตัวนี้แข็งแรง เด็กจะมีแนวโน้มน้อยลงที่จะแสดงพฤติกรรมขวางโลก ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไรก็ตาม

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ “เด็กดื้อ” จิตแพทย์ท่านนี้บอกว่า เป็นเรื่องของวัย เพราะโดยปกติแล้ว ในช่วง 1-3 ปี เด็กจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เมื่อเขาสามารถก้าวเดินได้ เป็นธรรมดาที่จะต้องอยากทำนู้นทำนี่ สำรวจไปทั่ว เพราะเขายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าสิ่งแวดล้อมที่เขาเห็นอยู่นั้นคืออะไร และเด็กๆในวัยนี้มักจะคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด ถ้าหากว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจัดการไม่ถูกต้อง อาจจะส่งผลทำให้เด็กดื้อต่อเนื่องยาวนานถึงระดับอนุบาลหรือประถมศึกษาได้

Must readใช้จิตวิทยาในการเลี้ยงเด็กดื้อ เอาใจตัวเอง
Must readรับมือเจ้าหนูจำไมจอมดื้อ วัย 3-5 ขวบ
Must readลูกดื้อเหลือเกิน ทำไงดี

ทั้งนี้กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เด็กดื้อและซนมีได้หลายสาเหตุ

  1. ช่วงตั้งครรภ์ พบว่า เด็กที่มารดาสูบบุหรี่และ/หรือดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงตั้งครรภ์ รวมทั้งเด็กเล็กที่สัมผัสหรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสแสดงปัญหาซน  ดื้อ สมาธิสั้นได้มากกว่าเด็กที่มารดาไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ได้อยู่ใกล้ผู้สูบบุหรี่
  2.  วัยเด็กเล็ก มีหลักฐานยืนยันว่าหากเด็กจ้องมองหรือดูทีวี หรือเล่นคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เล็กๆ (ก่อน 2 ขวบ)  หรือเล่นเกิน 1 ชั่วโมง (อายุ 2 – 5 ขวบ) หรือ 2 ชั่วโมง (อายุมากกว่า 5 ขวบ) มีโอกาสเกิดปัญหาซน ดื้อและสมาธิสั้นได้
  3. พัฒนาการตามวัย เด็กเล็กกระหายที่จะเรียนรู้ตามวัย ตามธรรมชาติ เช่น เด็กบางคนพอเริ่มคลานก็จะซนแล้ว จริงๆ คิดว่าเขาอยากจะฝึกทักษะทางร่างกายที่เขาได้พัฒนาขึ้นมา ถ้าเขาเริ่มยืน เดินได้ เขาก็จะเริ่มซนในเรื่องเดิน มันก็สนุกและท้าทายที่เขาเริ่มทำได้ แล้วก็อาจจะเริ่มไปค้น ไปคุ้ย ไปรื้อ เพราะเมื่อก่อนอาจจะได้แต่นั่งนิ่งๆ เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร ไปเองก็ไม่ได้ จับก็ไม่ได้ จะให้คนอื่นพาไปก็ยังสื่อสารไม่รู้เรื่อง พอเดินได้ก็อยากไปดู แต่จริงๆ มันก็ตรงกับวัยที่เขาจะต้องสำรวจโลก แล้วก็ลงมือทำ โดยจะเริ่มในช่วง 1 ขวบกว่าๆ พอเริ่มเก่งขึ้นก็อาจจะเริ่มเล่นสมมุติ เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
  4. ปัญหากล้ามเนื้อ จากการอุ้มผิดท่า ท่านอนหรือนั่งที่ไม่เหมาะสม หรือเท้าแบนเกินไป ขาดการเคลื่อนไหวหรือออกแรงที่เหมาะสม ทำให้เด็กทรงท่าให้อยู่นิ่งไม่ได้ นั่ง หรือยืนนานๆ ไม่ได้ ต้องยุกยิกหรือขยับตัวตลอด แบบนี้เขาเรียกว่าซนแบบมีปัญหา ควบคุมร่างกายตัวเองให้นิ่งเพื่อที่จะทำกิจกรรมไม่ได้
  5. ปัญหาการเรียนรู้ผ่านระบบประสาทสัมผัส ส่งผลให้เด็กแสดงพฤติกรรมซน อยู่ไม่นิ่งหรือสมาธิสั้นได้ ซึ่งต้องได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ
  6. ปัญหาการเลี้ยงดู ที่ขาดวินัย และความสม่ำเสมอ
  7. ปัญหาสุขภาพของเด็ก เช่น นอนกรน นอนน้อย เป็นโรคบางชนิด หรือกินยาบางชนิด
  8. เป็นโรคซน สมาธิสั้น

อ่านต่อ >> “7 เหตุผลดีๆ ของการมีลูกดื้อ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โรคเฮอร์แปงไจน่า

โรคเฮอร์แปงไจน่า พ่อแม่ต้องระวังหากลูกชอบเอามือเข้าปาก

Alternative Textaccount_circle
event
โรคเฮอร์แปงไจน่า
โรคเฮอร์แปงไจน่า

โรคเฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่ทุกคนควรรู้จัก แม้อาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่นัก แต่หากติดทั้งอันตรายทั้งทรมาน ปัองกันไว้ดีกว่า สำหรับเฮอร์แปงไจน่ามักจะแทรกซ้อนขึ้นมาในช่วงที่มีโรค มือ เท้า ปาก ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปให้รู้จักับ โรคเฮอร์แปงไจน่า ว่าแท้จริงแล้วโรคนี้มีอาการอย่างไร?

โรคเฮอร์แปงไจน่า พ่อแม่ต้องระวังหากลูกชอบเอามือเข้าปาก!!

โรคระบาดมีมากมายให้พ่อแม่ต้องคอยกังวล และห่วงลูกน้อย ว่าลูกจะติดเมื่อไหร่ มีความเสี่ยงไหม ติดแล้วต้องระวังอะไร ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องจำเป็นจริง ๆ สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราๆ  วันนี้จึงได้นำความรู้ เรื่องราวของ โรคเฮอร์แปงไจน่า อีกหนึ่งโรคระบาดที่อันตราย และต้องเฝ้าระวัง หากเป็นไปได้ป้องกันไม่ให้ลูกติดเชื้อจะดีที่สุด

โรคเฮอร์แปงไจน่า สาเหตุของโรคมาจากอะไร?  

เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) หรือโรคตุ่มแผลในปากเด็ก เป็นโรคในกลุ่มเดียวกับโรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายสู่อากาศได้ เป็นโรคติดต่อจากการคลุกคลีกับผู้ป่วย จากน้ำลาย ละอองน้ำมูก น้ำลายจากการไอ จาม จากอุจจาระ และจากมือ เข้าสู่ปาก ทั้งนี้ผู้ป่วยจะมีอาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 4-14 วัน (ระยะฟักตัวของโรค) ซึ่งผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะแพร่เชื้อได้ตั้งแต่วันแรกที่ติดเชื้อ ไปจนกว่าจะหายจากโรค คือ ประมาณ 1-2 สัปดาห์นับจากติดเชื้อ ดังนั้นหากเด็กที่เป็นโรคเฮอร์แปงไจน่า ไอ หรือจาม โดยไม่ปิดปาก เด็กๆ ที่อยู่รอบข้างก็อาจติดเชื้อได้ง่ายๆ เลยค่ะ

Good to know…โรคเฮอร์แปงไจนา มักระบาดในช่วงฤดูร้อน และพบบ่อยในเด็กอายุ 3 ถึง 10 ปี เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงพบเท่าๆ กัน

โรคเฮอร์แปงไจน่า มีอาการของโรคอย่างไร?

สำหรับอาการของเฮอแปงไจน่า จะคล้ายกับโรคมือ เท้า ปาก ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับลูกๆ ได้ดังนี้

เด็กๆ ที่ป่วยด้วยโรคเฮอร์แปงไจน่า อาจจะมีไข้สูงเฉียบพลันได้ ที่อาการไข้อาจสูงถึง 41 องศาเซลเซียส มีอาการร่วม คือ เจ็บคอ คอแดง ปวดศีรษะ ปวดตามตัว อาจมีอาเจียน

  • อาการเด่น คือ จะมีอาการเจ็บบริเวณเพดานปากและคอนำมาก่อน ต่อมา (ภายใน 1 วัน) จะมีจุดแดงๆ บริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ และอาจมีตุ่มแดงที่ทอนซิล หรือบริเวณในลำคอด้วยก็ได้ ภายใน 24 ชั่วโมง จุดแดงๆ จะกลายเป็นตุ่มแดงขนาดเริ่มต้น 1-2 มิลลิเมตร แล้วกลาย เป็นตุ่มน้ำขนาด 2-4 มิลลิเมตร อาจเป็นแผลเล็กๆตรงกลางตุ่มน้ำนั้น หรืออาจมีการอักเสบรอบ ๆแผลได้ แผลอาจใหญ่ได้ถึง 10 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่ตุ่มน้ำมีจำนวนไม่มาก มักไม่เกิน 6 ตุ่ม แต่ก็อาจพบมากกว่า 15 ตุ่มได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดที่ตุ่มและแผลพอประมาณ อย่างไรก็ตาม ไข้จะลดลงภายใน 2-4 วัน แต่แผลอาจคงอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ สำหรับโรคเฮอร์แปงไจน่าจะมีอาการที่เกิดขึ้นกับเฉพาะในช่องปากเท่านั้น
เด็กวัยเข้าเรียน มือสัมผัสเชื้อนำเข้าร่างกายทางตา ปาก
เด็กวัยเข้าเรียน มือสัมผัสเชื้อนำเข้าร่างกายทางตา ปาก

Must Read >> สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ เพื่อรับมือกับ ‘โรคมือเท้าปาก’

 

เมื่อลูกป่วยด้วยโรคเฮอร์แปงไจนา ควรดูแลรักษาอย่างไร?

  • ถึงจะเป็นโรคที่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็ยังไม่มียาที่สามารถกำจัดไวรัสชนิดนี้ได้โดยตรง วิธีรักษาจึงเป็นการดูแลผู้ป่วยตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ แก้ปวด หรือหยดยาชาภายปาก เพื่อช่วยลดอาการเจ็บแผลในปาก เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปผู้ป่วยก็จะสามารถค่อยๆ ฟื้นตัวได้เอง
  • การให้ยาชากลั้วปาก อาจช่วยในเด็กโตบางคน แต่ส่วนใหญ่ในการดูแลผู้ป่วยเด็กเล็ก แนะนำให้กินน้ำเย็น นมแช่เย็น หรือไอศกรีม (ทำจากนมแม่แช่เย็นเองเพราะบางทีที่ซื้อไม่สะ อาด เด็กอาจเกิดท้องเสียได้) ผู้ป่วยมักกินได้ดี เนื่องจากความเย็นทำให้ชา ไม่เจ็บเวลากลืน และจะพบอาการ/ภาวะขาดน้ำ ขาดอาหารไม่มาก
  • ควรทานอาหารอ่อนๆ เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย รสไม่จัด และดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อช่วยลดไข้ ลดอาการขาดน้ำ และย่อยอาหารได้ง่ายขึ้นค่ะ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด จะทำให้มีอาการเจ็บแสบบริเวณแผลมากขึ้น
  • แต่หากลูกมีอาการรุนแรง คือ ไข้สูงลอย กินอาหารไม่ได้ มีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาโหล ปัสสาวะออกน้อยและมีสีเข้มผิดปกติ ควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อรับการตรวจรักษาแยกจากโรคอื่นๆ เช่น โรคมือเท้าปาก หรือการติดเชื้อแบคทีเรียในลำคอ

 

herpangina-1

อ่านต่อ>> สิ่งที่พ่อแม่ต้องระวัง และ 6 วิธีป้องกันโรคเฮอร์แปงไจน่า คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เตือนพ่อแม่ ระวังลูกติดยาเสพติดคล้ายผงบ๊วย

Alternative Textaccount_circle
event

มีข่าวเมื่อหลายปีก่อนที่มีตำรวจรวบตัวคนร้ายที่ขนยาบ้านับหมื่นเม็ด ซึ่งตรวจพบว่าเป็นยาบ้ารุ่นใหม่ เพราะมีการเพิ่มสารแต่งกลิ่น และรสชาติเพื่อหลอกล่อลูกค้าใหม่ โดยคนร้ายมี ยาบ้ารสบ๊วย ซุกซ่อนเอาไว้ใต้เบาะคนขับ จำนวน 10,000 เม็ด และยังมีรสอื่นๆ เช่น วนิลา ช็อกโกแลต

(more…)

เล่นบันไดเลื่อน

อุทาหรณ์ อย่าปล่อยลูกเล่นบันไดเลื่อนลำพัง

Alternative Textaccount_circle
event
เล่นบันไดเลื่อน
เล่นบันไดเลื่อน

คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าในประเทศจีน ได้บันทึกภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญเอาไว้ได้ เมื่อเด็กชายวัย 2 ขวบ วิ่งเล่นตามเด็กชายอีกคนที่อายุมากกว่า เด็กชายคนโตลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง เด็กชายอีกคนวิ่งตามมา เล่นบันไดเลื่อน ตามลำพัง จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

(more…)

อานิสงส์การดูแลพ่อแม่ 12 ประการ ที่ลูกกตัญญูจะได้รับ!

event

อานิสงส์การดูแลพ่อแม่ ก่อเกิดผลบุญมากมายมหาศาลเจริญก้าวหน้าตลอดชีวิต …พระพุทธองค์ตรัสว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าสองข้างของตน ประคับประคองท่านให้อยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ท่าน ถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านเช่นนั้นตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนบุญคุณท่านยังไม่หมด… (more…)

อุทาหรณ์ ปล่อยลูกน้อยเล่นกันเองเกือบตาบอด

Alternative Textaccount_circle
event

เรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกเล็ก เมื่อมีการรายงานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน มีเด็กหญิงวัย 6 ขวบคนหนึ่ง ถูกพี่ชายวัย 7 ขวบ ปาลูกดอกปักเข้าไปที่หัวคิ้ว ระหว่างที่เล่นกันตามลำพัง เกือบตาบอด

(more…)

เมื่อป่วยไทรอยด์เป็นพิษ…ตอนท้อง

Alternative Textaccount_circle
event

ไทรอยด์เป็นพิษตอนท้อง เกิดจาก ระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงผิดปกติ ทําให้การทํางานของระบบเผาผลาญในร่างกายเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มือสั่น ใจสั่น คอโตหรือคอพอก มีปัญหาน้ำหนักตัวผิดปกติ เหงื่อออกง่าย  และอาจมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ไทรอยด์เป็นพิษตอนท้อง

ซึ่งแม้อาการทั้งหมดอาจฟังดูน่ากลัวแต่สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าผู้หญิงที่ป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ ก็สามารถตั้งครรภ์และแข็งแรงปลอดภัย ได้ทุกไตรมาส เพียงแค่ปรึกษาแพทย์และ ควบคุมโรคให้สงบก่อนที่จะเริ่มตั้งครรภ์ จากนั้นเฝ้าระวังทุกไตรมาสอย่างใกล้ชิด ทั้งคุณแม่และลูกน้อยก็แข็งแรงได้ไม่ยากค่ะ

แม่ท้อง ไทรอยด์เป็นพิษ ปรับยาให้พอดี ตั้งแต่ไตรมาสแรก

วิธีที่หมอใช้ควบคุมโรค ไทรอยด์เป็นพิษให้สงบในระหว่างตั้งครรภ์คือ การเลือกใช้ยาที่ปลอดภัยและปรับปริมาณยาให้เพียงพอต่อการควบคุมโรคของคุณแม่และไม่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง โดยยาที่หมอใช้รักษาไทรอยด์เป็นพิษตอนท้อง โดยหลักแล้วจะมีอยู่ 2 ตัว คือ พีทียูและเมทิมาโซลค่ะ

  • พีทียู (PTU)

เป็นยาหลักที่หมอเลือกใช้กับแม่ท้อง เนื่องจากปริมาณที่ยาพีทียูจะผ่านรกได้มีน้อยกว่ายาเมทิมาโซล หมอก็คาดหวังว่าจะมีผลแทรกซ้อนต่อทารกน้อยตามไปด้วย แต่หากคุณแม่จําเป็นต้องใช้ขณะตั้งครรภ์

ปริมาณยาสูงเพื่อควบคุมโรคก็มีความเสี่ยงที่ยาจะผ่านรกไปกดไทรอยด์ของลูกและมีผลให้ตับของคุณแม่ทํางานผิดปกติได้ จึงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดจากการตรวจเลือดของคุณแม่เป็นระยะค่ะ”

  • เมทิมาโซล (Methimazole)

จากการศึกษาพบว่า ยาตัวนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการแต่กําเนิดบางชนิดกับทารกในครรภ์ได้ เช่น หลอดอาหารผิดปกติ อาการผิดปกติทางผิวหนังบางอย่าง หมอจึงไม่นิยมใช้ยาตัวนี้กับแม่ตั้งครรภ์

ไทรอยด์เป็นพิษตอนท้อง

ฝากครรภ์ยิ่งเร็วยิ่งดี

คุณหมอแนะนําว่าคุณแม่ที่ป่วยไทรอยด์เป็นพิษควรฝากครรภ์เร็วกว่าแม่ตั้งครรภ์ทั่วไป เพราะสูตินรีแพทย์ต้องดูแลความปลอดภัยขณะตั้งครรภ์ ขณะที่คุณหมออายุรกรรมก็ต้องช่วยควบคุมโรคให้สงบตลอดทุกไตรมาส หมอจึงต้องคอย     ตรวจครรภ์ของคุณแม่อย่างสม่ำเสมอและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

จากความเปลี่ยนแปลงตัวโรค เพราะถึงแม้ว่าก่อนตั้งครรภ์คุณหมอจะยืนยันว่าโรคสงบลงแล้วแต่บางครั้งอาการก็แย่ลงได้ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกผลของฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ร่วมกับภาวะไทรอยด์เป็นพิษอาจทําให้ไทรอยด์เป็นพิษ แสดงอาการมากขึ้นหรือมีอาการแพ้ท้องแบบรุนแรงได้ค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

แพ้ท้อง ต้องระวัง

อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงบางครั้งเป็นอีกสัญญาณเตือนไทรอยด์เป็นพิษแอบแฝงหรือชั่วคราวได้

เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ป่วยด้วยไทรอยด์เป็นพิษมักจะมีอาการแพ้ท้องรุนแรงกว่าคุณแม่ทั่วไป ที่ต้องระวังคืออาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะรกผิดปกติ ท้องลูกแฝด หรือเป็นมะเร็งเนื้อรกได้

ดังนั้นหากคิดว่าอาการแพ้ท้องรุนแรงกว่าปกติคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ

ติดตามกันต่อ ไทรอยด์เป็นพิษในไตรมาสสอง คลิกหน้า 2

ถูกหลอกขึ้นรถ

3 เด็กน้อย ถูกหลอกขึ้นรถลักพาตัว-หวังข่มขืน

Alternative Textaccount_circle
event
ถูกหลอกขึ้นรถ
ถูกหลอกขึ้นรถ

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 17.45 น. แถวจังหวัดปทุมธานี มีการรับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเด็ก 3 คนวิ่งมาขอความช่วยเหลือว่า ถูกหลอกขึ้นรถ ลักพาตัวมา บริเวณซอยรังสิต-นครนายก เป็นเด็กหญิง 10 ขวบ, 7 ขวบ และเด็กชาย 6 ขวบ ซึ่งตื่นตกใจกลัว

(more…)

keyboard_arrow_up