ลำไส้อักเสบในเด็ก! กับวิธีสังเกตและดูแลรักษาเมื่อลูกน้อยเป็นลำไส้อักเสบ

น้องเป่าเปา ป่วย  …อีกหนึ่งโมเม้นท์ที่เพิ่งเคยได้เห็น  สำหรับเด็กน้อยร่าเริงอย่าง น้องเป่าเปา ลูกสาวแม่กุ๊บกิ๊บกับพ่อบี้ ที่เกิดป่วยจนมีอาการซึม กินอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งกินยายังอาเจียนออกมา

เป็นภาพที่ทำให้แฟนคลับต่างพากันสงสาร และให้กำลังใจขอให้น้องหายไวๆ เมื่อ “น้องเป่าเปา” ลูกสาวสุดน่ารักของคุณแม่กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ กับคุณพ่อบี้ kpn ซึ่งคุณแม่กุ๊บกิ๊บต้องพาตัว น้องเป่าเปา ไปหาหมอด่วนเนื่องจากไข้ขึ้นสูง 38 องศาเซลเซียส หลังจากกลับมาจากต่างประเทศ

น้องเป่าเปา ป่วย ไข้ขึ้น-ท้องอืด หมอตรวจพบเชื้อไวรัสในลำไส้ 

น้องเป่าเปา ป่วย

น้องเป่าเปา ป่วย

และคุณหมอยังตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัสที่ลำไส้ โดยคุณแม่กุ๊บกิ๊บคาดว่าอาการป่วยของน้องเป่าเปาน่าจะมาจากการที่น้องชอบอมรองเท้าตัวเอง เลยทำให้ท้องอืดและมีไข้ ซึ่งหากน้องถ่ายเอาเชื้อโรคออกมาได้หมดไข้ก็จะหาย

ซึ่งคุณแม่กุ๊บกิ๊บ ได้โพสต์คลิปพร้อมแคปชั่นว่า

“*poor baby หมาหงอย!!!!555555555555555555555 ป้ารี่คุยด้วยก็ไม่คุย @icherry9 ..ปล. มีเชื้อไวรัสที่ลำไส้ คาดว่าน่าจะมาจากการอมตรีนตัวเองเมื่อวานแล้วมันมีเชื้อโรค5555555555555 (รองเท้านางคงไปเหยียบโดนเชื้อโรคมา) เลยทำให้ท้องอืดและมีไข้ต้องรอจนกว่านางจะถ่ายเชื้อโรคออกมาหมดไข้ก็จะหายค่ะ ตอนนี้ชึมๆแต่ไข้ลดละขี้อ้อนหนักมากกกก รอดูว่าคืนนี้ไข้จะขึ้นอีกไหม”

ชมคลิป >> “น้องเป่าเปา ซึมหนักไข้ขึ้น พร้อมวิธีสังเกตและรักษาเมื่อลูกเป็นลำไส้อักเสบ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด

    12 สุดยอด ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด ชนะการประกวดภาพถ่ายประจำปี 2017

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด ที่จะทำให้ทุกครอบครัวได้ประทับใจไปกับนาทีของการกำเนิดชีวิตใหม่ที่สุดแสนเจ็บปวด แต่ก็น่าประทับใจยิ่งนัก ภาพถ่ายชุดนี้ได้ชนะการประกวดภาพประจำปี 2017 จัดขึ้นโดยองค์กรนานาชาติของช่างภาพมืออาชีพ ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะพาไปชม ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด ภาพนาทีชีวิตที่ถูกบันทึกไว้ได้อย่างงดงาม

     

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด

    Image source: Natasha Hance – Birth Unscripted

    1. ของขวัญล้ำค่าจากสรวงสวรรค์

     

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด

    Image source: Kourtnie Scholz

    2. เธอคือทุกเรื่องราวที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน

     

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด

    Image source: Vanessa Mendez Birth Photography

    3. สิ้นสุดการรอคอยที่คุ้มค่า นี่คือน้ำตาแห่งความปิติยินดีที่มอบให้กับชีวิตน้อยๆ แก้วตา ดวงใจของแม่

     

    ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด

    Image source: KEDocumentary

    4. พวกเราตกหลุมรักกันและกันอีกครั้ง

    อ่านต่อ >> “ภาพถ่ายนาทีแรกคลอด” หน้า 2

     

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย

      นักวิจัยค้นพบ! ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ไม่ต้องทำหมัน ประสิทธิภาพสูงเกือบ 100%

      คุณแม่เตรียมเฮ คุณพ่อเตรียมตัว นักวิจัยค้นพบ “ ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย โดยเฉพาะ ” ประสิทธิภาพสูงแทนการทำหมันได้ เกือบ 100% พร้อมพัฒนาให้ได้ผลดีขึ้นเพื่อลดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ความซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์

      นักวิจัยค้นพบ! ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย โดยเฉพาะ

      นิตยสาร The Journal of  Endocrinology & Metabolismได้ทำการเผยแพร่ถึงสิ่งที่จะมาช่วยในเรื่องการคุมกำเนิดของเพสชายเพราะการคุมกำเนิดของเพสชายนั้นมีเพียงการใช้ถุงยางอนามัยและการทำหมันเพียงเท่านั้น

      ปัจจุบันในขณะที่ผู้หญิงมีวิธีการคุมกำเนิดได้หลายวิธี แต่ผู้ชายกลับมีทางเลือกไม่มากนักในการคุมกำเนิด เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการทำหมัน เป็นต้น

      ดังนั้น การพัฒนาทางเลือกสำหรับการคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีข้อมูลว่า การตั้งครรภ์ 40 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกนั้นเป็นการตั้งครรภ์แบบไม่ได้ตั้งใจ จากข้อมูลของ Guttmacher Institute

      ทั้งนี้ได้มีการค้นพบว่า ยาคุมกำเนิดชายเเบบฉีดที่กำลังพัฒนาและทดสอบอยู่ มีประสิทธิผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ถึง 96 เปอร์เซ็นต์ ยาคุมกำเนิดชายนี้มีฤทธิ์ควบคุมการผลิตเชื้ออสุจิให้ลดจำนวนลง จนไม่สามารถก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้

      ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย

      โดยขั้นตอนการทดสอบเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดแบบฉีดนั้น ได้ทดสอบกับชายจำนวน 320 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 45 ปี ทุกคนมีคู่สมรสเพียงแค่คนเดียว อายุระหว่าง 18 ถึง 38 ปี และแต่งงานกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยผู้ชายทุกคนนั้นมีจำนวนสเปิร์มปกติในวันแรกของการศึกษา

      จากนั้น ผู้ชายทุกคนจะได้รับการฉีดฮอร์โมนโปรเจสโตเจนที่ชื่อ norethisterone enanthate (NET-EN) ขนาด 200 มิลลิกรัม และฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ชื่อ testosterone undecanoate (TU) ขนาด 1,000 มิลลิกรัม

      ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย

      โดยได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคอยฉีดยาคุมกำเนิดให้ทุก ๆ 8 สัปดาห์ เป็นเวลารวมกัน 26 สัปดาห์ เพื่อลดจำนวนสเปิร์ม อาสาสมัครจะต้องให้ตัวอย่างน้ำอสุจิเพื่อนำไปทดสอบหลังจากผ่านไปแล้ว 8 และ 12 สัปดาห์ และจากนั้นก็ให้อีกทุก 2 สัปดาห์ จนกว่าจะเข้าเกณฑ์ว่าจำนวนสเปิร์มได้ลดลงจนถึงระดับที่กำหนดไว้ ในช่วงลดสเปิร์มนี้ คู่สามีภรรยาได้รับคำแนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมนวิธีอื่นร่วมไปด้วย

      และเมื่อจำนวนสเปิร์มในน้ำอสุจิลดลงจนน้อยกว่า 1 ล้านตัวต่อ 1 มิลลิลิตรแล้วในการทดสอบสองครั้งติดต่อกัน คู่สามีภรรยาได้รับคำแนะนำให้เชื่อวิธีการคุมกำเนิดแบบฉีดอย่างเดียว ในช่วงนี้ ผู้ชายยังได้รับยาคุมกำเนิดแบบฉีดอยู่ทุก ๆ 8 สัปดาห์จนกว่าจะครบ 56 สัปดาห์ และให้ตัวอย่างน้ำอสุจิทุก ๆ 8 สัปดาห์เพื่อให้มั่นใจว่าจำนวนสเปิร์มยังอยู่ในระดับต่ำ และเมื่อเลิกให้ยาคุมกำเนิด นักวิจัยก็ทำการนับต่อไปว่าจำนวนสเปิร์มกลับมาเพิ่มขึ้นเร็วเพียงใด

      อ่านต่อ >> “นักวิจัยค้นพบ! ยาฉีดคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะแทนการทำหมันได้” คลิกหน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        อย่าปล่อยให้ลูกเล่นดิน

        อย่าปล่อยให้ลูกเล่นดิน เสี่ยง โรคเมลิออยโดสิส

        จากการเตือนของกรมควบคุมโรค ที่มีการพยากรณ์ให้เฝ้าระวัง 4 โรคที่จะระบาดในปี 2560 นี้ หนึ่งในโรคที่สำคัญคือ โรคเมลิออยโดสิส ซึ่งจากข้อมูลในปี 2559 พบว่ามีผู้ป่วย 3,171 คน และเสียชีวิต 6 คน ซึ่งพบมากในช่วงฤดูฝน คาดว่าในปีนี้ จะมีผู้ป่วยถึง 3,000 คน

        Continue reading “อย่าปล่อยให้ลูกเล่นดิน เสี่ยง โรคเมลิออยโดสิส”

          แม่โพสต์เตือน! ระวัง “ขนมปนเปื้อนสารพิษ” ลูกป่วยหนักเข้ารพ. อันตรายถึงชีวิต!

          ขนมไม่มีอย. อันตราย ขึ้นชื่อว่า ขนม เป็นของที่เด็กๆทุกคนย่อมชอบกินกันอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรพิจารณา ก่อนเลือกซื้อขนมให้ลูกคือ ควรอ่านฉลาก และดูเลขที่อย. ด้วยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

          ไม่เช่นนั้นแล้วหากลูกกินขนมที่ไม่มีฉลากอย. เข้าไป หรือขนมที่ไม่มีรายละเอียดบอกสารอาหารอะไรบนฉลากเลย ขนมนั้นอาจมีสารพิษเจือปนอยู่ เมื่อลูกกินขนมเหล่านั้นเข้าไปก็อาจทำให้ได้รับสารพิษ เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

          ดังเช่นเหตุการณ์นี้ ซึ่งคุณแม่ท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือน ผ่านบนเฟซบุ๊กชื่อ เบียร์ กิ๊กก๊อก โดยเล่าถึงอาการของลูกสาววัย 6 ขวบ หลังจากกินขนมชนิดหนึ่งเข้าไปว่า…

          ซึ่งหลังจากน้องกินเข้าไป แรกๆจะเฉยๆ ซักพักจะเริ่มเวียนหัว และอาเจียนอย่างหนัก นอนซึม ตาลอย เรียกไม่ตอบ ไม่รู้สึกตัว ผู้เป็นแม่จึงรีบเรียกรถพยาบาลมารับ

          ขนมไม่มีอย. อันตราย

          อ่านต่อ >> แม่โพสต์เตือน! ระวัง “ขนมปนเปื้อนสารพิษ” ลูกป่วยหนักเข้ารพ.” คลิกหน้า 2

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์

            โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์

            โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องต้องการธาตุเหล็กมากกว่าคนทั่วไป เพราะร่างกายต้องนำมาสร้างรกและทารก สร้างเลือดให้แม่ เพราะฉะนั้นการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ

            โลหิตจาง จากการ ขาดธาตุเหล็ก ในแม่ท้อง
            โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์

            โรคโลหิตจาง เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งผลกระทบที่เกิดกับคุณแม่และลูกน้อยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเด็ดขาด

            โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในแม่ตั้งครรภ์ จะมีผลกระทบต่อลูกและคุณแม่อย่างไรบ้าง

            โรคโลหิตจาง หมายถึง โรคจากสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงน้อยจนทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ก็หมายถึง ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงน้อยจากการขาดธาตุเหล็ก พบได้มาก ประมาณการณ์ว่ามีคนร้อยละ 1-2 เป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แต่หากรวมผู้ที่โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแต่ไม่มีอาการ พบประมาณร้อยละ 12

            โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หลายอย่างคือ เพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ลูกในครรภ์น้ำหนักน้อย ลูกในครรภ์มีโลหิตจาง หากโลหิตจางมาก อาจทำให้เกิดน้ำคร่ำน้อย ซึ่งทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังอาจเกิดอันตรายกับมารดาในช่วงคลอด เพราะอาจตกเลือดจนเสียชีวิตได้ค่ะ

            ทำไมแม่ท้องจึงเสี่ยง โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

            เพราะการตั้งครรภ์ทั่วไปจะทำให้เกิดโลหิตจางในช่วงไตรมาสที่สอง ซึ่งช่วงนั้น น้ำเหลือง (พลาสม่า) จะเพิ่มมากกว่าเม็ดเลือดแดง ทำให้เสมือนว่าเม็ดเลือดแดงซึ่งอยู่ในน้ำเหลืองมีจำนวนน้อยลง อีกทั้งธาตุเหล็กจากการรับประทานอาหารมักไม่เพียงพอ เนื่องจากคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการธาตุเหล็กมากกว่าปกติ เพื่อเสริมสร้างส่วนของทารกและส่วนของมารดา โดยคนท้องทั่วไปต้องการธาตุเหล็กตลอดการตั้งครรภ์จำนวน 1,000 มิลลิกรัม โดยจำนวน 300 มิลลิกรัม ไปสร้างส่วนที่เป็นรกและทารก จำนวน 500 มิลลิกรัม ไปเพิ่มส่วนที่เป็นโลหิตของแม่ และจำนวน 200 มิลลิกรัม ถูกขับออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ ดังนั้นคนท้องทุกคน จึงต้องเสริมธาตุเหล็ก ยิ่งหากเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กยิ่งต้องเสริมจำนวนมากกว่าคนทั่วไป

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            ติดตาม อาการแบบนี้อาจเป็น โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก คลิกหน้า 2

              พัฒนาการ-การตั้งครรภ์-21-22-สัปดาห์

              ตั้งครรภ์ 21-22 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

              พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 21-22 สัปดาห์ ในช่วงนี้คุณแม่อาจมีอาการแสบร้อนกลางอก มีปัญหาระบบการย่อยอาหาร เพราะท้องที่ใหญ่ขึ้น แต่ข่าวดีคือจะสามารถเล่น พูดคุยกับลูกน้อยในช่วงสัปดาห์นี้ได้มากขึ้น ลูกน้อยจะเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่คุ้นเคยได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

               พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 21-22 สัปดาห์

              พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 21-22 สัปดาห์

              อาการคนท้อง 21-22 สัปดาห์

              • ยอดมดลูกสูง หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น ตอนนี้ยอดมดลูกของคุณแม่อยู่สูงกว่าสะดือครึ่งนิ้วแล้ว รวมทั้งหน้าท้องก็ใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัด ทำให้คุณแม่ต้องแบกรับน้ำหนักท้องที่มากขึ้น จึงควรระมัดระวังการเปลี่ยนอิริยาบถต่างๆ โดยค่อยๆ ลุกยืน ลุกจากที่นอน ลุกจากที่นั่ง เพื่อป้องกันการล้ม และหน้ามืด
              • สดชื่นแจ่มใสมากขึ้น เพราะอาการไม่สบอารมณ์ต่างๆ จากความอ่อนเพลีย เข้าห้องน้ำบ่อย หรือแพ้ท้องก็ลดน้อยลงแล้ว ทำให้คุณแม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีพลังขึ้น
              • มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น คุณแม่บางคนอาจมีอารมณ์ทางเพศมากกว่าที่เคยเป็น ซึ่งหากไม่มีความเสี่ยงอะไร คุณแม่ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ได้ปกติ ในท่าที่ไม่กดทับหน้าท้องค่ะ
              • อาการปวดขาหรือเป็นตะคริวเริ่มมาเยือน หาหมอนมาหนุนขาตอนนอนจะช่วยได้
              • แสบร้อนกลางอก อาการแสบร้อนกลางอกจากกรดไหลย้อนนั้นถือเป็นผลข้างเคียงมาจากการตั้งครรภ์ โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายอย่างรวดเร็วแบบไม่ยั้ง ทำให้หูรูดบริเวณกระเพาะอาหารและหลอดอาหารคลายตัวมากกว่าปกติ กรดจึงไหลย้อนกลับขึ้นไปนั่นเอง

              ป้องกันอาการแสบร้อนกลางอก….โดยปกติเราจะกินข้าวกันหลักๆ 3 มื้อต่อวัน แต่เมื่อมีเบบี๋ในท้องแล้ว เราอาจต้องปฏิวัติตัวเองกันใหม่ เพื่อป้องกันหรือบรรเทาให้อาการแสบๆ ร้อนๆ กลางอกลดน้อยลง เพราะอาการแบบนี้เวลาเกิดขึ้นแล้วทรมานใช่เล่น

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              ติดตาม พัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงของแม่ท้อง คลิกต่อหน้า 2

                ภาษีสินสอด

                พ่อแม่เตรียมตัว รัฐบาลเรียกเก็บภาษีสินสอด

                สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ หรือว่าที่สามีภรรยาที่มีฐานะ ที่จัดงานแต่งงาน มีเงินสินสอดทองหมั้น ทางกรมสรรพากรเตรียมเรียกเก็บ ภาษีสินสอด แล้ว โดยภาษีเหล่านั้น ถ้ามอบให้ก่อนทำการจดทะเบียนสมรส ก็ต้องนำสินสอดในส่วนที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ไปเสียภาษีอัตรา 5%

                Continue reading “พ่อแม่เตรียมตัว รัฐบาลเรียกเก็บภาษีสินสอด”

                  จุกหลอก

                  จุกหลอก 5 ข้อดี 5 ข้อเสีย ที่ควรรู้ก่อนใช้

                  จุกหลอก ตัวช่วยในการเลี้ยงลูกที่หลายบ้านเลือกใช้ เพราะอาจทำให้ลูกอยู่นิ่ง หยุดร้องไห้งอแง และหลับง่าย แต่สำหรับบางครอบครัวกลับมองว่า จุกหลอกอาจไปทำลายพัฒนาการบางอย่างของลูก ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ความจริงจะเป็นอย่างไร มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องให้ลูกใช้จุกหลอก คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ข้อดี ข้อเสียของจุกหลอก กันก่อนดีกว่าค่ะ

                  จุกหลอก คืออะไร เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

                  จุกหลอก เกิดขึ้นมานานนับศตวรรษแล้ว เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย สงบ ไม่ร้องกวนใจตลอดวัน ในสมัยก่อนจะใช้อะไรก็ได้ที่เด็กสามารถคาบไว้ได้อย่างปลอดภัย เช่น ห่วงยางกัด แต่ในปัจจุบัน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า จุกหลอกจึงได้พัฒนาให้มีรูปร่างเลียนแบบหัวนมของแม่ โดยผลิตจากซิลิโคนหรือยางที่มีความยืดหยุ่น และใช้งานได้สะดวก ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับทารกในช่วง 3 เดือนแรกที่ยังปรับตัวไม่ได้ ร้องไห้งอแง และต้องการดูดตลอดเวลาเพื่อความอบอุ่นใจ

                  จุกหลอก ข้อดี

                  ข้อดีของจุกหลอก

                  การจะให้ลูกใช้ จุกหลอก หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละครอบครัวเป็นสำคัญ ซึ่งจุกหลอกก็มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น

                  1. ลดภาวะ Overfeeding ให้กับลูก

                  เพราะในช่วง 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ลูกต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ทั้งยังต้องการความอบอุ่นใกล้ชิดจากแม่ จึงร้องไห้ขอดูดนมตลอดเวลา หากคุณแม่ให้นมมากเกินไปก็จะเกิดภาวะ Overfeeding ทำให้ลูกปวดท้อง แน่นท้อง อาเจียน ถ่ายบ่อย หายใจอึดอัด นอนหลับไม่ดี เกิดเสียงครืดคราดในลำคอ และขย้อนน้ำนมออกทางจมูกหรือสำลักลงหลอดลมได้ ส่วนตัวคุณแม่เองก็อาจเจ็บหัวนมเพราะการใช้งานที่หนักเกินไป การใช้จุกหลอกก็จะเป็นทางออกที่ดีที่จะเบรคลูกไม่ให้กินนมมากจนเกิดภาวะ Overfeeding ได้

                  1. ช่วยให้ลูกมีความสุข ไม่ร้องไห้งอแง

                  เนื่องจากลูกยังไม่คุ้นชินกับโลกใบใหม่ อาจมีความหวาดกลัว ร้องไห้ไม่หยุด หรือมีอาการโคลิก การได้ดูดจุกหลอกจะช่วยให้ลูกผ่อนคลาย อบอุ่นใจ มีความสุข สงบนิ่ง และนอนหลับง่ายขึ้น ทั้งยังบรรเทาความเจ็บปวด ไม่สบายตัวได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่นิยมใช้จุกหลอกเมื่อลูกร้องไห้นาน ๆ อย่างไม่มีสาเหตุ

                  1. มีประโยชน์กับทารกที่คลอดก่อนกำหนด

                  ทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะต้องได้รับอาหารทางสายยางในระยะแรก และเมื่อเข้าสู่ช่วงฝึกดูดนม หากได้ซ้อมใช้จุกหลอกก่อนดูดเต้าจริง ก็จะช่วยให้ลูกดูดเต้าเป็นเร็วขึ้น และประสบความสำเร็จในการเข้าเต้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

                  1. ป้องกันการตายเฉียบพลันในทารก (SIDS)

                  SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) เป็นภาวะการเสียชีวิตอย่างฉับพลันในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี หลังจากที่นอนหลับไปแล้ว โดยไม่มีสัญญาณใด ๆ เตือนก่อนล่วงหน้า และไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของการเสียชีวิตได้ ในต่างประเทศจึงนิยมให้ลูกดูดจุกหลอกขณะนอนหลับจนถึงอายุ 1 ปี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า จุกหลอกสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะ SIDS ในเด็กเล็กได้

                  1. ลดพฤติกรรมเล่นน้ำลาย ดูดนิ้วมือ

                  การเล่นน้ำลายหรือดูดนิ้วมือเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการในเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเจอ และหากลูกนำมือที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนจากการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ อย่างไม่ระมัดระวังเข้าปาก อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารจนท้องเสีย อาเจียนรุนแรง การใช้จุกหลอกจึงเป็นทางออกที่จะป้องกันพฤติกรรมนี้ของลูกได้เป็นอย่างดี

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                  อ่านต่อ >> ข้อเสียของจุกหลอก ที่แม่ไม่ควรมองข้าม คลิกหน้า 2

                    เด็กอนุบาลถูกครูทำโทษ มัดมือ ปิดตา

                    มีข่าวจาก Amarin TV กล่าวว่า พบผู้ใช้เฟซบุ๊ก DR.K v.3 โพสต์ภาพ เด็กอนุบาลถูกครูทำโทษ โดยการมัดมือ ปิดตา โดยอ้างว่าเพราะฉีกกระดาษเล่น โดยคุณพ่อของเด็ก ให้ข้อมูลว่า ครูประจำชั้นเล่าให้ฟัง ว่าถูกครูมัธยมจับลงโทษ ด้วยการใช้สก็อตเทป มัดมือ และปิดตา

                    Continue reading “เด็กอนุบาลถูกครูทำโทษ มัดมือ ปิดตา”

                      เผยคลิปวิดีโอ ชายทำอนาจาร 2 ด.ญ.วัยประถม ทำทีเป็นพูดคุย ก่อนฉวยโอกาสกอด-จูบ เด็กไหวตัวทัน วิ่งหนีออกมาได้

                      เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อชายคนหนึ่ง ได้ยืนช่วยตัวเองข้างรถกระบะ ก่อนที่จะมีเด็กนักเรียนหญิงประถม 2 รายเดินผ่านมา โดยชายคนดังกล่าวได้ทำทีพูดคุย ก่อนจะฉวยโอกาส ทำอนาจารเด็ก กอดและจูบเด็กหญิงทั้งสอง และคล้ายกับพยายามล่อลวงให้ขึ้นรถด้วย

                      เผยคลิปวิดีโอ ชาย ทำอนาจารเด็ก ทำทีเป็นพูดคุย ก่อนฉวยโอกาสกอด-จูบ

                      ซึ่งทางผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ken Kae ได้ออกมาแชร์คลิปซึ่งเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองที่ปล่อยให้ลูกวัยอนุบาลไปไหนมาไหนเพียงลำพัง เมื่อกล้องวงจรปิดภายในตลาดนัดขวัญเรียม แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ได้บันทึกภาพชายใส่เสื้อสีน้ำเงิน ได้นำรถยนต์กระบะสีขาว มาจอดภายในตลาด ก่อนจะเดินออกมาแอบข้างรถ แล้วควักเอาอวัยวะเพศออกมาสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง โดยไม่อายผู้ที่เดินผ่านไปมา

                      ทำอนาจารเด็ก

                      และโชคร้ายเด็กนักเรียนหญิง 2 คนกำลังเดินผ่านมาพอดี ทำให้ชายคนดังกล่าวได้เรียกเข้าไปทำท่าทีชวนคุย ก่อนทำอนาจารโดยการกอดและหอมแก้มเด็กคนหนึ่ง และยังได้สำเร็จความใคร่โชว์เด็กอีกด้วย ก่อนที่เพื่อนอีกคนทำทีท่าว่าจะเดินไปบอกคุณครู ทำให้ชายคนดังกล่าวเดินไปขึ้นรถ และขับรถออกไป ด้านคุณครูเมื่อทราบเรื่องจากเด็กหญิงทั้ง 2 จึงได้มาเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดและได้เห็นภาพวิดีโอดังกล่าว ทั้งนี้ผู้โพสต์คลิประบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในท้องที่ สน.มีนบุรี

                      ♥ แนะนำบทความควรอ่าน!สอนลูก หวงร่างกาย อย่ารอจนสายเกินไป!
                      ♥ แนะนำบทความควรอ่าน!สอนลูกให้รู้จัก “พื้นที่ส่วนตัว” ป้องกันถูกละเมิดทางเพศ

                      ชมคลิป >> “เหตุการณ์จริง ชายหื่นทำอนาจาร 2 ด.ญ.วัยประถม” คลิกหน้า 2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        แม่ผู้เสียสละ

                        นี่แหละที่เรียกว่า มีจิตวิญญาณของคนเป็นแม่อย่างแท้จริง! แม้ตัวเจ็บ แต่ก็ยังฝืนให้ลูกดื่มนมจากอก เพื่อปลอบประโลม

                        แม่ผู้เสียสละ …เรื่องราวนี้เป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากคุณแม่ลูกอ่อนวัย 21 ประสบเหตุ จยย.พลิกคว่ำเอง โดยมีลูกน้อยวัยขวบเศษมีบาดแผลถลอก และเกิดร้องงอแงไม่หยุดผู้เป็นแม่จึงรีบฝืนร่างกายในสภาพเลือดโชกเต็มใบหน้า แล้วจึงถลกเสื้อขึ้นเพื่อให้ลูกน้อยดื่มกินนมจากเต้า หวังเพื่อปลอบประโลม

                        แม่ผู้เสียสละ ทนเจ็บได้เพื่อลูก

                        เจ้าหน้าที่จากเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ชื่อ สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ สุโขทัยทีม ได้รับแจ้งว่ามีเหตุ รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ บนถนนท่าข้าวโค้งตานก ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย  ซึ่งที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 3 ราย เป็นครอบครัวเดียวกัน โดยประสบเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักพลิกคว่ำเอง
                        แม่ผู้เสียสละ

                        แม่ ผู้เสียสละ

                        และเมื่อกู้ภัยพร้อมชาวบ้านไปถึงก็ต้องพบภาพสะเทือนใจจนน้ำตาซึม เนื่องจากพบว่าผู้บาดเจ็บผู้เป็นแม่ ที่อยู่ในสภาพศีรษะแตกเลือดท่วมใบหน้า กำลังถลกเสื้อให้ลูกสาววัยทารกดื่มกินนมจากเต้า แม้ว่าบาดแผลจะสาหัสแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อให้ลูกคลายความเจ็บปวดและหิวนม ผู้เป็นแม่ก็ยอม ก่อนที่กู้ภัยจะเข้าไปปฐมพยาบาล

                        อ่านต่อ >> นมแม่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของลูกได้จริงหรือ” คลิกหน้า 2

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          อัญชัน ทาคิ้ว ทารก

                          เคล็ดลับธรรมชาติ อัญชัน ทาคิ้ว ทารก ช่วยให้คิ้วสวยดกดำ

                          อัญชัน ทาคิ้ว ทารก  ตอนที่ผู้เขียนเป็นเด็กเล็กๆ แม่เล่าว่าหลังเกิดมาได้หนึ่งเดือน คุณยายก็เก็บดอกอัญชันปลูกไว้ริมรั้วบ้านมาฝนเป็นน้ำ แล้วก็เอามาป้ายวาดลงบนขนคิ้วทั้งสองข้าง แล้วก็ที่หนังศีรษะ เพราะอยากให้หลานมีคิ้ว และผมดกดำ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเทคนิคการใช้ดอกอัญชันทาให้ลูกมีขนคิ้ว และผมสวยดกดำ ตามสูตรโบราณมาฝากกันค่ะ

                           

                          อัญชัน ทาคิ้ว ทารก – อัญชัน ดอกไม้สีสวย

                          อัญชัน (Butterfly pea หรือ Blue pea) ดอกไม้สีสวยชนิดนี้สามารถพบเห็นอยู่ตามริมรั้วบ้าน หากเป็นสมัยก่อนเกือบทุกบ้านจะมีไม้ล้มลุกอย่างต้นอัญชันเลื้อยพันอยู่รอบรั้วบ้าน อัญชันจะมีดอกสีน้ำเงินอมม่วง และมีสีขาวตรงกลางกลีบ ซึ่งภายใต้สีดอกที่สวยงามนี้ของอัญชัน ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลาย  ไม่ว่าจะนำมาทำอาหาร ทำขนม ทำเครื่องดื่มสมุนไพรดับกระหาย หรือดื่มเป็นชาดอกอัญชัน และยังใช้ในการบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี เป็นต้น

                           

                          นอกจากนี้ “อัญชัน” ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีมาก เพราะตามยาพื้นบ้านอีสาน จะใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและน้ำซาวข้าว กินหรือทา แก้โรคงูสวัด

                          ส่วนในตำรายาไทย จะใช้ ราก ในการช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย หรือฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาฟาง ทำให้ตาสว่าง หรือทำยาสีฟันโดยใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน[1]

                           

                          นี่แค่น้ำจิ้มนะคะ เพราะอัญชันยังมีดีตรงส่วนของ “ดอก” ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ 108 จนคุณแม่ๆ ต้องอ้าปากค้าง เอาเป็นว่าเราไปดูสรรพคุณคร่าวๆ ที่ใช้ประโยชน์จากส่วนดอกกันก่อนค่ะ

                           

                          อ่านต่อ >> “สรรพคุณมหัศจรรย์จาก อัญชัญ” หน้า 2

                           

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            “พรีไบโอติก” สารอาหารสำคัญ ป้องกันลูกท้องผูก

                            ในนมแม่จะมี พรีไบโอติก ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายทารก จะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดที่ดี ช่วยทำให้แบคทีเรียที่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นการสร้างสมดุลในลำไส้ ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานในลำไส้ และ ลดปัญหาการแพ้อาหาร 

                            พรีไบโอติก (Prebiotic) เป็นใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อย และไม่ถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร ทั้งในส่วนของกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก แต่พรีไบโอติกนี้จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียภายในลำไส้ใหญ่ โดยจะกระตุ้นการทำงาน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้จุลินทรีย์สุขภาพเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนเพิ่มมากขึ้น การหมักย่อยพรีไบโอติกของจุลินทรีย์สุขภาพจะทำให้เกิดกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ก่อโรค ทำให้จุลินทรีย์ก่อโรคลดน้อยลงหรือตายไป มีผลทำให้การติดเชื้อในลำไส้ลดน้อยลง ลดการเกิดท้องเสียและท้องผูก ทำให้สุขภาพลำไส้ดี กรดไขมันสายสั้นที่เกิดขึ้นนี้ยังทำให้เซลล์บุผิวลำไส้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

                            ความสำคัญของสาร พรีไบโอติก

                            พรีไบโอติก ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก โดยจะกระตุ้นการทำงาน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ อย่างเช่น แล็กโทบาซิลลัส (LACTOBACILLUS) และไบฟิโด แบคทีเรีย (BIFIDOBACTERIA) จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ลดการอักเสบบริเวณลำไส้ ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ที่สำคัญช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ และช่วยเสริมสร้างการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเด็กได้เป็นอย่างดี

                            พรีไบโอติก

                            ชนิดของพรีไบโอติกในนมแม่ คือ โอลิโกแซคคาไรด์ (Oligosaccharide) ที่เป็นส่วนประกอบของน้ำนมที่มีปริมาณสูงเป็นอันดับ 3 รองจากน้ำตาลแลคโตส และไขมัน เพราะเหตุนี้ลูกน้อยจึงควรได้รับนมแม่อย่างน้อยที่สุด 6 เดือน และในนมแพะเอง ก็มีพรีไบโอติก ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose อยู่ประมาณ 250 – 300 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมากกว่านมวัว 4-5 เท่า และเป็นแบบเดียวกับนมแม่จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ การอักเสบในทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และลดปัญหาท้องผูกได้อีกด้วย

                            พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) สำคัญต่อลูกน้อยอย่างไร

                            พรีไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างภูมิต้านทานลูกน้อย โดยมีผลพิสูจน์ทางการแพทย์ที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ด้านภูมิต้านทานที่หนักแน่นคือ

                            • เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้
                            • ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคในลำไส้
                            • ส่งเสริมเยื่อบุเมือกของลำไส้ให้แข็งแรงขึ้น
                            • ลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อ

                            ซึ่งนอกจากจะมีอยู่ในนมแม่แล้ว พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ยังมีอยู่ในพืชผักด้วย เช่น หัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) หัวชิคอรี่ (Chicory) อาร์ติโชค (Artichoke) กล้วย มะเขือเทศ ข้าวสาลี ฯลฯ อีกด้วย

                            จึงสรุปได้ว่า “พรีไบโอติกส์” เป็นสารอาหารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของลูกน้อยแล้ว จะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี จึงช่วยทำให้แบคทีเรียที่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น ช่วยในการสร้างสมดุลในลำไส้ ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ลดอาการท้องผูก สร้างภูมิต้านทานในลำไส้ ที่จะช่วยป้องการการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และลดปัญหาการแพ้อาหาร ทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดี ไม่ค่อยงอแง คุณพ่อคุณแม่จึงเลี้ยงลูกน้อยได้อย่างง่าย ๆ สบาย ๆ มากขึ้น

                            และแม้ว่าคุณแม่มีความตั้งใจและพยายามอย่างมาก ที่จะเลี้ยงลูกน้อยด้วยนมแม่ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เพราะคุณแม่บางคนเกิดปัญหาในเรื่องของน้ำนมไม่เพียงพอ การมองหานมที่มีสารอาหารใกล้เคียงนมแม่มากที่สุด จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับที่ควรวางแผนเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

                            พรีไบโอติก

                            “นมแพะ” จึงเป็นอีกทางเลือกที่คุณแม่ไว้วางใจได้ นั่นเพราะในนมแพะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ นั่นคือ “ระบบอะโพรไคน์” ทำให้มีสารอารที่ดีมีประโยชน์มากมาย ซึ่งนอกจากนมแพะจะมีคุณค่าพรีไบโอติกส์สูงแล้ว ทั้งยังอุดมไปด้วย CPP (Casein Phosphopeptides) CPP คือ โปรตีนนุ่มในนมแพะมีลักษณะที่นุ่ม ย่อยง่าย ช่วยในการดูดซึมเกลือแร่ต่าง ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม และโปรตีนในนมแพะยังเป็นโปรตีนคุณภาพดี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีแอลฟาเอสวันต่ำ มีเบต้าเคซีนสูง ทำให้นมแพะถูกย่อยและดูดซึมง่าย และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งในนมแพะยังช่วยลดความเสี่ยงการแพ้ในเด็กเล็กที่ดื่มนมแพะอีกด้วย เนื่องจากนมแพะย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ง่ายและรวดเร็วกว่านมวัว ทั้งยังมีนิวคลีโอไทด์ตามธรรมชาติ 5 ชนิดที่คล้ายกับนมแม่ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ครบถ้วน

                              ประโยชน์ของนมแพะ ที่คุณแม่ควรรู้

                              เพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด การเลือกนมให้ลูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและละเอียดอ่อนมาก เพราะการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้น เป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการสร้างพัฒนาการที่ดีสำหรับลูก ทำให้คุณแม่ที่กำลังจะเลือกให้ลูกน้อยมาดื่มนมผสมหรือนมชงนั้น เกิดข้อสงสัยว่าจะเลือกนมประเภทไหนดี แล้วนมแพะที่คุณแม่หลายๆ คนให้ความสนใจนั้นดีอย่างไร มีประโยชน์กับลูกมากแค่ไหน เรามาทำความรู้จักกับ ประโยชน์ของนมแพะ สำหรับลูกน้อยกันค่ะ

                               “นมแพะ” เป็นนมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกแต่กลับยังไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในไทยมากนัก เนื่องด้วยคนส่วนใหญ่ชินกับการบริโภคนมวัวมากกว่า รวมไปถึงผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจกังวลเรื่องรสชาติ กลิ่น คุณประโยชน์ และราคาที่ค่อนข้างสูงกว่านมชนิดอื่นๆ แต่ปัจจุบันได้มีการเผยแพร่ข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของนมแพะออกมามากมาย อาจกล่าวได้ว่า นมแพะเป็นนมที่ดีที่สุดอีกชนิดหนึ่งที่ควรค่าแก่การบริโภค

                              ประโยชน์ของนมแพะ

                              ทั้งนี้การสร้างพัฒนาการที่ดีให้ลูกน้อย สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญคือ เรื่องของโภชนาการ เพราะปัจจัยที่จะทำให้ลูกฉลาด เจริญเติบโตสมวัย ตามธรรมชาตินั้น อาหารที่ดีจะช่วยเสริมให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่ง นมแพะ เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านให้ความสนใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว

                              นมแพะ มีกระบวนการผลิตน้ำนมคล้ายกับนมของคนคือ Apocrine Secretion Process จึงทำให้มีสารอาหารตามธรรมชาติในปริมาณที่สูงออกมาพร้อมกับน้ำน

                              และเนื่องจาก นมแพะ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงร่างกายสามารถย่อย และดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เร็วกว่านมวัว เพราะนมแพะมีสัดส่วนของโปรตีนที่เหมาะสมและย่อยได้ง่าย มีไขมันขนาดเล็กกว่า อีกทั้งนมแพะยังมีปริมาณแคลเซียมจากธรรมชาติสูง จึงช่วยเสริมให้กระดูกและฟันแข็งแรง ซึ่งสำคัญมากกับเด็กเล็ก คุณสมบัติดังกล่าวนี้ล้วนเป็นที่ยอมรับของแพทย์และนักโภชนาการ

                              ประโยชน์ของนมแพะ ทางเลือกดีๆ เพื่อลูกน้อย

                              ประโยชน์ของนมแพะ

                              1. ประโยชน์ของนมแพะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้แพ้นมวัว นมแพะมีโปรตีนจำเพาะซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่านมวัวถึง 3 เท่า และยังมีแลคโตส (น้ำตาลในนม) น้อยกว่านมวัว จึงอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าสำหรับเด็กที่แพ้แลคโตส แต่คุณแม่ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่านมแพะไม่ใช้ยาหรือนมที่ใช้รักษาอาการแพ้นมวัว

                              2. ประโยชน์ของนมแพะทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อน้อยกว่านมชงชนิดอื่น เพราะมีปริมาณ ‘เบต้าเคซีน’ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในการย่อยและมีโปรตีนชนิดที่ย่อยยากน้อยกว่านมวัวถึง 8 เท่า (เป็นสัดส่วนเคซีนที่ใกล้เคียงกับนมแม่) ดังนั้นเมื่อดื่มนมแพะเข้าไปร่างกายจะย่อยและดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้รวดเร็วกว่าและลดอาการท้องอืด ท้องฟ้องได้ดีด้วย

                              3. ประโยชน์ของนมแพะช่วยพัฒนาสมองและสายตาได้ดี ในนมมีสารอาหารหลายหลายชนิดที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาสมองและบำรุงสายตา โดยมี ARA ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญต่อระบบส่วนกลาง มีโอเมก้า 3 และ 6 ที่ช่วยพัฒนาเซลล์สมองได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอ, วิตามินบี 12, ทอรีนและโคลีนที่ช่วยในการเรียนรู้และจดจำ นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงสายตาและสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดี

                              4. ประโยชน์ของนมแพะ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ครบถ้วน โดย มีวิตามิน บี 6 ช่วยเซลล์เม็ดเลือดขาวสร้างสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินดีในนมแพะ ซึ่งสูงกว่านมโค ทำให้ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันได้ดี และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อการเกิดภูมิแพ้ในร่างกายได้เป็นอย่างดี

                              5. ประโยชน์ของนมแพะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เนื่องจากในนมแพะมีปริมาณโปรตีนสูงและเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย เมื่อดื่มเข้าไปร่างกายสามารถย่อยสลายและนำไปใช้ได้ทันที เมื่อเกิดความเสียหายกับอวัยวะภายในหรือเซลล์ โปรตีนจากนมแพะจะทำหน้าที่ซ่อมแซมให้อวัยวะนั้นๆกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม

                              หลังจากรู้ถึงประโยชน์ของนมแพะที่มีมากมายอย่างนี้แล้ว…คุณแม่ควรใส่ใจในการเลือกซื้อนมแพะ เป็นพิเศษด้วยนะคะเพราะหาก นมแพะ ไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐานก็จะทำให้มีเชื้อแบคทีเรียได้ ควรดูที่มีมาตรฐาน มีการผลิตที่สะอาด และได้รับเครื่องหมาย อย.ที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านี้ เพื่อที่เราจะได้ดื่มนมแพะแบบได้ประโยชน์และมีความปลอดภัย ในส่วนสำหรับทารกแรกเกิดปัจจุบันก็มีนมแพะแบบผงขายตามท้องตลาดทั่วไปแล้วค่ะ

                              …แต่อย่างไรก็ดี นมแต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกัน เพียงแต่คุณแม่ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพร่างกายของลูกน้อย เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ลูกจะได้รับ

                                คลอดก่อนกำหนด

                                ประสบการณ์จริงจากแม่ : คลอดก่อนกำหนด เพราะลูกเหนื่อย จนเกือบเสียชีวิตในท้อง

                                คลอดก่อนกำหนด เชื่อว่าคุณแม่ท้องทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะถ้าเลือกได้คงอยากจะคลอดให้ตรงตามกำหนด ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้รับอนุญาตจากคุณแม่ท่านหนึ่งที่เธออยากจะแชร์ประสบการณ์เหตุที่ต้องคลอดก่อนกำหนด โดยที่ยังเหลืออีกหลายสัปดาห์กว่าจะถึงกำหนดคลอด ซึ่งสาเหตุการคลอดครั้งนี้เกือบทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไปตลอดกาล

                                 

                                คลอดก่อนกำหนด เพราะลูกหายใจเหนื่อย จนเกือบเสียชีวิต!

                                เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงจากคุณแม่แฟนเพจท่านหนึ่ง ที่เธอเพิ่งคลอดลูกไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเรื่องราวที่คุณแม่อยากจะแชร์ถึงสาเหตุที่ต้องคลอดก่อนกำหนด ก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้คุณแม่ท้องทุกคนได้ตระหนักถึงการดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ ทางผู้เขียนขอสงวนชื่อ นามสกุล ตามความต้องการของคุณแม่ต้นเรื่องท่านนี้ และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของคุณแม่ค่ะ

                                 

                                “มีเรื่องราวดีๆ มาเตือนแม่ๆ ที่กำลังทำงานหนักเพื่อคุณลูกอยู่นะคะ คือแม่บ้านนี้ท้องน้องตอนอายุยังน้อยเลยพยายามตั้งใจเก็บเงินตั้งแต่รู้ว่าท้องโดยทำงานกลางคืน(เสิร์ฟ) คือ 4โมงเช้าถึงเที่ยงคืน จนถึง 5 เดือนท้องเริ่มโตขึ้นลูกค้าเริ่มสังเกตเห็น เถ่าแก่เห็นใจเลยเปลี่ยนให้มานั่งเคาน์เตอร์แทน แต่ก็ยังเข้างานในเวลาเท่าเดิม ทุกๆ วันที่ทำงานเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งห่างจากที่พัก 7-8 กิโล เพื่อนๆ ญาติๆ ก็บอกให้พักบ้าง ในใจเหนื่อยมากๆ เลยค่ะ แต่ต้องอดทนเพราะไม่อยากใช้เงินคนอื่นในการเลี้ยงลูก น้ำหนักก่อนท้อง 40 โล ขึ้นมาเป็น 60โล ก็ดีใจนะคิดว่าลูกต้องแข็งแรงแน่ๆ เลยขนาดทำงานหนัก

                                #พอถึงวันที่หมอนัดตรวจท้องตามปกติ เราก็ไปโดยไม่ได้คิดอะไร หวังว่าตรวจท้องเสร็จก็จะกลับไปทำงานเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา พอหมอเริ่มตรวจท้องก็เริ่มสังเกตเห็นสีหน้าพยาบาลไม่ดี เปลี่ยนกันตรวจหลายๆ คนจนต้องไปเรียกคุณหมอมาดู สุดท้ายคือคุณหมอให้แอดมิดรอคลอดทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนด (แต่ก็ใกล้คลอดแล้วค่ะ) ที่สงสัยคือเพราะเหลืออีกตั้งประมาณ 3-4 สัปดาห์ถึงจะครบกำหนดคลอด เราก็เริ่มถามหมอว่าเพราะอะไรทำไมต้องคลอดตอนนี้

                                เรา : ทำไมให้คลอดเร็วจังคะ ยังไม่ใกล้ถึงกำหนดเลย

                                หมอ : คือเด็กในท้องเริ่มหายใจรวยรินแล้ว บางครั้งก็หยุดหายใจ หมอจำเป็นต้องเร่งคลอดให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาชีวิตเด็กไว้

                                เรา : (เท่านั้นแหละน้ำตาไหลเลย) แล้วมันเกิดจากอะไรคะ ทำไมเป็นแบบนี้ ⁉

                                หมอ : เกิดจากภาวะที่คุณแม่พักผ่อนไม่เพียงพอ กินอาหารไม่ตรงเวลา ทำงานหนักจนเกินไป จึงทำให้เด็กเหนื่อย

                                # เท่านั้นแหละเราเดินออกจากห้องตรวจร้องไห้ฟูมฟายไม่อายใครเลยค่ะ แฟนเห็นก็ตกใจ เลยเล่าให้ฟัง จากนั้นก็เริ่มโทรบอกญาติว่าจะคลอดแล้ว หมอให้คลอดโดยการผ่า เพราะฉีดย่าเร่งคลอดแล้วไม่ตอบสนอง จนสุดท้ายรักษาน้องไว้ได้สำเร็จ น้องเป็นผู้ชาย น้ำหนักแรกคลอด 3,240  เราดีใจมากเลยน้ำหนักน้องถึงเกณฑ์ เราอยู่ โรงพยาบาล 4 วัน พอวันที่ 5 กำลังจะกลับบ้านแต่หมอบอกว่า ลูกเรายังไม่ได้กลับบ้านด้วย เพราะน้องยังไม่แข็งแรงพอ หมอก็เอาน้องไปอยู่ในการดูแลของเขา ส่วนเราก็อยู่โรงพยาบาลรอ ตลอดเวลาเฝ้าคิดถึงลูกมากทั้งห่วงทั้งกังวล ร้องไห้ทุกครั้งที่น้ำนมไหล จนจะเข้าวันที่ 7 ของการอยู่ โรงพยาบาลหมอเอาน้องมาคืน แล้วให้กลับบ้านได้ เราดีใจมากที่สุด แต่คุณหมอก็บอกว่าน้องอาจจะไม่แข็งแรงเท่าเด็กคืนอื่น  แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                                #เราโชคดีมากที่ไปหาหมอวันนี้พอดี

                                #เราอยากเตือนแม่ๆ ที่ทำงานหนักนะคะ อาจจะไม่โชคดีเหมือนเราก็ได้ อย่าเสี่ยงกับชีวิตลูก เพราะเมื่อไม่มีเขาเราจะเสียใจที่สุด

                                ตอนนี้น้องได้ 2 เดือนแล้ว กินเก่งมากเลย นมแม่ก็ไม่พอเลยต้องเสริมด้วยนมผง

                                # แม่พึ่งว่างเลยมารายงานตัวช้าหน่อยครับ

                                ผมเกิดวันที่ 21/12/59 เวลา 17:34 น. แม่ผ่าคลอดครับ”

                                 

                                ผู้เขียนในฐานะที่เคยผ่านการอุ้มท้องมาแล้ว พอได้อ่านเรื่องของคุณแม่ท่านนี้จบ ต้องขอบคุณในความโชคดีของคุณแม่ ที่ไม่ต้องสูญเสียลูกไป ซึ่งหากคุณแม่ไม่ได้ไปตรวจครรภ์ตามที่คุณหมอนัด ก็อาจทำให้ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่  และอย่างที่คุณแม่ต้นเรื่องให้ทิ้งท้ายไว้ว่า คนท้องควรดูแลตัวเองให้มากตอนท้อง เพราะการพักผ่อนน้อย การทำงานหนัก การที่ทานอาหารไม่ตรงเวลา ปัจจัยเหตุเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อลูกในท้องอย่าง 100% จริงๆ ค่ะ

                                 

                                อ่านต่อ >> “ความสำคัญของการดูแลสุขภาพร่างกายตอนท้อง” หน้า 2

                                 

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ เรื่องที่ผู้ชายต้องรู้ ก่อนคิดมีลูก !

                                  โก๊ะตี๋ มีลูกไม่ได้ …เปิดใจเคลียร์ หลังมีข่าวออกมาว่าจะลูกไม่ได้ เพราะภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ และยอมเสียเงินเป็นล้านๆ แต่ก็ไม่ได้ผล!!
                                  Continue reading “ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ เรื่องที่ผู้ชายต้องรู้ ก่อนคิดมีลูก !”

                                    เบาหวานก่อนตั้งครรภ์ VS เบาหวานขณะตั้งครรภ์

                                    เบาหวานก่อนตั้งครรภ์ VS เบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคเบาหวานในประเทศไทยปัจจุบันพบมากขึ้น อาจเป็นเพราะมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมกับสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย อย่างเช่น การกินดีอยู่ดี อาหารรสชาติหวาน น้ำหนักตัวมาก เป็นต้น ซึ่งโรคเบาหวานสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มี 2 แบบ ดังนี้ค่ะ

                                    เบาหวานก่อนตั้งครรภ์ VS เบาหวานขณะตั้งครรภ์


                                    เบาหวานขณะตั้งครรภ์

                                    เบาหวานก่อนตั้งครรภ์ (Pregestational diabetes)

                                    • ผลกระทบต่อลูกน้อย

                                    มีมากมาย ได้แก่ ทารกแท้ง ทารกพิการ ทารกคลอดก่อนกำหนด คลอดยากเพราะตัวโต ปอดไม่พัฒนา ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ทารกเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด

                                    ทารกตัวโตเกินไปไม่ดี

                                    ทารกตัวโตกว่าปกตินั้นอาจจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่ตามมาด้วยภาวะคลอดยาก ขณะคลอด ทารกอาจจะเกิดการขาดออกซิเจน บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต นอกจากนั้นยังอาจเกิดการติดไหล่ เนื่องจากสัดส่วนของรอบไหล่เมื่อเทียบกับรอบศีรษะใหญ่กว่าเด็กทั่วไป ทำให้กระดูกไหปลาร้าหัก แขนและมือพิการจากการฉีกขาดของเส้นประสาทที่ไหล่ได้

                                    • ผลกระทบต่อคุณแม่

                                    เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ แฝดน้ำ มารดาเกิดการบาดเจ็บจากการคลอด

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องผ่าตัดคลอดทุกรายไหม ?

                                    อันที่จริงการผ่าตัดคลอดพิจารณาการผ่าตัดเหมือนคุณแม่ที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน แต่ที่แตกต่างคือ หากคะเนน้ำหนักลูกในครรภ์เกิน 4 กิโลกรัม แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดคลอดได้

                                    เป็นโรคเบาหวาน แต่ต้องการมีลูก ควรทำอย่างไร ?

                                    1. ควรพบสูติแพทย์ เพื่อเตรียมตัวก่อนการตั้งครรภ์
                                    2. เมื่อตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและฝากครรภ์ทันที
                                    3. ควรดูแลค่าน้ำตาลให้ปกติ หรือใกล้เคียงปกติที่สุด ก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน
                                    4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอก่อนการตั้งครรภ์ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือใกล้เคียงที่สุด
                                    5. รับประทานกรดโฟลิค สารโฟเลต หรือวิตามินบี 9 ตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือน เพื่อลดการเกิดความผิดปกติระบบประสาทสมองของทารกในครรภ์

                                    ไม่ควรตั้งครรภ์ หากมีภาวะต่อไปนี้

                                    1. ค่าฮีโมโกลบินอิ่มน้ำตาลมากกว่า ร้อยละ 10
                                    2. เบาหวานขึ้นตาหรือลงไต และเส้นเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจขาดเลือด อาจเสียชีวิตได้หากตั้งครรภ์
                                    3. คุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวานอายุมากกว่า 35 ปี
                                    4. มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อย่างโรคไธรอยด์เป็นพิษ

                                     ติดตามเบาหวานก่อนตั้งครรภ์ VS เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ต่อหน้า 2