ลูกไม่ฟังพ่อแม่

ลูกไม่ฟังพ่อแม่ จบปัญหาได้ด้วย 5 วิธีสุดเทพ!

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกไม่ฟังพ่อแม่
ลูกไม่ฟังพ่อแม่

ลูกไม่ฟังพ่อแม่ แก้ไขได้ด้วย 5 วิธีนี้!

    • เป็นผู้รับฟังบ้าง – หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเชื่อฟังในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนละก็แนะนำให้สวมบทบาทเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง คอยรับฟังในสิ่งที่ลูกพยายามบอก หรือเล่าให้ฟัง บ้างเพื่อจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ลูกก็จะได้รับรู้ว่า ใครพูดอะไรก็ต้องรับฟังบ้าง ไม่ใช่จะเอาแต่คอยเถียง หรือดื้อรั้น
    • ปรับเปลี่ยนวิธีการพูด – พยายามหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียงที่ดุดันค่ะ เพราะการดุดัน ไม่ได้ทำให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเอง หรือทำให้ลูกเชื่อฟังได้เลย อีกทั้งยังยิ่งส่งผลทำให้ลูกเบื่อหน่าย และไม่อยากที่จะตามใจคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น เรามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากกว่าการดุดันกันเถอะนะคะ หรือจะลองหาตัวช่วยก็ได้นะคะ ยกตัวอย่างเช่น ตุ๊กตา คุณพ่อคุณแม่อาจจะอาศัยตุ๊กตา หรือหุ่นยนต์ตัวโปรดของลูกเป็นหุ่นเชิด แล้วคอยพูดผ่าน เป็นต้น
วิธีสอนลูกให้เชื่อฟัง
แก้ปัญหาลูกไม่เชื่อฟังพ่อแม่
    • ส่งสัญญาณบอก – อย่าสั่งให้ลูกทำอะไร ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องหรือขณะที่หันหลังให้ลูก เมื่อต้องการบอกให้ลูกได้ทำบางสิ่งบางอย่างนั้น อยากให้คุณพ่อคุณแม่ควรควรเดินเข้าไปใกล้ตัวลูก มองตา แล้วพูดช้า ๆ ด้วยเสียงนุ่มนวล จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ หากก้มตัวให้อยู่ในระดับเดียวกับลูกได้
    • ใช้วิธีอื่น – ถ้าการพูดไม่ทำให้เขาสนใจลองหาวิธีอื่นที่จะเรียกความสนใจลูกดูนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกไม่ยอมฟังเมื่อคุณเตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่ายุ่งกับตู้เก็บเอกสารนั้น คุณอาจพาเขาไปห้องอื่น หรือให้ทำกิจกรรมอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือหากลูกไม่ยอมตอบรับเมื่อคุณเรียกไปกินข้าว คุณก็สามารถเข้าไปแยกเขาออกมาจากสิ่งที่กำลังเล่นอยู่ อุ้มไปนั่งที่โต๊ะได้เลย แต่ควรระวังว่าอย่าลากตัวลูกออกมานอกจากจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น พยายามพูดกับเขาด้วยท่าทีที่จริงจัง เช่น “แม่รู้ว่าลูกยังอยากเล่น แต่ไปกินข้าวก่อนนะ ให้คุณไดโนเสาร์รอแป๊บหนึ่ง หรือลูกจะเอามันมาไว้ที่โต๊ะอาหารก็ได้จ้ะ” เป็นต้น
    • กล่าวชื่นชม – ถ้าลูกรับฟัง (จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ได้ยิน) หรือทำในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บอกได้ละก็ อย่าเพิกเฉยค่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่กล่าวคำชมเชยลูกบ้าง เช่น “เก่งมากๆ เลยจ้ะที่หนูลุกขึ้นทันทีตอนที่แม่เรียกกินข้าว” ลูกจะได้รู้สึกมีกำลังใจอยากที่จะทำในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บอกให้ทำอีก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีนั้นง่ายนิดเดียว ไม่ยากเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจะทำ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ 

บทความโดย: กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids

อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up