คำพูดที่ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่มากที่สุด

10 คำพูดดีๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่

Alternative Textaccount_circle
event
คำพูดที่ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่มากที่สุด
คำพูดที่ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่มากที่สุด

คำพูดดีๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่ เวลาที่ได้ยินคนรอบข้าง หรือคนอื่นที่ไม่เคยรู้กันมาก่อน ที่มาพูดคุยด้วยน้ำเสียง วาจาที่สุภาพอ่อนโยน พอได้ยินได้ฟังก็รู้สึกรื่นหู สบายใจที่จะพูดคุยตอบกลับไปด้วย  เด็กๆ ก็ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ พวกเขาก็ต้องการได้ยินคำพูดดีๆ จากพ่อแม่และคนรอบข้างเช่นกัน ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี 10 คำพูดๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่ มาบอกต่อให้ได้ทราบกันค่ะ

 

คำพูดดีๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่ หมายความว่าอย่างไร ?

คำพูดเปรียบได้ดั่งอาวุธที่สามารถทำให้คนที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกเจ็บใจ  เสียความรู้สึก  เสียใจ  หรือโกรธเคืองกันก็ได้  ดังนั้นก่อนที่จะพูดอะไรออกจากปากตัวเราเอง จะต้องคิดทบทวนให้ดีว่าคำพูดของเรานั้นเมื่อพูดออกไปแล้วจะไปทำร้ายใครหรือเปล่า  ยิ่งโดยเฉพาะกับคำพูดของพ่อแม่ บางครั้งอาจพูดอะไรออกไปแบบไม่ทันได้คิด  อาจจะเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อารมณ์หงุดหงิด  แต่คำพูดที่ไม่ได้คิด ไม่ได้ตั้งใจนั้นอาจไปทำร้ายจิตใจของลูกได้อย่างมาก

ในเด็กเล็กๆ ที่เริ่มกันตั้งแต่ 1- 3 ขวบขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่ลูกมีความเข้าใจกับทุกเรื่องได้อย่างดี เด็กๆ สามารถจดจำ คำพูด คำสัญญาจากพ่อแม่ และคนรอบข้างได้อย่างดีว่าจะไปไหน หรือให้อะไรกับพวกเขา  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกจะรู้สึกกับคำพูดของพ่อแม่ ที่ถ้าหากพูดดีนำเสียงอ่อนโยน ลูกก็จะรู้สึกสบายใจ อบอุ่น และปลอดภัยเมื่ออยู่กับพ่อแม่ แต่เมื่อใดคำพูดนั้นเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงตะคอก กระแทกกระทัน น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธเคือง ความเกลียดชั่ง คำพูดเหล่านี้ถือเป็นยาพิษที่คอยทำร้ายใจลูกให้ชอกช้ำเสียใจเป็นอย่างมาก   เพื่อไม่ให้คำพูดของพ่อแม่มาทำร้ายลูกโดยทางอ้อม ควรมีการไตร่ตรอง คิดให้หนักว่าคำพูดใดถ้าพูดออกไปจะมีผลเสียต่อจิตใจของลูกนะคะ

อ่านต่อ >> “10 คำพูดดีๆ ลูกอยากได้ยิน จากพ่อแม่” คลิกหน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ลูกท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง เลือกยาตัวไหนให้ลูกดี?

event

ลูกท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ท้องอืด มีลมในท้อง …อีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อยในทารก ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต สาเหตุที่ทารกมีอาการท้องอืดบ่อยๆ เนื่องจากระบบย่อยอาหารของทารกยังทำงานได้ไม่ดีพอ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลสุขภาพของลูกน้อยและหมั่นสังเกตอาการของลูก

ลูกท้องอืด ท้องเฟ้อ มีอาการดังนี้

  1. ปวดท้อง เหมือนมีลมอยู่ในท้อง
  2. ร้องไห้งอแง
  3. ไม่ยอมนอน เคาะท้องแล้วได้ยินเสียงเหมือนมีลมอยู่
  4. มือเท้างอ เหมือนอาการปวดท้อง ท้องแข็ง
Must readOverfeeding ให้ลูกกินนมมากเกินไป อันตรายหรือไม่?

ลูกท้องอืด

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ลูกท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะอะไร?

  1. ระบบย่อยอาหารของลูกยังทำงานไม่สมบูรณ์
  2. ลูกดูดนมนานจนเกินไป
  3. มีลมเข้าท้องตอนที่ลูกดูดนมจากขวด
  4. หลังจากที่ลูกกินนมแล้ว คุณแม่ไม่ได้จับให้ลูกเรอ เพื่อขับลม

อย่างไรก็ตาม อาการท้องอืดในเด็กสามารถป้องกันได้ ด้วยการอุ้มทารกขณะให้นม และหลังให้นมแล้วทำให้ทารกเรอหรือถ้าให้ลูกดูดนมจากขวด อย่าหมุนฝาแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เกิดลมในขวดนมเวลาลูกดูดได้ค่ะ (อ่านต่อ “เรอ” นั้นสำคัญไฉน) หรือจับลูกนอนคว่ำ เพื่อให้น้ำหนักตัวของลูก กดท้องเพื่อขับลม และอุ้มลูกแนบอก คางเกยไหล่ และลูบหลังลูกเบา(ลูบลง) ซัก 10-20 นาที

รวมไปถึงการนวดท้องให้ลูก จับลูกนอนหงายวางมือคุณแม่เพื่อหาจุดกึ่งกลางของช่องท้อง วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเหนือจุดกึ่งกลางท้อง แล้วหมุนมือวนตามเข็มนาฬิกาประมาณ 2-3 ครั้ง ท่านี้ช่วยให้ระบบหมุนเวียนของลำไส้ดีขึ้นค่ะ

Must read : 17 ท่านวดแบบง่ายๆ ช่วยลูกรัก ผ่อนคลาย-สุขภาพดี-พัฒนาการเยี่ยม

ทั้งนี้ในเรื่องของการใช้ยาบรรเทาอาการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อสำหรับทารก คุณแม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่งจะมีทั้งแบบยาทาอย่างมหาหิงคุ์ ยานี้เป็นยาที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ  เด็กทารกสามารถใช้ได้ กลิ่นของมหาหิงค์จะช่วยให้ลูกเรอ ช่วยขับลมในท้องลูกได้ และยากินแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อสำหรับทารก อย่าง ไกร๊ปวอเตอร์ เบบี้ดอล หรือ แอร์-เอ็กซ์

Must read : ตู้ยาสามัญประจำบ้านสำหรับลูกน้อยต้องมีอะไรบ้าง?

Amarin Baby & Kids จึงมีตัวยาทั้ง 4 อย่างที่กล่าวมา ให้คุณแม่ได้พิจารณา ดูเปรียบเทียบสรรพคุณและตัวยาสำคัญของยาเหล่านั้น เพื่อเลือกใช้เป็นยาบรรเทาอาการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อสำหรับเด็ก แล้วแต่ละยี่ห้อ จะมีความแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

อ่านต่อ >> “เปรียบเทียบยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อสำหรับเด็ก” คลิกหน้า 2

ลูกท้องอืด

สร้างสุขให้ลูกรัก

6 เคล็ดลับ สร้างความสุขให้ลูกรัก สมองเติบโต

Alternative Textaccount_circle
event
สร้างสุขให้ลูกรัก
สร้างสุขให้ลูกรัก

สร้างความสุขให้ลูกรัก เด็กที่เติบโตมาในครอบครัว และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนรอบข้างจิตใจดี นิสัยน่ารัก มีความรักและเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข และเป็นคนดีของสังคม  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเคล็ดลับในการ สร้างความสุขให้ลูกรัก ที่ส่งผลต่อพัฒนาการสมองที่เติบโตได้ดี มาฝากกันค่ะ

 

สร้างความสุขให้ลูกรัก ดีอย่างไร ?

เขาว่ากันว่าหากอยากให้ลูกเป็นเด็กที่มีความสุข และมีพัฒนาการด้านอารมณ์ดี ต้องเริ่มมาจากพ่อแม่ที่ต้องมีความสุขแบบสุขจริงๆ เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น เพื่อให้ลูกได้ค่อยๆ ซึมซับไปจากพ่อแม่ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ชัดว่า เด็กที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดี มาจากครอบครัวที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดี โดยทั่วไปแล้วความสุขเป็นอารมณ์ที่สามารถเชื่อมโยงและถ่ายทอดกันได้ หากเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เราเองก็พลอยที่จะรู้สึกเช่นนั้นไปด้วย งานวิจัยทางสมองเองก็ช่วยยืนยันข้อเท็จจริงประการนี้ โดยชี้ว่า ในสมองของมนุษย์มี Mirror Neurons ซึ่งเป็นส่วนในการรับรู้และเลียนแบบ หากพ่อแม่ตระหนักความสำคัญในประการนี้ และรับรู้ได้ว่าตนเองไม่มีความสุขเท่าที่ควร พ่อแม่เองคงต้องหาทางปรับปรุง จัดการ หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพื่อให้พ่อแม่มีความสุขซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของความสุขของลูก1

Must Read >> วิธีทำให้ลูกมีความสุข 100 ข้อ

อ่านต่อ >> “เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข” คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

กรรไกรปักตา

อุทาหรณ์! ลูกน้อยเล่นซนจนกรรไกรปักคาตา

Alternative Textaccount_circle
event
กรรไกรปักตา
กรรไกรปักตา

วัยเด็ก เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโต และเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว เด็กๆ จะมีความอยากรู้อยากเห็น และสนใจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ในวัยนี้จะมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก เด็กๆ จึงไม่อยู่นิ่ง ซุนซน จนบางครั้งทำให้เกิดอุบัติเหตุ กรรไกรปักตา เช่นนี้ได้

(more…)

มะเร็งรังไข่

สัญญาณเตือนโรค “มะเร็งรังไข่” ภัยเงียบที่ผู้หญิงควรรู้!

event
มะเร็งรังไข่
มะเร็งรังไข่

รู้ไหมว่า? ปัจจุบันโรคมะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย ในสตรีนอกจากโรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว โรค มะเร็งรังไข่ สาวๆ ก็ควรพึงระวังด้วย

มะเร็งรังไข่ เป็น เซลล์เนื้อร้ายที่เกิดขึ้นในรังไข่ของเพศหญิง เป็นมะเร็งที่พบได้มากของมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง ทั้งนี้ยังพบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ เป็นหนึ่งในโรคที่คุกคามชีวิตและสุขภาพร่างกายของผู้หญิงอย่างร้ายแรง โดยโรคมะเร็งรังไข่จะพบมากเป็นอันดับ 6 ของโรคมะเร็งในสตรี และมีโอกาสเกิดโรคประมาณ 100,000 คนต่อปี โดยจะพบมากในช่วงอายุ 40-60 ปี แต่ในเด็กวัยก่อนหรือหลังวัย 10 ปีก็อาจจะพบได้เช่นกัน

มะเร็งรังไข่ ภัยเงียบที่ผู้หญิงต้องระวัง

มะเร็งรังไข่

รังไข่ คือ อวัยวะเพศอย่างหนึ่งของผู้หญิง มีลักษณะคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดทั่วไปประมาณ 2-3 เซนติเมตร จะอยู่ข้างปีกมดลูกทั้งสองข้าง หน้าที่หลัก ๆ คือ ผลิตไข่สำหรับผสมกับเชื้อของเพศชายจนกลายเป็นตัวอ่อนฝังอยู่ในโพรงมดลูก อีกหน้าที่สำคัญคือผลิตฮอร์โมนเพศหญิง ทั้งนี้สามารถจำแนกชนิดของมะเร็งรังไข่ตามตำแหน่งเริ่มต้นของเซลล์มะเร็งได้ 3 กลุ่ม คือ

1. Epithelial Tumors : มะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ จุดเริ่มต้นที่เซลล์เยื่อบุผิวรังไข่และช่องท้อง เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดประมาณ 90% ของมะเร็งรังไข่

2. Germ Cell Tumors: มะเร็งฟองไข่ จุดเริ่มต้นของก้อนเนื้องอกที่เกิดจากเซลล์สืบพันธุ์ต้นกำเนิด พบได้ร้อยละ 5-10 ของมะเร็งรังไข่ มักพบในผู้หญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี

3. Sex Cord-Stromal Tumors: มะเร็งเนื้อรังไข่ จุดเริ่มต้นที่เนื้อเยื่อเกี่ยวกันของรังไข่ ซึ่งผลิตฮอร์โมนเพศหญิง โอกาสพบน้อยมาก

ทั้ง 3 กลุ่มข้างต้นยังสามารถแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของร่างกายที่เรียกว่าเป็นมะเร็งรังไข่ระยะแพร่กระจายได้ด้วย

Must readพัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด (มีคลิป)

โรคมะเร็งรังไข่มี 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่นๆ และในแต่ละระยะยังแบ่งย่อยได้อีก เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้เป็นข้อบ่งชี้ทางการรักษาและในการศึกษาวิจัย ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงแต่ 4 ระยะหลักได้แก่

  • ระยะที่ 1 โรคมะเร็งลุกลามอยู่แต่เฉพาะในรังไข่อาจข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
  • ระยะที่ 2 โรคมะเร็งลุกลามเข้าอวัยวะอื่นๆ ในท้องน้อยเช่น มดลูกและ/หรือเยื่อบุช่องท้องในส่วนช่องท้องน้อย
  • ระยะที่ 3 โรคมะเร็งลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ/อวัยวะในช่องท้องเช่น ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง และ/หรือเยื่อบุช่องท้องส่วนเหนือช่องท้องน้อย และ/หรือมีน้ำในช่องท้อง
  • ระยะที่ 4 มีโรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต (เลือด) ไปยังอวัยวะอื่นๆ ซึ่งเมื่อแพร่กระจายมักเข้าสู่ปอด ตับ และสมอง

อ่านต่อ >> “สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ไอเดียสำหรับพ่อแม่

สุดเจ๋ง! 15 ไอเดียสำหรับพ่อแม่มือใหม่ใช้เลี้ยงลูก

Alternative Textaccount_circle
event
ไอเดียสำหรับพ่อแม่
ไอเดียสำหรับพ่อแม่

การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลายๆ ปัญหาก็ไม่ได้ยากเกินไปกว่าไอเดียสร้างสรรค์ของพ่อแม่ ที่เปลี่ยนความวุ่นวายทั้งหลายให้เป็นความง่ายดายได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วย ไอเดียสำหรับพ่อแม่มือใหม่ ที่คุณอาจไม่ทันคาดคิดเหล่านี้ (more…)

อย่า…สอนลูกให้โง่? เรื่องที่มนุษย์แม่ต้องรีบอ่าน!

event

สอนลูกให้โง่ …คุณเคยสอนลูกแบบนี้บ้างหรือเปล่า??? เชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกโง่หรอกค่ะ แต่บางครั้งการสอนในบางเรื่องพ่อแม่อาจเผลอทำไปเพื่อให้ลูกไม่เสียใจ หรือสบายใจได้ในขณะ จนกลายเป็นว่าสอนรู้แบบผิดๆ โดยไม่รู้ตัวไปได้

สอนลูกให้โง่

การอบรมสั่งสอนเด็กนั้นเป็นสิ่งที่ดี จำเป็น และเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของพ่อแม่ แต่ก็มีพ่อแม่บางคน ที่อาจจะทำด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม คุณก็ได้เผลอสอนในสิ่งที่เป็นการทำลายลูกโดยไม่รู้ตัวหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราคำสอนบางอย่างนั้นอาจทำให้เด็กเข้าใจผิดไปได้ เป็นการทำลายสัญชาตญาณ ขัดขวางกระบวนการคิดของเด็ก จนบางครั้งอาจเรียกได้ว่า “สอนแบบนี้ ไม่สอนอะไรเลยอาจจะยังดีเสียกว่า”

อ่าน 15 นาทีทุกวัน

อยากให้ลูกฉลาดต้องสอนให้เป็น … อย่า สอนลูกให้โง่ !

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังนึกไม่ออกว่าคำสอนประเภทไหน ที่อาจทำร้ายลูกทางอ้อมได้ ลองมาดูกัน

♠ โทษทุกอย่างทั้งที่เป็นความผิดลูกเอง

ลูกเดินชนโต๊ะ แม่ก็ตีโต๊ะ ลูกหกล้ม แม่ก็ตีพื้น …แล้วบอกลูกว่าแม่จัดการกับสิ่งที่ทำให้หนูเจ็บให้แล้วนะ!  ซึ่งปกติแล้วเมื่อเด็กเดินไม่ระวังชนโต๊ะเจ็บตัว สิ่งนี้จะถูกฝังเข้าไปในความจำของเด็ก แล้วครั้งหน้าเมื่อเด็กจะเดินผ่านโต๊ะอีก ความเจ็บตัวจากครั้งที่แล้วจะสอนให้เขาระวังตัวมากขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่การสอนแบบนี้คือการทำลายการเรียนรู้จากความจำหรือประสบการณ์ของเขา

Must readเลี้ยงลูกแบบโอเว่อร์ ระวังลูกด้อยพัฒนา เสียสุขภาพจิต!

คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินประโยคนี้ไหม “คนโง่ไม่เรียนรู้อะไรเลยจากความผิดพลาด คนฉลาดเรียนรู้จากความผิดพลาด คนฉลาดกว่าเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น”

แล้วคุณพ่อคุณแม่คิดว่า การที่สอนแบบโยนความผิดไปให้สิ่งของอื่นๆ นั้นถูกต้องแล้วหรือ ซึ่งแท้จริงแล้ว ก็คือการสอนให้ลูกไม่เรียนรู้อะไรเลยจากความผิดพลาดนั้นเอง และผลที่ได้จะเป็นอย่างไร คุณอ่านในประโยคข้างบนอีกที ก็คงทราบดี นอกจากนั้นแล้วเด็กที่โตมากับการสอนแบบนี้มีแนวโน้มสูงที่โตขึ้นแล้วจะเป็นผู้ใหญ่ที่โทษได้ทุกอย่างนอกจากตัวเอง

อ่านต่อ >> วิธีสอนลูกฉลาดต้องสอนให้เป็น … อย่า สอนลูกให้โง่” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ตรวจสุขภาพฟรี

5 ธันวาคมนี้ ตรวจสุขภาพฟรี รำลึกถึง ร.9

Alternative Textaccount_circle
event
ตรวจสุขภาพฟรี
ตรวจสุขภาพฟรี

เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึง คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา จึงจัดโครงการ ตรวจสุขภาพฟรี ขึ้น

(more…)

ปอดบวมในเด็ก

โรคปอดบวมในเด็ก รู้ทันอาการ ป้องกันลูกเสียชีวิตได้ !!

Alternative Textaccount_circle
event
ปอดบวมในเด็ก
ปอดบวมในเด็ก

โรคปอดบวมในเด็ก เวลาที่เด็กเล็กเจ็บป่วยขึ้นมา บางครั้งพ่อแม่แทบจะไม่รู้เลยว่าลูกเจ็บ ลูกปวดตรงไหน เพราะเขายังสื่อสารไม่ได้ ทำให้เวลาที่ไม่สบายลูกจึงยังบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่จะทำได้คือควรสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกวัยทารก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีโรคที่เกิดขึ้นในเด็กและเสี่ยงเสียชีวิตได้ง่าย กับ โรคปอดบวมในเด็ก มาฝากกันค่ะ

โรคปอดบวมในเด็ก โรคนี้น่ากลัวกว่าที่คิด !!

จากข้อมูลของหน่วยระบบหายใจและไอซียู  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ทำให้ทราบว่า โรคปอดบวมคือโรคที่อยู่ในกลุ่มอาการไข้หวัด และปอดบวม แลสำหรับโรคปอดบวมมักจะเกิดขึ้นตามหลังอาการไข้หวัด ที่เรียกว่าหวัดลงปอด สามารถพบได้บ่อยกับเด็กในช่วงอายุ 3 เดือน – 2 ขวบ

Good to know… “อาการของโรคปอดบวม ()อยู่ในภาวะป่วยหนักหรือรุนแรง จะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้คือ ลูกไม่ยอมกินนมหรือน้ำ ซึมมาก ปลุกตื่นยาก หายใจมีเสียง หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะป่วยหนักควรรับการรักษาทันที”1

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โรคปอดบวมในเด็ก
โรคปอดบวมในเด็ก รู้ทันอาการ ป้องกันลูกเสียชีวิตได้ !!

อะไรคือสาเหตุปัจจัยเสี่ยงของโรคปอดบวมในเด็ก ?

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคปอดบวมในเด็กนั้น สามารแบ่งออกเป็นสาเหตุ 32 คือ…

1. สาเหตุจากตัวเด็ก

– อายุน้อยตั้งแต่แรกคลอด – 5 ปี

– มีความผิดปกติทางเดินหายใจ

– มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำเช่น โรคเอดส์ กินยาสเตียรอยด์

– เด็กไม่ได้กินนมแม่

– เด็กไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ เช่น วัคซีนโรคไอกรน วัคซีนโรคหัด วัคซีนโรคฮิบ (HIB, Haemophillus influenzae type B, โรคติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ฮีโมฟิลุส อินพลูเอนเซ ซึ่งทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้) วัคซีนโรคไอพีดี (IPD, Invasive pneumococcal disease, โรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มักรุนแรง) วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

2. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม

– การถ่ายเทอากาศไม่ดี

– ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ภายในบ้าน เป็นต้น

3. สาเหตุจากเชื้อโรค

– มีการระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่

– เชื้อโรคดื้อยา (เชื้อดื้อยา)2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

หากเด็กมีอาการของปอดอักเสบ ปอดบวม จะเป็นอย่างไร ?

คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับลูกได้ดังนี้
1. ลูกจะมีอาการเริ่มต้นด้วยการเป็นไข้ ที่มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับมีการไอ

2. หลังจากที่ลูกมีอาการไข้คล้ายไข้หวัดใหญ่ ก็จะมีอาการของปอดอักเสบ ที่พบว่ามักจะมีไข้ขึ้นสูง ไอหนักมาก และลูกเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย เพลีย ซึม ทานอะไรไม่ได้ ซึ่งหากพบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ ให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที

Good to know… “โรคปอดบวม (Pneumonia) เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ โดยเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวมที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ เชื้อนิวโมคอคคัส เชื้อฮีโมฟิลุส เชื้อไมโคร พลาสม่า ส่วนเชื้อไวรัสที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้ออาร์เอสวี เชื้อไข้หวัดใหญ่3

 

เมื่อเป็นปอดอักเสบ ปอดบวม รักษาอย่างไร ?

  1. การรักษาตามอาการและประคับประคองเช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ หากมีอาการหอบเหนื่อยต้องให้ออกซิเจน หากอาการรุนแรงมากอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
  2. การรักษาจำเพาะต่อเชื้อโรค เช่น ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ (ยาทามิฟลู/Tamiflu) หรือ ยาปฏิชีวนะตามความเหมาะสมต่อเชื้อโรคต้นเหตุของโรคปอดอักเสบปอดบวมนั้นๆ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาชนิดของยาต่างๆรวมทั้งชนิดของยาปฏิชีวนะ ขนาดยา วิธีการให้ยา (เช่น กิน หรือฉีดเข้าเส้น) และระยะเวลาของการใช้ยาอย่างเหมาะสม และไม่ควรซื้อยามาทานเอง4

อ่านต่อ >> “7 ท่าระบายเสมหะให้ปอด ป้องกันโรคปอดบวม” คลิกหน้า 2 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด (มีคลิป)

event

พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ 1 – 9 เดือน นับ เป็นสิ่งที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์มาก ๆ หากอยากรู้ว่าคนเรานั้นกว่าจะเกิดมาได้ต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้าง ตามไปดูคลิปวีดีโอ กับพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด กันค่ะ

พัฒนาการของทารกในครรภ์

 

กว่าจะกลายเป็นทารกน้อยในครรภ์ จนกระทั่งผู้เป็นแม่คลอดออกมา กลายเป็นมนุษย์เดินดินได้นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องต่อสู้ และใช้เวลาเดินทางมาเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนด้วยกัน หรือบางคนอาจน้อยกว่านั้น ซึ่งในกระบวนการก่อนจะเป็นทารกนี้เรียกว่า การปฏิสนธิ นั้นเอง ซึ่งสภาวะที่ทำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นได้มีดังนี้

  • เพศหญิงและเพศชายมีเซลล์สืบพันธุ์ที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
  • ประมาณวันที่ 14 ของการมีรอบเดือน ที่ตัวอสุจิผ่านเข้าไปในโพรงมดลูก อาจเป็นก่อนหรือหลังวันที่ 14 ประมาณ 5 วันก็ได้
  • โดยปกติแล้ว ตัวอสุจิจะไม่สามารถทนต่อสภาวะความเป็นกรดได้ ดังนั้น การทำให้ตัวอสุจิมีชีวิตอยู่และสามารถเคลื่อนผ่านไปได้ สตรีจะต้องมีสภาพความเป็นกรดด่างของช่องคลอดและปากมดลูกที่เหมาะสม
Must read : พัฒนาการของทารกในครรภ์

ซึ่งในการปฏิสนธิ ผู้ชายจะปล่อยตัวอสุจิประกอบด้วยอสุจิเป็นจำนวนมากถึง 4 – 5 ร้อยล้านตัว บรรดาอสุจิเหล่านี้มีทั้งแข็งแรงและไม่แข็งแรง พวกที่แข็งแรงก็สามารถแหวกว่ายเข้าไปในมดลูก และเลยเข้าไปยังปีกมดลูกเพื่อจะได้ผสมพันธุ์กับไข่ ตามปกติอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุดตัวเดียวเท่านั้นจะไปพบกับไข่ได้ก่อน

พัฒนาการของทารกในครรภ์

และเนื่องจากอสุจิจะมีสารซึ่งสามารถละลายผนังที่ห่อหุ้มปกป้องไข่ออกได้ อสุจิจึงเจาะผ่านเปลือกของไข่ เพื่อเข้าไปรวมตัวกับนิวเคลียสภายในไข่ได้ หลังจากนั้นอสุจิตัวอื่นๆ ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้อีก ส่วนอสุจิตัวที่เข้าไปในไข่แล้วจะสลัดหางทิ้ง และส่วนหัวที่เข้าไปในไข่จะเริ่มพองขึ้นและหลอมรวมกันกับไข่เป็นเซลล์เดียวกันในที่สุด

การแบ่งตัวของเซลล์หลังการปฏิสนธินั้น แทบจะเกิดขึ้นในทันทีหลังจากการปฏิสนธิเกิดขึ้น โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเคลื่อนตัวผ่านท่อนำไข่มาสู่โพรงมดลูก ในระยะเวลาประมาณ 4 วัน หลังจากเกิดการปฏิสนธิ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (Fertilized ovum) ในช่วงนี้ไข่จะมีลักษณะเป็นลูกกลม ประกอบด้วยเซลล์ประมาณ 100 เซลล์ ภายในลูกกลมนี้จะเป็นโพรงที่บรรจุของเหลว ซึ่งขนาดของไข่นี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไข่จะใช้เวลาอีกประมาณ 2 – 3 วัน ลอยอยู่ในโพรงมดลูกนี้หลังจากที่ไข่ลอยอยู่ในโพรงมดลูกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าสู่ระยะการฝังตัว โดยประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ไข่ที่ผสมแล้วจะเคลื่อนตัวลงมาตามปีกมดลูก เมื่อมาถึงมดลูกแล้วไข่ก็จะเกาะติด และฝังตัวลงในเยื่อบุมดลูกที่มีลักษณะหนาและนุ่ม ซึ่งมีโลหิตมาคั่งเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกาะยึดกันมั่นคงดีแล้ว ก็อาจถือได้ว่า การปฏิสนธิได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ ไข่ที่ผสมแล้วในระยะนี้เรียกว่า เอ็มบริโอ (Embryo)

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

จากที่กล่าวมาข้างต้น คือขั้นตอนการปฏิสนธิของเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย ซึ่งเดินทางมาผสมกันในรังไข่ของฝ่ายหญิง ทั้งนี้หากใครยังมองภาพไม่ออก ตามไป >> ชมคลิปวีดีโอพัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด คลิกหน้า 2

ลูกอาละวาด

ลูกอาละวาด พ่อแม่จะรับมืออย่างไรดี ?

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกอาละวาด
ลูกอาละวาด

ลูกอาละวาด เมื่อลูกอยู่ในช่วงวัย 1-3 ปี มักเริ่มที่จะมีพฤติกรรมต่อต้านพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูอยู่บ้าง วัยนี้ห้ามอะไรไม่ค่อยจะฟัง เพราะเด็กเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง และบางครั้งถ้าไม่ทำหรือไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโกรธ โมโห แล้วก็อาละวาดออกมาในที่สุด ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีรับมือเมื่อ ลูกอาละวาด ที่ได้ผลมาฝากกันค่ะ

 

ลูกอาละวาด เพราะอะไร ?

เด็กในวัย 1-3 ปี ที่มักจะร้องอาละวาดเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ หรือถูกห้าม ถูกดุมากๆ ก็มักจะแสดงออกมาทางสีหน้า อารมณ์ว่าไม่พอใจ แล้วก็แผดเสียงดังๆ ออกมา ที่เรียกว่าการอาละวาดของเด็กนั่นแหละค่ะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการอาละวาดก็เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็ก ในการเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง การอาละวาดของเด็กมักเกิดขึ้นกับเด็กเกือบทุกคน ทั้งนี้ต้องอาศัยพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูในการอบรม สั่งสอนเพื่อให้เด็กได้รู้จักควบคุมและจัดการกับอารรมณ์ของตัวเองได้ ที่ควรต้องเริ่มตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็กๆ และจะได้ติดตัวเป็นนิสัยที่ดีต่อไปเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

อ่านต่อ >> “พ่อแม่เข้าใจพฤติกรรมลูกวัย 1-3 ขวบมากแค่ไหน ?” คลิกหน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

แทรมโพลีนมรณะ ยิ่งโดด ยิ่งสนุก ยิ่งสูง ยิ่งตาย

Alternative Textaccount_circle
event

แทรมโพลีน เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายชนิดหนึ่ง ที่มีผืนผ้าใบขึงตึง ยึดด้วยเหล็ก และสปริง เป็นเหมือนเครื่องเล่น และเครื่องออกกำลังกาย วัสดุที่ใช้สามารถยึดหยุ่นได้ พลัง และกำลังในการเด้งมาจากสปริงที่ยึดติดกับเฟรมเหล็ก ใช้สำหรับกระโดด เพิ่มทักษะ และเสริมพัฒนาการเด็ก

(more…)

วิธีต้มมะระไม่ให้ขม

ช่วยลูกน้อยเจริญอาหาร ด้วยสูตรแกงจืดมะระยัดไส้ แบบไม่ขม

Alternative Textaccount_circle
event
วิธีต้มมะระไม่ให้ขม
วิธีต้มมะระไม่ให้ขม

ขึ้นชื่อว่า มะระ หลายคนอาจขยาดเรื่องความขม แต่ความขมมะระนี่เองที่เป็นหนึ่งในสรรพคุณไม่ควรมองข้าม นั่นคือ สารเคมีที่ชื่อว่า “โมโมดิซิน” (Momodicine) ในมะระมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากอาหาร ทำให้กินเก่งขึ้น เพราะอย่างนี้ หากเราสามารถทำให้ลูกน้อยกินมะระได้ง่ายขึ้นก็คงจะดี Amarin Baby & Kids จึงได้นำเคล็ดลับ สูตรมะระยัดไส้ ไม่ขม เพื่อลูกน้อยเจริญอาหาร มาฝากคุณแม่ทุกท่าน (more…)

ทิชชูเปียก

ทิชชูเปียก เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือดจริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
ทิชชูเปียก
ทิชชูเปียก

กรมวิทยาศาสตร์ตรวจพบ ทิชชูเปียก ไม่ผ่านมาตรฐาน 4% มีเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ รา คาดว่าน่าจะผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ เมื่อเช็ดรอบดวงตาแล้วผิวอักเสบ มีแผล เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด จึงแนะนำว่าถ้ามีอาการแพ้ ต้องหยุดใช้ทันที แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

ทิชชูเปียก อันตราย?

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดเปียก ซึ่งมีทั้งแบบผ้า และทิชชู ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยนิยมใช้กัน เพราะสามารถใช้เช็ดทำความสะอาดได้ดี และมีความสะดวก จึงมีการผลิตและจัดจำหน่ายเป็นจำนวนมาก จัดเป็นเครื่องสำอางควบคุม

มีข้อมูลจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) ว่า มีการเรียกเก็บผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดบางยี่ห้อคืน เพราะพบจุลินทรีย์ในกลุ่ม Pseudomonas ปนเปื้อน

ทางกรมวิทยาศาสตร์ จึงสำรวจคุณภาพของตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โดยการสุ่มเก็บตัวอย่างยี่ห้อต่างๆ จากแหล่งผลิตทั้งภายใน และต่างประเทศ จำนวน 44 ตัวอย่าง 254 รายการ

ทิชชูเปียก

ผลการตรวจพบว่า ทุกตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อน แต่พบว่าบางตัวอย่างไม่ผ่านมาตรฐานด้านจุลชีววิทยา 2 ตัวอย่าง ประมาณ 4.5% เพราะมีจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์ รา ที่เจริญเติบโตโดยใช้อากาศมากกว่า 1,000 cfu/g อาจเกิดจากกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หน่วยงานภาครัฐเฝ้าระวังตรวจสอบต่อเนื่อง

การเลือกซื้อที่เช็ดทำความสะอาดชนิดเปียกนั้น ผู้ซื้อควรเลือกซื้อ ดังนี้

1.มีฉลากระบุชื่อ ส่วนผสม วิธีใช้ ที่ตั้งผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า และวันเดือนปีที่หมดอายุชัดเจน

2.ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุ หรือมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีกลิ่นผิดปกติ สีเปลี่ยน มีรอยด่างดำ เป็นต้น

3.สังเกตส่วนประกอบที่ฉลากให้ละเอียด ถ้ามีประวัติการแพ้ส่วนผสมในทิชชูเปียกก็ควรหลีกเลี่ยง

4.เก็บผลิตภัณฑ์เอาไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ใช้ทิชชูเปียกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะจะทำให้เกิดอันตราย

5.เมื่อให้เด็กใช้ หรือทาบริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา ผิวที่มีการอักเสบ มีสิว หรือมีบาดแผล อาจเสี่ยงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ถ้าพบอาการผิดปกติควรหยุดใช้ทันที และรีบพบแพทย์

 


เครดิต: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

 

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

Save

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง

สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง มีประโยชน์อย่างไร

Alternative Textaccount_circle
event
สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง
สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง

สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกตั้งแต่แรกเกิด  น้ำนมแม่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลูก  …ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำถามที่คุณแม่ให้นมลูกสงสัยกันมากว่า น้ำนมแม่ทำไมสีถึงต่างกัน เราจึงได้หาคำตอบในเรื่องนี้มาให้คุณแม่ได้ทราบกันค่ะ

 

สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง

จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (World Health Organozation, WHO) กล่าวว่า การให้อาหารทารกแรกเกิดที่ถูกต้อง คือให้ลูกดูดนมแมตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังคลอด และควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่ให้อาหารชนิดอื่น แม้แต่น้ำ หลังจากนั้นให้นมแม่ควบคู่กับอาหารเสริมไปจนลูกอายุอย่างน้อย 2 ปี1

 

Good to know… “จากการศึกษาพบว่าเด็กที่ได้ทานนมแม่มาตั้งแต่แรกเกิด จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง (ท่อลม และปอด) ในเด็กขวบปีแรกลดลง 72% และหากเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวนานกว่า 6 เดือน จะมีโอกาสเป็นปอดบวมน้อยกว่าเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวน้อยกว่า 6 เดือน 4 เท่า2

อ่านต่อ >> “นมแม่มีประโยชน์อย่างไรต่อลูกน้อย” คลิกหน้า 2 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โจ๊ก อาหารยอดนิยม ที่อาจทำให้ลูกขาดอาหาร

Alternative Textaccount_circle
event

มีบทความน่าสนใจจากเพจคลินิกหมอสังคม ที่กล่าวถึงประโยชน์ของ โจ๊ก อาหารที่คุณพ่อ คุณแม่นิยมใช้ป้อนลูกน้อย หลังจากที่สามารถรับประทานอาหารเสริมอื่นๆ นอกจากนมแม่ได้แล้ว เมื่ออายุครบ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งระบุว่า อาจทำให้ลูกขาดอาหาร และเลี้ยงไม่โตได้

(more…)

ประคบร้อน

คลอดลูกแล้วประคบร้อนทันที เสี่ยงตกเลือด?

Alternative Textaccount_circle
event
ประคบร้อน
ประคบร้อน

คุณแม่ได้มีคำถามเข้ามาว่า เมื่อหลังคลอดแล้วสามารถประคบร้อนได้หรือไม่  เนื่องจากก่อนออกจากโรงพยาบาล  คุณหมอได้แนะนำว่าห้ามประคบร้อน เป็นเพราะว่าอาจทำให้เสี่ยงเกิดอาการตกเลือด  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบในเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

 

(more…)

อาการใกล้คลอด

อาการใกล้คลอด 6 สัญญาณที่แม่ต้องสังเกต

Alternative Textaccount_circle
event
อาการใกล้คลอด
อาการใกล้คลอด

เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์  คุณแม่อาจสงสัยว่า จะรู้ได้ยังไงว่าใกล้คลอด ทั้งนี้ให้คุณแม่คอยสังเกตและเฝ้าดู อาการใกล้คลอด ต่างๆ ที่บ่งบอกว่า คุณแม่ใกล้จะได้พบหน้าเจ้าตัวน้อยที่เฝ้ารอแล้ว (more…)

keyboard_arrow_up