


อาการใกล้คลอด 6 สัญญาณที่แม่ต้องสังเกต

20 วิธีสานสายใยความผูกพันกับลูกน้อยก่อนเข้านอน
การ สร้างความผูกพันกับลูก …เพราะพ่อแม่มีเวลาอยู่กับวัยเด็กของลูกได้เพียงไม่กี่ปี ก่อนที่ลูกจะโตขึ้นและใช้เวลาของเขาทำกิจกรรมด้วยตัวเอง ซึ่งการสร้างความรู้สึกผูกพันนี้ทำให้ลูกน้อยรับรู้ได้ว่าเขาเป็นที่รัก เขามีคุณค่าพอที่จะได้รับความรัก ความรู้สึกเหล่านี้มีความหมายต่อการมีชีวิตในอนาคตของลูกเมื่อลูกโตขึ้น และยังเป็นพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งของพัฒนาการทุกๆ อย่างของลูกในก้าวต่อไปอีกด้วย
การ สร้างความผูกพันกับลูก
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเพียงมอบความรักและสัมผัสที่ชิดใกล้ สายใยความผูกพันระหว่างแม่ลูกก็เกิดแล้ว ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสานสายใยความผูกพันกับลูก คือ ช่วงก่อนที่ลูกจะหลับ หรือใกล้เคลิ้มเข้าสู่ห้วงนิทราในยามค่ำคืน ถือเป็นช่วงสำคัญที่คุณแม่จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงของการรับรู้เข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของลูก และสามารถปลูกฝังลูกได้ตั้งแต่วัยทารกค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
เพราะช่วงสภาวะก่อนหลับ ถือเป็นภาวะที่คลื่นสมองผ่อนคลายพิเศษ จิตใต้สำนึกจะเปิดกว้างออกอย่างเต็มที่และดูดซับรับเอาข้อมูลสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลานั้นเข้าไปอย่างชนิดที่คุณพ่อคุณแม่คาดไปไม่ถึงเลยทีเดียว อีกเรื่องหนึ่ง คือ สิ่งที่สร้างความทรงจำที่แสนจะประทับใจไม่รู้ลืมให้ลูกได้ตั้งแต่วัยเยาว์ คือ คำพูด พฤติกรรมและการกระทำดีๆ ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ซึ่งจะประทับเข้าไปอยู่ในความทรงจำที่ฝังลึกเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกว่าพ่อแม่รักลูกแล้วลูกก็จะจดจำได้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นถ้าคิดจะปลูกฝังลูกเรื่องใดๆ อย่าได้พลาดช่วงสำคัญนี้ไปเชียว
การให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ พยายามใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เวลาคุณภาพกับลูกหลังจากที่ได้จัดสรร ปันเวลาของการทำภารกิจต่างๆ ของคุณแม่ อยู่กับลูกในนานที่สุดในเวลาก่อนเข้านอนตามที่กล่าวมาข้างต้น
ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับเขาที่จะส่งเสริมศักยภาพ นอกจากจะสร้างความผูกพันแม่ลูกให้แน่นแฟ้นแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ที่ดีให้แก่ลูกในช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันอีกด้วย เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรรีบฉกฉวยโอกาสจากเวลาที่มีอยู่ให้กับลูกอย่างเต็มที่ แล้วดื่มด่ำไปกับความช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นกับลูกให้เต็มอิ่ม
วิธีสร้างความผูกพันกับลูกก่อนนอน
การสานสัมพันธ์กับลูกน้อยเป็นกระบวนการทางธรรมชาติซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีอะไรอีกมากมายที่มากกว่าการประสานสานสายตากันระหว่างคุณแม่และลูกน้อย การมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยผ่านสัมผัสทั้งห้าตั้งแต่แรกเกิดเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาของลูก ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาพร้อมกับการดูแลเอาใจใส่ช่วยสร้างสายใยระหว่างแม่และลูกน้อย ทั้งนี้หากคุณต้องการสานสายใยความผูกพันอย่างต่อเนื่องกับลูกน้อยให้ยาวนานที่สุด Amarin Baby & Kids มีเทคนิคดีๆ มาแนะนำดังต่อไปนี้
1. ลดละเลิกเล่นหรือสนใจอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด สิ่งสำคัญในการสร้างความกับลูกก่อนนอน อาจใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจลูกและให้ความสนใจกับลูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
Must read : แม่ไม่สนใจมัวแต่เล่นมือถือ ลูกสาวจึงเอ่ยปากพูดประโยคนึงแม่ถึงกับไม่กล้าเล่นมือถืออีกเลย
2. สอนการบ้านลูก การสอนการบ้าน จะช่วยให้ลูกสนใจการเรียน และการไปโรงเรียน อีกทั้งการไปห้องสมุดร่วมกับลูก ก็เป็นการใช้เวลากับลูกที่สนุกสนานร่วมกัน
Must read : เทคนิคช่วยลูกทำการบ้านให้ประสบความสำเร็จ!
3. อาบน้ำด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาคุณภาพของ เพราะเป็นเวลาที่ผ่อนคลาย ลูกจะรู้สึกสบายตัวและยิ่งได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนจากแม่ จะยิ่งสร้างความรู้สึกผูกพันได้เป็นอย่างดี
อ่านต่อ >> “วิธีสร้างความผูกพันกับลูกก่อนนอน” คลิกหน้า 2

ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล
ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล ในฐานะคู่สามีภรรยาที่อยู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันจนมีลูก มีหลานเป็นสักขีพยานแห่งรักที่มั่นคงแล้วนั้น เชื่อว่าทุกครอบครัวคงไม่อยากมีปัญหาในชีวิตคู่ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ภรรยา 7 ประเภท ที่ได้รับการเผยแพร่จากเพจสะพานธรรมะ @SaphanDhamma (อ้างจาก ภริยาสูตร ส. อํ. (60) ตบ. 23 : 93-95 ตท. 23 : 87-88 ตอ. G.S. IV : 57-58) ตามไปศึกษาพร้อมกันว่า ภรรยา 7 ประเภท มีอะไรบ้าง แล้วในฐานะภรรยาคุณเป็นภรรยาประเภทไหนของสามี
ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องราวของ นางสุชาดา ลูกสะใภ้เศรษฐีผู้เอาแต่ใจตัวเอง สำคัญตนว่าเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ จึงไม่ยอมก้มหัวให้คนในครอบครัวสามีแม้กระทั่งปู่และย่า ชอบดุด่าเฆี่ยนตีทาสรับใช้ในเรือนของสามีอยู่เป็นประจำ ต่อมาวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เข้าไปฉันที่บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขณะที่กำลังแสดงธรรมอยู่นั่นเอง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงตรัสถามท่านเศรษฐี เมื่อเศรษฐีกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระองค์จึงรับสั่งให้เรียกนางสุชาดามาเข้าเฝ้า และตรัสถามนางว่า “สุชาดา ภรรยามี 7 จำพวก เธอเป็นภรรยาจำพวกไหน?”1
ไปศึกษาพร้อมกันว่าที่พระพุทธองค์ได้ถามนางสุชาดา นั้นมีข้อคิดแฝงไว้ให้คิดเตือนในเรื่องใดได้บ้าง…
อ่านต่อ >> “ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ผัก ผลไม้ บํารุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์
ผัก ผลไม้ บํารุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์ การมีชีวิตที่ยืนยาวเพื่ออยู่ดูแลลูกๆ ไปจนพวกเขาเติบโตขึ้น และเห็นลูกได้ประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนปรารถนา ดังนั้นในระหว่างทางเราในฐานะพ่อแม่จำเป็นต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์ มาฝากกันค่ะ
ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการสำคัญ คือ ความจำเสื่อม หลงลืม มีพฤติกรรมและนิสัยเปลี่ยนไป อาการจะดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเสีย ชีวิตในที่สุด ไม่มีวิธีป้องกันหรือวิธีสำหรับรักษาให้หายได้1
อาการ 4 ระยะของโรคอัลไซเมอร์ ที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง ?
1. ระยะก่อนสมองเสื่อม
อาการป่วยในระยะเริ่มแรกก่อนสมองเสื่อม สำหรับคนป่วยโรคอัลไซเมอร์ ที่จะมีความบกพร่องทางการเรียนรู้เล็กน้อย (Mild cog nitive impairment) มักจะมีปัญหาในเรื่องการจดจำข้อมูลที่เพิ่งเรียนรู้มาไม่นาน หรือไม่สามารถรับข้อ มูลใหม่ๆได้
2. สมองเสื่อมระยะแรก
ในเวลาต่อมาคนป่วยจะมีปัญหาเกี่ยวความของสมองในระยะที่เรียกว่า สมองเสื่อมระยะแรก ซึ่งจะมีการสูญเสียความจำในระยะสั้น ความจำใหม่ หรือความจำที่เพิ่งเรียนรู้มา เช่น ลืมว่าเก็บกุญแจบ้าน กุญแจรถไว้ที่ไหนไม่ได้ และมักจะถามซ้ำ พูดซ้ำ
3. สมองเสื่อมระยะปานกลาง
คนป่วยอัลไซเมอร์จะเริ่มมีปัญหาในการจำที่มากขึ้น เช่น จำหน้าญาติ จำหน้าเพื่อนไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถจำชื่อคนรู้จัก หรือใครคนอื่นๆ ได้เลย
4. สมองเสื่อมระยะสุดท้าย
คนที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์หากพบว่าป่วยระยะสุดท้าย จะมีการใช้สมองส่วความทรงจำที่ร้ายแรงที่สุด เพราะจะไม่สามารถจำอะไรได้เลย แม้กระทั่งว่าการทานข้าวต้องใช้ช้อนตักข้าวอย่างไรไม่รู้ว่าหิวต้องทำยังไง ความจำทุกอย่างจะสูญเสียไปทั้งหมด
สำหรับโรคอัลไซเมอร์นั้นถือเป็นโรคที่รุนแรง ที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และสุดท้ายคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ก็จะเสียชีวิตลงในที่สุด และถึงแม้ว่าอาการของอัลไซเมอร์จะรุนแรงและไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่เราก็สามารถที่จะป้องกันสมองไม่ให้เกิดอาการอัลไซเมอร์ได้ หากรู้จักบริหารสมองให้ได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา อย่างในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น ก็มักจะแนะนำให้ทำกิจกรรมที่มีการกระตุ้นให้สมองได้คิด ได้สร้างความจำเรียนรู้ นั่นคือ การคิดเลข การเล่นต่อคำภาษาอังกฤษ การเล่นหมากฮอส หมากรุก หรือจะเล่นเกมเศรษฐีเพื่อผ่อนคลายสมองก็ได้เช่นกัน ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมที่ช่วยทำให้สมองได้คิด ได้คำนวณเหล่านี้ จะกระตุ้นการทำงานของสมองให้เกิดการเรียนรู้ ได้คิด ได้จำอยู่ตลอดเวลา สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้สูงอายุทั่วไปควรจะได้มีการบริหารสมองด้วยกิจกรรมอะไรก็ได้ ที่ดีต่อสมอง
อ่านต่อ >> “ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แม่ท้องฟังเพลง คลาสสิค-โมสาร์ท ช่วยให้ทารกฉลาดขึ้นจริงหรือ?
เพลงสำหรับแม่ท้องให้ลูกในท้องฟัง …ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น เสียงที่ดีที่ควรใช้ในการกระตุ้นก็คือ เสียงเพลง
โดยเฉพาะเพลงที่มีความไพเราะและคุณแม่ชอบฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงคลาสสิคอะไรที่ฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะบางเพลงถ้าฟังไม่ดีอาจจะประสาทรับประทานก็ได้ครับ เวลาคุณแม่ฟังเพลง ควรจะเปิดเสียงเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณเพื่อลูกในครรภ์จะได้ฟังเสียงเพลงไปด้วย การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงเพลงคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆได้ดี
เพลงสำหรับแม่ท้องให้ลูกในท้องฟัง
เพลงสำหรับกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ จะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อลูกได้ยินเสียงเพลง ได้ยินจังหวะของเพลงเขาจะขยับตัวหรือดิ้นไปตามเสียงเพลง เช่น ถ้าเป็นเพลงช้าฟังสบาย เขาจะขยับตัวช้าๆ เหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ในท้องแม่อย่างสบายใจ หากเพลงมีจังหวะเร็วเขาอาจจะขยับตัวบ่อยหรือดิ้นแรงขึ้นเหมือนเต้นตาม ซึ่งการขยับตัวของทารกในครรภ์ตามเสียงเพลงหรือเสียงที่ได้ยินก็เป็นสัญญาณบอกถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ที่ยอดเยี่ยมนั่นเองค่ะ
แม่ตั้งครรภ์ควรฟังเพลงเพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์ที่ยอดเยี่ยมด้วยวิธีต่อไปนี้
- เพลงสำหรับทารกในครรภ์ควรเป็นเพลงฟังสบาย จะเป็นเพลงช้าหรือเร็วก็ได้ หรือแม้แต่เพลงร็อคก็ฟังได้ และเน้นให้ลูกได้ยินเสียงและรู้สึกถึงจังหวะเพื่อไปกระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยิน การเคลื่อนไหวในท้อง และความรู้สึกผ่อนคลายในท้องแม่เป็นหลัก
- ควรใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ หรือหูฟังเพลงสำหรับทารกในครรภ์ เพราะเสียงและจังหวะของเพลงจะดังไปถึงลูกในท้องได้ดี หูฟังชนิดใส่ในรูหูจะมีความดังไม่มากพอให้ลูกในท้องได้ยินเสียงเพลงนะคะ
- ไม่ควรเปิดเสียงเพลงดังเกินไป เพราะลูกในท้องอาจตกใจและดิ้นแรงกว่าปกติได้ ระดับเสียงที่พอดีอาจวัดจากคุณแม่ลองใส่หูฟังฟังเองก่อน แล้วปรับความดังในระดับที่หากคุณพ่อมาคุยด้วยก็ยังพอได้ยินเสียงแบบพอจับใจความได้ หรือเรียกแล้วยังได้ยินนั่นเองค่ะ
- ทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงเพลงได้ดีเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน เนื่องจากมีการพัฒนาระบบประสาทการได้ยินแล้ว แต่แม่ท้องสามารถให้ลูกในท้องฟังเพลงได้ตั้งแต่รู้ว่าท้องค่ะ เพราะตัวแม่เองก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ส่งผลไปถึงความสบายของลูกในท้องด้วย
- ทารกในครรภ์จะตื่นตัวดีในช่วงบ่ายเป็นต้นไป แม่ท้องจึงควรให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงช่วงบ่าย และใช้เวลาฟังเพลงประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ลูกในท้องได้พักผ่อนด้วย
Must read : 12 วิธีเพิ่ม IQ ให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง
สำหรับแม่ท้องที่เข้าใจว่าฟังเพลงคลาสสิกแล้วจะทำให้ลูกฉลาด ลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่นะคะ เพลงคลาสสิกไม่ได้ช่วยให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง เพราะความฉลาดมีปัจจัยหลักมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ การส่งเสริม และอาหาร แต่การให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงจะเป็นการทำให้ลูกผ่อนคลาย กระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยินและพัฒนาการทางร่างกายตั้งแต่ในท้องด้วยการขยับตัวและดิ้นไปตามจังหวะเพลงที่ได้ยิน ซึ่งเมื่อคลอดออกมา เขาจะมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและอารมณ์ที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความคล่องแคล่ว คล่องตัว และอารมณ์ดีค่ะ
อ่านต่อ >> “เปิดเพลงคลาสสิคให้ทารกในครรภ์ฟังลูกจะฉลาดขึ้นจริงหรือ”
คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจาก โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน แบบไหนดี ?
โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน ในปัจจุบันนี้พบว่ามีคนเป็นภูมิแพ้อากาศมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอาการแพ้อากาศนั้นถือว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำสำหรับการจัดบ้าน จัดห้อง สำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้ และป้องกันลูกน้อยให้ห่างไกลจากภูมิแพ้มาฝากกันค่ะ
โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน
อาการแพ้อากาศ คือ การที่เยื่อบุจมูกอักเสบและบวมทำให้เกิดอาการ จาม คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล และอาจมีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือคออักเสบ สำหรับสาเหตุของเยื่อบุจมูกอักเสบพบว่าเกิดจากโรคภูมิแพ้เป็นส่วนใหญ่1
อ่านต่อ >> “จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ ?” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

หยุด “โรคแพ้ไม่เป็น” โรคร้ายของเด็กรุ่นใหม่ ในยุคการแข่งขันสูง
เด็กรุ่นใหม่ต้องเติบโตท่ามกลางสังคมที่มีการแข่งขันสูง ต้องติวกันตั้งแต่อนุบาล เพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และจบการศึกษาจากสถาบันอันดับต้นๆ ของประเทศ พ่อแม่จึงมุ่งเน้นให้ลูกเก่ง เรียนได้เกรดสูง มีงานดีๆ ทำ มีรายได้เยอะๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นโรค “แพ้ไม่เป็น” มีความต้านทานความพ่ายแพ้ต่ำ เมื่อเกิดความผิดหวังมักทนไม่ได้และอาจหนักถึงขึ้นฆ่าตัวตาย ในฐานะพ่อแม่ เราจะมีวิธีอย่างไรที่จะป้องกัน โรคแพ้ไม่เป็น นี้ได้ (more…)

สุดยอด! วิธีสยบอาการไอของลูกน้อยให้อยู่หมัด
… ช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งสำหรับเด็กน้อยเมื่อเจออากาศแบบนี้ก็อาจทำให้หลายคนป่วยเป็นไข้หวัดได้
ลูกไอเป็นภาวะที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูกเป็น เพราะบางครั้งทำให้ลูกทุกข์ทรมาน เด็กบางคนไอมากจนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ไอมากจนอาเจียนหรือไอมากจนไม่ได้หลับนอน หรือในบางครั้งถึงลูกจะมีอาการไอไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้เกิดความรำคาญได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอาการแบบไหนเสียงไอของลูกน้อยก็เป็นเสียงที่ทรมานใจ สำหรับคุณพ่อคุณแม่เช่นกันและมาพร้อมกับความวิตกกังวลว่าอาการไอของลูกคือสัญญาณเตือนปัญหาอะไรหรือเปล่า!
ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก
อาการไอ เป็นกลไกที่สำคัญของร่างกายในการกำจัดสิ่งระคายเคือง หรือสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจของร่างกาย ซึ่งสาเหตุบอกอาการไอส่วนใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่มักพบบ่อย คือโรคหวัด ทำให้เด็กมีไข้ น้ำมูกไหล ซึ่งอาการคันและระคายคอ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไอ
ฉะนั้นเวลาลูก เป็นหวัดธรรมดาแล้วไอออกมาจึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง แต่ถ้ามีอาการไอผิดปกติขึ้นมาก็ต้องมาดูถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอโดยเฉพาะถ้าเกิดกับเด็กเล็ก จึงจำเป็นอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่จะต้องรู้ทันอาการไอของลูกน้อย พร้อมวิธีรับมือดูแลรักษาอาการไอของลูกให้อยู่หมัดแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ
ลักษณะอาการไอ
- ไอแบบฉับพลัน หลังทานอาหาร อาจเกิดจากอาการติดคอ หรือเด็กนำของเล่นกลืนเข้าไปแล้วติดคอ ควรพบแพทย์เพื่อนำวัตถุแปลกปลอมออกไป เพราะอาจเกิดอันตรายได้
- ไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ อาจเกิดจากระคายเคืองในระบบหายใจ เยื่อจมูกบวม อาจต้องล้างจมูกเพื่อให้สะอาด และดื่มน้ำมาก ๆ
- ไอแบบมีเสมหะหรือเสมหะข้นขุ่น อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือภูมิแพ้ ให้ระวังมีไข้จากภาวะอักเสบ รักษาโดยการให้ยาลดไข้ เช็ดตัว หากจำเป็นใช้ยาลดเสมหะเพื่อให้บรรเทาอาการและควรพบแพทย์
- ไอเรื้อรัง เป็นง่าย หายยาก อาจเกิดจากเชื้อไวรัส หอบหืด ไอกรน และวัณโรค ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธี
- ไอเบา ๆ และตามาด้วยเสียงหัวเราะ อาจเป็นการไอจากความซนของลูกน้อย ที่เลียนแบบผู้ใหญ่ที่ได้ยินเสียงไอ
วิธีรับมือและป้องกันเมื่อลูกมีอาการไอ
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูอาการไอของลูกจากลักษณะอาการไอข้างต้น แล้วพิจารณาว่าอาการนั้นรุนแรงหรือไม่ ถ้าหากมีอาการรุนแรงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรรีบพาลูกไปปรึกษาแพทย์ และควรปฏิบัติเพื่อรักษาอาการไอของลูกน้อย ดังนี้
- ดื่มน้ำบ่อยๆเพราะน้ำ ถือเป็นยาแก้ไอที่ดีที่สุด หากเด็กมีอาการไอ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น และควรเป็นน้ำอุ่น หรือน้ำในอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็ง ที่อาจทำให้ไอเพิ่มมากขึ้น
- กินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เพื่อลดการอาเจียนที่อาจเกิดร่วม สำหรับเด็กโตที่สามารถรับประทานอาหารทั่วไปได้ ควรงดอาหารประเภททอดทุกชนิด เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้อาการระคายคอมีเพิ่มมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นควันเพราะบริเวณที่มีฝุ่นควันอาจทำให้เด็กรับเชื้อเพิ่มมากขึ้นและกระตุ้นอาการไอ อาจส่งผลให้เด็กไอเรื้อรังและเกิดอาการอักเสบได้
- สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ในหน้าหนาวหากเป็นหน้าหนาว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูก ๆ สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เพราะอากาศที่เย็นจะยิ่งกระตุ้นให้หลอดลมหดตัวทำให้มีอาการไอมากขึ้น
- รับประทานยาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการไอสำหรับการใช้ยาแก้ไอนั้นไม่ควรใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 – 2ขวบ เพราะยาอาจตกค้างและส่งผลเสียต่อร่างกายของเด็ก หากคุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้แล้วอาการไอของลูกน้อยยังไม่ทุเลา ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยได้
ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ที่คุณแม่ไว้ใจได้!
ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บ เจ้าของเดียวกับ ยาน้ำเขากุย ตราอ้วยอันโอสถ มีสรรพคุณแก้ไอ และขับเสมหะเป็นสูตรยาน้ำที่ได้พัฒนาขึ้นมา สำหรับเด็กโดยเฉพาะโดยปราศจากสารเคมี แอลกอฮอล์ และกลิ่นสังเคราะห์ ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ รสชาติอร่อย ทานง่าย หาซื้อได้ตาม 7-11 Family Mart และร้านขายยาทั่วไป เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่ใส่ใจในส่วนผสมและความปลอดภัยของยาซึ่งคุณแม่เมย์ เฟื่องอารมณ์ ของน้องมายู และคุณจูน กษมา ของทั้งเด็กน้อยทั้ง 4 ออ ก็ยังเลือกใช้ ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บเรียกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถไว้วางใจได้อย่างแน่นอนค่ะ
ส่วนประกอบหลักของยาคือ มะขามป้อม (Phyllanthusemblica Linn.) ผลมะขามป้อมสดใช้รับประทานเป็นผลไม้ แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมะขามป้อมยังถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการช่วยเสริมภูมิต้านทานให้เราได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมากกว่าบรรดาผลไม้ไทยทุกชนิด นอกจากนั้นยังเป็นยาบำรุงแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะมีส่วนประกอบที่สำคัญ ประกอบด้วยมะขามป้อม ผลมะแว้งเครือ ส้มจี๊ด น้ำผึ้ง และตัวยาอื่นๆ
√ วิธีรับประทาน
เด็กอายุ 2 – 6 ขวบ 1 ช้อนชา หลังอาหารและก่อนนอน (5 ml)
เด็กอายุ 6 – 12 ขวบ 2 ช้อนชา หลังอาหารและก่อนนอน (10 ml)
>> สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2cSsial
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ คือ ก่อนซื้อหรือเลือกใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของลูกน้อย ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรหรือคุณหมอทุกครั้งนะ

ยาดมอันตรายจริงหรือไม่? ลดเสี่ยงเลี่ยงยาดม

เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า สร้างจิตสำนึกที่ดีให้ลูก
เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า …นอกจากอาหารเช้าที่ลูกต้องรับประทานแล้ว ยังมีอาหารที่จะช่วยเพิ่มพลังสมองให้กับลูกน้อยได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ คำพูดดีๆ จากคุณแม่คุณพ่อนั่นเอง
เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า
หลายคนมักพูดว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่บางคนก็มัวแต่กระทำจนละเลยคำพูดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อพ่อแม่ก็อยากได้ยินลูกบอกรัก อยากให้ลูกกอด หอม หรือมีแต่คำพูดดีๆ แต่ในทางกลับกันคนเป็นลูกเองก็ไม่ได้มีความต้องการที่แตกต่างจากพ่อแม่เท่าใดนัก
ทั้งนี้ นอกจากอวัจนภาษา เช่น การกอด หอม ฯลฯ ที่ทุกคนรับรู้ว่าเป็นการแสดงออกเพื่อความรักแล้ว วัจนภาษาก็ไม่ควรมองข้ามไปเช่นกัน พ่อแม่ทุกคนจึงพยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและพูดแต่ สิ่งดีๆกับลูก โดยน้อยคนนักที่จะพูดจาสบถกับลูก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ มันคือสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อและแม่แน่นอน
Must read : เคล็ดลับพัฒนาสมอง ด้วยการกอด กิน เล่น อ่าน
Amarin Baby & Kids จึงมีข้อคิดดีๆ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เติมอาหารสมองให้ลูกทุกเช้า จากคุณหมอภา เจ้าของเพจ หมอภา/Jeerapa prapaspong ซึ่งคุณหมอภาผู้ซึ่งเป็นคุณแม่ในอีกบทบาทหนึ่ง ได้กล่าวถึงเรื่อง การเติมอาหารสมองให้ลูกทุกเช้า ดังนี้…
ทุกๆ เช้านอกจากลูกมีหน้าที่เติมสิ่งดีให้สมองตัวเองแล้ว
หมอมักหาข้อมูล คำพูดสร้างสรรค์
มาเติมเข้าสมอง ใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกลูก
เมื่อเช้า หมออ่านข้อเขียนอันโด่งดัง
ที่หมอติดไว้โต๊ะทำงาน
เพื่อย้ำให้ตัวหมอเองปฏิบัติตามแนวทางนี้เสมอ ให้ลูกฟัง
นึกขึ้นได้ เอามาฝากเพื่อนที่รักในเพจอ่านกัน จริงๆอยากให้อ่านให้เด็กๆฟังด้วยค่ะ ซึ่งหมออ่านภาษาอังกฤษให้ลูกฟัง
แปลภาษาไทยมาฝากนะคะ
อ่านต่อ >> “12 คำพูดสร้างสรรค์ เติมอาหารสมองให้ลูกในตอนเช้า” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อุทาหรณ์! ระวังลูกน้อยวัยซนติดอยู่ในที่แคบ
วัยเด็กเล็ก เป็นช่วงวัยของการเรียนรู้ สิ่งที่เป็นอันตราย หรือไม่อันตราย เด็กๆ หลายคนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นถึงจะเข้าใจ แต่บางครั้งการเรียนรู้นั้นก็อาจะก่อให้เกิดอันตรายกับลูกน้อยได้ ดังคลิปข่าวนี้เมื่อ ลูกติดอยู่ในที่แคบ เพราะความซุกซน เล่นสนุก พ่อแม่ต้องระวัง

อุทาหรณ์เด็กหาย ป้องกันลูกหนีออกจากบ้าน

10 เรื่องแรกที่สามีควรทำต่อภรรยา เมื่อกลายเป็น แม่ของลูก
สิ่งที่สามีควรทำเมื่อภรรยา กลายเป็นแม่ ของลูก …เพราะการสร้างครอบครัว และการเลี้ยงลูกให้ดีได้นั้น ทั้งพ่อและแม่ไม่สามารถโยนหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ให้พ้นตัวไปได้ หรือการจะแบ่งหน้าที่แยกกันให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปเลยว่า สามีทำงานนอกบ้านแล้ว งานในบ้านและการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยา ก็เป็นความคิดที่ล้าหลังมากเกินไปสำหรับสมัยนี้
เมื่อต้องเป็น “พ่อ” คำๆ นี้ ทำให้ผู้ชายหลายคนเปลี่ยนแปลงไป บางคนก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่บางคนก็เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ที่สำคัญ มีคุณพ่อหลายๆ คนประสบปัญหาในการปรับตัวเมื่อต้องมีลูกคนแรก เพราะการกินอยู่หลับนอน กิจวัตรประจำวันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณพ่อหลายคนเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ตนเองรับมือไม่ทันนี้เข้าไป ก็กลายเป็นคนขี้รำคาญ โมโหง่าย ไม่น่ารักเหมือนในอดีต แถมบางทียังพาลใส่คุณแม่ในลักษณะต่างๆ ซึ่งคุณแม่พอเจอสามีทำกริยาแบบนี้ก็ย่อมเสียใจ และหมดความอดทน เพราะไหนตนเองจะเหนื่อยเลี้ยงลูก ยังต้องมาเหนื่อยใจกับสามีที่เปลี่ยนไปอีก พาลจะแยกทางกันได้ง่ายๆ
ดังนั้น สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายที่ยังไม่ทราบจะปรับตัว-เตรียมตัวอย่างไร Amarin Baby & Kids จึงมีคำแนะนำเบื้องต้นในการเป็น “สามี-พ่อที่ดี” มาฝากกันค่ะ
10 สิ่งที่สามีควรทำเมื่อภรรยา กลายเป็นแม่ ของลูก
1.แสดงความรู้สึกยินดีเมื่อทราบว่าภรรยาตั้งท้อง
หากว่าคุณไม่ได้วางแผนว่าจะมีเจ้าตัวน้อยมาก่อนล่วงหน้า แล้วทราบข่าวว่าภรรยากำลังตั้งครรภ์ คุณควรจะรู้สึกยินดีและมีความสุขกับการที่จะได้เป็นพ่อคน ไม่ใช่แสดงออกให้เธอเห็นว่าคุณไม่รู้สึกตื่นเต้น แต่กลับผิดหวัง หรือถามเธอว่าทำไมไม่คุมกำเนิดให้ดี ดังนั้นการแสดงความรู้สึกปลื้มปิติยินดี ย่อมทำให้เธอมีความเชื่อมั่นในตัวคุณมากขึ้น ว่าคุณจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ เป็นกำลังใจที่ดีในช่วงเวลาที่กำลังอุ้มท้อง และจะเป็นพ่อที่ดีในอนาคตได้
2.แสดงความรักต่อลูกและภรรยา
เมื่อคลอดลูก นอกจากเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่ประสีประสาแล้ว ภรรยาของคุณก็ต้องการการดูแลอย่างมากด้วยเช่นกัน แม้ภรรยาบางคนจะบอกตัวเองว่าเป็นหญิงแกร่ง อึด ฉันทำได้ ฉันสู้ไหว แต่อย่าลืมว่า งานเลี้ยงลูกเป็นงานที่เหนื่อย (เหนื่อยกว่าการเข้าประชุมของคุณพ่อทั้งหลายมากมายนัก) หากพวกเธอได้กำลังใจดีๆ จากสามีอย่างคุณผู้ชายทั้งหลายด้วยแล้ว เธอจะยิ่งมีแรงสำหรับการเลี้ยงลูกมากขึ้น
อย่างไรก็ดี คุณพ่อหลายคนมักเอางานมาอ้าง ว่าประชุมเหนื่อยมาก ต้องรับมือกับลูกค้าทั้งวัน กลับถึงบ้านอยากจะนอนอย่างเดียว ไม่อยากเล่นกับลูก ไม่อยากอุ้ม ฯลฯ แต่ก็อย่าลืมว่า ลูกค้าเหล่านั้น พอเขาได้สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็ไป คุณพ่อก็หมดความหมายสำหรับลูกค้าแล้ว แต่กับภรรยาและลูกที่บ้านเขามีแต่คุณพ่อ รอแต่คุณพ่อคนเดียว หากคุณพ่อไม่กลับบ้าน หรือกลับดึก หรือในอนาคตแก่เฒ่าลง คนที่ห่วงและอยู่คอยดูแลคุณพ่อก็คือครอบครัวนั่นเอง ไม่ใช่ลูกค้าหรอกนะคะ
Must read : พ่อที่ดีของลูก คุณเองก็เป็นได้ ง่ายๆตามหลัก 5 ข้อ!
3.หาคำพูดดีๆ มาพูดกับภรรยา
ไม่มีใครชอบการโดนตำหนิ แม้แต่ตัวคุณพ่อเอง ดังนั้น เมื่อใจของเรายังไม่ชอบ ก็อย่าหยิบยกคำพูดประเภท “เป็นแม่ภาษาอะไร เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้, เธอนี่ใช้ไม่ได้เลย, ไม่ไหวจริงๆ, แย่, น่าเบื่อ, น่ารำคาญ” ฯลฯ มาต่อว่าภรรยา เพราะมีแต่จะทำร้ายจิตใจของคนฟังกันเสียเปล่าๆ
อีกทั้งการหาคำพูดดีๆ เรื่องขำๆ เรื่องของความสุขมาคุยกับภรรยาไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยเฉพาะหากคุณพ่ออยู่ที่ทำงานก็น่าจะได้พบเจอเรื่องราวมากมาย คงมีอะไรดีๆ เก็บมาเล่าเป็นแน่ หรือระหว่างวันหากมีใจโทรศัพท์มาไต่ถามทุกข์สุขบ้างน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งโทรศัพท์สมัยนี้ไฮเทค คุยแบบเห็นหน้ากันก็ได้ หรือหากนึกคำพูดไม่ออกจริงๆ ก็บอกไปเลยว่ารัก คิดถึง และเป็นห่วง สามคำนี้มีความหมายอย่างมากกับภรรยาที่อยู่บ้านเลี้ยงเจ้าตัวเล็กค่ะ ส่วนคำพูดที่ทีมงานหยิบขึ้นมาเอ่ยด้านบน อย่าเอ่ยได้เป็นดีค่ะ เพราะสามารถทำให้ภรรยาที่เลี้ยงลูกอยู่คิดมาก วิตกกังวล เครียด ครบสูตรอาการซึมเศร้าหลังคลอดเลยทีเดียว
อ่านต่อ >> “สิ่งที่สามีควรทำเมื่อภรรยากลายเป็นแม่ของลูก ข้อที่ 4-10” คลิกน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ประกันสังคม กรณีเงินสงเคราะห์บุตร แบบครบถ้วน
สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่ทำงานเป็นพนักงานประจำ และต้องจ่ายเงินประกันสังคมกันทุกเดือน หลายคนอาจจะเคยเบิกเงินประกันสังคม กรณีคลอดบุตรกันมาบ้างแล้ว สำหรับบทความนี้จะกล่าวถึง เงินสงเคราะห์บุตร กันบ้างว่ามีรายละเอียดอย่างไร และตอบข้อสงสัยที่ทุกคนอยากรู้

7 วิธี เสริมความฉลาด สร้างเซลล์สมอง ลูกน้อย
เสริมความฉลาด สร้างเซลล์สมอง ลูกน้อย ทราบหรือไม่คะว่าในเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับหนึ่งแสนล้านเซลล์สมองซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายวงจรและสามารถเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้เรื่อยๆ หากได้รับการกระตุ้นสมองให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี 7 วิธีเพื่อ เสริมความฉลาด สร้างเซลล์สมอง ลูกน้อย มาฝากกันค่ะ
เสริมความฉลาด สร้างเซลล์สมอง ลูกน้อย
ช่วงตั้งครรภ์คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเซลล์สมองของลูกน้อย สมองของลูกรวมทั้งเซลล์สมองเริ่มสร้างและพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ในครรภ์คุณแม่ และจะมีการเติบโตเพิ่มจำนวนขนาด เกิดเป็นเนื้อสมอง และเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกับสมอง และเชื่อมโยงกันเองเกิดเป็นข่ายใยเส้นประสาทที่ซับซ้อน เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ตั้งแต่ลูกในครรภ์มีอายุประมาณ 8 สัปดาห์
อ่านต่อ >> “การเติบโตของสมองที่น่าอัศจรรย์” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แม่ท้อง …จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องสมบูรณ์ แข็งแรงดีหรือไม่?
จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องสมบูรณ์ …การตรวจว่าทารกในครรภ์สมบูรณ์ดีหรือไม่ เริ่มตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ คุณแม่มาฝากครรภ์ แพทย์จะตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อดูความพร้อมของสุขภาพแม่ และนัดติดตามดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์เป็นระยะๆ
must read : ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงตอนคลอด ต้องจ่ายเท่าไร?
หากตรวจพบว่าเป็นปกติ ทารกก็น่าจะสมบูรณ์ดี แต่อย่างไรก็ตามต้องเน้นย้ำว่า “การตั้งครรภ์เป็นความเสี่ยงของคุณแม่และทารกในครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์และการคลอด” เพราะทางการแพทย์ยังไม่สามารถติดตามดูทารกได้ตลอดเวลา ยังต้องอาศัยความร่วมมือในการนับการดิ้นของทารกในครรภ์ของมารดาเพื่อช่วยบอกความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งความรู้ ความเข้าใจและร่วมมือกันระหว่างแพทย์และครอบครัวก็จะลดปัญหาและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้
จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องสมบูรณ์
มีวิธีที่คุณแม่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองในขั้นต้นว่า ลูกของคุณแม่สมบูรณ์แข็งแรง มีการเจริญเติบโตที่ปกติหรือไม่ โดยไม่ยากเลยค่ะ วิธีต่างๆที่จะมาเล่าให้คุณแม่ฟังมีดังนี้ค่ะ
1. ให้คุณแม่ชั่งน้ำหนักตัวของคุณแม่ทุก 1 สัปดาห์
โดยเริ่มเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน ที่ไม่ให้คุณแม่ชั่งน้ำหนักก่อนหน้านี้ เพราะว่าในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ น้ำหนักของคุณแม่ส่วนใหญ่จะไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคุณแม่มักมีอาการแพ้ท้อง ทำให้รับประทานอาหารไม่ได้ หรือรับประทานได้น้อย และบางครั้งอาจรับประทานอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ ดังนั้นในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ถ้าคุณแม่น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนการตั้งครรภ์ คุณแม่ยังไม่ต้องวิตกกังวลค่ะ แต่เมื่อหลัง 3 เดือนไปแล้วเป็นช่วงที่ลูกน้อยในครรภ์มีการเจริญเติบโตอย่างมาก และอาการแพ้ท้องของคุณแม่จะหายไป คุณแม่สามารถรับประทานอาหารได้ น้ำหนักตัวของคุณแม่ควรจะเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละประมาณ ครึ่งกิโลกรัม ถ้าคุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่านี้แสดงว่าคุณแม่ รับประทานอาหารไม่เพียงพอแก่ความต้องการของลูกในครรภ์
ซึ่งจะทำให้ลูกเกิดมาน้ำหนักน้อยกว่าปกติได้ ตรงกันข้ามถ้าน้ำหนักตัวของคุณแม่เพิ่มมากกว่า ครึ่งกิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ คุณแม่ต้องสังเกตตัวเองว่าคุณแม่มีอาการบวมหรือไม่ หรือคุณแม่มีประวัติกรรมพันธุ์เป็นเบาหวานหรือไม่ อาการบวมอาจจะแสดงว่าคุณแม่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการตั้ง ครรภ์ ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะสุขภาพของตัวคุณแม่เองและลูกในครรภ์ คุณแม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ หรือพยาบาลที่สถานบริการที่คุณแม่ไปฝากครรภ์ ถ้าคุณแม่ไม่บวม หรือตรวจไม่พบว่าเป็นเบาหวาน อาจเป็นไปได้ว่าถึงคุณแม่รับประทานมากเกินไป ซึ่งจะทำให้ลูกในครรภ์ของคุณแม่ตัวใหญ่เกินไป เมื่อถึงเวลาคลอดจะคลอดยาก หรือมิเช่นนั้นคุณแม่ก็จะมีน้ำหนักส่วนเกินเหลือมากเกินไปเมื่อหลังคลอด ดังนั้นน้ำหนักที่ขึ้นน้อยหรือมากเกินไป เป็นสิ่งที่แสดงถึงความผิดปกติที่คุณแม่ต้องใส่ใจค่ะ
must read : 9 วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด..ให้คุณแม่กลับมาสวยเป๊ะเหมือนเดิม!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ >> “5 วิธี ที่คุณหมอใช้ตรวจเช็กสุขภาพลูกน้อยในครรภ์” คลิกหน้า 2
