ท่อน้ำนมตัน

ทำอย่างไรดี ? ท่อน้ำนมอุดตันเพราะ “ไวท์ดอท (white dot)” !!

รู้หรือไม่ว่า…แม่ที่ให้นมลูกมักจะพบว่าเต้านมของตัวเองเป็น ไวท์ดอท (white dot) ขึ้นระหว่างที่ให้นมลูก ซึ่ง white dot ถือว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่อน้ำนมอุดตัน จนทำให้คุณแม่มีอาการปวดเต้านมอย่างมาก และเพื่อให้เต้านมของคุณแม่ไม่อุดตันเพราะ ไวท์ดอท(white dot) ทีมงาน Amarin baby and kids มีวิธีแก้ไขท่อน้ำนมอุดตันจากไวท์ดอท(white dot) มาฝากกันค่ะ

 

ไวท์ดอท (white dot) ปัญหาปวดเต้าของแม่ให้นมคืออะไร ?

ไวท์ดอท (white dot) คือ  การที่เต้านมมีจุดขาวคล้ายหนองที่หัวนมจากการอุดตันของเศษไขมันหรือเยื่อบุผิวที่หลุดออกไม่หมด จนทำให้กลายเป็นตุ่มสีขาวอุดตันบริเวณรูเปิดของหัวนม หากคุณแม่สังเกตดูจะพบว่าเป็นจุดขาวๆ คล้ายตุ่มหนอง หรือตุ่มพองเล็กๆ มีขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร การที่หัวนมของคุณแม่ที่ให้นมลูกมีจุดขาว white dot ขึ้นมานั้นสามารถส่งผลกระทบให้ท่อน้ำนมอุดตัน ทั้งนี้หากคุณแม่ปล่อยไว้ไม่แก้ไขให้จุดขาวที่เต้านมหายไป ก็อาจทำให้เต้านมอุดตันจนเกิดการอักเสบขึ้นมาได้ค่ะ

 

อาการแสดงของเต้านมอุดตันมีอะไรบ้าง ?

    • มีจุดสีขาวไวท์ดอท(white dot) ขึ้นที่หัวนม
    • เต้านมแข็ง เป็นแผ่นหนา หรือเป็นก้อนอยู่ใต้ผิวหนัง
    • เมื่อคลำท่อน้ำนมจะพบว่ามีก้อนแข็ง
    • ลักษณะหัวนมและลานนมมีเส้นเลือดปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
    • เมื่อลูกดูดนมแล้วน้ำนมไม่ไหล

  อ่านต่อ >> คลิปวิธีบ่งไวท์ดอท !!   คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ลูกเป็นเพศที่สาม

    ลูกเป็นเพศที่สาม เพราะพ่อมีเวลาให้ลูกน้อยลงจริงหรือไม่?

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้ครอบครัวไทย  สามี หรือพ่อของลูกเป็นฝ่ายที่ออกไปทำงานนอกบ้านกันซะส่วนใหญ่  ยิ่งหากครอบครัวที่มีผู้ชายทำงานนอกบ้านคนเดียว ยิ่งทำให้เวลาเกือบทั้งหมดทุ่มเทไปให้กับงาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อปากท้องและอนาคตที่ดีของลูก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีงานวิจัยที่บอกว่าพ่อมีเวลาให้ลูกน้อยลง อาจเสี่ยงทำให้ ลูกเป็นเพศที่สาม

     

    ลูกเป็นเพศที่สาม พ่อแม่ยอมรับลูกได้แค่ไหน?

    เชื่อไหมว่าผู้เขียนได้ยินพ่อแม่ที่คุยกันที่โรงเรียนของหลานๆ บ่อยมากว่า ถ้า ลูกเป็นเพศที่สาม ในวันที่เติบโตขึ้นไปเป็น ผู้ใหญ่ ก็ยอมรับได้เสมอ ขอแค่ให้ลูกเป็นคนดีไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างเป็นพอ แต่อาจมีบ้างที่บางครอบครัวแต่ก็ส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่ไม่ถึงขั้นเสียหายร้ายแรง เพราะการเป็นเพศที่สามไม่ใช่เรื่องผิดแปลกไปจากสังคมแต่อย่างใดเลยค่ะ

    ทำไมลูกถึงเบี่ยงเบนทางเพศ คำถามนี้อาจถูกถามขึ้นจากความสงสัยของหลายครอบครัว ซึ่งต้องบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น บนโลกนี้ย่อมมีสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น อย่างลูกเบี่ยงเบนทางเพศนี้ก็ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ค่านิยมในการเลี้ยงลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิง ความคาดหวังหรือการถูกกดดันจากครอบครัวในบางเรื่อง การได้รับแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมมาตั้งแต่เล็กๆ และอีกหนึ่งในสาเหตุอาจมาจากการที่ “พ่อ” ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่กับลูกมากเท่าที่ควร

    อ่านต่อ พ่อมีเวลาให้ลูกน้อย เสี่ยงทำลูกเบี่ยงเบนเพศ คลิกหน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      เลี้ยงลูกอย่างไร ให้เป็นคนดี

      ลักษณะบุตร 3 ประเภท ในศาสนาพุทธ และวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี

      เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี …เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักที่เมื่อได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ย่อมปรารถนาที่จะมีลูกน้อยไว้เป็นโซ่ทองคล้องใจ สืบทอดสกุลกันต่อไป เพราะชีวิตคนเรานั้น จะดำเนินต่อไปได้ ก็ต้องมีลูกหลานไว้คอยสืบเชื้อสายต่อกันมาเป็นลำดับ

      “ลูก” เป็นดวงใจของพ่อแม่ หากลูกได้ดีมีความสุขพ่อแม่ก็ยิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า การที่ลูกแต่ละคนจะมีชีวิตเป็นไปอย่างไร เป็นคนดีหรือไม่ดี ประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายประการ แต่เชื่อแน่ว่าหากลูกทุกคนได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้องแล้ว จะทำให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ กลายเป็น “อภิชาตบุตร” ได้ ซึ่งการอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นทั้งคนเก่งและคนดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

      * Amarin Baby & Kids ขอแนะนำว่า ตั้งแต่เนื้อหาที่คุณพ่อคุณแม่กำลังจะอ่านจากนี้ไป เป็นเรื่องราวคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งควรอ่านพร้อมทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกบรรทัด เพื่อนำไปใช้ปฏิบัติ อันจะนำมาซึ่งการได้มี “ลูกที่ดี” สมดังที่พ่อแม่ทุกคนปรารถนา นะคะ ♥

      ซึ่งโดยทั่วไปความปรารถนาของพ่อแม่ที่อยากได้ลูก ก็เพราะมีความหวัง 5 ข้อ ดังนี้

      1. ลูกที่เราเลี้ยงมาแล้ว จะเลี้ยงตอบแทน
      2. ลูกที่เราเลี้ยงมาแล้ว จะทำกิจแทนเรา
      3. วงศ์สกุลของเราจักดำรงอยู่ได้นาน
      4. ลูกจะปกครองทรัพย์มรดกแทนเรา
      5. เมื่อเราละโลกไปแล้ว ลูกจะบำเพ็ญทักษิณาทานให้

      บุตร มาจากคำว่า ปุตฺต แปลว่า ลูก มีความหมาย 2 ประการ คือ

      • ผู้ทำสกุลให้บริสุทธิ์
      • ผู้ยังหทัยของพ่อแม่ให้เต็มอิ่ม

      เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี ?

      เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี

      เพราะพ่อแม่รู้ดีว่า วันหนึ่งตนเองต้องแก่และตาย สิ่งที่อยากได้ก็คือ ความปีติ ความปลื้มใจไว้หล่อเลี้ยงใจให้สดชื่น ความปลื้มปีติจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้เห็นผล  แห่งความดี หรือผลงานดี ๆ ที่เราทำไว้ ยิ่งผลงานดีมากเท่าไร ยิ่งชื่นใจมากเท่านั้น แล้วอายุจะยืนยาว สุขภาพจะแข็งแรง เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อแม่จึงเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหวังจะได้เห็นวงศ์ตระกูลที่สืบต่อไป ทั้งยังเป็นความปลื้มปีติใจ ยามได้เห็นลูกทำสิ่งดี ๆ

      ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งประเภทของบุตรไว้ในปุตตสูตรว่ามีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้

      1. อภิชาตบุตร ได้แก่ ลูกที่เกิดมาดีกว่าพ่อแม่ มีคุณธรรมสูงกว่าพ่อแม่ เกิดมาเชิดชูวงศ์สกุล เกิดมาอุดหนุนค้ำจุนพ่อแม่ เป็นลูกที่ประเสริฐ ทำให้พ่อแม่ได้รับความสุขใจยิ่งนักโดยทรงยกเอาพ่อแม่มาเป็นมาตรวัด

      โดยพ่อแม่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และไม่มีศีล 5 ข้อเป็นบทตั้ง แต่ลูกมีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะและตั้งอยู่ในศีล 5 นั่นเอง

      2. อนุชาตบุตร ได้แก่ ลูกที่เกิดมาเสมอตัว คือ ไม่ดี ไม่เลวกว่าพ่อแม่ และไม่แย่ไปกว่าวงศ์สกุล มีกันอย่างไรก็อยู่กันอย่างนั้น ดำรงวงศ์สกุลไว้ ไม่ให้เสื่อมโทรม และไม่สามารถจะให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม

      โดยพ่อแม่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และมีศีล5 ส่วนลูกก็มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะและมีศีล 5 ประจำอยู่ด้วยเช่นกัน

      3. อวชาตบุตร ได้แก่ ลูกที่เกิดมาเลว ต่ำกว่าพ่อแม่ ฉุดดึงเอาพ่อแม่ตกต่ำไปด้วย เช่นพ่อแม่เป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ลูกกลับเป็นคนไม่ดี ทำตัวเป็นปัญหาของครอบครัวและสังคม ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนทุกข์ใจอยู่ร่ำไป ลูกประเภทนี้ใครๆ ไม่ปรารถนา ไม่อยากได้ ไม่อยากมี

      โดยพ่อแม่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และมีศีล ส่วนลูกไม่ถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ และไม่มีศีล 5 ด้วย

      สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกดี ก็จะมีรอยยิ้มก็ประทับอยู่บนใบหน้า ซึ่งลูกประเภทที่ 1 จึงเป็นยอดปรารถนาของพ่อแม่ หรือหากเลือกได้ พ่อแม่ทุกคนคงเลือกลูกประเภท หนึ่งหรือสอง ไม่ต้องการมีลูกประเภทที่ 3 อย่างแน่นอน ดังคำกล่าวที่ว่า ลูกดีเป็นศรีสง่า ญาติวงศ์พงศาผ่องใส แม้ญาติสนิทมิตรสหายที่ใกล้ไกล ก็พอใจสรรเสริญเจริญพร1

       

      อ่านต่อ >> “วิธีปลูกฝังคุณธรรมในใจลูก เพื่อให้เป็นอภิชาตบุตร” คลิกหน้า 2

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

        ลูกเท้าเหม็น

        ลูกเท้าเหม็น แก้อย่างไรดี?

        เด็กๆ ชอบวิ่งเล่นเหงื่อเปียกชุ่มเป็นเรื่องปกติ แต่จะไม่ปกติแน่ ถ้าได้กลิ่นตุๆ โชยมาจากเท้าของลูก! คุณแม่ลูกเล็กหลายคนที่มีปัญหาเรื่อง ลูกเท้าเหม็น กันอยู่พอสมควร จดส่งคำถามเข้ามาว่าจะรักษาได้ด้วยวิธีใด และเพราะเหตุใดกลิ่นเท้าเหม็นถึงเกิดขึ้นได้ในเด็ก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

         

        ลูกเท้าเหม็น เกิดจากสาเหตุใด

        ลูกเท้าเหม็น เพราะเหงื่อออกบ่อย เท้าน้อยๆ ที่สวมถุงเท้ารองเท้าอยู่เสมอจึงมักเกิดอาการ “หายใจ” ไม่คล่อง บริเวณเท้าของลูกจึงเป็นจุดที่เหงื่อเยอะและส่งกลิ่นแรงที่สุด นอกจากนี้ รองเท้าที่ลูกใส่ประจำอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย สิ่งสกปรกทั้งหลาย และกลิ่นอับ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นติดเท้าลูก

        มีหลายเรื่องเกี่ยวกับเท้าน้อยๆ ของลูกที่พ่อแม่ควรรู้ ดังนี้

        1. เท้าเด็กมีเหงื่อออกเยอะ 

        เด็กๆ มักอยู่ไม่นิ่ง ชอบขยับเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาเยอะเพื่อระบายความร้อน เด็กมีต่อมเหงื่อที่เท้ากว่า 250,000 ต่อมเหมือนผู้ใหญ่ แต่เท้าเด็กมักชุ่มเหงื่อมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 2-3 เท่า!  นี่หมายความว่า ความชื้นซึมเข้าไปในถุงเท้ารองเท้าลูกทั้งวันและทุกวัน! จริงๆ แล้ว ตัวเหงื่อเองนั้นไม่มีกลิ่น แต่เหงื่อและความชื้นนี้เป็นอาหารโปรดของแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังและในรองเท้า ซึ่งเป็นตัวการสร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้น

        2. รองเท้าเด็กมักผลิตจากวัสดุราคาถูก

        พ่อแม่อาจคิดอยากซื้อรองเท้าระบายอากาศดีๆ ให้ลูก แต่ทว่า รองเท้าเด็กส่วนใหญ่มักทำจากยาง โพลียูรีเทน หรือพลาสติกราคาถูก หนังสือพิมพ์ Scranton Times-Tribune ในอเมริกาแนะนำว่า ควรเลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่อากาศผ่านได้ดี เช่น หนัง ผ้า ผ้าใบ หรือผ้าใบตาข่าย ไม่ซื้อรองเท้าที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์โดยเฉพาะพลาสติก และควรเลือกพื้นด้านในรองเท้าที่มีคุณสมบัติซับน้ำและระบายเหงื่อได้ดี

        3. รองเท้าเด็กต้องเปลี่ยนบ่อยๆ

        เพราะเด็ก ๆ ชอบวิ่งเล่นเหงื่อแตกพลั่กขณะใส่รองเท้า พื้นบุรองเท้าจึงมักเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คุณคิด รองเท้าที่ชำรุดทำให้แห้งช้าและเกิดกลิ่นอับง่าย

        4. เด็กๆ สัมผัสกับเชื้อโรคแทบทุกชนิด

        สิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองหลายบ้านมักบ่นกัน คือ ลูกไปโรงเรียนแล้วป่วยบ่อย ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเด็กๆ สัมผัสกับเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียนานาชนิดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในโรงเรียนหรือสนามเด็กเล่น อาการติดเชื้อที่เท้า เช่น โรคเชื้อราที่เท้า (ที่เรียกกันว่าฮ่องกงฟุตหรือน้ำกัดเท้า) จึงพบเห็นได้บ่อยในกลุ่มเด็กๆ

        อ่านต่อ เคล็ดลับแก้ปัญหากลิ่นเท้าเหม็นให้ลูก คลิกหน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          ภาวะตกเลือดหลังคลอด ละเลยเพียงนิด อันตรายถึงชีวิตได้

          ภาวะตกเลือดหลังคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่โดยตรง มีรายงานว่า ภาวะตกเลือดหลังคลอดเคยเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ในประเทศไทยติดต่อกันมากว่า 10 ปี  วันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนให้คุณแม่เตรียมตัวรับมือกับ ภาวะตกเลือดหลังคลอด แบบสังเกตรู้ และดูแลป้องกันได้ด้วยตนเองมาฝากค่ะ

          ตกเลือด คืออะไร

          อาการตกเลือด คือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดหรือช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ การตกเลือดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด โดยแบ่งเป็นระยะ ดังนี้

          • ตกเลือดก่อนคลอดที่ระยะอายุครรภ์น้อย : ส่วนใหญ่จะเกิดการแท้งโดยธรรมชาติ แต่ถ้าอายุครรภ์มากขึ้น แพทย์จำเป็นต้องขูดมดลูก เพื่อช่วยหยุดเลือดไม่ให้ไหลมากจนเป็นอันตรายกับคุณแม่
          • ตกเลือดก่อนคลอดที่ระยะอายุครรภ์มาก : สาเหตุที่พบส่วนใหญ่ คือ ภาวะรกเกาะต่ำ และภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งทำให้มีเลือดไหลออกมาก
          • ตกเลือดระหว่างคลอด : ถือเป็นช่วงอันตรายทั้งกับคุณแม่และทารก เช่น มดลูกแตก ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
          • ตกเลือดหลังคลอด : เป็นการเสียเลือดหลังการคลอดมากกว่า 500 ซีซี สำหรับการคลอดธรรมชาติ และมากกว่า 1,000 ซีซี สำหรับการผ่าคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคุณแม่ที่พบบ่อยทั่วโลกและในประเทศไทยด้วย

          ภาวะตกเลือดหลังคลอด เป็นอย่างไร

          คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจจะกังวลและตกใจกับเลือดที่ไหลออกมาในระยะหลังคลอด โดยทั่วไปแล้วในช่วง 2-3 วันหลังคลอด จะมีของเหลวปนเลือดไหลออกมา หรือที่เรียกว่า น้ำคาวปลา ถือเป็นภาวะปกติของร่างกายในการซ่อมแซมแผลในโพรงมดลูก ซึ่งสีของเลือดจะจางลงและลดปริมาณลงจนหมดไปใน 3-4 สัปดาห์ คุณแม่จึงไม่ต้องวิตกกังวล เพียงสังเกตลักษณะ เช่น ระยะเวลาที่นานเกินไป หรือมีอาการอื่นแทรกซ้อนหรือไม่ เพราะอาการผิดปกติบางอย่างอาจนำมาซึ่งภาวะตกเลือดหลังคลอดที่เป็นอันตรายถึงชีวิต หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

          ภาวะตกเลือดหลังคลอด สัญญาณอันตรายถึงชีวิต

          ภาวะตกเลือดหลังคลอด ที่ผิดปกตินั้น มีด้วยกันหลายสาเหตุ โดยแบ่งความรุนแรงออกเป็น 2 ระยะ คือ การตกเลือดทันทีภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ซึ่งมีความรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และการตกเลือดในระยะ 24 ชั่วโมง จนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด  ลองมาดูสาเหตุและความรุนแรงว่าแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          อ่านต่อ สาเหตุการตกเลือดทันทีภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
          คลิกหน้า 2

            ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์

            ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ ต้องเริ่มที่แม่มี 7 รหัสนี้ครบ

            ความฉลาดทางสติปัญญาของลูกเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนต่างก็ต้องการให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเรื่องของความฉลาดถ้าไม่ได้กระตุ้นหรือส่งเสริมมาตั้งแต่ต้น ก็ยากที่จะทำให้ ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ ทีมงาน Amarin Baby &  Kids จะมาชวนคุณแม่เช็กรหัสส่งความฉลาดให้ลูก ที่สามารถรู้ได้ตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในท้องของแม่กันค่ะ

             

            ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์

            อยากให้ ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ เป็นไปได้ค่ะ แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยด้วย ซึ่งก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกันสักนิดว่า ความฉลาดของมนุษย์คืออะไร ความฉลาด คือ ความสามารถของมนุษย์ที่ใช้ในการเรียนรู้ ใช้ในการคิดแก้ไขปัญหา และ ใช้ในการจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ  ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการทำงานของสมองส่วนความจำ

            สมองส่วนความจำ คือ สมองส่วนหน้า (forebrain) ที่ประกอบด้วย

            ซีรีบรัม (cerebrum) เป็นสมองส่วนหน้าสุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ความนึกคิด ไหวพริบ และ ความรู้สึกผิดชอบ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ เช่น ศูนย์ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การรับสัมผัส การพูด การมองเห็น เป็นต้น

            ทาลามัส (thalamus) เป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าของสมองส่วนกลางหรืออยู่ข้างๆ โพรงสมอง ทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดกระแสประสาทที่รับความรู้สึก ก่อนที่จะส่งไปยังสมองที่เกี่ยวข้องกับกระแสประสาทนั้น

            ไฮโพทาลามัส (hypothalamus) เป็นสมองส่วนที่อยู่ใต้ส่วนทาลามัส ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การเต้นของหัวใจ การนอนหลับ ความดันเลือด ความหิว ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ เช่น อารมณ์เศร้าโศกเสียใจ เป็นต้น[1]

            นี่คือหน้าที่ของสมองส่วนความจำ ซึ่งคุณแม่สามารถส่งเสริมให้สมองลูกมีความจำดี มีพัฒนาการสติปัญญาที่ฉลาดได้ตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ในท้อง แต่จะรู้ได้อย่างว่าลูกในท้องฉลาด คุณแม่ลองมาเช็กจาก 7 รหัสนี้กันค่ะ

            อ่านต่อ เช็กรหัสลูกในท้องฉลาด คลิกหน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              เลี้ยงลูกแบบจน

              แนวทางการเลี้ยงลูก ดีๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

              แนวทางการเลี้ยงลูก จะ “รวย” แค่ไหน… ก็ต้อง เลี้ยงลูก แบบ “จน” เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้ นับเป็นเรื่องท้าทายของคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างมาก

              สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคน อาจเป็นกังวลและคิดวางแผนไว้ก่อนมีลูกว่า ถ้ามีลูกแล้วจะเลี้ยงแบบไหนดี? เพื่อให้ลูกโตมามีชีวิตที่ดี มีความสุข ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้ …ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหากมีลูกแล้วต้องมีหลายเสียง หลายคน และหลายตำรา ที่มีคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกมากมาย ซึ่งต้องได้ผ่านหูผ่านตากันมาอย่างแน่นอน

              แนวทางการเลี้ยงลูก

              แต่ก็เชื่อว่าสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อแม่  ย่อมมีวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีในแบบฉบับของตัวเองกันอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางดี ๆ ในการเลี้ยงลูก Amarin Baby & Kids จึงมีข้อคิดดี ๆ เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก เพื่อให้ลูก ๆ ของคุณหันมาตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้อย่างไม่ลังเลใจ มาฝากค่ะ

              อยากให้คุณพ่อคุณแม่อ่าน แนวทางการเลี้ยงลูก ดี ๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

              โดยเรื่องราวนี้มาจาก คุณ “ขจรศักดิ์” ซึ่งเป็นผู้แปลและเรียบเรียง ไว้เมื่อวันที่ 6/4/17 มีใจความว่า…

              วันนั้น  พาลูก ไปร้านเครื่องเขียน

              ลูกอยากได้กล่องดินสอ  เลือกแบบสุดหรู 

              แต่ ผมให้ซื้อ แบบธรรมดาที่ใช้งานได้ดี เหมือนกัน

              หน้างอ ขึ้นมาทันที 

              อยากได้ ไม้บรรทัด  ก็อยากได้ แบบวิจิตรพิสดาร

              ผมให้เลือกแค่ แบบพื้นฐานที่ใช้งานได้เหมือน มาตรฐานทั่วไป

              หน้าก็ยิ่ง งอหนัก เข้าไปอีก 

              ผมไม่ได้ว่าอะไร 

              ตั้งใจ ก่อนนอนคืนนี้  จะชี้แนะลูก ด้วยการ เล่านิทานเปรียบเปรย ให้เข้าใจ

              หลังจากได้ เป็นพ่อคนแล้ว  ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูก ไม่ให้เหมือนแบบที่ชาวเอเชียเขานิยมทำกัน  ที่มัก ไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงม เกินพอดี

              หลายปีผ่านไป  ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูกของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวัน  จนกระทั่งวันหนึ่ง  ผมได้อ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทยาลัยนานกิง

              จดหมายจากผู้ใช้นานว่า “พ่อผู้ขมขื่น” เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น  แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามากในสายตาของผม
              อ่าน 15 นาทีทุกวัน

              ……………………………………………………………………………………………

              ถึงลูกรักของพ่อ

              แม้ลูกจะทำให้พ่อทุกข์ใจเกินบรรยาย  แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่อ อยู่วันยังค่ำ

              หลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว  อาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูลเราในรอบหลายชั่วอายุคนที่ทำได้สำเร็จ

              อ่านต่อ >> แนวทางการเลี้ยงลูก ดี ๆ แม้ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” คลิกหน้า 2

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย ลองทายนิสัยลูกจากกรุ๊ปเลือด เด็กแต่ละคนมีนิสัยอย่างไรกันบ้าง?!

                กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย ได้จริงหรือ?… ว่ากันว่า นอกจากลัคนาราศีที่บ่งบอกนิสัยของคนแต่ละคนได้แล้ว กรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปก็สามารถบอกถึงนิสัยใจคอของแต่ละคนได้เหมือนกัน แล้วแต่ละกรุ๊ปเลือด ทั้ง O , A , B และ AB นั้น จะมีนิสัยเฉพาะ ที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

                กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย ของลูกได้จริงหรือ?

                กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย
                Credit ผู้แปล : http://povolam.exteen.com ผลงานผู้วาดการ์ตูน : http://paper.cyworld.com/mazingablue

                หากคุณพ่อคุณแม่อยากรู้ว่าลูกของเรากรุ๊ปเลือดนี้จะมีนิสัยแบบภาพข้างต้นหรือไม่ ลองไปดูคลิปวีดีโอนี้กันค่ะ ว่ากันว่า เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ แต่ถ้าเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในประเทศญี่ปุ่น ต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่จู่ ๆ มีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาเล่นเกม “นี่คืออะไร” ในห้อง แล้วเขากลับมาทำแจกันสีขาวหล่นแตกละเอียด ซึ่งเป็นแจกันที่คุณครูสั่งไว้อย่างดีว่า “ห้ามทำแตก” เด็ดขาด เพราะมันสำคัญมาก!!! แล้วแบบนี้ พวกเด็ก ๆ จะทำอย่างไรกันล่ะ?

                …ตามไปดูกันค่ะว่า เด็ก ๆ แต่ละกรุ๊ปเลือด จะมีปฏิกิริยาแสดงออกอย่างไร เมื่อมีคนมาทำแจกันแตก ซึ่งคุณครูได้ห้ามไว้แล้ว บอกได้คำเดียวว่าแต่ละกรุ๊ปมีความฮาแตกต่างกันแน่นอน

                 

                ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : 鄧曜德

                ทั้งนี้ จากคลิปสรุปปฏิกิริยาการแสดงออกของเด็ก ๆ แต่ละกรุ๊ปเลือด จากเครดิตคำแปลของ คุณ aiw_getright ได้ว่า..

                อ่านต่อ >> “สรุปนิสัยของเด็กแต่ละกรุ๊ปเลือด ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น” คลิกหน้า 2

                อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


                ขอบคุณข้อมูลจาก : baby.kapook.com

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  กอดลูก ทารก

                  กอดลูก ทารก ภาษารักง่ายๆ ช่วยเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์

                  การแสดงความรักระหว่างพ่อแม่ลูก ที่ง่ายและสามารถทำได้ทุกวันนั่นก็คือการมอบอ้อมกอดให้กัน ภาษาสื่อรักทางกายด้วยกอดยังเป็นเหมือนยาวิเศษช่วยให้ลูกห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ และช่วยเพิ่ม EQ ความฉลาดทางอารมณ์ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะมาชวนคุณพ่อคุณแม่มา กอดลูก ทารก เพื่อเสริมความฉลาดทางอารมณ์ให้ลูกตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กเล็กกันค่ะ

                   

                  กอดลูก ทารก มีผลดียังไง?

                  หากพ่อแม่จะแสดงความรักด้วยการ กอดลูก ทารก ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย สังคมของครอบครัวไทยอาจไม่ชินกับการบอกรัก กอด หอมแก้ม เหมือนกับครอบครัวชาวต่างชาติที่เขาแสดงความรักด้วยการกอด จุ๊บแก้มกันจนเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก

                  การโอบกอดที่เป็นวัฒนธรรมเคยชินแบบฝรั่ง อาจจะไม่ชิดสักเท่าไหร่นักสำหรับครอบครัวไทย ที่ถ้าจะมีกอด มีหอมกันบ้างส่วนใหญ่จะเห็นว่าเป็นครอบครัวสมัยใหม่ที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ

                   นพ.ประกอบ ผู้วิบูลย์สุข ได้อธิบายถึงผลลัพธ์จากการที่พ่อแม่โอบกอดลูก ดังนี้ การกอดหรือการสัมผัสทางกายเป็น 1 ใน 3 ทางรับรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์นอกเหนือจากการมองเห็นและการได้ยิน การรับรู้ทางประสาทรับรู้เหล่านี้มีผลต่อ การเจริญพัฒนา และมีสุขภาพจิตที่ดีในอนาคต

                  เมื่อแรกเกิดสิ่งที่ทารกรับรู้ได้ง่ายที่สุดคือ การสัมผัส เพราะประสาทตาและหูยังไม่พัฒนาเต็มที่ การรับรู้ทางผิวหนังให้ ข้อมูลหลายอย่าง ทั้งความสุขและความเจ็บปวด  เด็กเล็กๆนั้นไวต่อประสาทสัมผัสมากกว่าผู้ใหญ่ จากการที่เด็กเล็กๆ ไวต่อ  การสัมผัส จึงมีการแนะนำให้มีการสัมผัสเด็กตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นการลูบตัวเบาๆ หรือการกอด เพราะเป็นสื่อสัมพันธ์  ซึ่งจะบอกเด็กได้ถึงความอ่อนละมุน ความเอ็นดูเอาใจใส่และความรักที่แม่มีต่อลูก[1]  

                  การโอบกอดไม่ใช่เรื่องน่าเขินอาย หากใครจะมองว่าทำไมพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้ชอบกอด ชอบหอมกันจัง ก็ขออย่าได้ใส่ใจกับสายตาที่ไม่เคยชินของคนรอบข้าง เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าการกอดเหมือนเป็นการให้วัคซีนยาวิเศษที่สามารถช่วย  ปกป้องลูกให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญยังสนับสนุนให้กอดตั้งแต่แรกเกิด ขณะให้นมลูก  ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะช่วยส่งเสริมให้ลูกมี EQ พัฒนาการด้านอารมณ์ที่ดีมากด้วยละค่ะ  

                   

                  อ่านต่อ เทคนิคช่วยแก้เขิน เมื่ออยากกอดลูก คลิกหน้า 2 

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    กายบริหารกระชับช่องคลอด

                    กายบริหาร 8 ท่าง่ายๆ ช่วยกระชับช่องคลอด

                    กายบริหารกระชับช่องคลอด …สำหรับคุณผู้หญิงใน วัย 30 ปี ขึ้นไป อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ ที่อาจก่อปัญหาใหญ่ได้ โดยเฉพาะ สาว ๆ ที่ใช้งานน้องสาวมาอย่างหนักหน่วง หรืออาจผ่านการถูกกรีดแผลฝีเย็บขณะคลอดลูก เพราะความไม่ฟิตนั้นอาจทำให้คุณสามีหมดอารมณ์ได้

                    ปัญหาช่องคลอดหลวม ไม่ฟิต อาจเป็นเรื่องคาใจของคุณผู้หญิงหลายๆ คน โดยเฉพาะบรรดาคุณแม่ที่คลอดลูกเองแบบธรรมชาติ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ช่องคลอดหลวมและอวัยวะเพศไม่สวยงามได้มากกว่า ซึ่งก็ไม่รู้จะนำปัญหานี้ไปปรึกษาใคร ไปหาหมอก็อาย Amarin Baby & Kids จึงมีทางออกแบบง่ายๆ รับรองได้ผลแน่นอน มาฝากค่ะ แต่ก่อนอื่นอยากจะแนะนำว่าเรื่องแบบนี้อย่าอายที่จะเรียนรู้และปรึกษาแพทย์ เพื่อประโยชน์ต่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักนะคะ

                    8 ท่า กายบริหารกระชับช่องคลอด กระชับรักให้เหนียวแน่น

                    ♦ ปัญหาช่องคลอดหลวมหรือภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ♦

                    อันดับแรก เราต้องรู้ก่อนว่า ช่องคลอดหลวมไม่กระชับ เป็นเพราะเหตุใด ทั้งนี้การที่ช่องคลอดหลวมนั้น เกิดจากการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน ทางการแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า “อวัยวะอุ้งเชิงกรานหย่อน” หรือ “กระบังลมหย่อน” หมายถึง การเคลื่อนหรือหย่อนของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานลงมาต่ำกว่าปกติ ซึ่งได้แก่ มดลูกผนังช่องคลอด หรือทั้งสองอย่าง บางครั้งอาจหย่อนมากจนโผล่พ้นปากช่องคลอดออกมาภายนอกได้

                    กายบริหารกระชับช่องคลอด

                    สาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดหลวม1

                    • การคลอดลูก เนื่องจากในขณะที่มีการเบ่งคลอดและในขณะที่ทารกเคลื่อนผ่านช่องคลอด จะทำให้ช่องคลอดถูกยืดออก โดยเฉพาะถ้าทารกตัวใหญ่ คลอดยาก รวมทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดไม่แข็งแรงพอ ก็จะยิ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดความหย่อนคล้อยของช่องคลอดได้
                    • การมีเพศสัมพันธ์ สำหรับคุณผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยและสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสที่ช่องคลอดจะขยายมากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือมีเพศสัมพันธ์น้อยครั้ง
                    • คนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะในกลุ่มของโรคที่เพิ่มความดันในช่องท้อง เช่น ไอเรื้อรัง หอบ โรคกล้ามเนื้ออ่อนตัว หย่อนคล้อย หรือคนที่ท้องผูกเป็นประจำ เนื่องจากแรงดันในช่องท้องจะไปดันให้บริเวณช่องคลอดหย่อนคล้อยได้
                    • อีกหนึ่งสาเหตุก็คือวัยทอง นอกจากความเสื่อมที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดจะมีการตอบสนองต่อฮอร์โมน ดังนั้น เมื่อผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยทอง ซึ่งเป็นวัยที่ฮอร์โมนหมด ก็จะทำให้ช่องคลอดหย่อนคล้อยได้เร็วมากกว่าคนปกติทั่วไป

                    ด้วยเหตุนี้เองจึงอาจมีคุณผู้หญิงหลายคนที่ไม่ค่อยอาย และไปพบแพทย์ เพื่อขอทำรีแพร์  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโดยทั่วไปการทำรีแพร์  แพทย์จะเย็บผนังช่องคลอดให้เท่านั้น  แต่กล้ามเนื้อโดยรอบก็จะยังคงหลวมอยู่  ทำให้ไม่มีแรงในการบีบรัดซึ่งวิธีที่ได้ผลที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายเพื่อกระชับช่องคลอดอย่างถาวรนั่นเอง

                    อาการที่บ่งบอกว่าช่องคลอดหลวม!

                    คือ  มีการระบายอากาศออกเวลามีเพศสัมพันธ์  เพราะระหว่างการร่วม  หากช่องคลอดหลวมจะมีอากาศอัดเข้าไปเก็บตัวอยู่ภายใน  เมื่อเราขยับตัวอากาศก็จะถูกดันออก  จึงทำให้มีลมออกมา

                    วิธีการออกกำลังกายเพื่อกระชับช่องคลอด

                    นอกจากจะต้องดูแลเรื่องสุขอนามัยแล้ว การออกกำลังกาย ให้น้องสาวเราเข้าที่เข้าทางอยู่เสมอ ก็เป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ และกระชับรักให้เหนียวแน่นได้มากขึ้นด้วย มาดูกันเลยค่ะ ว่าการออกกำลังกายให้น้องสาว มีท่าอะไรบ้าง

                    อ่านต่อ >> “วิธีการออกกำลังกายเพื่อกระชับช่องคลอด” คลิกหน้า 2

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      มะเร็งจอตา

                      มะเร็งจอตา โรคฮิตอันดับ 3 ในเด็ก!! เช็กง่ายๆ ด้วยสมาร์ทโฟน

                      ความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้กับลูกๆ ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าพ่อแม่จะรู้และสังเกตเห็นอาการที่เกิดขึ้นกับลูกได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอาการเจ็บป่วยที่เรียกว่า มะเร็งจอตา สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กเล็ก ทีมงาน Amarin Baby & Kids อยากให้ผู้ปกครองได้รู้เท่าทันกับโรคมะเร็งจอตา เพราะหากรู้ก่อน รักษาได้ทันเวลา ลูกก็ไม่ต้องเสียดวงตาในการมองเห็นค่ะ

                       

                      มะเร็งจอตา โรคฮิตอันดับ 3 ในเด็ก!!

                      มะเร็งจอตา พบมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตดีๆ จะพบว่าลูกมีดวงตาวาวคล้ายตาแมว หรือเพียงใช้สมาร์ทโฟนเปิดแฟลช และถ่ายดวงตาของลูกในระยะใกล้ ก็สามารถเช็กได้แล้วว่าลูกมีอาการเป็นมะเร็งจอตาหรือไม่ อย่างเช่นคุณแม่ท่านนี้ ที่พบความผิดปกติในดวงตาของลูกโดยบังเอิญ

                      ทีน่า ทรีดเวลล์ คุณแม่ชาวอังกฤษที่ฝันอยากเห็น ลูกชายตัวน้อยของเธอได้มีผลงานถ่ายแบบ จึงตัดสินใจจับลูกน้อยมาแต่งตัวหล่อ และถ่ายภาพลูกเพื่อเตรียมส่งให้กับทางโมเดลลิง แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดของคนเป็นแม่ก็เกิดขึ้น เมื่อเธอสังเกตพบบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในรูปที่เธอถ่าย แล้วพบว่าลูกเป็น “มะเร็งจอตา”

                      มะเร็งจอตา

                      ดวงตาข้างขวาของเทย์เลอร์นั้นเหมือนมีการสะท้อนของแสงแฟลช และเมื่อเธอมองดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าไม่ใช่!!ตาขวาของเทย์เลอร์นั้นมีลักษณะตาวาว มีสีขาวๆ อยู่ตรงกลางตาดำ เธอจึงรีบพาลูกไปหาจักษุแพทย์ และผลตรวจทำให้เธอถึงกับช็อก เมื่อแพทย์บอกว่า เทย์เลอร์เป็น “โรคมะเร็งจอตาในเด็ก” โดยแพทย์ตรวจพบมีก้อนเนื้อเล็กๆ สีขาวที่ตาข้างซ้าย และก้อนเนื้อสีขาวขนาดใหญ่กว่าที่ตาข้างขวา

                       

                      Must Read >> สัญญาณเตือนโรคมะเร็งในเด็กที่พ่อแม่ควรรู้

                       

                      มะเร็งจอตา
                      เทย์เลอร์ต้องเข้ารับการรักษามะเร็งจอตา ด้วยการทำคีโม หรือเคมีบำบัด เป็นเวลานานสี่เดือนที่โรงพยาบาลเกรท ออร์มอน สตรีท แต่น่าเศร้า ที่มะเร็งก้อนใหญ่ได้ทำลายจอประสาทจนทำให้ตาข้างขวาบอด

                      มะเร็งจอตา

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      อ่านต่อ>> โรคมะเร็งจอตาคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร คลิกหน้า 2

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด แนะ 9 ของเล่นสร้างลูกอัจฉริยะ

                        คุณแม่เป็นคนสำคัญที่ลูกน้อยต้องการมากที่สุด แต่ลูกน้อยจ้องหน้าคุณแม่ทั้งวัน (นอกเหนือจากการนอน กิน และขับถ่าย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำแน่ๆ) คงไม่สนุกแน่ สิ่งที่คุณแม่ทำได้ และดีที่สุดกับลูกน้อย คือการเล่นกับเขา เพราะมีงานวิจัยมากมายพบว่า การเล่นทำให้เด็กฉลาด เรียนรู้เร็ว

                         

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        คุณแม่จึงควรฉวยโอกาสนี้ชวนลูกเล่นของเล่นที่เหมาะกับวัย และความสนใจของเขา อย่างของเล่นที่ทำให้เขาเห็นภาพใบหน้าคน ลวดลายชัดเจน สีสันสดใส เคลื่อนไหวช้าๆ และมีเสียงที่นุ่มนวล

                        1.อันดับแรก ของเล่นที่ดีที่สุด คือตัวคุณแม่ คุณพ่อ (หรือคนที่เลี้ยงดูหลัก)

                        จะทำหน้าตาต่างๆ ทำเสียง พูดคุย ชวนชี้นกชมไม้ ฯลฯ รับรองเด็กน้อยชอบทุกอย่าง

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        2.ของเล่น “มือถือ”

                        หมายถึงของเล่นที่คุณพ่อ คุณแม่หยิบมาถือในระยะที่ลูกมองเห็นได้ ซึ่งถ้าชอบชิ้นไหน เขาจะแสดงความสนใจ ด้วยการใช้มือตี

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        3.วิทยุ เครื่องเล่นซีดี กล่องดนตรี

                        เสียงเพลงช่วยสร้างความเพลิดเพลิน และปลอบประโลมใจลูกได้ดี ให้เลือกเพลงที่หลากหลาย (แต่ไม่อึกทึกเกินไป) แล้วดูว่าลูกจะตอบสนองอย่างไร จะได้รู้ว่าเขาชอบเพลงแนวไหน

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        4.โมบายล์

                        เป็นของเล่นที่ช่วยเพิ่มมิติ ให้ภาพในแนวนอน ให้เลือกซื้อแบบที่สีตัดกัน และลวดลายชัดเจน (ถ้ามีเสียงดนตรีด้วยก็ดี) แล้วแขวนโมบายล์กับราวเตียง โดยให้เอียงไปขวา (เด็กวัยนี้มักจะมองไปทางขวา) และเพื่อความปลอดภัย ก็ควรจะแขวนในระยะที่ลูกเอื้อมไม่ถึง

                        การเล่นทำให้เด็กฉลาด

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        อ่านต่อ “9 ของเล่นสร้างลูกอัจฉริยะ ” คลิกหน้า 2

                          ปัจจัยเสี่ยงน้ำนมหด

                          4 ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงน้ำนมเหือดหาย

                          6 เดือนแรกของลูกน้อยเป็นวัยที่สำคัญ ลูกน้อยจะต้องได้รับสารอาหารจากนมแม่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แต่มี ปัจจัยเสี่ยงน้ำนมหด ที่คุณแม่ต้องระวัง ปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้น้ำนมของคุณแม่มีโอกาสเหือดแห้ง ลดน้อยลง หรือท่อน้ำนมเกิดการอุดตันได้ ลองมาสำรวจกันเลยค่ะ

                          Continue reading “4 ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงน้ำนมเหือดหาย”

                            รีวิวครีมกันแดด

                            รีวิวครีมกันแดด สำหรับเด็ก ตัวไหนเหมาะกับลูกที่สุด!

                            รีวิวครีมกันแดด ครีมกันแดดเด็ก …เพราะประเทศไทยอยู่ในเขตใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงทำให้มีอากาศร้อน ซึ่งแสงแดดที่ร้อนแรงนี้อาจแผดเผาจนเป็นอันตรายต่อผิวของเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผิวของลูกน้อยด้วยแล้ว คุณแม่ยิ่งต้องระวังให้มาก

                            คุณพ่อคุณแม่ควรหาครีมกันแดดดีๆ มาทาให้ลูกตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เพราะการปล่อยให้ผิวเด็กที่บอบบางสัมผัสกับแดดโดยตรง ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกแสบผิว ผิวคล้ำขึ้น แต่ยังทำให้ลูกมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีเลือกครีมกันแดดที่ปลอดภัยและเหมาะต่อผิวของลูกมาฝากค่ะ

                            รีวิวครีมกันแดด สำหรับเด็ก ตัวไหนเหมาะกับลูกที่สุด

                            การทาครีมกันแดดให้ลูกเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะรังสี UVA และ UVB เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้ผิวไหม้ตั้งแต่ระดับน้อยถึงรุนแรงมาก ทำให้เซลล์ผิวเสีย แก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย เป็นฝ้า ตกกระ กระตุ้นการเติบโตของไฝ และทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง

                            รีวิวครีมกันแดดสำหรับเด็ก

                            นอกจากนี้อาจทำให้โรคผิวหนังบางอย่างมีอาการกำเริบได้ เช่น โรคเริม โรคพอร์ไพเรีย (Porphyria) การกินยาหรือใช้ยาบางอย่างอาจทำให้ไวต่อแสงและได้รับอันตรายจากแสงมากขึ้น เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาทาแก้สิวบางตัว จึงต้องระวังการออกแดดเป็นพิเศษ

                            ซึ่งวิธีป้องกันอันตรายจากแดด คือหลีกเลี่ยงแดดช่วง 11.00 น. – 15.00 น. การใส่เสื้อผ้าแขนขายาว การสวมหมวกปีกกว้าง การถือร่ม ทาครีมกันแดดที่มี SPF 15 ขึ้นไป และควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง

                            สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปสามารถทาครีมกันแดดของเด็กได้ แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 6 เดือนยังไม่ควรใช้ เพราะเนื่องจากผิวหนังยังบอบบางอยู่ อาจมีปัญหาสารเคมีระคายเคืองทำให้แพ้ได้ ปัจจุบันในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อ สามารถเลือกให้ลูกได้ตามสะดวก

                             

                            และเพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณแม่ๆ ได้พิจารณาเลือกครีมกันแดดสำหรับเด็กเพื่อใช้ทาให้ลูกน้อย วันนี้แม่น้องฮันน่าห์ และทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงมา รีวิวครีมกันแดด ซึ่งเป็น ครีมกันแดดสำหรับเด็ก ให้ได้ดูและเห็นกันจะจะไปเลยว่ากันแดดตัวไหน เหมาะกับลูกน้อยของเรา

                            โดยแม่น้องฮันน่าห์ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่างานนี้ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆ มาสนับสนุนทั้งสิ้น แต่ที่อยากรีวิวให้ดูเพราะ แสงแดดที่แผดเผาตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน จึงเป็นห่วงว่าน้องฮันน่าห์ และเด็ก ๆ แสนน่ารักทั้งหลายจะถูกแดดเผาจนผิวไหม้เกรียมและอาจถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งที่ผิวหนังได้ จึงขอพลีกายตัวเอง และแอบขอยืมตัวน้องชายซึ่งเป็นเด็กน้อยวัยประถมที่ชอบวิ่งเล่นตากแดด มารีวิวครีมกันแดดให้คุณแม่ๆ ได้ดูกันค่ะ

                            แต่ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับคำศัพท์ ที่มักจะเจอในครีมกันแดด กันค่ะ เพื่อให้คุณแม่ได้เปรียบเทียบก่อนเลือกซื้อครีมกันแดดในแต่ละยี่ห้อ

                            อ่านต่อ >> “คำศัพท์ที่ควรรู้ก่อนซื้อครีมกันแดด” คลิกหน้า 2


                            ขอขอบคุณเนื้อหา “ครีมกันแดดสำหรับเด็ก เลือกแบบไหนดี?” จากแพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด (เนื้อหาส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการ รีวิวครีมกันแดด ในหน้าถัดไป)

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์

                              ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงตอนคลอด ต้องจ่ายเท่าไร?

                              ในหลายครอบครัวที่กำลังวางแผนอยากมีลูก แต่กลัวในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ดังนั้นเพื่อให้ทุกครอบครัวคู่รักที่อยากจะมีลูกได้สามารถเตรียมตัววางแผนการเงินค่าใช้จ่ายตั้งแต่ตอนท้อง ฝากครรภ์ ไปจนถึงตอนคลอดกันกันไว้ล่วงหน้าได้อย่างสบายใจ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้มาบอกให้ทราบกันค่ะ

                               

                              ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ท้องนี้ ต้องจ่ายเท่าไร?

                              รู้ไหมว่าการเตรียมพร้อมในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมีคำกล่าวที่ว่า “มีลูกหนึ่งคน จนไปสิบปี” แม้ว่าการตั้งครรภ์จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็มีหลายบ้านที่ต้องปวดหัวกับตัวเลขในบัญชีที่ติดลบหรือสถานะการเงินที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เนื่องจากไม่ได้เตรียมเงินส่วนนี้ไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเพื่อไม่ให้การมีลูกเป็นเรื่องที่สบายๆ ของทุกครอบครัวจึงอยากจะพาไปทำความเข้าใจกันว่า ถ้าจะตั้งครรภ์ลูกหนึ่งคนจะต้องออมเงินกันไว้เท่าไร และจะวางแผนการเงินอย่างไรให้สบายกระเป๋ากันค่ะ

                              1. ฝากครรภ์

                              เมื่อคุณเห็นสองขีดขึ้นบนที่ตรวจครรภ์เมื่อไร ก็เตรียมตัวเสียสตางค์ได้เลย เพราะเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ทุกคนต้องไปหาคุณหมอและฝากครรภ์โดยเร็วที่สุด หากใครวางแผนเก็บเงินเพื่อมีลูกล่วงหน้าก็หายห่วงหน่อย แต่ใครที่ไม่ได้วางแผนไว้เลยอาจจะต้องรีบเก็บเงินกันตัวเป็นเกลียว

                              สำหรับค่าฝากครรภ์นั้นมีเรทราคาแตกต่างกันไป อย่างที่ทราบกันดีว่าโรงพยาบาลรัฐนั้นถูกกว่า แต่ไม่สะดวกสบายเพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอคิว ส่วนโรงพยาบาลเอกชนราคาจะสูงขึ้นตามความสะดวกสบายเช่นกัน รวมถึงคลินิกฝากพิเศษด้วย นอกจากนี้บางคนอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ เพราะมีปัจจัยเรื่องสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการตรวจมากเป็นพิเศษ

                              เมื่อคุณแม่ฝากครรภ์ คุณหมอจะนัดตรวจครรภ์โดยเฉลี่ยประมาณ 9-12 ครั้ง (บางคนอาจมากหรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์) ซึ่งแต่ละครั้งมีค่าตรวจของแพทย์ ค่ายาบำรุง ค่าอัลตราซาวนด์ ค่าวัคซีน ค่าตรวจเลือด เจาะน้ำคร่ำ ตรวจพิเศษอื่นๆ เป็นต้น เพื่อให้เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ

                              โรงพยาบาลรัฐ

                              ค่าฝากครรภ์ครั้งแรก (รวมค่าตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ค่าแพทย์ ฯลฯ) ประมาณ 1,500 บาท

                              ค่าตรวจครรภ์ ครั้งละประมาณ 80-300 บาท

                              ค่ายาตลอดการตั้งครรภ์ ประมาณ 1,000 บาท

                              ค่าอัลตราซาวนด์ ครั้งละประมาณ 500 บาท

                              ค่าวัคซีน ประมาณ 200 บาท

                              หมายเหตุ ราคาข้างต้นเป็นราคาโดยประมาณเท่านั้น และยังไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆ กรณีที่คุณแม่มีภาวะเสี่ยงต่างๆ

                              โรงพยาบาลเอกชน

                              ส่วนมากจะเป็นแพ็คเกจเหมาจ่าย โดยครอบคลุมการตรวจทั้งหมด และแบ่งชำระเป็นงวด ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโรงพยาบาล บางแห่งรวมการฝากครรภ์ไว้กับแพ็คเกจคลอดด้วยก็มี ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นเริ่มต้นที่ 10,000-30,000 บาท

                              หมายเหตุ ราคาข้างต้นเป็นราคาโดยประมาณเท่านั้น และยังไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆ กรณีที่คุณแม่มีภาวะเสี่ยงต่างๆ

                              อ่านต่อ ค่าใช้จ่ายในการคลอด ต้องเตรียมเงินไว้เท่าไร? คลิกหน้า 2

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                หน้าอกหย่อนคล้อย

                                หน้าอกหย่อนคล้อย กลับมาเต่งตึง ด้วยเปลือกมะนาว

                                ถึงจะมีลูกแล้วผู้หญิงทุกคนก็จงอย่าหยุดสวย ทำสวยไปให้สามีและลูกชื่นชมกันค่ะ มีคุณแม่ที่ลูกหย่านมแล้วถามกันเข้ามาว่า หน้าอกหย่อนคล้อย มากเลยมีวิธีหรือตัวช่วยไหมคะ เรื่องนี้เห็นทีจะยอมให้กาลเวลามาทำร้ายแม่ๆ ไม่ได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids เลยจัดหาวิธีทำชาติที่ใช้แค่เปลือกมะนาว หน้าอกก็กลับมากระชับเต่งตึงหยั่งกะสาวๆ เลยค่ะ

                                 

                                 หน้าอกหย่อนคล้อย เพราะอะไร?

                                คุณแม่ที่ได้ติดตามจากตอนที่แล้ว เราได้เสนอท่าโยคะกระชับ หน้าอกหย่อนคล้อย สำหรับแม่หลังลูกหย่านม ต้องบอกว่าเป็นท่าบริหารที่ง่ายมาก แต่ได้ผลดีจริงๆ ค่ะ เพราะสามารถใช้ทั้ง 7 ท่าโยคะที่นำเสนอไปนั้นได้ทั้งคนที่เป็นแม่ หรือจะในสาวๆ ก็ได้ผลดีเป็นที่ถูกใช้มากเช่นกัน

                                แต่คราวนี้เราจะเพิ่มความกระชับเต่งตึงให้หน้าอกหน้าใจกับคุณแม่ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย และยานนิดหน่อย ด้วยกาใช้เปลือกมะนาว ทำให้หน้าอกกลับมากระชับเต่งตึง แนะนำว่าให้ทำควบคู่ไปกับท่าโยคะกระชับหน้าอก แล้วผลลัพธ์ที่ได้คุณแม่ และสาวๆ จะต้องร้องว้าว แถมคุณสามียังต้องตะลึงในความงาม ^_^

                                ช่วงที่ให้นมลูกเต้านมทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำนมแม่ที่บริสุทธิ์ อาหารชั้นเลิศของลูกน้อย ทำให้เวลาใส่เสื้อผ้าไม่ว่าจะชุดแบบไหนก็ใส่ออกมาสวยเพราะอกตึง แต่พอหลังลูกหย่านมแล้ว เต้านมที่ไม่ได้ถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำนมก็จะค่อยๆ แห้งและเล็กลงไป ของบางคนมีปัญหาเต้านมยานจนใจเสียเลยค่ะ

                                บริเวณหน้าอกก็สำคัญไม่แพ้อวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษด้วยอาหาร ท่ากายบริหารเฉพาะจุดเพื่อ ความกระชับ การฟื้นบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือแม่แต่การสครับด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ง่ายๆ จากในตู้เย็น

                                เอาเป็นว่าอย่ารอช้า คุณแม่ที่หย่านมลูกแล้ว ตามมากู้ความสวยให้หน้าอกกลับมากระชับเต่งตึงด้วยกันค่ะ ครั้งนี้เราจะมาส ครับหน้าอกด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่ปลอดภัย และมีติดตู้เย็นกันทุกบ้าน นั่นคือ “เปลือกมะนาว”

                                อ่านต่อ กระชับหน้าอกให้เต่งตึงด้วยเปลือกมะนาว หน้า 2

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ

                                  สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ อันตราย ที่ไม่ควรมองข้ามในเด็ก

                                  กีฬาที่เล่นแล้วสามารถเกิดการปะทะกันได้ในระหว่างที่เล่น ก็เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฯลฯ ซึ่งกีฬาเหล่านี้ทำให้เด็กๆ อาจเกิดการบาดเจ็บตรงบริเวณกล้ามเนื้อ แล้วใช้ สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาอาการปวด ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลที่ควรระวังเกี่ยวการใช้สเปรย์ที่เด็กๆ อาจนำมาใช้กันในทางที่ผิดให้พ่อแม่ทราบกันค่ะ

                                   

                                  สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนซื้อให้ลูกใช้

                                  วันนี้มาแปลกใช่ไหมคะ เพราะจู่ๆ ก็มาพูดเรื่องกีฬา เรื่องการใช้ สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ อยากบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก และอยากจะมาเตือนคุณพ่อคุณแม่ให้ตระหนักกัน เพราะมีผลต่อสุขภาพของเด็กๆ

                                  ผู้เขียนมีเพื่อนที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนชั้นปฐมปลายกันอยู่หลายคน เด็กๆ ชอบเล่นกีฬากันมาก ที่สำคัญเป็นนักกีฬาของโรงเรียนกันเกือบทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ที่สนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬาถือเป็นการให้ยาวิเศษกับ สุขภาพร่างกายของลูกที่ดีมาก

                                  ชวนพาอ้อมกันไปไกลเลย  มาค่ะ มาเข้าเรื่องของเรากันต่อ จุดประสงค์ที่จะนำเสนอให้ทราบกันในครั้งนี้คือ  ผลกระทบต่อ สุขภาพ จากการที่เด็กนำสเปรย์ฉีดบรรเทากล้ามเนื้อ ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

                                  สเปรย์ฉีดบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายนอก เพื่อใช้ในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดคอปวดหลัง  กล้ามเนื้อตึง เคล็ดขัดยอก และบรรเทาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ซึ่งการใช้สเปรย์ก็แค่เพียงฉีดพ่นตรงบริเวณกล้ามเนื้อ ที่มีการบาดเจ็บ ปวดขึ้น ทำให้ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นจากการบาดเจ็บได้เร็วเพราะสเปรย์ที่ฉีดพ่นจะดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังอย่างรวดเร็วนั่นเองค่ะ

                                  การใช้สเปรย์ประเภทช่วยบรรเทาการบาดเจ็บ หรืออักเสบของกล้ามเนื้อ ในเด็กๆ ที่ชอบเล่นกีฬาส่วนใหญ่ อาจมีความสุ่มเสี่ยงด้วยที่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากการเผลอไปสูดดูมสเปรย์ที่ฉีดลงบนกล้ามเนื้อ ต้องบอกว่าสเปรย์กลุ่มนี้ถือเป็นสารระเหยเสพติดชนิดหนึ่งได้เหมือนกันค่ะ

                                  อ่านต่อ อันตรายจากสูดดมสเปรย์แก้ปวดกล้ามเนื้อ หน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ

                                    ลูกฉลาดเหมือนใคร …เชื่อว่าคงมีหลายบ้านที่ต้องมีความคิดอยู่บ้างว่า นอกจากเพศ หรือรูปร่างหน้าตาแล้ว คงจะสงสัยว่า ลูกจะฉลาดเหมือนใครกันนะ ระหว่างพ่อกับแม่?

                                    ซึ่งในเรื่องของการสืบทอดสติปัญญา หรือการรับยีนแห่งการเรียนรู้ ของทารกนั้น ทาง รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ยีนแห่งการเรียนรู้ หรือยีนความฉลาด คือ ศักยภาพความเฉลียวฉลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นเด็กฉลาด และมีความใฝ่รู้เป็นพื้นฐานของชีวิต ทำให้มีความกระตือรือร้นอยากที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆตลอดเวลา อยากรู้อยากเห็น และช่างสังเกตเรื่องราวรอบๆ ตัวเสมอ ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่พ่อแม่เป็นคนเก่ง มีสายพันธุ์ที่ดี เด็กที่เกิดมาก็จะมีศักยภาพที่ดีติดตัวมาด้วย ความฉลาด แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ

                                    1. ด้านคณิตศาสตร์การคำนวณ คือมีความเข้าใจและสามารถคิดคำนวณเลขระดับพื้นฐาน ไปจนถึงแคลคูลัส และเลขระดับขั้นสูงต่างๆ
                                    2. ด้านภาษาการสื่อสารที่ดี พูดภาษาได้คล่องแคล่ว สามารถสื่อสารกับผู้คนได้อย่างว่องไว รู้ความหมาย และรู้คำศัพท์ได้ดี
                                    3. ด้านมิติสัมพันธ์คือมีความเข้าใจเรื่องมิติความสัมพันธ์ของสถานที่ กาลเวลา รู้ว่าอะไรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรในมิติสัมพันธ์ของกาลเวลา สถานที่ โดยผ่านการทดสอบแบบการต่อรูปภาพ เข้าใจรูปภาพหรือเรื่องราวในรูปแบบ 2 มิติ 3 มิติ 4D รวมไปถึงเข้าใจโจทย์ปัญหาทางวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ด้วย

                                    ทั้งนี้ โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ยังบอกอีกว่าความเฉลียวฉลาดในตัวเด็กๆ นอกจากทักษะข้างต้นแล้ว ยังสังเกตได้จากความสามารถทางด้านดนตรี ความสามารถทางศิลปะ การมีวาทศิลป์ในการจูงใจคน เช่น ครอบครัวหนึ่ง คุณพ่อเป็นนักดนตรีที่เก่งมาก หรือร้องเพลงได้ไพเราะ สังเกตได้ว่าลูกที่เกิดมา ก็จะมีความสนใจในเรื่องดนตรี หรือการร้องเพลงเป็นพิเศษ หรือที่เรียกว่ามีพรสวรรค์ในการเล่นดนตรีได้ดีร้องเพลงได้เพราะ เป็นต้น

                                    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างยีนการการเรียนรู้ได้

                                    ลูกฉลาดเหมือนใคร

                                    นอกจากยีนการเรียนรู้ หรือยีนความฉลาดจะถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม (Nature) มีมาโดยกำเนิดแล้วความฉลาด และการเรียนรู้ของเด็กๆ ยังมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Nurture) เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การอบรมเลี้ยงดู การมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารที่ดี รวมไปถึงการมีโอกาสที่ได้รับประสบการณ์การกระตุ้นพัฒนาการที่ดีในวัยเด็ก หรือได้รับการศึกษาที่ดี ก็สามารถกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดกระบวนการการเรียนรู้ที่ดี และนำไปสู่ความเฉลียวฉลาดได้เหมือนกัน โดยมีการศึกษาในเด็กที่ไม่มียีนการเรียนรู้ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ในช่วงวัยเด็ก พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างดี มีการกระตุ้นพัฒนาการที่ดี ให้ความดูแลเอาใจใส่ และให้โภชนาการที่ดีนั้น จะทำให้ยีนในตัวเด็กเกิดการเปลี่ยนรหัส และสามารถเติมลักษณะบางอย่างเข้าไป เรียกว่า Epi Genetic คือ ปรากฏการณ์ที่เหนือกว่าพันธุกรรมแสดงว่ายีนสามารถปรับเปลี่ยนให้มีการเรียนรู้ และฉลาดขึ้นได้

                                    ลูกฉลาดเหมือนใคร ? นักวิจัยพิสูจน์แล้ว ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากคนนี้มากกว่า!!

                                    และสำหรับคำถามที่ว่าแล้วลูกจะฉลาดเหมือนใคร? โดยเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบมานานแล้วว่า ยีนความฉลาดของมนุษย์เรา จะอยู่ในโครโมโซม X ซึ่งเป็นโครโมโซมที่ผู้หญิงจะมีสองตัว ส่วนผู้ชายจะมีแค่โครโมโซมตัวเดียว

                                    ทำให้อาจได้ข้อสรุปว่าระดับสติปัญญาจากแม่ จะตกทอดสู่รุ่นลูกได้มากกว่าจากพ่อ ซึ่งงานวิจัยชิ้นล่าสุดของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ก็ได้ออกมาช่วยยืนยันแล้วว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องจริง!

                                    โดยทีมนักวิจัยได้ทำการสำรวจจากกลุ่มคนอายุ 14 – 22 ปี จำนวน 30,000 คน เป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 1994 โดยจะมีการทดแบบทดสอบ และการสัมภาษณ์ต่างๆ ระหว่างลูก แม่และพ่อของผู้เข้าร่วมวิจัย ซึ่งพวกเขาก็ได้คำตอบว่าสติปัญญาของลูกจะได้จากแม่ มากกว่าพ่อเป็นเรื่องจริง!!

                                    อ่านต่อ >> “ข้อพิสูจน์ ลูกได้รับความฉลาดจากแม่มากกว่าพ่อจริงหรือ?” คลิกหน้า 2

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่