แม่แชร์ประสบการณ์หลังคลอด ไม่ได้อยู่ไฟ แต่พุงยุบไว น้ำนมไหลมาเทมา หุ่นสวยเป๊ะดั่งเดิมได้!

การอยู่ไฟหลังคลอด  เป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลังคลอดลูกมีการฟื้นตัวได้รวดเร็ว มีสุขภาพแข็งแรง และมีผิวพรรณที่สดใสได้มากยิ่งขึ้น

แต่ในปัจจุบันการอยู่ไฟได้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการเพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ยิ่งโดยเฉพาะกับคุณแม่ที่เป็นคนไทยแต่ก็ไปอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างแดน ที่อาจไม่ค่อยสะดวกในเรื่องการหาสมุนไพรไทยที่ดี หรือวัสดุอุปกรณ์ในการอยู่ไฟหลังคลอด และอาหารที่จะช่วยบำรุงเร่งเพิ่มน้ำนมได้เหมือนบ้านเรา

ด้วยเหตุนี้เอง ในฐานะที่ Amarin Baby & Kids เป็นศูนย์กลางนำเสนอข้อมูลและเลือกสรรสิ่งที่ดีเหมาะกับแม่และเด็ก และเพื่อสนับสนุนให้ทารกตัวน้อยได้ดื่มนมแม่อย่างเต็มที่ จึงขอแนะนำคุณแม่ในการเลือกใช้ยาสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการดูแลคุณแม่หลังคลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพร่างกายหรือการใช้ยาเพื่อช่วยเร่งเพิ่มน้ำนม ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องคำนึงถึงคือ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาสมุนไพรที่น่าเชื่อถือ และมีข้อมูลรายละเอียดของส่วนผสมของสมุนไพรที่คุณแม่หลังคลอดใช้รับประทานต้องปลอดภัยและได้มาตรฐานรับรองเป็นที่ชัดเจน

เคล็ดลับเด็ดไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด แต่พุงยุบ น้ำนมไหลมาเทมา หุ่นสวยเป๊ะดั่งเดิม
ซึ่งทางทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็มีคำยืนยันจากคุณแม่ผู้ใช้จริงมาแชร์ประสบการณ์ให้คุณแม่ท่านอื่นๆ ได้ทราบกันค่ะ โดยคุณแม่มีชื่อว่า “คุณแม่เตย” ซึ่งได้ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกาและคลอดลูกที่นั้น แต่ด้วยความที่เป็นคนไทยจึงอยากจะรักษาตัวเองหลังคลอดแบบคนไทยสมัยก่อน ซึ่งก็มีอุปสรรคอยู่ก็คือที่ต่างประเทศไม่มี แต่คุณเตยก็ไม่ลดละความพยายามนี้ จนได้มาเจอกับตัวช่วยที่สามารถแทนการอยู่ไฟได้เสมือนอยู่ไฟของจริงเลยทีเดียว โดยคุณแม่เตยเล่าว่า…

สวัสดีค่ะ ชื่อเตยนะคะ เตยอยู่อเมริกา เราเป็นครอบครัวคนไทยที่อยู่ที่นี่ค่ะ ตอนนี้เตยเพิ่งคลอดลูกได้ 4 เดือน ชื่อ น้องไอรีน ค่ะ ที่บ้านเราคนไทยแท้ๆ ยังคงสนับสนุนให้การเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยแบบคนไทย อาหารการกินหลังคลอดก็ยังคง คอนเช็ปไทยแท้ค่ะ ห้ามของแสลง กินอาหารบำรุงน้ำนม ต่างๆ นานา อยู่ค่ะ เพราะเตยเองก็อยากเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง แต่ปัญหาของเตย คือที่นี่ไม่มีหัวปลี ไม่มีขิง ไม่มีพืชผักนานาชนิดเหมือนบ้านเราค่ะ จะมีก็ราคาแพงเฟ่อร์

คุณแม่บอกว่า คลอดแล้วต้องอยู่ไฟ ต้องบำรุงร่างกาย นวดเปิดท่อ อะไรที่ทำให้นมเยอะ บลาๆๆ  คุณเตยก็วางแผนไว้หลายอย่าง เพื่อเป้าหมายในการเลี้ยงลูกด้วยนมเรา แต่ก็หนทางริบหรี่ จริงๆ จะไปอยู่ไฟที่ไหนในอเมริกา คิดดูสิคะ จะจ้างหมอไหน ใครจะบินมาทำให้ คิดแล้วเครียด น้ำเดิน จะคลอดเลย

บังเอิญค่ะ ใกล้คลอดละ เตยไปเจอเพื่อนสมัยมัธยม เป็นคุณแม่ลูกสอง เขาแนะนำให้ทาน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแผนโบราณ สำหรับคุณแม่หลังคลอด

มันก็ได้ในระดับนึงอะ มองๆ ละว่า เออ แผนโบราณ ตอบโจทย์ แต่ก็ยังมาลังเล เรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ทานละมันจะปลอดภัยไหม ลูกจะกินนมได้ไหม เตยก็เลยปรึกษาคุณแม่ และ คุณหมอที่นี่ สรุป ok ได้ ทุกคนว่าผ่าน เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรธรรมชาติ 100% ไม่มีแอลกอฮอล์ ที่เริ่ดไปกว่านั้นคือ มาตรฐานการผลิตของเค้าเป็นมาตรฐานยุโรปเลย ความมั่นใจมาเต็ม!!

หลังจากคลอด แผลหาย (เตยคลอดธรรมชาติ) ตอนนั้นก็จัดเลย ผลิตภัณฑ์ส่งตรงถึงอเมริกา สะดวก ง่ายไวดี   คือ ทานง่ายด้วยค่ะ คือ อยากจะบอกว่า มันดีมากๆ ค่ะ คือ เตยไม่ต้องคิดเรื่องอาหารบำรุงน้ำนมอีกเลย น้องไอรีน เด็กนมแม่ 100% ที่สำคัญคือร่างกายฟื้นตัวไวมากค่ะ นมเยอะน้ำหนักลงไว พุงยุบไวมาก มีแต่คนทักทำไมแม่ผอมไว ผอมไวแต่ไม่โทรมด้วย คือผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมากๆ กลายเป็นว่า ยิ่งมีลูกยิ่งสวย ที่นี่อากาศหนาวด้วย แต่ไม่ได้เป็นปัญหากับแม่หลังคลอดแบบเตยเลย

สุดท้ายคุณเตย แม่ลูกอ่อนไทยแท้ จากต่างแดน ยังฝากเน้นมาถึงคุณแม่ๆ ท่านอื่นด้วยว่า… คุณแม่ท่านไหน ไม่สะดวก ไม่มีเวลา ยิ่งอยู่ต่างประเทศแบบเตยนะคะ แนะนำเลยค่ะ พริม สมุนไพรแทนการอยู่ไฟ , ของเค้าตอบโจทย์คุณแม่ทุกสิ่ง ปลอดภัยจริง แม่เตยการันตีค่ะ

ข้อมูลของ “พริม” สมุนไพรสกัดชนิดแคปซูล : ขึ้นทะเบียนยาเรียบร้อย ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำตาล  ไม่มีสเตียรอยด์ ไม่มีส่วนผสมของ 5 อาหารกลุ่มเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ นมวัว ถั่ว ไข่ แป้งสาลี อาหารทะเล  ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% ผลิตด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย มาตรฐานการผลิตยุโรปGMP PIC/s และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสถาบัน IFRPD ซึ่งมีสรรพคุณ เช่น

  • ช่วยขับน้ำคาวปลา ให้มดลูกเข้าอู่ไว แก้ปัญหาสุขภาพภายในผู้หญิง
  • แก้ปัญหาท้องป่อง พุงไม่ยุบ มดลูกลอย มดลูกหน่วง
  • ช่วยฟื้นฟู ปรับสมดุลธาตุ บำรุงร่างกายคุณแม่หลังคลอด
  • บำรุงน้ำนม ให้นมมามาก ไม่เหม็นสาบคาว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วในการดูแลสุขภาพของคุณแม่หลังคลอดด้วยแบบวิธีธรรมชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งถ้าคุณแม่หมั่นให้ลูกน้อยดูดนมแม่ทั้งวันก็จะช่วยเผาผลาญพลังงานให้คุณแม่ได้ถึง 500 แคลอรี่/วัน ช่วยลดหุ่นให้คุณแม่ได้อย่างดีเลยทีเดียว

ทั้งนี้สำหรับคุณแม่คนไหนมีปัญหาต้องการหาตัวช่วยแบบคุณแม่เตย ก็สามารถติดต่อสอบถาม รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่นี่เลยค่ะ

 

 

    Tags

    สามีนอนกรน

    สามีนอนกรน ทำอย่างไรดี?

    เคยไหมคะที่กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ตั้งใจว่าคืนนี้จะเข้านอนเร็วแล้วหลับให้สบายตลอดคืน แต่พอนอนได้ไปสักครึ่ง ทาง จู่ๆ ก็มีเสียงดังดั่งฟ้าผ่าลงมากลางหัว!! ตกใจตื่นอ้าวนี่เสียง สามีนอนกรน ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าที่ไหนหรอก เพลียจิตซะจริงๆ เป็นแบบนี้เกือบทุกค่ำคืน ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีหลายวิธีช่วยแก้ปัญหาการนอนกรน มาฝากทุกบ้านค่ะ

     

    สามีนอนกรน ต้องมีสาเหตุ

    ใช่ค่ะทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่เกิดขึ้นย่อมต้องมีสาเหตุ เฉกเช่นกับที่ สามีนอนกรน หรือคนอื่นๆ ทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ บางครั้งก็มักมีอาการนอนกรนเกิดขึ้นได้  แต่ครั้งนี้ขอให้น้ำหนักไปที่คุณสามีของใครหลายๆ คนที่กำลังมีปัญหานอนกรนก่อนค่ะ

    อย่างที่บอกค่ะว่า การนอนกรน  อยู่ๆจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าระบบในร่างกายไม่ได้มีความผิดปกติ ดังนั้นอย่ารอช้าก่อนจะไปหาวิธีรักษา เราต้องรู้สาเหตุในเรื่องนี้ให้แจ่มแจ้งกันก่อน  คุณภรรยาที่รักของสามี ตามมาทางนี้เลยจ้ะ ^_^

    นพ.พลพร อภิวัฒน์เสวี แพทย์ หู ตา คอ จมูก แพทย์ประจำศูนย์การนอนหลับ โรงพยาบาลพญาไท1 อธิบายถึงเสียงกรนนั้นมีสาเหตุเกิดจากทางเดินหายใจที่ตีบแคบ ซึ่งอาการตีบแคบของทางเดินหายใจอาจมาจากโรคหรือภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจให้ตีบแคบทำให้มีการสั่นสะเทือนขึ้น จะเรียกอาการนี้ว่า “การกรน”

    สาเหตุการนอนกรนพอทราบคร่าวๆ แล้ว ทีนี้เราไปต่อกันด้วยอาการนอนกรน ที่รู้มาว่าไม่ใช่อาการเล่นๆ แต่อันตรายมากเลยขอบอก

    Good to know… นอนกรนมักจะมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย ซึ่งอันตรายจากภาวะหยุดหายใจ จะทำให้สมองขาดออกซิเจนเป็นช่วงๆ ได้ขณะนอนหลับ ซึ่งส่วนมากคนนอนกรนมักจะไม่รู้ตัว

    อ่านต่อ ประเภทของอาการนอนกรน หน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      รีวิว ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ตัวไหน? ช่วยบรรเทาอาการไอและปลอดภัยกับลูกน้อย

      เมื่อลูกมีอาการไอ คุณแม่มักมีความกังวลอยู่ไม่น้อย และหากยิ่งไอไม่หยุด ไอทั้งวันทั้งคืน หรือไอแบบมีเสมหะด้วย คุณแม่มักจะรีบหาซื้อ ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก มาให้ลูกน้อยทันที และ ยาแก้ไอ สําหรับทารกหรือเด็กเล็ก นั้นควรเลือกแบบไหนให้ลูกดี วันนี้ Amarin Baby & Kids มียาบรรเทาอาการไอสำหรับเด็กมาเปรียบเทียบให้คุณแม่ๆ ดูกันค่ะ

       

      ลูกไอ เพราะอะไร

      อันดับแรก ก่อนซื้อยาให้ลูกทาน คุณแม่ต้องหาสาเหตุ และลักษณะการไอของลูกน้อยให้แน่ชัดก่อนค่ะ เมื่อลูกไอ มีเสมหะ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังเช่น

      • ไอจาก “การติดเชื้อ”อาการไอแบบเฉียบพลันมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เช่น เชื้อหวัด เชื้อ RSV ซึ่งก่อให้เกิดโรคปอดบวมและหลอดลมฝอยอักเสบ  เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่  หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย  เช่น  เชื้อไอกรน  เป็นต้น
      • ไอจาก “สารระคายเคือง”สารระคายเคืองมีอยู่ในทุกที่ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เช่น  ควันบุหรี่  ควันธูป  ควันเทียน  ควันจากการประกอบอาหาร  ควันรถหรือควันการเผาไหม้อื่นๆ  ควันเหล่านี้มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ  เป็นที่มาของอาการไอเรื้อรังได้
      • ไอจาก “โรค” ที่ซ่อนอยู่โรคบางชนิดแม้ฟังดูเหมือนไม่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ แต่ก็ทำให้เกิดอาการไอได้เช่นกัน เช่น โรคหลอดลมไว  โรคภูมิแพ้  โรคไซนัสอักเสบ กรดไหลย้อน  เมื่อลูกน้อยมีอาการไอติดต่อกันโดยไม่ทราบสาเหตุ  คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ

      ในการรักษาอาการไอ ที่ดีและถูกต้องที่สุดคือการรักษาที่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอ ส่วนยาแก้ไอนั้นเป็นเพียงช่วยบรรเทาอาการ ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ เวลาจะใช้ยาก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และที่สำคัญที่สุด ไม่ควรใช้ยาที่มีฤทธิ์กดอาการไอ ได้แก่ DEXTROMETROPHAN, CODEINE โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และในรายที่ไอแบบมีเสมหะ เพราะจะทำให้เสมหะไม่สามารถถูกขับออกมา เกิดคั่งค้างอยู่ในระบบทางเดินระบบหายใจ หรือในปอดเกิดโรคแทรกซ้อนเป็นอันตรายขึ้นมาภายหลังได้ ทางที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะใช้ยาแก้ไอประเภทนี้

      ทั้งนี้ Amarin Baby & Kids จึงขอแนะนำ ยาน้ำแก้ไอสําหรับเด็ก ของแต่ละยี่ห้อ ที่คุณแม่หาซื้อได้ ซึ่งแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันอย่างไร มีตัวยาอะไรบ้าง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกพิจารณาให้ลูกน้อยทาน เพื่อรักษาและบรรเทาอาการป่วยกันค่ะ

      รีวิว ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

      ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

      √ ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ที่คุณแม่ไว้ใจได้!

      โดย ยาแก้ไอสำหรับเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่มักพบได้ในท้องตลาด ก็จะมีทั้งชนิด น้ำ เม็ด ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งในส่วนของยาน้ำแก้ไอสำหรับลูกน้อยนั้น ในตัวยาแผนปัจจุบัน อาจมีส่วนผสมของตัวยาที่มีสารเคมี หรือมีแอลกอฮอล์ เพื่อมีฤทธิ์ในการรักษาอาการไอและละลายเสมหะ ทำให้สารนั้นสะสมในร่ายกายของเด็กได้

      ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

      ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บ เจ้าของเดียวกับ ยาน้ำเขากุย ตราอ้วยอันโอสถ มีสรรพคุณช่วย แก้อาการไอ และขับเสมหะ สำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 2-12 ปี ซึ่งเป็นสูตรยาน้ำที่ได้พัฒนาขึ้นมา สำหรับเด็กโดยเฉพาะโดย ทำจากสมุนไพรไทย 100% ไม่มีสารเคมี ไม่มีแอลกอฮอล์ รสชาติอร่อย ช่วยให้เด็กๆ ทานง่าย แถมยังมีแพคเกจจิ้งน่ารักอีกด้วย สามารถหาซื้อได้ตาม 7-11  และร้านขายยาทั่วไป เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่ใส่ใจในส่วนผสมและความปลอดภัยของยา

      ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

      โดย ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บ  มีส่วนประกอบหลักของยาคือ มะขามป้อม (Phyllanthusemblica Linn.) ผลมะขามป้อมสดใช้รับประทานเป็นสมุนไพร แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมะขามป้อมยังถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการช่วยเสริมภูมิต้านทานให้เราได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมากกว่าบรรดาผลไม้ไทยทุกชนิด นอกจากนั้นยังเป็นยาบำรุงแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะมีส่วนประกอบที่สำคัญ ประกอบด้วยมะขามป้อม ผลมะแว้งเครือ ส้มจี๊ด น้ำผึ้ง และตัวยาอื่นๆ

      >> คุณแม่สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บได้ที่ http://bit.ly/2p6QY8d

      หรือ หาซื้อสินค้าได้ที่ http://bit.ly/2pl8pQU

      ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ คือ ก่อนซื้อหรือเลือกใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของลูกน้อย ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรหรือคุณหมอทุกครั้งนะคะ

        โรคคาวาซากิ

        โรคคาวาซากิ ประสบการณ์โรครุนแรงในเด็กเล็ก

        ในเด็กเล็กๆ ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคยังไม่แข็งแรงมากนัก ฉะนั้นจึงเกิดการเจ็บป่วยได้ง่ายและบ่อย ซึ่งในบางครั้งอาจป่วยไข้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ อย่าง คาวาซากิ ที่ถือเป็นโรคร้ายแรงกับเด็ก เพราะสามารถทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจขึ้นได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลการป่วยจาก “คาวาซากิ” มาให้ทุกครอบครัวได้ทราบและระวังกันค่ะ

         

        คาวาซากิ ประสบการณ์โรครุนแรงในเด็กเล็ก

        จากประสบการณ์ของคุณแม่ ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ของลูกชาย ที่ป่วยเป็น คาวาซากิ เพื่อเป็นความรู้ เมื่อลูกชายเริ่มมีไข้ได้ 2 วัน เป็นไข้ต่ำๆ รับประทานยาลดไข้ และเช็ดตัวแล้วก็ไม่ดีขึ้น จึงพาไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล เจาะเลือดตรวจ ไข้ขึ้นๆ ลงๆ จนถึงวันที่ 4 อาการชัดเจน

        ประสบการณ์ป่วยคาวาซากิ

        คาวาซากิ

         

        คาวาซากิเครดิต: Puppsom Nutchariya

        อ่านต่อ สังเกตอาการเมื่อลูกป่วยจากโรคคาวาซากิ หน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          อุทาหรณ์เตือนแม่! ลูกน้อยถูกน้ำร้อนลวก จากสายยางที่ตากอยู่กลางแดด

          ลูกโดนน้ำร้อนลวก …คุณแม่ต้องระวังให้มาก เพราะจากความหวังดีที่อยากอาบน้ำคลายร้อนให้ลูก อาจกลายเป็นการกำลังลวกลูกด้วยน้ำร้อนๆ จากสายยาง!

           

          ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งอากาศร้อนมากหลายบ้านก็คงมีกิจกรรมสนุกๆคลายร้อนให้ลูกน้อย  ที่เห็นเป็นประจำทุกบ้าน ก็น่าจะเป็นการเล่นน้ำนี่แหละค่ะ  หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ระวังให้ดีกิจกรรมคลายร้อนแสนสนุกของลูกน้อยก็อาจกลายเป็นฝันร้ายไปเหมือนหนูน้อยวัย 9 เดือนคนนี้ที่ถูกน้ำร้อนลวกไปทั้งตัว

          อุทาหรณ์! ลูกโดนน้ำร้อนลวก จากสายยางที่ตากกลางแดด

          ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างที่คุณแม่กำลังเติมน้ำในสระว่ายน้ำเพื่อให้ลูกชายเล่น โดยใช้สายยางที่อยู่ในสวน ซึ่งวางตากแดดอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ   มาเล่นและฉีดใส่ลูก แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องร้ายได้เกิดขึ้นเมื่อน้ำที่อยู่ในท่อและสายยางที่ตากแดดอยู่กลางแจ้งนั้นได้ปล่อยน้ำร้อนออกมาลวกที่ตัวลูก

          ลูกโดนน้ำร้อนลวก

          โดยผู้เป็นแม่เล่าว่า ตัวเธอเองไม่คิดว่าน้ำจะร้อนขนาดนั้นเพราะระหว่างที่เปิดก๊อกก็ไม่ได้รู้สึกว่าร้อนอะไร และเห็นลูกร้องอออกมาหลังโดนน้ำฉีดก็ไม่คิดว่าเพราะน้ำร้อนลวก  เพราะตัวน้องเองก็ไม่ชอบโดนน้ำกระเด็นใส่อยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดว่าการที่น้องร้องนั้นเป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ำที่สูงเกินไป

          แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ปรากฏออกมา คือผิวหนังที่ไหม้และลอก ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าหนูน้อยได้รับความเจ็บปวดจากแผลไหม้ที่ผิวหนังระดับ 2 รวมเป็นพื้นที่บนร่างกายกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นได้ส่งหนูน้อยไปรักษาที่โรงพยาบาล แม่ของหนูน้อยก็ได้ออกมาโพสต์เตือนพ่อแม่ที่อาจจะเผลอ หรือไม่ทันได้คิดแบบเธอ

           

          ซึ่งก่อนหน้านี้ตามที่สถานีวิทยุท้องถิ่นที่คุณแม่และหนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายอาศัยอยู่ ได้ประกาศเตือนแล้วว่า วันนั้นอุณหภูมิสูงถึง 46 องศา ทำให้สายยางที่ตากแดดทั้งวันร้อนถึง 65 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว จึงเป็นไปได้ว่าน้ำที่ร้อนขนาดนั้นจะทำให้หนูน้อยวัยแค่ 9 เดือนถูกลวกได้นั่นเอง

          ลูกโดนน้ำร้อนลวก

          อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

          อ่านต่อ >> “วิธีปฐมพยาบาลแผลน้ำร้อนลวกให้ลูกน้อย เพื่อไม่ให้ติดเชื้อ” คลิกหน้า 2


          ขอบคุณข้อมุลและภาพจาก : www.thesun.co.uk

            รวม โปรโมชั่น ชุดนักเรียนราคาถูก ก่อนเปิดเทอม!

            ชุดนักเรียนราคาถูก โปรโมชั่น …ใกล้จะเปิดเทอมกันแล้ว หลายบ้านคนตื่นเต้นโดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ที่ลูกเพิ่งเข้าโรงเรียนครั้งแรก รวมไปถึงลูกน้อยด้วย  

            เรื่องตื้นเต้นของเด็กๆ ที่ต้องพบเจอก่อนเปิดเทอม นั่นคือการได้ของใหม่ไปโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียน หรืออุปกรณ์การเรียน   สำหรับคุณพ่อคุณแม่เอง  การเตรียมซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องคิดละเอียดรอบคอบและรัดกุมที่สุด  เพื่อให้ได้ของที่คุ้มค่าคุ้มราคา มีคุณภาพใช้ได้นานตลอดหนึ่งปีการศึกษานั้นไปเลย

            ซึ่งบ้างบ้านเริ่มวางแผนการการจับจ่ายซื้อชุดนักเรียนและของใช้เกี่ยวกับเรื่องการเรียนทั้งหลายให้ลูกน้อยกันแล้ว โดยเริ่มมีความเคลื่อนไหวให้เห็นมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม จวบจนค่อย ๆ คืบคลานมาช่วงต้นเดือนเมษายน และทวีความร้อนแรงในช่วงหลังสงกรานต์ไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิดเทอมนั่นเอง

            ชุดนักเรียนราคาถูก โปรโมชั่น ที่คุณแม่ห้ามพลาด รวมครบทุกห้าง

            เมื่อใกล้เปิดเทอม  ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาสินค้าสำหรับเด็กนักเรียนออกมามากมาย เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการจูงใจให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองได้คิดวางแผนก่อนตัดสินใจเลือกจับจอง Amarin Baby & Kids จึงมีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับวิธีเลือกซื้อชุดนักเรียนอย่างไรให้คุ้มค่า พร้อมด้วยแหล่งจำหน่ายสินค้าที่จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าเด็กนักเรียน ในราคาลูก มาฝากค่ะ จะมีที่ไหนลดราคาเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

            อันดับแรกก่อนไปซื้อ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองต้องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเดินทางไปยังร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่เสียเที่ยว มีหลักการง่ายๆ ดังนี้

            1. ควรเลือกซื้อชุดนักเรียนก่อนเปิดเทอม 2 สัปดาห์

            เพราะระยะเวลาล่วงหน้านี้ทำให้คุณแม่สามารถเลือกสินค้าได้หลากหลายตามความต้องการและรวดเร็ว โดยที่คุณไม่ต้องเลือกซื้อชุดนักเรียนใกล้ ๆ ช่วงเปิดเทอม เพราะคุณแม่อาจไม่อยากไปยืนแย่งกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็ทยอยเข้ามาแวะเวียนเลือกซื้อ และสิ่งสำคัญคุณควรพาลูกไปลองชุด เลือกไซส์เผื่อโตขึ้นเล็กน้อย และการไม่เตรียมการวางแผนย่อมเกิดความผิดพลาด หากคุณไปซื้อใกล้ ๆ วันเปิดเทอม บางสินค้าอาจหมด หรือสินค้าในร้านมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ  นอกจากคุณจะเสียเวลาแล้วคุณอาจจะต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มอีกด้วย

            2. คำนวณชุดนักเรียนให้เหมาะสม

            ควรคำนวณชุดนักเรียนและวางแผนการเลือกซื้อให้เหมาะสม เช่น หากลูกของคุณเพิ่งเริ่มเข้าเรียน ควรซื้อชุด 3-4 ชุด เพื่อรองรับการใช้งานต่อวัน หรือหากลูกขึ้นชั้นเรียนใหม่ชุดนักเรียนเก่ายังสามารถใส่ได้ ก็อาจซื้อ 1-2 ชุด เพื่อทดแทนตัวเก่าที่ไม่สามารถซ่อมแซมกลับมาใช้ใหม่ได้อีก  นอกจากนี้อย่าลืมเผื่อไซส์ให้ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย เผื่อโตด้วย

            3. มองหาบริการสมนาคุณจากทางร้าน

            เนื่องจากแต่ละร้านจะมีส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โปรโมชั่นต่าง ๆ ทั้ง “ลด แลก แจก แถม” คุณควรศึกษาและเปรียบเทียบแต่ละร้านว่า ให้สิทธิพิเศษเป็นไปตามที่คุณพอใจหรือไม่ อาทิ ชุดนักเรียนเก่า 3 ชุดแลกรับส่วนลด 150 บาท หรือซื้อชุดนักเรียน 2 ตัวขึ้นไป ปักชื่อฟรี เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายไปอีกทาง

            4. ร้านครบวงจร ยิ่งซื้อมาก ยิ่งได้ลด

            เลือกซื้อในห้างที่จำหน่ายสินค้าที่มีหลายอย่างหลายประเภท ทั้ง ชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ เนตรนารี กระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า ฯลฯ เพื่อที่คุณอาจได้รับส่วนลดของแถม มากกว่าเลือกซื้อแบบแยกชิ้น และไม่เสียเวลาในการเดินทาง ไปครั้งเดียวได้สินค้าครบกลับบ้าน

            และเมื่อได้ทราบถึงเคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ลูกน้อยไปแล้ว คงทำให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งมือใหม่มือเก่าได้นำไปใช้กัน ซึ่งถัดไปลองมาดูแหล่งจำหน่ายสินค้าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนของเด็ก ๆ ว่าที่ไหนจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษอะไรบ้าง ไว้เพื่อเป็นทางเลือกก่อนตัดสินใจในการซื้อกันค่ะ

            อ่านต่อ >> “รวมโปรโมชั่น ชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ของลูกครบทุกห้าง” คลิกหน้า 2

            อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             


            ขอบคุณข้อมูลจาก : money.kapook.com

              เคล็ดลับ ตกแต่งห้องเด็ก ให้ปลอดภัย และเสริมพัฒนาการลูกน้อย

              คู่รักครอบครัวสมัยใหม่หลังแต่งงานแล้ว มักจะแยกครอบครัวออกมาซื้อบ้านอยู่กันเอง และพอมีลูกก็ยังเลี้ยงกันเองตามลำพัง รวมทั้งไอเดียการเลือกของอุปกรณ์ของใช้ ตกแต่งห้องเด็ก ก็มาจากสัญชาตญานของพ่อแม่มือใหม่ล้วนๆ โดยเฉพาะห้องนอนของลูก และมุมนั่งเล่นสุดโปรดของครอบครัว ถ้าพ่อแม่รู้จักเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับแต่ละห้อง ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยด้วยนะคะ

              หากคุณพ่อคุณแม่มีลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านแบบไหนที่ควรเลือกใช้ ตกแต่งห้องเด็ก

              เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับลูกน้อยตั้งแต่วัยคลาน วัยเตาะแตะ ที่กำลังพัฒนาในเรื่องของกล้ามเนื้อ เมื่อลูกเริ่มเคลื่อนที่ได้เอง ไม่ว่าจะเป็นการที่เริ่มคลานได้ ไปจนถึงเดินเตาะแตะ หรือเริ่มวิ่งได้ ควรเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากเขาจะมีความสนใจที่จะสำรวจสิ่งรอบๆ ตัว เคลื่อนที่ไปรอบๆ บ้าน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จึงควรมีความโค้งมน เพื่อลดการบาดเจ็บจากการกระแทกรุนแรง โดยเฉพาะจากเหลี่ยม มุม โต๊ะ ตู้ ชั้นวางทีวี เป็นต้น หรืออาจปิดเหลี่ยมมุม ส่วนที่แข็ง และอาจเป็นอันตรายด้วยโฟมกันกระแทก หรือจัดห้องให้บุด้วยวัสดุกันกระแทก เพื่อให้ลูกฝึกคลานได้อย่างปลอดภัย

              เมื่อลูกคลานได้ เริ่มซน เด็กบางคนชอบคลานขึ้นบันได คุณพ่อคุณอาจหาที่กั้นบันไดมากั้นระหว่างทางขึ้นและทางลงบันได เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่ปีนป่ายขึ้นลงบันได ตอนคุณพ่อคุณแม่กำลังทำงานบ้านอยู่

              เด็กเล็กๆ มักจะใช้เก้าอี้ โซฟา ในการเกาะยืน และกระโดดเล่นเมื่อเข้าสู่วัยซน คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกโซฟาที่แข็งแรง ทนทาน ถ้าขึ้นไปกระโดด ต้องไม่ทะลุ ไม่บุบน่วม และควรเลื่อนเฟอร์นิเจอร์มาชิดกัน เพื่อให้ลูกได้เกาะเดินไปรอบๆ ห้อง พัฒนากล้ามเนื้อ เพื่อไปสู่การก้าวเดินด้วยตัวเอง

              สำหรับเด็กในวัยปีนป่าย จะชอบปีนขึ้นเก้าอี้ ปีนป่ายตู้ลิ้นชัก ซึ่งเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ควรวางบนพื้นราบ มั่นคง และไม่ล้มง่าย หรือควรมีการยึดเฟอร์นิเจอร์ไว้กับกำแพงให้แน่นหนา เพื่อป้องล้มทับเฟอร์นิเจอร์ล้มทับลูกน้อยเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก

              เมื่อคุณแม่จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อการสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ลูกก็จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมั่นใจ เด็กวัยคลานจะได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งของภายในบ้านที่มีลักษณะพื้นผิวที่แตกต่างกัน รู้จัก เรียนรู้ ความแข็ง นุ่ม เรียบ และขรุขระ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสไปพร้อมๆ กับการพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างเหมาะสมตามวัยค่ะ

              ห้องนอนลูกควรเลือกเตียงนอน โต๊ะเขียนหนังสือ แบบไหน

              การจัดห้องนอนลูก ตกแต่งห้องเด็ก ควรสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น เป็นได้ทั้งห้องนอน ห้องกิจกรรม ห้องทำการบ้าน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการตกแต่งห้องนอนให้ลูก ควรตกแต่งห้องนอนให้มีสีสันสดใส ให้เจ้าตัวน้อยได้มีโอกาสมองดูสิ่งของ หลากหลายรูปทรง หลากหลายสีสันที่มองแล้วสบายตา กระตุ้นจินตนาการของเด็ก นอกจากนี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความปลอดภัยจากเหลี่ยม มุม หรือมีอุปกรณ์ soft close ที่ช่วยลดแรงกระแทกเวลาปิดตู้และลิ้นชักต่างๆ เป็นต้น

              โต๊ะเขียนหนังสือและมุมทำการบ้านของลูกน้อย ควรมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนตามรูปแบบได้ตามต้องการ มีช่อง ชั้น สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์การเรียน หนังสือนิทาน ที่ลูกสามารถจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังช่วยเพิ่มความสนุกกับการอ่านเขียนมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ทำการบ้านในมุมที่ถูกใจลูก

              และเพื่อความปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง ไม่วางเฟอร์นิเจอร์ชิดหน้าต่าง เพราะลูกน้อยวัยปีนป่าย อาจปีนขึ้นไปและอาจพลัดตกลงไปได้ รวมถึงควรปิดหน้าต่างหรือมุ้งลวดให้สนิทด้วย

              อีกสิ่งสำคัญในการจัดห้องนอนลูก ควรสามารถปรับแสงไฟให้สลัวลงได้ เพื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกเข้านอน จะทำให้ลูกนอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะการนอนหลับของลูกในช่วงกลางคืน จะทำให้ร่างกายของเขาหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาได้ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านร่างกายของลูก การที่ลูกนอนหลับได้ดียังช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมาแข็งแรง และช่วยให้สมองมีการเรียนรู้ และจดจำอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

              กิจกรรมสนุกเสริมพัฒนาการวันหยุดพ่อแม่ลูก

              การจัดห้อง ตกแต่งห้องเด็ก ให้ปลอดภัย และเหมาะสมกับพัฒนาการของลูก อาจเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูก แต่สิ่งที่ช่วยเสริมพัฒนาการและความฉลาดของลูกได้ดีที่สุดก็คือตัวของคุณแม่คุณแม่นั่นเอง การมีเวลาให้ลูก เล่นเกมส์ลับสมองกับลูก อ่านนิทาน กอดลูก บอกรักลูก สร้างความรู้สึกในเชิงบวกให้ลูก ทำกิจกรรมในครอบครัวร่วมกันในวันหยุดที่ห้องนั่งเล่น รวมถึงการให้ลูกได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้โกรทฮอร์โมนทำงานได้เต็มที่ สิ่งเหล่านี้คือ เคล็ดลับสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำควบคู่กับไปในการสร้างเสริมพัฒนาการ และความฉลาดให้กับลูกรักได้ดีที่สุดค่ะ

              หากอยากรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็ก อุปกรณ์ของตกแต่งบ้าน ตกแต่งห้องเด็ก เพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่ www.sbdesignsquare.com

              ติดตามซีรีส์ SB Love Makes A Home EP 3 : รักเกิดที่โซฟา #SBlovemakesahome คลิกเลย

               

                วิธีซักรองเท้าผ้าใบ

                วิธีซักรองเท้าผ้าใบ ไม่ซื้อใหม่ ก็ขาววิ๊งได้ (สำหรับเปิดเทอม)

                ในยุคข้าวยากหมากแพง อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ของใช้เก่าหากยังใช้ได้อยู่ก็นำมาปัดฝุ่นใช้กันอีกสักครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะอุปกรณ์ของใช้ลูกวัยเรียน อย่างรองเท้าผ้าใบหากลูกยังใส่ได้แล้วจะซื้อใหม่ให้เปลืองเงินทำไมคะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี วิธีซักรองเท้าผ้าใบ ให้ขาววิ๊ง มาฝากคุณแม่ไว้ซักรองเท้าเตรียมให้เด็กๆ ใส่ต้อนรับเปิดเทอมกันค่ะ

                 

                วิธีซักรองเท้าผ้าใบ

                เคล็ดลับคู่บ้านของคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน คือต้องรู้จัก วิธีซักรองเท้าผ้าใบ ให้ขาวสะอาด เพราะสมัยนี้ถ้าคุณแม่ได้ประหยัดเงินในกระเป๋ามากที่สุดคนนั้นเก่งมาก อย่างเคล็ดลับต่างๆ ภายในบ้าน จะต้องรู้จักการนำเอาอุปกรณ์ของใช้มาประยุกต์จากของเก่าให้เป็นของใหม่ใช้งานได้อีกครั้งอันนี้ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ

                โดยเฉพาะของใช้ของลูกวัยเรียน อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ถ้าไม่ต้องซื้อใหม่อันนี้ยิ่งถูกใจแม่ แต่จะให้ถูกใจลูกด้วย คุณแม่ต้องมีเทคนิคทำของเก่าให้เป็นของใหม่ เพื่อที่ลูกจะได้ใส่ หรือใช้ได้อีกครั้งแบบไม่ต้องอายเพื่อนๆ ว่าเป็นเก่า

                 

                Must Read >> 7 โรค ต้องระวังในเด็กช่วงเปิดเทอม

                 

                กระเป๋านักเรียน ถ้ายังตะเข็บไม่ขาด และหนังผิวกระเป๋ายังดีอยู่ ก็ให้หยิบมาปัดฝุ่น แล้วเช็ดให้เงาวับด้วยน้ำยาขัดเงา แค่นี้ก็เปลี่ยนกระเป๋านักเรียนเก่าให้เป็นใบใหม่ใช้ใส่หนังสือเรียนได้แบบสบายใจค่ะ

                เสื้อผ้าชุดนักเรียน ถ้าดูแล้วกระโปรง กางเกง และเสื้อนักเรียน ไม่ได้สั้นเต่อ หรือคับแน่นจนลูกใส่แล้วติดกระดุมไม่ได้ ก็ไม่ต้องซื้อใหม่ให้เปลืองเงิน เพียงแค่หลังจากซักทำความสะอาดแล้ว ก็ให้แช่เสื้อนักเรียนสีขาวด้วยครามซักผ้าขาว ทิ้งไว้สักประมาณ 3 นาที เสื้อเก่าจะกลับมาขาวเหมือนเสื้อใหม่เลยล่ะค่ะ

                รองเท้าผ้าใบสีขาว แน่นอนว่าเด็กจะมี 1 วันในสัปดาห์ ที่จะมีการเรียนวิชาพละ เล่นกีฬา ทำกิจกรรมสนาม แล้วทีนี้รองเท้าผ้าใบถ้าใส่แล้วไม่ให้เลอะเปรอะเปื้อนก็คงจะเป็นไปไม่ได้  แล้ยิ่งใกล้เปิดเทอมแบบนี้ ควรให้ลูกลองใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก่าดูก่อน ถ้ายังใส่ได้ไม่คับแน่นเท้า คุณแม่ไม่ต้องซื้อคู่ใหม่ให้ลูกนะคะ สอนให้เขารู้จักคุณค่าของๆ ใช้ อะไรใช้ได้อยู่ก็ให้ใช้ต่อไป

                แต่เพื่อความสะอาดของรองเท้าผ้าใบ คุณแม่ควรซักให้ขาวสะอาด ให้ลูกใส่แล้วรู้สึกว่าได้ใส่รองเท้าคู่ใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับซักรองเท้าผ้าใบให้ขาววิ๊งให้คุณแม่ทราบกัน เพื่อจะได้นำไปใช้ซักร้องเท้าผ้าใบที่บ้านกันค่ะ

                อ่านต่อ ซักรองเท้าผ้าใบลูก ให้กลับมาขาวใหม่น่าใช้อีกครั้ง หน้า 2

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  9 พฤติกรรมสุดแย่ ทำลูกน้ำหนักเกิน เสี่ยงเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง

                  เด็กเจ้าเนื้อย่ายายว่าน่ารัก แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาจากเด็กเจ้าเนื้อพอให้น่าฟัด ทำไมถึงกลายเป็นเด็กอ้วนไปได้ละเนี่ย โรคอ้วนในเด็ก มักเกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุ คือ อ้วนตามพันธุกรรมจากพ่อแม่ และ อ้วนจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีพฤติกรรมเสี่ยงทำลูกอ้วน จากการเลี้ยงดูของครอบครัวมาให้ได้ทราบกันค่ะ

                   

                  โรคอ้วนในเด็ก สาเหตุจาก

                  แน่นอนอยู่แล้วว่าจู่ๆ ลูกจะอ้วนขึ้นมาเฉยๆ คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิด โรคอ้วนในเด็ก นั้นสามารถมาได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

                  1. พันธุกรรม

                  เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กเป็นโรคอ้วน เด็กที่เกิดจากครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่ และอาจเป็นญาติพี่น้องที่เป็นโรคอ้วนอยู่แล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเมื่อเด็กคลอดออกมาจะตัวใหญ่อ้วนตามพันธุกรรม

                  2. ความผิดปกติของฮอร์โมน

                  เช่น ขาดฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ มีฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์เกิน ซึ่งมักพบในกลุ่มเด็กที่อ้วนและเตี้ยที่มีระดับสติปัญญาปกติ[1]

                   

                  Must Read >> โรคเอ๋อ ในเด็ก สาเหตุ อาการ การป้องกัน

                   

                  3. โรคหรือกลุ่มอาการจำเพาะ

                  เช่น Prader Willi syndrome, Laurence-Moon-Biedl syndrome, pseudohypoparathyroidism เป็นต้น ซึ่งพบได้ในเด็กที่อ้วนและเตี้ย ในเด็กกลุ่มนี้มักมีระดับสติปัญญาด้อยกว่าปกติด้วย[2]

                  4. พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

                  อาหารการกินก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอ้วนในเด็กขึ้นได้ โดยเฉพาะหากครอบครัวไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารของลูกมาตั้งแต่เล็กๆ ปล่อยให้เด็กทานอาหารซ้ำๆ เลือกทานแต่เนื้อสัตว์ ส่วนผักเขี่ยทิ้ง หรือทานอาหารประเภททอด ปิ้ง ย่าง ไขมันสูง และชอบทานขนมหวาน ซึ่งพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อถูกสะสมมาเรื่อยๆ ก็ทำให้เด็กเป็นโรคอ้วนได้

                  ปัญหาโรคอ้วนในเด็กถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกครอบครัว นั่นเพราะโรคอ้วนสามารถนำไปสู่อีกหลายโรคที่สามารถเกิดขึ้นกับเด็กๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดและทางเดินหายใจอุดตัน หัวใจวาย ตับอักเสบ โรคกระดูกและข้อ ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น

                  อ่านต่อ ผลเสียของสุขภาพ จากโรคอ้วน หน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    เด็กกินทุเรียนได้ไหม ?

                    ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนพอผ่านร้านขายผลไม้ได้กลิ่นทุเรียนหอมยั่วยวนใจดีซะเหลือเกิน ต้องบอกว่าช่วงนี้ เป็นสวรรค์ของคนรักทุเรียนจริงๆ ค่ะ   ผู้เขียนได้รับอีเมลจากคุณแม่ท่านหนึ่งเห็นว่าน่าสนใจดี เพราะถามมาว่า เด็กกินทุเรียนได้ไหม?   ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้หาคำตอบของเรื่องนี้มาให้ได้ทราบกันค่ะ

                     

                    เด็กกินทุเรียนได้ไหม ?

                    เด็กกินทุเรียนได้ไหม  แม่ๆ อยากรู้ถ้าจะให้ลูกๆ หลานๆ กินทุเรียนด้วยกัน เพราะซื้อมาทีไรกลิ่นหอมยั่วใจ  ตัวเล็กชอบขอกินด้วย แต่ผู้ใหญ่ก็ชั่งใจว่าให้กินได้ หรือกินไม่ได้ เพราะกลัวว่ากินแล้วจะร้อนใน  เรื่องนี้มีเงื่อนงำ ถ้าไม่เคลียร์ เดี๋ยวนอนไม่หลับ ^_^ แต่ก่อนอื่นเราไปรู้จักคุณทุเรียนกันซักนิดนะคะ

                    ถ้าจะพูดถึงราชาของผลไม้ไทยก็คงคงหนีไม่พ้น “ทุเรียน” ที่ช่วงฤดูกาลผลิตเก็บเกี่ยวออกมาจำหน่ายให้คนรักการกินทุเรียนได้ซื้อหาสายพันธุ์ทุเรียนที่ชื่นชอบมาทานกันก็ช่วงนี่แหละค่ะ  ที่ขอบอกว่าสวนทุเรียนบางแห่งมีคนจองทุเรียนสายพันธุ์ดังกันข้ามปีเลย บางบ้านจองทั้งต้น เพื่อให้คนในครอบครัวและญาติพี่น้องได้ทานกัน  สนนราคาก็ไม่เบากระเป๋าตังค์ แต่เขาว่าคุ้มค่ากับการจองมากค่ะ

                     

                    Must Read >> อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน เพราะสาเหตุใด?

                     

                    ที่สำคัญทุเรียนเนี่ยเขามีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกซื้อทานตามใจชอบเลยค่ะ แต่ที่คุ้นชื่อขอยกมาให้ทราบกันเล็กน้อยก็จะมี ดังนี้ค่ะ

                    ทุเรียนชะนีก้านยาว ทุเรียนชะนี
                    ทุเรียนก้านยาว ทุเรียนหมอนทอง
                    ทุเรียนก้านยาวสีนาค ทุเรียนทองสุก
                    ทุเรียนรวงทอง ทุเรียนจันทบุรี
                    ทุเรียนนวลทอง ทุเรียนพวงมณี
                    ทุเรียนเมืองนนท์ (เขาว่าแพงมาก และจองต้นซื้อกันข้ามปีเลยค่ะ)

                    สำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยชอบทานทุเรียนสุก เพราะกลิ่นที่เขาว่าหอม อาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคุณสามารถหาเมนูทุเรียนแปรรูปทานกันได้ ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน ทุเรียนเชื่อม เค้กทุเรียน ขนมปังทุเรียน สมูทตี้ทุเรียน เป็นต้น แค่เห็นเมนูก็อยากจะหามาลิ้มลองชิมรสชาติซะจริงๆ เลยค่ะ

                    อ่านต่อ กินทุเรียนได้สุขภาพอะไรบ้าง หน้า 2

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ

                      30 ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ ที่พ่อแม่สังเกตได้

                      ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ หมายถึง เด็กที่มีความสามารถทางปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป และความถนัดเฉพาะทางอยู่ระดับสูงกว่าเด็กอื่นในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะในการคิด ประดิษฐ์ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆให้แก่โลกมนุษย์

                       

                      ซึ่งหากพ่อแม่สงสัยว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่ สามารถสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ของลูกน้อยได้ก็ต่อเมื่อลูกโตแล้ว หรือก่อนเข้าเรียน ยกเว้นแต่ว่าลูกแสดงออกถึงแววอัจฉริยะ ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นตั้งแต่เล็กๆ เช่น สามารถบอกโน๊ตเปียโนได้ทันที ที่คุณคีย์เล่นเปียโนให้เขาฟังแล้ว ส่วนใหญ่จะยากที่จะบอกได้ว่า เด็กเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นอัจฉริยะหรือไม่ ก่อนอายุ 2 ขวบ

                      และพบว่ามีถึง 3-5 % ของคนที่มีพรสวรรค์พิเศษอาจไม่ได้แสดงออกถึงความสามารถพิเศษของเขาจนกว่าจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความตื่นเต้นที่เป็นพ่อแม่ ก็มีหลายคนอยากรู้ว่า ลูกจะเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษหรือไม่ หรือแม้แต่เก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ ก็ยังดี ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวมพฤติกรรมและลักษณะของเด็กที่มีแววฉลาดและอาจเป็นอัจฉริยะได้ มาให้คุณพ่อคุณแม่คอยสังเกตจับตาดู พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกเป็นอัจฉริยะได้อย่างสมใจ มาฝากค่ะ

                      รวม 30 ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ ที่พ่อแม่สังเกตได้

                      ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ

                      เด็กอัจฉริยะ หรือ เด็กปัญญาเลิศ คืออะไร? 

                      เด็กอัจฉริยะ หรือ เด็กปัญญาเลิศ (Gifted child) คือ เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูงมาก (I.Q. อาจสูงถึง 130-140) เด็กกลุ่มนี้ก็จะดู คล้ายเด็กสมาธิสั้น เนื่องจากความที่เขาฉลาดมาก จึงมักมีความอยากรู้อยากเห็น มีพลังงานในตัวเองมาก นอกจากนี้เขาจะมีสมาธิดีมากใน เรื่องซึ่งตนเองสนใจ แต่ถ้าเรื่องไหนไม่อยู่ในความสนใจ ก็อาจไม่สนใจเลย จึงดูคล้ายเด็กสมาธิสั้นได้ แต่เรื่องไหนที่สนใจ เขาก็จะพยายามค้นคว้าจนมีความรู้เกินวัย

                      ♥ บทความแนะนำคุณแม่แวะอ่าน : เด็กสมาธิสั้นก็ใกล้ “อัจฉริยะ” ได้นะ

                      ผู้เชี่ยวชาญบางท่านกำหนดเกณฑ์ของเด็กปัญญาเลิศ คือระดับสติปัญญาหรือไอคิว เกิน 130 หรือบางคนระดับความสามารถในการเรียน สูงกว่า 2 ชั้นปี เช่น เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แต่ความสามารถในการเรียนเทียบเท่ากับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

                      ซึ่งเด็กปัญญาเลิศจะเฉลียวฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกัน ต้องการการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดู และการสอน เพื่อศักยภาพสูงสุดของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ และคุณครูที่ดูแลเด็กปัญญาเลิศมักบอกตรงกันอย่างหนึ่งว่า ”เหนื่อย” นาทีแรกเด็กปัญญาเลิศอาจพูดจาเกินวัย แบบผู้ใหญ่ แต่อีกนาทีต่อไปอาจหงุดหงิด อาละวาดเพราะไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ

                      จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ

                      จากการศึกษาวิจัยในรัฐ มินิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ ปี ค.ศ. 1994 -1995 โดยศึกษาเด็กปัญญาเลิศ หรือเด็กอัจฉริยะ 241 คน อายุตั้งแต่ 2-12 ปีระดับสติปัญญาตั้งแต่ 160-237  พบว่า

                      • ร้อยละ82 ของพ่อแม่ต้องการการช่วยเหลือในเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาของลูก
                      • ร้อยละ50 ของพ่อแม่บอกว่าลูกนอนน้อยกว่าเด็กอื่นๆ ในเรื่องของพัฒนาการ
                      • ร้อยละ94 ของเด็กมีสมาธิต่อเนื่องนานกว่าเด็กวัยเดียวกัน
                      • ร้อยละ91 มีพัฒนาการทางภาษาเร็ว
                      • ร้อยละ60 มีพัฒนาการทางกล้ามเนื้อเร็ว
                      • เด็กปัญญาเลิศเริ่มพูดคำแรกอายุเฉลี่ยเพียง9 เดือน เริ่มอ่านหนังสือง่ายๆ ได้อายุ 4 ปี
                      • ร้อยละ52 ไวต่อความรู้สึกเจ็บปวด

                      ที่นี้ลองมาดูกันค่ะว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน มีลักษณะเข้าข่ายเด็กปัญญาเลิศ หรือเด็กอัจฉริยะหรือไม่ โดยจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

                      อ่านต่อ >> 30 ลักษณะของเด็กอัจฉริยะ ที่พ่อแม่สังเกตได้” คลิกหน้า 2

                      อ่านต่อบทคความอื่นน่าสนใจ คลิก!

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนม ตัวไหนที่คุณแม่ทานได้!

                        สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์ …ปัจจุบันมีการนำสมุนไพรมาสกัดและแปรรูปเพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น ซึ่งสมุนไพรหลายชนิดกินแล้วดีได้ประโยชน์ในช่วงตั้งครรภ์ก็มี เพราะสรรพคุณทางยาสามารถบำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนมสำคัญคุณแม่ที่ให้นมลูก ทั้งยังมีประโยชน์อื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพในแบบธรรมชาติอีกด้วย

                        ฉะนั้น เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณแม่ได้ศึกษาเข้าใจถึงรูปแบบ และวิธีการใช้ มาดูข้อมูลเรื่องสมุนไพรในแต่ละชนิดต่อไปนี้กันค่ะ ว่าตัวไหนทานได้หรือไม่อย่างไร เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย

                        ข้อมูลแนะนำ สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนม ตัวไหนที่คุณแม่ทานได้

                        สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์

                        สมุนไพร (Herb) และ สมุนไพรไทย (Thai Herb) คือ พืช ผัก และผลไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นยาและสิ่งบำรุงร่างกายมานานนับพันปี โดยที่สมุนไพรเหล่านี้มีทั้งแบบนำผล ใบ ราก เปลือก ยาง เนื้อไม้ เถา หัวและดอก หรือทั้งต้นมาใช้งาน ประโยชน์และสรรพคุณของสมุนไพรไทยเหล่านี้มีทั้งการนำมารับประทานสด การนำมาต้มรับประทานแบบยาแผนโบราณ บางชนิดก็ใช้ทาหรือพอกเพื่อรักษาโรค เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากสมุนไพรจะมีข้อดีแล้ว แต่ข้อเสียก็มีอยู่เช่นเดียวกันซึ่งคุณแม่ท้องและคุณแม่ให้นม ควรพิจารณาข้อมูลและข้อต้องห้าม ดังนี้

                         

                        สมุนไพรต้องห้ามสำหรับแม่ท้อง

                        สมุนไพรต้องห้ามส่วนใหญ่ของแม่ตั้งครรภ์จะออกฤทธิ์ให้มดลูกบีบตัวอย่างร้ายแรง คือ ทำให้แท้ง แต่ถ้าตกเลือดแต่ไม่แท้งอาจจะทำให้เด็กคลอดก่อนกำหนด ซึ่งจะส่งผลกับสมองของเด็กหรือทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ ควรดูให้แน่ว่าแพทย์แผนไทยคนนั้นมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ จากกระทรวงสาธารณสุขหรือเปล่า ทางที่ดีอย่าเสี่ยงรับยาไทย ยาหม้อ ยาต้ม ที่ไม่ทราบว่าตัวยานั้นคืออะไร

                        1. ยาสตรีทุกประเภท ตัวยาจะมีฤทธิ์บีบมดลูก และเป็นยาขับเลือด ซึ่งยาประเภทนี้เหมาะกับผู้หญิงที่ ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเลือดลมไม่ค่อยดี เหมาะกับผู้หญิงหลังคลอด
                        2. อาหารและของที่มีรสจัด เช่น พริก พริกไทย ไพล และเครื่องแกง ต่างๆ จะมีฤทธิ์บีบมดลูก และทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน
                        3. ตังกุย ยาจีน ช่วยบำรุงและกระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิงเหมาะกับคนวัยทองมากกว่าแม่ท้อง
                        4. สมุนไพรที่กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรงส่งผลกับเด็กในท้อง
                        5. หนุมานประสานกาย ช่วยขยายหลอดลม แพ้อากาศ ออกฤทธิ์ให้ หัวใจเต้นแรง คนที่เป็นโรคหัวใจก็ไม่ควรกิน
                        6. กวาวเครือ กินเพื่อให้มีน้ำมีนวลขึ้น ในปริมาณแค่เม็ด ถั่ว หรืออาจจะมาในรูปของครีมทาผิว
                        7. ห้ามทานยาดองเหล้า เพราะอันตรายจากแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในยาดอง ถ้ากินบ่อยๆก็ติดเหมือนคนติดเหล้า ทำให้เสียสุขภาพทั้งคุณแม่และลูก

                        สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์

                        สมุนไพรสำหรับแม่ให้นม

                        มีสมุนไพรหลายตัวที่มีส่วนช่วยบำรุงน้ำนมแม่ และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากให้แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะถึงแม้จะให้ลูกดูดกระตุ้นนมแม่ทุก 1-2 ชั่วโมง แต่บางครั้งกระบวนการผลิตน้ำนมแม่ก็ยังผลิตนมออกมาได้น้อย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่แม่ควรหาอาหารสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยให้การบำรุงน้ำนมแม่ให้ผลิตออกมาได้ทั้งคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอสำหรับให้ลูกได้กินค่ะ

                        • แต่การทานอาหารสมุนไพรถึงแม้จะปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของแม่ ก็ยังต้องให้ความใส่ใจและระมัดวังอยู่บ้างในการนำมาบริโภค ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ควรตระหนักถึง คือ
                        • สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดขาดการประเมิน อย่างละเอียดจากองค์การอาหารและยา
                        • สมุนไพรบางชนิดอยู่ในรูปสารสกัดซึ่งไม่ทราบส่วน ประกอบที่ชัดเจน
                        • การใช้สมุนไพรโดยไม่ทราบแหล่งที่มาอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับสารปนเปื้อนที่อาจเป็นพิษ
                        • ยังไม่มีขนาดการใช้ที่เป็นมาตรฐาน
                        • ไม่ควรทานสมุนไพรอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งการบริโภคที่ถูกต้องควรทานสลับกันอย่างสมดุล

                        และเพื่อความปลอดภัยทาง Amarin Baby & Kids  จึงได้นำข้อมูลเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร กับการเลือกรับประทานสมุนไพร จากเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร มาฝากค่ะ จะมีสมุนไพรตัวไหนบ้างที่ทานได้หรือทานไม่ได้ ไปดูกันเลยค่ะ

                        อ่านต่อ >> รวมรายชื่อสมุนไพร ใช้ได้ปลอดภัย กับแม่ท้องและแม่ให้นม” คลิกหน้า 2

                        อ่านต่อบทความแนะนำที่เกี่ยวข้อง!!

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          กระเจี๊ยบเขียว คนท้อง

                          กระเจี๊ยบเขียว คนท้อง อาหารสมุนไพรดีต่อสุขภาพ

                          ช่วงเวลาที่สุขที่สุดอีกช่วงหนึ่งในชีวิตผู้หญิงคือการได้อุ้มท้อง การได้เป็นแม่ของลูก และส่วนใหญ่เมื่อรู้ตัวว่าท้องก็มักจะให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำถามจากแฟนๆ ของเว็บไซต์ถามกันเข้ามาว่า กระเจี๊ยบเขียว คนท้อง กินแล้วได้ประโยชน์อะไรกับสุขภาพร่างกายบ้าง?

                           

                          กระเจี๊ยบเขียว  คนท้อง อาหารสมุนไพรดีต่อสุขภาพ

                          กระเจี๊ยบเขียว คนท้อง กินแล้วได้ประโยชน์อะไร? และก่อนที่เราจะไปหาคำตอบให้คุณแม่ท้อง ก่อนอื่นขอถามว่าบ้านไหนปลูกกระเจี๊ยบเขียวไว้เป็นผักสวนครัวรั้วกินได้บ้างคะ ถ้ามีล่ะก็ขอบอกว่านั่นคืออาหารสมุนไพรชั้นเยี่ยมเลยค่ะ

                          บ้านที่ต่างจังหวัดผู้เขียนก็ปลูกต้นกระเจี๊ยบเขียวไว้ที่สวนครัวหลังบ้าน และก็จำได้ว่าตอนที่พี่สาวท้อง คุณแม่ชอบไปเก็บกระเจี๊ยบเขียวมาแกงส้ม ใส่แกงเลียง หรือไม่ก็ต้มจิบกินกับน้ำพริกปลาทู ที่ขอบอกว่าช่วยให้พี่สาวที่กำลังท้องได้เจริญอาหารมากด้วยค่ะ  คุณแม่บอกว่ากระเจี๊ยบเขียวคนท้องกินแล้วดีกับร่างกาย เพราะเป็นยาธรรมชาติ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก

                          และมาถึงตอนนี้เพิ่งรู้ว่ากระเจี๊ยบเขียวไม่ได้มีดีแค่ใยอาหารสูงเท่านั้น แต่ยังอุดมด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก ฯลฯ รวมทั้งยังมีโฟเลตสูงมากด้วย ก็อย่างที่รู้กันว่าโฟเลตนั้นสำคัญกับร่างกายของคนท้องมาก ที่จริงใครเตรียมตัวจะมีลูก ควรกินโฟเลตเตรียมไว้ก่อนเลย ซึ่งนอกจากจะได้จากวิตามินชนิดเม็ด ก็ยังได้จากการทานพืชผักใบเขียวต่างๆ รวมถึงกระเจี๊ยบเขียวด้วยที่ก็มีโฟเลตสูง

                          อ่านต่อ กระเจี๊ยบเขียว ประโยชน์ที่แม่ท้องควรกิน หน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            จุดบอบบาง

                            ระวัง! 4 จุดบอบบางของเบบี๋ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

                            โดยปกติเราต้องระวังทารกทุกกระเบียดนิ้วอยู่แล้ว แต่มีอยู่ 4 จุดนี้ ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าจุดอื่นๆ คือ 4 จุดบอบบาง ได้แก่ ไขมันบนหนังศีรษะ เล็บมือ สายสะดือ อวัยวะเพศ แม่น้องเล็กมีเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการดูแล 4 นี้ของลูกน้อยมาฝากคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ

                            Continue reading “ระวัง! 4 จุดบอบบางของเบบี๋ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ”

                              สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชทานพระรูป “พระองค์ที” ในพระอิริยาบถต่างๆ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2560

                              สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2560

                               

                              เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์กรมประชาสัมพันธ์ ได้รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในพระอิริยาบถต่างๆ เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นำไปเผยแพร่ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2560 ที่ทรงเจริญพระชันษา 12 ปี เพื่อแสดงความจงรักภักดี และเพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป

                              สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชทานพระรูป พระองค์ที

                              สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชทานพระรูป พระองค์ที

                              ♥ ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดพระรูปได้ที่เว็บไซต์ กรมประชาสัมพันธ์ >> www.prd.go.th

                              สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชทานพระรูป พระองค์ที

                              โดย สำหรับพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ มีมาให้ดู ณ ที่นี้ จำนวน 5 พระรูป ได้แก่

                              >> ชมพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทั้ง 5 พระรูป คลิกหน้า 2

                              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

                                เช็กลิสต์และเตรียมของใช้ลูก ก่อนไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก!

                                การ เตรียมของใช้ อนุบาล ให้ลูกก่อนไปโรงเรียน …เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นทั้งคุณแม่มือใหม่และคุณลูกที่จะต้องไปโรงเรียนครั้งแรก ซึ่งสำหรับคุณแม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนก็คงจะงงๆ หรือจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มเตรียมอะไรให้ลูก อย่างไรดี?

                                เตรียมของใช้ อนุบาล และเช็กลิสต์ ให้ลูกก่อนไปโรงเรียนวันแรก

                                เพราะเมื่อลูกน้อยมีอายุได้ ประมาณ 3-4 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ ก็ต้องวางแผน เตรียมของใช้ อนุบาล เตรียมพร้อมสำหรับ การจัดหา โรงเรียนให้ลูกน้อย ได้ศึกษาเล่าเรียน ซึ่งช่วงการเตรียมความพร้อมในไปโรงเรียน มักเริ่มประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนเริ่มเรียน ซึ่งก็จะมีช่วงเวลาตลอดฤดูร้อน ที่ใช้ในการวางแผนเตรียมตัวล่วงหน้า ทั้งทักษะการเรียน การเข้าสังคม รวมไปถึงการหาอุปกรณ์ให้พร้อม พักผ่อนอย่างเพียงพอ และทัศนคติที่ดี เพื่อส่งเสริมให้วันแรกของการเปิดเรียน ราบรื่นมากที่สุดสำหรับคุณพ่อคุณแม่ลูกน้อยเอง

                                ซึ่งก่อนอื่นอยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านถึง ความหมายของ “สภาพของเด็กใหม่ที่ควรเข้าใจ” ซึ่งข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนอยากบอกให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองได้ทราบกันว่า

                                เตรียมของใช้ อนุบาล

                                ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ให้ลูกแล้วก่อนจะเข้ามาเจอกับสังคมใหม่ในโรงเรียน

                                ♥ บทความแนะนำคุณแม่ควรอ่าน!!!

                                2 สัปดาห์ ก่อนเปิดเทอม

                                กรณีเป็นน้องใหม่วัยเตรียมอนุบาล หรือวัยอนุบาล ควรเริ่มต้นด้วย

                                1. เตรียมร่างกายลูกให้แข็งแรงมีสุขภาพดี เพราะนั้นเท่ากับมีเครื่องมือในการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ นั่นหมายถึง อวัยวะรับสัมผัสทุกส่วนใช้ได้ดี ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างประสบการณ์เรียนรู้ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน โดยหาของเล่นที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก ใหญ่ ได้แก่ ปั้นแป้ง ร้อยลูกปัด ระบายสี ละเลงสีด้วยมือ หรือประยุกต์ของใช้ในบ้านเป็นของเล่น เช่น ใช้ช้อนตักมักกะโรนีใส่ถ้วย เล่นทราย เทน้ำกรอกน้ำใส่ขวด เป็นต้น แค่นี้มือไม้ก็พร้อมที่จะหยิบจับสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่กลัวเปื้อนเปรอะ

                                2. ให้ลูกได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน หรือวัยใกล้เคียง โดยพ่อแม่อาจเตรียมขนม ของเล่นให้ลูกไปแบ่งปันเด็กคนอื่น โดยพาไปบ้านญาติบ้านเพื่อนที่มีเด็ก หรือ เล่นกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการผูกมิตร รู้จักเล่นกับผู้อื่น รู้จักเอื้อเฟื้อ รอคอย รวมทั้งรู้จักแยกตนเองจากพ่อแม่แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ

                                3. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการไปโรงเรียน อาจหานิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการไปโรงเรียน การเล่นและทำกิจกรรมกับเพื่อน มาเล่าให้เด็กฟัง หรือชวนลูกไปดูบรรยากาศในโรงเรียนอนุบาลจริงๆ ว่าเด็กๆ ได้ทำกิจกรรม ได้เล่นสนุกกับเพื่อนอย่างไร ถ้าเลือกโรงเรียนได้แล้วควรพาลูกไปคุ้นเคยกับโรงเรียนใหม่ ได้พบปะ พูดคุยกับครู เดินดูสนามเด็กเล่น ดูบรรยากาศรอบๆ โรงเรียนเมื่อถึงวันเปิดเทอม จะได้ไม่ประหม่า

                                อ่านต่อ >> “การเตรียมตัวลูกวัยอนุบาลก่อนเกิดเทอม 2 สัปดาห์” คลิกหน้า 2

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  เลี้ยงลูกยุคไอที

                                  การเลี้ยงลูกในโลกยุคไอที ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

                                  IT ย่อมาจาก Information and Technology ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในศตวรรษที่ 21 ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีโทษมากเช่นเดียวกัน เด็กยุคใหม่จึงต้องมีทักษะทางด้านไอที เพื่อเอาตัวรอด และเพื่ออนาคตที่ดี แม่น้องเล็กมีคำแนะนำในการ เลี้ยงลูกยุคไอที ให้ได้ประโยชน์มาฝากค่ะ

                                  Continue reading “การเลี้ยงลูกในโลกยุคไอที ให้ได้ประโยชน์สูงสุด”

                                    นมแม่ไม่พอ

                                    น้ำนมน้อย นมแม่ไม่พอ ? และเคล็ดลับขับน้ำนมด้วยวิธีธรรมชาติ

                                    น้ำนมน้อย นมแม่ไม่พอ สาเหตุความเครียดอันดับต้น ๆ ของคุณแม่มือใหม่ เพราะความเข้าใจผิดคิดว่า ตัวเองมีน้ำนมไม่พอ เมื่อลูกดูดแล้วนมจึงไหลน้อยไม่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกส่งเสียงร้องตลอดเวลา จนบางครั้งต้องหานมผงมาชงเสริม เพราะกลัวลูกไม่อิ่ม แท้ที่จริงแล้วความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ เรามีข้อมูลเพื่อไขข้อข้องใจมานำเสนอค่ะ

                                    นมแม่เกิดขึ้นได้อย่างไร 

                                    พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านนมแม่ แห่งมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้อธิบายเกี่ยวกับกระบวนการและกลไกการสร้างน้ำนมไว้ว่า เมื่อตั้งครรภ์เต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปร่าง ขนาด และระบบต่อมต่าง ๆ ภายในเต้านม เพื่อเตรียมพร้อมในการผลิตน้ำนม โดยช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก จะเริ่มมีการสร้างฮอร์โมนต่าง ๆ เพื่อเตรียมผลิตน้ำนม ท่อนมจะงอกและแตกแขนงออก และกลายเป็นต่อมน้ำนมที่มารวมตัวกันอยู่บริเวณเต้านม ในช่วง 4-6 เดือนจะเริ่มมีการกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำนมขึ้น จนถึงช่วงตั้งครรภ์ระยะสุดท้ายประมาณ 7-8 เดือน เต้านมจะมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนัก 400-600 กรัม เพื่อรองรับน้ำนม แต่ด้วยกลไกตามธรรมชาติ น้ำนมที่ถูกสร้างจะถูกฮอร์โมนกดไว้ไม่ให้ไหลออกมาจนกว่าจะคลอด

                                    หลังจากคลอด การผลิตน้ำนมจะไม่ได้เกิดจากการควบคุมจากฮอร์โมนอีกต่อไป คุณแม่ต้องหมั่นกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมทำงานอย่างสม่ำเสมอด้วยตนเอง เพื่อให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการดูดของลูก การบีบ หรือการปั๊มนม โดยในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด คุณแม่อาจจะรู้สึกคัดตึงเต้านมเนื่องจากต่อมน้ำนมเริ่มผลิตน้ำนม และมีเลือดไหลเวียนเข้ามาในเต้านมเพิ่มขึ้น หากไม่ได้รับการกระตุ้นก็จะทำให้กลไกการผลิตน้ำนมไม่สมบูรณ์ การผลิตน้ำนมของคุณแม่ก็จะช้าลงและผลิตน้ำนมได้น้อยลงตามลำดับ

                                    อกเล็กนมน้อย จริงหรือไม่

                                    ปริมาณการกักเก็บน้ำนมกับขนาดเต้านมของคุณแม่แต่ละคนแตกต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีขนาดเต้านมใหญ่จะมีน้ำนมมากกว่าคนเต้านมเล็กเสมอไป หากเข้าใจกลไกการผลิตน้ำนมและรู้หลักการดูแลเต้านมด้วยตนเอง เช่น หากเต้านมเต็มต้องระบายน้ำนมออก นมค้างเต้าต้องเคลียร์เต้า มีวินัยในการปั๊มนมออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคนอกเล็กหรือใหญ่ก็สามารถมีน้ำนมเพียงพอในการเลี้ยงลูกได้เหมือนกัน

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    อ่านต่อ น้ำนมพอหรือไม่ ดูจากอะไร คลิกหน้า 2