


ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกสาว ให้ถูกสุขอนามัย
เมื่อคุณแม่มือใหม่ กังวลใจเกี่ยวกับเรื่องการ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกสาว … ทำแบบไหนสะอาดและไม่ติดเชื้อ!
ขอเสียงคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกสาวกันหน่อยค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการเลี้ยงลูกคนแรก เหนื่อยหน่อยนะคะในช่วงแรก ๆ แต่พอหลังจากนั้นไม่นานพอทุกอย่างเข้าที่ ทั้งคุณแม่และลูกน้อยสามารถปรับตัวเข้าหากันได้แล้ว คราวนี้ละค่ะ จากคุณแม่มือใหม่ที่ใคร ๆ ต่างพากันเรียกก็จะกลายเป็นคุณแม่มืออาชีพได้ไม่ยาก
มีหลายเรื่องใช่ไหมละคะที่คุณแม่สงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกสาว และลูกชาย เพราะกลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะไม่สะอาดพอ … อย่าได้กังวลใจไปเลยค่ะ เพราะในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids มีเนื้อหาดี ๆ มาฝากคุณแม่ทุกท่านให้ได้ทราบกัน

อุทาหรณ์! เครื่องกั้นทางเข้า MRT ปิดกระแทกหน้าด.ญ. จนแก้มช้ำ
นับเป็นอุทาหรณ์อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรละเลย สำหรับผู้ปกครองที่พาเด็กเล็กไปใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เมื่อเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่มากับแม่ถูกเครื่องกั้นทางเดินเข้าชานชลารถไฟฟ้าใต้ดินปิดกระแทกเข้าที่ใบหน้าจนบาดเจ็บ (more…)

วิธี ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย ที่ถูกต้อง
การ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! ปัญหาที่แม่กังวล จะหมดไปหลังอ่านบทความนี้!
คุณแม่หลายท่านกังวลใจที่จะต้อง ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย กันอยู๋ใช่ไหมคะ เพราะกลัวว่าทำไปแล้วจะไม่สะอาด หรือทำไปแล้วลูกอาจจะเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วงหรือกังวลใจอีกต่อไปแล้วละค่ะ เพราะวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาอธิบายพร้อมกับแนะนำวิธีการดูแล ทำความสะอาดอวัยวะเพศของเด็กผู้ชาย ให้ได้ทราบกันค่ะ
การดูแลสุขภาพอนามัยและ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย ก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกับการดูแลทำความสะอาดร่างกายทั่ว ๆ ไปค่ะ เป็นการป้องกันปัญหาจากสิ่งสกปรก ช่วยให้มีสุขภาพอนามัยที่ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้น และป้องกันการติดเชื้อ หรืออักเสบ ผื่นคัน ของอวัยวะเพศของลูกน้อย แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการทำความสะอาดนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับอวัยวะเพศของลูกกันก่อนค่ะ

พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ด้านทารกแรกเกิด ได้ให้ความรู้เอาไว้ว่า หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของลูกชาย ช่วยปกคลุมบริเวณอวัยวะเพศ ไม่ให้ถูกเสียดสี ปกติแล้วจะมีรูเปิดกว้างพอให้ปัสสาวะพุ่งออกมา และไม่กว้างมากเกินไป ช่วยป้องกันเศษอุจจาระเล็ดลอดเข้าไปได้ หนังหุ้มปลายจะถูกรูดได้ง่ายขึ้น เมื่อลูกน้อยอายุประมาณ 3 ขวบขึ้นไป บางคนอาจรูดได้เมื่อเป็นวัยรุ่น แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไรค่ะ ในบางครั้งคุณแม่อาจจะเห็นว่ามีไขสีขาวติดอยู่ภายใต้หนังหุ้มปลาย อันนี้เราเรียกกันว่า “ขี้เปียก” ทำหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหนังหุ้มปลาย และอวัยวะเพศของทารกเพศชาย อาจมีอาการแข็งตั้งของอวัยวะเพศได้เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเวลาปวดปัสสาวะ หรืออาจไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ
อวัยวะเพศของเด็กชายนั้นสามารถแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกันดังนี้
- องคชาต มีลักษณะเป็นแท่ง หุ้มด้วยผิวหนัง และ
- ลูกอัณฑะ เป็นถุงกลม ๆ 2 ถุงอยู่ใต้องคชาต ในช่วงแรกเกิดอัณฑะของเด็กชายบางคนอาจมีขนาดไม่เท่ากัน แต่พอลูกน้อยโตขึ้น ขนาดจะสมดุลเอง
วิธีการ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย
การดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าลูกน้อยไม่ได้รับการขลิบ คุณพ่อคุณแม่ ควรล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่อาบน้ำ โดยการรูดหนังหุ้มปลายให้ตึงเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีหยดปัสสาวะ หรือเศษอุจจาระตกค้างอยู่ภายใน ห้ามออกแรงมาก เพราะลูกน้อยจะเจ็บ และทำให้เลือดออก หรือติดเชื้อตามมาได้ค่ะ
การทำความสะอาดในชีวิตประจำวัน
1.ทุกครั้งที่อาบน้ำให้ ทำความสะอาดอวัยวะเพศของลูกชาย ด้วยการชำระคราบสิ่งสกปรกที่สะสมใต้หนังหุ้มปลาย
2.หากรู้สึกว่าสกปรกมาก ให้ใช้สบู่อ่อน ๆ สำหรับเด็กทารก ผสมน้ำทำความสะอาด แล้วล้างออกจนหมด
3.ทุกครั้งที่ลูกน้อยถ่ายปัสสาวะ ต้องให้ลูกน้อยปัสสาวะให้หมด และมั่นใจว่าไม่เหลือหยดแล้วนะคะ มิเช่นนั้นอาจเกิดการหมักหมมและจะสะสมเชื้อแบคทีเรียเอาได้
4.หมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ปัสสาวะ หรืออุจจาระ ระคายเคืองผิว ล้างทำความสะอาด ซับให้แห้ง
แล้วถ้าลูกถ่ายอุจจาระละ จะมีวิธีการทำความสะอาดแบบไหน ไม่ต้องกังวลค่ะ ไปหาคำตอบนั้นพร้อม ๆ กันได้ที่หน้าถัดไปเลยดีกว่านะคะ

ดาวน์ซินโดรม รู้ล่วงหน้า..หยุดความเสี่ยงได้ตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์
ดาวน์ซินโดรม โรคทางพันธุกรรมที่ไม่มีทางรักษาหายได้ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมที่พบบ่อยที่สุด โดยจะเรียกว่า กลุ่มอาการดาวน์ฯ (Down syndrome) ซึ่งเด็กที่เกิดมาจะมีรูปร่างลักษณะและพัฒนาการบางอย่างของร่างกายที่แตกต่างไปจากเด็กปกติ จะมีใบหน้าและรูปร่างลักษณะที่จำเพาะ สามารถให้การวินิจฉัยโดยแพทย์และพยาบาลได้ตั้งแต่แรกเกิด
สาเหตุของโรคดาวน์ซินโดรม กับเรื่องโครโมโซม
ดาวน์ซินโดรมเป็นโรคทางพันธุกรรมซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่โครโมโซมคู่ที่ 21 เกิดความผิดปกติ ซึ่งในคนปกตินั้นจะมีโครโมโซมคู่ที่ 21 เพียง 2 แท่ง แต่ในกลุ่มผู้มีอาการดาวน์ซินโดรมนั้นจะมี 3 แท่ง หรือบางรายอาจจะมีอาการมาจากการย้ายที่ของโครโมโซมคู่ที่ 14 มายึดติดกับโครโมโซมคู่ที่ 21 เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจจะมีสาเหตุมาจากการมีโครโมโซมแท่งที่ 46 และ 47 ในคน ๆ เดียว โดยกรณีจะเรียกว่า MOSAIC แต่ก็เป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรมส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดจากพ่อแม่ที่มีความผิดปกติ
ลักษณะโดยทั่วไปของเด็กกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม
เด็กกลุ่มอาการดาวน์ฯ จะมีศีรษะค่อนข้างเล็ก แบน ตาเฉียงขึ้น ดั้งจมูกแบน ปากเล็ก ลิ้นมักยื่นออกมาและมีลักษณะคับปาก มือสั้น ขาสั้น ตัวเตี้ย มักมีโรคหัวใจพิการ หรือโรคลำไส้อุดตันตั้งแต่แรกเกิด มีลักษณะตัวที่ค่อนข้างนิ่มหรืออ่อนปวกเปียก มีพัฒนาการที่ล่าช้าของการนั่ง ยืน เดิน และการพูด ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเกิดมาจากแม่คนไหนก็ตาม และหน้าตาจะแตกต่างจากพี่น้องท้องเดียวกันที่เป็นเด็กปกติ
การพัฒนาการของสมองในกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ในเด็กทารกนั้นจะมีตัวอ่อนนิ่ม เพราะพัฒนาการของกล้ามเนื้อไม่ดี แต่เมื่อเติบโตขึ้นก็จะเป็นปกติ ระดับของสติปัญญาจะอยู่ในขั้นปัญญาอ่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง คือมีไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 50 ส่วนใหญ่ทารกมักจะเสียชีวิตในระยะแรกเกิดหรือมีอายุเฉลี่ย 40 ปี แต่ผู้ที่เกิดมามีอาการนี้ส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยร่าเริง ยิ้มง่าย สุภาพอ่อนโยน อดทน ยอมคน ไม่แข็งกร้าว อบอุ่น ใจดี ซึ่งนิสัยเหล่านี้ทำให้ผู้ที่มีอาการดาวน์ซินโดรมนั้นสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ดี
ปัจจัยเสี่ยงการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม
ปัจจัยเสี่ยงของการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมมีเท่ากันทุกคน แต่อัตราความเสี่ยงจะสูงหรือต่ำขึ้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุของมารดาขณะตั้งครรภ์ มีประวัติมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม หรือมีความผิดปกติในโครโมโซมของพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย เป็นต้น รวมถึงหญิงที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุเท่ากับหรือมากกว่า 35 ปี จะมีความเสี่ยงสูงถึง 1 ใน 270 ราย ซึ่งสูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อยจะไม่มีโอกาสคลอดลูกเป็นดาวน์ซินโดรม เพราะหญิงที่มีอายุน้อยก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะคลอดลูกเป็นดาวน์ซินโดรมสูงถึง 1 ใน 1,000 ราย
อ่านต่อ >> หยุดความเสี่ยงลูกเป็น “ดาวน์ซินโดรม” รู้ล่วงหน้าด้วยการตรวจคัดกรองความผิดปกติ คลิกหน้า 2

เตือนลูกฟันผุ พัฒนาการล่าช้า-เตี้ยแคระแกร็น

ถ่านกระดุมติดคอลูกน้อย เสี่ยงหลอดอาหารทะลุ

รับเงินประกันสังคมคืน เมื่ออายุ ครบ 55 ปี
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องจ่ายเงินสบทบ ประกันสังคม ที่ถูกหักออกจากเงินเดือน เดือนละ 5% สูงสุดไม่เกิน 750 บาท จากการรับเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป เงินที่เราจ่ายไปทุกเดือน คือการบังคับให้มนุษย์เงินเดือนทุกคนออมเงินส่วนหนึ่ง ซึ่งสามารถรับเงินประกันสังคมคืนได้ เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์

ข้อควรรู้เกี่ยวกับแผลฝีเย็บ หลังคลอด
สำหรับคุณแม่ที่คลอดลูกแบบธรรมชาติ หลังจากคลอดเสร็จ คุณหมอจะทำการเย็บบริเวณทวารหนักถึงช่องคลอดหลังจากที่มีการฉีกขาดขณะเบ่งคลอดลูก หรือที่แพทย์กรีดฝีเย็บเพื่อป้องกันการฉีกขาดระหว่างคลอดกลายเป็น แผลฝีเย็บ อาจทำให้คุณแม่เจ็บบริเวณช่องคลอด การดูแลตัวเองหลังคลอดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ฝีเย็บ คือบริเวณที่อยู่ระหว่างรูเปิดของทวารหนักกับรูเปิดของช่องคลอด องค์ประกอบหลักในฝีเย็บคือไขมันและกล้ามเนื้อซึ่งมักจะฉีกขาดเวลาคลอดลูก ซึ่งแผลเย็บจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทารกได้คลอดออกมาแล้ว โดยจุดประสงค์หลักของการตัดฝีเย็บก็เพื่อที่จะเพิ่มความกว้างของช่องทางคลอด ช่วยลดระยะเวลาในระยะคลอด และป้องกันการฉีกขาดเองของฝีเย็บ
การตัดและเย็บฝีเย็บ
ในการคลอด แพทย์จะทำการตัดฝีเย็บเพื่อช่วยขยายทางออกของทารก ฝีเย็บมักจะถูกตัดเมื่อศีรษะทากรกโผล่ทางช่องคลอด แพทย์จะใช้กรรไกรตัดบริเวณฝีเย็บอย่างน้อย 45 องศาจากกึ่งกลาง เป็นวิธีที่นิยมใช้ทั่วไป เนื่องจากเป็นวิธีที่เพิ่มความกว้างของช่องทางคลอดได้มากที่สุดเมื่อการคลอดเสร็จสมบูรณ์แพทย์จะทำการเย็บปิดแผล
และนั่นก็แปลว่าคุณแม่ได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่สำเร็จแล้ว งานต่อไปคือการดูแลให้แผลที่เย็บไว้หายเร็วขึ้นโดยการทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ค่ะ
วิธีการดูแลฝีเย็บของคุณแม่หลังคลอดด้วยตนเอง
ทำความสะอาด การทำความสะอาดบริเวณแผลฝีเย็บ ให้คุณแม่ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดโดย “เช็ดลงล่างทางเดียวทิ้ง”ความหมาย คือคุณแม่ต้องเช็ดทำความสะอาดเริ่มจากช่องคลอด แล้วเช็ดลากอย่างเบามือไปทางทวารหนัก ห้ามย้อนศรเด็ดขาด ถ้าเช็ดย้อนขึ้นเชื้อโรคจากทวารหนักอาจเข้าไปในแผล การเช็ดแผลควรทำทีเดียวแล้วทิ้งเลย ไม่ใช้ก้อนสำลีเดิมที่เช็ดแล้ว มาเช็ดวนซ้ำเรื่อยๆ แทนที่จะสะอาด กลับกลายว่านำเอาเชื้อโรคกลับเข้าไปในแผลอีก
เรื่องการอาบน้ำ เวลาอาบน้ำหากแผลโดนน้ำก็ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถล้างด้วยน้ำเปล่าได้โดยให้น้ำรินไหลผ่าน แต่ห้ามเอาหัวฉีดล้างชำระ หรือใช้ฝักบัวล้างโดยตรง เพราะแรงดันของน้ำจะทำให้แผลเปิดแยกออกจากกันได้ แถมอาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปสู่ส่วนลึกๆของแผลได้อีกด้วย หลังอาบน้ำเสร็จก็เช็ดให้แห้ง แล้วใส่ผ้าอนามัยไว้ให้เรียบร้อย
น้ำคาวปลา ช่วงหลังคลอดจะมีน้ำคาวปลาไหลซึมอออกมาทางช่องคลอด ซึ่งน้ำคาวปลาจะหมดภายใน 3-4 สัปดาห์ คุณแม่ควรใส่ผ้าอนามัยไว้ตลอดเพื่อป้องกันการเลอะเปื้อน และต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยให้บ่อยครั้งที่สุด ควรให้แผลแห้งอยู่ตลอดเวลา อย่าให้แผลแฉะชื้น หมักหมมจากการไม่เปลี่ยนผ้าอนามัย เพราะจะทำให้แผลอักเสบได้ง่าย
รู้สึกตึงแผล อย่ากังวลหากคุณแม่หลังคลอดรู้สึกว่าแผลบริเวณที่เย็บนั้นตึง นั่นเป็นเพราะว่าแพทย์ทำการเย็บแผลได้กระชับดี ทั้งนี้เมื่อรู้สึกตึงที่แผล ควรขยับตัวด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด ควรรอให้น้ำคาวปลาหรือเลือดคล้ายประจำเดือนที่ออกมาหลังคลอดหมดเสียก่อน โดยทั่วไปแล้วจะหมดและหายไปประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังคลอด ในช่วงนี้มดลูกยังคงมีบาดแผลจากการคลอดรก หากคุณมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่น้ำคาวปลาจะหมด ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือแผลฝีเย็บฉีกขาดได้
การจัดท่านั่งให้นมลูก ส่วนใหญ่คุณแม่จะนั่งขัดสมาธิให้นมลูกเวลาอยู่บนเตียง แต่คุณแม่รู้หรือไม่ว่าการนั่งท่านี้ขาจะฉีกแยกออกจากกันเยอะ แผลที่ตึงอยู่แล้วก็แทบจะปริแยกอะอกจากกัน ควรใช้ท่านั่งพับเพียบ หรือท่านั่งเหยียดขาในการนั่งให้นมลูกไปก่อนนะคะ
ท่าทางเดินของคุณแม่หลังคลอด แนะนำให้คุณแม่เดินขาแยกออกจากกันเล็กน้อย เพราะแผลจะอยู่ตรงกลางระหว่างขาพอดี ถ้าเดินหนีบๆ แผลจะเสียดสีกันได้ เวลาเดินต้องค่อยๆ ลงน้ำหนักเท้าและเดินด้วยความระมัดระวัง หลังจาก 7 วันแผลก็จะค่อยๆ หายสามารถกลับมาเดินท่าปกติได้ค่ะ ท่องให้ขึ้นใจค่ะว่าการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ เป็นการขยับตัวของกล้ามเนื้อจะทำให้แผลและฝีเย็บหายได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกลัวแผลปริแยก
ระยะเวลารักษาแผล ปกติแผลฝีเย็บจะหายเจ็บค่อนข้างเร็ว คุณแม่อย่ากังวลใจไปนะคะ ความเจ็บถ้าวัดกันเป็นตัวเลขได้ก็จะเจ็บน้อยลงวันละ 30%วันแรกคุณแม่อาจเจ็บ 100% วันที่สองลดลง 70% วันที่สามดีมาหน่อยเจ็บ 40% วันที่สี่ความเจ็บลดน้อยลงเหลือเพียง 10% วันต่อมาความเจ็บก็จะหายไปเอง แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปนานหลายวันแล้วคุณแม่ยังเจ็บแผล และแผลนั้นเพิ่มความเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นแสดงว่าเกิดการผิดปกติบางอย่างกับแผลของคุณแม่แล้วนะคะ อย่าชะล่าใจ ควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ
ทำอย่างไรให้แผลสมานตัวเร็วขึ้นหลังคลอดลูก?
- อย่าทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากนัก ขยับตัวลุกนั่ง เดินด้วยความระมัดระวัง
- หมั่นขมิบช่องคลอดบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลไปเลี้ยงในบริเวณนั้นมากขึ้นและกระตุ้นการสมานแผล
- รักษาความสะอาดและคอยดูแลให้แผลแห้งอยู่สม่ำเสมอ
- เลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีผิวสัมผัสแบบนุ่ม ระวังอย่าให้ผ้าอนามัยที่ใช้เสีียดสีกับแผลจนเกินไป ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อลดความเปียก และอับชื้นของแผล
- เวลาเจ็บแผลมากๆ คุณแม่สามารถทานยาพาราเซตามอลได้ แต่ถ้าทานยาแล้วไม่ดีขึ้น ให้คุณแม่ใช้เจลประคบเย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบไว้บริเวณแผลได้ แต่ต้องไม่เกินครั้งละ 2-3 นาที ความเย็นจะช่วยลดอาการบวม แต่หากนานเกินไปก็จะทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณแผลน้อยลง
- คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ เน้นอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำมากๆ เพื่อไม่ให้ท้องผูก
แนะนำเพิ่มเติม
หลังคลอด การสังเกตแผลฝีเย็บเป็นเรื่องที่แม่ ๆ ควรใส่ใจ หากแผลฝีเย็บมีอาการบวมแดง แผลแยกออกจากกัน มีเลือดไหล หรือรู้สึกตึงปวดและมีอาการไข้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณว่า แผลเกิดการอักเสบ ควรไปรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันทีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.medicine.cmu.ac.th , www.iammomsociety.com/

ฉีดวัคซีนไข้สมองอักเสบฟรี! ที่โรงพยาบาลรัฐ

รวมพฤติกรรมยอดแย่ที่พ่อแม่ไม่ควรทำต่อหน้าลูก

เทคนิคดูแลเรื่องเรียน เมื่อลูกน้อย สมาธิสั้น

ชีวิตเปลี่ยน…เมื่อซื้อมือถือให้ลูกน้อย

เล่นบ้านลมไม่ระวัง ด.ช.พลัดตกพื้นอาการสาหัส
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนคงจะเคยพาลูกไปเล่น “บ้านลม” สไดล์เดอร์ขนาดใหญ่และสูง ซึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่ชื่นชอบเล่นบ้านลมกันอย่างมาก ส่วนคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราก็คงอดตามใจลูกไม่ได้ แต่เคยแอบคิดกันบ้างหรือเปล่า ว่าเครื่องเล่นแบบนี้มีความปลอดภัยขนาดไหนกัน?
เหตุการณ์นี้เป็นคลิปวีดีโอที่ได้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟสบุ๊ค ในชื่อผู้ใช้ صفاء زنابيلي ซึ่งนับเป็นคลิปสุดระทึกเพื่อเตือนสติและเป็นอุทาหรณ์กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ให้ระมัดระวังเรื่องการปล่อยเด็กๆ ไปเล่นบ้านลมตามงานวัดและตลาดนัด
โดยคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จากต่างประเทศ ที่ทำให้ผู้เป็นแม่จำไปจนวันตาย โดยคุณแม่คนหนึ่งได้พาลูกไปเล่นบ้านลม และยืนถ่ายคลิปลูกน้อยอยู่ด้านล่าง โดยในภาพเป็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังขึ้นไปกระโดดเล่นบ้านลมกันอย่างสนุกสนาน … แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งกำลังกระโดดเพื่อจะหาจังหวะสไลด์ตัวลงมา แต่การโดดครั้งนั้นกลับทำให้มีเด็กคนหนึ่งกระเด็นตกลงไปด้านล่างอย่างแรง จนทำให้คนเป็นแม่ซึ่งยืนถ่ายคลิปดังกล่าวอยู่ด้านล่างถึงกับช็อกส่งเสียงร้อง ก่อนรีบเข้าไปช่วยลูกทันที
และแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะไม่เป็นอันตรายหนักถึงขั้นเด็กคนดังกล่าวเสียชีวิต แต่ก็ทำให้ด.ช.ผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกหามเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วน
ทั้งนี้เมื่อคลิปได้เผยแพร่ออกไปก็ถูกแชร์ไปอย่างมากมาก และมีคนเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก พร้อมขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์การเล่นอะไรควรมีสติไม่อย่างนั้นเหตุไม่คาดฝันดังกล่าวก็อาจเกิดขึ้นกับลูกของคุณได้ แม้เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ในไทยก็ตาม
ชมคลิป >> เหตุการณ์จริง! “ด.ช. ผลัดกระเด็นตกจากสไลเดอร์บ้านลม” คลิกหน้า 2

เพราะเหตุใดทารกถึงนอนสลับเวลา!

เรื่องเล่าน่าเศร้า…เมื่อเต้านมฉันอักเสบ
คุณแม่นักปั๊มท่านหนึ่งมาแชร์ประสบการณ์ตรง เกี่ยวกับการให้นมลูก เมื่อเธอได้พบปัญหา เต้านมอักเสบอย่างรุนแรง ทำให้ท่อน้ำนมอุดตัน จนน้ำนมไม่สามารถไหลออกได้ ทั้งเต้านมยังแข็งเป็นไต มีอาการบวมแดงจนไม่สามารถใส่ชุดชั้นในได้ คุณแม่จึงไปรักษาด้วยความเจ็บปวดทรมาน ซึ่งอาการเต้านมอักเสบในครั้งนี้ ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมที่มีมากลดน้อยลง คุณแม่จึงอยากบอกเล่าประสบการณ์เพื่อเตือนให้คุณแม่นักปั๊มทุกท่าน ให้มีวินัยในการปั๊มน้ำนม หมั่นเอาน้ำนมออกอย่างสม่ำเสมอ ตรงเวลา เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาอาการเต้านมอักเสบอย่างที่เธอเคยเจอมา
เรื่องเล่าเมื่อ เต้านมอักเสบ
ทำไมเต้านมถึงอักเสบ?
เต้านมอักเสบจะมีอาการ เต้านมร้อน บวมแดง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย บางครั้งมีไข้สูงกว่า 38 องศา อาจมีท่อน้ำนมอุดตัน แข็งเป็นไต และอาจรุนแรงจนกลายเป็นฝีอีกด้วย
เต้านมอักเสบ เกิดจากท่อน้ำนมถูกอุดกั้น หรือขาดการระบายจนท่อน้ำนมรับภาระไม่ไหว เกิดการบวม แข็ง การที่น้ำนมขังอยู่ในท่อ และเต้านมมากๆ เกิดจากลูกน้อย ดูดนมน้อยเกินไป หรือไม่บ่อยเพียงพอ ประกอบกับการสร้างน้ำนมที่มาก แต่ไม่ถูกขับออก เมื่อขังไปนานๆ เข้า ท่อน้ำนมก็เต็มแน่นจนมีอาการปวด บวม แดง ทำให้เนื้อเยื่อบวม อักเสบ และการผลิตน้ำนมหยุดชะงัก โดยสาเหตุสำคัญมี 5 ข้อ คือ
1.คุณแม่เผลอ หรือลืม หรือเว้น ในการให้นมลูกน้อยนานเกินไป และเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซ้ำๆ จนเกิดอาการ
2.มีการกระตุ้นการสร้างน้ำนม มากกว่าการระบายออกไป ทำให้ขาดความสมดุล หรือปั๊มนมบ่อยเกินไป
3.มีการกดทับที่ท่อน้ำนม เพราะใส่เสื้อผ้า หรือชุดชั้นในคับแน่น และมีขอบแข็ง
4.มีรอยแผลเปิดที่หัวนม เพราะการให้นมที่ไม่ถูกวิธี ทำให้หัวนมแห้ง แตก และมีเชื้อโรคเข้าไปในเต้านม
5.เต้านมใหญ่หย่อนยาน ทำให้ระบายน้ำนมส่วนล่างออกมาได้ไม่ดี
รับมืออย่างไรเมื่อเต้านมอักเสบ?
ถ้าคุณแม่พบว่าเต้านมอักเสบ หรือมีอาการเจ็บที่บริเวณเต้านม แนะนำให้คุณแม่ให้นมลูกน้อยด้วยการดูดนมจากเต้าให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยทุก 2-3 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้น เพื่อล้างท่อน้ำนมให้มากที่สุด ไม่ปล่อยให้อักเสบมากจนมีผิวหนังแดง และรู้สึกร้อน หรือเป็นไข้ เพราะคุณแม่จะอ่อนเพลีย และเป็นฝีในที่สุด
ถ้าคุณแม่เป็นฝี และเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษา รับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง อย่าปล่อยให้เต้านมอักเสบจนเป็นฝี และที่สำคัญคือการให้ลูกน้อยดูดนมอย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดการหลั่งของน้ำนม และรักษาการสร้างน้ำนมไว้อย่างสม่ำเสมอ
อ่านต่อ “วิธีแก้ไข เมื่อเต้านมอักเสบ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” คลิกหน้า 2

เปรียบเทียบสารสำคัญในสเปรย์กันยุงและแผ่นแปะกันยุง ซื้ออย่างไร แบบไหนดี?

9 เรื่อง การเสริมสวยที่แม่ท้องควรรู้
ลูกผู้หญิงอย่างเรา”รักสวยรักงาม” ต้องการเสริมสวย ให้ดูดีในทุก ๆ เวลาจริงไหมคะ ไม่เว้นแม้แต่ตอนตั้งครรภ์ เพราะในช่วงเวลานั้น ยิ่งทำให้รูปร่าง ผิวพรรณ ของว่าที่คุณแม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม บางคนอาจดูสวยเปล่งปลั่งขึ้น หรือบางคนอาจดูโทรมขี้เหร่กว่าเดิมจนทนไม่ไหว อยากจะลุกขึ้นมาแต่งสวยเหมือนก่อนท้องบ้าง
ซึ่งก็มีคุณแม่ท้องหลายคนที่อยากเข้าร้านเสริมสวย แต่ก็ยังกังวลเป็นห่วงลูกน้อย กลัวลูกจะได้รับอันตรายจากสารเคมีที่ใช้ ดังนั้นแล้วในช่วงตั้งครรภ์ มีเรื่องความสวยความงามเรื่องใดบ้างที่คุณแม่ท้องสามารถทำได้หรือเรื่องใดต้องห้ามและควรหลีกเลี่ยง มาดูกันเลยค่ะ
1. แต่งหน้าและใส่น้ำหอม
คุณแม่บางคนพอรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วก็เลิกประทินโฉม กลัวว่าสารเคมีต่างๆที่อยู่ในเครื่องสำอางจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อย แต่คุณแม่บางคนแม้จะท้องก็ตาม ก็ยังทาหน้าแต่งตาให้ดูสวยงาม บางคนก็ยังฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฟุ้ง เพื่อให้น่าเข้าใกล้ น่าชื่นชม
ซึ่งความจริงแล้ว ขณะตั้งครรภ์คุณแม่สามารถแต่งหน้า ใช้น้ำหอมได้เหมือนก่อนตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องค่ะ เพียงแต่ต้องระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้ละเอียดถี่ถ้วน หลีกเลี่ยงของปลอม หรือของไม่มีคุณภาพ ไม่มีอย.รับรอง เวลาแต่งก็อย่าพอกให้หนามากเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกหนักหน้าแล้ว การแต่งหน้าทาปากจนเกินพอดี อาจทำให้ดูไม่งามขึ้นมาได้ค่ะ
2. โกรกผม ย้อมผม ยืดผม ดัดผม
สำหรับเรื่องการเสริมสวยของเส้นผมระหว่าตั้งครรภ์นั้น ไม่ว่าจะดัด ยืด ย้อมผม ทำสี แนะนำว่าถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงค่ะ เพราะการเสริมความงามเหล่านี้ต้องใช้สารเคมี ซึ่งสารเคมีบางอย่างอาจทำให้คุณแม่เกิดอาการแพ้ได้ เช่น ถ้าหากเราเกิดอาการแพ้ และเป็นแผลที่หนังศีรษะ ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามรวดเร็ว หรือถ้าอดใจไม่ไหว อยากเสริมสวยจริงๆละก็ ควรรอทำหลังจากที่มีอายุครรภ์เกิน 4 เดือนไปแล้ว เพราะการตั้งครรภ์ช่วงแรกเป็นช่วงที่มีการพัฒนา สร้างอวัยวะต่างๆของลูกในท้อง คุณแม่ควรมองหาน้ำยาในการทำผมที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก FDA ซึ่งหากมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ต้องมีฉลากแจ้งเตือนที่เห็นได้ชัดเสมอ อย่างไรก็ตาม น้ำยาดัด ยืดผม น้ำยาย้อมผม ทำสีส่วนใหญ่ยังไม่มีการรายงาน หรือมีหลักฐานยืนยัันแน่ชัดว่าส่งผลกระทบต่อลูกในท้องแต่อย่างใด
สำหรับคุณแม่ที่อยากเลี่ยงสารเคมีต่างๆ ขอแค่ไดร์ผมให้สวยเข้าทรงเท่านั้นก็ไม่ว่ากันค่ะ การใช้ไดร์เป่าผมควรระวัง ไม่ใช้ความร้อนสูงนัก และถ้าเลี่ยงการอบผมได้ในช่วงนี้ก็ควรเลี่ยง เพราะการได้รับความร้อนนานๆ อาจทำให้แม่ตั้งครรภ์รู้สึกเวียนหัว หน้ามืด เป็นลมได้