เพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง

เพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง แม่ทำได้ด้วย 5 วิธี

event
เพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง
เพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง

เพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง

วิธีเพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง เพื่อไม่ให้ลูกตัวเล็กเมื่อคลอดออกมา

สิ่งสำคัญในการเพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง คือเรื่องโภชนาการอาหาร คุณแม่ท้องควรเน้น สารอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เน้น อาหารที่เพิ่มพลังงานเพียงแต่อย่างเดียว

  1. ให้กินอาหารเท่าที่จำเป็น เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ รวมทั้งคุณแม่ให้นมลูกที่มีสภาวะทางโภชนาการปกติอยู่แต่เดิม ต้องการแคลอรี่เพิ่มขึ้น 500 กิโลแคลอรี่/วัน หากถ้าใครมีสภาวะโภชนาล้นเกิน หรือ นน.เกินอยู่แล้ว ไม่ต้องกินเพิ่ม ให้กินเท่ากับตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์ คือ 2,000 กิโลแคลอรี่/วันก็เพียงพอค่ะ
  2. ควรทานอาหารที่หลากหลาย เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ โดยเน้นโปรตีน แต่ให้หลากหลายและมาจากธรรมชาติ เช่น ปลา ไก่ หมู ไม่ใช่ทานอาหารอย่างเดียวปริมาณมาก เช่น ไข่ 10 ฟองต่อวัน นมวันละ 2 ลิตร ซึ่งอาจทำให้ลูกน้อยคลอดออกมาจะเสี่ยงต่อแพ้ไข่ แพ้นม ได้
  3. ต้องหมั่นคอยดูแลรักษาโรคประจำตัวของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ และควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนไม่พอ มีความเครียด ความกังวล ก็ทำให้ลูกตัวเล็กได้เช่นกัน
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่
  5. คุณแม่ท้องควรออกกำลังกายด้วย ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสม สามารถทำได้ และพบว่าอาจช่วยให้สุขภาพลูกแข็งแรงด้วย

ที่สำคัญคุณแม่ท้องตรวจติดตามร่างกายกับคุณหมอที่ดูแลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทารกที่ตัวเล็ก คุณหมออาจนัดตรวจติดตามถี่กว่าปกติ เพื่อตรวจสุขภาพทารกอย่างละเอียด

อีกทั้งยังมีเทคนิคเพิ่มเติม กับวิธีการเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์ ตามคำแนะนำทั่วไปของคุณหมอ คือ ควรทานทุกสองชั่วโมง ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เช่น ทานกล้วยหอม 1 ลูก ตามด้วย แอปเปิล หรือแดงหนึ่งลูก แล้วก็ตามด้วยนมหนึ่งแก้ว และอีกสองชั่วโมงต่อมาก็ให้ทาน นมถั่วเหลืองกับขนมปังทาตับบด ทานสลับกันไป พอถึงช่วงเย็น ก็ทานอาหารปกติ แต่ขอให้ครบห้าหมู่ก็เพียงพอ แค่นี้น้ำหนักของลูกในท้องก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่ใช่ว่าคุณแม่ทั้งหลายจะมัวกินเพลินจนลูกน้อยในครรภ์มีน้ำหนักเยอะเกินไปนะคะ นั่นจะส่งผลเสียให้ตัวคุณแม่เองด้วยเวลาคลอด และจะทำให้เด็กมีน้ำหนักตัวเกินพิกัดที่กำหนด

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง
เพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง
Good to know…  ทั้งนี้ นักวิจัยเนเธอร์แลนด์เผยความเครียดจากงานในช่วงเริ่มต้นการตั้งครรภ์ มีผลทำให้ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการมีน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
โดยการวิจัยในครั้งนี้ได้ทำการศึกษาว่าที่คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 1 – 3 เดือน) จำนวน 8,266 ราย เกี่ยวกับภาระงานที่ได้รับมอบหมายในช่วง 1 – 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และมีการสอบถามเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานว่ามีความเร่งรีบ หรือเป็นงานที่ต้องการความถูกต้องแม่นยำสูงหรือไม่
ผลการศึกษาระบุว่า ผู้หญิงที่มีเวลาทำงานตั้งแต่ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไป และเป็นงานที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง จะส่งผลให้มารดาเกิดความเครียด และส่งผลต่อน้ำหนักของทารกในครรภ์ให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
จากผลการศึกษา หากสามารถลดความเครียดในการทำงาน และลดชั่วโมงการทำงานในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้มากกว่า”

ดังนั้นวิธีดูแลที่ถูกต้องสำหรับคุณแม่ท้องที่ตรวจเจอปัญหาลูกในครรภ์ตัวเล็ก คือ การพักเยอะๆ การนอนเยอะๆ เพื่อให้มีเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงทารกมากขึ้น ถ้าแม่ทำงานเยอะ ออกแรงเยอะ เลือดก็ต้องไปเลี้ยงส่วนอื่นๆของร่างกายคุณแม่ ทำให้มีเลือดมาเลี้ยงลูกลดลง คุณแม่ตั้งครรภ์ควรนอนกลางคืนอย่างน้อย 8 ชม. กลางวัน 1-2 ชม.

ส่วนการรักษาด้านอื่นๆ ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้ลูกตัวเล็ก เช่น เลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหล้า เลิกสารเสพติด ใช้แอสไพรินแก้ไขปัญหาเรื่องความผิดปกติด้านการแข็งตัวของเลือด ส่วนโรคประจำตัวของคุณแม่ก็ต้องให้คุณหมออายุรกรรมช่วยดูแลควบคู่กันไป ถ้าเป็นการติดเชื้อหรือโครโมโซมผิดปกติ ก็มักจะทำอะไรไม่ค่อยได้ นอกจากการนอนพักผ่อนให้เต็มที่ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ช่วย เพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง หนักตามเกณฑ์ และออกมาแข็งแรงสมบูรณ์ ได้แล้วล่ะค่ะ

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


ขอขอบคุณบทความจาก : คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ , www.breastfeedingthai.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up