ตั้งครรภ์ 39-40 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 39-40 สัปดาห์ ถือเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่คงจะทั้งตื่นเต้นที่ได้เห็นหน้าลูกและกังวลใจเรื่องการคลอดไปพร้อมกัน แต่อย่ากังวลใจไปค่ะ มาดูว่าในช่วงนี้จะมีสัญญาณที่บอกเรื่องการคลอดอะไรบ้าง เพื่อให้คุณแม่ได้เตรียมพร้อมรับมือได้อย่างดีที่สุด

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 39-40 สัปดาห์

 

พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 39-40 สัปดาห์


อาการคนท้อง 39-40 สัปดาห์

  • สัญญาณบอกเตรียมคลอด

ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ของคุณแม่จริงๆ ค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาทองที่ลูกน้อยพร้อมจะคลอดเมื่อไรก็ได้ ซึ่งจะมีสัญญาณต่างๆบ่งบอกล่วงหน้า สัญญาณที่ว่านี้มีอะไรบ้างนะ

  • มูกเลือดออกจากช่องคลอด

คุณแม่อาจพบว่ามีหยดเลือดสีชมพู สีแดง หรือสีน้ำตาล ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้คลอดในอีกไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว โดยปกติหากยังไม่ถึงเวลาคลอด ปากมดลูกจะยังไม่เปิดและมีมูกข้นเหนียวคอยปิดไว้เพื่อช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าไป แต่เมื่อใกล้คลอด ปากมดลูกจะบางลงและนิ่มขึ้น เส้นเลือดบริเวณนั้นจึงฉีกขาด ทำให้มูกข้นที่หลุดออกมามีเลือดปน

  • ท้องลด

เพราะลูกน้อยเคลื่อนที่ลงต่ำ โดยไปอยู่ในบริเวณเชิงกราน ทำให้ท้องของคุณแม่ที่ยื่นขึ้นย้อยต่ำลง ในท้องแรก ท้องมักจะย้อยต่ำลงในช่วงก่อนคลอด 2-4 สัปดาห์ แต่ในท้องที่สองพบว่า ท้องกลับไม่ย้อยต่ำลงเลยจนกว่าจะคลอด นั่นเพราะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของคุณแม่ขยายไปตั้งแต่ท้องแรก จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวก่อนนั่นเอง

  • เจ็บจี๊ดเหมือนไฟช็อต

เมื่อลูกน้อยเคลื่อนต่ำลงมาบริเวณเชิงกราน ซึ่งเป็นจุดรวมของเส้นประสาทต่างๆ มากมาย จึงทำให้เกิดอาการเจ็บจี๊ดเหมือนไฟช็อตบริเวณอุ้งเชิงกรานลงไปถึงขา ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนคลอด 2 สัปดาห์ อีกทั้งยังทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ติดตาม อาการคนท้อง 39-40 สัปดาห์ คลิกต่อหน้า 2

    ตั้งครรภ์ 37-38 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

    พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 37-38 สัปดาห์ นี้ คุณแม่จะหายใจสะดวกขึ้นเพราะท้องลด รวมทั้งคุณหมออาจจะนัดคุณแม่เพื่อตรวจถี่ขึ้นด้วย ไปดูกันค่ะว่าคุณหมอจะนัดตรวจอะไร และลูกน้อยของแม่จะเตรียมพร้อมคลอดแล้วหรือยัง

    พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 37-38 สัปดาห์

     

    พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 37-38 สัปดาห์


    อาการคนท้อง 37-38 สัปดาห์

    • ตรวจครรภ์ถี่ขึ้น

    ตั้งแต่อายุครรภ์คุณแม่เข้าสู่ไตรมาสที่สาม คุณหมอมักจะนัดตรวจครรภ์ถี่ๆ ขึ้นทุก 1-2 สัปดาห์ โดยตรวจหาไข่ขาวในปัสสาวะ ตรวจวัดความดันโลหิต และติดตามอาการบวมต่างๆ เพื่อตรวจเช็กอาการครรภ์เป็นพิษ และความพร้อมก่อนคลอด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายต่างๆ รวมถึงตรวจว่าลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อช่วยในการวางแผนการคลอด ประเมินผลสุขภาพและติดตามดูแลลูกน้อยในครรภ์คุณแม่ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการคลอดคุณภาพ ที่จะทำให้คุณแม่และลูกน้อยแข็งแรงปลอดภัยมากที่สุด

    • ท้องลด

    เมื่อลูกน้อยกลับตัว เอาศีรษะลงในอุ้งเชิงกรานคุณแม่แล้ว คุณแม่จะรู้สึกเบาสบายบริเวณลิ้นปี่ รู้สึกหายใจสะดวกขึ้น  แต่คุณแม่บางคนอาจยังไม่มีอาการท้องลดในช่วงนี้ แต่ท้องจะไปลดในช่วงใกล้เจ็บครรภ์คลอดก็ได้ค่ะ

    • ขยันก่อนคลอด

    อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่บางท่าน เนื่องจากเห็นว่าช่วงนี้ยังพอมีเวลาที่จะจัดห้อง จัดบ้านเพราะกลัวว่าหลังคลอดจะไม่มีเวลาทำ จึงขยันทำงานบ้านได้ แต่ขอแนะนำว่าคุณแม่ควรงดการจัดบ้านและกิจกรรมงานเหล่านี้ แล้วเก็บออมแรงและพลังงานไว้เพื่อใช้ในการคลอดจะดีที่สุดค่ะ

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    ติดตาม อาการเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ รีบหาหมอด่วน คลิกต่อหน้า 2

      ตั้งครรภ์ 35-36 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

      พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 35-36 สัปดาห์ ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ใกล้จะได้เห็นหน้าลูกน้อยกันแล้ว มาดูกันค่ะว่า คุณแม่จะมีอาการอะไรและลูกน้อยจะเก่งและเติบโตได้แค่ไหนกันแล้ว

      พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 35-36 สัปดาห์

       

      พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 35-36 สัปดาห์

       

      อาการคนท้อง 35-36 สัปดาห์

      •  มีอาการเจ็บและชา

      อาการเจ็บๆ ปวดๆ ตามร่างกาย คงเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายของคนท้อง เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น อาการเจ็บปวดของคุณแม่ก็ดูจะเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย มาในสัปดาห์นี้ นอกจากอาการปวดบริเวณหลังหรือขาแล้ว ยังมีอาการปวดและชาที่นิ้วมือ ฝ่ามือ และข้อมือเพิ่มขึ้นมาด้วย

      สาเหตุที่เกิดอาการชานั้นมาจากมีเลือดจำนวนมากมาคั่งบริเวณข้อมือ ทำให้เกิดแรงกดที่ช่องใต้กระดูกข้อมือ จนไปบีบรัดเส้นประสาท จึงทำให้เกิดอาการเหน็บชาและเจ็บจี๊ดเหมือนโดนเข็มแทง

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

      อาการนี้คงทำให้คุณแม่ท้องรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญไม่น้อย เรามาดูวิธีบรรเทากันดีกว่าค่ะ

      1. ลองสวมใส่อุปกรณ์พยุงข้อมือ (แบบเดียวกับที่ใช้ในผู้ที่มีกล้ามเนื้ออักเสบ) เพื่อช่วยให้ข้อมือเคลื่อนไหวน้อยลง ซึ่งมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ แต่อุปกรณ์นี้สวมใส่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควรใส่ตลอดทั้งวัน เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
      2. นำหมอนมารองข้อมือขณะนอนหลับ
      3. หากคุณแม่ต้องทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวข้อมืออย่างต่อเนื่อง เช่น การพิมพ์คีย์บอร์ด อย่าลืมพักบ่อยๆ และบีบ-คลาย เพื่อผ่อนคลายข้อมือเสมอๆ

      ติดตาม อาการสำคัญอื่นๆ และโภชนาการแม่ท้อง ไตรมาสสาม คลิกต่อหน้า 2

        เปิดตัวรถ DG Yummy Truck

        บริษัทแปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้นำเข้านมแพะผงสำหรับทารกและเด็กเล็กคุณภาพดีจากประเทศนิวซีแลนด์ แบรนด์ดีจี ได้ทำการเปิดตัวรถ DG Yummy Truck นำโดยคุณพาทริค โรมัน บรูล์มาน CEO

        ซึ่งเป็นรถที่จะสร้างความสุขให้เด็กๆและครอบครัว ในรถจะมีนมแพะดีจี ไอศครีมและแพนเค้กสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของนมแพะดีจีที่มีรสชาติดี หอม อร่อย มาแจกเด็กๆในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

        โดย DG Yummy Truck เปิดตัวครั้งแรกที่แรกในงาน Amarin baby and kid fair ครั้งที่ 9 ที่ไบเทคบางนา

        มีคุณนุ้ย สุจิตราและครอบครัว คุณปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ และ น้องรดา มาร่วมแสดงความยินดีด้วย

          ตั้งครรภ์ 33-34 สัปดาห์ และพัฒนาการทารกในครรภ์

          พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 33-34 สัปดาห์ เป็นช่วงที่คุณแม่ใกล้คลอดเข้ามาทุกที โดยคุณแม่บางท่านจะเริ่มมีอาการเจ็บครรภ์เตือนกันแล้ว อยากรู้ไหมคะว่ามีอาการอย่างไร ไปติดตามกันได้เลยค่ะ

          พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 33-34 สัปดาห์

           

          พัฒนาการ การตั้งครรภ์ 33-34 สัปดาห์

           

          อาการคนท้อง 33-34 สัปดาห์

          • เท้าบวม

          สาเกตุเกิดจากน้ำหนักครรภ์ของคุณแม่ไปกดหลอดเลือดดำใหญ่ด้านหลังลำตัว ทำให้เลือดเดินกลับขึ้นเข้าสู่หัวใจไม่สะดวก ซึ่งนอกจากเท้าบวมแล้วคุณแม่อาจมีอาการหน้าแข้งบวมด้วยได้ ซึ่งหากสังเกตว่ามีอาการเท้าบวมมาก ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นส่วนหนึ่งของครรภ์เป็นพิษได้

          • ปวดหน่วงเชิงกราน

          เกิดจากบริเวณข้อต่อของกระดูกเชิงกรานหย่อนตัว ทำให้คุณแม่มีอาการปวดหน่วงเชิงกราน เวลาเปลี่ยนอิริยาบถได้

          • รกสมบูรณ์

          รกของคุณแม่ที่เป็นระบบสำคัญในการหล่อเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์จะสมบูรณ์เต็มที่ พร้อมกับสร้างฮอร์โมนต่างๆ มากขึ้นเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ ช่วยในการขยายตัวของมดลูกและเตรียมพร้อมเพื่อการคลอดของคุณแม่

          อาการอื่นๆ ได้แก่

          • หายใจลำบาก หายใจไม่ทัน หอบ เพราะมดลูกที่มีขนาดใหญ่และลูกน้อยไปเบียดปอดของคุณแม่
          • เริ่มมีน้ำนมเหลืองไหลออกมาจากหน้าอก
          • ปวดปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะเล็ดเมื่อหัวเราะหรือจาม
          • ปวดหลัง ปวดขา หรือข้อต่างๆ ทำให้นอนหลับยากขึ้นและอ่อนเพลีย
          • สะดือคุณแม่จะตื้นขึ้น และมีสีคล้ำลง และเส้นดำกลางลำตัวก็จะมีสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          ติดตาม พัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงของแม่ท้อง คลิกต่อหน้า 2

            เทคโนโลยีใหม่ ตรวจครรภ์เป็นพิษ รวดเร็ว แม่นยำ

            คุณอาจไม่ทราบว่า… คุณแม่ตั้งครรภ์ในประเทศไทยมีภาวะครรภ์เป็นพิษถึง 5-8% และมีคุณแม่ตั้งครรภ์ถึง 10-15% ที่เสียชีวิตจากภาวะนี้ ดังนั้นภาวะครรภ์เป็นพิษ จึงเป็นภาวะที่อันตรายมากต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และชีวิตของลูกน้อยในครรภ์ แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยี ตรวจครรภ์เป็นพิษ เพื่อทราบความเสี่ยงและความรุนแรงของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งจะทำให้แพทย์ได้ติดตามอาการ และวางแผนการดูแลรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองให้ลูกน้อยมีความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น

            เทคโนโลยีใหม่ ตรวจครรภ์เป็นพิษ รู้เร็ว รู้ไว

             

            ตรวจครรภ์เป็นพิษ

            ภาวะครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia) เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตทั้งคุณแม่และลูกน้อย  สำหรับสาเหตุของครรภ์เป็นพิษ ยังไม่ทราบแน่ชัดนัก แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการพัฒนาของรกที่ผิดปกติ และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น

            • ตั้งครรภ์ในขณะอายุน้อยกว่า 20 ปี
            • ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 40 ปี
            • เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก
            • มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
            • ตั้งครรภ์แฝด
            • เคยมีประวัติครรภ์เป็นพิษ หรือโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัว
            • มีประวัติการตั้งครรภ์โดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
            • มีภาวะเลือดแข็งตัวง่าย
            • มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไต เบาหวาน โรคแพ้ภูมิตนเอง (SLE) หรือ ข้ออักเสบรูมาตอยด์

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            ติดตาม เทคโนโลยีใหม่ รู้เร็ว รู้ไว ความเสี่ยง ครรภ์เป็นพิษ คลิกต่อหน้า 2

              ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พ่อแม่สร้างได้

              เด็กวัย 3 – 6 ปี เป็นวัยแห่งการค้นคว้า อยากรู้  อยากลอง และเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาพาลูกไปในที่ใหม่ๆ เขาจะซักถามถึงสิ่งที่พบเห็น สำหรับเด็กที่สนใจเรื่องการทดลองและวิทยาศาสตร์ วันนี้เราจะมาแนะนำ ห้องทดลองใกล้ตัวกันค่ะ เราจะชวนคุณพาลูกมาทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ในห้องครัว อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ในห้องครัวนี่แหละ มีเรื่องราววิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจหลายอย่างทีเดียว รวมถึงสวนหน้าบ้าน ก็เป็นพื้นที่ที่ดีต่อการเรียนรู้ของลูกด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

              ห้องครัว

              1. น้ำ  –  เรียนรู้สถานะของน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิ  เป็นได้ทั้งของแข็งและของเหลว ทดสอบได้ด้วยการนำน้ำใส่ภาชนะแล้วนำไปแช่เย็นในช่องฟรีซ  ลูกจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากน้ำที่ไหลผ่านทุกอย่างได้กลายเป็นน้ำแข็ง และเมื่อนำไปต้ม น้ำแข็งจะละลายกลายเป็นน้ำ  และระเหยกลายเป็นไอจนหมด
              1. ไข่ – ที่ลูกชอบกินบ่อยๆ ในครั้งนี้เราให้คุณแม่เตรียมไข่ไว้ 2 แบบทั้งแบบดิบและแบบต้ม ให้ลูกลองจับและเขย่าดูว่าไข่ทั้งสองแบบนี้ แตกต่างหรือเหมือนกันยังไงบ้าง หลังจากนั้นอาจจะลองให้เขาลองตอกไข่ดู สถานะของไข่จะแตกต่างจากน้ำ เพราะเมื่อนำไข่ไปผ่านความร้อนเราจะได้ไข่ต้ม ไม่เหมือนน้ำที่โดนความร้อนแล้วจะระเหยไป
              1. รสชาติ – ด้วยการนำน้ำตาล มะนาว เกลือ มาให้ลูกลองทดสอบดู อาจลองให้ลูกสัมผัส ชิม และบอกว่าแต่ละอย่างที่ชิมไปนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง

              สวนนอกบ้าน
                       หากที่บ้านของคุณปลูกต้นไม้  มีสนามหญ้า  มาชวนลูกออกไปเป็นนักสำรวจนอกบ้านกันดีกว่า เตรียม พร้อมอุปกรณ์ พลั่ว ส้อมพรวนดิน หรือกิ่งไม้อันเล็กๆ ไปด้วย ดูกันว่าสวนในบ้านมีสิ่งมีชีวิตอะไรอาศัยอยู่บ้าง เช่น หนอน เต่าทอง นก แมลง เป็นต้น  ลูกจะได้สัมผัสจับดิน ต้นไม้ ใบไม้ รู้จักว่าใบไม้มีรูปทรงที่ไม่เหมือนกัน ได้เรียนรู้ว่าต้นไม้ที่ได้รับน้ำอย่างพอเหมาะจะมีการเจริญเติบโต แตกต่างจากต้นไม้ที่ไม่ได้รดน้ำเป็นเวลานานจะแห้งเหี่ยว ไม่มีดอกไม้   เป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่ไม่น่าเบื่อ ช่วยฝึกให้เขารู้จักการสังเกต  รู้จักตั้งคำถามและหาคำตอบ ช่วยให้ลูกฝึกการคิดเป็นระบบช่วยพัฒนาสมองได้ดี

              ข้อควรระวัง
                       ถึงแม้ว่าการทดลองวิทยาศาสตร์ทั้งในห้องครัวและสวนนอกบ้านจะดีต่อพัฒนาการของลูกมากๆ แต่ก็ต้องระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกด้วย ทุกกิจกรรมคุณพ่อหรือคุณแม่ควรทำไปพร้อมกับลูกอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ควรอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่าสิ่งไหนอันตรายไม่ควรจับหรือเข้าใกล้  เช่น เมื่อเราอยู่ในห้องครัวสิ่งที่ลูกห้ามจับ และต้องระวังเป็นพิเศษ  เช่น  มีด เตาแก๊ส กระติกน้ำร้อน เป็นต้น หรือสวนนอกบ้าน ก็ต้องมั่นใจว่าเป็นสวนที่ได้รับการดูแลอยู่เสมอ ไม่รกทึบจนมีสัตว์อันตรายแอบแฝง อยู่   พื้นต้องไม่ขรุขระจนทำให้ลูกสะดุดหกล้มได้

              อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญและควรมีติดบ้านไว้  คือ กล่องปฐมพยาบาล เมื่อลูกอยู่ในวัยที่พร้อมจะเรียนรู้จนบางครั้งก็ไม่ทันคิดว่าสิ่งที่ทำบางทีก็นำมาซึ่งอุบัติเหตุให้ตัวเองได้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจะสามารถช่วยปฐมพยาบาลลูกเบื้องต้นได้ หรือหากแผลไม่ใหญ่มากสามารถทำแผลเองได้เลย สิ่งที่ต้องใช้คือ น้ำเกลือล้างแผล  ครีมที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยทำลายเชื้อที่บริเวณบาดแผล และสารที่ช่วยเร่งกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ โดยไม่ทำให้ลูกรู้สึกแสบ สำหรับใช้ทาแผลตามผิวหนังภายนอกร่างกายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น แผลถลอก แผลจากของมีคมบาด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ผิวหนังอักเสบ  ส่วนอุปกรณ์ทำแผลที่ควรมีติดตู้ยาไว้ เช่น  พลาสเตอร์ยา สำลี ผ้าก๊อซ เทปปิดผ้าก๊อซ เป็นต้น

              ชวนลูกเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างสนุก ความปลอดภัยของลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยนะคะ

                3 โรคที่แม่ป่วย ต้องระวัง อยู่กับลูกอย่างไรไม่ให้ลูกติดเชื้อ

                แม่ลูกอ่อนเป็นหวัด ต้องระวัง… เพราะวัยทารกเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันโรคของลูกน้อยยังไม่สมบูรณ์ เด็กเล็กจึงติดเชื้อโรคติดต่อต่างๆ ได้ง่าย ซ้ำอาการยังอาจรุนแรงกว่าเด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานมากกว่า Continue reading “3 โรคที่แม่ป่วย ต้องระวัง อยู่กับลูกอย่างไรไม่ให้ลูกติดเชื้อ”

                  วิธีขอขมาพ่อแม่ เพื่อให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง เรื่องสำคัญที่ลูกควรทำ!

                  วิธีขอขมาพ่อแม่ คนเราเกิดมาย่อมมีผิดพลาดกันได้ แล้วแต่ว่าความผิดพลาดในครั้งนั้น สร้างความเสียใจให้กับใคร แต่ที่พบได้บ่อย นั่นก็คือการทำผิดพลาดกับคนในครอบครัว ซึ่งถ้าหากเป็นคนอื่น เพื่อน แฟน หรือเพื่อนร่วมงาน เราคงพูดคำว่าขอโทษ และบางครั้งอาจรุนแรงถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ แต่เมื่อคุณเป็นลูกที่ดื้อ เกเร หรือมีเรื่องที่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ ความสัมพันธ์ที่เป็นพ่อ แม่ ลูก ไม่สามารถตัดขาดได้

                  พิธีกรรม หรือ วิธีขอขมาพ่อแม่ จะไม่ถูกจัดขึ้นก็ได้ เพราะสำหรับพ่อแม่แล้ว ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ก็ย่อมให้อภัยลูกได้เสมอ แต่ในความเชื่อของคนไทย ถูกปลูกฝังและเน้นย้ำเรื่องความกตัญญู การกระทำที่ทำไม่ดีกับพ่อแม่ จึงจำเป็นต้องมีการขอโทษพ่อแม่อย่างเป็นพิธี เพราะไม่อย่างนั้น สิ่งที่ทำไปจะกลายเป็นกรรมไม่ดีที่ติดตัวลูก ชีวิตจะเจอแต่ปัญหาอุปสรรค และนั้นก็ยิ่งอาจทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์มากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นลูกไม่มีความสุข

                  การขอขมาพ่อแม่ จึงเป็นวิธีอย่างหนึ่งเพื่อให้ความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตลูก ซึ่งสามารถทำได้ทุกเวลา ทุกเทศกาล ไม่ใช่เฉพาะวันพ่อ วันแม่ เท่านั้น เพราะใน 1 ปีที่ผ่านมา เราไม่อาจรู้ได้ว่า มีสิ่งใดบ้างที่เราทำลงไป และเป็นเหตุให้พ่อแม่ไม่พอใจ ไม่สบายใจบ้าง ไม่ว่าโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม และการขอขมาพ่อแม่ ยังเป็นแสดงออกถึงความสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาอีกด้วย ซึ่งการขอขมาพ่อแม่สามารถทำได้ทุกวัน

                  ดังนั้นหากใครที่อยากขอขมาในสิ่งที่ทำไม่ดีกับพ่อ-แม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว ลองมาดู วิธีขอขมาพ่อแม่ และบทสวดขอขมากรรม ที่เรานำมาฝากกันค่ะ

                  วิธีขอขมากรรมพ่อแม่ ที่ถูกต้องตามหลัก

                  สิ่งที่ต้องเตรียมในการขอขมาพ่อแม่

                  1. พานธูปเทียนแพ และพวงมาลัย ที่มีดอกมะลิ 1 พวง

                  2. เงินใส่ซองจำนวนหนึ่ง (ตามความเหมาะสมของแต่ละคน) ถือเป็นการซื้อชีวิตใหม่จากพ่อแม่

                  3. ชุดใหม่ให้พ่อแม่ (นิยมเป็นชุดนอน และอาหารที่ท่านชอบ)

                  4. กะละมังใบใหม่ใส่น้ำอุ่น น้ำลอยดอกมะลิ หรืออาจจะเป็นน้ำใส่น้ำอบให้หอม ๆ

                  5. ผ้าเช็ดมือ เช็ดเท้าผืนใหม่

                  6. ผ้าขาวดิบ , ถาดใส่ของ (วางทับด้วยผ้าขาวดิบ)

                  7. สถานที่ทำพิธีขอขมา ควรเป็นกลางแจ้ง พร้อมวางเก้าอี้สำหรับให้พ่อแม่นั่งทำพิธี

                  วิธีขอขมาพ่อแม่

                  วิธีขอขมาพ่อแม่ หมายเหตุ : หากไม่มี หรือไม่สามารถ เตรียมตามความพร้อมทั้งหลายเหล่านี้ได้ ลูกๆสามาถกระทำเพียงน้อมจิตตั้ง นะโมฯ ทำการกล่าวคำสมาลาโทษได้เลย

                  และเมื่อเตรียมอุปกรณ์กันเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนและพิธีกันค่ะ

                  อ่านต่อ >> ขั้นตอนการทำพิธีในการขอขมาพ่อแม่” คลิกหน้า 2

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                    ไวรัส RSV

                    ไวรัส RSV วายร้ายต่อสุขภาพของเด็กเล็ก!!

                    ไวรัส RSV เวลาที่เด็กๆ เจ็บป่วย ยิ่งโดยเฉพาะกับลูกวัยเล็กๆ นี่น่าสงสารมากค่ะ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องสื่อสารบอกพ่อแม่ยังไงว่าเขาเจ็บ หรือปวดตรงไหน ที่ทำได้คือร้องไห้งอแงเพราะพิษไข้  ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะมาชวนพ่อแม่ให้ตระหนักถึงไวรัสร้ายที่พร้อมจะทำลายสุขภาพของลูกได้ทุกโอกาสหากร่างกายอ่อนแอ นั่นคือ RSV ไวรัส!!!

                     

                    ไวรัส RSV วายร้ายสุขภาพที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

                    สองสามวันก่อนผู้เขียนไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และต้องผ่านแผนกเด็กด้วย ซึ่งก็เห็นว่ามีเด็กเล็กรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กๆ ที่บ้าน ก็เลยสอบถามพยาบาลว่าทำไมเด็กๆ ป่วยกันมากจัง ก็ได้ความว่ามีเด็กๆ อยู่หลายคนที่ป่วยด้วยอาการหวัดแล้วมีอาการแทรกซ้อนลามเป็นRSV เราก็ตกใจ ว่าเอ๊ะ!! RSV ส่วนมากจะก่อโรคระบาดในช่วงหน้าฝนนี่นา จนสอบถามได้ความว่า เด็กๆ สามารถป่วยด้วย RSV ได้ถ้าร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการหวัด หายใจไม่สะดวกเป็นทุนเดิมอยู่ด้วย

                     

                    Must Read >> อัพเดทอาการ น้องแมกซ์เวลล์ติดเชื้อ ไวรัส RSVลามลงปอด

                     

                    แต่รู้ไหมคะว่าเจ้าไวรัส RSV นี่เรียกได้ว่าวายร้ายทำลายสุขภาพของเด็กๆ ได้อย่างร้ายกาจมากค่ะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่พ่อแม่ทุกคนจะมองข้ามกันได้เลยแม้แต่นิดเดียว  เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับไวรัส RSV กันให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ เพื่อจะได้ป้องกันลูกหลานของเราทุกคนให้ปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วยด้วยไวรัสร้าย RSV !!

                     

                    อ่านต่อ >> “RSV มีอาการอย่างไร?” หน้า 2

                     

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      พัฒนาการกล้ามเนื้อ

                      พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ตั้งแต่ลูกแรกเกิด จนกระโดดได้

                      เท้าและขาเป็นส่วนสำคัญสำหรับก้าวเดินแรกของมนุษย์ เพราะฉะนั้นมาทำความเข้าใจ พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขาของเด็กๆ กันดีกว่า ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปติดตาม พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ของลูกน้อย กันค่ะ 

                      พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ของลูกน้อย

                      ทารก 0-3 เดือน

                      พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ของเด็กวัยแรกเกิด ลูกน้อยแสดงออกถึงความสนุกด้วยการขยับทั้งตัว ทั้งแขน และขา ไม่ได้สะบัดหัวเข่าอย่างเดียว เนื่องจากตามพัฒนาการแล้ว เด็กวัยเบบี๋ยังคุมกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ไม่ดี เวลาดีใจหรือตื่นเต้น จึงขยับร่างกายทั้งแขนและขา

                      ทารก 4-6 เดือน

                      ทารกน้อยชอบการเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ๆ  สามารถใช้ขาทั้งสองข้างเป็นฐานเพื่อพยายามนั่งทรงตัว แต่ยังคงต้องมีสิ่งประคองไว้ เพื่อไม่ให้ล้ม เพราะด้วยวัยนี้ เขาจะต้องควบคุมกล้ามเนื้อช่วงตัวให้ได้ดีก่อนจึงยังนั่งเองไม่ได้

                      ทารก 7-9 เดือน

                      ลูกวัยนี้นั่งเองได้โดยไม่ต้องประคอง พัฒนาการกล้ามเนื้อดีขึ้น ลูกสามารถควบคุมกล้ามเนื้อช่วงตัวได้ดีแล้ว และจะเริ่มยืนโดยต้องเกาะ เพราะการควบคุมกล้ามเนื้อขายังไม่ดี นั่นคือ พอทำได้ แต่ยังไม่ดี จึงต้องเกาะสิ่งของเพื่อการประคองตัวเอาไว้ในขณะที่ยืน คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังไม่ให้เขาคลาดสายตาเพราะอาจเกิดอันตรายได้

                      ทารก 10-12 เดือน

                      หนูน้อยในวัยนี้จะเริ่มเกาะเดินมากกว่า แต่บางคนอาจยืนได้และเริ่มก้าวเดินด้วยตนเองโดยไม่ต้องเกาะได้ แต่น่าจะเดินได้แค่ 2-3 ก้าว เมื่อการควบคุมกล้ามเนื้อขาและเท้าดีขึ้น ก็จะเริ่มทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากนั่งโดยต้องพยุง นั่งเอง เกาะยืน เกาะเดิน เดินเอง วิ่ง เพราะ พัฒนาการกล้ามเนื้อ ขาและเท้าดีขึ้นเรื่อยๆ

                       

                      บทความแนะนำ ช่วยฝึกลูกนั่ง คลาน ยืน เดิน อย่างถูกวิธี และไม่เร่งลูก

                       อ่านต่อ >> “พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ลูกน้อย” หน้า 2

                       

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        เทคนิค “จับ-จด” เปลี่ยนชีวิต สร้างนิสัยรู้จักคิด หยุดวิกฤติลูกงอแงร้องซื้อของเล่นได้ผลชะงัด!

                        ลูกร้องซื้อของเล่น …เพราะเด็กๆ กับของเล่นเป็นของคู่กันเพราะงานหลักของเด็กคือการเล่นและการเล่นคือการเรียนรู้ …ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเล่น แต่ไม่อยากซื้อของเล่นให้ลูกจะทำอย่างไร? ไม่อยากให้ลูกฟุ่มเฟือยจะทำอย่างไร? และของเล่นลูกต้องเยอะแค่ไหนถึงจะพอ?

                        จริงอยู่ว่าสำหรับเด็กๆ แล้วการเล่นนั้นมีประโยชน์มากมาย เพราะจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กรอบด้านไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านร่างกายอารมณ์จิตใจสังคมภาษากระบวนการรู้คิดและทักษะสมอง EF แต่การเล่นก็อาจเสริมสร้างนิสัยที่ไม่เหมาะสมได้เช่นกันหากเรามองข้ามเรื่องการสอนวินัยกฎกติกาและมารยาทให้กับลูก

                        Good to know : การฝึกทักษะสมอง EF เพื่อสร้างนิสัยให้ลูกรู้จักคิด Executive Function (EF) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา การวางเป้าหมาย การวางแผนการปฏิบัติ การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา เป็นความสามารถในการควบคุมความคิดตนเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อน

                        ลูกร้องซื้อของเล่น

                        โดยปกติ เวลาเด็กส่วนใหญ่เจอของเล่นก็อยากได้เป็นธรรมดา พฤติกรรมที่เด็กเรียกร้องแล้วร้องไห้ลงไปนอนดิ้นกับพื้นแล้วกรี๊ดก็พบเห็นได้บ่อย คำถามก็คือแล้วทำไมลูกของเราถึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ ผู้เป็นพ่อแม่ต้องมองย้อนกลับมาดูว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทำให้ลูกมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่

                        ซึ่งส่วนใหญ่พ่อแม่ที่มีลูกน้อยมีพฤติกรรมแบบนี้ มักเกิดคำถามว่าทำไมลูกเราถึงเป็นแบบนี้ และพยายามหาวิธีจัดการแก้ปัญหา หรือปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของลูกออกไปให้ได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรเปลี่ยนวิธีคิด จากที่ว่าจะจัดการพฤติกรรมของลูกอย่างไร มาเป็นการปรับพฤติกรรมของตัวเราเองกันก่อน ดังนี้

                        1. ตรวจสอบตัวเอง

                        พ่อแม่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า เราเป็นพ่อแม่ที่มักจะตามใจลูกอยู่เสมอหรือไม่ ลูกอยากได้อะไรก็ไม่ค่อยขัด ถ้าใช่แล้วล่ะก็ต้องปรับตัวเองก่อนว่าจากนี้ไปจะไม่ตามใจลูกพร่ำเพรื่อ ควรจะมีขอบเขตบ้าง บางอย่างก็ต้องขัดใจบ้าง แต่เวลาขัดใจต้องอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่าเพราะอะไร เช่น ของเล่นชนิดนี้หนูมีหลายชิ้นแล้ว หรือไม่ก็ต้องบอกว่าลูกมีของเล่นมากแล้ว เราลองเอาของเล่นที่มีอยู่มาปรับเปลี่ยนวิธีเล่น หรือพ่อแม่ก็สามารถร่วมเล่นกับลูกด้วย

                        ♥ บทความแนะนำน่าอ่าน!“เล่นสมมติ” ดีต่อลูกเล็กครบทั้งกาย ใจ สมอง แถมสนุกไม่ธรรมดา!
                        ♥ บทความแนะนำน่าอ่าน!การเลือกของเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

                        อ่านต่อ >> “เทคนิคหยุดวิกฤติลูกงอแงร้องซื้อของเล่นได้ผลชะงัด” คลิกหน้า 2

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          ลูกอ้วกบ่อย

                          ลูกอ้วกบ่อย อาการที่ไม่น่าไว้ใจ

                          ลูกอ้วกบ่อย ในเด็กเล็กมักพบว่ามีการอาเจียนเกิดขึ้นได้ ซึ่งการที่เด็กอ้วกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งปกติแล้วหากเด็กสบายดี กินอิ่ม นอนหลับ จะไม่มีการอาเจียน ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกอาเจียนขึ้นมาบ่อยๆ ควรต้องรีบหาสาเหตุทันที ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีสาเหตุที่ ลูกอ้วกบ่อย มาให้ทราบเพื่อจะได้รับมือ และป้องกันได้อย่างถูกต้องค่ะ

                           

                          ลูกอ้วกบ่อย เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?

                          การอาเจียน(vomiting) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “อ้วก” หากเกิดขึ้นมักมีสาเหตุที่ทำให้อาเจียนออกมาเสมอ จากสาเหตุเล็กน้อย ไปจนถึงสาเหตุหนัก ยิ่งกับเด็กๆ เมื่ออ้วกทีไร คุณแม่มักเป็นกังวลกันอย่างมาก และเพื่อให้สามารถรับมือกับอาการอาเจียนของลูกๆ ก่อนอื่นเราไปหาสาเหตุปัจจัยที่สามารถทำให้ลูกอ้วกกันก่อนค่ะ

                          1. อาเจียนจากท้องเสีย

                          การที่ท้องเสียแล้วมีการอาเจียนร่วมด้วย สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยคครั้ง ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ต้องเฝ้าระวังลูก คือ ลูกมีอาการซึม ปวดหัว มีไข้ร่วมด้วยหรือไม่  แนะนำว่าหากลูกอ้วกพร้อมกับมีท้องเสีย ควรพาลูกไปพบคุณหมอทันที เพราะหากปล่อยไว้จะยิ่งทำให้ร่างกายลูกสูญเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างหนักได้ค่ะ

                           

                          2. อาเจียนมีเลือดปน

                          เวลาที่ลูกอ้วกออกมาแล้วมีเลือดปนมาด้วย ถือว่าอันตรายมาก เพราะอาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบ หรือเกิดจากหลอดอาหารอักเสบก็ได้  ซึ่งในกรณีที่ลูกอ้วกแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรต้องรีบพาลูกไปเช็ก อาการกับคุณหมอทันที

                           

                          3. อาเจียนที่มีอาการร่วมต่างๆ

                          คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูว่าถ้าจู่ๆ ลูกอ้วกออกมา แล้วตามมาด้วยการมีไข้ขึ้นสูง ลูกร้องงอแงมาก และถ้าลูกโตพอที่จะสื่อสารรู้เรื่อง มักจะพูดว่าเจ็บหัวๆ (ปวดศีรษะ) บวกกับมีการชักจากไข้สูง  ก็อาจเกิดจากการมีภาวะติดเชื้อในสมอง หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

                          หรือลูกอ้วกแล้วมีอาการอุจจาระร่วงร่วมด้วย อาจมีการติดเชื้อในลำไส้เกิดขึ้น

                          หรือลูกอ้วกแล้วมีอาการท้องอืด ลูกไม่ถ่ายอุจจาระ อาจเกิดจากภาวะลำไส้อุดตัน

                          หรือลูกอ้วกแล้วมีอาการปวดท้องหนัก อาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบ หรือท่อน้ำดีอักเสบ

                           

                          อ่านต่อ >> “ลูกอ้วกบ่อย เกิดจากสาเหตุใด” หน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม

                            12 กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม สนุกสร้างสรรค์ทั้งครอบครัว

                            กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม ช่วงเวลาปิดเทอมเป็นเรื่องที่เด็กๆ รอคอยกันมาก เพราะจะได้หยุดพักหลายเดือน และเพื่อไม่ให้การปิดเทอมของเด็กๆ ผ่านไปแบบไม่ได้สาระ พ่อแม่ควรหากิจกรรมทำร่วมกันกับลูก เพื่อให้การปิดเทอมเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาคุณภาพของครอบครัว ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม มาแนะนำกันค่ะ

                             

                            กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม  ทำไมถึงต้องมี “เวลาครอบครัว”

                            การใช้เวลาร่วมกันจะทำให้คนในครอบครัวรู้สึกสนิทสนมกัน ช่วยให้ลูกเรียนเก่งขึ้น มีทักษะผู้นำ และอยู่ห่างไกลความรุนแรง ยาเสพติด ปัญหาพฤติกรรม เช่น ก้าวร้าว ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กสมัยนี้ สิ่งบันเทิงใจ เช่น ทีวี วิดีโอเกม มือถือ มีส่วนสำคัญที่ทำให้หลายคนลืมหันมาใส่ใจและให้เวลากับคนใกล้ตัวในบ้าน

                            กินข้าวพร้อมหน้ากัน เล่าเรื่องที่เจอวันนี้ให้กันและกันฟัง แบ่งปันความทุกข์และสุขที่มี ช่วยกันทำงานบ้าน ทำป๊อปคอร์น นั่งดูหนังด้วยกัน ล้วนเป็นกิจกรรมครอบครัวแบบง่ายๆ และทำได้ทุกเมื่อ บางบ้านอาจกำหนดไปเลยว่าในทุกอาทิตย์ต้องมี 1 วันเป็นวันพิเศษสำหรับทำกิจกรรมสนุกๆ ในครอบครัว  และลองเลือกกิจกรรมที่จะต้องทำด้วยกันในช่วงปิดเทอมของลูก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสายใยรักความผูกพันของทุกคนในครอบครัวให้แนบแน่นมากขึ้น  ผู้เขียนก็มีลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียนด้วยเหมือน และทุกการปิดภาคเรียนเรามักจะไปเที่ยวทะเลกันทุกครั้งแล้วครอบครัวคุณละคะ มีกิจกรรมปิดเทอมสนุกๆ แบบไหนกันบ้าง หากยังไม่มีลองดูกิจกรรมสนุกสร้างสรรค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

                             

                            12 กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม สนุกสร้างสรรค์ทั้งครอบครัว

                            1. ดูโฮมวิดีโอ

                            เด็กทุกคนชอบเห็นตัวเองตอนเล็กๆ กันทั้งนั้นค่ะ เปิดคลิปน่ารักๆ ที่คุณถ่ายเก็บไว้ให้ลูกดู หรือถ้าจะลงแรงหน่อยก็ทำพรีเซนต์พัฒนาการความน่ารักของลูกตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ที่ลูกอยู่ในวัยเรียนกันแล้ว วิดีโองานแต่งของพ่อแม่ก็เป็นอีกเรื่องที่ลูกๆ ชอบกัน แต่ถ้าวิดีโอมีความยาวหลายชั่วโมง กดเลื่อนดูเฉพาะซีนเด็ดๆ ก็พอนะคะ

                             

                            กิจกรรมวันหยุดปิดเทอม
                            Credit Photo : Shutterstock

                             

                            2. ดูหนัง

                            ชวนทุกคนมาดูหนังด้วยกันในบ้าน แต่ไม่ใช่แค่ดูเฉยๆ หนังจบแล้วแยกย้ายนะคะ เลือกหนังที่มีประเด็นชวนคิดแล้วเปิดวงสนทนากันหลังดูจบ วิธีนี้เป็นการสอนให้เด็กๆ เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่า หนังสารคดีที่เหมาะกับช่วงวัยของลูกแนวๆ เปิดโลกกว้างก็เป็นตัวเลือกที่ดีและนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้

                             

                            อ่านต่อ >> “12 กิจกรรมสนุกวันหยุดปิดเทอม” หน้า 2

                             

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              แชร์ประสบการณ์! ลูกติด ipad เพราะแม่ใช้เลี้ยงตั้งแต่เล็ก เสี่ยงเป็นออทิสติก

                              ลูกติด ipad …ทุกวันนี้อุปกรณ์เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์เรามากขึ้น แม้กระทั่งเด็กๆ ตัวเล็กตัวน้อยก็มีแท็บเล็ต สมาร์ทโฟนใช้เล่นติดมือกันอย่างคล่องแคล่ว นั่นเป็นเพราะการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกน้อยอยู่กับสิ่งเหล่านี้เร็วก่อนวัยอันควร!

                              Continue reading “แชร์ประสบการณ์! ลูกติด ipad เพราะแม่ใช้เลี้ยงตั้งแต่เล็ก เสี่ยงเป็นออทิสติก”

                                ทารกนอนตะแคง

                                วิจัยชี้! ลูกน้อยนอนตะแคงดีต่อสมอง

                                ท่านอนตะแคงทารก ช่วยให้สมองดีได้ จริงหรือ? …เพราะการนอนหลับเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับลูกน้อย เพราะการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ และมนุษย์เราใช้เวลาเพื่อการนอนถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดที่มีในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นท่าที่ใช้นอนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะส่งผลให้ลูกน้อยนอนหลับสนิท ตลอดคืน และตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น แจ่มใส พร้อมที่จะเรียนรู้ในระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                ลูกหลับแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ลูกนอนท่าไหนดี

                                หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กล่อมลูกนอนได้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่มักกังวลกันนั้นก็ คือ ถ้าให้ลูกนอนท่านี้ เดี๋ยวหัวลูกจะไม่สวยหรือเปล่า หรือนอนท่าไหนถึงจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกได้ Amarin Baby & Kids มีคำตอบเกี่ยวกับท่านอนที่จะช่วยให้ลูกน้อยสมองดี หัวสวย และมีสุขภาพแข็งแรงหลังตื่นนอน เพื่อพร้อมเรียนรู้ มาฝากค่ะ

                                ♥ บทความแนะนำน่าอ่านแชร์ประสบการณ์ตรง!! สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อกล่อมลูกนอนหลับ
                                ♥ บทความแนะนำน่าอ่าน :  เพลงกล่อมเด็ก แบบไทยๆ ช่วยพัฒนาสมองและให้ลูกน้อยหลับสบาย

                                วิจัยชี้ ท่านอนตะแคงทารก ดีต่อสมอง

                                ท่านอนตะแคงทารก

                                มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสโตนีบรูค (Stony Brook University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารประสาทวิทยา (Journal of Neuroscience) เผยว่า สมองก็มีฟังก์ชันกำจัดขยะด้วยตัวเอง ผ่านระบบที่หมอตั้งชื่อว่า กลิมพาติก (Glymphatic System) ซึ่งทำงานคล้ายกับระบบต่อมน้ำเหลืองของร่างกาย โดยทุกคนให้ความสำคัญกับการค้นพบนี้ เพราะว่าขยะในสมอง เช่น อัลมีลอยด์ บีตา (Amyloid Beta) และโปรตีนเทา (Tau Proteins) เป็นตัวจุดชนวนโรคอัลไซเมอร์ และโรคระบบประสาทอื่นๆ

                                โดยระบบกลิมพาติก จะทำงานดีที่สุดขณะหลับ นักวิจัยจึงทำการทดลอง ผ่านการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อสำรวจเส้นทางของระบบนี้ในหนูทดลอง ขณะ นอนตะแคงข้าง นอนหงาย และนอนคว่ำ โดยเจ้าของงานวิจัย แพทย์หญิง ดร. เฮเลน เบนเวนิสเต อาจารย์มหาวิทยาลัย สรุปว่า หนูตัวที่นอนตะแคงข้าง สามารถกำจัดแอมีลอยด์ บีตาได้ดีกว่าถึงร้อยละ 25 และยืนยันว่า ขยะสมองเหล่านี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดในสมองโดยตรง

                                ดร. เฮเลนอธิบายว่า…

                                การนอนตะแคงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองไขสันหลัง ท่านี้จึงทำให้สมองกำจัดขยะได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคระบบประสาท นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน

                                อีกทั้ง ท่านอนตะแคงถือเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพที่สุด เพราะยังช่วยลดปัญหาการนอนกรน และดีต่อผู้ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับอีกด้วย

                                ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่อง “งานวิจัยเผย นอนตะแคงดีต่อสมอง” เผยแพร่ใน www.cheewajit.com
                                แหล่งที่มา : www.goodlifeupdate.com/

                                อ่านต่อ >> “ให้ลูกน้อยนอนตะแคงดีจริงหรือ” คลิกหน้า 2

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ตั้งชื่อลูก ชื่อพยางค์เดียว

                                  ตั้งชื่อลูก 70 ชื่อพยางค์เดียว เท่ๆ ง่ายๆ ความหมายดี

                                  ตั้งชื่อลูก เป็นหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญ พ่อแม่จึงควรจะรู้ว่าชื่อไหนที่เหมาะสมกับลูกน้อย โดยตามตำราไทยแล้ว ชื่อที่ดี ทุกตัวอักษร จะต้องสัมพันธ์กับวันเดือนปีเกิด จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการ ตั้งชื่อมงคลจริงๆ

                                  ในปัจจุบันการ ตั้งชื่อลูก ให้เป็นมงคล คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ตั้งชื่อ มักจะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขต่างๆ ก่อที่จะตั้งชื่อลูก ได้แก่ เพศของทารก วันเวลาเกิด ความหมายของชื่อ ความไพเราะของชื่อ ความแปลกใหม่ของชื่อ ชื่อของบุคคลในครอบครัวเดียวกัน นามสกุล การเลียนแบบชื่อผู้อื่น และเสียงต่าง ๆ ซึ่งในกรณีที่ชื่ออาจเกิดปัญหา โดยส่วนใหญ่มาจากการที่พ่อแม่นิยมตั้งชื่อด้วยตนเอง

                                  ตั้งชื่อลูก ชื่อพยางค์เดียว ความหมายเป็นมงคล

                                  ชื่อของคนเรานั้น มีอิทธิพลกับชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าชื่อใครมีอักษรกาลกิณีอยู่ด้วยแล้ว ชีวิตจะอับเฉา จะทำอะไรก็สำเร็จยาก มักจะเจอแต่อุปสรรคขัดขวางอยู่ตลอดเวลา

                                  ซึ่งการตั้งชื่อตามหลักทักษาปกรณ์ เพื่อให้ได้ชื่อที่มงคล ควรห้ามใช้อักขระ วรรคกาลกิณี ในชื่อ และเพศชายมักใช้ วรรคเดช นำหน้า ตามหลังหรือเป็นส่วนประกอบ ส่วนเพศหญิงมักจะใช้ วรรคศรี นำหน้า ตามหลังหรือเป็นส่วนประกอบ หรือใช้วรรคอื่นๆ นำหน้าชื่อก็ได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ ที่ดีๆ หรือแก้ข้อบกพร่อง ในชีวิต

                                  ♥ แนะนำบทความน่าอ่าน! : โปรแกรมตั้งชื่อลูก...ตัวช่วยพ่อแม่ยุคใหม่

                                  ความหมายของทักษาปกรณ์

                                  • บริวาร หมายถึง บุตร สามี ภรรยา ผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งคนที่เราต้องให้ความอุปการะภายในครอบครัวเราทุกคนด้วย
                                  • อายุ หมายถึง ชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนวิถีทางแห่งการดำเนินชีวิตของเรา
                                  • เดช หมายถึง อำนาจวาสนา เกียรติยศ ชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ การงาน ตลอดจนการศึกษาเล่าเรียน ความรักใคร่ เกรงกลัว
                                  • ศรี หมายถึง หลักทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้สอย สิริมงคล โชคลาภ ที่ได้มาเป็นสิ่งของต้องใช้จ่ายและที่จะได้ในภายหน้า
                                  • มูละ หมายถึง หลักทรัพย์เดิมที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาถึงตน และอยู่ในปัจจุบัน ตลอดฐานะญาติพี่น้องของเรา
                                  • อุตสาหะ หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร การทำงาน ผลสำเร็จจากการงาน รวมถึงการมีหัวคิดริเริ่ม และทิฐิมานะ
                                  • มนตรี หมายถึง ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู อัน ได้แก่ บิดามารดา อุปัชฌาย์ อาจารย์ ครู เจ้านาย และผู้ให้ความช่วยเหลือเราทุกคน
                                  • กาลกิณี หมายถึง ความชั่วร้าย ศัตรู คู่อาฆาต คนไม่ถูกกัน ความไม่ดีงามต่าง ๆ รวมทั้งอุปสรรคนานาประการที่มาในทางเลวร้าย ห้ามนำอักษรในวรรคกาลกิณี นี้มาตั้งชื่อ

                                  ตารางสรุป วรรคอักษรที่นำมานำหน้าชื่อ แบ่งอักษร ตั้งชื่อลูก ตามวันเกิด

                                  ตั้งชื่อมงคล

                                  อ่านต่อ >> “70 ชื่อจริงพยางค์เดียวเพราะ ๆ  สั้นง่าย ความหมายเป็นมงคล” คลิกหน้า 2

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    รวมวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ เมื่อ แม่ท้อง ไม่สบาย

                                    ยาม แม่ท้อง ไม่สบาย หรือเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ควรดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันจากป่วยเล็กๆ ไม่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ฉบับนี้จึงขอรวบรวมอาการต่างๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักพบเจอ พร้อมวิธีดูแลรักษาเบื้องต้นแบบง่ายๆ แต่ถูกต้องมาฝากกันค่ะ

                                    แม่ท้อง ไม่สบาย ดูแลตัวเองแบบนี้สิ!  

                                      

                                    แม่ท้อง ไม่สบาย

                                    1. แม่ท้อง เป็นไข้

                                    เมื่อตั้งครรภ์ ภูมิต้านทานในร่างกายของคุณแม่จะลดลงเป็นปกติอยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เมื่อติดแล้วก็มักจะหายช้ากว่าปกติ ยารักษาต่างๆ ก็ต้องใช้ยาที่อ่อนลงเพราะอาจกระทบกับลูกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ การเป็นไข้สูงนานๆ หัวใจของลูกจะเต้นเร็วมากขึ้น ส่งผลให้ลูกน้อยเจริญเติบโตช้าได้ด้วย

                                    หาสาเหตุ เป็นไข้จากอะไร

                                    โดยปกติอาการไข้มักเกิดจาก 3 สาเหตุด้วยกัน ได้แก่

                                    1. ไข้หวัด ซึ่งพบได้บ่อย มักมีอาการร่วมคือ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก

                                    2. ไข้จากการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะ อาการร่วมคือ ปัสสาวะขัดหรือผิดปกติ มีอาการหนาวสั่น

                                    3. ไข้จากระบบทางเดินอาหาร อาการร่วมที่เจอบ่อยๆ คือท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน

                                    ดังนั้น ในเบื้องต้นต้องรู้ว่าเราเป็นไข้จากสาเหตุอะไร จึงจะรักษาตามอาการได้ถูกต้อง

                                    ลดไข้ด้วยวิธีง่ายๆ  หลักการของการลดไข้คือ การระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้นวิธีไม่มีอะไรมาก ง่ายๆ ก็คือการเช็ดตัว เพราะการเช็ดตัวที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพจะช่วยบรรเทาอาการได้อย่างดี

                                    วิธีเช็ดตัวที่ถูกต้อง เช็ดตัวด้วยน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติเท่านั้น เวลาเช็ดให้เช็ดย้อนรูขุมขน และเช็ดเข้าหากลางลำตัวเป็นหลัก นอกจากนี้ควรใช้ผ้าซับบริเวณจุดระบายอุณหภูมิต่างๆ ได้แก่ ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ หรือข้อพับต่างๆ และควรเช็ดตัวบ่อยๆ จนอุณหภูมิลดลง  นอกจากเช็ดตัวแล้ว ควรดื่มน้ำมากๆ วันละ 6-8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำมาก ปัสสาวะก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยระบายความร้อนออกได้ดียิ่งขึ้น

                                    รักษาตามอาการ

                                    หากเจ็บคอ ดื่มน้ำผึ้งและน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นได้ หากคัดจมูก ควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ จะช่วยลดการอักเสบหรือบวมบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกได้ นอกจากนี้พยายามรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีมากขึ้นอย่างส้ม ก็จะช่วยได้ค่ะ

                                    ยาลดไข้ที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คือ พาราเซตามอล รับประทานได้ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง ส่วนยาแก้คัดจมูกกลุ่มคลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ก็รับประทานได้เช่นกัน

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    Q&A

                                    Q: หากแม่ท้องจำเป็นต้องดูแลคนเป็นไข้ ทำอย่างไรดี

                                    A: คุณแม่ควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย ไม่ควรดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ควรใช้ช้อนกลางเวลารับประทานอาหาร และอาหารต้องร้อนและปรุงสุกเสมอ

                                    Q: ไอมากๆ มดลูกบีบตัวได้ไหม

                                    A: ได้ เพราะการไอมากๆ จะไปเพิ่มแรงดันในช่องท้องทำให้มดลูกบีบตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุครรภ์น้อยๆ ในช่วง 12 สัปดาห์แรก อาจแท้งได้ หรืออายุครรภ์มาก 32 สัปดาห์ขึ้นไป ก็ทำให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน ดังนั้น หากมีอาการไอหนักมากๆ ควรไปพบแพทย์ เพราะจะมียาช่วยลดอาการไอได้ แต่หากต้องซื้อยาทานเอง ควรหลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

                                    ติดตาม คนท้อง ไม่สบาย ควรทำอย่างไร คลิกต่อหน้า 2